Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การสืบพันธุ์ของพืช

การสืบพันธุ์ของพืช

Published by Arthinan Racha-art, 2021-09-05 11:07:06

Description: การสืบพันธุ์ของพืช

Search

Read the Text Version

หนังสือเรยี นอเิ ล็กทรอนิกส์ รายวชิ าพ้นื ฐานวิชา ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 เรยี บเรยี งโดย นักศกึ ษาชั้นปที ี่ 4 คณะครุศาสตร์สาขาวิชาวทิ ยาศาสตรท์ ่ัวไป มหาวิทยาลัยราชภฏั สวนสนุ ันทา

เอกสารประกอบการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 เรอ่ื ง การสืบพนั ธ์ขุ องพืช ตามมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวดั กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560) จัดทำโดย นางสาวณภัสร ปวรางกูร รหัสนักศกึ ษา 61131113037 นางสาวพรรษิณี กะตะศลิ า รหัสนักศกึ ษา 61131113056 นางสาวจินตนา มหงิ ษา รหสั นักศึกษา 61131113060 นายอาทนิ นั ท์ ราชาอาจ รหัสนักศึกษา 61131113065 นางสาวสริ ินารถ พวงสวัสด์ิ รหสั นักศึกษา 61131113066 หม่เู รยี น 02 สาขาวชิ าวิทยาศาสตร์ท่วั ไป คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏสวนสนุ ันทา

คำนำ เอกสารประกอบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จัดทำเพื่อใช้ประกอบในกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วยเอกสารประกอบการเรียน 1 เล่ม เรื่องการสืบพันธุ์ของ พืช กล่าวถึง การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืช โครงสร้างของพืชดอก การชนิดแบ่งชนิดของดอก กระบวนการ สืบพันธุ์ การกระจายของเมล็ด และการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของพืช โดยรวมเนื้อหาสาระให้เหมาะสมกับวัย ของนักเรียน ช่วยให้อ่านและเข้าใจได้ง่าย รวมทั้งมีภาพประกอบและคำบรรยาย ทำให้นักเรียนได้รับความ สนกุ สนานไปพร้อมกับการเรียนรู้ ผูจ้ ัดทำหวงั เปน็ อย่างย่งิ ว่า เอกสารประกอบการเรียนเล่มน้ีจะเปน็ ประโยชน์ตอ่ ครูผู้สอน นักเรียน และผู้ที่ สนใจในการศกึ ษาคนพาเพ่มิ เตมิ ดว้ ยตนเอง ผู้จัดทำ

สารบญั หนา้ เร่ือง 1 คำนำ 1 มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ช้วี ดั 2 สาระสำคญั 5 การสืบพันธ์ขุ องพชื 12 การสบื พนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศของพืช 14 - โครงสรา้ งของพืชดอก 15 - การชนดิ แบ่งชนดิ ของดอก 16 - กระบวนการสืบพนั ธ์ุ 18 การสบื พันธุแ์ บบไม่อาศยั เพศของพืช 20 แบบฝึกหดั - แบบฝึกหัดท่ี 1 - แบบฝึกหดั ที่ 2 - แบบฝกึ หดั ท่ี 3 - แบบฝึกหัดท่ี 4 - แบบฝกึ หดั ที่ 5 เฉลยแบบฝกึ หดั บรรณานุกรม



สาระสำคญั การสบื พนั ธ์ุ (reproduction) เปน็ กระบวนการท่ีส่งิ มชี วี ิตใชใ้ นการดำรงพันธ์ุ เพือ่ ไมใ่ หส้ ูญพนั ธ์ุ การ สืบพันธุ์ของพชื จะมวี ิธที แ่ี ตกต่างกันออกไป แต่สามารถเเบ่งออกเปน็ 2 ประเภทคอื การสืบพนั ธุแ์ บบอาศัย เพศและการสืบพนั ธ์แุ บบไมอ่ าศัยเพศ การสืบพนั ธ์ุแบบอาศยั เพศ (sexual reproduction) ดอก ทำหนา้ ที่สรา้ งเซลลส์ ืบพันธุ์ เซลลส์ ืบพันธ์ุ เพศผู้ เรยี กว่า สเปริ ม์ อยู่ที่ละอองเรณู สว่ นเซลลส์ บื พันธ์เุ พศเมีย คือ เซลลไ์ ข่อยใู่ นออวลุ ภายในรงั ไข่ การสบื พนั ธุ์แบบไม่อาศยั เพศ (asexual reproduction) เป็นการสืบพนั ธ์ทุ ี่ใชส้ ่วนต่าง ๆ ของพชื มี หลายวธิ ี คอื การไหล การแตกหน่อ การสรา้ งสปอร์ การงอกใหม่ของราก ใบ กง่ิ ลำต้น และการกระทำของ มนษุ ย์

1 1.การสืบพันธ์แุ บบอาศัยเพศของพืช การสบื พนั ธ์ุของพชื คืออะไรนะ ? การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ (sexual reproduction) เป็นการ สืบพันธุ์ที่เกิดจากการผสมระหว่างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเซลล์สืบพันธุ์เพศ เมีย เรียกว่า การปฏิสนธิ (fertilization) ดังนั้นในการสืบพันธุ์แบบอาศัย เพศของพืชจึงจะตอ้ งมีการสรา้ งเซลล์สบื พนั ธุ์ พชื ดอกมีการสบื พนั ธแุ์ บบอาศัยเพศ โดยดอกทำหน้าท่สี รา้ งเซลล์ สืบพนั ธซุ์ ่งึ มีทางเซลลส์ ืบพันธ์ุเพศผ้ทู ีเ่ รียกวา่ สเปิร์ม (sperm) อยู่ที่ ละอองเรณู และเซลล์สืบพันธ์เุ พศเมียที่ เรยี กวา่ เซลล์ไข่ (egg cell) 1.1 โครงสร้างของดอก ดอกไม้ (Flower) คือ อวัยวะส่วนสำคัญที่ทำหน้าที่ ในการสืบพันธุ์ของพืชดอก (Angiosperm) เป็นส่วน โครงสร้างของพชื ที่พัฒนามาจากก่ิงและใบ ดอกไม้แต่ละดอก มักมีขนาด รูปร่าง และสีสันแตกต่างกันไปตามชนิดของพันธ์ุ พืช ดอกมีส่วนประกอบสำคัญอยู่ 4 ส่วน โดยจะเรียงลำดับ จากส่วนนอกสุดเข้าไป คือ กลีบเกลี้ยง กลีบดอก เกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมยี ส่วนประกอบของดอกไม้

2 สว่ นประกอบสำคัญของดอก มดี งั น้ี 1) กลีบเลี้ยง (Sepal) เป็นส่วนที่อยู่นอกสุด 2) กลีบดอก (Petal) เปน็ สว่ นทอี่ ยู่ มีสีเขียว เนื่องจากเปลี่ยนแปลงมาจากใบ ถัดจากกลบี เลยี้ งเข้าไปดา้ นใน มักมสี สี นั สดใส ทำหนา้ ทหี่ ุ้มและป้องกนั ดอกตมู มีกล่ินและมตี อ่ มน้ำหวานตรงโคนกลบี ดอก เพือ่ ทำหนา้ ทลี่ ่อแมลงให้มาช่วยผสมเกสร 3) เกสรตัวผู้ (Stamen) เป็นอวัยวะสืบพนั ธุเ์ พศ ผู้ ทำหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ มีส่วนประกอบที่ 4) เกสรตัวเมีย (Pistil) เปน็ อวัยวะ สำคัญ คือ ก้านเกสรเพศผู้ และอับเรณูซึ่งเป็นที่สร้างและ สืบพนั ธเุ์ พศเมีย ทำหนา้ ทีส่ รา้ งเซลล์สืบพนั ธ์ุ เก็บละอองเรณู เพศเมยี คือเซลลไ์ ข่ มีส่วนประกอบท่สี ำคัญ คือ ยอดเกสรเพศเมียกา้ นเกสรเพศเมยี และรงั ไข่ ภายในรงั ไขม่ ีออวลุ ซ่ึงเปน็ ท่ีอยขู่ องเซลล์ไข่ 1.2 การแบ่งชนิดของดอก การแบ่งชนิดของดอกสามารถแบง่ ได้ 2 แบบ คือ ใชส้ ่วนประกอบของดอกเป็นเกณฑ์ และใชอ้ วยั วะ สบื พันธุ์ของพชื เปน็ เกณฑ์ 1) ใช้ส่วนประกอบของดอกเปน็ เกณฑ์ สามารถแบง่ ชนดิ ของดอกออกเปน็ 2 ประเภท คือ ดอกครบส่วนและดอกไม่ครบส่วน 1.1) ดอกครบส่วน (Complete flower) ดอกชบา เป็นดอกที่มีส่วนประกอบครบทั้ง 4 ส่วน คือ กลีบ ดอกบัว เลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย อยู่ภายในดอกเดียวกัน เช่น ดอกกุหลาบ ดอก พู่ระหง ดอกชบา ดอกมะเขือ ดอกบัว ดอกต้อยติ่ง

3 1.2) ดอกไมค่ รบส่วน (Incomplete flower) ถ้าเปน็ ดอกที่มสี ว่ นประกอบไมค่ รบ 4 สว่ น เน่อื งจากขาดส่วนใดสว่ นหนงึ่ ไป เช่น ดอกตำลงึ ดอกขา้ วโพด ดอกมะพร้าว ดอกทอง ดอกจำปี ดอกบวบ ดอกมะยม และดอกแตงชนดิ ตา่ ง ๆ ดอกจำปี ดอกตำลึง 2) ใช้อวัยวะสืบพนั ธ์ุของพชื เป็นเกณฑ์ สามารถแบง่ ชนิดของดอกออกเปน็ 2 ประเภท คือ ดอกสมบรู ณเ์ พศ และดอกไมส่ มบรู ณเ์ พศ 2.1) ดอกสมบรู ณเ์ พศ (Perfect flower) เปน็ ดอกทมี่ ีอวยั วะสืบพันธุค์ รบ คอื มีท้ังเกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมียอย่ภู ายในดอกเดยี วกัน ได้แก่ ดอก ครบส่วนทุกชนดิ และดอกไม่ครบสว่ นบางชนิดท่ีไมม่ ี กลีบเลีย้ งหรือไม่มีกลบี ดอก แต่มีเกสรเพศผู้และเกสร เพศเมยี อยู่ภายในดอกเดยี วกัน ตวั อยา่ งดอกสมบูรณ์ เพศ เช่น ดอกกุหลาบ ดอกพู่ระหง ดอกชบา ดอก ถั่ว ดอกกลว้ ยไม้ ดอกกล้วยไม้

4 2.2) ดอกไม่สมบูรณเ์ พศ (Imperfect flower) เปน็ ดอกท่ีมีอวัยวะสืบพนั ธ์ไุ ม่ครบในดอก เดยี วกนั คือ มเี กสรเพศผู้หรอื เกสรเพศเมยี เพยี งอยา่ ง ใดอยา่ งหน่งึ หรือต่างดอกกนั จัดเป็นดอกไม่ครบสว่ น • ดอกไมส่ มบูรณ์เพศทมี่ ีดอกตัวผแู้ ละดอกตวั เมยี อย่ใู นตน้ เดียวกัน (Monoecious plant) เชน่ ดอกฟักทอง ดอกข้าวโพด ดอกฟกั ทอง • ดอกไมส่ มบูรณเ์ พศทม่ี ีดอกตวั ผู้และดอกตัวเมยี ดอกหนา้ วัว อยูค่ นละตน้ (Dioecious plant) เช่น ดอก มะละกอ ดอกตำลงึ ดอกละหุ่ง ดอกหน้าวัว ดอกตาล

5 1.3 กระบวนการสบื พนั ธขุ์ องพชื ดอก การสบื พนั ธขุ์ องพืชดอกมีกระบวนการท่ีเกี่ยวข้อง คือ การถ่ายเรณู การงอกของละอองเรณู และการปฏสิ นธิ 1.3.1 การถ่ายเรณู (pollination) หมายถึง การที่ละอองเรณูไป ตกบนยอดเกสรเทศเมีย เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นเมื่ออับเรณูที่แก่จัดแตก ออก ทำให้ละอองเรณูกระจายออกไปตกบนยอดเกสรเพศเมืย ซึ่งมีสาร เหนียว ๆ คอยดักจับละอองเรณู การถ่ายละอองเรณูเกิดได้ 2 ลักษณะ คือ การถา่ ยละอองเรณูในดอกเดยี วกนั (Self-Pollination) และการถ่ายละออง เรณูขา้ มดอก (Pollination) รูปการถ่ายเรณู

6 1.3.2 การงอกของละอองเรณู เมื่อละอองเรณูตกลงบนยอดเกสรเพศเมีย ซึ่งมีสารเหนียว ๆ สำหรับดักจับละอองเรณู นิวเคลียสในละอองเรณูจะแบ่งเป็น 2 นิวเคลียส คือ ทิวบ์นิวเคลียส (tube nucleus) และเจเนเรทีฟนิวเคลียส (generative nucleus) ทิวบ์นิวเคลียสจะงอกหลอดลงไปในก้าน เกสรเพศเมยี จนไปถึงออวุลแล้วจะสลายไป ส่วนเจเนเรทฟี นิวเคลยี สจะแบ่งตัวให้สเปิรม์ นิวเคลียส 2 อัน 1.3.3 การปฏสิ นธิ (fertilization) คือ การทเ่ี ซลล์สบื พนั ธเุ์ พศผู้ (สเปิร์ม) ผสมกบั เซลลส์ บื พันธ์เุ พศเมยี (เซลล์ไข่) ในออวุลเปน็ ไซโกต (zygote) แล้วเจรญิ เติบโตไปเป็น เอ็มบริโอ (embryo) ต่อไป รปู การปฏิสนธิของพชื การปฏสิ นธเิ กดิ ขน้ึ เมื่อเจเนเรทฟี นิวเคลยี สแบ่งตวั ให้สเปิรม์ นวิ เคลยี ส 2 อนั และเกิดการผสม ดังนี้ - นิวเคลยี สท่ี 1 ผสมกับเซลลใ์ ข่ (egg cell) ได้ไซโกต (zygote) เจรญิ ไปเปน็ เอม็ บริโอ (embryo) - นิวเคลยี สที่ 2 ผสมกบั เซลล์ไพลาร์นวิ เคลยี ส (polar nucleus) ได้เอนโดสเปิรม์ (endosperm) ซึง่ เปน็ อาหารสำหรับเลยี้ งเอ็มบรโิ อ (embryo) ซง่ึ การปฏสิ นธทิ ่เี กิดขนึ้ เรียกวา่ การปฏสิ นธิซอ้ น (double fertilization)

7 หลังจากการปฏิสนธิมกี ารเปลี่ยนแปลงเกิดขน้ึ ดงั นี้ • กลบี เลยี้ ง จะเทย่ี วแห้งและหลุดไปเป็นสว่ นใหญ่ แต่มีพชื บางชนดิ ทย่ี ังคงอยู่ เช่น มังคุด • กลบี ดอก ยอดเกสรเพศเมีย และก้านเกสรเพศเมีย จะเหี่ยวแห้งและรว่ งหลดุ ไป • รังไข่ จะเจรญิ ไปเป็นผล แต่ก็มีผลบางชนิดเกดิ จากฐานรองดอก เช่น ชมพู่ แอปเปลิ • ผนงั รงั ไข่ เจริญไปเป็นเปลือกและเน้อื ของผล • ออวุล เจริญไปเป็นเมล็ด • ไซโกต เจรญิ ไปเป็นเอ็มบรโิ อในเมลด็ 1.3.4 ผลและเมล็ดกบั การกระจายพันธุพ์ ชื พชื ดอกเม่ือมี ดอกขา้ วโพด การปฏิสนธิแล้วจะเจรญิ ตอ่ ไปเป็นผลและเมล็ด ซงึ่ การถ่ายเรณูอาจ เกิดขนึ้ ภายในดอกเเดียวกนั หรือเกิดการถ่ายเรณขู า้ มดอกก็ได้ และ เกิดขึ้นไดท้ ้ังในเวลากลางวันและกลางคืน ละอองเรณูถกู พัดพาไปยัง ทตี่ า่ ง ๆ มกี ารกระจายพนั ธไุ์ ด้หลายทาง ดังน้ี 1) กระจายพันธ์โุ ดยอาศัยลม ลักษณะของดอกที่ ดอกหญา้ อาศยั ลมชว่ ยในการถ่ายเรณูจะมีละอองเรณูที่เรยี บ แหง้ และ ธปู ฤๅษี เบา เกสรเพศผู้จะอยู่สูงกว่าเกสรเพศเมยี หรือหอ้ ยอยูน่ อกดอก ส่วนยอดเกสรเพศเมยี จะมีขนาดใหญ่หรอื มีขนฟู และส่วนใหญ่ จะไม่มีกลีบดอก เชน่ ดอกหญ้า ดอกข้าว ดอกข้าวโพด ดอก ละหุ่ง ธปู ฤๅษี รกั ยาง หญ้าชนดิ ต่าง ๆ

8 2) กระจายพันธโ์ุ ดยอาศัยน้ำ ดอกของพืชน้ำอาศัยน้ำช่วยในการถา่ ยเรณู เช่น สาหรา่ ย ผกั สนั ตะวา บัว บัว สาหรา่ ย 3) กระจายพันธุโ์ ดยการแตกของเมล็ด เชน่ ต้อยต่งิ ถวั่ ลันเตา ตอ้ ยตง่ิ ถว่ั ลนั เตา

9 4) กระจายพันธโ์ุ ดยสตั ว์และมนษุ ย์ สัตว์และมนุษย์กินผลของพืช เป็นอาหาร เช่น นกกินพริกและผลไมต้ ่าง ๆ แล้วไปขบั ถ่ายมลู ทำใหเ้ มล็ด งอกเกิดเปน็ ตน้ ใหม่ พืชบางชนดิ มีหนามทผ่ี ลทำให้เก่ยี วติดไปกับสัตว์และ มนษุ ย์ รวมถงึ พืชบางชนดิ มสี ีสนั สวยงาม มกี ล่นิ หอมและมีตอ่ มนำ้ หวาน เพ่ือ ลอ่ แมลง ละอองเรณูทเ่ี หนียวจะตดิ ไปกับปีก ปาก และขาของแมลง จนไปตก บนยอดเกสรเพศเมยี เช่น ดอกกุหลาบ ดอกชบา ดอกบัว ดอกมะเขือ ดอก กลัวยไม้ ดอกเข็ม ดอกหางนกยงู ดอกพุทธรักษา ดอกหางนกยงู ดอกพุทธรักษา ดอกมะเขือ ดอกกุหลาบ

10 1.3.5 การงอกของเมลด็ เมล็ด (seed) คอื สว่ นที่เจริญออกมา ออวลุ หลังจากการเกิดการปฏิสนธิระหว่างเซลลส์ ืบพนั ธ์ุเพศผู้กบั เซลล์ สืบพนั ธ์เุ พศเมียของดอก ภายในเมล็ดประกอบด้วยตอ่ ไปน้ี 1) เปลือกเมล็ด (seed coat) เป็นส่วนนอกสุดของเมล็ดทำหน้าที่ ห่อหุ้มเมล็ดมีลักษณะแข็งด้านข้างของเมล็ดจะมีรอยแผล (cicatrix) ซึ่งเป็น ส่วนที่เคยติดอยู่กับรังไข่ในดอก เมื่อหลุดออกมาจึงเกิดเป็นรอยแผล และ มีรูไมโครโพล์ (micropyle) ซ่งึ เป็นตำแหน่งทร่ี ากแรกเกดิ งอกออกมาจากเมล็ด 2) ใบเล้ียง (cotyledon) คือใบเดยี วคจู่ ะมใี บเลย้ี ง 2 ใบอยูใ่ นเมล็ด เชน่ ถ่ัว มะขาม มะมว่ ง สว่ นพืชใบเลี้ยงเด่ยี วจะมี ใบเลย้ี งใบเดยี ว เช่น ข้าว ข้าวโพด มะพร้าว ออ้ ย มะขาม (ใบเลย้ี งคู่) เดี่ยว) ข้าว (ใบเลยี้ งเดีย่ ว) มะม่วง (ใบเล้ียงค)ู่ • เอนโดสเปิร์ม (endosperm) เป็นที่สะสมอาหาร สำหรับต้นอ่อน คือใบเลี้ยงคู่ ใบเลี้ยงจะหนาเพราะดึง อาหารจากเอนโดสเปิร์มมาสะสมอยู่ในใบเลี้ยง พืชใบ เลี้ยงเด่ียวใบเลี้ยงจะบาง เพราะไม่มีอาหารสะสม แต่ อาหารสะสมของพชื ใบเลยี้ งเดย่ี วจะอย่ใู นเอนโดสเปิรม์

11 3) เอ็มบรโิ อ (embryo) ส่วนประกอบ 3 สว่ น คอื • ยอดแรกเกดิ (plumule) เจริญไปเป็นใบ • ลำตน้ (stem) เจรญิ ไปเป็นลำต้นท่ใี หญ่ข้ึน • รากแรกเกิด (radicle) เจรญิ ไปเป็นราก การงอก (germination) คือ สภาพท่ีเมล็ดเร่ิม เจรญิ เติบโตไปเปน็ พชื ตน้ ใหม่ การงอกของเมลด็ เกดิ ขึ้นเม่อื เมล็ด พชื ตกลงบนดินที่มีนำ้ อากาศ และอณุ หภูมิท่ีเหมาะสม เมื่อเปลือกเมล็ดดูดซับน้ำจนเมล็ดอ่อนนุ่ม อาหารที่สะสมในเนื้อเมล็ดจะเป็นแหล่งพลังงานให้ รากแรกเกิดงอกออกมาทางรูไมโครไพล์เป็นส่วนแรก จากนั้นเมื่อใบเลี้ยงงอกโผล่พ้นจากเปลือกหุ้มเมล็ด ยอดแรกเกิดจะเจรญิ ไปเป็นใบแท้ ในขณะที่ลำต้นจะ ยืดตัวสูงขึ้น ส่วนใบเลี้ยงจะค่อย ๆ มีขนาดเล็กลง และหลดุ ไปในท่ีสดุ รูปแสดงการงอกของเมลด็ ข้าวโพด (พืชใบเลี้ยงเด่ียว) รปู แสดงการงอกของเมล็ดถั่ว (พชื ใบเลีย้ งคู่)

12 2. การสืบพันธ์ุแบบไมอ่ าศัยเพศของพืช การสบื พันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของพืชดอก (Asexual reproduction) เป็นการสืบพนั ธุ์ที่ไม่อาศัยดอก และไม่มีการผสมระหว่างเซลล์สบื พันธุ์เพศผ้แู ละเซลลส์ ืบพันธ์ุเพศเมยี แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คอื เกิดขึ้นเอง ตามธรรมชาติ และเกิดจากการกระทำของมนุษย์ 2.1 การสบื พันธ์แุ บบไม่อาศัยเพศท่ีเกิดขึน้ เองตามธรรมชาติ คอื พชื ตน้ ใหมท่ ี่ ถ้าเจริญเติบโตมาจากสว่ นของต้นพันธุ์ เรยี กวา่ แพร่พันธ์ุ โดยใชส้ ว่ นของต้นพันธุ์ ได้แก่ 2.1.1 การแตกหน่อหรือเหง้า (Budding) เช่น ตน้ กล้วย ไผ่ หญา้ 2.1.2 การแตกต้นใหม่จากส่วนต่างๆของพืช เชน่ ขงิ ข่า มนั ฝรัง่ สตรอว์เบอรร์ ่ี มันเทศ ไผ่ สตรอว์เบอร์รี่ สตรอวเ์ บอรร์ ีม่ ีลำต้นทแ่ี ตกออกไปทาง ดา้ นข้างโดยเลอื้ ยไปบนพน้ื ดนิ เรยี กว่า ไหล และจะ สร้างตา ตาแตล่ ะอันจะเจริญเป็นพชื ตน้ ใหม่

13 2.1.3 การสรา้ งสปอร์ พืชทส่ี บื พนั ธดุ์ ้วยวธิ ีนี้มักไม่มีดอก เช่น เฟริ น์ มอสส์ ลเิ วอรเ์ วริ ด์ มอสส์ เฟริ น์ 2.2 การสบื พนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศัยเพศทเี่ กิดจากการกระทำของมนษุ ย์ เช่น การตอน การต่อกิ่ง การติดตา และการทาบกงิ่ การตดิ ตา การทาบก่งิ พืชท่เี กิดจากการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศจะมี ลักษณะดเี หมือนพ่อแม่ และไมเ่ กดิ การกลายพนั ธุ์ เช่น ตา้ นทานโรคได้ดี มีผลขนาดใหญ่และรสชาตดิ ี

14 แบบฝกึ หดั ที่ 1 โครงสรา้ งของดอก คำช้แี จง : ให้นักเรยี นพิจารณาภาพโครงสร้างของดอกไม้ แลว้ เติมคำระบุช่ือของโครงสร้างของดอกให้ ถกู ต้อง ………………………….. ………………………….. ………………………….. ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………. ……………………………. ……………………………. ……………………. ……………………. ……………………. 9 …………………… 6 ……………………. 7 ………………… 18 2 ………………………….. 34 ……………………………… ……………………………. …………………… 5 ……………………. ……………………. ………………………….. ………………… 10 ……………………………… ………………………….. ……………………………. ……………………………… ……………………………. ………………………….. ……………………. ……………………. ……………………………… ……………………………. …………………….

แบบฝึกหัดที่ 2 15 ชนดิ ของดอก คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นระบุชนิดของดอกไม้ไปต่อไปนี้ให้ถกู ต้อง ตอนท่ี 1 ใชส้ ว่ นประกอบของดอกเป็นเกณฑ์ ......................... ......................... ......................... ......................... ......................... ......................... ตอนท่ี 2 ใชอ้ วัยวะสบื พันธขุ์ องพชื เปน็ เกณฑ์ ......................... ......................... ......................... ......................... ......................... .........................

16 แบบฝกึ หัดท่ี 3 กระบวนการสืบพันธขุ์ องพชื ดอก คำช้แี จง ตอนท่ี 1 ใหน้ ักเรยี นโยงเส้นลักษณะของดอกท่เี จรญิ ไปเป็นส่วนต่าง ๆ หลงั จากการปฏิสนธขิ องดอกให้ถกู ตอ้ ง กลบี เลย้ี ง จะเห่ียวแหง้ และรว่ งหลดุ ไป กลบี ดอก เจรญิ ไปเป็นเปลือกและเน้อื ของผลไม้ ยอดเกสร จะเหย่ี วแห้งและรว่ งหลุดไป เจรญิ ไปเป็นเอม็ บริโอในเมล็ด รงั ไข่ เจริญไปเป็นผล ผนงั รังไข่ เจรญิ ไปเปน็ ใบลำต้นและรากแรกเกิด ออวุล จะเหย่ี วแหง้ และรว่ งหลดุ ไป ไซโกต เจรญิ ไปเปน็ เมลด็ เอ็มบริโอ

17 คำช้ีแจง ตอนท่ี 2 ใหน้ กั เรียนแยกประเภทของพืชตามลกั ษณะการขยายพนั ธุ์ท่ี กำหนดให้ใหถ้ กู ตอ้ ง ต้นเขม็ หญ้า ถวั่ ลนั เตา ยาง สาหรา่ ย ผกั สนั ตะวา มะเขือเทศ ชบา บวั ต้อยติ่ง กหุ ลาบ ข้าว ธปู ฤๅษี กระจายพันธุ์โดยอาศัยลม กระจายพันธโุ์ ดยอาศยั น้ำ กระจายพนั ธุ์โดยการแตกของเมลด็ กระจายพันธโุ์ ดยสัตว์และมนุษย์

18 แบบฝกึ หดั ที่ 4 วิธีการสบื พนั ธุ์ของพชื คำช้แี จง ให้นกั เรยี นระบวุ ิธกี ารสืบพนั ธขุ์ องพืชตอ่ ไปนใ้ี ห้ถกู ต้อง ฝร่ัง มอสส์ องนุ่ กหุ ลาบ แหน เฟิรน์ มะมว่ ง สตรอวเบอรร์ ี่ อ้อย มันฝรั่ง ข่า กล้วยไม้

ชบา ขิง 19 การแตกหน่อหรือเหง้า ชอ้ งนางคล่ี การสร้างสปอ การแตกต้นใหม่จากส่วนตา่ ง ๆ การกระทำของมนษุ ย์

20 แบบฝกึ หัดท่ี 5 คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นช่วยนำทางผึ้งไปผสมเกสรดอกไมใ้ หไ้ ด้

21 แบบฝกึ หดั ท้ายบท คำช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นกากบาท ✗ เลือกคำตอบทถ่ี กู ต้องท่ีสุดเพียงข้อ 1. กเาดรยีปวฏิสนธิของพืชดอก เกิดขน้ึ ในบรเิ วณใด ก. อบั ละอองเรณู ข. ถุงเอ็มบรโิ อ ค. กลีบดอก ง. ยอดเกสรเพศเมีย 2.เมลด็ คอื สว่ นของอะไร ก. ไซโกตทเี่ จรญิ ต่อมา ข. ออวลุ ท่ีได้รับการผสมแลว้ ค. รังไข่ที่ได้รบั การผสมแลว้ ง. เอม็ บริโอทแี่ ก่เตม็ ท่ี 3.ข้อใดต่อไปนีล้ ำดบั โครงสรา้ งของดอกสมบรู ณ์เพศ จากดา้ นนอกเขา้ ไปด้านในได้ถกู ตอ้ ง ก. กลบี เล้ียง กลีบดอก เกสรตัวเมยี ข. กลีบดอก เกสรตัวผู้ เกสรตวั เมีย ค. เกสรตวั เมีย เกสรตวั ผู้ กลีบดอก ง. กลบี เลยี้ ง กลีบดอก เกสรตัวผู้ เกสรตัวเมีย 4.สว่ นใดของดอก ทำหน้าที่ล่อแมลงเพื่อช่วยในการผสมเกสร ก. กลบี ดอก ข. กลบี เลย้ี ง ค. เกสรเพศผู้ ง. เกสรเพศเมีย 5.สว่ นที่สำคัญของดอกที่ใชใ้ นการสืบพนั ธ์คือข้อใด ก. กลบี ดอก ข. อบั เรณูและรงั ไข่ ค. กลบี ดอกและเกสรเพศผู้ ง. เกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมีย

22 6.สว่ นใดที่มหี น้าท่สี ร้างเซลล์สบื พนั ธุ์ของพืช ก. ใบ ข. ดอก ค. เมลด็ ง. ลำตน้ 7. เกสรเพศเมยี มสี ว่ นประกอบอะไรบา้ ง ก. รงั ไข่ ข. ยอดเกสรเพศเมีย ค. กา้ นชูเกสรเพศเมยี ง. ถกู ทุกข้อ 8.ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้องหลังจากทม่ี กี ารปฏสิ นธิแล้ว ก. ออวลุ เจรญิ เป็นเมลด็ รงั ไข่เจรญิ เปน็ ผล ข. ออวลุ เจรญิ เป็นผล รังไขเ่ จริญเป็นเมลด็ ค. ออวลุ เจริญเปน็ ต้นออ่ น รังไขเ่ จรญิ เปน็ เมล็ด ง. ออวุลเจรญิ เปน็ เมล็ด รงั ไข่เจรญิ เปน็ ต้นอ่อน 9. ดอกเปรียบเสมือนอวยั วะใดของรา่ งกายคน ก. ตา ข. ปาก ค. อวยั วะสืบพนั ธุ์ ง. จมกู 10. สว่ นท่ีทำหนา้ ทีใ่ นการสร้างเซลล์สืบพนั ธเ์ุ พศเมีย เรียกวา่ อะไร ก. ออวลุ ข. รงั ไข่ ค. เกสรเพศเมีย ง. กลีบดอก

23 เฉลย แบบฝึกหดั

24 เฉลยแบบฝึกหัดท่ี 1 คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นพจิ ารณาภาพโครงสรา้ งของดอกไม้ แลว้ เตมิ คำระบุชอ่ื ของโครงสรา้ งของดอกให้ ถูกต้อง 1.ยอดเกสรเพศเมีย (stigma) 3.กลีบดอก (Petal) 9.เกสรเพศผู้ (Stamen) ทำหน้าท่ี เปน็ สว่ นรองรบั ละออง ทำหนา้ ท่ี ดงึ ดูดใหแ้ มลงเขา้ มาผสม ทำหนา้ ท่ี สรา้ ง microspore และ เรณูของเกสรตัวผู้ เกสรดว้ ยตอ่ มนำ้ หวานหรอื ตอ่ มกลน่ิ พฒั นาไปเป็นเรณู (Pollen) ภายใน มักมีสีสดใสเพราะมรี งควัตถุ อับเรณู ต่าง ๆ 9 8.ก้านชูอบั เรณู(Filament) 6 มลี กั ษณะเปน็ ก้านยาวๆ 1 ทำหนา้ ทีช่ ูอับ 2 34 7 8 3.เกสรเพศเมีย (Pistil) 5 เปน็ ส่วนท่ีอยใู่ นสุด 7.อบั เรณู (Anther) ทำหนา้ ท่ี สรา้ งเซลล์ 4.รงั ไข่ (ovary) มีลกั ษณะเป็นกระเปาะ เปน็ สบื พนั ธต์ุ ัวเมยี แหล่งสรา้ งและเกบ็ \"ละอองเรณู อยู่ส่วนลา่ งสดุ ของเกสรตวั เมยี มีลกั ษณะเป็นกระเปาะ ภายใน 10 มี \" ไข่อ่อน \" หรือ \" ออวุล \" 10.กลบี เลีย้ ง (Sepal) 5.ออวุล (ovule) ทำหนา้ ที่ หอ่ หุ้ม ปกปอ้ ง มเี ซลลส์ บื พนั ธุ์เพศเมยี อยู่ อนั ตรายใหส้ ่วนตา่ ง ๆ ของ ดอกทอี่ ย่ภู ายใน

เฉลยแบบฝึกหัดที่ 2 25 ชนดิ ของดอก คำชี้แจง ใหน้ ักเรยี นระบุชนิดของดอกไม้ไปต่อไปน้ีใหถ้ ูกต้อง ตอนท่ี 1 ใชส้ ่วนประกอบของดอกเป็นเกณฑ์ ดอกครบสว่ น ดอกครบส่วน ดอกไม่ครบส่วน ดอกไม่ครบส่วน ดอกครบสว่ น ดอกครบส่วน ตอนที่ 2 ใชอ้ วัยวะสบื พนั ธุข์ องพืชเป็นเกณฑ์ ดอกไมส่ มบรู ณ์เพศ ดอกสมบูรณ์เพศ ดอกไม่สมบูรณ์เพศ ดอกสมบรู ณเ์ พศ ดอกไม่สมบรู ณเ์ พศ ดอกสมบูรณเ์ พศ

เฉลย26 แบบฝึกหัดที่ 3 กระบวนการสืบพันธุ์ของพชื ดอก คำช้แี จง ตอนท่ี 1 ให้นักเรียนโยงเส้นลกั ษณะของดอกทเ่ี จรญิ ไปเป็นส่วนตา่ ง ๆ หลงั จากการปฏิสนธิของดอกให้ถูกตอ้ ง กลีบเลย้ี ง จะเห่ียวแห้งและร่วงหลุดไป กลีบดอก เจริญไปเปน็ เปลอื กและเน้ือของผลไม้ ยอดเกสร จะเหีย่ วแห้งและร่วงหลดุ ไป เจรญิ ไปเปน็ เอ็มบรโิ อในเมล็ด รังไข่ เจริญไปเปน็ ผล ผนงั รงั ไข่ เจรญิ ไปเปน็ ใบลำต้นและรากแรกเกิด ออวลุ จะเหยี่ วแห้งและรว่ งหลดุ ไป ไซโกต เจรญิ ไปเปน็ เมลด็ เอ็มบริโอ

เฉลย 27 คำชี้แจง ตอนที่ 2 ให้นกั เรียนแยกประเภทของพืชตามลกั ษณะการขยายพันธทุ์ ่ี กำหนดให้ใหถ้ กู ต้อง ตน้ เข็ม หญา้ ถว่ั ลันเตา ยาง สาหร่าย ผกั สันตะวา มะเขอื เทศ ชบา บัว ตอ้ ยต่ิง กหุ ลาบ ข้าว ธปู ฤๅษี กระจายพนั ธโ์ุ ดยอาศัยลม กระจายพนั ธ์โุ ดยอาศยั นำ้ หญ้า ขา้ ว ธปู ฤๅษี ยาง สาหรา่ ย ผกั สนั ตะวา บวั กระจายพนั ธ์โุ ดยการแตกของเมล็ด กระจายพนั ธโ์ุ ดยสัตว์และมนุษย์ ต้อยติ่ง ถวั่ ลนั เตา กหุ ลาบ ชบา ต้นเขม็ มะเขอื เทศ

28 เฉลยแบบฝกึ หดั ที่ 4 การแตกหนอ่ หรือเหง้า อ้อย แหน กลว้ ยไม้ การสร้างสปอ เฟริ ์น มอส ช้องนางคล่ี การแตกตน้ ใหม่จากส่วนตา่ ง ๆ ขงิ ข่า มนั ฝรง่ั สตรอว์เบอรร์ ่ี การกระทำของมนุษย์ มะมว่ ง กุหลาบ ฝรง่ั ชบา องุ่น

เฉลยแบบฝึกหดั ท่ี 5 29 คำช้แี จง : ใหน้ กั เรียนชว่ ยนำทางผ้งึ ไปผสมเกสรดอกไมใ้ ห้ได้

30 เฉลยแบบฝกึ หัดทา้ ยบท

บรรณานุกรม สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. (สสวท.) (2560). หนงั สอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 เลม่ 1 (พิมพ์คร้ังที่ 8). กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พจ์ ฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั ศรลี กั ษณ์ ผลวัฒนะ. หนังสอื เรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 (พิมพค์ รั้งท่ี 1). กรงุ เทพฯ : แมค็ เอด็ ดูเคชนั่ , 2561. ปติ ุพร พิมพาเพชร. การถ่ายละอองเรณู. สืบคน้ เมอ่ื 14 สิงหาคม 2564 จาก https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/33300 ประเภทของดอกไม้. สบื ค้นเม่ือ 14 สิงหาคม 2564 จาก https://sites.google.com/site/natpawitra/pra-pheth-y ปติ ุพร พมิ พาเพชร. การจำแนกพชื ดอก. สืบค้นเมอื่ 14 สงิ หาคม 2564 จาก https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/33305 จริ าพร สมพงศ์ และนนั ทรตั น์ เจรญิ สขุ . (2563). การสืบพนั ธ์ุของพืช. สืบค้นเมอ่ื 14 สิงหาคม 2564 จาก https://www.dltv.ac.th/teachplan/episode/23125 รปู ส่วนประกอบของดอกไม้. สืบคน้ เม่ือ 14 สงิ หาคม 2564 จาก https://www.instructables.com/How-To-Germinate-Lilies/?= รูปดอกชบา. สืบคน้ เมือ่ 14 สิงหาคม 2564 จาก https://www.shutterstock.com รปู ดอกบวั . สบื ค้นเมอ่ื 14 สิงหาคม 2564 จาก https://sites.google.com/site/bio59601 รปู ดอกจำปี. สบื คน้ เม่อื 14 สิงหาคม 2564 จาก https://sites.google.com/site/today67110/ รปู ดอกตำลึง. สบื ค้นเมอื่ 14 สงิ หาคม 2564 จาก : http://www.the-than.com/FLower/Fl-1/173/173.html รูปดอกกลว้ ยไม้. สืบคน้ เม่ือ 14 สิงหาคม 2564 จาก https://www.thairath.co.th/tags/ดอกกลว้ ยไม้

จาก https://www.pinterest.com/pin/754634481284400345/ รปู ดอกหน้าววั . สืบคน้ เมื่อ 14 สงิ หาคม 2564 จาก https://yatyindee.wordpress.com/2017/12/15/A7-flamingo-flower/ รปู การถ่ายเรณ.ู สืบคน้ เมือ่ 14 สงิ หาคม 2564 จาก shutterstock.com By Ellen Bronstayn รูปการปฏสิ นธขิ องพชื . สืบค้นเมอ่ื 14 สิงหาคม 2564 จาก https://byjus.com/questions/how-does-the-process-of-fertilization-take- place-in-flowers/รูปดอกหญา้ . สบื คน้ เมือ่ 14 สิงหาคม 2564 จาก https://th.anngle.org/j-lifestyle/pampas.html รปู ธปู ฤๅษ.ี สบื คน้ เมื่อ 14 สงิ หาคม 2564 จาก https://medthai.com/ รูปดอกละหุ่ง. สบื คน้ เมื่อ 14 สิงหาคม 2564 จาก pixabay.com By zimt2003 รปู ดอกขา้ วโพด. สืบค้นเม่ือ 14 สิงหาคม 2564 จาก pixabay.com By aitoff รูปบัว. สบื ค้นเมื่อ 14 สิงหาคม 2564 จาก pixabay.com By KIMDAEJEUNG รูปสาหรา่ ย. สบื คน้ เมือ่ 14 สิงหาคม 2564 จาก pixabay.com By fraugun รปู ตอ้ ยตง่ิ . สืบค้นเมื่อ 14 สงิ หาคม 2564 จาก pixabay.com By Pornphat

รูปดอกมะเขือ. สบื ค้นเม่ือ 14 สิงหาคม 2564 จาก pixabay.com By WFranz รปู ดอกกุหลาบ. สบื ค้นเมื่อ 14 สงิ หาคม 2564 จาก pixabay.com By schneeknirschen รูปดอกกลว้ ยไม้. สืบค้นเม่ือ 14 สงิ หาคม 2564 จาก pixabay.com By Capri23auto รูปดอกชบา. สบื คน้ เมื่อ 14 สิงหาคม 2564 จาก pixabay.com By A_Different_Perspective รปู มะขาม. สืบค้นเมื่อ 14 สิงหาคม 2564 จาก https://banmakam.com รปู มะพรา้ ว. สืบค้นเมื่อ 14 สิงหาคม 2564 จาก https://www.kasetline.com รูปแสดงการงอกของเมล็ดถว่ั (พืชใบเล้ียงคู่). สบื ค้นเมือ่ 14 สิงหาคม 2564 จาก https://ngthai.com/science/15713/plantgermination/ รูปแสดงการงอกของเมลด็ ขา้ วโพด (พชื ใบเล้ยี งเด่ียว). สบื ค้นเมอ่ื 14 สิงหาคม 2564 จาก https://ngthai.com/science/15713/plantgermination/ รปู ไผ่. สบื ค้นเมอ่ื 14 สงิ หาคม 2564 จาก https://sites.google.com/site/peaceranger0147/phi รปู สตรอว์เบอร์รี่. สืบค้นเมื่อ 14 สงิ หาคม 2564 จาก http://zen-hydroponics.blogspot.com/2014/11/strawberry.html

รปู ดอกฟักทอง. สืบค้นเมอ่ื 14 สิงหาคม 2564 จาก https://www.pinterest.com/pin/754634481284400345/ รปู ถั่วลันเตา. สืบคน้ เมอื่ 14 สิงหาคม 2564 จาก pixabay.com By Nowaja รปู ดอกหางนกยงู . สบื ค้นเมื่อ 14 สงิ หาคม 2564 จาก pixabay.com By Efraimstochter รปู ดอกพุทธรักษา. สบื ค้นเม่ือ 14 สิงหาคม 2564 จาก pixabay.com By SandeepHanda รูปมอสส์. สืบค้นเมือ่ 14 สงิ หาคม 2564 จาก https://pixabay.com/th/photos รปู การตดิ ตา. สืบคน้ เม่ือ 14 สิงหาคม 2564 จาก https://sites.google.com/a/nareerat.ac.th/plant-propagation/page-7 รูปมะขาม. สืบคน้ เม่ือ 14 สงิ หาคม 2564 จาก https://banmakam.com รูปมะพร้าว. สบื คน้ เม่ือ 14 สิงหาคม 2564 จาก https://www.kasetline.com


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook