คู่มอื นสิ ิตปรญิ ญาตรี ปกี ารศึกษา 2564 มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร์ สตู ร เชน่ อปณั ณกสตู ร สติสูตร อาการบรรลมุ รรคผลและคุณธรรมของพระอริยบุคคล ฝึกปฏิบตั ิวิปสั สนา กรรมฐานโดยการเดนิ จงกรม 6 ระยะ นง่ั ก�ำ หนด 6 ระยะ สง่ และสอบอารมณ์ 000 457 ธรรมะภาคปฏิบตั ิ 7 (Buddhist Meditation VII) 1 (1-2-4) ศกึ ษาวธิ กี ารปฏบิ ตั กิ รรมฐาน สภาวธรรมทเ่ี กดิ ดบั ในขณะปฏบิ ตั ฯิ วธิ แี กส้ ภาวธรรมของ ส�ำ นกั ปฏบิ ตั ธิ รรมในสมยั ปจั จบุ นั เปรยี บเทยี บกบั มหาสตปิ ฏั ฐานสตู ร ฝกึ ปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนากรรมฐานโดยการเดนิ จงกรม และ นัง่ กำ�หนด ส่งและสอบอารมณ์ 2.2 วิชาแกนทางรฐั ประศาสนศาสตร์ 402 201 ความรู้เบอ้ื งตน้ ทางรฐั ประศาสนศาสตร์ 3 (3-0-6) (Introduction to Public Administration) ศกึ ษาความหมาย แนวคิด ทฤษฎีและขอบข่ายการศึกษารัฐประศาสนศาสตร์ ปทสั ถาน และววิ ฒั นาการของรฐั ประศาสนศาสตร์ การบรหิ ารการพฒั นา ปจั จยั แวดลอ้ มทางรฐั ประศาสนศาสตร ์ นโยบาย และการวางแผนของรัฐ องคก์ ารและการจัดการภาครฐั แนวใหม ่ แนวโนม้ รัฐประศาสนศาสตร์ของไทย 401 202 ความรูเ้ บอื้ งต้นทางรฐั ศาสตร ์ 3 (3-0-6) (Introduction to Political Science) ศกึ ษาธรรมชาติและวิธกี ารทางรัฐศาสตร์ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งรฐั ศาสตรก์ ับศาสตร์ทาง สังคมอ่ืนๆ ทฤษฎีทางรัฐศาสตร์และหลักเก่ียวกับอำ�นาจ การใช้อำ�นาจ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับบุคคล อำ�นาจกับกฎหมาย สถาบันทางการเมืองการปกครอง พลังและกระบวนการทางการเมืองและประชาคม นานาชาติ 402 303 ทฤษฎที างรฐั ประศาสนศาสตร์ (Public Administration Theory) 3 (3-0-6) ศกึ ษาทฤษฎีและพฤติกรรมองค์การ โดยเรม่ิ จากแนวความคิดและทฤษฎีเกีย่ วกับองค์การสมัยดง้ั เดิม ถงึ สมยั ปจั จบุ นั ความหมายและองคป์ ระกอบขององคก์ าร ตวั แปรในองคก์ าร วธิ กี ารศกึ ษาวจิ ยั เกยี่ วกบั องคก์ าร ปัจจัยพื้นฐานที่กำ�หนดพฤติกรรมการทำ�งานของมนุษย์ พฤติกรรมในการบริหาร อิทธิพลของโครงสร้างและ กระบวนการในองค์การทีม่ ตี อ่ พฤติกรรมการทำ�งานของมนุษย์ 402 304 องคก์ ารและการจัดการ 3 (3-0-6) (Organizational and Public Administration) ศึกษาเกยี่ วกับความหมายและความสำ�คญั ขององค์การและการบรหิ าร สง่ิ แวดลอ้ มการ บริหาร กลไกในการบริหารงานสาธารณะ พัฒนาการของทฤษฎีองค์การและการบริหาร โครงสร้างและการ ออกแบบองค์การภาครฐั กระบวนการบริหารองคก์ ารภาครัฐ 402 305 นโยบายสาธารณะ (Public Policy) 3 (3-0-6) ศกึ ษาแนวคดิ และทฤษฎเี กย่ี วกบั นโยบายสาธารณะและการวางแผน ประเภทและวธิ กี าร ก�ำ หนดนโยบายของรฐั อทิ ธพิ ลของสง่ิ แวดลอ้ มตอ่ นโยบาย การน�ำ นโยบายไปก�ำ หนดเปน็ แผนงานและโครงการ เทคนิคและหลักการของการวางแผน และให้มีการศึกษาเฉพาะกรณี โดยเน้นการกำ�หนดนโยบายสาธารณะ
คมู่ ือนิสิตปรญิ ญาตรี ปีการศึกษา 2564 มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตสุรนิ ทร์ และการวางแผนของประเทศไทย 402 406 เทคนคิ และเครื่องมอื การบริหารทางรัฐประศาสนศาสตร ์ 3 (3-0-6) (Technicque and tools in Public Administration) ศกึ ษาผลการวจิ ยั และแนวคดิ ใหมๆ่ ในการบรหิ าร การใชเ้ ครอื่ งมอื สมยั ใหมใ่ นการบรหิ าร งานและการวิจัย วิธีการทางคณิตศาสตร์ที่นำ�มาใช้ในการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ การวิเคราะห์เกี่ยวกับ ความรู้เบือ้ งต้นในการใช้คอมพวิ เตอร์เป็นเครื่องมือบรหิ าร และพทุ ธวธิ เี พ่ือการบรหิ ารงานสมัยใหม่ 402 307 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ 3 (3-0-6) (Human Resources Administration ) ศึกษาหลักสำ�คัญการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เพ่ือรองรับความก้าวหน้าด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยสี มยั ใหม่ เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั ทศิ ทางการเปลย่ี นแปลงทางสงั คม เศรษฐกจิ ของประเทศและของ โลก การรบั บุคลากรภาครัฐ การฝกึ อบรม การเพ่ิมประสทิ ธิภาพในการทำ�งาน คณุ ธรรมจรยิ ธรรมของผปู้ ฏบิ ัติ งาน การประเมินผลการท�ำ งาน สิทธปิ ระโยชนข์ องทรพั ยากรมนุษย์ ขวัญกำ�ลงั ใจในการทำ�งานและแนวโนม้ 402 308 การบรหิ ารงบประมาณและการคลงั สาธารณะ 3 (3-0-6) (Public Budgeting and Fiscal Administration) ศกึ ษาความหมาย แนวคดิ ทฤษฎี และนโยบายเกย่ี วกบั งบประมาณและการคลงั สาธารณะ บทบาทและอทิ ธพิ ลของการเมอื งทม่ี ตี อ่ งบประมาณและการคลงั ของประเทศ กระบวนการงบประมาณ เทคนคิ และวิธีการวิเคราะห์งบประมาณ การสรุปการใช้จ่ายงบประมาณ โดยเน้นศึกษาการบริหารงบประมาณและ การคลงั สาธารณะของประเทศไทย 402 309 การบริหารการพฒั นาและการบรหิ ารโครงการ 3 (3-0-6) (Development management and project management) ศกึ ษาความหมาย ทฤษฎี หลกั การ และองคป์ ระกอบของการบริหารการพัฒนา ปจั จยั แวดลอ้ มทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมอื งที่สง่ ผลต่อการบริหารการพฒั นา องคก์ ารท่ีมบี ทบาทส�ำ คญั ใน การบรหิ ารงานพฒั นาของประเทศ ปญั หาพนื้ ฐานในการบรหิ ารโครงการพฒั นา โดยเนน้ การบรหิ ารการพฒั นา ในประเทศไทยเปรยี บเทยี บกบั ประเทศพฒั นาแลว้ และประเทศก�ำ ลงั พฒั นาและศกึ ษาแนวความคดิ และวธิ กี าร วิเคราะห์โครงการ การจัดทำ�โครงการ การบริหารทรัพยากรของโครงการ การแก้ปัญหาและการปรับปรุง โครงการ การประสานงานกับองค์กรและหนว่ ยงานท่เี กย่ี วขอ้ ง การบริหารโครงการภายใตก้ ารมสี ่วนร่วมจาก ผู้ท่ีเก่ียวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน การกำ�หนดเป้าหมายและวิธีการในการประเมินผลของโครงการ และให้มี การศึกษากรณเี ฉพาะเร่อื ง เนน้ การบริหารโครงการพฒั นาของประเทศไทย โดยฝึกให้มกี ารเขียนโครงการเพ่ือ นำ�ไปสกู่ ารบรหิ ารโครงการได้อย่างแทจ้ รงิ 402 310 พฤติกรรมองค์การ (Organizational Behaviors) 3 (3-0-6) ศึกษาถึงพฤติกรรมมนุษย์ในองค์การและการบริหารงาน พฤติกรรมองค์การกับสภาพ แวดล้อม เศรษฐกจิ การใชพ้ ลงั งานของกลุ่มใหเ้ ป็นประโยชนต์ อ่ องค์การ พนื้ ฐานพฤติกรรมบคุ คลเกีย่ วกบั
คมู่ ือนิสิตปริญญาตรี ปกี ารศกึ ษา 2564 มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร์ การรบั รู ้ คา่ นิยม ทัศนคติ การจูงใจ การสรา้ งขวัญ กำ�ลังใจและความพึงพอใจในงาน พ้นื ฐานพฤติกรรมกลุ่ม การสอ่ื สารและการตัดสนิ ใจของกลุ่ม ภาวะผนู้ ำ� อำ�นาจและการเมอื ง ความขัดแยง้ และพฤติกรรมระหวา่ ง กลุ่ม 402 411 การบริหารเชิงกลยุทธ์ (Strategic Management) 3 (3-0-6) ศึกษากระบวนการบริหาร นักบริหารกับการสื่อสาร การตัดสินใจ การประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคนิควิธีการเพ่ือความสำ�เร็จขององค์กร การบริหารเชิงปฏิบัติการและการควบคุม คณุ ภาพ การบรหิ ารทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นองคก์ ร การจดั การเกยี่ วกบั สง่ิ แวดลอ้ ม กฎหมายกบั กจิ กรรมการบรหิ าร การเสริมสร้างกิจกรรมเพื่อพัฒนาความพร้อม การพัฒนาระบบคุณธรรมของนักบริหาร กระบวนการสาน สัมพันธ์ กิจกรรมการดงู านและอน่ื ๆ 2.3 วิชาเฉพาะด้านทางรัฐประศาสนศาสตร์ 401 412 กฎหมายปกครอง (Administrative Law) 3 (3-0-6) ศกึ ษาประวตั ิ แนวคดิ และสาระส�ำ คัญของกฎหมายปกครอง การบริการสาธารณะ การ จัดระเบียบราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ระบบข้าราชการ ความเก่ียวพันระหว่าง ขา้ ราชการกับรัฐตามกฎหมาย ขา้ ราชการพลเรอื น ขา้ ราชการทหาร บำ�เหนจ็ บำ�นาญข้าราชการ และการจดั ตัง้ ศาลปกครองของไทย 401 413 กฎหมายอาญา (Criminal Law) 3 (3-0-6) ศึกษาลักษณะกฎหมายอาญา ทฤษฎีว่าด้วยความรับผิดชอบ ขอบเขตบังคับกฎหมาย อาญา การพยายามกระทำ�ความผิด ผู้มีส่วนเก่ียวข้องในการกระทำ�ความผิดเหตุยกเว้นความผิด ยกเว้นโทษ ลดโทษ การกระทำ�ความผิดหลายบทหรือหลายกระทง การกระทำ�ความผิดอีก อายุความอาญา โทษในทาง อาญาและวธิ กี ารเพ่ือความปลอดภยั รวมท้ังศกึ ษาทฤษฎอี าชญาวทิ ยาและทัณฑวิทยาอีกดว้ ย 402 314 การบรหิ ารการคลงั ส่วนท้องถิ่น (Local Fiscal Management) 3 (3-0-6) ศกึ ษาแนวคดิ เกี่ยวกับระบบการเงินการคลังทอ้ งถิน่ การบรหิ ารรายได้และรายจา่ ยของ หนว่ ยปกครองระดบั ทอ้ งถน่ิ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งระบบการคลงั ทอ้ งถนิ่ กบั รฐั บาลแหง่ ชาติ กระบวนการบรหิ าร งบประมาณที่เนน้ ผลงานบรกิ ารสาธารณะและการพฒั นาท้องถน่ิ ข้อจ�ำ กดั และแนวทางการพัฒนาระบบการ คลงั ของทอ้ งถน่ิ 402 315 นวัตกรรมการบริหารสมัยใหม ่ 3 (3-0-6) (Innovation in modern management) ศึกษาแนวความคิดการจัดการแนวความคิดใหม่ๆ ที่เกิดข้ึนทา่ มกลางศตวรรษที่ 21 โดย ศึกษาถึงความสำ�คัญของผู้นำ�กับการจัดการแบบใหม่ ประกอบด้วย การจัดการเชิงกลยุทธ์และการตัดสินใจ การจัดองค์กรสมัยใหม่ที่สอดคล้องกับกระบวนการการจัดการ การบริหารการเปลี่ยนแปลง และเทคนิคการ จดั การสมยั ใหม่ 402 316 พุทธจริยธรรมทางการบรหิ าร 3 (3-0-6) (Buddhist ethics in administration)
ค่มู อื นสิ ติ ปริญญาตรี ปีการศกึ ษา 2564 มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตสรุ นิ ทร์ ศึกษาจริยธรรมทางการบริหารที่มีมาตรฐานทางการสร้างระบบ กำ�กับ และตรวจสอบ ซึ่งค�ำ นงึ ถงึ ประโยชนท์ จ่ี ะเกดิ ขนึ้ แกอ่ งค์การ โดยนำ�พทุ ธธรรมประกอบด้วย หลักอิทธิบาท 4 หลกั พละ 5 หลัก สาราณยี ธรรม หลักพรหมวิหารธรรม และหลักธรรมอน่ื ๆ มาใช้ในการพัฒนาจรยิ ธรรมทางการบรหิ าร 402 417 วธิ ีวทิ ยาการวจิ ยั สำ�หรบั รฐั ประศาสนศาสตร ์ 3 (3-0-6) (Research Methodology for Public Administration) ศกึ ษาวธิ วี ทิ ยาการวจิ ยั ส�ำ หรบั รฐั ประศาสนศาสตร์ ทง้ั ทเ่ี ปน็ การวจิ ยั เชงิ ปรมิ าณและการ วจิ ัยเชงิ คุณภาพ โดยครอบคลมุ ถึงการสรา้ งแนวความคดิ ประเดน็ ปญั หา วตั ถปุ ระสงค์ การตงั้ สมมติฐาน การ สร้างขอบข่าย การประมวลผล การวิเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนการรายงานการวิจัย ทั้งน้ีให้มีการฝึกหัดจัดทำ� โครงการวจิ ยั เสนอเป็นภาคปฏิบัตดิ ว้ ย 402 418 ภาษาอังกฤษในสาขารัฐประศาสนศาสตร ์ 3 (3-0-6) (English in the Field of Public Administration) ศึกษาโครงสร้าง ศัพท์และสำ�นวนท่ีใช้กันมากในสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ และฝึก การใช้ศัพท์และสำ�นวนเหล่านั้นในการเขียนและการพูด ตลอดท้ังฝึกการอ่าน วิเคราะห์และตีความงานเขียน รัฐประศาสนศาสตร์ การเขียนย่อความ เรียงความ และอภิปรายเป็นภาษาอังกฤษในเรื่องที่เกี่ยวกับ รฐั ประศาสนศาสตร์ 402 419 การศกึ ษาอสิ ระทางรัฐประศาสนศาสตร์ 3 (0-6-6) (Independent Study on Public Administration) ศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ยั ภาคสนามทางรฐั ประศาสนศาสตรห์ รอื เรอื่ งอนื่ โดยความเหน็ ชอบและ ควบคมุ ดูแลของอาจารยท์ ป่ี รึกษา 402 320 สัมมนาทางรัฐประศาสนศาสตรเ์ ชงิ พทุ ธ 2 (2-0-4) (Seminar in Buddhist Public Administration) สมั มนาประเดน็ ทางรฐั ประศาสนศาสตรด์ า้ นตา่ งๆ โดยจะเนน้ ปญั หารฐั ประศาสนศาสตร์ ของประเทศทก่ี ำ�ลงั พัฒนาและการบรู ณาการบรบิ ททางสังคม เศรษฐกจิ การเมือง การบริหารงานภาครัฐและ เอกชนกับการบูรณาการหลักทางพระพุทธศาสนา เช่น การบริหารบุคคล การจัดองค์การ การคลัง การงบ ประมาณ ในการศกึ ษาอาจมกี ารคน้ ควา้ รายงาน การศกึ ษาเฉพาะกรณเี กย่ี วกบั ปญั หารฐั ประศาสนศาสตรข์ อง ไทยและเปรยี บเทียบกับของต่างประเทศ 402 321 รฐั ประศาสนศาสตรเ์ ชิงพทุ ธ (2) (2-0-4) (Public Administration in Buddhist Approach) ศึกษาแนวคิดทางการบริหาร การปกครองภาครัฐ การบริหารภาคเอกชนในบริบทของ การบรหิ ารองคก์ ร การบรหิ ารคนและเทคนคิ ทางการบรหิ ารในบรบิ ทของการบรู ณาการระหวา่ งแนวคดิ ทฤษฎี ทางรัฐประศาสนศาสตร์กับหลักทางพระพุทธศาสนาจากพระไตรปิฎก ตำ�ราทางพระพุทธศาสนาและจากผล งานของนกั วิชาการสมัยใหม่
คู่มือนสิ ติ ปรญิ ญาตรี ปกี ารศึกษา 2564 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร์ 402 322 เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจดั การภาครฐั 3 (3-0-6) (Information Technology for Government Management) ศึกษาแนวคิด หลักการและประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการจัดการภาครัฐ องคป์ ระกอบของขอ้ มลู การประมวลขอ้ มลู และการบรหิ ารศนู ยข์ อ้ มลู เพอื่ ประโยชนใ์ นการวางแผน การควบคมุ การตดั สินใจในการบริหารภาครฐั แนวโน้มของการจัดระบบสารสนเทศเพ่ือการจดั การในการบริหารภาครฐั 2.4 วิชาเลอื กเฉพาะสาขาวชิ ารฐั ประศาสนศาสตร์ 9 หน่วยกิต 401 423 กฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา (Law of Criminal Procedure) 3 (3-0-6) ศกึ ษาเกย่ี วกบั กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความ อาญา ต้ังแต่อำ�นาจพนักงานสอบสวนและศาล การฟ้องคดีอาญา มาตรการบังคับทางอาญาเกี่ยวกับ หมาย เรียก หมายอาญา การจบั การค้น ควบคุม ขัง จ�ำ คกุ ปลอ่ ยชว่ั คราว หลักการสอบสวน เทคนิคการสืบสวนและ สอบสวน การสั่งคดอี าญาของพนักงานอยั การ การชนั สตู รพลิกศพ การฟอ้ งคดีอาญา การไตส่ วนมูลฟอ้ ง การ พจิ ารณาพพิ ากษา การอทุ ธรณ์ การฎกี า การบงั คบั คดี การอภยั โทษ การเปลยี่ นโทษ การลดโทษ นติ วิ ทิ ยาศาสตร์ และพยานหลกั ฐานในคดีอาญา 401 424 กฎหมายลกั ษณะพยาน (Law of Witness) 3 (3-0-6) ศึกษาความรู้ทั่วไปเก่ียวกับกฎหมายลักษณะพยาน หลักทั่วไปเกี่ยวกับการรับฟังพยาน หลกั ฐาน การน�ำ สืบ ข้อเท็จจรงิ ท่ีไม่ต้องน�ำ สบื ด้วยพยานหลักฐาน พยานหลกั ฐานทีห่ ้ามมิให้รบั ฟัง พยานหลกั ฐานทต่ี อ้ งหา้ มโดยกฎหมายปดิ ปาก การน�ำ สบื พยานบคุ คลแทนเอกสาร พยานตา่ งๆ เชน่ พยานบอกเลา่ พยาน บคุ คล พยานเอกสาร พยานวตั ถุ พยานทีเ่ ป็นความเห็น วธิ นี �ำ สบื พยานโดยหลกั ฐานทั่วไป มาตรฐานการช่ังน�้ำ หนักพยานหลกั ฐาน และการคมุ้ ครองพยานตามกฎหมาย 401 425 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศ (International Relation) 3 (3-0-6) ศึกษาความรู้พื้นฐานของการเมืองระหว่างประเทศธรรมชาติและโครงสร้างของระบบ การเมืองระหวา่ งประเทศปจั จัยทางดา้ นการเมอื งเศรษฐกจิ สังคม และการทหาร วฒั นธรรม อุดมการณ์ทมี่ ผี ล ต่อแนวพฤตกิ รรมของรัฐ เครอื่ งมือทใ่ี ชใ้ นการดำ�เนนิ ความสัมพนั ธ์ระหว่างรัฐ พัฒนาการความร่วมมือระหว่าง ประเทศในรูปแบบต่างๆเช่นระเบียบปฏิบัติกฎหมายสถาบันระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตามแนวพระพทุ ธศาสนา 402 426 ประชาคมอาเซยี นศึกษา ( ASEAN Community Studies ) 3 (3-0-6) ศึกษากำ�เนิด พัฒนาการ และบทบาทของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซยี น) แนวคิดเกีย่ วกับภมู ิภาคนิยม การบูรณาการภูมิภาค และประชาคมดา้ นความมั่นคงกับพลวตั ความ ร่วมมอื ของอาเซียน อาทิ ความสัมพนั ธ์ระหว่างอาเซียนกับประเทศนอกภมู ภิ าค ความส�ำ เร็จและขอ้ จ�ำ กัดของ อาเซียน ความผกู พันธต์ อ่ การเปน็ หุ้นส่วนในการพัฒนา สถานภาพทางการเมืองภายในประเทศภูมิภาคสงั คม และการพฒั นาวัฒนธรรม สันตภิ าพและเสถยี รภาพ เศรษฐกิจ การเมือง หลักความยุติธรรมและหลักนิตธิ รรม ระหว่างประเทศในภูมภิ าค และบทบาทของไทยในการเป็นสว่ นหนึง่ ของประชาคมอาเซยี น
คูม่ ือนิสติ ปรญิ ญาตรี ปกี ารศึกษา 2564 มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร์ 402 427 พุทธธรรมกบั การบริหารเชิงกลยุทธ์ (2) (2-0-4) (Buddha Dharma and Strategic Management) ศกึ ษาความหมายและขอบขา่ ยของการบรหิ าร บทบาทดา้ นการบรหิ ารของพระพทุ ธเจา้ วิเคราะห์พุทธธรรมเกี่ยวกับหลักการและวิธีการบริหาร คุณธรรมและจริยธรรมของนักบริหาร การประยุกต์ พทุ ธวธิ บี รหิ ารเพื่อใชใ้ นการบริหาร 402 428 การระดมมวลชนและเคลื่อนไหวทางสงั คม 3 (3-0-6) (Mobilization and Mass Social Movements) ศึกษาแนวคิดและหลักการในการในการระดมมวลชนและเคล่ือนไหวทางสังคมโดยเร่ิม จากบรบิ ทของสภาพปญั หาทางสงั คมทน่ี �ำ ไปสกู่ ารระดมมวลชน กระบวนการแกป้ ญั หา การตง้ั กฎ กตกิ า ส�ำ หรบั การแข่งขันต่อสู้ระหว่างกลุ่มต่างๆ การประนีประนอม และสร้างความสมดุลระหว่างผลประโยชน์ การแสดง ผลของการประนีประนอมในรูปของนโยบายสาธารณะ การบังคับใช้ข้อตกลงหรือนโยบายสาธารณะดังกล่าว อันเปน็ ผลมาจากการระดมมวลชนและการเคลอ่ื นไหวทางสงั คม 402 429 ดจิ ติ อลเพ่อื การบรหิ ารงานภาครัฐ 3 (3-0-6) (Digital for Public Administration) เพ่ือศึกษารูปแบบของการพัฒนาดิจิทัลเพ่ือสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ภาค รฐั อนั เปน็ การยกระดบั คณุ ภาพงานบรกิ ารและการบรหิ ารจดั การภาครฐั ทตี่ อ้ งการปรบั เปลยี่ นเขา้ สยู่ คุ Digital Government เปน็ พลงั แห่งการขบั เคลอื่ นทุกภาคสว่ นของประเทศเข้าสยู่ คุ ดจิ ติ อลเพอ่ื ให้มีการน�ำ เทคโนโลยี มาใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์สงู สุด 402 430 นวตั กรรมการบริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 (3-0-6) (Innovation in Local Governmental Organization) ศึกษาแนวคิดและหลักการในการบริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ระบบการบริหาร รปู แบบและโครงสรา้ งขององคก์ รบรหิ ารสว่ นทอ้ งถนิ่ การจดั องคก์ รและการบรหิ ารงานองคก์ รสว่ นทอ้ งถน่ิ การ มีสว่ นร่วมของประชาชนในการบรหิ าร การบริหารองคก์ รส่วนทอ้ งถนิ่ ของไทย บทบาทของการบริหารองคก์ ร สว่ นทอ้ งถน่ิ ตอ่ การพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ ปญั หาและอุปสรรคในการบรหิ ารองคก์ รสว่ นท้อง ถิ่นของไทย แนวทางในการแกไ้ ขปญั หาและแนวโน้มการบริหารส่วนท้องถนิ่ ของไทย 402 431 การตอ่ ตา้ นการทจุ ริตภาครฐั (Anti-Corruption) 3 (3-0-6) ศึกษาเก่ียวกับการต่อต้านการทุจริตที่เป็นการปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหรือการใช้ อำ�นาจในต�ำ แหน่งหน้าที่โดยมิชอบในทกุ รปู แบบ เพ่อื ให้ได้มาซ่ึงประโยชนอ์ นั มิควรได้ ทั้งต่อองค์กร ตนเอง ผู้ ท่ีเกยี่ วขอ้ ง หรือการช่วยเหลอื สนับสนุน เพอื่ ประโยชนอ์ ่ืนใดแก่พรรคการเมอื ง นักการเมอื ง หรอื บุคคลท่ี มหี นา้ ท่ีเก่ยี วข้องทางการเมอื ง ตลอดจนกจิ กรรมทางการเมอื ง ไมว่ า่ โดยทางตรงหรือทางอ้อม รวมถึงการกระ ท�ำ ใดๆ ทข่ี ดั หรอื แยง้ กบั หลกั จรยิ ธรรม ยกเวน้ แตเ่ ปน็ กรณที กี่ ฎหมาย ระเบยี บ ประกาศ ขอ้ บงั คบั ขนบธรรมเนยี ม ประเพณขี องทอ้ งถน่ิ หรอื จารตี ทางการคา้ ใหก้ ระท�ำ ได้ ทง้ั นดี้ ว้ ยตระหนกั ดถี งึ ภยั รา้ ยแรงของการทจุ รติ ทท่ี �ำ ลาย
ค่มู ือนสิ ติ ปรญิ ญาตรี ปีการศึกษา 2564 มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตสรุ ินทร์ การแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม ทั้งยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและประเทศ ชาติ 402 432 กฎหมายแรงงาน (Labour Law) 3 (3-0-6) ศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายท่ีบัญญัติถึงสิทธิและหน้าที่ของนายจ้าง ลูกจ้างองค์การของ นายจา้ ง และองคก์ รของลกู จ้าง รวมทัง้ มาตรการท่ีก�ำ หนด ใหน้ ายจ้าง ลูกจา้ ง และ องคก์ รดงั กลา่ วตอ้ งปฏบิ ัติ ต่อกันและรฐั ทง้ั น้เี พือ่ ให้การจ้างงาน และการใช้งาน การประกอบกิจการ และ ความสัมพันธร์ ะหว่างนายจ้าง และลกู จา้ งเป็นไปโดยเหมาะสม ตา่ งไดร้ บั ประโยชนท์ ีพ่ อเพยี ง 402 433 ภาวะผ้นู ำ�กบั การบรหิ ารสมัยใหม ่ 3 (3-0-6) (Leadership and modern management) ศกึ ษาเกี่ยวกับทฤษฎีภาวะผนู้ ำ� รูปแบบภาวะผนู้ ำ� บทบาทของผนู้ ำ�ในการเปน็ ผนู้ �ำ การ เปลย่ี นแปลงในองคก์ าร รวมถงึ แนวคดิ พฤตกิ รรมมนษุ ยแ์ ละหลกั ปฎบิ ตั ทิ เี่ ปน็ ประโยชนใ์ นการเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพ ของบคุ คลในองคก์ าร วธิ กี ารจดั การในระดบั ปจั เจกบคุ คล ระดบั กลมุ่ และระดบั องคก์ ร แนวความคดิ และทฤษฎี การจงู ใจ อ�ำ นาจและอทิ ธพิ ล พฤตกิ รรมกลมุ่ การตดั สนิ ใจ การจดั การความขดั แยง้ และการประสานความรว่ ม มือ การออกแบบโครงสร้างองค์กร วัฒนธรรมขององค์กร หัวข้อปัจจุบันในงานวิจัยภาวะผู้นำ�และพฤติกรรม องคก์ าร 401 434 กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย ์ (Civil and Commercial Code) 3 (3-0-6) ศกึ ษาความร้ทู ว่ั ไปเกี่ยวกบั ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ โดยไดจ้ ำ�แนกออกเปน็ 6 บรรพ คือว่าด้วยของหลักทั่วไทย,หน้ี,เอกเทศสัญญา,ทรัพย์สิน,ครอบครัว และมรดก ตามลำ�ดับ โดยเหตุผล ทที่ างประเทศไทยไดท้ �ำ การจดั ท�ำ ประมวลฏหมายขน้ึ มาโดยน�ำ เอากฎหมายแพงและกฎหมายพาณชิ ยร์ วมกนั เป็นฉบับเดียวนั้นเน่ืองจากการค้าพาณิชย์ในด้านการร่างกฏหมายยังไม่เจริญก้าวหน้าที่อีกท้ังยังหลักท่ัวไทย ในกฏหมายแพง่ สามารถทีจ่ ะน�ำ มาใชร้ ว่ มกับกฏหมายพาณิชยไ์ ด้ 401 435 กฎหมายรฐั ธรรมนญู (Constitutional law) 3 (3-0-6) 402 436 การจัดการความขัดแยง้ (Conflict management) 3 (3-0-6) ศึกษาเกี่ยวกับความหมาย แนวคิด และหลักการเกี่ยวกับความขัดแย้ง ทฤษฎีความขัด แย้ง การวิเคราะห์ความขัดแย้ง ปฏิกิริยา การตอบสนอง และผลพวงของความขัดแย้ง มิติทางสังคม ความ สัมพันธ์ทางอำ�นาจ และความเป็นมนุษย์ในความขัดแย้ง บทบาทผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการขัดแย้ง การสร้าง กรอบเจรจาไกลเ่ กลย่ี เทคนคิ และทกั ษะการจดั การความขดั แยง้ ปญั หาความขดั แยง้ และความรนุ แรงในระดบั ครอบครวั ชมุ ชน ชาติ และระหวา่ งประเทศ การจดั การความขดั แยง้ โดยสนั ตวิ ธิ ี และบทเรยี นจากความขดั แยง้ 402 437 การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน อย่างย่งั ยนื 3 (3-0-6) (Sustainable of Economic social and Community Development) ศึกษาแนวคดิ ทฤษฎีเก่ยี วกบั การพัฒนาทีอ่ ย่างย่ังยนื ศกึ ษาประวัตคิ วามเป็นมา ปรชั ญา หลักการดำ�เนินงาน และขั้นตอนการปฏิบัติงาน ในการน้อมนำ�ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาประเทศท่ียั่งยืน
คมู่ อื นิสติ ปรญิ ญาตรี ปีการศึกษา 2564 มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตสรุ นิ ทร์ ภายใตย้ ทุ ธศาสตรช์ าติ ระยะ 20 ปี แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 12 และการปฏริ ปู ประเทศ เพอื่ น�ำ ความรู้ วธิ กี ารตา่ งๆ มาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดอ้ ยา่ งมคี วามสอดคลอ้ งกบั การท�ำ งาน พฒั นาระบบเศรษฐกจิ ชมุ ชน และสงั คมให้เกดิ การพฒั นาอย่างยง่ั ยนื 402 438 ธุรกิจชมุ ชนตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 (3-0-6) (Community business according to the sufficiency economy philosophy) ศกึ ษาปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ตวั แบบการขยายผลในกระบวนการท�ำ งาน ศกึ ษาชมุ ชน ตน้ แบบตามศกั ยภาพดา้ นจติ ใจและสงั คมของชมุ ชน ศกั ยภาพดา้ นเศรษฐกจิ ของชมุ ชน ศกั ยภาพดา้ นการเรยี น รู้ของชุมชน ศักยภาพด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชน ศึกษาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ต้นแบบตามตวั ชวี้ ัด “พออยู่ พอกิน” “อยดู่ ี กินด”ี และ มงั่ มี ศรสี ุข” 402 439 การบริหารงานยตุ ธิ รรม 3 (3-0-6) (Good Governance for the Administration) ศกึ ษาความหมายของการบรหิ ารงานยตุ ธิ รรม การบรหิ ารจดั การงาน ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ระบบ งานยตุ ธิ รรม การบงั คบั ใชก้ ฎหมายอาญา การแก้ปัญหาการกระทำ�ความผดิ ในสงั คม ตลอดทั้งการบริหารเพ่ือ ความปลอดภัยภายในองค์กรภาครฐั และเอกชน 402 440 สหกิจศึกษา (Cooperative Education) 3 (3-0-6) ศกึ ษาเกยี่ วกบั แนวคดิ ทฤษฎี และสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรใู้ นสาขาวชิ ารฐั ประศาสนศาสตร์ นำ�องค์ความรู้ลงสู่ภาคปฏิบัติในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สถานประกอบการ หรือแหล่งเรียนรู้อื่นๆ โดย ความร่วมมือจากภาคี เพ่ือสร้างประสบการณ์ทำ�งานให้นิสิต เพ่ิมขีดความสามารถในการตัดสินใจอย่างเป็น ระบบ ตลอดจมีทักษะในการวิเคราะห์และประเมิน โดยมีบุคลากรหรือเจ้าหน้าที่หน่วยงานมอบหมายให้ทำ� หน้าทรี่ บั ผดิ ชอบปฏิบตั งิ าน 402 441 การบรหิ ารธรุ กิจและการเงนิ 3 (3-0-6) (Business and Financial Management) ศกึ ษาเกี่ยวกบั แนวคิดพื้นฐานทางธรุ กจิ ระบบธรุ กิจ สง่ิ แวดล้อมของธุรกิจ รปู แบบการ ประกอบธุรกจิ การเป็นผู้ประกอบการ หนา้ ทีธ่ รุ กจิ ด้านการตลาด การผลิต การบัญชี การเงนิ และทรัพยากร บุคคล การจัดการองค์กร ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ ธุรกิจระหว่างประเทศ จริยธรรมธุรกิจและความ รับผิดชอบต่อสังคม แนวคดิ และวธิ ีการในการสรา้ งและพฒั นาธรุ กิจใหม่ เทคนิคการพยากรณ์ดา้ นการตลาด และการเงนิ การวจิ ยั ตลาด การคน้ หาโอกาสทางธรุ กจิ การศกึ ษาความเปน็ ไปไดเ้ พอ่ื การสรา้ งและพฒั นาธรุ กจิ ใหม่ การวเิ คราะหค์ วามไว ปญั หาและอุปสรรคในการสร้างและพัฒนาธุรกจิ ใหม ่ 402 442 การฝกึ ประสบการณว์ ิชาชีพทางรัฐประศาสนศาสตร์ 3 (0-6-6) ปฏิบัติงานในสถานท่ีปฏิบัติงานการเสมือนเป็นพนักงานชั่วคราวเต็มเวลาของสถานท่ี ปฏบิ ตั งิ าน ในต�ำ แหน่งตามทีต่ รงกบั วชิ าชพี และเหมาะสมกบั ความรคู้ วามสามารถของนิสิตเพือ่ เช่ือมโยงความ รู้ทางทฤษฎีกับการปฏิบัติงาน เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 8 สัปดาห์ ปฏิบัติตนตามระเบียบการบริหารงาน
คู่มือนสิ ิตปรญิ ญาตรี ปีการศกึ ษา 2564 มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสรุ ินทร์ บุคคลของสถานท่ีปฏิบัติงานตลอดระยะเวลาการปฏิบัติงาน นิสิตต้องรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายจาก สถานประกอบการอยา่ งเตม็ ความสามารถ มอี าจารยน์ เิ ทศและผนู้ เิ ทศงานท�ำ หนา้ ทใี่ หค้ �ำ ปรกึ ษาระหวา่ งปฏบิ ตั ิ งาน มกี ารติดตามและการประเมินผลการปฏิบตั ิงานอยา่ งเป็นระบบ ตลอดระยะเวลาปฏบิ ตั งิ าน เพือ่ เปน็ การ เตรียมนสิ ิตส่งู านทนี่ สิ ติ สนใจและพฒั นาทกั ษะวิชาชีพส�ำ หรับการทำ�งาน 402 443 รฐั ประศาสนศาสตรต์ ามแนวพระพุทธศาสนา 3 (3-0-6) (Public Administration Science in Buddhism) ศึกษาแนวคิดทางการเมือง การบริหาร และการปกครองของพระพุทธศาสนาจากพระ ไตรปฎิ ก ตำ�ราทางพระพทุ ธศาสนาและจากผลงานของนักวชิ าการสมัยใหม่ 402 444 รฐั ประศาสนศาสตร์ในวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา 3 (3-0-6) (Public Administration in Buddhist Literature) ศกึ ษาแนวคดิ ทฤษฎที างรฐั ประศาสนศาสตรท์ ป่ี รากฏในวรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนา สมัยใหม่ เชน่ ไตรภมู พิ ระร่วง โลกนีติ ราชนตี ิ ธรรมนีติ จักกวาฬทีปนี ภมู วิ ิลาสนิ ี มงคลทปี นี โลกทปี กสาร โลก บัญญตั ิ วิเคราะหห์ ลักการบรหิ ารในวรรณกรรมเหลา่ น้ีและวรรณกรรมอื่นๆ ทนี่ ่าสนใจ 402 445 ธรรมาภิบาลตามแนวพระพทุ ธศาสนา 3 (3-0-6) (Buddhist Good Governance) ศึกษาความหมาย ทฤษฎี หลกั การและองค์ประกอบของธรรมาภิบาล หลักธรรมาภบิ าล ในพระไตรปิฎก เปรียบเทียบหลักธรรมาภิบาลกับธรรมาภิบาลเชิงพุทธ การประยุกต์ใช้หลักธรรมาภิบาลเชิง พุทธสำ�หรับการบริหารจดั การภาครัฐภาคธรุ กจิ ภาคเอกชนและประชาชน 402 446 การจดั การทุนมนษุ ย์เชงิ พุทธ 3 (3-0-6) (Buddhist human capital management) ศกึ ษาหลกั การและแนวคดิ ทนุ ทางปญั ญา ทนุ ทางสงั คม และทนุ ทางอารมณ์ กระบวนการ จดั การทุนมนุษย์ ด้านการไดม้ า การพัฒนา และการรกั ษาทนุ มนษุ ย์ การจดั การทนุ มนษุ ยใ์ นเชิงกลยทุ ธ์ ดว้ ย การบูรณาการระหว่างทฤษฎีตะวันตกและหลักทางพระพุทธศาสนา เครื่องมือการจัดการทุนมนุษย์สมัยใหม่ สรา้ งความตระหนกั ตอ่ ความรบั ผดิ ชอบทางสงั คมอยา่ งยง่ั ยนื รวมทง้ั ทศิ ทางและแนวโนม้ การจดั การทนุ มนษุ ย์ ท้ังในภาครฐั และภาคเอกชน 402 447 การวางรากฐานเพ่ือการบริหารองคก์ าร 3 (3-0-6) (Platform for Organization Management) ศึกษาเกยี่ วกับการวางรากฐานขององค์การส่อู นาคต และเปน็ กลไกขับเคลื่อนประเทศสู่ ประเทศท่ีพัฒนาแล้ว โดยต้องตอบโจทย์ภารกิจของภาครัฐใน 4 แพลตฟอร์ม (Platform) ประกอบด้วย 1) การสร้างและพฒั นาคน ใหเ้ ป็น Smart Citizen 2) การสร้างและพัฒนาองค์ความรู้ ไปสรู่ ะบบเศรษฐกิจที่เนน้ คณุ คา่ (Value Based Economy) 3) การสรา้ งและพฒั นานวตั กรรม ไปสปู่ ระเทศฐานนวตั กรรม (Innovation Nation) และ 4) การยกเคร่ืององค์การ (Reinvent) องค์การจะต้องเป็นหลักในการกำ�หนดทิศทางและ ยทุ ธศาสตรท์ ีเ่ ปน็ รูปธรรมของประเทศ (Future Setting)
คมู่ อื นสิ ติ ปริญญาตรี ปีการศึกษา 2564 มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตสรุ ินทร์ สว่ นที่ 3 ข้อบงั คับ ประกาศ ระเบยี บ มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั
คมู่ อื นสิ ิตปรญิ ญาตรี ปกี ารศกึ ษา 2564 มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตสุรินทร์ ขอ้ บังคับมหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย ว่าดว้ ยการศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรี พ.ศ. 2561 บททั่วไป เพ่ือให้การบริหารงานจัดการศึกษาในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยบรรลุวัตถุประสงค์ จึงเหน็ สมควรออกขอ้ บังคบั มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั ว่าด้วยการศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรี อาศยั อ�ำ นาจตามความในมาตรา 1 9 (2) แหง่ พระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั พ.ศ.2540 สภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในคราวประชุมคร้ัง 8/2560 เม่ือ วนั ท่ี 2 9 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2560 จึงมมี ติให้ออกขอ้ บังคบั ดังตอ่ ไปนี้ ขอ้ 1 ขอ้ บงั คบั นเี้ รยี กวา่ “ขอ้ บงั คบั มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วา่ ดว้ ยการศกึ ษาระดบั ปริญญาตรี พ.ศ. 2561 ข้อ 2 ให้ใชข้ ้อบังคับนก้ี บั นิสติ ท่ีรับเขา้ ศึกษาต้งั แตป่ กี ารศึกษา 2561 เป็นตน้ ไป ขอ้ 3 ให้ยกเลิก 3.1 ข้อบังคับมหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย ว่าดว้ ยการศกึ ษาระดับ ปรญิ ญาตรี พ.ศ. 2542 3.2 ข้อบงั คับมหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วา่ ด้วยการศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรี (ฉบบั ที่ 2) พทุ ธศักราช 2550 3.3 ข้อบังคับมหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วา่ ดว้ ยการศกึ ษาระดับ ปริญญาตรี (ฉบับที่ 3) พุทธศกั ราช 2551 ขอ้ 4 บรรดากฎ ระเบยี บ ข้อบังคับ ข้อกำ�หนด คำ�สั่ง หรือประกาศอ่นื ใดซ่ึงขัดหรอื แยง้ กับขอ้ บงั คับ นีใ้ ห้ใช้ขอ้ บงั คบั นแ้ี ทน ขอ้ 5 ในขอ้ บังคับน ี้ “นสิ ติ ” หมายถึง ผู้ทีไ่ ด้ขึ้นทะเบียนเป็นนสิ ติ ระดับปรญิ ญาตรีเรยี บร้อยแล้ว
คู่มือนิสติ ปรญิ ญาตรี ปีการศกึ ษา 2564 มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตสรุ ินทร์ ข้อ 6 ให้อธกิ ารบดรี กั ษาการให้เป็นไปตามข้อบงั คบั นี้และให้มอี �ำ นาจออกประกาศหรือวิธกี ารปฏบิ ัติ เพ่อื ใหเ้ ปน็ ไปตามขอ้ บังคบั ขอ้ 7 คณุ สมบตั ิของผู้สมคั รเข้าศกึ ษา 7.1 คุณสมบตั ิของพระภิกษุสามเณรผู้สมัครเขา้ ศึกษา 7.1.1 เป็นผู้สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค และสำ�เร็จการศึกษาไม่ตำ่�กว่าระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ หรือ 7.1.2 เปน็ ผู้สอบได้เปรยี ญธรรม 3 ประโยค และตอ้ งศกึ ษาวชิ าสามญั เพ่ิมเติมตาม ทีม่ หาวิทยาลัยก�ำ หนด หรอื 7.1.3 เป็นผู้สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค และได้รับประกาศนียบัตรอ่ืนท่ี มหาวิทยาลัยรบั รอง หรือ 7.1.4 เป็นผู้สำ�เร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของโรงเรียนพระปริยัติ ธรรมแผนกสามญั ศึกษา หรือ 7.1.5 เป็นพระสังฆาธิการหรือครูสอนพระปริยัติธรรมที่สำ�เร็จการศึกษาหลักสูตร ประกาศนยี บัตรทส่ี ภามหาวทิ ยาลัยกำ�หนดหรอื 7.1.6 เป็นพระสงั ฆาธิการหรือครูสอนพระปริยตั ธิ รรมท่สี อบไดน้ ักธรรมชั้นเอกและ ส�ำ เรจ็ การศกึ ษาระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลายหรอื เทยี บเทา่ หรือ 7.1.7 เปน็ ผสู้ อบไดน้ กั ธรรมชน้ั เอก และส�ำ เรจ็ การศกึ ษาระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย หรือเทยี บเทา่ และเม่อื ขึ้นทะเบียนเปน็ นิสติ แล้วตอ้ งศกึ ษาวิชาบาลี ไมน่ ้อยกว่า 12 หนว่ ยกติ ยกเว้นผสู้ �ำ เรจ็ การศกึ ษาหลกั สตู รประกาศนียบัตรวชิ าบาลีทม่ี หาวทิ ยาลัยรบั รอง หรือ 7.1.8 เป็นผู้สำ�เร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าหรือผู้ที่ได้ รบั ประกาศนยี บตั รอืน่ ที่มหาวิทยาลยั รับรอง และเม่ือข้นึ ทะเบยี นเปน็ นสิ ิตแลว้ ตอ้ งศึกษาวชิ าบาลีไม่น้อยกว่า 24 หน่วยกติ ยกเวน้ ผู้ส�ำ เร็จการศึกษาหลกั สูตรประกาศนยี บตั รวิชาบาลีที่มหาวทิ ยาลยั รับรอง หรอื 7.1. 9 เปน็ ผทู้ ม่ี หาวทิ ยาลยั อนมุ ตั ใิ หเ้ ขา้ ศกึ ษาเปน็ กรณพี เิ ศษเพอ่ื ขอรบั ปรญิ ญาตาม เกณฑ์ทสี่ ภาวชิ าการกำ�หนด 7.1.10 ไมเ่ คยถกู คดั ชื่อออกหรือถูกไลอ่ อกจากสถานศกึ ษาใดๆ เพราะความผดิ ทาง ความประพฤตหิ รอื วนิ ัย 7.1.11 ผู้เข้าศึกษาคณะครุศาสตร์ ต้องมีคุณสมบัติตามข้อ 7.1.4, 7.1.6, 7.1.7, 7.1.8และ 7.1.10 7.2 คุณสมบตั ขิ องคฤหสั ถ์ผู้สมคั รเข้าศึกษา 7.2.1 เป็นผสู้ อบไดเ้ ปรยี ญธรรมหรือบาลศี ึกษา 3 ประโยค และสำ�เรจ็ การศกึ ษาไม่ ตำ่�กว่าระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น หรอื 7.2.2 เปน็ ผสู้ อบไดเ้ ปรยี ญธรรมหรอื บาลศี กึ ษา 3 ประโยค และตอ้ งศกึ ษาวชิ าสามญั
คมู่ ือนิสติ ปรญิ ญาตรี ปีการศกึ ษา 2564 มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสรุ ินทร์ เพิ่มเติมตามทมี่ หาวิทยาลัยกำ�หนด หรือ 7.2.3 เป็นผู้สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค และได้รับประกาศนียบัตรอ่ืนที่ มหาวทิ ยาลัย รบั รอง หรือ 7.2.4 เป็นผู้สำ�เร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของโรงเรียนพระปริยัติ ธรรมแผนกสามญั ศกึ ษา หรือ 7.2.5 เป็นผู้สำ�เร็จการศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลายหรอื เทียบเท่าหรอื ผู้ได้รับ ประกาศนียบัตรอื่นท่ีมหาวิทยาลัยรับรองและเม่ือข้ึนทะเบียนเป็นนิสิตแล้วต้องศึกษาวิชาบาลีไม่น้อยกว่า12 หนว่ ยกิต ยกเว้นผ้สู �ำ เร็จการศกึ ษาหลักสูตรประกาศนียบตั รวชิ าบาลที มี่ หาวทิ ยาลยั รับรอง หรือ 7.2.6 เปน็ ผทู้ ม่ี หาวทิ ยาลยั อนมุ ตั ใิ หเ้ ขา้ ศกึ ษาเปน็ กรณพี เิ ศษ เพอ่ื ขอรบั ปรญิ ญาตาม เกณฑ์ท่ีสภาวิชาการก�ำ หนด 7.2.7 ไมเ่ คยถกู คดั ชอ่ื ออกหรอื ถกู ไลอ่ อกจากสถาบนั การศกึ ษาใดๆ เพราะความผดิ ทางความประพฤตหิ รอื วนิ ัย 7.2.8 ผ้เู ข้าศกึ ษาคณะครศุ าสตร์ ตอ้ งเปน็ ผทู้ ่ีมคี ุณสมบตั ติ ามข้อ 7.2.4, 7.2.5 และ 7.2.7 ข้อ 8 มหาวิทยาลัยจะดำ�เนินการเกี่ยวกับการรับสมัครนิสิตใหม่ โดยพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการ สอบคัดเลอื กผูส้ มัครเข้าศึกษาในระดับปรญิ ญาตรีในแตล่ ะปีการศกึ ษา ขอ้ 9 มหาวทิ ยาลยั อาจอนมุ ตั ใิ หผ้ สู้ �ำ เรจ็ การศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรใี นสาขาวชิ าใดวชิ าหนง่ึ หรอื สถาบนั อดุ มศกึ ษาอน่ื ขน้ึ ทะเบยี นเปน็ นสิ ติ เพอ่ื เขา้ ศกึ ษาในอกี สาขาหนงึ่ ไดท้ งั้ นใี้ หม้ กี ารโอนหรอื เทยี บโอนผลการศกึ ษา ตามเกณฑ์และวิธกี ารทสี่ ภามหาวิทยาลัยก�ำ หนด และตอ้ งมีหนว่ ยกติ สะสมให้ไม่นอ้ ยกวา่ 60 หนว่ ยกิต และมี เวลาศกึ ษาอีกไม่น้อยกวา่ 3 ภาคการศกึ ษาปกติ ข้อ 10 การนบั วนั ตา่ งๆ ตามข้อบังคับน้ี มหาวิทยาลัยจะประกาศให้ทราบเป็นปๆี ไป หมวดที่ 1 การจดั และวธิ ีการศึกษา ขอ้ 11 การจดั การศกึ ษาในมหาวทิ ยาลยั ใหใ้ ชร้ ะบบหนว่ ยกติ ทวภิ าค โดยแบง่ เวลาการศกึ ษาในแตล่ ะ ปกี ารศกึ ษาออกเปน็ 2 ภาคการศึกษาปกติ 11.1 ภาคการศึกษาท่หี นงึ่ มเี วลาเรียนไม่ต�ำ่ กวา่ 15 สปั ดาห์ 11.2 ภาคการศึกษาทีส่ อง มีเวลาเรียนไม่ต�่ำ กว่า 15 สปั ดาห์ นอกจากนั้น จะจดั การศกึ ษาภาคฤดูรอ้ น ตอ่ จากภาคการศกึ ษาที่สองอีก 1 ภาคกไ็ ด้ โดยมเี วลาเรยี น ไม่น้อยกว่า 6 สัปดาห์ แตใ่ ห้เพม่ิ ช่วั โมงเรียนในแตล่ ะรายวิชาใหเ้ ทา่ กับภาคการศึกษาปกติ ภาคการศกึ ษาฤดู รอ้ นเป็นภาคการศึกษาทีไ่ มบ่ ังคบั
คมู่ ือนิสติ ปริญญาตรี ปีการศึกษา 2564 มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตสรุ ินทร์ ขอ้ 12 ระยะเวลาการศึกษาระดับปริญญาตรี 12.1 หลกั สูตรปริญญาตรี (4 ปี) ใชเ้ วลาศึกษาไม่เกนิ 8 ปกี ารศกึ ษารวมการปฏบิ ัตงิ านตาม ทีม่ หาวทิ ยาลัยก�ำ หนด 12.2 หลกั สตู รปรญิ ญาตรี (5 ป)ี ใชเ้ วลาศกึ ษาไมเ่ กนิ 10 ปกี ารศกึ ษา และการปฏบิ ตั งิ านตาม ทีม่ หาวิทยาลยั ก�ำ หนดให้นับเขา้ ในปกี ารศกึ ษาที่ 5 ยกเวน้ ในกรณขี อ้ 9 ให้เป็นไปตามระยะเวลาการศึกษาท่ี มหาวทิ ยาลยั ก�ำ หนด ขอ้ 13 หลักสูตรระดบั ปรญิ ญาตรีให้ศกึ ษารายวชิ าตามโครงสร้างหลกั สูตรท่มี หาวทิ ยาลัยก�ำ หนด ขอ้ 14 การคิดหนว่ ยกิต 14.1 รายวิชาภาคทฤษฎี ที่ใช้เวลาบรรยายหรืออภิปรายปัญหาไม่น้อยกว่า 15 ชั่วโมง ต่อ ภาคการศึกษาปกติ ให้มีคา่ เทา่ กบั 1 หนว่ ยกิต ระบบทวิภาค 14.2 รายวิชาภาคปฏิบัติ ที่ใช้เวลาฝึกหรือทดลองไม่น้อยกว่า 30 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษา ปกติ ให้มีคา่ เทา่ กบั 1 หน่วยกิต ระบบทวภิ าค 14.3 การฝึกงานหรอื ฝึกภาคสนาม ท่ีใชเ้ วลาฝึกไม่น้อยกวา่ 45 ช่วั โมงตอ่ ภาคการศกึ ษาปกติ ใหม้ คี ่าเท่ากบั 1 หนว่ ยกติ ระบบทวิภาค 14.4 การท�ำ โครงงานหรอื กจิ กรรมการเรยี นอน่ื ใดตามทไี่ ดร้ บั มอบหมายทใ่ี ชเ้ วลาท�ำ โครงงาน หรอื กิจกรรมน้นั ๆ ไม่นอ้ ยกว่า 45 ช่วั โมงต่อภาคการศึกษาปกติ ให้มีคา่ เทา่ กบั 1 หน่วยกิต ระบบทวิภาค ข้อ 15 ใหแ้ ตล่ ะคณะหรือวิทยาลยั ก�ำ หนดหลกั สูตรและจำ�นวนหนว่ ยกิต ทจ่ี ะต้องเรียน โดยจะตอ้ งมี หมวดวิชาศกึ ษาทวั่ ไป กลุม่ วชิ าพระพทุ ธศาสนา หมวดวิชาเฉพาะและหมวดวชิ าเลือกเสรีตามท่ีมหาวทิ ยาลัย ก�ำ หนดไว้ในแตล่ ะหลกั สูตร ข้อ 16 การเลอื กและการขอเปล่ยี นสาขาวชิ าหรอื วชิ าเอกใหเ้ ป็นหน้าทีแ่ ละความรับผดิ ชอบของคณะ หรือวิทยาลยั ท่ีจะออกประกาศหรอื ก�ำ หนดหลักเกณฑ์ ขอ้ 17 ใหแ้ ตล่ ะคณะหรอื วทิ ยาลยั สง่ ชอ่ื รายวชิ าทจ่ี ะเปดิ สอนในแตล่ ะภาคการศกึ ษาใหส้ �ำ นกั ทะเบยี น และวดั ผลทราบก่อนวันลงทะเบยี น ภายหลังวันลงทะเบียนรายวิชาแล้ว หากคณะหรือวิทยาลัยจำ�เป็นต้องเปิดสอนรายวิชาใหม่เพ่ิมขึ้น หรือไม่เปิดสอนรายวิชาใดที่ได้แจ้งไว้ก็ให้ดำ�เนินการได้แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการประจำ� คณะหรอื คณะกรรมการประจำ�วทิ ยาลัยและตอ้ งแจ้งใหส้ �ำ นักทะเบยี นและวัดผลทราบท้ังนต้ี อ้ งไม่เกิน 15 วัน นบั จากวันเปดิ ภาคการศึกษา ขอ้ 18 ใหส้ �ำ นกั ทะเบยี นและวดั ผลออกประกาศหรอื ก�ำ หนดหลกั เกณฑ์ ซงึ่ ไมข่ ดั กบั ขอ้ บงั คบั นใ้ี นการ รับนิสิตที่จะขอยา้ ยจากคณะหรอื วิทยาลยั ตา่ งๆ ภายในมหาวิทยาลยั หรือโอนจากสถาบันการศกึ ษาอ่นื โดยจะ ต้องมีเวลาการศึกษาต่อเนื่องในคณะหรือวิทยาลัยทีเ่ ขา้ ศึกษาใหม่ไม่น้อยกว่า 3 ภาคการศึกษาปกติและต้องมี หนว่ ยกติ สะสมใหม่ไมน่ ้อยกวา่ 60 หน่วยกิต
คูม่ ือนสิ ติ ปริญญาตรี ปีการศึกษา 2564 มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตสรุ ินทร์ ข้อ 1 9 การเทียบฐานะชั้นปีที่ของนิสิตในมหาวิทยาลัยกำ�หนดจำ�นวนหน่วยกิต ที่นิสิตลงทะเบียน เรียนและสอบได้ตามหลักสูตรของมหาวิทยาลัยเป็นเกณฑ์พิจารณาและกระทำ�เมื่อสิ้นภาคการศึกษาปกติทุก ภาค ขอ้ 20 สภาพนิสิตแบง่ ออกได้ดงั นี้ 20.1 นสิ ิตสภาพสมบูรณ์ ไดแ้ ก่ นิสติ ท่ีสอบได้ค่าระดบั เฉลย่ี สะสมตงั้ แต่ 2.00 ขนึ้ ไป 20.2 นิสิตสภาพรอพินจิ ไดแ้ ก่ นิสติ ท่สี อบไดค้ า่ ระดับเฉล่ยี สะสมตำ�่ กว่า 2.00 การจำ�แนกสภาพนิสิตจะกระทำ�เม่ือส้ินภาคการศึกษาแต่ละภาคทั้งน้ียกเว้นนิสิตที่ เขา้ ศกึ ษาเปน็ ปีแรกซึง่ การจำ�แนกสภาพจะกระทำ�เมอื่ สิน้ ภาคการศึกษาท่ีสองนบั แต่เร่ิมเขา้ ศกึ ษา ส�ำ นกั ทะเบยี นและวดั ผลจะตอ้ งแจง้ สภาพรอพนิ จิ ใหน้ สิ ติ ทมี่ สี ภาพเชน่ นนั้ และอาจารยท์ ป่ี รกึ ษาของนสิ ติ ผนู้ น้ั ทราบโดยเร็วที่สุด ข้อ 21 การลาพกั และการขอกลับเข้าศกึ ษาตอ่ นสิ ติ อาจยืน่ คำ�ร้องขอลาพักการศึกษาตอ่ คณบดีหรือ ผู้อ�ำ นวยการวทิ ยาลยั ไดใ้ นกรณใี ดกรณีหนึง่ ดังต่อไปน้ี 21.1 ถกู เกณฑห์ รือระดมเข้ารบั ราชการทหารกองประจ�ำ การ 21.2 ไดร้ บั ทนุ การศึกษาระหว่างประเทศ หรอื ทุนอืน่ ใดทม่ี หาวิทยาลัยเหน็ สมควรสนับสนุน 21.3 เจ็บป่วยต้องพักรักษาตัวเป็นเวลานานตามคำ�ส่ังของแพทย์โดยมีใบรับรองแพทย์มา แสดงตอ่ มหาวทิ ยาลัย 21.4 มเี หตจุ ำ�เป็นสุดวสิ ัยอืน่ ทส่ี �ำ คัญ ในกรณที นี่ ิสิตขอลาพกั ก่อนลงทะเบยี นรายวิชาหรือกอ่ นเปดิ ภาคการศึกษา นสิ ิตต้องยนื่ ค�ำ รอ้ งต่อคณบดหี รอื ผอู้ �ำ นวยการวทิ ยาลยั ทตี่ นสงั กดั อยา่ งชา้ ภายใน 7 วนั นบั จากวนั เปดิ ภาคการศกึ ษาและจะตอ้ งเสยี คา่ ธรรมเนยี ม เพื่อรกั ษาสถานภาพการเป็นนิสติ ไว้หากไม่ปฏิบตั ิตามมหาวทิ ยาลยั จะถอนช่อื นสิ ติ ผู้น้นั ออกจากทะเบียนนสิ ติ และให้พ้นสภาพการเป็นนิสิตทันที อนึ่ง ถ้านิสิตขอลาพักการศึกษาหลังจากท่ีได้ลงทะเบียนรายวิชาแล้วหรือในระหว่างภาคการศึกษา นิสิตต้องยืน่ คำ�ร้องโดยเรว็ ท่ีสุดและจะต้องมีเวลาเรียนโดยสมำ่�เสมอในระยะกอ่ นการย่นื คำ�ร้องขอลาพัก หาก รายวิชาใดนิสิตขาดเรียนเกินกว่าร้อยละ 20 ของเวลาเรียนท้ังหมดให้ถือว่าได้ผลการศึกษาระดับ F เฉพาะ รายวิชานน้ั และให้นำ�ไปคดิ ค่าระดับเฉลี่ยด้วย ข้อ 22 ให้คณบดีหรือผู้อำ�นวยการวิทยาลัยที่นิสิตสังกัดอนุมัติให้นิสิตลาพักได้คร้ังละไม่เกิน 2 ภาค การศึกษาปกติ ถ้านิสิตยังมีความจำ�เป็นที่จะต้องขอลาพักต่อไปอีก ให้ยื่นคำ�ร้องขอลาพักใหม่ตามวิธีการดัง กลา่ วแลว้ นสิ ติ ทไ่ี ดร้ บั อนญุ าตใหล้ าพกั หรอื ถกู สงั่ พกั การศกึ ษาเมอื่ จะกลบั เขา้ ศกึ ษาตอ่ จะตอ้ งยนื่ ค�ำ รอ้ ง ขอกลบั เขา้ ศกึ ษาตอ่ คณบดหี รอื ผอู้ �ำ นวยการวทิ ยาลยั ทนี่ สิ ติ สงั กดั กอ่ นวนั เปดิ ภาคการศกึ ษาไมน่ อ้ ยกวา่ 15 วนั หากไม่ปฏิบัติตามจะไม่มีสิทธ์ิลงทะเบียนรายวิชาในภาคการศึกษานั้น เว้นแต่คณะกรรมการประจำ�คณะหรือ คณะกรรมการประจ�ำ วทิ ยาลยั เหน็ วา่ มเี หตสุ �ำ คญั และจ�ำ เปน็ ทท่ี �ำ ใหน้ สิ ติ ผนู้ นั้ ไมส่ ามารถยน่ื ค�ำ รอ้ งขอกลบั เขา้
คู่มอื นิสติ ปริญญาตรี ปกี ารศกึ ษา 2564 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรนิ ทร์ ศึกษาได้ทันตามกำ�หนดจะอนุมตั ิให้เปน็ กรณพี ิเศษก็ได้ ขอ้ 23 คณะหรอื วทิ ยาลยั จะตอ้ งแจง้ รายชอื่ นสิ ติ ทไ่ี ดร้ บั อนมุ ตั ใิ หล้ าพกั หรอื ถกู สงั่ พกั การศกึ ษาและรายชอื่ นสิ ติ ท่ขี อกลบั เข้าศกึ ษาตอ่ ให้สำ�นกั ทะเบยี นและวดั ผลทราบก่อนวันลงทะเบยี นเรยี นไม่น้อยกวา่ 15 วัน หมวดที่ 2 การขึน้ ทะเบียนเปน็ นิสิต การลงทะเบียน การเพ่มิ และการถอนรายวิชา ข้อ 24 การขึ้นทะเบียนเป็นนิสิต 24.1 ผู้ขึ้นทะเบียนเป็นนิสิตต้องนำ�หลักฐานที่มหาวิทยาลัยกำ�หนดมายื่นต่อสำ�นักทะเบียน และวดั ผลดว้ ยตนเองตามวนั เวลาและสถานทที่ ก่ี �ำ หนด พรอ้ มทงั้ ช�ำ ระคา่ ธรรมเนยี มตามทมี่ หาวทิ ยาลยั ก�ำ หนด 24.2 ผู้ไม่สามารถมาย่ืนคำ�ร้องขอขึ้นทะเบียนเป็นนิสิตตามวันท่ีกำ�หนดต้องแจ้งเหตุขัดข้อง ให้ส�ำ นักทะเบียนและวดั ผลทราบเป็นลายลกั ษณอ์ กั ษรภายใน 7 วัน หลงั จากวันทีก่ ำ�หนดไว้มิฉะน้ันจะถือว่า สละสทิ ธ์ิ ในกรณีที่ได้แจ้งให้สำ�นักทะเบียนและวัดผลทราบตามความในวรรคแรกแล้วต้องมาขึ้นทะเบียนเป็น นิสิตด้วยตนเอง ยกเว้นในกรณีท่ีคณะกรรมการประจำ�คณะหรือคณะกรรมการประจำ�มหาวิทยาลัยเห็นว่ามี เหตุสุดวสิ ัยจึงอนุญาตให้มอบหมายผู้แทนมาขึน้ ทะเบยี นได้ ทัง้ น้ตี ้องทำ�ให้เสร็จเรยี บรอ้ ยภายใน 7 วนั นับจาก เปดิ ภาคการศึกษาปกติ 24.3 ผูข้ น้ึ ทะเบยี นเป็นนสิ ิตจะศึกษาเกนิ กว่า 1 สาขาวชิ าในขณะเดยี วกนั ไม่ได้ ข้อ 25 การลงทะเบยี นรายวชิ า 25.1 นสิ ติ ตอ้ งลงทะเบยี นรายวชิ าตามทป่ี ระสงคจ์ ะเรยี นตามรปู แบบและหลกั เกณฑท์ ส่ี �ำ นกั ทะเบยี นและวัดผลกำ�หนด 25.2 ให้มีการลงทะเบียนรายวิชาทุกภาคการศึกษาและการลงทะเบียนทุกครั้ง ต้องได้รับ ความเห็นชอบจากอาจารยท์ ีป่ รึกษา 25.3 นสิ ติ ตอ้ งลงทะเบยี นรายวชิ าดว้ ยตนเองตามวนั เวลาและสถานทท่ี ก่ี �ำ หนดพรอ้ มทงั้ ช�ำ ระ ค่าธรรมเนียมและส่วนที่ค้างชำ�ระ (ถ้ามี) ให้เรียบร้อยจึงถือว่าการลงทะเบียนน้ันสมบูรณ์และนิสิตจะได้รับ รายงานผลการศกึ ษาเมือ่ สนิ้ ภาคการศกึ ษาเฉพาะรายวชิ าที่ได้ลงทะเบียนไว้แลว้ เทา่ น้ัน 25.4 นิสิตที่ลงทะเบียนรายวิชาหลังจากวันที่สำ�นักทะเบียนและวัดผลกำ�หนดให้ถือว่าลง ทะเบยี นชา้ ตอ้ งช�ำ ระคา่ ธรรมเนยี มเพม่ิ เปน็ พเิ ศษตามอตั ราทม่ี หาวทิ ยาลยั ก�ำ หนด ซงึ่ จะประกาศใหท้ ราบเปน็ คราวๆไป 25.5 นิสติ ไมล่ งทะเบยี นรายวชิ าภายใน 14 วันแรกของภาคการศึกษาปกติ หรอื 7 วันแรก ของภาคการศึกษาภาคฤดูร้อน เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการประจำ�คณะหรือคณะกรรมการประจำ�
คมู่ ือนิสิตปริญญาตรี ปีการศกึ ษา 2564 มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรนิ ทร์ วิทยาลยั เปน็ กรณพี เิ ศษ ทั้งน้ีระยะเวลาที่พน้ ก�ำ หนดนัน้ ไม่เกนิ 7 วนั และต้องชำ�ระค่าธรรมเนียมตามขอ้ 25.4 ในกรณีที่นิสิตได้รับอนุมัติให้ลงทะเบียนรายวิชาเป็นกรณีพิเศษเช่นนี้ ถ้าเวลาเรียนนับจากวันท่ีลง ทะเบียนรายวชิ าเหลอื อยไู่ ม่ถงึ รอ้ ยละ 80 ของภาคการศึกษานน้ั ก็ใหม้ สี ิทธเ์ิ ข้าสอบในรายวชิ าทไี่ ด้ลงทะเบยี น ดว้ ย แต่ทัง้ นี้ตอ้ งมีเวลาเรยี นไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาทเ่ี หลือ 25.6 นิสิตทไี่ มล่ งทะเบียนรายวิชาในภาคการศกึ ษาปกติภาคใดภาคหน่งึ ที่มหาวทิ ยาลัยเปดิ ท�ำ การสอนจะต้องลาพักการศกึ ษาภายใต้เงือ่ นไขทไ่ี ด้ระบุไวใ้ นข้อ 21 หากไม่ปฏบิ ัตติ าม มหาวิทยาลยั จะถอน ชอ่ื นิสติ ผนู้ น้ั ออกจากทะเบียนนสิ ติ และให้พน้ สภาพการเปน็ นิสติ ทันที 25.7 ถ้าไม่เกินกำ�หนด 2 ปีการศึกษาปกตินับจากวันท่ีมหาวิทยาลัยถอนชื่อนิสิตออกจาก ทะเบียนนสิ ิตตามขอ้ 21.4 ขอ้ 25.6 และข้อ 58.3.13 มหาวทิ ยาลัยอาจอนมุ ัตใิ ห้นิสิตผ้นู ้ันกลบั เขา้ เปน็ นสิ ติ ใหม่ได้เม่อื มีเหตอุ นั สมควรโดยใหถ้ ือระยะเวลานน้ั เป็นระยะเวลาพกั การศึกษา ในกรณเี ชน่ นี้ นสิ ติ ตอ้ งเสยี คา่ ธรรมเนยี มเสมอื นเปน็ ผลู้ าพกั การศกึ ษา รวมทง้ั คา่ ธรรมเนยี มอน่ื ๆทคี่ า้ ง ชำ�ระ (ถ้าม)ี ด้วย ข้อ 26 จำ�นวนหน่วยกิต ทีน่ ิสติ อาจลงทะเบียนเรียนได้ มดี ังน้ี 26.1 นิสิตสภาพสมบูรณ์ให้ลงทะเบียนรายวิชาในภาคการศึกษาปกติได้ไม่น้อยกว่า 9 หน่วยกิต และไมเ่ กนิ 22 หนว่ ยกติ ส่วนในภาคการศกึ ษาฤดูร้อนให้ลงทะเบียนรายวชิ าได้ไม่เกนิ 9 หน่วยกิต 26.2 นสิ ติ สภาพรอพนิ จิ ในภาคการศกึ ษาปกติ ใหล้ งทะเบยี นรายวชิ าไมน่ อ้ ยกวา่ 6 หนว่ ยกติ และไม่เกนิ 15 หนว่ ยกติ สว่ นภาคฤดูรอ้ นให้ลงทะเบยี นรายวชิ าไมเ่ กิน 6 หน่วยกิต 26.3 นสิ ิตพิเศษท่ีมหาวทิ ยาลยั อนุมตั ริ บั เข้าศึกษาเป็นกรณพี เิ ศษให้ลงทะเบยี นรายวชิ าตาม ค�ำ แนะน�ำ ของอาจารยท์ ป่ี รกึ ษา 26.4 หลกั สูตรระดับปรญิ ญาตรีให้สำ�เร็จการศึกษาตามระยะเวลาทก่ี ำ�หนดในขอ้ 12 ขอ้ 27 นสิ ติ ที่ประสงคจ์ ะลงทะเบียนรายวชิ า นอกเหนือไปจากท่ีกำ�หนดไว้ในข้อ 26 ต้องยน่ื ค�ำ ร้อง เป็นลายลกั ษณ์อกั ษรตอ่ คณบดหี รอื ผู้อำ�นวยการวิทยาลยั เพื่อขออนมุ ตั เิ ป็นกรณีพิเศษ ขอ้ 28 การลงทะเบยี นเรยี นซอ่ มเสรมิ หรือการถอนรายวชิ า 28.1 การขอเพ่ิมรายวชิ าจะกระทำ�ไดภ้ ายใน 14 วนั แรกของภาคการศกึ ษาปกตหิ รือภายใน 7 วนั แรกของภาคการศกึ ษาฤดูรอ้ นโดยได้รับอนมุ ตั ิจากอาจารย์ผ้สู อนและอาจารยท์ ่ปี รึกษา 28.2 การขอถอนรายวชิ า ต้องได้รบั อนญุ าตจากอาจารยผ์ ูส้ อนและอาจารย์ทป่ี รกึ ษาภายใน เงื่อนไขและใหม้ ีผล ดงั ต่อไปน้ี 28.2.1 ถ้าขอถอนภายใน14วนั แรกของภาคการศึกษาปกติหรือ 7 วนั แรกของภาค การศกึ ษาฤดูร้อน หรอื นสิ ติ ทีถ่ กู สัง่ พักการศึกษา รายวิชาทีถ่ อนนน้ั จะไม่ปรากฏสญั ลักษณ์ W ในระเบียน 28.2.2 ถา้ ขอถอนเม่อื พ้นก�ำ หนด 14 วันแรก แตย่ ังอย่ภู ายใน 45 วันแรกของภาค การศกึ ษาปกติหรอื เม่อื พ้นกำ�หนด7 วันแรก แต่ยงั อยู่ภายใน 20 วนั แรกของภาคการศกึ ษาฤดูรอ้ น ถือวา่ นิสติ ถอนตวั จากการศกึ ษารายวชิ านนั้ และจะไดร้ บั สญั ลกั ษณ์ W ในรายวชิ านน้ั ทง้ั น้ี ตอ้ งมเี วลาเรยี นในรายวชิ านน้ั
คมู่ ือนิสิตปริญญาตรี ปกี ารศึกษา 2564 มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตสุรินทร์ มาแลว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 28.2.3 การขอถอนเมื่อพน้ ก�ำ หนด ตามขอ้ 28.2.2 นน้ั จะกระท�ำ มไิ ด้ เว้นแต่คณะ กรรมการประจ�ำ คณะหรอื คณะกรรมการประจ�ำ วทิ ยาลยั เหน็ สมควรอนมุ ตั ดิ ว้ ยเหตผุ ลพเิ ศษ ในกรณเี ชน่ น้ี นสิ ติ จะได้รับสญั ลกั ษณ์ W ในรายวชิ าท่ไี ด้รบั อนมุ ัตใิ ห้ถอนน้ัน 28.2.4 นิสิตจะถอนรายวชิ าจนเหลอื จ�ำ นวนหน่วยกิต ต่ำ�กว่า 9 หนว่ ยกติ ในภาค การศึกษาปกตไิ มไ่ ด้ เวน้ แตจ่ ะได้รับอนมุ ตั ิจากคณะกรรมการประจ�ำ คณะหรอื คณะกรรมการประจ�ำ วทิ ยาลัย ขอ้ 2 9 มหาวทิ ยาลยั จะก�ำ หนดอตั ราคา่ ธรรมเนยี มตา่ งๆรวมทงั้ สทิ ธกิ์ ารไดร้ บั คา่ ธรรมเนยี มคนื ในบาง กรณี ซง่ึ จะประกาศใหท้ ราบเปน็ คราวๆไป หมวดที่ 3 การวัดผลและการประเมนิ ผลการศึกษา ข้อ 30 ใหม้ ีการวดั ผลการศกึ ษาทุกรายวชิ าที่นิสติ ได้ลงทะเบยี นไว้แต่ละภาคการศึกษา ข้อ 31 การวดั ผลการศกึ ษาอาจท�ำ ได้หลายวิธี ในระหวา่ งภาคการศึกษาจะมกี ารสอบทุกรายวิชาท่ีได้ ลงทะเบยี นเรยี นไวใ้ นภาคการศกึ ษานนั้ ถา้ รายวชิ าใดไมม่ กี ารสอบใหค้ ณบดหี รอื ผอู้ �ำ นวยการวทิ ยาลยั ประกาศ ใหน้ สิ ิตทราบกอ่ นการลงทะเบียนในภาคการศึกษาน้นั ขอ้ 32 นสิ ติ ตอ้ งมีเวลาเรยี นในแตล่ ะรายวชิ าทไี่ ด้ลงทะเบียนเรยี นไวไ้ มน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 80 ของเวลา ทท่ี �ำ การเรยี นการสอนทง้ั หมด ในภาคการศกึ ษานน้ั จงึ จะมสี ทิ ธเิ์ ขา้ สอบในรายวชิ านนั้ ยกเวน้ กรณตี ามขอ้ 25.5 นิสิตผู้มีเวลาเรียนในรายวิชาใดไม่ครบเกณฑ์กำ�หนดดังกล่าว และมิได้รับอนุมัติจากคณบดี หรือผู้อำ�นวยการวิทยาลยั จะไดร้ ะดบั F ในรายวิชานัน้ และใหน้ ำ�มาคำ�นวณคา่ ระดับเฉลี่ยด้วย ขอ้ 33 การประเมนิ ผลการศกึ ษา ระบบการประเมนิ ผลการศึกษา ระบบการประเมินผลการศึกษาในแต่ละรายวิชานั้นให้มีผลการศึกษาระดับ (Grade) และค่าระดับ (Grade-point) ดงั น้ี ผลการศกึ ษา ระดับ ค่าเฉลยี่ ดีเยยี่ ม (Excellent) A 4.0 ดมี าก (Very good) B+ 3.5 ดี (Good) B 3.0 ค่อนขา้ งดี (Very fair) C+ 2.5 พอใช้ (Fair) C 2.0 ค่อนขา้ งพอใช้ (Quite Fair) D+ 1.5 ออ่ น (Poor) D 1.0 ตก (Failed) F 0
คมู่ อื นสิ ติ ปริญญาตรี ปกี ารศกึ ษา 2564 มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตสุรินทร์ ท้ังนเี้ กณฑ์คะแนนต�่ำ สุด ทถ่ี ือว่าผา่ นในรายวิชานั้นๆ คือระดบั D ข้อ 34 การให้ระดับ F ให้กระท�ำ ในกรณใี ดกรณีหนงึ่ ดงั ต่อไปน้ี 34.1 นสิ ติ เข้าสอบและสอบตก 34.2 นิสิตขาดสอบโดยไมไ่ ด้รบั อนุญาตจากคณบดี หรือผอู้ ำ�นวยการวทิ ยาลัย 34.3 นิสิตไมม่ ีสิทธเ์ิ ขา้ สอบ ตามข้อ 32 34.4 นสิ ิตขอถอนรายวิชาในกรณอี ่นื นอกจากท่ีไม่ระบไุ วใ้ นข้อ 28.2.4 35.5 นิสติ ไม่แก้ผลการศึกษาท่ีไมส่ มบูรณ์ (I) ตามก�ำ หนดเวลาทร่ี ะบุไว้ในขอ้ 37 วรรค 2 34.6 นสิ ติ กระทำ�ผดิ ระเบียบการสอบไล่และได้รบั การตดั สนิ ให้สอบตก ข้อ 35 นอกจากการวัดผลเป็นระดบั ตามขอ้ 33 แลว้ รายงานผลการศกึ ษาอาจแสดงได้ดว้ ยสญั ลักษณ์ อ่นื อกี ดงั น้ี สัญลักษณ์ ผลการศกึ ษา I (Incomplete) ไมส่ มบูรณ์ S (Satisfactory) สอบไดไ้ มก่ ำ�หนดระดับ U (Unsatisfactory) สอบตกไมก่ �ำ หนดระดบั W (Withdrawn) ถอนรายวชิ าที่ศึกษา AU (Audit) ศึกษาโดยไม่นบั หนว่ ยกติ ขอ้ 36 ในการศกึ ษารายวชิ าตามหลกั สตู รวชิ าศกึ ษาทว่ั ไปของมหาวทิ ยาลยั หรอื รายวชิ า ซงึ่ มลี กั ษณะ เชน่ เดียวกบั วชิ าศึกษาทว่ั ไปของมหาวทิ ยาลัย อาจมีการวัดผลโดยไม่มีค่าระดับก็ได้ และให้แสดงผลการศกึ ษา โดยใชส้ ัญลกั ษณ์ S หรือ U ข้อ 37 การใหส้ ัญลกั ษณ์ I สำ�หรับรายวิชาใดรายวชิ าหน่งึ ใหก้ ระท�ำ ไดใ้ นกรณใี ดกรณีหนงึ่ ดงั ตอ่ ไป นี้ 37.1 นิสิตไม่ส่งงานมอบหมายหรือไม่เข้าทดสอบย่อยให้ครบเกณฑ์ตามกำ�หนดท่ีอาจารย์ผู้ สอนรายวชิ านน้ั ส่งั หรือดำ�เนนิ การในภาคเรยี น 37.2 นิสิตป่วยไม่อาจกระทำ�การสอบระหว่างการสอบรายวิชาน้ันโดยมีใบรับรองแพทย์มา แสดงตอ่ มหาวทิ ยาลยั 37.3 นสิ ติ ขาดสอบโดยไดร้ บั อนมุ ตั จิ ากคณบดหี รอื ผอู้ �ำ นวยการวทิ ยาลยั หรอื ดว้ ยเหตสุ ดุ วสิ ยั บางประการซึ่งทำ�ให้นิสิตนั้นยังปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายสำ�หรับรายวิชาน้ันไม่สมบูรณ์และอาจารย์ผู้สอน เห็นว่าไมส่ มควรประเมนิ ผลการศึกษาข้นั สุดทา้ ยของนสิ ติ ผู้นัน้ ในกรณดี ังกลา่ ว ตามขอ้ 37.1, 37.2 และ 37.3 นสิ ติ จะต้องท�ำ การสอบและปฏบิ ัติงานท่ไี ด้ รบั มอบหมายจากอาจารย์ผู้สอนใหเ้ รียบรอ้ ยเพื่อให้ไดผ้ ลการศึกษาทส่ี มบูรณอ์ ยา่ งชา้ ภายใน 15 วัน หลงั จาก วนั ลงทะเบียนรายวชิ าในภาคการศกึ ษาปกติถดั ไปมฉิ ะน้นั สญั ลักษณ์ I จะถกู ปรับเปน็ F ทนั ที
คู่มอื นสิ ติ ปรญิ ญาตรี ปกี ารศึกษา 2564 มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตสุรนิ ทร์ นสิ ิตที่ได้รบั ผลการศกึ ษาสมบูรณ์ตามเงอ่ื นไขในวรรคแรก จะไดร้ บั ระดบั คะแนนไม่สูงกวา่ C เวน้ แต่ผลไมส่ มบรู ณ์ (I) นัน้ เกิดเนื่องมาแต่เหตสุ ุดวสิ ยั อาจให้ได้ระดับสูงกวา่ C ได้ ทัง้ น้ใี ห้อยใู่ นดุลพินิจของ คณะกรรมการประจ�ำ คณะหรือคณะกรรมการประจ�ำ วทิ ยาลัยพจิ ารณาอนุมัติ ขอ้ 38 การใหส้ ญั ลกั ษณ์ S จะใหเ้ ฉพาะรายวชิ าซงึ่ นสิ ติ สอบไดแ้ ละหลกั สตู รระบวุ า่ เปน็ รายวชิ าทน่ี สิ ติ ตอ้ งเรียนและสอบให้ไดโ้ ดยไม่ก�ำ หนดระดับ ข้อ 3 9 การให้สัญลักษณ์ U จะให้เฉพาะรายวิชาท่ีนิสิตสอบตกและหลักสูตรระบุว่าเป็นรายวิชาที่ นิสิตต้องเรียนและสอบให้ได้โดยไม่กำ�หนดระดับ ในกรณีน้ีนิสิตต้องลงทะเบียนเรียนใหม่จนกว่าจะสอบได้ สัญลักษณ์ S ขอ้ 40 การให้สญั ลกั ษณ์ Au ให้กระทำ�เฉพาะรายวชิ าท่นี ิสิตได้ลงทะเบียนไว้ และแจ้งความจำ�นงใน วันลงทะเบียนวา่ จะเรยี นโดยไมน่ บั หน่วยกติ และไม่ประสงค์จะใหม้ ีการวัดผล ข้อ 41 การให้สัญลักษณ์ W ใหก้ ระทำ�เฉพาะรายวิชาในกรณที ่รี ะบไุ วใ้ นขอ้ 28.2.2 และ 28.2.3 ขอ้ 42 นสิ ติ ทผ่ี ลการสอบในรายวชิ าใดไมต่ �ำ่ กวา่ ระดบั D ใหถ้ อื วา่ สอบไดร้ ายวชิ านนั้ ยกเวน้ ในรายวชิ า ที่หลักสตู รกำ�หนดว่าจะตอ้ งสอบให้ไดส้ งู กว่าระดบั D หากรายวชิ าทสี่ อบตกเปน็ วชิ าบงั คบั ในหลกั สตู รนสิ ติ จะตอ้ งลงทะเบยี นเรยี นวชิ านน้ั จนสอบ ได้ตามหลักเกณฑท์ ี่ก�ำ หนดไว้ในวรรคแรก หากรายวิชาท่ีสอบตกเป็นวิชาเลือกนิสิตอาจลงทะเบียนเรียนซำ้� ในรายวิชานั้นหรืออาจลง ทะเบยี นเรียนวิชาอน่ื แทนก็ได้ ข้อ 43 การเรียนเพื่อเปลี่ยนระดับคะแนน 43.1 รายวิชาท่ีจะขอเรียนเพื่อเปลี่ยนระดับคะแนนเฉล่ียสะสม ถ้าเป็นการเรียนซ้ำ�จะต้อง เปน็ รายวชิ าที่ได้รับระดับคะแนนต�ำ่ กว่า C หรอื 2.0 ท้งั น้ีใหอ้ ยใู่ นดุลยพินิจของอาจารยท์ ่ีปรกึ ษา 43.2 ในแต่ละภาคการศึกษา นิสิตลงทะเบียนเรียนซำ้�ได้โดยต้องลงทะเบียนรายวิชาอ่ืนๆ ใน หลกั สตู รไมต่ �่ำ กวา่ 9 หนว่ ยกติ ยกเวน้ ในกรณที นี่ สิ ติ เรยี นครบหนว่ ยกติ ตามหลกั สตู รปรญิ ญาตรแี ลว้ แตค่ ะแนน เฉลีย่ สะสมไมถ่ ึงเกณฑ์ ตามขอ้ 64.1 สามารถเรียนซ�้ำ เฉพาะรายวิชาท่ีเรยี นเพอื่ ยกระดบั คะแนนได้ ข้อ 44 การนบั หนว่ ยกิตสะสมให้นบั รวมเฉพาะ ของรายวิชาที่นสิ ติ สอบได้ตามเกณฑ์ข้อ 38 และขอ้ 42 เทา่ น้นั 44.1 ในกรณีทนี่ ิสิตลงทะเบยี นเรยี นรายวชิ าใดมากกวา่ หนงึ่ คร้งั ให้นบั จำ�นวนของหนว่ ยกิต ของรายวิชานัน้ ไปคดิ เปน็ หนว่ ยกิตสะสมไดเ้ พยี งครง้ั เดียว 44.2 ในกรณีที่นิสิตลงทะเบียนเรียนวิชาที่ระบุไว้ว่าเป็นวิชาที่เทียบเท่ากันให้นับหน่วยกิต เฉพาะรายวชิ าใดรายวชิ าหนง่ึ เทา่ นั้นเปน็ หนว่ ยกติ สะสม ข้อ 45 ใหม้ กี ารประเมนิ ผลการศกึ ษา เมอ่ื สน้ิ การศกึ ษาทกุ ภาคโดยค�ำ นวณหา “คา่ ระดบั เฉลย่ี ”ของ รายวิชาที่นิสิตได้ลงทะเบียนไว้สำ�หรับภาคการศึกษานั้น ค่าน้ันเรียกว่า “ค่าระดับเฉล่ียประจำ�ภาค” (SEMESTER GRADE POINT AVERAGE = SGPA) และให้คิดว่าระดบั เฉล่ียสำ�หรบั รายวิชาท้งั หมดทุกภาคการ
คูม่ อื นสิ ิตปรญิ ญาตรี ปกี ารศึกษา 2564 มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์ ศึกษาตง้ั แตเ่ ริม่ เป็นนิสิตจนถึงภาคการศกึ ษาปัจจบุ ัน ค่านน้ั เรียกว่า “ค่าระดับเฉลย่ี สะสม” (COMMULATIVE GRADE POINT AVERAGE = CUM GPA) ข้อ 46 การคดิ คา่ ระดบั เฉลยี่ ประจ�ำ ภาค (SGPA) ค�ำ นวณไดจ้ ากการน�ำ ผลบวกของผลคณู ระหวา่ งคา่ ระดับต่อหน่วยกิตกับจำ�นวนหน่วยกิตของแต่ละรายวิชาท่ีลงทะเบียนในภาคการศึกษานั้นต้ังแล้วหารด้วย หน่วยกติ ทั้งหมดท่ีลงทะเบียนไวใ้ นภาคการศึกษานนั้ ขอ้ 47 การคดิ คา่ ระดบั เฉลยี่ สะสม (CUM GPA) ค�ำ นวณไดจ้ ากการน�ำ ผลบวกของผลคณู ระหวา่ งคา่ ระดบั ตอ่ หนว่ ยกติ กบั จ�ำ นวนหนว่ ยกติ ของแตล่ ะรายวชิ าทลี่ งทะเบยี นไวท้ ง้ั หมดตง้ั แลว้ หารดว้ ยจ�ำ นวนหนว่ ยกติ ท้งั หมดทีไ่ ดล้ งทะเบียนไว้ ไม่วา่ รายวิชานน้ั จะซ้ำ�กนั หรือแทนกนั ก็ตาม ขอ้ 48 รายวิชาทม่ี ีรายงานผลการศกึ ษาเปน็ สัญลักษณ์ I, S, W, Auจะไม่น�ำ มาคำ�นวณหาค่าระดับเ ฉล่ยี ตามขอ้ 46 และข้อ 47 ขอ้ 4 9 การหาค่าระดบั เฉลี่ยใหค้ ดิ ทศนยิ มสองต�ำ แหน่งไมป่ ดั เศษ หมวดท่ี 4 การเตือนและการรอพินจิ ข้อ 50 มหาวทิ ยาลยั จะน�ำ ผลการศกึ ษาของนสิ ติ แตล่ ะรายมาพจิ ารณาทกุ ภาคการศกึ ษา รวมทง้ั ภาค การศกึ ษาภาคฤดรู ้อนนิสติ จะตอ้ งได้ค่าระดบั เฉลยี่ สะสมถงึ ภาคการศึกษานัน้ ๆ ไมต่ ำ่�กว่า 2.00 มฉิ ะน้นั จะได้ รบั การเตอื น หรอื อยู่ในภาวะรอพนิ ิจในตน้ ภาคการศึกษาถดั ไป หรอื ถกู ถอนชื่อออกจากทะเบยี นนสิ ิตแลว้ แต่ กรณี ข้อ 51 ในภาคแรกท่ไี ดเ้ ขา้ ศกึ ษาในมหาวิทยาลัยนสิ ิตผู้ใดไดร้ ะดบั คา่ เฉลี่ยสำ�หรับภาคการศึกษานน้ั ต�ำ่ กว่า 1.50 จะไดร้ ับการเตอื น จากมหาวทิ ยาลัยซึ่งไมน่ ับเปน็ การเตือนตามขอ้ 54 ขอ้ 52 นิสิตต้องได้รับค่าระดับเฉลี่ยสะสมเม่ือส้ินสองภาคแรกที่ได้ศึกษาในมหาวิทยาลัยไม่ตำ่�กว่า 1.75 มิฉะนนั้ จะตอ้ งถกู ถอนช่ือออกจากทะเบยี นนิสิต ขอ้ 53 หากได้รับการเตือนสองภาคการศกึ ษาติดตอ่ กัน โดยยงั ได้คา่ ระดบั เฉลย่ี สะสมต่ำ�กวา่ 2.00 อยู่ เชน่ เดมิ ให้อยู่ในภาวะรอพนิ ิจในภาคการศึกษาถัดไป และให้บนั ทกึ ภาวะรอพนิ จิ น้นั ลงในระเบียนเรยี นด้วย ข้อ 54 ในภาคการศึกษาที่อยู่ในภาวะรอพินิจหากนิสิตยังได้ค่าระดับเฉลี่ยสะสม เมื่อจบภาคการ ศึกษาน้นั ตำ่�กวา่ 2.00 อยู่อกี นิสติ ผู้นัน้ จะถกู ถอนชอ่ื ออกจากทะเบยี นนิสิต ยกเวน้ กรณตี ามข้อ 55 ข้อ 55 นิสิตท่ีได้ศึกษารายวิชาต่าง ๆ ครบจำ�นวนหน่วยกิตตามที่กำ�หนดไว้ในหลักสูตรแล้วได้ค่า ระดับเฉลี่ยสะสมไม่ตำ่�กว่า 1.75 แต่ไม่ถึง2.00 ตามเกณฑ์สมบูรณ์มหาวิทยาลัยอาจให้นิสิตผู้น้ันศึกษาต่อไป ตามที่เห็นสมควร โดยจะให้ศึกษาต่อในคณะเดิมหรือเปลี่ยนสาขาวิชา หรือย้ายโอนคณะสังกัดภายใต้ 62.1 และข้อ 62.5 ข้อ 56 กรณขี อ้ 55 นิสิตจะตอ้ งศกึ ษาให้ไดค้ า่ ระดับเฉลย่ี สะสมถงึ เกณฑ์ 2.00 ภายในระยะ 3 ภาค
คูม่ อื นสิ ิตปริญญาตรี ปีการศกึ ษา 2564 มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตสุรินทร์ การศกึ ษาถัดไป ท้งั น้ี ต้องไมเ่ กนิ สองเท่า (8 ป)ี สำ�หรบั การศกึ ษาภาคปกติ นบั แตว่ นั ทีข่ ึ้นทะเบยี นเปน็ นสิ ิต ข้อ 57 ภายใตข้ อ้ บงั คับ 56 การเปล่ียนสาขาวิชาก็ดกี ารย้ายโอนคณะสงั กัดก็ดกี ารพกั การศึกษาก็ดี ไมม่ ผี ลท�ำ ใหก้ ารเตอื นและภาวะรอพนิ จิ เปลี่ยนแปลง หมวดท่ี 5 การพน้ สภาพนิสติ และวินยั ของนสิ ิต ข้อ 58 นสิ ติ ต้องพน้ สภาพการเป็นนสิ ติ ในกรณีต่อไปนี้ 58.1 สำ�เร็จการศึกษาตามหลกั สตู รและไดป้ รญิ ญาตามขอ้ 64 58.2 ได้รบั อนมุ ตั จิ ากคณบดี หรอื ผอู้ �ำ นวยการวิทยาลัยใหล้ าออก 58.3 ถกู ถอนชื่อออกจากมหาวทิ ยาลยั ในกรณดี งั ต่อไปน้ี 58.3.1 ไม่ลงทะเบียนเรยี นในภาคการศึกษาใดภาคการศึกษาหนึ่งตามข้อ 25.6 58.3.2 เม่ือพ้นกำ�หนดเวลาหนึ่งภาคการศึกษาแล้ว ไม่ชำ�ระค่าบำ�รุงมหาวิทยาลัย เพอ่ื รักษาสถานภาพการเปน็ นสิ ิตภาคปกติ 58.3.3 เมื่อตรวจพบวา่ ขาดคณุ วฒุ ิหรอื คุณสมบัตติ ามข้อ 7 อย่างใดอยา่ งหน่ึงตาม แตก่ รณี 58.3.4 สอบไดค้ า่ ระดบั เฉลย่ี ประจ�ำ ภาคในภาคการศกึ ษาแรก ของการเขา้ ศกึ ษาใน มหาวิทยาลัย ตำ่�กว่า 1.25 หรือสอบได้ค่าระดับเฉลี่ยสะสมของ 2 ภาคการศึกษาแรกของการเข้าศึกษาใน มหาวทิ ยาลัยตำ�่ กว่า 1.75 58.3.5 ต้ังแต่ภาคการศึกษาท่ี 3 ของการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยเป็นต้นไปสอบ ไดค้ ่าระดบั เฉลยี่ สะสมตำ่�กว่า 1.50 58.3.6 ไดค้ า่ ระดบั เฉลีย่ สะสมตำ�่ กว่า 1.75 เป็นเวลาสองภาคการศึกษาตดิ ตอ่ กัน 58.3.7 ไมพ่ น้ สภาพรอพนิ จิ ตามความในข้อ 54 58.3.8 สอบไดไ้ มค่ รบตามหลกั สตู รของแตล่ ะคณะหรอื ไดค้ า่ ระดบั เฉลย่ี สะสมตลอด หลกั สตู รไม่ถงึ 2.00 ภายในระยะเวลา 2 เท่า ของเวลาการศกึ ษาตามหลกั สูตร 58.3. 9 ทำ�การทุจริตอยา่ งร้ายแรงในการสอบ 58.3.10 ไมส่ ามารถเลอื กวชิ าเอก-โท (ถา้ ม)ี ภายในระยะเวลาตามหลกั เกณฑท์ แ่ี ตล่ ะ คณะกำ�หนดไวใ้ นหลกั สูตร 58.3.11 ถกู ส่ังพกั การเรยี นรวมกนั เกนิ กวา่ 2 ภาคการศกึ ษาปกติ 58.3.12 ประพฤติผดิ อย่างรา้ ยแรงและได้รับการพิจารณาโทษใหพ้ ้นสภาพการเปน็ นสิ ิต 58.3.13 โอนไปศึกษาในสถาบนั อุดมศกึ ษาอนื่
คมู่ อื นสิ ติ ปริญญาตรี ปีการศกึ ษา 2564 มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรนิ ทร์ 58.3.14 มรณภาพหรือตาย ขอ้ 5 9 นสิ ติ ทพ่ี น้ สภาพการเปน็ นสิ ติ แลว้ หากกลบั มาศกึ ษาใหมอ่ าจเทยี บโอนรายวชิ าทเี่ คยศกึ ษาใน หลักสูตรที่ศึกษาใหม่อีกก็ได้ ทั้งน้ีการโอนหรือเทียบโอนผลการศึกษาต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ มหาวทิ ยาลัยก�ำ หนด ยกเวน้ การพ้นสภาพตามข้อ 58.3. 9 และ 58.3.12 ข้อ 60 ในกรณีที่นิสิตกระทำ�ผิดกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำ�หนด คำ�สั่งหรือประกาศอื่นของ มหาวทิ ยาลัยตอ้ งไดร้ บั การพจิ ารณาโทษกรณีใดกรณหี น่งึ ดังน้ี 60.1 ภาคทัณฑ์ 60.2 พักการเรยี น 60.3 พน้ สภาพการเปน็ นิสิต ข้อ 61 การลงโทษนสิ ติ ทก่ี ระท�ำ ผดิ ระเบยี บการสอบในการสอบประจ�ำ ภาคหรอื การสอบระหวา่ งภาค ใหค้ ณะกรรมการประจ�ำ คณะหรอื คณะกรรมการประจ�ำ วทิ ยาลยั ทน่ี สิ ติ ผนู้ น้ั สงั กดั อยรู่ ว่ มกบั กรรมการคมุ สอบ เปน็ ผ้พู จิ ารณาวา่ เป็นความผิดประเภททุจริตหรอื ส่อเจตนาทจุ รติ หรอื เป็นความผดิ อน่ื 61.1 ถา้ เป็นความผดิ ประเภททจุ รติ ให้ลงโทษนิสติ ผ้กู ระทำ�ผดิ ดงั ตอ่ ไปนี้ 61.1.1 ให้นสิ ิตผู้น้นั ไดร้ ับระดบั F ในรายวิชานน้ั และ 61.1.2 ให้คณะกรรมการประจ�ำ คณะ หรอื คณะกรรมการประจ�ำ วทิ ยาลยั ทีน่ ิสติ ผู้นั้น สงั กัดอยู่ พิจารณาสัง่ พักการศึกษาอยา่ งนอ้ ย 1 ภาคการศกึ ษาปกติ หรอื อาจใหพ้ น้ สภาพการเป็นนสิ ิตได้ การพักการศกึ ษาของนสิ ติ ผกู้ ระท�ำ ผดิ น้นั ใหเ้ ร่มิ ในภาคการศกึ ษาปกติถดั จากภาคการศกึ ษา ที่กระท�ำ ผิด และใหน้ ับระยะเวลาท่ถี กู สง่ั พกั การศกึ ษาเป็นระยะเวลาการศกึ ษาดว้ ย 61.2 ถ้าเป็นความผดิ ประเภทผดิ ระเบยี บการสอบอย่างอน่ื นอกเหนอื จากข้อ 61.1 ใหค้ ณะ กรรมการประจ�ำ คณะ หรอื คณะกรรมการประจ�ำ วทิ ยาลัยเป็นผู้พจิ ารณาการลงโทษตามควรแกก่ รณีความผิด แต่จะต้องไมเ่ กนิ กวา่ ทีร่ ะบุไว้ในข้อ 61.1.1 ทงั้ นใ้ี หค้ ณบดหี รอื ผอู้ �ำ นวยการวทิ ยาลยั ทนี่ สิ ติ ผกู้ ระท�ำ ผดิ นน้ั สงั กดั อยดู่ �ำ เนนิ การลงโทษตามมตขิ องคณะ กรรมการประจ�ำ คณะหรอื คณะกรรมการประจำ�วทิ ยาลยั แลว้ แจง้ ให้ส�ำ นักทะเบียนและวัดผลทราบทนั ที หมวดท่ี 6 การยา้ ยโอนสังกัดและหนว่ ยกติ ขอ้ 62 การย้ายโอนสังกัดคณะหรือวทิ ยาลยั อาจทำ�ได้ในกรณตี อ่ ไปน้ี 62.1 นิสิตจะมีสิทธิ์ขอย้ายโอนสังกัดคณะหรือวิทยาลัยท่ีได้ศึกษาอยู่ไปอยู่ในสังกัดอีกคณะ หนึ่งได้ต่อเม่ือได้ศึกษาในคณะหรือวิทยาลัยที่กำ�ลังศึกษาอยู่มาแล้ว ไม่น้อยกว่า 2 ภาคการศึกษาปกติไม่นับ ภาคการศกึ ษาทลี่ าพกั ถกู สง่ั พกั หรอื ถกู ถอนชอ่ื ออกจากทะเบยี นนสิ ติ และตอ้ งไดค้ า่ ระดบั เฉลย่ี สะสมไมต่ �ำ่ กวา่ 1.75
คมู่ ือนสิ ิตปรญิ ญาตรี ปกี ารศกึ ษา 2564 มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร์ 62.2 การขอยา้ ยโอนสงั กดั คณะหรอื วทิ ยาลยั ใหน้ สิ ติ ผปู้ ระสงคจ์ ะขอยา้ ยโอนสงั กดั แสดงความ จำ�นงเป็นลายลักษณ์อักษรพร้อมเหตุผลประกอบย่ืนต่อคณบดี หรือผู้อำ�นวยการวิทยาลัยท่ีตนสังกัดอย่างช้า 15 วัน ก่อนวนั เปิดภาคการศกึ ษาปกติ ใหค้ ณบดหี รอื ผอู้ �ำ นวยการวทิ ยาลยั ทน่ี สิ ติ สงั กดั อยสู่ ง่ ค�ำ ขอยา้ ยโอนพรอ้ มขอ้ คดิ เหน็ ประกอบ ไปยงั คณะหรือวทิ ยาลยั ทนี่ ิสิตขอย้ายโอนไปสังกดั เพอ่ื ศกึ ษานัน้ การจะอนมุ ตั หิ รอื ไมใ่ หอ้ ยใู่ นดลุ พนิ จิ ของคณะกรรมการประจ�ำ คณะหรอื คณะกรรมการประจ�ำ วทิ ยาลัยท่เี กยี่ วข้อง เมือ่ ไดร้ บั อนุมตั ิให้ย้ายโอนสงั กัดแลว้ ตอ้ งเสียคา่ ธรรมเนยี มตามทีม่ หาวิทยาลยั ก�ำ หนด 62.3 การยา้ ยโอนคณะหรอื วทิ ยาลัยต้องด�ำ เนนิ การใหเ้ สรจ็ ก่อนการลงทะเบียนรายวชิ าเวน้ แตอ่ ธกิ ารบดจี ะประกาศหรอื สงั่ การเป็นอยา่ งอนื่ 62.4 ใหค้ ณะกรรมการประจ�ำ คณะหรอื คณะกรรมการประจ�ำ วทิ ยาลยั ทรี่ บั ยา้ ยโอนมอี �ำ นาจ พิจารณาเทียบรายวิชาและหน่วยกิตที่นิสิตผู้นั้นได้ศึกษาไว้แล้วเพ่ือกำ�หนดเง่ือนไขการศึกษาและจำ�นวน หน่วยกิตท่ีจะต้องศึกษาใหม่ในคณะหรือวิทยาลัยที่รับย้ายโอนให้คณะหรือวิทยาลัยท่ีรับย้ายโอนดำ�เนินการ ตามความในวรรคแรกใหเ้ สรจ็ สนิ้ และแจง้ ผลใหส้ �ำ นกั ทะเบยี นและวดั ผลทราบกอ่ นวนั ลงทะเบยี นเรยี นของภาค การศึกษานนั้ ๆ 62.5 การนับระยะเวลาศึกษาตามข้อ 56, 58.3 และขอ้ 64.1 ใหน้ บั ระยะเวลาการศึกษาใน คณะเดมิ รวมด้วย ข้อ 63 ส�ำ หรบั นสิ ติ ทยี่ า้ ยโอนคณะหรอื วทิ ยาลยั ภายในมหาวทิ ยาลยั ใหน้ �ำ ผลการศกึ ษาของรายวชิ า ต่าง ๆ ท่ีได้ศึกษาจากคณะหรือวิทยาลัยเดิมมาคำ�นวณค่าระดับเฉล่ียสะสมด้วย แม้รายวิชาที่นิสิตผู้ย้ายโอน คณะไดศ้ กึ ษาจะไมต่ รงกบั หลกั สตู รของคณะหรอื วทิ ยาลยั ทสี่ งั กดั ใหมก่ ต็ าม ส�ำ หรบั นสิ ติ ทโี่ อนคณะหรอื วทิ ยาลยั มาจากมหาวิทยาลยั หรือสถาบันอดุ มศึกษาอ่นื ให้ท�ำ การประเมนิ ผล เฉพาะรายวชิ าทไี่ ด้ศกึ ษาในมหาวิทยาลัย น้ีเท่าน้ัน ในกรณีนิสิต ได้รับอนุมัติจากคณบดีหรือผู้อำ�นวยการวิทยาลัยท่ีตนสังกัดให้ลงทะเบียนเรียนบาง รายวชิ าในมหาวทิ ยาลยั หรอื สถาบนั อดุ มศกึ ษาอนื่ ใหน้ �ำ ผลการศกึ ษาของรายวชิ านน้ั ๆ มาค�ำ นวณหาคา่ ระดบั เฉลีย่ ดว้ ย หมวดที่ 7 การสำ�เร็จการศกึ ษา ข้อ 64 นสิ ติ ผ้สู ำ�เร็จการศกึ ษาจะต้องมคี ณุ สมบตั ิดังต่อไปนี้ 64.1 สอบไดห้ นว่ ยกติ สะสมครบตามหลกั สตู รทเ่ี ขา้ ศกึ ษาภายในระยะเวลาไมเ่ กนิ 2 เทา่ ของ เวลาการศึกษาตามหลกั สตู รและมคี า่ ระดบั เฉล่ยี สะสมไม่ต่ำ�กวา่ 2.00 64.2 ผา่ นการฝกึ ภาคปฏิบตั ิวิปสั สนากัมมัฏฐาน และการปฏบิ ตั ิศาสนกจิ หรอื การปฏิบัติงาน
ค่มู ือนิสติ ปรญิ ญาตรี ปีการศึกษา 2564 มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสรุ นิ ทร์ บริการสังคมหรอื การฝึกประสบการณ์การฝึกสอนตามท่ีมหาวิทยาลัยก�ำ หนด 64.3 ไม่มพี ันธะอืน่ ใดกบั มหาวิทยาลยั ข้อ 65 นสิ ติ ท่ีจะได้รับปรญิ ญาเกยี รตินิยม จะตอ้ งมีคณุ สมบัติ ดังน้ี 65.1 เกยี รตินยิ มอนั ดบั หน่ึง 65.1.1 สอบได้หนว่ ยกิตครบตามหลักสูตรภายในระยะเวลาท่ีก�ำ หนดไว้ในหลักสูตร การศึกษานัน้ ๆ 65.1.2 สอบได้ค่าระดับเฉล่ียสะสมทกุ รายวชิ าไม่ต่ำ�กวา่ 3.75 65.1.3 ไมม่ รี ายวิชาใดสอบไดร้ ะดับคะแนนต�ำ่ กวา่ C หรือได้สญั ลกั ษณ์ U 65.1.4 ไมเ่ คยเรียนซ้ำ�รายวิชาใด ๆ เพื่อปรับคา่ ระดับคะแนน 65.1.5 ไม่มีประวัติในระเบียนการศึกษาว่า เป็นผู้เคยประพฤติผิดอย่างร้ายแรงใน ระหว่างท่ีศกึ ษา 65.2 เกียรตนิ ิยมอนั ดับสอง 65.2.1 สอบได้หนว่ ยกิตครบตามหลกั สตู รภายในระยะเวลาที่ก�ำ หนดไวใ้ นหลกั สตู ร การศึกษาน้ัน ๆ 65.2.2 สอบได้คา่ ระดับเฉลีย่ สะสมทกุ รายวิชาไมต่ �ำ่ กวา่ 3.25 65.2.3 ไมม่ ีรายวิชาใดสอบได้ระดับคะแนน ต�่ำ กวา่ C หรือได้สญั ลักษณ์ U 65.2.4 ไม่เคยเรียนซ้ำ�รายวชิ าใด ๆ เพ่อื ปรับค่าระดบั คะแนน 65.2.5 ไม่มีประวัติในระเบียบการศึกษาว่าเป็นผู้เคยประพฤติผิดอย่างร้ายแรงใน ระหว่างทีศ่ ึกษา ข้อ 66 นสิ ิตที่โอนหรอื เทียบโอนผลการศึกษาไม่มีสทิ ธ์ไิ ด้รบั ปริญญาเกียรตินยิ ม ข้อ 67 นิสิตต้องยื่นคำ�ร้องต่อคณะกรรมการประจำ�คณะหรือคณะกรรมการประจำ�วิทยาลัยเพื่อขอ สำ�เรจ็ การศึกษาในภาคการศึกษาสุดทา้ ยทนี่ ิสติ จะสอบได้หน่วยกติ ครบตามหลกั สตู ร ขอ้ 68 ให้คณะกรรมการประจำ�คณะหรือคณะกรรมการประจำ�วิทยาลัยและผู้อำ�นวยการสำ�นัก ทะเบียนและวัดผล เป็นผู้พิจารณาคำ�ร้องของนิสิตเบื้องต้น แล้วเสนอต่อสภาวิชาการเพ่ือพิจารณาเสนอสภา มหาวิทยาลัยอนุมตั ปิ ริญญา หรือปรญิ ญาเกียรตินยิ มตอ่ ไป ข้อ 6 9 สภามหาวทิ ยาลยั จะพจิ ารณาอนุมัติปรญิ ญาอยา่ งน้อยปลี ะ 1 ครงั้ ข้อ 70 มหาวิทยาลยั จดั ให้มีพธิ ีประสาทปริญญาปลี ะ 1 ครงั้ ซึง่ จะประกาศก�ำ หนดวนั ใหท้ ราบเป็น ปี ๆ ไป
คมู่ อื นิสิตปริญญาตรี ปกี ารศึกษา 2564 มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรนิ ทร์ บทเฉพาะกาล ข้อ 71 นสิ ติ ทเี่ ขา้ ศกึ ษาตามหลกั สตู รปรญิ ญาตรกี อ่ นปกี ารศกึ ษา 2561 ยงั คงปฏบิ ตั ิ ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ว่าด้วยการศึกษาระดับปริญญาตรี พ.ศ. 2542ขอ้ บงั คบั มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วา่ ดว้ ยการศกึ ษาระดบั ปรญิ ญา ตรี (ฉบบั ที่ 2) พทุ ธศักราช 2550 และขอ้ บงั คับมหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั ว่า ด้วยการศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรี (ฉบบั ท่ี 3) พุทธศกั ราช2551 ประกาศ ณ วนั ท่ี 23 เดอื นกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 (พระธรรมปญั ญาบดี) นายกสภามหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย
คู่มือนสิ ติ ปรญิ ญาตรี ปกี ารศกึ ษา 2564 มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตสรุ ินทร์ ขอ้ บังคบั มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ว่าดว้ ยเครือ่ งแบบ เคร่อื งหมาย หรอื เคร่ืองแต่งกายนสิ ิตคฤหสั ถ์ พ.ศ. 2543 เพื่ออนุวัตให้เป็นไปตามมาตรา 5 9 แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. 2540 จึงเห็นสมควรออกข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ว่าด้วยเคร่ืองแบบ เครื่องหมาย หรอื เครอ่ื งแตง่ กายนิสิตคฤหัสถ์ อาศยั อ�ำ นาจตามความในมาตรา 1 9 (2) แหง่ พระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั พ.ศ. 2540 สภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในคราวประชุม คร้ังท่ี 3/2543 เมื่อวันท่ี 27 เมษายน พ.ศ. 2543 จึงมมี ติให้ออกขอ้ บงั คบั ไว้ ดงั ต่อไปน้ี ข้อ 1 ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ว่าด้วยเครื่องแบบ เครือ่ งหมาย หรอื เครอื่ งแตง่ กายนสิ ติ คฤหัสถ”์ ข้อ 2 ให้ใช้ข้อบังคับนต้ี ้ังแต่วันถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ค�ำ ว่า “นิสิตคฤหัสถ”์ หมายถึง นิสติ ชายและนิสติ หญงิ ของคณะและวิทยาลัยต่าง ๆ แต่ไมร่ วม ถึงบัณฑติ วทิ ยาลัย และนสิ ิตที่ได้รับอนมุ ตั จิ ากมหาวิทยาลยั หรือคณะเปน็ กรณีพิเศษ ขอ้ 4 การแต่งกายของนสิ ิตชายในบางโอกาสตามค�ำ ส่งั มหาวทิ ยาลัย หรอื คณะประกอบด้วย 4.1 เสอ้ื กางเกงตามแบบท่มี หาวทิ ยาลัยก�ำ หนด 4.2 ถงุ เทา้ สีด�ำ 4.3 รองเทา้ ห้มุ สน้ ดำ� 4.4 เข็มขดั สีดำ� มหี ัวเขม็ ขดั ตราพระเกี้ยวดา้ นหลงั มีธรรมจักร ตามแบบของมหาวิทยาลยั 4.5 เนคไทสีดำ� มีเข็มสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลยั ข้อ 5 การแตง่ กายของนิสติ หญิงในบางโอกาสตามคำ�สั่งมหาวิทยาลัย หรอื คณะ ประกอบดว้ ย 5.1 เสอื้ ท�ำ ดว้ ยผา้ สขี าวไมม่ ลี วดลาย มคี วามหนาพอสมควร สว่ นยาวของตวั เสอื้ ใหเ้ ลยสะเอว โดยใหก้ ระโปรงทบั ไว้อยา่ งมิดชิดปกเสอ้ื แบบปกเสอื้ ปลายแหลมผ่าอกตรงโดยตลอด ตดิ กระดุมมีรปู พระเกีย้ ว ดา้ นหลงั มีธรรมจกั ร 4 กระดุม ตามแบบของมหาวทิ ยาลัย มีสาบ ดา้ นหลงั ของเสอ้ื กึง่ กลางตัว ใตส้ าบทำ�จบี ชนดิ ครบี แขนเสอื สนั เหนอื ข้อศอก ปลายแขนมผี า้ อีกชนิ้ หนงึ่ ตลบขน้ึ สว่ นทีต่ ลบกลับตรงท้องแขนใหแ้ คบกว่า หลังแขน
คู่มือนสิ ิตปรญิ ญาตรี ปีการศึกษา 2564 มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตสุรินทร์ 5.2 เข็มสัญลักษณ์ของมหาวทิ ยาลัยประดับทอ่ี กเสื้อดา้ นขวา 5.3 เข็มขดั สดี �ำ มีหวั เข็มขัดตราพระเกีย้ วดา้ นหลังมธี รรมจักร ตามแบบ ของมหาวิทยาลยั 5.4 กระโปรงยาว ท�ำ ด้วยผ้าสีดำ�ไมม่ ีลวดลาย แบบสภุ าพเรยี บร้อย 5.5 รองเทา้ แบบสุภาพหุ้มสัน หรอื มีสายรดั สีด�ำ ข้อ 6 การแตง่ กายมาเรยี นปกตขิ องนสิ ิตชาย หรอื นสิ ติ หญงิ ให้แต่งกายตามขอ้ 4 หรือ ขอ้ 5 แลว้ แต่ กรณี หรอื แตง่ กายสุภาพตามแนวปฏบิ ตั ทิ มี่ หาวิทยาลัยก�ำ หนด ขอ้ 7 ผู้ฝา่ ฝนื ไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้จะถูกพิจารณาลงโทษทางวนิ ยั นสิ ติ ข้อ 8 ใหอ้ ธกิ ารบดีเป็นผู้รกั ษาการตามข้อบังคบั นี้ ประกาศ ณ วันที่ 7 มถิ ุนายน พ.ศ. 2543 (พระสเุ มธาธบิ ด)ี นายกสภามหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั
คู่มอื นิสติ ปริญญาตรี ปกี ารศกึ ษา 2564 มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตสุรินทร์ ขอ้ บังคับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วา่ ด้วยการฝกึ ภาคปฏบิ ัตวิ ิปัสสนากัมมัฎฐาน พ.ศ. 2541 เพ่ือให้การศกึ ษาวิชาธรรมภาคปฏิบตั ติ ามหลักสตู รปริญญาตรขี องพระนิสติ ช้ันปีท่หี นงึ่ ชน้ั ปีที่สองชนั้ ปีท่ีสามและช้ันปีท่ีสี่ทุกคณะของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยดำ�เนินไปด้วยความเรียบร้อยและ มปี ระสทิ ธิภาพตามวัตถปุ ระสงค์ของมหาวิทยาลัย อาศยั อ�ำ นาจตามความในมาตรา 1 9 (2) แหง่ พระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั พ.ศ.2540 สภามหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ในคราวประชมุ ครง้ั ท่ี 12/2541 เมอ่ื วนั ท่ี 24 ธนั วาคม พ.ศ.2541 จึงมมี ตใิ ห้ออกขอ้ บงั คบั ไว้ดงั ต่อไปน้ี ข้อ 1 ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยว่าด้วยการฝึกภาค ปฏบิ ตั ิวิปสั สนากมั มัฎฐาน พ.ศ. 2541” ข้อ 2 ให้ใช้ข้อบงั คับนต้ี ง้ั แต่วันถดั จากวนั ประกาศเปน็ ตน้ ไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยว่าด้วยการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐาน พุทธศักราช2526และระเบียบมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยว่าด้วยการฝึกภาคปฏิบัติวิปัสสนา กัมมัฎฐาน พทุ ธศักราช2526 (ฉบบั ท่ี 2) แก้ไขเพิม่ เตมิ พุทธศกั ราช 2534 ขอ้ 4 ใหม้ คี ณะกรรมการคณะหนงึ่ เรยี กวา่ คณะกรรมการโครงการปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนากมั มฎั ฐานประกอบ ดว้ ย 1. รองอธิการบดฝี า่ ยกิจการนสิ ติ ประธานกรรมการ 2. ผู้ช่วยอธกิ ารบดีฝ่ายกจิ การนสิ ติ รองประธานกรรมการ 3. คณบดีคณะพทุ ธศาสตร์ กรรมการ 4. คณบดีคณะครุศาสตร์ กรรมการ 5. คณบดีคณะมนุษยศาสตร ์ กรรมการ 6. คณบดคี ณะสังคมศาสตร์ กรรมการ 7. ผู้แทนวิทยาเขตทกุ วทิ ยาเขต กรรมการ 8. ผู้อ�ำ นวยการสำ�นักส่งเสริมพระพทุ ธศาสนาและบรกิ ารสังคม กรรมการ 9. หัวหนา้ ฝ่ายวิปสั สนาธรุ ะ กรรมการ
คูม่ อื นิสิตปริญญาตรี ปกี ารศกึ ษา 2564 มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสรุ ินทร์ 10. ผ้อู ำ�นวยการกองกจิ การนิสิต กรรมการและเลขานุการ 11. หัวหนา้ ฝา่ ยส่งเสรมิ กจิ การนิสิต กรรมการและผชู้ ว่ ยเลขานุการ ขอ้ 5 ให้คณะกรรมการมอี ำ�นาจหน้าทีด่ ังน้ี (1) วางนโยบายก�ำ หนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ เี กย่ี วกบั การฝกึ ภาคปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนากมั มฎั ฐานการ วดั ผลและตดิ ตามผลลัพธ์ของการฝกึ ภาคปฏิบตั วิ ิปัสสนากัมมฏั ฐาน (2) บริหารโครงการปฏบิ ัติวปิ สั สนากมั มฏั ฐานให้ดำ�เนนิ ไปด้วยความเรยี บร้อยและ มปี ระสทิ ธภิ าพ (3) กำ�หนดวนั เวลาสถานท่ีของการปฏิบัตวิ ปิ ัสสนากัมมฎั ฐาน (4) รายงานผลการฝกึ ภาคปฏบิ ัติวปิ ัสสนากมั มัฎฐานต่อมหาวิทยาลยั ขอ้ 6 นิสติ ทุกชั้นทุกคณะทกุ วทิ ยาลัยและทุกวิทยาเขตต้องฝึกภาคปฏิบัตวิ ิปสั สนากัมมัฎฐานอย่าง นอ้ ยสบิ วันติดต่อกัน ขอ้ 7 ผูล้ ว่ งละเมดิ ข้อ6ตอ้ งปฏบิ ตั ิวิปสั สนากัมมฎั ฐานติดตอ่ กนั อย่างน้อยยีส่ ิบวันตามสถานท่ี ทีม่ หาวิทยาลยั กำ�หนด ข้อ 8 ใหอ้ ธิการบดรี กั ษาการให้เปน็ ไปตามขอ้ บงั คับน้ี ประกาศ ณ วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2541 (พระสเุ มธาธบิ ด)ี นายกสภามหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย
คู่มอื นิสิตปรญิ ญาตรี ปีการศกึ ษา 2564 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตสุรินทร์ ขอ้ บังคับมหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วา่ ดว้ ยการปฏิบตั ศิ าสนกิจ พ.ศ. 2546 เพื่อให้การปฏิบัติศาสนกิจของนิสิตเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพบรรลุวัตถุประสงค์และ นโยบายของมหาวทิ ยาลัย หมวด 1 บททั่วไป ข้อ 1 ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ว่าด้วยการปฏิบัติ ศาสนกิจ พทุ ธศกั ราช 2546” ขอ้ 2 บรรดากฎ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ข้อก�ำ หนด คำ�ส่ัง หรือประกาศอื่นใดซ่งึ ขดั หรอื แย้งกบั ข้อบงั คบั น้ี ใหใ้ ชข้ อ้ บังคับน้แี ทน ข้อ 3 ใหย้ กเลิก (1) ระเบยี บมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย ว่าดว้ ยการปฏิบัตศิ าสนกิจของผูส้ �ำ เรจ็ การศึกษา หลักสูตรชั้นปริญญาตรี พทุ ธศกั ราช 2522 (2) ประกาศมหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย ในพระบรมราชูปถมั ภ์ ที่ 2/2532 เร่ือง การปฏบิ ตั งิ านของพระบัณฑิต ขอ้ 4 ให้ใช้ข้อบังคับนี้ต้งั แตว่ นั ถดั จากวนั ประกาศเป็นตน้ ไป ข้อ 5 ในขอ้ บังคบั น้ี “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการการปฏบิ ัติศาสนกิจ “นสิ ิตปฏบิ ตั ิศาสนกิจ” หมายความว่า พระภิกษุหรือสามเณรผู้ศกึ ษาครบตามหลกั สูตรพุทธ ศาสตรบณั ฑติ และก�ำ ลงั ปฏิบตั ศิ าสนกจิ “ศาสนกิจ” หมายความว่า การสนองงานในกิจการคณะสงฆ์และงานตามพันธกิจของ มหาวิทยาลยั ข้อ 6 ให้อธกิ ารบดีรกั ษาการใหเ้ ป็นไปตามขอ้ บงั คบั น้ี
คมู่ อื นสิ ติ ปรญิ ญาตรี ปีการศกึ ษา 2564 มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตสรุ นิ ทร์ หมวด 2 คณะกรรมการปฏิบตั ิศาสนกิจ ขอ้ 7 ใหม้ คี ณะกรรมการปฏิบัติศาสนกจิ คณะหนง่ึ ประกอบด้วย (1) ประธานคณะกรรมการ ได้แก่ อธิการบดี หรอื รองอธิการบดที อ่ี ธิการบดี มอบหมาย (2) กรรมการโดยต�ำ แหน่ง ได้แก่ คณบดี (3) กรรมการผู้แทนสภาวิชาการ จำ�นวน 3 รูป /คน ซึ่งสภาวิชาการคัดเลือกจาก ผู้ดำ�รง ต�ำ แหนง่ รองอธิการบดีและหรอื ผูอ้ ำ�นวยการ (4) กรรมการผแู้ ทนสภาวชิ าการประเภทคณาจารยป์ ระจ�ำ คณะ จ�ำ นวน 4 คน ซงึ่ สภา วชิ าการ คดั เลอื กตามสดั สว่ นของแตล่ ะคณะ (5) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำ�นวน 3 รูป /คน ซ่ึงสภาวิชาการแต่งต้ังโดยคำ�แนะนำ�ของ อธกิ ารบดี (6) กรรมการและเลขานกุ าร ไดแ้ ก่ ผูอ้ �ำ นวยการกองกิจการนิสิต ใหป้ ระธานกรรมการโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการเลอื กกรรมการทเี่ ปน็ ภกิ ษรุ ปู หนงึ่ เป็นรองประธานกรรมการ ประธานกรรมการอาจแต่งตั้งผู้ดำ�รงตำ�แหน่งหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติศาสนกิจและหัวหน้าฝ่ายส่ง เสริมกจิ การนสิ ิตเปน็ ผูช้ ่วยเลขานกุ ารได้ตามค�ำ แนะนำ�ของกรรมการและเลขานุการ ขอ้ 8 คณะกรรมการตามขอ้ 7 (3) (4) และ (5) มีวาระในการดำ�รงตำ�แหนง่ 2 ปี และอาจ ไดร้ ับแตง่ ตั้งอีกได้ นอกจากพ้นต�ำ แหน่งตามวาระแล้ว คณะกรรมการตามข้อ 7(3)(4)และ (5)พ้นจากต�ำ แหน่งเมอ่ื (1) มรณภาพหรอื ตาย (2) ลาออก (3) ขาดคุณสมบตั ิของการเป็นคณะกรรมการของประเภทน้ันๆ กรณีท่ีกรรมการตามข้อ 7 (3) (4) และ (5) พ้นจากตำ�แหน่งก่อนวาระ และได้มีการแต่งตั้ง ผู้ดำ�รง ตำ�แหนง่ แทนแลว้ ให้ผูท้ ไ่ี ดร้ ับการแต่งต้ังอยูใ่ นต�ำ แหน่งเพียงเทา่ กับวาระทเี่ หลอื ของผซู้ ึง่ ตนแทน ข้อ 9 คณะกรรมการมอี ำ�นาจหนา้ ท่ี ดังนี้ แผนงาน หลักเกณฑ์ (1) กำ�หนดนโยบาย ลักษณะการปฏิบัติศาสนกิจที่พึงประสงค์ แผนหลักเกณฑ์และวิธีการ ปฏบิ ัติศาสนกจิ (2) วางระบบการนิเทศ ตดิ ตาม ส่งเสริม และสนับสนนุ การปฏิบตั ศิ าสนกิจทั้งด้านวิชาการ และทรัพยากรท่จี �ำ เปน็ สำ�หรบั การปฏิบัติศาสนกจิ (3) ควบคุม ดูแลการปฏิบตั ิศาสนกิจให้เปน็ ไปใช้ตามนโยบายแผนงานและวตั ถุประสงค์ (4) เรียกนสิ ิตและผเู้ กีย่ วขอ้ งมาช้แี จงตอ่ คณะกรรมการและเสนอข้อมูลการลงโทษแก่นิสติ ผู้
คู่มือนิสติ ปรญิ ญาตรี ปกี ารศกึ ษา 2564 มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตสรุ นิ ทร์ ละเมิดข้อบงั คบั (5) แต่งต้ังคณะอนุกรรมการหรือบุคคลเพื่อทำ�การใดๆ อันอยู่ในอำ�นาจหน้าที่ของ คณะ กรรมการ (6) ปฏิบตั ิหนา้ ที่อน่ื ตามทีไ่ ดร้ บั มอบหมายจากมหาวทิ ยาลัย หมวด 3 การปฏบิ ัติศาสนกิจ ข้อ 10 การปฏิบัติศาสนกจิ มวี ตั ถุประสงค์ ดังนี้ (1) เพอื่ เผยแผ่พระพุทธศาสนา (2) เพื่อการสนองงานในกจิ การคณะสงฆ์ (3) เพ่ือพัฒนานิสติ ใหม้ ีคณุ สมบตั ทิ ่พี ึงประสงค์ (4) เพ่ือสงเคราะหป์ ระชาชน (5) เพอื่ สนองนโยบายและงานตามพนั ธกจิ ของมหาวทิ ยาลยั ขอ้ 11 คณุ สมบัติของนิสติ ผู้ปฏบิ ตั ศิ าสนกิจ (1) สอบไดห้ นว่ ยกติ สะสมครบตามหลักสูตรที่เขา้ ศกึ ษาภายในระยะเวลาไมเ่ กนิ 2 เทา่ ของ เวลาการศกึ ษาตามหลกั สตู ร และมคี า่ ระดบั เฉลยี่ สะสมไมต่ �ำ่ กวา่ 2.00 และตอ้ งมหี นงั สอื รบั รองจากกองทะเบยี น และวดั ผล (2) ตอ้ งผา่ นการฝึกภาคปฏิบัติวิปสั สนากมั มัฏฐานครบตามขอ้ บงั คับของมหาวทิ ยาลยั ข้อ 12 ระยะเวลาการปฏิบัติศาสนกิจนิสิตต้องปฏิบัติศาสนกิจในเพศบรรพชิตเป็นเวลา 2 ภาคการ ศกึ ษา ยกเวน้ นสิ ติ ชาวต่างประเทศไม่ตอ้ งปฏิบัติศาสนกจิ ขอ้ 13 สถานท่ปี ฏบิ ตั ิศาสนกจิ (1) นิสิตปฏิบัติศาสนกิจที่เป็นพระสังฆาธิการ ให้ผู้บังคับบัญชาเหนือตนขออนุมัติจาก มหาวทิ ยาลัย (2) นสิ ติ จะปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ สถานทใ่ี ดใหเ้ จา้ อาวาสหรอื เจา้ ส�ำ นกั ทน่ี สิ ติ จะไปพกั อาศยั อยปู่ ฏบิ ตั ิ ศาสนกิจทำ�หนงั สือขอตัวต่อมหาวทิ ยาลยั (3) ในกรณีที่ไปปฏิบัติศาสนกิจนอกวัดท่ีสังกัดจะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาส หรือเจ้า ส�ำ นกั ทีน่ ิสติ สังกัดเปน็ ลายลกั ษณอ์ ักษร ข้อ 14 นิสิตปฏิบัติศาสนกิจจะต้องดำ�เนินการยื่นคำ�ร้องขอปฏิบัติศาสนกิจต่อมหาวิทยาลัย เพ่ือให้ อธกิ ารบดอี นมุ ตั ภิ ายในวนั ท่ี 15 พฤษภาคม ของทกุ ปที ศี่ กึ ษาครบหลกั สตู รหากพน้ ก�ำ หนดถอื วา่ ไมป่ ฏบิ ตั ศิ าสน กจิ เว้นแตม่ เี หตุจำ�เป็นและไดร้ บั การอนมุ ตั ิจากคณะกรรมการ ข้อ 15 ให้มหาวิทยาลัยแต่งต้ังบุคลากรของมหาวิทยาลัยหรือบุคคลที่มหาวิทยาลัยเห็นสมควรเป็นที่
คู่มอื นิสิตปริญญาตรี ปกี ารศึกษา 2564 มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตสุรินทร์ ปรกึ ษานสิ ติ ปฏิบัตศิ าสนกจิ แต่ละรูป ข้อ 16 นิสิตปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ จะตอ้ งเขา้ รบั การปฐมนเิ ทศตามท่มี หาวทิ ยาลยั กำ�หนด ถ้าไมเ่ ขา้ รับการ ปฐมนิเทศถอื วา่ ไม่ปฏิบัติศาสนกิจ เว้นแตม่ ีเหตุจำ�เป็นและได้รบั การอนุมตั ิจากคณะกรรมการ ข้อ 17 ในระหวา่ งทป่ี ฏิบัตศิ าสนกจิ หากจำ�เป็นต้องยา้ ยสถานทปี่ ฏิบัติศาสนกจิ ให้เจา้ อาวาส หรอื เจา้ สำ�นักท่ีนิสิตปฏิบัติศาสนกิจสถานที่ใหม่ ทำ�หนังสือถึงเจ้าอาวาส หรือเจ้าสำ�นักที่นิสิตปฏิบัติศาสนกิจอยู่เดิม เพอ่ื ขอตัวนสิ ิต เมือ่ ไดร้ บั อนญุ าตแลว้ ให้นสิ ิตท�ำ หนังสือขออนมุ ัติตอ่ คณะกรรมการ ข้อ 18 นสิ ิตปฏบิ ตั ิศาสนกจิ ตอ้ งรายงานการปฏิบัตศิ าสนกิจตอ่ มหาวทิ ยาลัยอยา่ งน้อยภาคการศกึ ษา ละ 1 คร้งั ตามทีม่ หาวทิ ยาลยั ก�ำ หนด ขอ้ 1 9 นสิ ติ ปฏิบัติศาสนกิจต้องปฏิบัติตนใหเ้ หมาะสม ไม่นำ�ความเส่ือมเสยี มาให้แก่พระพุทธศาสนา และมหาวิทยาลยั ข้อ 20 นิสติ ปฏิบตั ิศาสนกจิ ตอ้ งไม่ละทงิ้ หน้าท่ี และตอ้ งไมร่ ายงานการปฏิบัติศาสนกจิ อนั เปน็ เทจ็ หมวด 4 บทกำ�หนดโทษ ข้อ 21 นิสติ ปฏิบตั ศิ าสนกิจละเมดิ ขอ้ บงั คับ มโี ทษดังน้ี (1) วา่ กลา่ วตกั เตอื น (2) ภาคทัณฑ์ (3) ไม่ไดร้ ับหนงั สือรบั รองผลการศึกษาและระงับการใหป้ รญิ ญาตง้ั แต่ 2 ปขี นึ้ ไป (4) ใหพ้ ้นสภาพนสิ ิต ประกาศ ณ วนั ท่ี 30สงิ หาคม พทุ ธศักราช 2546 (พระสุเมธาธบิ ด)ี นายกสภามหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย
คูม่ ือนสิ ติ ปรญิ ญาตรี ปีการศกึ ษา 2564 มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตสุรินทร์
คู่มอื นิสิตปรญิ ญาตรี ปีการศกึ ษา 2564 มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์ ขอ้ บงั คบั มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วา่ ดว้ ยการปฏบิ ตั งิ านบริการสงั คม พุทธศักราช 2546 เพื่อให้การปฏิบัติงานบริการสังคมของนิสิตคฤหัสถ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับการปฏิบัติศาสนกิจของนิสิตที่เป็นพระภิกษุและสามเณร และบรรลุวัตถุประสงค์ตาม นโยบาย ของมหาวิทยาลยั อาศยั อ�ำ นาจตามความในมาตรา 1 9 (2) แหง่ พระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั พทุ ธศกั ราช 2540 และมติสภามหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย ในคราวประชมุ ครั้งท่ี 6/2546 เมอ่ื วันพฤหสั บดีที่ 30 ตุลาคม พทุ ธศักราช 2546 จึงออกขอ้ บงั คบั ไว้ ดงั ต่อไปน้ี หมวด 1 บททัว่ ไป ข้อ 1 ข้อบงั คบั นี้เรยี กว่า “ขอ้ บงั คับมหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ว่าดว้ ยการปฏิบตั งิ าน บริการสงั คม พทุ ธศกั ราช 2546” ข้อ 2 ให้ใชข้ ้อบังคับน้ีตง้ั แตว่ นั ถัดจากวันประกาศเปน็ ต้นไป ข้อ 3 ในข้อบังคบั นี้ “คณะกรรมการ”หมายความว่า คณะกรรมการพฒั นาและส่งเสรมิ การปฏบิ ตั ิงานบรกิ ารสังคม “นิสิตปฏิบัติงานบริการสังคม” หมายความว่า นิสิตคฤหัสถ์ทีกำ�ลังศึกษาตามหลักสูตรพุทธศาสตร บัณฑิตของมหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และกำ�ลังปฏิบตั งิ านบริการสังคม “การปฏิบัติงานบริการสังคม” หมายความว่า การปฏิบัติงานด้วยการให้บริการแก่สังคมตามที่คณะ กรรมการก�ำ หนด ข้อ 4 ใหอ้ ธกิ ารบดีรักษาการใหเ้ ปน็ ไปตามข้อบังคับน้ี
คมู่ ือนสิ ิตปรญิ ญาตรี ปกี ารศึกษา 2564 มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตสุรนิ ทร์ หมวด 2 คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมการปฏิบัตงิ านบริการสงั คม ข้อ 5 ใหม้ ีคณะกรรมการคณะหน่ึง ประกอบด้วย (1) ประธานกรรมการ ไดแ้ ก่ อธิการบดี หรอื รองอธิการบดีที่อธกิ ารบดีมอบหมาย (2) กรรมการโดยตำ�แหนง่ ได้แกค่ ณบดี (3) กรรมการผู้แทนสภาวิชาการ จำ�นวน4 รูปหรือคนซ่ึงสภาวิชาการคัดเลือกจาก ผู้ดำ�รง ตำ�แหนง่ รองอธกิ ารบดีหรอื ผอู้ �ำ นวยการ (4) กรรมการผแู้ ทนสภาวชิ าการประเภทคณาจารยป์ ระจ�ำ คณะ จ�ำ นวน 3 คน ซง่ึ สภาวชิ าการ คดั เลือกตามสดั สว่ นของแต่ละคณะ (5) กรรมการผ้ทู รงคุณวุฒิ จำ�นวน 4 รปู หรือคน ซ่งึ สภาวชิ าการแตง่ ตั้งโดยคำ�แนะน�ำ ๆของ อธิการบดี (6) กรรมการและเลขานุการ ได้แก่ ผู้อำ�นวยการกองกจิ การนสิ ิต ใหป้ ระธานกรรมการโดย ความเห็นชอบของคณะกรรมการเลอื กกรรมการท่ีเปน็ พระภกิ ษหุ นง่ึ รูปเปน็ รองประธานกรรมการ ประธานกรรมการอาจแต่งต้ังผู้ดำ�รงตำ�แหน่งหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติศาสนกิจและหัวหน้าฝ่าย ส่งเสริม กิจการนสิ ิตเป็นผชู้ ่วยเลขานกุ าร ขอ้ 6 คณะกรรมกาตามข้อ 5 (3) (4) และ (5) มวี าระในการด�ำ รงตำ�แหน่ง 2 ปี และอาจได้รับการแตง่ ตงั้ อกี ได้ นอกจากพนั จากต�ำ แหนง่ ตามวาระแล้ว คณะกรรมการตามขอ้ 5 (3) (4) และ (5) พ้นจาก ต�ำ แหน่งเมือ่ (1) มรณภาพหรือตาย (2) ลาออก (3) พน้ สภาพตามวาระ กรณีที่กรรมการตามขอ้ 5 (3) (4) และ (5) พน้ จากตำ�แหนง่ กอ่ นวาระและไดม้ ีการแตง่ ตั้งผู้ ดำ�รงต�ำ แหนง่ แทนแลว้ ให้ผู้ท่ไี ดร้ บั การแตง่ ตง้ั อยูใ่ นตำ�แหน่งเพียงเท่ากับวาระท่ีเหลือของผ้ซู งึ่ ตนแทน ขอ้ 7 คณะกรรมการมีอำ�นาจและหนา้ ที่ ดังน้ี (1) ก�ำ หนดนโยบาย ลกั ษณะ เปา้ หมายและผลสมั ฤทธข์ิ องการปฏบิ ตั งิ านบรกิ ารสงั คม กรอบ แนวทางและแผนงานการปฏิบัติงานบรกิ ารสงั คม (2) วางระบบการนเิ ทศ ตดิ ตาม ส่งเสริม และสนับสนุนการปฏิบัตงิ านบรกิ ารสังคม ทั้งด้าน วชิ าการ และทรัพยากรท่จี ำ�เปน็ ส�ำ หรับการปฏิบัตงิ านบริการสังคม (3) ควบคุม ดูแล และนำ�ผลการปฏิบัติงานบริการสังคม ไปใช้ตามนโยบาย แผนงาน และ วตั ถปุ ระสงค์
คมู่ ือนิสิตปริญญาตรี ปีการศึกษา 2564 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตสรุ ินทร์ (4) เรียกนสิ ิตและผู้เกี่ยวขอ้ งมาช้แี จงต่อคณะกรรมการ และเสนอข้อมลู การลงโทษ แกน่ ิสติ ผลู้ ะเมดิ ข้อบังคบั (5) แต่งต้ังคณะอนุกรรมการหรือบุคคลเพ่ือทำ�การใดๆ อันอยู่ในอำ�นาจหน้าที่ของคณะ กรรมการ (6) ปฏิบัตหิ นา้ ท่ีอ่นื ตามทไี่ ด้รับมอบหมายจากมหาวิทยาลยั หมวด 3 การปฏบิ ตั งิ านบรกิ ารสงั คม ข้อ 8 การปฏิบัตงิ านบรกิ ารสังคม มีวตั ถปุ ระสงคด์ งั นี้ (1) เพอื่ พฒั นานิสิตให้มคี ุณสมบัตทิ ี่พึงประสงค์ (2) เพอื่ สนองงานตามพันธกิจของมหาวทิ ยาลยั (3) เพ่ือสนองนโยบายของรัฐและคณะสงฆ์ (4) เพ่อื สงเคราะหป์ ระชาชน ข้อ 9 คณุ สมบตั ิของนสิ ิตทีจ่ ะปฏิบตั งิ านบริการสงั คม (1) นสิ ิตที่ก�ำ ลงั ศึกษาอยูใ่ นช้ันปที ่ี 3 ขึ้นไป (2) ผลการศกึ ษามคี า่ ระดับเฉลีย่ สะสมไมต่ ่�ำ กว่า 2.00 ขอ้ 10 นสิ ติ ตอ้ งปฏบิ ตั งิ านบรกิ ารสงั คม เปน็ เวลาไมน่ อ้ ยกวา่ 200 ชว่ั โมง ยกเวน้ นสิ ติ ชาว ตา่ งประเทศ ไม่ตอ้ งปฏิบตั ิงานบรกิ ารสงั คม ข้อ 11 นิสิตท่ีจะปฏิบัติงานบริการสังคม ณ สถานท่ีใด ต้องยื่นคำ�ร้องการบริการสังคมตาม แบบท่ี มหาวทิ ยาลยั ก�ำ หนด ขอ้ 12 นิสติ ทจี่ ะปฏบิ ัตงิ านบริการสังคมตอ้ งเขา้ รบั การปฐมนิเทศตามท่ีมหาวทิ ยาลัยกำ�หนด ข้อ 13 ในระหว่างปฏิบัติงานบริการสังคม หากจำ�เป็นจะต้องย้ายสถานที่ปฏิบัติงานบริการสังคมจะ ต้องดำ�เนนิ การขออนมุ ตั ติ ามแบบทม่ี หาวทิ ยาลัยกำ�หนด ข้อ 14 การรายงานผลการปฏิบตั ิงานบริการสังคม (1) นสิ ติ ตอ้ งรายงานผลการปฏบิ ตั งิ านบรกิ ารสงั คม ตอ่ อาจารยท์ ป่ี รกึ ษา โดย สม�ำ่ เสมอ ตาม แบบทมี่ หาวิทยาลยั ก�ำ หนด (2) เมือ่ ปฏิบัตงิ านบรกิ ารสังคมครบ 200 ชวั่ โมง ต้องรายงานผลการปฏิบตั ิงานบรกิ ารสังคม ตามแบบทีม่ หาวิทยาลยั กำ�หนด ข้อ 15 ให้มหาวิทยาลัยแต่งตั้งคณาจารย์ประจำ�เป็นอาจารย์ที่ปรึกษานิสิตปฏิบัติงานบริการสังคม แต่ละคน
คู่มือนิสติ ปริญญาตรี ปีการศึกษา 2564 มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตสุรินทร์ หมวด 4 บทก�ำ หนดโทษ ขอ้ 16 มหาวิทยาลยั จะไม่อนุมตั ปิ รญิ ญา เปน็ เวลา 2 ปี แกน่ ิสิตผลู้ ะเมิดข้อบงั คบั ต่อไปนี้ (1) ไม่ปฏบิ ัตงิ านบริการสงั คม (2) ละทิง้ การปฏบิ ัติงานบรกิ ารสงั คม (3) ไม่รายงานผล หรอื รายงานผลอันเปน็ เทจ็ ข้อ 17 นิสิตปฏิบัติงานบริการสังคม หากปฏิบัติตนไม่เหมาะสมอันอาจนำ�มาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ มหาวิทยาลัย เมอ่ื คณะกรรมการสอบสวนแล้วมีความผิด จะถกู พจิ ารณาลงโทษตามควรแกก่ รณี (1) วา่ กลา่ วตกั เตือน (2) ภาคทณั ฑ์ (3) ระงับการให้ปริญญา ตง้ั แต่ 2 ปีขึ้นไป (4) ใหพ้ น้ สภาพนิสิต ประกาศ ณ วันที่ 27 ธันวาคม พทุ ธศกั ราช 2546 (พระสเุ มธาธิบด)ี นายกสภามหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
คู่มือนิสิตปรญิ ญาตรี ปีการศึกษา 2564 มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตสรุ ินทร์ ประกาศมหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย เรอื่ ง ขอ้ ปฏิบัติ ในการสอบ ระดับปริญญาตรี เพ่ือให้การดำ�เนินการสอบของผู้สอบ ระดับปริญญาตรี เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคต์ ามนโยบายของมหาวทิ ยาลยั จงึ เหน็ สมควรออกประกาศมหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราช วิทยาลยั เรื่อง ขอ้ ปฏบิ ตั ใิ นการสอบ ระดับปรญิ ญาตรี อาศยั อ�ำ นาจตามความในมาตรา 22(1) แหง่ พระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั พ.ศ. 2540 และมติสภาวชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั ในคราวประชุมครงั้ ที่ 3/2560 เม่ือ วันท่ี 2 มีนาคม พ.ศ.2560 จงึ ออกประกาศมหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั เรอ่ื ง ข้อปฏบิ ตั ิในการ สอบ ระดับปรญิ ญาตรี ไว้ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ประกาศนี้ เรียกว่า “ประกาศมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เรื่อง ข้อปฏิบัติในการ สอบ ระดับปรญิ ญาตรี” 2. ให้ใชป้ ระกาศนี้ ตั้งแต่วนั ถดั จากวนั ประกาศเปน็ ตน้ ไป 3. ให้ยกเลกิ ประกาศมหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั เรอ่ื ง ขอ้ ปฏิบัตใิ นการสอบ พ.ศ.2563 4. ขอ้ ปฏบิ ตั สิ �ำ หรบั ผู้สอบ 4.1. ผู้สอบต้องน่งุ หม่ หรือแตง่ กายใหส้ ภุ าพเรียบรอ้ ย ตามระเบียบและประเพณนี ยิ ม 4.2. ผสู้ อบตอ้ งเข้าสอบ ตามวนั เวลา และสถานทส่ี อบตามท่มี หาวิทยาลยั หรอื หนว่ ยงาน ของมหาวทิ ยาลยั ก�ำ หนด 4.3. ผสู้ อบตอ้ งมาถงึ สถานทสี่ อบกอ่ นก�ำ หนด ทรี่ ะบไุ วใ้ นตารางสอบ ผใู้ ดไมม่ าสอบถอื วา่ ขาด สอบในรายวชิ านน้ั เวน้ แตม่ เี หตจุ �ำ เปน็ ใหอ้ ยใู่ นดลุ พนิ จิ ของคณบดี หรอื หวั หนา้ สว่ นงานจดั การศกึ ษาตน้ สงั กดั เปน็ ลายลักษณ์อักษร 4.4. ผูส้ อบจะตอ้ งนำ�บัตรประจำ�ตวั นิสติ มาแสดงในวนั สอบทกุ คร้ัง ในกรณีท่ีบัตรประจ�ำ ตัว นสิ ติ หายหรอื ช�ำ รดุ ใหแ้ จง้ ขอท�ำ บตั รประจ�ำ ตวั นสิ ติ ชว่ั คราว ตอ่ ส�ำ นกั ทะเบยี นและวดั ผล หรอื กลมุ่ งานทะเบยี น และวดั ผลของส่วนงานจัดการศึกษาต้นสงั กัดกอ่ นเขา้ ห้องสอบ
คูม่ อื นสิ ิตปรญิ ญาตรี ปกี ารศกึ ษา 2564 มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสรุ นิ ทร์ 4.5. ผู้สอบไม่เข้าห้องสอบก่อนได้รับอนุญาต และไม่นำ�เอกสาร เครื่องอิเล็กทรอนิกส์หรือ เคร่ืองสอ่ื สารใดๆ เข้าไปในหอ้ งสอบ เวน้ ไวแ้ ต่อาจารย์ประจำ�วิชาอนุญาตเปน็ ลายลักษณ์อกั ษร 4.6. ในระหวา่ งการสอบใหผ้ ู้สอบแสดงบัตรประจ�ำ ตัวนสิ ติ วางไวบ้ นโต๊ะทีน่ ั่งสอบ 4.7. ผู้สอบมาช้าเกินกว่า 30 นาท่ี จากเวลาที่เริ่มสอบในรายวิชานั้นๆ ไม่มีสิทธ์ิเข้าสอบใน รายวชิ านัน้ ๆ กรณีท่ผี ูส้ อบมาช้ากวา่ เวลาท่กี ำ�หนด แต่ไมเ่ กนิ 30 นาที ตอ้ งเขียนคำ�รอ้ งขออนญุ าตเข้าสอบยน่ื ต่อคณบดี หรอื ผอู้ ำ�นวยการสำ�นกั ทะเบยี นและวดั ผล หรือหวั หนา้ ส่วนงานจดั การศึกษาต้นสงั กดั การอนญุ าตใหผ้ สู้ อบทม่ี าชา้ กวา่ เวลาทกี่ �ำ หนดเขา้ หอ้ งสอบ ผสู้ อบตอ้ งยนื่ ค�ำ รอ้ งขา้ งตน้ ตอ่ กร รมการควบคมุ หอ้ งสอบทกุ ครงั้ จงึ มีสิทธิ์สอบในรายวิชานัน้ ๆ 4.8. เมื่อเร่มิ ท�ำ การสอบ ผ้สู อบตอ้ งอยูใ่ นหอ้ งสอบให้ครบ 30 นาที จงึ จะมีสทิ ธิอ์ อกจากหอ้ ง สอบได้ 4. 9. หา้ มผสู้ อบสง่ เสยี งดงั หรอื ท�ำ ความร�ำ คาญ หรอื แสดงกริ ยิ ามารยาทไมเ่ หมาะสมในหอ้ ง สอบและบรเิ วณใกลเ้ คยี ง 4.10.ผู้สอบตอ้ งน่ังตามทีก่ �ำ หนดให้ จะเปลี่ยนทน่ี ั่งกอ่ นไดร้ ับอนุญาตไมไ่ ด้ 4.11. ก่อนเวลาเร่มิ ทำ�การสอบ หรอื ในระหว่างเวลาท�ำ การสอบ ห้ามผทู้ ่ีไมม่ ีหนา้ ท่ีเกยี่ วข้อง กบั การสอบ เข้าไปในหอ้ งสอบเป็นอนั ขาด เว้นแตจ่ ะได้รบั อนญุ าตจากกรรมการควบคุมห้องสอบ 4.12. เมื่อกรรมการควบคุมห้องสอบแจ้งหมดเวลาสอบแล้ว ให้ส่งข้อสอบ และกระดาษคำ� ตอบ จึงออกจากหอ้ งสอบ หา้ มนำ�ข้อสอบออกนอกหอ้ งสอบโดยเด็ดขาด 5. ข้อปฏิบตั สิ ำ�หรบั กรรมการควบคุมห้องสอบ 5.1. การควบคมุ การสอบเปน็ ภาระและหนา้ ทโี่ ดยตรงของอาจารย์ หรอื เจา้ หนา้ ทที่ ไี่ ดร้ บั การ แต่งตั้งจากมหาวิทยาลัย 5.2. กรรมการควบคุมห้องสอบต้องมารับข้อสอบจากกองอำ�นวยการดำ�เนินการสอบ ก่อน เวลาสอบอยา่ งชา้ ไม่เกิน 15 นาที และต้องลงลายมอื ช่อื ปฏิบัตหิ นา้ ท่ี ณ กองอำ�นวยการสอบ 5.3.กรรมการควบคุมห้องสอบผู้ใดไม่สามารถควบคุมการสอบตามวันและเวลาท่ีกำ�หนดได้ ต้องแจ้งให้ประธานคณะกรรมการดำ�เนินการสอบทราบเป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนเร่ิมเวลาสอบอย่างน้อย 1 วนั 5.4. กรรมการควบคุมห้องสอบพบว่ามกี ารทจุ รติ เกิดข้ึน ให้ยดึ อุปกรณ์หรือเอกสารสง่ิ พิมพ์ ทีใ่ ช้ในการทจุ ริตและให้ผูส้ อบคนนัน้ สอบตอ่ ได้จนเสร็จ ใหก้ รรมการควบคมุ หอ้ งสอบแจง้ การฝา่ ฝนื ขอ้ ปฏบิ ตั ใิ นการสอบตอ่ คณะกรรมการด�ำ เนนิ กร สอบเปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร เพอื่ พจิ ารณาสอบสวนขอ้ เทจ็ จรงิ และเสนอคณะหรอื สว่ นงานจดั การศกึ ษาตน้ สงั กดั พจิ ารณาลงโทษตามขอ้ บงั คบั มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วา่ ดว้ ยการศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรตี อ่ ไป
คูม่ อื นิสิตปริญญาตรี ปีการศกึ ษา 2564 มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร์ 5.5.ใหก้ รรมการควบคมุ หอ้ งสอบลงลายมอื ชอ่ื ก�ำ กบั พรอ้ มวนั เดอื น ปที สี่ อบไวบ้ นใบกระดาษ ค�ำ ตอบดา้ นขวามือทกุ ครงั้ ท่ีมีการสอบ 5.6. ให้กรรมการควบคุมห้องสอบ ควบคุมการสอบใหเ้ ปน็ ไปตามตารางเวลาท่ีก�ำ หนด เมอ่ื หมดเวลาตอ้ งเกบ็ กระดาษค�ำ ตอบและขอ้ สอบใหค้ รบตามจ�ำ นวนผสู้ อบ แลว้ น�ำ สง่ ทก่ี องอ�ำ นวยการสอบพรอ้ ม ลงลายมอื ช่ือไวเ้ ป็นหลกั ฐาน 5.7. ให้คณะกรรมการควบคุมห้องสอบ มีอำ�นาจตักเตือน หรือตรวจค้นผู้มีเหตุอันสงสัยว่า จะท�ำ การสอบโดยไมส่ ุจริต ประกาศ ณ วนั ท่ี 16 มีนาคม พ.ศ.2560 (พระพรหมบณั ฑติ , ศ.ดร.) อธกิ ารบดมี หาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ค่มู ือนสิ ิตปริญญาตรี ปีการศึกษา 2564 มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร์ ระเบยี บ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตสรุ ินทร์ ว่าดว้ ย หอสมดุ และเทคโนโลยีสารสนเทศ พ.ศ. 2547 เพ่ือให้การดำ�เนินงานในฝ่ายหอสมุดและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช วทิ ยาลัย วิทยาเขตสรุ ินทร์ ด�ำ เนินไปดว้ ยความเรียบร้อย อาศยั อำ�นาจตามความในมาตรา 30 แหง่ พระราชบญั ญตั ิมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย พ.ศ. 2540 และมติคณะกรรมการสภาวิทยาเขตสุรินทร์ ในคราวประชุมคร้ังที่ 2/2547 วันที่ 14 กันยายน 2547 จึงได้ออกระเบยี บหอสมดุ เพือ่ เปน็ แนวทางในการปฏบิ ตั ไิ ว้ ดงั น้ี หมวดที่ 1 บทท่วั ไป ข้อ 1 ระเบียบนี้เรยี กว่า “ระเบียบ มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสรุ นิ ทร์ วา่ ดว้ ย หอสมดุ และเทคโนโลยีสารสนเทศ พ.ศ. 2547” ข้อ 2 ให้ยกเลิกประกาศวิทยาเขต มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ วิทยาเขต สุรินทร์ เร่ือง ระเบียบมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเลตสุรินทร์ ว่าด้วยระเบียบการใช้ห้องสมุด พ.ศ. 2532 ข้อ 3 ให้ใชร้ ะเบยี บนตี้ ัง้ แต่วนั ถดั จากวนั ประกาศเป็นต้นไป ขอ้ 4 บรรดากฎ ขอ้ บงั คับ ค�ำ ส่ัง ระเบียบ หรอื ประกาศอ่ืนใดทข่ี ัดหรอื แยง้ กบั ระเบยี บนใ้ี หใ้ ชร้ ะเบียบ น้แี ทน ขอ้ 5 ตามระเบียบน้ี “ระเบยี บหอสมดุ ” หมายถงึ ระเบยี บ มหาวทิ ยาลยั จฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร์ ว่าดว้ ย หอสมดุ เทคโนโลยสี ารสนเทศ พ.ศ. 2547
คมู่ ือนิสติ ปรญิ ญาตรี ปกี ารศกึ ษา 2564 มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตสรุ นิ ทร์ “วิทยาเขตสุรินทร์” หมายถงึ มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตสุรนิ ทร์ “หอสมดุ ” หมายถงึ หอสมดุ และเทคโนโลยสี ารสนเทศ วิทยาเขตสรุ นิ ทร์ “รองอธิการบดี” หมายถงึ รองอธิการบดี วิทยาเขตสุรินทร์ “ผ้ชู ว่ ยอธกิ ารบดี” หมายถึง ผ้ชู ่วยอธิการบดี วทิ ยาเขตสุรินทร์ “คณะกรรมการ” หมายถึง คณะกรรมการหอสมดุ วทิ ยาเขตสุรินทร์ “หัวหนา้ ฝ่าย” หมายถึง หัวหน้าฝา่ ยหอสมุด วิทยาเขตสรุ ินทร์ “บรรณารักษ์” หมายถงึ บรรณารกั ษ์หอสมดุ วิทยาเขตสรุ ินทร์ “เจา้ หนา้ ทห่ี อ้ งสมุด” หมายถึง เจ้าหน้าทห่ี อ้ งสมดุ วทิ ยาเขตสุรนิ ทร์ “ผใู้ ช้ห้องสมดุ ” หมายถึง ผใู้ ชบ้ รกิ ารห้องสมุด ตามข้อ 14 และสมาชกิ ตามข้อ 15 ข้อ 6 ให้รองอธิการบดี รักษาการให้เป็นไปตามระเบยี บนี้ หมวดท่ี 2 คณะกรรมการ ข้อ 7 ใหม้ ีคณะกรรมการหอสมดุ วิทยาเขตสุรินทร์ ประกอบด้วย 7.1 ประธานกรรมการ ได้แก่ ผูช้ ่วยอธิการบดฝี า่ ยวิชาการ 7.2 รองประธานกรรมการ ไดแ้ ก่ ผู้อ�ำ นวยการส�ำ นกั วิชาการ วิทยาเขตสรุ ินทร์ 7.3 กรรมการโดยต�ำ แหน่ง ไดแ้ ก่ 7.3.1 ผอู้ ำ�นวยการวิทยาลัยสงฆ์ 7.3.2 หัวหน้าสาขาวิชา 7.4 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซ่ึงรองอธิการบดีแต่งตั้งโดยคำ�แนะนำ�ของผู้อำ�นวยการสำ�นัก วชิ าการ จำ�นวน 4 รูป/คน 7.5 กรรมการและเลขานุการ ไดแ้ ก่ หวั หนา้ ฝา่ ยหอสมุดและเทคโนโลยสี ารสนเทศ ขอ้ 8 กรรมการตามข้อ 7.4 มวี าระในการดำ�รงตำ�แหนง่ 2 ปี หมวดท่ี 3 อำ�นาจหนา้ ท่ี ขอ้ 9 อำ�นาจหนา้ ทขี่ องคณะกรรมการ 9.1 ให้ค�ำ ปรกึ ษาและส่งเสรมิ กจิ การหอสมุดใหเ้ จรญิ ยิง่ ข้นึ 9.2 กำ�หนดนโยบายในการจัดซ้ือจัดหาทรัพยากรสารสนเทศ ปรับปรุงหลักการปฏิบัติให้ เป็นไปตามมาตรฐานของหอสมุดระดับอดุ มศึกษาแห่งประเทศไทย
ค่มู อื นสิ ติ ปรญิ ญาตรี ปีการศกึ ษา 2564 มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตสุรนิ ทร์ 9.3 ออกประกาศ ระเบยี บ เพื่อใชป้ ฏิบัตงิ านภายในหอสมุด ให้เปน็ ไปดว้ ยความเรยี บร้อย หมวดที่ 4 ก�ำ หนดวันเวลาให้บริการ ขอ้ 10 หอสมดุ เปิดให้บริการตัง้ แตว่ ันจนั ทร์ ถึง วนั ศุกร์ ต้งั แต่ เวลา 0 9.00-17.00 น. ยกเวน้ พระ และวันหยดุ ตามวนั นกั ขตั ฤกษ์ ขอ้ 11 รองอธิการบดี หรอื ประธานกรรมการหอสมดุ หรอื ผู้อ�ำ นวยการสำ�นักวชิ าการ มอี �ำ นาจยน่ หรือขยายเวลา หรืองดการให้บริการหอสมุดตามความจำ�เป็นโดยประกาศให้ผู้ใช้ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วนั หมวดที่ 5 ประเภททรพั ยากรของหอ้ งสมดุ ข้อ 12 หอสมุดแบง่ ทรัพยากร เพือ่ ใหบ้ ริการ ดังนี้ 12.1 วสั ดตุ ีพิมพ์ (Printed Material) 12.2 วัสดไุ มต่ พี มิ พ์ (Non – Printed Materials) ข้อ 13 การให้ยืมทรพั ยากรหอสมดุ ใหเ้ ปน็ ไปตามประกาศของหอสมุด หมวดที่ 6 ผู้มสี ิทธใ์ิ ชบ้ รกิ ารหอสมุด ขอ้ 14 ผมู้ ีสิทธิ์ใช้บรกิ ารหอสมดุ ไดแ้ ก่ 14.1 คณาจารย์ 14.1.1 อาจารย์ประจำ�ของมหาวทิ ยาลยั 14.1.2 อาจารย์พิเศษของมหาวทิ ยาลัย 14.2 นสิ ติ 14.2.1 นสิ ติ ระดับปรญิ ญาตรี 14.2.2 นักศึกษาระดับประกาศนยี บตั ร 14.3 เจา้ หน้าที่ประจ�ำ และลูกจ้างประจ�ำ ของมหาวิทยาลยั 14.4 บุคคลภายนอก
คูม่ ือนิสติ ปริญญาตรี ปีการศกึ ษา 2564 มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตสุรนิ ทร์ 14.5 บคุ คลทม่ี ีอุปการคณุ ของหอสมุด หมวดที่ 7 การเป็นสมาชกิ หอสมดุ และสทิ ธใิ นการใช้บรกิ าร ข้อ 15 สมาชกิ หอสมุดมี 2 ประเภท ดงั น้ี 15.1 สมาชิกสามญั 15.2 สมาชกิ กิตตมิ ศกั ดิ์ ขอ้ 16 สมาชกิ สามัญ ไดแ้ ก่ บุคคลทรี่ ะบไุ ว้ใน ขอ้ 14.1, 14.2, 14.3 และ ข้อ 14.4 โดยการสมคั รเป็น สมาชกิ จะต้องด�ำ เนนิ การ ดงั น้ี 16.1 บคุ คลตามข้อ 14.1.1 และ 14.1.3 ต้องแสดงบตั รประจำ�ตวั บุคลากรของมหาวทิ ยาลยั หรือ หนงั สอื รับรองจากผู้บงั คบั บญั ชาระดบั ผู้อำ�นวยการ ขึน้ ไป 16.2 บุคคลตามข้อ 14.1.2 ต้องมีหนังสือรับรองจากระดบั หัวหน้าสาขาวชิ าขึน้ ไป 16.3 บคุ คลตามข้อ 14.2 ต้องแสดงบัตรประจำ�ตัวนิสิตและใบเสร็จรับเงินการลงทะเบยี น หรือ ใบส�ำ คัญแสดงการลงทะเบียนของนิสิตในภาคเรยี นนัน้ ๆ 16.4 บุคคลตามข้อ 14.4 ตอ้ งแสดงบตั รประจำ�ตวั ประชาชน และหลักฐานอน่ื ๆ ทีห่ อสมดุ ระบุใหน้ �ำ มาแสดงเป็นหลกั ฐาน ขอ้ 17 สมาชกิ กติ ติมศักด์ิ ได้แก่ บุคคลตามข้อ 14.5 โดนอนมุ ัติของรองอธกิ ารบดี ขอ้ 18 ผ้มู ีสิทธิ์ในการยมื ทรัพยากรหอสมุดจะตอ้ งเปน็ สมาชกิ หอสมดุ เทา่ นัน้ ขอ้ 1 9 การท�ำ บัตรสมาชิก จ�ำ นวนทรัพยากรและระยะเวลาที่ให้ยืม ให้เป็นไปตามประกาศหอสมดุ หมวดท่ี 8 หน้าทแ่ี ละความรับผดิ ชอบของผูใ้ ช้บริการหอสมดุ ข้อ 20 ผู้ใช้หอสมุดต้องปฏิบัติตามระเบียบประกาศ หรือคำ�สั่งของหอสมุด โดยเคร่งครัดหากฝ่าฝืน หัวหนา้ ฝา่ ยหอสมุด หรอื ผูท้ ไ่ี ด้รบั มอบหมายมีอำ�นาจดำ�เนินการ ดังน้ี 20.1 ตกั เตือน 20.2 เชญิ ให้ออกนอกบริเวณหอสมุด 20.3 ประกาศใหท้ ราบพฤตกิ รรมของการฝ่าฝนื 20.4 ตดั สิทธิ์การใชห้ อสมดุ 20.5 เสนอให้พจิ ารณาลงโทษทางวนิ ยั หรือกฎหมาย
คมู่ ือนสิ ิตปรญิ ญาตรี ปีการศึกษา 2564 มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตสรุ นิ ทร์ ขอ้ 21 ผใู้ ชบ้ รกิ ารหอสมดุ ตอ้ งตรวจดคู วามช�ำ รดุ เสยี หายของทรพั ยากรหอสมดุ กอ่ นการยมื หากพบให้ แจง้ เจ้าหน้าท่ีหอสมดุ ทราบทันที มิฉะนนั้ ผู้ยืมจะต้องรับผิดชอบในการชำ�รุดเสียหายของทรพั ยากรท่ยี มื ขอ้ 22 ผู้ใช้บริการหอสมุด ต้องรบั ผิดชอบทรัพยากรหอสมดุ ที่ยมื ไป ดังน้ี 22.1 หากทรัพยากรหอสมุดชำ�รุดเสียหาย ผู้ยืมจะชดใช้ค่าเสียหาย เพ่ือการซ่อมแซมตาม จ�ำ นวนทซี่ อ่ มแซม หากไมส่ ามารถซอ่ มแซมไดจ้ ะตอ้ งชดใชโ้ ดยการซอื้ ทรพั ยากรหอสมดุ ในรายการทเ่ี หมอื นกนั หรือใหมก่ วา่ ของเดิม 22.2 หากทรพั ยากรหอสมดุ สญู หาย ผยู้ มื จะตอ้ งชดใชโ้ ดยการซอื้ ในรายการทเ่ี หมอื นกนั หรอื ใหมก่ ว่าของเดิม และในกรณีทแี่ จง้ หายภายหลังวนั กำ�หนดสง่ จะตอ้ งช�ำ ระค่าปรับตามระเบยี บของหอสมดุ 22.3 ทรัพยากรทช่ี ำ�รุดเสยี หายตามขอ้ 22.1 และสญู หายตามขอ้ 22.2 ในกรณีท่ไี ม่สามารถ ซ้ือมาชดใชไ้ ด้ต้องช�ำ ระค่าเสียหายเปน็ 3 เท่าของราคาทรัพยากรนัน้ ขอ้ 23 ผู้ใช้บรกิ ารหอสมดุ จะต้องรบั ผิดชอบทรัพยากรหอสมดุ และสนิ ส่วนตัวรวมท้งั ต้องใช้หอสมดุ อย่างระมดั ระวัง ขอ้ 24 ผใู้ ชบ้ รกิ ารหอสมดุ จะตอ้ งใหค้ วามรว่ มมอื ในการรกั ษาทรพั ยากรหอสมดุ และปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บ ของหอสมดุ อยา่ งเครง่ ครดั ข้อ 25 ในการยมื หรอื การใช้บริการทรัพยากรหอสมดุ ผู้ใชต้ ้องเสียคา่ บริการสำ�หรับการยมื หรือ ใช้ ทรพั ยากรหอสมุดทีต่ อ้ งเสยี คา่ บรกิ าร และอัตราค่าบรกิ ารให้เป็นไปตามประกาศของวทิ ยาเขต ขอ้ 26 ผใู้ ชบ้ รกิ ารทย่ี มื ทรพั ยากรหอสมดุ ไปและน�ำ สง่ หลงั วนั ก�ำ หนดสง่ จะตอ้ งช�ำ ระคา่ ปรบั อตั ราคา่ ปรับใหเ้ ปน็ ไปตามประกาศของวิทยาเขต ข้อ 27 อตั ราคา่ ธรรมเนยี มใหเ้ ป็นไปตามประกาศของวทิ ยาเขต ข้อ 28 เงินคา่ บรกิ าร ค่าปรับ และคา่ ธรรมเนยี มถือเป็นรายได้ของวิทยาเขต ประกาศ ณ วันท่ี 4 เดือน พฤศจิกายน พุทธศกั ราช 2547 (พระเทพปญั ญาเมธี) มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตสรุ ินทร์
คมู่ อื นิสิตปรญิ ญาตรี ปีการศึกษา 2564 มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตสุรนิ ทร์ ข้อบังคบั มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย ว่าด้วยองคก์ รนสิ ติ พุทธศกั ราช 2548 เพอื่ ใหก้ ารบรหิ ารองคก์ รนสิ ติ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ด�ำ เนนิ ไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย มีประสิทธภิ าพและบรรลวุ ัตถปุ ระสงคต์ ามนโยบายของมหาวทิ ยาลัย อาศยั อ�ำ นาจตามความในมาตรา 19(2) แหง่ พระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั พ.ศ. 2540 สภามหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในคราวประชมุ คร้งั ท่ี 7/2548 จึงมีมติให้ออกขอ้ บังคบั ไวด้ งั ตอ่ ไปนี้ หมวด 1 บททว่ั ไป ขอ้ 1 ข้อบงั คบั นี้ เรยี กวา่ “ขอ้ บงั คับมหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั ว่าด้วยองค์กรนิสิต พุทธศกั ราช 2548” ข้อ 2 ให้ใช้ข้อบังคับน้ีตง้ั แตว่ นั ถัดจากวนั ประกาศเป็นตน้ ไป ขอ้ 3 ใหย้ กเลกิ ขอ้ บงั คบั มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ในพระบรมราชปู ถมั ภว์ า่ ดว้ ยคณะ กรรมการนสิ ติ พ.ศ. 2538 ข้อ 4 บรรดากฎ ระเบยี บ ขอ้ บังคับ ขอ้ ก�ำ หนด คำ�สัง่ หรอื ประกาศอ่ืนใดซ่งึ ขัดหรือแย้งกบั ขอ้ บังคับ นใ้ี ห้ใช้ข้อบังคบั นี้แทน ขอ้ 5 ตามข้อบงั คับน้ี “นสิ ติ ” หมายความวา่ ผทู้ ไี่ ดข้ นึ้ ทะเบยี นเปน็ นสิ ติ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั เรียบรอ้ ยแล้ว “สมาชกิ สภานสิ ติ ” หมายความวา่ สมาชกิ สภานสิ ติ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ทไ่ี ด้รบั เลอื กจากห้องเรียนต่าง ๆ ตามอัตราส่วนในขอ้ 21(1) (2) ใชอ้ กั ษรยอ่ วา่ ส.สน.
คู่มือนสิ ิตปริญญาตรี ปกี ารศกึ ษา 2564 มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตสรุ ินทร์ “สภานิสิต” หมายความว่า สภานิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ใช้อักษร ยอ่ ว่า สน. “องค์กรนิสิต” หมายความว่า คณะกรรมการบริหารองค์กรนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง กรณราชวทิ ยาลัย ใช้อักษรยอ่ ว่า กบ.น. “ชมรมนสิ ติ ” หมายความวา่ ชมรมนสิ ติ ทจี่ ดั ตงั้ ขน้ึ ในมหาวทิ ยาลยั จฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ใชอ้ ักษรยอ่ วา่ ชน. ขอ้ 6 ให้วทิ ยาเขต วทิ ยาลัยสงฆ์ และโครงการขยายห้องเรยี นใช้ขอ้ บงั คับนโี้ ดยอนุโลม ขอ้ 7 ใหอ้ ธกิ ารบดรี ักษาการใหเ้ ปน็ ไปตามข้อบงั คบั น้ี หมวด 2 วัตถุประสงค์ ข้อ 8 องคก์ รนิสติ ดำ�เนนิ งานโดยมวี ัตถปุ ระสงค์ ดงั นี้ (1) เพอื่ ท�ำ หนา้ ทเ่ี ปน็ ศนู ยป์ ระสานงานระหวา่ งผบู้ รหิ าร คณาจารย์ เจา้ หนา้ ทขี่ องมหาวทิ ยาลยั และสถาบันอนื่ (2) เพอ่ื เสริมสร้างสามัคคีในหมนู่ ิสิต และปลกู จติ สำ�นึกรับผิดชอบต่อสถาบนั ร่วมกนั (3) เพ่ือใหน้ สิ ติ ไดบ้ �ำ เพญ็ ประโยชนแ์ ละเผยแพร่กจิ กรรมของมหาวทิ ยาลัย (4) เพื่อจดั ทำ�วารสารและเอกสารทางวชิ าการ (5) เพอื่ สงเคราะหแ์ ละบรกิ ารนสิ ติ (6) เพื่อสนองงานตามนโยบายและพันธกจิ ของมหาวทิ ยาลัย หมวด 3 ส่วนที่ 1 สภานิสติ ขอ้ 9 ให้มีสภานิสติ ประกอบดว้ ย (1) สมาชิกสภานิสิต ซึ่งอธิการบดีแต่งตั้งจากนิสิตที่ได้รับการเลือกตั้งจากห้องเรียน ต่าง ๆ ตามอัตราสว่ นที่ก�ำ หนดไว้ในข้อ 21(1) (2) (2) ประธานสภานสิ ติ ซงึ่ อธกิ ารบดแี ตง่ ตงั้ จากพระภกิ ษผุ ดู้ �ำ รงต�ำ แหนง่ สมาชกิ สภานสิ ติ โดย การเลือกตง้ั ของสมาชกิ สภานิสิต เม่ือประธานสภานิสิตไม่สามารถปฏิบตั ิหนา้ ทไี่ ด้ ใหร้ องประธานสภา นสิ ติ ปฏบิ ัติหนา้ ที่แทน ให้ประธานสภานิสติ แตง่ ตัง้ สมาชกิ สภานสิ ิตเป็นเลขานกุ ารประธานสภานสิ ิต
คมู่ อื นิสิตปริญญาตรี ปีการศกึ ษา 2564 มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตสรุ นิ ทร์ ในกรณีท่ีประธานสภานิสิต รองประธานสภานิสิต สมาชิกสภานิสิต พ้นจากตำ�แหน่งก่อน วาระให้ดำ�เนินการเลือกต้ังภายใจเจ็ดวัน และให้ผู้ที่ได้รับการเลือกต้ังอยู่ในต�ำ แหน่งเพียงเท่ากับวาระท่ีเหลือ อยขู่ องผทู้ ต่ี นแทนรองประธานสภานสิ ติ รปู ทห่ี นง่ึ ซงึ่ อธกิ ารบดแี ตง่ ตง้ั จากพระภกิ ษผุ ดู้ �ำ รงต�ำ แหนง่ สมาชกิ สภา นิสิตหนงึ่ รปู โดยการเลือกตั้งของสมาชิกสภานิสติ รองประธานสภานิสิตรูปที่สองหรือคนท่ีสอง ซึ่งอธิการบดีแต่งตั้งจากสมาชิกสภานิสิตโดย การเลือกตง้ั ของสมาชกิ สภานิสติ ข้อ 10 ประธานสภานสิ ติ และรองประธานสภานิสิต สมาชิกสภานิสิต มวี าระการด�ำ รงต�ำ แหนง่ หน่ึงปี การศกึ ษาและอาจได้รบั การเลอื กตง้ั อีกได้ นอกจากพ้นตำ�แหน่งตามวาระในวรรคท่ีหน่ึงแล้ว ประธานสภานิสิตและรองประธานสภา นิสติ สมาชกิ สภานสิ ิต พน้ จากตำ�แหนง่ เมื่อ (1) มรณภาพ หรอื ตาย (2) ลาออก (3) พ้นสภาพนิสิต (4) พ้นจากความเป็นพระภกิ ษุหรือพ้นจากสมาชิกภาพนน้ั ๆ (5) ถกู วนิ จิ ฉยั โดยค�ำ พพิ ากษาถงึ ทสี่ ดุ ใหจ้ �ำ คกุ เวน้ แตค่ วามผดิ อนั ไดก้ ระท�ำ โดยประมาทหรอื ความผิดลหโุ ทษ (6) สมาชิกสภานสิ ิตมีมติใหพ้ ้นจากสมาชิกภาพดว้ ยคะแนนสใ่ี นห้า ข้อ 11 สภานสิ ิต มอี ำ�นาจและหนา้ ท่ี ดงั นี้ (1) ควบคุม ติดตามและประเมินผลการดำ�เนินงานขององค์กรบริหาร นิสิตให้เป็นไปตาม นโยบายมหาวิทยาลัย (2) ให้ค�ำ ปรกึ ษาเสนอแนะการดำ�เนินงานขององคก์ รบริหารนสิ ติ (3) เปดิ อภิปรายเพือ่ ลงมตไิ มไ่ ว้วางใจ เพอื่ ใหอ้ งคก์ รบริหารนิสิตชี้แจง (4) พจิ ารณาระเบยี บขององค์กรบริหารนิสติ (5) อนุมัตงิ บประมาณรายข่ายขององคก์ รบริหารนิสิต (6) พิจารณาแต่งต้ังคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพื่อกระทำ� การใด ๆ อนั อยู่ในอำ�นาจและหน้าท่ขี องสภานิสิต (7) ปฏิบัตหิ น้าท่ีอ่นื เกย่ี วกบั กจิ กรรมนิสติ ขอ้ 12 ประธานสภานสิ ติ มีคุณสมบตั ิ ดังนี้ (1) เป็นพระภกิ ษุ (2) เปน็ สมาชกิ สภานสิ ิต (3) เปน็ นิสติ ชนั้ ปที ี่ 3
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267