Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือนักเรียน ปีการศึกษา 2564

คู่มือนักเรียน ปีการศึกษา 2564

Published by pimttun, 2021-06-11 09:42:51

Description: คู่มือนักเรียน ปีการศึกษา 2564

Search

Read the Text Version

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร ข้ึนภายในบริเวณวัดเบญจม บพิตรดุสิตวนาราม เมอื่ ปพี ทุ ธศักราช 2443 หลังจากสถาปนาวดั เบญจมบพติ รดสุ ิตวนารามได้ 1 ปี โรงเรียนที่จะสรา้ งขึ้นเป็นทศ่ี ึกษาน้ัน ได้ทรงดารทิ ี่จะสร้างเป็นตึกสองชั้นให้มั่นคงถาวร ซ่ึงต้องใช้เวลาในการก่อสร้างเป็นเวลานาน ในชั้นแรกจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้าง อาคารช่ัวคราวเปน็ อาคารไม้ช้ันเดียวหลังคามุงจากใชเ้ สื่อลาแพนกั้นเป็นผนังห้อง และทาบาน ประตูหน้าต่าง เม่ือสร้างอาคารช่ัวคราวสาเร็จแล้ว (บริเวณที่เป็นอาคาร 2 ในปัจจุบัน) ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เริ่มสอนนักเรียนตั้งแต่ วันที่ 5 พฤษภาคม 2444 โดยวิชาและ หลักสูตรที่เปิดสอนนั้น พระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงดารงราชานุภาพ และพระยาวิสุทธสุริย ศักด์ิ ไดร้ ่วมกนั จัดร่างขึ้น และไดก้ ราบบังคมทูลเพ่อื ทรงมีพระราชวนิ จิ ฉัย

ส่วนอาคารเรยี นถาวรนั้น โปรดเกล้าๆ ใหก้ ่อสร้างมาโดยลาดบั จนถงึ ปี พ.ศ. 2447 จึง แล้วเสร็จสมบูรณ์ พระราชทานนามโรงเรียน จารึกท่ีหน้ามุขว่า \"โรงเรียนเบญจมบพิตร สร้าง รัตนโกสินทร์ ศก 121\" และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นักเรียนขึ้นบนอาคารเรียนถาวร ตัง้ แตว่ ันท่ี 12 เมษายน 2447 เป็นตน้ มา อาคารถาวรนีเ้ ปน็ อาคารทรงยุโรป 2 ชั้น 8 มุข ทาสี ชมพู บานประตู หนา้ ตา่ ง มลี วดลายลกู ไมท้ าสเี ขยี วฝรงั่ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขน้ึ ด้วยทนุ ทรพั ย์ ซงึ่ เป็นสมบัติของ พระเจ้าลกู ยาเธอพระองค์เจ้าอิศริยาภรณ์ พระองค์เจ้าอนุสรณศ์ ิริประสาธน์ และ เจ้าจอมมารดาเกสร ปัจจุบันเป็นอาคารอนุรักษ์ของทางราชการ เน่ืองจากเป็นอาคาร โบราณแบบสถาปัตยกรรมของชาวตะวันตกยุคกรีก-โรมัน พ.ศ. 2293 – 2343 ปัจจุบัน โรงเรียนมัธยมวดั เบญจมบพิตร มอี าคารเรยี น 6 หลัง หอ้ งเรยี น จานวน 36 ห้อง เปิดสอนตาม หลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ช่วงชั้นท่ี 2 (ม.1 – ม.3 ) และช่วงช้ันท่ี 3 (ม.4 - ม.6) สังกัด สานักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

เคร่ืองหมายประจาโรงเรียนมธั ยมวัดเบญจมบพติ ร 1. ตราจลุ มงกุฎหรือพระเก้ยี วน้อยเปลง่ รศั มี มีเลข 5 อย่ขู ้างล่างซึง่ เป็นเครือ่ งหมาย ประจาพระองคพ์ ระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 2. อักษร \"บ.บ.\" อยู่ใตต้ วั เลข 5 เปน็ อกั ษรยอ่ ของโรงเรยี นมัธยมวดั เบญจมบพติ ร 3. คตธิ รรมประจาโรงเรียนคือ \"อุฏฐาตา วินุทเต ธน\" แปลวา่ ผู้หมัน่ ย่อมหาทรพั ยไ์ ด้ ซึ่งเป็นคติธรรมท่ีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ กิตติโสภณมหาเถระ อดีตสมเด็จคติธรรพ ระสงั ฆราช อดตี เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพติ รดุสิตวนาราม ประทานให้แกโรงเรียน ศูนยร์ วมใจของชาวเบญจมบพติ ร 1. สมเดจ็ พระพุทธชินราช ซ่งึ จาลองมาจากองคจ์ รงิ ท่จี ังหวดั พษิ ณุโลก 2. พระบรมราชสรีรางคารในพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ซ่ึงประดิษฐานอยู่ ใต้รตั นบลั ลงั ก์ ขององคส์ มเด็จพระพทุ ธชินราชในพระอโุ บสถ 3. พระบรมรปู ประทับยืนขนาดใหญ่ในพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว ณ ศาลา ร้อยปีปียมหาราชอนสุ รณ์ 4. พระบรมฉายาทิสลักษณ์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวภายในห้อง เกียรติยศ อาคารพระพุทธเจ้าหลวง 5. พระรูปหล่อสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณพระสังฆราช (ปลด กิติวัน) ท่ีมุขด้านทิศ ตะวันออกของพพิ ิธภัณฑ์อนุสรณ์ อ.ป.ก.

สีประจาโรงเรยี น สีประจาโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร ไดแ้ ก่ สีชมพู - เหลือง สีชมพู เป็นสีประจาวนั อังคารตรงกบั วันพระราชสมภพใน พระบาทสมเด็จพระ จลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั ผู้พระราชทานกาเนดิ โรงเรียนมัธยมวดั เบญจม- บพติ ร สเี หลอื ง เป็นสขี องพระพทุ ธศาสนา หมายถงึ โรงเรียนตงั้ อยใู่ นวดั เบญจมบพติ ร ดุสิตวนาราม คติธรรมประจาโรงเรียน \"อุฏฐาตา วินทฺ เต ธน\" หมายความว่า ผหู้ ม่ันยอ่ มหาทรพั ยไ์ ด้ ปรัชญาของโรงเรียน ขยัน อดทน เป็นคนดี สามคั คี มีวินยั ใฝศ่ กึ ษา สภุ าพบุรษุ เบญจมบพิตร 1. สุภาพเรียบร้อย 2. ไมพ่ ูดคาหยาบ 3. มีสมั มาคารวะ 4. รกู้ าลเทศะ 5. เขม้ แข็งอดทน 6. พดู จรงิ ทาจรงิ 7. แตง่ กายสุภาพ 8. รจู้ กั ร่นุ พ่ีรุ่นนอ้ ง 9. สร้างชอื่ เสยี งให้โรงเรียน

คณะสขี องโรงเรียน โรงเรยี นแบ่งนักเรียน ครู อาจารย์และลูกจา้ งประจา ออกเปน็ 4 คณะ เพ่อื จดั กิจกรรมตา่ ง ๆ ดงั น้ี 1. คณะนารายณท์ รงครุฑ สปี ระจาคณะ คือ สีแสด 2. คณะจกั รรถ สีประจาคณะ คอื สแี ดง 3. คณะมหาอุณาโลม สปี ระจาคณะ คือ สเี ขียว 4. คณะไอยราพต สปี ระจาคณะ คอื สีฟ้า การปฏญิ าณตนของนักเรียนในพระอุโบสถ นักเรยี นใหมโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพติ ร ตอ้ งเขา้ พิธปี ฏิญาณตน และมอบตัวเปน็ ศษิ ย์ องคพ์ ระพุทธชนิ ราช พระพทุ ธเจ้าหลวง และพระพทุ ธวรญาณ เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสติ วนารามเปน็ ประจาทกุ ปี

กลุ่มบรหิ ารงานบคุ คล

บุคลากร ปี การศึกษา 2564

คณะผู้บริ หารโรงเรียน ดร.พงศ์ไท ครี ีวงศ์วฒั นา ผ้อู านวยการโรงเรียนมัธยมวดั เบญจมบพติ ร ว่าทีร่ ้อยตรีสุพจน์ สุวนิ ัย รองผ้อู านวยการโรงเรียน นายสติวณติ ย์ เชยชัยภูมิ นางสาวหทยั ภัทร ทารัตน์ นางสาวนันธนา บุญพทุ ธ นางณปภัช ฟักโพธ์ิ ผู้ช่วยผู้อานวยการ ผ้ชู ่วยผู้อานวยการ ผ้ชู ่วยผ้อู านวยการ ผู้ช่วยผู้อานวยการ กลุ่มงานบริหารทวั่ ไป กล่มุ บริหารงบประมาณ กล่มุ บริหารงานวชิ าการ กล่มุ งานบริหารงานบุคคล

คณะผู้บริ หารโรงเรียน นายยุทธชาต นาห่อม นายธงชัย จาปาพนั ธ์ หัวหน้าอาคารสถานท่ี หัวหน้ากจิ การนักเรียน นางภาณี ฐิตภทั ธวงษ์ นายธัชธรรม์ ขตั ยิ ศ นางสาวจนั ทรวมิ ล วงศ์แดง หัวหน้ากจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน หัวหน้างาน นโยบายและแผน รองหวั หน้า กล่มุ บริการงานบุคคล

กลุ่มบริ หารวิ ชาการ นายณพรรษกรณ์ ชัยพรม นางสาวหทัยภทั ร ทารัตน์ นางสาวธัญพชิ ชา จนั ทศร หวั หน้างานหลกั สูตรสถานศึกษา ผ้ชู ่วยผ้อู านวยการ หวั หน้างานสานักงานวชิ าการ และจดั การเรียนรู้ กลุ่มบริหารงานวชิ าการ นางสาวสุกญั ญา จติ ตศิ ักด์ิ นายสมภพ วชั ฤทธ์ิ นางณปภชั ฟักโพธ์ิ หัวหน้างานวดั ผล หัวหน้า งานวจิ ยั และพฒั นา หัวหน้างานห้องสมุด และศูนย์ ICT เพื่อการเรียนรู้ และประเมนิ ผลการเรียนรู้

กลุ่มบริ หารวิ ชาการ นางสาวธัญพชิ ชา จนั ทศร นางภาณี ฐิตภทั ธวงษ์ นายธงชัย จาปาพนั ธ์ หัวหน้างานทะเบยี น หัวหน้ากจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน หัวหน้างานนิเทศ การจดั การศึกษา นายธัชธรรม์ ขตั ยิ ศ นายสุมัน ทิพย์มี นายณพรรษกรณ์ ชัยพรม หัวหน้างานสารสนเทศ หวั หน้างานโรงเรียนมาตรฐานสากล หัวหน้างานประกนั คุณภาพการศึกษา เพ่ือการศึกษา นางนัฐมน ศรีสุด เลขานุการ

กลุ่มบริ หารงบประมาณ นางสาวจริ ัฏฐ์ แก้วกลู นายสตวิ ณติ ย์ เชยชัยภูมิ นายคเณศ สมตระกลู รองหัวหน้ากลุ่มบริหาร ผ้ชู ่วยผ้อู านวยการกลุ่มบริหาร หัวหน้างานพสั ดุ และสินทรัพย์ งบประมาณ งบประมาณ นายธัชธรรม์ ขตั ยิ ศ นางอภชิ ยา ประดบั นาค นางวรารัตน์ พลู มี หวั หน้างานนโยบายและแผน หวั หน้างานสวสั ดกิ ารโรงเรียน หัวหน้างานทุนการศึกษา หัวหน้างานบัญชี นางณปภชั ฟักโพธ์ิ นางสาวพมิ พ์ชนก แซ่ต้งั หัวหน้างานควบคุมภายใน เลขานุการ

กลุ่มบริ หารบุคลากร นางสาวนันธนา บุญพทุ ธ นายสุมนั ทพิ ย์มี ผู้ช่วยผ้อู านวยการ หวั หน้างานพฒั นาวชิ าชีพครู นางสาวจนั ทรวมิ ล วงศ์แดง กลุ่มงานบริหารงานบุคคล และบุคลากร รองหัวหน้า กล่มุ บริหารบุคลากร หัวหน้า งานธุรการและสารบรรณ นางณปภชั ฟักโพธ์ิ นางสาวพมิ พ์ชนก รัตนกลุ วดวี งศ์ นางสาวพรธิวา สิงสันต์ หัวหน้างานประสานงาน เจ้าหน้าทงี่ านธุรการและสารบรรณ เลขานุการและงานสารสนเทศ องค์คณะบุคคล หวั หน้างานเวรยามรักษาการณ์

กลุ่มบริ หารทัว่ ไป นางณปภชั ฟักโพธ์ิ ผ้ชู ่วยผู้อานวยการกลุ่มบริหารท่วั ไป นายยุทธชาต นาห่อม นายธงชัย จาปาพนั ธ์ รองหวั หน้า กลุ่มบริหารท่ัวไป หัวหน้างานกจิ การนักเรียน และหัวหน้างานอาคารสถานทีฯ่ นายวสิ านต์ นะอ่อน นางสาวสุกญั ญา จิตตศิ ักด์ิ นายสีทอง บุญนา นายสมภพ วชั ฤทธ์ิ หัวหน้างานยานพาหนะ หวั หน้างานโสตทศั นศึกษา หัวหน้างานโภชนาการ หวั หน้างานประชาธิปไตย อนามยั โรงเรียน โรงเรียน งานประชาสัมพนั ธ์ และหวั หน้างานช่วยเหลือนักเรียน และสัมพนั ธ์ชุมชน นางสาวจิราภรณ์ กายาน นายอดศิ ักด์ิ บุญจันทร์ นายอทิ ธิภทั ร นวลพลบั นายวเิ ชียร วงษ์วาสน์ เลขานุการและ งานสารสนเทศกจิ การนักเรียน งานพยาบาลและเลขานุการ หัวหน้าลูกจ้างประจา งานสารสนเทศกจิ การนักเรียน

ก ลุ่ ม ส า ร ะ ก า ร เ รี ย น รู้ ภ า ษ า ไ ท ย นางนันธนา บุญพทุ ธ หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ นายยุทธชาต นาห่อม นางสาวพรธิวา สิงสันต์ ก ลุ่ ม ส า ร ะ ก า ร เ รี ย น รู้ภ า ษ า ต่ า ง ป ป ร ะ เ ท ศ นางอภชิ ยา ประดบั นาค หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ นายสุมนั ทิพย์มี นายอดศิ ักด์ิ บุญจนั ทร์ นางสาวภควรรณ ห่อคนดี

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิ ตศาสตร์ นายธงชัย จาปาพนั ธ์ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ นางสาวจนั ทรวมิ ล วงศ์แดง นางสาวณฐั สินี บวั ดี นายสมภพ วชั ฤทธ์ิ นายคเณศ สมตระกลู นายสตวิ ณติ ย์ เชยชัยภูมิ

ก ลุ่ ม ส า ร ะ ก า ร เ รี ย น รู้วิ ท ย า ศ า ส ต ร์แ ล ะ เ ท ค โ น โ ล ยี น.ส.ธัญพชิ ชา จนั ทศร หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ น.ส.หทัยภทั ร ทารัตน์ น.ส.สุกญั ญา จติ ตศิ ักด์ิ นายโชคชัย ปลอดจนิ ดา นายธัชธรรม์ ขตั ยิ ศ นายโชตริ ัตน์ แป้นไทย

ก ลุ่ ม ส า ร ะ ก า ร เ รี ย น รู้สัง ค ม ศึ ก ษ า ศาสนาและวัฒนธรรม นายณพรรษกรณ์ ชัยพรม หัวหน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้ นายวรวฒั น์ ฝักแคเลก็ นางสาวจริ าภรณ์ กายาน ก ลุ่ ม ส า ร ะ ก า ร เ รี ย น รู้สุข ศึ ก ษ า แ ล ะ พ ล ะ ศึ ก ษ า นายวสิ านต์ นะอ่อน นายสีทอง บุญนา หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้

ก ลุ่ ม ส า ร ะ ก า ร เ รี ย น รู้ก า ร ง า น อ า ชี พ นางวรารัตน์ พลู มี หวั หน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้ นางณปภชั ฟักโพธ์ิ นางสาวจริ ัฏฐ์ แก้วกลู ก ลุ่ ม ส า ร ะ ก า ร เ รี ย น รู้ศิ ล ป ะ ว่าท่ีร.ต.รัชพงศ์ วงค์นางาม

ฝ่ า ย พัฒ น า ผู้เ รี ย น นางภาณี ฐิตภทั ธวงษ์ หัวหน้างานกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน นายวสิ านต์ นะอ่อนหัว นายวรวฒั น์ ฝักแคเลก็ นายสุมนั ทพิ ย์มี หวั หน้างาน หน้างานนักศึกษาวชิ าทหาร หัวหน้างานลกู เสือ กจิ กรรมชมรม/ชุมนุม

ฝ่ า ย ส นั บ ส นุ น ก า ร ส อ น นางนัฐมน ศรีสุด นางสาวพมิ พ์ชนก แซ่ต้งั เจ้าหน้าทฝ่ี ่ ายวชิ าการ เจ้าหน้าท่ฝี ่ ายการเงนิ อทิ ธิภทั ร นวลพลบั นางสาวพมิ พ์ชนก รัตนกลุ วดวี งศ์ เจ้าหน้าทพี่ ยาบาล เจ้าหน้าทีฝ่ ่ ายบริหารงานบุคคล

กลุ่มบรหิ ารวชิ าการ

ระเบยี บสถานศึกษา วา่ ด้วยการวัดผลและประเมินผลการเรียนหลกั สูตรโรงเรียนมธั ยมวัดเบญจมบพิตร พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรุง 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 --------------------------------- โดยท่ีโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร ได้ประกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ตามคาส่ังกระทรวงศึกษา ท่ี สพฐ. 283/2551 ลงวันท่ี 11 กรกฎาคม พ.ศ 2551 เร่อื ง ให้ใช้หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 จึงเป็นการสมควรทจ่ี ะ กาหนดระเบียบสถานศึกษาว่าด้วยการวัดผลและประเมินผลการเรียนหลักสตู รโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร พ.ศ. 2553 (ปรับปรุง 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ให้ สอดคลอ้ งกบั คาสัง่ ดังกล่าว ฉะนั้น อาศัยอานาจตามความในมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 และกฎกระทรวงแบง่ สว่ นราชการ คณะกรรมการบริหารหลกั สตู ร และ วชิ าการ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พื้นฐาน จงึ วางระเบียบไวด้ งั ต่อไปน้ี ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสถานศึกษาว่าด้วยการวัดผลและประเมินผลการเรียน หลักสูตรโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร พ.ศ. 2553 (ปรับปรุง 2560) ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ” ขอ้ 2 ระเบยี บนี้ใหใ้ ช้บังคับต้งั แต่ปกี ารศกึ ษา 2560 เปน็ ต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบ ข้อบังคับ หรือคาสั่งอื่นใด ในส่วนที่กาหนดไว้ในระเบียบนี้ซ่ึงขัด หรอื แย้งกบั ระเบยี บน้ี ใหใ้ ชร้ ะเบยี บน้แี ทน ข้อ 4 ระเบียบนี้ให้ใช้ควบคู่กับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โรงเรียนมธั ยมวัดเบญจมบพิตร พ.ศ. 2553 ข้อ 5 ใหป้ ระธานคณะกรรมการสถานศึกษารักษาการใหเ้ ป็นไปตามระเบียบนี้

หมวด 1 หลกั การดาเนนิ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี น ขอ้ 6 การประเมนิ ผลการเรยี น ใหเ้ ปน็ ไปตามหลักการดังต่อไปน้ี 6.1 สถานศกึ ษาเป็นผรู้ ับผิดชอบการประเมนิ ผลการเรยี นของผู้เรียนโดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการ 6.2 การวัดและประเมินผลการเรยี นตอ้ งสอดคลอ้ งและครอบคลุมมาตรฐานการศกึ ษาที่ กาหนดไวใ้ นหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 6.3 การประเมนิ ผลการเรียนตอ้ งประกอบด้วย การประเมนิ เพื่อปรบั ปรงุ พฒั นาผเู้ รยี น การ จัดการเรยี นการสอนและการประเมนิ ผลเพ่ือตดั สนิ ผลการเรยี น 6.4 การประเมนิ ผลเปน็ ส่วนหนงึ่ ของกระบวนการจดั การเรียนการสอน ตอ้ งดาเนนิ ดว้ ย วิธีการท่หี ลากหลายเหมาะสมกับส่งิ ทต่ี ้องการวัด ธรรมชาติของวชิ าและระดบั ชว่ งช้นั 6.5 ให้มกี ารประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของผ้เู รียนในแตล่ ะชว่ งชนั้ 6.6 ให้มีการประเมินความสามารถของผ้เู รยี น ในการอา่ น คดิ วิเคราะหแ์ ละเขียนในแตล่ ะ ชว่ งชั้น 6.7 ให้มกี ารประเมนิ คุณภาพผ้เู รียนในระดบั ชาติ ในแต่ละชว่ งช้นั 6.8 เปิดโอกาสใหผ้ ้เู รียนตรวจสอบผลการประเมินการเรียนได้ 6.9 ให้มกี ารเทียบโอนผลการเรียนระหว่างสถานศึกษา และรูปแบบการศกึ ษาต่าง ๆ

หมวด 2 วธิ ีการประเมนิ ผลการเรยี น ขอ้ 7 การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เป็นกระบวนการที่ให้ผู้สอนใชพ้ ัฒนาคณุ ภาพผู้เรียนให้ได้ข้อมูลสารสนเทศทีแ่ สดงพัฒนาการ ความก้าวหน้าและความสาเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตรวจสอบความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียน เพ่ือนาผลการประเมินมาใช้เป็นขอ้ มลู ในการพฒั นาอยา่ งตอ่ เนื่อง ประกอบดว้ ย 7.1 การประเมินระดบั ช้นั เรียน เป็นการวดั ผลและประเมนิ ผลที่อยู่ในกระบวนการเรียนรู้ ผู้สอนดาเนินการเพ่ือพัฒนาผู้เรียนและตัดสินผลการเรียนในรายวิชา/กิจกรรมท่ีตนสอน ในการประเมินเพื่อ พัฒนา ผู้สอนประเมินผลการเรียนรู้ตามตัวชี้วัดท่ีกาหนดเป็นเป้าหมายในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ด้วยวิธีการ ต่าง ๆ เช่น การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การแสดงออกในการปฏิบัติผลงาน การแสดง กิริยาอาการต่าง ๆ ของผู้เรียนตลอดเวลาที่จัดกิจกรรม เพื่อดูว่าบรรลุตัวชี้วัดหรือมีแนวโน้มว่าจะบรรลุ ตวั ชี้วดั เพยี งใดแล้วแกไ้ ขข้อบกพรอ่ งเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง การประเมินเพอื่ ตดั สินเป็นการตรวจสอบ ณ จดุ ท่กี าหนด แล้วตัดสินว่าผู้เรยี น มผี ล อันเกิดจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด ทั้งน้ี โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือเก็บ คะแนนของหน่วยการเรียนรู้ หรือของการประเมินผลกลางภาค หรือปลายภาคตามรูปแบบการประเมินท่ี สถานศึกษากาหนด ผลการประเมินนอกจากจะให้เป็นคะแนนหรือระดับผลการเรียนแก่ผู้เรียนแล้ว ต้อง นามาเป็นข้อมูลใช้ปรบั ปรุงการเรียนการสอนต่อไปอีกด้วย 7.2 การประเมินระดับสถานศกึ ษา เป็นการตรวจสอบผลการเรยี นของผู้เรียนเป็นรายปี/ รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์และกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน การอนุมัติผลการเรียน การตัดสินการเลื่อนช้ัน และเป็นการประเมินเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการ จัดการศกึ ษาของสถานศกึ ษาวา่ สง่ ผลตอ่ การเรียนร้ขู องผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผูเ้ รยี นมสี งิ่ ที่ตอ้ งได้รบั การ พฒั นาในดา้ นใด รวมทั้งสามารถนาผลการเรยี นของผู้เรียนในสถานศกึ ษาเปรียบเทียบกบั เกณฑ์ระดับชาติและ ระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูล และสารสนเทศเพื่อการปรับปรุง นโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการจัดทาแผนพัฒนาคุณภาพ การศึกษาตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษา และรายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการ สถานศึกษาข้ันพื้นฐาน สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ผปู้ กครองและชุมชน 7.3 การประเมินระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขต พื้นท่ีการศึกษา ตามมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพ่ือใช้เป็นข้อมูล พื้นฐานในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพ้ืนที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถ ดาเนินการโดยประเมนิ คณุ ภาพของผเู้ รียนด้วยวิธีการและเคร่อื งมือที่เป็นมาตรฐานซ่ึงจดั ทาและดาเนินการโดย เขตพ้ืนทก่ี ารศึกษา หรอื ด้วยความร่วมมอื กับหนว่ ยงานตน้ สงั กัดและ/หรอื หน่วยงานท่ีเกยี่ วขอ้ ง นอกจากน้ยี ัง สามารถดาเนินการได้ดว้ ยการตรวจสอบขอ้ มูลจากการประเมนิ ระดบั สถานศึกษาในเขตพน้ื ท่ีการศึกษา 7.4 การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติ ตามมาตรฐาน การเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนท่ีเรียนในชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 และช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้ารับการประเมินผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมูลในการ

เทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่างๆ เพื่อนาไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเป็นขอ้ มลู สนับสนุนการตัดสนิ ใจในระดบั นโยบายของประเทศ ข้อมูลการประเมินในระดับต่างๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบ ทบทวน พัฒนาคุณภาพผ้เู รยี น ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาทีจ่ ะต้องจดั ระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมสนับสนุน เพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพ้ืนฐานความแตกต่างระหว่าง บุคคลที่จาแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนท่ัวไป กลุ่มผู้เรียนท่ีมีความสามารถ พเิ ศษ กลุ่มผ้เู รียนที่มผี ลสัมฤทธทิ์ างการเรียนตา่ กล่มุ ผเู้ รียนท่ีมีปัญหาด้านวินัยและพฤตกิ รรม กลุ่มผู้เรยี นท่ี ปฏิเสธโรงเรียน กล่มุ ผู้เรียนท่ีมปี ัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มผู้เรียนที่พิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดาเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที อนั เป็นโอกาสใหผ้ ู้เรียนไดร้ ับการพฒั นาและประสบความสาเรจ็ ในการเรียน ขอ้ 8 แนวดาเนนิ การประเมินผลการเรียนของสถานศึกษา เพื่อให้การวัดและการประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 มีการดาเนินการตามหลักการกระจายอานาจ มีการประเมนิ ผู้เรียน ตามหลักการวัดและประเมินผลการเรียน มีการตรวจสอบและกากับติดตามประเมินคุณภาพการประเมินผล การเรียนอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ จึงกาหนดแนวดาเนินการวัดและประเมินผลการเรีย นของ สถานศึกษา ดงั น้ี 8.1 สถานศึกษาโดยคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศกึ ษา โดยความ เห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กาหนดรูปแบบ ระบบและระเบียบประเมินผลของ สถานศกึ ษา เพอ่ื ใชเ้ ป็นแนวปฏบิ ัติในการประเมนิ ผลการเรียนของสถานศกึ ษา 8.2 สถานศึกษาโดยคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษากาหนด มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด และแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ โดยวิเคราะห์จากมาตรฐานการเรียนรู้ ช่วง ชั้น คุณลักษณะอันพึงประสงค์และมาตรฐาน การอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขยี น เพื่อใช้เป็นเป้าหมายในการ วัดและการประเมินผลการเรยี นรู้รายภาค 8.3 คณะอนุกรรมการระดับกลุ่มสาระ ให้ความเห็นชอบของรูปแบบ วิธีการ เคร่ืองมือ สาหรับการประเมนิ และผลการตัดสนิ การประเมินผลการเรยี นรายวชิ าของผู้สอน 8.4 ผู้สอนจัดการเรียนการสอน ตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรียนและประเมินสรุป ผลสัมฤทธ์ิของผเู้ รียนด้วยวิธีการหลากหลายตามสภาพจริง โดยนาผลการเรียนรูร้ ะหว่างเรียนไม่น้อยกวา่ ร้อย ละ 60 ไปใชเ้ ป็นขอ้ มูลรวมกับการประเมนิ ปลายภาค 8.5 หัวหน้าสถานศึกษาอนุมัติผลการเรียน ปลายภาคและการผ่านช่วงชั้นสถานศึกษา จัดทารายงานผลการดาเนนิ การประเมินผลการเรียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารหลกั สตู รและ วิชาการของสถานศกึ ษา เสนอต่อคณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พน้ื ฐาน ขอ้ 9 การประเมินผลการเรียนในดา้ นตา่ ง ๆ ประกอบดว้ ย 9.1 การประเมินผลการเรียนสาระการเรยี นรู้รายวิชา ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ซ่งึ สถานศึกษาวิเคราะห์จากมาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น การประเมินผลการเรียนรู้รายวชิ า ให้ตัดสินผล การประเมนิ เป็นระดบั ผลการเรียน 8 ระดบั ดงั ตอ่ ไปนี้

“ 4 ” หมายถึง ผลการเรยี นดีเยย่ี ม “ 3.5 ” หมายถงึ ผลการเรียนดมี าก “ 3 ” หมายถงึ ผลการเรยี นดี “ 2.5 ” หมายถงึ ผลการเรียนค่อนข้างดี “ 2 ” หมายถึง ผลการเรยี นปานกลาง “ 1.5 ” หมายถงึ ผลการเรยี นพอใช้ “ 1 ” หมายถงึ ผลการเรยี นผา่ นเกณฑข์ ั้นต่า “ 0 ” หมายถึง ผลการเรียนตา่ กวา่ เกณฑ์ ในกรณีที่ไมส่ ามารถให้ระดับผลการเรยี นเป็น 8 ระดบั ได้ ให้ใช้ตวั อักษรระบุเง่ือนไขของผล การเรยี น ดงั น้ี “ มส ” หมายถงึ ผูเ้ รยี นไม่มีสิทธเ์ิ ขา้ รบั การวัดผลปลายภาค เรยี นเนอ่ื งจากผเู้ รยี นมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ 80 ของเวลาเรยี นในแต่ละรายวิชา และไมไ่ ด้ รับการผอ่ นผนั ให้เข้ารับการวัดผลปลายภาค เรยี น “ ร ” หมายถงึ รอการตดั สนิ และยังตัดสนิ ผลการเรยี นไม่ได้ เน่ืองจากไม่มีข้อมูลผลการเรียนรายวิชาน้นั ครบถ้วน ไดแ้ ก่ ไม่ไดว้ ดั ผลระหวา่ งภาค เรยี น/ปลายภาคเรียน ไม่ไดส้ ่งงานทม่ี อบหมาย ใหท้ า ซ่ึงงานน้นั เปน็ สว่ นหน่ึงของการตดั สินผล การเรยี น หรอื มีเหตุสดุ วสิ ัยที่ทาให้ประเมินผล การเรยี นไม่ได้ 9.2 การประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เปน็ การประเมินพัฒนาทางด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องผูเ้ รยี น ตามคุณลักษณะท่สี ถานศึกษากาหนด การ ประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ จะประเมนิ เปน็ รายคุณลักษณะทุกภาคเรียน และตดั สินผลการประเมิน เป็น 4 ระดับ ดังต่อไปน้ี “ ดเี ยีย่ ม ” หมายถงึ ผเู้ รียนปฏิบตั ิตนตามคณุ ลักษณะจนเป็นนสิ ยั และนาไปใช้ในชีวติ ประจาวัน เพือ่ ประโยชน์สขุ “ ดี ” หมายถงึ ของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจากผลการ ประเมินระดับดเี ยี่ยม จานวน 5 - 8 คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดไดผ้ ลการ ประเมนิ ต่ากวา่ ระดบั ดี ผู้เรยี นมคี ุณลกั ษณะในการปฏิบตั ิตาม กฎเกณฑ์เพ่ือใหเ้ ป็นการยอมรับของสังคมโดย พิจารณาจาก

1. ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดีเย่ียม จานวน 1 – 4 คุณลกั ษณะ และไมม่ ี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินตา่ กว่า ระดับดี หรือ 2. ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดี ท้งั 8 คณุ ลกั ษณะ หรือ 3. ได้ผลการประเมินระดบั ดีขึน้ ไป จานวน 5 – 7 คณุ ลักษณะ และมี บางคณุ ลกั ษณะไดผ้ ลการประเมนิ ระดับ ผ่าน “ ผ่าน ” หมายถงึ ผ้เู รยี นรบั รู้และปฏิบตั ิตามกฎเกณฑ์และ เงอื่ นไขทสี่ ถานศึกษากาหนด โดยพจิ ารณาจาก 1. ไดผ้ ลการประเมินระดับผ่าน ทั้ง 8 คุณลกั ษณะ หรอื 2. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดี จานวน 1 – 4 คุณลักษณะ และ คุณลกั ษณะทเี่ หลือได้ผลการประเมนิ ระดับผา่ น “ ไมผ่ ่าน ” หมายถึง ผ้เู รียนรับรแู้ ละปฏบิ ตั ไิ ด้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์ และเงื่อนไขท่ีสถานศึกษากาหนด โดยพิจาณา จากผลการประเมนิ ระดบั ไม่ผ่าน ตั้งแต่ 1 คุณลักษณะขึน้ ไป 9.3 การประเมินความสามารถ อ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน เพ่อื การเล่ือนช้นั และจบ การศึกษา สถานศึกษาจงึ กาหนดและตัดสนิ ผลการประเมินเปน็ 4 ระดับ ดังต่อไปนี้ “ ดเี ย่ียม ” หมายถึง มผี ลงานท่แี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียนที่มคี ุณภาพดีเลศิ อยู่ เสมอ “ ดี ” หมายถงึ มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียนท่ีมคี ุณภาพเปน็ ท่ี “ ผา่ น ” หมายถงึ ยอมรับ มผี ลงานทแี่ สดงถึงความสามารถในการอ่าน “ ไมผ่ ่าน ” หมายถงึ คิดวเิ คราะห์ และเขียนท่ีมีคุณภาพเปน็ ท่ียอมรับ แตย่ งั มีข้อบกพร่องบางประการ ไมม่ ผี ลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการ อ่านคดิ วเิ คราะห์ และเขียนหรอื ถา้ มีผลงาน ผลงานนน้ั ยังมีข้อบกพรอ่ งท่ตี ้องไดร้ ับการ ปรับปรงุ แก้ไขหลายประการ

9.4 การประเมินการร่วมกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น เปน็ การประเมนิ ความสามารถและ พัฒนาการของผูเ้ รียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียในแต่ละภาคเรียน ตามเกณฑข์ องแตล่ ะ กิจกรรมและ ตัดสนิ ผลการประเมนิ เปน็ 2 ระดับ ดงั น้ี “ ผ ” หมายถึง ผู้เรียนมเี วลาเขา้ รว่ มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบตั กิ ิจกรรมและมีผลงานตามเกณฑท์ ี่ สถานศึกษากาหนด “ มผ ” หมายถงึ ผเู้ รยี นมีเวลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ปฏบิ ตั ิกิจกรรมและมีผลงานไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์ ท่ีสถานศึกษากาหนด 9.5 การตัดสนิ ผลการเรียนผ่านช่วงชั้น เปน็ การนาผลการประเมินในขอ้ 9.1 ถงึ 9.4 มาประมวลสรุปเพ่ือตัดสินให้ผเู้ รยี นผา่ นชว่ งช้ันตา่ ง ๆ ตามเกณฑ์การตัดสนิ ผลการเรยี นแตล่ ะชว่ งชนั้

หมวด 3 การตดั สนิ ผลการเรียน ข้อ 10 การตดั สนิ ผลการเรยี น กาหนดหลักเกณฑ์การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ เพ่ือตัดสินผลการเรียนของผู้เรียน ดังนี้ 10.1 ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่า รอ้ ยละ 80 ของเวลาเรียนท้ังหมดในรายวชิ านน้ั ๆ 10.2 ผู้เรียนต้องไดร้ ับการประเมนิ ทกุ ตวั ช้ีวดั และผา่ นตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนด 10.3 ผู้เรียนตอ้ งได้รบั การตัดสินผลการเรยี นทุกรายวิชา 10.4 ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนดใน การอ่าน คดิ วิเคราะหแ์ ละเขียน คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น ขอ้ 11 การเปลย่ี นผลการเรียน ใหถ้ ือปฏิบัตดิ งั นี้ 11.1 การเปลี่ยนระดับผลการเรยี นจาก “ 0 ” สถานศึกษาให้ครผู ู้สอนดาเนินการพัฒนา ผูเ้ รียน โดยการจัดสอนซ่อมเสริม เพื่อแกไ้ ขผ้เู รียนในตวั ช้วี ัดหรือผลการเรยี นรู้ท่ไี ม่ผา่ นเกณฑ์ แล้วจึงให้ผู้เรยี น สอบแก้ตัวได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ถ้าผู้เรียนไม่ดาเนินการสอบแก้ตัวตามระยะเวลาที่สถานศึกษากาหนด เมื่อผ่าน ภาคเรียนน้ันไป ผู้เรียนต้องเรียนซ้ารายวิชา สาหรับภาคเรียนท่ี 2 ต้องดาเนินการให้เสร็จส้ินภายในปี การศกึ ษาน้ัน ผลการสอบแก้ตวั ใหไ้ ด้ระดบั ผลการเรยี นไมเ่ กิน “ 1 ” ถ้าสอบแก้ตัว 2 ครั้งแล้ว ยังได้ระดับผลการเรียน “ 0 ” อีก ให้สถานศึกษาแต่งต้ัง คณะกรรมการดาเนนิ การเกีย่ วกับการเปลี่ยนผลการเรยี นของผู้เรียน โดยปฏบิ ตั ิดังน้ี (1) ถ้าเป็นรายวิชาพ้นื ฐาน ใหเ้ รียนซ้ารายวิชานนั้ (2) ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติม ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ให้เรียนซ้าหรือ เปลย่ี นรายวชิ าใหม่ 11.2 การเปล่ียนผลการเรยี นจาก “ ร ” ให้ผเู้ รียนดาเนินการแกไ้ ข “ ร ” ตามสาเหตุ เมอ่ื ผู้เรียนแกไ้ ขปัญหาเสร็จแลว้ ให้ได้ระดบั ผลการเรียนตามปกติ (ตงั้ แต่ 0 - 4 ) ถา้ ผู้เรียนไมด่ าเนนิ การแก้ไข “ ร ” กรณีทส่ี ่งงานไมค่ รบ แต่มีผลการประเมินระหว่างเรยี น และปลายภาคให้ครูผู้สอนนาข้อมูลที่มีอยู่ตัดสินผลการเรียน ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดุลยพินิจของ สถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “ ร ” ออกไปอีกไม่เกิน 1 ภาคเรียน สาหรับภาคเรียนท่ี 2 ต้อง ดาเนินการให้เสร็จส้ินภายในปีการศึกษาน้ัน เมื่อพ้นกาหนดน้ีแล้วผู้เรียนต้องเรียนซ้ารายวิชา หากผลการ เรยี นเป็น “ 0 ” ใหด้ าเนนิ การแกไ้ ขตามหลกั เกณฑ์ 11.3 การเปลย่ี นผลการเรียน “ มส ” มี 2 กรณี 1) กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “ มส ” เพราะมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ 80 แต่มี เวลาเรียนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 60 ของเวลาเรียนในรายวิชานน้ั ให้ครูผู้สอนจดั ให้เรยี นเพ่ิมเตมิ โดยใช้ช่ัวโมง สอนซ่อมเสริม หรือใชเ้ วลาว่าง หรือใช้วนั หยดุ หรือมอบหมายงานให้ทา จนมีเวลาเรยี นครบตามที่กาหนด ไว้สาหรับวิชาน้ัน แล้วจึงให้วัดผลปลายภาคเป็นกรณีพิเศษ ผลการแก้ “ มส ” ให้ได้ระดับผลการเรียนไม่ เกิน “ 1 ” การแก้ “ มส ” กรณีน้ีให้กระทาให้เสร็จสิ้นภายในปีการศกึ ษานั้น ถ้าผู้เรียนไมม่ าดาเนินการ แก้ “ มส ” ตามระยะเวลาทีก่ าหนดไว้น้ี ผ้เู รยี นต้องเรยี นซ้ารายวิชา ยกเวน้ มเี หตสุ ุดวสิ ยั ให้อย่ใู นดุลยพนิ ิจ

ของสถานศึกษาท่ีจะขยายเวลาการแก้ “ มส ” ออกไปอีกไม่เกิน 1 ภาคเรียน แต่เมื่อพ้นกาหนดน้ีแล้ว ให้ ปฏบิ ตั ดิ งั น้ี (1) ถ้าเปน็ รายวิชาพืน้ ฐานให้เรียนซา้ รายวิชาน้ัน (2) ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติมให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ให้เรียนซ้า หรือเปล่ยี นรายวชิ าเรยี นใหม่ 2) กรณีผูเ้ รียนไดผ้ ลการเรยี น “ มส ” เพราะมเี วลาน้อยกว่าร้อยละ 60 ของเวลา เรียนท้ังหมด ให้ดาเนนิ การดังน้ี (1) ถา้ เปน็ รายวชิ าพ้นื ฐาน ให้เรยี นซ้ารายวิชาน้นั (2) ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติม ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาให้เรียนซ้า หรอื เปล่ยี นรายวชิ าใหม่ ในกรณที ่เี ปล่ยี นรายวชิ าเรยี นใหม่ ใหห้ มายเหตใุ นระเบียนแสดงผลกาเรียน ว่าเรยี นแทนรายวิชาใด การเรียนซ้ารายวิชา ผู้เรียนที่ได้รับการสอนซ่อมเสริมและสอบแก้ตัวแล้ว 2 คร้ังแล้วไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมิน ใหเ้ รียนซ้ารายวิชานั้น ท้ังน้ี ให้อยใู่ นดุลยพินิจของสถานศึกษาในการจัด ให้เรียนซ้าในช่วงใดช่วงหน่ึงท่ีสถานศึกษาเห็นว่าเหมาะสม เช่น พักกลางวัน วันหยุด ช่ัวโมงว่างหลังเลิก เรยี น ภาคฤดรู อ้ น เปน็ ตน้ ในกรณีภาคเรียนท่ี 2 หากผู้เรียนยังมีผลการเรียน “๐” “ร” “มส” ให้ดาเนินการ ให้เสร็จสิ้น ก่อนเปิดเรียนปีการศึกษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรียนการสอนในภาคฤดูร้อน เพ่ือแก้ไข ผลการเรียนของผู้เรียนได้ ทั้งนี้หากสถานศึกษาใดไม่สามารถดาเนินการเปิดสอนภาคฤดูร้อนได้ ให้สานักงาน เขตพ้ืนท่ีการศึกษา/ต้นสังกัดเป็นผู้พิจารณาประสานงานให้มีการดาเนินการเรียนการสอนในภาคฤดูร้อนเพ่ื อ แก้ไขผลการเรยี นของผเู้ รียน 11.4 การเปล่ยี นผล “มผ” กรณีที่ผู้เรียนไดผ้ ล “มผ” สถานศึกษาตอ้ งจดั ซอ่ มเสรมิ ให้ผู้เรียนทากิจกรรมในส่วนท่ีผู้เรียนไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้ทาจนครบถ้วน แล้วจึงเปล่ียนผลจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทั้งน้ี ดาเนินการให้เสร็จส้ินภายในภาคเรียนน้ัน ๆ ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้อยู่ในดุลยพินิจของ สถานศึกษาทจี่ ะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอีกไม่เกนิ 1 ภาคเรียน สาหรบั ภาคเรียนที่ 2 ตอ้ งดาเนนิ การให้ เสร็จสิน้ ภายในปีการศกึ ษาน้ัน ข้อ 12 การเลื่อนชั้น เมื่อสน้ิ ปีการศกึ ษา ผ้เู รียนจะได้รบั การเลอ่ื นช้ัน เมือ่ มคี ณุ สมบัติตามเกณฑ์ ดังต่อไปน้ี 12.1 รายวิชาพืน้ ฐานและรายวชิ าเพ่มิ เตมิ ไดร้ บั การตดั สนิ ผลการเรยี นผ่านตาม เกณฑท์ ีส่ ถานศกึ ษากาหนด 12.2 ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา กาหนดในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น 12.3 ระดับผลการเรียนเฉล่ียในปีการศกึ ษานนั้ ควรได้ไมต่ า่ กว่า 1.00 ท้ังนี้ รายวิชาใดท่ีไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสริมผู้เรียนให้ได้รับ การแก้ไขในภาคเรียนถัดไป ท้ังนีส้ าหรบั ภาคเรียนท่ี 2 ต้องดาเนนิ การใหเ้ สรจ็ สนิ้ ภายในปีการศึกษานนั้

ข้อ 13 การสอนซอ่ มเสรมิ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551กาหนดให้สถานศึกษาจัดสอน ซ่อมเสรมิ เพ่ือพัฒนาการเรยี นรขู้ องผู้เรียนเต็มตามศักยภาพ การสอนซอ่ มเสริม เปน็ การสอนเพอื่ แกไ้ ขข้อบกพร่อง กรณีทผี่ เู้ รียนมคี วามรู้ ทักษะ กระบวนการหรือเจตคติ/คุณลักษณะ ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด สถานศึกษาต้องจัดสอนซ่อม เสริมเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามปกติ เพ่ือพัฒนาให้ผู้เรียนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการ เรียนรู้/ตัวชี้วัดที่กาหนดไว้ เป็นการให้โอกาสแก่ผู้เรียนได้เรียนรู้และพัฒนา โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ หลากหลายและตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล การสอนซ่อมเสริมสามารถดาเนินการได้ในกรณี ดังตอ่ ไปน้ี 1) ผู้เรียนมคี วามรู้/ทักษะพน้ื ฐานไม่เพียงพอท่จี ะศกึ ษาในแตล่ ะรายวิชานนั้ ควร จดั การสอนซ่อมเสรมิ ปรบั ความรู้/ทักษะพื้นฐาน 2) ผ้เู รยี นไมส่ ามารถแสดงความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรอื เจตคติ/คุณลักษณะ ท่กี าหนดไวต้ ามมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ดั ในการประเมนิ ผลระหว่างเรียน 3) ผเู้ รียนท่ีไดร้ ะดบั ผลการเรียน “๐” ให้จัดการสอนซ่อมเสรมิ ก่อนสอบแกต้ ัว 4) กรณผี ู้เรยี นมีผลการเรยี นไม่ผา่ น สามารถจัดสอนซอ่ มเสริมในภาคฤดูร้อน เพ่อื แกไ้ ขผลการเรียน ท้งั น้ี ใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ ิจของสถานศกึ ษา ข้อ 14 การเรยี นซา้ ช้นั ผู้เรียนที่ไม่ผ่านรายวิชาจานวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับช้ัน ที่สูงข้ึน สถานศึกษาอาจตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้าช้ันได้ท้ังนี้ ให้คานึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ ความสามารถของผู้เรียนเปน็ สาคัญ การเรียนซ้าชั้น มี 2 ลกั ษณะ คอื 1) ผู้เรียนมรี ะดบั ผลการเรียนเฉลย่ี ในปกี ารศกึ ษานนั้ ต่ากวา่ 1.00 และมีแนวโน้มว่า จะเปน็ ปญั หาตอ่ การเรยี นในระดบั ชน้ั ท่ีสงู ข้นึ 2) ผ้เู รยี นมผี ลการเรยี น 0 , ร และ มส เกินครง่ึ หนง่ึ ของรายวชิ าท่ลี งทะเบียน เรยี นในปกี ารศกึ ษานัน้ ทงั้ น้ี หากเกดิ ลกั ษณะใดลกั ษณะหนึง่ หรือทงั้ 2 ลกั ษณะ ให้สถานศกึ ษาแตง่ ตั้ง คณะกรรมการพิจารณา หากเห็นว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรก็ให้ซ้าช้ัน โดยยกเลิกผลการเรียนเดิมและให้ใช้ผล การเรียนใหม่แทน หากพิจารณาแล้วไม่ต้องเรียนซ้าช้ัน ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาในการแก้ไขผลกา ร เรยี น ขอ้ 15 เกณฑ์การตดั สนิ ผลการเรยี นผ่านช่วงชั้นและจบหลักสูตรสถานศึกษา 15.1 เกณฑก์ ารจบหลักสูตรระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ (1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐานและเพ่ิมเติมไม่เกิน 81 หน่วยกิต โดยเป็นวิชา พนื้ ฐาน 66 หน่วยกติ และรายวิชาเพิม่ เตมิ ตามท่ีสถานศึกษากาหนด (2) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็น รายวิชาพื้นฐาน 66 หน่วยกติ และรายวิชาเพิ่มเติมไม่นอ้ ยกว่า 11 หนว่ ยกติ

(3) ผู้เรียนมีผลการประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับผ่าน เกณฑ์ การประเมิน ตามที่สถานศึกษากาหนด (4) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์ การ ประเมินตามท่สี ถานศึกษากาหนด (5) ผ้เู รียนเขา้ รว่ มกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นและมีผลการประเมิน ในระดบั ผ่านเกณฑ์ การประเมนิ ตามทีส่ ถานศึกษากาหนด 15.2 เกณฑ์การจบหลักสตู รระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย (1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐานและเพิ่มเตมิ ไม่เกิน 81 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา พ้ืนฐาน 41 หน่วยกิต และรายวิชาเพมิ่ เติมตามทส่ี ถานศึกษากาหนด (2) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็น รายวิชาพน้ื ฐาน 41 หน่วยกติ และรายวชิ าเพิ่มเตมิ ไมน่ ้อยวา่ 36 หนว่ ยกติ (3) ผู้เรียนมีผลการประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับผ่านเกณฑ์ การประเมิน ตามที่สถานศึกษากาหนด (4) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ตามทสี่ ถานศึกษากาหนด (5) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การ ประเมนิ ตามทสี่ ถานศกึ ษากาหนด

หมวด 4 เอกสารหลักฐานการศกึ ษา ขอ้ 16 ใหส้ ถานศึกษาจดั ให้มีเอกสารการประเมินผลการเรียน ต่าง ๆ ดังน้ี 16.1 ระเบยี นแสดงผลการเรียน (Transcript) (ปพ.1) เป็นเอกสารบันทึกผลการเรียนของผู้เรียนตามสาระการเรียนรู้กลุ่มวิชาและกิจกรรม ต่างๆ ที่ได้เรียนในแต่ละช่วงชั้นของหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพื่อให้เป็นหลักฐานแสดงสถานภาพ และ ความสาเร็จในการศึกษาของผู้เรียนแต่ละคน ใช้เป็นหลักฐานในการสมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครทางานหรือ ดาเนินการในเรื่องอนื่ ท่ีเกยี่ วข้อง 16.2 หลกั ฐานแสดงวุฒิการศกึ ษา (ใบประกาศนยี บตั ร) (ปพ.2) เป็นเอกสารท่ีสถานศึกษาออกให้กับผู้สาเร็จการศึกษาและรับรองวุฒิการศึกษาของ ผู้เรียน ให้ผ้เู รยี นนาไปใชเ้ ปน็ หลักฐานแสดงระดบั วฒุ ิการศึกษาของตน 16.3 แบบรายงานผสู้ าเร็จการศึกษา (ปพ.3) เป็นแบบรายงานรายช่ือและข้อมูลของผู้สาเร็จการศึกษาภาคบังคับตามหลักสูตร การศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน เพ่ือใช้เปน็ หลักฐานสาหรบั ตรวจสอบยนื ยันและรบั รองความสาเร็จและวฒุ กิ ารศึกษาของ ผู้สาเร็จการศกึ ษาแต่ละคน ตอ่ เขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาและกระทรวงศกึ ษาธิการ 16.4 แบบแสดงผลการพฒั นาคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (ปพ.4) เป็นเอกสารรายงานพัฒนาการด้านคุณลักษณะของผู้เรียนเกี่ยวกับคุณธรรมจริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ที่สถานศึกษากาหนดข้ึนเพื่อพัฒนาผู้เรียนเป็นพิเศษ เพ่ือการแก้ปัญหา หรือสร้างเอกลักษณ์ให้ผู้เรียนตามวิสัยทัศน์ของสถานศึกษา เป็นการรายงานผลการประเมินท่ีแสดงถึงสภาพ หรือระดบั คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม หรือคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนในแต่ละช่วงชั้น สถานศึกษา ตอ้ งจัดทาเอกสารน้ีให้ผเู้ รยี นทุก ๆ คน ควบคกู่ บั ระเบยี นแสดงผลการเรยี นของผูเ้ รยี นเพอ่ื นาไปใช้เปน็ หลักฐาน แสดงคุณลักษณะของผเู้ รียนเพอื่ ประกอบในการสมัครศึกษาตอ่ หรือสมัครทางาน 16.5 แบบแสดงผลการพฒั นาคุณภาพของผเู้ รียน (ปพ.5) เปน็ เอกสารสาหรบั ผสู้ อนใชบ้ ันทึกเวลาเรยี น ข้อมูลผลการวดั และประเมนิ ผลการเรียน ข้อมูลการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนแต่ละคนท่ีเรียนในห้องเรียนกลุ่มเดียวกัน เพ่ือใช้เป็น ขอ้ มลู ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน ปรบั ปรงุ แก้ไข ส่งเสริมและตัดสินผลการเรยี นของผ้เู รียน รวมท้งั ใช้ เป็นหลักฐานสาหรับตรวจสอบยืนยัน สภาพการเรียน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ และผลสัมฤทธ์ิของ ผูเ้ รยี นแตล่ ะคน 16.6 แบบรายงานผลการพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รยี นรายบคุ คล (ปพ.6) เป็นเอกสารสาหรับบันทึกข้อมูลเก่ียวกับผลการเรียน พัฒนาการในด้านต่าง ๆและ ขอ้ มลู อืน่ ๆ ของผูเ้ รียน 16.7 ใบรับรองผลการศกึ ษา (ปพ.7) เป็นเอกสารท่ีสถานศึกษาออกให้ผู้เรียนเป็นการเฉพาะกิจเพื่อรับรองสถานภาพ ทางการศกึ ษาของผู้เรียนเปน็ การช่ัวคราว ท้ังกรณผี ู้เรียนยังไมส่ าเร็จการศึกษาและสาเรจ็ การศึกษาแลว้ 16.8 ระเบียนสะสม (ปพ.8) เป็นเอกสารสาหรับบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและผลงานด้านต่าง ๆ ของผู้เรียน ทง้ั ที่สถานศึกษาและที่บา้ น เพื่อประโยชนใ์ นการแนะแนวผเู้ รียนในทกุ ๆ ด้าน

16.9 สมุดบันทึกผลการเรียน (ปพ.9) เปน็ สมดุ บันทึกผลการเรียนรู้ทสี่ ถานศึกษาจัดทาข้ึนเพ่ือบนั ทกึ รายการรายวชิ าต่างๆ ท่ี ผู้เรียนจะต้องเรียนในแต่ละช่วงช้ัน ตามโครงสร้างหลักสูตรของสถานศึกษา พร้อมด้วยผลการประเมินผลการ เรียนของแตล่ ะรายวชิ า และสถานศึกษา ออกใหผ้ ู้เรียนสาหรับใช้ศึกษาและนาไปแสดงให้บุคคลหรือหน่วยงาน ทส่ี นใจไดท้ ราบโครงสร้างหลักสูตรและรายละเอยี ดของรายวิชาต่าง ๆ ของสถานศกึ ษา พรอ้ มด้วยผลการเรียน ของผู้เรียนจากการเรียนแต่ละรายวิชา กรณีที่ผู้เรียนย้ายสถานศึกษาข้อมูลในสมุดบันทึกผลการเรียนรู้จะเป็น ประโยชน์ในการนาไปใช้เป็นข้อมูลในการเทียบโอนผลการเรียนจากสถานศึกษาเดิมไปเป็นผลการเรียนตาม หลักสูตรของสถานศกึ ษาใหม่

หมวด 5 การเทยี บโอนผลการเรียน ข้อ 17 การเทยี บโอนผลการเรยี น สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนจากสถานศึกษาอื่นได้ในกรณีต่างๆ ได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การเปล่ียนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคัน และการขอก ลบั เขา้ รบั การศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ยังสามารถโอนความรู้ ทักษะประสบการณจ์ ากแหล่งการเรียนรู้ อน่ื ๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันทางศาสนา สถาบนั การฝกึ อบรมอาชพี การจัดการศึกษาโดยครอบครัว เป็นตน้ การเทียบโอนผลการเรียนควรดาเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียน หรือต้นภาคเรียนท่ี สถานศึกษารับผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน ทั้งนี้ ผู้เรียนท่ีได้รับการเทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเนื่องใน สถานศึกษาท่ีรับโอนอย่างน้อย 1 ภาคเรียน โดยสถานศึกษาควรกาหนดรายวิชา จานวนหน่วยกิต ท่ีจะรับ โอนตามความเหมาสะสม การพจิ ารณาการเทยี บโอน สามารถดาเนินการไดด้ ังนี้ 17.1 พิจารณาจากหลักฐานการศึกษาและเอกสารอ่ืนๆ ท่ีให้ข้อมู ลแสดงความรู้ ความสามารถของผเู้ รยี น 17.2 พิจารณาจากความรู้ความสามารถของผู้เรียน โดยการทดสอบด้วยวิธีการต่างๆ ทั้ง ภาคความรูแ้ ละภาคปฏบิ ัติ 17.3 พิจารณาจากความสามารถและการปฏบิ ตั ิในสภาพจรงิ การเทียบโอนผลการเรียนให้ดาเนินการในรปู ของคณะกรรมการการเทียบโอนจานวนไมน่ ้อย กว่า 3 คน แตไ่ ม่ควรเกนิ 5 คน โดยมีแนวทางในการเทียบโอนดงั น้ี 1) กรณผี ู้ขอเทยี บโอนมีผลการเรียนมาจากหลกั สูตรอน่ื ให้นารายวชิ าหรือ หน่วย กิตท่ีมีมาตรฐาน/ตัวช้ีวัด/ผลการเรียนร/ู้ จุดประสงค/์ เนื้อหาท่ีสอดคล้องกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 มาเทียบ โอนผลการเรียน และพจิ ารณาให้ระดับผลการเรียนใหส้ อดคลอ้ งกับหลกั สูตรที่รับโอนเทียบ 2) กรณีเทียบโอนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ ให้พิจารณาจากเอกสาร หลักฐาน (ถ้ามี) โดยให้มีการประเมินด้วยเครื่องมือท่ีหลากหลาย และให้ระดับผลการเรียนให้สอดคล้องกับ หลกั สตู รทรี่ บั เทยี บโอน 3) กรณีเทียบโอนนักเรียนทีเ่ ข้ารว่ มโครงการแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ให้ดาเนินการ ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรอื่ งหลักการและแนวปฏิบัติการเทียบชนั้ การศกึ ษาสาหรบั นักเรยี นท่ีเขา้ ร่วม โครงการแลกเปลีย่ น ทั้งนี้ วิธีการเทียบโอนผลการเรียนให้เป็นไปตามหลักการและแนวทางการเทียบโอนผลการ เรียนตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการเรื่องการเทียบโอนผลการเรียนการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และ การศึกษาระดับอุดมศกึ ษา ระดับต่ากว่าปริญญา ประกาศ ณ วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2540 และแนวปฏิบัติ ทเ่ี กยี่ วกบั การเทียบโอนผลการเรียนเข้าส่กู ารศกึ ษาในระบบระดับการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน ซึ่งจดั ทาโดยสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน 17.4 ผู้ขอเทียบโอนต้องข้ึนทะเบียนเป็นนักเรียนของสถานศึกษา ทั้งนี้ โดยผู้ขอเทียบโอน จะต้องไม่เป็นผู้ที่กาลังศึกษาอยู่ในระบบของสถานศึกษาอื่น โดยสถานศึกษาต้องดาเนินการเทียบโอนผลการ เรยี น ในภาคเรยี นแรกที่ข้นึ ทะเบียนเปน็ นกั เรียน ยกเวน้ กรณีมีเหตจุ าเปน็

17.5 จานวนสาระการเรียนรู้ รายวิชา จานวนหน่วยกิตที่จะรับเทียบโอน และอายุของผล การเรียนทจ่ี ะนามาเทียบโอน ให้อยู่ในดุลพนิ จิ ของคณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรและวชิ าการของสถานศึกษา ข้อ 18 การเทยี บโอนระดับการศึกษา ใหด้ าเนนิ การดงั นี้ 18.1 การเทยี บระดบั การศึกษา หมายถงึ การนาผลการเรยี น ความรู้ และประสบการณ์ที่ ได้จากการศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษานอกระบบ ไม่แบ่งระดับมาประเมนิ เพ่ือเทยี บเท่าการศกึ ษาระดับ ใดระดบั หนงึ่ มีแนวทางการเทียบระดับการศึกษาดังน้ี 1) ผู้ขอเทียบระดับการศึกษา จะต้องไม่เป็นผู้ที่กาลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาใน ระบบ หรือสถานศึกษานอกระบบ ที่จัดการศึกษาเป็นระบบเดียวกันกับการศึกษาในระบบ และเป็นผู้สาเร็จ การศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ในระดับท่ีต่ากว่าระดับการศึกษาท่ีขอเทียบ 1 ระดับ ผู้ไม่ เคยมีวุฒกิ ารศกึ ษาใด ๆ จะขอเทียบระดบั การศึกษาไดไ้ ม่เกินระดับประถมศกึ ษา 2) ให้สถานศึกษาซ่ึงเป็นที่ทาการเทียบระดับการศึกษา ดาเนินการเทียบระดับด้วย การประเมินความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้ขอเทียบระดับ ด้วยวิธีการที่หลากหลายทั้งด้วยการ ทดสอบ การประเมินแฟ้มผลงาน การสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ให้ครอบคลุมคุณลักษณะของผู้เรียนท้ังด้าน พทุ ธพิ ิสยั จติ พสิ ยั และทักษะพสิ ัย ตามเกณฑม์ าตรฐานของหลักสตู รท่ขี อเทียบระดบั 3) ผู้ผ่านการประเมินจะได้รับหลักฐานแสดงผลการประเมินเทียบระดับความรู้และ ใบประกาศนียบัตรรบั รองระดบั ความรขู้ องกระทรวงศึกษาธกิ าร 18.2 การเทียบโอนผลการเรียน หมายถึง การนาผลการเรียนซึ่งเป็นความรู้ ทักษะ และ ประสบการณ์ของผู้เรียนท่ีเกิดจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย และผล การศึกษาจากต่างสถานศึกษา มาประเมินเป็นส่วนหน่ึงของการศึกษา ตามหลักสูตรใดหลักสูตรหนึ่งท่ีกาลัง ศกึ ษา มีแนวการดาเนินการดังน้ี 1) คณะกรรมการบริหารหลักสูตร และวิชาการของสถานศึกษากาหนดจานวน รายวิชา จานวนหน่วยกิต ที่สถานศึกษาจากัดให้ผเู้ รียนสามารถขอเทียบโอนได้ในการศกึ ษาตามหลักสตู รของ สถานศึกษา แต่ละช่วงชั้น ท้ังนี้ผ้เู รียนจะต้องเหลอื รายวิชาทีจ่ ะต้องศึกษาในสถานศกึ ษาอีกอย่างน้อย 1 ภาค เรียน พรอ้ มกบั การกาหนดแนวทางและวิธกี ารเทียบโอน ท้ังกรณเี ทยี บโอนผลการเรียนเดมิ ทผี่ ู้เรียนศึกษาก่อน เข้าศึกษาในสถานศึกษา และกรณีเทียบโอนผลการเรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงว่าด้วย การเทยี บโอนผลการเรยี นด้วย 2) สถานศึกษาแต่งต้ังคณะกรรมการดาเนินการเทียบโอนผลการเรียนของ สถานศึกษาให้ปฏิบัติหน้าที่กาหนดสาระ จัดสร้างเครื่องมือ สาหรับการเทียบโอนผลการเรียนและดาเนินการ เทียบโอนผลการเรยี น 3) คณะกรรมการดาเนนิ การเทยี บโอนผลการเรยี น ทาการเทยี บโอน ผลการเรียนให้ผู้เรยี นในกรณตี อ่ ไปนี้ กรณีการเทียบโอนผลการเรียนเดิม ที่ผู้เรียนศึกษามาก่อนเข้าศึกษาในสถานศึกษา ให้ดาเนินการดงั นี้ (1) ใหด้ าเนินการใหเ้ สรจ็ ในภาคเรียนแรกทผี่ ้เู รียนเขา้ ศกึ ษาใน สถานศกึ ษา (2) ใหเ้ ทียบโอนผลการเรยี นเป็นรายวิชา (3) ผูเ้ รียนย่นื คารอ้ งเป็นลายลกั ษณ์อกั ษรขอเทยี บความรู้ ตาม

รายวิชาในหลักสูตรของสถานศึกษา ตามจานวนรายวิชาที่สถานศึกษากาหนดไว้ในระเบียบการเทียบโอนผล การเรียนของสถานศึกษาให้ผู้เรียนยื่นคาร้อง พร้อมเอกสารหลักสูตรที่นามาขอเทยี บ และเอกสารการศึกษาที่ ได้รับมา (ถา้ ผเู้ รียนมี) (4) คณะกรรมการดาเนินการเทยี บโอนผลการเรียนพิจารณาหลักสตู รและ หลักฐานเอกสารเดิมของผู้เรียน เพื่อเปรียบเทียบหลักสูตรที่เรียนมากับหลักสูตรของสถานศึกษาในรายวิชาที่ ขอเทียบ ถ้ามีจุดประสงค์และเน้ือหาสาระตรงกนั ไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 60 ให้รับเทยี บโอนได้ และใหไ้ ด้ระดบั ผล การเรียนท่ีได้มาในกรณีที่ผู้เรียนย้ายสถานศึกษา แต่ถ้าเป็นกรณีเทียบโอนผลการเรียนจากสถานศึกษาต่าง ระบบ ให้คณะกรรมการดาเนินการเทียบโอนพิจารณาว่าควรยอมรับผลการเรียนเดิมหรือไม่ ถ้าไม่ยอมรับก็ ต้องประเมนิ ให้ใหม่ด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่เหมาะสม (5) คณะกรรมการดาเนินการเทยี บโอนผลการเรยี น จดั ใหม้ กี าร ประเมินความรคู้ วามสามารถและประสบการณ์ของผู้เรยี นใหม่ ตามผลการเรียนท่ีคาดหวงั ของรายวชิ าที่ผู้เรยี น ขอเทียบในกรณีที่ผู้เรียนไม่มีเอกสารหลักฐานการศึกษาเดิมมาแสดง หรือหลักสูตรที่ผู้เรียนนามาขอเทียบโอน มีความสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคแ์ ละเน้อื หาสาระของหลกั สตู รที่ขอเทียบไมถ่ ึงร้อยละ 60 ผูเ้ รียนท่ีผ่านการประเมินจะไดร้ ับการเทียบโอนผลการเรียนได้ โดยได้ระดับผลการเรียนตามที่ประเมินได้ ส่วน ผทู้ ไี่ ม่ผา่ นการประเมินจะไมไ่ ดร้ ับการเทียบโอนผลการเรียน กรณีผู้เรยี นขออนญุ าตไปศึกษารายวชิ าใดรายวชิ าหนง่ึ ตา่ งสถานศกึ ษา หรือขอศึกษาด้วยตนเองให้ดาเนินการดงั น้ี (1) ให้ดาเนินการโดยผู้เรียนย่ืนคาร้องไปศึกษาต่างสถานที่หรือต่างรูปแบบ ต่อคณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน ซึ่งจะพิจารณาผลการเรียนและความจาเป็นของผู้เรียนตามระเบียบ การจดั การศึกษา 3 รูปแบบ ของสถานศึกษาที่จะจัดการศกึ ษาในระบบ (2) รายวิชาท่ีผู้เรียนขอไปศึกษาต่างสถานท่ี หรือต่างรูปแบบต้องมี จุดประสงค์และเนื้อหาสาระสอดคล้องกับรายวิชาในหลักสูตรของสถานศึกษาที่จะนามาเทียบโอนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 60 (3) กรณีผู้เรียนขอไปศึกษาต่างสถานศึกษาหรือระบบที่มีสถานศึกษา จัดการเรียนการสอนแน่นอน ถ้าเห็นควรอนุญาตให้ไปเรียนได้ให้มีการประสานงานเร่ืองการจัดการเรียนการ สอน การประเมินผล และการรับโอนผลการเรียนก่อน เมื่อได้ตกลงร่วมกันเรียบร้อยแล้วจึงจะอนุญาตเมื่อ ศึกษาสาเร็จ ใหร้ บั โอนผลการเรียนได้ทันที (4) กรณีผู้เรียนขออนุญาตศึกษาด้วยตนเอง หรือศึกษาในสถานศึกษาที่ไม่ สามารถติดต่อประสานได้ ถ้าคณะกรรมการพิจารณาความจาเป็นแล้วเห็นควรอนุญาต เม่ือผู้เรียนมารายงาน ผลการเรยี น ใหค้ ณะกรรมการดาเนินการเทียบโอนผลการสถานศึกษา (5) คณะกรรมการดาเนินการเทียบโอนผลการเรียน รายงานผลการเทียบ โอนให้คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษาให้ความเห็นชอบ และเสนอผู้บริหาร สถานศกึ ษาอนุมตั ิผลการเทยี บโอนผลการเรียน (6) คณะกรรมการดาเนินการเทียบโอนผลการเรียน รายงานผลการเทียบ โอนให้คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษาให้ความเห็นชอบ และเสนอผู้บริหาร สถานศกึ ษาอนุมัตผิ ลการเทยี บโอนผลการเรียน

ส่วนที่ 5 เกณฑก์ ารตดั สนิ การเลือ่ นชัน้ การเรียนซา้ ช้ัน และเกณฑ์การจบหลกั สูตร การตดั สนิ การเลือ่ นช้ัน ในการตดั สนิ ผลการเรียนของกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ การอา่ น คดิ วิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนนั้น ครูผู้สอนต้องคานึงถึงการพัฒนาผู้เรียนแต่ละคนเป็นหลัก และ ตอ้ งเก็บข้อมูลของผู้เรียนทุกด้านอย่างสม่าเสมอและต่อเน่ืองในแต่ละภาคเรียนรวมท้ังสอนซอ่ มเสริมผู้เรียนให้ พฒั นาจนเตม็ ตามศกั ยภาพ ระดบั มธั ยมศึกษา 1) ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนท้งั หมดในรายวิชานัน้ ๆ 2) ผเู้ รยี นตอ้ งได้รับการประเมินทกุ ตัวช้วี ัด และผ่านตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากาหนด 3) ผเู้ รียนต้องได้รบั การตัดสนิ ผลการเรยี นทุกรายวชิ า 4) ผู้เรยี นต้องได้รับการประเมิน และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด ในการ อา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี น คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน การเลอ่ื นชั้น เมอื่ ส้นิ ปีการศกึ ษา ผูเ้ รียนจะไดร้ บั การเล่ือนชัน้ เมอื่ มคี ณุ สมบตั ติ ามเกณฑ์ ดงั ตอ่ ไปน้ี 12.1 รายวชิ าพนื้ ฐานและรายวชิ าเพิม่ เติมได้รับการตัดสินผลการเรียนผ่านตาม เกณฑท์ ่สี ถานศึกษากาหนด 12.2 ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษา กาหนดในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น 12.3 ระดับผลการเรยี นเฉลย่ี ในปีการศึกษาน้ันควรได้ไม่ต่ากวา่ 1.00 ท้ังน้ี รายวิชาใดท่ีไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสริมผู้เรียนให้ได้รับ การแก้ไขในภาคเรยี นถดั ไป ทัง้ น้ีสาหรับภาคเรยี นท่ี 2 ต้องดาเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานน้ั การเรยี นซา้ ชนั้ ผู้เรียนที่ไม่ผ่านรายวิชาจานวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับช้ันที่สูงขึ้น สถานศึกษาอาจต้ังคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้าชั้นได้ท้ังน้ี ให้คานึงถึงวุฒภิ าวะและความรู้ความสามารถ ของผ้เู รยี นเปน็ สาคญั การเรียนซา้ ชัน้ มี 2 ลักษณะ คอื 1) ผู้เรยี นมีระดบั ผลการเรียนเฉลย่ี ในปกี ารศึกษานนั้ ต่ากวา่ 1.00 และมแี นวโน้มว่า จะเป็นปัญหาตอ่ การเรียนในระดบั ชั้นท่ีสงู ข้ึน 2) ผู้เรียนมผี ลการเรียน 0 , ร และ มส เกินครง่ึ หน่งึ ของรายวิชาทีล่ งทะเบียน เรียนในปกี ารศึกษาน้ัน ทั้งนี้ หากเกิดลักษณะใดลักษณะหน่ึง หรือทั้ง 2 ลักษณะ ให้สถานศึกษาแต่งตั้ง คณะกรรมการพิจารณา หากเห็นว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรก็ให้ซ้าชั้น โดยยกเลิกผลการเรียนเดิมและให้ใช้ผล การเรียนใหม่แทน หากพิจารณาแล้วไม่ต้องเรียนซ้าชั้น ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาในการแก้ไขผลการ เรียน

เกณฑก์ ารจบหลกั สตู รระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น 1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพ่ิมเติมไม่เกิน 81 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพ้ืนฐาน 66 หน่วยกติ และรายวชิ าเพิม่ เตมิ ตามที่สถานศกึ ษากาหนด 2) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพ้ืนฐาน 66 หน่วยกติ และรายวชิ าเพิ่มเตมิ ไมน่ อ้ ยกวา่ 11 หนว่ ยกิต 3) ผู้เรียนมีผลการประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับผ่าน เกณฑ์การประเมิน ตามที่สถานศกึ ษากาหนด 4) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศึกษากาหนด 5) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศึกษากาหนด เกณฑก์ ารจบหลกั สตู รระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐานและเพ่ิมเติมไม่เกิน 81 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน 41 หน่วย กิต และรายวิชาเพม่ิ เตมิ ตามท่ีสถานศึกษากาหนด 2) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน 41 หน่วยกติ และรายวิชาเพิม่ เติม ไมน่ อ้ ยว่า 36 หน่วยกิต 3) ผู้เรียนมีผลการประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามที่ สถานศกึ ษากาหนด 4) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามที่ สถานศกึ ษากาหนด 5) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามที่ สถานศึกษากาหนด

กจิ การนักเรยี น

ระเบยี บโรงเรียนมธั ยมวัดเบญจมบพิตร วา่ ดว้ ย ความประพฤติ แนวปฏบิ ตั ิ และการลงโทษนักเรยี น พ.ศ. 2564 เพ่ือให้การควบคุม ดูแล ความประพฤติ การแต่งกาย และการเคารพรงชาติ ตลอดจนการปฏิบัติ กจิ กรรมหน้าเสาธงเป็นไปด้วยความเรียบรอ้ ย สมควรใหม้ ีการกาหนดแนวปฏบิ ตั สิ าหรับนกั เรยี นโรงเรยี นมัธยม วัดเบญจมบพิตร พ.ศ. 2560 ให้สอดคล้องกับระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียน และ นักศึกษา พ.ศ. 2548 และระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการแต่งกายนักเรียน พ.ศ. 2561 และระเบียบ วา่ ด้วยทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563 และระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ วา่ ด้วยการชกั ธงชาติในสถานศึกษา พ.ศ. 2547 และระเบียบและข้อปฏิบัติต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องอาศัยอานาจตามมาตรา 38 และ 39 แห่ง พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 ดงั นั้น โรงเรียนมธั ยมวดั เบญจมบพิตร โดยความเห็น ซอบของคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน จึงวางระเบียบ โรงเรียนว่าด้วยความประพฤติ แนวปฏิบัติ และ การลงโทษนกั เรยี น ไว้ดังต่อไปน้ี หมวดท่ี 1 หมวดทั่วไป ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า \"ระเบียบโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร ว่าด้วย ความประพฤติ แนวปฏิบัติ และการลงโทษนักเรียน พ.ศ. 2560\" ขอ้ 2 ระเบยี บนี้ ให้ใชบ้ ังคับตง้ั แตอ่ อกประกาศฉบับน้ีเป็นต้นไป ข้อ 3 ใหย้ กเลกิ แนวปฏบิ ตั ิสาหรับนกั เรยี นโรงเรยี นมัธยมวดั เบญจมบพติ รต่าง ๆ ท่เี กยี่ วขอ้ ง ตลอดจน คาสัง่ อ่ืนใดในส่วนท่ีไดป้ ระกาศใช้แลว้ ทข่ี ัดหรอื แย้งกบั ระเบียบนี้ ใหใ้ ช้ระเบยี บนี้แทน ข้อ 4 ในระเบยี บน้ี (1) \"ความประพุฤติ หมายความว่า พฤติกรรมที่นักเรียนแสดงออก ทั้งด้านดี และด้านที่ต้อง \"ปรบั ปรุงแกไ้ ข\" (2) \"การลงโทษนักเรียน\" หมายความว่า การลงโทษนักเรียนท่ีประพฤติตน ฝ่าฝืนระเบียบ และแนวปฏิบัติสาหรับนักเรียน โดยมีความมุ่งหมายเพ่ือ การควบคุมพฤติกรรม การอบรมสั่งสอนอัน จะนาไปสู่การปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรมใหด้ ีข้นึ

หมวดท่ี 2 การปฏิบตั ิตนภายในโรงเรียน ขอ้ 5 นักเรียนตอ้ งเดินทางมาถึงโรงเรยี นกอ่ น เวลา 07.40 น. ข้อ 6 นักเรียนต้องใช้ประตูด้านหน้าโรงเรียนเป็นทางเข้า ก่อนผ่านเข้ามาในโรงเรียนให้หยุดยืนทา ความ เคารพครูเวรท่ีปฏิบัติงานอยู่บริเวณหน้าประตูทางเข้า แล้วเดินแถวชิดริมถนนด้านขวาเข้ามาใน บรเิ วณโรงเรียน กรณใี ช้ยานพาหนะสว่ นตัว เชน่ รถจกั รยาน รถจักรยานยนต์ ใหจ้ ูงเขา้ มาเก็บยังสถานที่จอดรถทท่ี า่ ง โรงเรียนจัดไว้ ถา้ นักเรยี นผูใ้ ดจอดรถไวน้ อกสถานทด่ี งั กล่าว หากมกี ารสูญหายโรงเรยี นจะไมร่ ับผิดชอบ ขอ้ 7 เมื่อถึงเวลา 07.40 น. นักเรยี นทุกคนตอ้ งมาเขา้ แถวหน้าเสาธง แยกตามห้องเรียนและแยกเป็น แถวตามครูท่ีปรึกษา โดยมีครทู ี่ปรึกษา กากบั ดูแลความเรยี บร้อย และตรวจนับจานวนพร้อมท้ังบันทึกจานวน นกั เรียนลงในแบบบันทึกของฝ้ายกิจการนกั เรียน ข้อ 8 พธิ ีการและการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหนา้ เสาธง (1) ตัวแทนนักเรยี นจานวน 3 คน เชิญพานธงชาตไิ ทยมาผูกเชือกสายธงชาติ เพ่ือเตรียมเชิญ ธงชาติไทยข้ึนสยู่ อดเสา (2) พิธีกรหน้าเสาธงส่ังจัดแถวให้เป็นระเบียบ นักเรียนปฏิบัติตามโดยการจัดแถวให้ตรง พร้อมท้ังจัดระยะห่างระหว่างแถว และระยะห่างระหว่างนักเรียนประมาณหน่ึงช่วงแขน และยืนนิ่ง ด้วยอาการสารวม พิธีกรสั่ง \"ธงข้ึน ตรง\" ตัวแทนนักเรียนนาร้องเพลงชาติ วงดุริยางค์บรรเลงเพลง ชาติไทย ผู้ทาหน้าท่ีเชิญธงชาติ ชักธงชาติข้ึน ชะลอใหร้ ะยะหา่ งจากยอดเสาประมาณ 15 เซนติเมตร และกระตุกเชือกให้ธงขึ้นสยู่ อดเสา พรอ้ มกับการรอ้ งและบรรเลงเพลงชาติไทยจนจบแล้วผกู เชือกตรึง ไว้ที่โคนเสาธงชาติ ผู้ผูกธงชาติทาความเคารพแล้วเดินออกมาพร้อมกัน มาหยุดยืนคู่กัน ณ จุดท่ี กาหนดใหย้ ืน บนลานหน้าเสาธง (3) ตัวแทนนักเรียนนาสวดมนต์ไหวพ้ ระ โดยใช้บทสวดมนต์แปล เมื่อสวดมนต์ไหว้พระเสร็จ ตัวแทนนักเรียนนากลา่ วแผ่เมตตา และกลา่ วคาปฏิญาณตน (4) ครูเวรประจาวันให้การอบรม ช้แี จง หรืออาจมกี จิ กรรมพเิ ศษอนื่ อาทิ พธิ ีมอบรางวลั การ ประกาศเกียรติคุณ ยกย่อง ชมเชย แล้วแตโ่ อกาส (5) เวลาประมาณ 08.10 น. เมื่อครูเวรอบรมช้ีแจงเสร็จ พิธีกรสั่งแยกเพื่อนเดินแถวเข้าชั้น เรียนโดยใช้คาส่ังว่า \"ท้ังหมดตรง แยกเข้าชั้นเรียน\" โดยให้นักเรียนเดินแถวเป็นระเบียบมือ ประสานกันไว้ด้านหน้าและก้าวเขา้ หอ้ งแลว้ ทากจิ กรรมวถิ ีพทุ ธ ขอ้ 9 นักเรยี นท่ีมาไม่ทนั เขา้ ร่วมกิจกรรมหนา้ เสาธง หรอื มาหลัง เวลา 07.40 น. ถือวา่ มาสาย และให้ ถือปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ (1) รายงานตัวต่อครูเวรประจาวัน ครูเวรบันทึก ในทะเบียนนักเรียนมาสายรายวัน แล้ว สอบถามสาเหตุการมาสาย พร้อมทง้ั วา่ กล่าวตักเตือนแล้วตรวจสอบประวัติการมาสาย

(2) หากครูเรรตรวจสอบพบว่าเคยมาสายโดยไม่มีเหตุอันควรและเคยว่ากล่าวตักเตือน มาแล้ว ให้ครูเวรเสนอตัดคะแนนความประพฤติในใบสั่งที่กาหนด จากน้ันให้ครูเวรนานักเรียนไปยัง ห้องเรียนแล้วทากิจกรรมหน้าเสาธงปกติหรือสั่งกาชับให้นักเรียนรีบเข้าช้ันเรียน เพื่อเข้าเรียน ตามปกติ ขอ้ 10 เวลา 08.30 น. เร่ิมเรียนตามตารางเรียน เม่ือครูประจาวิชามาถึงช้ันเรียน ให้หัวหน้าชั้นเรียน สั่งยนื ตรงทาความเคารพ รวมทัง้ กล่าวคาว่า \"สวัสด\"ี โดยพร้อมเพรยี งกัน (1) ขณะครูจัดการเรียนการสอน นักเรียนต้องตั้งใจเรียนและให้ความร่วมมือในกิจกรรมการ เรยี นการสอน ตลอดจนปฏิบัตงิ านทคี่ รูมอบหมาย ด้วยความเอาใจใส่ งานสาเร็จสมบูรณ์ และทันเวลา (2) เม่ือหมดช่ัวโมงเรียน ก่อนครูประจาวิชาจะออกนอกห้องเรียน นักเรียนทุกคนยืนแล้ว กลา่ วคา ขอบคุณครผู ู้สอนพร้อมกัน ข้อ 11 เมอ่ื มีความจาเปน็ ต้องออกนอกห้องเรยี นขณะมีการเรยี นการสอน นกั เรยี นตอ้ งขออนุญาตจาก ครผู สู้ อนและแงเหตุจาเป็นท่ีตอ้ งขออนุญาตออกนอกห้องเรียน เม่อื เสร็จธุระต้องรีบกลับเข้าห้องอย่างไมช่ กั ช้าา ข้อ 12 ขณะอยู่ในห้องเรียนต้องไม่ส่งเสียงดัง หยอกล้อกัน หรือ แสดงพฤติกรรมอื่นใดที่ก่อให้เกิด ความเดือดร้อนราคาญ และหรอื ขาดความเปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ยในห้องเรียน ข้อ 13 ชวั่ โมงใดทีค่ รปู ระจาวิชาตติ ภารกิจสาคญั และไมส่ ามารถทาการสอนได้ ให้หวั หนา้ ชนั้ เรียนทา หนา้ ที่ควบคุม กากบั ดูแล เพ่อื นนักเรยี นในช้ันเรยี นให้อยู่ในความเปน็ ระเบยี บเรียบรอ้ ย หรอื ให้นาหนงั สือเรยี น มา อ่านทบทวนหรือทางานทคี่ า้ งอยูใ่ ห้แล้วเสร็จ ข้อ 14 ในกรณีท่ีต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์การเรียนส่วนตัวต้องจัดเตรียมมาให้พร้อมล่วงหน้าห้าม นกั เรยี นใชเ้ ป็นขอ้ อ้าง และขอกลับไปเอาอุปกรณ์การเรยี นหลังจากมาถงึ โรงเรยี นแล้ว ข้อ 15 ในช่วงเปล่ียนช่ัวโมงเรียนของแต่ละรายวิชา กรณีต้องเปล่ียนห้องเรียน นักเรียนต้องปฏิบัติ อยา่ ง ไมช่ กั ช้า เพ่อื ใหท้ นั เวลาช่ัวโมงเรียนต่อไป ขอ้ 16 การแสดง กรยิ ามารยาท ขณะอยูใ่ นโรงเรียน (1) นักเรียนต้องแสดงกริยามารยาททดี่ ีงามตามแบบอยา่ งวัฒนธรรมไทย เหมาะสมกับสภาพ ความเป็นนกั เรยี น และตอ้ งประพฤตติ นเย่ียงสภาพบรุ ุษ (2) เม่ือเดินผ่าน เดินสวนทาง หรือเข้าพบติดต่องานกับครู ต้องแสดงความเคารพด้วยการ คานับขณะสนทนากใ็ หอ้ ยใู่ นอาการสารวม เคารพนอบน้อม ใช้กริยาวาจาท่สี ภุ าพเรียบร้อย (3) นักเรียน ต้องไม่พูดคาหยาบ ต้องไม่ส่งเสียงดัง หรือแสดงกริยาอาการใดๆ ที่ไม่สุภาพ หรอื กอ่ ความเดอื ดร้อนราคาญแกค่ นอ่นื (4) นักเรียน ต้องแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีหลีกเส่ียงการทะเลาะวิวาท หรือกล่ันแกล้งผู้อื่น ด้วยวธิ กี ารใดๆ ใหไ้ ด้รับความเสียหาย หรือเดือดรอ้ น ราคาญ (5) นักเรียน ตอ้ งไมก่ ระทาการใดๆ อันเป็นการละเมดิ สิทธิ์ในรา่ งกาย ทรพั ยส์ ินและชื่อเสียง เกยี รติยศของผู้อื่น

ข้อ 17 การปฏิบัติตนเก่ยี วกบั การละเว้น อบายมุขและสงิ่ เสพติด (1) ห้ามนักเรียนสูบบุหร่ี หรือเสพสิ่งเสพติดให้โทษทุกชนิด หรือ งดการด่ืมของมึนเมา ที่มี สว่ นผสมของแอลกอฮอล์ เชน่ สรุ า หรอื เครอ่ื งด่ืมชนิดอ่นื ในทานองเดยี วกัน (2) หา้ ม นกั เรียนมสี ง่ิ เสพตดิ ไวใ้ นครอบครอง ไม่ว่าจะมีไวเ้ พ่ือเสพ หรอื จาหนา่ ย (3) ห้าม มใี ห้นักเรียนเลน่ การพนนั ทุกชนิด (4) ห้าม มิให้นักเรียนพกพา ซุกช่อนอาวุธ หรือวัตถุอื่นใดที่มีเจตนาให้เป็นอาวุธเข้ามาใน โรงเรียน (5) ห้าม นักเรียนคบบุคคลผู้มีพฤตกิ รรมเปน็ อันธพาล หรือชักชวน ชักนา ผู้เปน็ อันธพาลเข้า มาในโรงเรยี น ข้อ 18 การใชแ้ ละบารงุ รักษาทรพั ยส์ มบตั ขิ องโรงเรียน (1) นกั เรียนทุกคนต้องชว่ ยกันดูแล รักษา อาคารสถานที่ หากพบเหน็ ความชารดุ บกพรอ่ งอนั อาจจะเกิดความเสียหาย ต้องรีบแจ้งผู้บริหารโรงเรียน และครู นักการภารโรง ตลอดจนยามรักษาการเพ่ือ ปอ้ งกัน แกไ้ ขโดยด่วน (2) หา้ ม ขดี เขยี น หรอื กระทาการใดๆ อันจะเกดิ ความเสยี หาย ความสกปรกต่ออาค (3) นักเรียนต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ สื่อการเรียนทุกชนิดอย่างระมัดระวัง เพ่ือไม่ให้เกิด ความชารุดและเสียหายการกระทาใดๆ ของนักเรียน ไม่ว่าจะเพราะเหตุจงใจหรือประมาทเลินเล่อต่อ ทรพั ย์สมบัตขิ องโรงเรียนอันเปน็ ทรัพย์สินของทางราชการให้ได้รบั ความเสียหาย ต้องรบั ผดิ ชอบชดใช้ หรือซ่อมแชมให้อยู่ในสภาพเดิม เว้นแต่เป็นความเสียหายท่ีเกิดจากการเสื่อมสภาพของตัวทรัพย์นั้น หรือเกิดจากการใช้งานมาเป็นเวลานาน (4) การใช้ทอ้ งนา้ หอ้ งสว้ ม นักยนต้องช่วยกันรักษาความสะอาด และตอ้ งไม่ทงิ้ เศษในโถสว้ ม ซ่ึงอาจทาให้เกิดการอุดตนั ได้ (5) นักเรียนต้องช่วยกันรักษาความสะอาดของห้องเรียน ปฏิบัติตามระเบียบหน้าห้องเรียน หรือบริเวณอาคารสถานท่ีอ่ืนๆ โดยไม่ทิ้งเศษขยะ ส่ิงของ หรือวัตถุอ่ืนใด อันก่อให้เกิดความสกปรก ขยะเศษวัตถุสิ่งของทิ้งในภาชนะรองรับขยะท่ีจัดไว้ หรือเก็บรวบรวมส่ิงของประเภทที่สามารถเข้าสู่ กระบวนการใหเ้ กดิ ความสูญเปล่าของการใช้ทรัพยากร ขอ้ 19 การใชบ้ ริการ อาคารสถานที่ (1) การใชห้ ้องประชุมรวมและหอ้ งเรยี นรวมและหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารตา่ งๆ ตลอดจนการใช้วัสดุ อุปกรณ์ ต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ โดยมีบันเป็นลายลักษณ์อักษร เว้นแต่การใช้งานปก ประจาหรอื ห้ามนกั เรียนใชเ้ คร่อื งมือ อุปกรณโ์ ดยพลการหรือไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตโดยเดด็ ขาด (2) การใช้บริการหอ้ งสมุด ต้องปฏิบัติตาม ระเบยี บการใช้หอ้ งสมดุ โดยเคร่งครัด (3) การใชห้ ้องสหกรณ์ ในการซ้อื ส่งิ ของต้องซอ้ื ตามเวลาท่ีเปิดทาการเท่าน้นั (4) การใช้โรงอาหาร ต้องปฏบิ ตั ิตามระเบียบการใชอ้ ย่างเครง่ ครดั

ขอ้ 20 การรบั ประทานอาหาร (1) ห้ามนักเรียนซื้ออาหาร น้าด่ืมในเวลาเรียน ให้ซื้อได้ตามกาหนดเวลาและเข้าแถวซ้ือ อาหาร น้าดมื่ จากร้านจาหนา่ ย ตามลาดับกอ่ น-หลัง (2) กรณีนักเรียนนาาหามารับประทานเอง ต้องนาไปรับประทานท่ีโรงอาหาร หรือสถานที่ โรงเรียนกาหนด ห้ามนาขนึ้ ไปรับประทานบนหอ้ งเรยี น หรอื บนอาคารเรียน (3) เศษอาหาร หรือภาชนะห่ออาหาร ให้นาไปท้ิงลงในถังขยะ หรือภาชนะ รองรับขยะที่จัด ไว้ ขอ้ 21 การแต่งกายนักเรยี นภายในโรงเรยี น (1) นักเรียนต้องแต่งกายเคร่ืองแบบนักเรียน ชุดพลศึกษา เครื่องแบบลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ และเครื่องแบบนักศึกษาวิชาทหาร ตามวัน เวลาและโอกาสท่ีกาหนด โดยให้นักเรียนแต่งเคร่ืองแบบ นกั เรียนทุกวันยกเว้นในวนั ทม่ี กี ารเรยี นพลศึกษา หรอื กิจกรรมทก่ี าหนดใหใ้ ห้แตง่ กายเปน็ การเฉพาะ (2) การแต่งเครื่องแบบนักเรียน ให้เป็นไปตามหมวด 4 ของระเบียบน้ีว่าด้วยเครื่องแบบ นกั เรยี น ข้อ 22 เคร่ืองแต่งกายอ่ืนที่แต่งในโอกาสพิเศษต่างๆ นอกเหนือจากเครื่องแบบนักเรียน ท้ัง เครื่องประดบั แต่ง ส่งิ เสมแตง่ ร่างกาย ตอ้ งใหห้ มสมกบั สภาพความเป็นนกั เรียนและวฒั นธรรมอันดี ข้อ 23 หา้ มมิใหน้ ักเรยี นใสเ่ คร่ืองประดับ ประเภท ต่างหู สรอ้ ยคอ แหวน เครื่องประดับอื่นใด ยกเวน้ นาฬกิ าข้อมอื ข้อ 24 นักเรียนต้องแต่งกายตามระเบียบว่าด้วยการแต่งกายนักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร พ.ศ. 2560 ข้อ 25 ห้ามมีใหน้ ักเรยี นมีรอยสกั บนรา่ งกาย ยกเว้นผู้ปกครองมาทาสญั ญากับกลุม่ งานกิจการ นกั เรียนและใช้ส่งิ ของปลอม ตลอดจนเครอ่ื งสาอางเสริมแต่งร่างกาย ยกเว้นใชเ้ สริมแตง่ เพือ่ การแสดง ขอ้ 26 หา้ มมีให้นกั เรยี น ไว้หนวด เครา ไว้เลบ็ ยาว หรอื ลกั ษณะอน่ื ใดท่ีไมเ่ หมาะสมกบั สภาพหรือ บุคลกิ ลักษณะความเป็นนกั เรียน ข้อ 27 การใชย้ านพาหนะในโรงเรยี น (1) ห้ามนักเรียนขับขี่ รถยนต์ รถจักยานยนต์ หรือรถจักรยาน ภายในโรงเรียน ในกรณีที่มี ความจาเป็น ต้องขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรต่อผู้อานวยการโรงเรียน หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย จากผู้อานวยการ โรงเรียน เม่ือได้รับอนุญาตแล้วต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ห้ามโดยสารเกิน 2 คนต่อคัน และตอ้ งปฏบิ ตั ติ าม กฎจราจรโดยเครง่ ครัด ข้อ 28 หา้ มมใิ หน้ ักเรยี นจอดยานพาหนะในที่ห้ามจอด และ จอดกดี ขวางทางจราจร ขอ้ 29 หา้ มมใี หน้ ักเรยี นนายานพาหนะไปจอดหรอื เกบ็ ไว้นอกบริเวณโรงเรียนโดยเดด็ ขาด และ ห้าฒ นักเรยี นเขา้ ไปในท่จี อดรถต้ังแต่เวลา 8.30 น. ข้อ 30 เวลา 15.30 น. เป็นเวลาเลกิ เรียน นักเรียนต้องนายานพาหนะออกจากโรงจอดรถ แล้วจงู ออก ประตูด้านหน้า เม่อื พ้นเขตโรงเรยี นจงึ ขับขด่ี ้วยความระมดั ระวงั

ข้อ 31 กรณีนกั เรยี นโดยสาร รถประจาทาง การขึน้ หรอื ลงจากรถให้เรยี งลาดบั ก่อน-หลัง หากมีผรู้ ว่ ม โดยสารเป็นนกั บวช เด็ก สตรีมคี รรภ์ ผูพ้ ิการ ผูป้ ว่ ย และผูส้ งู อายุ ต้องให้การช่วยเหลอื หรอื สละท่ีนงั่ หา้ มมใิ ห้ นกั เรียนห้อยโหนหรือปืนป้าย การกระทาอ่นื ใดทเี่ สย่ี งต่อการเกิดอันตราย หรอื อุบัติเหตุเมื่อลงจากรถข้ามถนน ต้อง ใช้ความระมดั ระวงั ข้อ 32 การเดินทางไป กลบั กรณเี ดนิ เท้า ใหเ้ ดนิ แถวเรียงหนึ่ง ชิดดา้ นขวาของถนน ออกจากบรเิ วณ โรงเรยี นห้ามมใิ หเ้ ดนิ ลัดสนาม สวนหยอ่ ม เมื่อพน้ เขตโรงเรียนให้เดนิ ชดิ ขอบถนนด้านขวาดว้ ยความระมดั ระวงั จนกลบั ถงึ บ้าน การเดนิ ถนนในสถานศกึ ษานักเรียนจะต้องเดินชดิ ขวามือของตนเอง หมวดที่ 3 การปฏิบัตติ นภายนอกโรงเรยี น ขอ้ 33 นักเรยี นโรงเรียนมธั ยมวัดเบญจมบฟติ ร ตอ้ งเป็นสุภาพบรุ ุษ โดยกระทาตนให้ไดช้ ่อื ว่าเป็นผูม้ ี ความมีระเบียบวนิ ัยตลอดเวลา แม้อยู่ภายนอกโรงเรียน เพ่ือใหเ้ กดิ ภาพลักษณ์ทงี่ ดงามต่อสาธาณชนและผู้พบ เหน็ นกั เรียนต้องประพฤติปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับความเปน็ นกั เรียน ดังนี้ (1) การแต่งเคร่ืองแบบนักเรียนต้องแต่งให้ถูกต้อง ครบถ้วน สุภาพเรียบร้อย ไม่ปล่อย ชายเสื้อหรือพบั แขนเสือ้ ในทีส่ าธารณะ (2) ไมใ่ ช้เครอื่ งสาอางหรือสงิ่ ปลอมเพอ่ื เสรมิ สวย เวน้ แต่แต่งเพือ่ การแสดง (3) ไม่แต่งเคร่ืองแบบนักเรียนเข้าไปในโรงมหรสพหรือสถานเริงรมย์ เว้นแต่ นักเรียนมีที่พัก อาศัย (4) ไมเ่ ข้าไปในสถานบรกิ ารค้าประเวผตี ามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ หรือสถานทอ่ี ื่นใด ท่ี มีลักษณะคล้ายคลึงกัน อาทิ บาร์ ไนต์คลับ สถานอาบอบนวด บ่อนการพนัน สถานโบว์ล่ิง สนามม้า สนามมวย เว้นแต่ นักเรียนมที ่พี ักอย่ใู นสถานที่เชน่ ว่าน้ัน (5) ไม่เข้าไปในสถานที่ ค้าประเวณี หรือคบค้าสมาคมกับหญิงที่ประพฤติตนค้า เว้นแต่เป็น ญาติหรือนกั เรยี นมที พี่ ักอยใู่ นสถานที่เช่นว่านนั้ (6) ไม่เข้าไปในงาน สังสรรค์ หรือร่วมสังสรรค์ และงานน้ันมีการเต้นรา เว้นแต่ไปกับบิดา มารดาหรอื ผปู้ กครอง หรืองานดงั กลา่ ว ท่ผี ้ปู กครองเป็นผู้อนญุ าต (7) ไม่เข้าชมการแสดงลามกหรือการแสดงอื่นใดท่ีขดั ต่อหลักศีลธรรมวฒั นธรรมอันดีงามของ ไทย (8) ไม่ประพฤติตนทานองช้สู าว ไม่วา่ จะเป็นนักเรยี นดว้ ยกันหรือบุคคลอื่น (9) ไม่ม่ัวสมุ หรือสมคบกับผอู้ ืน่ กอ่ ความเดือดร้อนหรือสรา้ งความราคาญแกผ่ ู้อนื่ (10) ไม่สูบบุหรี่ เสพสิ่งเสพติด หรือด่ืมสุรา ของมึนเมา จนครองสติไม่ใด้ มีพฤติกรรม อาละวาด (11) ไม่ขับยานพาหนะเป็นท่ีหวาดเสียวและเส่ียงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หรือตัดแปลง เคร่ืองยนต์พาหนะเพอื่ ขับขใ่ี หเ้ กิดเสยี งดังในท่สี าธารณะ

(12) ไม่พกพาหรือมีอาวุธ วัตถุระเบิด หรืออุปกรณ์อ่ืนท่ีเจตนาให้เป็นอาวุธ หรือซุกซ่อนไว้ เพอ่ื ทาร้ายคนอนื่ (13) ไมเ่ ล่นการพนนั ซ่ึงต้องหา้ มตามกฎหมายว่าด้วยการพนนั (14) ไมแ่ สดงกิริยาหรอื วาจาท่ีไมส่ ภุ าพตอ่ สาธารณะชน (15) ไมห่ ลบหนอี อกนอกบริเวณโรงเรยี น หรอื หนเี รียน (16) ไม่เทยี่ วเตร่เร่ร่อนในที่สาธารณะหรือทาลายทรัพย์สมบัตสิ าธารณะ หรือทาความสกปรก (17) ไม่ติดการเล่นจนเป็นนิสัย ไม่เท่ียวเตร่กลางคืน เว้นแต่ไปกับบิดามารดา หรือได้รับ อนญุ าตจากทางโรงเรยี น (18) ไมด่ ู มีไว้หรอื ครอบครองหรอื ซกุ ซอ่ นส่ือลามกอนาจาร (19) ไม่ผลิตสื่อลามกอนาจารด้วยเคร่ืองมืออิเล็กทรอนิกส์ เพ่ือมีไว้ดู จาหน่าย หรือนาออก เผยแพรต่ อ่ ที่สาธารณชน หรือใช้เป็นเคร่ืองมือในการขูเ่ ข็ญผอู้ ืน่ เพ่อื ใหไ้ ด้มาซึ่งประโยชน์แก่ตน (20) ไมป่ ระพฤติตนให้เป็นท่ีเสอ่ื มเสยี เกียรตยิ ศและชื่อเสียงของโรงเรียน (21) ไมก่ ระทาผดิ ตอ่ กฎหมาย ระเบยี บหรือข้อบังคับของโรงเรียนและชมุ ชนถ้านักเรียนคนใด ต้องการนาโทรศัพท์มือถือมาโรงเรียน ให้นาผู้ปกครองมาทาส่ังทางโรงเรียนและกลุ่มงานกิจการ นกั เรียน ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธิการ ว่าดว้ ยเคร่ืองแบบนักเรยี น (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 เก่ียวกับการแต่งเครื่องแบบนักเรียนของสถานศึกษาที่ขอใช้พ้ืนท่ีวัดหรือที่ธรณีสงฆ์เป็นท่ีตั้งของ สถานศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ และมติมหาเถรสมาคมให้มีความเหมาะสมย่ิงข้ึน อาศัยอานาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธิการจงึ วางระเบียบไว้ ดงั ตอ่ ไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบน้ีเรียกว่า \"ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเคร่ืองแบบนักเรียน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561\" ขอ้ 2 ระเบยี บนใี้ หใ้ ช้บังคับตงั้ แตว่ ันถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในวรรคท้ายของข้อ 12 แห่งระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วย เครื่องแบบ นักเรียน พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน \"นักเรียนซ่ึงนับถือศาสนาอิสลามในสถานศึกษาอ่ืนนอกจาก สถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม อาจเลือกแต่งเครื่องแบบนักเรียนตามวรรคหน่ึงหรือตามแบบท่ีสถน ศึกษากาหนดได้ตามความสมัครใจ ยกเว้นสถนศึกษาที่ขอใช้พื้นท่ีวัดหรือที่ธรณีสงฆ์เป็นท่ีตั้งของสถานศึกษา การแตง่ เครอ่ื งแบบนกั เรยี น ให้เป็นไปตามสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างวัดกบั สถานศึกษา\"

หมวดท่ี 4 เครือ่ งแต่งกายนกั เรยี น ข้อ 34 เคร่อื งแบบนกั เรียน (1) เส้ือนักเรียนใช้เสื้อเชิ้ตคอตั้ง ผ้าชาวเกล้ียงไม่บางเกินไป ผ่าอกตลอด มีสาบที่ตลบออก ด้านนอก กว้างประมาณ 4 ชม. ไม่มีสาบหรือจีบหลัง ใช้กระดุมขาวกลมแบน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ไม่เกิน 1 เซนติเมตร มีกระเป๋าระดับราวนมเบ้ืองซ้าย 1 กระเป๋า มีขนาดพอเหมาะกับขนาดของเสื้อ และใหเ้ ก็บชายเสือ้ ไวใ้ นกางเกง ขนาดตวั เสื้อต้องไมใหญก่ ว่าตัวนักเรียนมากเกนิ ไป นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ไม่ตอ้ งปักเคร่ืองโรงเรียน ปักเฉพาะอักษรย่อ \"บ.บ.\" และปัก เลขประจาตัว (เลขอารบิค) ใต้อักษรยอ่ \"บ.บ.\" ด้วยไหมสนี ้าเงิน ปกเสื้อด้านขวา ม. 1 ปัก 1 จดุ ม. 2 ปัก 2 จุด และ ม.3 ปัก 3 จุด ใชไ้ หมสนี า้ เงนิ นกั เรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ปกั เคร่ืองหมายโรงเรียนเหนืออกั ษรย่อ * บ.บ.\" และปักเลข ประจาตัว (เลขอารบิค) ใต้อักษรย่อ \"บ.บ.\"ด้วยไหมสนี ้าเงิน ปกเสื้อด้านขวา ม. 4 ปัก 1 จดุ ม. 5 ปัก 2 จดุ และ ม.6 ปกั 3 จดุ ใชไ้ หมสีนา้ เงิน นักเรียนทุกคน ปักชื่อ - นามสกุล ด้วยไหมสีน้าเงินเหนือกระเป๋าด้านซ้าย 1 น้ิว ตัวอักษร ความสูง 0.6 เซนตเิ มตร (2) กางเกง เป็นกางเกงขาส้ันสีดามีความยาวเหนือเข่าพันกึ่งกลางลูกสะบ้าไม่เกิน 5 เซนติเมตร เมื่อยืนตรงขากางเกงกว้างห่างจากขาประมาณ 8-12 เชนติเมตร ปลายพับเข้าข้างใน ประมาณ 3 เชนติเมตร ผ่าหน้าใช้กระดุมหรือชิบมีกระเป๋าตรงตะเข็บข้าง ข้างละ 1 กระเป๋า ไม่มี กระเป๋าหลงั ขอบมีหู 7 หู จบี ด้านหนา้ สวม ทบั ชายเสอื้ ให้เรียบร้อย (3) เข็มชัด ใช้เข็มขัดสีดาหัวสี่เหล่ียมหรือเข็มชัดลูกเสือ กว้าง 2.4-3 เซนติเมตรขึ้นไป ตาม สัดส่วนของขนาดนกั เรียน หัวเป็นรูปส่ีเหลย่ี มผืนผา้ ชนิดกลัด มีปลอกหนังขนาดกว้าง 1.5 เชนติเมตร สาหรบั สอดปลายเขม็ กลัด ให้คาดโดยสอดไว้หูกางเกงใหเ้ รียบร้อย และห้ามมีลวดลาย (4) รองเท้าหุ้มส้นสีดาสนิท ชนิดผูกเชือกสีดา ขอบดา และไม่มีลวดลาย ทาด้วยผ้าใบหรือ หนังเรียบ ห้ามสวมรองเท้าหุ้มช้อ การผูกเชือกรองเท้าต้องร้อยสายให้ครบทุกรูผูกสายเป็นรูปโบว์ให้ กระชบั และดดู ี (5) ถงุ เท้าส้ันสีขาช ยาวคร่ึงน่อง ไมม่ ีแถบสีหรือลวดลาย ไม่ใช้เนอื้ ผ้าชนิดหนา หรือเป็นลอน ข้อ 35 เครื่องแต่งกายนักเรยี นชุดพลานามยั (ชดุ พลศึกษา) (1) เส้ือพละใช้ส้ือยึดคอปก แขนสั้นสีชมพูตามแบบของโรงเรียน ใช้ในวันท่ีมีคาบวิซาพล ศึกษา\"ห้ามสวมมาจากบ้านและสวมกลับบ้าน\" ให้ใส่กระเป๋ามาเปลี่ยนท่ีโรงเรียนในช่ัวโมงท่ีเรียนวิชา พลศึกษา (2) รองเทา้ และถุงเท้าผา้ ใบ ตามแบบทีท่ างโรงเรียนกาหนด และไม่มลี วดลายลูกฟกู


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook