Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยที่ 7

วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยที่ 7

Description: วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 หน่วยที่ 7

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 เอกภพ

เอกภพ ระบบสุริยะ ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ เทคโนโลยอี วกาศ ในระบบสุริยะ กาแลก็ ซีและเอกภพ

ระบบสุริยะ

กาเนิดระบบสุริยะ • ดวงอาทิตยแ์ ละบริวารเกิดข้ึนเม่ือประมาณ 4,600 ลา้ นปี มาแลว้ • มวลสารของแก๊สและมวลสารของกลุ่มธุลีใน อวกาศรวมตวั กนั ทาใหเ้ กิดดวงอาทิตยแ์ ละ ดาวบริวาร • ดวงอาทิตยจ์ ะหมุนรอบตวั เอง ส่วนดาวบริวาร จะหมุนรอบตวั เองและโคจรรอบดวงอาทิตย์

วตั ถุในระบบสุริยะ ดวงอาทติ ย์ (Sun) • เป็นดาวฤกษข์ นาดใหญ่ มีอายปุ ระมาณ 5,000 ลา้ นปี • เป็นศูนยก์ ลางของระบบสุริยะ • ประกอบดว้ ยแก๊สไฮโดรเจนท่ีอดั แน่นภายใต้ แรงดึงดูดสูง • มีอณุ หภมู ิท่ีผิวประมาณ 5,800 องศาเซลเซียส

ดาวเคราะห์ (Planet) • เป็นดาวที่ไม่มีแสงสวา่ งในตวั เอง • มีท้งั หมด 8 ดวง ไดแ้ ก่ ดาวพธุ ดาวศุกร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนสั และดาวเนปจูน ดาวเคราะห์น้อย (Asteroids) • เป็นดาวที่มีขนาดเลก็ ซ่ึงในระบบสุริยะมีอยปู่ ระมาณ 50,000 ดวง • มีวงโคจรอยรู่ ะหวา่ งดาวองั คารกบั ดาวพฤหสั บดี • ดาวเคราะห์นอ้ ยดวงแรกท่ีถกู คน้ พบชื่อวา่ เซเรส

ดาวหาง (Comet) • เป็นกลุ่มมวลสารท่ีหลงเหลือจากการกาเนิดระบบสุริยะ • ประกอบดว้ ยแกส๊ ท่ีรวมตวั กนั เป็นกอ้ นแขง็ น้า ฝ่ นุ ธุลี และกอ้ นหินที่อยกู่ นั อยา่ งหลวมๆ ซ่ึงไม่มีแสงในตวั เอง • การท่ีมองเห็นดาวหางมีแสงเน่ืองจากดาวหางโคจรเขา้ ใกลด้ วงอาทิตย์

อุกกาบาต (Meteor) • เป็นสะเกด็ ดาวหรือเศษชิ้นส่วนที่หลดุ ออกจาก ดวงดาว ซ่ึงโคจรอยรู่ อบดวงอาทิตย์ • เมื่อผา่ นเขา้ มาในบรรยากาศของโลกจะถูก แรงดึงดูดของโลกดึงดูดเขา้ มาและเสียดสีกบั บรรยากาศจนเกิดการลกุ ไหม้ ดาวเคราะห์แคระ (Dwaf Planet) • เป็นวตั ถุขนาดเลก็ ที่มีรูปร่างคลา้ ย ทรงกลม แต่มีวงโคจรเป็นรูปวงรี ซ่ึงซอ้ นทบั กบั ดาวเคราะหด์ วงอ่ืน ดาวพลโู ต ดาวอรี สี ดาวเซเรส

ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ

ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ • ดาวเคราะหว์ งใน คือ ดาวเคราะห์ท่ีอยใู่ กลด้ วงอาทิตยม์ ากกวา่ โลก ไดแ้ ก่ ดาวพธุ และ ดาวศุกร์ • ดาวเคราะหว์ งนอก คือ ดาวเคราะห์ท่ีอยหู่ ่างจากดวงอาทิตยม์ ากกวา่ โลก ไดแ้ ก่ ดาวองั คาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนสั และดาวเนปจูน

โลก (Earth) โลกถือเป็ นดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มี อุณหภูมิและสภาพแวดลอ้ มที่เหมาะสม ต่อการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต โลกกบั ดวงอาทติ ย์ • โลกหมุนรอบตวั เอง 1 รอบ ใชเ้ วลา 1 วนั หรือ 24 ชว่ั โมง • การที่โลกหมุนรอบตวั เอง ทาใหเ้ กิดกลางวนั กลางคืน • โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ ใชเ้ วลาประมาณ 365.24 วนั โดยโคจรในลกั ษณะท่ี แกนเอียง 23.5 องศา ซ่ึงทาใหเ้ กิดฤดูกาล

โลกกบั ดวงจนั ทร์ โลกมีดวงจนั ทร์เป็นบริวาร 1 ดวง โดยดวงจนั ทร์ จะโคจรรอบโลก ทาใหเ้ กิดปรากฏการณ์ตา่ งๆ ข้างขนึ้ ข้างแรม • เกิดจากดวงจนั ทร์หมุนรอบตวั เองและโคจรรอบโลก ทาใหแ้ ต่ละคืนตาแหน่งของ ดวงจนั ทร์จะเปลี่ยนไป • ช่วงเวลาที่มองเห็นส่วนสวา่ งของดวงจนั ทร์ค่อยๆ โตข้ึนเร่ือยๆ เรียกวา่ วนั ขา้ งข้ึน • วนั ท่ีเห็นส่วนสวา่ งของดวงจนั ทร์เตม็ ดวง เรียกวา่ วนั เพญ็ • วนั ท่ีมองไม่เห็นส่วนสวา่ งของดวงจนั ทร์เลย เรียกวา่ วนั เดือนดบั

แนววงโคจรของดวงจนั ทร์และการเกิดขา้ งข้ึนขา้ งแรม

นา้ ขึน้ น้าลง • เกิดจากดวงอาทิตยแ์ ละดวงจนั ทร์ต่างส่งแรงดึงดูดมายงั โลก ทาใหเ้ กิดน้าข้ึนน้าลง ตามริมทะเล

สุริยุปราคาหรือสุริยคราส • เกิดจากโลก ดวงจนั ทร์ และดวงอาทิตย์ เคล่ือนที่มาอยใู่ นแนวเดียวกนั โดยดวงจนั ทร์ อยรู่ ะหวา่ งโลกกบั ดวงอาทิตย์ • ดวงจนั ทร์ไปบงั แสงจากดวงอาทิตย์ ทาให้ ไม่สามารถมองเห็นแสงอาทิตย์

จันทรุปราคาหรือจนั ทรคราส • เกิดจากโลก ดวงจนั ทร์ และดวงอาทิตย์ เคล่ือนที่มา อยใู่ นแนวเดียวกนั โดยโลกอยรู่ ะหวา่ งดวงอาทิตย์ กบั ดวงจนั ทร์ • โลกไปบงั แสงอาทิตย์ แสงอาทิตยจ์ ึงส่องไปไม่ถึง ดวงจนั ทร์ ทาใหม้ องเห็นดวงจนั ทร์มืดลงชวั่ ขณะ

ดาวพธุ (Mercury) • เป็นดาวเคราะหท์ ่ีอยใู่ กลด้ วงอาทิตยม์ ากที่สุด • ไม่มีดวงจนั ทร์เป็นบริวาร • ไม่มีบรรยากาศปกคลมุ • กลางวนั อุณหภูมิสูงถึง 430 องศาเซลเซียส กลางคืน อณุ หภูมิจะต่าถึง -170 องศาเซลเซียส • ไดร้ ับฉายาวา่ เตาไฟแช่แขง็ ดาวศุกร์ (Venus) • เป็นดาวเคราะห์ที่มองเห็นสวา่ งท่ีสุดในทอ้ งฟ้า • ไม่มีดวงจนั ทร์เป็นบริวาร • ถา้ เห็นตอนหวั ค่า เรียกวา่ ดาวประจาเมือง ถา้ เห็น ตอนเชา้ มืด เรียกวา่ ดาวประกายพรึก • มีฉายาวา่ ดาวเคราะห์ฝาแฝดของโลก

ดาวองั คาร (Mars) • เป็นดาวที่มีขนาดเลก็ กวา่ โลกประมาณคร่ึงหน่ึง • เป็นดาวท่ีนกั วทิ ยาศาสตร์เช่ือวา่ น่าจะมี สิ่งมีชีวิตอาศยั อยู่ จึงมีการส่งยานอวกาศไป สารวจหลายคร้ัง ดาวพฤหัสบดี (Jupiter) • เป็นดาวเคราะหท์ ี่มีขนาดใหญท่ ี่สุด จึงมีฉายาวา่ ดาวเคราะหย์ กั ษ์ • มีวงแหวนเช่นเดียวกบั ดาวเสาร์ • มีดวงจนั ทร์เป็นบริวาร 63 ดวง • พ้ืนผิวเตม็ ไปดว้ ยแกส๊ ท่ีมีความหนาแน่นสูง

ดาวเสาร์ (Saturn) • มีขนาดใหญ่เป็นอนั ดบั สองรองจากดาวพฤหสั บดี • มีดวงจนั ทร์เป็นบริวารอยา่ งนอ้ ย 30 ดวง • ดวงจนั ทร์บริวารที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือ ไททนั • เป็นดาวเคราะหท์ ่ีสวยท่ีสุดเมื่อมองผา่ นกลอ้ งโทรทรรศน์ • มีวงแหวนลอ้ มรอบประมาณ 7 ช้นั และมีวงแหวนเลก็ ๆ ซอ้ นกนั อยจู่ านวนมาก

ดาวยูเรนัส (Uranus) • เป็นดาวเคราะห์แก๊สสีเขียวอ่อน • มีขนาดใหญ่เป็นอนั ดบั 3 ในระบบสุริยะ • มีวงแหวนบางๆ ลอ้ มรอบอยา่ งนอ้ ย 9 วง • โคจรรอบดวงอาทิตยโ์ ดยเอาข้วั นาไปก่อน จึงมองเห็นวงแหวนในแนวด่ิง ดาวเนปจูน (Naptune) • มีขนาดใหญ่เป็นอนั ดบั 4 ในระบบสุริยะ • แผพ่ ลงั งานออกมามากกวา่ ไดร้ ับพลงั งานจาก ดวงอาทิตย์ • พ้นื ผิวมีอณุ หภมู ิเยน็ จดั ถึง -200 องศาเซลเซียส

กาแลก็ ซีและเอกภพ

กาแลก็ ซี เป็นบริเวณท่ีประกอบดว้ ยดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ บริวารของดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์นอ้ ย ดาวหาง อกุ กาบาต รวมท้งั แก๊สและฝ่ นุ ธุลีในอวกาศ ชนิดของกาแลก็ ซี หากใชร้ ูปร่างหรือลกั ษณะท่ีมองเห็นจากโลกเป็นเกณฑ์ สามารถแบ่ง ออกเป็น 4 กลุม่ ดงั น้ี • กาแลก็ ซีกงั หนั • กาแลก็ ซีกงั หนั แบบมีคาน • กาแลก็ ซีรูปไข่ • กาแลก็ ซีรูปร่างไม่แน่นอน

กาแลก็ ซีกังหัน: เมื่อมองจาก กาแลก็ ซีกังหันแบบมีคาน: บริเวณ ตรงกลางมีลกั ษณะคลา้ ยคานและมีแขน ดา้ นบน ตรงกลางจะมีขนาดใหญ่ ซ่ึง ต่อออกมาจากปลายคานท้งั สองขา้ ง มีการหมุนเร็วกวา่ กาแลก็ ซีทุกประเภท เตม็ ไปดว้ ยดวงดาวท่ีมีอายมุ าก ส่วน ดาวที่อยตู่ ามแขนของกงั หนั เป็นดาวท่ี มีอายนุ อ้ ย

กาแล็กซีรูปไข่: มีรูปร่างข้ึนอยู่ กาแลก็ ซีรูปร่างไม่แน่นอน: กบั การหมุนของกาแลก็ ซี ถา้ หมุนชา้ ส่วนใหญ่เป็นกาแลก็ ซีขนาดเลก็ จะมีรูปร่างกลม แต่ถา้ หมุนเร็วจะมี รูปร่างยาวรี

องค์ประกอบของกาแลก็ ซี • กระจุกดาว: กลุ่มดาวฤกษต์ ้งั แต่สิบดวงข้ึนไปจนถึงหลายสิบลา้ นดวง • สสารระหว่างดาว: ประกอบดว้ ยแก๊ส ฝ่ นุ ธุลี และชิ้นส่วนของสะเกด็ ดาว • เนบิวลา: ส่ิงที่ปรากฏเป็นเมฆ หมอก หรือฝ่ นุ ธุลีท่ีอยคู่ งท่ีท่ามกลางดาวฤกษบ์ นทอ้ งฟ้า แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดงั น้ี - เนบิวลาสวา่ ง โดยแบ่งออกไดเ้ ป็นเนบิวลาสะทอ้ นแสง ซ่ึงสะทอ้ นแสงสวา่ งที่ส่องมา จากดาวฤกษ์ และเนบิวลาเรืองแสง ซ่ึงเปล่งแสงออกมาจากตวั เอง - เนบิวลามืด เป็นกลมุ่ แกส๊ และฝ่ นุ ธุลีจานวนมากท่ีหนาทึบ

เอกภพ บริเวณอนั กวา้ งใหญ่ไพศาล ไม่มีขอบเขตจากดั ซ่ึงประกอบดว้ ยกาแลก็ ซีหลายกาแลก็ ซี รวมกนั อยเู่ ป็นระบบ กาเนิดเอกภพ ทฤษฎีบิกแบง (Big-Bang Theory) กลา่ ววา่ “ สรรพส่ิงท้งั มวลในเอกภพที่ปรากฏอยนู่ ้ี คร้ังหน่ึงเคยรวมตวั กนั เป็นกล่มุ กอ้ น และอดั ตวั อยรู่ วมกนั แน่นดว้ ยพลงั มหาาาล ตอ่ มา เอกภพเกิดการระเบิดคร้ังยงิ่ ใหญ่ ซ่ึงมวลและ พลงั งานมหาาาลถกู ปลอ่ ยออกมา แตค่ วามร้อน และพลงั งานไดด้ ึงดูดกนั ไว้ ทาใหส้ ารตา่ งๆ รวมตวั กนั เกิดเป็นดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ กระจุกดาว กาแลก็ ซี และพลงั งานตา่ งๆ”

การขยายตัวของเอกภพ กาแลก็ ซีแตล่ ะกาแลก็ ซีกาลงั เคลื่อนตวั ออกห่างกนั ไปเร่ือยๆ ทุกทิศทาง โดย สามารถตรวจสอบไดจ้ ากการเปลี่ยนแปลง เสน้ สเปกตรัมของแสงที่ไดร้ ับท่ีบง่ บอกวา่ กาลงั เคล่ือนท่ีออกไป ซ่ึงเป็นสิ่งที่แสดงให้ เห็นวา่ เอกภพมีการขยายตวั ออกไปเร่ือยๆ

ดาวฤกษ์

ดาวฤกษ์ • ดาวฤกษ์ คือ มวลของกลมุ่ แกส๊ ร้อนรูปทรงกลม ที่สามารถปลอ่ ยพลงั งานแสง ความร้อน และ รังสีต่างๆ ออกมาได้ • พลงั งานที่ปลอ่ ยออกมาจากดาวฤกษ์ เกิดจาก ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิ ชชนั • ดาวฤกษม์ ีองคป์ ระกอบที่สาคญั คือ ไฮโดรเจน ฮีเลียม และธาตโุ ลหะ ที่อยใู่ นสภาพแก๊ส

ววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์ • เริ่มจากมวลสารระหวา่ งดวงดาวมารวมกนั แลว้ เกิดแรงอดั ตวั กนั กลายเป็นดาวฤกษ์ • ดวงอาทิตย์ คือ ดาวฤกษด์ วงหน่ึง ซ่ึงปัจจุบนั มีสีเหลืองแตต่ อ่ ไปเมื่อใกลห้ มดอายจุ ะมี ขนาดใหญ่ข้ึนและเปลี่ยนเป็นสีแดง เรียกวา่ ดาวยกั ษ์แดง หลงั จากน้นั จะค่อยๆ หดตวั จนมีขนาดเลก็ ลงและมีสีขาว เรียกวา่ ดาวแคระขาว กลุ่มแก๊สและฝ่ ุนธุลี ดาวยักษ์แดง ทร่ี วมเป็ นดาวฤกษ์ ดาวแคระขาว จดุ เริ่มต้น การแตกดับ

อุณหภูมแิ ละสีของดาวฤกษ์ • สีของดาวฤกษส์ ามารถบอกถึงอณุ หภูมิของดาวแตล่ ะดวง และยงั บอกถึงอายขุ อง ดาวฤกษไ์ ด้ • ดาวฤกษท์ ่ีมีอายนุ อ้ ยจะมีอณุ หภมู ิสูง และมีสีน้าเงิน ส่วนดาวฤกษท์ ี่มีอายมุ ากจะมี อุณหภมู ิต่าและมีสีแดง

กลุ่มดาวฤกษ์ เป็นกลุ่มดาวประจาท่ี ซ่ึงมีระยะห่างกนั คงท่ีเสมอ ทาใหเ้ กิดเป็นรูปร่างตา่ งๆ ตามที่ ผมู้ องจินตนาการ กล่มุ ดาว 12 ราศี • กล่มุ ดาวฤกษ์ 12 กลุ่ม ท่ีปรากฏอยตู่ ามเสน้ แถบ สุริยวิถี กลางทอ้ งฟ้าที่พาดผา่ นจากขอบฟ้าดา้ น ทิศตะวนั ออกไปถึงขอบฟ้าดา้ นทิศตะวนั ตก • วิธีการสงั เกต คือ ขณะที่ดวงอาทิตยก์ าลงั ลบั จาก ขอบฟ้า กลุม่ ดาว 12 ราศี จะปรากฏบริเวณใกลๆ้ กบั ท่ีดวงอาทิตยต์ ก

กลุ่มดาว 12 ราศีในแต่ละเดือน

กลุ่มดาว 12 ราศีในแต่ละเดือน

กลุ่มดาว 12 ราศีในแต่ละเดือน

กล่มุ ดาวฤดูกาลต่างๆ • กลุ่มดาวฤดูหนาว: กล่มุ ดาวนายพราน กลุม่ ดาวววั กลมุ่ ดาวลกู ไก่ • กลุ่มดาวฤดูร้อน: กลมุ่ ดาวหมีใหญ่หรือกลุ่มดาว จระเข้ กล่มุ ดาวกางเขนใต้ กลุ่มดาวสิงโต กลุ่มดาว คนยงิ ธนู กลมุ่ ดาวหญิงพรหมจารี • กลุ่มดาวฤดูฝน: กลุ่มดาวหงส์ กลุ่มดาวพณิ กลุ่มดาวเฮอร์คิวลิส กล่มุ ดาวแมงป่ อง กล่มุ ดาวนายพราน

แผนทด่ี าว แผนท่ีแสดงตาแหน่งของดวงดาวบนทอ้ งฟ้าที่โคจร รอบโลก มีลกั ษณะเป็นทรงกลม ซ่ึงกาหนดใหต้ วั ผดู้ ู เป็นศูนยก์ ลางของทอ้ งฟ้าเสมอ การทาแผนทดี่ าว จะตอ้ งทราบสิ่งตา่ งๆ ดงั น้ี • ทิศบนท้องฟ้า: ดวงอาทิตยแ์ ละดวงดาวข้ึนทางทิาตะวนั ออกและลบั ขอบฟ้าทาง ทิาตะวนั ตก • เส้นขอบฟ้า: เสน้ วงกลมบนพ้นื โลกท่ีจรดกบั ขอบฟ้าลอ้ มรอบตวั เรา • เส้นเมอริเดียนท้องฟ้า: เสน้ ที่แบ่งคร่ึงทอ้ งฟ้าออกเป็นสองส่วน คือ ซีกโลกตะวนั ออก และตะวนั ตก • เส้นศูนย์สูตรท้องฟ้า: อยใู่ นระนาบเดียวกบั เสน้ าูนยส์ ูตรของโลก • จุดยอดท้องฟ้า: จุดสูงสุดบนทอ้ งฟ้าซ่ึงจะอยเู่ หนือาีรษะพอดี

ตาแหน่งและเส้นต่างๆ ที่ควรทราบในการทาแผนที่ดาว

การอ่านแผนที่ดาว แหงนหนา้ ข้ึนไปบนทอ้ งฟ้าแลว้ ยกแผนที่ดาวข้ึนเหนือศีรษะ ต้งั ทิศแผนท่ีดาวและทิศจริง ใหต้ รงกนั จะทาใหเ้ ห็นดาวบนฟ้าตรงกบั แผนที่ดาว

การใช้ประโยชน์จากดาวฤกษ์ การหาทิศ • ดาวท่ีนิยมใชใ้ นการหาทิศ คือ ดาวเหนือ ซ่ึงอยใู่ น กลุ่มดาวหมีเลก็ • หากตอ้ งการหาทิศใต้ อาจใชก้ ล่มุ ดาวกางเขนใต้ การบอกเวลา • กล่มุ ดาวหมีใหญเ่ ป็นกลุ่มดาวท่ีนิยมใชบ้ อกเวลา ซ่ึงคนไทยเรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ กล่มุ ดาวจระเข้ • เวลา 24.00 น. กลุม่ ดาวจระเขจ้ ะอยกู่ ลางทอ้ งฟ้า โดยส่วนหวั จะช้ีไปทางทิศเหนือ และเวลาใกลส้ วา่ ง ส่วนหวั จะค่อยๆ ลบั ขอบฟ้าไปทางทิศตะวนั ตก

เทคโนโลยอี วกาศ

เทคโนโลยอี วกาศ เทคโนโลยอี วกาศ หมายถึง การนาความรู้ เครื่องมือ และวธิ ีการตา่ งๆ ทางวทิ ยาศาสตร์ มาปรับใชก้ บั การศึกษาทางดาราศาสตร์ และอวกาศ ตลอดจนสามารถนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ ห้ สอดคลอ้ งกบั ทรัพยากรธรรมชาติ และการดารงชีวติ ของมนุษย์

การเดนิ ทางสู่อวกาศ การเดินทางสู่อวกาศจาเป็นตอ้ งศึกษาปัจจยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง ดงั น้ี แรงโน้มถ่วงของโลก • เป็นแรงท่ีดึงดูดต่อวตั ถทุ ้งั หมดบนโลก ไม่ใหห้ ลุดลอยออกไปนอกโลก • การส่งยานอวกาศหรือดาวเทียมจาก โลกสู่อวกาศ จะตอ้ งอาศยั แรงขบั มหาศาล และความเร็วสูงมากๆ • ความเร็วท่ีทาใหย้ านอวกาศเคล่ือนที่ หลุดจากแรงโนม้ ถ่วงของโลก เรียกวา่ ความเร็วหลดุ พน้

แรงกริ ิยาและแรงปฏิกริ ิยา การส่งยานอวกาศหรือดาวเทียมข้ึนไปตอ้ งอาศยั กฎการเคลื่อนท่ีขอ้ ท่ี 3 ของนิวตนั ซ่ึงกลา่ ววา่ ทุกแรงกิริยากย็ อ่ มมีแรงปฏิกิริยาท่ีมีขนาดเท่ากนั กระทาในทิศตรงกนั ขา้ มเสมอ วงโคจรของดาวเทยี ม ดาวเทียมที่โคจรรอบโลกไดเ้ นื่องจาก ความเร็วของดาวเทียมท่ีโคจรรอบโลก สมดุลกบั แรงโนม้ ถว่ งของโลก

ความก้าวหน้าของการสารวจอวกาศ ยคุ ก่อนอวกาศ • พ.ศ. 2152 กาลิเลโอประดิษฐก์ ลอ้ งโทรทรรศน์ ตวั แรกข้ึน • พ.ศ. 2474 มีการใชค้ ลื่นวิทยสุ ารวจดวงดาวที่ เรียกวา่ วทิ ยุดาราศาสตร์ และในเวลาตอ่ มามีการ สร้างกลอ้ งโทรทรรศนว์ ิทยุ • การสารวจวตั ถุบนทอ้ งฟ้าในอดีตทาไดเ้ พียงการ ใชก้ ลอ้ งโทรทรรศน์ และกลอ้ งโทรทรรศนว์ ิทยุ เท่าน้นั

ยุคอวกาศ • มีการประดิษฐย์ านอวกาศเพือ่ ส่งไปสารวจอวกาศ • สหภาพโซเวยี ตส่งดาวเทียมดวงแรกข้ึนสู่อวกาศชื่อ สปุตนิก 1 • มีการจดั ต้งั โครงการสารวจอวกาศ โดยท้งั สหภาพโซเวยี ต สหรัฐอเมริกา และ อีกหลายประเทศไดส้ ่งดาวเทียมและยานอวกาศข้ึนไปโคจรรอบโลก • มีการส่งยานอวกาศไปสารวจดาวเคราะหต์ า่ งๆ และมีการจดั ต้งั สถานีอวกาศ เพอ่ื เป็นสถานีทดลองทางวิทยาศาสตร์บนอวกาศ

เทคโนโลยสี ารวจอวกาศ ดาวเทยี ม เป็นส่ิงประดิษฐท์ ี่มนุษยส์ ่งไปโคจรรอบโลก โดยอาศยั ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั แรงโนม้ ถ่วงของโลกและวงโคจรของ ดาวเทียม ซ่ึงดาวเทียมมีประโยชนต์ อ่ มนุษยห์ ลายดา้ น ด้านการสื่อสาร • ใชด้ าวเทียมเป็นสถานีรับส่งคลื่นวทิ ยุ เพื่อการสื่อสาร และโทรคมนาคม • ใชต้ ิดตอ่ สื่อสารท้งั ในและต่างประเทศ

ด้านการพยากรณ์อากาศ • ดาวเทียมอตุ ุนิยมวทิ ยาส่งสญั ญาณภาพถา่ ยทางอากาศมา สู่พ้นื ดิน ซ่ึงเป็นขอ้ มูลดา้ นอตุ นุ ิยมวิทยา • ดาวเทียมอตุ นุ ิยมวทิ ยาดวงแรกที่ส่งข้ึนไปโคจรรอบโลก คือ ดาวเทียมไทรอส-1 ดาวเทียมไทรอส-1 ด้านการสารวจทรัพยากรธรรมชาติ • ใชป้ ระโยชนจ์ ากดาวเทียมในดา้ นป่ าไม้ การเกษตร การใชท้ ่ีดิน อุทกวิทยา ธรณีวิทยา สิ่งแวดลอ้ ม และการทาแผนท่ี • ดาวเทียมสารวจทรัพยากรธรรมชาติ ที่สาคญั ไดแ้ ก่ ดาวเทียมแลนดแ์ ซท ดาวเทียม สปอต ดาวเทียมมอส-1 ดาวเทียมธีออส

ด้านการสารวจสมุทรศาสตร์ • ใชด้ าวเทียมสารวจสมุทรศาสตร์ทาการบนั ทึกขอ้ มูลในช่วงคลื่นไมโครเวฟ • ดาวเทียมสารวจสมุทรศาสตร์ท่ีถกู ส่งไปโคจรรอบโลก เช่น ดาวเทียมซีแซท ดาวเทียม เรดาร์แซท ดาวเทียมมอส-1 ดาวเทียมธีออส

ยานอวกาศ ยานพาหนะท่ีมีเครื่องยนต์ หรือสิ่งอ่ืนท่ีใชบ้ งั คบั ยานอวกาศใหเ้ คล่ือนท่ีไป หรือกลบั สู่พ้ืนโลก หรือ จอดบนพ้นื ผิวดาวเคราะห์ท่ีตอ้ งการสารวจ จรวด • ส่ิงประดิษฐท์ ่ีใชเ้ ป็นอาวธุ และใชใ้ นการส่งยานอวกาศ หรือดาวเทียมข้ึนจากพ้นื โลก • จรวดที่ใชส้ ่งยานอวกาศหรือดาวเทียมจะมีหลายท่อน โดยแตล่ ะท่อนจะบรรจุเช้ือเพลิงได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook