Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 0000 เนื้อหางาน กศน ควรอ่าน

0000 เนื้อหางาน กศน ควรอ่าน

Description: 0000 เนื้อหางาน กศน ควรอ่าน

Search

Read the Text Version

“การจดั การศึกษาตลอดชีวิตมุง่ ใหป้ ระชาชน มีสทิ ธิและโอกาสเสมอกนั ในการได้รับการศกึ ษาอยา่ งต่อเน่ืองตลอดชีวติ เพ่อื พฒั นาคุณภาพชีวิต ของประชาชนให้ดียงิ่ ข้นึ ดว้ ยการพัฒนาวฒั นธรรมการเรียนรู้และพัฒนาสงั คม ใหเ้ ป็นสังคมแห่งการเรยี นรู้ จะนำ� ไปสกู่ ารพัฒนาประเทศอยา่ งยั่งยนื ”



บ ท บ ร ร ณ า ธิ ก า ร การด�ำเนนิ งาน กศน. ปงี บประมาณ 2555 มนี โยบายทสี่ �ำคญั หลายประการ เชน่ การเยยี วยาและฟน้ื ฟูหลงั วิกฤตอทุ กภัย การจัดตัง้ ศนู ยฝ์ ึกอาชพี ชมุ ชน การจัดการศึกษาเพ่อื ยกระดับการศึกษาของประชาชน การพฒั นาการ อ่านของผู้เรียนและประชาชน การส่งเสริมการรู้หนังสือ การศึกษาต่อเนื่อง การพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน การประกันคุณภาพการศึกษา ทั้งน้ีเพื่อสร้างโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้แก่ประชาชน การจัดการศึกษาจึงมี ความหลากหลายทง้ั กลมุ่ เปา้ หมาย หลักสตู ร รปู แบบ/กจิ กรรมเรียนรู้ และ ผูท้ �ำหนา้ ที่ในการจดั การศึกษา ซ่ึงมีทง้ั บคุ ลากรของ กศน. และ องคก์ ร ภาคีเครือข่าย แตส่ ำ� นกั งาน กศน. ยงั มีข้อจำ� กดั ในเรื่องโครงสรา้ งของสำ� นกั งาน กศน. ซง่ึ ไมม่ คี วามคลอ่ งตวั ในการบรหิ ารจดั การใหเ้ กดิ การศกึ ษาตลอดชวี ติ ใหเ้ ปน็ วถิ ชี วี ติ ของคนในชาตอิ ยา่ งแทจ้ รงิ ถึงแม้จะมีกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเป็นกลไกในการขับเคลื่อน กต็ าม เพอื่ ใหก้ ารศกึ ษาตลอดชวี ติ เปน็ วถิ ชี วี ติ ของคนในชาติ และคนไทยไดเ้ รยี นรตู้ ลอดชวี ติ สามารถพฒั นาตนเอง ให้เป็นพลเมืองท่ีมีคุณภาพ และสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเน่ือง อันจะน�ำไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ และภมู ปิ ญั ญา ตลอดจนพฒั นาขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศ จงึ จำ� เปน็ จะตอ้ งมพี ระราชบญั ญตั กิ าร ศกึ ษาตลอดชวี ิต วารสาร กศน. ฉบับน้ีจงึ ไดน้ �ำเสนอนโยบายการศึกษาตลอดชีวิต ของศาสตราจารย์ ดร.สชุ าติ ธาดาธำ� รงเวช รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ซง่ึ ทา่ นเปน็ บคุ คลทม่ี คี วามสำ� คญั ตอ่ การตรากฎหมายวา่ ดว้ ยการศกึ ษาตลอด ชีวติ และแนวคดิ เกย่ี วกับการจัดการศึกษาตลอดชีวิต ของท่านเลขาธกิ าร กศน. ประเสรฐิ บญุ เรือง นอกจากน้นั ยงั มี บทความเกย่ี วกบั การสง่ เสรมิ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ กรณศี กึ ษาในตา่ งประเทศหลายประเทศของ ดร.ศรสี วา่ ง เลย้ี ววารณิ และบทความทางวชิ าการอน่ื ๆ ทจี่ ะเปน็ แนวคดิ ในการจดั การศกึ ษาใหก้ บั ประชาชน และขบั เคลอื่ นไปสู่ พระราชบญั ญตั ิ การศกึ ษาตลอดชวี ิต อัญชลี ธรรมะวธิ ีกุล หวั หนา้ หนว่ ยศึกษานิเทศก์

ส า ร บั ญ . . . • นโยบาย การศกึ ษาตลอดชีวิต 1 • ศนู ย์ฝึกอาชพี ชุมชน สรา้ งอาชีพ สรา้ งรายได้ 29 ศาสตราจารย์ ดร.สชุ าติ ธาดาธำ� รงเวช พิมพา หาญวัฒนะชยั รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร 3 • คปู องสร้างเสริมอัจฉริยะ 32 • การจดั การศกึ ษาตลอดชวี ติ “นวตั กรรมสรา้ งสรรค์การอา่ น...คนไทยทนั โลก” ดร.วิเชียรโชติ โสอบุ ล ประเสริฐ บญุ เรอื ง เลขาธิการ กศน. • การส่งเสรมิ การเรยี นรู้ตลอดชีวติ : 8 • บทความวิจัย กรณศี ึกษาในตา่ งประเทศ แนวทางสง่ เสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน 34 ดร.ศรีสวา่ ง เลี้ยววารณิ ในการบรหิ ารสถานศกึ ษา • การยกระดบั การศกึ ษาประชาชน จบ ม.6 20 สังกดั สำ� นกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบ ใน 8 เดือนอยา่ งมคี ณุ ภาพ และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จังหวดั ชัยนาท (การประเมนิ สมรรถภาพระดบั การศึกษา สุรตั น์ ก้อนนาค ขน้ั พืน้ ฐาน) ประเสรฐิ บุญเรือง แนวทางการพฒั นา ครศู ูนยก์ ารเรยี นชุมชน 43 เลขาธกิ าร กศน. สงั กัดส�ำนกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบ • ศนู ย์วิทยาศาสตร์เพ่ือการศึกษารังสิต 24 และการศกึ ษาตามอัธยาศัยจังหวัดอทุ ัยธานี กบั การศึกษาตลอดชีวติ อนงค์ ชูชัยมงคล มนทา เกรียงทวีทรพั ย์ • การจัดการศกึ ษาเพ่อื พัฒนาคุณภาพชีวติ 27 ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง : เกษตรธรรมชาติ ในศูนยฝ์ ึกและพฒั นา อาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดน สดุ ใจ บุตรอากาศ ที่ ป รึ ก ษ า : ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร จั ด ท� ำ ว า ร ส า ร : ดร.ศศธิ ารา พิชยั ชาญณรงค์ นางอัญชลี ธรรมะวธิ กี ุล ปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ นางอัชราภรณ์ โคว้ คชาภรณ์ นายประเสรฐิ บุญเรือง นายชาญ นพรัตน์ เลขาธกิ าร กศน. นางสุภาพรรณ นอ้ ยอำ� แพง นางสาวประวีณ รอดเขียว วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค ์ ข อ ง ก า ร จั ด ท� ำ : นางสาวอังคณา วสุวรวงศ์ นางสาวจตุพร สุทธิวิวฒั น์ 1. เพ่ือสง่ เสรมิ การพฒั นางานการศกึ ษานอกระบบ นางสาวสดุ ใจ บุตรอากาศ และการศึกษาตามอธั ยาศยั นางสาวเสริมศรี ศิรพิ ยคั ฆ์ 2. เพื่อเผยแพรว่ ชิ าการ และผลงานวิจยั นางทองพิน ขันอาสา 3. เพือ่ เป็นสอื่ กลางในการแลกเปลย่ี นเรยี นรรู้ ว่ มกัน นางสาวจรรยา สงิ ห์ทอง ระหว่าง ส�ำนักงาน กศน. กบั บคุ คล/หนว่ ยงานตา่ งๆ นางเกลด็ แก้ว เจรญิ ศักด์ิ 4. เพือ่ เปดิ โอกาสให้องค์กรภาคเี ครอื ขา่ ยและทกุ ส่วน นางบญุ เรียม โพธ์ิสนิ ของสังคมเขา้ มามสี ่วนรว่ มแสดงความคิดเห็นและให้ นางสาวนวลพรรณ ศาสตร์เวช ข้อเสนอแนะ นางพมิ พา หาญวฒั นะชัย นางเออื้ มพร สุเมธาวัฒนะ ก อ ง บ ร ร ณ า ธิ ก า ร : ศิ ล ป ก ร ร ม : นางอญั ชลี ธรรมะวธิ ีกลุ บรรณาธิการ นางสาวเสรมิ ศรี ศิริพยัคฆ์ ผ้ชู ว่ ยบรรณาธกิ าร ยทุ ธพงษ์ จุลมานพ พิ ม พ ์ ท่ี : บริษัท น�ำทองการพมิ พ์ จำ� กัด 22/27 ซ.เพชรเกษม 69 แขวงหนองคา้ งพลู เขตหนองแขม กทม. 10160 โทรศพั ท์ 0 2807 4243-5 โทรสาร 0 2807 5455

นโยบาย การศึกษาตลอดชีวิต ศาสตราจารย์ ดร.สชุ าติ ธาดาธำ� รงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร รัฐบาลพรรคเพ่ือไทยจะสร้าง จดั การศกึ ษาสำ� หรบั ประชากรวยั แรงงาน การเรยี นการสอนภาษาตา่ งประเทศ และ โอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้แก่ ตลอดจนผู้สูงอายุ เป็นการยกระดับการ ภาษาถิ่น จัดให้มีระบบจัดการความรู้ ประชาชน โดยสรา้ งโอกาสทางการศกึ ษา ศึกษาให้กับประชาชน โดยจัดให้มีการ ปฏิรูปหลักสูตรทุกระดับให้รองรับการ กระจายโอกาสทางการศกึ ษาในสงั คมไทย เทียบโอนความรู้และประสบการณ์ การ เปล่ียนแปลงของโลกและทัดเทียมกับ โดยคำ� นงึ ถงึ การสรา้ งความเสมอภาคและ เทียบโอนผลการเรียน และการเทียบ มาตรฐานสากลบนความเป็นทอ้ งถิ่นและ ความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นแก่ประชาชน ระดับการศึกษาระหว่างหน่วยงานสถาน ความเปน็ ไทย ขจดั ความไมร่ หู้ นงั สอื ใหส้ นิ้ ทุกกลุ่ม ซึ่งรวมถึงผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ศึกษา และแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต เพ่ือ ไปจากสงั คมไทย จัดให้มคี รดู ีเพยี งพอตอ่ เดก็ เรร่ อ่ น คนไรบ้ า้ น ผไู้ รส้ ญั ชาติ ผพู้ กิ าร ขยายโอกาสให้กว้างขวางและลดปัญหา การจดั การเรยี นรู้ พฒั นาระบบการจดั การ ผบู้ กพรอ่ งทางกายและการเรยี นรู้ รวมทงั้ คนออกจากระบบการศึกษา ศกึ ษาใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรคู้ คู่ ณุ ธรรม รวมทงั้ ชนกลุ่มน้อย กลุ่มชาติพันธุ์ คนไทยใน จะเร่งพัฒนาคุณภาพการศึกษา สรา้ งความตระหนกั ในสทิ ธแิ ละหนา้ ที่ บน ต่างประเทศ โดยส่งเสริมการให้ความรู้ โดยการปฏิรูปความรู้ของสังคมไทยด้วย พื้นฐานของสังคมประชาธิปไตยที่แท้จริง ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาถึงแรกเกิดให้ การยกระดับความร้ใู หไ้ ดม้ าตรฐานสากล ปรับปรุงโครงสร้างการบริหารการศึกษา ได้รับการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพท้ังแม่ จัดให้มีโครงการต�ำราแห่งชาติท่ีบรรจุ โดยกระจายอำ� นาจสพู่ น้ื ทใ่ี หเ้ สรจ็ สมบรู ณ์ และเด็ก สนับสนุนการจัดการศึกษาตาม ความรู้ที่ก้าวหน้าและได้มาตรฐานท้ัง โดยเริ่มจากพื้นที่ที่มีความพร้อม วัยและพัฒนาการอย่างมีคุณภาพตั้งแต่ ความรู้ที่เป็นสากล และภูมิปัญญาท้อง ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ถิ่น ส่งเสริมการอ่าน พร้อมทั้งส่งเสริม 1

นโยบายการศกึ ษาตลอดชวี ติ ซงึ่ เปน็ นโยบายส�ำคญั ใหก้ ับประชาชนทีพ่ ฒั นาผลติ ภัณฑ์ OTOP ในระดับตา่ งๆ ในปีงบประมาณ 2555 มีดงั น้ี เพ่ือให้มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการผลผลิต หรือสินค้าท่ีพัฒนาขึ้นให้สามารถจ�ำหน่ายในตลาดท้ัง 1. เสนอให้มีการตรากฎหมายว่าด้วยการศึกษา ภายในประเทศและตา่ งประเทศ อันเป็นการสรา้ งฐานทาง ตลอดชวี ิต เพอ่ื เปน็ กลไกในการจดั และสง่ เสรมิ สนับสนนุ เศรษฐกจิ ของประเทศ และเปน็ การพฒั นาขดี ความสามารถ การจัดการศึกษาตลอดชีวิตให้กับประชาชน คือพระราช ของผผู้ ลิตให้สามารถก้าวสู่ตลาด ASEAN บญั ญตั กิ ารศกึ ษาตลอดชวี ติ พ.ศ. ....... เพอื่ ใหเ้ ปน็ กฎหมาย ว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติก�ำหนดหลักการจัดการศึกษา 5. คปู องสรา้ งเสรมิ อจั ฉรยิ ะ เปน็ การสรา้ งอจั ฉรยิ ะ ตลอดชวี ิตส�ำหรับประชาชน และใหท้ กุ ภาคสว่ นของสังคม ใหแ้ กเ่ ดก็ โดยแจกคปู องใหแ้ กเ่ ดก็ เพอ่ื นำ� ไปซอื้ หนงั สอื อา่ น มีส่วนรว่ มในการจัดการศึกษา ดว้ ยตนเองตามความตอ้ งการและความสนใจจรงิ ๆ เพอ่ื ปลกู ฝงั ใหเ้ ดก็ มนี สิ ยั รกั การอา่ น ใฝเ่ รยี น ใฝร่ ู้ และเปน็ การพฒั นา 2. การยกระดับการศึกษาประชาชนจบ ม.6 ใน คณุ ภาพการเรยี นการสอนอกี ทางหนง่ึ มเี ปา้ หมายทจี่ ะแจก 8 เดอื นอยา่ งมีคณุ ภาพ โดยมีจุดม่งุ หมายเพอ่ื สรา้ งความรู้ คูปองให้กับเด็กด้อยโอกาสทุกคนในทุกจังหวัด ท่ีเรียนใน ความสามารถเพ่ือให้ประชาชนสามารถอยู่ในโลกได้อย่าง ระดบั ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1-6 ซ่ึงมีประมาณ 2,500,000 มีความสุขด้วยกระบวนการของการเรียนรู้ตลอดชีวิต ให้มี คน แจกใหค้ นละ 300 บาท ซ่ึงจะตอ้ งใช้งบประมาณ ปีละ ประสบการณ์จากการท�ำงาน เกิดความเชี่ยวชาญ ความ 500–600 ลา้ นบาท จะเป็นนโยบายต่อเนอ่ื ง 3 ปี ได้มอบ ช�ำนาญ สามารถน�ำไปปรับใช้กับตนเองและสังคมได้อย่าง ใหส้ ำ� นกั งาน กศน. ตง้ั งบประมาณปี 2556 และหาแนวทาง สร้างสรรค์และสอดคล้องกับการเตรียมประชาชนใน ในการดำ� เนนิ การ เชอื่ วา่ จะทำ� ใหเ้ ดก็ มนี สิ ยั รกั การอา่ น และ ระดบั ผ้ใู ช้แรงงานในชมุ ชนเมอื งและชนบท เขา้ เปน็ สมาชกิ คุณภาพการศึกษาจะดขี ึ้น ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) และตลาด แรงงานอาเซยี น (ASEAN Market) นโยบายการศึกษาตลอดชีวิตดังกล่าวสอดคล้องกับ แนวคดิ ของ พ.ต.ท. ดร.ทกั ษณิ ชนิ วตั ร ไดก้ ลา่ วถงึ การศกึ ษาไวว้ า่ 3. การจัดตั้งศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน ให้เป็นองค์กร “การศึกษาจะน�ำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งของประชาชน ในชุมชนท�ำหน้าที่ในการจัดการเรียนการสอนอาชีพเพื่อ ประชาชนทเ่ี ขม้ แขง็ และมคี วามรคู้ อื ทนุ ทม่ี พี ลงั ในการตอ่ สกู้ บั การมีงานท�ำ ท�ำหน้าท่ีในการประชาสัมพันธ์และจ�ำหน่าย ความยากจน” “ตอ้ งมงุ่ การกระจายประโยชนอ์ ยา่ งเทา่ เทยี ม ผลิตภัณฑ์ของผู้เรียน และเป็นศูนย์กลางในการประสาน และตอ้ งมองประชาชนทล่ี ำ� บากเพอื่ จดั การศกึ ษาทมี่ ีคณุ ภาพ การจัดจ�ำหน่าย การบริหารจัดการศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน “การศกึ ษาคอื กญุ แจสำ� คญั เปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ ทจี่ ำ� เปน็ ในการ จะใช้ศักยภาพของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการ ท�ำใหค้ วามยากจนกลายเป็นอดตี ” ด�ำเนินการตามนโยบายให้เป็นรูปธรรม ในรูปของคณะ กรรมการ วิชาท่ีเปิดสอนแบ่งออกเป็น กลุ่มอาชีพ ได้แก่ กลุ่มอาชีพเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และกลุ่มอาชีพด้านอ�ำนวยการและ อาชีพเฉพาะทาง เพือ่ ใหป้ ระชาชนมคี วามรเู้ กยี่ วกับอาชีพ ทกั ษะการประกอบอาชพี เพ่อื สร้างอาชีพ สร้างรายไดข้ อง ประชาชนให้ยง่ั ยนื 4. การจดั การเรียนการสอนหลักสูตร OTOP Mini MBA เป็นหลักสูตรเกี่ยวกับการบริหารจัดการทางธุรกิจ และด�ำเนินธุรกิจเพื่อการส่งออก ให้สถานศึกษาน�ำไปใช้ จัดการศกึ ษาใหแ้ ก่ผู้เรียนทางด้านอาชีพ หรือจัดการศึกษา 2 วารสาร กศน.

การจัดการศึกษาตลอดชีวิต ประเสริฐ บญุ เรอื ง เลขาธิการ กศน. ความเจรญิ กา้ วหนา้ ของโลกมนษุ ยใ์ นปจั จบุ นั เปน็ ไปอยา่ งรวดเรว็ ทง้ั ดา้ น การเรียนเพ่ือรู้ โดยผสม เทคโนโลยี การศึกษา อาชีพ เศรษฐกิจ และสังคม ดังน้ันมนุษย์จ�ำเป็นจะต้อง ผสานความรู้ทั่วไปท่ีกว้างขวางเพียง ศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลาเพ่ือให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงความรู้ให้ พอเข้ากับโอกาสท่ีจะศึกษาบางวิชา ทนั สมยั อยา่ งตอ่ เนอ่ื งดว้ ยการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ จงึ จะดำ� รงชวี ติ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ อย่างละเอียดลึกซึ้ง การเรียนเพ่ือรู้ เพราะการศึกษาเป็นกระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและ หมายถงึ การฝกึ ฝนในวธิ เี รยี นรเู้ พอ่ื จะ สงั คมโดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม และการสืบสานทางวฒั นธรรม ได้ตักตวงประโยชน์จากการศึกษาไป การสรา้ งสรรคจ์ รรโลงความกา้ วหนา้ ทางวชิ าการ การสรา้ งองคค์ วามรอู้ นั เกดิ จาก จนตลอดชวี ติ การจัดสภาพแวดล้อมสังคมการเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่าง ต่อเนอื่ งตลอดชีวิต การเรยี นรเู้ พอื่ ปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ เพื่อจะได้ไม่เพียงแต่มีความช�ำนาญ ในขณะทีก่ า้ วสศู่ ตวรรษที่ 21 พบว่าการศกึ ษาและการเรยี นรู้ มีรูปแบบ ทางด้านวิชาชีพเท่าน้ัน แต่จะต้อง ท่ีหลากหลาย ครอบคลุมกิจกรรมทั้งปวงของมนุษย์ที่ช่วยให้ได้รับความเป็นจริง สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ในโลกเกยี่ วกบั ผอู้ นื่ เกย่ี วกบั ตนเอง โดยเรยี นรตู้ งั้ แตว่ ยั เดก็ จนถงึ วยั ชรา ซงึ่ คณะ และปฏิบัติงานเป็นหมู่คณะ ซึ่งเป็น กรรมาธิการนานาชาติว่าด้วยการศึกษาในศตวรรษท่ี 21 แห่งยูเนสโก ได้จัดท�ำ การเรียนรู้โดยอาศัยประสบการณ์ หนังสือรายงานเร่อื ง “Learning : The Treasure Within” รายงานตอ่ องคก์ าร ต่างๆ ทางสังคมและในการประกอบ ยเู นสโก เม่ือปี ค.ศ. 1955 ซึง่ กล่าวถงึ “สเ่ี สาหลักทางการศกึ ษา” คอื การศกึ ษา อาชพี อาจเป็นการเรยี นรู้นอกระบบ ตลอดชีวิตนั้นอาศัยหลักส�ำคัญ 4 ประการคือ การเรียนเพ่ือรู้ การเรียนรู้เพื่อ โรงเรียนจากสภาพในท้องถ่ินหรือ ปฏิบตั ไิ ดจ้ รงิ การเรียนรูเ้ พ่อื ทจี่ ะอยู่ร่วมกนั และการเรียนรู้เพ่ือชีวติ ประเทศนนั้ ๆ หรืออาจเป็นการเรยี น รใู้ นระบบโรงเรยี น โดยใชห้ ลกั สตู รซงึ่ ประกอบด้วยการเรียนในภาคทฤษฎี สลับกับการฝึกปฏบิ ตั งิ าน การเรยี นรเู้ พอ่ื จะอยรู่ ว่ มกนั เป็นการเรียนรู้เพื่อให้เข้าใจผู้อ่ืนและ ตระหนักว่ามนุษย์เราจะต้องพึ่งพา อาศยั กนั ดำ� เนนิ โครงการรว่ มกนั และ เรียนรู้วิธีแก้ปัญหาข้อขัดแย้งต่างๆ โดยช้ีให้เห็นว่าความหลากหลาย ความเขา้ ใจอนั ดตี อ่ กนั และสนั ตภิ าพ มีคุณคา่ ควรจะรักษาไว้ การเรยี นรเู้ พอ่ื ชวี ติ เพอ่ื จะได้ สามารถปรับปรุงบุคลิกภาพของตน ไดด้ ขี น้ึ ดำ� เนนิ งานตา่ งๆ โดยอสิ รเสรี ย่ิงขึ้น มีดุลยพินิจ และความรับผิด 3

ชอบต่อตนเองมากขึ้น ในการจัดการศึกษา จะต้องจัดให้ มีครอบครวั เป็นสามี ภรรยา เป็นพ่อแม่ เปน็ สมาชิกทดี่ ี ครอบคลุมทุกด้าน คือด้านความจ�ำ การใช้เหตุผล ความ ของสงั คม เมอื่ วยั สงู อายจุ ะมบี ทบาทเปน็ ปยู่ า่ ตายาย เปน็ ซาบซง้ึ ในสนุ ทรยี ภาพ สมรรถนะทางรา่ งกาย และทกั ษะใน ผู้ให้ค�ำแนะน�ำปรึกษาแก่บุตรหลาน การศึกษาจะช่วยให้ การส่ือสารกบั ผ้อู ่นื บุคคลด�ำเนินตามบทบาทในแต่ละบทบาทได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ในขณะท่ีการศึกษาด�ำเนินอยู่ตลอดเวลาควบคู่กับ ชีวิตเรา และขยายวงกว้างออกไปเพื่อครอบคลุมท้ังสังคม 3. ความเปลยี่ นของสงั คม ในสภาวะปจั จบุ นั ความ ซึ่งเรยี กว่า “การศกึ ษาตลอดชีวติ ” การเรยี นรูต้ ลอดชวี ิตจึง เปลี่ยนแปลงทางสังคมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ปัญหา เป็นกญุ แจสู่ ศตวรรษท่ี 21 และจำ� เป็นอยา่ งยง่ิ ส�ำหรับการ สงั คมมคี วามซบั ซอ้ นมากขนึ้ สงั คมชนบทมกี ารเปลยี่ นแปลง ปรับเปล่ียนเพ่ือสนองความต้องการของตลาดแรงงาน ซ่ึง มาเป็นสังคมเมืองมากขึ้น สภาพความเป็นอยู่ สภาพการ ววิ ฒั นาการอยตู่ ลอดเวลา เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั ชว่ งเวลาและ ด�ำเนินชีวิตของบุคคลเปล่ียนแปลงไปจากการพ่ึงพาอาศัย จังหวะชีวติ ของมนษุ ยซ์ ึ่งกำ� ลงั เปล่ียนแปลงไป เอือ้ เฟื้อชว่ ยเหลอื กันมาเปน็ ลกั ษณะต่างคนต่างอยู่ เห็นแก่ ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม มีการอพยพ ดังนั้นการจัดการศึกษาตลอดชีวิตจึงมีความจ�ำเป็น ยา้ ยถนิ่ จากเมอื งเลก็ มาสเู่ มอื งใหญม่ ากขนึ้ ขนบธรรมเนยี ม อยา่ งยิ่งต่อสงั คมไทยด้วยเหตผุ ล ดงั ต่อไปนี้ ประเพณีด้ังเดมิ ถูกครอบงำ� ด้วยวัฒนธรรมใหม่ ซงึ่ เผยแพร่ จากสังคมอ่ืนมาสู่วิถีชีวิตโดยผ่านช่องทางต่างๆ ความเชื่อ 1. พัฒนาการของบุคคล บุคคลจะมีการเจริญ และค่านิยมในสังคมเปลี่ยนแปลงไป พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ เติบโตและมีพัฒนาการในด้านต่างๆ ทุกช่วงชีวิตตั้งแต่วัย กับลูก ครอบครัวแตกแยก เด็กกลายเป็นเด็กมีปัญหา ทารก วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุ ซึ่งจะมีการ ปญั หาในสงั คมมคี วามซบั ซอ้ นและหลากหลายมากขนึ้ เชน่ เปล่ียนแปลงท้ังทางด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และ ปญั หาความเป็นอยู่ ปญั หาชมุ ชนแออัด ความยากจน การ สังคม การศึกษาจะช่วยให้บุคคลสามารถปรับตัวได้อย่าง ด้อยโอกาสทางการศึกษา อาชญากรรม ยาเสพติด เหมาะสมกับการเปล่ียนแปลงตามพัฒนาการทุกช่วงชีวิต ครอบครัวแตกแยก เด็กเรร่ อ่ น ปญั หาสุขภาพ ตัง้ แต่วัยทารกจนถงึ วัยสงู อายุ 4. ความเปล่ียนแปลงด้านเศรษฐกิจ สภาพ 2. การเปล่ียนแปลงบทบาทหน้าท่ีของบุคคล เศรษฐกิจของโลกและประเทศเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา มนษุ ย์ทุกคนจะตอ้ งเผชิญกบั การเปลี่ยนแปลงบทบาททาง การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจมีผลกระทบอย่างมากต่อ สังคมทุกช่วงอายุ การศึกษาจะช่วยให้บุคคลสามารถ ความเปน็ อยู่ การดำ� รงชวี ติ ของประชาชน เพราะเศรษฐกจิ ปฏิบัติตนตามบทบาทในแต่ละช่วงชีวิตได้อย่างเหมาะสม เปน็ ปัจจัยหลกั ในการดำ� เนนิ ชวี ิต เช่น ดา้ นอุตสาหกรรม และสมบรู ณ์ เช่นวัยเดก็ จะมบี ทบาทในการศกึ ษาเล่าเรยี น มกี ารน�ำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตเพ่อื เพิ่มผลผลติ ดังนน้ั เมอื่ วยั ผใู้ หญจ่ ะมบี ทบาทในการประกอบอาชพี การงาน การ จึงมีความต้องการบุคลากรท่ีมีความรู้ทักษะที่ทันต่อการ เปล่ียนแปลง ทางด้านเกษตรกรรมมีการเปล่ยี นแปลงจาก สงั คมเกษตรกรรมเปน็ สงั คมอตุ สาหกรรม มากขน้ึ ลกั ษณะ 4 วารสาร กศน.

การท�ำงานและทักษะท่ีใช้ในการท�ำงานต้องเปล่ียนไป ตลอดจนความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องท้ังทางตรง เพราะฉะนน้ั ตลาดแรงงานจงึ ตอ้ งการบคุ ลากรและแรงงาน และทางอ้อม เพราะฉะน้ันบุคคลจะต้องแสวงหาความรู้ ท่ีมีความรู้ความสามารถ และทักษะเพียงพอกับกิจการ เหลา่ นี้ และควรมที กั ษะทจี่ ะเข้าถึงความรู้ เพื่อใหร้ ู้เทา่ ทนั อตุ สาหกรรม นอกจากนนั้ การตดิ ตอ่ ในเชงิ ธรุ กจิ การซอ้ื ใน และนำ� มาใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งเตม็ ท่ี และประการสำ� คญั ขอ้ มลู ประเทศและระหวา่ งประเทศมกี ารขยายตวั อยา่ งกวา้ งขวาง ขา่ วสารทเ่ี ผยแพรอ่ ยมู่ ากมายนน้ั มที งั้ ขอ้ มลู ทเี่ ปน็ ประโยชน์ มากขน้ึ ทำ� ใหผ้ ผู้ ลติ ตอ้ งพยามผลติ สนิ คา้ และปรบั ปรงุ รปู แบบ ไม่เป็นประโยชน์ และเป็นโทษ ประชาชนจะต้องสามารถ ของผลผลิตของสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อ วิเคราะห์และคัดสรร ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองให้ มากขน้ึ ทำ� ใหต้ ลาดแรงงานตอ้ งการแรงงานทม่ี คี วามรแู้ ละ มากทสี่ ดุ ทกั ษะในการทำ� งานในลกั ษณะเฉพาะมากขน้ึ การเปลย่ี นแปลง ในทางเศรษฐกจิ ดงั กลา่ วทำ� ใหต้ อ้ งปรบั เปลย่ี นรปู แบบและ 7. ความเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากร วธิ กี ารจดั การศกึ ษาเพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรแู้ ละทกั ษะทางดา้ น ของประเทศ ประเทศไทยก�ำลังเผชิญหน้ากับภาวการณ์ วชิ าการและวชิ าชพี เพยี งพอและสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ เพมิ่ ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ ของประชากรสงู อายุ (อายุ 60 ปี หรอื ของตลาดแรงงาน นอกจากนั้นยงั ตอ้ งใหค้ วามร้แู ละทักษะ มากกว่า) ท้งั นีเ้ ป็นผลมาจากการลดลงอยา่ งตอ่ เน่ืองของ ท่ีชว่ ยใหบ้ คุ คลสามารถพึ่งตนเองได้ สามารถสร้างงานของ อัตราเจริญพันธุ์ และการเพิ่มข้ึนของอายุคือประชากร ตนเองได้ สามารถเลือกพัฒนาอาชีพได้อย่างเหมาะสมกับ มอี ายยุ นื ยาวของชวี ติ อนั เนอื่ งมาจากความเจรญิ ทางดา้ น สภาพท้องถ่ินและสังคม จึงจ�ำเป็นที่บุคคลจะต้องเพิ่มพูน วทิ ยาการและเทคโนโลยตี า่ งๆ เชน่ ดา้ นโภชนาการ ดา้ น ความรอู้ ยู่ตลอดเวลา สาธารณสุข ด้านการแพทย์ ดังน้ันจึงตอ้ งมกี ารเตรยี มการ รองรับการดูแลผู้สูงอายุที่จะเพิ่มขึ้น ให้มีคุณภาพชีวิตท่ีดี 5. ความก้าวหน้าของวิทยาการและเทคโนโลยี เช่นการออกก�ำลังกาย การรับประทานอาหาร การดูแล ความรวู้ ทิ ยาการและเทคโนโลยมี พี ฒั นาการทกี่ า้ วหนา้ และ สุขภาพ การท�ำงานอดิเรก หรอื อาชพี ส�ำหรบั ผสู้ ูงอายุ การ รวดเรว็ มาก มกี ารศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ยั เพอื่ พฒั นาองคค์ วามรใู้ น ศึกษาตลอดชีวิตจึงมีบทบาทส�ำคัญในพัฒนาคุณภาพชีวิต สาขาวชิ าตา่ งๆ อย่างตอ่ เน่ือง ทัง้ ความรู้ในดา้ นอตุ สาหกรรม ผสู้ งู อายุ สถาปตั ยกรรม วทิ ยาศาสตร์ เกษตร สาธารณสุข การส่ือสาร การคมนาคม ฯลฯ ความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการและ 8. ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ประเทศไทย เทคโนโลยีดังกล่าวมีผลกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ของ ปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยให้ประชาชนมีสิทธิ ประชาชนเปน็ อยา่ งมาก เชน่ ในการประกอบอาชพี การคมนาคม เสรีภาพ มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น มีส่วนรว่ มใน การตดิ ตอ่ สอื่ สาร การแพทย์ มกี ารพัฒนาไมห่ ยุดยัง้ ซ่งึ การปกครองประเทศ มสี ทิ ธเิ สรีภาพในการศกึ ษาหาความรู้ ประชาชนจะต้องติดตามขา่ วสารขอ้ มลู ในดา้ นตา่ งๆ รัฐบาลได้ตระหนักถึงความส�ำคัญของการศึกษาที่มีต่อการ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์และพัฒนาประเทศชาติ ดังน้ัน 6. การแพร่กระจายและการเปล่ียนแปลงอย่าง จึงมีนโยบายในการจัดการศึกษาท่ีมุ่งเน้นให้ประชาชนได้ รวดเร็วของข้อมูลขา่ วสาร ปจั จบุ ันมีแหลง่ ทเี่ ผยแพร่ข้อมลู รับการศึกษาอยา่ งท่ัวถึง มสี ทิ ธิไดร้ ับการศกึ ษาอย่างเสมอ ข่าวสารมากมาย และข้อมูลข่าวสารน้ีสามารถเผยแพร่ ภาค การศกึ ษาจงึ ถอื เปน็ สทิ ธขิ นั้ พน้ื ฐานของประชาชน โดย ดว้ ยสอ่ื ประเภทตา่ งๆ ไปยงั ประชาชนอยา่ งรวดเรว็ โดยเฉพาะ มนี โยบายในการขยายโอกาสทางการศกึ ษา 4 ด้าน คือ 1) Internet นับวันจะมีบทบาทมากขึ้น นอกจากน้ันความรู้ โอกาสในการเขา้ ถึงทรัพยากร สิ่งอ�ำนวยความสะดวก เพ่อื ข่าวสารยังมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผล ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน 2) โอกาสในการเข้าถึง จากการศึกษา ค้นคว้า วิจัย มีการเผยแพร่ความรู้ ข้อมูล แหล่งเงินทุนเพื่อการศึกษา 3) โอกาสในการเพิ่มพูนและ ข่าวสารอย่างมากมาย เช่นความรู้ข้อมูลเกี่ยวข้องกับชีวิต ฝึกฝนทักษะ และ 4) โอกาสในการเรียนรตู้ ลอดชวี ติ ความเป็นอยู่ เช่น การประกอบอาชพี สขุ ภาพ พลานามัย อาหาร ครอบครวั ทอ่ี ยูอ่ าศัย สิ่งแวดล้อม ศิลปวฒั นธรรม 9. การจัดการศึกษาในปัจจุบันยังไม่เอ้ือให้บุคคล ได้รับการศึกษาตลอดชีวิต การจัดการศึกษาเน้นการ 5

ศกึ ษาในระบบโรงเรยี น ซงึ่ เปน็ การศกึ ษาในชว่ งชวี ติ ตอนตน้ เทา่ นน้ั รฐั ทมุ่ เทงบประมาณ บคุ ลากร และทรพั ยากรจำ� นวนมาก เพอื่ ปรบั ปรงุ และพฒั นาการศกึ ษาในระบบ โดยใหค้ วามสำ� คญั ในการจดั การศกึ ษาใหก้ บั บคุ คลในวยั เรยี น ในขณะทก่ี ารจดั การ ศกึ ษาสำ� หรับช่วงวยั อน่ื ๆ กม็ ีความสำ� คญั เช่นกัน คือการจดั การศึกษาต่อเน่อื งใหก้ ับบคุ คลหลงั วยั เรียน จดั การศกึ ษาให้แก่ ผู้พลาดโอกาสในวยั เรียนและผ้ทู จ่ี บในระบบโรงเรียนมาแลว้ และการศึกษาตามอธั ยาศยั เป็นการศึกษาอกี รปู แบบหนง่ึ ทจ่ี ะส่งเสรมิ โอกาสทางการศึกษาแกป่ ระชาชน แตย่ ังท�ำไดไ้ ม่มากนักเมื่อเทียบกับการศกึ ษาในระบบโรงเรยี น และจ�ำนวน กลุ่มเปา้ หมาย 10. ความไมเ่ ทา่ เทียมกนั ของโอกาสทางการศึกษา แม้จะมกี ารพฒั นาการศึกษาในระบบเป็นอยา่ งมาก แต่ยงั พบวา่ ประชาชนทอี่ ยใู่ นชนบทหา่ งไกล มฐี านะยากจนไดร้ บั การศกึ ษาเพยี งการศกึ ษาภาคบงั คบั ตอ้ งออกมาชว่ ยครอบครวั ประกอบ อาชพี หรอื ตอ้ งอพยพตามครอบครวั ไปหาอาชพี ตามทตี่ า่ งๆ ความไมเ่ ทา่ เทยี มกนั โอกาสทางการศกึ ษาเปน็ สาเหตหุ นงึ่ ทที่ ำ� ให้ เกดิ ความไมเ่ ทา่ เทยี มกนั ในสงั คม คอื คนทไ่ี ดร้ บั การศกึ ษาสงู จะมงี านทำ� ทดี่ กี วา่ มรี ายไดส้ งู มฐี านะทางเศรษฐกจิ และสถานภาพ ทางสงั คมทด่ี กี วา่ และสภาพการณจ์ ะเปน็ เชน่ นตี้ ลอดไป ถา้ ประชาชนทยี่ ากจนทอ่ี ยใู่ นชนบทจะไมม่ โี อกาสของชวี ติ ในการยก ฐานะของตนเองไดเ้ ลยตราบใดทีส่ ภาพการจดั การศึกษายงั ไม่ส่งเสรมิ ใหป้ ระชาชนไดเ้ รียนรูต้ ลอดชวี ิต แนวคดิ เกย่ี วกับการจัดการการศึกษาตลอดชวี ติ พระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 ได้ก�ำหนดบทบญั ญตั ิในการจัดการศึกษาให้ยึดหลกั การศกึ ษาตลอด ชวี ติ สำ� หรบั ประชาชน ใหส้ งั คมมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษา และพฒั นาสาระและกระบวนการเรยี นรใู้ หเ้ ปน็ ไปอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ดงั นนั้ แนวคิดในการจดั การศกึ ษาตลอดชวี ิต มดี ังนี้ หลักการ 1. เพิ่มโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาและการเรยี นรตู้ ลอดชีวิตทีม่ คี ุณภาพให้กับประชาชนอยา่ งท่ัวถึง 2. สนองความจ�ำเปน็ และความต้องการในการเรียนร้ขู องบคุ คลและชุมชน 3. พัฒนาคณุ ภาพและมาตรฐานการศกึ ษาตลอดชีวิตอย่างต่อเน่ือง 4. ส่งเสรมิ ให้ทุกภาคสว่ นของสังคมเป็นภาคเี ครอื ข่ายมสี ว่ นรว่ มในการดำ� เนินงานการศึกษาตลอดชีวิต จุดมงุ่ หมาย 1. บคุ คลตอ้ งไดร้ บั โอกาสในการรบั การศึกษาตลอดชวี ติ ท่มี คี ุณภาพ เท่าเทียม และเสมอภาค จากการศกึ ษารูปแบบ ต่างๆ ทีเ่ หมาะสม และสอดคลอ้ งกับความตอ้ งการของตนเอง 2. จดั การศึกษาทีค่ รอบคลุมทว่ั ถึงทุกคนในแต่ละชว่ งวัยตลอดชวี ติ 3. บุคคลได้รับการพฒั นาเตม็ ตามศักยภาพในการเรียนรูเ้ พ่ือเป็นสมาชกิ ท่ดี ขี องสังคม แนวทางในการจดั การศึกษา 1. การจดั การศึกษาสอดคลอ้ งกับวิถชี วี ติ ความถนดั ความสนใจ ความแตกต่างของบคุ คล และมรี ูปแบบทเ่ี หมาะสม ตามสภาพและความจำ� เปน็ ของกลุ่มเปา้ หมาย 2. การจดั การศึกษาตอ้ งสอดคลอ้ งกับทศิ ทางการพัฒนาประเทศ 3. ภาคเี ครือข่ายการศึกษาตลอดชีวิต มีสว่ นรว่ มในการเสนอแนะในการจัดการศกึ ษา รวมท้งั กำ� หนดมาตรฐาน การศกึ ษา 4. ผเู้ รียน/ผูร้ ับบรกิ ารสามารถนำ� ความรไู้ ปใชใ้ นการดำ� เนนิ ชีวิต และปรบั ตัวให้ทนั ตอ่ การเปลี่ยนแปลงของโลก และ อยรู่ ว่ มกบั ผอู้ ื่นในสงั คมได้อย่างมคี วามสุข 6 วารสาร กศน.

เปา้ หมายของการจดั การศกึ ษา กฎหมายในการขับเคล่ือนการจัดการ ตงั้ แตร่ ะดบั ชาตจิ นถงึ ระดบั ทอ้ งถน่ิ อนั 1. ผเู้ รยี น/ผรู้ บั บรกิ าร มเี จตคติ ศึกษาให้เป็นไปตามเจตนารมณ์แห่ง จะเป็นหลักประกันได้ว่าประชาชนไทย ทักษะและความรู้พื้นฐานที่จ�ำเป็นใช้ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ทกุ คนจะไดร้ บั การศกึ ษาอยา่ งเทา่ เทยี ม เป็นเคร่ืองมือ ในการด�ำเนินชีวิตและ พ.ศ. 2542 ซ่ึงได้ก�ำหนดบทบัญญัติ กัน และมีการพัฒนาคุณภาพชีวิต ประกอบอาชพี สามารถเรยี นรเู้ พอ่ื พฒั นา ในการจดั การศกึ ษาใหย้ ดึ หลกั การศกึ ษา อยา่ งแท้จริง ตนเองไดอ้ ย่างตอ่ เน่ืองตลอดชีวติ ตลอดชวี ิตส�ำหรบั ประชาชน ใหส้ ังคมมี เพอื่ ใหก้ ารศกึ ษาตลอดชวี ติ เปน็ 2. ชุมชนเกิดการเรียนรู้ท่ี ส่วนร่วมในการจัดการศึกษาและการ วิถีชีวิตของคนในชาติอย่างแท้จริงและ สอดคล้องกับสภาพสังคม เศรษฐกิจ พฒั นาสาระและกระบวนการเรยี นรใู้ ห้ คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมี การเมือง ส่ิงแวดล้อมและเทคโนโลยี เปน็ ไปอย่างตอ่ เน่ือง แตก่ ลไกดงั กล่าว คุณภาพและสามารถพัฒนาตนเองให้ เพื่อให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ สังคม ยังไม่สามารถขับเคลื่อนให้เกิดการ เปน็ พลเมอื งทม่ี คี ณุ ภาพ มโี อกาสเรยี นรู้ แห่งการสร้างสรรค์และพัฒนาการที่ ศึกษาตลอดชีวิตท่ีบรรลุตามหลักการ และสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ ยง่ั ยืน และเจตนารมณ์ในการจัดการศึกษา อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต อันจะน�ำไปสู่ การจัดการศึกษาตลอดชีวิตใน ตลอดชีวิตเป็นวิถีชีวิตของประชาชนใน สังคมแห่งการเรียนรู้และภูมิปัญญา ปัจจุบัน ส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษา ชาตไิ ดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ เนอื่ งจากการจดั การ ตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถใน นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ศึกษาตลอดชีวิตจะต้องมีองค์กรที่รับ การแข่งขันของประเทศ จึงมีความ สงั กดั สำ� นกั งานปลดั กระทรวง กระทรวง ผิดชอบโดยตรง ถึงแม้ว่าการศึกษา จ�ำเป็นจะต้องมีพระราชบัญญัติการ ศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานหลักในการ ตลอดชีวิตจะเป็นงานท่ีทุกฝ่ายร่วมแรง ศึกษาตลอดชีวิต เพื่อเป็นแนวทางใน สง่ เสรมิ สนบั สนนุ และประสานงานการ ร่วมใจ แต่ก็จ�ำเป็นจะต้องมีหน่วยงาน การจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับความ จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษา กลางรับผิดชอบดูแลโดยตรงเพ่ือท�ำ เปลีย่ นแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ตามอัธยาศัย โดยมีพระราชบัญญัติ หน้าที่ประสานและส่งเสริมทุกฝ่ายท่ี ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการ เกยี่ วขอ้ งในการจดั การศกึ ษาตลอดชวี ติ ศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 เป็น ควรจะมีหน่วยงานกลางนี้ในทุกระดับ เอกสารอา้ งองิ ส�ำนกั งาน กศน. (2555) นโยบายและจดุ เนน้ การด�ำเนนิ งาน สำ� นักงาน กศน. ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2555. กรุงเทพมหานคร: องคก์ ารค้าของ สกสค. ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ. (2541). การเรียนรู้ขุมทรพั ยใ์ นตน. กรุงเทพมหานคร: โรงพมิ พ์ครุ สุ ภาลาดพรา้ ว. สมุ าลี สงั ข์ศร.ี (2544). รายงานวิจยั การศึกษาตลอดชวี ติ เพ่อื สังคมไทย ในศตวรรษท่ี 21.กรุงเทพมหานคร:องค์การค้าครุ สุ ภา 7

การสง่ เสริมการเรียนรูต้ ลอดชีวิต: กรณีศึกษาในตา่ งประเทศ  ดร.ศรีสวา่ ง เลย้ี ววาริณ* แนวคิดการศกึ ษาตลอดชีวิต แนวคดิ เก่ยี วกับ “การศกึ ษาตลอดชวี ิต” ได้รับการน�ำ ในปัจจุบันการเรียนรู้ตลอดชีวิตมีจุดมุ่งหมายมากกว่า ข้ึนมาพิจารณาอย่างเป็นทางการเป็นคร้ังแรกในการประชุม การจัดการศกึ ษาส�ำหรบั ผ้ดู อ้ ยโอกาส หรือใหโ้ อกาสทีส่ องแกผ่ ู้ นานาชาติ “The Third International Committee for ที่ไม่จบการศึกษาในระบบโรงเรียน หรือเพื่อการฝึกอบรมแก่ Facilitating Adult Education” ซึ่งจดั โดย UNESCO เมือ่ ผใู้ หญน่ อกระบบโรงเรยี น การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ควรเปน็ เปา้ หมาย ปี 2507 หลังจากนั้นการศึกษาตลอดชีวิตได้กลายมาเป็นแนว ส�ำหรับทุกคน ซึ่งการประชุมรัฐมนตรีศึกษาของประเทศกลุ่ม ความคิด และแนวทางท่มี คี วามหมายและความส�ำคัญอย่างย่ิง อตุ สาหกรรม (OECD Education Meeting) ในปี ค.ศ. 1996 ต่อการจัดการศึกษา เพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์อย่าง ได้ระบวุ ่าการเรยี นรู้ตลอดชวี ิต ควรเป็นแนวทางของการมสี ่วน แท้จริง UNESCO ได้เพียรหาความชัดเจนเก่ียวกับการจัดการ รว่ มและสนองตอบตอ่ การเปลย่ี นแปลงของโลก ชว่ ยสง่ เสรมิ ระบบ ศึกษาตลอดชีวิตอย่างต่อเน่ือง และได้จัดพิมพ์เอกสารว่าด้วย เศรษฐกจิ ใหม้ ีประสทิ ธภิ าพ และสนับสนนุ ใหเ้ กิดสมานฉันทใ์ น “Lifelong Education” เป็นคร้ังแรกในปี พ.ศ.2513 ในปี สังคม ประเทศต่างๆ ทั่วโลกพยายามพัฒนาศักยภาพของ เดยี วกนั นเ้ี อง UNESCO กไ็ ดจ้ ดั พมิ พเ์ อกสารชอ่ื “An Introduc- แรงงาน ดว้ ยการเพมิ่ ทกั ษะ ฝมี อื และสมรรถนะ เพอ่ื เพมิ่ สดั สว่ น tion to Lifelong Education” ด้วย โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ในปี การผลิตและผลผลิต แต่ละประเทศจ�ำเป็นต้องหายุทธศาสตร์ พ.ศ.2515 UNESCO ได้จัดพิมพ์เอกสารเล่มส�ำคัญ Faure สำ� หรบั การจดั การเรยี นรู้ตลอดชีวิตที่เหมาะสมกับประเทศของ Report : Learning to Be (1972) ซง่ึ เปน็ รายงานผลการศกึ ษา ตนท่ีต้องแข่งขันในสังคมฐานความรู้ (Knowledge-based เก่ียวกับแนวทางในการจัดการศึกษาตลอดชีวิตท่ีแสดงให้เห็น Society) เพราะต้องก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคโลกา ถึงความสัมพันธ์ระหว่างการศึกษาตลอดชีวิตกับการเสริมสร้าง ภิวตั น์ ทำ� ใหม้ นุษย์ทุกคนต้องแสวงหาความรเู้ พอื่ ความอยู่รอด สังคมแห่งการเรียนรู้ (Learning Society) โดยได้กล่าวไว้ว่า การเรยี นร้ทู ส่ี �ำคัญตอ่ การอยรู่ อด อาจไม่ใช่การเรียนร้เู พือ่ ไดส้ ิ่ง “การศกึ ษาตลอดชวี ติ คอื กระบวนการผสานสมั พนั ธท์ รพั ยากร ใหม่ หรือการเรียนรู้ตามกระแสนิยม แต่อาจจะเป็นการเรยี นรทู้ ่ี ทางการศกึ ษาทเี่ ขา้ กบั วถิ ชี วี ติ ของคนในชมุ ชนจนเปน็ หนงึ่ เดยี ว นำ� ประสบการณ์เดมิ มาปรับปรุง แก้ไข พัฒนาให้ถกู ต้อง ชัดเจน ยงั ผลใหเ้ กิดสังคมแหง่ การเรยี นร้”ู ย่ิงขนึ้ (อุน่ ตา นพคณุ , 2543 หนา้ 1) สถาบนั การศกึ ษาจงึ มิใช่ ความหมาย มุ่งแต่จะผลิตบุคคลที่มีแต่ทักษะเฉพาะด้านแต่อย่างเดียว แต่ R.H. Dave (1976) นักการศึกษาท่านหนึ่งที่ได้นิยาม ตอ้ งพฒั นาใหค้ นรจู้ กั การตดั สนิ ใจ มที กั ษะในการแกป้ ญั หา (to “การศกึ ษาตลอดชวี ติ ” เปน็ แนวคดิ ทพ่ี ยายามมองการศกึ ษาใน develop learners’ decision-making and problem-solving ภาพรวม ซ่ึงได้รวมเอาการศึกษาในระบบโรงเรียน (Formal skills) และสอนให้คนรู้จกั เรียนร้ดู ้วยตนเอง (teaching them Education) การศึกษานอกระบบโรงเรียน (Non-formal how to learn on their own) ระบบการศกึ ษาจึงตอ้ งเนน้ Education) และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั (Informal Education) ท่ีการศึกษาตลอดชีวิต ฉะนั้น สังคมอุดมปัญญาท่ีเทคโนโลยี ให้มีการประสานสัมพันธ์ท้ังในด้านของความต่อเนื่องของเวลา สารสนเทศเข้ามามีบทบาทส�ำคัญต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตของ (ช่วงชีวิตคน) และเน้ือหาสาระท่ีคนต้องน�ำความรู้ไปใช้ การ มนุษย์ ท�ำให้นักการศึกษาตลอดชีวิตต้องตระหนักถึงบทบาท ศกึ ษาตลอดชวี ติ จะตอ้ งมลี กั ษณะทยี่ ดื หยนุ่ ในดา้ นเวลา สถานท่ี ของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศอย่างหลีกเล่ียง เนือ้ หา และเทคนคิ การเรียน การสอน ซ่ึงมลี ักษณะคล้ายกับ ไมไ่ ด้ การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง (Self-directed Learning) การแลกเปลยี่ น * ดร.ศรสี วา่ ง เลยี้ ววาริณ ผเู้ ชยี่ วชาญพเิ ศษดา้ นตดิ ตอ่ ประสานงาน ความรซู้ ่งึ กนั และกนั และมใี จกวา้ งยอมรับว่าการเรยี นรูม้ หี ลาย ระหวา่ งประเทศและด้านนิเทศ 8 วารสาร กศน.

รปู แบบและหลายวธิ กี าร “ในปี 1996 Jaques Delores (1996) และตามอัธยาศัย โดยจัดให้ต่อเน่ืองไปตลอดชีวิตต้ังแต่เกิด ได้เขียนเร่อื ง Learning : The Treasure Within” โดยให้ จนตาย วธิ กี ารจดั มลี กั ษณะยดื หยนุ่ หลากหลายโดยตอ้ งมกี าร ขอ้ เสนอแนะเกย่ี วกบั การปฏริ ปู การเรยี นรแู้ ละการปฏริ ปู ระบบ สรา้ งสงิ่ แวดลอ้ มทเ่ี ออ้ื ตอ่ การเรยี นรู้ (Learning Environment) การศกึ ษาในโรงเรยี นมาเปน็ การศกึ ษานอกโรงเรยี น และสง่ เสรมิ มแี หลง่ การเรยี นรแู้ ละเครอื ขา่ ยการเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย มรี ะบบ ใหท้ ุกคนสามารถเรยี นร้ตู ลอดชวี ิต ท�ำให้ UNESCO ได้ทบทวน การสร้างแรงจูงใจให้บุคคลสนใจใฝ่รู้ได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง แนวคิดการศกึ ษาตลอดชวี ิต มาเน้นการเรียนรตู้ ลอดชวี ติ ตลอดชีวติ สมุ าลี สงั ข์ศรี กลา่ วว่า การศึกษาตลอดชีวิต หมายถึง ภาพรวมของการศึกษาทุกประเภทท่ีเกิดข้ึนตลอดชีวิตของ การศกึ ษาตลอดชวี ติ กบั การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ แตกตา่ ง มนุษย์ต้ังแต่เกิดจนตายเป็นการศึกษาเพ่ือมุ่งพัฒนาบุคคลให้ หรือสมั พันธก์ ันอยา่ งไร ปรับตัวเข้ากับความเปล่ียนแปลงในทุกช่วงชีวิตของบุคคลการ การศกึ ษาตลอดชวี ติ (Lifelong Education) และ การ ศึกษาตลอดชวี ติ ครอบคลุมการศึกษาทกุ รปู แบบ ทกุ วัย ทงั้ การ เรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) เปน็ ค�ำทีม่ ีความหมาย ศกึ ษาในระบบโรงเรยี น การศกึ ษานอกระบบโรงเรยี น การศกึ ษา ใกล้เคียงกันมาก แต่ถ้าพิจารณาให้ละเอียดขึ้น ก็จะพบว่ามี แบบไม่เป็นทางการ จากทุกแหล่งความรู้ในชุมชนและสังคม ความแตกต่างกันอยู่บ้าง การเรียนรู้ (Learning) มักใช้ใน และเกิดขึ้นได้ทุกท่ี โดยไม่จ�ำกัดเวลาและสถานที่ การศึกษา ความหมายเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึนในตัวของผู้เรียน ตลอดชีวิตเป็นการศึกษาท่ีสัมพันธ์กับชีวิต และผสมผสาน หรือในตัวของบุคคล เป็นการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมอันเนื่อง กลมกลนื กับการดำ� เนนิ ชีวิตของบุคคล มาจากการได้รับความรู้หรือประสบการณ์ ซ่ึงอาจเป็นไปได้ สนุ ทร สนุ นั ทช์ ยั กลา่ ววา่ การศกึ ษาตลอดชวี ติ เปน็ การ ทั้งการเรียนรู้แง่บวกและแง่ลบ ส่วนการศึกษา (Education) ศึกษาท้ังหมดของชวี ิตมนษุ ย์ จากเกิดจนตาย มุ่งพัฒนามนษุ ย์ มักใช้ในความหมายเกี่ยวกับกระบวนการ เหตุการณ์ กิจกรรม ให้ปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบันและพัฒนา หรือเง่ือนไขท่ีท�ำให้ผู้เรียนหรือบุคคลได้พัฒนา หรือเกิดการ ตอ่ เน่อื ง ไปให้เตม็ ศักยภาพของบุคคลแต่ละคน เปน็ การศึกษา เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี การศึกษาจึงเป็นส่ิงท่ีช่วยเสริมให้ ที่เกิดจากแรงจูงใจที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง จากแหล่งการเรียนรู้ เกิดการเรยี นรู้ในทางทเี่ หมาะสมแกผ่ เู้ รยี น ทั้งในระบบ นอกระบบและไม่เป็นทางการ อาจกล่าวไดว้ ่า การเรียนรูต้ ลอดชีวิตนั้น เปน็ การมอง พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และท่ี ในแงข่ องตวั ผเู้ รียน โดยมคี วามเช่อื วา่ ตัวบุคคลคอื ผ้ทู ีท่ ำ� ให้เกดิ แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2545 มาตรา4 ให้ความหมาย การเรยี นรู้ การเรยี นรจู้ งึ เปน็ กจิ กรรมของผเู้ รยี น คำ� วา่ การศกึ ษา ของการศึกษาตลอดชีวิตว่าเป็นการศึกษาที่เกิดขึ้นจากการ ตลอดชีวิตจะเป็นเรื่องเก่ียวกับแนวทางหรือการเป็นผู้จัดว่า ผสมผสานระหวา่ งการศกึ ษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ และ จะตอ้ งเตรยี มกระบวนการหรอื ประสบการณอ์ ยา่ งไร จงึ จะทำ� ให้ การศึกษาตามอัธยาศัย เพ่ือให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างเหมาะสมตลอดชีวิตของผู้น้ัน และ อยา่ งตอ่ เนือ่ งตลอดชีวติ เม่ือใช้ค�ำว่าการเรียนรู้ตลอดชีวิตมักจะเป็นเร่ืองเกี่ยวกับตัวผู้ เรยี นว่าหลังจากทม่ี ผี ้จู ัดการศกึ ษาใหแ้ ลว้ ผเู้ รียนจะเรียนร้ดู ้วย หลกั การการศกึ ษาตลอดชวี ติ ตนเองอย่างไร เกดิ การเรียนรู้ตลอดชวี ติ อย่างไร ในลักษณะใด หลกั การสำ� คญั ของการศกึ ษาตลอดชวี ติ เปน็ การจดั การ อยา่ งไรกต็ าม จดุ หมายของการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ และการศกึ ษา ศึกษาให้บุคคลได้รับการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทางกาย ปัญญา ตลอดชีวิต เปน็ ส่ิงเดยี วกนั คือ ความต้องการใหบ้ ุคคลไดม้ ีการ สงั คม อารมณ์ และจติ ใจ จดั ใหค้ รอบคลมุ วถิ ชี วี ติ ในทกุ มติ ไิ มว่ า่ เรียนรู้ตลอดชีวิตของตนโดยเรียนรู้อย่างเหมาะสมเพื่อพัฒนา จะเปน็ ครอบครวั การทำ� งาน ชมุ ชนและสังคม การใช้เวลาว่าง คณุ ภาพชวี ิตของตนเองและสงั คม ฉะนน้ั การศกึ ษาตลอดชีวติ พักผ่อน หรือท่องเท่ียว ใช้วิธีการจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่น แตกต่างกับการเรียนรตู้ ลอดชีวิตคอื หลากหลายในเน้ือหาสาระ ครอบคลุมทั้งในระบบ นอกระบบ 9

 การศกึ ษาตลอดชวี ติ เปน็ การจดั เตรยี มกระบวนการ เหลือร้อยละ 42 ได้มีการรณรงค์การส่งเสริมการรู้หนังสือ หรอื ประสบการณใ์ หผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี นรอู้ ยา่ งเหมาะสมตลอด แห่งชาติ สมาคมการศึกษาผู้ใหญ่มีบทบาทส�ำคัญในการ ชวี ิต ด�ำเนนิ งานใหค้ วามรู้ อบรมผ้ใู หญ่ ผลติ สื่อ คู่มอื ครู รัฐสง่ เสริม  การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ เปน็ กจิ กรรมของผเู้ รยี นทเี่ กดิ สนับสนุนให้มีนักการศึกษาผู้ใหญ่ ต่อมากิจกรรมการศึกษา การเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมอนั เนอ่ื งมาจากความรหู้ รอื ประสบการณ์ ตลอดชีวิตได้ด�ำเนินการในรูปแบบที่หลากหลายโดยองค์กร ทไ่ี ดร้ ับในช่วงต่างๆ ของชวี ติ ศาสนา YWCA ไดก้ อ่ ตงั้ ข้นึ ในปี 1922 ซ่ึงมีส่วนช่วยลดการไม่รู้ “การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ” (Lifelong Learning) หมายถงึ หนังสือในหมู่สตรี หอสมุดแห่งชาติได้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1947 การเปล่ียนแปลงในการตอบสนองหรือพฤติกรรม ซึ่งเกิดขึ้น กระทรวงศึกษาด�ำเนนิ แผน 5 ปี (ค.ศ. 1954-1958) ในการลด ทัง้ หมด หรอื บางส่วน จากประสบการณ์ ท้งั โดยตั้งใจ และไม่ ผไู้ ม่รู้หนังสอื โดยร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย และกระทรวง ตั้งใจ จากเกดิ จนตาย การเรยี นรตู้ ลอดชีวิต เป็นพฤตกิ รรมของ กิจการภายใน ท�ำให้ลดอัตราไม่รู้หนังสือได้เหลือร้อยละ 4.1 ผู้เรียนอาจเป็นฝ่ายจัดกระบวนการเพื่อให้เกิดการเรียนรู้แก่ ในปี ค.ศ. 1958 ได้สร้างห้องสมุดหมู่บ้านเพ่ือป้องกันการลืม ตนเองกไ็ ด้ เชน่ การวางแผนการเรยี นเอง ใชส้ อ่ื ตา่ งๆ ดว้ ยตนเอง หนังสือ กิจกรรมการรวบรวมหนังสือส่งไปให้ห้องสมุดหมู่บ้าน วิเคราะห์ และสรุปผลด้วยตนเอง หรือผู้เรียนอาจได้รับ รฐั เองกพ็ มิ พห์ นงั สอื เกยี่ วกบั การเกษตรใหแ้ กช่ าวนา แนวคดิ การ ประสบการณ์จากผ้อู ืน่ จัดให้ ทงั้ โดยตงั้ ใจหรอื ไม่ไดต้ งั้ ใจ ศึกษาตลอดชีวติ ของ UNESCO ในปี ค.ศ. 1970 ได้แพรห่ ลาย การจดั การศกึ ษาตลอดชวี ติ หรอื การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ เขา้ ไปในนักการศกึ ษาของเกาหลีเชน่ กัน และรฐั บาลไดก้ ำ� หนด ในประเทศท่ีพัฒนาแล้ว ให้การศึกษาตลอดชีวิตเป็นนโยบายส�ำคัญในปี ค.ศ. 1980 การจัดการศึกษาตลอดชีวิต หรือ การจัดการเรียนรู้ เน่ืองจากในรัฐธรรมนูญของเกาหลีใต้ ได้ก�ำหนดให้มีการส่ง ตลอดชวี ติ ของแตล่ ะประเทศ จะเหมอื นกนั และแตกตา่ งกนั ตาม เสริมการศึกษาตลอดชีวิต และออกพ.ร.บ. การศึกษาผู้ใหญ่ นโยบายบรบิ ท เศรษฐกจิ การเมอื ง สงั คม วฒั นธรรม สงิ่ แวดลอ้ ม และการศึกษานอกระบบ ในปี ค.ศ. 1982 ต่อมารัฐได้ออก ของแต่ละประเทศ ซ่ึงผู้เขียนจะน�ำเสนอเพียงบางประเทศที่มี พ.ร.บ. หอ้ งสมุด พ.ร.บ.การศกึ ษาผใู้ หญแ่ ละการศึกษาต่อเนอ่ื ง โอกาสได้ศึกษาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงจากผู้รู้ใน การปฏริ ปู การศกึ ษาในปี ค.ศ. 1995 ไดเ้ นน้ ย้ำ� ความสำ� คญั ของ ประเทศน้นั ๆ ดังน้ี การศึกษาตลอดชีวิตเพ่ือสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ทุกคนมี สาธารณรัฐเกาหลีใต้ โอกาสที่จะเรียนท่ีไหน เม่ือใดก็ได้ ท�ำให้เกิด วิทยาลัย จากการได้พบกับ Prof. Dr. Eun-Soo Choi แห่ง มหาวทิ ยาลยั เปดิ เพอ่ื ให้ เยาวชนวยั แรงงาน ประชาชน มโี อกาส Soongsil University, Korea ซงึ่ ไดส้ ะทอ้ นนโยบายการศกึ ษา เพ่ิมพูนทักษะอาชีพ ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้ระหว่าง ตลอดชีวิตของสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ว่าแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ท�ำงาน ระบบการเรียนรู้ด้วยตนเองน�ำมาใช้ วิทยาลัยและ ระยะ ค.ศ. 1945- 1950 เป็นช่วงท่ีได้รับเอกราช และในปี มหาวทิ ยาลยั เปดิ หลกั สตู รการศกึ ษาตอ่ เนอ่ื งมากขนึ้ ส�ำหรบั กลมุ่ ค.ศ. 1949 ไดม้ กี ฎหมายการศกึ ษาเปน็ ครงั้ แรก ซง่ึ เนน้ การศกึ ษา เปา้ หมายทห่ี ลากหลาย นอกจากน้ี หนว่ ยงานอนื่ ๆ เชน่ หอ้ งสมดุ ในระบบโรงเรียน นับต้ังแต่เกาหลีใต้ได้รับอิสรภาพจากญ่ีปุ่น ศูนย์การเรียนชุมชน ศูนย์ศิลปะ ศูนย์วัฒนธรรม วัด โบสถ์ โดยทหารอเมรกิ นั ในปี ค.ศ. 1945 นนั้ ท�ำใหอ้ เมรกิ าเขา้ มบี ทบาท องคก์ รภาคเอกชน สงั คม จดั กจิ กรรมการเรยี นรแู้ กเ่ ยาวชน สตรี ในการบริหารประเทศ รวมทั้งการวางระบบการศึกษาด้วย ผสู้ ูงอายุ กรรมกร เป็นต้น (Prof. Dr. Eun-Soo Choi อ้างใน จนถงึ ปลายปี ค.ศ. 1950 นโยบายการศกึ ษาไดม้ งุ่ เนน้ การศกึ ษา ศรีสวา่ ง เล้ยี ววาริณ, 2550) ผใู้ หญ่ และการศกึ ษาในระบบโรงเรยี น ลดอตั ราการไมร่ หู้ นงั สอื ในปี ค.ศ. 1997 ออกกฎหมายการศกึ ษา และพระราช การกำ� หนดการศกึ ษาภาคบงั คบั 6 ปี สรา้ งโรงเรยี นใหม่ๆ ฝกึ บญั ญัตกิ ารศกึ ษาตลอดชวี ติ ในปี ค.ศ. 2007 รฐั บาลไดก้ �ำหนด อบรมครู โดยเฉพาะครูทีไ่ ดร้ ับอทิ ธิพลจากญปี่ ุน่ ผใู้ หญเ่ ขา้ มา วิสัยทัศน์ ให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ การเรียนรู้เพ่ือความ เรียนจ�ำนวนมาก ท�ำให้สามารถลดจ�ำนวนผู้ไม่รู้หนังสือถึง สนุกสนาน อนาคตและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ปี ค.ศ. 5,400,000 คน กล่าวคอื ลดอัตราคนไมร่ หู้ นังสอื จากรอ้ ยละ 78 2008-2012 โดยก�ำหนดเป้าหมาย คือ 10 วารสาร กศน.

(1) เพ่ือส่งเสริมให้แรงงานมีความรู้สร้างสรรค์ เพ่ือ โดยส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตของสถาบัน สามารถแข่งขันในสงั คมโลก ตา่ งๆ อาทิ การมอบรางวลั การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ แหง่ ชาติ การฉลอง (2 ) เพ่ือจัดกิจกรรมครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายให้มี เทศกาลกิจกรรมการเรียนรู้แห่งชาติ สนับสนนุ ให้สถาบนั ตา่ งๆ โอกาสเรียนรู้ตลอดชวี ิต จดั กจิ กรรมการศกึ ษาตลอดชวี ติ ทหี่ ลากหลาย กจิ กรรมการศกึ ษา (3 ) เพ่ือสร้างโครงสร้างพื้นฐานของสังคมแห่งการ ตลอดชวี ติ สุดสัปดาห์ เรียนรู้ รปู แบบการจดั กจิ กรรมการศกึ ษาตลอดชวี ติ มหี ลกั ๆ โครงสรา้ งการบรหิ าร เพอ่ื ใหก้ ารดำ� เนนิ สามารถบรรลุ ดงั นี้ เป้าหมาย แบง่ เป็น 3 ระดบั คือ (1) การศึกษาตลอดชีวิตท่ีเน้นมหาวิทยาลัยเป็น สว่ นกลาง ใหม้ สี ถาบนั การศกึ ษาตลอดชีวติ แหง่ ชาติ ศูนยก์ ลาง (Lifelong Education Centred University) ระดบั จงั หวดั ประกอบดว้ ยสถาบนั การศกึ ษาตลอดชวี ติ จัดให้ประชาชนท่ีต้องการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อความเช่ียวชาญ แหง่ จังหวัด เฉพาะสาขาในระดบั มหาวทิ ยาลัย ระดับท้องถิ่น ประกอบด้วยสภาสถาบันการศึกษา (2) เมอื งแห่งการเรียนรู้ (Lifelong Learning City) ตลอดชวี ิตท้องถน่ิ เปน็ โครงการระดบั ภมู ภิ าคทม่ี งุ่ ประกนั สทิ ธขิ องประชาชนในการ เรียนรู้ตลอดชีวิต เพ่ือสามารถบูรณาการด้านสังคมและการ พฒั นาเศรษฐกิจ (3) ระบบธนาคารหนว่ ยกิตการศกึ ษา (Academic Credit Bank System) ยอมรบั ประสบการณ์การเรยี นรูข้ อง บุคคลในโรงเรียนและนอกโรงเรียน โดยอนุญาตให้ประชาชน ทม่ี พี น้ื ฐานความรูท้ แี่ ตกต่างเขา้ รบั การศึกษา ในระดบั ท่สี งู กว่า จนถงึ ระดบั ปรญิ ญาตรี (4) การรู้หนงั สือผู้ใหญ่ (Adult Literacy) จดั การ ศึกษาข้ันพื้นฐานแก่ผู้ไม่รู้หนังสือ ให้เงินสนับสนุนหน่วยงานที่ จัดโครงการส่งเสริมการรู้หนังสือ และวิจัยงานส่งเสริมการรู้ การดำ� เนนิ งานแตล่ ะระดบั จะประกอบดว้ ย คณะกรรมการ หนงั สือ แตล่ ะระดบั สำ� หรบั สถานศกึ ษาการศกึ ษาตลอดชวี ติ แตล่ ะประเภท (5) การฝึกอบรมผู้ใหญ่ (Adult Training) จัด ที่จดั หลักสูตร หรอื กจิ กรรมการศึกษาตลอดชวี ิต จะด�ำเนินงาน โครงการฝึกอบรมแก่นกั การศึกษา หรอื บคุ คลากรทรี่ บั ผดิ ชอบ ตามระเบียบ และกฎกระทรวงที่ก�ำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ งานการศึกษาตลอดชีวิต ให้การสนับสนุนนักการศึกษาและ การศกึ ษาตลอดชวี ติ สำ� หรบั ระบบบรหิ ารนนั้ รฐั กำ� หนดแผนการ บุคลากรการศึกษาตลอดชีวิตท่ีก�ำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตแห่งชาติแบบรวม โดยส่งเสริมให้ การศกึ ษาตลอดชวี ิต ทกุ หน่วยงาน สถาบนั น�ำแผนสง่ เสริมการศกึ ษาตลอดชวี ติ ไปใช้ มงุ่ สง่ เสรมิ ขยายกจิ กรรมการศกึ ษาตลอดชวี ติ แกก่ ลมุ่ เปา้ หมาย ดอ้ ยโอกาสทกุ ประเภท อาทิ การสง่ เสรมิ การรหู้ นงั สอื การยกระดบั ความตระหนักทางการศึกษาของประชาชน และการเผยแพร่ วัฒนธรรม ท้ังนี้ รัฐไดก้ ำ� หนดพระราชบญั ญัติคณุ สมบตั ิผูส้ ำ� เร็จ การศึกษา ก�ำหนดมาตรฐานผลการเรียนรู้ของโครงการการ ศกึ ษาตลอดชวี ติ การขยายโครงการการเทยี บโอนหนว่ ยกติ การ ศกึ ษา (Academic Credit Bank) การสง่ เสริมการมีสว่ นรว่ ม 11

สำ� หรบั ศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชนถอื เปน็ หนว่ ยดำ� เนนิ งานการ โดยร่วมกับกระทรวงต่างๆ เช่น ด้านแรงงานร่วมกับกระทรวง ศึกษาตลอดชีวิตในท้องถิ่น ซ่ึงนับรวมห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ เศรษฐกิจ การค้าและอตุ สาหกรรม (Ministry of Economy, ศนู ยว์ ฒั นธรรม ศนู ยส์ วสั ดกิ ารสงั คมทอ้ งถน่ิ ศนู ยก์ ารศกึ ษาสตรี Trade and Industry) ด�ำเนินโครงการฝึกอบรมทักษะให้ ท้องถิ่น ฯลฯ ท้ังนี้ รัฐได้น�ำระบบบัญชีการเรียนรู้ตลอดชีวิต เจ้าของสถานประกอบการธุรกิจขนาดย่อย ระบบสนับสนุน (Lifelong Learning Account System) มาจัดการบนั ทึก การศกึ ษาและการฝกึ อบรม (subsidy system for education การเรียนรู้ของปัจเจกบุคคล และชดเชยส�ำหรับค่าใช้จ่ายใน and training) อันเป็นส่วนหน่ึงของการประกันการจ้างงาน การเรยี นรู้ทพ่ี ึงมีสิทธไ์ิ ด้ (Dr. Eun Soon Baik อ้างใน ศรีสว่าง แก่คนงานให้คนงานมีโอกาสพัฒนาทักษะและศักยภาพการ เล้ยี ววาริณ, 2553) ทำ� งานใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ ดา้ นสาธารณสขุ กำ� หนดนโยบายสง่ เสรมิ การรณรงค์การสร้างสุขภาพแห่งชาติส�ำหรับศตวรรษที่ 21 ประเทศญปี่ ุ่น (Japan) (The National Health Building Campaign for the 21st นโยบายการเรียนรู้ตลอดชีวิตของญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่ปี Century) ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศได้ด�ำเนินการจัดระบบ ค.ศ. 1945 โดยเรม่ิ พฒั นานโยบายดา้ นการศกึ ษาผใู้ หญแ่ ละการ เครอื ขา่ ยข่าวสารทางการศกึ ษาและการส่อื สาร (Educational ศกึ ษาชมุ ชน และนโยบายการศกึ ษาตลอดชีวิตในปี ค.ศ. 1960 Information and Communication Network System “el-Net”) - 1980 และนโยบายการศกึ ษาตอ่ เนอื่ งปี ค.ศ. 1980 เปน็ ตน้ มา เพ่ือขยายโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิตและจัดวิธีการท่ีง่ายแก่ และในขณะน้ีได้มีการปรับปรุงกฎหมายการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ประชาชนให้สามารถเข้าถึงข้อมูลทางการศึกษาได้ทุกเวลา กฎหมายอนื่ ๆ (Prof. Dr. Kenji MIWA อา้ งใน ศรสี วา่ ง เลยี้ ววารณิ , ทุกไหนกไ็ ด้ 2550) ทำ� ใหห้ นว่ ยงานตา่ งๆ เขา้ มามสี ว่ นรว่ มจดั การศกึ ษานอก 3. รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเพ่ือด�ำเนินโครงการ ระบบเพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ในปี ค.ศ. 1984 ตา่ งๆ เพ่อื บรรลเุ ป้าหมายตามนโยบายการเรียนรูต้ ลอดชวี ิต ญ่ีปุ่นจัดต้ังคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ เพื่อปฏิรูปการ 4. สภาการศึกษาส่วนกลาง (Central Council for ศึกษา โดยยึดโครงสร้างการเรยี นรตู้ ลอดชีวิต โดยเฉพาะอยา่ ง Education) จะเป็นหน่วยงาน ยิ่งกฎหมายการส่งเสริมการศกึ ษาตลอดชีวิต ทบ่ี ัญญตั ิข้นึ ใน กำ� หนดมาตรฐานการจดั สาขาการเรียนรูท้ ี่จะจดั กลุม่ ปี ค.ศ. 1990 ทำ� ให้มีการจดั ตั้งสภาการเรียนรู้ตลอดชีวิตใน เป้าหมาย ต้นทุน แหล่งเงิน ทั้งนี้ ให้มีกลไกเพื่อมั่นใจใน ส่วนกลางและส่วนภมู ิภาค ท�ำใหห้ นว่ ยงานทุกหน่วยงาน ท้ัง ประสทิ ธภิ าพการดำ� เนนิ งาน การประเมนิ สมั ฤทธผิ ลของผเู้ รยี น ภาครัฐและเอกชน ตั้งแต่ระดับชาติจนถึงท้องถ่ิน เข้ามามี ให้ได้มาตรฐานแห่งชาติ โดยมีการก�ำกับ ประเมิน และการ บทบาทในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต แก่ ประกนั คุณภาพการศึกษาท่หี น่วยงานทงั้ ภาครฐั และเอกชนจดั ประชาชนทุกระดับ โดยก�ำหนดบทบาทการด�ำเนนิ งาน ดังนี้ 5. กรมการเรยี นรู้ตลอดชวี ิต (Department for Life- ส่วนกลาง long Learning) และสถาบันวิจัยทางการศึกษา (National 1. กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วทิ ยาศาสตร์ Institute for Educational Research) เป็นหน่วยงาน และเทคโนโลยี (Ministry of Education, Culture, Sports, สนับสนนุ ให้จัดท�ำวจิ ัย แสวงหานวัตกรรมใหม่ๆ และผลงาน Science and Technology) จะเปน็ องคก์ รหลกั ของหนว่ ยงาน ดเี ดน่ ดา้ นการศกึ ษาผใู้ หญ่ และการศกึ ษาตลอดชวี ติ โดยศกึ ษา ภาครัฐท่ีรับผิดชอบงานการศึกษา มีอ�ำนาจพัฒนาก�ำหนด แนวโน้มการจัดการเรียนรู้ผู้ใหญ่เพ่ือสามารถตัดสินใจด้าน นโยบาย ด�ำเนินงานร่วมกับองค์กรท้องถิ่นในการจัดการศึกษา นโยบายทางการศกึ ษาส�ำหรับอนาคต ได้ถกู ต้อง (Ministry of ผู้ใหญ่ กิจกรรมการเรยี นรู้ตลอดชีวิตผา่ นศนู ย์การเรียนรูชุมชน Education, Culture, Sports, Science and Technology, ตลอดชีวิต ศูนย์การเรียนชุมชน แหล่งเรียนรู้ต่างๆ เช่น 2009) พพิ ิธภัณฑ์ หอ้ งสมดุ ฯลฯ สว่ นทอ้ งถิน่ 2. กระทรวงศกึ ษา วัฒนธรรม กีฬา วทิ ยาศาสตรแ์ ละ 1. ศูนย์การเรียนชุมชน (โคมินกัง) จะท�ำหน้าท่ีจัด เทคโนโลยี จะด�ำเนินโครงการต่างๆ ตามท่ีนโยบายก�ำหนดไว้ กจิ กรรมการเรยี นร้ตู ลอดชวี ติ แกค่ นในชมุ ชนตามพืน้ ทีต่ า่ งๆทวั่ 12 วารสาร กศน.

ประเทศ และกำ� ลงั พฒั นาใหเ้ ปน็ ศนู ยก์ ารเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ กรณี ชุมชน ท�ำให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตเช่ือมโยงกัน ตัวอย่างเมืองคิมิสึ (Kimitsu City) ได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ และหลากหลาย สามารถสนองความตอ้ งการของกลมุ่ ปา้ หมาย ชุมชนตลอดชีวติ เมอื งคิมิสึ (Kimitsu City Lifelong Learning ได้ ซึ่งพบว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ Community Centre) ขนึ้ ตรงกบั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ประเทศ ตลอดชวี ติ และประชาชนเองกส็ ามารถรวมกลมุ่ เพอ่ื จดั กจิ กรรม ญี่ปุ่น มหี น้าท่กี ำ� กบั ดแู ล ตรวจสอบ ติดตาม ให้คำ� แนะนำ� ด้าน ในศูนย์การเรียนชุมชนได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย วิชาการแก่ศูนย์การเรียนชุมชน (โคมินกัง) 7 แห่ง ห้องสมุด ใดๆ ประชาชน 1 แห่ง และพิพธิ ภัณฑ์ท้องถ่ิน 2 แห่ง ทอ่ี ยใู่ นเมอื ง รัฐบาลญี่ปุ่นเข้ามามีบทบาทในการสร้างอาคารศูนย์ คมิ สิ ึ ซึ่งเป็นหน่วยงานท้องถ่นิ ศนู ย์การเรยี นรู้ชุมชนตลอดชวี ิต การเรียนชุมชนและศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยสนับสนุน แหง่ นี้ ตง้ั อยใู่ จกลางเมอื ง เปน็ อาคารทนั สมยั มหี อ้ งจดั กจิ กรรม งบประมาณ ก�ำหนดบทบาทชัดเจนในพระราชบัญญัติพื้นฐาน การเรียนรูต้ ลอดชีวิต ประเภทตา่ งๆ เชน่ กิจกรรมฝกึ รอ้ งเพลง ว่าด้วยการศึกษาและการศึกษาเพื่อสังคม (Education and ของผู้สูงอายุ การฝึกเล่นไพ่โบราณของญ่ีปุ่น ห้องฝึกเล่นเกม Social Education) กำ� หนดมาตรฐานการดำ� เนนิ งาน คณุ สมบตั ิ สำ� หรบั เดก็ เลก็ หอ้ งฝกึ วาดภาพศลิ ปะ ฯลฯ ศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน และคุณวุฒิของบุคลากร การจัดกิจกรรมของศูนย์การเรียนรู้ ขนาดต่างๆ จะจัดกิจกรรมการเรียนรตู้ ลอดชวี ติ เช่น ศูนย์การ ชุมชนตลอดชีวิตเพ่ือช่วยให้สตรีชนบทมีสถานภาพท่ีดีข้ึน เรยี นชุมชนเกา่ แก่ Yaehara Kominkan มีอาคาร 8 เหลย่ี ม มี ช่วยให้มีสุขอนามัยท่ีดี และเพิ่มรายได้แก่ครอบครัว ขณะน้ี ห้องว่างส�ำหรับจัดกิจกรรมตามความต้องการของผู้เรียน เช่น ญ่ีปุ่นมีศูนย์การเรียนชุมชนจ�ำนวน 17,143 แห่ง และก�ำลัง กฬี าปอ้ งกนั ตวั ของญปี่ นุ่ การฝกึ ตอ่ กลอนดว้ ยบตั ร คลา้ ยไพน่ ก ปรับเป็นศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิตจัดกิจกรรมท่ีหลากหลาย กระจอกของจนี ศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชนขนาดเลก็ Koito Kominkan เพอ่ื สง่ เสรมิ คณุ ภาพชวี ติ แกเ่ ดก็ เยาวชน และผใู้ หญ่ โดยรว่ มมอื ใกล้เขตภูเขาจัดกิจกรรมส�ำหรับกลุ่มเป้าหมายประเภทต่างๆ กับเครือขา่ ยการเรยี นรู้ เชน่ หอ้ งสมุด พพิ ธิ ภณั ฑ์ โรงเรียน ศนู ย์ เชน่ เดก็ ประถมศกึ ษาฝกึ ท�ำอาหารขนมประเภทตา่ งๆ โดยศนู ย์ สุขภาพประชาชน สมาคม องค์กรพัฒนาเอกชน ชุมชน เป็นตน้ การเรียนชุมชนแห่งน้ีท�ำข้อตกลงกับโรงเรียนในการจัดส่งเด็ก ซ่ึงหอ้ งสมุด และพพิ ธิ ภัณฑ์ ต่างก็มพี ระราชบัญญัตขิ องตนเอง มาฝึกท�ำอาหารขนมเดือนละคร้ัง ในวันอาทิตย์ เวลา 9.00 – ท่ีก�ำหนดบทบาทในการส่งเสริมสนับสนุนศูนย์การเรียนชุมชน 12.00 บางครั้งผู้ปกครอง ภูมิปัญญาท้องถ่ิน อาสาสมัครเป็น ทำ� ใหส้ ถานศกึ ษาในชมุ ชนจดั กจิ กรรมหลงั เรยี นรว่ มกบั ศนู ยก์ าร วทิ ยากรดว้ ย เรยี ก Challenged School ทำ� ใหเ้ ดก็ รจู้ กั ผอู้ าวโุ ส เรยี นชมุ ชนและเครือข่ายการเรียนรูต้ า่ งๆ ทั้งน้ี เพราะกฎหมาย ในชมุ ชน เดก็ ๆ ตา่ งโรงเรยี นไดร้ จู้ กั กนั เองมากขน้ึ สำ� หรบั ผใู้ หญ่ ได้นิยามการศึกษาเพ่ือสังคม (Social Education) หมายถึง ฝึกท�ำอาหาร เพื่อเป็นอาชีพเสริม เด็กและผู้ใหญ่ในท้องถิ่น กิจกรรมทางการศกึ ษา รวมทง้ั กิจกรรมพลศกึ ษา และกจิ กรรม สามารถเล่นกฬี าในสนามใกลศ้ นู ย์การเรยี นชุมชน นันทนาการ ส�ำหรับเยาวชนและผู้ใหญ่นอกโรงเรียน และ 2. แหล่งเรียนรู้ต่างๆ เช่น สนามกีฬา พิพิธภัณฑ์ กิจกรรมที่จัดข้ึนอันเป็นส่วนหน่ึงของหลักสูตรในโรงเรียน หอ้ งสมดุ ฯลฯ จะเป็นหนว่ ยงานเครอื ข่ายของศูนย์การเรียน ตามพระราชบัญญตั โิ รงเรียน (ศรสี ว่าง เลย้ี ววารณิ , 2553) 13

หลกั สูตรและรปู แบบการจัด ศูนย์เด็ก ศูนย์การศึกษาสตรี ศูนย์โสตทัศนศึกษา ซ่ึงจัดโดย 1.หลกั สตู รมธั ยมศกึ ษาตอนปลายและอดุ มศกึ ษา ซงึ่ เทศบาลนคร/เมือง องค์กรเอกชน ซ่ึงศูนย์การเรียนชุมชน จะเปิดสอนภาคสมทบหรือเรียนทางไปรษณีย์ เรียนทางไกล (Kominkan) หลายแหง่ ไดอ้ อกแบบให้เป็นศูนย์พกั พงิ หากเกดิ และมหาวทิ ยาลัยทางอากาศ (University of the Air) สำ� หรับ พิบัติภัยธรรมชาติ เพ่ือสามารถจัดกิจกรรมฝึกอบรม และให้ กลุ่มเป้าหมายผู้เรียนท่ีขาดโอกาสทางการศึกษา ประชาชนท่ี ประชาชนอยูอ่ าศัยชัว่ คราวได้ (Takaaki Iwasa, 2010) ท�ำงานเตม็ เวลา กลุ่มแมบ่ ้าน คนทำ� งานครง่ึ เวลา บุคลากรของ หนว่ ยงานภาครฐั และเอกชน (University of the Air, 1989) สหรัฐอเมรกิ า (United States of America) 2. หลกั สตู รวชิ าชพี จะจดั ใหก้ บั เยาวชนทจี่ บการศกึ ษา วุฒิสมาชิก Walter Mondale ได้เสนอกฎหมายช่ือ ภาคบังคับแล้ว ไปเรียนต่อ และประชาชนท่ัวไป เข้าฝึกอบรม กฎหมายการศกึ ษาตลอดชวี ติ (The Lifelong Education Act) ซึ่งได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา เม่ือปี 1976 กฎหมายนี้ ก�ำหนดการเรียนรู้ตลอดชีวิตไว้สิบเก้าประเภท จากการศึกษา พ้ืนฐานส�ำหรับผู้ใหญ่ไปจนถึงการเรียนรู้เพ่ือตอบสนองความ ต้องของครอบครัวและการพัฒนาส่วนบุคคล นอกจากน้ัน ยัง กำ� หนดใหม้ ศี นู ยข์ อ้ มลู เพอ่ื สนบั สนนุ การวจิ ยั เพอื่ คน้ หาปจั จยั ท่ีกีดกั้นมิให้บุคคลได้มีโอกาสในการเรียนรู้ อย่างไรก็ตาม การ สนบั สนนุ ในดา้ นงบประมาณไมเ่ พยี งพอทจี่ ะทำ� ใหก้ ฎหมายนไ้ี ด้ บรรลผุ ลตามทวี่ างเปา้ หมายไวอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี ซง่ึ จะยกตวั อยา่ งศนู ย์ การเรยี นร้ตู ลอดชีวติ ของบางมลรฐั ดงั นี้ ศนู ยก์ ารเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ของสภาการศกึ ษาอเมรกิ นั (ACE’s Center for Lifelong Learing) เปน็ ศนู ยท์ จี่ ดั ตงั้ ขน้ึ วชิ าชพี ดา้ นชา่ งและวชิ าชพี อนื่ ๆ เชน่ ดา้ นธรุ กจิ เทคโนโลยีสาขา หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อส่งเสริมการศึกษาส�ำหรับผู้ใหญ่ ตา่ งๆ เป็นตน้ โดยใช้เวลาเรยี น 3 เดอื น ถงึ 1 ปี นอกจากนี้ยงั มี ปจั จบุ นั เปน็ ผนู้ ำ� ระดบั ชาติ ในการปรบั นโยบาย แนวปฏบิ ตั ิ และ หลักสูตรฝึกอบรมวิชาชีพท่ีบริษัทฝึกอบรมให้กับพนักงาน แนวคิดเก่ียวกับการศึกษาต่อเนื่อง จัดโปรแกรม ให้บริการ ของตน แต่บริษัทขนาดกลางและเล็กต้องการการช้ีแนะจาก การศกึ ษาแกผ่ เู้ รยี นผใู้ หญ่ จดั หาเครอ่ื งมอื ทำ� วจิ ยั เพอื่ ลดชอ่ งวา่ ง ภาครฐั สถาบนั ฝกึ อบรมวชิ าชพี ของรฐั ทง้ั ระดบั ชาติ และระดบั ในการใหบ้ รกิ ารกลมุ่ เปา้ หมายทห่ี ลากหลาย ลดการขาดแรงงาน ท้องถิ่นมีหนา้ ทตี่ ้องจดั ฝึกอบรมวชิ าชพี แกป่ ระชาชน ซึ่งจดั โดย สาขาวชิ าต่างๆ โดยเฉพาะในระดบั สงู กว่ามัธยมศึกษา ทัง้ น้ี ให้ หน่วยงานของกระทรวงแรงงาน และหนว่ ยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งตาม สอดคลอ้ งกบั นโยบายทางการศกึ ษาของประธานาธบิ ดโี อบามา กฎหมายส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Yamamoto, โครงสรา้ งการบริหาร 1986) และ (Ministry of Education, Science and Culture, ศูนย์แห่งน้ีด�ำเนินการโดยคณะกรรมการการเรียนรู้ 1994) ตลอดชวี ติ ประกอบดว้ ยกรรมการระดบั สงู ของสถานศกึ ษา ผู้แทน 3. โปรแกรมกจิ กรรมดา้ นศลิ ปะ วฒั นธรรม กฬี าและ จากสถาบนั อดุ มศกึ ษา และสมาคมการศกึ ษา ดำ� รงตำ� แหนง่ 3 ปี นนั ทนาการ จดั สอนรายวิชาต่างๆ เกย่ี วกบั ศลิ ปะ วัฒนธรรม มีหน้าที่ ดังน้ี กฬี าและนนั ทนาการแกผ่ สู้ นใจทว่ั ไป ซง่ึ สว่ นใหญจ่ ดั โดยองคก์ ร 1. เปน็ ทป่ี รกึ ษา ใหค้ ำ� แนะนำ� การจดั กจิ กรรม หลกั สตู ร ในชุมชน (ฉนั ทนา จนั ทรบ์ รรจง, 2540) ของศนู ย์ 4. โปรแกรมส่งเสริมการศึกษาเพื่อสังคม จัดใน 2. ให้ค�ำแนะน�ำคณะท�ำงานบุคลากรท่ีท�ำงานในศูนย์ ลกั ษณะของการสง่ เสรมิ การศกึ ษาตามอธั ยาศัย เชน่ กจิ กรรม เก่ียวกับการให้บริการรูปแบบกิจกรรม แนวโน้มการจัดการ ในศูนยก์ ารเรียนชุมชน (Kominkan) พิพิธภัณฑ์ ศนู ย์เยาวชน เรียนรใู้ นอนาคต 14 วารสาร กศน.

3. ทบทวนนโยบาย แนวทาง หลกั การในประเด็นของ ตามความต้องการของแต่ละครอบครัว เพ่ือส่งเสริมให้ท้ัง การจัดการศึกษาผู้ใหญ่ท่ีดี กรณีศึกษาท่ีประสบผลส�ำเร็จหรือ ครอบครัวเรยี นรู้ ได้แก่ ทเี่ หมาะสม ให้คำ� รบั รองการดำ� เนินงานของศนู ย์ ก. หลักสตู รการศึกษาผูใ้ หญ่ (Adult Education) เพอื่ ใหผ้ ใู้ หญเ่ รยี นเพอื่ พฒั นาทกั ษะการอา่ น การเขยี น คอมพวิ เตอร์ โปรแกรมการจดั กจิ กรรม และการฝกึ การงานเพอื่ การจา้ งงาน 1. โปรแกรมการศึกษาส�ำหรับทหารการจัดกิจกรรม ข. หลักสตู รการศกึ ษากอ่ นปฐมวัย (Early Childhood การเรยี นรแู้ ก่ทหารทกุ เหล่าและอาสาสมัคร Education) เพอื่ ใหเ้ ด็กเล็กท่ียังไม่เข้าโรงเรยี นได้ฝึกทกั ษะการ 2. โปรแกรมความร่วมมือ ที่ด�ำเนินงานร่วมกับ อา่ น เล่น เขียน ศลิ ปะ วิทยาศาสตร์ และการปฏิสมั พนั ธ์ทาง หนว่ ยงานอนื่ รวมทง้ั การประเมนิ การเทยี บโอน การลงทะเบยี น สังคม และเปดิ โอกาสให้พอ่ แม่ ผูป้ กครองร่วมกิจกรรมดว้ ย 3. การวิจัย ดำ� เนินงานวิจยั เก่ียวกับการศกึ ษาผ้ใู หญ่ ค. หลักสูตรส�ำหรับพ่อแม่และเด็ก (Parent and ศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิตมอนทานา (Lifelong Child Time) เพอื่ ให้พ่อแม่ และเด็กๆ ได้เรยี นและเลน่ ร่วมกนั Learning Center Montana) ตัง้ เมือ่ ปี ค.ศ. 1957 จากจดั สร้างความตระหนกั กบั พอ่ แมว่ ่าลกู เรียนรู้อยา่ งไร ชั้นเรียนสอนทักษะการเชื่อมแก่ช่างไม้ 20 คน จนขยายเตบิ โต ง. เวลาส�ำหรับพ่อแม่ (Parent Time) เป็นการสร้าง มาเปน็ ศูนย์การเรยี นรตู้ ลอดชีวติ มีผ้ลู งทะเบียน 11,500 คน โอกาสให้พ่อแม่เรียนรู้เก่ียวกับการพัฒนาการและการเติบโต เมือ่ ปี ค.ศ.2009 ดำ� เนินการโดยเทศบาลเมอื งมอนทานา เปดิ ของลกู ๆ พอ่ แม่ แตล่ ะครอบครวั เรยี นรซู้ งึ่ กนั และกนั เพอื่ คน้ หา หลักสูตรท่ีหลากหลาย เพื่อสนองความต้องการของผู้เรียน วิธีการส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาและการพัฒนาการรู้หนังสือ กลมุ่ ตา่ งๆ ผู้สมคั รเรียนต้องมอี ายตุ งั้ แต่ 16 ปี ข้ึนไป ดงั น้ี ของลกู โปรแกรมสุขภาพและความปลอดภัย (Health & ประเภทกิจกรรม Safety) ศนู ยก์ ารเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ จดั โปรแกรมดา้ นสขุ ภาพและ ความปลอดภยั โปรแกรมวุฒิบัตร (Certificates Program) ศูนย์การ เรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ยงั จดั หลักสูตรต่างๆ เพอื่ ให้ไดร้ ับวฒุ บิ ตั ร เชน่ หลักสูตรฝึกอบรมวิชาชีพระยะสั้น 150-170 ช่ัวโมง เช่นการ ถ่ายภาพ หรือ 140-150 ช่ัวโมง เช่น การออกแบบเว็บโซค์ (web design) หรอื โรงเรยี นมัธยมศึกษาตอนคำ�่ (Night High School) เพอ่ื ใหผ้ ทู้ เี่ รยี นไมจ่ บมาเรยี นและประเมนิ ผล เพอื่ เปน็ หลักฐานในการสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับท่ีสูงขึ้น หลักสูตร เหล่านี้ เปิดสอน ปีละ 4 คร้งั สหภาพยุโรป โปรแกรมการศกึ ษาผใู้ หญข่ ้นั พน้ื ฐาน (Adult Basic คณะกรรมาธกิ ารยโุ รป (The European Commission) Education) จดั ฟรสี ำ� หรบั ผใู้ หญท่ ยี่ งั ตอ้ งพฒั นาทกั ษะการอา่ น ไดเ้ หน็ ชอบกบั บนั ทกึ วา่ ดว้ ยการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ (Memoran- เขียน คิดเลข หรือผทู้ ตี่ อ้ งสอบ GED การหางานท�ำ การรักษา dum on Lifelong Learning) ในการประชมุ ท่กี รุงลสิ บอน สภาพการจ้างงาน ผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาในระดับมัธยมศึกษา เมอื่ ปี 2000 ซง่ึ ยืนยนั วา่ ยุโรปกำ� ลังก้าวเข้าสูศ่ กั ราชใหม่แห่ง ตอนปลาย ซง่ึ รฐั และทอ้ งถนิ่ เปน็ ผสู้ นบั สนนุ เงนิ อดุ หนนุ ทงั้ หมด ความรู้ (new era of knowledge) และจะเผชิญผลกระทบ โปรแกรมส�ำหรบั ท้ังครอบครัว (Even Start Family จากความรทู้ จี่ ะบงั เกดิ ตอ่ ชวี ติ ในดา้ นวฒั นธรรม เศรษฐกจิ และ Literacy Program) มีทงั้ โปรแกรมท่ศี นู ยจ์ ดั และทโี่ ปรแกรม สังคม คณะ กรรมาธิการยุโรปสรุปความเห็นว่า การเรียนรู้ 15

ตลอดชีวิตเป็นส่ิงจ�ำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมและ เศรษฐกิจฐานความรู้ (Knowledge-based Society and Economy) การเรม่ิ และการสรา้ งความรู้ เป็นเคร่ืองมือส�ำคัญ ในการพฒั นาประชาสงั คม (Civil Society) การบรู ณาการสงั คม และการมงี านทำ� คณะกรรมาธกิ ารเหน็ วา่ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ จะมีผลกระทบต่อการสร้างสังคมท่ีอ�ำนวยโอกาสให้ประชาชน ไดร้ ับการศึกษาโดยเทา่ เทียมกนั ตลอดชีวติ การปรบั ปรุงวธิ ีการ ศึกษาซ่ึงจะช่วยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการศึกษา ตลอดชวี ติ การยกระดบั คณุ วฒุ ใิ นทกุ สาขาใหส้ งู ขนึ้ การจดั ใหม้ ี การศกึ ษา และการฝกึ อบรมระดบั สงู ทม่ี คี ณุ ภาพ และตอบสนอง อปุ สงคท์ เ่ี ปลยี่ นแปลงไป และการสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนมบี ทบาท ท่ีแข็งขันในด้านสาธารณะ โดยเฉพาะในกิจกรรมทางการเมือง และสังคม (European Commission, 1996) กฎหมายและ นโยบายของประชาคมยโุ รป (European Community) มผี ลตอ่ พลเมอื งของประชาคมยโุ รปในดา้ นสถานภาพ การงาน การศกึ ษา มาตรา 48 แห่งสัญญาประชาคมเศรษฐกิจยุโรป (European Economic Community) ให้เสรีภาพแก่บคุ คลท่ีจะไดร้ บั การ ศกึ ษาตลอดชีวิตในยโุ รป พลเมืองของสมาชกิ ประเทศหน่งึ อาจ ไปตง้ั ถน่ิ ฐานพำ� นกั และทำ� งานในประเทศอน่ื ๆ ในประชาคมได้ มาตรา 57 ของสัญญาเดียวกนั ไห้อำ� นาจแกป่ ระชาคมที่จะออก แนวปฏิบัติให้มีการรับรองวุฒิบัตรซึ่งกันและกันในประชาคม มาตรา 118 ประชาคมอาจสง่ เสริมสมาชิกประเทศในดา้ นการ ไดก้ ำ� หนดนโยบายการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ไวใ้ นยทุ ธศาสตรล์ สิ บอน ฝึกอาชีพและการศึกษาต่อเน่ือง ในทางปฏิบัติ ประชาคมได้มี (Lisbon Strategy) ปจั จบุ นั ศนู ยก์ ารศกึ ษาประชาชนจดั กจิ กรรม โครงการร่วมกัน เช่น การด�ำเนินการวิทยาลัย European การศึกษาด้านสขุ ภาพอนามัย ร้อยละ 31.9 ดา้ นภาษาศาสตร์ College ที่กรงุ บรัสเซลส์ ประเทศเบลเยีย่ ม และมหาวิทยาลยั รอ้ ยละ 28.6 ดา้ นวฒั นธรรมร้อยละ 15 ด้านสังคม สง่ิ แวดลอ้ ม ฟลอเรนซ์ ในประเทศอิตาลี เพ่ือให้นักศึกษาในประชาคม รอ้ ยละ 11.5 ดา้ นการฝกึ ทกั ษะอาชพี รอ้ ยละ 11 และดา้ นการ เขา้ ศกึ ษาได้ เปน็ ต้น ศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานรอ้ ยละ 2 ซง่ึ เปน็ สดั สว่ นทน่ี อ้ ยเมอ่ื เปรยี บเทยี บ สหพันธรัฐเยอรมนี แนวคิดศูนย์การศึกษาประชาชน กับกิจกรรมด้านอ่ืนๆ แม้สหพันธรัฐเยอรมันจะเป็นประเทศท่ี (Volkschochschule) หรือ ศูนย์การเรียนชุมชนของเยอรมัน เจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ยังต้องจัดการส่งเสริมการรู้ เรมิ่ เมอ่ื ปี ค.ศ. 1902 แตก่ อ่ ตงั้ หลงั สงครามโลกครง้ั ที่ 1 (1927) หนงั สอื เนอ่ื งจากมผี อู้ พยพจากประเทศตา่ งๆ เขา้ มาทำ� มาหากนิ และดำ� เนนิ การตอ่ อกี ครง้ั หลงั สงครามโลกครงั้ ที่ 2 โดยในชว่ งปี ในสหพันธรัฐเยอรมันจ�ำนวนมาก และพบว่ามีกรรมกรจ�ำนวน 1970 ไดย้ อมรับการศกึ ษาผู้ใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของระบบการ มากที่ไม่กล้าบอกว่าตนอ่านหนังสือไม่ออก จึงมีการรณรงค์ให้ ศกึ ษา ซงึ่ กฎหมายการศกึ ษาผใู้ หญ่ ระบใุ หเ้ ทศบาลเมอื งดำ� เนนิ กรรมกรเหลา่ นมี้ าเรยี นการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน เมอื่ กรรมกรเหลา่ น้ี การจัด และรัฐต้องให้เงินอุดหนุนการจัดกิจกรรมการศึกษา อา่ นออกเขยี นได้ กจ็ ะมชี วี ติ ความเปน็ อยดู่ ขี นึ้ การดำ� เนนิ งานของ ผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างย่ิงออกกฎระเบียบพิเศษเกี่ยวกับการ ศนู ยเ์ หลา่ น้ี ตอ้ งอาศยั บคุ ลลากรระดบั ตา่ งๆ อาทิ ระดบั ผอู้ ำ� นวย อาชีวศึกษา การฝึกทักษะอาชีพแก่คนว่างงานและกลุ่มเป้า การ จำ� นวน 955 คน ระดบั เจา้ หน้าท่บี รหิ ารจดั การ 3,704 คน หมายพิเศษ แมใ้ นปจั จุบนั นโยบายสหภาพยโุ รป (EU Policy) ครผู สู้ อน 3,380 คน และผเู้ ชย่ี วชาญอสิ ระ 191,462 คน นอกจาก 16 วารสาร กศน.

จัดกจิ กรรมที่กล่าวมา ยังจัดประชมุ สัมมนา ประชมุ ปฏบิ ตั กิ าร (1) การวางกรอบงานในเชิงยทุ ธศาสตร์ จัดท�ำต�ำรา เอกสารค�ำสอนต่างๆ เพ่ือเผยแพร่อีกด้วย (Uwe (2) การปฏวิ ัติเจตคติ Gartenschlaeger, อ้างใน ศรีสว่าง เลีย้ ววาริณ, 2553) (3) การขยายขอบเขตการเข้ามามีสว่ นรว่ มและผล สหราชอาณาจักรองั กฤษ (Great Britain) เป็นประเทศ สัมฤทธิใ์ ห้กวา้ งไกล หน่ึงท่มี แี ผนการสร้างสรรค์สังคมการเรยี นรู้อย่างต่อเนอื่ ง เป็น (4) ความส�ำคัญของบา้ น ชุมชน และสถานประกอบการ ระบบ ตงั้ แตค่ รงั้ นายโทน่ี แบลร์ เปน็ หวั หนา้ พรรคฝา่ ยคา้ น และ (5) การปรับระบบ ระเบียบให้เรียบง่ายและการ นายเดวดิ บลงั เคตต์ ผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นการศกึ ษาของพรรคแรงงาน บูรณาการ ซง่ึ ตอ่ มาไดเ้ ปน็ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ ารและการจา้ ง (6) การประสานแผน หนุ้ สว่ น และความรว่ มแรงรว่ มใจ งาน ไดแ้ ตง่ ตง้ั คณะกรรมการทป่ี รกึ ษาแหง่ ชาตวิ า่ ดว้ ยการศกึ ษา (7) การเขา้ ถงึ สารสนเทศ คำ� ปรกึ ษา และการแนะแนว ตอ่ เนอื่ งและการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ขน้ึ เมอื่ เดอื นมถิ นุ ายน 2540 (8) ความถูกตอ้ งของข้อมูล เป้าหมาย และมาตรฐาน คณะกรรมการได้จัดท�ำข้อเสนอแนะ เรียกช่ือว่า “Learning (9) การพัฒนาเทคโนโลยีในการส่ือสารและการ for the Twenty-First Century” เสนอแนะให้พัฒนา ถา่ ยทอดขอ้ มลู ข่าวสาร วฒั นธรรมแหง่ การเรยี นรขู้ องประชาชนทว่ั ประเทศ และประกาศ (10) การจดั สรรเงินทุนกับการใชจ้ า่ ย โครงการหลกั 4 โครงการท่จี ะสง่ ผลต่อการเรียนรู้ คอื โครงการ ส�ำหรับยุทธศาสตร์ได้มีการเสนอรายงานทบทวน ขอ้ ตกลงใหม่ โครงการมหาวทิ ยาลยั อตุ สาหกรรม โครงการ สภาวการณ์ของการศึกษาต่อเน่ืองและการอุดมศึกษาของ เปดิ บญั ชกี ารเรยี นรสู้ ว่ นบคุ คล และโครงการจดั สรา้ งเครอื ขา่ ย เฮเลนา เคนเนด้ี และรายงานคุณวุฒิในการเรียนรู้และการ การเรียนรแู้ ห่งชาติ นอกจากนัน้ ไดเ้ สนอยุทธศาสตร์การเรียนรู้ อุดมศึกษาของเซอร์รอน เดียริงก์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวได้น�ำ ตลอดชีวิต 10 ประการ ดงั นี้ ดำ� เนนิ การทเ่ี วส์ คอื ระบบการสะสมหนว่ ยกติ สำ� หรบั การศกึ ษา ยทุ ธศาสตร์การเรียนรู้ตลอดชีวิต ตอ่ เน่ือง ที่เรียกวา่ CREDIS นอกจากน้ียังพัฒนาหน่วยงานท่ี รับผิดชอบด้านคุณวุฒแิ ละหลักสูตร เป็นผู้น�ำการพัฒนาระบบ การรบั รองวทิ ยฐานะของหนว่ ยการเรยี นรู้ หรอื ทเี่ รยี กวา่ ระเบยี น การเรียนรู้ ซึ่งพัฒนาจากแนวคิดของเซอร์นิโคลัส กูดิสัน และ รายงานข้างตน้ โดยเรียกวา่ “แฟ้มความก้าวหนา้ วธิ ีน้ชี ่วยให้ ผู้เรียนรู้ว่าตนเป็นเจ้าของ และผู้จัดการเส้นทางการเรียนรู้ของ ตนเอง ซึ่งจะกระตุ้นให้เข้ามาดูแล ติดตาม ตรวจสอบความ กา้ วหน้าของตนเองไปจนตลอดชวี ติ (ส�ำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาแห่งชาติ 2543 : 1-19) นวตั กรรมการเรยี นรู้ตลอดชวี ิต สหราชอาณาจักรอังกฤษ ได้น�ำนวัตกรรมการเรียนรู้ ตลอดชีวิตใหม่มาใช้ เช่นน�ำแนวคิดระบบบัญชีการเรียนรู้ส่วน บคุ คล (Individual Learning Accounts) มาใชใ้ นรฐั องิ คแ์ ลนด์ (England) เม่อื ฤดใู บไมผ้ ลิ ปี ค.ศ. 2000 โดยใชเ้ งนิ ทนุ 150 ล้านปอนด์จากสภาฝึกอบรมและรัฐวิสาหกิจ (Training and Enterprise Councils (TECs) ซึ่งเคยใหเ้ งินอดุ หนนุ แกบ่ คุ คล 25 ปอนด์ เป็น 150 ปอนด์ สำ� หรบั บคุ คลอายุ 19 ปี ขน้ึ ไป เพอื่ ให้บคุ คลเรยี นรตู้ ลอดชีวติ โดยเลือกเรียน วางแผน จดั การ การเรียนรู้ด้วยตนเอง แต่ไม่ใช่การเรียนรู้ในระบบโรงเรียน 17

เปน็ การสง่ เสรมิ ใหน้ ายจา้ ง สถานประกอบการ บรษิ ทั หนั มา ของประชาชน โดยประสานความรว่ มมอื กบั หนว่ ยงานเครอื ขา่ ย บรจิ าคเงนิ ทนุ เพอื่ พฒั นาบคุ ลากรมากขน้ึ ซงึ่ สนบั สนนุ ใหบ้ คุ คล และชุมชน หันมาลงทะเบียนมาเข้าโครงการ โดยมีส่วนลดการลงทุนใน กลุ่มเป้าหมายและรูปแบบกิจกรรม หน่วยงานการ การเรียนรู้ของบุคลากร เป็นแรงจูงใจให้คนมาเรียนมากข้ึน ศึกษาตลอดชีวิตจะด�ำเนินกิจกรรมตามความต้องการของกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานหนุ่มสาว อายุ 21-30 ปี มีโอกาส เป้าหมายมากข้ึน ต้ังแต่ก่อนปฐมวัย เสริมความรู้แก่เด็กและ พัฒนาศักยภาพของตนเองให้สูงขึ้น (Department of เยาวชนในระบบโรงเรียน ผู้ท่ีจบการศึกษาในสถานศึกษามา Education and Skills, 2002) เข้าโปรแกรมการศึกษาต่อเนื่อง แม้แต่ผู้ท่ียังไม่รู้หนังสือ หรือ การศกึ ษาภาคบงั คบั เยาวชน และผใู้ หญใ่ นวยั แรงงาน ตลอดจน บทวเิ คราะห์ ผสู้ งู อายุ ฉะนนั้ การบรกิ ารการศกึ ษาตลอดชวี ติ แกก่ ลมุ่ เปา้ หมาย ในยคุ ของโลกาภวิ ฒั นท์ ร่ี ะบบเศรษฐกจิ และระบบขา่ วสาร หลากหลาย รปู แบบกจิ กรรมจงึ สนองความตอ้ งการของกลมุ่ ข้อมูลไร้พรมแดนเข้ามามีบทบาทในการก�ำหนดการด�ำรงชีวิต หมายประเภทต่างๆ เช่น กิจกรรมการฝึกอบรมประเภทต่างๆ ของมนษุ ย์ ทำ� ใหม้ กี ารแขง่ ขนั ในตลาดแรงงานสงู แตล่ ะประเทศ เชน่ อาชพี ใหมๆ่ อาชพี เสรมิ ความรใู้ หม่ๆ เปน็ ต้น กจิ กรรม จึงมุ่งเน้นนโยบายการศึกษาตลอดชีวิต โดยมีเป้าหมายท่ีจะ ส่งเสริมทักษะชีวิต สุขภาพอนามัยทางร่างกายและทางจิต ยกระดับความรู้ ทักษะอาชีพของประชาชนให้มีศักยภาพที่ กิจกรรมเพ่ืออนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนา จะกา้ วทนั การเปลีย่ นแปลงของสงั คมโลก ความเจริญกา้ วหน้า คุณภาพชีวิตของคนในประเทศ ซ่ึงเป็นสิ่งจ�ำเป็นในปัจจุบัน ของวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ดงั นน้ั ประเทศตา่ งๆ จงึ จำ� เปน็ และอนาคต ต้องปฏิรูปการศึกษา มุ่งสร้างวิสัยทัศน์ของประเทศตน เพื่อ นโยบาย ยทุ ธศาสตร์ และการออกกฎหมาย ก�ำหนดนโยบายและเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา จากการน�ำเสนอตัวอย่างการจัดการศึกษาตลอดชีวิต ของประเทศ โดยเชื่อว่าการศึกษาจะเป็นปัจจัยส�ำคัญของ หรือการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประเทศต่างๆ ข้างต้น จะพบว่า กระบวนการผลติ ซึง่ โครงสรา้ ง บทบาท รูปแบบกจิ กรรมการ ปจั จัยสำ� คญั ในการขับเคลอ่ื นการดำ� เนนิ งานให้ส�ำเร็จ คือ การมี ศึกษาตลอดชีวิต/การเรียนรู้ตอลอดชีวิต และการก�ำหนด นโยบาย เปา้ หมาย ยทุ ธศาสตร์ และพระราชบญั ญตั ิ ซง่ึ จะทำ� ให้ นโยบาย ยุทธศาสตร์ และการออกกฎหมาย จะมลี กั ษณะ ดงั น้ี หนว่ ยงานตา่ งๆ สามารถดำ� เนนิ งานไดค้ ลอ่ งตวั แมบ้ างประเทศ โครงสรา้ งและบทบาท จดั โครงสรา้ งองคก์ รการบรหิ าร ไม่มีกฎหมายการศึกษาตลอดชีวิต แต่มีการออกกฎหมายอ่ืนๆ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ทกุ ระดบั ตง้ั แตส่ ว่ นกลาง สว่ นภมู ภิ าค และ เพอ่ื สง่ เสรมิ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ การออกกฎหมายกเ็ พอ่ื สง่ เสรมิ ทอ้ งถน่ิ ในรปู ของคณะกรรมการ โดยรว่ มมอื กบั กระทรวงตา่ งๆ การเรียนรู้ตลอดชีวิตให้สามารถสนองความต้องการการเรียนรู้ และหนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ใหค้ วามส�ำคญั กบั หนว่ ยงานและสว่ น ของประชาชนนัน่ เอง ท้องถ่ินในการพัฒนาทักษะสมรรถนะของฝีมือแรงงาน เพ่ือให้ ประชาชนวยั แรงงานใหม้ ศี กั ยภาพ สามารถแขง่ ขนั ในเวทโี ลกได้ บทสรปุ โดยเฉพาะอย่างย่ิง ในส่วนกลางเน้นการจัดท�ำยุทธศาสตร์ จะเห็นได้ว่ารัฐบาลประเทศต่างๆ ให้ความส�ำคัญการ ก�ำหนดนโยบาย มาตรฐานการจัดการศึกษา/การเรียนรู้ตลอด จดั การศกึ ษา/การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ออกกฎหมาย และพระราช ชีวิต วิธีการวัดผลประเมินผล และการท�ำวิจัยเพื่อแสวงหา บัญญัติท่ีเก่ียวข้อง ก�ำหนดวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์การศึกษา นวตั กรรมใหมๆ่ ทางการศกึ ษา/การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ตลอดจน ตลอดชีวิต ตลอดจนการก�ำหนดบทบาทของหน่วยงานท่ี การจัดสรรงบประมาณในการด�ำเนินงานของหน่วยงานการ เก่ียวขอ้ ง เพื่อแสวงหานวตั กรรมใหมๆ่ โดยการด�ำเนินการวจิ ัย ศึกษาตลอดชีวิตในระดับท้องถิ่น หน่วยงานระดับท้องถ่ิน เพ่ือก�ำหนดแนวทางการจัดการศึกษา/การเรียนรู้ตลอดชีวิต ด�ำเนินงานในรูปของศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือสถาน ไดถ้ กู ตอ้ ง เชน่ การนำ� ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใชเ้ พอื่ การ ศึกษาการศึกษาตลอดชีวิต โดยมีบทบาทส�ำคัญในการจัด เขา้ ถงึ แหลง่ บรกิ ารการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ไดง้ า่ ยขนึ้ การนำ� ระบบ กิจกรรมการศึกษา/การเรียนรู้ตลอดชีวิต เพ่ือพัฒนาคุณภาพ บัญชีการเรียนรู้ส่วนบุคคลมาใช้ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม 18 วารสาร กศน.

ทางการศกึ ษาแกผ่ ดู้ อ้ ยโอกาส เปน็ ตน้ ดงั นน้ั บทบาทการจดั การ คุณภาพให้ได้มาตรฐาน ตลอดจนการท�ำวิจัยเพื่อพัฒนา ศึกษา/การเรียนรู้ตลอดชีวิตของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน งานการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้เหมาะสม ส�ำหรับหน่วยงานส่วน จะมีความส�ำคัญเป็นอย่างย่ิง ในส่วนกลางจะเน้นการก�ำหนด ระดับภูมิภาคและท้องถิ่นจะเป็นผู้ด�ำเนินการตามนโยบาย นโยบายดา้ นการศึกษาและดา้ นอน่ื ๆ ร่วมกับกระทรวงอื่นๆ ที่ ยุทธศาสตร์ท่ีวางไว้ โดยด�ำเนินงานร่วมกับหน่วยงานเครือข่าย เกี่ยวข้อง นโยบายการศึกษาตลอดชีวิตจะมีลักษณะของการ และชุมชน ระดมสรรพกำ� ลังในทอ้ งถนิ่ มาใชอ้ ยา่ งเต็มท่ี บูรณาการมากขึ้น ท�ำหน้าที่ก�ำกับ ตรวจสอบ และประเมิน เอกสารอา้ งองิ ฉันทนา จนั ทร์บรรจง. (2540). รายงานปฏิรูปการศกึ ษาของประเทศญี่ปนุ่ . กรงุ เทพมหานคร: อรรถพลการพมิ พ์. ศรสี วา่ ง เลยี้ ววารณิ . (2550). รายงานการประชมุ เอเชยี นดา้ นการศกึ ษาตลอดชวี ติ เรอ่ื ง “Finding Places for Asian Lifelong Education in Globalizing World” ณ กรุงโซล สาธารณรัฐประชาชนเกาหลีใต้ ระหว่างวนั ที่ 15-17 พฤศจกิ ายน 2550. กรงุ เทพมหานคร: ส�ำนักงาน กศน. _______. (2553). รายงานการประชมุ สมั มนาวชิ าการนานาชาตเิ พอื่ การเรยี นรแู้ ละการศกึ ษาผใู้ หญผ่ ลลพั ธ์ และความทา้ ทาย ของ CONFINTEA ครัง้ ที่ 6 (International Seminar on Adult Learning and Education: The Results and Challenges of CONFINTEA VI ) ณ กรงุ โตเกยี ว ประเทศญป่ี นุ่ ระหวา่ งวนั ท่ี 18 – 22 กมุ ภาพนั ธ์ 2553. กรงุ เทพมหานคร: ส�ำนักงาน กศน. _______. (2553). เอกสารประกอบคำ� สอนสำ� หรบั นกั ศกึ ษาปรญิ ญาเอก คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร เรอ่ื ง บทบาท และรูปแบบ / โปรแกรมการจัดการศึกษา ในศนู ยก์ ารเรียนรู้ตลอดชีวติ : เอกสารคดั สำ� เนา สนอง โลหติ วเิ ศษ และสนุ ทร สนุ นั ทช์ ยั . (2548). การศกึ ษาตลอดชวี ติ กรงุ เทพมหานคร: มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร. สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาต.ิ (2542). พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 กรุงเทพมหานคร: บรษิ ัท พรกิ หวานกราฟฟคิ จำ� กัด สมุ าลี สงั ขศ์ ร.ี (2543). ยทุ ธศาสตรก์ ารศกึ ษาตลอดชวี ติ เพอ่ื สงั คมไทยในศตวรรษที่ 21 สถาบนั เทคโนโลยเี พอ่ื การศกึ ษาแหง่ ชาติ ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ส�ำนกั นายกรัฐมนตรี กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั พมิ พ์ดี จำ� กัด. _______. (2543). รายงานการวิจยั การศกึ ษาตลอดชีวติ เพือ่ สงั คมไทยในศตวรรษท่ี 21 สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษา แหง่ ชาต.ิ อนุ่ ตา นพคณุ . (2543). “การศกึ ษาตลอดชวี ติ ในศตวรรษท่ี ๒๑” วารสารครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . ฉบบั ท่ี 3 มถิ นุ ายน- มิถุนายน 2543. Department of Education and Skill, (2002). ILAs. 19

การยกระดับการศกึ ษาประชาชนจบ ม.6 ใน 8 เดอื นอยา่ งมีคุณภาพ (การประเมินสมรรถภาพระดับการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน) ประเสรฐิ บุญเรอื ง เลขาธกิ าร กศน. สภาพปัญหา กรอบความคดิ ปัจจุบันมีจ�ำนวนประชากรของประเทศที่ขาดโอกาส ปัจจุบันอัตราการเปลี่ยนแปลงของสังคมท้ังด้าน ทางการศกึ ษา เพราะเหตผุ ลหลายประการ เชน่ ปญั หาดา้ นสขุ ภาพ เทคโนโลยีและวัฒนธรรมการด�ำรงชีวิตเป็นไปอย่างรวดเร็วกว่า เศรษฐกจิ สงั คม และความไมพ่ รอ้ มของครอบครวั ทำ� ใหป้ ระชากร อัตราของการเรียนรู้ ทุกประเทศต้องการแรงงานฝีมือท่ีมี อายตุ ง้ั แต่ 13 – 80 ปี ขาดโอกาสทางการเรียนรู้ เป็นจ�ำนวนถึง ทักษะและพัฒนาแรงงานให้มีทักษะในยุคของการแข่งขันใน ร้อยละ 35 ของจ�ำนวนประชากรท้ังหมดของประเทศ ผู้ขาด ตลาดแรงงานอาเซียนและตลาดโลก ส�ำนักงาน กศน. จึงต้อง โอกาสทางการศึกษาเหล่าน้ีเป็นประชาชนวัยแรงงานท่ีด้อย เร่งกระบวนการพัฒนาทุนมนุษย์ Human capital ตามตัว ทักษะ เป็นเยาวชนของชาติและประชาชนท่ีออกจากโรงเรียน แบบ KSM model เพื่อสร้างเสริมความรู้ความสามารถเชิง ระดบั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4–6 และมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ทำ� ใหม้ ผี ล นวัตกรรม (Pro-active innovation)โดยมีเปา้ หมาย เพ่ิมความ กระทบตอ่ คณุ ภาพการทำ� งาน ผขู้ าดโอกาสในการศกึ ษาเหลา่ นี้ รสู้ มู่ วลชน (Education for Mass) เปดิ โอกาสใหน้ ำ� ผลงานจาก ไปทำ� งานเลยี้ งชพี อยใู่ นภาคเกษตร ภาคอตุ สาหกรรม และสาขา การทำ� งานมาเทยี บโอน และศกึ ษาเพมิ่ เตมิ ตามระบบใหไ้ ดร้ ะดบั บรกิ ารไดม้ กี ารเรยี นรจู้ ากประสบการณแ์ ละจากการทำ� งานจรงิ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 ภายใน 8 เดอื น ตามระบบทดสอบท่ี ICBL Learning by working (LBW) ซึง่ ได้ทั้งความรูแ้ ละผลผลิต (The innovation of competency building by “Learning ทางเศรษฐกิจต่อสังคมท่ีเป็นรูปธรรม ใช้ชีวิตในการท�ำงาน process” (ICBL) กำ� หนด ซ่งึ เป็นนวัตกรรมกระบวนการเรยี น เลยี้ งชีพ เลย้ี งครอบครวั ใชว้ ิชาชพี ใหเ้ ปน็ พลังในการขบั เคลื่อน รู้เพื่อสร้างสมรรถภาพความสามารถของผู้ขาดโอกาสทางการ เศรษฐกิจในฐานะผู้ใช้แรงงาน ผู้ผลิตและผู้ให้บริการ แต่ขาด ศึกษา อันเป็นนโยบายตามข้อเสนอของรัฐบาล โดย ฯพณฯ ความรู้พ้ืนฐานในระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (ม.6) ประชากร ศ.ดร.สชุ าติ ธาดาธ�ำรงเวช รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เหลา่ น้ี จงึ ตอ้ งไดร้ บั การประกนั โอกาสทางการศกึ ษา ดว้ ยความ โดยใช้ยุทธศาสตร์ดังตัวแบบ KSM Model เป็นธรรม (เอกสารอัดส�ำเนา “นวัตกรรมการเรียนรู้เพ่ือสร้าง สมรรถนะของผู้ขาดโอกาสทางการศึกษา” โดย ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธ�ำรงเวช) KSM Model สร้างความรู้ความสามารถ เพื่อให้ประชาชนสามารถ K = ความรู้ (Knowledge) ความสามารถ Competency อยูใ่ นโลกไดอ้ ย่างเปน็ สุขด้วยกระบวนการของการเรียนรู้ตลอด S = เปน็ ผทู้ ม่ี คี วามชำ� นาญ มปี ระสบการณ์ เมอ่ื มคี วาม ชีวิตให้มีประสบการณ์จากการท�ำงาน เกิดความเชี่ยวชาญ รกู้ ส็ ามารถถา่ ยทอดได้ มคี วามชำ� นาญกส็ ามารถปฏบิ ตั งิ านนน้ั ๆ ความชำ� นาญ สามารถนำ� ไปปรบั ใชก้ บั ตนเองและสงั คมไดอ้ ยา่ ง ท่ีได้รับมอบหมายใหป้ ระสบความสำ� เร็จสูงสดุ คอื Skilling สรา้ งสรรค์ และสอดคล้องกับการเตรยี มประชาชนในระดบั M = การบรหิ ารจดั การท่ีดี คือ มีความรอบรู้อย่างเป็น ผใู้ ชแ้ รงงาน ในชมุ ชนเมอื งและชนบท เขา้ เปน็ สมาชกิ ประชาคม กระบวนการ รจู้ กั บรหิ ารตน บรหิ ารคน บรหิ ารเวลา และบรหิ าร อาเซยี น AEC และตลาดแรงงานอาเซียน ASEAN Market” ความรู้ ทจี่ ะน�ำไปใช้เพ่ือพัฒนาตนและสังคมอยู่ตลอดเวลา 20 วารสาร กศน.

วัตถุประสงค์ ระดับการศึกษา 1. เพื่อพัฒนาความคิด การเรียนรู้ การท�ำงาน แบบ เป็นการเทียบความรู้ โดยการประเมินสมรรถภาพ บรู ณาการและเชื่อมโยง ระดบั การศึกษาข้นั พื้นฐาน (มธั ยมศึกษาตอนปลาย) 2. เพื่อให้ประชาชนในเขตชุมชน และโรงงาน อตุ สาหกรรมเปน็ หนุ้ สว่ น การยกระดบั การศกึ ษาของประชากร วฒุ ิการศึกษา ส่วนมากของประเทศที่ขาดโอกาสให้มีโอกาสในการเรียนรู้เพ่ือ ไดร้ บั วฒุ กิ ารศกึ ษาระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มศี กั ด์ิ ใหพ้ ฒั นาตนเองอย่างยั่งยืน และสิทธิ์เท่าเทียมกับผู้ส�ำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษา 3. เพื่อเตรียมความพร้อมของกลุ่มบุคคลวัยแรงงานสู่ ตอนปลายทั้งในและนอกระบบโรงเรียน ตลาดแรงงานอาเซยี น 4. เพื่อส่งเสรมิ การเรียนรู้แบบองคร์ วมผา่ นสอ่ื เชงิ พหุ คณุ สมบัติของผสู้ มคั ร 5. เพ่ือเป็นการสร้างตัวแบบการศึกษาเทียบโอน 1. มีสัญชาตไิ ทย วิทยฐานะโดยไม่ก�ำหนดพ้ืนฐานตามการศึกษาในระบบ 2. อายุ 18 ปี บริบูรณข์ ึน้ ไป Functional Education เน้นความรู้ความช�ำนาญการท�ำงาน 3. จบการศกึ ษาระดับประถมศึกษาปที ่ี 6 หรือเทยี บเท่า Knowledge and Experience by Learning and working. กรณเี ปน็ พระภกิ ษุ สามเณร ตอ้ งไดร้ บั วฒุ ทิ างธรรมในระดบั นกั ธรรม กลุ่มเป้าหมาย ตรีดว้ ย บุคคลท่ีขาดโอกาสทางการศกึ ษาดังต่อไปนี้ 4. ไม่เป็นนักเรียนหรือนักศึกษา ท่ีก�ำลังศึกษาอยู่ใน 1. บุคคลที่เป็นผู้ปกครอง มีบุตร มีอาชีพการงานที่ สถานศึกษาที่จัดการศึกษาในระบบ หรือการศึกษานอกระบบ ชดั เจนเป็นหลกั แหลง่ ทีแ่ บ่งระดบั เชน่ เดียวกับการศกึ ษาในระบบ 2. บุคคล ประชาชนทั่วไป ท่ีจบการศึกษา ระดับ 5. ประกอบอาชีพสุจริตเป็นหลักแหล่ง สามารถเล้ียง ประถม, ม.ตน้ , ม.4, ม.5 ท่ีมีประสบการณ์ในการทำ� งาน และ ชีพได้ และมปี ระสบการณใ์ นการประกอบอาชีพไม่น้อยกว่า 3 ปี เปน็ อาชพี ทม่ี ที กั ษะและความชำ� นาญในการประกอบอาชพี นน้ั ๆ ยกเว้น พระภิกษุ สามเณร อิหม่าม ครูสอนศาสนาและผู้น�ำ เชน่ ทำ� ฟาร์ม หรือทำ� งานในโรงงาน หรอื ทำ� อาชีพเกยี่ วกบั การ ทางศาสนา ทำ� อาหาร มรี า้ นอาหารเปน็ ของตนเอง สามารถประกอบกจิ การ ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ สถานทีส่ มคั ร 3. พระภกิ ษุ ทสี่ อบผา่ นนกั ธรรมตรี ดำ� รงตำ� แหนง่ เจา้ ในระยะแรก ส�ำนักงาน กศน.จังหวัด รับลงทะเบียน อาวาส รองเจา้ อาวาส หรอื บคุ คลทม่ี คี วามรใู้ นระดบั ป.6 ทอ่ี า่ น ผู้สนใจ ออกเขยี นได้ มีผลงานปรากฏเดน่ ชดั 21

มาตรฐานการศึกษา มาตรฐานการประเมนิ สมรรถภาพการเรยี นรู้ระดบั การศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน 16 มาตรฐาน ดังน้ี มาตรฐานด้านความดี 8. บูรณาการวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานกับชีวิตประจ�ำวัน และการประกอบอาชีพ 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั ระบอบประชาธปิ ไตยและ ด้านสังคมชุมชน การเปน็ พลเมอื งดปี ฏบิ ตั ติ นตามหลักของศาสนา 9. มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการชุมชน/องค์กรให้มี ความเข้มแข็ง มาตรฐานดา้ นความสุข 10.ความรู้ ความเข้าใจและทกั ษะในการวจิ ยั ชุมชน 11.ความรู้ ความเข้าใจด้านประชาคมอาเซียน/ประชาคม 2. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การบรหิ ารจดั การชมุ ชน/ โลก องค์กรและปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ด้านการสอ่ื สาร 3. ความรู้ความเข้าใจและทักษะในการประกอบอาหาร 12.การสนทนาภาษาอังกฤษ/จีน ทีเ่ กี่ยวข้องกับงานอาชีพ ตามหลักโภชนาการ 13.การสนทนาภาษาอังกฤษ/จีนเพื่อเข้าสู่ประชาคม 4. ความรู้ความเข้าใจและทักษะในการถนอมอาหารเพ่ือ อาเซยี น ครอบครัวและชมุ ชน 14.ภาษาไทยสื่อสารในชีวิตประจ�ำวันและในการประกอบ อาชพี มาตรฐานด้านความเก่ง ด้านการโภชนาการ 15.มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในการประกอบธรุ กจิ เกยี่ วกบั การ ด้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เพม่ิ มลู คา่ อาหารของครอบครวั และชมุ ชน 5. ความรู้ ความเข้าใจและทักษะพ้ืนฐานการใช้โปรแกรม 16.ความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับความม่ันคงและความ และดูแลบำ� รุงรักษาคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น ปลอดภัยทางอาหาร 6. ความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและการบริหารจัดการใน อาชีพ การน�ำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิต การตลาดและ การบริโภคนำ� ไปสกู่ ารบริหารจัดการธรุ กจิ SME ด้านคณิตศาสตร์ 7. ความรู้ ความเข้าใจและทักษะพ้ืนฐานการคิดค�ำนวณ ทางคณติ ศาสตร์ 22 วารสาร กศน.

ขนั้ ตอนการประเมนิ สมรรถภาพ สมัคร • ชำ� ระค่าธรรมเนยี ม 1,500 บาท • ยื่นใบสมคั รพร้อมหลกั ฐาน ปฐมนเิ ทศ พบครู • แนะนำ� การเตรียมตัวประเมนิ จบการศกึ ษา ม.6 ท่ปี รึกษา • การนำ� เสนอผลงาน • หลกั ฐานแสดงผลการประเมนิ ประเมิน ผ่าน ผ่านครบ 9 รายวิชา • ประกาศนยี บตั ร สมรรถภาพ ไมผ่ า่ น พบครทู ี่ปรึกษา วางแผนเรยี นรู้ • เรยี นรจู้ ากสอ่ื • สอ่ื หลัก เอกสารการเรียน 9 รายวิชา • พฒั นาผลงาน • สือ่ เสรมิ สืบ่ คุ คล สือ่ โสตฯ วิธกี ารประเมนิ สมรรถภาพ ประเมิน 9 รายวชิ า 1. ประเมินผลเป็นรายวชิ า แบ่งออกเป็น 2 ภาค Module 1 เครื่องมอื สรา้ งความร้สู ู่ความส�ำเร็จ 1. การใชค้ อมพวิ เตอร์ 1.1 ภาคทฤษฎี รอ้ ยละ70 ต้องสอบได้คะแนนไม่นอ้ ยกว่า 2. คณิตศาสตร์ในชวี ติ ประจำ� วัน ร้อยละ 50 ประเมนิ ดว้ ยแบบทดสอบความรู้ 3. การผลิต การตลาด การบรโิ ภค นำ� ไปสู่ชมุ ชน SME 1.2 ภาคประสบการณ์ รอ้ ยละ 30 ประเมนิ ดว้ ยการปฏบิ ตั ิ Module 2 พัฒนาองค์กร-ชมุ ชนเขม้ แข็ง จรงิ และหรอื สมั ภาษณ์ และหรอื ชน้ิ งาน และหรือ แฟม้ 4. ระบอบประชาธปิ ไตย ประมวลประสบการณ์ 5. การบริหารจดั การชมุ ชน ยกเวน้ รายวิชาคณิตศาสตร์ในชวี ติ ประจ�ำวนั Module 3 การสื่อสาร และภาษาไทย ประเมินเฉพาะภาคทฤษฎี 6. การสนทนาภาษาอังกฤษ/จนี 2. เกณฑก์ ารผา่ นการประเมนิ แตล่ ะรายวชิ า ตอ้ งไดค้ ะแนนภาค 7. ภาษาไทยเพื่อการส่อื สาร ทฤษฏี และภาคประสบการณร์ วมกนั ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 60 Module 4 ทัว่ ไปและวิจยั ชุมชน 3. ไม่มีคา่ เฉลย่ี ของผลการประเมิน 8. การวิจยั ชุมชน 4. ผลการประเมินทผ่ี ่านแล้วไมส่ ามารถนำ� ไปเทยี บโอนได้ 9. การจัดการอาหารเพ่ือครอบครวั และชุมชน 23

ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อ การศกึ ษารงั สติ กับการศกึ ษาตลอดชวี ติ มนทา เกรียงทวีทรพั ย*์ ปัจจุบันสังคมโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมีการติดต่อส่ือสารอย่างไร้ พรมแดน เป็นผลให้ประเทศจ�ำเป็นต้องมีการพัฒนาให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและ สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ โดยการพัฒนาคน ให้เป็นคนที่มีคุณภาพสามารถใช้ ความสามารถของตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ และในปัจจุบันท่ีประเทศจะต้องก้าว สู่ประชาคมอาเซยี นในปี 2558 นนั้ ยงิ่ จำ� เป็นทปี่ ระชาชนจะตอ้ งได้รบั การพฒั นาเพื่อ ใหไ้ ดร้ บั ขอ้ มลู ขา่ วสารและมอี งคค์ วามรอู้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง มคี วามทนั สมยั และรจู้ กั ทจี่ ะคดิ พจิ ารณา วเิ คราะหถ์ งึ องคค์ วามรูห้ รือข้อมลู ขา่ วสารท่ไี ด้รบั นั้นๆ อย่างมเี หตุผล และ เครอ่ื งมอื สำ� คญั ในการพฒั นาศกั ยภาพของมนษุ ยก์ ค็ อื “การศกึ ษา” รฐั ใหค้ วามสำ� คญั กับการจัดการศึกษาให้แก่ประชาชนในประเทศอย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิตตามแนวทาง การปฏริ ปู การศกึ ษา โดยเนน้ การจดั การศกึ ษาตลอดชวี ติ และพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษา แหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 (มาตรา 4) ได้ให้ความหมาย การศึกษาตลอดชวี ิตว่า เปน็ การ ศึกษาที่เกิดจาการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั เพอื่ ใหส้ ามารถพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอื่ งตลอดชวี ติ (ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2542, หน้า 4) โดยมแี นวคิดหลักของ การศกึ ษาตลอดชวี ติ เปน็ การจดั การศกึ ษาใหก้ บั ทกุ คน ตงั้ แตก่ อ่ นวยั เรยี น จากเดก็ ถงึ วยั ชรา โดยมจี ดุ มงุ่ หมายเพอื่ พฒั นาทรพั ยากร มนุษยใ์ นชว่ งตา่ งๆ ของชวี ติ ทง้ั นี้ เนอ่ื งจากการเปลย่ี นแปลงทางสังคม การเมอื ง การปกครอง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ท�ำให้ มนษุ ยท์ กุ คนตอ้ งเรยี นรสู้ ง่ิ ใหมๆ่ เพอื่ ปรบั ตนเองใหก้ า้ วทนั ยคุ กบั กระแส โลกาภวิ ตั น์ ซง่ึ เปน็ แนวโนม้ การพฒั นาในโลกปจั จบุ นั และ ความรดู้ า้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เปน็ ปจั จยั สำ� คญั ทจี่ ะชว่ ยพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน เปดิ โอกาสใหค้ นไทยได้รบั การศกึ ษาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยตี ลอดชีวติ อย่างทวั่ ถงึ และเท่าเทยี มกัน ซ่ึงเป็นบทบาทภารกจิ หนึ่งของศนู ยว์ ทิ ยาศาสตร์ เพอื่ การศกึ ษาทต่ี ้งั อย่ทู กุ ภมู ิภาคทัว่ ประเทศ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา เป็นหน่วยงาน/สถานศึกษาในสังกัด ส�ำนักงาน กศน. กระทรวงศึกษาธิการ มีอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศไทย จ�ำนวน ท้ังสิ้น 16 แห่ง โดยเร่ิมจากศูนย์วิทยาศาสตร์เพ่ือการศึกษา (เอกมัย) หรือท่ีเรา รจู้ กั ในชอ่ื ของ ทอ้ งฟา้ จำ� ลองกรงุ เทพ และเพมิ่ ขน้ึ ในปี 2538 ตามมตคิ ณะรฐั มนตรี ให้กระทรวงศึกษาธิการด�ำเนินการโครงการศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาและ เครอื ข่าย เม่อื วันท่ี 16 สิงหาคม พทุ ธศกั ราช 2537 เพื่อร่วมฉลองสริ ิราชสมบัติใน พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ครบ 50 ปี และกระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดด้ ำ� เนนิ การ จดั ต้งั ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตร์เพ่ือการศึกษาทกุ ภมู ิภาค บทบาทหน้าท่ีส�ำคัญของศูนย์วิทยาศาสตร์เพ่ือการศึกษาก็คือการจัดและบริการการเรียนรู้ และเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ นักเรยี น นกั ศึกษา และประชาชนทกุ เพศ ทกุ วยั สามารถเข้าศกึ ษาคน้ คว้าหาความรดู้ า้ นวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสงิ่ แวดล้อม ได้อยา่ งตอ่ เนอ่ื งตลอดชวี ิต เพื่อมุง่ ส่งเสรมิ ใหก้ ล่มุ เปา้ หมายผ้เู ข้ารบั บรกิ ารมรี ะบบคดิ เชิงสรา้ งสรรค์และเหน็ คณุ คา่ ของการมี * มนทา เกรียงทวที รพั ย์ ครชู �ำนาญการพิเศษ ศูนย์วิทยาศาสตรเ์ พอ่ื การศึกษารังสติ 24 วารสาร กศน.

จิตวิทยาศาสตร์ ดังค�ำขวัญที่ว่า “สร้าง เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กเกิดทักษะ ท�ำงานไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ฝกึ ทักษะ ระบบคิด ปลูกจิตวิทยาศาสตร์” โดย การสังเกต ซึ่งเปน็ ทักษะส�ำคญั อนั ดบั แรก การทำ� งานเปน็ กลมุ่ การอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คม มีรูปแบบการให้บริการการเรียนรู้อย่าง ของทักษะทางวิทยาศาสตร์ กิจกรรม ไดอ้ ยา่ งมีความสขุ หลากหลายเพื่อสนองความต้องการและ ภาคฤดรู ้อน ทีเ่ นน้ ใหเ้ ด็กและเยาวชนได้ การเรยี นรผู้ า่ นนทิ รรศการ เปน็ อกี ความพร้อมในการเข้าเรียนรู้ของกลุ่ม รจู้ กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ กดิ ประโยชน์ และเกิด หนึ่งรูปแบบท่ีส�ำคัญที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ เป้าหมาย ท้ังการเรียนรู้ผ่านนิทรรศการ ความรู้ทักษะทางวิทยาศาสตร์ มีความ เพื่อการศึกษารังสิตให้บริการการเรียนรู้ กจิ กรรมการศกึ ษา คา่ ยวทิ ยาศาสตรแ์ ละ สนกุ สนาน รกั ท่ีเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ โดย ตามอัธยาศัยแก่ประชาชนที่สนใจเข้า การบรกิ ารวชิ าการแกช่ มุ ชน และกจิ กรรม การให้เด็กและเยาวชนได้ลงมือปฏิบัติ ศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง ซ่ึงมีจ�ำนวน อน่ื ๆ ทเ่ี หมาะสมกบั ผรู้ บั บรกิ ารตง้ั แตเ่ ดก็ จริง ทดลองทางวิทยาศาสตร์ และท่ี 15 นิทรรศการมีเนื้อหาครอบคลุม เลก็ จนถงึ ผู้ใหญ่ ส�ำคัญส่งเสริมให้เกิดจินตนาการในการ วิทยาศาสตร์พื้นฐาน และสามารถน�ำ การจัดการเรียนรู้เพ่ือส่งเสริม สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ โดยมีวิทยากรคอย ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำ� วนั ระบบคิด ปลูกจิตวิทยาศาสตร์ของศูนย์ ให้ค�ำแนะน�ำ เช่น กิจกรรม Science การเรียนรู้ผ่านท้องฟ้าจ�ำลอง วิทยาศาสตร์เพ่ือการศึกษารังสิต ซึ่งเป็น Game จรวดขวดน�้ำ นกั ล่องเรอื น้อย นัก หนึ่งในหลายๆ ศูนยว์ ทิ ยาศาสตร์ มรี ปู แบบ โภชนาการนอ้ ย เปน็ ต้น ที่หลากหลาย ได้แก่ การจัดกิจกรรม การจดั กจิ กรรมคา่ ยวทิ ยาศาสตร์ ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ เพ่ือเสริมการ เรยี นรใู้ นหอ้ งเรยี นตามหลกั สตู รการศกึ ษา ขั้นพ้ืนฐานเพ่ือให้ผู้เรียนมีแหล่งเรียนรู้ ส�ำหรับการเรียนรู้การปฏิบัติการทาง วทิ ยาศาสตร์ การทดลองทางวทิ ยาศาสตร์ เผยแพร่ความรู้ดาราศาสตร์ผ่านการจัด ได้รู้จักอุปกรณ์ เครื่องมือทางห้องปฏิบัติ แสดงในห้องฉายดาวโดยอาศัยเคร่ือง การ และเสรมิ เนอื้ สาระตามหลกั สตู ร เชน่ ฉายดาวและอุปกรณ์ประกอบการแสดง เนื้อหาเก่ียวกับดาราศาสตร์อวกาศ ส่อง ทางท้องฟา้ ให้ความรู้คคู่ วามบนั เทิงจาก กลอ้ งมองโลกจว๋ิ ซงึ่ เปน็ การเรยี นรเู้ กย่ี วกบั การฟังการบรรยายดาวของผู้ทรงคุณวุฒิ การใชก้ ลอ้ งจลุ ทรรศนเ์ พอื่ ศกึ ษาสงิ่ มชี วี ติ และการชมภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ใน ขนาดเลก็ นกั บนิ นอ้ ยเหริ เวหา เปน็ การเรยี น ระบบ 360 องศา รกู้ บั สภาพอากาศ อตุ นุ ยิ มวทิ ยา ลกั ษณะ ของเมฆตา่ งๆ การจัดกิจกรรมอบรมครูและ การจัดกิจกรรมเสริมทักษะ มงุ่ สง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ทกั ษะกระบวนการ บุคลากรทางการศึกษาทั้งในและนอก วทิ ยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ในมมุ นกั วทิ ยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์ โดยผ่านกิจกรรมการ ระบบ เพ่ือส่งเสริมให้บุคลากรได้พัฒนา น้อย เนน้ กลุ่มผเู้ รยี นระดบั ประถมศกึ ษา เรียนรู้ต่างๆ เช่น กิจกรรมรถไฟเหาะ มุ่งให้กลุ่มเป้าหมายกลุ่มน้ีมีเจตคติที่ดี หรือ Roller Coaster กิจกรรมแคปซูล ต่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และมีความ ไข่ ซึ่งเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับแรงและ รู้สกึ ดๆี ตอ่ วิทยาศาสตร์ และมุ่งส่งเสรมิ การเคล่ือนที่ การฝึกทักษะการทดลอง การปลูกฝังให้เป็นผู้ท่ีมีทักษะการสังเกต การสร้างสรรค์จินตนาการในการคิดค้น เช่นกิจกรรมทดสอบสีจากพืชผักสีม่วง ประดิษฐ์รางรถไฟที่มีความสมดุลและ 25

ศักยภาพด้านการจัดกระบวนการเรียนรู้ การผลติ ผลติ ภณั ฑจ์ ากสมนุ ไพรไทย สปา สารคดี หนงั สือพิมพ์ และหนงั สือความรู้ วิทยาศาสตร์ การพัฒนาสื่อการเรียนการ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช เป็นต้น ซึ่งผู้ วิทยาศาสตร์ พร้อมกับมีวีดิทัศน์ความรู้ สอนด้านวิทยาศาสตร์ โดยด�ำเนินการ เข้าร่วมกิจกรรมสามารถน�ำไปใช้ในการ วทิ ยาศาสตรใ์ ห้ชมดว้ ย ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายต่างๆ ในการ พัฒนาอาชีพ หรือการน�ำไปใช้ในชีวิต ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา จัดอบรม เช่น สสวท. อพวช. เพื่อให้ ประจำ� วนั ได้ เปรียบเสมือนห้องเรียนขนาดใหญ่ ครูและบุคลากรทางการศึกษาท่ีเข้ารับ (Super Classroom) ที่ใครๆ สามารถ การอบรมสามารถน�ำความรู้ไปใช้ในการ เข้ามาเรียนรู้ได้ตลอดเวลาตามสภาพ พัฒนาการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ความพรอ้ มของตนเอง พรอ้ มเมอื่ ใด หรอื ให้แก่นักเรียน/นักศึกษาที่รับผิดชอบได้ ต้องการในเรื่องใดก็สามารถเข้ามาเรียนรู้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพยงิ่ ขนึ้ เชน่ การอบรม ได้ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้เป็นเพียงกิจกรรม เพ่ือพัฒนาศักยภาพและการพัฒนาสื่อ ส่วนหนึ่งของศูนย์วิทยาศาสตร์เพ่ือการ การเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์ การอบรม และการจัดกิจกรรมร่วมกับ ศึกษารังสิตในการส่งเสริมการจัดการ ผลิตสื่อการสอนดา้ นชวี วิทยา เปน็ ตน้ หน่วยงานเครือข่าย เพื่อส่งเสริมการ ศึกษาตลอดชีวิตแก่ประชาชนคนไทย การจดั กจิ กรรมอบรมวทิ ยาศาสตร์ เรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรใ์ นลกั ษณะอนื่ ๆ เชน่ เพ่ือให้มีคุณภาพชีวิตท่ีดี และเป็นการ ชมุ ชน เนน้ กลมุ่ เปา้ หมายประชาชนทวั่ ไป วิทยาศาสตร์กับศิลปะ โดยจัดประกวด เพมิ่ ศกั ยภาพของประชาชนใหก้ า้ วทนั การ ภาพวาดทส่ี ง่ เสรมิ การอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม เปลย่ี นแปลงของสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ ร่วมกับมูลนิธิ เอ็มโอเอ ไทย เป็นการ และเป็นอีกภารกิจของสำ� นักงาน กศน. ส่งเสริมให้เด็กใช้จินตนาการของตนเอง ท่ีจะมุ่งพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา สรา้ งสรรคเ์ ปน็ ผลงานทางดา้ นศลิ ปะ โดย เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้รับโอกาส ดำ� เนนิ การจนถงึ ปจั จบุ นั ปี 2555 นบั เปน็ ทางการศึกษาอย่างเสมอภาคเพ่ือการ ปที ่ี 7 แล้ว เรียนรตู้ ลอดชีวิต นอกจากกิจกรรมเหล่านี้แล้ว ที่สนใจในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เพื่อ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพ่ือการศึกษารังสิต การนำ� ไปประกอบอาชพี ทงั้ การจดั อบรม ยังมีมุมเล็กๆ ส�ำหรับผู้ท่ีเหนื่อยหรือ ภายในศูนย์และการเคลื่อนท่ีไปยังชุมชน เม่ือยล้าจากการเดินชมนิทรรศการนั่ง ตา่ งๆ โดยรว่ มกบั หนว่ ยงานเครือขา่ ย เช่น พักผ่อนและได้ศึกษาหาความรู้ไปพร้อม การจัดอบรมการปลูกพืชไร้ดนิ และเร่อื ง กัน โดยจดั มุมพกั สำ� หรบั อ่านหนงั สอื ทั้ง 26 วารสาร กศน.

การจัดการศึกษา เเบพกรษอื่เิ วตพณรฒั ธชรานรยามคแดชุณานภตาิ พในชศวี ตินู ยตฝ์ามกึหแลลักะพปรฒั ชั นญาาอเาศชรพี ษฐรากษจิ ฎพรอไทเพยยี ง : สุดใจ บตุ รอากาศ* ในการให้บริการทางการศึกษาเพ่ือให้โอกาสทางการศึกษาแก่ผู้ด้อยโอกาส ท้ังการยกระดับการศึกษาให้กับประชาชนแล้ว ส�ำนักงาน กศน. ยงั มีหน่วยงานและสถานศึกษา ทีม่ ภี ารกจิ ทสี่ นองต่อสภาพ ปญั หาของประชาชนได้อย่างทว่ั ถงึ ท้ังกลมุ่ เปา้ หมาย ที่อาศัยอยู่บนเกาะในแถบทะเลอันดามัน ที่เรียกว่า “ชาวเล” การศึกษาส�ำหรับชาวไทยภูเขา และประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณ ชายแดน ทง้ั ชายแดนไทย-กมั พูชา ลาว มาเลเซีย และพม่า ศนู ย์ฝึกและพัฒนาอาชพี ราษฎรไทยบรเิ วณชายแดน ภารกิจท่ีส�ำคญั คือ จดั และส่งเสรมิ การศึกษาเพอ่ื พฒั นาอาชีพให้ ประชาชนบรเิ วณชายแดน ตามความตอ้ งการของประชาชนอยา่ งมคี ณุ ภาพ โดยเนน้ การทำ� เกษตรธรรมชาติ จดั ศนู ยส์ าธติ ทดลอง ด้านอาชีพตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขยายผลสู่ชุมชน ส่งเสริมการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายในการ ท�ำเกษตรธรรมชาติ รวมถึงส่งเสริมภาคีเครือข่ายให้มีส่วนร่วมในการให้บริการ ในการจัดการศึกษาด้านอาชีพและการศึกษา ตลอดชวี ติ ใหก้ บั ประชาชนในพนื้ ทบี่ รเิ วณชายแดน มจี ำ� นวน ๙ แหง่ คอื ศนู ยฝ์ กึ และพฒั นาอาชพี เกษตรกรรมวดั ญาณสงั วราราม วรมหาวหิ าร อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ� ริ (ศฝก.) ศนู ยฝ์ กึ วชิ าชพี จงั หวดั กาญจนบรุ ี “สามสงฆท์ รงคณุ ” ศนู ยฝ์ กึ และพฒั นาอาชพี ราษฎรไทยบรเิ วณชายแดนจงั หวดั ชมุ พร ปตั ตานี เชยี งราย มกุ ดาหาร สระแกว้ สรุ นิ ทร์ และอตุ รดติ ถ์ จากพระราชด�ำริ “ปรชั ญา เศรษฐกจิ พอเพยี ง” ท่ีมุง่ ให้ประชาชนมีความเป็นท่ีอยทู่ ่ดี ี มอี าชีพเลย้ี งตนเองและครอบครวั มสี ุขภาพกายและจติ ทด่ี ี มีวถิ ีชีวิตท่ี สมดลุ ทัง้ กับสภาพสังคม สงิ่ แวดลอ้ ม ซง่ึ ศูนย์ฝึกฯ ทั้ง ๙ แห่ง สามารถด�ำเนนิ การจนเป็นท่ยี อมรบั ของ MOA International ซง่ึ ไดม้ กี ารตดิ ตามผลการดำ� เนนิ งานของบคุ ลากรทผ่ี า่ นการอบรมจากประเทศญป่ี นุ่ ซงึ่ เปน็ โครงการความรว่ มมอื ระหวา่ งประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ ประเทศไทย โดยส�ำนักงาน กศน. ได้มีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกันในการพัฒนาบุคลากรด้าน เกษตรธรรมชาติกับ MOA International และมูลนธิ ิ MOA ประเทศไทย เปน็ เวลา ๓ ปี คือ ๒๕๕๓ - ๒๕๕๖ เพือ่ ให้ผู้ผ่านการ พฒั นาไดน้ �ำความรู้ไปเผยแพร่ รวมท้งั วจิ ยั เพื่อพัฒนาหาความรู้ใหมเ่ ก่ยี วกบั เกษตรธรรมชาติ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดี ในการด�ำเนนิ งานระหวา่ งผู้บริหาร นกั วิชาการ และผูป้ ฏิบตั ิงาน โดยมีคณะนิเทศตดิ ตามผลท่เี ป็นผเู้ ช่ยี วชาญจาก MOA International ได้ให้ข้อคิดท้ังด้านการพัฒนาบุคลากร การบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ รวมถึงการ พัฒนาความรู้ต่อเน่ืองให้ทันกับสภาพการเปลี่ยนแปลงของสภาพของโลก ท้ังด้านกายภาพและภูมิอากาศ การพัฒนาความรู้ * สดุ ใจ บตุ รอากาศ ศกึ ษานเิ ทศก์ เช่ยี วชาญ หน่วยศึกษานเิ ทศก์ สำ� นกั งาน กศน. 27

ใหม่ จงึ มคี วามจำ� เปน็ ซ่ึงทัง้ MOA International และ ศฝช. ท่ีเป็นสถานศึกษาที่จัดการศึกษานอกพื้นท่ีรับผิดชอบของ ประเทศไทยเองตอ้ งวจิ ยั ศกึ ษาทดลองอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง จากการ ศนู ย์ฝกึ ฯ การทำ� งานของครอู าสาสมคั รชายแดนทเ่ี ปน็ ผนู้ ำ� การ ประชมุ สรุปผลการนเิ ทศ เมอื่ วันท่ี ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ เปล่ียนแปลงด้านแนวคิดเกษตรธรรมชาติ สามารถเช่ือมขยาย ห้องประชุมศนู ยฝ์ กึ อาชีพวัดญาณฯ จังหวัดชลบุรี ดังน้ี องค์ความรู้สู่ประชาชนได้อย่างแนบแน่น ความหลากหลาย ๑. ศนู ยฝ์ กึ ฯ ทงั้ ๙ แหง่ สามารถนำ� ความรจู้ ากการฝกึ ของแปลงสาธิต ที่น�ำบริบทของแต่ละพ้ืนที่มาปรับใช้กับหลัก อบรมของ MOA International ไปใชอ้ ย่างไดผ้ ล มบี างส่วนที่ ยงั ขาดการประยกุ ตอ์ งคค์ วามรใู้ หเ้ หมาะสมกบั บรบิ ทของพนื้ ท่ี ๒. มกี ารขบั เคลอ่ื นการเผยแพรแ่ นวคดิ เกษตรธรรมชาติ ซึ่งสอดคล้องกับแนวพระราชด�ำริ ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช เศรษฐกิจพอเพียง ท่ีมุ่งให้ประชาชนมีความ เปน็ ทอี่ ยู่ที่ดี มอี าชพี สขุ ภาพกายและจิตทดี่ ี มีวถิ ีชวี ติ ที่สมดุล ท้ังกับสภาพสงั คม สิ่งแวดล้อม และธรรมชาติ ผู้เชย่ี วชาญจาก MOA International ได้ให้ข้อคิดท้ังด้านการพัฒนาบุคลากร การบริหารจัดการทรัพยากรเพ่ือเผยแพร่องค์ความรู้ รวมถึง การพัฒนาความรู้ตอ่ เนือ่ งใหท้ ันกบั สภาพการเปลี่ยนแปลงของ สภาพของโลก ท้ังด้านกายภาพและภูมิอากาศ การพัฒนา ความรใู้ หม่ จึงมคี วามจำ� เป็น ซึ่งทัง้ MOA International และ การเกษตรธรรมชาติ และส�ำคัญทั้งผู้บริหารและครูอาสาฯ ท่ี ศฝช. ประเทศไทยเองตอ้ งวิจัยศึกษาทดลองอยา่ งต่อเนือ่ ง ปฏบิ ตั งิ านในพนื้ ทมี่ แี นวคดิ ทตี่ รงกนั สามารถกำ� หนดทศิ ทางการ ๓. การด�ำเนินงานการเผยแพร่ความรู้ด้านเกษตร ท�ำงานที่เป็นปรัชญา วิสัยทัศน์ ที่ชัดเจนที่ส่งผลต่อการท�ำงาน ธรรมชาติของศูนย์ฝึกฯ ได้ผลดีเย่ียมเป็นต้นแบบการเรียนรู้ ของสถานศึกษาได้อย่างชดั เจน หลายอยา่ งได้ โดยเฉพาะ MOA International เชน่ รปู แบบ จากความส�ำเร็จที่เกิดข้ึนที่ยังประโยชน์ต่อประชาชน การจัดท�ำแปลงสาธิตที่ท�ำทั้งใน ศฝช. และในพ้ืนท่ี วิธีการ กลุ่มเป้าหมาย ด้วยพลังการขับเคลื่อนของศูนย์ฝึกและพัฒนา เชื่อมโยงภารกิจการให้ความรู้ระหว่างศูนย์ฝึกกับ กศน.อ�ำเภอ อาชีพเกษตรวัดญาณสังวราราม วรมหาวิหาร อันเนื่องมาจาก พระราชด�ำริ เพราะเป็นต้นแบบแห่งการศึกษาค้นคว้า และ พัฒนาบุคลากรด้านเกษตรธรรมชาติ และเป็นเสมือนพ่ีเล้ียง ในการจดั การศกึ ษาดา้ นเกษตรธรรมชาติ ตามแนวพระราชด�ำริ มาต้ังแต่เริ่มตั้งศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณ ชายแดน และยังเป็นศูนย์ศึกษา เรียนรู้ของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงประชาชนท่ีสนใจ ได้อย่างกว้างขวางท้ังใน และตา่ งประเทศ กจิ กรรมการเรยี นรทู้ สี่ ำ� คญั เชน่ จดั ศนู ยส์ าธติ ดา้ นเกษตร ธรรมชาตทิ ัง้ ในบริเวณทต่ี งั้ ศนู ย์ฝึกฯ และในพ้ืนที่ การจดั แปลง สาธติ รว่ มกบั ประชาชนในชมุ ชน จดั ทำ� หลกั สตู รฝกึ อบรม การจดั กระบวนการเรียนรู้ตามอัธยาศัย จัดการศึกษาตามหลักสูตร ปวช. เพ่ือสนองตอบต่อการเรียนรู้ที่สอดคลอ้ งกับปัญหา ความ ตอ้ งการของประชาชนในแตล่ ะพน้ื ที่ เพอื่ เสรมิ สรา้ งคณุ ภาพชวี ติ ใหก้ ับประชาชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง 28 วารสาร กศน.

ศู น ย ์ ฝ ึ ก . . อาชีพชมุ ชน เฉพาะทาง เพอื่ ใหป้ ระชาชนมคี วามรู้ เก่ียวกับเรื่องอาชีพ ทักษะการ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ประกอบอาชพี เพอ่ื สรา้ งอาชพี สรา้ ง รายได้ ของประชาชนให้ยั่งยืน พิมพา หาญวัฒนะชัย* นอกจากนั้นยังได้จัดท�ำหลักสูตร อาชพี เปน็ ปจั จยั สำ� คญั ในการทจ่ี ะทำ� ใหค้ นดำ� รงชวี ติ อยอู่ ยา่ งมคี วามสขุ OTOP MINI MBA ประกอบด้วย 4 ในสังคม ประเทศไทยและสังคมไทยด�ำรงอยู่ได้ก็ด้วยคุณภาพของประชากร วิชา ได้แก่ การบริหารธุรกิจสินค้า เศรษฐกิจของประเทศจะเจริญก้าวไกลได้ต้องอาศัยประชากรวัยแรงงานในการ OTOP ธรุ กจิ สง่ ออก การตลาดและ พฒั นา ปจั จยั หนงึ่ ในการพฒั นาคณุ ภาพของประชากรวยั แรงงาน คอื “การศกึ ษา” ช่องทางการจำ� หน่าย ภาษาอังกฤษ ซ่ึงการศึกษาเป็นเคร่ืองมือส�ำคัญในการพัฒนาคุณภาพประชากร และเป็นตัว ธรุ กจิ เพอ่ื สนบั สนนุ การจดั การอาชพี บง่ ช้ีถึงคุณภาพประชากรของประเทศ เพื่อการมีงานท�ำ ที่มีการพัฒนา การศกึ ษาอาชพี ในปจั จบุ นั มคี วามสำ� คญั มากตอ่ การพฒั นาประชากรวยั ผลผลติ และบรกิ ารใหส้ ามารถบรหิ าร แรงงานของประเทศ ให้มีความรู้ ทักษะ และประสบการณก์ ารเรียนร้ตู ่างๆ ไปใช้ จัดการเพ่ือเข้าสู่ตลาดท้ังในประเทศ ในการประกอบอาชีพท่ีเป็นการเข้าสู่อาชีพใหม่ หรือต้องการต่อยอดอาชีพเดิม และต่างประเทศ จะเห็นได้ว่า เป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ ช่วยแก้ปัญหาการว่างงานและส่งเสริมความ ส�ำนกั งาน กศน. มีเปา้ หมายทีช่ ัดเจน เข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจชุมชน โดยการศึกษาต้องเป็นเครื่องมือหรือเป็นพื้นฐาน ในการเตรียมคนเข้าสู่ประชาคม ในการเข้าสู่อาชีพหรอื การพัฒนาอาชพี ของประชาชน นำ� มาซ่งึ รายได้ และความ อาเซยี น เพอ่ื รองรบั การเปลย่ี นแปลง ก้าวหนา้ ในหนา้ ท่ีการงาน โดยสำ� นักงาน กศน.ได้จัดการศกึ ษาอาชพี ในลกั ษณะ สร้างความสมดุล ความเข็มแข็ง ลด ของการศึกษาต่อเนือ่ งใหก้ บั ประชาชน ความเหล่ือมล�้ำทางทางเศรษฐกิจ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของสังคมใดๆ ในโลกนี้ ก็ใช้การศึกษา ภายในประเทศเมื่อเข้าสู่ประชาคม ตอ่ เนอ่ื งเปน็ วธิ กี ารหรอื เครอ่ื งมอื สำ� คญั ในการสรา้ งเสรมิ ความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะ อาเซยี น เนอ่ื งจากหลกั สตู รทส่ี รา้ งขนึ้ เจตคติและความมั่นใจของบุคคลให้พร้อมท่ีจะเผชิญกับปัญหาและความ ช ่ ว ย เ พิ่ ม ขี ด ค ว า ม ส า ม า ร ถ ข อ ง เปลย่ี นแปลง สามารถนำ� ความรคู้ วามสามารถทไี่ ดร้ บั ไปใชเ้ พอ่ื การพฒั นาเศรษฐกจิ ประชาชนในประเทศ และมีความ สังคมตลอดจนสง่ิ แวดล้อม เพ่ือการพฒั นาทย่ี ง่ั ยนื ในปี ค.ศ. 2015 ประเทศไทย โดดเดน่ คอื สรา้ งขนึ้ จากการวเิ คราะห์ จะเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น ในดา้ นการศกึ ษาประชาคมอาเซยี นจะเปดิ เสรกี ารทาง ศกั ยภาพ 5 ดา้ น ได้แก่ ศักยภาพของ วิชาชีพ จะมีการถ่ายทอดประสบการณ์การศึกษา วิชาการ เทคนิค กันมากข้ึน ทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละพ้ืนท่ี บทบาทหน่ึงส�ำนักงาน กศน. จะต้องเตรียมคนโดยการพัฒนาศักยภาพทางด้าน ศักยภาพของพื้นที่ตามลักษณะภูมิ อาชพี เพอื่ เป็นปัจจยั ป้อนต่อภาคอน่ื ๆ ในการเตรียมตวั เป็นประชาคมเดยี วของ อากาศ ศกั ยภาพของภมู ปิ ระเทศและ อาเซียน ท�ำเลที่ต้ังของแต่ละพ้ืนท่ี ศักยภาพ ส�ำนักงาน กศน. ได้พัฒนาหลักสตู รอาชพี เพอื่ การมงี านท�ำ 5 กลุ่มอาชีพ ดา้ นศลิ ปวฒั นธรรม ประเพณแี ละวถิ ี เป็นหลักสูตรกลางให้กบั สถานศกึ ษา กศน. ไดน้ ำ� ไปใช้ ได้แก่ กลมุ่ หลักสูตรดา้ น ชีวิตของแต่ละพ้ืนที่ และศักยภาพ เกษตรกรรม กลุ่มหลักสูตรอาชีพด้านอุตสาหกรรม กลุ่มหลักสูตรพาณิชยกรรม ของทรัพยากรมนุษย์ในแต่ละพ้ืนที่ กลมุ่ หลกั สตู รดา้ นความคดิ สรา้ งสรรค์ และกลมุ่ หลกั สตู รดา้ นอำ� นวยการและอาชพี ซ่งึ เปน็ กรอบแนวคิดท่ีวา่ “ร้เู ขา รเู้ รา เทา่ ทัน เพื่อแข่งขนั ไดใ้ นเวทโี ลก” * พิมพา หาญวฒั นะชยั ศึกษานิเทศกช์ �ำนาญการ หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ สำ� นักงาน กศน. 29

ศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน เป็นอีกภารกิจหนึ่งของส�ำนักงาน กศน. ท่ีได้รับมอบหมายจากกระทรวงศึกษาธิการให้มา ดำ� เนนิ การศนู ยน์ ี้ เปน็ เสมอื นองคก์ รชมุ ชนมภี ารกจิ ในการจดั สอนอาชพี ภายใตห้ ลกั สตู รหลกั สตู รอาชพี เพอื่ การมงี านทำ� 5 กลุม่ อาชพี และหลักสตู ร OTOP MINI MBA 4 รายวิชาท่ีสร้างข้นึ อีกทง้ั เป็นสถานทีฝ่ กึ การปฏิบตั งิ าน ประชาสมั พนั ธ์ และจำ� หนา่ ยผลติ ภณั ฑข์ องผเู้ รยี น และเปน็ ศนู ยก์ ลางในการประสานการจำ� หนา่ ยระหวา่ งผเู้ รยี นกบั ผซู้ อ้ื ซงึ่ การบรหิ ารจดั การ ศนู ยฝ์ กึ อาชพี ชมุ ชน จะใชศ้ กั ยภาพของทกุ ภาคสว่ นขบั เคลอื่ นการดำ� เนนิ นโยบายใหเ้ ปน็ รปู ธรรม ในรปู แบบของคณะกรรมการ จำ� นวน 2 ชดุ คือ คณะกรรมการศูนย์ฝึกอาชีพชมุ ชนจงั หวดั และคณะกรรมการกลัน่ กรองแผนงานโครงการศูนย์ฝึกอาชพี ชุมชน ส�ำนกั งาน กศน.จังหวดั /กทม. และส�ำนกั งาน กศน สนบั สนุนงบประมาณ โดยมีเปา้ หมายส�ำคญั เพื่อสร้างอาชีพ สรา้ ง รายได้ใหม้ น่ั คง และยงั่ ยืน โดยอาศัยอ�ำนาจการบรหิ ารจัดการของคณะกรรมการศนู ยฝ์ ึกอาชพี ชุมชน ซ่งึ ประกอบด้วยผูแ้ ทน องคก์ รหลักของกระทรวงศึกษาธกิ าร ดังนี้ อ�ำนาจหนา้ ทคี่ ณะกรรมการศนู ย์ฝกึ อาชพี ชุมชนจงั หวดั 1. อ�ำนวยการและควบคุมดูแลการจัดการศึกษาอาชีพเพ่ือการมีงานท�ำของศูนย์ ฝกึ อาชพี ชมุ ชนในจังหวดั 2. วเิ คราะห์ บรู ณาการ และจดั ทำ� แผนการจดั การศกึ ษาอาชพี เพอื่ การมงี านทำ� ของ จงั หวัด 3. ให้ค�ำแนะนำ� ขอ้ เสนอแนะในการจดั การศกึ ษาอาชพี เพื่อการมงี านท�ำในจังหวัด 4. สนบั สนุนการด�ำเนนิ งานตามแนวทางการจดั การศกึ ษาอาชีพของคณะกรรมการ ศนู ย์ฝึกอาชีพชุมชน กระทรวงศึกษาธกิ าร 5. สง่ เสริม และประสานความรว่ มมือระหวา่ งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ในการพฒั นาการศึกษาอาชีพเพอ่ื การมีงานทำ� ของจงั หวดั 6. แตง่ ตง้ั คณะอนกุ รรมการหรอื คณะทำ� งานเพอื่ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทตี่ า่ งๆ ตามทม่ี อบหมาย 7. ปฏิบตั ิหนา้ ทอ่ี นื่ ตามที่คณะกรรมการศนู ย์ฝกึ อาชพี ชมุ ชน กระทรวงศึกษาธกิ าร มอบหมาย 8. กำ� กับ ตดิ ตามและประเมินผลการปฏบิ ตั ิตามนโยบายและแผนการจดั การศึกษา อาชพี เพอ่ื การมงี านท�ำของจงั หวดั อ�ำนาจหน้าท่ีคณะกรรมการกลั่นกรองแผนงานโครงการศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน ส�ำนักงาน กศน.จังหวัด/กทม. ประกอบด้วยคณะบุคคล ดังต่อไปน้ี ผอ.ส�ำนักงาน กศน.จังหวัด/กทม. ผอ.กศน. อำ� เภอ ภาคเี ครอื ขา่ ยภาครัฐ ภาคเอกชน และ.รองผอ.ส�ำนักงาน กศน.จงั หวัด 30 วารสาร กศน.

อ�ำนาจหน้าท่ี 1. ขับเคล่ือนการด�ำเนินงานตามนโยบายของศูนย์ฝกึ อาชีพชมุ ชนจงั หวัด 2. เห็นชอบแผนงานโครงการของสถานศึกษา กศน. และน�ำเสนอคณะกรรมการจงั หวัด 3. สนับสนุนทรพั ยากรเพื่อจดั กจิ กรรม 4. นิเทศ ติดตาม ประเมนิ ผล และรายงานผล 5. ปฏบิ ตั ิหน้าทอี่ นื่ ๆ ตามทีค่ ณะกรรมการกล่ันกรองแผนงาน โครงการศนู ย์ฝกึ อาชีพชพี ชน ส�ำนักงาน กศน.จังหวัด/กทม. มอบหมาย นอกจากคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดดังกล่าวจะเปน็ ปัจจยั หลักในการผลกั ดนั และยงั ตอ้ งค�ำนงึ ถงึ จะทำ� อยา่ งไรใหผ้ เู้ รยี น เกิดการเรียนรู้ได้สูงสุดตามศักยภาพ การจัดการศึกษานอกระบบหลักสูตรอาชีพเพื่อการมีงานท�ำท่ีเน้นการท�ำงานแบบใช้ ฝีมือนอกจากจะต้องพัฒนาบุคคลให้มีฝีมือ หรือมีทักษะไม่ต�่ำกว่าเกณฑ์อันเป็นที่ยอมรับในการประกอบอาชีพ หรือความ ก้าวหนา้ ในอาชพี น้ัน Charles A. Prosser ไดเ้ ขียนทฤษฎกี ารจัดอาชวี ศึกษา พื้นฐานแนวคิดของทฤษฎีเปน็ ส่วนสำ� คญั ยงิ่ ใน การพฒั นาการจดั การศกึ ษาอาชพี เพอื่ การมงี านทำ� ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ และมปี ระสทิ ธผิ ล โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในการพฒั นาบคุ คล ให้มฝี มี ือหรอื ทักษะเพยี งพอในการประกอบอาชีพ โดยทฤษฎีได้ใหห้ ลักในการการจัดการศกึ ษาอาชพี เพ่อื การมีงานทำ� อยา่ ง มปี ระสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธภิ าพของการจดั การศกึ ษาอาชพี ตามทฤษฎขี อง Charles A. Prosser โดยมหี ลกั ดงั น้ี ตอ้ งมคี วามคลา้ ยคลงึ ของสภาพแวดล้อมในการเรียนกับสภาพแวดล้อมในการท�ำงานจรงิ การฝึกอาชพี ตอ้ งเป็นในลักษณะเดียวกับการปฏิบตั จิ รงิ ทุกขั้นตอน ด้วยอุปกรณ์เคร่ืองมือท่ีใช้ในการประกอบอาชีพ การจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับบุคคลที่ประกอบอาชีพนั้น ประสทิ ธภิ าพผเู้ รยี นขน้ึ อยกู่ บั ประสบการณข์ องครใู นการใชค้ วามรแู้ ละทกั ษะดำ� เนนิ การในสงิ่ ทตี่ อ้ งการใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี น รู้ พัฒนาคนให้ท�ำงานใช้ฝีมือแต่ละอาชีพท่ีมีคุณลักษณะหรือความสามารถท่ีเป็นเกณฑ์ขั้นต่�ำให้เข้าสู่อาชีพหรือสามารถ ประกอบอาชพี ได้ มแี หลง่ ขอ้ มลู ทเี่ ชอ่ื ถอื ไดส้ ำ� หรบั การฝกึ อาชพี มาจากประสบการณข์ องผชู้ ำ� นาญในแตล่ ะอาชพี การจดั การ ศึกษาอาชีพเป็นการบริการทางสังคมต้องสามารถตอบสนองความจ�ำเป็นของบุคคลได้ทันเวลาและด้วยวิธีการสอนที่ให้ผลดี การบริหารจดั การการศกึ ษาอาชพี ตอ้ งมคี วามยดื หยุน่ และมีคณุ ภาพ การจดั การศกึ ษาอาชีพเพอื่ การมงี านท�ำของศนู ย์ฝกึ อาชีพชุมชน ทมี่ งุ่ หวงั ใหส้ ร้างอาชีพ สรา้ งรายได้ บนแนวทาง การด�ำเนินงานแบบ “รู้เขา รู้เรา เท่าทัน เพ่ือแข่งขันได้ในเวทีโลก” จะมีประสิทธิภาพแค่ไหนก็ข้ึนอยู่กับทุกภาคส่วนท่ีต้อง ทำ� งานด้วย “ใจ” ช่วยกนั ขับเคลือ่ นใหเ้ ป็นรปู ธรรมและท�ำอยา่ งตอ่ เนอื่ งประชาชนจงึ จะได้ประโยชน์อย่างแทจ้ รงิ 31

คปู องสรา้ งเสรมิ อจั ฉรยิ ะ เม่ือเทียบกับประเทศในแถบเอเซียด้วยกัน ประเทศไทยมีการ อ่านหนังสือน้อยมาก เป้าหมาย ในอนาคตปี 2561 คนไทย “นวตั กรรมสร้างสรรค์การอา่ น...คนไทยทนั โลก” อ่านหนังสือนอกเวลาเรียนและนอกเวลาท�ำงาน อย่างน้อยวัน ละ 60 นาทตี อ่ วนั จากเดมิ จนในปี 2555 กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ดร.วิเชียรโชติ โสอุบล* มีแนวคิดการแจกคูปองเพ่ือเลือกซื้อหนังสือท่ีต้องการอ่าน โดย ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธ�ำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ ได้น�ำแนวความคิดมาจาก ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย ท่ีให้โอกาสนักเรียนยากจนไปซื้อหนังสือที่ต้องการอ่านได้เอง ในรูปของคูปอง นอกเหนือจากหนังสือเรียนฟรี ที่กระทรวง ศึกษาธกิ ารได้แจกให้เด็กอย่แู ลว้ คูปอง เป็นค�ำนาม มาจากภาษาอังกฤษว่า coupon หมายถงึ บตั รหรอื ตว๋ั ชนดิ หนง่ึ ทใี่ ชแ้ ลกของ ซอ้ื ของ จากจำ� นวน นักเรียนระดับชั้นประถมทั่วประเทศ ประมาณ 5 ล้านกว่า ถงึ ณ วนั นหี้ ลายคนตอ้ งยอมรบั กนั แลว้ วา่ การอา่ นเรม่ิ คน คาดวา่ มี นร.ทีย่ ากจน ประมาณ 2.5 ลา้ นคน นอกจาก จากความตอ้ งการของ ผอู้ า่ น กอ่ นเปน็ อนั ดบั แรก นอกเหนอื จาก เด็กนกั เรยี นในระบบแล้ว ยังมีนักศึกษา กศน. ทีอ่ ยนู่ อกระบบ ความตอ้ งการของพอ่ แม่ ผปู้ กครอง ครู หรอื นกั วชิ าการทงั้ หลาย ซึ่งก็น่าจะได้รับโอกาสน้ีเช่นกัน โดยรัฐบาลจะให้คูปอง มูลค่า ท่ีต้องการให้อ่านเล่มน้ันเล่มนี้ เน้นวิชาการความรู้เป็นส�ำคัญ ประมาณ 300 บาท ต่อนักเรียน 1 คน คาดว่าจะต้องใช้เงิน การรณรงค์สร้างนิสัยรักการอ่านโดยหาหนังสือไปให้เด็กอ่าน ปีละประมาณ 500 -600 ล้านบาท เพื่อให้นักเรียนแลกซื้อ เพราะผู้ใหญ่เห็นว่าดีมีประโยชน์ แต่เด็กไม่ต้องการ เขาก็จะ หนังสือที่เขาต้องการอ่าน แนวคิดน้ีผลท่ีได้รับไม่เพียงแค่การ ไม่อ่าน การสร้างนิสัยรักการอ่านต้องท�ำให้เด็กติดหนังสือก่อน อ่านเท่านั้น แต่หมายรวมถึง ความภาคภูมิใจในความเป็น ตอ่ ไปเขาจงึ ตดิ การอา่ น กอ่ นหนา้ นี้ ในหอ้ งสมดุ มกี ารจดั บรกิ าร เจา้ ของหนังสอื อาจเป็นหนงั สอื เลม่ แรกของเด็กบางคน เขาได้ หนงั สอื ดี มสี าระทางวชิ าการมากมายใหเ้ ดก็ และประชาชนอา่ น เรียนรู้วิธีเก็บถนอมหนังสือ เป็นการสร้างนิสัยให้รักหนังสือตั้ง เพราะต้องการให้อ่านหนังสือดีมีสาระ แต่ปรากฎว่าหนังสือ แต่เด็กๆ ส่วนวิธีการท่ีเด็กจะน�ำไปแลกอย่างไรน้ัน ก็คงต้องมี นอนตายแนน่ ง่ิ อยู่บนหิ้งบนชนั้ จนฝนุ่ จับก็มหี ลายรอ้ ยเล่ม ขนั้ ตอนรายละเอยี ดและจะตอ้ งเปดิ กวา้ งใหเ้ ดก็ มโี อกาสไดเ้ ลอื ก การใหเ้ ดก็ เลอื กหนงั สอื อา่ นเองจงึ เปน็ แนวคดิ ทด่ี ี เคย เองจริงๆ ไม่ใชเ่ ลอื กหนังสอื ภายใตช้ ื่อ ท่ีก�ำหนดให้ อกี ประการ มีห้องสมุดบางแห่ง ให้ผ้รู ับบรกิ ารเลือกซอ้ื หนังสอื อ่านเอง ถา้ ควรมีการแนะน�ำในการเลือกหนังสือ ส�ำหรับเด็กที่อยู่ห่างไกล เล่มนั้นไม่มีในห้องสมุด แล้วน�ำมาเบิกเงินจากห้องสมุด โดย ซึ่งไมค่ ่อยมีโอกาสท่เี หน็ ให้เขยี นชี้ชวนความนา่ สนใจของหนังสอื เล่มน้ันไวด้ ว้ ย ซ่งึ เป็น ทีน่ ิยมชมชอบมาก จากข้อเสนอการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษท่ีสอง (พ.ศ. 2552-2561) ซงึ่ ก�ำหนดไว้ ว่า “รณรงคใ์ หค้ นไทยมนี ิสัย รักการอ่านเปน็ วาระแหง่ ชาต”ิ รฐั เรมิ่ ตระหนกั ในการรณรงคใ์ หเ้ ดก็ ไทยไดอ้ า่ นหนงั สอื มากขึ้น จากสถิติ ในปี 2551 คนไทยอ่านหนงั สือวันละ 39 นาที หนงั สอื ทหี่ ลากหลาย อาจตดั สนิ ใจเลอื กหนงั สอื แคเ่ พยี ง * ดร.วเิ ชยี รโชติ โสอุบล ผอู้ ำ� นวยการสถาบันสง่ เสรมิ และพัฒนา เห็นชื่อหนังสือเท่านั้น หนังสือบางเล่มอาจไม่เหมาะสมกับเด็ก นวตั กรรมการเรียนรู้ ส�ำนักงาน กศน. เชน่ หนงั สอื ทล่ี อ่ แหลมเรอ่ื ง เพศ จะมวี ธิ กี ารปอ้ งกนั อยา่ งไร ซง่ึ 32 วารสาร กศน.

ตอ้ งฝากไวก้ บั ผรู้ บั ผดิ ชอบปลายทาง คอื ครู ทจี่ ะชว่ ยแนะนำ� ใน หน้าต่างบานกว้างให้แก่เด็ก เยาวชน ท้ังในและนอกระบบได้ การตดั สนิ ใจเลอื กหนงั สอื ของเดก็ คาดวา่ ในไมช่ า้ จะมกี ารกำ� หนด สร้างเสรมิ เตมิ โอกาส มีทางเลอื กได้อยา่ งเสรี ตามความสนใจ แนวทางและมาตรการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอยา่ งจรงิ จงั สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ เยาวชนทข่ี าดโอกาสไดม้ คี วามรเู้ ทา่ เทยี มกนั ขณะ อยา่ งไรก็ดี การทเ่ี ดก็ ไดม้ หี นงั สอื ทีต่ ้องการอ่านเพียง 1 เดียวกันยังเป็นการสร้างเสริมเพิ่มพลังศักยภาพให้แก่เด็กเก่ง หรอื 2 เลม่ แลว้ จะเกดิ นสิ ยั รกั การอา่ นเปน็ เพยี งการเรม่ิ ตน้ เทา่ นนั้ เยาวชนเก่ง เปน็ เด็กอัจฉริยะ พฒั นาไปสคู่ นไทยคุณภาพ แตก่ ารทจ่ี ะทำ� ใหเ้ ดก็ มนี สิ ยั รกั การอา่ น ใฝเ่ รยี นใฝร่ ู้ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง แนวคิดของ ฯพณฯ รมว.ศึกษาธิการ ศ.ดร.สุชาติ จะต้องส่งเสริมใหเ้ ด็กไดอ้ า่ นอย่างสม่ำ� เสมอ ธาดาธำ� รงเวช มงุ่ สง่ เสรมิ สรา้ งสรรคใ์ หก้ ารอา่ น “เปน็ นวตั กรรม ใหก้ ารอา่ นมลี กั ษณะเปน็ ธรรมชาติ คอื การแสวงหาองค์ การเรียนร”ู้ ให้เกิดวฒั นธรรมการอา่ นทั่วไทย อา่ นไกลทว่ั โลก ความรู้ ข้อมูลข่าวสาร ท่ีผ่านช่องทางการส่ือสารจากสายตาที่ ขบั เคลอื่ นไปสวู่ สิ ยั ทศั น์ “การอา่ น 2020 คนไทย...ทนั โลก” นนั่ คอื มองหาโอกาสทเี่ หมาะสมในการไขว่ควา้ โอกาส และเขา้ ถงึ แหลง่ เดก็ ทว่ั ไทย เปน็ นกั อา่ น นกั แสวงหาความรอู้ ยา่ งทว่ั ถงึ กวา้ งขวาง เรียนรู้ท้ังหลายอย่างชาญฉลาด เลือกสรรอย่างเหมาะ หรือมี หลากหลาย ภายในปี 2020 น่ีคอื อนาคตประเทศไทยทีใ่ ฝฝ่ นั ความสามารถนำ� เอา องค์ความรู้เหลา่ น้ันมาใชอ้ ย่างคุ้มคา่ เปน็ ประเด็นที่ต้องสร้างความเข้าใจแก่เด็ก ท�ำอย่างไรจึง ประโยชนใ์ นการดำ� เนนิ ชวี ติ ประจำ� วนั การอา่ นจงึ มคี วามสำ� คญั จะให้เด็กทราบว่ามีหนังสืออยู่จ�ำนวนมาก ไม่ใช่แค่ในห้องสมุด อยา่ งยง่ิ นอกจากจะทำ� ใหร้ กู้ วา้ ง รไู้ กล ทนั โลก ทนั เหตกุ ารณแ์ ลว้ เท่านนั้ แนะนำ� ใหเ้ ด็กไดเ้ ลอื กหนังสือทต่ี ้องการอา่ น เหมาะสม การอา่ นเปน็ เหมอื นการเปดิ หนา้ ตา่ งบานกวา้ ง เปดิ หนทาง...ให้ กับตัวเด็กตามความสนใจ ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ทุก เดนิ ไกล และท่องโลกกว้าง ภาคสว่ นเสนอหนงั สอื ทดี่ ี มคี ณุ คา่ ทหี่ ลากหลายเพอ่ื เปน็ ทางเลอื ก ศ.ดร.สชุ าติ ธาดาธ�ำรงเวช รฐั มนตรวี ่าการกระทรวง ให้กับเด็กในการเลือกหนังสืออ่าน ศกึ ษาธกิ าร ไดน้ ำ� แนวคิด “คปู องสร้างเสริมอจั ฉรยิ ะ” มาเปิด 33

บทความวจิ ัย แนวทางส่งเสรมิ การมีสว่ นรว่ มของชุมชนในการบริหารสถานศึกษา สงั กดั สำ� นกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั ชยั นาท* สุรัตน์ กอ้ นนาค** ดร.พรเทพ รแู้ ผน*** บทคดั ย่อ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรสถานศึกษา ด้านการมีส่วน การวิจัยคร้ังน้ี มีจุดมุ่งหมายเพ่ือศึกษาสภาพการมี ร่วมในการบริหารจัดการศึกษา มีส่วนร่วมน้อยสุดในการให้ ส่วนร่วมและเสนอแนวทางส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน คำ� ปรกึ ษา เสนอแนะแนวทาง สนบั สนนุ และสง่ เสริมภารกิจ ในการบริหารสถานศึกษาสังกัดส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษา ของสถานศึกษา ด้านการมีส่วนร่วมเสริมสร้างความสัมพันธ์ นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั ชัยนาท กบั ชมุ ชน มสี ่วนร่วมน้อยสุดในการเผยแพรผ่ ลงานของสถาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคร้ังน้ี ได้แก่ ผู้บริหาร ศกึ ษาตอ่ ชมุ ชนและสาธารณชน และดา้ นการมสี ว่ นรว่ มในการ สถานศึกษา ข้าราชการครู/พนักงานราชการ/ครูศูนย์การเรียน ตดิ ตามและประเมนิ ผล มสี ว่ นรว่ มนอ้ ยสดุ ในการวางแผนการ ชุมชนสังกัดส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการ นิเทศของสถานศึกษา ศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดชัยนาท ผู้น�ำชุมชน และผู้บริหาร 2. แนวทางส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดชัยนาท ปีการศึกษา บริหารสถานศึกษาสังกัดส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอก 2553 จ�ำนวน 248 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีสุ่มแบบแบ่งช้ัน ระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั ชยั นาท ประกอบดว้ ย เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยได้แก่แบบสอบถามชนิดมาตราส่วน ด้านการมีส่วนร่วมก�ำหนดแผน นโยบายและ ประมาณคา่ มคี ่าความเท่ียง 0.96 วิเคราะหข์ อ้ มูลด้วยสถติ ิ ยทุ ธศาสตร์ ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าเบี่ยงเบน 1) ควรคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิในชุมชนเป็นคณะ มาตรฐาน (Standard deviation) น�ำเสนอแนวทางสง่ เสรมิ กรรมการ การมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารสถานศึกษาโดยการ 2) จัดอบรมให้ความรู้ในบทบาทหน้าที่ของคณะ ประชุมสนทนากลุ่มผู้เช่ียวชาญ และวิเคราะห์ข้อมูลด้วย กรรมการ เทคนคิ การวเิ คราะห์เนื้อหา 3) จัดให้มีกิจกรรมตามบทบาทหน้าที่และภารกิจ ผลการวิจัยพบวา่ อย่างต่อเนอ่ื ง 1. สภาพการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหาร ด้านการมีส่วนรว่ มเก่ียวกับหลกั สูตรสถานศกึ ษา สถานศึกษาสังกัดส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ 1) ควรคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิในชุมชนเป็นคณะ และการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดชัยนาท ในภาพรวมอยู่ กรรมการ ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการมี 2) ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับ ส่วนร่วมก�ำหนดแผน นโยบายและยุทธศาสตร์ มีส่วนร่วม คณะกรรมการ น้อยสุดในการทบทวนแผนพัฒนาการศึกษาและแผน 3) เปิดโอกาสให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมแสดงความ ปฏิบัติงานประจ�ำปีของสถานศึกษา ด้านการ มีส่วนร่วม คดิ เหน็ เก่ียวกับหลักสูตรสถานศึกษา มีส่วนร่วมน้อยสุดในการเป็น * วิทยานพิ นธค์ รุศาสตร์มหาบัณฑติ สาขาการบรหิ ารการศกึ ษา มหาวิทยาลยั ราชภัฎนครสวรรค์ พ.ศ. 2554 ** ผูอ้ ำ� นวยการสถานศกึ ษา ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อ�ำเภอหนองมะโมง จงั หวดั ชัยนาท *** อาจารยป์ ระจำ� คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั นครสวรรค์ (อาจารย์ทปี่ รึกษาวิทยานพิ นธ)์ 34 วารสาร กศน.

ดา้ นการมสี ว่ นร่วมในการบริหารจดั การศกึ ษา ดา้ นการมีส่วนร่วมในการตดิ ตามประเมนิ ผล 1) ควรประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจให้ 1) ควรเลอื กผทู้ รงคณุ วฒุ ใิ นชมุ ชนเปน็ คณะกรรมการ ชุมชนไดเ้ ห็นความสำ� คญั นเิ ทศ 2) เปิดโอกาสให้บุคคลท่ีมีความพร้อมในชุมชนเข้า 2) อบรมให้ความรู้เร่ืองการติดตามและประเมินผล มามสี ว่ นรว่ มกำ� หนดแนวทางและวธิ กี ารมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน กบั ผ้มู ีส่วนเกยี่ วข้อง 3) ยกย่องบุคคลในชุมชนท่ีมีส่วนร่วมในการจัดการ 3) ท�ำความเข้าใจและร่วมกันวางแผนการนิเทศกับ ศึกษา ชมุ ชน ดา้ นการมีสว่ นร่วมเสริมสร้างความสัมพนั ธก์ บั ชมุ ชน 4) มเี ครื่องมอื ในการนเิ ทศตดิ ตามผล 1) สถานศกึ ษาควรจัดสรรงบประมาณสนับสนุน 5) สถานศกึ ษามเี วบ็ ไซตเ์ พอ่ื ใหช้ มุ ชนสามารถตดิ ตาม 2) สรา้ งเครอื ขา่ ยประชาสมั พันธ์ในชุมชน และตรวจสอบการจัดกิจกรรมของสถานศึกษาได้ตลอดเวลา 3) ควรร่วมกจิ กรรมกับชุมชนอยา่ งต่อเนอ่ื ง 4) แตง่ ตงั้ ผ้รู บั ผิดชอบในการประสานงาน คำ� ส�ำคัญ: การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน, การบริหารสถานศกึ ษาการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั ความเป็นมาและความสำ� คัญของปญั หา สถานศกึ ษาสงั กดั สำ� นกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั มอี ำ� นาจหนา้ ท่ี สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ประสานงานและจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยร่วมกับภาคีเครือข่ายให้บุคคลได้รับการศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อยา่ งทว่ั ถงึ เปน็ ธรรม มคี ณุ ภาพเหมาะกบั สภาพชวี ติ ของประชาชน โดยกระจายอำ� นาจใหส้ ถานศกึ ษา และให้ภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา (พระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย. 2551 : 2-3) โดยให้สงั คมมีสว่ นร่วมในการจัดการศกึ ษา ได้แก่ บคุ คล ครอบครัว ชุมชน องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน เอกชน องคก์ ารวชิ าชพี สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการและสถาบนั สงั คมอนื่ สง่ เสรมิ ความเขม้ แขง็ ของชมุ ชนโดยจดั กระบวนการเรยี น ร้ภู ายในชมุ ชน การระดมทรัพยากรเพือ่ การศกึ ษา การเป็นผู้จดั และมีส่วนรว่ มในการจดั การศึกษา (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. 2546 : 3) จากรายงานการประเมนิ ภายนอกสถานศึกษาศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำ� เภอวัดสงิ ห์ จงั หวดั ชยั นาท ปงี บประมาณ 2551 ของสำ� นกั งานรบั รองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศกึ ษา (องค์การมหาชน) ไดใ้ ห้ขอ้ เสนอแนะ ในมาตรฐานท่ี 4 การบรหิ ารจดั การวา่ สถานศกึ ษาควรใหเ้ ครอื ขา่ ยคณะกรรมการสถานศกึ ษา องคก์ ร ชมุ ชนทอ้ งถนิ่ และบคุ ลากร มสี ว่ นรว่ มรบั ผดิ ชอบตอ่ ผลการดำ� เนนิ งานในการปรบั ปรงุ พฒั นาการดำ� เนนิ งานโครงการ/กจิ กรรมใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายไดด้ ยี งิ่ ขนึ้ และเปน็ ไปตามความต้องการของชมุ ชน (ส�ำนกั งานรับรองมาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศกึ ษา. 2551 : 19) จากความส�ำคัญดงั กลา่ ว จะเห็นได้ว่า การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนมีความส�ำคัญต่อการบรหิ ารสถานศกึ ษาเป็นอยา่ งมาก ผู้ วจิ ยั จงึ ตอ้ งการศกึ ษาสภาพการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนและแนวทางสง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในการบรหิ ารสถานศกึ ษาสงั กดั สำ� นกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวัดชัยนาท เพอื่ ใหส้ ถานศกึ ษาสังกดั ส�ำนกั งานสง่ เสริมการ ศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดชัยนาท สามารถน�ำผลการวิจัยไปใช้เป็นแนวทางส่งเสริมการมีส่วนร่วมของ ชมุ ชนในการบริหารสถานศกึ ษา อันจะสง่ ผลตอ่ การพัฒนาคุณภาพของการศึกษาใหม้ ีประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ลยงิ่ ขึ้น 35

จุดมุ่งหมายของการวจิ ยั 1. เพื่อศึกษาสภาพการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารสถานศึกษาสังกัดส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั ชัยนาท 2. เพื่อเสนอแนวทางส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารสถานศึกษาสังกัดส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดชยั นาท แนวคดิ และทฤษฎีที่เกีย่ วข้อง ผู้วิจัยได้ศึกษาบริบทในการบริหารสถานศึกษาสังกัดส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จงั หวดั ชยั นาท หลกั การ แนวคิด และทฤษฎีทเี่ กี่ยวข้อง สรุปสภาพการมีสว่ นรว่ มของชมุ ชนในการบริหารสถานศึกษา 5 ดา้ น ใน การก�ำหนดกรอบความคดิ ในการวิจยั ดังแสดงในภาพท่ี 1 สภาพการมสี ่วนร่วมของชมุ ชนในการบริหารสถานศึกษา  แนวทางส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน 1.ด้านก�ำหนดแผน นโยบายและยุทธศาสตร์ ในการบรหิ ารสถานศกึ ษา 2.ด้านหลักสตู รสถานศึกษา 3.ด้านการบริหารจดั การศึกษา 4.ด้านเสริมสรา้ งความสัมพันธก์ บั ชมุ ชน 5. ด้านการตดิ ตามและประเมินผล ภาพที่ 1 กรอบแนวคดิ ในการวิจยั วิธดี ำ� เนินการวิจัย ขนั้ ตอนท่ี 1 ศกึ ษาสภาพการมสี ว่ นร่วมของชุมชนในการบริหารสถานศกึ ษาสงั กัดส�ำนักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวดั ชัยนาท ประชากรประกอบดว้ ยผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาขา้ ราชการคร/ู พนกั งานราชการ/ครศู รช.ในสงั กดั สำ� นกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษา นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจังหวัดชยั นาท ผ้นู ำ� ชมุ ชน(กำ� นัน/ผใู้ หญ่บ้าน) และผ้นู ำ� องค์การปกครองสว่ นท้องถ่นิ ในจงั หวัดชยั นาท ปกี ารศกึ ษา 2553 จ�ำนวน 644 คน กลมุ่ ตวั อยา่ งไดม้ าโดยการสมุ่ แบบแบง่ ชนั้ ภมู ิ ประกอบดว้ ยผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา 4 คน ขา้ ราชการคร/ู พนกั งานราชการ/ ครู ศรช. 27 คน ผ้นู ำ� ชมุ ชน 194 คน ผูน้ ำ� องคก์ ารปกครองส่วนทอ้ งถิน่ 23 คน รวมจำ� นวน 248 คน ตัวแปรท่ีศึกษาไดแ้ ก่ สภาพการมีส่วนรว่ มของชุมชนในการบริหารสถานศกึ ษา 5 ดา้ น ได้แก่ ดา้ นกำ� หนดแผน นโยบาย และยุทธศาสตร์ ด้านหลักสูตรสถานศึกษา ด้านการบริหารจัดการศึกษา ด้านเสริมสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน และด้านการ ตดิ ตามและประเมนิ ผล เครอ่ื งมือทใ่ี ชใ้ นการวิจัยคือแบบสอบถาม จ�ำนวน 1 ฉบบั แบ่งออกเปน็ 2 ตอน ตอนที่ 1 ข้อมูลทัว่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถามมีลกั ษณะเปน็ แบบตรวจสอบรายการ ตอนที่ 2 แบบสอบถามจำ� นวน 30 ขอ้ เปน็ แบบประมาณค่า 5 ระดบั มคี า่ ความเท่ยี ง 0.96 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ผวู้ จิ ยั ขอหนงั สอื จากบณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั นครสวรรค์ ถงึ ผอู้ ำ� นวยการสถานศกึ ษา ในสงั กัดส�ำนักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจังหวัดชัยนาท เพ่อื ขออนญุ าตและขอความรว่ มมอื ใน 36 วารสาร กศน.

การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยใชแ้ บบสอบถาม จำ� นวน 248 ฉบบั ในระหวา่ งวนั ที่ 10-21 มกราคม 2554 ผวู้ จิ ยั ไดร้ บั แบบสอบถาม กลบั คนื มาครบถว้ น น�ำขอ้ มูลมาวิเคราะหด์ ว้ ยวิธที างสถิติโดยใช้ค่าเฉล่ียและสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน ขนั้ ตอนท่ี 2 นำ� เสนอแนวทางสง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในการบรหิ ารสถานศกึ ษาสงั กดั สำ� นกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั ชัยนาท โดยน�ำสภาพการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนข้นั ตอนที่ 1 ใน 3 อันดบั สุดท้าย ในแต่ละด้านนำ� เสนอผเู้ ชีย่ วชาญ 7 คน สงั เคราะห์แนวทางส่งเสรมิ การมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารสถานศกึ ษา ผใู้ หข้ อ้ มลู คอื ผเู้ ชย่ี วชาญ 7 คน ประกอบดว้ ย ผบู้ รหิ ารการศกึ ษา และผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา จำ� นวน 6 คน ซงึ่ มวี ฒุ ทิ างการ ศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป และข้าราชการครูวทิ ยฐานะชำ� นาญการพิเศษ และปฎิบตั งิ านมาแล้วไมน่ อ้ ยกว่า 10 ปี จำ� นวน 1 คน ตัวแปรท่ีศกึ ษาคอื แนวทางส่งเสริมการมสี ่วนรว่ มของชุมชนในการบรหิ ารสถานศกึ ษาสงั กดั ส�ำนกั งานสง่ เสริมการศกึ ษา นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวัดชัยนาท เครื่องมอื ท่ใี ชใ้ นการวิจัย แบบบันทกึ การสนทนากล่มุ การเกบ็ ข้อมลู ผ้วู ิจัยขอหนังสือจากบณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎนครสวรรค์ ถึงผู้เช่ยี วชาญรว่ มประชมุ สนทนา กลุ่มเมือ่ วันท่ี 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 การวเิ คราะหข์ อ้ มูล ใช้เทคนคิ การวเิ คราะห์เน้อื หา สรุปผลการวจิ ยั ผลการวจิ ัย ได้ 2 ประการ คอื 1. สภาพการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารสถานศึกษาสังกัดส�ำนักงานส่งเริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศยั จงั หวดั ชยั นาท ในภาพรวมอยใู่ นระดบั มากทดุ า้ นเมอ่ื พจิ ารณารายดา้ นพบวา่ ดา้ นทมี่ สี ภาพการมสี ว่ นรว่ มอนั ดบั สงู สดุ ไดแ้ ก่ ดา้ นการมสี ว่ นรว่ มเสรมิ สรา้ งความสมั พนั ธก์ บั ชมุ ชน รองลงมาคอื ดา้ นการมสี ว่ นรว่ มในการบรหิ ารจดั การศกึ ษา และอนั ดบั ต่�ำสดุ คอื ด้านการมสี ่วนร่วมกำ� หนด แผน นโยบายและยุทธศาสตร์ 2. สรุปแนวทางส่งเสรมิ การมีสว่ นร่วมของชมุ ชนในการบรหิ ารสถานศึกษาทง้ั 5 ดา้ น พบวา่ 1) ด้านการมีสว่ นร่วมก�ำหนดแผน นโยบายและยทุ ธศาสตร์ ไดแ้ ก่ การคดั เลือกผ้ทู รงคุณวุฒใิ นชมุ ชนเขา้ มามี สว่ นรว่ มเปน็ คณะกรรมการหรอื คณะทำ� งาน จดั อบรมใหค้ วามรถู้ งึ บทบาทหนา้ ทข่ี องคณะกรรมการ พรอ้ มทงั้ จดั ใหม้ กี จิ กรรมตาม บทบาทหนา้ ที่และภารกจิ อย่างต่อเน่อื ง 2) ดา้ นการมสี ว่ นรว่ มเกยี่ วกบั หลกั สตู รสถานศกึ ษาไดแ้ ก่ การคดั เลอื กผทู้ รงคณุ วฒุ ใิ นชมุ ชนทม่ี คี วามรเู้ ขา้ รว่ มเปน็ คณะกรรมการ ประชาสมั พนั ธแ์ ละสรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจใหค้ ณะกรรมการเรอื่ งหลกั สตู รสถานศกึ ษา จดั โครงการทศั นศกึ ษา ใหก้ บั คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู ร สถานศกึ ษาดงู านสถานศกึ ษาทป่ี ระสบผลสำ� เรจ็ เปดิ โอกาสใหช้ มุ ชนไดเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ มแสดง ความคิดเหน็ ท้ังที่เปน็ ทางการและไมเ่ ปน็ ทางการ 3) ด้านการมสี ว่ นร่วมในการบริหารจดั การศึกษา ไดแ้ ก่ การประชาสัมพนั ธ์ สร้างความรู้ ความเขา้ ใจใหช้ มุ ชน ได้ทราบและเหน็ ความสำ� คัญในการมีสว่ นรว่ มจัดการศึกษา เปดิ โอกาสใหบ้ ุคคลท่ีมคี วามพรอ้ มในชุมชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ มกำ� หนด แนวทางและวธิ กี ารมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในการจดั การศกึ ษา พรอ้ มทงั้ ยกยอ่ งบคุ คลในชมุ ชนทม่ี สี ว่ นรว่ มในการบรหิ ารจดั การศกึ ษา 4) ดา้ นการมสี ว่ นรว่ มในการสรา้ งความสมั พนั ธก์ บั ชมุ ชน ไดแ้ ก่ การจดั งบประมาณสนบั สนนุ ในการประชาสมั พนั ธ์ สร้างเครือข่ายประชาสัมพันธ์ในชุมชน บุคลากรของสถานศึกษาต้องร่วมกิจกรรมของชุมชนอย่างต่อเนื่อง แต่งต้ังผู้รับผิดชอบ โดยตรงในการประสานงาน 5) ดา้ นการมสี ว่ นรว่ มในการตดิ ตามประเมนิ ผล ไดแ้ ก่ การคดั เลอื กผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ างการศกึ ษาในชมุ ชนรว่ มเปน็ คณะกรรมการนิเทศ อบรม ใหค้ วามร้กู บั คณะกรรมการนเิ ทศเพอ่ื ท�ำความเขา้ ใจและร่วมกนั วางแผนการนเิ ทศ มีเครอื่ งมือในการ นิเทศติดตามประเมินผล จัดทำ� เวบ็ ไซตข์ องสถานศกึ ษาให้ชมุ ชนไดต้ ดิ ตาม ตรวจสอบการดำ� เนินงานของสถานศกึ ษา 37

อภิปรายผล จากผลการวิจัยแนวทางส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารสถานศึกษาสังกัดส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั ชัยนาท มีประเด็นส�ำคญั ที่ควรพจิ ารณาและน�ำมาอภปิ ราย ดงั น้ี 1. ผลการวิจัยสภาพการมีส่วนรว่ มของชุมชนในการบริหารสถานศึกษา สามารถอภปิ รายผลในแตล่ ะดา้ นไดด้ ังนี้ 1.1 ด้านกำ� หนดแผน นโยบายและยุทธศาสตร์ จาก ผลการวจิ ัยพบว่า มสี ว่ นรว่ มอยใู่ นระดบั มาก โดยมขี อ้ ท่ีมี สว่ นรว่ มตำ�่ สดุ คอื การมสี ว่ นรว่ มในการทบทวนแผนพฒั นาการศกึ ษาและแผนปฏบิ ตั งิ านประจำ� ปขี องสถานศกึ ษา อาจเปน็ เพราะ ชุมชนขาดความรู้ความเข้าใจในการจัดท�ำแผนพัฒนาการศึกษาและแผนปฏิบัติงานประจ�ำปีของสถานศึกษา ซ่ึงสอดคล้องกับ งานวจิ ัยของประสิทธิ ศรจี ันทร์ (2548) พบว่าปัญหาการมสี ่วนรว่ มของชมุ ชนดา้ นการบรหิ ารโรงเรียนขนาดเล็ก คอื ขาดการมี ส่วนรว่ มในการกำ� หนดนโยบาย และแผนปฏิบัตกิ ารของโรงเรียนมากทสี่ ุด และสอดคลอ้ งกับผลการวจิ ัยของอมุ า ศรชี ยั (2546) พบวา่ คณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานมปี ญั หาการมสี ว่ นรว่ มทสี่ ำ� คญั ไดแ้ ก่ คณะกรรมการขาดความรู้ ความเขา้ ใจ ไมม่ สี ว่ น ร่วมในการวางแผน ไมม่ ีเวลาเขา้ ไม่ชัดเจน ขาดแนวทางปฏิบัติ ขาดการติดตามงานอยา่ งต่อเนื่อง 1.2 ด้านการมีสว่ นรว่ มเกีย่ วกับหลกั สูตรสถานศึกษา จากผลการวิจยั พบวา่ มีสว่ นร่วมอยู่ในระดบั มาก โดย มีขอ้ ทมี่ สี ว่ นร่วมต�่ำสุด คอื การเปน็ คณะกรรมการพัฒนาหลักสตู รสถานศึกษาทเี่ ป็นเชน่ น้ี เน่อื งจากสถานศึกษาใหค้ วามรู้ ความ เขา้ ใจด้านหลกั สตู รตลอดจนการเขา้ ร่วมกจิ กรรมใหช้ มุ ชนรับทราบนอ้ ยเกินไป ซ่งึ สอดคล้องกบั ผลการวจิ ยั ของ กิ่งกาญจน์ ชม อนิ ทร์ (2549) พบวา่ ระดบั การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในการจดั การศกึ ษาในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก ดา้ นการจดั ทำ� หลกั สตู รสถาน ศกึ ษาและการก�ำกบั ตดิ ตามผลการใช้งบประมาณ ชุมชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ มอยู่ในระดบั ปานกลาง 1.3 ด้านการมสี ว่ นรว่ มในการบริหารจัดการศึกษา จากผลการวจิ ัยพบวา่ มสี ่วนร่วมอยใู่ นระดับมาก โดยมขี อ้ ท่ีมีส่วนร่วมต่�ำสุดคือ การให้ค�ำปรึกษา เสนอแนะแนวทางสนับสนุนและส่งเสริมภารกิจของสถานศึกษา ซึ่งสอดคล้องกับงาน วจิ ัยของ สุกัญญา ภาคภมู ิ (2547) พบว่า ปัญหาและอปุ สรรคของการมสี ว่ นรว่ มในการจดั กิจกรรมการศกึ ษานอกโรงเรียนของ องคก์ ารบริหารสว่ นตำ� บลในจงั หวดั นครปฐม ประกอบด้วยปัญหาดา้ นบุคลากร ประสบการณ์ รายไดข้ ององคก์ ารบริหารสว่ น ต�ำบล ขาดความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการงานการศึกษานอกโรงเรียน และสอดคล้องกับผลการวิจยั ของ เบเคอร์ร่า (Beccerra, 1974) พบว่า การตดั สนิ ปัญหาใดๆ ที่กับกบั โรงเรยี น ผู้บรหิ าร และตัวแทนชุมชนจะตอ้ งร่วมมอื กนั ทุกฝ่าย จะตอ้ งท�ำความเข้าใจ เกีย่ วกับความแตกต่างของชมุ ชนอกี ทง้ั พร้อมทีจ่ ะเข้ารว่ มกบั ชมุ ชนไดท้ ุกโอกาส 1.4 ดา้ นการมสี ว่ นรว่ มในการสรา้ งความสมั พนั ธก์ บั ชมุ ชน จากผลการวจิ ยั พบวา่ มสี ว่ นรว่ มอยใู่ นระดบั มาก โดย มีขอ้ ท่ีมีส่วนร่วมตำ่� สุดคอื การเผยแพรผ่ ลงานของสถานศกึ ษาต่อชมุ ชนและสาธารณชน อาจเป็นเพราะ สภาพทางเศรษฐกิจของ ชุมชน สง่ ผลต่อการมีสว่ นร่วมของชมุ ชน ซง่ึ สอดคลอ้ งกับผลการวิจยั ของ เฮย์ (Hay. 1981) พบวา่ บคุ คลที่มีสถานะทางเศรษฐกิจตำ่� จะเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของชุมชนน้อยกว่าบุคคลที่มีสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมสูง และสอดคล้องกับผล การวิจยั ของ ปกรณ์ กนั อุปทั ว์ (2548) พบว่า สภาวะทางเศรษฐกิจทัว่ ไป และในชมุ ชนนบั เป็นปจั จยั ส�ำคญั ทีส่ ง่ ผลตอ่ การมี ส่วนร่วมของชมุ ชนกับโรงเรยี นเปน็ อยา่ งยงิ่ 1.5 ดา้ นการมสี ่วนร่วมในการติดตามประเมินผล จากผลการวิจยั พบวา่ มีสว่ นร่วมอยใู่ นระดบั มาก โดยมขี อ้ ท่มี ี ส่วนร่วมต่�ำสุดคือ การวางแผนการนิเทศของสถานศึกษา อาจเป็นเพราะชุมชนเห็นว่าเร่ืองการวางแผนการนิเทศติดตามผลเป็น บทบาทหน้าท่ีของผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้ด�ำเนินการ ไม่ใช่เร่ืองของชุมชนท่ีจะเข้าไปมีส่วนร่วม ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัย ของ มาลินี ริบรวมทรพั ย์ (2544) พบวา่ การมีส่วนรว่ มขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลในการบริหารจัดการศกึ ษานอกโรงเรียน เพ่ือพัฒนาอาชีพของชุมชน อ�ำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา มีส่วนร่วมในการติดตามและประเมินผลการบริหารการศึกษา นอกโรงเรยี นในระดับนอ้ ย และสอดคลอ้ งกบั ผลการวจิ ยั ของ รจนา สุวรรณภา (2546) พบวา่ ปญั หาการมีสว่ นร่วมของชมุ ชน ในการจัดการศกึ ษา คือ การติดต่อสื่อสารระหวา่ งโรงเรยี นกบั ชุมชนขาดความตอ่ เนือ่ ง ชุมชนไมก่ ล้าแสดงความคิดเห็นหรือให้ ค�ำปรกึ ษาแนะน�ำ 38 วารสาร กศน.

2. แนวทางส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญสามาอภิปราย ผลในแตล่ ะด้านไดด้ งั นี้ 2.1 ด้านการมีสว่ นร่วมก�ำหนดแผน นโยบายและยุทธศาสตร์ มีแนวทางส่งเสริมการมีสว่ นรว่ มท่ีสำ� คัญ คือ การ คดั เลอื กผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ างการศกึ ษาในชมุ ชนเปน็ คณะกรรมการ พรอ้ มทง้ั จดั อบรมใหค้ วามรเู้ กย่ี วกบั บทบาทหนา้ ทแี่ ละภารกจิ ในการกำ� หนดแผน นโยบายและยทุ ธศาสตร์อยา่ งตอ่ เนื่อง สอดคล้องกบั สุมาลี สงั ข์ศรี (2545) ไดส้ รปุ แนวทางสง่ เสรมิ การมี สว่ นรว่ มของชมุ ชนในการจดั การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั นน้ั ชมุ ชนสามารถเขา้ มามรี ว่ มเปน็ กรรมการฝา่ ยตา่ งๆ หรอื ชว่ ยงานในภาระหนา้ ทตี่ า่ งกนั อออกไป โดยกำ� หนดบทบาท หนา้ ทแี่ ละแนวทางการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน เพอื่ ใหช้ มุ ชนไดร้ วู้ า่ มใี ครบา้ งทม่ี ีส่วนร่วมได้ และจะเข้ามาร่วมไดอ้ ยา่ งไร 2.2 ด้านการมีส่วนร่วมเกี่ยวกับหลักสูตรสถานศึกษา มีแนวทางส่งเสริมการมีส่วนร่วมท่ีส�ำคัญคือการคัดเลือก ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ในชมุ ชนทม่ี คี วามรรู้ ว่ มเปน็ คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู รสถานศกึ ษา อบรมใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจ และเปดิ โอกาสให้ ชมุ ชนได้เข้ามามีส่วนรว่ มทงั้ ทเี่ ปน็ ทางการและไมเ่ ปน็ ทางการ ซึ่งสอดคลอ้ งกบั ผลการวจิ ยั ของ ยุทธศาสตร์ สิงหแ์ ก้ว (2549) ได้วิจัยเรื่องการพัฒนาบุคลากรในการจัดท�ำหลักสูตรท้องถิ่นโรงเรียนบ้านโน่นสมบูรณ์ ส�ำนักงานเขตพ้ืนท่ีหนองบัวล�ำภู พบว่า ปัญหาในการจัดท�ำหลกั สตู รทอ้ งถิ่นคอื บุคลากรไมม่ ีความรู้ ความเข้าใจในการจดั ทำ� หลกั สตู รและการจดั การเรียนการสอน หลักสูตรทอ้ งถ่ิน และสอดคล้องกบั สุมาลี สงั ขศ์ รี (2545) ได้สรปุ แนวทางสง่ เสริมการมสี ่วนร่วมของชมุ ชนในการจัดการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ว่า ควรส่งเสรมิ ให้ประชาชนทกุ คนมีส่วนร่วมอยา่ งทั่วถงึ มิใช่เปิดโอกาสใหม้ ีส่วนร่วม ไดเ้ ฉพาะคณะกรรมการหรอื คนบางกลุ่ม 2.3 ดา้ นการมสี ว่ นรว่ มในการบรหิ ารจดั การศกึ ษา มแี นวทางสง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มทสี่ ำ� คญั คอื การประชาสมั พนั ธ์ ให้ชุมชนได้ทราบ และเห็นสภาพความต้องการท่ีแท้จริงของสถานศึกษา พร้อมท้ังก�ำหนดแนวทางและวิธีการมีส่วนร่วมในการ บริหารสถานศึกษาของชุมชน เพราะการบริหารงานของสถานศึกษาอยู่ภายใต้ระเบียบ นโยบาย และกฎเกณฑ์ของส�ำนักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งท�ำให้คณะกรรมการชุมชนบางคนไม่ทราบถึงสภาพความต้องการ ของสถานศึกษาที่แท้จริงสอดคล้องกับศูนย์ส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย (2544) ได้ก�ำหนดมาตรการทางกฎหมาย หรือกฎ ระเบยี บอืน่ ๆ ทเี่ อ้ือต่อการจดั กจิ กรรมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั เปน็ หน่ึงในมาตรการจงู ใจในการส่งเสรมิ การจดั การศกึ ษาตามอธั ยาศยั และสอดคลอ้ งกบั ผลการศกึ ษาของ แนนซี่ (Nancy. 1998) ทพี่ บวา่ การปฏริ ปู การศกึ ษาจะดำ� เนนิ ไปไดด้ ว้ ยดี จะตอ้ งมคี วามเขา้ ใจอยา่ งถอ่ งแทถ้ งึ บทบาทหนา้ ทขี่ องกรรมการหรอื สภาพตา่ งๆ จงึ ตอ้ งมกี ารอบรมบคุ ลากรและบคุ คล ทเ่ี กยี่ วขอ้ งใหเ้ ขา้ ใจถงึ ขอบขา่ ยบทบาทหนา้ ทข่ี องกนั และกนั รว่ มมอื กนั ทำ� งานอยา่ งใกลช้ ดิ เพอื่ พฒั นาการเรยี นรขู้ องนกั เรยี น ใหบ้ รรลุเปา้ หมายท่ีร่วมกนั วางไว้ 2.4 ด้านการมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน มีแนวทางส่งเสริมการมีส่วนร่วมท่ีส�ำคัญ คือ การจัดงบประมาณสนับสนุนการประชาสมั พนั ธ์ สร้างเครือข่ายในชุมชน แต่งต้งั ผู้รบั ผดิ ชอบโดยตรงในการประสานงาน และ เข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนอย่างต่อเน่ือง เพราะการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนเป็นการเก้ือหนุนซึ่งกันและกันระหว่างสถาน ศึกษากบั ชุมชนโดยใช้บุคคลเป็นผู้เชื่อมความสมั พนั ธ์ ซึง่ สอดคลอ้ งกบั ผลการวจิ ัยของนคิ ม ทองอร (2547) พบว่า การแตง่ ตง้ั ครู ท�ำหน้าที่รับผิดชอบหมู่บ้านในเขตบริการเป็นวิธีการหน่ึงในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารโรงเรียน และ สอดคล้องกบั ผลการวิจยั ของ สมุ าลี สังขศ์ รี (2545) พบวา่ แนวทางการส่งเสริมการมสี ่วนรว่ มของชุมชน คอื การประชาสมั พนั ธ์ ใหป้ ระชาชนเขา้ ใจถงึ ลกั ษณะการมสี ว่ นรว่ ม มกี ารกำ� หนดบทบาทในการมสี ว่ นรว่ มจดั การศกึ ษานอกระบบหรอื สง่ เสรมิ การศกึ ษา ตลอดชวี ิตใหแ้ กช่ มุ ชน 2.5 ดา้ นการมสี ว่ นรว่ มในการตดิ ตามและประเมนิ ผล มีแนวทางสง่ เสรมิ การมีสว่ นร่วมท่สี �ำคัญคือ สถานศึกษา คัดเลอื กผู้ทรงคุณวฒุ ทิ างการศกึ ษาในชมุ ชนร่วมเปน็ คณะกรรมการการนิเทศติดตามและประเมนิ ผลของสถานศึกษา จดั ประชุม 39

คณะกรรมการเพื่อท�ำความเขา้ ใจและวางแผนการนเิ ทศ มีเคร่ืองมอื ในการนเิ ทศตดิ ตามประเมนิ ผล ก�ำกับ ติดตาม ทบทวน และ มีเว็บไซตข์ องสถานศึกษาใหช้ มุ ชนไดต้ ิดตามตรวจสอบการ ด�ำเนินงานของสถานศึกษา ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของ ธวชั วิบูลย์ชาติ (2550) พบว่า ข้นั ตอนการจัดท�ำข้อมูล สารสนเทศของสถานศกึ ษาใหเ้ ปน็ ระบบ และการใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจในการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนเปน็ ขนั้ ตอนหนงึ่ ของการมสี ว่ น รว่ ม และสอดคลอ้ งกบั ผลการวจิ ยั ของกลั ยา พนิ เศษ (2547) พบวา่ การมสี ว่ นรว่ มของคณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานควร มีการจัดเกณฑแ์ ละมาตรฐานการประเมิน และกำ� หนดผู้รับผิดชอบในการประเมนิ ไวอ้ ย่างชดั เจน ข้อเสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะทั่วไป 1.1 สถานศึกษาควรคดั เลอื กผทู้ รงคุณวุฒใิ นชุมชนเขา้ มามีสว่ นร่วมในการเป็นคณะกรรมการ 1.2 สถานศกึ ษาจัดอบรม สัมมนา ให้ความรู้แก่คณะกรรมการในกระบวนการมสี ่วนร่วมในการด�ำเนินงานของ สถานศึกษา 1.3 สถานศกึ ษาควรเปิดโอกาสให้ชมุ ชนไดเ้ ขา้ มามสี ่วนร่วมในการดำ� เนินงานของสถานศึกษาทงั้ ทีเ่ ป็นทางการ และไมเ่ ป็นทางการ 2. ขอ้ เสนอแนะสำ� หรบั การวจิ ยั คร้งั ตอ่ ไป 2.1 ควรวจิ ยั เกย่ี วกบั ปจั จยั ทจ่ี ะสง่ เสรมิ และปจั จยั ทเ่ี ปน็ อปุ สรรคตอ่ การเขา้ มามสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในการบรหิ าร สถานศึกษา 2.2 ควรศึกษาวิจัยเพื่อหารูปแบบการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารสถานศึกษาเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อ การจัดการศึกษาต่อไป 40 วารสาร กศน.

รายการอา้ งองิ กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2546). พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพิม่ เติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545. กรงุ เทพฯ : กระทรวงศกึ ษาธิการ. กัลยา พนิ เศษ. (2547). รูปแบบการมีส่วนรว่ มด้านพฒั นาบุคลากรของคณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พ้นื ฐานสถานศกึ ษา ในสงั กดั เทศบาลจงั หวัดชัยนาท. วิทยานิพนธป์ ริญญามหาบัณฑติ (การบรหิ ารการศึกษา). นครสวรรค์ : มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครสวรรค์. ก่งิ กาจญน์ ชมอินทร.์ (2549). การมีสว่ นรว่ มของชุมชนในการจัดการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน สงั กดั สำ� นักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษา ประจวบครี ขี นั ธ์ เขต 1. วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบณั ฑติ (การบรหิ ารการศกึ ษา). กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนดสุ ติ . ธวชั วบิ ูลย์ชาติ. (2550). รูปแบบการมีส่วนร่วมของชมุ ชนในการจัดท�ำหลกั สตู รสถานศกึ ษาของสถานศกึ ษาขั้นพื้นฐาน. วิทยานิพนธป์ รญิ ญามหาบณั ฑติ (การบรหิ ารการศกึ ษา). กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สวนสนุ ันทา. นคิ ม ทองอร. (2547). การสง่ เสรมิ การมสี วนรว่ มของชมุ ชนในการบรหิ ารโรงเรยี นอนบุ าลเชยี งแสนสงั กดั สำ� นกั งานเขตพน้ื ท่ี การศกึ ษาเชยี งราย เขต 3. วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบณั ฑติ (การบรหิ ารการศกึ ษา). เชยี งราย : มหาวทิ ยาราชภฏั เชยี งราย. ปกรณ์ กันอปุ ทั ว.์ (2548). การวิเคราะห์ปัจจยั ท่สี ง่ เสริมและปัจจยั ท่เี ปน็ อุปสรรคต่อการมีสว่ นรว่ มของชมุ ชนกบั โรงเรียน ประถมศกึ ษา : กรณศี กึ ษาโรงเรยี นวดั ถนน อำ� เภอปา่ โมก จงั หวดั อา่ งทอง. วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบณั ฑติ (การบรหิ าร การศึกษา). พระนครศรีอยุธยา : มหาวทิ ยาลัยราชภัพระนครศรอี ยธุ ยา. ประสทิ ธ์ิ ศรจี นั ทร.์ (2545). รปู แบบการมสี ว่ นรว่ มในการบรหิ ารโรงเรยี นขนาดเลก็ ของคณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน อำ� เภอบรรพตพสิ ัย สำ� นักงานเขตพื้นที่การศึกษานครสวรรคเ์ ขต 2. วิทยานพิ นธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑติ (การบริหาร การศึกษา). นครสวรรค:์ สถาบนั ราชภัฏนครสวรรค.์ พระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั พ.ศ. 2551. (2551, 3 มนี าคม). ราชกจิ จานเุ บกษา. เลม่ ท่ี 125 ตอนท่ี 41ก หนา้ 2-9. ยทุ ธศาสตร์ สงิ หแ์ กว้ . (2549). การพฒั นาบคุ ลากรในการจดั ทำ� หลกั สตู รทอ้ งถนิ่ โรงเรยี นบา้ นโนน่ สมบรู ณ์ สำ� นกั งานเขตพน้ื ที่ การศกึ ษาหนองบัวลำ� ภู เขต 2. วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญามหาบัณฑิต (การบรหิ ารการศกึ ษา). มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. มาลนิ ี รบิ รวมทรพั ย.์ (2544). ศกึ ษาการมสี ว่ นรว่ มขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลในการบรหิ ารการจดั การศกึ ษานอกโรงเรยี น เพอ่ื พฒั นาอาชพี ของชมุ ชน อำ� เภอบางคลา้ จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา. วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบณั ฑติ (การบรหิ ารการศกึ ษา). กรุงเทพฯ : สถาบันราชภฏั สวนดสุ ติ . รจนา สุวรรณภา. (2546). การมีสว่ นร่วมของชุมชนในการจดั การศกึ ษาของโรงเรียนมธั ยมศึกษาสงั กดั กรมสามัญศึกษา จงั หวัดชยั ภมู ิ. วิทยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบัณฑิต (การบริหารการศึกษา). กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. ศนู ยส์ ง่ เสรมิ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั . (2544). การศกึ ษาตามอธั ยาศยั แนวคดิ และประสบการณ.์ กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พอ์ งคก์ ารรบั สง่ สินคา้ แลพสั ดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.). สำ� นกั งานรบั รองมาตรฐานและประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษา. (2551). รายงานการประเมนิ คณุ ภาพภายนอกศนู ยก์ ารศกึ ษา นอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อ�ำเภอวดั สิงห์ จังหวัดชยั นาท. กรงเทพฯ : ส�ำนักงานรบั รองมาตรฐานฯ. สุกญั ญา ภาคภมู ิ. (2547). ปัจจยั ทีม่ ีผลตอ่ การมสี ่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการศกึ ษานอกโรงเรยี นขององค์การบริหารสว่ น ตำ� บลในจังหวัดนครปฐม. วิทยานิพนธป์ ริญญามาบัณฑิต (โลกาภวิ ฒั น์ศึกษา). กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. สมุ าลี สงั ขศ์ ร.ี (2545). รายงานการวจิ ัยการศึกษาตลอดชวี ติ เพอ่ื สงั คมไทยในสตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ : สถาบนั เทคโนโลยี เพ่อื การศกึ ษาแห่งชาติ. 41

อมุ า ศรชี ยั . (2546). การมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษาของคณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานสงั กดั สำ� นกั งานการประถม ศกึ ษาจงั หวดั ระยอง. วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบณั ฑติ (การบรหิ ารการศกึ ษา). มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. Becerra, G.V. (1974, November). “Role perceptions of administrators and community representatives in the partial pastry discursion making,” Dissertation Abstracts International. 14 (1) : 6687-A. Hay, C.C. (1981). Social participation of individuals in four rural. 5 th.ed. Tokyo : Mc Grew- Hill, Nancy, J.F. (1998). Characteristics, training, and principals, perceptions of Arizona mandated school councils. Arizona : Public Education. 42 วารสาร กศน.

แนวทางการพัฒนาครูศูนย์การเรียนชุมชนสงั กัดส�ำนักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจังหวดั อุทัยธาน*ี อนงค์ ชูชยั มงคล** ดร.พรเทพ รู้แผน*** บทคัดย่อ ผลการวจิ ยั พบวา่ การวจิ ยั ครงั้ นี้ มวี ตั ถปุ ระสงค์ เพอื่ ศกึ ษาความตอ้ งการ 1. ครูศูนย์การเรียนชุมชน สังกัดส�ำนักงานส่งเสริม และนำ� เสนอแนวทางการพฒั นาครศู นู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน สงั กดั การศึกษานอกระบบและการศึกษา ส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม ตามอัธยาศัยจังหวัดอุทัยธานี ในภาพรวมมีความ อัธยาศัยจังหวัดอุทัยธานี การด�ำเนินการวิจัยมี 2 ขั้นตอน ต้องการพฒั นา ด้านบริหารจัดการ มีความต้องการมากที่สดุ คือ 1) ศึกษาความต้องการพัฒนาครูศูนย์การเรียนชุมชน ซึ่งเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อมีความต้องการพัฒนาในเร่ือง เป็นการศึกษาจากประชากรท่ีใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริหาร การวางแผนและการจัดท�ำโครงการ การประเมินโครงการ สถานศกึ ษา จำ� นวน 9 คน ครศู นู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน จ�ำนวน 62 งานธุรการ การเงินบัญชี และพัสดุ การจัดสภาพแวดล้อม คน รวม 71 คน เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ไดแ้ ก่ อาคารสถานที่ และบรรยากาศท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ และการ แบบสอบถามชนิดมาตราสว่ นประมาณค่า 5 ระดับ ซ่ึงมี สอื่ สาร ตามลำ� ดับ 2) ด้านการจัดกระบวนการเรียนรู้ มคี วาม ค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.94 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ต้องการพัฒนาอย่ใู นระดบั มาก ซ่ึงประกอบด้วยเน้ือหาสาระ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าความเบ่ียงเบนมาตรฐาน เมอื่ พจิ ารณาเปน็ รายขอ้ พบวา่ มคี วามตอ้ งการพฒั นา ในเรอื่ ง 2) นำ� เสนอแนวทางการพัฒนาครูศนู ยก์ ารเรยี นชุมชน สงั กดั การจดั กระบวนการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ การจดั ทำ� หลกั สตู ร ส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม สถานศึกษาการวัดผลและประเมินผล การพัฒนาสื่อและ อัธยาศัยจังหวัดอุทัยธานี โดยการประชุมสนทนากลุ่มจากผู้ เทคโนโลยี และการประกนั คณุ ภาพในสถานศกึ ษา ตามลำ� ดบั เชี่ยวชาญ จ�ำนวน 15 คน และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคนิค ค�ำส�ำคัญ: การพัฒนาครศู ูนย์การเรียนชุมชน การวิเคราะห์ เชงิ พรรณา ความเปน็ มาและความสำ� คัญของปัญหา ศูนย์การเรียนชุมชน นับเป็นศูนย์การเรียนรู้ ของปวงชนท่ีจัดการศึกษาในรูปแบบอเนกประสงค์ เพ่ือให้การศึกษาแก่ ประชาชนทุกเพศ ทุกวัย และทุกระดับการศกึ ษา (กศุ ล นาคะชาต. 2530 : 33) มรี ะบบการด�ำเนินงานควบคุมดูแลโดยชมุ ชน องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล สว่ นสำ� นกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั โดยหนว่ ยงานระดบั ภาค จงั หวดั และอำ� เภอ เปน็ องคก์ รใหก้ ารสนบั สนนุ การจดั กจิ กรรมของศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน โดยหลกั การแลว้ ศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชนยดึ หลกั การ ใชช้ มุ ชนเปน็ ฐานในการจัดการศกึ ษาของชุมชน ดงั น้ัน การสง่ เสริมการดำ� เนินงานของส�ำนักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศยั เกี่ยวกับศูนยก์ ารเรยี นชมุ ชน ในการจดั หาสื่อการเรียนรูต้ า่ งๆ เชน่ วทิ ยุ โทรทัศน์ เทปบันทึกเสียง วดี ทิ ศั น์ ชุดสญั ญาณสายการโทรทัศนผ์ ่านดาวเทยี ม (ETV) ฯลฯ และจัดให้มีครศู นู ย์การเรยี นชมุ ชนเป็นผู้ปฏบิ ัติงานในศูนยก์ าร เรยี นชมุ ชน แหง่ ละ 1 คน โดยปฏบิ ตั งิ านเตม็ เวลา และไดร้ บั คา่ ตอบแทนไมเ่ กนิ วฒุ ิ (ไมต่ ำ่� กวา่ อนปุ รญิ ญา และไมส่ งู กวา่ ปรญิ ญาตร)ี (ศนู ย์เทคโนโลยที างการศกึ ษา. 2543 : 6) * วิทยานิพนธ์ครุศาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาการบริการการศกึ ษา มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์ พ.ศ. 2554 ** ครเู ชี่ยวชาญ ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อ�ำเภอเมอื งอทุ ยั ธานี จังหวดั อุทยั ธานี *** อาจารย์ประจำ� คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ (อาจารยท์ ปี่ รกึ ษาวทิ ยานิพนธ์) 43

ส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา การเรียนรู้ การวัดผลประเมินผล การประกันคุณภาพภายใน ตามอัธยาศัยได้ก�ำหนดบทบาทหน้าท่ีและภารกิจของศูนย์ สถานศึกษาการประชาสัมพันธ์/การแนะแนวการศึกษา การ การเรียนชุมชนในการจัดการศึกษานอกโรงเรียน ประกอบด้วย ท�ำวิจัยในชั้นเรียน และการประเมินคุณภาพครูผู้สอนในศูนย์ กจิ กรรมการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานนอกระบบ ไดแ้ ก่ การศกึ ษาระดบั การเรยี นชมุ ชน ใหบ้ รกิ ารวสั ดอุ ปุ กรณ์และสอื่ ตา่ งๆ ที่เกย่ี วกบั ประถมศกึ ษา มัธยมศึกษาตอนตน้ และมัธยมศึกษาตอนปลาย การเรยี นรใู้ น ศรช. เพอื่ ใชศ้ กึ ษาดว้ ยตนเองของประชาชนอยา่ ง กจิ กรรมการศกึ ษาสายอาชพี ไดแ้ ก่ กิจกรรมพัฒนาอาชพี และ ต่อเนอ่ื งตลอดชวี ติ จดั กิจกรรมเพ่ือเสรมิ สรา้ งชุมชนให้เขม้ แข็ง ทักษะอาชีพ กิจกรรมพัฒนาสังคมและชุมชน และกิจกรรม ขน้ึ เกบ็ รวบรวมหลกั ฐานทเี่ ปน็ กจิ กรรมการศกึ ษาของนกั ศกึ ษา พัฒนาทักษะชีวิต การจัดการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นวิธีการ กศน. ของประชาชนในชมุ ชนจดั ทำ� และตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จัดบริการการศึกษา ด้านข่าวสาร ข้อมูล ที่ผู้เรียนเรียนรู้ได้ ของเอกสารหลกั ฐานการดำ� เนนิ งานตอ่ หนว่ ยงานตน้ สงั กดั จดั ทำ� ด้วยตนเองจากสื่อ แหล่งความรู้ประเภทต่างๆ จากสภาวะ สรปุ ผลการดำ� เนนิ งานของ ศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชนและรายงานผล ส่ิงแวดล้อม จากประสบการณ์และการถ่ายทอดภูมิปัญญา การปฏบิ ตั งิ านตอ่ หนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ใหค้ วามรว่ มมอื ระหวา่ ง ที่เป็นจริง ในวิถีชีวิต อาทิ การอ่านหนังสือ ดูภาพยนตร์ ชม เครือข่ายในท้องถ่ิน เพ่ือส่งเสริมและพัฒนาชุมชน (กรมการ รายการโทรทัศน์ รับฟังวิทยุ เปน็ ต้น กิจกรรมการจดั การศึกษา ศกึ ษานอกโรงเรียน. 2546 : 2 – 4) ตามอธั ยาศยั ไดแ้ ก่ การบรกิ ารหนงั สอื สอื่ ประเภทตา่ งๆ และโสต ทศั นปู กรณ์ การจดั นทิ รรศการ การจดั บรกิ ารการศกึ ษาทางไกล การปฏบิ ตั หิ นา้ ทขี่ องครศู นู ยก์ ารเรยี นชมุ ชนในดา้ นการ ผ่านดาวเทียม การให้บริการแนะแนว ข้อมูลสารสนเทศ และ บริหารจัดการ และด้านการจัดกระบวนการเรียนรู้ ของศูนย์ การจดั การศึกษาในระบบโรงเรยี น ได้แก่ การจดั โปรแกรมการ การเรียนชุมชน จากการนิเทศติดตามผลในสังกัดส�ำนักงาน ศึกษาทางไกลไทยคมวิทยุเพื่อการศึกษา ฯลฯ (กรมการศึกษา สง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั นอกโรงเรยี น. 2540 : 3 - 4) การดำ� เนนิ งานของศูนย์การเรียน อุทัยธานี พบว่า 1) ด้านการบริหารจัดการ ครูศูนย์การเรียน ชมุ ชนใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงคไ์ ดน้ นั้ หวั ใจสำ� คญั ของศนู ยก์ ารเรยี น ชุมชนบางคนยังขาดความรู้ในเรื่อง การก�ำหนดนโยบายและ ชุมชน คือ ครูประจ�ำศนู ยก์ ารเรยี นชุมชน ซึ่งเปน็ ผ้ปู ฏิบตั ิงาน แนวทางการด�ำเนินงานการจัดเก็บมูลสารสนเทศ การท�ำแผน ในลักษณะประจ�ำท่ีศูนย์การเรียนชุมชน ท�ำหน้าที่จัดกิจกรรม งานและโครงการ งานสารบรรณ หนังสือราชการ การประเมนิ และอำ� นวยความสะดวกในการเรยี นรู้ แกป่ ระชาชนกลมุ่ เปา้ หมาย โครงการ การประชาสมั พนั ธไ์ มท่ วั่ ถงึ และครอบคลมุ ทำ� ให้ผรู้ บั และมีบทบาทที่ส�ำคัญอย่างยิ่งที่จะท�ำให้การด�ำเนินงาน ของ บริการไม่ทราบข่าวสาร ข้อมูล ในศูนย์การเรียนชุมชน และครู ศูนย์การเรียนชุมชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเน่ือง ศูนย์การเรียนชุมชนบางคน ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ และไม่มีการ เพ่ือส่งเสริมระบบการเรียนรู้ของชุมชนให้มีความเข้มแข็งขึ้น รายงานผลใหก้ บั ผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งทราบ 2) ดา้ นการจดั กระบวนการ ครูศนู ยก์ ารเรียนชุมชน เรียนรู้ ครูศูนย์การเรียนชุมชน มีการแนะแนวการศึกษาไม่ได้ ปฏบิ ตั อิ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง และเปน็ รปู ธรรม การจดั ทำ� หลกั สตู รสถาน มีบทบาท ด้านการบริหารจัดการ ได้แก่ การก�ำหนด ศึกษา ไม่มีการตรวจสอบและปรับปรงุ หลักสตู รให้เหมาะสมกับ นโยบาย/แนวทางการดำ� เนนิ งาน การวางแผน/การจดั ท�ำโครงการ ความต้องการและบริบทของชุมชนหรือผู้เรียน การวางแผน การบรหิ ารงบประมาณ/การใชจ้ า่ ยงบประมาณ จดั สภาพแวดลอ้ ม การจัดการเรียนรู้ มีการวางแผนร่วมกับผู้เรียนเพียงครั้งเดียว อาคารสถานที่ บรรยากาศ การเงนิ บัญชี พสั ดุ งานสารบรรณ/ และน�ำมาใช้ตลอดทุกภาคเรียน การจัดกระบวนการเรียนรู้ หนงั สอื ราชการ การจดั เกบ็ ขอ้ มลู สารสนเทศ การประชาสมั พนั ธ์ ครศู นู ยก์ ารเรียนชุมชน มีการพบกลุม่ สปั ดาห์ละ 3 ช่ัวโมง ครู การใชเ้ ทคโนโลย/ี การสอื่ สาร และการประเมนิ โครงการของศนู ย์ บางคนไม่มีแผนในการพบกลุ่ม ไม่ได้ท�ำวิจัยในชั้นเรียนในวิชา การเรียนชมุ ชน ดา้ นการจัดกระบวนการเรยี นรู้ ได้แก่ การจัดท�ำ ทย่ี ากครไู มไ่ ดจ้ ดั การเรยี นการสอนเสรมิ ใหก้ บั ผเู้ รยี น การวดั ผล หลกั สตู รสถานศกึ ษา/หลกั สตู รทอ้ งถนิ่ การจดั กระบวนการเรยี น และประเมนิ ผล ครบู างคนยงั ทำ� แบบทดสอบไมเ่ ปน็ (สำ� นกั งาน รู้แบบบูรณาการ การใช้เทคโนโลยี/สารสนเทศ การพัฒนาส่ือ สง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั 44 วารสาร กศน.

อุทัยธานี. 2552 : 7) ซึ่งไม่สอดคล้องกับเกณฑ์การประเมิน 2. เพอ่ื เสนอแนวทางการพฒั นาครศู นู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน คุณภาพภายนอกส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ ของส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม การศึกษาตามอัธยาศัย มาตรฐานที่ 5 ของ ส�ำนักงานคณะ อัธยาศยั จงั หวดั อุทัยธานี กรรมการรับรองมาตรฐานการศึกษา (สมศ.) ที่ระบุให้ครูมี กรอบแนวคดิ และทฤษฏที ่ีเกย่ี วขอ้ ง ความสามารถในการจดั การเรยี นรอู้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและเนน้ จากการศึกษาแนวคิดงานวิจัยที่เกี่ยวข้องแนวทางการ ผเู้ รยี นเปน็ สำ� คญั ซง่ึ เปน็ หวั ใจสำ� คญั ยง่ิ ตอ่ การปฏริ ปู การเรยี นรู้ พฒั นาครูศูนย์การเรยี นชมุ ชน สรุปได้ว่าการพฒั นาครศู นู ย์การ การพฒั นาครู จงึ ถอื วา่ การพฒั นาครเู ปน็ ภารกจิ ทส่ี �ำคญั ประการ เรียนชุมชนในปัจจุบัน มีความส�ำคัญและจ�ำเป็นเป็นอย่างยิ่ง หนงึ่ ทตี่ อ้ งเรง่ ดำ� เนนิ การพฒั นาตามนยั ของมาตราที่ 24 (5) และ เนอื่ งจากจากสภาพปจั จบุ นั เกดิ การเปลยี่ นแปลงทางสงั คมและ มาตรา 30 ดังนั้นท้งั ครู ผูบ้ รหิ าร จึงต้องมคี วามตระหนกั เห็น เทคโนโลยีอย่างรวดเร็วและต่อเน่ือง จ�ำเป็นต้องมีการแก้ไข ความส�ำคัญ และเร่งพัฒนาตนเอง ให้มีความรู้ ความเข้าใจ ใน ปรับปรุงการเรียนการสอนให้สามารถรองรับการเปล่ียนแปลง การพฒั นากระบวนการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น ซงึ่ เปน็ หวั ใจสำ� คญั ของ ได้และรองรับการปฏิรูปการศึกษา รอบที่ 2 (พ.ศ. 2552- การจดั การศกึ ษาทถ่ี อื วา่ “ผเู้ รยี นสำ� คญั ทสี่ ดุ ” เพอื่ พฒั นาการ 2561) โดยครูผู้สอนต้องตระหนัก กระตือรือร้น และต้องการ เรียนรู้ ของผู้เรียนโดยเร็ว อันจะน�ำไปสู่การสร้างมนุษย์แห่ง ทจ่ี ะพัฒนาตนเอง เพอื่ ใหม้ คี วามรู้ ทักษะ ความสามารถ และ คุณภาพสู่สังคมภูมิปัญญาและสังคมแห่งการเรียนรู้ต่อไป รอบรู้เท่าทันสังคมและเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน และมีความ (สำ� นักงานคณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาต.ิ 2540 : 13, 16) ก้าวหน้าม่ันคงในอาชีพตามศักยภาพของตน ซ่ึงสอดคล้องกับ จากสภาพดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยจึงมีความสนใจท่ีจะ กระทรวงศึกษาธิการ (2551 : 27) ซ่ึงสอดคล้องกับผลการ เสนอแนวทางการพฒั นาครศู นู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน สงั กดั สำ� นกั งาน วิจยั ของสมชาย ยอดเพชร (2544) และสอดคล้องกับงานวิจยั สง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั ของ วรชั ยา วเิ วก (2551 : 89 - 90) และได้สังเคราะหเ์ ป็นองค์ อุทัยธานี เพ่ือพัฒนาครูศูนย์การเรียนชุมชนในด้านการบริหาร ประกอบเป็นแนวทางการพัฒนาครูได้เป็น 2 ด้าน โดยผู้วิจัย จัดการ และการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความ ได้ก�ำหนดกรอบแนวคิดของการวิจัยเพ่ือน�ำเสนอแนวทางการ ต้องการพัฒนาของครศู นู ยก์ ารเรยี นชุมชน พัฒนาครูศูนย์การเรียนชุมชน สังกัดส�ำนักงานส่งเสริมการ วัตถปุ ระสงค์ของการวิจัย ศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดอุทัยธานี 1. เพอื่ ศกึ ษาความตอ้ งการพฒั นา ของครศู นู ยก์ ารเรยี น ดงั แสดงในภาพ 1 ชุมชน สังกัดส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการ ศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดอุทยั ธานี ความตอ้ งการพฒั นาของครศู นู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน  แนวทางการพัฒนาครูศูนย์การเรียนชุมชน สงั กดั สำ� นกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและ สงั กดั สำ� นกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อุทยั ธานี และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั อทุ ยั ธานี 1. ด้านการบริหารจัดการ 1.1 เนอื้ หาสาระ 1.2 วิธีการพัฒนา 2. ดา้ นการจดั กระบวนการเรียนรู้ 2.1 เนื้อหาสาระ 2.2 วิธกี ารพัฒนา ภาพ 1 กรอบแนวคิดของการวิจยั 45

ระเบียบวิธีวจิ ยั อัธยาศัยจังหวัดอุทัยธานี ไปยังศูนย์การศึกษานอกระบบและ การวิจัยครั้งน้ีเป็นการวิจัยเชิงพรรณนา เพ่ือน�ำเสนอ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำ� เภอ ในเขตพนื้ ทจ่ี งั หวดั อทุ ยั ธานี เพอ่ื ขอ แนวทางการพฒั นาครศู นู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน สงั กดั สำ� นกั งานสง่ เสรมิ ความอนุเคราะห์จัดเก็บข้อมูลตามแบบสอบถามความต้องการ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั อทุ ยั ธานี พฒั นาครูศูนย์การเรยี นชุมชน ในเดือนมกราคม – กมุ ภาพันธ์ ประชากร 2554 ประชากรทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั ครง้ั นี้ ไดแ้ ก่ ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา 3. ผวู้ จิ ยั ตดิ ตอ่ ขอรบั แบบสอบถามกลบั คนื มาดว้ ยตนเอง และครู สังกัดส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการ และนำ� แบบสอบถามมาตรวจสอบความสมบรู ณ์ จดั ระเบยี บขอ้ มลู ศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั อทุ ยั ธานี ประกอบดว้ ยผบู้ รหิ ารสถาน ลงรหัสข้อมลู ศึกษา จ�ำนวน 9 คน และครูศนู ย์การเรยี นชมุ ชน จ�ำนวน 62 คน 4. ผวู้ จิ ยั นำ� หนังสือจากบัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั รวม จ�ำนวน 71 คน ราชภัฎนครสวรรค์ ขอความรว่ มมือผเู้ ชีย่ วชาญจ�ำนวน 15 คน เครือ่ งมือทีใ่ ช้ในการวจิ ยั รว่ มประชมุ สนทนากลมุ่ ในวนั ท่ี 21 มนี าคม 2554 ณ หอ้ งประชมุ เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั ครง้ั นี้ แบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ คอื นพมาศส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา แบบสอบถามและแบบบันทึกการสนทนากลุ่ม ซ่ึงผู้วิจัยสร้าง ตามอัธยาศัยจังหวัดอุทัยธานี โดยน�ำประเด็นปัญหาท่ีได้จาก ขน้ึ โดยมีรายละเอียด ดงั น้ี การวเิ คราะหข์ อ้ มลู จากแบบสอบถามมาหาแนวทางการพฒั นา 1. แบบสอบถาม แบง่ ออกเป็น 2 ตอน คอื ครูศูนย์การเรียนชุมชนสังกัดส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอก ตอนที่ 1 สอบถามขอ้ มลู ทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจังหวดั อทุ ัยธานี เป็นแบบตรวจสอบรายการ 5. น�ำผลจากการประชุมสนทนากลุ่มของผู้เช่ียวชาญ ตอนที่ 2 สอบถามปญั หาเกย่ี วกบั ความตอ้ งการพฒั นา มาจัดล�ำดับความคิดเห็นที่สอดคล้องกัน เพื่อพรรณนาเชิง ครศู นู ย์การเรยี นชุมชน สงั กัดสำ� นกั งานส่งเสรมิ การ วิเคราะห์ การพัฒนาครูศูนย์การเรียนชุมชนสังกัดส�ำนักงาน ศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั สง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั อทุ ยั ธานี จำ� นวน 2 ดา้ น จำ� นวน 40 ขอ้ คอื ดา้ นการ อทุ ัยธานี บรหิ ารจดั การ จำ� นวน 20 ขอ้ ดา้ นการจดั กระบวนการ การวิเคราะหข์ ้อมลู และสถิติทีใ่ ช้ เรยี นรู้ จ�ำนวน 20 ขอ้ มลี ักษณะคำ� ถามเปน็ แบบ ผู้วิจัยน�ำแบบสอบถามมาตรวจสอบความสมบูรณ์จัด มาตราสว่ นประมาณคา่ 5 ระดบั (Rating scale) มคี า่ ระเบียบข้อมูล ลงรหัสและวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยโปรแกรม ความเทีย่ งเทา่ กับ 0.94 สำ� เร็จรูป โดยใช้สถติ กิ ารวจิ ยั ดงั น้ี 2. แบบบันทกึ การสนทนากลุ่ม เป็นแบบบนั ทกึ ขอ้ มูล 1. วิเคราะห์ข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม โดย จากการประชุมสนทนากลุ่มชนดิ มโี ครงสรา้ ง ใช้วธิ หี าค่ารอ้ ยละ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู 2. วเิ คราะหป์ ญั หาความตอ้ งการพฒั นาของครศู นู ยก์ าร ผวู้ จิ ยั ไดด้ ำ� เนนิ การจดั เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยมขี น้ั ตอน เรียนชุมชน สังกัดส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ ดงั นี้ การศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดอุทัยธานี โดยวิธีการหาค่าเฉล่ีย 1. ผ้วู ิจยั ขอหนังสอื จากบณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั และคา่ ความเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ราชภัฏนครสวรรค์ ถึงส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ 3. การสนทนากลุ่ม น�ำผลจากการประชุมสนทนา และการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดอุทัยธานี เพื่อขออนุญาต กลุ่มของผู้เช่ียวชาญมาจัดล�ำดับความคิดเห็นที่สอดคล้องกัน เก็บขอ้ มูลในพ้นื ที่ เพื่อแนวทางการความต้องการพัฒนาครูศูนย์การเรียนชุมชน 2. ผู้วิจัยน�ำแบบสอบถาม พร้อมหนังสืออนุญาตจาก สงั กดั สำ� นกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตาม ส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อธั ยาศยั จงั หวดั อทุ ยั ธานี ดว้ ยเทคนคิ การพรรณนาเชงิ วเิ คราะห์ 46 วารสาร กศน.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook