Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 หน่วยที่ 4

วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 หน่วยที่ 4

Description: ความหลากหลายทางชีวภาพ

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ความหลากหลนายทางชีวภาพ

ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลาย ความหลากหลายทาง ทางชีวภาพ ชีวภาพกบั การดารงชีวิต การจดั หมวดหมู่ เทคโนโลยชี ีวภาพ ของสิ่งมชี ีวิต ความหลากหลาย ของพืชและสัตว์

ความหลากหลายทางชีวภาพ

ความหมายของความหลากหลายทางชีวภาพ • ความหลากหลายของส่ิงมีชีวิตชนิดตา่ งๆ ท่ีดารงชีวติ อยใู่ นแหลง่ ที่อยอู่ าศยั เดียวกนั หรือ แตกต่างกนั • สิ่งมีชีวิตตา่ งชนิดกนั จะมีความแตกต่างกนั ในดา้ นชนิดและจานวน หรือทางสายพนั ธุกรรม

นกฟิ นช์ บนหมู่เกาะกาลาปาโกส แตล่ ะชนิดจะมีขนาด รูปร่าง และจะงอยปาก แตกต่างกนั เป็นผลมาจากชนิดของอาหารท่ีกินและสภาพแวดลอ้ มที่เป็นแหลง่ อาศยั

ประเภทของความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางระบบนิเวศ เป็นความหลากหลายของแหลง่ ท่ีอยทู่ ี่สิ่งมีชีวิตน้นั อาศยั อยู่ เพราะสิ่งมีชีวติ แตล่ ะชนิด จะเลือกสภาพแวดลอ้ ม หรือแหลง่ ที่อยอู่ าศยั ใหเ้ หมาะสมกบั การดารงชีวิตและการขยาย เผา่ พนั ธุ์ ระบบนิเวศป่ าไม้ ระบบนิเวศทะเลทราย

บริเวณตา่ งๆ ของโลกมีลกั ษณะทางกายภาพของสิ่งแวดลอ้ มแตกตา่ งกนั ทาใหม้ ีระบบนิเวศแตกตา่ งกนั ระบบนิเวศป่ าชายเลน ระบบนิเวศน้าเคม็

ความหลากหลายทางชนิดพนั ธ์ุ เป็นความหลากหลายท่ีสามารถพบเห็นไดช้ ดั เจน เกี่ยวขอ้ งกบั จานวนชนิดของ สิ่งมีชีวติ ท่ีอาศยั อยบู่ นโลก ซ่ึงสิ่งมีชีวิตบนโลกอาจมีจานวนถึง 50 ลา้ นชนิด

ความหลากหลายทางพนั ธุกรรม เป็ นความหลากหลายที่ปรากฏไม่ชดั เจน โดยส่ิงมีชีวิตที่มีลกั ษณะภายนอกคลา้ ยกนั มากอาจมีองคป์ ระกอบทางพนั ธุกรรมที่แตกต่าง ความหลากทางพนั ธุกรรมท่ีเกดิ โดยธรรมชาติ ส่ิงมีชีวิตมีการสืบพนั ธุ์เพ่ือดารงเผ่าพนั ธุ์ ซ่ึงส่วนใหญ่เป็ นการผสมพนั ธุ์ภายในสปี ชีส์ เดียวกนั เช่น การผสมพนั ธุ์ระหวา่ งพืชท่ีทนต่อ แมลงศตั รูพชื ดว้ ยกนั เอง

แตบ่ างกรณีเป็นการผสมพนั ธุ์ขา้ มสปี ชีส์ ซ่ึงจะทาใหเ้ กิดความหลากหลายทาง พนั ธุกรรมข้ึน เช่น การผสมพนั ธุร์ ะหวา่ งพชื ที่ทนต่อแมลงศตั รูพืชกบั พืชที่ทนต่อเช้ือรา ซ่ึงจะทาใหไ้ ดพ้ ืชท่ีทนต่อท้งั แมลงศตั รูพืชและเช้ือรา

การเปล่ียนแปลงทางพนั ธุกรรมที่เกดิ จากการกระทาของมนุษย์ • การใชเ้ ทคโนโลยชี ีวภาพในการหลอมรวมเซลลส์ ืบพนั ธุข์ องแกะกบั แพะ แลว้ ใส่เขา้ ไป ใหเ้ จริญเติบโตในมดลูกของแกะ ทาใหไ้ ดส้ ตั วล์ กู ผสมสายพนั ธุ์ใหม่มีชื่อวา่ กีป • ลกั ษณะเด่นของกีป คือ มีเขาและขน ท่ีมีลกั ษณะผสมระหวา่ งขนแพะกบั ขนแกะ • นอกจากน้ี กม็ ีการผสมพนั ธุส์ ุนขั ระหวา่ งสายพนั ธุ์ต่างๆ ดว้ ย

การจดั หมวดหมู่ของส่ิงมชี ีวติ

การจาแนกส่ิงมชี ีวติ การจาแนกส่ิงมชี ีวติ ตามลกั ษณะทางธรรมชาติ อาศัยลกั ษณะทางธรรมชาติ ลักษณะภายนอกหรือลกั ษณะต่างๆ ที่สังเกตเห็นได้ เช่น ลกั ษณะทางกายวภิ าคศาสตร์ สรีรวิทยา การเจริญเติบโตของตวั ออ่ น เป็นตน้ ปลา ซาลามานเดอร์ กระต่าย มนุษย์ การจาแนกสิ่งมชี ีวิตโดยอาศัยลกั ษณะทางพนั ธุกรรม อาศยั ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมและการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม

ลกั ษณะทใี่ ช้ในการจดั จาแนกส่ิงมชี ีวติ • ลักษณะภายนอกและโครงสร้างภายในของร่างกาย: ใชแ้ บ่งส่ิงมีชีวิตออกเป็นกลุ่มใหญๆ่ • แบบแผนของการเจริญเติบโต: ใช้หลกั ง่ายๆ คือ ส่ิงมีชีวิตใดท่ีมีลกั ษณะของตวั อ่อน คลา้ ยคลึงกนั มาก ยอ่ มมีวิวฒั นาการใกลก้ นั มากดว้ ย • ซากดึกดาบรรพ์: สิ่งมีชีวิตใดที่มีความสัมพนั ธ์ใกลช้ ิดกนั ย่อมมีซากดึกดาบรรพ์ คลา้ ยคลึงกนั และอาจทาใหท้ ราบถึงบรรพบุรุษของสิ่งมีชีวติ น้นั ๆ ดว้ ย

• โครงสร้างของเซลล์และออร์แกเนลล์: เป็นการศึกษาในระดบั เซลลแ์ ละส่วนประกอบ ของเซลล์ • สรีรวทิ ยาและการสังเคราะห์สารเคมี: ส่ิงมีชีวติ แตล่ ะชนิดจะมีโครงสร้างทางสรีรวิทยา ตา่ งกนั ดงั น้นั การสงั เคราะห์สารต่างๆ ในร่างกายยอ่ มตา่ งกนั ดว้ ย • ลกั ษณะทางพนั ธุกรรม: เป็นวธิ ีท่ีมีกระบวนการซบั ซอ้ นและยงุ่ ยาก

เกณฑ์ในการจัดจาแนกสิ่งมชี ีวติ • ไดโคโตมสั คีย์ เป็ นเครื่องมือท่ีใชจ้ ดั จาแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็ นกลุ่มย่อย โดยพิจารณา โครงสร้างที่แตกตา่ งกนั เป็นคู่ๆ ทีละลกั ษณะ ซ่ึงทาใหก้ ารพิจารณาง่ายข้ึน • สิ่งมีชีวิตแตล่ ะกลมุ่ จะมีไดโคโตมสั คียท์ ี่ใชแ้ ยกกลมุ่ ยอ่ ยของส่ิงมีชีวิตน้นั ๆ 1. ก. มีขน.........................................................................................................................ดูขอ้ 2. ข. ไม่มีขน..................................................................................................................ดูขอ้ 3. 2. ก. ขนเป็ นเส้น.............................................................................สตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนม ข. ขนเป็ นแผงแบบขนนก..............................................................................สตั วป์ ี ก 3. ก. มีครีบคู่ มีช่องเหงือก...............................................................สตั วน์ ้าพวกปลา ข. ไม่มีครีบคู่............................................................................................................ดูขอ้ 4. 4. ก. ผวิ หนงั มีเกลด็ .................................................................................สตั วเ์ ล้ือยคลาน ข. ผวิ หนงั ไม่มีเกลด็ .....................................................สตั วส์ ะเทินน้าสะเทินบก

ลาดบั ในการจดั จาแนกส่ิงมชี ีวติ คาโรลสั ลินเนียส นกั ธรรมชาติวิทยาชาวสวีเดน ไดร้ ิเร่ิมการจดั จาแนกส่ิงมีชีวิต โดยการคดั เลือกประเภทที่มีความใกลเ้ คียงกนั ไวด้ ว้ ยกนั ซ่ึงจะเริ่มจากขอบเขตที่กวา้ ง แลว้ คอ่ ยๆ แคบลง อาณาจกั ร (Kingdom) ไฟลมั (Phylum) หรือดวิ ชิ ัน (Division) คลาส (Class) ออร์เดอร์ (Order) แฟมลิ ี (Family) จนี ัส (Genus) สปี ชีส์ (Species)

ชื่อของส่ิงมชี ีวติ ชื่อสามัญ • ชื่อท่ีเรียกกนั ทวั่ ไป ตามลกั ษณะหรือรูปร่างของส่ิงมีชีวิตชนิดน้นั ตวั อยา่ งเช่น ดาวทะเล วา่ นหางจระเข้ ทากบก เป็นตน้ ช่ือวทิ ยาศาสตร์ • ชื่อท่ีกาหนดข้ึนตามหลกั สากลและเป็นที่ยอมรับกนั ในกลุ่มนกั วิทยาศาสตร์ ซ่ึง คาโรลสั ลินเนียส เป็นผรู้ ิเร่ิมการใชช้ ื่อวิทยาศาสตร์ โดยกาหนดใหส้ ิ่งมีชีวิตทุกชนิด ประกอบดว้ ยช่ือ 2 ช่ือ โดยชื่อหนา้ คือ ชื่อสกลุ และช่ือหลงั คือ คาระบุชนิด • การเรียกช่ือดงั กลา่ วเรียกวา่ การต้งั ชื่อแบบทวนิ าม

หลกั เกณฑ์การต้ังช่ือแบบทวนิ าม • อักษรตวั แรกของช่ือสกุลต้องเป็ นภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวอักษรที่เหลือเป็ น ตวั พมิ พเ์ ลก็ ท้งั หมด • การเขียนจะตอ้ งแตกต่างจากอกั ษรตวั อ่ืน โดยการเขียนตวั เอน ตวั หนา หรือขีดเส้นใต้ อยา่ งใดอยา่ งหน่ึง ข้าว ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Oryza sativa L. มะม่วงหิมพานต์ ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Anacardium occidentale L.

ไก่ฟ้าพญาลอ ชื่อวทิ ยาศาสตร์: โลมาปากขวด ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Lophura diardi (Bonaparte, 1856) Tursiops truncatus (Montagu, 1821) ลงิ แสม ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Macaca fascicularis (Raffles, 1821)

แนวคดิ การจดั จาแนกสิ่งมีชีวติ อาริสโตเติล จดั จาแนกส่ิงมีชีวติ ออกเป็น 2 กลมุ่ ใหญ่ 1. กลุ่มพืช ใช้อายุและความสูงเป็ น เกณฑ์ แบ่งออกเป็ น 3 กลุ่ม คือ ไมย้ ืนตน้ ไมพ้ มุ่ และไมล้ ม้ ลกุ 2. กลุ่มสัตว์ ใช้สีของเลือดเป็ นเกณฑ์ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีเลือดสีแดง และกลุม่ ที่ไม่มีเลือดสีแดง

เอริ ์นสต์ แฮคเกล จดั จาแนกส่ิงมีชีวิต เป็น 3 อาณาจกั ร 1. อาณาจักรพืช คือ พวกที่สามารถสร้าง อาหารเองได้ และเคลื่อนที่ดว้ ยตวั เองไมไ่ ด้ 2. อาณาจักรสัตว์ คือ พวกที่ไม่สามารถ สร้างอาหารเองได้ และเคล่ือนท่ีดว้ ยตวั เองได้ 3. อาณาจักรโพรทิสตา คือ พวกที่ก้าก่ึง ระหวา่ งพืชและสัตว์ มีโครงสร้างไม่ซบั ซ้อนนกั เช่น ยกู ลีนา พารามีเซียม เป็นตน้

เฮอร์เบิร์ต โคปแลนด์ จดั จาแนกสิ่งมีชีวิต เป็น 4 อาณาจกั ร 1. อาณาจักรมอเนอรา คือ สิ่งมีชีวิตที่มี เซลลแ์ บบโพรแคริโอต (ไม่มีเย่ือหุ้มนิวเคลียส) ไดแ้ ก่ แบคทีเรีย และสาหร่ายสีเขียวแกมน้าเงิน 2. อาณาจักรโพรทิสตา คือ สิ่งมีชีวิตที่มี เซลล์แบบยูแคริโอต (มีเย่ือหุ้มนิวเคลียส) แต่ เซลลย์ งั ไม่รวมกลุ่มกนั เป็ นเน้ือเยื่อและอวยั วะ ไดแ้ ก่ โพรโตซวั รา สาหร่าย และราเมือก 3. อาณาจักรพืช คือ สิ่งมีชีวิตที่มีเซลล์ แบบยูแคริโอต ซ่ึงมีเซลล์หลายเซลล์ทางาน ร่วมกันเป็ นระบบเกิดเป็ นเน้ือเยื่อและอวยั วะ และสามารถสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้ 4. อาณาจักรสัตว์ คือ ส่ิงมีชีวิตท่ีมีเซลล์แบบยแู คริโอต ไม่สามารถสังเคราะห์ ดว้ ยแสงได้ จึงตอ้ งไดร้ ับอาหารจากสิ่งมีชีวติ อ่ืน

รอเบิร์ต วติ เทเกอร์ จดั จาแนกสิ่งมีชีวิต เป็ น 5 อาณาจกั ร ซ่ึง เป็ นที่นิยมในปัจจุบนั 1. อาณาจักรมอเนอรา คลา้ ยกบั แนวคิด ของโคปแลนด์ 2. อาณาจักรโพรทิสตา คือ กลุ่มส่ิงมีชีวิต ท่ีมีลกั ษณะแตกต่างกนั มาก และมีลกั ษณะก้าก่ึง ระหวา่ พชื และสัตว์ 3. อาณาจักรฟังไจ คือ กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ ไม่สามารถสร้างอาหารเองได้ ไดร้ ับอาหารจาก การดูดซึมจากภายนอก โดยการปล่อยเอนไซม์ ไปยอ่ ยอาหารภายนอกเซลล์ 4. อาณาจกั รพืช คือ กลุ่มส่ิงมีชีวติ ที่มีลกั ษณะคลา้ ยกบั แนวคิดของโคปแลนด์ 5. อาณาจกั รสัตว์ คือ กลุ่มสิ่งมีชีวติ ท่ีมีลกั ษณะคลา้ ยกบั แนวคิดของโคปแลนด์

ความหลากหลายของพืชและสัตว์

ความหลากหลายของพืช ปัจจุบนั พืชทว่ั โลกมีประมาณ 300,000 ชนิด หากใชเ้ น้ือเย่อื ท่อลาเลียงเป็ นเกณฑใ์ น การจาแนก สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุม่ คือ พชื ท่ีไม่มีท่อลาเลียง และพชื ท่ีมีท่อลาเลียง

พืชท่ไี ม่มีท่อลาเลยี ง • เป็นพืชที่มีขนาดเลก็ ไม่มีราก ลาตน้ ใบท่ีแทจ้ ริง แต่มีโครงสร้างที่ทาหนา้ ท่ีเสมือนราก ลาตน้ และใบ • ชอบข้ึนในท่ีชุมช้ืน และอากาศคอ่ นขา้ งเยน็ • เป็นพืชท่ีมีความสาคญั ตอ่ ระบบนิเวศ เนื่องจากช่วยใหค้ วามชุ่มช้ืนแก่ดิน • ไดแ้ ก่ มอสส์ ลิเวอร์เวิร์ต และฮอร์นเวิร์ต

พืชท่ีมีท่อลาเลยี ง • เป็นพชื ท่ีมีววิ ฒั นาการสูงกวา่ พชื ที่ไม่มีท่อลาเลียง ส่วนใหญม่ ีราก ลาตน้ และใบเจริญดี • สามารถปรับตวั และอาศยั อยบู่ นบกไดด้ ี • มีเน้ือเยอ่ื ลาเลียงน้าและแร่ธาตุ และเน้ือเยอื่ ลาเลียงอาหาร • แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ – พชื ที่มีท่อลาเลียงและไม่มีเมลด็ – พืชที่มีท่อลาเลียงและเมลด็ ไม่มีรังไข่ห่อหุม้ – พชื ที่มีท่อลาเลียงและเมลด็ มีรังไขห่ ่อหุม้

พืชที่มที ่อลาเลยี งและไม่มีเมลด็ • มีวงชีวิตแบบสลบั คือ มีระยะสปอร์โรไฟตแ์ ละแกมีโทไฟตส์ ลบั กนั ไป • มีสปอร์เป็นโครงสร้างท่ีใชใ้ นการสืบพนั ธุ์ • ตวั อยา่ งเช่น หวายทะนอย สามร้อยยอด หญา้ ถอดปลอ้ ง สนหางมา้ แหนแดง ยา่ นลิเภา เฟิ ร์นใบมะขาม เฟิ ร์นกา้ นดา จอกหูหนู ผกั แวน่ เป็นตน้

พืชท่ีมที ่อลาเลียงและเมล็ดไม่มรี ังไข่ห่อหุ้ม • เรียกพืชพวกน้ีวา่ พืชเมลด็ เปลือย • เป็นพืชกลมุ่ แรกที่มีการสืบพนั ธุโ์ ดยใชเ้ มลด็ โดยการผสมพนั ธุ์จะอาศยั ลมช่วยใน การถ่ายละอองเรณู ซ่ึงถือเป็นวิวฒั นาการข้นั สาคญั ของพชื ท่ีอาศยั อยบู่ นบก • ตวั อยา่ งเช่น สนสองใบ สนสามใบ สนสามพนั ปี ปรงเขา แปะก๊วย มะเมื่อย เป็นตน้

พืชท่ีมีท่อลาเลยี งและเมลด็ มรี ังไข่ห่อหุ้ม • เป็นพืชท่ีมีวิวฒั นาการสูงสุด มีราก ลาตน้ ใบท่ีแทจ้ ริง • มีเน้ือเยอ่ื ลาเลียงน้าและแร่ธาตุ และเน้ือเยื่อลาเลียงอาหาร เจริญดีมาก • มีดอกเป็นอวยั วะสืบพนั ธุ์ที่เปลี่ยนแปลงมาจากลาตน้ และ ใบ จึงเรียกวา่ พชื ดอก • เมลด็ มีรังไขห่ ่อหุม้ มีการสืบพนั ธุ์ที่เรียกวา่ ปฏิสนธิซอ้ น • ตวั อยา่ งเช่น กหุ ลาบ ทานตะวนั ชบา มะม่วง ทุเรียน แตงโม ขา้ วโพด ขา้ ว ไผ่ เป็นตน้

พชื ดอกแบ่งออกเป็น 2 กล่มุ ใหญๆ่ คือ พืชใบเล้ียงเด่ียว และพชื ใบเล้ียงคู่



ความหลากหลายของสัตว์ สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลงั • สตั วท์ ่ีไม่มีแกนค้าจุนลาตวั ที่เรียกวา่ แกนสนั หลงั • เป็นกลมุ่ ของสตั วท์ ่ีมีมากที่สุดในโลก





สัตว์มกี ระดูกสันหลงั • เป็นกลมุ่ สัตวท์ ี่มีแกนสนั หลงั ซ่ึงเป็นโครงร่างที่แขง็ แรง มีลกั ษณะเป็นท่อยาวขนานกบั ความยาวของลาตวั เปลี่ยนเป็นกระดูกสันหลงั เม่ือตวั โตเตม็ วยั



ความหลากหลายของพืชและสัตว์ในท้องถิ่น ประเทศไทยเป็ นแหล่งท่ีมีความหลากหลาย ของพืชและสัตวส์ ูงมากแห่งหน่ึงของโลก ซ่ึงมี สาเหตุสาคญั มาจากปัจจยั ดงั น้ี • ต้งั อยใู่ นเขตโซนร้อน เหนือเส้นศูนยส์ ูตร และอยู่ติดทะเล จึงมีสภาพอากาศที่ เหมาะสมต่อการเจริ ญเติบโตและการ แพร่พนั ธุข์ องส่ิงมีชีวิตหลายชนิด • สภาพภูมิประเทศในแต่ละภูมิภาคจะมี ความแตกต่างกัน ซ่ึงเอ้ือให้เกิดความ หลากหลายของส่ิงมีชีวติ • ต้งั อยู่บริเวณศูนยก์ ลางการกระจายพนั ธุ์ ของพืชและสัตวจ์ ากประเทศเพื่อนบ้าน ท้งั จากประเทศพม่า จีน และมาเลเซีย

ความหลากหลายทางชีวภาพกบั การดารงชีวติ

การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ทาใหเ้ กิดการแยกสายววิ ฒั นาการของสิ่งมีชีวติ ตา่ งๆ การหลีกหนีจากแหล่งที่อยเู่ ดิม การหมุนเวยี นของส่ิงมีชีวิตใหม่ทดแทนสิ่งมีชีวติ ที่อาศยั อยเู่ ดิม เช่น แผน่ ดินแยกจากกนั การเกิดแผน่ ดินไหว น้าแขง็ ข้วั โลกละลาย เป็นตน้

การกระทาของมนุษย์ มนุษยเ์ ป็นตวั การทาลายแหล่งที่อยอู่ าศยั แหล่งหากิน หรือแหล่งอาหารของส่ิงมีชีวิต ในป่ า ทาใหเ้ กิดการอพยพยา้ ยถิ่น หรือการสูญพนั ธุ์ของสัตวป์ ่ า เช่น การตดั ไมท้ าลายป่ า การปลอ่ ยสตั วต์ ่างถิ่นสู่ส่ิงแวดลอ้ ม เป็นตน้

ประโยชน์ของความหลากหลายทางชีวภาพต่อการดารงชีวติ ของมนุษย์ ด้านอาหาร มนุษยน์ าพืชและสัตวห์ ลายชนิดมาเป็นอาหาร โดยอาจจะไดม้ าจากป่ าธรรมชาติหรือ ผลผลิตจากการเพาะปลูก เช่น ผกั ผลไมต้ ่างๆ ไก่ เป็ด สุกร

ทอ่ี ยู่อาศัย ต้นไม้บางชนิดมีเน้ือไม้แข็งแรงและมีความสวยงาม สามารถนามาก่อสร้าง บา้ นเรือนได้ เช่น ตน้ สกั ไผ่ ยาง เป็นตน้

เคร่ืองนุ่งห่ม เส้นใยจากพืชสามารถนามาทาเป็ นเส้ือผา้ และเคร่ืองนุ่งห่มได้ เช่น ฝ้าย ลินิน ปอ ป่ าน นุ่น เป็นตน้ เส้นใยจากสตั ว์ เช่น ขนสัตว์ ใยไหม เป็นตน้

ยารักษาโรค ส่วนตา่ งๆ ของพชื สามารถนามาใชร้ ักษาโรคได้ ซ่ึงสมุนไพรแต่ละชนิดจะมีสรรพคุณ ในการรักษาโรค หรือบรรเทาอาการเจบ็ ป่ วยไดต้ า่ งกนั

ตัวอย่างสมุนไพรที่นามาใช้รักษาโรคหรือบรรเทาอาการเจ็บป่ วย สมุนไพร สรรพคณุ กะเพรา - นาใบมาตม้ แลว้ กรองเอาน้าดื่ม แกอ้ าการทอ้ งอืด ทอ้ งเฟ้อ ปวดทอ้ ง ขิง - ใชเ้ หงา้ สดทุบใหแ้ ตกแลว้ ตม้ เอาน้าดื่ม แกอ้ าการทอ้ งอดื ทอ้ งเฟ้อ ปวดทอ้ ง และคลน่ื ไส้ ข้ึนฉ่าย อาเจียน - ใชเ้ หงา้ ฝนกบั น้ามะนาว ใชก้ วาดคอบ่อยๆ แกไ้ อ ขบั เสมหะ - ใชต้ น้ สดตม้ กบั น้าด่ืม หรือใชป้ ระกอบอาหารรับประทานช่วยขบั ปัสสาวะ - ใชต้ น้ สดนามาตา ค้นั เอาแต่น้าผสมกบั น้าผ้งึ หรือใชป้ ระกอบอาหารรับประทานช่วย ลดความดนั ชาจีน - นาใบแหง้ ชงน้าร้อนแกก้ ระหายน้า ทาใหช้ ุ่มคอ กระตุน้ หวั ใจ ขบั ปัสสาวะ แกป้ วดเม่ือย ตะไคร้ ตามร่างกาย ทอ้ งร่วง งวงนอน พริกข้ีหนู - กากใบชา ใชพ้ อกแผลทเี่ กิดจากน้าร้อนลวกไฟไหม้ - ใชร้ ับประทาน ช่วยขบั ลม ขบั เหงื่อ แกโ้ รคนิ่ว ทอ้ งอืด ทอ้ งเฟ้อ จุกเสียด ช่วยลดความดนั โลหิต แกไ้ ข้ - น้ามนั หอมระเหยใชส้ ูดลมบรรเทาอาการคลนื่ ไส้อาเจียน - ใชร้ ับประทาน ช่วยในการไหลเวียนของโลหิต

ตัวอย่างจุลินทรีย์ท่ีนามาใช้ผลติ สารปฏิชีวนะเพ่ือใช้รักษาโรค จุลนิ ทรีย์ ยาปฏชิ ีวนะ สรรพคุณ streptomycin ทาลายเช้ือวณั โรค เช้ือแบคทีเรียในลาไส้ Streptomyces griseus chloramphenicol ทาลายเช้ือไทฟอยด์ เยอื่ หุม้ สมองอกั เสบ Streptomyces neomycin รักษาโรคผวิ หนงั ท่ีเกิดจากแบคทีเรีย venezuelae tyrothricin เป็นส่วนประกอบในน้ายาบว้ นปาก polymycin รักษาอาการเคืองตา Streptomyces fradiae penicilin ทาลายเช้ือแบคทีเรียที่ทาใหเ้ กิดหนอง doxycylin ทาลายเช้ือแบคทีเรี ยที่เป็ นสาเหตุของโรคหลอดลม Bacillus brevis อกั เสบ ปอดอกั เสบ Bacillus polymyxa Penicillium sp. Propionbactetium acnes

โทษของความหลากหลายทางชีวภาพ เป็ นพษิ ต่อร่างกาย พืช สัตว์ และจุลินทรียบ์ างชนิดมีพิษต่อร่างกาย ของมนุษย์ ดังน้ันจะต้องมีข้ันตอนหรื อกรรมวิธี บางอยา่ งเพ่ือกาจดั ความเป็ นพิษน้นั เช่น ปลาปักเป้า แมงดาทะเล เป็นตน้

ทาให้อาหารเน่าเสีย อาหารท่ีเน่าเสียเกิดจากจุลินทรียเ์ จริญเติบโต บนอาหาร ยอ่ ยสลายอาหารเพ่อื การดารงชีวิต แลว้ ปล่อยสารบางชนิดออกมา ทาให้อาหารมีรูปร่าง สี กลิ่น รสชาติ และคุณภาพเปลี่ยนไป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook