Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรโค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต

หลักสูตรโค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต

Published by บางปลาม้า บางยี่หน, 2022-07-10 02:42:03

Description: หลักสูตรโค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต

Search

Read the Text Version

เพ่อื กดดัน ขับไลใ่ หบ้ คุ คลนนั้ หยดุ การกระทำ�ดังกลา่ ว หรือการออกจากตำ�แหนง่ นนั้ ๆ หรือการนำ�ไปสู่ การตรวจสอบและลงโทษโดยกฎหมาย โดยในหัวข้อสุดท้ายของชุดวิชาน้ี ได้นำ�เสนอตัวอย่างที่ได้ แสดงออกถึงความไม่ทนต่อการทุจริตท่ีมีการชุมนุมประท้วง บางเหตุการณ์ผู้ท่ีถูกกล่าวหาได้ลาออก จากต�ำ แหนง่ ซ่งึ การลาออกจากตำ�แหนง่ นั้นถือเปน็ ความรับผิดชอบอยา่ งหนึง่ และเปน็ การแสดงออกถึง ความละอายในสิง่ ท่ตี นเองได้กระท�ำ ๖. ชอ่ งทางและวธิ ีการรอ้ งเรยี นการทุจรติ สามารถร้องเรียนมายังส�ำ นักงาน ป.ป.ช. ได้โดยมีวธิ ีการดงั น้ี ๑) ท�ำ เปน็ หนงั สอื “เรยี น เลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช.” และสง่ ไปทส่ี �ำ นกั งาน ป.ป.ช. เลขท่ี ๓๖๑ ถนนนนทบรุ ี ตำ�บลท่าทราย อำ�เภอเมอื ง จงั หวัดนนทบุรี ๑๑๐๐๐ หรือส่งมาท่ตี ู้ ปณ. ๑๐๐ ถนนพษิ ณุโลก เขตดุสติ กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ หรอื สง่ มาทีส่ ำ�นักงาน ป.ป.ช. ประจำ�จังหวดั ใกลบ้ ้านของทา่ น ๒) กล่าวหาด้วยวาจาโดยตรงต่อเจ้าหน้าที่ของสำ�นักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง หรือ ส�ำ นักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำ จังหวัด เพอื่ ใหเ้ จ้าหนา้ ทีท่ �ำ การบนั ทึกค�ำ กลา่ วหาไว้เป็นพยานหลกั ฐาน ๓) ทางโทรศพั ทห์ มายเลข ๐ ๒๕๒๘ ๔๘๐๐ – ๔๙ หรือสายดว่ น ป.ป.ช. โทร. ๑๒๐๕ ๔) ทางเว็บไซต์ส�ำ นักงาน ป.ป.ช. www.nacc.go.th หวั ขอ้ “ร้องเรียน” โดยในคำ�กลา่ วหา ตอ้ งมีรายละเอยี ด ดงั น้ี ๑) ชื่อ – สกุล ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของผกู้ ลา่ วหา ๒) ช่ือ – สกลุ ต�ำ แหนง่ สังกดั ของผู้ถกู กลา่ วหา ๓) ระบุข้อกลา่ วหาการกระท�ำ ความผดิ ๔) บรรยายการกระท�ำ ความผดิ อย่างละเอียดตามหัวข้อ ดงั นี้ ๔.๑ หากเปน็ การกระท�ำ ความผดิ ตอ่ หนา้ ท่ี การกระท�ำ ความผดิ ตอ่ ต�ำ แหนง่ หนา้ ที่ ราชการ การกระทำ�ความผิดต่อตำ�แหน่งหน้าท่ีในการยุติธรรม จะต้องระบุว่า การกระทำ�ความผิดเกิด ขึ้นเม่ือใด มีข้ันตอนหรือรายละเอียดการกระทำ�ความผิดอย่างไร มีพยานบุคคลรู้เห็นเหตุการณ์หรือไม่ มีเอกสารหลักฐานท่ีเกีย่ วข้องหรือไม่ (ถา้ ไม่สามารถนำ�มาได้ใหร้ ะบวุ ่าใครเป็นผ้เู ก็บรักษา) และในเร่อื งน้ี ได้ร้องเรยี นตอ่ หน่วยงานใดบา้ ง เม่ือใด และผลเปน็ ประการใด ๔.๒ หากเปน็ การกลา่ วหาว่ารำ่�รวยผิดปกติ หรอื มีทรัพยส์ ินเพมิ่ ขน้ึ ผิดปกติ จะ ต้องระบวุ ่า ฐานะเดิมของผู้ถูกกล่าวหา และภรรยาหรือสามี รวมทั้งบิดามารดาของท้ังสองฝ่ายเป็น อย่างไร ผถู้ กู กลา่ วหา และภรรยาหรอื สามี มีอาชพี อนื่ ๆ หรือไม่ ถา้ มีอาชีพอ่ืนแลว้ มรี ายได้มากนอ้ ยเพยี งใด และ ทรพั ย์สนิ ทจี่ ะแสดงให้เห็นว่ารา่ํ รวยผดิ ปกตมิ อี ะไรบ้าง เช่น - บ้าน มจี �ำ นวนก่หี ลงั ตงั้ อย่ทู ่ใี ด (เลขที่บา้ น ถนน ซอย ตำ�บล/แขวง อ�ำ เภอ/ เขต จงั หวดั ) ซื้อเมื่อใด และราคาขณะซอื้ เท่าใด - ท่ีดิน มีจำ�นวนก่ีแปลง ตั้งอยู่ที่ใด (ถนน ซอย ตำ�บล/แขวง อำ�เภอ/เขต จงั หวดั ) ซือ้ เมอ่ื ใด และราคาขณะซือ้ เท่าใด - รถยนต์ มีจำ�นวนกี่คนั ยีห่ อ้ ร่นุ สี หมายเลขทะเบียนรถ ซื้อเมอ่ื ใด จากใคร และราคาขณะซ้อื เท่าใด - มเี งินฝากท่ธี นาคารใด สาขาใด รวมท้งั ทรัพย์สนิ อน่ื ๆ ส�ำ คญั ที่สุด คอื ตอ้ งใหข้ ้อมลู เก่ยี วกับชอื่ – สกลุ ทอี่ ยู่ หมายเลขโทรศพั ท์ ของผูก้ ล่าวหาที่ สามารถตดิ ตอ่ ได้อย่างชดั เจน เพอื่ ประโยชน์ในการติดตอ่ กลบั เพอ่ื ยนื ยันการกล่าวหาร้องเรยี น ขอทราบ หลกั สูตรโค้ชเพื่อการรคู้ ดิ ตา้ นทุจรติ 93

ขอ้ เทจ็ จรงิ เพมิ่ เตมิ ใหช้ ดั เจนจนสามารถด�ำ เนนิ การตอ่ ไปได้ และรายงานผลใหผ้ กู้ ลา่ วหาทราบ ทง้ั นี้ ขอ้ มลู จะถูกเกบ็ เป็นความลับทสี่ ุด ถา้ ไม่ตอ้ งการใหม้ กี ารเปดิ เผยชื่อ กใ็ หบ้ อกด้วยวา่ ใหป้ กปิดชื่อ - ท่ีอยูไ่ ว้ เป็นความลับ ตอนท�ำ ค�ำ สงั่ ไตส่ วนจะไดร้ ะบุไวต้ ามความประสงค์ กรณกี ารรอ้ งเรยี นโดยไมแ่ จง้ ชอื่ – สกลุ จรงิ ถอื วา่ เปน็ “บตั รสนเทห่ ”์ จะตอ้ งระบพุ ยานหลกั ฐาน ใหช้ ัดเจนเพียงพอที่จะด�ำ เนินการไต่สวนข้อเท็จจริงได้ ซงึ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจจะรับไว้พจิ ารณา ทง้ั น้ี ส�ำ นกั งาน ป.ป.ช. จะแจง้ กลบั ไปใหผ้ กู้ ลา่ วหาทราบวา่ รบั เรอื่ งไวพ้ จิ ารณาและแจง้ ผลการ พิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แตห่ ากประสงค์จะตดิ ตามเรอื่ งร้องเรียน กส็ ามารถติดตามได้ทางน้ี ๑) ตดิ ตอ่ ดว้ ยตนเองที่สำ�นักงาน ป.ป.ช. สว่ นกลาง หรือสำ�นักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำ จังหวดั ๒) ทางโทรศพั ทห์ มายเลข ๐ ๒๕๒๘ ๔๘๐๐ – ๔๙ หรอื สายดว่ น ป.ป.ช. โทร. ๑๒๐๕ ๓) ทางเว็บไซต์ www.nacc.go.th หัวข้อ “ติดตามเรื่องร้องเรยี น” ท้ังน้ี โปรดจำ�เลขรับเรื่องจากส�ำ นักงาน ป.ป.ช. /วัน เดือน ปี ทีย่ ืน่ เร่ือง / ชอื่ – สกุล เร่อื ง ของ ผู้ถกู กลา่ วหา นอกจากนี้ ยงั สามารถรอ้ งเรยี นไปยังหนว่ ยงานตา่ งๆ ไดด้ ังน้ี ๑) ศนู ย์บริการประชาชน ส�ำ นักงานปลดั ส�ำ นักนายกรัฐมนตรี (สายดว่ น) ท�ำ เนียบ รัฐบาลหมายเลข ๑๑๑๑ บรกิ ารรบั แจ้งเรอื่ งรอ้ งทุกข์ ตลอด ๒๔ ชัว่ โมง หรอื รบั ร้องเรยี นผ่านทาง โทร. ๐ ๒๒๘๓ ๑๒๗๑ - ๘๔ ๒) ส�ำ นกั งานการตรวจเงินแผน่ ดนิ โทร. ๐ ๒๒๗๑ ๘๐๐๐ ๓) ส�ำ นักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตในภาครัฐ (สำ�นกั งาน ป.ป.ท.) สายดว่ น โทร. ๑๒๐๖ ๔) ศนู ยด์ �ำ รงธรรม กระทรวงมหาดไทย สายดว่ น โทร. ๑๕๖๗ หรอื ศนู ยด์ �ำ รงธรรมจงั หวดั ๕) คณะกรรมการธรรมาภบิ าลจงั หวัด ในแตล่ ะจังหวดั ๖) แจง้ ความ รอ้ งทกุ ข์ กลา่ วโทษตอ่ พนกั งานสอบสวน ณ สถานตี �ำ รวจในเขตอ�ำ นาจ สอบสวน โดยพนกั งานสอบสวนจะสง่ เรอ่ื งทหี่ ากอยใู่ นอ�ำ นาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปยังสำ�นกั งาน ป.ป.ช. เพือ่ ด�ำ เนินการตอ่ ไป ๗. มาตรการคุม้ ครองชว่ ยเหลอื พยาน และการกันบคุ คลไว้เปน็ พยานโดยไมด่ �ำ เนินคดี ๗.๑ มาตรการคุ้มครองช่วยเหลอื พยาน ส�ำ นักงาน ป.ป.ช. ได้ก�ำ หนดให้มีมาตรการคมุ้ ครองช่วยเหลอื พยาน (ตามพระราชบัญญตั ิ ประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๓๑ และระเบยี บ คณะกรรมการ ป.ป.ช. วา่ ดว้ ยการคุ้มครองชว่ ยเหลือพยาน พ.ศ. ๒๕๕๔) - ผูท้ ี่มสี ิทธริ อ้ งขอใหค้ ุม้ ครองชว่ ยเหลอื พยาน สำ�หรับผู้ที่มีสิทธริ อ้ งขอใหค้ ุ้มครองชว่ ยเหลอื พยาน ได้แก่ ผู้กลา่ วหา ผเู้ สียหาย ผทู้ ำ�คำ�ร้อง ผู้ร้องทกุ ขก์ ลา่ วโทษ ผใู้ ห้ถอ้ ยค�ำ หรือผทู้ แ่ี จง้ เบาะแสหรอื ขอ้ มูลเกี่ยวกบั การทุจรติ ตอ่ หน้าที่ การราํ่ รวย ผิดปกติ การตรวจสอบทรัพยส์ นิ และหนี้สนิ หรือข้อมลู อ่นื ทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อการดำ�เนนิ การตาม พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ และกฎหมายอน่ื ทเี่ กยี่ วข้อง รวมถึงสามี ภรยิ า ผูบ้ ุพการี ผูส้ ืบสนั ดานของบุคคลดังกล่าว และผูท้ ีม่ ีความสมั พนั ธ์ใกลช้ ดิ กับบุคคลดงั กลา่ ว - การร้องขอคมุ้ ครองช่วยเหลอื พยาน การรอ้ งขอคมุ้ ครองชว่ ยเหลอื พยานท�ำ ไดโ้ ดยยนื่ ค�ำ รอ้ งตอ่ ส�ำ นกั งาน ป.ป.ช. สว่ นกลาง หรอื สำ�นักงาน ป.ป.ช. ประจำ�จังหวัดด้วยตนเองได้เลย หรือต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพยาน 94 หลกั สูตรโคช้ เพือ่ การรคู้ ดิ ตา้ นทุจรติ

(สำ�นักงานคุ้มครองพยาน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ หรือสำ�นักงานตำ�รวจแห่งชาติ) หากมาด้วย ตนเองไมไ่ ด้ สามารถยืน่ ค�ำ ร้องเป็นหนังสือหรือจดหมาย หรือทางโทรศัพท์ หรอื อาจมอบอำ�นาจให้ผอู้ ่ืน ด�ำ เนินการแทนได้ โดยระบชุ ่ือนามสกลุ ท่ีอยู่ของผรู้ ้องขอ และพฤตกิ ารณท์ แี่ สดงใหเ้ หน็ ว่าอาจไมไ่ ดร้ ับ ความปลอดภัย พรอ้ มทง้ั ลงลายมือชือ่ ๗.๒ การกนั บุคคลไวเ้ ป็นพยานโดยไมด่ �ำ เนนิ คดี สำ�นกั งาน ป.ป.ช. ได้กำ�หนดให้มมี าตรการการกนั บุคคลไว้เปน็ พยานโดยไม่ดำ�เนนิ คดี (ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๓๕ และประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วธิ กี ารและเงื่อนไขในการกันบคุ คล หรอื ผถู้ ูกกล่าวหาไวเ้ ป็นพยานโดยไมด่ ำ�เนนิ คดี พ.ศ. ๒๕๕๔) มีรายละเอียดดังน้ี ผถู้ กู กลา่ วหารายใดทมี่ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั การทจุ รติ รว่ มกบั เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั รายอนื่ และ ยังไม่ไดถ้ กู แจง้ ขอ้ กลา่ วหา คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจเหน็ สมควรกนั ไว้เปน็ พยานโดยไม่ตอ้ งด�ำ เนนิ คดี กไ็ ด้ หากบคุ คลดังกล่าวมีลกั ษณะดงั น้ี ๑) เปน็ ผรู้ เู้ หน็ เหตกุ ารณแ์ ละมสี ว่ นเกย่ี วขอ้ งในการกระท�ำ ความผดิ กบั เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั รายอ่ืนท่ีอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือการแสวงหาข้อเท็จจริงและ รวบรวมพยานหลักฐานก่อนการไต่สวนข้อเท็จจริง หรืออยู่ระหว่างการไต่สวน ขอ้ เทจ็ จรงิ ๒) เปน็ ผใู้ หถ้ อ้ ยค�ำ ทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ การตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื การแสวงหา ขอ้ เทจ็ จรงิ และรวบรวมพยานหลกั ฐาน หรอื การไตส่ วนขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ใหถ้ อ้ ยค�ำ หรือแจ้งเบาะแส หรอื ขอ้ มลู ทเ่ี ปน็ สาระสำ�คญั จนสามารถใชเ้ ป็นพยานหลกั ฐาน ในการวนิ ิจฉยั ชี้มลู ความผิดเจ้าหนา้ ทขี่ องรฐั รายอื่นท่เี ปน็ ตัวการสำ�คญั ๓) เต็มใจท่ีจะให้ถ้อยคำ�หรือแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลตามข้อ ๒ พร้อมกับรับรองว่า จะไปเบิกความเปน็ พยานในช้นั ศาลตามทใี่ หก้ ารหรือใหถ้ ้อยคำ�ไว้ - การร้องขอใหก้ ันตนเองไว้เป็นพยานในคดี สามารถมีคำ�ขอด้วยวาจาหรือทำ�เป็นหนังสือยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอกัน ตนเองไวเ้ ปน็ พยานในคดนี นั้ นบั แตว่ นั ทไ่ี ดท้ ราบเหตแุ หง่ การกลา่ วหา ซง่ึ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะพจิ ารณา ค�ำ ขอโดยค�ำ นึงถึงเหตดุ งั ตอ่ ไปน้ี ๑) หากไมก่ นั บคุ คลหรอื ผถู้ กู กลา่ วหาคนใดคนหนง่ึ เปน็ พยานแลว้ พยานหลกั ฐานที่ มอี ยอู่ าจไมเ่ พยี งพอและไมอ่ าจแสวงหาพยานหลกั ฐานอนื่ แทนเพอ่ื ใหเ้ พยี งพอ ในการด�ำ เนินคดีกบั ผ้ถู กู กลา่ วหารายอืน่ ท่ีเปน็ ตัวการสำ�คัญ ๒) บุคคลนั้นจะตอ้ งเบิกความตามท่ใี หก้ ารไว้ เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้กันบุคคลหรือผู้ถูกกล่าวหานั้นไว้เป็นพยานแล้ว ถือว่า บุคคลดังกล่าวอยู่ในฐานะพยานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในคดีน้ัน และอาจได้รับการคุ้มครองช่วย เหลอื ตามกฎหมายต่อไป ๗.๓ กฎ ก.พ. วาดวยหลักเกณฑและวิธีการการใหบําเหน็จความชอบ การกันเปนพยาน การลดโทษ และการใหความคุมครองพยาน พ.ศ.๒๕๕๓ ขอ ๓ ขาราชการพลเรอื นสามญั ผใู ดใหข อ มลู ตอ ผบู งั คบั บญั ชาหรอื ใหถ อ ยคําในฐานะพยาน ตอ ผมู หี นาทสี่ บื สวนสอบสวนหรอื ตรวจสอบตามกฎหมายหรอื ระเบยี บของทางราชการ อนั เปน ประโยชน และเปน ผลดยี งิ่ ตอ ทางราชการ ใหถ อื วาผนู น้ั ปฏบิ ตั หิ นาทร่ี าชการ ซง่ึ ไดร บั ความคมุ ครองพยานและอาจ ไดรับบําเหน็จความชอบเปนกรณีพิเศษ ตามกฎ ก.พ. นี้ หลักสูตรโค้ชเพอื่ การร้คู ิดตา้ นทุจริต 95

ขอ มลู หรอื ถอ ยคําตามวรรคหนงึ่ จะถอื วาเปน ประโยชนแ ละเปน ผลดยี ง่ิ ตอ ทางราชการตอ เมอ่ื เปนปจจัยสําคัญท่ีทําใหดําเนินการทางวินัยได หรือเปนปจจัยสําคัญท่ีทําใหลงโทษทางวินัยแกผูกระทํา ความผิดได และมีผลทําใหสามารถประหยัดงบประมาณแผนดินเปนอยางมากหรือมีผลทําใหสามารถ รักษาไวซง่ึ ระบบบริหารราชการทด่ี ีโดยรวมได ในกรณที ข่ี าราชการผนู น้ั เปน ผกู ระทําผดิ วนิ ยั นนั้ เสยี เองหรอื อาจจะถกู กลาวหาวามสี ว นรว ม ในการกระทําผิดวนิ ัยนัน้ ดว ย ไมใ หไ ดร บั บําเหนจ็ ความชอบเปนกรณีพเิ ศษตามขอ นี้ ขอ ๔ ขาราชการพลเรอื นสามัญผทู อ่ี าจจะถูกกลาวหาวามีสว นรว มในการกระทําผดิ วนิ ัย กบั ขาราชการอนื่ ถาไดใ หข อ มลู ตอ ผบู งั คบั บญั ชา หรอื ใหถ้ อ ยคําเกยี่ วกบั การกระทําผดิ วนิ ยั ทไี่ ดก ระทํามา ตอ บคุ คลหรอื คณะบคุ คลทมี่ หี นาทสี่ บื สวนสอบสวนหรอื ตรวจสอบตามกฎหมายหรอื ระเบยี บของ ทางราชการ และขอ มลู หรอื ถอ ยคํานนั้ เปน ปจ จยั สําคญั จนเปน เหตใุ หม กี ารสอบสวนทางวนิ ยั แกผ เู ปน ตน เหตุ แหงการกระทําผดิ อาจไดรับการกนั เปน พยาน การลดโทษ หรอื การใหความคมุ ครองพยานตามกฎ ก.พ. นี ้ ขอ ๕ การใหขอมูลหรือใหถ อยคําตามขอ ๓ หรือขอ ๔ ทีจ่ ะไดรับประโยชนตามกฎ ก.พ. น้ี จะตอ งเปน ความเช่ือโดยสจุ ริตวามีการกระทําผิดวนิ ัยหรอื เปนไปตามทีต่ นเองเชื่อวาเปนความจรงิ และ ไมมีการกลับถอยคํานั้นในภายหลัง การใหขอมูลหรือถอยคําตามวรรคหนึ่ง ไมถือเปนการเปดเผยความลับของทางราชการ และไมเปน การกระทําการขามผบู ังคับบัญชาเหนือตน ขอ ๖ ผบู งั คบั บัญชาตามลําดบั ชั้นท่ีไดรับขอ มลู มหี นาที่รายงานใหผูบงั คบั บญั ชาซ่งึ เปน ผมู อี ำ�นาจส่งั บรรจุและแตงตัง้ เพือ่ ทราบและพจิ ารณาดําเนนิ การตอไป ขอ ๗ ผบู งั คบั บญั ชาตามลําดบั ชนั้ และผมู อี ํานาจสง่ั บรรจแุ ละแตง ตง้ั มหี นาทใ่ี หค วามคมุ ครองพยาน ดังตอ ไปน้ี (๑) ไมเ ปด เผยชอื่ หรอื ขอ มลู ใด ๆ ทจี่ ะทําใหท ราบวาผใู ดเปน ผใู หข อ มลู หรอื ใหถ อ ยคํา (๒) ไมใ ชอ ํานาจไมว าในทางใดหรอื กระทําการอน่ื ใดอนั เปน การกลนั่ แกลง หรอื ไมเ ปน ธรรม ซ่ึงอาจมผี ลทําใหกระทบสทิ ธหิ รือหนาที่ของผูนัน้ ในทางเสียหาย (๓) ใหความคุมครองมิใหผูน้ันถูกกล่ันแกลงหรือถูกขมขูเพราะเหตุท่ีมีการใหขอมูล หรือถอยคํา (๔) ประสานงานกับพนักงานอัยการเพ่ือเปนทนายแกตางคดีใหถาผูน้ันถูกฟองเปน คดีตอศาล ในกรณที พ่ี ยานผใู ดรอ งขอเปน หนงั สอื ผมู อี ํานาจสงั่ บรรจแุ ละแตง ตง้ั จะพจิ ารณายายผนู นั้ หรอื พจิ ารณาดําเนนิ การอน่ื ใดทเี่ หน็ วาจําเปน เพอ่ื ใหผ นู นั้ ไดร บั ความคมุ ครอง โดยไมต อ งไดร บั ความยนิ ยอมหรอื เหน็ ชอบจากผบู งั คบั บญั ชาของผนู น้ั และไมต อ งปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนหรอื กระบวนการตามทก่ี ฎหมาย บญั ญตั ไิ วก็ได ขอ ๘ พยานผใู ดเหน็ วาผูบงั คับบญั ชาตามลําดบั ช้ันยังไมไ ดใ หการคุมครองตามขอ ๗ หรอื การใหการคุมครองดังกลาวยังไมเพียงพอ อาจยื่นคํารองเปนหนังสือตอผูมีอํานาจสั่งบรรจุ และแตงต้ัง เพ่ือพจิ ารณาดําเนินการ ขอ ๙ เมื่อผูม ีอํานาจสัง่ บรรจุและแตง ตัง้ ไดรบั คํารอ งตามขอ ๘ แลว หากมมี ลู นาเชื่อวา เปน ไปตามทพ่ี ยานกลาวอาง ใหผ มู อี ํานาจสงั่ บรรจแุ ละแตง ตง้ั ดําเนนิ การใหค วามคมุ ครองพยานในโอกาสแรก ทส่ี ามารถกระทําได ขอ ๑๐ พยานผูใดเหน็ วาผมู ีอํานาจส่ังบรรจุและแตงตงั้ ยงั ไมไดใหก ารคุมครองตามหมวดน้ี หรอื การใหก ารคุมครองดงั กลาวยงั ไมเ พียงพอ อาจยืน่ คํารอ งเปน หนังสอื ตอ สํานักงาน ก.พ. ได 96 หลกั สตู รโคช้ เพ่ือการรู้คดิ ต้านทุจริต

ขอ ๑๑ เม่อื สํานักงาน ก.พ. ไดร บั คํารอ งตามขอ ๑๐ แลว หากมีมูลนาเชื่อวาเปนไปตามที่ พยานกลาวอางใหส ํานกั งาน ก.พ. ดําเนนิ การใหม กี ารยายหรอื โอน หรอื ดําเนนิ การอน่ื ใดตามท่ี เหน็ สมควร เพื่อใหผูนั้นไดรับความคุมครอง โดยไมตองไดรับความยินยอมหรือเห็นชอบจากผูมีอํานาจสั่งบรรจุและ แตง ต้ังกอ น หรอื ไมต องปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนหรอื กระบวนการตามที่กฎหมายกําหนด ในกรณที ผี่ มู อี ํานาจสง่ั บรรจแุ ละแตง ตง้ั ไมด ําเนนิ การตามทส่ี ํานกั งาน ก.พ. กําหนด ตามวรรคหนงึ่ หรอื ในกรณีท่เี หน็ สมควร ใหส ํานักงาน ก.พ. เสนอ ก.พ. เพ่ือพิจารณาดําเนินการตามมาตรา ๙ ตอ ไป ขอ ๑๒ การใหค วามคมุ ครองพยานตามหมวดน้ี ใหพ จิ ารณาดําเนนิ การในโอกาสแรกทส่ี ามารถ กระทําได และใหเร่มิ ตง้ั แตมกี ารใหขอมูลหรอื ใหถอยคําตามขอ ๓ หรือขอ ๔ แลว แตกรณี จนกวา จะมกี ารส่งั ยุติเรอื่ งหรือการดําเนินการทางวินัยตามกฎหมายนแ้ี กผ เู ปน ตนเหตเุ สร็จสิน้ ขอ ๑๓ กอนมีการแจงเรื่องกลาวหาวาขาราชการพลเรือนสามัญผูใดกระทําผิดวินัย ถาผูใหข อ มูลหรือใหถ อยคําตามขอ ๔ ไมใชผเู ปนตน เหตุแหง การกระทําผิดวนิ ยั ในเร่ืองน้ัน และเปน กรณี ท่ีไมอาจแสวงหาขอมูลหรือพยานหลักฐานอ่ืนใดเพื่อดําเนินการทางวินัยแกผูเปนตนเหตุแหงการกระทํา ความผดิ วนิ ยั ในเรอื่ งนนั้ ไดน อกจากจะไดข อ มลู หรอื พยานหลกั ฐานจากผนู น้ั ผมู อี ํานาจสง่ั บรรจแุ ละ แตง ตัง้ อาจกันผนู นั้ เปนพยานได้ ขอ ๑๔ ในกรณที ผ่ี ทู ถ่ี กู กันเปน พยานตามขอ ๑๓ ไมม าใหถอยคําตอ บคุ คลหรือคณะบุคคล ผมู หี นาทส่ี บื สวนสอบสวนหรอื ตรวจสอบตามกฎหมายหรอื ระเบยี บของทางราชการ หรอื มาแตไ มใ หถ อ ยคํา หรือใหถ อ ยคําแตไ มเ ปน ประโยชนต อการดําเนินการ หรือใหถ อ ยคําอนั เปนเท็จ หรือกลบั คําใหก าร ใหก ารกันผูนนั้ ไวเปนพยานเปน อันส้ินสดุ ลง ขอ ๑๕ ใหผ บู งั คบั บญั ชาผมู อี ํานาจสงั่ บรรจแุ ละแตง ตง้ั แจง เรอื่ งการกนั ขาราชการพลเรอื นสามญั ตามขอ ๑๓ ไวเปนพยาน หรือการส้ินสุดการกันเปนพยานตามขอ ๑๔ ใหบุคคลหรือคณะบุคคล ที่มีหนาที่ สืบสวนสอบสวนหรอื ตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบยี บของทางราชการและขาราชการผูน นั้ ทราบ ขอ ๑๖ ขาราชการพลเรอื นสามญั ผูใ หข อ มูลหรือใหถ อ ยคําตามขอ ๔ ผใู ดไดใหขอมลู หรือ ใหถอยคําท่ีสําคัญจนเปนเหตุใหลงโทษทางวินัยแกผูเปนตนเหตุแหงการกระทําผิดได และผูน้ันตองถูก ลงโทษทางวินัยเพราะเหตุท่ีไดรวมกระทําผิดวินัยน้ันดวย ถาผูมีอํานาจสั่งบรรจุและแตงต้ังพิจารณา เห็นวาผูน้ันมิไดเปนตนเหตุแหงการกระทําความผิดวินัยน้ัน หรือไดรวมกระทําความผิดวินัยไปเพราะ ตกอยูในอํานาจบังคับ หรอื กระทําไปโดยรูเทาไมถ งึ การณ ผมู อี ํานาจสงั่ บรรจุและแตงตัง้ อาจพจิ ารณาลดโทษ ใหผูน น้ั ตํ่ากวาโทษท่คี วรไดร ับจรงิ ได แตทงั้ นี้ตอ งไมต่ำ�กวาการลดโทษที่อาจกระทําไดต ามท่ีกฎหมายกําหนด ขอ ๑๗ ผูมีอํานาจสั่งบรรจุและแตงต้ังอาจพิจารณาใหบําเหน็จความชอบเปนกรณีพิเศษ แกผ ูใหข อ มูลหรือถอ ยคําตามขอ ๓ ไดดังนี ้ (๑) ใหถือวาการใหขอมูลหรือใหถอยคําน้ันเปนขอควรพิจารณาอ่ืนตามกฎ ก.พ. วาดว ยการเลอ่ื นเงนิ เดอื นทผ่ี บู งั คบั บญั ชาตอ งนําไปใชเ ปน ขอ มลู ประกอบในการ พจิ ารณาเลือ่ นเงนิ เดอื น (๒) เครอ่ื งหมายทเี่ ห็นสมควรเพ่อื เปน เครอื่ งเชดิ ชเู กยี รติ (๓) รางวัล (๔) คําชมเชยเปน หนังสือ ขอ ๑๘ ใหผ มู อี ํานาจสง่ั บรรจแุ ละแตง ตง้ั พจิ ารณาใหบ ําเหนจ็ ความชอบเปน กรณพี เิ ศษตาม ขอ ๑๗ แกผ ใู หข อ มลู หรอื ใหถ อ ยคําตามขอ ๓ ตามระดบั ความมากนอ ยของประโยชนแ ละผลดยี ง่ิ ตอ ทาง ราชการท่ีไดร ับจากการใหข อมูลหรือถอยคําน้ัน หลักสูตรโค้ชเพอ่ื การร้คู ิดต้านทจุ รติ 97

บรรณานุกรม กรมสรรพากร. (๒๕๕๙). คู่มอื การป้องกันผลประโยชน์ทับซอ้ น. กรงุ เทพฯ: กรมสรรพากร. ดชั นชี ้ีวดั ภาพลักษณค์ อร์รปั ชันโลก ปี ๒๕๕๙ คะแนนไทยร่วงจาก ๓๘ เป็น ๓๕ อนั ดบั ตกจาก ๗๖ เป็น ๑๐๑ จาก ๑๗๖ ประเทศ. (๒๕๖๐). สบื คน้ เม่ือ ๑๕ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๐, จาก http:// thaipublica.org/1017/01/corruption-perceptions-index-2016-thailand/ พระราชบญั ญัติประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๖๑. (ม.ป.ป.). ม.ป.ท.: ม.ป.พ. ยุทธศาสตร์ชาตวิ ่าดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต. สืบคน้ เม่ือ ๑๖ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๐, จาก https://www.nacc.go.th/ more_news.php?cid=36 สังศติ พิริยะรังสรรค์ และคณะ. (๒๕๕๙). โครงการสง่ เสริมและสนับสนุนมาตรการลงโทษทางสังคม. ทนุ สนับสนนุ การวจิ ัยจากสำ�นกั งานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ.). ม.ป.ท.: ม.ป.พ. สงั ศติ พริ ยิ ะรงั สรรค์ Social Sanction. วารสารสงั คมศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์ ปที ่ี ๔๖ ฉบบั ที่ ๒ กรกฎาคม - ธนั วาคม ๒๕๕๙. หน้าท่ี ๖๕ เสาวนยี ์ ไทยรงุ่ โรจน์ และคณะ. (๒๕๕๓). โครงการประเมนิ ดา้ นสถานการณด์ า้ นการทจุ รติ ในประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร : คณะอนุกรรมการฝ่ายวิจยั สำ�นกั งานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปราม การทุจริตแหง่ ชาติ ส�ำ นักงานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาต.ิ (๒๕๕๘). เปิดแฟ้ม ๑๐ คดีทจุ ริต บทเรียนราคาแพงของคนไทย. กรุงเทพมหานคร : อมรินพร้นิ ติ้งแอนด์พับลชิ ชง่ิ ส�ำ นกั งานปลดั กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม. (ม.ป.ป.) คมู่ ือการปอ้ งกนั ผลประโยชน์ ทบั ซ้อน. กรุงเทพฯ: ส�ำ นกั งานปลดั กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม. ส�ำ นกั งานปลดั กระทรวงพาณชิ ย.์ (๒๕๕๙). คมู่ อื การปอ้ งกนั ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น. กรงุ เทพฯ: ส�ำ นกั งาน ปลัดกระทรวงพาณชิ ย.์ ส�ำ นกั งานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (๒๕๕๙). ค่มู อื การปอ้ งกันผลประโยชน์ทับซอ้ น. กรุงเทพฯ: สำ�นกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสุข. ส�ำ นกั งานปลดั ส�ำ นกั นายกรฐั มนตร.ี (๒๕๖๐). คมู่ อื ปอ้ งกนั ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น. กรงุ เทพฯ: ศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ าร ต่อต้านการทจุ รติ (ศปท.). หอการคา้ ไทยเผยดชั นคี อรร์ ปั ชนั ม.ิ ย. ปรบั ตวั ลด. สบื คน้ เมอื่ ๑๕ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๐, จากhttp://www. thairath.co.th/content/661992 Radcliffe-Brown, A.R. (1952). Structure and function in primitive society. Illinois: The free Press. 98 หลักสูตรโค้ชเพือ่ การรู้คดิ ตา้ นทจุ ริต

สว่ นท่ี ๒ เรือ่ ง การเรียนรูด้ ้านการป้องกันการทจุ ริต หลกั สตู รโคช้ เพอ่ื การรู้คดิ ตา้ นทุจริต เวลา ๓ ชวั่ โมง วิชาท่ี ๒.๓ เร่ือง การประยุกตห์ ลกั ความพอเพียงดว้ ยโมเดล STRONG : จิตพอเพียงต้านทจุ ริต เรือ่ ง การประยกุ ตห์ ลักความพอเพยี งด้วยโมเดล STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทจุ ริต สาระส�ำ คัญ วชิ านเ้ี ปน็ การเรยี นรู้เกย่ี วกับทมี่ า ความหมายของโมเดล STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทุจริต การนำ�โมเดล STRONG : จิตพอเพียงต้านทจุ ริต ไปประยกุ ตใ์ นบรบิ ทต่าง ๆ เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นสามารถนำ�ไป ถา่ ยทอดไดอ้ ยา่ งถกู ต้องและนำ�ไปปรบั ใชไ้ ดอ้ ย่างเหมาะสมกับผเู้ ขา้ รับการฝกึ อบรม วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพอ่ื เสรมิ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจ การน�ำ ไปใช้ การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และการประเมนิ เกยี่ วกบั การประยกุ ตห์ ลกั ความพอเพยี งด้วยโมเดล STRONG : จิตพอเพยี งตา้ นทจุ ริต ๒. เพื่อสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้อย่างถูกต้องในเร่ืองการประยุกต์หลักความพอเพียงด้วย โมเดล STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทจุ รติ ให้ผเู้ รียนนำ�ไปปรับใช้ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั ผ้เู ข้ารบั การฝึกอบรม ขอบเขตเน้อื หา ๑. ต้นแบบความพอเพียง (ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง) ๒. STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทจุ ริต วธิ ีการฝึกอบรม การอภปิ ราย กรณีโครงการ STRONG การบรรยาย สอื่ การเรยี นรู้ PowerPoint สารคดี หรอื สอ่ื อน่ื ๆ ทีเ่ หมาะสม การวดั และประเมินผล การทดสอบเน้อื หา (๒๐ คะแนน) หลักสูตรโค้ชเพ่อื การร้คู ิดต้านทุจริต 99

สว่ นที่ ๒ เวลา ๓ ชั่วโมง เรื่อง การเรียนรู้ด้านการปอ้ งกันการทจุ รติ เนือ้ หาโดยสังเขป วิชาที่ ๒.๓ เรื่อง การประยกุ ต์หลกั ความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทจุ ริต ๑. ต้นแบบความพอเพยี ง (ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง) เม่อื วันท่ี ๙ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๔๘๙ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดชได้ เสด็จขึน้ เถลงิ ถวัลยราชสมบตั ิ และเมื่อวนั ท่ี ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ณ พระที่นง่ั ไพศาลทกั ษณิ พระราชพิธี บรมราชาภิเษกในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นเวลา ๗๐ ปี ท่ีพระบาท สมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชทรงครองราชย์ ทรงมพี ระราชปณธิ าณทจ่ี ะใหป้ ระชาชนชาวไทย ได้ประโยชน์และความสุขของอย่างทั่วถึงกันท้ังประเทศ โดย “คน” เป็นศูนย์กลางในการพัฒนา และ ทรงพระวิรยิ ะอุตสาหะท่จี ะขจัดปัญหาตา่ ง ๆ อาทิ ปญั หาด้านเศรษฐกิจ เกษตรกรรม สงั คม การศึกษา เปน็ ตน้ เพอ่ื ยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ ของประชาชนชาวไทยสามารถพงึ่ พาตนเองอยา่ งมนั่ คงและยง่ั ยนื ตอ่ ไป พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระราชทานแนวพระราชดำ�ริหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จากพระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ วนั พฤหัสบดที ่ี ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗ โดยมใี จความตอนหนง่ึ ว่า “...การพฒั นาประเทศ จ�ำ เปน็ ตอ้ งท�ำ ตามล�ำ ดบั ขน้ั ตอ้ งสรา้ งพนื้ ฐาน คอื ความพอมพี อกนิ พอใชข้ องประชาชนสว่ นใหญเ่ ปน็ เบอ้ื งตน้ ก่อน โดยใช้วิธีการและใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พ้ืนฐานม่ันคงพร้อมพอควร และปฏบิ ตั ไิ ดแ้ ลว้ จงึ คอ่ ยสรา้ งคอ่ ยเสรมิ ความเจรญิ และฐานะเศรษฐกจิ ขน้ั ทส่ี งู ขน้ึ โดยล�ำ ดบั ตอ่ ไป หากมุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญยกเศรษฐกจิ ขนึ้ ให้รวดเรว็ แตป่ ระการเดยี ว โดยไมใ่ ห้แผนปฏิบตั กิ าร สมั พนั ธก์ บั สภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคลอ้ งดว้ ย กจ็ ะเกดิ ความไมส่ มดลุ ในเรอ่ื งตา่ งๆ ขนึ้ ซงึ่ อาจกลายเปน็ ความยงุ่ ยากลม้ เหลวไดใ้ นทส่ี ดุ ดงั เหน็ ไดท้ อ่ี ารยประเทศหลายประเทศก�ำ ลงั ประสบปญั หา ทางเศรษฐกจิ อยา่ งรนุ แรงอยใู่ นเวลาน.ี้ ..” ซง่ึ เปน็ แนวพระราชด�ำ รทิ พี่ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชพระราชทานแก่ราษฎร มานานกว่า ๔๐ ปี เพือ่ ให้ราษฎรสามารถดำ�รงชวี ติ ดว้ ย การพงึ พาตนเอง มีสติอยู่อย่างประมาณตนสามารถด�ำ รงชีพปกติสขุ อยา่ งมั่นคงและยั่งยนื เมือ่ วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๙ องคก์ ารสหประชาชาติ (United Nations : UN) โดย นายโคฟี อนั นนั เลขาธกิ ารองคก์ ารสหประชาชาตไิ ดท้ ลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ ม ถวายรางวลั ความส�ำ เรจ็ สงู สดุ ด้านการพัฒนามนษุ ยข์ องโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาต(ิ The Human Development Lifetime Achievement Award) เพื่อเทดิ พระเกียรตเิ ปน็ กรณีพเิ ศษ ในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบตั ิ ครบ ๖๐ ปี โดยนายโคฟี อนั นนั ไดก้ ลา่ วสดุ ดพี ระเกยี รตคิ ณุ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ย เดช และกล่าวถงึ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงวา่ เปน็ หลกั การทม่ี ุ่งเนน้ การกล่ันกรองในการบริโภคเนน้ 100 หลกั สตู รโคช้ เพอ่ื การร้คู ดิ ต้านทจุ ริต

ความพอประมาณและการมภี มู คิ มุ้ กนั ในตวั สามารถตา้ นทานผลกระทบจากกระแสโลกาภวิ ตั น ์ “ทางสายกลาง” จงึ เปน็ การตอกยา้ํ แนวทางทส่ี หประชาชาตทิ ม่ี งุ่ เนน้ คนเปน็ ศนู ยก์ ลางการพฒั นาเพอื่ คณุ ภาพชวี ติ ทด่ี แี ละ ยงั่ ยืน ตอ่ มาในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ สำ�นกั งานโครงการพัฒนาแหง่ สหประชาชาตปิ ระจ�ำ ประเทศไทย (United Nations Development Programme : UNDP) ไดก้ ลา่ วถงึ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยจัดพมิ พ์ ในรายงานประจำ�ปี ๒๐๐๗ เพื่อเผยแพร่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปยังประเทศสมาชิกกว่า ๑๕๐ ประเทศทัว่ โลก ๒. โมเดล STRONG : จติ พอเพียงต้านทจุ รติ ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) ไดม้ กี ารวเิ คราะหภ์ าพอนาคตของประชาชนและสงั คมไทยในระยะ ๕ ปขี า้ งหนา้ ไวว้ า่ หากยทุ ธศาสตรช์ าตฯิ ไดร้ บั ความรว่ มมอื รว่ มใจจากทกุ ภาคสว่ นของสงั คมไทยในการน�ำ ไปปฏบิ ตั จิ รงิ ประชาชนไทยจะมี ความตนื่ ตวั ตอ่ การทจุ รติ มากขน้ึ มกี ารใหค้ วามสนใจตอ่ ขา่ วสารและตระหนกั ถงึ ผลกระทบของการทจุ รติ ที่มีต่อประเทศมากข้ึน มีการแสดงออกซึ่งการต่อต้านการทุจริตท้ังในชีวิตประจำ�วันและการแสดงออก ผา่ นสอื่ สาธารณะและส่ือสงั คมออนไลน์ตา่ ง ๆ ประชาชนในแต่ละชว่ งวัยไดร้ บั กระบวนการกลอ่ มเกลา ทางสงั คมวา่ การทจุ รติ ถอื เปน็ พฤตกิ รรมทน่ี อกจากจะผดิ กฎหมายและท�ำ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายตอ่ ประเทศแลว้ ยังเป็นพฤติกรรมท่ีผิดจริยธรรม ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม ประชาชนจะเร่ิมเรียนรู้การปรับเปล่ียน ฐานความคดิ ทที่ �ำ ใหส้ ามารถแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ วฒั นธรรม ทางสงั คมทม่ี ฐี านอยบู่ นหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งจะหลอ่ หลอมใหป้ ระชาชนไมก่ ระท�ำ การทจุ รติ เน่ืองจากมีพ้ืนฐานจิตที่พอเพียง มีความละอายต่อการทุจริตประพฤติมิชอบ และไม่ยอมให้ผู้อ่ืนกระทำ� การทุจรติ อนั ส่งผลให้เกิดความเสยี หายต่อสังคมสว่ นรวม เพอื่ ใหภ้ าพอนาคตดงั กลา่ วสามารถบรรลผุ ลไดจ้ รงิ หนว่ ยงานทกุ ภาคสว่ นตอ้ งใหค้ วามส�ำ คญั อยา่ งแทจ้ รงิ กบั การปรบั ประยกุ ตห์ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชป้ ระกอบกบั หลกั การตอ่ ตา้ น การทจุ รติ อน่ื ๆ เพอื่ สรา้ งฐานคดิ จติ พอเพยี งตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ใหเ้ กดิ ขน้ึ เปน็ พนื้ ฐานความคดิ ของปจั เจกบคุ คล โดยประยกุ ตห์ ลกั “STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทจุ รติ ” ซงึ่ คดิ คน้ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.มาณี ไชยธรี านวุ ฒั ศริ ิ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ มาเปน็ แนวทางในการพัฒนาวัฒนธรรมหน่วยงาน หลักสูตรโคช้ เพือ่ การรู้คดิ ต้านทุจรติ 101

คำ�อธิบายความหมายของ “STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทจุ รติ ” ๑) S (Sufficient) : ความพอเพยี ง ผู้นำ� ผูบ้ ริหาร บุคคลทกุ ระดับ องคก์ รและชมุ ชน นอ้ มน�ำ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาปรบั ประยกุ ตเ์ ปน็ หลกั ความพอเพยี งในการท�ำ งาน การด�ำ รงชวี ติ การพฒั นาตนเองและสว่ นรวม รวมถงึ การปอ้ งกนั การทจุ รติ อยา่ งยงั่ ยนื ความพอเพยี งตอ่ สง่ิ ใดสงิ่ หนง่ึ ของมนุษย์แม้ว่าจะแตกต่างกันตามพื้นฐาน แต่การตัดสินใจว่าความพอเพียงของตนเองต้องตั้งอยู่บน ความมเี หตมุ ผี ลรวมทงั้ ตอ้ งไมเ่ บยี ดเบยี นตนเอง ผอู้ น่ื และสว่ นรวมความพอเพยี งดงั กลา่ วจงึ เปน็ ภมู คิ มุ้ กนั ให้บคุ คลน้นั ไมก่ ระท�ำ การทุจรติ ซง่ึ ตอ้ งใหค้ วามร้คู วามเข้าใจ (knowledge) และปลุกให้ตน่ื รู้ (realize) ๒) T (Transparent) : ความโปร่งใส ผนู้ �ำ ผู้บริหาร บคุ คลทุกระดับ องคก์ รและชมุ ชน ตอ้ งปฏบิ ตั งิ านบนฐานของความโปรง่ ใส ตรวจสอบได้ ดงั นน้ั จงึ ตอ้ งมแี ละปฏบิ ตั ติ ามหลกั ปฏบิ ตั ิ ระเบยี บ ขอ้ ปฏบิ ตั ิ กฎหมาย ดา้ นความโปรง่ ใส ซงึ่ ตอ้ งใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจ (knowledge) และปลกุ ใหต้ นื่ รู้ (realize) ๓) R (Realise) : ความต่ืนรู้ ผูน้ ำ� ผู้บริหาร บคุ คลทุกระดบั องคก์ รและชุมชน มีความรู้ความเข้าใจและตระหนักรู้ถึงรากเหง้าของปัญหาและภัยร้ายแรงของการทุจริตประพฤติมิชอบ ภายในชุมชนและประเทศ ความต่ืนรู้จะบังเกิดเมื่อได้พบเห็นสถานการณ์ที่เส่ียงต่อการทุจริต ย่อมจะมี ปฏกิ ริ ยิ าเฝา้ ระวงั และไมย่ นิ ยอมตอ่ การทจุ รติ ในทส่ี ดุ ซงึ่ ตอ้ งใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจ (knowledge) เกย่ี วกบั สถานการณ์การทจุ รติ ท่ีเกิดข้ึน ความรา้ ยแรงและผลกระทบต่อระดบั บคุ คลและส่วนรวม ๔) O (Onward) : มงุ่ ไปข้างหน้า ผ้นู �ำ ผู้บรหิ าร บคุ คลทกุ ระดบั องคก์ รและชุมชน มุ่งพัฒนาและปรับเปล่ียนตนเองและส่วนรวมให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน บนฐานความโปร่งใส ความพอเพยี งและรว่ มสรา้ งวฒั นธรรมสจุ รติ ใหเ้ กดิ ขน้ึ อยา่ งไมย่ อ่ ทอ้ ซงึ่ ตอ้ งมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (knowledge) ในประเดน็ ดงั กล่าว 102 หลกั สตู รโคช้ เพอ่ื การรู้คดิ ต้านทุจรติ

๕) N (Knowledge) : ความร้ ู ผู้น�ำ ผู้บริหาร บคุ คลทุกระดบั องค์กรและชมุ ชน ตอ้ งมี ความรู้ความเข้าใจสามารถน�ำ ความรู้ไปใช้ สามารถวิเคราะหึรรท่ ่ื สงั เคราะห์ ประเมินได้อย่างถ่องแท้ ในเรื่อง สถานการณก์ ารทจุ รติ ผลกระทบทมี่ ตี อ่ ตนเองและสว่ นรวม ความพอเพยี งตา้ นทจุ รติ การแยกแยะผลประโยชน์ ส่วนตวั และผลประโยชน์ส่วนรวมทมี่ ีความสำ�คญั ย่ิงต่อการลดการทุจรติ ในระยะยาว รวมทงั้ ความอายไมก่ ลา้ ท�ำ ทจุ รติ และความไม่ทนเมอื่ พบเห็นวา่ มีการทจุ ริตเกิดข้นึ เพื่อสร้างสังคมไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ๖) G (generosity) : ความเอื้ออาทร คนไทยมคี วามเออ้ื อาทร มีเมตตา นํ้าใจ ตอ่ กัน บนฐานของจิตพอเพยี งต้านทจุ ริต ไม่เอื้อตอ่ การรบั หรอื การให้ผลประโยชน์หรือตอ่ พวกพ้อง หลกั สตู รโคช้ เพื่อการรู้คิดต้านทจุ ริต 103

ความพอเพยี ง พระราชดำ�รัสพระราชทานแก่บุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคลเน่ืองในโอกาสวันเฉลิม พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลยั สวนจิตรลดาฯ พระราชวงั ดุสิต วันศุกรท์ ่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑ “...ค�ำ วา่ พอเพยี ง มคี วามหมายกวา้ งออกไปอกี ไมไ่ ดห้ มายถงึ การมพี อส�ำ หรบั ใชข้ องตวั เอง มคี วามหมายว่าพอมพี อกนิ พอมีพอกนิ นี้ ถ้าใครได้มาอยู่ทีน่ ่ี ในศาลาน้ีเม่ือ ๒๔ ปี ๒๕๑๗ ถงึ ๒๕๔๑ ก็ ๒๔ ปี ใชไ่ หม วนั นนั้ ไดพ้ ดู ถงึ วา่ เราควรจะปฏบิ ตั ใิ หพ้ อมพี อกนิ พอมพี อกนิ นก้ี แ็ ปลวา่ เศรษฐกจิ พอเพยี ง นนั่ เองถา้ แตล่ ะคนพอมพี อกนิ กใ็ ชไ้ ด้ ยง่ิ ถา้ ทง้ั ประเทศพอมพี อกนิ กย็ ง่ิ ดี และประเทศไทยกเ็ วลานน้ั ก็ เรม่ิ จะเปน็ ไมพ่ อมี พอกนิ บางคนกม็ มี าก บางคนกไ็ มม่ เี ลย สมยั กอ่ นนพี้ อมพี อกนิ มาสมยั นช้ี กั จะไมพ่ อมพี อกนิ จงึ ต้องมนี โยบายทจ่ี ะทำ�เศรษฐกจิ พอเพียง เพ่ือทจ่ี ะให้ทุกคนมพี อเพียงได้...” “...ค�ำ วา่ พอกเ็ พยี งพอ เพยี งนก้ี พ็ อดงั นนั้ เอง คนเราถา้ พอในความตอ้ งการ กม็ คี วามโลภนอ้ ย เม่ือมีความโลภนอ้ ย กเ็ บียดเบยี นคนอืน่ น้อย ถา้ ทกุ ประเทศใดมคี วามคดิ อนั น้ไี ม่ใชเ่ ศรษฐกจิ มคี วามคิด วา่ ทำ�อะไรตอ้ งพอเพียง หมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอยา่ งมาก คนเราก็อยเู่ ป็นสขุ พอเพียงนี้อาจจะมีมาก อาจจะมีของหรูหราก็ได้ แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอ่ืน ต้องให้พอประมาณ พูดจาก็พอเพียง ทำ�อะไรก็พอเพยี ง ปฏิบัติตนกพ็ อเพยี ง…” “...อยา่ งเคยพดู เหมอื นกนั วา่ ทา่ นทงั้ หลายทน่ี ง่ั อยตู่ รงนี้ ถา้ ไมพ่ อเพยี งคอื อยากจะไปนงั่ บนเกา้ อ้ี ของผทู้ อ่ี ยขู่ า้ ง ๆ อนั นน้ั ไมพ่ อเพยี งและท�ำ ไมไ่ ด้ ถา้ อยากนงั่ อยา่ งนนั้ กเ็ ดอื ดรอ้ นกนั แนเ่ พราะวา่ อดึ อดั จะท�ำ ให้ ทะเลาะกัน และเมื่อมกี ารทะเลาะกันก็ไม่มปี ระโยชนเ์ ลย ฉะนนั้ ควรทีจ่ ะคิดวา่ ท�ำ อะไรพอเพยี ง...” “...ถ้าใครมีความคิดอย่างหนึ่งและต้องการให้คนอื่นมีความคิดอย่างเดียวกับตัวซึ่งอาจจะ ไม่ถูก อันน้ีก็ไม่พอเพียง การพอเพียงในความคิดก็คือแสดงความคิด ความเห็นของตัวและปล่อยให้อีก คนพดู บา้ ง และมาพิจารณาวา่ ท่ีเขาพดู กบั ทเี่ ราพดู อนั ไหนพอเพยี งอันไหนเขา้ เร่ือง ถา้ ไมเ่ ข้าเร่ืองกแ็ ก้ไข เพราะวา่ ถา้ พดู กนั โดยทไี่ มร่ เู้ รอื่ งกนั กจ็ ะกลายเปน็ การทะเลาะ จากการทะเลาะดว้ ยวาจากก็ ลายเปน็ การทะเลาะดว้ ยกาย ซ่งึ ในท่สี ุดกน็ �ำ มาสคู่ วามเสียหาย เสยี หายแกค่ นสองคนท่ีเปน็ ตวั การ เปน็ ตัวละคร ทงั้ สองคน ถา้ เปน็ หมกู่ เ็ ลยเปน็ การตกี นั อยา่ งรนุ แรง ซงึ่ จะท�ำ ใหค้ นอน่ื อกี มากเดอื ดรอ้ น ฉะนน้ั ความพอเพยี งน้ี ก็แปลวา่ ความพอประมาณและความมีเหตผุ ล...” ส�ำ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ไดป้ ระมวลและ กลน่ั กรองจาก พระราชด�ำ รสั ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เรอ่ื งเศรษฐกจิ พอเพยี ง และขอพระราชทาน พระบรมราชานุญาตนำ�ไปเผยแพร่ ซึง่ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพล อดุลยเดชทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทาน พระบรมราชานุญาตตามที่ขอพระมหากรุณาโดยมีใจความว่า “เศรษฐกจิ พอเพยี ง เปน็ ปรชั ญาชถี้ งึ แนวการด�ำ รงอยแู่ ละปฏบิ ตั ติ นของประชาชนในทกุ ระดบั ต้งั แต่ ระดบั ครอบครวั ระดับชุมชน จนถงึ ระดบั รฐั ทงั้ ในการพฒั นาและบรหิ ารประเทศใหด้ �ำ เนนิ ไป ในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกจิ เพอื่ ใหก้ า้ วทนั ตอ่ โลกยคุ โลกาภวิ ตั น์ ความพอเพยี ง หมายถงึ ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล รวมถงึ ความจ�ำ เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งมรี ะบบภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ทด่ี พี อสมควร ตอ่ การมผี ลกระทบใด ๆ อนั เกดิ จากการเปลยี่ นแปลงทงั้ ภายนอกและภายใน ทง้ั นี้ จะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั อยา่ งยง่ิ ในการน�ำ วชิ าการตา่ ง ๆ มาใชใ้ นการวางแผนและการด�ำ เนนิ 104 หลกั สตู รโคช้ เพ่อื การรู้คิดต้านทจุ รติ

การทกุ ขนั้ ตอน และขณะเดยี วกนั จะตอ้ งเสรมิ สรา้ งพน้ื ฐานจติ ใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั นกั ทฤษฎี และนกั ธรุ กจิ ในทกุ ระดบั ใหม้ สี �ำ นกึ ในคณุ ธรรมความซอื่ สตั ยส์ จุ รติ และใหม้ คี วามรอบรทู้ เ่ี หมาะสม ด�ำ เนินชีวิตดว้ ยความอดทน ความเพยี ร มสี ตปิ ญั ญา และความรอบคอบ เพ่อื ใหส้ มดลุ และพร้อม ตอ่ การรองรบั การเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ และกวา้ งขวางทงั้ ดา้ นวตั ถุ สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรม จากโลกภายนอกได้เป็นอยา่ งดี” คุณลักษณะท่ีสำ�คัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงประกอบด้วย ๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข คือ แนวทางการดำ�เนินชีวิตให้อยู่บนทางสายกลางตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อพ้นจากภัยและ วิกฤตกิ ารณ์ต่างท่เี กิดขน้ึ ก่อใหเ้ กดิ คณุ ภาพชีวิตที่ดอี ยา่ งมน่ั คงและยงั่ ยืน • ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดีตอ่ ความจ�ำ เปน็ ไม่มากเกนิ ไป ไมน่ อ้ ยเกนิ ไปและ ตอ้ งไม่เบยี ดเบยี นตนเองและผอู้ น่ื • ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจดำ�เนินการเร่ืองต่าง ๆ อย่างมีเหตุผลตามหลัก วิชาการ หลักกฎหมาย หลกั ศีลธรรมจรยิ ธรรมและวฒั นธรรมที่ดงี าม คดิ ถงึ ปจั จัยท่ีเก่ยี วขอ้ งอย่างถี่ถ้วน โดยค�ำ นงึ ถงึ ผลท่ีคาดว่าจะเกิดขนึ้ จากการกระทำ�นน้ั ๆ อย่างรอบคอบ • มภี มู คิ มุ้ กนั ทด่ี ใี นตวั เอง หมายถงึ การเตรยี มตวั ใหพ้ รอ้ มรบั ผลกระทบและการเปลย่ี นแปลง ด้านเศรษฐกิจ สังคม ส่งิ แวดลอ้ มท่จี ะเกดิ ขึน้ เพอ่ื ให้สามารถปรับตวั และรบั มือได้อย่างทนั ท่วงที เงอื่ นไขในการตดั สนิ ใจในการด�ำ เนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๑. เงอ่ื นไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรเู้ กยี่ วกบั วชิ าการตา่ ง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ งรอบดา้ น ความรอบคอบทจ่ี ะน�ำ ความรเู้ หลา่ นน้ั มาพจิ ารณาใหเ้ ชอื่ มโยงกนั เพอ่ื ประกอบการวางแผนและ ความระมดั ระวงั ในการปฏิบัติ ๒. เงอื่ นไขคุณธรรม ท่จี ะตอ้ งเสริมสร้าง ประกอบดว้ ย มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มคี วามซ่อื สัตย์สุจริตและมคี วามอดทน มีความเพยี ร ใชส้ ตปิ ัญญาในการดำ�เนนิ ชีวิต หลกั สูตรโคช้ เพอื่ การรคู้ ิดตา้ นทจุ ริต 105

ทม่ี า : สำ�นักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาต ิ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางดำ�เนินชีวิตทางสายกลาง การพ่ึงตนเอง รจู้ กั ประมาณตนอยา่ งมเี หตผุ ล อยบู่ นพนื้ ฐานความรแู้ ละคณุ ธรรมในการพจิ ารณา ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงดำ�เนินการไม่ได้เฉพาะเจาะจงในเรื่องของเศรษฐกิจแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังครอบคลุม ไปถึงการดำ�เนินชีวิตด้านอ่ืนๆ ของมนุษย์ให้อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างปกติสุข อย่างเช่น หากเรามีความพอเพียง เราจะไม่ทุจริต คดโกง ไม่ลักขโมยของ เบียดเบียนผู้อื่น ก็จะส่งผลให้ผู้อ่ืน ไมเ่ ดือดร้อน สงั คมกอ็ ยู่ไดอ้ ย่างปกติสขุ 106 หลกั สตู รโค้ชเพอ่ื การรคู้ ิดตา้ นทจุ ริต

แบบอยา่ งในเร่อื งของความพอเพียง เร่ือง ฉลองพระองค์ บนความ “พอเพียง”: หนังสือพิมพ์คม ชัด ลกึ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ นายสนุ ทร ชนะศรโี ยธนิ เจา้ ของรา้ นสทู “วนิ สนั เทเลอร”์ ไดบ้ อกเลา่ พระราชจรยิ วตั รในดา้ น “ความพอเพยี ง” ทพี่ ระองคท์ า่ นทรงปฏบิ ตั มิ าอยา่ งตอ่ เนอื่ งวา่ “นายต�ำ รวจน�ำ มาใหผ้ มซอ่ ม เปน็ ผา้ รดั อก สำ�หรับเล่นเรือใบสภาพเก่ามากแล้ว นายตำ�รวจท่านน้ันบอกว่าไม่มีร้านไหนยอมซ่อมให้เลย ผมเห็นว่า ยังแก้ไขได้ก็รบั มาซอ่ มแซมให้ไมค่ ดิ เงิน เพราะแค่นกึ อยากบรกิ ารแก้ไขให้ดใี ห้ลูกค้าประทับใจ แตไ่ ม่รู้ มาก่อนว่าเขาเป็นเจ้าหน้าท่ีในพระราชสำ�นักตอนน้ันผมบอกไม่คิดค่าตัดบอกเขาว่าไม่รับเงิน แก้ไขแค่น้ี ผมมนี า้ํ ใจ ผมเปดิ รา้ นเสอ้ื เพราะตอ้ งการใหม้ ชี อื่ เสยี งดา้ นคณุ ภาพและบรกิ ารลกู คา้ มากกวา่ แกไ้ ขนดิ เดยี ว กอ็ ยากท�ำ ใหเ้ ขาดๆี ไมต่ อ้ งเสยี เงนิ ตอนนน้ั เขาถามผมอกี วา่ แลว้ จะเอามาใหท้ �ำ อกี ไดไ้ หม เรากบ็ อกไดเ้ ลย ผมบริการให้ จากนั้นเรากร็ บั แกช้ ุดใหใ้ ห้นายตำ�รวจทา่ นน้ีเรอ่ื ย ๆ เขาขอใหค้ ดิ เงินก็ไม่คิดให้ พอครง้ั ที่ ๕ นี่สิ ท่านเอาผ้ามา ๔-๕ ผืน จะให้ตัดถามผมว่าเท่าไหร่ๆ แล้วก็รีบควักนามบัตรมาให้ผม ท่านช่ือ พล.ต.ต.จรัส สุดเสถียร ตำ�แหน่งเขียนว่า เป็นนายตำ�รวจประจำ�ราชสำ�นัก ท่านบอกว่า “สิ่งท่ีเถ้าแก่ ท�ำ ใหเ้ ป็นของพระเจา้ อยหู่ วั นะ” ผมอง้ึ มากรบี ยกมอื ทว่ มหวั ดใี จทไ่ี ดร้ บั ใชเ้ บอื้ งพระยคุ ลบาทแลว้ ” นายสุนทรเลา่ ดว้ ยนํา้ เสยี งตนื้ ตนั ใจแต่ละฉลองพระองค์ท่ไี ดร้ บั มาให้ซ่อมแซม ถ้าเป็นคนอน่ื ผา้ เก่าขนาดน้นั เขาไมซ่ อ่ มกนั แลว้ เอาไปทง้ิ หรอื ใหค้ นอนื่ ๆ ไดแ้ ลว้ แตพ่ ระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๙ ทรงมคี วามมธั ยสั ถ์ แตล่ ะองค์ ที่เอามาเกา่ มาก เชน่ เส้อื สูทสีฟ้าชยั พัฒนา ผ้าเก่าสซี ดี มากแล้ว ตรงตราชยั พฒั นามวั หมอง ตรงดนิ้ ทอง กห็ ลดุ เกอื บหมด ผมเอามาแกะหมดเลยใหโ้ รงงานปกั ใหมใ่ หเ้ หมอื นแบบเดมิ เพราะเขา้ ใจวา่ ทา่ นอยากได้ ฉลองพระองคอ์ งคเ์ ดมิ แตเ่ ปลยี่ นตราใหด้ ใู หม่ ถา้ สมมตุ วิ นั นมี้ เี จา้ หนา้ ทมี่ าสง่ ซอ่ ม พรงุ่ นเ้ี ยน็ ๆ ผมกท็ �ำ เสรจ็ สง่ คนื เขา้ ไป เจา้ หนา้ ทที่ ม่ี ารบั ฉลองพระองคช์ อบถามวา่ ท�ำ ไมท�ำ ไว ผมตอบเลยวา่ เพราะตงั้ ใจถวายงานครบั ผมอยผู่ นื แผน่ ดนิ ไทย ใตร้ ม่ พระบารมขี องพระองค์ ผมกอ็ ยากไดร้ บั ใชเ้ บอ้ื งพระยคุ ลบาทสกั เรอื่ ง ผมเปน็ แค่ ชา่ งตดั เส้ือ ได้รบั ใช้ขนาดน้ีผมก็ปล้มื ปตี ิทสี่ ุดแลว้ “ผมถอื โอกาสน�ำ หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งของพระองคท์ า่ นมาใชต้ ลอด เสอ้ื ผา้ เกา่ ๆ ทไี่ ดร้ บั มา วนั แรกท�ำ ใหร้ วู้ า่ พระองคท์ รงอยอู่ ยา่ งประหยดั มธั ยสั ถ์ ทรงเปน็ แบบอยา่ งความพอเพยี งใหแ้ กป่ ระชาชน และเมอื่ ไดถ้ วายงานบอ่ ยครงั้ ท�ำ ใหผ้ มตระหนกั วา่ คนเราวนั หนง่ึ ตอ้ งคดิ พจิ ารณาตวั เองวา่ สงิ่ ไหนบกพรอ่ ง กต็ อ้ งแกไ้ ขสงิ่ นน้ั ทกุ คนตอ้ งแกไ้ ขสงิ่ ทบี่ กพรอ่ งกอ่ น งานถงึ จะบรรลเุ ปา้ หมาย และเมอื่ ประสบความส�ำ เรจ็ แล้วอย่าลมื ต้งั ใจทำ�ส่งิ ดๆี ให้ประเทศชาติตลอดไป” ข้อคิดและขอ้ ปฏิบตั ดิ ี ๆ ที่ได้จากพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวของชา่ งสนุ ทร ฉลองพระบาท ก.เปรมศลิ ป์ ชา่ งซอ่ มฉลองพระบาท รอยเทา้ ในหลวง ร. ๙ รอยเท้าของ ความพอเพียง นายศรไกร แนน่ ศรนี ลิ หรอื ชา่ งไก่ ชา่ งนอกราชส�ำ นกั ผถู้ วายงานซอ่ มฉลองพระบาท ในหลวง รชั กาลที่ ๙ มานานกวา่ ๑๐ ปี ปัจจบุ นั ยงั เปน็ เจ้าของร้านซ่อมรองเทา้ ก.เปรมศลิ ป์ บรเิ วณสแ่ี ยกพิชัย เขตดสุ ติ กรงุ เทพฯ ประมาณปี ๒๕๔๖ มลี กู คา้ สวมชดุ พระราชส�ำ นกั มา ๒ คน เดนิ ประคองถงุ ผา้ ลายสกอ๊ ต ด้านในเปน็ รองเทา้ เข้ามาในรา้ น พอวางรองเท้าลงก็ก้มลงกราบ เลยถามวา่ เอาอะไรมาให้ ลกู คา้ รายน้ัน ตอบว่า ฉลองพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว ได้ยินเท่านน้ั ทำ�ตวั ไมถ่ ูก ขนลุก พูดอะไรไมถ่ ูก หลักสูตรโคช้ เพ่ือการรู้คิดตา้ นทจุ รติ 107

ในใจคดิ แตเ่ พยี งวา่ โชคดแี ลว้ ไมน่ กึ ไมฝ่ นั วา่ จะมโี อกาสไดซ้ อ่ มรองเทา้ ของเจา้ ฟา้ เจา้ แผน่ ดนิ ชา่ งไก่ เลา่ วา่ รองเทา้ คแู่ รกทใี่ นหลวง ร. ๙ ทรงน�ำ มาซอ่ ม เปน็ รองเทา้ หนงั สดี �ำ ทรงคทั ชู แบรนดไ์ ทย เปน็ ฉลองพระบาท ค่โู ปรดของพระองค์ เบอร์ ๔๓ เท่าที่สงั เกตสภาพช�ำ รุดทรดุ โทรม ราวกบั ใสใ่ ช้งานมาแลว้ หลายสบิ ปี ภายในรองเทา้ ผกุ ร่อนหลดุ ลอกหลายแห่ง ถ้าเปน็ คนทวั่ ไปจะแนะน�ำ ให้ทง้ิ แลว้ ซอื้ ใหม่ “จริง ๆ ผมใช้เวลาซ่อมรองเทา้ คู่นนั้ ไม่ถึง ๑ ชว่ั โมงกเ็ สร็จ แต่ด้วยความที่อยากใหร้ องเท้าคนู่ นั้ อยูใ่ นบา้ นให้นาน เลยบอกเจ้าหน้าที่ว่า ใช้เวลาซอ่ ม ๑ เดือน ซง่ึ ฉลองพระบาทคนู่ ้ี ทรงโปรดใช้ทรงดนตร”ี นบั จากนนั้ เปน็ ต้นมาชา่ งไกย่ งั มโี อกาสไดถ้ วายงานซอ่ มฉลองพระบาทอกี หลายคู่ ซ่งึ คทู่ ่ี ๒ และคูท่ ี่ ๓ เปน็ รองเทา้ หนังสดี �ำ ทรงคทั ชู คูท่ ่ี ๔ ฉลองพระบาทหนงั วัว ทรงฮาฟมกั ใสใ่ นงานราชพธิ ี ซงึ่ ฉลองพระบาทคนู่ ี้ มรี อยพระบาทตดิ มากบั แผน่ รองเทา้ ชา่ งไกเ่ กบ็ แผน่ รองเทา้ ไวท้ ร่ี า้ นเพอื่ ความเปน็ สริ มิ งคล ส่วนฉลองพระบาทคทู่ ่ี ๕ ทรงน�ำ มาเปลยี่ นพืน้ ฉลองพระบาทคทู่ ี่ ๖ เป็นรองเทา้ เปดิ สน้ ซง่ึ คุณทองแดง สุนขั ทรงเลีย้ งกดั รวมแล้วท้ังหมด ๖ คู่ “ผมซอ่ มฉลองพระบาททกุ คอู่ ยา่ งสดุ ความสามารถ ซงึ่ รองเทา้ ของพระองคจ์ ะน�ำ ไปวางปน กับของลูกค้าคนอ่ืนไม่ได้ เลยซ้ือพานมาใส่พร้อมกับผ้าสีเหลืองมารอง แล้วนำ�ไปวางไว้ท่ีสูงที่สุดในร้าน เพราะท่านคงทรงโปรดมาก สภาพรองเท้าชำ�รุดมาก ซับในรองเท้าหลุดออกมาหมด ถ้าเป็นเศรษฐี ทวั่ ไปคงจะไม่นำ�มาใช้แลว้ แต่นพี่ ระองคย์ ังทรงใช้คูเ่ ดมิ อย”ู่ ประการส�ำ คญั ทท่ี �ำ ใหช้ ายผนู้ ไ้ี ดเ้ รยี นรจู้ ากพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช คอื “ความพอเพยี ง” ขนาดฉลองพระบาทขาดและเกา่ ยงั สง่ มาซอ่ ม หากคนไทยเดนิ ตามรอยของพระองคท์ า่ น ชวี ิตไม่ฟงุ้ เฟอ้ จะเปน็ สขุ กันมากกวา่ นี้ “ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล” เขยี นไวใ้ นหนงั สอื “ใต้เบือ้ งพระยคุ ลบาท” “...พระองค์ทา่ น ทรงเปน็ ผนู้ �ำ อยา่ งแทจ้ ริง ดูแค่ฉลองพระบาทเป็นตน้ พวกตามเสดจ็ ฯ ทง้ั หลายใสร่ องเทา้ นอก และยง่ิ มาจากตา่ งประเทศใสแ่ ลว้ นมุ่ เทา้ ดี พระองคก์ ลบั ทรงรองเทา้ ทผี่ ลติ ในเมอื งไทย คู่ละรอ้ ยกวา่ บาทสีด�ำ เหมือนอยา่ งทนี่ กั เรยี นใส่กนั แม้กระทง่ั พวกเรายังไม่ซอ้ื ใสเ่ ลย...” “ดร.สุเมธ ตนั ตเิ วชกลุ ” เขียนไวใ้ นหนงั สือ “ใตเ้ บื้องพระยุคลบาท” นาฬิกาบนข้อพระกร วันงานเปดิ ตัวรายการทีวี “ธรรมดีที่พอ่ ทำ�” และงานสมั มนา “ถอดรหสั ” ธรรมดีทีพ่ ่อทำ� พอเร่ิมบรรยาย ดร.สเุ มธ ตนั ตเิ วชกุล ถามผู้ฟังวา่ พวกเรามเี สื้อผา้ คนละกชี่ ดุ ใสน่ าฬิกาเรอื นละเทา่ ไหร่ หลายคนแย่งกนั ตอบ และพากนั อ้งึ เมอื่ ดร.สุเมธ ตันตเิ วชกลุ เลา่ ว่า “ครง้ั หน่งึ ผมพยายามจะแอบดูว่า พระองคท์ า่ นใสน่ าฬกิ ายหี่ อ้ อะไร จนพระองคท์ า่ นรสู้ กึ ไดว้ า่ ผมพยายามอยากจะดยู ห่ี อ้ ทา่ นจงึ ยน่ื ขอ้ พระหตั ถม์ าใหด้ ตู รงหนา้ จงึ ทราบวา่ พระองคท์ า่ นใสน่ าฬกิ าราคาเพยี งเรอื นละ ๗๕๐ บาทเทา่ นน้ั ซ่ึงก็เดนิ ตรงเหมอื นกันกับนาฬิกาเรือนแพง แม้กระทั่งฉลองพระองค์ก็ทรงมีไมก่ ่ชี ุด ทรงใช้จนเปื่อยซดี แตพ่ วกเรามักคดิ วา่ การมีแบบเหลอื กินเหลือใชจ้ ึงจะดี เพราะคนสมยั น้ีเร่มิ ไมเ่ อาเกษตรกรรม แต่เลอื ก ทจ่ี ะท�ำ อตุ สา่ หากรรม (เป็นศพั ท์ทบ่ี ัญญัตขิ ้นึ เอง) สุดทา้ ยอนาคตก็จะอดกนิ ” 108 หลักสตู รโคช้ เพื่อการรคู้ ดิ ตา้ นทุจริต

ดร.สุเมธ ตันตเิ วชกุล ถามอกี ว่า คนในหอ้ งนีม้ ีรองเทา้ คนละก่คี ู่ กม็ นี ักธุรกจิ สตรตี อบวา่ ร้อยกวา่ คู่ ดร.สเุ มธ จงึ ถามตอ่ วา่ วนั นใ้ี สม่ ากคี่ ู่ ถา้ จะใชใ้ หค้ มุ้ ท�ำ ไมไมเ่ อามาแขวนคอดว้ ย (ท�ำ เอาบรรยากาศในหอ้ ง เงยี บสงดั เพราะโดนใจกนั เตม็ ๆ ) กอ่ นจะบอกวา่ พระองคท์ รงฉลองพระบาทคลู่ ะ ๓๐๐-๔๐๐ บาท ขณะที่ ข้าราชบริพาร ใสร่ องเท้าคลู่ ะ ๓-๔ พนั แต่เวลาทพ่ี ระองค์ทรงออกเยี่ยมราษฎรในพืน้ ท่ีหา่ งไกลท่ีสุดแลว้ ข้าราชบรพิ ารก็เดนิ ตามพระองค์ไมท่ ันอยดู่ ี เวลาเดินคนเราใส่รองเท้าไดค้ ่เู ดยี ว อีกทั้งฉลองพระบาท ของพระองคย์ งั ถกู น�ำ ส่งไปซ่อมแล้วซอ่ มอีก ดินสอทรงงาน สารคดีเฉลิมพระเกียรตเิ น่ืองในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ หมวด พระบารมีบนั ดาล ตอน ดินสอของพระเจา้ อย่หู วั ดนิ สอธรรมดาซง่ึ คนทวั่ ไปอาจหาซอ้ื ไดด้ ว้ ยราคาเพยี งไมก่ บี่ าทนเี้ ปน็ ดนิ สอชนดิ เดยี ว ทป่ี รากฏอยบู่ นพระหตั ถข์ องพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ขณะทรงงานอนั เนอ่ื งมาจากพระราชด�ำ รติ า่ งๆ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ทรงดินสอไมธ้ รรมดา ๆ โดยมีบนั ทึกว่า ในปหี นงึ่ ๆ ทรงเบกิ ดนิ สอใชเ้ พยี ง ๑๒ แทง่ โดยทรงใชด้ นิ สอเดอื นละ ๑ แทง่ เทา่ นน้ั เมอ่ื ดนิ สอสน้ั จะทรงใช้ กระดาษมามว้ นตอ่ ปลายดนิ สอใหย้ าวเพอื่ ใหเ้ ขยี นไดถ้ นดั มอื จนกระทงั่ ดนิ สอนน้ั กดุ ใชไ้ มไ่ ดแ้ ลว้ เนอื่ งจาก พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชทรงมแี นวพระราชด�ำ รทิ เี่ ปน็ เหตุ เปน็ ผล ดนิ สอ ๑ แทง่ ทา่ นไมไ่ ดม้ องวา่ เราตอ้ งประหยดั เงนิ ในกระเปา๋ แตท่ า่ นมองวา่ ดนิ สอ ๑ แทง่ ตอ้ งใชท้ รพั ยากรหรอื พลงั งาน เทา่ ไหร่ ตอ้ งใช้ทรัพยากร ธรรมชาติ คอื ไม้ แร่ธาตุทท่ี �ำ ไส้ดนิ สอ การน�ำ เขา้ วตั ถดุ บิ ที่นำ�เขา้ ต่างประเทศ พลังงานในกระบวนการผลติ และขนส่ง ดังนั้น การผลติ ดนิ สอทุกแทง่ มีผลต่อการรายรบั รายจา่ ย ของประเทศ เปน็ สว่ นหนง่ึ มลู คา่ สนิ คา้ น�ำ เขา้ ดา้ นวตั ถดุ บิ และเปน็ การน�ำ ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ม่ี จี �ำ กดั มาใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ ความประหยดั ไมใ่ ชห่ มายถงึ การไมใ่ ช้ แตย่ งั รวมถงึ การใชส้ ง่ิ ตา่ ง ๆ อยา่ งมสี ติ และมเี หตุผล อนั เป็นสำ�คัญของเศรษฐกจิ พอเพียง “ดร.สเุ มธ ตันตเิ วชกลุ ” เขยี นไวใ้ นหนังสือ “ใตเ้ บือ้ งพระยคุ ลบาท” “ท่านผู้หญิงบตุ รี” บอกผมมาว่า ปีหน่งึ ท่านทรงเบิกดินสอ ๑๒ แทง่ เดือนละแท่ง ใชจ้ น กระทงั่ กดุ ใครอยา่ ไดไ้ ปทงิ้ ของพระองคท์ า่ นนะ จะทรงกรวิ้ ทรงประหยดั ทกุ อยา่ ง ทรงเปน็ ตน้ แบบทกุ อยา่ ง ของทกุ อยา่ งมีค่าสำ�หรบั พระองคท์ า่ นทงั้ หมด ทกุ บาท ทกุ สตางค์ จะทรงใชอ้ ย่างระมัดระวัง ทรงสัง่ ให้ เราปฏบิ ัตงิ านดว้ ยความรอบคอบ... หลอดยาสพี ระทนต์ หลอดยาสพี ระทนตข์ องพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มลี กั ษณะแบนราบเรยี บ คลา้ ยแผน่ กระดาษ โดยเฉพาะบรเิ วณคอหลอดยง่ิ ปรากฏรอยบมุ๋ ลกึ ลงไปจนถงึ เกลยี วคอหลอด สาเหตุที่เป็นเช่นน้ีเพราะพระองค์ท่านทรงใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีดและกดจนเป็นรอยบุ๋ม ศาสตราจารย์พิเศษ ทนั ตแพทยห์ ญงิ ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพชุ ทันตแพทยป์ ระจำ�พระองค์ อดีตคณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เขียนเล่าในว่า “ครั้งหน่ึงทันตแพทย์ หลกั สูตรโคช้ เพอ่ื การรคู้ ิดตา้ นทุจรติ 109

ประจ�ำ พระองค์ กราบถวายบงั คมทูลเร่อื งศิษย์ทนั ตแพทยจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย บางคนมคี า่ นยิ ม ในการใชข้ องตา่ งประเทศ และมรี าคาแพง รายทไี่ มม่ ที รพั ยพ์ อซอื้ หากย็ งั ขวนขวาย เชา่ มาใชเ้ ปน็ การชวั่ ครง้ั ชว่ั คราว ซงึ่ เทา่ ทที่ ราบมา มคี วามแตกตา่ งจากสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ ทท่ี รงนยิ มใชก้ ระเปา๋ ทผี่ ลติ ภายในประเทศเช่นสามัญชนทว่ั ไป ทรงใช้ดินสอสนั้ จนต้องต่อดา้ ม แมย้ าสีพระทนต์ของพระองค์ทา่ น กท็ รงใชด้ า้ มแปรงพระทนตร์ ดี หลอดยาจนแบนจนแนใ่ จวา่ ไมม่ ยี าสพี ระทนตห์ ลงเหลอื อยใู่ นหลอดจรงิ ๆ” “เมอ่ื กราบบงั คมทลู เสรจ็ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวทรงรบั สั่งวา่ ของพระองค์ท่าน กเ็ หมอื นกนั และยงั ทรงรบั สง่ั ตอ่ ไปอกี ดว้ ยวา่ เมอื่ ไมน่ านมานเี้ องมหาดเลก็ หอ้ งสรง เหน็ วา่ ยาสพี ระทนต์ ของพระองค์คงใช้หมดแล้วจึงไดน้ ำ�หลอดใหม่มาเปลย่ี นให้แทน เมื่อพระองค์ไดท้ รงทราบ กไ็ ดข้ อให้เขา น�ำ ยาสพี ระทนตห์ ลอดเกา่ มาคนื และพระองคท์ า่ นยงั ทรงสามารถใชต้ อ่ ไปไดอ้ กี ถงึ ๕ วนั จะเหน็ ไดว้ า่ ในสว่ นของพระองคท์ า่ นเองนนั้ ทรงประหยดั อยา่ งยงิ่ ซงึ่ ตรงกนั ขา้ มกบั พระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองคท์ ท่ี รง พระราชทานเพอื่ ราษฎรผู้ยากไรอ้ ยเู่ ป็นนจิ ” “พระจริยวัตรของพระองค์ได้แสดงให้เห็นอย่างแจ่มชัดถึงพระวิริยะ อุตสาหะ ตลอดจน ความประหยดั ในการใชข้ องอยา่ งคมุ้ คา่ หลงั จากนน้ั ทนั ตแพทยป์ ระจ�ำ พระองคไ์ ดก้ ราบพระบาททลู ขอ พระราชทานหลอดยาสพี ระทนตห์ ลอดน้ัน เพ่อื น�ำ ไปให้ศษิ ย์ไดเ้ ห็นและรบั ใสเ่ กล้าเปน็ ตวั อย่าง เพ่อื ประพฤตปิ ฏบิ ตั ใิ นโอกาสตอ่ ๆ ไป” “ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากนัน้ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวได้พระราชทานส่ง หลอดยาสพี ระทนตเ์ ปลา่ หลอดน้ันมาให้ถงึ บา้ น ทันตแพทย์ประจ�ำ พระองคร์ ูส้ ึกซาบซ้ึงในพระมหา กรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้ายิ่ง เม่ือได้พิจารณาถึงลักษณะของหลอดยาสีพระทนต์เปล่าหลอดนั้นแล้วทำ�ให้ เกดิ ความสงสยั วา่ เหตใุ ดหลอดยาสพี ระทนต์หลอดนี้จงึ แบนราบเรยี บโดยตลอด คลา้ ยแผน่ กระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอดยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปเกือบถึงเกลียวคอหลอด เม่ือได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ อีกครั้งในเวลาต่อมา จึงได้รับคำ�อธิบายจากพระองค์ว่า หลอดยาสีพระทนต์ท่ีเห็นแบนเรียบนั้นเป็นผล จากการใชด้ า้ มแปรงสพี ระทนตช์ ว่ ยรดี และกดจนเปน็ รอยบมุ๋ ทเ่ี หน็ นนั่ เอง และเพอ่ื ทจ่ี ะขอน�ำ ไปแสดงให้ ศิษย์ทันตแพทย์ได้เห็นเป็นอุทาหรณ์ จึงได้ขอพระราชานุญาต ซึ่งพระองค์ท่านก็ได้ทรงพระเมตตาด้วย ความเตม็ พระราชหฤทัย” รถยนต์พระท่นี ั่ง นายอนันต์ รม่ รนื่ วาณชิ กจิ ชา่ งดแู ลรถยนต์พระทีน่ ่งั ได้ใหส้ มั ภาษณ์รายการตสี ิบ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๒ โดยมใี จความวา่ “ครงั้ หนงึ่ ผมตอ้ งซอ่ มรถตเู้ ชฟโรเลต ซงึ่ เปน็ รถทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั พระราชทานแกส่ มเดจ็ พระเทพรตั นฯ สมยั ทา่ นเรยี นจบทจี่ ฬุ าฯ และเปน็ คนั โปรดของทา่ นดว้ ย ก่อนซอ่ มข้างประตดู า้ นทท่ี า่ นประทบั เวลาฝนตกจะมีนํ้าหยด แตห่ ลังจากทีซ่ อ่ มแล้ว วนั หน่ึงท่านกร็ บั ส่งั กบั สารถวี า่ วนั นร้ี ถดแู ปลกไป นาํ้ ไมห่ ยด อยา่ งนก้ี ไ็ มเ่ ยน็ นะ่ สิ แตก่ ด็ เี หมอื นกนั ไมต่ อ้ งเอากระปอ๋ งมารอง” นายอนันต์ เปิดเผยว่า ภายในรถยนต์พระที่นั่งของแต่ละพระองค์นั้น เรียบง่ายมากไม่มีอะไรเลยท่ีเป็น ส่งิ อำ�นวยความสะดวก มีแต่ถังขยะเลก็ ๆ กบั ท่ีทรงงานเทา่ นน้ั สว่ นการไดม้ โี อกาสดูแลรถยนตพ์ ระทนี่ งั่ ท�ำ ใหไ้ ดเ้ หน็ ถงึ พระราชกรณยี กจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั ดว้ ยน้นั นายอนนั ต์ กลา่ ววา่ ครั้งหนึ่ง มรี ถยนตพ์ ระทน่ี งั่ ทเี่ พงิ่ ทรงใชใ้ นพระราชกรณยี กจิ มาท�ำ เหน็ วา่ พรมใตร้ ถมนี าํ้ แฉะขงั อยแู่ ละมกี ลนิ่ เหมน็ ดว้ ย 110 หลักสูตรโคช้ เพอ่ื การรคู้ ดิ ตา้ นทุจรติ

แสดงว่าพระองคท์ ่านทรงนำ�รถไปทรงพระราชกรณียกิจในทีท่ ่ีน้ําทว่ ม แถมนํ้ายังซึมเขา้ ไปในรถ พระท่ีนั่งด้วย แสดงว่าน้ําก็ต้องเปียกพระบาทมาตลอดทาง จึงถามสารถีว่า ทำ�ไมไม่รีบเอารถมาซ่อม กไ็ ด้คำ�ตอบว่าต้องรอให้เสร็จพระราชกรณียกจิ กอ่ น เมือ่ พธิ กี รถามวา่ จากการทไี่ ด้มีโอกาสรับใช้เบ้อื ง พระยคุ ลบาท ไดเ้ หน็ ถงึ ความพอเพยี งของพระองคอ์ ยา่ งไร นายอนนั ต์ ตอบวา่ “ปกตถิ า้ ทรงงานสว่ นพระองค์ ท่านกใ็ ช้รถคนั เล็กเพ่ือประหยดั นํา้ มัน และเม่อื เราสงั เกตสรี ถพระท่นี งั่ จะเหน็ วา่ มรี อยสีถลอกรอบคันรถ กวา่ ทที่ า่ นจะน�ำ มาท�ำ สใี หมก่ ร็ อบคนั แลว้ แตค่ นใชร้ ถอยา่ งเราแคร่ อยนดิ เดยี วกร็ บี เอามาท�ำ สแี ลว้ และ ครง้ั หนง่ึ ระหวา่ งทผี่ มก�ำ ลงั ประสานงานไปรบั รถพระทน่ี งั่ ของสมเดจ็ พระเทพรตั นฯ กม็ วี ทิ ยขุ องขา้ ราชบรพิ าร บอกกนั ว่ารถตดิ มาก สมเด็จพระเทพรัตนฯ เสด็จฯ ข้นึ รถไฟฟ้าไปแลว้ ” ห้องทรงงาน หอ้ งทรงงานพระต�ำ หนกั จติ รลดารโหฐานไมไ่ ดห้ รหู ราประดบั ดว้ ยของแพงแตอ่ ยา่ งใด เวลา ทรงงานจะประทบั บนพน้ื พระต�ำ หนกั จติ รลดารโหฐาน มไิ ดป้ ระทบั พระเกา้ อเี้ วลาทรงงาน เพราะทรงวาง ส่ิงของตา่ ง ๆ ไดส้ ะดวก ห้องทรงงานเปน็ หอ้ งเลก็ ๆ ขนาด ๓ x ๔ เมตร ภายในหอ้ งทรงงานจะมีวิทยุ โทรทศั น์ โทรสาร โทรศัพท์ คอมพวิ เตอร์ เทเล็กซ์เคร่ืองบนั ทกึ เสยี ง เคร่ืองพยากรณ์ อากาศ เพอื่ จะได้ ทรงสามารถแก้ปญั หาตา่ ง ๆ ไดท้ ันท่วงที โดยผนงั ห้องทรงงานโดยรอบมีแผนท่ีทางอากาศแสดงถงึ พื้นท่ี ประเทศ ห้องทรงงานของพระองคก์ ็เป็นอีกส่งิ หน่งึ ทเ่ี ตอื นสติคนไทยได้อยา่ งมาก โตะ๊ ทรงงานหรือ เกา้ อโี้ ยกรปู ทรงหรูหราไม่เคยมปี รากฏในหอ้ งนี้ ดงั พระราชด�ำ รสั ของพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรม ราชกุมารี ตอนหน่งึ ที่วา่ “...ส�ำ นักงานของทา่ น คือ ห้องกว้าง ๆ ไม่มีเกา้ อ้ี มพี นื้ และทา่ นก็กม้ ทรงงานอยู่ กบั พื้น...” นน่ั เอง นบั เปน็ แบบอยา่ งของความพอดี ไมฟ่ ุ้งเฟ้อโดยแท“้ หอ้ งทรงงาน” เป็นเพยี งห้องขนาด ธรรมดา กวา้ งยาวรวม ๕ คณู ๑๐ เมตร โปรง่ ๆ โล่ง ๆ พน้ื ทเ่ี ปน็ ไม้ปารเ์ กต์ ผมกราบบังคมทลู และถวาย ต�ำ รา จากน้นั ไดท้ รงสอบถามรายละเอียดของตำ�ราพร้อมทัง้ เรอ่ื งราวความคบื หน้างานอนื่ ทีก่ ำ�ลังดำ�เนิน เปน็ เวลากวา่ หน่ึงช่วั โมง เคร่อื งประดบั พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ฉลองพระองคธ์ รรมดา หอ้ ยกลอ้ งถา่ ยภาพ ไว้ที่พระศอ มิทรงโปรดการสวมใส่เครื่องประดับอ่ืน เช่น แหวน สร้อยคอหรือของมีค่าต่าง ๆ เว้นแต่ นาฬิกาบนขอ้ พระกรเท่านนั้ ซึ่งก็ไม่ไดม้ ีราคาแพงแตอ่ ยา่ งใด “...เครื่องประดับ พระองค์ก็มิทรงโปรดที่จะสวมใส่สักชิ้น นอกเสียจากว่าจะทรงแต่งองค์ เพ่อื เสด็จฯ ไปงานพระราชพธิ ตี ่าง ๆ หรอื ต้อนรับแขกบา้ นแขกเมืองเท่านัน้ ...” ดร.สุเมธ ตันตเิ วชกุล เขียนไว้ในหนังสอื “ใตเ้ บ้ืองพระยคุ ลบาท” “...เมอ่ื ปี ๒๕๒๔ ท่ไี ดร้ ับแต่งต้ังจากรัฐบาลให้ไปถวายงาน ผมตน่ื เต้นมาก สงั เกตรายละเอียด รอบๆ ตวั ไปเสยี ทกุ อยา่ ง มองไปทขี่ อ้ พระหตั ถว์ า่ ทรงใชน้ าฬกิ าอะไร มองจนพระองคท์ รงยน่ื ขอ้ พระหตั ถม์ าใหด้ ู ทรงตรสั อยา่ งมพี ระอารมณข์ นั วา่ “ยห่ี อ้ ใสแ่ ลว้ โก”้ ผมจ�ำ แบบไว้ เพราะอยากรวู้ า่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงใชน้ าฬกิ าเรอื นละเทา่ ไร พอวนั หยุดก็รีบไปทร่ี ้าน กท็ ราบว่ามรี าคาเพียงแค่ ๗๕๐ บาท...” หลกั สูตรโคช้ เพือ่ การรคู้ ิดต้านทุจรติ 111

“ดร.สเุ มธ ตันตเิ วชกลุ ” เขียนเลา่ ไวใ้ น “ประสบการณส์ นองพระราชด�ำ รเิ รยี นรู้หลักการ ทรงงาน ในพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยหู่ ัว” พระตำ�หนกั จติ รลดา พระต�ำ หนกั จติ รลดา “...ไมม่ พี ระราชวงั ไหนในโลกเหมอื นพระต�ำ หนกั จติ รลดา และบรเิ วณ สวนจติ รลดาทเี่ ตม็ ไปดว้ ยบอ่ เลย้ี งปลา และไรน่ าทดลอง อกี ทงั้ ผองโคนม ผสมดว้ ยโรงสแี ละโรงงานหลากหลาย จงึ พดู ไดเ้ ตม็ ปากวา่ ในประเทศไทยไม่มชี ่องว่างระหวา่ งเกษตรกรกบั พระมหากษตั ริย์ ผทู้ รงท�ำ งานอยา่ ง “หลังสฟู้ ้าหนา้ ส้ดู ิน” ด้วยพระองคเ์ อง” ซองเอกสารต่าง ๆ ท่จี ะสง่ ขนึ้ ทลู เกลา้ “... แตห่ ากเป็นเรอื่ ง “งานในราชการ” แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวไดพ้ ระราชทาน พระบรมราโชวาทมายังข้าราชบริพารในพระองคว์ า่ “เอกสารตา่ งๆ ทจี่ ะสง่ ขนึ้ ทูลเกลา้ ฯ ถวาย หากเป็น ซองแล้ว ก็ขอให้ติดกาวเฉพาะตรงหัวมุม หรือหากเป็นต้องใช้เทปกาวติด ก็ให้ติดแค่สองน้ิวก็พอ ไม่ใช่ ปดิ ทัง้ หมด เพราะเปน็ การเปลอื งเทปและเปิดยาก” พระองค์จะไม่พอพระราชหฤทัย เพราะไมเ่ ปน็ การ ประหยดั ซึ่งตรงนีเ้ ปน็ สงิ่ ส�ำ คญั นอกจากนี้ กระดาษและซองจดหมายภายใน หากไมใ่ ช่เอกสารส�ำ คญั ก็ควรใช้กระดาษรไี ซเคิล แต่หากเป็นจดหมายลับหรอื ส�ำ คญั ก็สามารถใช้ของใหมไ่ ด้” 112 หลักสตู รโคช้ เพอ่ื การรคู้ ิดต้านทุจรติ

บรรณานกุ รม จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั . (๒๕๕๙). ใตร้ ่มพระบารมีพระบรมธรรมิกราชา. กรุงเทพฯ: ศูนยห์ นงั สือ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. พระเมธธี รรมาภรณ์ (ประยูร ธมมฺ จิตโต). (๒๕๓๘). จรรยาบรรณขา้ ราชการ. กรงุ เทพฯ: สหธรรมกิ . พระราชด�ำ รสั พระราชทานแกบ่ คุ คลตา่ งๆ ทเี่ ขา้ เฝา้ ฯ ถวายชยั มงคลเนอื่ งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั สวนจติ รลดาฯ พระราชวังดุสิต วนั ศกุ รท์ ี่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑. สืบคน้ เมอื่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐, จาก http://www.amarin.com/royalspeech/speech41.htm พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑. (ม.ป.ป.). ม.ป.ท.: ม.ป.พ. มลู นธิ พิ ทุ ธธรรม.พระเมธธี รรมาภรณ์ (ประยรู ธมมฺ จติ โต). (๒๕๓๙). คณุ ธรรมส�ำ หรบั นกั บรหิ าร. กรงุ เทพฯ: สหธรรมิก. มลู นธิ สิ ถาบนั วจิ ยั และพฒั นาประเทศตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง. (๒๕๕๕). ตามรอยพระราชด�ำ รสั สู่ “ปรัชญญาเศรษฐกิจพอเพียง”. กรุงเทพฯ: เพชรรุง่ เรือง. ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ ่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ . สืบค้นเมอ่ื ๑๖ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๐, จาก https://www.nacc.go.th/ more_news.php?cid=36 วศิน อนิ ทสระ. (๒๕๔๑). พุทธจริยศาสตร.์ กรงุ เทพฯ: ทองกวาว. สมบตั ิ คชสทิ ธ์ิ และคณะ. (๒๕๕๑). ตามรอยเบอื้ งพระยคุ ลบาท. ปทมุ ธาน:ี งานวชิ าศกึ ษาทว่ั ไป: มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ.์ ส�ำ นกั งานกองทุนสนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สุขภาพ และมูลนิธสิ ดศรี-สฤษด์ิวงศ.์ (๒๕๔๙). ค�ำ พอ่ สอน: ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชด�ำ รัสเกยี่ วกับความสุขในการดำ�เนินชีวิต. กรุงเทพฯ: ประสขุ ชัย. ส�ำ นกั งานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม. (๒๕๕๗). คมู่ อื การขับเคลอ่ื นงานการสรา้ งภมู คิ ุ้มกนั ทางสงั คม ในมิตวิ ฒั นธรรม. กรุงเทพฯ: องคก์ ารสงเคราะหท์ หารผา่ นศึก. สเุ มธ ตันตเิ วชกลุ . (๒๕๔๘). หลักธรรม หลกั ทำ� ตามรอยพระยุคลบาท. กรงุ เทพฯ: ด่านสุทธาการพิมพ์. สเุ มธ ตันติเวชกลุ . (๒๕๔๔). ใต้เบ้ืองพระยคุ ลบาท. กรงุ เทพฯ: มตชิ น หลักสตู รโค้ชเพื่อการร้คู ดิ ต้านทจุ ริต 113

สว่ นท่ี ๒ เรื่อง การเรียนรู้ดา้ นการป้องกนั การทุจรติ หลักสตู รโคช้ เพื่อการร้คู ดิ ตา้ นทุจรติ วิชาท่ี ๒.๔ เรอ่ื ง การฝกึ ปฏบิ ัติการเป็นวิทยากร เวลา ๖ ชว่ั โมง เรอ่ื ง การฝึกปฏิบตั กิ ารเปน็ วทิ ยากร สาระสำ�คัญ วชิ านเี้ ปน็ การฝกึ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมโดยมบี ทบาทในการเปน็ วทิ ยากรถา่ ยทอดความรใู้ นประเดน็ ใด ประเด็นหนึง่ จาก ๓ ประเดน็ โดยเลือกใชเ้ ทคนคิ ฝึกอบรมแบบต่าง ๆ ตามความเหมาะสมกบั เนื้อหา วัตถปุ ระสงค์ เพือ่ ฝกึ ทักษะการเป็นวทิ ยากรทถี่ า่ ยทอดองคค์ วามรใู้ นเร่อื งการคดิ แยกแยะระหว่าง ผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ความไมท่ นและความอายตอ่ การทจุ รติ การประยกุ ตห์ ลกั ความพอเพียงด้วยโมเดล STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทุจริต ขอบเขตเนื้อหา การฝกึ ปฏิบัตถิ า่ ยทอดความรู้ ตามทีก่ �ำ หนดไดอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสม วธิ กี ารฝกึ อบรม - ๓ ชว่ั โมงแรก ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มทกุ คนแบง่ กลมุ่ ฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารเปน็ วทิ ยากรโดยสมุ่ หวั ขอ้ วชิ าการ บรรยายจาก ๓ วิชา โดยใหว้ ทิ ยากรประเมนิ - ๓ ช่วั โมงหลัง วทิ ยากรให้ขอ้ เสนอแนะกระบวนการหลากหลาย สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint ฝกึ ปฏิบัติ หรือสื่ออนื่ ๆ ท่เี หมาะสม การวดั และประเมินผล การประเมนิ ฝึกปฏิบตั ิการเปน็ วิทยากร (๔๐ คะแนน) 114 หลักสูตรโค้ชเพ่อื การรคู้ ิดต้านทจุ รติ

ส่วนท่ี ๒ เร่อื ง การเรียนร้ดู า้ นการปอ้ งกันการทุจรติ เนือ้ หาโดยสงั เขป วิชาท่ี ๒.๔ เรอ่ื ง การฝึกปฏบิ ตั กิ ารเป็นวิทยากร เวลา ๖ ช่ัวโมง รายละเอียดเนื้อหา เทคนคิ การเป็นวทิ ยากรมืออาชีพ การทบี่ คุ คลใดกต็ ามทจ่ี ะกา้ วเขา้ สกู่ ารเปน็ วทิ ยากรไดน้ น้ั จ�ำ เปน็ จะตอ้ งเรยี นรเู้ กย่ี วกบั การสอน และการถา่ ยทอดความรตู้ า่ ง ๆ ใหก้ บั ผเู้ ขา้ รบั การอบรม การทจี่ ะเปน็ วทิ ยากรฝกึ อมรมทดี่ ตี อ้ งเปน็ ผทู้ นั สมยั อย่เู สมอ มีความรอบรใู้ นวิทยาการใหม่ ๆ ใฝ่หาความร้อู ยู่เป็นนจิ มศี ลิ ปะในการถ่ายทอดความรู้ ความหมายของวทิ ยากร วทิ ยากร คอื ผทู้ ที่ �ำ หนา้ ทเ่ี ปน็ ตวั การส�ำ คญั ทจี่ ะท�ำ ใหผ้ เู้ ขา้ รบั การอบรม เกดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ เกิดทกั ษะ เกิดทศั นคติทด่ี เี กีย่ วกับเรอ่ื งท่ีอบรม จนกระทั่งผู้เข้ารบั การอบรมเกิดการเรียนรแู้ ละสามารถ จดุ ประกายความคดิ เกดิ การเปลย่ี นแปลงทศั นคติ หรอื พฤตกิ รรมไปตามวตั ถปุ ระสงคข์ องเรอื่ งหรอื วชิ านน้ั ๆ วทิ ยากร หมายถึง ผ้ทู ่ีมคี วามรู้ ความสามารถ ในภาษาอังกฤษเรยี กวิทยากรวา่ Resource Person วิทยากรมาจาก “วิทยา” แปลวา่ ความรู้ “กร” แปลวา่ มือ หรือ ผูถ้ อื วทิ ยากรก็คือ ผ้ทู รงไวซ้ ง่ึ ความรคู้ วามสามารถ นน่ั กค็ อื บคุ คลทเ่ี ปน็ วทิ ยากรไดจ้ ะตอ้ งเปน็ ผมู้ คี วามรู้ และความสามารถในการท�ำ ให้ ผอู้ น่ื มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในเรอ่ื งนนั้ ๆ ตามทต่ี นตอ้ งการ วทิ ยากรจงึ หมายถงึ ผรู้ แู้ ละผมู้ คี วามสามารถ ในการท�ำ ใหผ้ ู้อน่ื มีความรู้ความเขา้ ในเรอ่ื งนั้น ๆ วทิ ยากร หมายถึง บุคคลซ่ึงมคี วามรู้ ความสามารถ ตลอดจนการพดู หรอื นำ�เสนอและใช้ เทคนคิ ตา่ ง ๆ ในเร่อื งน้นั ๆ ในการถ่ายทอดอนั จะท�ำ ให้ผ้รู ับการฝกึ อบรมใหเ้ กดิ ความรู้ (Knowledge) ความเขา้ ใจ (Understand) เจตคติ (Attitude) ความสามารถ (Skill) จนสามารถทำ�ใหผ้ ูร้ ับการฝกึ อบรม เปล่ยี นแปลงพฤติกรรมไปตามวตั ถปุ ระสงคท์ ต่ี ้องการ บทบาทและหน้าทท่ี ่สี ำ�คัญของวทิ ยากร มดี งั นี้ ๑. วทิ ยากร คือ ผ้ทู ีท่ �ำ ให้เกดิ การเรยี นรู้ (Instructor) บทบาทแรกของวทิ ยากร คอื คำ�ว่า “ท�ำ ใหเ้ กดิ การเรยี นร”ู้ หมายความวา่ วทิ ยากรจะตอ้ งท�ำ ใหผ้ เู้ ขา้ สมั มนามคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในเรอ่ื งหรอื หลักสูตรที่วิทยากรถ่ายทอด จนสามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรมไปตามวัตถุประสงค์ของ เรอื่ งหรอื หลักสูตรนัน้ ๆ ดังน้ัน บทบาทนว้ี ิทยากรจำ�เปน็ ตอ้ งมีความรู้ ความเข้าใจในเรอื่ งหรอื หลกั สูตร ทถ่ี ่ายทอดน้ัน ๆ ได้อย่างถ่องแท้ หากวทิ ยากรมคี วามรไู้ มม่ ากพอ ก็ยากทีจ่ ะท�ำ ใหผ้ ู้เขา้ สมั มนาเกดิ การเรียนรไู้ ด้ ดังน้นั การเปน็ วทิ ยากรบทบาทแรก จะต้องหาความรู้เยอะ ๆ ในทุก ๆ เร่อื งโดยเฉพาะเรอื่ ง ที่จะตอ้ งใหผ้ ้เู ขา้ รับฟังการสัมมนาเกิดการเรียนรู้ หลักสูตรโคช้ เพื่อการรู้คิดต้านทุจรติ 115

๒. วทิ ยากร คอื ผฝู้ ึก (Trainer) บทบาทที่ ๒ มคี วามส�ำ คัญตอ่ การเปน็ วทิ ยากรทีส่ มบูรณ์ แบบอกี บทบาทหน่ึง การเป็นผูฝ้ ึกไม่ใช่เรือ่ งง่าย นอกจากต้องมีความรู้เก่ยี วกับเรอื่ งหลกั สูตรทอ่ี บรมแลว้ วทิ ยากรจ�ำ เปน็ ตอ้ งมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ผเู้ ขา้ สมั มนาดว้ ยวา่ มคี ณุ สมบตั หิ รอื พน้ื ความรเู้ ปน็ อยา่ งไร การเป็นวิทยากรในบทบาทน้ีส่วนใหญ่ คือ หลักสูตรหรือเร่ืองที่เกี่ยวกับการอบรมเชิงฝึกปฏิบัติ เช่น หลักสูตรศิลปะการพดู สร้างแรงจูงใจ เทคนคิ การเป็นพธิ ีกร หรอื วทิ ยากรมืออาชีพฯลฯ วทิ ยากรผูอ้ บรม ทำ�หน้าที่ในบทบาทน้ี ต้องอดทน ใจเย็น รอคอย ฝึกฝนจนผู้เข้าอบรมสัมมนาบรรลุผลเป็นไปตาม วัตถปุ ระสงค์ทีต่ อ้ งการ เปรียบเสมือน โค้ช !!! ตอ้ งรอบรู้ รลู้ ึก ร้จู ริง และรกู้ ว้าง ๓. วทิ ยากร คือ พเ่ี ลยี้ ง (Mentor) ในบทบาทนว้ี ทิ ยากรตอ้ งทำ�หน้าทเ่ี ปน็ พ่ีเล้ยี งคอย ใหค้ �ำ ปรกึ ษา ใหก้ �ำ ลงั ใจ แนะแนวทางตา่ ง ๆ เพอื่ ท�ำ ใหผ้ เู้ ขา้ สมั มนา มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ จดุ ประกายความคดิ สามารถเปล่ยี นแปลงพฤติกรรม ปฏิบัติตาม จนประสบผลส�ำ เร็จตามเป้าหมายของการอบรม – สมั มนา ท่วี างไว้ ในบทบาทพ่เี ล้ียงของวิทยากรน้ี วิทยากรตอ้ งมีมนุษย์สมั พันธ์ ย้มิ แย้มแจ่มใส อารมณ์ดี จึงจะ สามารถทำ�บทบาทนไี้ ดด้ ี ๔. วิทยากร คือ ผู้สอน (Teacher) บทบาทน้ีเป็นบทบาทท่ีสำ�คัญอีกบทบาทหนึ่งของ วทิ ยากร การถา่ ยทอดความรเู้ พอ่ื ท�ำ ใหผ้ เู้ ขา้ สมั มนาเกดิ ความเขา้ ใจนน้ั วทิ ยากรตอ้ งท�ำ หนา้ ทเ่ี ปน็ ครผู สู้ อนดว้ ย การพูดด้วยเสียงที่ดังชัดเจน สอนด้วยการยกตัวอย่างประกอบ เปรียบเทียบ จะทำ�ให้ผู้เข้าสัมมนา เปล่ียนแปลงทัศนคติจนสามารถจุดประกายความคิดเปล่ียนแปลงพฤติกรรมเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ของเร่ืองหรือหลักสูตรน้ัน ๆ ได้ การทำ�หน้าที่ของวิทยากรในบทบาทครูผู้สอน จะทำ�ให้ผู้ฟังเช่ือและ เปลยี่ นแปลงไดใ้ นท่ีสุด ในบทบาทนว้ี ิทยากรจ�ำ เปน็ ตอ้ งฝกึ ฝนอย่างมากในจิตวิญญาณของการเป็นครู ๕. วทิ ยากร คือ ผู้บรรยาย (Lecturer) ในบทบาทน้เี ป็นอกี บทบาทหน่งึ ของวิทยากร การบรรยายของวทิ ยากรนนั้ เปน็ บทบาทหลกั เลยกว็ า่ ได้ แตท่ สี่ �ำ คญั วทิ ยากรจะบรรยายอยา่ งไร ทจี่ ะท�ำ ให้ ผู้ฟังหรอื ผเู้ ขา้ สัมมนา ไม่เบือ่ หรอื หลับเสียก่อน บรรยายอย่างไร ทีจ่ ะท�ำ ให้สนุกสนานตนื่ เต้น เรยี งลำ�ดบั ขั้นตอนไดอ้ ย่างชัดเจนเขา้ ใจงา่ ย และได้เนอ้ื หาสาระครบถ้วน บทบาทนีก้ ็ต้องไดร้ บั ฝึกฝน องคก์ รหรอื หนว่ ยงานใดมวี ทิ ยากรทคี่ รบเครอื่ งท�ำ ไดท้ กุ บทบาทกถ็ อื วา่ ส�ำ เรจ็ ไปแลว้ ครงึ่ หนง่ึ หรอื ทา่ นใดทเ่ี ปน็ วทิ ยากรอยแู่ ลว้ ท�ำ ไดท้ กุ บทบาทกถ็ อื ไดว้ า่ สดุ ยอดแลว้ แตถ่ า้ ทา่ นใดยงั ท�ำ ไมไ่ ด้ ทกุ บทบาทหรอื ทำ�ได้เพียงบางบทบาท ก็ฝึกฝนกันต่อไป ฝกึ บ่อย ๆ กจ็ ะเกง่ และช�ำ นาญ เปน็ วทิ ยากร มอื อาชีพไดใ้ นที่สุด การเปน็ คนชา่ งสังเกต ชา่ งพดู ชอบการถ่ายทอดเนอ้ื หาสาระ จะตอ้ งหมัน่ สงั เกตผูฟ้ ัง วา่ รูส้ กึ เชน่ ไร การเรยี นรูภ้ าษากาย มคี วามจ�ำ เปน็ อย่างยงิ่ เพราะจะทำ�ให้เราสามารถร้ไู ด้ว่า ผูฟ้ ังตอบรบั การพดู ของวทิ ยากรได้มากนอ้ ยแค่ไหน คณุ สมบตั ขิ องวทิ ยากรที่ดี มีดังน้ี ๑. ตอ้ งมคี วามรู้จรงิ ในเรอ่ื งท่ีจะถา่ ยทอดอย่างชัดเจน การเป็นวิทยากร เป็นนกั พูด ทเี่ กง่ นั้น ตอ้ งมคี วามรู้เยอะ มคี วามรทู้ หี่ ลากหลาย โดยเฉพาะเร่ืองทจ่ี ะบรรยาย ต้องรูช้ นิดทะลปุ รโุ ปร่ง สามารถเข้าใจเรอ่ื งที่จะถ่ายทอดไดอ้ ย่างกระจ่างแจ้งชดั เจน ส่วนความร้อู ่นื ๆ ก็ต้องมีรอบด้าน ไม่ว่าจะ เปน็ นทิ าน เรอื่ งตลกข�ำ ขนั ความรรู้ อบตวั อนื่ ๆ อกี มากมาย การเปน็ คนรกั การเรยี นรจู้ ะสามารถท�ำ ใหเ้ รา เป็นวิทยากรท่ีเกง่ มีค่าตวั แพงๆ ได้ เพราะวทิ ยากรคือผู้ถา่ ยทอดให้ความรู้ จึงมีคำ�กล่าวท่ีวา่ 116 หลักสูตรโค้ชเพื่อการรู้คดิ ตา้ นทจุ รติ

“อ่านหนงั สือประวตั ิศาสตร์ ๑ เลม่ ยน่ ย่อระยะเวลาของประวตั ศิ าสตร์นับ ๑๐๐ ปี” ๒. มคี วามคิดริเร่ิมสรา้ งสรรค์ ความคดิ ของคนเรามี ๒ ด้าน ดา้ นหน่งึ บวก อีกด้านหนง่ึ ลบ การคดิ ลบ ท�ำ ใหจ้ ติ ใจหดหู่ ห่อเหยี่ ว หมดความหวัง หมดกำ�ลังใจ การคิดบวกก่อใหเ้ กิดความหวัง พลังใจ มีแรงทจ่ี ะต่อส้ปู ัญหาอุปสรรค มีความคิดสร้างสรรค์ คดิ สง่ิ แปลก ๆ สิง่ ใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา คุณสมบัติ ของผทู้ ่ตี ้องการฝกึ ฝนเปน็ วิทยากรในข้อน้กี ็คือ การคดิ บวก มีความคิดริเริ่มสรา้ งสรรค์ เพราะจะทำ�ให้ เรามอี ะไร แปลก ๆ ใหม่ ๆ ตลอดเวลา เวลาถ่ายทอดใหค้ วามรู้ ก็จะเป็นความรทู้ ่ีดี ๆ ความรทู้ ี่สรา้ งสรรค์ ผูเ้ ขา้ สัมมนากจ็ ะได้แนวความคดิ จากการฟงั บรรยายนำ�ไปปฏบิ ตั ใิ หเ้ กิดประโยชน์ ทำ�ให้ผทู้ ่เี ป็นวิทยากร ไดร้ ับการตอบรบั มากยงิ่ ข้นึ ดงั น้นั การฝึกฝนเกีย่ วกับความคิดสรา้ งสรรค์ก็เปน็ อีกขอ้ หนึ่งท่ีวทิ ยากรพงึ มี ๓. มีมนษุ ยส์ มั พนั ธ์ดี การเปน็ คนร่าเริง ยม้ิ แยม้ แจม่ ใสเป็นกนั เอง ทำ�ให้มเี สนห่ ์ มแี ตค่ น อยากเขา้ ใกล้ เป็นคณุ สมบตั ิอกี ขอ้ หนึ่งทค่ี วรมสี ำ�หรับการเปน็ วิทยากร รอยยมิ้ ของวทิ ยากร จะทำ�ให้ ผูเ้ ข้าสมั มนาฟังอยา่ งต้งั ใจ คงไมม่ ีใครอยากฟังวทิ ยากรหนา้ บงึ้ หรือหน้าบอกบญุ ไม่รบั ฝกึ ยม้ิ เสยี แต่วนั นี้ เพ่ือเป็นวทิ ยากรท่ีดใี นวนั หน้า ๔. ชา่ งสงั เกต การพดู การถา่ ยทอดเนือ้ หาสาระ ต้องหมน่ั สังเกตผู้ฟังร้สู กึ เชน่ ไร การเรยี นรู้ ภาษากาย มคี วามจ�ำ เปน็ อยา่ งยง่ิ เพราะจะท�ำ ใหส้ ามารถรไู้ ดว้ า่ ผฟู้ งั ตอบรบั การพดู ของวทิ ยากรไดม้ ากนอ้ ย แคไ่ หน ดงั น้ันคณุ สมบตั ขิ อ้ น้คี ือตอ้ งฝึกเป็นคนช่างสังเกต ๕. มไี หวพริบปฏิภาณ วิทยากรตอ้ งมคี วามสามารถในการแกไ้ ขเหตกุ ารณ์เฉพาะหนา้ เก่ง คุณสมบัติข้อนี้ขาดไม่ได้ ใครไม่มีคุณสมบัติข้อน้ีฝึกฝนได้ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนบางคร้ังเกินความ คาดหมาย การมไี หวพรบิ ปฏภิ าณคิดไวทำ�ไว แกไ้ ขเหตกุ ารณ์เฉพาะหนา้ ได้ เปน็ คณุ สมบตั อิ กี ข้อหนง่ึ ของ วิทยากรทต่ี อ้ งฝกึ ฝน ๖. มีความเช่ือม่นั ในตนเอง วทิ ยากรเป็นยิ่งกว่าผู้น�ำ เน่อื งจากผูน้ ำ�สามารถน�ำ คนอื่นได้ แตผ่ นู้ �ำ อาจจะไมใ่ ชว่ ทิ ยากรทด่ี ี แตผ่ นู้ �ำ มคี วามเชอื่ มน่ั ดงั นน้ั วทิ ยากรจงึ ตอ้ งมคี วามเชอ่ื มนั่ มากกวา่ หากไม่มีความเชื่อม่ัน ไม่มีความม่ันใจในเร่ืองท่ีบรรยายในเร่ืองที่ถ่ายทอด แล้วใครจะเชื่อ ความเช่ือมั่น จะแสดงออกมาทางน้าํ เสยี ง สีหนา้ แววตา ข้อมลู คำ�พูด ท่าทาง บุคลิกภาพ การพดู ท่ีมหี ลักการ การพดู ทมี่ นี าํ้ เสยี งทรงพลงั ชว่ ยเสรมิ สรา้ งความเชอื่ มน่ั ใหเ้ กดิ ขน้ึ ได้ ความเชอ่ื มน่ั ในตนเองเปน็ คณุ สมบตั อิ กี ขอ้ หนง่ึ ท่ีควรมกี ารฝกึ ฝน ๗. มกี ารวางแผนทด่ี ี นกั พดู ทด่ี หี รอื วทิ ยากรทด่ี ตี อ้ งมคี ณุ สมบตั เิ รอื่ งการวางแผนการพดู ใหไ้ ป ตามล�ำ ดบั ขนั้ ตอน ถอื เปน็ เรอื่ งส�ำ คญั ส�ำ หรบั การถา่ ยทอด เพราะจะท�ำ ใหผ้ ฟู้ งั เขา้ ใจเรอื่ งทไี่ ดร้ บั การถ่ายทอดอยา่ งกระจ่างแจง้ ชดั เจน การขาดการวางแผน จะทำ�ให้การพดู วกไปวนมา ท�ำ ใหเ้ กิดการ ลม้ เหลวในการพดู ไมป่ ระสบความส�ำ เรจ็ ในการเปน็ วทิ ยากร ดงั นน้ั การวางแผนเปน็ คณุ สมบตั อิ กี ขอ้ หนง่ึ ที่ควรมีการฝึกฝน ๘. มคี วามจรงิ ใจตง้ั ใจใหค้ วามรู้ คณุ สมบตั ขิ อ้ นเี้ ปน็ คณุ สมบตั พิ น้ื ฐานของการเปน็ วทิ ยากร มืออาชีพ ความจรงิ ใจตง้ั ใจมากน้อยแค่ไหนสัมผัสได้ไม่ยาก ระหวา่ งวทิ ยากรกบั ผ้ฟู งั การสัมมนา หากมี ความจรงิ ใจและตง้ั ใจจริง ๙. มลี ลี าแบบฉบบั เปน็ ของตวั เอง ลลี าแบบฉบบั ของนกั พดู หรอื วทิ ยากรทเ่ี ปน็ ตวั ของตวั เอง จะท�ำ ให้ ผฟู้ ังจำ�ได้แมน่ ยา โดดเด่น เปน็ เอกลักษณ์ดังน้ัน วทิ ยากรต้องหาลลี าที่เป็นแบบฉบับของตัวเอง หลกั สตู รโคช้ เพือ่ การร้คู ิดต้านทจุ รติ 117

๑๐. ทำ�ใหผ้ ูเ้ ข้าสัมมนามสี ว่ นรว่ มในการบรรยาย การพูด คอื การส่ือสารระหว่างผพู้ ดู กบั ผฟู้ งั แตก่ ารบรรยาย คอื การพดู สอ่ื สารระหวา่ งวทิ ยากรกบั ผเู้ ขา้ สมั มนา หากวทิ ยากรพดู ไป ผฟู้ งั กเ็ งยี บ นานเขา้ บรรยากาศกจ็ ะกรอ่ ยสดุ ท้ายคนก็จะหายหมดทงั้ ห้อง ดังน้นั การสรา้ งบรรยากาศใหผ้ ฟู้ ังหรือ ผเู้ ขา้ สมั มนามสี ว่ นรว่ ม เปน็ คณุ สมบตั ขิ อ้ ส�ำ คญั ทตี่ อ้ งฝกึ ฝนอยา่ งหนกั เพราะการท�ำ ใหผ้ เู้ ขา้ สมั มนามสี ว่ นรว่ ม เปน็ จดุ แจ้งเกิดของวทิ ยากรมืออาชีพ ๑๑. บคุ ลกิ ภาพการแตง่ กายโดดเด่น ดูดมี สี งา่ วางตัวเหมาะสมเปน็ วิทยากร การแต่งกาย ทเี่ หมาะสม บคุ ลกิ ภาพดดู ี โดดเดน่ เปน็ ทเี่ คารพเลอื่ มใสตอ่ ผพู้ บเหน็ ไมว่ า่ จะเปน็ บนเวทหี รอื อยขู่ า้ งลา่ งเวที นับว่ามีความส�ำ คญั อย่างยิ่ง ดงั นัน้ วทิ ยากรก็ต้องฝกึ ฝนเช่นกนั ๑๒. ถา่ ยทอดเปน็ ๑๒.๑ มีเทคนิคตา่ ง ๆ เช่น การบรรยาย การน�ำ อภิปราย การสัมมนา กรณศี กึ ษา การจัดกิจกรรม ฯลฯ เพือ่ ทำ�ให้เกดิ ความรู้ เข้าใจง่าย ได้สาระ ๑๒.๒ พดู เปน็ คือ พูดแล้วทำ�ใหผ้ ู้ฟงั เขา้ ใจตามทพ่ี ูดได้อยา่ งรวดเร็ว สามารถพูด เร่อื งยาก ซับซ้อนใหเ้ ข้าใจงา่ ย ๑๒.๓ ฟงั เปน็ คือ ต้งั ใจฟงั ฟงั ให้ตลอด ขณะทฟี่ ังตอ้ งควบคมุ อารมณ์ ขณะทฟ่ี งั อยา่ คดิ ค�ำ ตอบทนั ที จงฟังเอาความหมายมากกวา่ ถอ้ ยคำ� ๑๒.๔ นำ�เสนอเปน็ ประเด็นและสรปุ ประเดน็ ให้ชดั เจน ๑๒.๕ มีอารมณข์ ัน สร้างบรรยากาศในการอบรมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ๑๒.๖ มปี ระสทิ ธภิ าพในการอบรม สามารถเชอ่ื มโยงทฤษฎเี ขา้ กบั การปฏบิ ตั ไิ ดด้ ี มองเหน็ เป็นรปู ธรรม ๑๒.๗ ใช้ภาษาพดู ไดด้ ี ใชภ้ าษางา่ ย ๆ รู้จักเลอื กภาษาใหต้ รงกบั เน้ือหาและตรงกบั ความต้องการและพ้นื ฐานความร้ขู องผู้ฟงั ๑๓. มหี ลักจติ วิทยาในการสอนผใู้ หญ่ ๑๓.๑ ความสนใจในการรบั ฟงั จะเกดิ ขน้ึ จากการรบั รถู้ งึ เรอื่ งทวี่ ทิ ยากรจะพดู หรอื บรรยาย ๑๓.๒ ม่งุ ประโยชนใ์ นการรบั ฟังเป็นส�ำ คัญ ๑๓.๓ จะตง้ั ใจและเรยี นรไู้ ดด้ ี ถา้ วทิ ยากรแยกเรอื่ งทส่ี อนออกเปน็ ประเดน็ /ขน้ั ตอน ๑๓.๔ จะเรยี นรู้ได้ดถี ้าไดฝ้ กึ ปฏบิ ัติไปด้วยพร้อม ๆ กับการรับฟัง ๑๓.๕ จะเรียนร้ไู ด้ดยี ่ิงขึ้น ถา้ ฝกึ แล้วได้ทราบผลของการปฏบิ ัตอิ ยา่ งรวดเรว็ ๑๓.๖ จะเรียนรู้ได้ดีเม่ือมกี ารฝกึ หดั อย่เู สมอ ๑๓.๗ จะเรยี นรไู้ ดด้ เี มอื่ เปดิ โอกาสใหใ้ ชเ้ วลาในการท�ำ ความเขา้ ใจ อยา่ เรง่ รดั เพราะ แตล่ ะคนมคี วามสามารถในการเรยี นรู้ตา่ งกัน ๑๔. มีจรรยาบรรณของวทิ ยากร ๑๔.๑ เม่ือจะสอนตอ้ งมน่ั ใจว่ามคี วามรู้จริงในเร่อื งทจ่ี ะสอน ๑๔.๒ ตอ้ งมุง่ ประโยชนข์ องผู้ฟังเป็นที่ตั้ง ๑๔.๓ ไม่ควรฉกฉวยโอกาสในการเป็นวิทยากรเพ่อื แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ๑๔.๔ ความประพฤตแิ ละการปฏบิ ตั ติ นของวทิ ยากร ควรจะสอดคลอ้ งกบั เรอ่ื งทส่ี อน 118 หลกั สตู รโคช้ เพื่อการรคู้ ดิ ตา้ นทุจริต

การเปน็ ผู้น�ำ เสนอท่ีดี การเป็นวิทยากรท่ีดี วิทยากรจะต้องเป็นผู้นำ�เสนอท่ีดีด้วย เพื่อให้การบรรยายบรรลุ วัตถปุ ระสงคท์ กี่ �ำ หนดไว้ โดยวิทยากรจะต้องมกี ารเตรียมการท่ปี ระกบด้วยข้นั ตอน ดงั นี้ ๑. การวางแผน (Planning) เปน็ ขน้ั ตอนแรกทส่ี �ำ คญั ทจ่ี ะน�ำ ไปสคู่ วามมน่ั ใจของการเปน็ ผนู้ �ำ เสนอทดี่ ี นน้ั คอื การวางแผน เตรยี มความพรอ้ ม โดย - ส�ำ รวจตวั เอง - วิเคราะหจ์ ุดออ่ นและจดุ แขง็ ตนเอง - สรา้ งความเชอ่ื ม่นั ตนเอง - ก�ำ หนดแผนและกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๒. การดำ�เนินการ (Doing) การดำ�เนินการเป็นไปตามแผนและกิจกรรมการเรียนรู้ที่กำ�หนดขึ้น ซึ่งอาจพบปัญหา หรอื อุปสรรคทีต่ อ้ งแกไ้ ขปัญหาเหล่านนั้ ๓. การตรวจสอบ (Checking) บุคคลท่จี ะประสบความส�ำ เรจ็ ในอาชีพการงานต่าง ๆ ไดน้ นั้ จะตอ้ งคอยตรวจสอบ ผลการดำ�เนนิ งานของตนเองเป็นระยะ ๆ โดยประเมินความสำ�เรจ็ ของกิจกรรมต่างๆ ท่ีดำ�เนนิ การ มาทงั้ หมดวา่ เปน็ ไปตามเปา้ หมายทต่ี อ้ งการใหเ้ ปน็ หรอื ไม่ ทง้ั นี้ เพอื่ สรา้ งความส�ำ เรจ็ ในการกา้ วขน้ึ สเู่ วทขี อง “ผนู้ �ำ เสนอหรือวทิ ยากร” ๔. การลงมือปฏิบตั จิ รงิ (Acting) เมอื่ มคี วามพร้อมในทุกอยา่ ง ก็เริม่ ก้าวสเู่ วทขี องการเป็นผู้น�ำ เสนอที่ดี เทคนิคการเตรียมตวั ทีด่ ีของวทิ ยากร กอ่ นการฝกึ อบรม กอ่ นท่จี ะมีการฝกึ อบรมเกดิ ขน้ึ วทิ ยากรจะตอ้ งมีภารกจิ ในการเตรยี มตวั เพราะวิทยากร จะตอ้ งทราบลว่ งหนา้ วา่ ตนจะตอ้ งเปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบในเรอ่ื งใด ดงั นน้ั ในขนั้ ตอนนวี้ ทิ ยากรควรจะด�ำ เนนิ การ เตรียมการเพ่ือการถ่ายทอดและเปลี่ยนทัศนคติของผู้เข้ารับการฝึกอบรม การเตรียมการท่ีดีย่อมสำ�เร็จ ไปแล้วครง่ึ หนง่ึ เพราะจะทำ�ให้วทิ ยากรเกิดความม่ันใจในการฝกึ อบรม และเมื่อมปี ัญหาต่างๆ เกดิ ขึ้น ย่อมแก้ปญั หาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม การเตรยี มการในข้ันนีเ้ ก่ยี วขอ้ งกับ ๑. การประสานงานกบั หนว่ ยงานทจี่ ะฝกึ อบรม เพอ่ื ขอขอ้ มลู ทจี่ ะเปน็ ประโยชนต์ อ่ การ ฝกึ อบรม ได้แก่ หลักสตู ร กลุม่ ผ้เู ข้ารับการฝกึ อบรม เอกสารประกอบ วสั ดุอปุ กรณต์ ่างๆ ๒. การเขยี นแผนการฝกึ อบรม ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ทไี่ ดจ้ ากหนว่ ยงานจะเปน็ ประโยชนต์ อ่ การเขยี น แผนการฝึกอบรม แผนการฝึกอบรมเป็นแนวทางสาหรับวิทยากรว่า จะถ่ายทอดและเปล่ียนพฤติกรรม โดยใชส้ ่อื และเทคนคิ การฝึกอบรมอย่างไร เพื่อใหเ้ หมาะสมกับผเู้ ข้ารว่ มอบรม ๓. การเตรยี มอปุ กรณ์ สอื่ ตา่ งๆ วทิ ยากรควรจะเตรยี มอปุ กรณแ์ ละสอื่ ตา่ งๆ เชน่ ไฟลน์ �ำ เสนอ กระดาษ ฯลฯ ใหเ้ รยี บร้อย เหมาะสมกบั ฐานะของวทิ ยากร หลกั สูตรโค้ชเพือ่ การรู้คิดตา้ นทุจรติ 119

ระหว่างการฝกึ อบรม เมอื่ วทิ ยากรมาถงึ สถานทจี่ ดั ฝกึ อบรม ควรตรวจสอบสถานทแี่ ละอปุ กรณต์ า่ งๆ ทไี่ ดจ้ ดั เตรยี มไว้ และสอบถามขอ้ มลู ตา่ ง ๆ เชน่ บรรยากาศในการฝกึ อบรม ใครเปน็ ผนู้ ากลมุ่ วทิ ยากรคนกอ่ นๆ พดู เกย่ี วกบั อะไร ฯลฯ เมอื่ ถึงเวลาการฝกึ อบรม จะตอ้ งดำ�เนินการตา่ ง ๆ ทส่ี �ำ คญั ไดแ้ ก่ ๑. การถ่ายทอดความรู้ ควรมีความสามารถในการถ่ายทอด โดยอาศัยเทคนิคและใช้สื่อ อปุ กรณต์ ่าง ๆ ใหเ้ ป็นประโยชน์ ๒. การเป็นศูนยก์ ลาง ในการแลกเปลยี่ นประสบการณแ์ ละความคดิ เห็น วทิ ยากรจะตอ้ ง คอยกระตนุ้ ใหผ้ รู้ บั การฝกึ อบรมแลกเปลยี่ นประสบการณค์ วามคดิ เหน็ รวมถงึ ตอ้ งคอยชแี้ นะ สรปุ ประเดน็ และน�ำ เสนอแนวทางทีเ่ หมาะสมดว้ ย ๓. การเสรมิ สร้างบรรยากาศ วิทยากรจะตอ้ งสร้างบรรยากาศทเ่ี หมาะสมตอ่ การเรียนรู้ ทงั้ ดา้ นกายภาพ ไดแ้ ก่ อปุ กรณ์ สอ่ื ใหเ้ หมาะสม และดา้ นจติ ภาพ หมายถงึ ผเู้ ขา้ รบั การฝกึ อบรม มคี วามสนใจ ทจ่ี ะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ๔. การมีมนษุ ยสมั พนั ธ์ วิทยากรจะตอ้ งอาศัยหลักการ ด้านมนุษยสัมพันธ์ เพอ่ื เป็น การช่วยลดช่องว่างวทิ ยากรกับผูเ้ ขา้ รบั การฝึกอบรม จะทาให้ผู้เขา้ รบั การฝึกอบรมประทับใจ ๕. การแกป้ ญั หาท่ีเกิดขน้ึ ปญั หาบางอย่างวทิ ยากรสามารถรู้ หรอื คาดเดาได้ล่วงหนา้ แต่ปัญหาบางอย่าง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ไม่สามารถคาดการณ์ได้ วิทยากรมืออาชีพจะต้อง สามารถแก้ไขปญั หาได้ หรือบรรเทาใหล้ ดนอ้ ยลง หลงั การฝึกอบรม อาจจะกระท�ำ ไดโ้ ดย ๑. การประเมินผลการอบรม วิทยากรควรจะขอขอ้ มูล จากผูจ้ ดั ฝกึ อบรม นอกเหนอื จาก ประเมนิ โดยการสงั เกต เพอื่ จะไดท้ ราบผลการปฏบิ ตั งิ านของตน และน�ำ มาใชป้ รบั ปรงุ แกไ้ ขในโอกาสตอ่ ไป ๒. การเข้าร่วมกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความจำ�เปน็ วิทยากรควรเขา้ ร่วมกจิ กรรมต่าง ๆ ตามที่ เหน็ สมควร เช่น การมอบวฒุ บิ ตั ร การเล้ยี งสงั สรรค์ระหวา่ งผู้เขา้ รับการฝึกอบรม เปน็ ตน้ ๓. การติดตามผลการฝึกอบรม ต้องติดตามดูว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ได้นำ�ความรู้ท่ีได้ ฝึกฝนมาใช้ให้เกิดประโยชนม์ ากนอ้ ยเพียงใด พรอ้ มท้งั ใหค้ ำ�แนะน�ำ แก่เขาเทา่ ทจ่ี ำ�เปน็ บันได ๑๓ ข้นั สูค่ วามสำ�เรจ็ การเปน็ วิทยากร ๑. เตรียมใหพ้ ร้อม ๒. ซกั ซ้อมใหด้ ี ๓. ทา่ ทใี หส้ งา่ ๔. หนา้ ตาให้สุขมุ ๕. ทกั ทป่ี ระชมุ ไม่วกวน ๖. เริม่ ตน้ ให้โนม้ นา้ ว ๗. เรื่องราวใหก้ ระชบั ๘. ตาจบั ทผี่ ู้ฟงั ๙. เสียงดังให้พอดี 120 หลกั สตู รโคช้ เพอ่ื การร้คู ิดต้านทจุ ริต

๑๐. อยา่ ใหม้ เี อ้อื อา้ ๑๑. ดูเวลาให้พอครบ ๑๒. สรปุ จบให้จับใจ ๑๓. ยม้ิ แย้มแจม่ ใสตลอดการพดู ๑๐ ประการ ทะยานสคู่ วามส�ำ เร็จในการพูด ๑. ร้เู รอ่ื งดี ก็พดู ได้ ๒. เตรียมตวั ไว้ ก็พูดดี ๓. พูดท้ังทีตอ้ งเช่อื ม่ัน ๔. แต่งกายนนั้ ตอ้ งเหมาะสม ๕. ปรากฏโฉม กระตือรอื รน้ ๖. ไมล่ กุ ลน ใชท้ ่าทาง ๗. สบตาบ้าง อย่างทว่ั ถงึ ๘. ภาษาซึ้ง เข้าใจงา่ ย ๙. นา้ํ เสียงไซร้ เปน็ ธรรมชาติ ๑๐. อยา่ ให้ขาดรปู ธรรม หลกั การพัฒนาคำ�พดู ๙ ประการ ๑. อา่ นหนังสือพบประโยค หรอื วลมี ีคณุ คา่ จดไว้เปน็ เสบยี งกรัง ๒. จดั ลำ�ดับความคิดทจี่ ะพูดให้คลอ้ งจองเหมือนเรียงความ ๓. พดู จากหัวใจ จรงิ ใจ ๔. วิเคราะห์สถานการณ์การพูด คนฟงั สถานท่ี เวลา เรอ่ื งที่จะพูด ๕. ก่อนพูดเตรียมรา่ งกายให้ดี ๖. ตรวจดูความพรอ้ มของอุปกรณ์ เชน่ ไมโครโฟน ๗. พูดเหมอื นการเขียน – ค�ำ นำ� เน้อื เร่ือง สรุป ๘. ระลกึ วา่ การพูดเปน็ “ศาสตร์” และ “ศลิ ป์” พูดให้สอดคลอ้ งสหี น้าและอารมณ์ ๙. กำ�หนดสารบัญการพดู ในใจ จากใจ ท่ขี ึ้นใจ การเตรยี มตวั พูดในท่ชี มุ ชน ๑. ก�ำ หนดจดุ มุ่งหมาย ให้ชดั เจนวา่ จะพูดอะไร เพื่ออะไร มขี อบข่ายกว้างขวางมากน้อย เพียงใด ๒. วิเคราะห์ผู้ฟงั พิจารณาจ�ำ นวนผู้ฟงั เพศ วัย การศกึ ษา สถานภาพทางสงั คม อาชพี ความสนใจ ความมุ่งหวัง และทศั นคติ ที่กลุ่มผฟู้ ังมีตอ่ เร่อื งท่ีพดู และตัวผูพ้ ูดเพ่ือนำ�ข้อมลู มาเตรยี มพูด เตรียมวธิ ีการใช้ภาษาให้เหมาะกบั ผฟู้ ัง ๓. ก�ำ หนดขอบเขตของเรอ่ื ง โดยค�ำ นงึ ถงึ เนอ้ื เรอื่ งและเวลาทจ่ี ะพดู ก�ำ หนดประเดน็ ส�ำ คญั ให้ชดั เจน ๔. รวบรวมเนอ้ื หา ตอ้ งจดั เนอื้ หาทผี่ ฟู้ งั ไดร้ บั ประโยชนม์ ากทสี่ ดุ การรวบรวมเนอ้ื หาท�ำ ได้ หาไดจ้ ากการศกึ ษา คน้ ควา้ จากการอา่ นการสัมภาษณ์ ไต่ถามผู้รู้ ใชค้ วามรคู้ วามสามารถ แล้วจดบันทึก หลักสูตรโคช้ เพ่ือการรคู้ ดิ ต้านทุจรติ 121

๕. เรียบเรียงเนื้อเร่ือง ผู้พูดจัดทำ�เค้าโครงเร่ืองให้ชัดเจนเป็นตามลำ�ดับจะกล่าวเปิดเร่ือง อยา่ งไร เตรียมการใช้ภาษาใหเ้ หมาะสม กะทัดรัด เขา้ ใจง่าย ตรงประเดน็ พอเหมาะกับเวลา ๖. การซอ้ มพูด เพื่อใหแ้ สดงความมน่ั ใจตอ้ งซ้อมพูด ออกเสยี งพูด อกั ขรวธิ ี มีลลี าจังหวะ ทา่ ทาง สีหนา้ สายตา นํา้ เสียง มผี ูฟ้ งั ชว่ ยติชม การพดู มีการบนั ทึกเสยี งเป็นอปุ กรณ์การฝึกซ้อม ข้อคิดนักพดู ๑. นักพดู ท่ดี ี...ตอ้ งเปน็ นกั ฟังทด่ี ี ๒. ความส�ำ เร็จของนักพดู ไม่ไดว้ ดั จากเสยี งฮา ๓. ควรพดู ให้ได้ สาระ และ บนั เทิง ๔. อา่ นหนงั สอื ดๆี ๑ เล่ม ประหยัดเวลาชวี ิตไป ๑๐ ปี ฟังนกั พดู ดี ๆ ๑ ชวั่ โมง ประหยัด เวลาอา่ นหนงั สอื ไป ๑๐ เล่ม ๕. จะเปน็ นักพูด ต้องใช้หัวใจนักปราชญ์ “สุ จิ ปุ ลิ” 122 หลักสตู รโคช้ เพ่อื การรู้คิดต้านทุจรติ

บรรณานุกรม กฤตนิ กลุ เพง็ . (๒๕๖๐). เทคนคิ การประชมุ และการน�ำ เสนอแบบมอื อาชพี . นนทบรุ :ี เอกสารประกอบ การบรรยายโครงการอบรมหลักสูตรนักบรหิ าร ป.ป.ช. ระดับสงู (นบปส.อ�ำ นวยการ) รุ่นที่๕ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ชิ ยั . เทคนคิ การเปน็ วทิ ยากรมอื อาชพี . สบื คน้ เมอ่ื ๓๐ สงิ หาคม ๒๕๖๐, จาก http://sukitthaitalk.com มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. วทิ ยากร. สบื คน้ เมอ่ื ๓๐ สงิ หาคม ๒๕๖๐, จากhttp://www.stou.ac.th /Offices/rdec/ubon/upload/trniner.pdf ส�ำ นกั งานปศสุ ตั วจ์ งั หวดั กาญจนบรุ .ี เทคนคิ การเปน็ วทิ ยากรมอื อาชพี . สบื คน้ เมอื่ ๓๐ สงิ หาคม ๒๕๖๐, จากhttp://pvlo-knr.dld.go.th/webfile/idp58/idp58new_n2/ppt_idp58n2.pdf สภุ าภรณ ์ ลมลู ศลิ ป.์ วทิ ยากรมอื อาชพี . สบื คน้ เมอ่ื ๓๐ สงิ หาคม ๒๕๖๐, จากhttp://kcenter.anamai. moph.go.th/info/pdf/66be893dd483e50ff7985615e29ef33e.pdf หลักสูตรโค้ชเพ่อื การรู้คดิ ตา้ นทจุ รติ 123

124 หลกั สูตรโค้ชเพ่อื การรคู้ ิดต้านทุจริต

ภาคผนวก

ค�ำ ส่ังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่ี ๖๔๖/๒๕๖๐ เร่อื ง แต่งตง้ั คณะอนุกรรมการจดั ท�ำ หลักสูตร หรือชุดการเรียนรู้และสือ่ ประกอบการเรียนรู้ ดา้ นการป้องกันการทจุ รติ -------------------------------- ดว้ ย คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมคร้ังที่ ๘๕๕-๒๖/๒๕๖๐ เมอ่ื วนั ที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๐ ไดม้ มี ตเิ ห็นชอบให้แตง่ ตั้งคณะอนุกรรมการจดั ท�ำ หลักสูตรหรอื ชดุ การเรยี นรแู้ ละสื่อประกอบการเรยี นรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต เพ่ือดำ�เนินการจัดทำ�หลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต สำ�หรับใช้เป็นเน้ือหามาตรฐานกลางให้สถาบันการศึกษาหรือหน่วยงาน ที่เก่ียวข้องนำ�ไปพิจารณาปรับใช้ในการเรียนการสอนให้กับกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทุกระดับชั้นเรียน เพ่ือปลูกฝังจิตสำ�นึกในการแยกแยะประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม จิตพอเพียง และสรา้ งพฤตกิ รรมทไ่ี มย่ อมรบั และไมท่ นตอ่ การทจุ รติ อนั เปน็ การด�ำ เนนิ งานตามยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ย การปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ ระยะท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ยุทธศาสตรท์ ่ี ๑ “สร้างสงั คม ไม่ทนต่อการทุจริต” กลยุทธ์ที่ ๑ ปรับฐานความคิดทุกช่วงวัยต้ังแต่ปฐมวัยให้สามารถแยกระหว่าง ผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม และกลยทุ ธท์ ่ี ๓ ประยุกตห์ ลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเครอื่ งมือตา้ นทุจริต ฉะนนั้ อาศยั อ�ำ นาจตามมาตรา ๑๙(๑๖)แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ จึงขอแต่งตั้ง คณะอนกุ รรมการจดั ท�ำ หลกั สตู รหรอื ชดุ การเรยี นรแู้ ละสอื่ ประกอบการเรยี นรู้ ดา้ นการปอ้ งกนั การทจุ รติ โดยมีองคป์ ระกอบ ดงั นี้ ๑. รองศาสตราจารย์ ดร.มาณี ไชยธรี านวุ ัฒศิริ ประธานอนกุ รรมการ ๒. รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. อนุกรรมการ (นายประหยดั พวงจ�ำ ปา) ๓. ผู้ชว่ ยเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. อนุกรรมการ (นายกติ ติ ลิม้ พงษ์) ๔. ผชู้ ว่ ยเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. อนกุ รรมการ (นายอุทิศ บัวศรี) 126 หลักสตู รโค้ชเพ่อื การรู้คดิ ต้านทุจริต

๕. ผู้อำ�นวยการส�ำ นักปอ้ งกันการทุจริตภาคการเมือง อนุกรรมการ ๖. ผอู้ �ำ นวยการส�ำ นกั ปอ้ งกันการทุจรติ ภาครัฐวสิ าหกิจ อนกุ รรมการ และธรุ กจิ เอกชน อนุกรรมการ ๗. ผู้อำ�นวยการส�ำ นักปอ้ งกนั การทุจรติ ภาคประชาสงั คม อนกุ รรมการ และการพัฒนาเครือขา่ ย อนกุ รรมการ ๘. ผู้แทนส�ำ นกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร อนกุ รรมการ (ดา้ นการสร้างหลักสูตรและสื่อการเรยี นร)ู้ อนุกรรมการ ๙. ผู้แทนสำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน อนุกรรมการ (ดา้ นการสรา้ งหลักสูตรและสอ่ื การเรยี นรู้) อนกุ รรมการ ๑๐. ผแู้ ทนสำ�นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา (ดา้ นการสร้างหลกั สตู รและสอ่ื การเรยี นร)ู้ อนุกรรมการ ๑๑. ผู้แทนส�ำ นักงานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา อนุกรรมการ (ด้านการสรา้ งหลักสตู รและสอ่ื การเรยี นรู้) อนกุ รรมการ ๑๒. ผู้แทนส�ำ นกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา อนกุ รรมการ (ดา้ นการสรา้ งหลกั สูตรและสอ่ื การเรียนร)ู้ ๑๓. ผู้แทนส�ำ นกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและ อนุกรรมการ การศึกษาตามอัธยาศยั (ดา้ นการสรา้ งหลักสตู รและสอ่ื การเรียนร)ู้ อนกุ รรมการ ๑๔. ผู้แทนสำ�นักงานลูกเสอื แห่งชาต ิ (ดา้ นการสร้างหลักสูตรและสอ่ื การเรยี นร)ู้ ๑๕. ผแู้ ทนท่ีประชมุ อธกิ ารบดีแหง่ ประเทศไทย (ด้านการสรา้ งหลักสูตรและส่ือการเรยี นร)ู้ ๑๖. ผู้แทนทป่ี ระชุมอธิการบดมี หาวิทยาลัยราชภัฏ (ดา้ นการสรา้ งหลักสตู รและสื่อการเรียนรู้) ๑๗. ผแู้ ทนคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัย เทคโนโลยรี าชมงคล (ดา้ นการสรา้ งหลกั สตู รและสอ่ื การเรยี นร)ู้ ๑๘. ผ้แู ทนสถาบนั วิชาการปอ้ งกนั ประเทศ กองบญั ชาการกองทพั ไทย (ด้านการสรา้ งหลกั สูตรและสอ่ื การเรยี นร)ู้ ๑๙. ผู้แทนกรมยุทธศกึ ษาทหารบก (ดา้ นการสรา้ งหลกั สูตรและสื่อการเรียนร)ู้ หลกั สตู รโคช้ เพ่ือการรคู้ ดิ ต้านทุจรติ 127

๒๐. ผแู้ ทนกรมยทุ ธศกึ ษาทหารเรอื อนุกรรมการ (ด้านการสร้างหลกั สูตรและสอ่ื การเรยี นร)ู้ ๒๑. ผแู้ ทนกรมยุทธศึกษาทหารอากาศ อนุกรรมการ (ด้านการสร้างหลกั สตู รและสือ่ การเรยี นรู้) ๒๒. ผู้แทนกองบัญชาการศึกษา ส�ำ นกั งานตำ�รวจแหง่ ชาติ อนกุ รรมการ (ดา้ นการสรา้ งหลักสูตรและสอื่ การเรยี นรู)้ ๒๓. พลโท ดร.ชัยฤกษ์ แก้วพรหมมาลย์ อนกุ รรมการ ๒๔. นายเสฏฐนนั ท์ อังกูรภาสวิชญ์ อนุกรรมการ ๒๕. นายสุเทพ พรหมวาศ อนกุ รรมการ ๒๖. ผอู้ �ำ นวยการสำ�นกั ป้องกนั การทจุ ริตภาครฐั อนกุ รรมการและเลขานกุ าร ๒๗. นายสมพจน์ แพง่ ประสิทธ ์ิ ผูช้ ่วยเลขานกุ าร ๒๘. นางสาวกลั ยา สวนโพธ ์ิ ผูช้ ว่ ยเลขานกุ าร ๒๙. นายสราวุฒิ เศรษฐกร ผู้ชว่ ยเลขานุการ ๓๐. นายกาญจนบ์ ัณฑิต สนนชุ ผู้ช่วยเลขานุการ ๓๑. นายเทอดภูมิ ทศั นพมิ ล ผู้ช่วยเลขานุการ ๓๒. นายธนวัฒน์ มะแมน้ ผชู้ ่วยเลขานกุ าร โดยคณะอนุกรรมการฯ มีอำ�นาจหนา้ ท่ดี ังน้ี ๑. ศึกษา วิเคราะห์ และรวบรวมข้อมูลที่เก่ียวข้องกับการจัดทำ�หลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ และสอื่ ประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจรติ ๒. ก�ำ หนดแนวทางและขอบเขตในการจดั ท�ำ หลกั สตู รหรอื ชดุ การเรยี นรแู้ ละสอ่ื ประกอบการเรยี นรู้ ดา้ นการปอ้ งกนั การทจุ รติ ตามกรอบยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) ยุทธศาสตร์ที่ ๑ “สร้างสงั คมไมท่ นต่อการทจุ รติ ” ๓. พิจารณายกร่างและจัดทำ�เน้ือหาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต โดยกำ�หนดโครงสร้างหลักสูตร วัตถุประสงค์ของหลักสูตร จุดประสงค์ของ รายวิชา เนื้อหาสาระ จัดระเบียบ/ลำ�ดับของเนื้อหาสาระ วิธีการประเมินผลการเรียนรู้ รวมท้ังอื่น ๆ ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง ๔. พิจารณาให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดทำ�หลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่ือประกอบ การเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต เพื่อให้มีเน้ือหาท่ีครอบคลุมและสมบูรณ์ พร้อมท้ังนำ�เสนอ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พจิ ารณาให้ความเหน็ ชอบ ทั้งน้ี ใหด้ ำ�เนินการแล้วเสรจ็ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ 128 หลักสูตรโคช้ เพือ่ การรคู้ ดิ ตา้ นทจุ รติ

๕. กำ�หนดแผนหรือแนวทางการนำ�หลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการปอ้ งกนั การทุจรติ ไปใช้ในหน่วยงานที่เกีย่ วขอ้ ง ๖. ดำ�เนนิ การอื่น ๆ ตามท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย ทงั้ นี้ ตงั้ แต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่งั ณ วนั ท่ี ๒๖ เดอื น เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐ พลต�ำ รวจเอก (วชั รพล ประสารราชกิจ) ประธานกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ หลกั สูตรโคช้ เพื่อการรคู้ ดิ ต้านทจุ ริต 129

รายชือ่ ผู้จดั ท�ำ หลักสูตรโคช้ เพื่อการรู้คดิ ตา้ นทจุ ริต ๑. นายสเุ ทพ พรหมวาศ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๒. นายสมชยั ถริ ะวนั ธุ์ ผู้อำ�นวยการสำ�นักป้องกันการทุจริตภาคประชาสังคมและการพัฒนาเครือข่าย ส�ำ นักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ๓. นางสาวสทุ ธิกานต์ วัฒนเศรษฐกลุ ส�ำ นกั งานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ ๔. นายณัฐพงศ ์ มณีจกั ร์ ส�ำ นกั งานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ ๕. นายติณณภพ พัฒนะ ส�ำ นกั งานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ ๖. นางสาวชลธิชา ทงั่ ทอง สำ�นกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ ๗. นางสาวศิรพิ ร เตม็ รัศมี ส�ำ นกั งานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ 130 หลกั สตู รโคช้ เพือ่ การร้คู ดิ ต้านทจุ รติ