136
9.1 การพิมพจ ับเวลา 9.2 การฝกพฒั นาทักษะความเรว็ และความแมน ยาํ 9.3 แบบฟอรม ใบสถติ แิ บบ GWAM 9.4 แบบฟอรมใบสถติ ิแบบ NWAM 1. พิมพสมั ผสั แปนพิมพตา ง ๆ ตามหลกั การ 2. บาํ รุงรักษาเคร่ืองคอมพิวเตอรตามคูม อื 1. อธิบายความหมายและความสําคญั ของการพมิ พจ บั เวลา 2. ฝก พิมพจับเวลาเพื่อพัฒนาทักษะความเรว็ และความแมนยาํ 137
เมื่อผูเรียนไดเรียนรูการพิมพสัมผัสกับแปนอักษรมาจนครบแลวการพัฒนาทักษะความเร็วและความแมนยํา หมายถึงผเู รยี นจะตอ งฝก ปฏบิ ัตจิ นเกดิ ความชํานาญและสามารถพมิ พงานไดอยางมีประสิทธิภาพคือทํางานเสร็จภายใน เวลาทีก่ าํ หนด และผลงานที่ไดม ีมาตรฐานครบถวนสมบรู ณ “การพิมพจ ับเวลา” เปนเทคนิควิธีหน่ึงที่ผูสอนนิยมใชในการ สรางทักษะและความเร็วในการพิมพ ทั้งนี้เพ่ือเนนใหผูเรียนพิมพไดถูกตอง โดยการสรางความเร็วและความแมนยําไป พรอม ๆ กัน การที่พิมพเร็วมากเกินไป โดยไมคํานึงถึงความถูกตองก็ไมมีประโยชนท่ีจะพิมพเร็ว เพราะจํานวนคําสุทธิท่ี พิมพไดจะลดนอยลงไปตามสัดสวนของคําผิด นอกจากนี้การพิมพขอความตามแบบฝกพิมพไดถูกหมดหรือไมมีคําผิด เลย แตใชเวลาในการพิมพมากเกินไปหรือเกินกวาเวลาที่กําหนดไว ก็ไมควรปฏิบัติเพราะจะไมเกิดประโยชนเชนกัน สิ่งสําคัญท่ีสุดคือ จะตองพยายามพิมพใหมีคําผิดนอยท่ีสุด และจะตองคํานึงถึงเสมอวา ทักษะและความแมนยํา จะ เกิดข้นึ ได ถาผเู รยี นมคี วามพยายามและต้ังใจฝก พิมพอ ยางสมาํ่ เสมอ การพิมพจับเวลา (Timing) เปนเคร่ืองมือในการวัดทักษะและความสามารถในการพิมพที่นิยมปฏิบัติกันอยูใน ปจจุบัน เพ่ือวัดทักษะและความสามารถของผูเรียนออกมาในรูปของอัตราความเร็ว ซ่ึงมีหนวยวัดเปน คํา/นาที (Word per minute : wpm) การฝกพิมพจับเวลาในชวงแรก ๆ ครูผูสอนควรใชเวลาชวงสั้น ๆ ประมาณ 1 หรือ 2 นาทีกอน แลว จึงคอย ๆ ขยายเวลาออกไปเปน 3 นาที และ 5 นาทีตามลําดับ การพิมพจับเวลาในชวงสั้น ๆ จะทําใหผูเรียนไมเกิด ความรูสึกเบื่อหนาย หรือเมื่อยลาจนเกินไป นอกจากนี้ยังทําใหผูเรียนรูสึกต่ืนเตนและสนุกสนานกับการพิมพจับเวลา และอยากพิมพจับเวลาคร้ังตอไปเร่ือย ๆ อยางไรก็ตาม การที่ผูเรียนฝกพิมพจับเวลาในเวลาชวงที่นานเกิน 10 นาทีนั้นก็ เปน สง่ิ ทม่ี ปี ระโยชนตอผูเรยี นเพราะทําใหผ เู รียนเกดิ สมาธคิ วามเคยชิน กับการพิมพในชวงเวลานาน ดวยความตั้งใจเปน การฝกการมีสมาธิและความอดทน อันจะเปนประโยชนอยางมากตอผูเรียนเมื่อสําเร็จการศึกษาไปแลว การฝกพิมพจับ เวลาในชว งเวลานาน ๆ ดงั กลา ว ควรจะกระทาํ ในชว งสดุ ทา ยของการเรียน หรอื ผเู รยี นใกลจ ะจบหลักสูตร ในการพิมพจับ เวลาผูเรียนควรตั้งเปาหมายในการพิมพจับเวลาทุกคร้ัง เพราะจะชวยใหผูเรียนใชความพยายามและความตั้งใจมากข้ึน เพื่อที่จะบรรลุเปาหมายท่ีไดตั้งไว ซ่ึงเปนการสรางแรงจูงใจและแรงกระตุนเพื่อใหผูเรียนพิมพจับเวลาดวยความสุขุม รอบคอบ เพอื่ ตอ งการบรรลเุ ปา หมายทไ่ี ดตง้ั ไว 9.2.1 การฝก พฒั นาทกั ษะความเร็วและความแมน ยาํ ตามแผนบนั ได 5 ขนั้ การฝกตามแผนบันได 5 ขั้น เปนวิธีหน่ึงในการสรางความเร็ว และสรางความแมนยําท่ีสะดวกในการสอน งายและสนุกในการปฏิบัติสําหรับผูเรียน การพิมพทุกคร้ังของผูเรียนจะไดผลเต็มที่ จะตองเปนการพิมพที่มีจุดมุงหมาย หรอื เปาหมาย มใิ ชปลอยใหพิมพไ ปเร่ือย ๆ ตามสบายทง้ั นีเ้ พอื่ ผูเรียนจะไดพยายามผลักดันตนเอง ใหไ ปสูเปา หมายใหจง ได 138
แผนบนั ได 5 ขั้นมขี นั้ ตอนในการฝก ดงั น้ี 1. พิมพจับเวลา 1 นาที คร้ังท่ี 1 ขณะพิมพมีคําผิดลบแกไขได แตหมดเวลาแลวหามแกไข พิมพใน ระดบั บงั คบั หมายถงึ ม่ันใจจงึ พิมพ มใิ ชพ ิมพสงเดช 2. พิมพจับเวลา 1 นาที สําหรับ 1 นาที ครั้งที่ 2 การพิมพคร้ังนี้เปนการฝกพิมพเร็ว เพ่ือใหนักเรียน ทุกคน ตั้งเปา หมายสําหรับตนเองวา จะตองพมิ พใ หเร็วทีส่ ุดเทาท่ีจะทาํ ได โดยไมตองกลัวผิด (แตไ มใ ชพิมพส ง เดช) 3. พมิ พจบั เวลา 1 นาที สาํ หรบั 1 นาที ครง้ั ที่ 3 การพมิ พค ร้งั น้เี ปนการพิมพฝกพิมพเ ร็วโดยใหผูเรยี น ทุกคน ต้ังเปาหมายของตนวา จะตองพิมพใหเร็วกวานาทีที่แลว โดยอาจจะต้ังเปาหมายไววา นาทีนี้จะตองพิมพให ไดอ กั ษรรวมชอ งวา งมากกวา 1 นาที ครั้งที่ 2 อยา งนอ ย 1 ตัวอักษร 4. พิมพจับเวลา 1 นาที สําหรับ 1 นาที ครั้งท่ี 4 การฝกพิมพเร็วครั้งสุดทาย สําหรับแบบฝกหัด เดียวกันนี้ ผูสอนขอใหผูเรียนทุกคนต้ังเปาหมายใหพิมพเร็วที่สุดเทาที่ตนเองจะพิมพได พยายามเอาชนะตนเองใหได อยางนอ ยจะตองพิมพใหไ ดอ ักษรรวมชอ งวางมากกวา 1 นาที คร้ังที่ 3 อยางนอย 1 ตวั อักษร 5. พิมพจับเวลา 1 นาที สําหรับนาทีสุดทาย พิมพในระดับบังคับ ขณะพิมพมีคําผิดลบแกไขได เมื่อ หมดเวลาแลวจะตองไดต วั อักษรรวมชองวา งมากกวา 1 นาที ครง้ั ที่ 1 น่ีคือ “บันได 5 ขั้น” ของการสรางความเร็วและความแมนยํา ซ่ึงจะสรางควบคูกันไปโดยตลอด ผูเรียนทุก คนจะพยายามเอาชนะตนเองทุกคร้ังที่พิมพ อาจจะสมหวัง อาจจะผิดหวังหรือใกลจะบรรลุเปาหมาย ผูเรียนจะมุ มานะหนกั ข้นึ ทาํ ใหก ารเรยี นมีชีวิตชวี าตน่ื เตน สนุกสนาน และไมนาเบอื่ 9.2.2 การสรางทกั ษะความเรว็ และความแมน ยาํ ในการพมิ พ ควรปฏิบตั ดิ ังน้ี 1. ทา นัง่ และการวางมือทถี่ กู วิธี จะชวยใหผเู รยี นพมิ พไดถนดั สามารถเคลอ่ื นไหวนวิ้ ไดอ ยางคลอ งแคลว 2. กดเพื่อพมิ พแ ปน อักษรอยา งนมุ นวลและเรว็ โดยสัมผสั แปน พมิ พใ หนอยทสี่ ดุ 3. มสี มาธใิ นการพิมพแ ละปฏิบตั ติ ามคําแนะนาํ ของครผู ูส อนโดยเครงครดั 4. พมิ พโ ดยวธิ ีสมั ผสั ตามองทแ่ี บบพมิ พ โดยไมม องแปนอักษร 5. การมองแบบฝก หัดใหม องเปน คาํ อยา มองทลี ะตวั อกั ษร 6. อยากงั วลกับคาํ ทพ่ี มิ พผิด ใหร บี พิมพตอทนั ที โดยไมตองสนใจคาํ ผดิ และไมถอยกลบั มาแกไข 7. การฝกพิมพสม่ําเสมอ เชน ฝกพิมพทบทวนกอนเริ่มเรียนทุกครั้งหรือฝกพิมพเปนประจําทุกวัน จะชวย ใหผ ูเรยี นเกดิ ทักษะและความชํานาญเพ่มิ มากขน้ึ 8. ฝกพิมพซ้ํา คําท่ีพิมพผิดบอย หรือพิมพซํ้าแบบฝกหัดท่ีพิมพผิดมาก หลาย ๆ ครั้ง ซึ่งทําใหผูเรียนเกิด ความเคยชนิ กับแปน อกั ษรทําใหพิมพไดเ ร็วขึ้น 9. ตองต้ังเปา หมายในการพมิ พทกุ ครง้ั เชน ตอ งพิมพใ หได 30 คาํ ตอ นาที โดยมีคาํ ทพี่ ิมพผ ดิ ไมเกนิ 3 คาํ 10. ตรวจงานเม่ือพมิ พเ สรจ็ โดยคํานวณคําสทุ ธแิ ละบนั ทกึ ผลการพิมพใ นใบรายงานแสดงความกา วหนา ในการพมิ พท กุ คร้งั เพ่อื เปรยี บเทยี บผลการพิมพใ นแตล ะคร้ัง “ฝกพิมพซ้าํ ๆ อยา งถกู วธิ ีและต้งั ใจ จะมชี ัยในการพิมพแ บบสมั ผัส” 139
ขอ 1 จาํ นวนดดี เมือ่ คนเราเกดิ มา และตองประสบกับปญ หาหรอื ความยงุ ยากตาง ๆ 58 พระพทุ ธศาสนาสอนเอาไวว า ใหพ ง่ึ ตนเองและในขณะเดียวกนั เรากต็ อ งอาศัย 66 อยูในสงั คมพระพทุ ธศาสนากส็ อนใหเ กอ้ื กลู กนั และกนั สอนใหเ ปน มติ รกัน 66 ไมใหเปนศตั รกู นั เพราะคนที่อาศยั อยูร ว มกันจาํ ตองพง่ึ พาอาศยั กันไมท างใด 73 ก็ทางหนง่ึ ไมโดยตรงก็โดยออ ม เชน คนจนตองอาศยั กาํ ลังทรัพยของคนมี 66 สว นคนมกี ต็ องอาศยั กาํ ลงั แรงงานของคนจน 37 ขอ 2 56 คนโงตอ งอาศยั ปญญาคนฉลาด สว นคนฉลาดตอ งอาศยั กาํ ลงั กายของ 64 70 คนโง ชาวนาตอ งอาศัยไดผ ลไมข องชาวสวน สวนชาวสวนตองอาศัยขา วของ 71 ชาวนา แตทุก ๆ คนจะมงุ อาศัยคนอ่ืนแตฝา ยเดยี วหาไดไม ตนเองจะตอ งทาํ ตน 74 ใหเปนที่พงึ่ อาศยั ของคนอ่นื ไดดว ย และคนทจี่ ะทําตนเชน นน้ั กจ็ ะตองทาํ ตน 72 ใหเปน ท่พี งึ่ ของตนเองไดกอ น เชน คนหนงึ่ หกลม อีกคนหนงึ่ จะชว ยอมุ ข้นึ มา 71 คนท่จี ะชว ยนนั้ ตอ งยนื ต้ังหลกั ของตนเองใหด กี อ น จึงจะกม ลงไปอุมคนทีล่ ม ข้นึ มาไดโดยทตี่ นเองไมห กลม ไปดวย ไมเชน นนั้ ก็จะหกลม ไปดว ยกนั ทงั้ คู 57 68 ขอ 3 68 หรอื เชน ชาวนาจะตอ งทาํ นาใหไดข าวของตนจงึ จะพง่ึ ชาวสวนได 77 70 ดว ยการแลกเปลยี่ นกนั ฉะน้ันทุก ๆ คนจงึ ตอ งทาํ ตนใหเ ปน ทพี่ งึ่ ของตนได 69 พระพทุ ธเจา จงึ ไดตรสั สอนวา “ตนแลเปนทีพ่ ง่ึ แหง ตน” ควรจะทราบดว ยวา 27 อันคนทีม่ ตี นเปนทพ่ี ง่ึ ของตนไดน ัน้ จะตอ งมสี ่ิงทีเ่ ปน ทพี่ ่ึงไดอ ยใู นตนหรือ เปนของตน เชน มวี ชิ า มีการงาน มที รพั ย มยี ศ ตลอดถึงมีคณุ งามความดเี ปน ที่นับถอื จะตอ งมเี พียงพอทจี่ ะเลี้ยงตน อุดหนนุ ตนใหมีความสขุ ความเจริญ ท่ีจะปองกนั ตนใหพ น อนั ตราย 140
ขอ 4 60 การแสวงหาวชิ าและทรพั ยเปนตน นั้น ตลอดถงึ การผกู มติ รกบั ผทู ่ี 76 71 ควรเปนมติ รทง้ั หลายเพ่ือผลดังกลา ว หาชอื่ วาเปน การพงึ่ ผอู ่นื ไม แตเ ปนการ 67 สรางตนเองใหพ รอ มทีจ่ ะตอ งใหเ ปน ทพี่ งึ่ ของตนเองไดนนั่ เอง เหมือนอยาง 78 ผูน บั ถือพระพทุ ธศาสนา ถือ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆเปน สรณะคอื ท่พี งึ่ 79 หรอื พดู งา ย ๆ วา พงึ่ พระรัตนตรยั ก็เพอ่ื ทําตนใหมที ่ีพงึ่ ทจี่ ะสรางตนเองใหเ ปน 61 ทพี่ ง่ึ ของตนเองได หรือเหมือนอยา งบุตรธดิ าพงึ่ มารดาบิดา ศษิ ยพ งึ่ ครู กเ็ พอ่ื ท่ี จะสรางตนเองใหใ หญก ลา สามารถทจ่ี ะเปน ทพี่ งึ่ ของตนเองไดต อไป 61 62 ขอ 5 71 การสรางตนเองใหเปน ทพี่ ึ่งของตนเองได ทงั้ ในทางสามารถปอ งกนั 63 69 อันตรายและในทางดาํ รงตนใหเจริญ จงึ เปน หลกั สาํ คญั และในขณะเดียวกัน 70 ก็ยงั ตอ งมีการพึง่ พาอาศยั กนั อยดู ี ในสังคมโลกคนเราตองเขาอยูในสงั คมใด 76 สงั คมหน่ึงตามทีใ่ นโลกตามระบอบธรรมทน่ี ับถอื เชน คนนบั ถอื ธรรมของ 55 พระพทุ ธเจา กเ็ ขา สงั คมแหง พุทธศาสนกิ ชนดว ยเชนกนั พระพทุ ธเจา ไดต รสั สอนไวใ นทหี่ นง่ึ มคี วามวา “ทานทง้ั หลายจงมีตนเปน เกาะเปน ทพ่ี ง่ึ จงมี 57 ธรรมเปน เกาะเปน ทพี่ งึ่ ” ถอื เอาความไดว า อันผทู ี่จะมตี นเปน ทพ่ี ึ่งไดกค็ ือ 67 คนที่มธี รรม เชน ธรรมเปน ท่ีพง่ึ 10 ประการมศี ีล เปน ตน 69 64 ขอ 6 65 พระพทุ ธศาสนาจงึ เปน คําสอนทีบ่ รสิ ทุ ธขิ์ องทกุ คน ไมใชสาํ หรบั 65 62 ใครจะยกไปอางเพ่อื เหตุผลอยา งอน่ื ทางอน่ื ในที่บางแหง พระพทุ ธเจาได ตรัสสอนไววา ตนเปนที่พง่ึ ของตน คนอน่ื ใครเลาจะเปน ท่ีพงึ่ ได และได ตรสั วา คนไมค วรใหต น คือไมค วรมอบตนใหแ กใคร ควรรกั ษาตนไวใ หด ี แสดงวาพระองคทรงสอนใหท กุ ๆ คนนับถอื ตนเอง ไดม ผี ูสงสัยวา ทส่ี อน เอาไวอยา งนี้ จะไมค า นกับไตรสรณคมนห รอื เพราะตามหลักนั้น พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ เปน ทพี่ งึ่ มคี ําสวดปฏเิ สธและรบั รองทลี ะวตั ถวุ า 141
ขอ 7 67 ไมม ีทพ่ี ง่ึ อ่ืนพระพทุ ธศาสนาเปน ทพี่ ่ึงอนั ประเสริฐ ไมม ที ่พี งึ่ อน่ื 76 76 พระธรรมซง่ึ ก็เปน ทพี่ ึง่ อนั ประเสรฐิ ไมมที พี่ ่งึ อน่ื พระสงฆก ็เปน ทพ่ี ่งึ อนั 70 ประเสริฐ ไมม ที ี่พง่ึ อ่ืน ตามคาํ สวดทว่ี า น้ี เมอ่ื ฟง เผนิ ๆ กด็ คู า นกนั เองอกี 67 แตทง้ั หมดนีไ้ มค านกันเลย จะพดู วา ถงึ วัตถุทง้ั สามกอ น แมจะตา งกันโดย 64 วตั ถวุ า พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ แตก ย็ ังเปน อนั หนึ่งอันเดยี วกนั โดย 58 เน้อื ความเพราะทงั้ สามพรากจากกนั ไมไดแ นค ือพระพทุ ธตรสั รพู ระธรรม 59 พระธรรมอนั พระสงฆกท็ รงรกั ษาไว พระสงฆก็เปน สาวกของพระพทุ ธ จงึ เนอื่ งเปน อนั เดียวกัน เหมอื นอยา งไมสามอนั ตงั้ พงิ กนั อยู 67 64 ขอ 8 60 ฉะนนั้ เมือ่ ถงึ วตั ถหุ นงึ่ เปน ทพ่ี งึ่ กเ็ ปน อันไดถงึ ทงั้ สามวตั ถุ อกี 68 70 นยั หนง่ึ พระพทุ ธเปน ทพี่ ง่ึ เอกอุ พระธรรม พระสงฆ ก็เหมอื นกนั ตาม 74 ลกั ษณะเฉพาะของวตั ถุ อกี นัยหนง่ึ คาํ สวดเปนสํานวนความงา ย ๆ วา 69 ไมม ีทีพ่ ง่ึ อื่นนอกจากพระพทุ ธ ไมม ีทพ่ี ่งึ อนื่ นอกจากพระธรรม ไมม ที ี่ 56 พ่งึ อนื่ นอกจากพระสงฆ คือนอกจากทง้ั สามนกี้ ็ไมม ที ีพ่ ง่ึ อนื่ อกี คราวนี้ จงึ ถงึ ปญ หาวา จะแยง กบั ขอ ทีเ่ คยสอนใหม ีตนเปน ทพ่ี ึ่งอันที่จรงิ ทพ่ี งึ่ คือ 55 วัตถุทง้ั สาม ใชคาํ วา สรณะ ทพี่ ึ่งคือตน ใชคําวา นาถะ แตจะไมวิจารณ 62 คําจากบาลี คาํ สอนน้ไี มค า นกนั แตส อดคลองกันเปน อยา งยง่ิ 61 75 ขอ 9 68 ถา จะเทยี บการดําเนนิ ชวี ิตกบั การเดนิ ทางก็กลา วไดว า พงึ่ 63 65 พระพทุ ธเจา เปนผูบ อกทาง พึ่งพระธรรมเปน ทาง พง่ึ พระสงฆเปน ผู 38 บอกตอ ๆ มา และพึ่งตนเปน ผูเดนิ ทางเอง ตนคอื ตัวเราเองของทกุ ๆ คน เปน สง่ิ ท่ที งิ้ ไมไ ด ตอ งพง่ึ ตวั เองตั้งแตเกดิ มา คดิ ดสู ักนิดหน่งึ ท่วี า เดก็ ๆ พง่ึ ตวั เองไมไ ด พอแมอ ุปการะทกุ อยา ง ก็เปน ความจรงิ แตเดก็ กต็ องพง่ึ ตนเองในสว นสาํ คัญ ตวั อยาง ผอู ุปการะใหอ าหาร กใ็ หไ ด อยา งมากเพยี งปอ นเขา ปาก เด็กตองเค้ยี วกลืนอาหารเอง รา งกายกต็ อง รับยอ ย ในการเคย้ี วกลนื อาหารเปน ตนน้ี 142
ขอ 10 54 เด็กตอ งพง่ึ ตนเอง คือตนเองตอ งทํา ในการเรยี นก็เหมอื นกนั 70 66 เดก็ ตอ งพง่ึ ผปู กครองเก่ียวกบั ฝากโรงเรียน คาเลาเรียน เปนตน แตเ ด็ก 67 ตอ งเรยี นเอง จะไปพึง่ พอแมห รือใคร ๆ ใหช วยเรยี นให เพ่ือใหตนรู 63 โดยไมตองเรียนหาไดไม ในการเรยี นทจี่ ะใหม คี วามรเู กิดขึน้ แกตนนี้ 66 ตอ งพ่ึงตนเองคืออาศยั กาํ ลงั รางกาย กําลงั สติปญญาของตนเลา เรยี นไป 60 นแี่ หละเรยี กวา พงึ่ ตนเองแตไ ฉนจะตองพึ่งตวั เองได คือไมเ กียจครา น 59 เหลวไหล ก็ตอ งปฏบิ ตั ติ ามคําส่ังสอนของพระพทุ ธเจา ตรสั สอนใหมี 62 ความพากเพยี รพยายาม ทงั้ ตง้ั ใจพากเพยี รพยายามไปจนกวา จะสาํ เรจ็ 64 นแ้ี หละจงึ เรียกวา พง่ึ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ คอื นกึ ถึงพระและ ปฏบิ ัตใิ นทางของพระ พระก็จะเปน ทพ่ี ึง่ ได และตนกจ็ ะเปนทพ่ี งึ่ ของ 20 ตนเองไดอยา งจรงิ แท 51 ขอ 11 55 ผกั ผลไมสีสดปองกนั โรคขออักเสบได เหมอื นอัศวินจาก 56 56 ธรรมชาตมิ าชว ย งานวจิ ัยจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร ประเทศ 60 อังกฤษศึกษาตวั อยางอาสาสมัคร ๒๕๐๐๐ คน ต้งั แตป ๑๙๙๓ ถึง 54 ป ๒๐๐๑ เกยี่ วกับความสมั พนั ธของอาหารท่ีมสี ารแคโรทีนอยด 57 และความเสยี่ งเปน โรคขอ อักเสบ พบวา ในกลุมที่มสี ุขภาพดีจะมี 24 ประวตั ิการรบั ประทานผักผลไมทีม่ แี คโรทนี อยดเ ปน ประจําใน 44 ขณะทีก่ ลมุ ซง่ึ ชอบรบั ประทานผกั ผลไมน อ ยจะมีความเสยี่ งเปน 54 โรคขอ อกั เสบถึงรอยละ ๘๘ 59 55 สมาคมโภชนาการแหง ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ 58 สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรง แนะนาํ วา 62 ผลไมแ ละผกั ที่มสี ีเหลอื ง เชน มะละกอสกุ มะมว งสกุ มะเขือเทศ 58 ฟกทอง กลวยสกุ มนั เทศ แครอท สม สบั ปะรด แตงโม รวมไปถงึ 59 แคนตาลปู มปี ริมาณแคโรทนี อยดสงู และโชคดวี า ผกั ผลไมดังกลาว 23 น้ันมหี มนุ เวียนใหรบั ประทานไดต ลอดทัง้ ป เพยี งแคเพมิ่ ผกั ผลไม เหลาน้ีลงในมอื้ อาหารท่ีทานเปนประจํา รวมกับการออกกําลงั กาย หลีกเล่ียงอาหารจาํ พวกทมี่ ปี รมิ าณไขมันและน้ําตาลสงู เทา นโ้ี รค ขอเส่ือมก็หนหี ายแลว ละ 143
ขอ 12 53 โดยธรรมชาตขิ องคนเรานน้ั มีแนวโนมจะวง่ิ เขาหาความสขุ 60 63 หนีความทกุ ข เวลามีความทกุ ขมาบีบคนั้ กจ็ ะกระเสือกกระสนดิน้ รน 71 หาทางออกใหก ับชีวติ ตวั เองจนได พอทุกขค ลายลง ก็รสู กึ สขุ มากขนึ้ 64 ก็เริม่ เฉ่อื ยชา ตดิ อยกู ับความสุขนน้ั จนถามที กุ ขม าบีบคน้ั อีกที กค็ อ ย 59 ลกุ ขึน้ มาจัดการอกี ดูจากตวั อยา งของชาวไทยเมอื่ ชว งทเ่ี ศรษฐกจิ ฟบุ 62 กวา จะผานพน ชวงนน้ั มาไดก แ็ ทบไมร อด แตล องมองดูสถานการณ 69 ในตอนน้ี ซงึ่ ดเู หมอื นคนจะเริม่ ลมื ๆ ประสบการณใ นชว งนน้ั มาแลว 65 ผคู นกลับเริ่มตน ตง้ั หนาตง้ั ตาท่ีจะใชเ งนิ ของตนทเ่ี ก็บไวอ ยา งเมามนั 59 มตี ัวอยางหนงึ่ ท่ีมชี ีวิตเพียบพรอมหมดทกุ อยา ง มีฐานะทางการเงนิ ดี 59 เฉลียวฉลาด มกี ารศกึ ษาดี แทบไมตอ งหาอะไรหรือรบั ผิดอะไร มีคน 63 ทําแทนใหห มด อยากไดอะไรกไ็ ด ไมเคยตองตอ สูหรืออดทนกบั ใคร 62 มบี า งทพี่ อจะตองสูอปุ สรรคดว ยตนเอง กม็ ีความชว ยเหลือจัดการให 63 เพราะกลัววาเขาจะลําบาก มชี ีวิตราวกบั มสี วรรคบนดินก็มิปาน แตใน 67 อกี ดา นหนงึ่ ความสะดวกสบายในชวี ติ ที่ไมเคยตอ สูกับอุปสรรคใดเลย 68 ก็ทาํ ใหไ มเ คยไดเรยี นรวู า ตัวเองนนั้ มีความอดทนไดแคไหน ไมเ คยเหน็ 73 ศกั ยภาพของตัวเอง ไมเคยรูจักเร่ืองคุณคา ของตวั เอง วา มีมนั ความสาํ คัญ 67 อยางไรบา งบนโลกใบนี้ ทําใหไมร ูวา จะตองใชช ีวติ ตวั เองอยา งไร ไมร วู า 69 จะมชี ีวติ เพอ่ื อะไร คร้ันเมื่อตอ งเผชญิ กบั อปุ สรรคทไ่ี มม ีใครแกไ ขแทน 62 ตวั เองได กถ็ ึงคราวทีเ่ หงือ่ แตก ความทกุ ขข องคน ท่ไี มเคยทุกขน ี้มกั จะ 63 ซอนอยูภายใน โดยเมือ่ ดจู ากภายนอกจะไมมที างทราบไดเลย บางคร้ัง 69 แมแ ตเจาของความทกุ ขเองก็ไมท ราบ เพราะพยายามหาส่งิ อนื่ มาทดแทน 70 เชน วตั ถุมีคา ความสะดวกสบาย ความบนั เทงิ ตา ง ๆ โดยคดิ วาส่ิงเหลา นี้ 61 คอื ความสขุ เพราะไดใ ชช ีวติ ในการทาํ งาน หาเงนิ ใชเ งนิ ซ้ือสงิ่ ทอ่ี ยากได 64 และพึงพอใจ ใชเ งนิ หาความสะดวกสบายใหต ัวเองจนนาน ๆ กร็ ูส กึ วา 62 ชวี ิตตัวเองมีขยะมากขน้ึ โดยไมไ ดมคี วามสุขมากขึ้นแตอ ยางใด ความ สะดวกสบายนั้นเปน ของชวั่ คราว อยา ไปตดิ กับมนั มากจะทาํ ใหเ ราทกุ ข 144
ขอ 13 60 ทาํ ทานอยา งไรใหไ ดบุญ เรอื่ งบุญเรอ่ื งทานน้นั อยใู นสายเลอื ด 70 66 ของคนไทยเลยกว็ า ได แตถ งึ แมจ ะคลกุ คลีกบั วัดวาอารามมาตงั้ แตรนุ ปยู า 63 ตาทวด คนไทยสว นใหญ กย็ ังมคี วามเขา ใจผิด เรื่องบญุ เรือ่ งทานกนั อยู 61 คอนขา งมาก โดยมกั จะเขา ใจวา “การทาํ บญุ ” คอื การถวาย ขา วของ แด 67 พระสงฆ สวน “การทําทาน” คอื การใหขาวของแกค นยากจน ทงั้ ที่ตาม 59 ความจรงิ แลว ความสมั พนั ธร ะหวา ง “บญุ ” และ “ทาน” มเี บอ้ื งหลังท่ีนา 68 ซับซอ นมากกวาน้นั ความหมายของ “บญุ ” และ “ทาน” คําวา “บุญ” 31 แปลวา เคร่ืองชําระจติ ใจใหส ะอาดบริสทุ ธ์ิ เปน เครอื่ งกาํ จดั กเิ ลสอนั นบั 61 เปน สาเหตขุ องทกุ ขอ อกไปจากจิตใจ 62 63 สวนคําวา “ทาน” แปลวา การให การสละแบง ปนใหผ ูอนื่ ไมวา 64 จะเปนการใหส ิ่งของ (วตั ถุทาน) การไมถือโกรธยกโทษให (อภัยทาน) 69 การใหป ญญาเพ่อื เปนพนื้ ฐานในการดําเนนิ ชวี ิต (ธรรมทาน) กจ็ ดั เปน 72 การใหท านทงั้ สนิ้ พทุ ธศาสนาถือวา “การให” หรอื การเสยี สละเปนการ 66 กําจดั กิเลสทางหน่ึงที่จะเปนกุญแจไขไปสูจิตใจที่สะอาดบรสิ ุทธิ์ ดังนนั้ 65 ขอเพียงเปนการใหทานทบี่ รสิ ุทธิ์และดีงามกถ็ อื เปน บญุ ทง้ั สนิ้ เพื่อไมใ ห 46 เสยี ชือ่ ชาวพทุ ธ ไปดกู ันดกี วา วา หมายถงึ ทาํ อยา งไร “ทาน” ของคุณจงึ 60 จะดงี ามและบรสิ ุทธิส์ มบรู ณแ บบต้ังแตข นั้ แรกถงึ ขัน้ สดุ ทาย “ผลบุญ” 65 จะไดสง ผลใหจ ติ ใจใสสะอาด ปราศจากทกุ ขในทส่ี ุด 65 63 ปรบั ใจกอนใหท านต้งั ใจดี กอ นการใหใด ๆ คณุ ตอ งนอมอกนอ มใจ 42 ใหด ว ยความศรัทธา ทส่ี าํ คญั ตอ งไมห วงั ลาภยศสรรเสริญ จากทานทไ่ี ดทาํ 61 คุณควร คดิ วา “การให” เปน หนทางหนงึ่ ทจี่ ะชวยกําจัดความตระหนแ่ี ละ 70 ความโลภออกจากจติ ใจ และเจา กเิ ลสทงั้ สองตวั นคี้ งไมห มดไปแนห ากคณุ 69 ยงั ทาํ ทานเพอ่ื อธิษฐานขอใหถ ูกรางวัลทห่ี นึง่ มีเจตนาผองใส การทําทานตองมีเจตนาทดี่ ตี ัง้ แตก อนทาํ ขณะทท่ี าํ และภายหลงั จากทีท่ าํ แลว เจตนาดที ่ีวา นค้ี อื เจตนาท่ีจะทําทานเพอ่ื ให เกิด ประโยชนแกผ รู บั อยางแทจ รงิ คอื มิใชใหดว ยความสงสารหรอื ดูถกู ดแู คลน 145
ขอ 14 56 ทํากายใจใหผ อ งแผว ผูคนจาํ นวนมากนยิ ม รักษาศลี เพอ่ื ละบาป 65 64 และทําจติ ใจใหบ รสิ ุทธก์ิ อ นทาํ ทาน ศีลจงึ เปน หนทางหนง่ึ ทน่ี าํ ไปสกู าร 63 ทําทานอยา งถกู วธิ ี อยางนอยขอ “ปาณาติปาตา – เวน จากการฆา สตั ว” 61 กช็ ว ยปองกนั ไมใ หคณุ ฆา สตั วเ พื่อทาํ ภตั ตาหารถวายพระอยางแนนอน 68 67 เตรียมการใหพ รอมของตอ งดี นอกจากจิตใจของผูใหจ ะตองดีแลว 65 องคทานหรอื ของทีใ่ หตอ งเปน ของทไี่ ดม าดวยความบริสทุ ธแิ์ ละมที ัง้ คณุ 69 ประโยชนแกผรู บั อยา งแทจ ริง ของเหลอื ของชาํ รดุ ของทลี่ ักขโมยมานั้น 67 จึงผดิ เต็มประตู เพราะนอกจากจะไมไดบญุ แลว ยงั มีบาปตดิ ตัวไปอีกดวย 65 60 ผูรับมศี ีล พูดงา ย ๆ วา ผรู บั ตอ งเปนผทู ่จี ะนาํ ของ ทเ่ี รามอบใหไป 68 ใชใ นเชิงสรางสรรค การใชเพือ่ ประโยชนข องตนเองนน้ั นบั วาเปน บุญอกี 66 ระดับหนงึ่ แตถ านาํ ไปใชใ หเ กิดประโยชนตอสังคมไดด ว ยแลวทานน้ัน 43 จะนับเปน บุญมหาศาล ดว ยเหตุน้ีผคู นสวนมากจงึ นิยมทําทานกับพระ 55 ภกิ ษุสงฆ เพราะนอกจากทา นจะเปน ผูบ รสิ ทุ ธิ์ซงึ่ ถอื ศีลถงึ ๒๒๗ ขอแลว 69 ยังมน่ั ใจไดดว ยวา ทานท่ีเราถวายแตท านจะเปนประโยชนตอ ชนหมมู าก 64 เพราะกิจของสงฆก เ็ ปน ไปเพอื่ สว นรวมทงั้ ส้ิน 72 64 คิดใหม ทาํ ใหม ใหท านอยา งสรางสรรคอ ยาใหก รอบความคิด 71 เกา ๆ มาจาํ กดั วธิ กี ารทําทานของคณุ เพราะเรื่องบญุ เรอ่ื งทานไมจ าํ เปนตอง 66 ทาํ ตามใครไปเสยี ทกุ อยาง ลอง “คิดใหม ทาํ ใหม” มาลองหาทางสรางสรรค 71 วัตถทุ านใหเหมาะกับผูใ หและผูรบั กนั ดกี วาบุญไมไดอ ยใู นถงั เหลืองเม่ือ 61 พดู ถงึ การถวายสงั ฆทาน อยา ยึดติดวาตองหิ้วเจา ถงั เหลอื งไปถวายพระ 63 เทานน้ั เพราะสงั ฆทานทว่ี า นี้ “คนใชไ มไดซอ้ื สวนคนซ้ือไมไดใ ช” จงึ 59 ไมค อ ยทราบวา แทจรงิ แลวมีอะไรอยใู นถงั เหลือง ๆ ใบน้ันบา งลา สดุ รายการ “จุดเปล่ยี น” ไดว เิ คราะหถ ังทว่ี า อยางถวนถแี่ ลว พบวา สนิ คา ที่ บรรจอุ ยลู นถังนน้ั หนีไมพ น อาหารกระปอ งใกลห มดอายุ สบงซที รู ใบชากลิ่นผงซกั ฟอก นา้ํ ตาลทรายไมกเ่ี กลด็ มดี โกน (ไมเขา) ผาขนหนู สีตก ซึ่งของเหลาน้ีไมม ีคุณภาพพอทพี่ ระทา นจะนาํ มาใชไ ดจรงิ 146
ขอ 15 52 มแี คใ จกใ็ หทานไดอยาใหอาการของโรคทรพั ยจางมาเปน 62 65 อุปสรรคกนั้ ขวางทางบญุ ของคุณอยเู ลย เพราะท่ีจริงมวี ธิ ีใหทานโดย 68 ไมต องควกั เงนิ สกั แดงมาฝาก ใหค วามรเู ปนทาน แมปจ จบุ นั เทคโนโลยี 61 การส่ือสารจะแสนกา วไกลแตย งั มผี คู นอกี มากมายทย่ี งั อยหู า งไกลความรู 61 เพยี งเปน อาสาสมัครสอนหนงั สอื หรือสอนทกั ษะวชิ าชพี ใหน อง ๆ ตาม 71 โรงเรียน การทําใหใ ครสักคนมีความรคู วามสามารถ คือการพัฒนาจิตใจ 64 ท้ังของผใู หและผรู ับไปพรอม ๆ กนั แตถ า คณุ มขี อ จํากัดเรอื่ งเวลา ลองคน 70 หนงั สอื เกา ๆ ทอ่ี า นจบแลว มาบริจาคใหห อ งสมดุ ตามโรงเรียนหรอื ตาม 44 วดั ในตา งจังหวัด ก็เปน วทิ ยาทานท่ีดี แตมขี อแมว าตอ งคดั เฉพาะหนงั สอื 64 ทีส่ รา งสรรคและไมเ ปนโทษตอผูอา นเทา นนั้ 61 59 แรงงานกเ็ ปน ทานได เชอื่ หรอื ไมวา แรงงานเปน สงิ่ ทีส่ งั คมขาดแคลน 68 อยางมาก หากสองขาสองแขนของคณุ ยงั แรงดไี มมตี กละก็ ลองใหท านแบบ 73 ปดทองหลงั พระดวยการปลกู ปา หรือเกบ็ ขยะตามสวนสาธารณะ ชายทะเล 61 หรอื อุทยานแหงชาติ แลวคณุ จะรวู า การทําความดีโดยไมมใี ครรเู ห็นเปน 62 ความสขุ ทช่ี นื่ ใจเหลือเกนิ เสียงใส ๆ ใหเ ปน ทาน หากม่นั ใจวา มีซุมเสียงอัน 49 ไพเราะกงั วาน เสียงใส ๆ ของคณุ กเ็ ปนทานได จะเปด การแสดงสดอา น หนงั สือใหก ับคนตาบอดฟง หรืออาสาอัดเสียงลงเทปแลว บรจิ าคใหส ถาน สงเคราะหค นตาบอด กเ็ ปน ทานทน่ี า รกั นา ฟง ไปอกี แบบ ขอ 16 75 คณุ เคยมผี มแตกปลายไหม สําหรบั คนรักเสน ผมแลว เรอ่ื งนี้อาจเปน ปญ หาทกุ ขใจได 85 81 หลายคนเสาะหาสารพดั วธิ ี ทัง้ เลม็ ตดั หรืออบไอนาํ้ บาํ รุงดวยครีมทม่ี รี าคาแพง ซึง่ ชว ยได 82 บาง แตก็อาจกลับมาแตกปลายไดอกี เกร็ดสุขภาพ มีวธิ ที ีถ่ กู แสนถกู และไดผ ลดี แถมไม 81 เปนอันตราย ตอเสน ผมอนั บอบบางของคุณ วาแลว เขา ครวั ไปหาสมนุ ไพรใกล ๆ ตวั กนั ดกี วา 85 เราใชใบชะอมตมประมาณ ๑ กาํ มอื กบั นา้ํ สะอาด ๓ ถว ยตม จนเดือดกรองเอาแตน าํ้ สีเขยี วใส ๆ 85 พักไวใหเ ยน็ หลังจากสระผมสะอาดแลว นาํ ผาขนหนชู บุ นาํ้ ชะอมพอหมาด ๆ มาเช็ดถูใหท ว่ั ศรี ษะ 79 จะชวยคนื สภาพเสน ผมใหดีขนึ้ และจะไมท ําใหผมแตกปลายอกี ดวย สมุนไพรในครวั อกี อยา งหนงึ่ 83 ทแ่ี กผมแตกปลายนน้ั ก็คอื ตะไครท ี่เราใสในตมยาํ นี่แหละคะ ใชแ กปญหาของผมแตกปลาย 85 ไดผลดที เี ดียว โขลกตะไคร ๒-๓ ตน ใหละเอียด กรองเอาแตน ํ้าไวห ลงั จากสระผมสะอาดดีแลว 56 นําน้าํ ตะไครม านวดใหทว่ั ศีรษะทง้ิ ไวสกั ๑๐ นาทีจึงลา งออก ทาํ เปน ประจําทกุ ครง้ั หลังสระผม รับรองไดวา ปญหาผมแตกปลายจะไมใ ชเ รอ่ื งกวนใจคณุ อีกตอ ไป 147
ขอ 17 56 นกั ศกึ ษาใสเสอ้ื รดั ต้วิ ทาํ ใหสมองไมพฒั นา ไมนาเชื่อวา 61 67 ชุดนกั ศึกษาจะเปน สาเหตทุ าํ ใหเกดิ โรคได แตความจริงคือนักศกึ ษา 60 สมัยนน้ี ิยมใสเ สอื้ รดั ตว้ิ หวงั สรางภาพสวย เซ็กซ่ีเพือ่ ดึงดดู เพศตรง 56 ขา มรอ ยละ ๙๐ ตอบคลา ยกันวา หายใจไมอ อกอาการทส่ี ังเกตไดคอื 62 หายใจเรว็ และสั้น ไมส ามารถหายใจยาว ๆ ได ถอนหายใจบอยมาก 62 เพื่อลดอาการเหนอื่ ย เมอ่ื เกดิ อาการอดึ อัดจะเปนลมหนา มืดไดง า ย 63 นอกจากนนั้ ยงั สง ผลใหเรียนไดไมด ี ไมมสี มาธิ สมองไมไ ดร บั การ 58 พฒั นาเทา ที่ควรและเปนสาเหตุทที่ าํ ใหเ กดิ โรคอ่นื ๆ เพราะทาํ ใหกนิ 55 อาหารไดน อ ยเพราะกลวั อว นสําหรับคนทอี่ ดอาหารมาก ๆ ยงั เสี่ยง กับโรคความดนั ตํ่า อารมณห งดุ หงิดงา ย และการนาํ ไปสโู รคจิต 55 58 ขอ 18 65 ทา นใดทม่ี ปี ญ หาเกย่ี วกบั โรคเหงอื กเราสามารถชวยทา นได 55 59 วติ ามนิ ดีสามารถลดปญหาโรคเหงอื กอยากมสี ุขภาพเหงอื กและฟน ท่ี 61 แข็งแรงวติ ามนิ ดชี ว ยคุณได ดร. ทอมสั เดยี ทรชิ คณุ หมอเกย่ี วกบั ฟน 62 คณะทนั ตแพทยศาสตรมหาวทิ ยาลยั บอสตัน ไดศกึ ษาขอมลู จากพวก 65 กลุม อาสาสมคั รจํานวน ๖๗๐๐ คน ตง้ั แตป ๑๙๘๘-๑๙๙๔ พบวา กลมุ 56 ท่ีผลเลือดมปี รมิ าณวติ ามนิ ดสี งู สุดจะลดโอกาสเปน โรคเหงอื กอกั เสบ 58 ถึงรอ ยละ ๒๐ เนอ่ื งจากวา วติ ามนิ ดีมีสว นชวยใหก ารทํางานของระบบ 60 ภมู คิ มุ กนั ทด่ี ีข้นึ จงึ ทาํ ใหก ารอกั เสบใด ๆ ในรา งกายลดลงตามไปดว ย 61 กองโภชนาการโดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณะสุข ระบุวารางกาย 67 ของเราไดร บั วติ ามินดจี ากการรบั ประทานพวกปลาเปน ประจํา และการ 65 สงั เคราะหจ ากผิวหนงั ทไ่ี ดรบั แสงแดดมกี ารดูดซมึ แคลเซียมและฟอส 61 ฟอรัสที่ลําไสและชว ยเพ่มิ ปรมิ าณเกลือในเลอื ด และขบั เกลือออกจาก 60 รา งกาย อกี วิธหี นงึ่ ทที่ ําไดง า ย ๆ คือ การรับประทานผกั และผลไมทีม่ ี 35 เสน ใยสงู เชน ฝร่ัง สบั ปะรด มันแกว เซเลอรี่ แครอท มคี ุณสมบตั ิชว ย ขัดฟน ไมท าํ ใหเ ศษอาหารตดิ ตามซอกเหงอื กซอกฟน ทงิ้ ไวน าน ๆ ซึ่ง เปนสาเหตุของการเกิดโรคเหงือกอกั เสบเพอ่ื ยิ้มสวยสดใสอยา ละเลย เรื่องอาหารและการทําความสะอาดชอ งปาก 148
ขอ 19 65 ระวงั อนั ตรายจากลกู เหมน็ เม่ือไมน านมานี้ สาํ นกั งานคณะกรรมการอาหาร 80 75 และยา (อย.) ไดอ อกมาเตอื นผูบรโิ ภคทีใ่ ชแ นฟทาลนี หรอื ทีเ่ ราเรยี กกนั วา “ลกู เหมน็ ” 75 วา เปน วตั ถุอนั ตรายชนดิ ท่ี ๒ ตามพระราชบัญญัติวัตถุอนั ตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และเปน 79 อนั ตรายตอสขุ ภาพ เมอื่ รางกายของเราไดรับจากการหายใจ สัมผัสทางผวิ หนงั โดยตรง 77 ผานทางเส้ือผา หรอื ผาหมทม่ี ีการสมั ผัสกบั ลกู เหมน็ หรอื กนิ เขา ไป จะทาํ ใหเ กิดการ 72 ระคายเคืองตา จมกู คอ และผวิ หนงั คลนื่ ไสอ าเจียน ทอ งเดิน มเี ลือดออกทางปสสาวะ 74 และผวิ หนังซดี เหลือง ถา มแี นฟทาลนี ในปริมาณมาก จะทาํ ใหเ มด็ เลือดแดงถูกทาํ ลาย 81 โดยเฉพาะในทารก เดก็ สตรมี ีครรภ และคนทม่ี ภี าวะระดับเมด็ เลือดผดิ ปกติ หรือมี 77 เอนไซมบ างชนดิ ทเ่ี กยี่ วขอ งกบั ความผดิ ปกตขิ องโลหิตมาแตเกิด เมอื่ ไดรบั สารแนฟทาลนี 80 จะเกิดภาวะโลหติ จางไดงา ย นอกจากนย้ี งั พบวา แนฟทาลนี ที่ตกคา งในรางกายของสตรี 71 มีครรภและแมที่ใหน มบตุ ร ยงั สามารถผา นทางรกและทางน้ํานมไดด ว ย ทาํ ใหล กู ทเี่ กิดมา 83 มภี าวะของโรคโลหิต ดงั นั้นถามีความจาํ เปนจะตอ งใชลกู เหมน็ ในการกาํ จดั แมลง 79 ในตูเสอื้ ผาหรอื ชว ยดับกลนิ่ ในหอ งนาํ้ เพอื่ ความปลอดภยั ของลกู หลานและตัวผบู รโิ ภคเอง 78 ควรเก็บลูกเหม็นหรือกอนดบั กลน่ิ ใหพ น มอื เดก็ หรอื ในภาชนะทป่ี ด สนิท เพ่อื ปอ งกนั 77 การรัว่ ไหลของไอระเหยท่จี ะทําใหสารแนฟทาลนี เขาสอู ากาศ และกอนใชเ สือ้ ผาจากตู 82 ท่มี ีการใชล กู เหม็น ควรนําไปผง่ึ แดดหรือผง่ึ ลมกอน เพอ่ื กําจัดกลน่ิ และไอระเหยของ 83 แนฟทาลนี ที่ตกคางบนเสอ้ื ผา อีกครัง้ กอนสวมใส นอกจากนีค้ วรหลีกเลย่ี งการใชลกู เหมน็ 73 กบั เส้ือผา หรอื ผาหมของเดก็ เพอื่ หลีกเลยี่ งความเสย่ี งจากโรคราย หากไมจ าํ เปนจรงิ ๆ 81 ขอแนะนําวา ไมควรใชล กู เหมน็ นา จะดกี วา เพราะอาจมผี ลกระทบตอสุขภาพในระยะยาว 74 โดยทเี่ ราไมรตู วั ขอ ไดเปรียบของการมองโลกในแงด ี การมองโลกในแงมมุ ดี ๆ เปน วธิ ี 81 เปลยี่ นแปลงชวี ิตทที่ ําใหห ลายตอหลายคนไดพ บกับความสขุ ที่แทจ รงิ หลงั จากคน หา 74 มานาน ความสขุ ทีค่ นมองโลกในแงด ีไดร ับก็ดว ยเหตผุ ลทว่ี า มีขอ ไดเปรียบทางชีววทิ ยา 75 จากการศกึ ษาในสตั วทดลองพบวา ความรสู กึ ไรท ี่พ่ึงและส้นิ หวงั ซง่ึ คนทีม่ องโลก 87 แงร ายมกั เปนกันนัน้ ทาํ ใหระบบภูมิคมุ กันของรางกายออ นแอ จากการศกึ ษาพบวา 76 พวกทมี่ องโลกแงด มี ีเซลลน กั ฆา (เอน็ เค) ซงึ่ ทาํ หนา ทีต่ อสกู บั เชอ้ื โรคในระดบั ที่สงู กวา 82 กลมุ คนท่มี องโลกในแงร า ย ดแู ลตวั เองไดด กี วา โดยท่วั ไปกลมุ ทมี่ องโลกในแงดี 77 จะสนใจสงิ่ ท่ีสง เสริมเร่อื งสขุ ภาพ เชน การออกกาํ ลงั กาย เม่ือมีปญหากม็ ักไมรีรอท่ี 80 จะขอคาํ แนะนําจากแพทยห รอื ผเู ชย่ี วชาญ แตก ลุมทีม่ องโลกในแงรายมกั จะหลีกเลย่ี ง 75 การปองกนั โรคภยั ทีจ่ ะขามาคุกคาม เชน ไมเ ขา รับการฉดี วัคซนี ปอ งกนั โรค นอกจากนี้ 76 ยงั พบวา คนทมี่ องโลกในแงร ายมแี นวโนม ในการเลกิ บหุ รีไ่ ดสาํ เร็จนอ ยกวาและมกั 49 เจบ็ ไขไ ดปวยมากกวามกั รสู กึ วาทาํ อะไรไดน อยกวากลมุ ที่มองโลกในแงดีมกั จะ สามารถจัดการกับความเครยี ด และควบคมุ ชีวิตไดด ีกวา 149
ขอ 20 64 วฏั จักรชีวติ ของคนกับนก นกกระจอก นกพิราบ นกเขา นกอแี พรด นกกางเขน 79 74 ช่ือขางตนเปน ชอ่ื นกทีด่ ิฉันพบเปนประจาํ ทบ่ี า นซง่ึ ก็คงไมแ ตกตางจากบา นในเมือง 77 หลังอนื่ ๆ อยา งแนน อนนกกระจอกที่บา นของดิฉนั มขี นาดฝูงยอม ๆ ประมาณ ๒๐ ตัว 79 ชอบเกาะตามสมุ ทมุ พุมไม หรอื ไมก ค็ ยุ พนื้ ทรายจนเปนหลุมแลวซกุ ตัวลงไป แลวยัง 83 สง เสียงจอ กแจก สมกบั เปน “นกกระจอกแตกรัง” จรงิ ๆ สว นนกพิราบก็มอี ยกู ลมุ ใหญ 78 เกาะอยูท ่ีดาดฟา อพารต เมนตข า งบาน นกเขานน้ั มาเปน คู มักจะมาเดนิ หากนิ ที่สนามหญา 75 แตร ะยะหลงั นกเขาหายหนา ไป คงเปน เพราะมแี มวไมไดร ับเชญิ หลายตัว เขา มาเพน พา น 74 ในอาณาบริเวณบา นนกอแี พรดก็นา รักดี ตวั สดี าํ มอ ๆ เลก็ ๆ และอยูไมน ่ิงเปนยอด 80 เรอื่ งบนิ โฉบแมลง บางทีตนมะมวงหนา บา นกก็ ลายเปน เวทีใหนกอีแพรดสองตัวก็มา 74 บินไล สงเสยี งเกรียวกราวเหมอื นกาํ ลงั วิวาท ในวนั หยดุ ดฉิ นั มักจะเปดนํ้าใหนาํ้ คอย ๆ 85 รินลงถาดดินเผา นํา้ ตกถึงพนื้ ก็กระจาย กจ็ ะไดเหน็ อแี พรดตวั นอ ยมากางปก รบั นาํ้ 78 เกือบทุกครงั้ รงั รูปถว ยกลม ๆ ใบเลก็ ๆ ของนกนอ ยชนดิ นกี้ น็ า รักนาเอน็ ดูดี มนั เลก็ มาก 78 เสียจนไมน าเชื่อวาจะมีนกอยูไดแตก ็จะมีลกู นกอยางนอ ยหนงึ่ หรอื สองตวั เสมอเลย 79 สวนนกกางเขนจะบนิ เด่ยี วมาเงยี บ ๆ ตวั สีดาํ มันขลบั ตดั กบั ขนขาว ๆ ทห่ี นา อก รายนนั้ 80 ดสู งบสขุ ุม เจา ประจาํ ทแ่ี วะมาท่ีบา นชอบเกาะน่ิง ๆ ตรงขอบอางบวั ท่รี มิ รวั้ นอกจาก 82 นกหา ชนดิ ทพ่ี บประจาํ แลว ยังมนี กอน่ื ๆ อีกสองสามชนดิ ทเี่ หน็ บอยแตก็ไมร จู กั ชือ่ 81 แลวยงั มชี นิดทไ่ี ดยนิ แตเ สียง แตไ มเคยเจอตัวเลย นกรอ ง กง ๆ ๆ ๆ พอบอกวา เปน นก 78 ชา งทอง ความรูเรอื่ งนกของดิฉันมนี อยเต็มที อาจจะรจู กั หนาตานกชนิดอ่ืน ๆ อีกบา ง 78 เชน นกแกว นกขนุ ทอง นกเอยี้ ง นกนางแอน นกหงสห ยก เปน ตน ดงั น้ัน เม่อื ไดอา น 77 บทความเรื่องการเดนิ ทางของนกอพยพ เขยี นโดย คณุ รุง โรจน จุกมงคล ซงึ่ เปน นกั ดนู ก 75 ดฉิ นั ก็รูสกึ วา ไดขยายขอบเขตความรเู รอื่ งของตวั เองขึ้นอีกเชนวา นกในบา นเรา 75 จาํ นวนหน่งึ ในสมาชิกเปน นกอพยพที่บนิ หนคี วามหนาวเยน็ จากแดนไกล ไดรูวา เหยี่ยว 77 ก็เปนนกอพยพชนดิ หนง่ึ อา นแลวกย็ งั นึกอยากไปดูนกบา งคงจะเพลดิ เพลนิ ดี ตอนนี้ 73 โรคไขหวดั นกกร็ ะบาดในบา นเราเปน รอบท่ีสามแลว รอบน้กี นิ พน้ื ทแี่ พรกระจายไปยัง 78 ภมู ภิ าคอื่น ๆ ของโลก และดเู หมือนจะทาํ ใหนกอพยพตกทนี่ ั่งลาํ บากเนื่องจากบางคน 78 คิดวามนั คือพาหะนาํ โรคไปยงั ดินแดนปลายทาง แตก็ยงั ไมม ีขอ พสิ จู นใ ด ๆ ทจี่ ะทําให 72 เราปกใจเชอ่ื เชนนน้ั เรือ่ งนค้ี งตองตดิ ตามกนั ตอ ไป ไขห วัดนกรอบทส่ี ามนี้ดิฉนั 75 สงั เกตวา ตามสถานพยาบาล (อยา งนอยสามแหง ที่ดฉิ นั ไดม โี อกาสแวะไปเมือ่ ชว ง 70 ตน เดือนทีผ่ านมา) มกี ารประชาสัมพนั ธถ ึงวธิ ีการปอ งกนั ไขหวดั นกอยา งเขมขน 75 เรียกไดว าเหน็ ไดทวั่ ไปในโรงพยาบาลโดยมขี อความประชาสัมพันธในทาํ นองวา 74 “หากทา นมปี ระวตั ิสัมผัสสัตวปกปว ยหรอื ตาย กรณุ าแจง ใหท ราบดว ย” เจอขอความ ซํา้ ๆ กนั ทาํ ใหด ิฉนั ฉกุ คดิ วา แลว ตวั เรามคี วามระมัดระวังในเร่ืองนม้ี ากขน้ึ 150
ขอ 21 72 สองตายายในภาวะนาํ้ ทวม เมื่อเขา สูฤ ดูฝน หลาย ๆ คนคงมคี วามกงั วลเกี่ยวกับ 76 77 อากาศเปลยี่ นแปลง เพราะจะทําใหเ กิดอาการไข ไมสบายเนอ้ื ตัวหรือเปนหวดั ไดงาย 68 โดยเฉพาะผูป กครองของเดก็ ๆ ทชี่ อบเลน นํา้ ฝนจนตวั เปย ก หรอื ผูที่ข่มี อเตอรไซค 83 ฝา สายฝนไปทาํ งานหรือกลบั บา นนอกเหนอื จากการไมส บายกายเหลา น้แี ลว ความ 79 ไมส บายใจอาจเกดิ จากความ “กลวั วา นาํ้ จะทว ม” กเ็ กดิ ไดก ับผูทอ่ี ยูเขตทีท่ างการประกาศ 79 วานํ้าสามารถทวมถึงได ตาสขุ กับยายสมอาศัยอยใู นเขตนํา้ ทวมถึง คงจะไมน า เปน หวง 78 ถาแกสุขภาพดแี ละอาศัยอยูกบั ลกู หลานทค่ี อยดูแลเอาใจใสแตการณอาจไมเปนเชน นน้ั 76 เนอื่ งจากทต่ี าสขุ ซงึ่ ขณะนม้ี อี ายุ ๖๑ ป และยายสมมอี ายอุ อ นกวา สองปตางก็มีโรค 73 ความดันโลหติ สงู และโรคไขมันในเลือดสงู เปนโรคประจําตวั ทงั้ คูไมส ามารถคมุ ระดับ 73 ความดนั โลหติ และไขมันใหอ ยใู นเกณฑท แ่ี พทยแ นะนําได นอกจากนยี้ ายสมยงั ประสบ 79 กับภาวะแทรกซอนกบั โรคท้ังสอง อนั ไดแกหัวใจลมเหลวและไตวายเร้ือรงั อกี ดวย 75 ผมคิดวา แยท สี่ ุดคือ แกอาศัยอยูดว ยกันสองตายายโดยไมม ีลกู หลานมาเยยี่ มเยยี นหรือ 74 คอยดูแลเอาใจใสท ันทีทพ่ี ยาบาลเยย่ี มบา นนาํ ปญ หาตายายสองคนมาเลา ใหผ มฟง ทาํ ให 70 ผมตดั สินใจกาํ หนดนัดหมายวันเวลาท่ีจะออกไปหาแกทนั ที ณ วนั ทอ่ี อกเยย่ี มบา นนนั้ 76 ฤดูฝนไดยา งกรายเขามาแลว ฝนทต่ี กหนกั ในตอนเชา ขณะนีเ้ หลือเพยี งฝนพลาํ ๆ 77 พอใหท ีมเยยี่ มบานราํ คาญ จงึ มนี ้าํ เจ่ิงนองอยบู ริเวณทางเขา บานของตายายทง้ั สอง 82 อยูใ นบริเวณทางเขาบา น บา นของตายยายทง้ั สองคนอยใู นบริเวณท่มี ผี นู ยิ ามไวว า 71 เปนแหลง เส่อื มโทรมหรือสลมั เหตทุ เ่ี ปน เชน นนั้ เนือ่ งจากวา เปน บริเวณท่มี ีผอู าศยั 74 อยหู นาแนน และตลอดเสน ทางเราไดก ลนิ่ ของนา้ํ เสยี โชยมาแตะจมกู อยตู ลอดเวลา 71 เพราะทางเดนิ ทเี่ ขา ไปนน้ั ทอดขนานกบั ลาํ คลองดังกลา ว ซ่ึงเมอ่ื หนาฝนปท ่ีแลว 70 คลองระบายนา้ํ สายน้เี องทีเ่ ออ ลน ทะลกั เขา ทว มบา นชมุ ชนบรเิ วณนัน้ รวมทงั้ 72 บา นตาสขุ กบั ยายสมจงึ ทาํ ใหต าสขุ กบั ยายสมมโี รคตาง ๆ เขามาแทรกซอนมากมาย 78 เพราะฉะนน้ั เราควรชว ยกันแกป ญหาอยางโดยเรว็ ทีส่ ดุ กอ นท่ีจะมีคนอกี มากมาย 72 ทจี่ ะตองทุกทรมานแบบตาสขุ กับยายสม วธิ เี ลี้ยงเดก็ ในยุคโลกาภิวตั นน นั้ บดิ ามารดา 78 และผูเกย่ี วขอ งควรประพฤติตนใหเ ปน ทเ่ี คารพศรัทธาของเด็กเพือ่ จะทาํ ใหเดก็ 81 เกดิ ความเช่ือถอื มั่นใจและไวว างใจเดก็ จงึ จะเช่อื ฟง คําสง่ั สอน ตอ งใหค วามใกลช ิด 73 และรักษาคาํ พูด รจู กั ใหเ กยี รตแิ ละยอมรับในตัวเดก็ ดว ย การใหเ กยี รติ หมายถงึ การยอม 78 ใหทาํ อะไรดว ยตนเอง มอี ิสระทางความคดิ เด็กมักมคี ําถามอยเู สมอ เพราะอยใู นวยั 72 อยากรอู ยากเห็น อยากทดลอง และมีจนิ ตนาการสงู ไมควรปดก้นั สงิ่ เหลา นด้ี วย คาํ วา 81 “อยา” รกั ษาระยะทหี่ า งพอประมาณ พรอมจะชวยเหลอื ยามทเี่ ขาตอ งการไดท นั ที 47 เพอ่ื ไมใหเกดิ ความเสยี หายหรอื เปนอนั ตราย ตอ งปฏิบัติเหมือนเขาเปน ผูใหญ จึงตอง สอนใหเ ขารูจ กั และฝก การใชค วามคดิ การวเิ คราะห 151
ขอ 22 59 ทอ งฟา ทงุ นา พยากรณ “มดดําขนไข สงสยั ฝนจะตกใหญเ สยี แลว ” 77 72 เม่อื ไดเห็นมดดาํ ขนไขไตเ ปนทางยาวข้ึนมาตามเสาบา น ฉนั ตองเร่มิ ปฏิบัติหนา ท่ี 74 ตามหารังมนั ใหเ จอ แลวกวาดทิง้ ใหเ กลยี้ ง เพราะมดพวกนีม้ ันจะชอบขนไขมาซกุ 73 ไวใตก ระสอบขาวสารบา งละ กองผาบา งละ มนั คงชอบความเยน็ ทาํ ใหเ วลาคล่ีผา 67 จะใสทีไรเปน ตองสะดงุ โหยงทกุ ที เจา พวกน้ีแมจ ะไมม พี ษิ สง แตมนั กไ็ ตไ ด 68 อยางรวดเร็วขน้ึ ไปตามหัวตามตวั สรา งความรําคาญ ฉนั ไมใ ชคนใจรา ยหรอก 76 แตม ันเปน หนา ที่ เพราะแมม อบหมายใหเ ปนผพู ทิ กั ษค วามสะอาดประจาํ บาน 70 จึงตองเปน ศตั รูกบั มดทุกชนดิ ไปโดยปริยาย ตงั้ แตจ าํ ความได สง่ิ แวดลอ มที่เหน็ 81 อยทู ุกวนั คือทอ งนากวา งใหญไกลสดุ ลกู หลู ูกตา มีตน กระทมุ ขนึ้ ระเกะระกะ 76 อยูตามหวั ไรป ลายนา มีควายเดนิ เล็มหญา อยใู กล ๆ เนนิ ตน กระทุม นกี่ ระมังทีท่ าํ ให 80 พืน้ ท่แี หง นถี้ กู ขนานนามวา “บางกระทุม” ซง่ึ เปนอาํ เภอหนง่ึ ในจงั หวัดพษิ ณุโลก 78 สว นชายทงุ ท่เี หน็ อยูลิบ ๆ นน้ั เปนอกี หมบู า นหนงึ่ ทม่ี ีตน ไมเ ปน รอยตอระหวา ง 78 ขอบฟากับทอ งทงุ เวลาทห่ี มบู า นโนน เขามงี านบวชหรืองานแตง งานทไี ร มักจะมลี เิ ก 78 หรอื บางทกี ห็ นังกลางแปลงมาฉายใหด ู เสยี งเครื่องไฟจะดังแวว ๆ ขา มทงุ มาปลกุ เลา 74 ความรสู กึ ทาํ ใหจติ ใจมนั คกึ คักจนอยูไมตดิ บาน พอสนิ้ แสงตะวนั แมแ ละเพ่ือนบา น 80 จะพากันเดินขา มทงุ ไปเปน กลุมใหญ โดยมฉี ันและพี่ตดิ สอยหอยตามไปดว ย ในมอื 74 จะถือมะยมกบั เม็ดมะขามค่ัวสําหรับนง่ั เคยี วเวลาดูหนงั ดลู ิเก สว นแมกม็ กั จะถอื เสอื่ 74 และผายางสาํ หรบั กันฝนติดมอื ไปดวยเสมอ ชีวติ ตา งจังหวดั อยา งฉนั ผูกพนั อยูกบั 67 ธรรมชาติและอาศัยพง่ึ พาธรรมชาตเิ ลย้ี งชพี ถงึ หนา ฝน ครอบครัวชาวนาอยา งพวกเรา 71 จะมคี วามสุขกันมากเพราะฝนจะนําความอดุ มสมบูรณมาให ทอ งทงุ จะเขยี วขจี 68 ไปดว ยตนขา วเหมือนปลู าดดว ยพรมสีเขยี วขนาดใหญ ปลาหมอ ปลาชอ นจะเถือกไถล 70 ไปตามทอ งทงุ ท่มี ีนาํ้ สามารถจะจบั มาเปน อาหารได กบนาจะออกจากการจําศีล 76 ฉันกจ็ ะไดก นิ ตมยาํ กบใสใ บมะขามออ น ฉันชอบสายฝนแรก มนั ชา งเย็นฉํา่ ชื่นใจ 71 เดก็ ๆ อยา งฉนั จะเรงิ รา อยทู ามกลางสายฝนกบั เพ่อื นวยั เดียวกัน แตห ลังจากน้นั 82 ตองมาหวาดหวน่ั กับกา นมะยมแทน เพราะฝมือแมน น้ั แหละ หวดมาแตละทเี จ็บลกึ 70 ไปถึงขัว้ หวั ใจ จนอยากจะตดั ตน มะยมทง้ิ ใหรแู ลวรูร อดไปเลย ผใู หญช า งไมเ ขาใจเลย 74 ทํายงั กับวาตอนเด็ก ๆ ไมเ คยออกไปเลนนา้ํ ฝนอยา งนน้ั แหละ นา้ํ ตก ๙ มงั กร 71 เรากเ็ ดินทางมาถึง นา้ํ ตกเกามังกร ซง่ึ เปน นา้ํ ตกทมี่ คี วามสวยงามและใหญท ส่ี ุด 79 ของมณฑลยนู านโดยมคี วามสูงกวา ๕๖ เมตร กวา งถงึ ๑๑๒ เมตร เราโดยสารกระเชา 66 เพอื่ ข้นึ ไปชมทวิ ทัศนม ุมสงู ของนา้ํ ตกและเดินลดั เลาะลงมาเบ้อื ง เพื่อสมั ผัสกับละออง 55 นาํ้ เยน็ สบายกระทบโขดหนิ ทก่ี ระเซน็ ปะทะใบหนา เราชนื่ ชมความงามและความ ยิ่งใหญของสายนา้ํ แดนมงั กรอยูพกั ใหญก อ นที่จะกลบั ขนึ้ รถ 152
ขอ 23 68 อปุ สรรค สามีบอกวา ไดอ านบทความท่ีเขียนเกย่ี วกบั ธรรมะแลว ดเู หมอื น 64 71 หมอจะถายทอดภาษาธรรมมาเปน ภาษาธรรมดาที่อา นแลว เขาใจงา ย นอกจาก 68 การเขยี นหนงั สือแลว ชวี ิตขา ราชการเปลยี่ นไป จากการอยูใ นหอ งทาํ งานเล็ก ๆ 75 เงียบ ๆ ไมม ขี า ว กลายเปนคนสาธารณะ ทําอะไรก็เปน ขา วมภี าพลงหนา หนงึ่ 72 หนงั สือพมิ พบอ ยมาก จากทไี่ ดรับความสนใจ เหน็ ใจ เริ่มมคี นหมั่นไสไ มช อบหนา 78 มาจนปท ีผ่ า นมาถือเปน ปท มี่ คี นตําหนอิ ยา งรุนแรงสูสาธารณะชน หลายคนถามวา 66 เปนอยา งไรบา งกอ็ า นกันทน่ี ีแ่ หละ กอ นอนื่ ตอ งบอกวาพื้นนิสัยเดมิ ของหมอไมเคย 70 เปล่ยี นแปลงเลยในเร่ืองของการวางแผนแนวทางในการใชชวี ติ หลักการของหมอ 77 คือไมว า จะทาํ อะไรตองคดิ กอ นตอ งหาเหตผุ ลท่มี าที่ไปไมใชทําตามโดยไมคดิ 65 แตท ีเ่ ปลี่ยนคอื การเรียนรูชวี ติ โดยใชธรรมะอยางท่บี อกมาตลอดวางานทที่ ําทุกวัน 82 สะทอนสจั จะธรรมจนเขา ใจแลววาการใชช วี ิตในโลกน้คี วรดสี ะสมไวค วาม 67 เปลยี่ นแปลงทเี่ ขามาในชวี ติ นัน้ รตู วั ดีวา เปน ภาวะทเี่ รยี กวา “ธรรมจักสรร” ซงึ่ ถกู 75 กาํ หนดใหม ุงเนน หนกั เพราะภารกจิ ที่จะเขา มาตอ งนกั แนนอน และในท่สี ุด 70 ทุกอยา งกเ็ กิดขึน้ ดงั คาด เพยี งแตอ อกจะแปลกใจวาสงิ่ ทเ่ี กิดขน้ึ ในปท ่ีผา นมา 75 บอกสัญญาณอะไร เพราะตาํ แหนง ผอู าํ นวยการสถาบนั นิตวิ ทิ ยาศาสตรท นี่ าจะเปน 77 ภารกิจสุดทา ยในชวี ิตขาราชการ ทาํ ไมแบบฝกหดั บทนี้จึงหนกั หนา “อุปสรรค” ตาง ๆ 75 ในชีวิตทผี่ า นมาดปู ระหนึ่งวา มกี ารจัดการเหมือนเปน แบบฝก หัดใหร วู า กาวตอ ไป 78 ของชวี ิตเปนเชน ไร ความทเี่ ปนคนชา งคดิ ชา งสงสัย แสวงหาคําตอบส่ิงที่เกดิ ขน้ึ 72 ในชวี ติ ใชธ รรมะจบั จงึ เขา ใจไดวา ธรรมะคงจดั สรรใหต ัวเองเปน ผทู ต่ี องแสดงบทบาท 77 ความเขาใจพน้ื ฐานเชน นท้ี ําใหหมออดทนไดม าตลอด สิ่งทย่ี ังคงชาํ ระไมอ อกหรอื 71 ความรสู กึ เจ็บเมือ่ ถูกกระทบหรือถูกกระทาํ เหมอื นเวลาถกู ตศี รี ษะแลว เจ็บเม่ือถูก 78 กระทบหรอื ถกู กระทาํ ซง่ึ ไมมยี ารักษาใด ๆ นอกจาก “ธรรมโอสถ” สิ่งที่เกดิ ขนึ้ 71 หนกั หนวงในปท่ผี านมาเปน เรอื่ งกระทบใจทัง้ น้ันตง้ั แตก ารลงไปชว ยงานสึนามิแลว 70 ถกู กลา วหาวา ทํางานไมไ ดมาตรฐานผดิ กฎหมายตงั้ แตเ รมิ่ ตน ตามตอ มาดวยการ 72 ตอดนิดตอดหนอยมาจนกระทง่ั การจดั แถลงขาวตาํ หนิอยา งรนุ แรงเม่อื วันเกิดหมอ 69 ทีผ่ านมาแถมยงั แตกดอกออกผลมากลา วหาวา มกี ารโกงเงนิ บริจาค เหตุการณท ส่ี อง 74 คอื ปญ หาของการทาํ งานในกรมทจ่ี ัดต้ังใหมด วยขอ จาํ กดั ทกุ อยา งแตถ ูกกาํ หนด 72 ขอบังคบั การตอ สฝู า ฟนเพอื่ ใหบ รรลุเปาหมายกลายเปน เร่ืองราวกระทบกระทัง่ 73 ของคนทาํ งาน ซึง่ ทุกคนตองเหนอื่ ย ตองอดทนและไมม ที างไดอ ยา งใจแตดเู หมอื น 71 หมอจะเผชญิ กบั เจา กรรมนายเวรหรอื มารผจญผมู าขอรวมงานกลาวเท็จใหรา ย มกี าร 85 ทาํ ตวั เปนนักรอ งไมส ังกัดคา ยรอ งศาลปกครองปลัดกระทรวง รัฐมนตรี ถวายฎกี า ลาสุดรอง ปปช. หากจะอธบิ ายใหง ายที่สดุ เขาเปน นกั รอ งเชน น้มี าตั้งแตอ ยูส ังกัดเดมิ 153
ขอ 24 71 สถานรี ถไฟ ภาพถา ยนกั ทอ งเทยี่ วกับปายสถานรี ถไฟ เปน ภาพทเ่ี หน็ กนั บอ ย ๆ 74 68 ในอัลบ้ัมของครอบครัว เคยนกึ สงสยั หรอื ไมว า ทาํ ไมนกั ทองเที่ยวยคุ กอ นจงึ นยิ ม 75 ถายภาพในลกั ษณะนก้ี ันนกั รถไฟถอื เปน บริการการคมนาคมยคุ แรก ๆ มเี สน ทาง 80 กวา งไกลเชื่อมโยงทกุ ภูมภิ าคของประเทศ ในยุคนน้ั รถไฟจึงเปน การเดนิ ทางทสี่ ะดวก 78 ปลอดภยั ทส่ี ุด เปนทน่ี ิยมของคนชน้ั กลางที่มีฐานะทางเศรษฐกจิ ดีและนยิ มการทองเท่ียว 75 การเดินทางจากถนิ่ ทีอ่ ยูอาศัยไปยังดนิ แดนตา ง ๆ ถือเปน การ “ผจญภัย” รูปแบบหนงึ่ 78 ในยคุ ที่บา นเมอื งยังไมเจรญิ ถนนหลทางยงั ไมสะดวกเชน ปจ จบุ นั การไปถึงจุดหมาย 75 จึงเปนความสาํ เรจ็ ของการเดินทางทตี่ อ งบนั ทกึ ไวเปน ทรี่ ะลึกและเปนหลักฐานยืนยนั 70 ปา ยสถานรี ถไฟจงึ เปน โลเคชนั ยอดนยิ ม ถงึ กับรา นถา ยรปู เมอื่ คร้ังอดตี มีฉากปาย 72 สถานรี ถไฟตา ง ๆ ใหเ ลือกถา ยไดตามชอบใจ สถานีรถไฟเปน สถานท่ไี มก่ีแหง 69 ของประเทศทย่ี ังคงรกั ษาบรรยากาศแบบเดิม ๆ ไวไ ดมากทงั้ สถาปต ยกรรมของอาคาร 73 ปายสถานี ชวี ติ ริมทางรถไฟ สถานรี ถไฟจงึ เปน ความทรงจําราํ ลึกของใครหลายคน 72 กวา จะมาเปน กอนหิน หนิ แบงออกเปน สามพวกใหญ ๆ คอื หินอคั นี หนิ ช้นั (หรือ 73 หนิ ตะกอน) และหนิ แปร หนิ อคั นี เกดิ จากแมกมาหรือหนิ รอ นเหลวใตพ ้นื โลกข้นึ มา 73 เยน็ ตัวและกลายเปน หนิ หนิ ช้ัน เกิดจากการทบั ถมของตะกอน (ที่เกดิ จากการผุพัง 72 ของหนิ ) ถกู อดั แนนและเชอ่ื มติดกนั จนจบั ตัวกลายเปน หนิ หินแปร เกิดจากการท่ี 74 หินอคั นี หนิ ชน้ั หรือหนิ แปรถูกเปลย่ี นสภาพไปจากเดมิ ดว ยความรอ นและความดนั 78 ใตผิวโลก นบั แตม นษุ ยย คุ หนิ คนแรกไดน ําหินมาดดั แปลงเปน เคร่ืองมอื เครอื่ งใช 78 ต้งั แตนั้นมามนษุ ยก ็ไมเคยหยุดใชประโยชนจ ากหนิ หนิ ถกู เสกสรรปน แตง และแปรรูป 76 นาํ มาใชในชวี ติ ประจําวนั ของมนษุ ยในทกุ ๆ ชว งเวลาของชวี ติ ต้งั แตเกดิ จนกระทั่งตาย 71 ชาวอยี ิปตน ําหินทรายมาจดั เรยี งใหเปน สงิ่ กอ สรา งอนั อศั จรรย นามวา “พรี ะมดิ ” 70 ชาวกรกี นาํ หนิ ออ นมาและสลักและกอ สรา งมหาวหิ ารเพอื่ บูชาเทพเจา สวนชาวขอม 76 กน็ าํ หนิ ทรายมาตดั และสลักเสลา ประกอบกนั เขา เปน เทวสถานอนั ยงิ่ ใหญ นามวา 75 “นครวดั ” แตใ ครเลยจะรวู า กวา จะมาเปน หินใหมนุษยน าํ ไปใชส อยนนั้ จะตองผา น 81 กระบวนการธรรมชาติใดมาบา ง การเดนิ ทางของหินตงั้ แตเ ริ่มกอ กําเนดิ จนกลายมาเปน 79 หนิ ท่ีเราเปน นน้ั มีความเปนมาอยา งไร นี่คอื การยอ นกลบั ไปสูจดุ เริ่มตน การเดนิ ทาง 77 อันยาวนานของส่งิ ท่ีเรียกวา “หนิ ” ยคุ สมยั ที่ดอทคอมเฟอ งฟู ใคร ๆ ก็อยากเขามามี 75 สว นเก่ยี วขอ งกับธรุ กิจนที้ ง้ั น้ัน และคาํ ตอบของคําถามขางบนก็คงจะเปนวา “อนาคต 81 ตอ งดีแนน อน” และหลากหลายตวั อยา งของเหตกุ ารณใ นชว งนน้ั กบ็ ง ช้ไี ดวา นาจะ 71 เปนเชน นนั้ จรงิ ๆ เชน การเปด ตวั ของเว็บไซตต าง ๆ ที่ไดรับความสนใจจากส่ือมวลชน 70 ทง้ั ในและตางประเทศ หรือการท่บี ริษทั ดอทคอมเรยี งแถวการเขาตลาดหลักทรัพย (ในตางประเทศ) กนั ใหญแ ตห ลงั จากนัน้ ไมน าน สงิ่ ที่เคยเฟอ งฟูกถ็ ดถอยลง 154
ขอ 25 69 ทําไมทองฟา จงึ มสี ฟี า แสงเปน พลงั งานชนดิ หนงึ่ ประกอบดว ยคลืน่ แสงสีแดง 78 73 สม เขียว ฟา และมวง สว นทองฟามีแตอ ากาศทป่ี ระกอบดว ยโมเลกลุ กาซขนาดเลก็ มาก 73 และของแขง็ เล็ก ๆ เชน ฝนุ เมอื่ แสงกระทบกับโมเลกุลกา ซและฝนุ มนั จะสะทอน 75 ออกไปทุกทิศทาง ซง่ึ บางสกี ็จะทะลผุ า นอากาศไปได เชน สีแดง และสม แตส ฟี า 83 จะสะทอนออกหมด ทาํ ใหกระจัดกระจายอยเู ต็มทอ งฟา เม่อื เรามองทอ งฟา แสงสฟี า 77 เหลา นีก้ ็จะมาเขาตาเรา เราจงึ เหน็ ทอ งฟามสี ีฟา ตรงขา มกบั อวกาศทไี่ มม ีโมเลกลุ กา ซ 71 และฝนุ ใหตกกระทบ ทอ งฟา ในอวกาศจงึ มสี ีมดื ดํา “ทกุ ๆ เชาพระอาทติ ย ผูเ ปน เทพ 72 ที่คอยควบคมุ สรรพชีวิตบนโลก จะเทยี มรถเลอ่ื นของพระองคอ อกไปทว่ั ทงั้ ฟา ทาง 73 ทิศตะวนั ออกในตอนเชา พอตกเยน็ พระองคกค็ อยๆ เทยี มรถมากลับไปยังที่ประทบั 86 ของพระองคท างทิศตะวนั ตก” ตํานานน้ีผกู พนั กบั วถิ ชี ีวติ ของชาวไทยมาเปน เวลานาน 74 ซ่ึงแตล ะชนชาตกิ ม็ ีเรื่องราวท่ีแตกตางกัน เรอ่ื งขา งตน กเ็ ปนตาํ นานไทย ทผี่ เู ฒาผูแก 69 ท้ังหลายมกั จะเลาใหล กู หลานฟง จนเราจาํ ไดจนขน้ึ ใจแลว วา พระอาทิตยข ้ึนทาง 70 ทศิ ตะวนั ออกและตกทางทศิ ตะวันตก มนุษยเราทราบวา ดวงอาทิตยน นั้ ขน้ึ ในทาง 73 ทิศตะวนั ออก และจะตกในทางทศิ ตะวนั ตก แตจะเกดิ อะไรข้ึนละ ถา สกั วันหนึง่ 75 ดวงอาทติ ยเ กดิ กลบั ตาลปตรไปขึน้ ในทางทศิ ตะวนั ตกซะละ ผมคดิ วา ถาดวงอาทติ ย 78 ขึน้ ในทางทศิ ตะวันตกจรงิ ๆ ละก็ จะเกดิ ผลกระทบตอโลกเราไมนอยทเี ดยี ว ตง้ั แต 80 เรอื่ งเวลาตา ง ๆ ทวั่ โลกจะเปล่ียนแปลงไป กลางวันกลายเปน กลางคนื รงุ อรุณมาเยอื น 73 ชาหรอื เร็วไป ทาํ ใหม นษุ ยไมส ามารถปรับตัวใหเขา กับเวลาท่ีเปลย่ี นไปได นอกจากน้ี 76 สง่ิ มชี ีวิตหลายชนิดทธ่ี รรมชาตไิ ดออกแบบมาใหเ หมาะสมกับสภาพแวดลอมเฉพาะตวั 74 ทไ่ี มม ใี นทีอ่ ่นื ๆ กอ็ าจจะเกดิ การเปล่ยี นแปลง เกดิ การววิ ัฒนาการ สัตวบ างชนิด 70 ไมส ามารถจะปรบั ตวั ไดกต็ อ งสญู พนั ธไุ ป ส่งิ แวดลอ ม สถานท่บี างแหง อาจจะเกิด 74 การเปล่ียนแปลง สูญเสยี ความงดงามอนั ทรงคณุ คา ไป สรุปแลวการทพี่ ระอาทิตย 78 เกิดเปลย่ี นไปข้ึนทศิ ตะวนั ตก จะเกิดผลในดานลบตอโลกมากมาย แมแตว ิทยาศาสตร 75 เทคโนโลยอี นั กาวหนาของมนษุ ย กไ็ มสามารถท่ีจะยับยง้ั เอาไวไ ด ถงึ อยา งไรกต็ าม 69 พระอาทติ ยก ย็ งั คงโคจรไปเหมือนเดมิ ตามที่ธรรมชาติไดว างกฎเกณฑเอาไว หากวนั ใด 72 พระอาทิตยเ กดิ การเปลี่ยนแปลง วันนน้ั ธรรมชาตกิ ็จะสรรสรา งโลกใหมของเรา 76 ใหเ หมาะแกก ารดาํ รงชีวิตตอ ไป การปน จกั รยานเพ่ือสรา งเสริมสขุ ภาพแพรห ลาย 65 เพ่ิมขน้ึ แตว ธิ ที ี่นา จะไดป ระโยชนจ รงิ นาจะใชจ ักรยานเปน การเดนิ ทาง เพราะ 77 ไดอ อกกําลงั ไปในตวั และยงั ประหยดั นา้ํ มนั ในยคุ นาํ้ มันแพงและไมกอมลพิษ 76 ไดประโยชนเ กนิ คุม ถาหากรฐั บาลมีวาระแหงชาตสิ รา งเสนทางจกั รยานไวบ นทางเทา 45 เพอื่ ใหป ลอดภัยและไมท าํ ใหจ ราจรติดขัดในกรุงเทพฯ และในเมอื งใหญ ๆ จะถือไดว า รัฐบาลมนี โยบายสาธารณะเพอ่ื สุขภาพ ทด่ี ที เี ดียว 155
GWAM (คาํ นวณคําแบบระคน) วิชาพมิ พไ ทยเบือ้ งตน ภาคเรียนท่ี / รหสั เลขที่ กลุม ระดับช้ัน ชื่อ นามสกุล GWAM ครง้ั ครง้ั ครั้ง ครัง้ ครง้ั ครั้ง ครงั้ ครั้ง คร้งั ครั้ง ครง้ั คร้งั คร้ัง ครง้ั คร้ัง ครง้ั ครั้ง ท่ี ที่ ที่ ที่ ที่ ที่ ท่ี ท่ี ที่ ที่ ที่ ที่ ที่ ท่ี ที่ ท่ี ท่ี ว.ด.ป. 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 เฉลีย่ นาที คาํ สุทธิ 50 ขึ้นไป 46-50 41-45 40 39 38 37 36 35 34 33 32 31 30 29 28 27 26 25 24 23 22 21 20 19 18 17 16 15 14 13 12 11 10 ต่ํากวา 10คํา พยาน 156
NWAM (คํานวณคําสุทธิ) วชิ าพิมพไ ทยเบื้องตน ภาคเรยี นท่ี / รหัส เลขท่ี กลุม ระดับชั้น ชือ่ นามสกลุ NWAM ครง้ั คร้งั ครั้ง ครั้ง คร้งั ครั้ง ครง้ั ครง้ั ครัง้ ครั้ง ครงั้ คร้ัง ครงั้ คร้งั ครั้ง คร้งั ครง้ั ที่ ท่ี ที่ ที่ ที่ ที่ ที่ ท่ี ท่ี ท่ี ท่ี ที่ ที่ ท่ี ท่ี ท่ี ที่ ว.ด.ป. 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 นาที คาํ ผิด เฉล่ยี คําสทุ ธิ 50 ขึน้ ไป 46-50 41-45 40 39 38 37 36 35 34 33 32 31 30 29 28 27 26 25 24 23 22 21 20 19 18 17 16 15 14 13 12 11 10 ต่าํ กวา 10คาํ พยาน 157
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: