บนั ทกึ หลงั แผนการจดั การเรยี นรู้ส่วนที่ 1 ผลการเรียนรูข้ องนักเรียนและแนวทางการแก้ปัญหา 1.1 ผลการประเมนิ ด้านความรู้ จำนวนนกั เรียนท้งั หมด………..…..คน ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน..........คน คิดเป็นร้อยละ............. ไม่ผำ่ นเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเป็นรอ้ ยละ………….…… ครไู ดด้ ำเนินกำรแก้ไขปัญหำนกั เรียนที่ไม่ผำ่ นเกณฑ์โดย.......................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.2 ผลการประเมินด้านทกั ษะ/กระบวนการ จำนวนนกั เรยี นทงั้ หมด………..…..คน ผำ่ นเกณฑ์ จำนวน..........คน คิดเปน็ รอ้ ยละ............. ไมผ่ ำ่ นเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเปน็ ร้อยละ………….…… ครไู ด้ดำเนนิ กำรแก้ไขปญั หำนกั เรียนทไี่ ม่ผ่ำนเกณฑโ์ ดย.......................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.3 ผลการประเมนิ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ จำนวนนักเรียนทั้งหมด………..…..คน ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน..........คน คดิ เปน็ ร้อยละ............. ไม่ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเป็นร้อยละ………….…… ครไู ดด้ ำเนนิ กำรแกไ้ ขปญั หำนกั เรยี นทีไ่ มผ่ ่ำนเกณฑโ์ ดย.......................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………สว่ นท่ี 2 ข้อเสนอแนะในการพฒั นานักเรียน 2.1 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.4 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ …………………………………..……………………… ผู้สอน (นำงสำวพฤทธวิ รรณ ช่วงพทิ ักษ์) ……………/………………/………………
ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้ำกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ (ตรวจสอบ/นิเทศ/รบั รอง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..……………..…… (นำยสทุ ธศิ กั ด์ิ เคลือบสงู เนิน) หวั หนำ้ กลุม่ สำระกำรเรยี นรูก้ ำรงำนอำชพี และเทคโนโลยีข้อเสนอแนะของฝ่ำยวิชำกำร (ตรวจสอบ/นิเทศ/รบั รอง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………….………………..…… (นำงจนั ทร์ษำ ชยั วฒั นธรี ำกร) รองผู้อำนวยกำรโรงเรียนกลุ่มบรหิ ำรงำนวิชำกำรขอ้ คิดเห็นและขอ้ เสนอแนะของหัวหนำ้ สถำนศึกษำ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ …………………………………..………………..…… (นำงสำวเฉิดเฉลำ แก้วประเคน) ผ้อู ำนวยกำรโรงเรียนชลกนั ยำนกุ ูล
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 เรื่อง การเขียนรายงานการศกึ ษาค้นควา้ เชิงวิชาการ รหัสวชิ า I30202รายวิชา การส่อื สารและการนาเสนอ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 2 ชั่วโมงโรงเรยี นชลกันยานุกลู ผู้สอน นางสาวพฤทธิวรรณ ช่วงพิทกั ษ์=========================================================มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั /ผลการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้าเชิงวชิ าการเป็นภาษาไทยความยาว 4,000 คาหรอื ภาษาอังกฤษ ความยาว 2,000 คาสาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้าเชิงวชิ าการ มี 3 ส่วน คือ สว่ นนา ส่วนเน้ือหา ส่วนสรปุประกอบด้วย ชื่อเรอื ง ผู้จัดทา บทคดั ย่อ บทนา จุดประสงค์ นยิ ามศัพท์ วธิ กี ารดาเนนิ งานผลการดาเนนิ งาน สรปุ อภิปรายผล กิตติกรรมประกาศ และบรรณานุกรมสาระการเรียนรู้ ความรู้ สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง องค์ประกอบของรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ ประกอบดว้ ย 3 สว่ น คอื ส่วนหนา้ ส่วนเนือ้ หาและสว่ นหลงั ซึ่งมรี ายละเอยี ด ประกอบด้วย ช่ือเรื่อง ช่ือผู้คน้ ควา้ บทคัดย่อ บทนา จุดประสงค์นยิ ามศัพท์ วธิ กี ารดาเนินงาน ผลการศกึ ษาค้นควา้ สรุปอภิปรายผล กติ ตกิ รรมประกาศ บรรณานกุ รมภาคผนวก ทักษะ/กระบวนการ 1) ทักษะการแสวงหาความรู้ ทกั ษะการทางานรว่ มกัน ทักษะการใชเ้ ทคโนโลยี 2) กระบวนการคิด : การคดิ วเิ คราะห์ การสรปุ ความรู้ กระบวนการกลมุ่ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1) ความสามารถในการคดิ 2) ความสามารถในการสอ่ื สาร 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ 1) มีวนิ ยั 2) ใฝเ่ รยี นรู้ 3) มุ่งมนั่ ในการทางาน 4) มคี วามรบั ผิดชอบ ค่านิยม 12 ประการ 1) มศี ลี ธรรม รกั ษาความสัตย์ 2) รู้จกั ดารงตนอยูโ่ ดยใช้หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3) คานึงถึงประโยชนข์ องสว่ นรวมมากกว่าผลประโยชน์ของตนเองชนิ้ งาน/ภาระงาน ชน้ิ งาน/ภาระงานระหวา่ งเรียน 1) รายงานทางวิชาการหรอื บทความทางวิชาการการวดั และการประเมินผล วธิ ีการ 1) การซักถาม 2) การสงั เกต 3) การตรวจผลงาน เคร่ืองมอื การวัดผล 1) แบบประเมนิ ผลงาน เกณฑ์ 1) ระดบั พอใช้ขึ้นไป
แบบการประเมินชน้ิ งานการสรุปองค์ความรู้ ประเด็น ระดับคะแนน น้าหนกั การประเมนิ จุดเน้น 4 32 11. เนื้อหาสาระ 5 รายละเอียดของ รายละเอียดของ รายละเอียดของ รายละเอยี ดของ2. การสรุปเปน็ เนอ้ื หา ถกู ต้อง เนือ้ หา ถกู ต้อง เนอ้ื หา ถกู ต้อง เนอ้ื หาไม่ครบถว้ น 5ความเรยี งข้ันสูง ครบถว้ นลึกซง้ึ ครบถว้ นลกึ ซ้งึ ครบถ้วนแตไ่ ม่ และไมช่ ัดเจน ชดั เจนครอบคลุม ชดั เจน ชดั เจนเท่าทีค่ วร เทา่ ทีค่ วร 53. การจดั พมิ พ์ หัวข้อ ท่ีกาหนด การสรปุ เน้ือหา ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง ไม่ปฏิบัตติ าม ถูกต้อง กระชบั จนเปน็ นสิ ัย ตรงต่อ ตรงตอ่ เวลา ข้อตกลง ในการทา ชดั เจน มกี าร เวลา รับผิดชอบ รบั ผิดชอบทางาน กิจกรรมต่าง ๆ อา้ งองิ แหลง่ ขอ้ มูล ทางานดว้ ยตนเอง ดว้ ยตนเอง แตต่ อ้ ง แต่ต้องเตือนเปน็ เตอื นบอ่ ยครงั้ มีขอ้ ผดิ พลาดในการ การจัดพิมพค์ า บางคร้ัง จัดพิมพ์ค่อนข้างมาก ถกู ตอ้ ง ขนาด การจัดพิมพ์คา ตัวอักษร และ การจัดพมิ พ์คา ถูกต้อง จดั รูปแบบหวั ข้อ ถกู ตอ้ ง ขนาด ไดเ้ หมาะสม ตวั อักษรเหมาะสมเกณฑ์การตัดสิน/ระดบั คุณภาพ คะแนน 46 – 60 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 31 – 45 หมายถงึ ดี คะแนน 16 – 30 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1 – 15 หมายถงึ ปรับปรงุเกณฑ์การผา่ น ต้งั แตร่ ะดบั พอใช้ขึ้นไป
แบบการประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ประเดน็ ระดบั คะแนน นา้ หนกั การประเมิน จดุ เน้น 4 32 11. มีวินัย 1 ปฏบิ ัติตาม ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง ไมป่ ฏิบัตติ าม2. ใฝเ่ รียนรู้ ขอ้ ตกลง จนเปน็ จนเป็นนิสัย ตรงตอ่ ตรงต่อเวลา ข้อตกลง ในการทา 1 นิสัย ตรงตอ่ เวลา เวลา รบั ผดิ ชอบ รับผิดชอบทางาน กิจกรรมตา่ ง ๆ3. ม่งุ มนั่ รบั ผดิ ชอบทางาน ทางานด้วยตนเอง ดว้ ยตนเอง แตต่ อ้ ง 1ในการทางาน ดว้ ยตนเอง แต่ต้องเตอื นเปน็ เตือนบ่อยครง้ั ศึกษาหาความรูเ้ ป็น บางครั้ง บางครั้ง 14. มคี วาม สนใจศึกษาหารับผิดชอบ ความรอู้ ยา่ ง สนใจศกึ ษาหา สนใจศกึ ษาหา ทางานตามที่ไดร้ ับ 1 สมา่ เสมอและ ความรอู้ ยา่ ง ความรู้อยา่ ง มอบหมาย5.รกั ษส์ ิ่งแวดล้อม สรุปองค์ความรู้ สม่าเสมอและ สรุป สมา่ เสมอ เผยแพรแ่ ก่ผู้สนใจ องคค์ วามรู้ ทางานตามทีไ่ ดร้ บั ตงั้ ใจทางานด้วย มอบหมาย ส่งงานไม่ ความขยัน อดทน ตั้งใจทางานดว้ ย ตง้ั ใจทางาน งาน ครบ และไม่ส่งตาม งานสาเร็จตาม ความขยัน อดทน สาเร็จตามเปา้ หมาย กาหนดเวลา เป้าหมายและเปน็ งานสาเร็จตาม แบบอยา่ งท่ีดี เปา้ หมาย ใชพ้ ลังงานอยา่ งไม่ ทางานตามทีไ่ ดร้ บั ประหยดั และไม่ มอบหมายอยา่ งมี ทางานตามท่ีได้รับ ทางานตามทไี่ ด้รับ คมุ้ ค่า คณุ ภาพ ครบทกุ มอบหมายอยา่ งมี มอบหมายอยา่ งมี ช้นิ และสง่ ตาม คณุ ภาพ ครบทุกช้นิ คุณภาพ ขาดเพียง กาหนดเวลา แต่ไม่สง่ ตาม บางชิ้น และไมส่ ่ง ใช้พลังงานอยา่ ง กาหนดเวลา ตามกาหนดเวลา ประหยัดและ ใชพ้ ลังงานอยา่ ง ใช้พลงั งานอยา่ ง คุ้มคา่ มีการนา ประหยดั และคุม้ ค่า ประหยัดและคุ้มค่า กลบั มาใช้ใหม่ มี มกี ารนากลบั มาใช้ การประยกุ ต์ใช้ ใหม่ วสั ดทุ ี่มีในทอ้ งถ่ินเกณฑ์การตดั สิน/ระดับคุณภาพ คะแนน 16 – 20 หมายถึง ดมี าก คะแนน 12 – 15 หมายถึง ดี คะแนน 10 – 11 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 – 9 หมายถงึ ปรับปรุงเกณฑ์การผ่าน ตงั้ แต่ระดบั พอใช้ขนึ้ ไป
กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนาเขา้ สู่การเรยี น 1) ครูพบนักเรียนสนทนา ซักถามเกี่ยวกบั การเรยี นรู้ เร่ือง องค์ประกอบของรายงานการศึกษาค้นคว้าทผ่ี ่านมา ว่านกั เรยี นเรียนรูอ้ ะไรมาบ้างและนาความรู้ทไ่ี ด้ไปใช้อย่างไรบ้าง 2) ครบู นั ทึกเวลาเรยี นและการประเมินผลการเรยี นรู้ 3) ครูนาเสนอตวั อย่าง บทความวชิ าการ ตัวอย่างรายงานวิชาการ 4) ครแู จง้ ผลการเรียนรู้ ภาระงาน และวธิ ีการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ให้นักเรยี นทราบ ขัน้ ศึกษาเรยี นรู้ 5) ผสู้ อนนาเสนอความรู้ โดยใชส้ อ่ื PowerPoint: unit2.1 เรอ่ื ง การเขียนบทความการศกึ ษาค้นควา้ เชิงวิชาการ 6) นกั เรียนศกึ ษาความรู้ จากใบความรทู้ ่ี 2.1 เรอื่ ง การเขยี นบทความการศึกษาค้นคว้าเชงิวชิ าการ จากระบบการจัดการชนั้ เรียนออนไลน์ (ClassStart) วชิ า การสื่อสารและการนาเสนอ ตามความถนัดและความสนใจของนักเรียน 7) ให้นกั เรยี นทางาน ตามใบภาระงานที่ 2.1 เร่ือง การเขียนบทความการศกึ ษาค้นควา้ เชิงวิชาการ 8) สรปุ องค์ความรู้การเขยี นรายงานการศึกษาค้นควา้ เชงิ วิชาการ ขัน้ สรุป 9) ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปสาระสาคัญจากสาระการเรียนรูท้ ่ศี ึกษา 10) ครูแทรกคุณธรรม เร่ือง การใฝ่รู้ ใฝเ่ รยี น และความมงุ่ มน่ั ในการทางาน สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ ส่ือการเรยี นรู้ 1) สื่อ PowerPoint: unit unit2.1 เรอ่ื ง การเขียนบทความการศึกษาค้นคว้าเชงิ วชิ าการ 2) ระบบการจดั การชั้นเรยี นออนไลน์ (ClassStart) จดั ทาโดย นางสาวพฤทธิวรรณ ช่วงพิทกั ษ์ 3) ใบความรูท้ ี่ 2.1 เรอื่ ง การเขียนบทความการศกึ ษาคน้ ควา้ เชิงวิชาการ 4) ใบภาระงานท่ี 2.1 เร่ือง การเขียนบทความการศึกษาคน้ คว้าเชิงวชิ าการ 5) เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ 6) เครอ่ื งฉายโปรเจคเตอร์ 7) เครื่องขยายเสยี งและไมโครโฟน
แหลง่ เรยี นรู้ 1) ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ โรงเรยี นชลกันยานกุ ูล 2) เว็บไซต์ www.chonkanya.ac.th เวบ็ ไซต์ โรงเรียนชลกันยานกุ ูล 3) เว็บไซตท์ ่เี กีย่ วข้องกับ วชิ าการสื่อสารและการนาเสนอ 4) ห้องสมดุ โรงเรยี นชลกนั ยานุกูลกจิ กรรมเสนอแนะ ใ ห้ ผู้ เ รี ย น ศึ ก ษ า ค้ น ค ว้ า เ พิ่ ม เ ติ ม เ กี่ ย ว กั บ ก า ร จั ด ท า บ ท ค ว า ม วิ ช า ก า ร จ า ก ส่ื อ เ ว็ บ ไ ซ ต์www.google.com โดยใช้คาสืบค้นวา่ การเขยี นรายงาน บทความทางวิชาการ หรือวารสารวชิ าการการบูรณาการ การนาความรู้เร่ืองการกาหนดหัวข้อการเขียนรายงานทางวิชาการไปใช้ในการจัดทารายงานวิชาอื่น ๆ ท่ีนักเรียนได้รับมอบหมาย และนาความรู้จากศึกษาค้นคว้าเทคโนโลยีของแต่ละชาติในอาเซียน และการนามาใช้อานวยความสะดวกในการส่ือสารแลกเปลี่ยนในอาเซียน และเปรียบเทียบความเหล่ือมล้าทางด้านเทคโนโลยีเฉพาะภายในประเทศสมาชิกแต่ละชาติและระหว่างประเทศสมาชกิ ไปใช้ในรายวิชาอน่ื ๆ ด้วย และอาจมีการกาหนดหัวข้อการศึกษาเกี่ยวกับพืชศึกษาในกิจกรรมงานพชื สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนก็ได้เชน่ กัน
62 สอื่ PowerPoint: unit2.1 รหสั วชิ า I30202 วชิ า การสือสารและการนําเสนอ ความหมายของบทความวชิ าการ Communication and Presentation ความเรียงทเ่ี ขยี นขึน้ เพื่อนําเสนอขอเท็จจริง หรือความคิดเห็นโดยมี เรือง การเขียนบทความวชิ าการ หลกั ฐาน ขอมูลทางวชิ าการอา งอิง มีเหตุผลนา เชือ่ ถอื มีวัตถุประสงคของการ เขียนบทความคือเพ่ือนําเสนอความรู ขอเท็จจริง ความคิดเห็น ตั้งขอสังเกต วเิ คราะห วจิ ารณ เปน ตน โดย ครูพฤทธวิ รรณ ชวงพทิ กั ษ ลกั ษณะบทความวชิ าการท่ดี ี เทคนคิ การเขยี นบทความทางวิชาการ1. มีประเด็นหรอื แนวคิดทช่ี ดั เจน มีเน้ือหาสาระทางวชิ าการท่ถี ูกตอง สมบรู ณและ 1. ชื่อเร่อื ง ใชภ าษาทเ่ี ปน ทางการ ชดั เจนตรงไปตรงมาทนั สมยั 2. ชื่อผูเขียน ตองใชช่อื จริง2. มีการวเิ คราะหประเดน็ ตามหลกั วชิ าการ เสนอความรูหรือวธิ กี ารท่ีเปน ประโยชน 3. บทคัดยอ ควรเขียนใหกระชับ ไมเกนิ 10-15 บรรทัด มกั มีจะประกอบดวย3. สอดแทรกความคดิ รเิ ริม่ หรอื ความรใู หมท เ่ี ปนประโยชนอ ยา งชดั เจนและเที่ยงตรง4. มกี ารคน ควา อา งอิงจากแหลง อา งอิงทเี่ ช่อื ถอื ได ทนั สมัย ถูกตอ งตามแบบแผน เนื้อหา 3 สว นคอื เกรน่ิ นาํ สง่ิ ท่ที ํา และสรปุ ผลสาํ คัญท่ีได5. มีการนาํ เสนอขอ มูลทเี่ ขาใจงา ย มีตาราง แผนภมู ิ ประกอบตามความจาํ เปน เพ่อื ให 4. บทนํา เขียนปพู ้นื ฐานเพื่อดงึ ความสนใจของผอู านสูเน้ือเรอ่ื งเขา ใจงายและชัดเจน 5. เนอ้ื เรอื่ ง ประเดน็ ทค่ี วรคํานงึ ถงึ ในการเขยี นเนอ้ื หา 6. บทสรปุ เกบ็ ประเดน็ สําคัญๆ ของ บทความมาเขียนรวมไวอ ยางสัน้ ๆ ทา ยบท 7. สว นอางอิง สะทอ นวา งานเขยี นนน้ั อยูบ นพน้ื ฐานของวชิ าการทไ่ี ดมกี ารศกึ ษา คน ควา สว นประกอบของบทความทางวิชาการสว นนํา สวนเนอื้ หา สวนอางองิ 1. เอกสารอางอิง1. ชื่อเร่ือง 1. บทนาํ2. ชอ่ื ผูเขยี น 2. วธิ กี ารศึกษา3. บทคัดยอ (ภาษาไทย) 3. ผลการศึกษา4. คําสําคญั (ภาษาไทย)5. บทคัดยอ 4. อภิปรายผล (ภาษาองั กฤษ) 5. ขอเสนอแนะ6. คาํ สาํ คญั (ภาษาอังกฤษ)
ใบความรู้ท่ี 2.1วิชา การสอื่ สารและการนาเสนอ รหสั วิชา I30202 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลา 2 ช่ัวโมงเรื่อง การเขียนบทความการศึกษาคน้ คว้าความหมายของบทความวิชาการ บทความวิชาการ คือ ความเรียงที่เขียนข้ึนเพ่ือนาเสนอข้อเท็จจริง หรือความคิดเห็นโดยมีหลักฐาน ข้อมูลทางวิชาการอ้างอิง ไม่ใช่เร่ืองที่แต่งขึ้นจากจินตนาการ มีเหตุผลน่าเช่ือถือ มีวัตถุประสงค์ของการเขียนบทความคือเพื่อนาเสนอความรู้ ข้อเท็จจริง ความคิดเห็น ต้ังข้อสังเกตวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ เป็นต้น หากมีข้อเสนอแนะใดๆ ต้องเป็นไปในทางท่ีสร้างสรรค์ลกั ษณะบทความวิชาการท่ีดี 1. มปี ระเดน็ หรือแนวคดิ ท่ีชัดเจน มีเน้ือหาสาระทางวชิ าการท่ีถกู ตอ้ ง สมบรู ณ์และทนั สมัย 2. มีการวิเคราะหป์ ระเดน็ ตามหลกั วชิ าการ มีการสรุปประเด็น มีการสังเคราะหค์ วามรู้ จากแหล่ง ต่างๆ และเสนอความรู้หรอื วธิ ีการที่เป็นประโยชน์ 3. สอดแทรกความคิดริเริ่ม หรือความรู้ใหม่ที่เป็นประโยชน์หรือแสดงทัศนะทางวิชาการของ ผู้เขียนอยา่ งชัดเจนและเทย่ี งตรง 4. มีการค้นควา้ อ้างอิงจากแหล่งอ้างอิงท่ีเช่ือถือได้ ทนั สมยั ครอบคลุม และมกี ารอ้างอิงอยา่ งเป็น ระบบ ถูกต้องตามแบบแผน 5. มีการนาเสนอข้อมูลท่ีเข้าใจง่าย และเป็นระบบ ใช้ศัพท์และภาษาทางวิชาการอย่างเหมาะสม มีตาราง แผนภูมิ ประกอบตามความจาเป็น เพื่อใหเ้ ขา้ ใจง่ายและชดั เจน
ส่วนประกอบของบทความทางวชิ าการ บทความทางวิชาการ ประกอบดว้ ยส่วนประกอบ 3 สว่ นคือ สว่ นนา ส่วนเนอ้ื หา และส่วนอ้างอิงประกอบด้วย 1. สว่ นนา ไดแ้ ก่ ช่ือเร่ือง ชอื่ ผู้เขยี น และข้อความแนะนาผ้เู ขยี น 2. สว่ นเนื้อหา ได้แก่ บทนา เนื้อเร่ือง ซ่งึ แบง่ เปน็ ประเดน็ หลกั ประเดน็ รอง ประเด็นยอ่ ยและบทสรุป 3. ส่วนอ้างอิง ได้แก่ บรรณานุกรม / เอกสารอ้างอิงบทความเชิงวิเคราะห์ ประกอบด้วยส่วนนา ได้แก่ ชื่อเร่ือง ชอื่ ผเู้ ขยี น และข้อความแนะนาผู้เขยี นส่วนเน้ือหา ได้แก่ ความนา วัตถุประสงค์วิธีวิเคราะห์ ขอบเขตการวิเคราะห์ เน้ือเร่ือง ได้แก่ ลักษณะหรือสภาพของเรื่องท่ีวิเคราะห์ การวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา และการวิเคราะห์แนวทางแก้ไข บทสรุปเป็นการย่อสาระและวิเคราะห์แนวทางแก้ไข ส่วนอ้างอิง ได้แก่ บรรณานุกรม / เอกสารอา้ งองิเทคนคิ การเขยี นบทความทางวิชาการ จากส่วนประกอบแต่ละส่วนของโครงสร้างการเขยี นบทความ มีเทคนคิ สาหรบั แนะนาดงั น้ี 1. ชื่อเรื่อง ใช้ภาษาท่ีเป็นทางการ ชัดเจนตรงไปตรงมา และครอบคลุมประเด็นของเร่ืองมกี ารกาหนดความยาวของช่อื เรือ่ ง 2. ช่ือผ้เู ขยี น ตอ้ งใชช้ ื่อจรงิ ไมใ่ ชน้ ามแฝง 3. บทคัดย่อ ควรเขียนให้กระชับ เน้นประเด็นสาคัญของงานท่ีต้องการนาเสนอ ส่วนใหญ่มีการกาหนดความยาวของบทคดั ยอ่ เช่น ไม่เกนิ 10-15 บรรทัด มกั มีจะประกอบด้วยเนอ้ื หา 3 สว่ นคือเกริน่ นา ส่ิงทท่ี า และสรปุ ผลสาคัญทไี่ ด้ ซึ่งอ่านแล้วต้องเหน็ ภาพรวมท้งั หมดของงาน ควรมีคาสาคญั ท่ีตอ้ งเขยี นเปน็ สง่ิ สดุ ท้ายหลังจากเขียนส่วนอื่นท้งั หมดแลว้ 4. บทนา เขียนปูพน้ื ฐานเพอ่ื ดึงความสนใจของผู้อา่ นสูเ่ นื้อเรื่อง ให้เห็นความสาคัญและสร้างบรรยากาศให้ติดตามต่อไป ควรเขียนใหก้ ระชบั ตรงประเด็น ไม่ยืดเยื้อ สอดคล้องกับช่ือเร่ือง โดยจับประเด็นจากชื่อเรื่อง แล้วนาเข้าสู่บริบท เนื้อหา ในส่วนน้ีสามารถกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของบทความทมี่ าของบทความ ขอบเขตของบทความ อาจมคี าจากัดความหรือนิยามต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อา่ น 5. เน้ือเรื่อง ประเด็นท่ีควรคานึงถึงในการเขียนเนื้อหา คือการวิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ต้องเป็นไปอย่างมีหลักการ ทฤษฎี หรือหลักฐานอ้างอิงอย่างถูกต้องตามหลกั วิชาการ มีความเป็นเหตุเป็นผลที่น่าเช่ือถือ มีการอ้างอิงข้อมูลท่ีเช่ือถือได้ การใช้ภาษา บทความทางวิชาการ (ภาษาไทย) ต้องใช้
คาในภาษาไทย หากคาไทยน้ันยังไม่เป็นท่ีเผยแพร่ ควรใช้คาภาษาต่างประเทศไว้ในวงเล็บ ในกรณีที่ไม่สามารถหาคาไทยได้ จะต้องเป็นการทับศัพท์ก็ควรเขียนคาน้ันให้ ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของราชบัณฑิตยสถาน ต้องพิถีพิถันในการเขียนตัวสะกดการันต์ต่างๆให้ ถูกต้องตามพจนานุกรมฯ และควรตรวจทานงานของตนไมใ่ ห้ผิดพลาด 6. บทสรุป โดยการเลือกเก็บประเด็นสาคัญๆ ของ บทความน้ันมาเขียนรวมไว้อย่างสั้นๆท้ายบท หรืออาจใช้วิธีการบอกผลลัพธ์ว่า สิ่งที่กล่าวมาท้ังหมดมีความสาคัญอยา่ งไร สามารถนาไปใช้อะไรได้บ้าง หรือจะทาให้เกิดอะไรต่อไป หรือ อาจใช้วิธีการต้ังคาถามหรือให้ประเด็นท้ิงท้ายกระตุ้นใหผ้ อู้ า่ นไปแสวงหาความร้/ู คดิ คน้ พัฒนาเร่ืองนั้นต่อไป 7. ส่วนอ้างอิง สะท้อนว่างานเขียนน้ันอยู่บนพ้ืนฐานของวิชาการที่ได้มีการศึกษาค้นคว้ามาแล้ว เป็นการให้เกียรติเจ้าของผลงานที่นามาอ้าง เป็นหลักฐานให้ ผู้อ่านสามารถไปสืบเสาะแสวงหาความรู้ เพ่ิมเติม หรือติดตามตรวจสอบหลักฐานได้ รูปแบบการอ้างอิง จะขึ้นอยู่กับการกาหนดของแหลง่ เผยแพร่บทความทางวิชาการน้ันๆ
บทความวชิ าการแบง่ ออกเปน็ ท้งั หมด 6 สว่ น ดงั น้ี(ส่วนที่ 1) ประกอบดว้ ยชอื่ บทความ ใช้ภาษาท่เี ป็นทางการ ช่อื เร่อื งชดั เจนตรงไปตรงมา และครอบคลมุ ประเดน็ ของเร่อื งช่อื เจ้าของบทความ ต้องใชช้ อ่ื จรงิ ไม่ใชน้ ามแฝง(ส่วนที่ 2) ประกอบดว้ ยบทคัดย่อ (Abstract) บทคัดย่อในบทความวิชาการ เป็นการสรุปประเด็นเน้ือหาที่เป็นแก่นสาคัญเน้นประเด็นสาคัญของงานที่ตอ้ งการนาเสนอจรงิ ๆ ควรเขียนให้สั้น กระชบั มคี วามยาวไม่เกิน 10 ถึง15 บรรทัด โดยบทคัดย่อมักจะประกอบด้วยเนื้อหาสามส่วน คือ เกร่ินนา ส่ิงที่ทา สรุปผลสาคัญที่ได้ซง่ึ อ่านแลว้ ต้องเหน็ ภาพรวมทง้ั หมดของงานคาสาคัญ (Keyword) เป็นศัพท์เฉพาะทางท่ีเห็นแล้วเข้าใจได้ทันทีว่างานช้ินน้ีเก่ียวกับอะไร จานวนไม่เกิน 5 -8 คา(สว่ นท่ี 3) บทนา (Introduction) ส่วนนาจะเปน็ สว่ นทีผ่ ู้เขียนจูงใจใหผ้ ู้อ่านเกิดความสนใจในเรอ่ื งนั้นๆ ซ่ึงสามารถใช้วิธีการและเทคนิคต่างๆ ตามแต่ผู้เขียนจะเห็นสมควร เช่น อาจใช้ภาษาท่ีกระตุ้นจูงใจ ผู้เขียนอาจหรือยกปัญหาที่กาลังเป็นท่ีสนใจขณะนั้นขึ้นมาอภิปราย หรืออาจจะกล่าวถึงประโยชน์ท่ีผอู้ า่ นจะได้รบั จากการอ่าน นอกจากจะเป็นสว่ นที่ใช้จงู ใจผอู้ า่ นแลว้ ส่วนนาเป็นส่วนท่ีผู้เขียนสามารถกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการเขียนบทความนั้น หรือให้คาชี้แจงท่ีมาของการเขียนบทความน้ัน ๆ รวมทั้งขอบเขตของบทความน้ัน เพ่ือช่วยให้ผู้อ่านไม่คาดหวังเกินขอบเขตท่ีกาหนด ประกอบด้วย (1) หลักการและเหตุผล (rationale) หรือความเป็นมาหรือภูมิหลัง (Background)หรือความสาคัญของเร่ืองทีเ่ ขียน (justification) หัวข้อนีจ้ ะทาให้ผู้อ่านได้ทราบเป็นพื้นฐานไวก้ ่อนว่าเรื่องท่ีเลือกมาเขียนมีความสาคัญหรือมีความเป็นมาอย่างไรเหตุผลใดผู้เขียนจึงเลือกเร่ืองดังกล่าวข้นึ มาเขียน ในการเขียนบทนาในย่อหน้าแรกซ่งึ ถอื ว่าเป็นการเปิดตัวบทความทางวชิ าการ และเปน็ ย่อหนา้ ที่ดึงดูดความสนใจของผูอ้ ่าน
(2) วัตถุประสงค์ เป็นการเขียนว่าในการเขียนบทความในคร้ังนี้ต้องการให้ผู้อ่านได้ทราบเรื่องอะไรบ้าง โดยจานวนวัตถุประสงค์แต่ละข้อไม่ควรมีมากเกินไปและวัตถุประสงค์แต่ละหัวข้อจะต้องสอดคล้องกบั เรือ่ งหรือเนอ้ื หาของบทความ (3) ขอบเขตของเรื่อง ที่ผู้เขียนต้องการจะบอกกล่าวให้ผู้อ่านทราบและเข้าใจตรงกัน เพ่ือเป็นกรอบในการอา่ น โดยการเขียนขอบเขตน้ัน อาจขนึ้ อยู่กับปัจจยั ในการเขียน ได้แก่ ความยาวของงานที่เขียน หากมีความยาวไม่มากก็ควรกาหนด ขอบเขตการเขียนให้แคบลงไม่เช่นน้ันผู้เขียนจะไม่สามารถนาเสนอเรื่องได้ครบถ้วนสมบูรณ์ และระยะเวลาท่ีต้องรวบรวมข้อมูล การกาหนดเรื่องท่ีจะเขียนท่ีลึกซึ้ง สลับซับซ้อน หรือเป็นเรื่องเชิงเทคนิคอาจจะยากต่อการรวบรวมข้อมูลและเรียบเรียงเนอ้ื เร่อื ง ดังนั้นหากมีเวลาน้อยกค็ วรพิจารณาเขยี นเรื่องท่มี ีขอบเขตไม่กว้างหรือสลับซับซอ้ นมากนัก (4) คาจากัดความหรือนิยามต่างๆ ที่ผู้เขียนเห็นว่าควรระบุไว้เพ่ือเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านในกรณีที่คาเหล่านั้น ผู้เขียนใช้ในความหมายท่ีแตกต่างจากความหมายทั่วไปหรือเป็นคาท่ีผู้อ่านอาจจะไม่เข้าใจ ความหมายถือเป็นการทาความเข้าใจและการส่ือความหมายให้ผู้เขียนบทความและผูอ้ า่ นบทความเข้าใจตรงกนั รวมทัง้ เปน็ การขยายความหมายให้สามารถตรวจสอบหรอื สังเกตไดด้ ้วย(ส่วนท่ี 4) เน้ือเรื่อง (Body) การเขียนส่วนเน้ือเรื่องจะต้องใช้ท้ังศาสตร์และศิลป์ประกอบกันกล่าวคือ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์ (sciences) นั้นคือหลักวิชาการท่ผี ู้เขียนจะต้องคานึงถึงในการเขียน ได้แก่ กรอบแนวความคิด (conceptual framework) ท่ีผู้เขียนใช้ในการเขียนจะต้องแสดงให้เห็นความเช่ือมโยงของเหตุท่ีนาไปสู่ผล (causal relationship) การอ้างอิงข้อมูลต่างๆ ในส่วนศิลป์(art) ได้แก่ ศิลป์ในการใช้ภาษาเพ่ือนาเสนอเรื่องที่เขียน การลาดับความ การบรรยาย วิธีการอ้างอิงสถิติและข้อมูลต่างๆ ที่ใช้ในการประกอบเรื่องทีเ่ ขียน เพ่ือใหผ้ ู้อ่านเกิดความเข้าใจและประทับใจมากที่สุด ในสว่ นเนือ้ หาสาระผเู้ ขยี นควรคานงึ ถงึ ประเดน็ สาคัญๆ ดังต่อไปน้ี (1) การจัดลาดับเน้ือหาสาระ ผู้เขียนควรมีการวางแผนจัดโครงสร้างของเนื้อหาสาระที่จะนาเสนอ และจดั ลาดับเนื้อหาสาระให้เหมาะสมตามธรรมชาติของเนอ้ื หาสาระนั้น การนาเสนอเนื้อหาสาระควรมีความตอ่ เนอื่ งกัน เพื่อชว่ ยใหผ้ ู้อา่ นเขา้ ใจสาระนั้นได้โดยง่าย (2) การเรียบเรียงเน้ือหา ในส่วนน้ีต้องอาศัยความสามารถของผู้เขียนในหลายด้านนอกเหนือจากความเข้าใจในเนื้อหาสาระ เช่น ด้านภาษา ด้านสไตล์การเขียน ด้านวิธีการนาเสนอ
การนาเสนอเน้ือหาสาระให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายได้อย่างรวดเร็วน้ันจาเป็นต้องใช้เทคนิคต่างๆ ในการนาเสนอเขา้ ชว่ ย เช่น การใชส้ อื่ ประเภทภาพ แผนภมู ิ ตาราง กราฟ เปน็ ต้น (3) การวิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ ต้องเป็นไปอย่างมีหลักการ ทฤษฎี หรือมีหลักฐานอ้างอิงอยา่ งถูกตอ้ งตามหลกั วชิ าการ มคี วามเป็นเหตุเป็นผลทน่ี ่าเชื่อถือ มีการอ้างองิ ข้อมลู ที่เชื่อถือได้เพ่ือนาไปสู่ข้อสรุปด้วยทรรศนะของกลุ่มและมุมมองของผู้เขียน โดยมีการเรียบเรียงเร่ืองราวต่อเนื่องกันตามลาดับอย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้อ่านหรือ ผู้อ่านสามารถนาเรื่องนั้นๆ ไปปรับใช้ในการปฏิบัตหิ น้าท่ไี ดอ้ กี ทางหน่ึง (4) การใช้ภาษา การเขียนบทความทางวิชาการ จะต้องใช้คาในภาษาไทยหากคาไทยน้ันยังไม่เป็นท่ีเผยแพร่หลาย ควรใส่คาภาษาต่างประเทศไว้ในวงเล็บ ในกรณีท่ีไม่สามารถหาคาไทยได้จะเป็นต้องทับศัพท์ก็ควรเขียนคาน้ันให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของราชบัณฑิตยสถาน ไม่ควรเขียนภาษาไทยและภาษาต่างประเทศปะปนกัน เพราะจะทาให้งานเขียนนั้น มีลักษณะของความเป็นทางการ (formal) ลดลง ผู้เขียนบทความทางวิชาการจาเป็นต้องพิถีพิถันในเร่ืองการเขียนตัวสะกดการันต์ต่างๆ ให้ถูกต้องตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน และควรตรวจทานงานของตนไม่ให้ผิดพลาด เพราะงานน้นั จะเปน็ แหลง่ อา้ งองิ ทางวชิ าการต่อไป (5) วิธีการนาเสนอ การนาเสนอเนื้อหาสาระให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายและรวดเร็วนั้นจาเป็นตอ้ งใช้เทคนิคต่างๆ ในการนาเสนอเข้าช่วย เช่น การใช้สื่อประเภทภาพ แผนภูมิ ตาราง กราฟเป็นต้น ผเู้ ขยี นควรมีการนาเสนอสื่อต่างๆ อยา่ งเหมาะสม และถกู ตอ้ งตามหลกั วิชาการ(ส่วนท่ี 5) ส่วนสรุป (Conclusions) บทความทางวิชาการท่ีดีควรมีการสรุปประเด็นสาคัญๆ ของบทความนน้ั ๆ ซ่งึ อาจทาในลักษณะท่ีเปน็ การยอ่ คือ การเลอื กเก็บประเดน็ สาคญั ๆ ของบทความน้ันๆมาเขียนรวมกันไว้อย่างส้ันๆ ท้ายบท หรือ อาจใช้วิธีการบอกผลลัพธ์ว่าส่ิงที่กล่าวมามีความสาคัญอย่างไร สามารถนาไปใช้อะไรได้บา้ ง หรอื จะทาให้เกิดอะไรต่อไป หรอื อาจใช้ วิธีการตัง้ คาถามหรอื ให้ประเด็นท้ิงท้ายกระตุ้นให้ผู้อ่านไปสืบเสาะแสวงหาความรู้ หรือคิดค้นพัฒนาเร่ืองนั้นต่อไป งานเขียนท่ีดคี วรมีการสรุปในลกั ษณะใดลกั ษณะหนง่ึ เสมอ
(ส่วนที่ 6) ประกอบด้วยกิตติกรรมประกาศ (Acknowledgements) หากต้องเขียนกิตติกรรมประกาศเพ่ือขอบคุณบุคคลหรือหนว่ ยงานท่ีเก่ยี วขอ้ ง สามารถเขียนได้ โดยใหอ้ ยูห่ ลงั เน้ือหาของบทความและกอ่ นเอกสารอา้ งอิงการพมิ พเ์ อกสารอ้างองิ ทา้ ยบทความ (References) 1) เอกสารอา้ งองิ ทุกลาดบั จะตอ้ งมีการอา้ งอิงหรือกลา่ วถงึ ในบทความ 2) ต้องพิมพ์เรียงลาดับการอ้างอิงตามหมายเลขท่ีกาหนดไว้ที่ได้อ้างอิงถึงในบทความ โดยไมต่ อ้ งแยกภาษาและประเภทของเอกสารอา้ งองิ 3) หมายเลขลาดับการอ้างอิงให้พิมพ์ชิดขอบกระดาษด้านซ้าย ถ้ารายละเอียดของเอกสารอ้างอิงมีความยาวมากกว่าหน่ึงบรรทัดให้พิมพ์ต่อบรรทัดถัดไปโดยย่อหน้า (โดยเว้นระยะ 7ช่วงตัวอักษรหรือเริ่มพิมพ์ช่วงตัวอักษรท่ี 8 การจัดพิมพ์เอกสารอ้างอิงท้ายบทความจะแตกต่างกันตามชนดิ ของเอกสารทน่ี ามาอา้ งองิ ให้จัดพมิ พต์ ามข้อแนะนา ดงั นี้ 3.1 ถ้าเป็นรูปแบบการอ้างอิงทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยใี ห้เป็นระบบ Vancouver 3.2 ถ้าเป็นรปู แบบการอา้ งอิงทางสังคมศาสตรใ์ หเ้ ปน็ ระบบ American PsychologicalAssociationประวัตผิ ูเ้ ขยี นและผ้รู ่วมเขยี น ประกอบดว้ ย ประวัตสิ ว่ นตวั ทีม่ า: www. r2r.mahidol.ac.th
ใบภาระงานที่ 2.1วิชา การสื่อสารและการนาเสนอ รหัสวิชา I30202 ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4เร่ือง การเขยี นบทความวชิ าการ เวลา 2 ชัว่ โมงผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวัง เขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ เชงิ วิชาการเป็นภาษาไทยความยาว 4,000 คา หรอืภาษาอังกฤษ ความยาว 2,000 คาเนอ้ื หาสาระวิชา 1. การเขียนบทความการศึกษาคน้ ควา้ เชงิ วิชาการงานทม่ี อบหมาย 1. ให้นกั เรียนศกึ ษาใบความรู้ท่ี 2.1 วิชา การสอื่ สารและการนาเสนอ เร่อื ง การเขียนบทความวชิ าการ โดยสามารถศึกษาได้ท่หี นา้ จอคอมพิวเตอร์ของนักเรยี น 2. ใหน้ กั เรยี นสรุปองค์ความรู้เกย่ี วกบั การเขียนบทความวิชาการ และนักเรยี นสง่ คาตอบทางจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกสต์ ามเวลาทค่ี รกู าหนดกาหนดการส่งงาน นกั เรียนมเี วลาในการทางานตามใบภาระงานท่ี 2.1 เปน็ เวลา 2 ช่วั โมง เมอ่ื สรุปองค์ความรู้เสร็จแลว้ สง่ คาตอบทางจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์การประเมนิ ผล1. นักเรียนทางานเสร็จตามเวลาทก่ี าหนด2. นกั เรยี นสรุปองค์ความรไู้ ด้ถกู ต้อง ครบถ้วน อย่างน้อยร้อยละ 80
บนั ทกึ หลงั แผนการจดั การเรยี นรู้ส่วนที่ 1 ผลการเรียนรูข้ องนักเรียนและแนวทางการแก้ปัญหา 1.1 ผลการประเมนิ ด้านความรู้ จำนวนนกั เรียนท้งั หมด………..…..คน ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน..........คน คิดเป็นร้อยละ............. ไม่ผำ่ นเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเป็นรอ้ ยละ………….…… ครไู ดด้ ำเนินกำรแก้ไขปัญหำนกั เรียนที่ไม่ผำ่ นเกณฑ์โดย.......................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.2 ผลการประเมินด้านทกั ษะ/กระบวนการ จำนวนนกั เรยี นทงั้ หมด………..…..คน ผำ่ นเกณฑ์ จำนวน..........คน คิดเปน็ รอ้ ยละ............. ไมผ่ ำ่ นเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเปน็ ร้อยละ………….…… ครไู ด้ดำเนนิ กำรแก้ไขปญั หำนกั เรียนทไี่ ม่ผ่ำนเกณฑโ์ ดย.......................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.3 ผลการประเมนิ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ จำนวนนักเรียนทั้งหมด………..…..คน ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน..........คน คดิ เปน็ ร้อยละ............. ไม่ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเป็นร้อยละ………….…… ครไู ดด้ ำเนนิ กำรแกไ้ ขปญั หำนกั เรยี นทีไ่ มผ่ ่ำนเกณฑโ์ ดย.......................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………สว่ นท่ี 2 ข้อเสนอแนะในการพฒั นานักเรียน 2.1 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.4 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ …………………………………..……………………… ผู้สอน (นำงสำวพฤทธวิ รรณ ช่วงพทิ ักษ์) ……………/………………/………………
ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้ำกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ (ตรวจสอบ/นิเทศ/รบั รอง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..……………..…… (นำยสทุ ธศิ กั ด์ิ เคลือบสงู เนิน) หวั หนำ้ กลุม่ สำระกำรเรยี นรูก้ ำรงำนอำชพี และเทคโนโลยีข้อเสนอแนะของฝ่ำยวิชำกำร (ตรวจสอบ/นิเทศ/รบั รอง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………….………………..…… (นำงจนั ทร์ษำ ชยั วฒั นธรี ำกร) รองผู้อำนวยกำรโรงเรียนกลุ่มบรหิ ำรงำนวิชำกำรขอ้ คิดเห็นและขอ้ เสนอแนะของหัวหนำ้ สถำนศึกษำ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ …………………………………..………………..…… (นำงสำวเฉิดเฉลำ แก้วประเคน) ผ้อู ำนวยกำรโรงเรียนชลกนั ยำนกุ ูล
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 5หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 เรื่อง การเขียนรายงานการศกึ ษาค้นควา้ เชิงวิชาการ รหัสวชิ า I30202รายวิชา การส่อื สารและการนาเสนอ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 2 ชั่วโมงโรงเรยี นชลกันยานุกลู ผู้สอน นางสาวพฤทธิวรรณ ช่วงพิทกั ษ์=========================================================มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั /ผลการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้าเชิงวชิ าการเป็นภาษาไทยความยาว 4,000 คาหรอื ภาษาอังกฤษ ความยาว 2,000 คาสาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้าเชิงวชิ าการ มี 3 ส่วน คือ สว่ นนา ส่วนเน้ือหา ส่วนสรปุประกอบด้วย ชื่อเรอื ง ผู้จัดทา บทคดั ย่อ บทนา จุดประสงค์ นยิ ามศัพท์ วธิ กี ารดาเนนิ งานผลการดาเนนิ งาน สรปุ อภิปรายผล กิตติกรรมประกาศ และบรรณานุกรมสาระการเรียนรู้ ความรู้ สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง องค์ประกอบของรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ ประกอบดว้ ย 3 สว่ น คอื ส่วนหนา้ ส่วนเนือ้ หาและสว่ นหลงั ซึ่งมรี ายละเอยี ด ประกอบด้วย ช่ือเรื่อง ช่ือผู้คน้ ควา้ บทคัดย่อ บทนา จุดประสงค์นยิ ามศัพท์ วธิ กี ารดาเนินงาน ผลการศกึ ษาค้นควา้ สรุปอภิปรายผล กติ ตกิ รรมประกาศ บรรณานกุ รมภาคผนวก ทักษะ/กระบวนการ 1) ทักษะการแสวงหาความรู้ ทกั ษะการทางานรว่ มกัน ทักษะการใชเ้ ทคโนโลยี 2) กระบวนการคิด : การคดิ วเิ คราะห์ การสรปุ ความรู้ กระบวนการกลมุ่ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1) ความสามารถในการคดิ 2) ความสามารถในการสอ่ื สาร 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ 1) มีวนิ ยั 2) ใฝเ่ รยี นรู้ 3) มุ่งมนั่ ในการทางาน 4) มคี วามรบั ผิดชอบ ค่านิยม 12 ประการ 1) มศี ลี ธรรม รกั ษาความสัตย์ 2) รู้จกั ดารงตนอยูโ่ ดยใช้หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3) คานึงถึงประโยชนข์ องสว่ นรวมมากกว่าผลประโยชน์ของตนเองชนิ้ งาน/ภาระงาน ชน้ิ งาน/ภาระงานระหวา่ งเรียน 1) รายงานทางวิชาการหรอื บทความทางวิชาการการวดั และการประเมินผล วธิ ีการ 1) การซักถาม 2) การสงั เกต 3) การตรวจผลงาน เคร่ืองมอื การวัดผล 1) แบบประเมนิ ผลงาน เกณฑ์ 1) ระดบั พอใช้ขึ้นไป
แบบการประเมินชน้ิ งานการสรุปองค์ความรู้ ประเด็น ระดับคะแนน น้าหนกั การประเมนิ จุดเน้น 4 32 11. เนื้อหาสาระ 5 รายละเอียดของ รายละเอียดของ รายละเอียดของ รายละเอยี ดของ2. การสรุปเปน็ เนอ้ื หา ถกู ต้อง เนือ้ หา ถกู ต้อง เนอ้ื หา ถกู ต้อง เนอ้ื หาไม่ครบถว้ น 5ความเรยี งข้ันสูง ครบถว้ นลึกซง้ึ ครบถว้ นลกึ ซ้งึ ครบถ้วนแตไ่ ม่ และไมช่ ัดเจน ชดั เจนครอบคลุม ชดั เจน ชดั เจนเท่าทีค่ วร เทา่ ทีค่ วร 53. การจดั พมิ พ์ หัวข้อ ท่ีกาหนด การสรปุ เน้ือหา ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง ไม่ปฏิบัตติ าม ถูกต้อง กระชบั จนเปน็ นสิ ัย ตรงต่อ ตรงตอ่ เวลา ข้อตกลง ในการทา ชดั เจน มกี าร เวลา รับผิดชอบ รบั ผิดชอบทางาน กิจกรรมต่าง ๆ อา้ งองิ แหลง่ ขอ้ มูล ทางานดว้ ยตนเอง ดว้ ยตนเอง แตต่ อ้ ง แต่ต้องเตือนเปน็ เตอื นบอ่ ยครงั้ มีขอ้ ผดิ พลาดในการ การจัดพิมพค์ า บางคร้ัง จัดพิมพ์ค่อนข้างมาก ถกู ตอ้ ง ขนาด การจัดพิมพ์คา ตัวอักษร และ การจัดพมิ พ์คา ถูกต้อง จดั รูปแบบหวั ข้อ ถกู ตอ้ ง ขนาด ไดเ้ หมาะสม ตวั อักษรเหมาะสมเกณฑ์การตัดสิน/ระดบั คุณภาพ คะแนน 46 – 60 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 31 – 45 หมายถงึ ดี คะแนน 16 – 30 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1 – 15 หมายถงึ ปรับปรงุเกณฑ์การผา่ น ต้งั แตร่ ะดบั พอใช้ขึ้นไป
แบบการประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ประเดน็ ระดบั คะแนน นา้ หนกั การประเมิน จดุ เน้น 4 32 11. มีวินัย 1 ปฏบิ ัติตาม ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง ไมป่ ฏิบัตติ าม2. ใฝเ่ รียนรู้ ขอ้ ตกลง จนเปน็ จนเป็นนิสัย ตรงตอ่ ตรงต่อเวลา ข้อตกลง ในการทา 1 นิสัย ตรงตอ่ เวลา เวลา รบั ผดิ ชอบ รับผิดชอบทางาน กิจกรรมตา่ ง ๆ3. ม่งุ มนั่ รบั ผดิ ชอบทางาน ทางานด้วยตนเอง ดว้ ยตนเอง แตต่ อ้ ง 1ในการทางาน ดว้ ยตนเอง แต่ต้องเตอื นเปน็ เตือนบ่อยครง้ั ศึกษาหาความรูเ้ ป็น บางครั้ง บางครั้ง 14. มคี วาม สนใจศึกษาหารับผิดชอบ ความรอู้ ยา่ ง สนใจศกึ ษาหา สนใจศกึ ษาหา ทางานตามที่ไดร้ ับ 1 สมา่ เสมอและ ความรอู้ ยา่ ง ความรู้อยา่ ง มอบหมาย5.รกั ษส์ ิ่งแวดล้อม สรุปองค์ความรู้ สม่าเสมอและ สรุป สมา่ เสมอ เผยแพรแ่ ก่ผู้สนใจ องคค์ วามรู้ ทางานตามทีไ่ ดร้ บั ตงั้ ใจทางานด้วย มอบหมาย ส่งงานไม่ ความขยัน อดทน ตั้งใจทางานดว้ ย ตง้ั ใจทางาน งาน ครบ และไม่ส่งตาม งานสาเร็จตาม ความขยัน อดทน สาเร็จตามเปา้ หมาย กาหนดเวลา เป้าหมายและเปน็ งานสาเร็จตาม แบบอยา่ งท่ีดี เปา้ หมาย ใชพ้ ลังงานอยา่ งไม่ ทางานตามทีไ่ ดร้ บั ประหยดั และไม่ มอบหมายอยา่ งมี ทางานตามท่ีได้รับ ทางานตามทไี่ ด้รับ คมุ้ ค่า คณุ ภาพ ครบทกุ มอบหมายอยา่ งมี มอบหมายอยา่ งมี ช้นิ และสง่ ตาม คณุ ภาพ ครบทุกช้นิ คุณภาพ ขาดเพียง กาหนดเวลา แต่ไม่สง่ ตาม บางชิ้น และไมส่ ่ง ใช้พลังงานอยา่ ง กาหนดเวลา ตามกาหนดเวลา ประหยัดและ ใชพ้ ลังงานอยา่ ง ใช้พลงั งานอยา่ ง คุ้มคา่ มีการนา ประหยดั และคุม้ ค่า ประหยัดและคุ้มค่า กลบั มาใช้ใหม่ มี มกี ารนากลบั มาใช้ การประยกุ ต์ใช้ ใหม่ วสั ดทุ ี่มีในทอ้ งถ่ินเกณฑ์การตดั สิน/ระดับคุณภาพ คะแนน 16 – 20 หมายถึง ดมี าก คะแนน 12 – 15 หมายถึง ดี คะแนน 10 – 11 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 – 9 หมายถงึ ปรับปรุงเกณฑ์การผ่าน ตงั้ แต่ระดบั พอใช้ขนึ้ ไป
กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันนาเข้าสกู่ ารเรียน 1) ครพู บนักเรียนสนทนา ซักถามเก่ียวกับการเรียนรู้ เรื่อง การเขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้าเชิงวชิ าการ ทผ่ี ่านมา ว่านักเรียนเรยี นร้อู ะไรมาบ้างและนาความรู้ที่ได้ไปใชอ้ ย่างไรบา้ ง 2) ครบู นั ทึกเวลาเรยี นและการประเมินผลการเรียนรู้ 3) ครนู าเสนอตัวอย่าง บทความวิชาการ ตัวอยา่ งรายงานวิชาการ 4) ครูแจ้งผลการเรยี นรู้ ภาระงาน และวธิ กี ารประเมินผลการเรยี นรู้ใหน้ ักเรียนทราบ ขนั้ ศึกษาเรียนรู้ 5) ผสู้ อนนาเสนอความรู้ โดยใชส้ ื่อ PowerPoint: unit2.2 เรอื่ ง การเขียนรายงานการศกึ ษาค้นควา้ เชงิ วิชาการ 6) นักเรียนศึกษาความรู้ จากใบความรู้ที่ 2.2 เร่ือง การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าเชิงวิชาการ จากระบบการจัดการช้นั เรยี นออนไลน์ (ClassStart) วิชา การส่ือสารและการนาเสนอ ตามความถนดั และความสนใจของนกั เรยี น 7) ใหน้ กั เรยี นทางาน ตามใบภาระงานที่ 2.2 เรอ่ื ง การเขียนรายงานการศึกษาคน้ คว้าเชิงวิชาการ 8) สรปุ องค์ความรู้การเขียนรายงานการศึกษาคน้ คว้าเชงิ วิชาการ ขั้นสรุป 9) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปสาระสาคญั จากสาระการเรียนรูท้ ่ีศกึ ษา 10) ครูแทรกคุณธรรม เรอื่ ง การใฝ่รู้ ใฝ่เรียน และความมุ่งม่ันในการทางาน ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ สือ่ การเรียนรู้ 1) ส่ือ PowerPoint: unit unit2.2 เรอ่ื ง การเขียนรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าเชิงวชิ าการ 2) ระบบการจัดการชัน้ เรียนออนไลน์ (ClassStart) จัดทาโดย นางสาวพฤทธิวรรณ ช่วงพทิ ักษ์ 3) ใบความรทู้ ี่ 2.2 เรอ่ื ง การเขียนรายงานการศึกษาคน้ ควา้ เชิงวิชาการ 4) ใบภาระงานที่ 2.2 เรอื่ ง การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าเชงิ วิชาการ 5) เครื่องคอมพวิ เตอร์ 6) เครื่องฉายโปรเจคเตอร์ 7) เครื่องขยายเสียงและไมโครโฟน
แหลง่ เรยี นรู้ 1) ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ โรงเรยี นชลกันยานุกูล 2) เว็บไซต์ www.chonkanya.ac.th เวบ็ ไซต์ โรงเรียนชลกันยานุกูล 3) เว็บไซตท์ ่เี กีย่ วขอ้ งกบั วชิ าการสอื่ สารและการนาเสนอ 4) ห้องสมดุ โรงเรยี นชลกนั ยานุกูลกจิ กรรมเสนอแนะ ให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดทารายทางวิชาการจากส่ือเว็บไซต์www.google.com โดยใช้คาสบื ค้นว่า การเขยี นรายงาน บทความทางวิชาการ หรือวารสารวชิ าการการบูรณาการ การนาความรู้เร่ืองการกาหนดหัวข้อการเขียนรายงานทางวิชาการไปใช้ในการจัดทารายงานวิชาอื่น ๆ ท่ีนักเรียนได้รับมอบหมาย และนาความรู้จากศึกษาค้นคว้าเทคโนโลยีของแต่ละชาติในอาเซียน และการนามาใช้อานวยความสะดวกในการสื่อสารแลกเปลี่ยนในอาเซียน และเปรียบเทียบความเหล่ือมล้าทางด้านเทคโนโลยีเฉพาะภายในประเทศสมาชิกแต่ละชาติและระหว่างประเทศสมาชกิ ไปใช้ในรายวิชาอนื่ ๆ ด้วย และอาจมีการกาหนดหัวขอ้ การศึกษาเก่ียวกับพืชศึกษาในกิจกรรมงานพชื สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนกไ็ ดเ้ ชน่ กัน
สอ่ื PowerPoint: unit2.2รหัสวชิ า I30202 วชิ า การสือสารและการนาํ เสนอ ความหมายของรายงานวิชาการ Communication and Presentation การนําเสนอเร่ืองราวทางวิชาการซ่ึงเปนผลจากการศึกษาคนควา เรือง การเขียนรายงานวชิ าการ เร่ืองใดเรื่องหน่ึงอยางมีระบบ มีการวิเคราะหอยางมีเหตุผล และอางอิง หลักฐานท่ีมาอยาง มหี ลักเกณฑแ ลวนาํ มาเรยี บเรียงอยา งมขี ัน้ ตอน และเขียน หรือพมิ พใ หถ ูกตองตามแบบแผนท่ีกําหนด โดย ครพู ฤทธิวรรณ ชว งพิทักษ ลกั ษณะรายงานวชิ าการที่ดี การใชภ าษาในการเขยี นรายงาน1. มีการนาํ หลกั การและ/หรอื ทฤษฎมี าใช จะตอ งมีการวเิ คราะหเ นื้อหา โดยมี 1. ควรใชภ าษาหรอื สํานวนโวหารเปน ของตนเองที่เขา ใจงา ยและถกู ตองหลักการหรอื ทฤษฎมี ารองรบั อยางเหมาะสม 2. ใชประโยคส้ันๆ ใหไดใ จความชดั เจน สมบูรณ ตรงไปตรงมาไมวกวน2. มกี ารแสดงความคดิ ริเริม่ สรางสรรคอยา งเหมาะสม 3. ใชภาษาที่เปน ทางการไมใชภาษาพดู คาํ ผวน คาํ แสลง อักษรยอ คาํ ยอ3. ความสมบรู ณและความถูกตองของเน้อื หาสาระ ถกู ตอ งในขอเทจ็ จริง 4. ใชคาํ ทีม่ คี วามหมายชัดเจน ละเวนการใชภ าษาฟมุ เฟอ ย การเลนสํานวน4. ความชัดเจนของการเขียนรายงาน ในดานลําดับการเสนอ การนาํ เสนอตาราง 5. ระมดั ระวังในเรื่องการสะกดคาํ การแบง วรรคตอนแผนภมู /ิ ภาพประกอบท้ังนเ้ี พอ่ื ใหก ารนําเสนอเนอ้ื หาชดั เจน เขาใจงาย 6. ระมดั ระวังการแยกคาํ ดว ยเหตุท่ีเน้อื ทใ่ี นบรรทัดไมพอ 7. ใหเขียนเปน ภาษาไทยไมตองมีคําภาษาองั กฤษกาํ กบั ถาเปน คําใหมหรอื ศัพทวิชาการในการเขยี นครง้ั แรกใหก าํ กับภาษาองั กฤษไวใ นวงเลบ็สวนประกอบของรายงานทางวิชาการ 1. ปกนอก 2. ปกใน ตอนตน ตอนกลาง ตอนทา ย 3. บทคัดยอ (ท่มี า วตั ถุประสงค วธิ กี ารดําเนินงาน และผลการดาํ เนินงาน)1. ปกนอก 4. คาํ นํา2. ปกใน 1. บทนํา 1. หนาบอกตอน 5. สารบญั3. คาํ นํา 6. สารบัญตาราง4. สารบญั 2. เอกสารและ 2. บรรณานุกรม 7. สารบญั ภาพ5. สารบัญตาราง รายงานการ 3. ภาคผนวก 8. บทท่ี 1 บทนาํ6. สารบญั ภาพ ศกึ ษาท่ีเกย่ี วของ - แนวคดิ ที่มาและความสาํ คญั 3. วธิ ดี ําเนนิ การศกึ ษา - วตั ถุประสงค - ขอบเขต 4. ผลการศกึ ษา - ดา นเนื้อหา 5. สรุปผล อภิปรายผล - ดา นสถานที่ และขอเสนอแนะ - ดานระยะเวลา - ผลท่ีคาดวา จะไดรบั - นิยามคาํ ศัพท
809. บทท่ี 2 เอกสารทเี่ กีย่ วขอ ง 13. บรรณานุกรม (หนังสอื เวบ็ ไซต) เอกสารทีเ่ กีย่ วขอ งกบั เนอ้ื หาท่ีทํา 14. ภาคผนวก10. บทท่ี 3 วธิ กี ารดาํ เนนิ งาน - ภาพกระบวนการทาํ งาน วัสดุ อปุ กรณ เครือ่ งมือและโปรแกรมท่ใี ช - ประวตั ิสวนตัวผูจ ดั ทาํ - ขั้นตอนการดําเนินงาน11. บทท่ี 4 ผลการดาํ เนินงาน ผลการดําเนินงาน12. บทท่ี 5 สรปุ อภิปรายผล และขอเสนอแนะ ท่ีมาและความสาํ คญั วตั ถปุ ระสงค - สรุปการดาํ เนินการ - ขอเสนอแนะ - ปญหา อปุ สรรคในการทํางาน - ประโยชนท ่ีไดรบัการกาํ หนดหนา กระดาษ การรวบรวมขอ มูล TH SarabunPSK ขนาด 20 หนา แบงตามลกั ษณะขอมูลจะแบง ไดเ ปน 2 ประเภท คือ 1. ขอ มูลเอกสารTH SarabunPSK ขนาด 16 หนา 1) หนังสอื อางองิ (พจนานกุ รม, สารานุกรม, หนังสือประจําป) 2) หนงั สือประเภทท่ัวไป (ตาํ ราหรอื เอกสาร) TH SarabunPSK ขนาด 16 2) ขอ มูลสนาม 1) การสัมภาษณPresent และสงเลม รายงาน ดา นขวาและบน 1 นวิ้ 2) การสงั เกต วันท่ี 8 ธนั วาคม 2559 ดา นซา ยและลาง 1.5 น้ิว 3) การใหกลุมเปา หมายตอบแบบสอบถาม 4) การทดลองบรรณานกุ รมระบบออนไลน (Online)
วิชา การสือ่ สารและการนาเสนอ ใบความรู้ท่ี 2.2 ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4เรอ่ื ง การเขียนรายงานวชิ าการ รหัสวิชา I30202 เวลา 2 ช่ัวโมงความหมายของรายงานวิชาการ รายงานวิชาการ เปน็ การนาเสนอเรอ่ื งราวทางวิชาการซึง่ เป็นผลจากการศึกษาค้นคว้าเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างมีระบบ มีการวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล และอ้างอิงหลักฐานที่มาอย่าง มีหลักเกณฑ์แล้วนามาเรียบเรียงอย่างมขี ้ันตอน และเขียนหรือพิมพ์ให้ถูกตอ้ งตามแบบแผนทก่ี าหนดถือว่ารายงานเป็นสว่ นหนึ่งของการประเมินผลการศกึ ษา รายงานผลของการศึกษาค้นคว้าวิจัยเก่ียวกับเรื่องใดเร่ืองหนึ่งมุ่งเสนอผลท่ไี ด้ตามความเป็นจรงิ ซึ่งตอ้ งทาตามข้นั ตอน มรี ะบบ มีระเบียบแบบแผนท่ีเป็นสากล โดยมีหลักฐานและการอ้างอิงประกอบแล้วเขียนหรือพิมพ์ให้ถูกต้องตามรูปแบบท่ีสถาบันน้ันๆ กาหนดและถือวา่ รายงานเปน็ ส่วนหนง่ึ ของการประเมินผลการเรยี นการสอนของวิชาน้นั ๆ ดว้ ยวัตถุประสงค์ และความสาคญั ของรายงานทางวชิ าการ รายงานมีความสาคญั ต่อผ้ศู ึกษา ดงั ต่อไปน้ี 1. ส่งเสรมิ สนับสนุนให้ผเู้ รียนร้จู ักวิธีการคน้ คว้าหาความรูด้ ้วยตนเอง ในเรื่องท่ี สนใจไดอ้ ยา่ งกว้างขวางลกึ ซึง้ 2. ช่วยให้ผู้เรียนรู้จักแหล่งข้อมูลต่างๆ และเกิดทักษะรู้วิธีการค้นคว้ารวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมลู นน้ั ๆ ไดอ้ ย่างถกู วธิ ี 3. ช่วยฝึกทักษะด้านการอ่าน โดยอ่านได้เร็วอ่านแล้วสามารถจับใจความของเร่ืองท่ีอ่านได้สามารถสรปุ ได้ วิเคราะหไ์ ด้ และจดบันทกึ ได้ 4. ช่วยฝึกทักษะทางด้านการเขียน สามารถสื่อความหมายโดยการเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพรู้ขั้นตอน รู้รูปแบบของการเขียนรายงานแล้วนาเอาหลักการและแบบแผนในการเขียนรายงานไปปรับใช้ในการเขียนงานทางวิชาการอ่ืนๆ ได้ เชน่ ภาคนิพนธ์ สารนิพนธ์ วิทยานิพนธ์ ตาราเป็นต้น 5. ช่วยฝึกทักษะทางด้านการคิด คือสามารถคิดวิเคราะห์เร่ืองราวต่างๆ ได้ โดยใช้วิจารณญาณของตนเองแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผลโดยมีหลักฐานอ้างอิงแล้วรวบรวมเรียบเรียงข้อมลู ความคิดทีไ่ ด้ให้เปน็ เรอ่ื งราวได้อย่างมขี ั้นตอน มีระบบ เป็นระเบียบ 6. สามารถเขียนรายงานประกอบการเรียนได้อย่างถูกต้องตามแบบแผน และเป็นพื้นฐานในการศกึ ษาขั้นสงู ตอ่ ไป
7. ใช้เป็นสว่ นหนึง่ ในการประเมนิ ผลของแตล่ ะวิชาลักษณะของรายงานทีด่ ี 1. มีการนาหลักการและ/หรือทฤษฎีมาใช้อยา่ งเหมาะสมเนอ่ื งจากในการศึกษาค้นควา้ จะต้องมกี ารวเิ คราะห์เน้อื หา โดยมีหลักการหรือทฤษฎีมารองรับอย่างเหมาะสม หลักการหรือทฤษฎีดงั กลา่ วควรเป็นท่ียอมรบั ในแวดวงสาขาวิชาการนัน้ ๆ พอควรและตรงกับเรือ่ งทศี่ กึ ษาค้นคว้า 2. มีการแสดงความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์อย่างเหมาะสม เช่น เสนอแนวทางการแก้ปัญหาที่ไม่เคยมีผ้ทู ามาก่อน หรอื เคยมผี ทู้ าแต่ไม่ชดั เจนเพียงพอ 3. ความสมบูรณ์และความถูกต้องของเน้ือหาสาระ เนื้อหาสาระต้องสมบูรณ์ตามชื่อเรื่องท่ีกาหนด และถูกต้องในข้อเท็จจริง การอ้างอิงท่ีมาหรือแหล่งค้นคว้าต้องถูกต้องเพ่ือแสดงจรรยามารยาทของผู้เขยี น และเป็นแหลง่ ช้ีแนะใหผ้ ู้สนใจได้ติดตามศกึ ษาค้นคว้าต่อไป การคน้ คว้าควรศึกษามาจากหลายแหลง่ 4. ความชัดเจนของการเขียนรายงานจะต้องมีความชัดเจนในด้านลาดับการเสนอเรื่องมีความสามารถในการใช้ภาษา และการนาเสนอตาราง แผนภูมิ/ภาพประกอบท้ังน้ีเพื่อให้การนาเสนอเนอื้ หาชัดเจน เข้าใจง่าย เปน็ ระเบียบไม่ซา้ ซอ้ นสบั สนการใช้ภาษาในการเขียนรายงาน 1. ควรใช้ภาษาหรอื สานวนโวหารเปน็ ของตนเองที่เขา้ ใจงา่ ยและถกู ต้อง 2. ใช้ประโยคสัน้ ๆ ให้ได้ใจความชดั เจน สมบูรณ์ ตรงไปตรงมาไม่วกวน 3. ใช้ภาษาทเี่ ป็นทางการไมใ่ ชภ้ าษาพดู คาผวน คาแสลง อักษรยอ่ คายอ่ 4. ใช้คาท่มี ีความหมายชัดเจน ละเว้นการใช้ภาษาฟมุ่ เฟือย การเล่นสานวน 5. ระมดั ระวังในเรอื่ งการสะกดคา การแบ่งวรรคตอน 6. ระมัดระวังการแยกคาด้วยเหตุที่เนื้อท่ีในบรรทัดไม่พอหรือหมดเน้ือที่ในหน้าที่นั้นเสียก่อนเชน่ ไม่แยกคาวา่ “ละเอียด” ออกเป็น “ละ” ในบรรทดั หนึ่งส่วน “ละเอียด” อยอู่ ีกบรรทัดต่อไปหรือหน้าต่อไป 7. ใหเ้ ขียนเป็นภาษาไทยไม่ตอ้ งมีคาภาษาองั กฤษกากบั ถ้าเป็นคาใหม่หรอื ศัพท์วิชาการในการเขยี นคร้ังแรกใหก้ ากับภาษาองั กฤษไว้ในวงเลบ็ ครัง้ ตอ่ ๆ ไปไม่ตอ้ งกากบั ภาษาอังกฤษ
หลักการเขยี นรายงานทางวิชาการ 1. หลักการเขยี นรายงานทางวิชาการ ส่วนประกอบของรายงานทางวชิ าการ มลี ักษณะ ดังน้ี 1.1 สว่ นประกอบตอนตน้ มสี ว่ นประกอบตามลาดบั ดังน้ี 1.1.1 หน้าปก (ปกนอก) 1.1.2. หน้าชอื่ เรอ่ื ง (ปกใน) 1.1.3. คานา (กิตติกรรมประกาศ) 1.1.4. สารบัญ 1.1.5. สารบญั ตาราง 1.1.6. สารบญั ภาพประกอบ 1.2 ส่วนประกอบตอนกลาง (เนื้อเรื่อง) เป็นส่วนสาคัญท่ีสุดของรายงาน แบ่งแยกเน้ือหาทเ่ี ขยี นเปน็ บทอยา่ งมีระบบระเบียบ ตามลาดับ รายงานทางวิชาการมโี ครงสร้างมาตรฐาน 5 บท คือ บทที่ 1 บทนา บทท่ี 2 เอกสารและรายงานการศกึ ษาท่เี กย่ี วขอ้ ง บทท่ี 3 วิธีดาเนินการศึกษา บทท่ี 4 ผลการศกึ ษา บทที่ 5 สรปุ ผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ นอกจากนี้ ยังมีส่วนประกอบ ที่สาคัญของเนื้อเรื่อง ได้แก่ การอ้างอิงจากการศึกษาค้นคว้า แบบเชงิ อรรถทา้ ยหน้า หรืออา้ งอิงแทรกในเนือ้ หา (นามป)ี ข้อมูลสารสนเทศตารางประกอบแผนภมู ิ ภาพประกอบ
1.3 ส่วนประกอบท้าย ส่วนประกอบท้าย ได้แก่ บรรณานุกรม ภาคผนวก และอภิธานศัพท์ เป็นรายละเอียดเพ่ิมเติมจากเน้ือเรื่อง เช่น การอ้างอิงที่ได้ระบุไว้ในเชิงอรรถ ก็นามาระบุไว้ในบรรณานุกรมท้ายเล่ม รายละเอียดต่าง ๆ เช่น ตารางข้อมูลแผนงานโครงการ บันทึกประจาวนั สาหรบั ผู้สนใจรายละเอียด 2. การใช้ภาษาในการเขยี นรายงาน การใช้ภาษาในการเขียนรายงาน รายงานมลี กั ษณะตอ่ ไปนี้ 1) เป็นงานเขยี นที่เป็นงานเปน็ การ ค่อนข้างจรงิ จัง หนักแน่น 2) การให้ความคิด ความรู้ มากกวา่ เรียงความทวั่ ไป 3) เป็นความเรยี งรอ้ ยแกว้ ใชภ้ าษาเขยี นถกู ตอ้ งตามหลักวิชาการ 4) มหี ลกั ฐาน ข้อเทจ็ จริงอ้างอิงประกอบ 5) ไมต่ อ้ งใชส้ านวนโวหารใหไ้ พเราะเพราะไม่ใชง่ านประพนั ธ์ 6) มคี วามกระชับ รัดกุม กะทัดรัด ชัดเจน ตามท่ีนิยมกนั ตามปกติ 7) ไม่ใช้คาทีอ่ าจมีความหมายไดห้ ลายประการ 8) หลีกเล่ียง การใช้ภาษาพูด ภาษาแสลง หรอื ภาษาตลาด 9) ควรหลีกเล่ียงการใชภ้ าษาท้องถน่ิ 10) ควรเลอื กใชภ้ าษาสามัญทเี่ ข้าใจง่าย 11) ตวั สะกดการนั ต์ถกู ตอ้ งตามพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน 12) การใช้คาศัพท์ เช่น การใช้คาสุภาพ คาราชาศัพท์ คาท่ีใช้กับภิกษุ ล้วนต้อง เลือกใช้ให้ถกู ต้อง ตามหลักการใชภ้ าษา และความนิยมในปัจจุบัน 3. การรวบรวมข้อมูลเพอื่ เขยี นรายงาน หากแบง่ ตามลักษณะขอ้ มลู จะแบ่งไดเ้ ปน็ 2 ประเภท คือ ข้อมูลเอกสารและข้อมลู สนาม 1) ข้อมูลเอกสาร เป็นข้อมูลที่อยู่ในรูปเอกสาร และหลักฐานต่างๆ เป็นข้อมูลท่ีมีผู้ค้นคว้าและบันทึกไว้แล้ว โดยท่ัวไปหนังสือแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ หนังสืออ้างอิง และหนังสือประเภททั่วไป
หนงั สืออ้างองิ มีดังน้ี 1. พจนานกุ รม 2. สารานกุ รม 3. อักขรานกุ รม 4. หนังสอื ประจาปี 5. นามานกุ รม 6. ดรรชนี 7. บรรณานกุ รม หนังสือทั่วไป เป็นหนังสือประเภทตาราหรือเอกสารท่ีใช่เอกสารอ้างอิง หนังสือประเภทน้ีมีอยู่เป็นจานวนมาก วิธีง่ายที่สุดในการเลือกคืออ่านสารบัญว่าหนังสือเล่มน้ันมีประเด็นใดบา้ ง ท่ตี รงกับเนือ้ หาที่ตนตอ้ งการ 2) ข้อมูลสนาม เป็นข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมเองโดยตรง ทาได้หลายวิธี เช่นการสัมภาษณ์ การสังเกต การให้กลุ่มเป้าหมายตอบแบบสอบถาม การทดลอง ฯลฯ ผู้ทารายงานควรพิจารณาเองว่าวธิ ีใดเหมาะสมทส่ี ดุ สาหรบั รายงานเร่ืองน้ัน ๆ 4. การอ้างอิงทางบรรณานกุ รม การอา้ งอิงทางบรรณานุกรม หมายถงึ รายการเอกสาร ส่ิงพิมพ์ หรือส่ืออน่ื ใด ท่ีผู้ผลิตผลงานทางวิชาการใช้อ้างอิงในเอกสารผลงานของตน การแสดงรายการทางบรรณานุกรมไว้ท่ีผลงานของท่านจึงนับเป็นการให้ความเคารพผล งานทางปัญญาที่ผู้อ่ืนได้แสดงไว้ อีกท้ังยังมีประโยชน์ในการแสดงทมี่ าทีไ่ ปขององค์ความรู้ในเร่ืองน้ันๆ ทาให้ผู้สนใจสามารถติดตามพัฒนาการของเรื่อง 4.1. การอ้างอิงแบบแทรกปนในเนื้อหา ซงึ่ มี 2 ระบบ คือ 4.1.1 ระบบนาม - ปี ( Author - date) ระบบนาม - ปี เปน็ ระบบท่ีมชี ื่อผู้แตง่ , ปีทีพ่ ิมพ์ และเลขหน้า ที่อา้ งองิ อยภู่ ายในวงเล็บดงั ตัวอยา่ ง (ชอ่ื ผแู้ ตง่ . ปีที่พมิ พ์ : เลขหนา้ ท่อี ้างอิง) 4.1.2 ระบบหมายเลข (Number System) เปน็ ระบบที่คล้ายคลึงกับระบบนาม -ปี แตร่ ะบบนจ้ี ะใช้หมายเลขแทนช่ือผแู้ ต่งเอกสาร
อ้างอิง มีอยู่ 2 วธิ ี คือ (1) ให้หมายเลขตามลาดบั ของการอา้ งอิง (2) ใหห้ มายเลขตามลาดับอกั ษรผ้แู ตง่ 4.2 บรรณานกุ รม บรรณานุกรม คอื รายชอื่ หนงั สือเอกสาร สิง่ พมิ พต์ า่ ง ๆ รวมท้ังโสตทศั นวัสดุ และสื่ออีเล็กทรอนิกส์ ท่ีนามาเป็นหลักฐานอ้างอิงในการเขียนรายงาน โดยเรียงตามลาดับอักษรไว้ท้ายเร่ืองวธิ เี ขยี นบรรณานกุ รม 1. เขียนไว้ในส่วนท้ายของรายงาน 2. เขียนเรียงลาดับอักษรช่อื ผู้แตง่ ในกรณีที่มที ้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ใหเ้ ขียนบรรณานุกรมภาษาไทยก่อน 3. บรรทัดแรกของบรรณานุกรมชิดดา้ นซ้ายทีเ่ วน้ จากขอบกระดาษเขา้ มา 1.5 น้วิ ถ้ายงั ไม่จบ เม่อื ขน้ึ บรรทัดใหม่โดยย่อหน้าเขา้ มาประมาณ 7 ตวั อักษรของบรรทดั แรก 4. รายละเอยี ดในโครงสร้างรูปแบบบรรณานุกรมหนังสือ มดี ังนี้1. โครงสร้างรปู แบบบรรณานุกรมหนังสอื
1.1 การอา้ งถึงช่อื ผู้แต่ง 1.1.1 ผ้แู ต่งคนเดยี ว 1.1.5 หนังสอื ทไ่ี ม่ปรากฏชอื่ ผแู้ ตง่ ให้ใชช้ ือ่ เรื่องเปน็ รายการแรกแทนชื่อผู้แตง่1.2 รูปแบบของบรรณานกุ รมหนังสือ รูปแบบของบรรณานกุ รม มี 2 แบบ 1.2.1 การอา้ งองิ แยกจากเนอ้ื หาอยทู่ า้ ยของรายงาน 1) การอา้ งอิงเนื้อหาบางบท หรือบางตอน ในหนงั สือเลม่ เดียวจบ ให้ใสช่ ื่อบทหรือตอน ใช้คาว่า “ใน” ตามดว้ ยชอ่ื หนังสือ และระบหุ น้า เมอื งที่พิมพ์ ผรู้ ับผิดชอบในการพิมพ์ 2) การอ้างอิงเน้ือหาบางบท หรอื บางตอน ของหนงั สอื บางเล่มทม่ี หี ลายเล่มจบใช้คาวา่ “ใน” ตามด้วยชื่อหนังสือ ระบเุ ล่ม และหนา้ ตามด้วยเลขหน้าทอ่ี า้ งอิง เมอื งที่พิมพ์ผูร้ บั ผิดชอบในการพมิ พ์
1.2.2 การอ้างองิ แทรกในเน้ือหา 1) เมอื่ ต้องการจะแทรกในเนื้อหาสามารถแทรกวงเล็บพรอ้ มกบั อา้ งอิงได้ทนั ที เมือ่ จบข้อความ 1.1) รายการอา้ งองิ ประกอบด้วย ชอ่ื นามสกุลผูแ้ ต่ง ตามดว้ ยเครอื่ งหมายจลุ ภาค ปีทีพ่ ิมพ์ ตามด้วยเคร่ืองหมายจลุ ภาค หนา้ /เลขหนา้ ทอี่ ้างถึง 1.2) หากไมม่ ีช่อื ผู้แตง่ ให้ใช้ชื่อหนว่ ยงานแต่ง ตามด้วยเคร่อื งหมายจลุ ภาค ปีที่พิมพ์ ตามด้วยเคร่อื งหมายจุลภาค หนา้ /เลขหนา้ ทอี่ า้ งถงึ 1.3) หากไมร่ ะบุปที ี่พมิ พ์ และเลขหน้า ใหใ้ ช้ตัวอักษรย่อ “ม.ป.ป.” ย่อมาจากคาวา่ ไมป่ รากฏเลขหนา้ และระบคุ าว่า ไม่มเี ลขหนา้ ลงไปไดเ้ ลย
2) ถ้าระบุช่ือผู้แต่งลงในเน้ือหาแล้วอ้างต่อทันทีในวงเล็บ ไม่จาเป็นต้องระบุช่ือผู้แตง่ ซ้าอีก 3) การอา้ งถึงเอกสารทไี่ มส่ ามารถค้นหาตน้ ฉบับจรงิ ได้ ให้อา้ งจากเลม่ ทพี่ บ ใช้คาว่า “อ้างถงึ ใน” หากเป็นบทวจิ ารณ์ ใชค้ าว่า “วิจารณใ์ น”2. รูปแบบบรรณานกุ รมเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ระบบออนไลน์ (Online) หรืออินเทอรเ์ น็ต 2.1 เว็บเพจ มผี เู้ ขยี น หรอื มีหน่วยงานรับผดิ ชอบ 2.2 เว็บเพจไม่ปรากฏผเู้ ขียน และปีทจ่ี ดั ทา ใส่ ม.ป.ป. (ไมป่ รากฏปที ่พี มิ พ)์ ท่ีมา: www.prakan2.com
ใบภาระงานท่ี 2.2วชิ า การสื่อสารและการนาเสนอ รหสั วิชา I30202 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4เร่ือง การเขยี นรายงานวิชาการ เวลา 2 ชวั่ โมงผลการเรียนรู้ทคี่ าดหวงั เขยี นรายงานการศึกษาคน้ คว้าเชิงวิชาการเป็นภาษาไทยความยาว 4,000 คา หรือภาษาอังกฤษ ความยาว 2,000 คาเนอ้ื หาสาระวิชา 1. การเขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้าเชงิ วิชาการงานทมี่ อบหมาย 1. ให้นกั เรยี นศกึ ษาใบความรู้ท่ี 2.2 วชิ า การสอื่ สารและการนาเสนอ เรื่อง การเขียนรายงานวิชาการ โดยสามารถศึกษาไดท้ ห่ี นา้ จอคอมพวิ เตอรข์ องนักเรยี น 2. ใหน้ กั เรยี นสรปุ องค์ความรู้เกยี่ วกบั การเขยี นรายงานวชิ าการ และนกั เรยี นสง่ คาตอบทางจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ตามเวลาทค่ี รูกาหนดกาหนดการส่งงาน นักเรียนมีเวลาในการทางานตามใบภาระงานท่ี 2.2 เปน็ เวลา 2 ชั่วโมง เม่ือสรปุ องค์ความรู้เสรจ็ แลว้ สง่ คาตอบทางจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์การประเมินผล1. นักเรียนทางานเสรจ็ ตามเวลาท่กี าหนด2. นักเรยี นสรปุ องค์ความรไู้ ด้ถูกต้อง ครบถว้ น อย่างนอ้ ยร้อยละ 80
บนั ทกึ หลงั แผนการจดั การเรยี นรู้ส่วนที่ 1 ผลการเรียนรูข้ องนักเรียนและแนวทางการแก้ปัญหา 1.1 ผลการประเมนิ ด้านความรู้ จำนวนนกั เรียนท้งั หมด………..…..คน ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน..........คน คิดเป็นร้อยละ............. ไม่ผำ่ นเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเป็นรอ้ ยละ………….…… ครไู ดด้ ำเนินกำรแก้ไขปัญหำนกั เรียนที่ไม่ผำ่ นเกณฑ์โดย.......................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.2 ผลการประเมินด้านทกั ษะ/กระบวนการ จำนวนนกั เรยี นทงั้ หมด………..…..คน ผำ่ นเกณฑ์ จำนวน..........คน คิดเปน็ รอ้ ยละ............. ไมผ่ ำ่ นเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเปน็ ร้อยละ………….…… ครไู ด้ดำเนนิ กำรแก้ไขปญั หำนกั เรียนทไี่ ม่ผ่ำนเกณฑโ์ ดย.......................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.3 ผลการประเมนิ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ จำนวนนักเรียนทั้งหมด………..…..คน ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน..........คน คดิ เปน็ ร้อยละ............. ไม่ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเป็นร้อยละ………….…… ครไู ดด้ ำเนนิ กำรแกไ้ ขปญั หำนกั เรยี นทีไ่ มผ่ ่ำนเกณฑโ์ ดย.......................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………สว่ นท่ี 2 ข้อเสนอแนะในการพฒั นานักเรียน 2.1 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.4 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ …………………………………..……………………… ผู้สอน (นำงสำวพฤทธวิ รรณ ช่วงพทิ ักษ์) ……………/………………/………………
ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้ำกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ (ตรวจสอบ/นิเทศ/รบั รอง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..……………..…… (นำยสทุ ธศิ กั ด์ิ เคลือบสงู เนิน) หวั หนำ้ กลุม่ สำระกำรเรยี นรูก้ ำรงำนอำชพี และเทคโนโลยีข้อเสนอแนะของฝ่ำยวิชำกำร (ตรวจสอบ/นิเทศ/รบั รอง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………….………………..…… (นำงจนั ทร์ษำ ชยั วฒั นธรี ำกร) รองผู้อำนวยกำรโรงเรียนกลุ่มบรหิ ำรงำนวิชำกำรขอ้ คิดเห็นและขอ้ เสนอแนะของหัวหนำ้ สถำนศึกษำ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ …………………………………..………………..…… (นำงสำวเฉิดเฉลำ แก้วประเคน) ผ้อู ำนวยกำรโรงเรียนชลกนั ยำนกุ ูล
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 6หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 เรื่อง การเขียนรายงานการศกึ ษาค้นควา้ เชิงวิชาการ รหัสวชิ า I30202รายวิชา การส่อื สารและการนาเสนอ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 2 ชั่วโมงโรงเรยี นชลกันยานุกลู ผู้สอน นางสาวพฤทธิวรรณ ช่วงพิทกั ษ์=========================================================มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั /ผลการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้าเชิงวชิ าการเป็นภาษาไทยความยาว 4,000 คาหรอื ภาษาอังกฤษ ความยาว 2,000 คาสาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้าเชิงวชิ าการ มี 3 ส่วน คือ สว่ นนา ส่วนเน้ือหา ส่วนสรปุประกอบด้วย ชื่อเรอื ง ผู้จัดทา บทคดั ย่อ บทนา จุดประสงค์ นยิ ามศัพท์ วธิ กี ารดาเนนิ งานผลการดาเนนิ งาน สรปุ อภิปรายผล กิตติกรรมประกาศ และบรรณานุกรมสาระการเรียนรู้ ความรู้ สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง องค์ประกอบของรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ ประกอบดว้ ย 3 สว่ น คอื ส่วนหนา้ ส่วนเนือ้ หาและสว่ นหลงั ซึ่งมรี ายละเอยี ด ประกอบด้วย ช่ือเรื่อง ช่ือผู้คน้ ควา้ บทคัดย่อ บทนา จุดประสงค์นยิ ามศัพท์ วธิ กี ารดาเนินงาน ผลการศกึ ษาค้นควา้ สรุปอภิปรายผล กติ ตกิ รรมประกาศ บรรณานกุ รมภาคผนวก ทักษะ/กระบวนการ 1) ทักษะการแสวงหาความรู้ ทกั ษะการทางานรว่ มกัน ทักษะการใชเ้ ทคโนโลยี 2) กระบวนการคิด : การคดิ วเิ คราะห์ การสรปุ ความรู้ กระบวนการกลมุ่ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1) ความสามารถในการคดิ 2) ความสามารถในการสอ่ื สาร 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ 1) มีวนิ ยั 2) ใฝเ่ รยี นรู้ 3) มุ่งมนั่ ในการทางาน 4) มคี วามรบั ผิดชอบ ค่านิยม 12 ประการ 1) มศี ลี ธรรม รกั ษาความสัตย์ 2) รู้จกั ดารงตนอยูโ่ ดยใช้หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3) คานึงถึงประโยชนข์ องสว่ นรวมมากกว่าผลประโยชน์ของตนเองชนิ้ งาน/ภาระงาน ชน้ิ งาน/ภาระงานระหวา่ งเรียน 1) รายงานทางวิชาการหรอื บทความทางวิชาการการวดั และการประเมินผล วธิ ีการ 1) การซักถาม 2) การสงั เกต 3) การตรวจผลงาน เคร่ืองมอื การวัดผล 1) แบบประเมนิ ผลงาน เกณฑ์ 1) ระดบั พอใช้ขึ้นไป
แบบการประเมนิ ช้ินงานรายงานทางวิชาการหรือบทความทางวิชาการ ประเด็น ระดับคะแนน นา้ หนกั การประเมิน จดุ เน้น 4 32 11. เนื้อหาสาระ 5 รายละเอยี ดของ รายละเอยี ดของ รายละเอยี ดของ รายละเอียดของ2. การสรปุ เป็น เนื้อหา ถกู ตอ้ ง เน้ือหา ถกู ตอ้ ง เนือ้ หา ถกู ต้อง เนือ้ หาไม่ครบถ้วน 5ความเรียงขั้นสงู ครบถว้ นลึกซ้งึ ครบถ้วนลกึ ซึง้ ครบถ้วนแต่ไม่ และไมช่ ัดเจน ชัดเจนครอบคลมุ ชดั เจน ชดั เจนเทา่ ทีค่ วร เทา่ ท่คี วร 53. การจัดพมิ พ์ หัวข้อ ทก่ี าหนด การสรปุ เนื้อหา ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง ไมป่ ฏบิ ตั ติ าม ถูกตอ้ ง กระชับ จนเปน็ นิสยั ตรงตอ่ ตรงต่อเวลา ขอ้ ตกลง ในการทา ชัดเจน มกี าร เวลา รบั ผดิ ชอบ รับผิดชอบทางาน กิจกรรมต่าง ๆ อา้ งอิงแหล่งข้อมูล ทางานด้วยตนเอง ด้วยตนเอง แต่ต้อง แตต่ ้องเตอื นเป็น เตอื นบอ่ ยครง้ั มีขอ้ ผิดพลาดในการ การจดั พมิ พ์คา บางครง้ั จัดพมิ พ์คอ่ นข้างมาก ถกู ต้อง ขนาด การจัดพิมพ์คา ตัวอักษร และ การจดั พิมพ์คา ถูกต้อง จัดรปู แบบหวั ข้อ ถูกตอ้ ง ขนาด ไดเ้ หมาะสม ตัวอกั ษรเหมาะสมเกณฑ์การตดั สนิ /ระดบั คุณภาพ คะแนน 46 – 60 หมายถึง ดีมาก คะแนน 31 – 45 หมายถงึ ดี คะแนน 16 – 30 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 – 15 หมายถึง ปรับปรุงเกณฑ์การผา่ น ตั้งแตร่ ะดับพอใช้ข้ึนไป
แบบการประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ประเดน็ ระดบั คะแนน นา้ หนกั การประเมิน จดุ เน้น 4 32 11. มีวินัย 1 ปฏบิ ัติตาม ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง ไมป่ ฏิบัตติ าม2. ใฝเ่ รียนรู้ ขอ้ ตกลง จนเปน็ จนเป็นนิสัย ตรงตอ่ ตรงต่อเวลา ข้อตกลง ในการทา 1 นิสัย ตรงตอ่ เวลา เวลา รบั ผดิ ชอบ รับผิดชอบทางาน กิจกรรมตา่ ง ๆ3. ม่งุ มนั่ รบั ผดิ ชอบทางาน ทางานด้วยตนเอง ดว้ ยตนเอง แตต่ อ้ ง 1ในการทางาน ดว้ ยตนเอง แต่ต้องเตอื นเปน็ เตือนบ่อยครง้ั ศึกษาหาความรูเ้ ป็น บางครั้ง บางครั้ง 14. มคี วาม สนใจศึกษาหารับผิดชอบ ความรอู้ ยา่ ง สนใจศกึ ษาหา สนใจศกึ ษาหา ทางานตามที่ไดร้ ับ 1 สมา่ เสมอและ ความรอู้ ยา่ ง ความรู้อยา่ ง มอบหมาย5.รกั ษส์ ิ่งแวดล้อม สรุปองค์ความรู้ สม่าเสมอและ สรุป สมา่ เสมอ เผยแพรแ่ ก่ผู้สนใจ องคค์ วามรู้ ทางานตามทีไ่ ดร้ บั ตงั้ ใจทางานด้วย มอบหมาย ส่งงานไม่ ความขยัน อดทน ตั้งใจทางานดว้ ย ตง้ั ใจทางาน งาน ครบ และไม่ส่งตาม งานสาเร็จตาม ความขยัน อดทน สาเร็จตามเปา้ หมาย กาหนดเวลา เป้าหมายและเปน็ งานสาเร็จตาม แบบอยา่ งท่ีดี เปา้ หมาย ใชพ้ ลังงานอยา่ งไม่ ทางานตามทีไ่ ดร้ บั ประหยดั และไม่ มอบหมายอยา่ งมี ทางานตามท่ีได้รับ ทางานตามทไี่ ด้รับ คมุ้ ค่า คณุ ภาพ ครบทกุ มอบหมายอยา่ งมี มอบหมายอยา่ งมี ช้นิ และสง่ ตาม คณุ ภาพ ครบทุกช้นิ คุณภาพ ขาดเพียง กาหนดเวลา แต่ไม่สง่ ตาม บางชิ้น และไมส่ ่ง ใช้พลังงานอยา่ ง กาหนดเวลา ตามกาหนดเวลา ประหยัดและ ใชพ้ ลังงานอยา่ ง ใช้พลงั งานอยา่ ง คุ้มคา่ มีการนา ประหยดั และคุม้ ค่า ประหยัดและคุ้มค่า กลบั มาใช้ใหม่ มี มกี ารนากลบั มาใช้ การประยกุ ต์ใช้ ใหม่ วสั ดทุ ี่มีในทอ้ งถ่ินเกณฑ์การตดั สิน/ระดับคุณภาพ คะแนน 16 – 20 หมายถึง ดมี าก คะแนน 12 – 15 หมายถึง ดี คะแนน 10 – 11 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 – 9 หมายถงึ ปรับปรุงเกณฑ์การผ่าน ตงั้ แต่ระดบั พอใช้ขนึ้ ไป
กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้นั นาเขา้ สกู่ ารเรียน 1) ครพู บนักเรียนสนทนา ซักถามเก่ยี วกบั การเรยี นรู้ เร่ือง การเขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้าเชิงวชิ าการ ทผี่ ่านมา ว่านกั เรียนเรียนรอู้ ะไรมาบ้างและนาความรู้ท่ีได้ไปใชอ้ ย่างไรบ้าง 2) ครบู ันทึกเวลาเรยี นและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ 3) ครแู จง้ ผลการเรียนรู้ ภาระงาน และวธิ ีการประเมินผลการเรยี นรู้ใหน้ ักเรียนทราบ ขนั้ ศกึ ษาเรยี นรู้ 4) ใหน้ กั เรียนทางาน ตามใบภาระงานที่ 2. 3 เรอื่ ง การเขียนรายงานวชิ าการ ขน้ั สรุป 5) ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรุปสาระสาคัญจากสาระการเรียนรทู้ ่ศี กึ ษา 6) ครูแทรกคุณธรรม เรือ่ ง การใฝ่รู้ ใฝเ่ รยี น และความมุ่งมั่นในการทางาน สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ สื่อการเรยี นรู้ 1) ระบบการจัดการชนั้ เรยี นออนไลน์ (ClassStart) จัดทาโดย นางสาวพฤทธิวรรณ ชว่ งพทิ ักษ์ 2) ใบภาระงานท่ี 2. 3 เรอ่ื ง การเขียนรายงานวชิ าการ 3) เคร่ืองคอมพิวเตอร์ 4) เครอ่ื งฉายโปรเจคเตอร์ 5) เครอ่ื งขยายเสียงและไมโครโฟน แหลง่ เรียนรู้ 1) ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โรงเรยี นชลกันยานุกลู 2) เวบ็ ไซต์ www.chonkanya.ac.th เว็บไซต์ โรงเรยี นชลกันยานุกลู 3) เว็บไซตท์ เี่ ก่ยี วขอ้ งกบั วิชาการสื่อสารและการนาเสนอ 4) หอ้ งสมดุ โรงเรยี นชลกนั ยานกุ ูลกจิ กรรมเสนอแนะ ให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการจัดทารายทางวิชาการจากส่ือเว็บไซต์www.google.com โดยใชค้ าสืบคน้ วา่ การเขยี นรายงาน บทความทางวชิ าการ หรอื วารสารวชิ าการ
การบูรณาการ การนาความรู้เร่ืองการกาหนดหัวข้อการเขียนรายงานทางวิชาการไปใช้ในการจัดทารายงานวิชาอ่ืน ๆ ที่นักเรียนได้รับมอบหมาย และนาความรู้จากศึกษาค้นคว้าเทคโนโลยีของแต่ละชาติในอาเซียน และการนามาใช้อานวยความสะดวกในการส่ือสารแลกเปล่ียนในอาเซียน และเปรียบเทียบความเหลื่อมล้าทางด้านเทคโนโลยีเฉพาะภายในประเทศสมาชิกแต่ละชาติและระหว่างประเทศสมาชกิ ไปใช้ในรายวิชาอื่น ๆ ด้วย และอาจมีการกาหนดหวั ขอ้ การศึกษาเกีย่ วกับพืชศึกษาในกิจกรรมงานพชื สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นก็ไดเ้ ชน่ กัน
ใบภาระงานท่ี 2.3วิชา การสือ่ สารและการนาเสนอ รหัสวิชา I30202 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4เรอ่ื ง การเขียนบทความวิชาการ เวลา 2 ชว่ั โมงผลการเรียนรทู้ ีค่ าดหวงั เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าเชิงวชิ าการเปน็ ภาษาไทยความยาว 4,000 คา หรอืภาษาอังกฤษ ความยาว 2,000 คาเนือ้ หาสาระวิชา 1. การเขยี นบทความการศึกษาคน้ ควา้ เชิงวิชาการ และรายงานการศึกษาคน้ คว้าเชิงวชิ าการงานท่มี อบหมาย 1. ให้นักเรยี นแบง่ กลุ่มๆ ละ 4 คน และเสนอหวั ข้อของรายงานวิชาการท่นี ักเรยี นสนใจแก่ครผู ู้สอน เพ่ือพิจารณาหวั ข้อ2. ให้นักเรียนจดั ทารายงานวิชาการตามหวั ข้อทนี่ ักเรียนได้เสนอ ไม่เกนิ 20 หนา้ 3. ใหน้ กั เรยี นจดั ทาสื่อการนาเสนอ (PowerPoint) มานาเสนอตามหวั ข้อที่นักเรยี นไดจ้ ดั ทารายงานวชิ าการกาหนดการส่งงานนักเรยี นมีเวลาในการทางานตามใบภาระงานท่ี 2.3 เป็นเวลา 2 ชัว่ โมงการประเมนิ ผล1. นกั เรยี นทางานเสรจ็ ตามเวลาทก่ี าหนด2. นักเรยี นจัดทารายงานวิชาการและนาเสนอได้ถูกตอ้ งตามทีก่ าหนด
บนั ทกึ หลงั แผนการจดั การเรยี นรู้ส่วนที่ 1 ผลการเรียนรูข้ องนักเรียนและแนวทางการแก้ปัญหา 1.1 ผลการประเมนิ ด้านความรู้ จำนวนนกั เรียนท้งั หมด………..…..คน ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน..........คน คิดเป็นร้อยละ............. ไม่ผำ่ นเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเป็นรอ้ ยละ………….…… ครไู ดด้ ำเนินกำรแก้ไขปัญหำนกั เรียนที่ไม่ผำ่ นเกณฑ์โดย.......................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.2 ผลการประเมินด้านทกั ษะ/กระบวนการ จำนวนนกั เรยี นทงั้ หมด………..…..คน ผำ่ นเกณฑ์ จำนวน..........คน คิดเปน็ รอ้ ยละ............. ไมผ่ ำ่ นเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเปน็ ร้อยละ………….…… ครไู ด้ดำเนนิ กำรแก้ไขปญั หำนกั เรียนทไี่ ม่ผ่ำนเกณฑโ์ ดย.......................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.3 ผลการประเมนิ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ จำนวนนักเรียนทั้งหมด………..…..คน ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน..........คน คดิ เปน็ ร้อยละ............. ไม่ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเป็นร้อยละ………….…… ครไู ดด้ ำเนนิ กำรแกไ้ ขปญั หำนกั เรยี นทีไ่ มผ่ ่ำนเกณฑโ์ ดย.......................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………สว่ นท่ี 2 ข้อเสนอแนะในการพฒั นานักเรียน 2.1 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.4 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ …………………………………..……………………… ผู้สอน (นำงสำวพฤทธวิ รรณ ช่วงพทิ ักษ์) ……………/………………/………………
ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้ำกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ (ตรวจสอบ/นิเทศ/รบั รอง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..……………..…… (นำยสทุ ธศิ กั ด์ิ เคลือบสงู เนิน) หวั หนำ้ กลุม่ สำระกำรเรยี นรูก้ ำรงำนอำชพี และเทคโนโลยีข้อเสนอแนะของฝ่ำยวิชำกำร (ตรวจสอบ/นิเทศ/รบั รอง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………….………………..…… (นำงจนั ทร์ษำ ชยั วฒั นธรี ำกร) รองผู้อำนวยกำรโรงเรียนกลุ่มบรหิ ำรงำนวิชำกำรขอ้ คิดเห็นและขอ้ เสนอแนะของหัวหนำ้ สถำนศึกษำ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ …………………………………..………………..…… (นำงสำวเฉิดเฉลำ แก้วประเคน) ผ้อู ำนวยกำรโรงเรียนชลกนั ยำนกุ ูล
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 7หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 เรื่อง การเขียนรายงานการศกึ ษาค้นควา้ เชิงวิชาการ รหัสวชิ า I30202รายวิชา การส่อื สารและการนาเสนอ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 2 ชั่วโมงโรงเรยี นชลกันยานุกลู ผู้สอน นางสาวพฤทธิวรรณ ช่วงพิทกั ษ์=========================================================มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั /ผลการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้าเชิงวชิ าการเป็นภาษาไทยความยาว 4,000 คาหรอื ภาษาอังกฤษ ความยาว 2,000 คาสาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้าเชิงวชิ าการ มี 3 ส่วน คือ สว่ นนา ส่วนเน้ือหา ส่วนสรปุประกอบด้วย ชื่อเรอื ง ผู้จัดทา บทคดั ย่อ บทนา จุดประสงค์ นยิ ามศัพท์ วธิ กี ารดาเนนิ งานผลการดาเนนิ งาน สรปุ อภิปรายผล กิตติกรรมประกาศ และบรรณานุกรมสาระการเรียนรู้ ความรู้ สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง องค์ประกอบของรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ ประกอบดว้ ย 3 สว่ น คอื ส่วนหนา้ ส่วนเนือ้ หาและสว่ นหลงั ซึ่งมรี ายละเอยี ด ประกอบด้วย ช่ือเรื่อง ช่ือผู้คน้ ควา้ บทคัดย่อ บทนา จุดประสงค์นยิ ามศัพท์ วธิ กี ารดาเนินงาน ผลการศกึ ษาค้นควา้ สรุปอภิปรายผล กติ ตกิ รรมประกาศ บรรณานกุ รมภาคผนวก ทักษะ/กระบวนการ 1) ทักษะการแสวงหาความรู้ ทกั ษะการทางานรว่ มกัน ทักษะการใชเ้ ทคโนโลยี 2) กระบวนการคิด : การคดิ วเิ คราะห์ การสรปุ ความรู้ กระบวนการกลมุ่ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1) ความสามารถในการคดิ 2) ความสามารถในการสอ่ื สาร 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ 1) มีวนิ ยั 2) ใฝเ่ รยี นรู้ 3) มุ่งมนั่ ในการทางาน 4) มคี วามรบั ผิดชอบ ค่านิยม 12 ประการ 1) มศี ลี ธรรม รกั ษาความสัตย์ 2) รู้จกั ดารงตนอยูโ่ ดยใช้หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3) คานึงถึงประโยชนข์ องสว่ นรวมมากกว่าผลประโยชน์ของตนเองชนิ้ งาน/ภาระงาน ชน้ิ งาน/ภาระงานระหวา่ งเรียน 1) รายงานทางวิชาการหรอื บทความทางวิชาการการวดั และการประเมินผล วธิ ีการ 1) การซักถาม 2) การสงั เกต 3) การตรวจผลงาน เคร่ืองมอื การวัดผล 1) แบบประเมนิ ผลงาน เกณฑ์ 1) ระดบั พอใช้ขึ้นไป
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240