Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่1 ตัวต้านทาน

หน่วยที่1 ตัวต้านทาน

Published by Saksit Klawkla, 2018-08-30 22:34:40

Description: หน่วยที่1 ตัวต้านทาน

Keywords: resister

Search

Read the Text Version

1 แผนการสอน/แผนการเรียนรู้ภาคทฤษฏี แผนการสอน/การเรียนรู้ภาคทฤษฎี บทที่ 1 ช่ือวชิ า งานไฟฟ้ าและอิเลก็ ทรอนิกส์เบ้ืองตน้ สอนสปั ดาห์ที่1 (Basic Electricity and Electronic) ช่ือหน่วย ตวั ตา้ นทาน คาบรวม 8ชื่อเร่ือง. ตวั ตา้ นทาน จานวนคาบ 8หวั ข้อเร่ืองด้านความรู้1. ความตา้ นทานในวตั ถุ2. ตวั ตา้ นทานตามประเภทวสั ดุท่ีใช้3. ตวั ตา้ นทานตามรูปแบบผลิต4. การอ่านความตา้ นทานจากรหสั ตวั เลขตวั อกั ษร5. การอ่านความตา้ นทานจากรหสั สี6. การต่อตวั ตา้ นทาน7. บทสรุปด้านทกั ษะ1. แปลงหน่วยความตา้ นทานได้2. อ่านคา่ ความตา้ นทานแสดงเป็นตวั เลขตวั อกั ษรได้3. อ่านค่าความตา้ นทานแสดงเป็นแถบสีได้ด้านคุณธรรม จริยธรรม1. เพ่ือให้มีเจตคติท่ีดีต่อการเตรียมความพร้อมดา้ นการเตรียม วสั ดุ อุปกรณ์ และการปฏิบตั ิงานอยา่ ง ถูกตอ้ ง สาเร็จภายในเวลาที่กาหนด มีเหตุและผลตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง2. เตรียมความพร้อมดา้ น วสั ดุ อุปกรณ์สอดคลอ้ งกบั งานไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง3. มีความรับผิดชอบ ปฏิบตั ิงานไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งในเร่ืองมอเตอร์และการควบคุมเบ้ืองตน้ สาเร็จภายใน เวลาท่ีกาหนดอยา่ งมีเหตุและผลตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

2สาระสาคญั ชนิดของตวั ตา้ นทานแบง่ ออกไดต้ ามวสั ดุที่ใชผ้ ลิต คือวสั ดุประเภทโลหะทามาจากโลหะผสมของนิกเกิล แคดเมียม ทองแดง แมงกานีส และโครเมียม เป็ นตน้ ส่วนวสั ดุประเภทอโลหะ ทามาจากผงคาร์บอนอดั หรือฟิ ล์มคาร์บอน และแบ่งออกได้ตามรูปแบบท่ีผลิต ไดแ้ ก่แบบคงที่ แบบแบ่งค่า แบบเปลี่ยนค่า แบบปรับค่า และแบบพิเศษ แต่ละแบบของตวั ตา้ นทานที่ผลิตข้ึนมาสามารถใช้วสั ดุได้ท้งั ประเภทโลหะและประเภทอโลหะ การอ่านคา่ ความตา้ นทานที่แสดงไวบ้ นตวั ตา้ นทานอา่ นไดห้ ลายแบบแลว้ แตแ่ บบท่ีบอกค่าไว้ เช่นแบบแสดงค่าออกมาโดยตรง แบบน้ีจะพิมพค์ ่าความตา้ นทานบอกไวส้ ามารถอ่านออกมาไดโ้ ดยตรง แบบแสดงค่าเป็ นรหสั แบบน้ีจะพิมพค์ ่าความตา้ นทานบอกไวส้ ามารถอ่านออกมาไดโ้ ดยตรง และแบบแสดงค่าเป็ นแถบสีแบบน้ีตอ้ งแปลงแถบสีใหเ้ ป็นตวั เลขก่อน แปลงรหสั ตวั เลขเป็นคา่ ความตา้ นทาน จดั หน่วยให้ถูกตอ้ งจึงจะอ่านคา่ ความตา้ นทานออกมาได้ แถบสีที่บอกไวท้ ้งั 4 แถบสี และแบบ 5 แถบสีสมรรถนะอาชีพประจาหน่วย (สิ่งท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดการประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ ทกั ษะ คุณธรรม เขา้ดว้ ยกนั ) 1. แปลงหน่วยความตา้ นทาน 2. อา่ นค่าความตา้ นทานแสดงเป็นตวั เลขตวั อกั ษรคาศัพท์สาคญั Resistance Conductor ความตา้ นทาน Insulator ตวั นา Resistor ฉนวน Metallic Type ตวั ตา้ นทาน Non – Metallic Type ประเภทโลหะ Wire ประเภทอโลหะ Ribbon ลวด Ceramic Core แถบลวด Wire Wound Resistor แกนเซรามิก Metal Film Resistor ตวั ตา้ นทานชนิดไวร์วาวด์ ตวั ตา้ นทานชนิดฟิ ลม์ โลหะ

3ตวั ตา้ นทานชนิดฟิ ลม์ สนิมโลหะ Metal Oxide Film Resistorนิกเกิล Nickelโครเมียม Chromiumดีบุกคลอไรด์ Tin Chlorideฟิ ลม์ สนิมดีบุก Tin Oxide Filmคาร์บอน Carbonตวั ตา้ นทานชนิดคาร์บอน Carbon Resistorตวั ตา้ นทานชนิดฟิ ลม์ คาร์บอน Carbon Film Resistorตวั ตา้ นทานชนิดคา่ คงที่ Fixed Resistorจดั กลุ่มขาเรียงดา้ นเดียว (SIL) Single in Lineจดั กลุ่มขาเรียงสองดา้ น (DIL) Dual in Lineแปะติด (SMD) Surface Mounted Devicesตวั ตา้ นทานชนิดแบง่ ค่า Tapped Resistorตวั ตา้ นทานชนิดเปลี่ยนเลือกคา่ Adjustable Resistorตวั ตา้ นทานชนิดปรับเปลี่ยนค่า Variable Resistorตวั ตา้ นทานชนิดพิเศษ Special Resistorเทอร์มิสเตอร์ Thermistorวาริสเตอร์ Varistorตวั ตา้ นทานเปล่ียนค่าตามแสง (LDR) Light Dependent Resistorสัมประสิทธ์ิอุณหภูมิเป็นบวก (PTC) Positive Temperature Coefficientsสัมประสิทธ์ิอุณหภูมิเป็นลบ (NTC) Negative Temperature Coefficientsตวั ตา้ นทานเปล่ียนค่าตามแรงดนั (VDR) Voltage Dependent Resistorวาริสเตอร์ชนิดสนิมโลหะ (MOV) Metal Oxide Varistorสนิมสังกะสี (ZnO) Zinc Oxideสารก่ึงตวั นา Semiconductorซิลิคอนคาร์บอน (SiC) Silicon Carbonแคดเมียมซลั ไฟล์ (CdS) Cadmium Sulfideแคดเมียมซีลีไนด์ (CdSe) Cadmium Selenideตวั ตา้ นทานแบบอนุกรม Series Resistorตวั ตา้ นทานแบบขนาน Parallel Resistorตวั ตา้ นทานแบบผสม Compound Resistor

4จุดประสงค์การสอน/การเรียนรู้  จุดประสงคท์ วั่ ไป / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 1. เพื่อใหม้ ีความรู้เก่ียวกบั ความตา้ นทานในวสั ดุต่างๆ,ชนิดตวั ตา้ นทานตามวสั ดุท่ีใชผ้ ลิต, ชนิดตวัตา้ นทานตามรูปแบบที่ผลิต (ด้านความรู้) 2. เพ่อื ใหม้ ีทกั ษะในการแปลงหน่วยความตา้ นทาน, การอ่านค่าความตา้ นทานแสดงเป็นตวั เลขตวั อกั ษรและการอา่ นค่าความตา้ นทานแสดงเป็นแถบสี (ด้านทักษะ) 3. เพ่ือใหม้ ีเจตคติท่ีดีต่อการเตรียมความพร้อมดา้ นการเตรียม วสั ดุ อุปกรณ์ และการปฏิบตั ิงานอยา่ งถูกตอ้ ง สาเร็จภายในเวลาที่กาหนด มีเหตุและผลตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง (ด้านคุณธรรม จริยธรรม)  จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม / บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 1. อธิบายความหมายความตา้ นทานในวสั ดุต่าง ๆได้ (ด้านความรู้) 2. จาแนกชนิดตวั ตา้ นทานตามวสั ดุที่ใชผ้ ลิตได้ (ด้านความรู้) 3. วเิ คราะห์ตวั ตา้ นทานตามรูปแบบที่ผลิตได้ (ด้านความรู้) 4. แปลงหน่วยความตา้ นทานได้ (ด้านทักษะ) 5. อา่ นคา่ ความตา้ นทานแสดงเป็นตวั เลขตวั อกั ษร(ด้านทักษะ) 6. อ่านคา่ ความตา้ นทานแสดงเป็นแถบสี(ด้านทักษะ) 7. เตรียมความพร้อมดา้ น วสั ดุ อุปกรณ์สอดคลอ้ งกบั งานไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง (ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง) 8. ปฏิบตั ิงานไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง และสาเร็จภายใน เวลาที่กาหนดอยา่ งมีเหตุและผลตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง)

5เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้• ดา้ นความรู้(ทฤษฎี) 8.1 ความต้านทานในวตั ถุ ส่ิงต่างๆ ทุกชนิดท่ีกาเนิดข้ึนบนโลก ไม่วา่ เป็ นของแขง็ ของเหลว วตั ถุ ธาตุ รวมถึงสิ่ง มีชีวติ ท้งั หมดจะมีค่าความตา้ นทาน (Resistance) ประกอบร่วมอย่ดู ว้ ยเสมอ ความหมายของคาว่าความตา้ นทาน คือแรงตา้ นจากวตั ถุต่างๆ ทาหนา้ ท่ีตา้ นการไหลของกระแสให้ผา่ นไปไดม้ ากหรือนอ้ ย ความตา้ นทานน้ีมีผลต่อการทางานของอุปกรณ์ไฟฟ้ า เครื่องใชไ้ ฟฟ้ า และระบบการทางานของวงจรทางไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์ท้งั หมดช่วยทาใหร้ ะบบการทางานตา่ งๆ มีความถูกตอ้ งสมบูรณ์ตามตอ้ งการ ในวตั ถุต่างชนิดกนั ค่าความตา้ นทานท่ีเกิดข้ึนภายในวตั ถุเหล่าน้ันจะแตกต่างกนั ไป วตั ถุบางชนิดมีความตา้ นทานต่ามกั ถูกเรียกว่า ตวั นา (Conductor) วตั ถุบางชนิดมีความต้านทานสูงมกั ถูกเรี ยกว่า ฉนวน(Insulator) เม่ือนาวตั ถุต่างชนิดกนั มาเปรียบเทียบค่าความตา้ นทานกนั จะพบวา่ มีความแตกต่างกนั อยา่ งมากแสดงไดด้ งั ตารางท่ี 8.1ตารางที่ 8.1 เปรียบเทียบคา่ ความตา้ นทานของวตั ถุตา่ งชนิดกนั ช่ือวตั ถุ ความต้านทาน เงิน (โอห์ม – เซนตเิ มตร ท่ี 20C) ทองแดง 1.6 x 10-6อะลูมิเนียม 1.7 x 10-6 คาร์บอน 2.8 x 10-6เจอร์เมเนียม 4 x 10-3 ซิลิคอน 65 55 x 103 แกว้ 17 x 1012 ยาง 1018 จากการท่ีความตา้ นทานมีความสาคญั และมีบทบาทต่อการทางานในวงจรไฟฟ้ า และอิเล็กทรอนิกส์ทาให้มีการผลิตตวั ต้านทาน (Resistor) ข้ึนมาใช้งานอย่างแพร่หลาย ตัวตา้ นทานที่ผลิตข้ึนมาน้ีมีค่าความตา้ นทานที่แตกต่างกัน หลากหลายค่าใช้งาน ช่วยอานวยความสะดวกต่อการนาไปใช้งาน หน้าที่ของตวัตา้ นทานในวงจรไฟฟ้ าและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ คือ จากดั การไหลของกระแสในวงจร กาหนดระดบั แรงดนั ที่ตอ้ งการใชง้ านในวงจร และทาใหเ้ กิดกาลงั ไฟฟ้ าข้ึนมาตามตอ้ งการ รูปร่างลกั ษณะของตวั ตา้ นทานแบบต่างๆแสดงดงั รูปท่ี 8.1

6(ก) แบบคา่ คงที่ (ข) แบบปรับค่าได้รูปที่ 8.1 รูปร่างลกั ษณะของตวั ตา้ นทานแบบตา่ งๆ 8.2 ตวั ต้านทานตามประเภทวสั ดุทใ่ี ช้ ตวั ตา้ นทานที่ผลิตมาใชง้ านมีมากมายหลายประเภท หลายชนิด หลายรูปแบบ และหลายโครงสร้าง เพ่ือความสะดวกและเกิดความเหมาะสมกบั การนาไปใชง้ าน เม่ือแบ่งตามวสั ดุท่ีใช้ในการผลิตมี 2 ประเภท คือประเภทโลหะ (Metallic Type) และประเภทอโลหะ (Non - Metallic Type) 8.2.1 ตัวต้านทานประเภทโลหะ โลหะที่นามาใช้ในการผลิตตวั ตา้ นทานมีหลายชนิดด้วยกนั เช่น นิกเกิล สังกะสี แคดเมียมทองแดง โครเมียม และแมงกานีส เป็ นตน้ หรือจากส่วนผสมของโลหะเหล่าน้ี สร้างข้ึนมาในรูปเส้นลวด(Wire) และแถบลวด (Ribbon) นาไปพนั รอบแกนเซรามิก (Ceramic Core) ต่อปลายลวดท้งั สองเขา้ กบั ขาโลหะตวั ตา้ นทาน ลกั ษณะการผลิตตวั ตา้ นทานประเภทโลหะ แบ่งออกไดห้ ลายชนิด ดงั น้ี ตวั ตา้ นทานชนิดลวดพนัหรือตวั ตา้ นทานชนิดไวร์วาวด์ (Wire Wound Resistor) ตวั ตา้ นทานชนิดฟิ ลม์ โลหะ (Metal Film Resistor) และตวั ตา้ นทานชนิดฟิ ลม์ สนิมโลหะ (Metal Oxide Film Resistor) 1. ตัวต้านทานชนิดลวดพัน เป็ นตวั ตา้ นทานท่ีใชล้ วดโลหะผสมพนั บนแกนเซรามิก ผวิ ดา้ นนอกเคลือบดว้ ยฉนวนอีกช้นั หน่ึง อาจผลิตข้ึนมาเป็ นแท่งทรงกระบอกยาว หรือเป็ นแบบท่อนกลม การต่อขาออกมาใชง้ านมีต้งั แต่ 2 ขาข้ึนไป ลกั ษณะตวั ตา้ นทานแบบลวดพนั แสดงดงั รูปที่ 8.2

7 (ก) แบบทรงกระบอก (ข) แบบท่อนกลม รูปที่ 8.2 ตวั ตา้ นทานแบบลวดพนั คา่ ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานแบบลวดพนั น้ี ข้ึนอยกู่ บั ขนาดของเส้นลวดที่ใชพ้ นั ไว้ ถา้ ใช้เส้นลวดเส้นใหญ่ความตา้ นทานมีค่าต่า ถา้ ใชล้ วดเส้นเล็กความตา้ นทานมีค่าสูงข้ึน และข้ึนอยกู่ บั ความยาวของเส้นลวดที่พนั ไว้ ถา้ ลวดมีความยาวนอ้ ยความตา้ นทานมีค่าต่า ถา้ ลวดมีความยาวมากข้ึนความตา้ นทานมีค่าสูงข้ึน ขอ้ ดีของตวั ตา้ นทานชนิดน้ี คือ สามารถสร้างใหม้ ีคา่ ทนกาลงั ไฟฟ้ า (วตั ต)์ ไดส้ ูงมากข้ึนจนถึงเป็นพนั วตั ตข์ ้ึนไป ค่าความตา้ นทานมีความคงท่ีดีต่ออุณหภูมิท่ีเปล่ียนแปลง และเกิดความคลาดเคลื่อนต่า 2. ตัวต้านทานชนิดฟิ ล์มโลหะ เป็นตวั ตา้ นทานประเภทโลหะอีกชนิดหน่ึงท่ีปัจจุบนั นิยมผลิตข้ึนมาใชง้ าน เป็ นตวั ตา้ นทานท่ีมีขนาดการทนกาลงั ไฟฟ้ าต่า โครงสร้างของตวั ตา้ นทานชนิดน้ีประกอบดว้ ยแกนเซรามิกทรงกระบอกขนาดตา่ งๆ ใชโ้ ลหะจาพวกพวกนิกเกิล (Nickel) หรือโครเมียม (Chromium) แผน่ บางๆในรูปของฟิ ลม์ โลหะเคลือบที่ผวิ เซรามิก โดยทาการเคลือบในสุญญากาศ และส่งไปผา่ นความร้อนสูงทาให้เกิดการยึดเกาะแน่น นาไปตดั ให้เป็ นเกลียวพนั รอบแกนแบบต่อเน่ืองจากปลายดา้ นหน่ึงไปยงั ปลายอีกดา้ นหน่ึงและมีฝาครอบโลหะครอบฟิ ลม์ โลหะที่ปลายท้งั สองดา้ นต่อออกมาเป็นขาตวั ตา้ นทาน ลกั ษณะตวั ตา้ นทานชนิดฟิ ลม์ โลหะ แสดงดงั รูปที่ 8.3รูปท่ี 8.3 ตวั ตา้ นทานชนิดฟิ ลม์ โลหะ รูปท่ี 8.4 ตวั ตา้ นทานชนิดฟิ ลม์ สนิมโลหะ

8 3. ตัวต้านทานชนิดฟิ ล์มสนิมโลหะ เป็นตวั ตา้ นทานประเภทโลหะ ท่ีใชส้ นิมโลหะมาผลิตเป็ นตวั ต้านทานแทนโลหะ ปัจจุบันนิยมผลิตข้ึนมาใช้งานเป็ นประเภทตวั ต้านทานขนาดทนกาลังไฟฟ้ าต่าโครงสร้างของตวั ตา้ นทานชนิดน้ีประกอบด้วยแกนเซรามิกทรงกระบอกขนาดต่างๆ ใช้ดีบุกคลอไรด์ (TinChloride) พน่ เคลือบที่ผวิ เซรามิกโดยรอบในรูปของฟิ ลม์ ในสุญญากาศ และส่งไปผา่ นความร้อนสูง จะไดฟ้ ิ ลม์สนิมดีบุก (Tin Oxide Film) ออกมา นาไปตดั ให้เป็ นเกลียวพนั รอบแกนแบบต่อเน่ืองจากปลายดา้ นหน่ึงไปยงัปลายอีกดา้ นหน่ึง และมีฝาครอบโลหะครอบฟิ ลม์ สนิมโลหะที่ปลายท้งั สองดา้ นต่อออกมาเป็ นขาตวั ตา้ นทานลกั ษณะตวั ตา้ นทานชนิดฟิ ลม์ สนิมโลหะ แสดงดงั รูปที่ 8.4 8.2.2 ตัวต้านทานประเภทอโลหะ ตวั ตา้ นทานประเภทอโลหะ เป็ นตวั ตา้ นทานท่ีผลิตข้ึนมาจากวสั ดุท่ีไม่ใช่โลหะ วสั ดุอโลหะท่ีนิยมนามาใช้ผลิตตวั ตา้ นทาน ได้แก่ คาร์บอน (Carbon) โดยอยู่ในรูปผงคาร์บอน เม่ือต้องการผลิตตวัตา้ นทานก็นาไปผสมรวมกบั วสั ดุฉนวนกบั กาวอดั ให้แน่น ลกั ษณะการผลิตตวั ตา้ นทานประเภทอโลหะ แบ่งออกได้ 2 ชนิด ดงั น้ี ตวั ตา้ นทานชนิดคาร์บอน (Carbon Resistor) และตวั ตา้ นทานชนิดฟิ ล์มคาร์บอน (CarbonFilm Resistor) 1. ตัวต้านทานชนิดคาร์บอน เป็ นตวั ตา้ นทานที่ผลิตข้ึนมาใชง้ านในสมยั เร่ิม แรก และถูกใช้งานเรื่อยมา ในปัจจุบนั ตวั ตา้ นทานชนิดน้ีมีการผลิตมาใชง้ านลดลง การผลิตโดยนาผงคาร์บอนผสมกบั กาวและวสั ดุพวกฉนวน อดั รวมกนั ให้แน่นเป็ นทรงกระบอก ต่อขาตวั นาออกที่ปลายท้งั สองดา้ นของคาร์บอนทรงกระบอก และเคลือบปิ ดผวิ ดา้ นนอกดว้ ยฉนวนอีกช้นั หน่ึง ค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานชนิดน้ี ข้ึนอยู่กบั ความหนาแน่นของผงคาร์บอนท่ีอดั ข้ึนรูปความหนาแน่นเปล่ียนแปลงทาให้ความตา้ นทานเปล่ียนแปลงตามไปด้วย ถ้าความหนาแน่นน้อยค่าความตา้ นทานต่า และความหนาแน่นมากค่าความตา้ นทานสูง ขอ้ เสียของตวั ตา้ นทานชนิดน้ี คือมีค่าความผิดพลาดของความตา้ นทานสูง อุณหภูมิมีผลตอ่ ความตา้ นทานมาก และนาไปใชง้ านไดใ้ นยา่ นความถ่ีต่าเท่าน้นั ลกั ษณะตวัตา้ นทานชนิดคาร์บอน แสดงดงั รูปที่ 8.5รูปที่ 8.5 ตวั ตา้ นทานชนิดคาร์บอน รูปที่ 8.6 ตวั ตา้ นทานชนิดฟิ ลม์ คาร์บอน

9 2. ตัวต้านทานชนิดฟิ ล์มคาร์บอน เป็ นตวั ตา้ นทานชนิดคาร์บอนอีกแบบหน่ึงเป็ นชนิดที่ผลิตข้ึนมาใชง้ านอยา่ งแพร่หลายในปัจจุบนั มากกว่าชนิดคาร์บอนแบบเดิม การผลิตทาไดโ้ ดยนาผงคาร์บอนผสมกบั กาวไปเคลือบหุ้มแกนเซรามิกทรงกระบอกขนาดต่างๆ นาไปตดั ให้เป็ นเกลียวพนั รอบแกนแบบต่อเน่ืองจากปลายดา้ นหน่ึงไปยงั ปลายอีกดา้ นหน่ึง และมีฝาครอบโลหะครอบฟิ ลม์ คาร์บอนที่ปลายท้งั สองดา้ นต่อออกมาเป็นขาตวั ตา้ นทาน เคลือบผวิ นอกสุดดว้ ยฉนวนอีกช้นั หน่ึง ขอ้ เสียของตวั ตา้ นทานชนิดฟิ ล์มคาร์บอน คือมีค่าความตา้ นทานที่ผดิ พลาดสูง อุณหภูมิมีผลตอ่ ความตา้ นทานมาก และนาไปใชง้ านไดใ้ นยา่ นความถ่ีต่า ขอ้ ดีของตวั ตา้ นทานชนิดน้ีคือใชง้ านไดด้ ีกบั งานทางไฟฟ้ าและงานทางอิเล็กทรอนิกส์ทว่ั ไป และมีราคาถูก ลกั ษณะตวั ตา้ นทานชนิดฟิ ล์มคาร์บอน แสดงดงั รูปท่ี 8.6 8.3 ตวั ต้านทานตามรูปแบบผลติ ตวั ตา้ นทานถูกนาไปใชง้ านอย่างกวา้ งขวางและหลากหลายหนา้ ที่ ดงั น้นั เพ่ือให้การใช้งานเกิดความสะดวก และสามารถเลือกลกั ษณะตวั ตา้ นทานไปใช้งานไดเ้ หมาะสม บริษทั ผูผ้ ลิตตวั ตา้ นทานจึงได้ผลิตตวัตา้ นทานข้ึนมาในหลายรูปแบบ และหลายโครงสร้าง ช่วยอานวยความสะดวกในการใชง้ านมากข้ึน สามารถเลือกรูปแบบตวั ตา้ นทานท่ีเหมาะสมกบั งานมากข้ึน วสั ดุท่ีนามาใชใ้ นการผลิตตวั ตา้ นทานตามรูปแบบผลิตน้ีใชไ้ ดท้ ้งั วสั ดุประเภทโลหะและประเภทอโลหะ รูปแบบท่ีผลิตข้ึนมาใชง้ านแบ่งออกไดด้ งั น้ี 1. ตวั ตา้ นทานชนิดค่าคงที่ 2. ตวั ตา้ นทานชนิดแบง่ คา่ 3. ตวั ตา้ นทานชนิดเปลี่ยนเลือกค่า 4. ตวั ตา้ นทานชนิดปรับเปลี่ยนค่า 5. ตวั ตา้ นทานชนิดพิเศษ 8.3.1 ตัวต้านทานชนิดค่าคงที่ ตวั ตา้ นทานชนิดค่าคงที่ (Fixed Resistor) เป็ นตวั ตา้ นทานท่ีผลิตข้ึนมาใชง้ านแต่ละตวั มีค่าความตา้ นทานคงที่ตายตวั ผลิตค่าออกมาใช้งานมีความหลากหลาย ต้งั แต่ค่าความตา้ นทานต่าๆ เป็ นเศษส่วนของโอห์ม จนถึงค่าความตา้ นทานสูงๆ เป็ นเมกะโอห์มข้ึนไป ผลิตดว้ ยวสั ดุท้งั โลหะและอโลหะ โดยเรียกชื่อตวัตา้ นทานชนิดคงท่ีตามวสั ดุที่ใช้ผลิต เช่น ชนิดลวดพนั ชนิดฟิ ล์มโลหะ ชนิดสนิมโลหะ ชนิดคาร์บอน และชนิดฟิ ล์มคาร์บอน เป็ นตน้ มีค่าทนกาลงั ไฟฟ้ าต้งั แต่ค่าต่านอ้ ยกว่าหน่ึงวตั ต์ จนถึงค่าสูงเป็ นพนั วตั ต์ข้ึนไป

10รูปร่างและสัญลกั ษณ์ตวั ตา้ นทานชนิดคา่ คงที่ แสดงดงั รูปที่ 8.7(ก) ชนิดลวดพนั (ข) ชนิดฟิ ลม์ โลหะ (ค) ชนิดสนิมโลหะ(ง) ชนิดคาร์บอน (จ) ชนิดฟิ ลม์ คาร์บอน (ฉ) สญั ลกั ษณ์ รูปที่ 8.7 ตวั ตา้ นทานชนิดคา่ คงท่ี ในปัจจุบนั อุปกรณ์ เครื่องมือ เคร่ืองใชท้ างไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์มีขนาดเล็กลง ทาให้ตวั ตา้ นทานชนิดค่าคงท่ีถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีขนาดเล็กลงตามไปด้วย เพื่อให้เหมาะสม เกิดความสะดวกต่อการนาไปใช้งาน และทนั กบั เทคโนโลยีสมยั ใหม่ ตวั ตา้ นทานชนิดค่าคงที่จึงถูกพฒั นารูปแบบให้มีลักษณะแตกต่างไปเพ่ิมมากข้ึน เช่น แบบจดั กลุ่มขาเรียงดา้ นเดียว หรือ SIL (Single in Line) แบบจดั กลุ่มขาเรียงสองดา้ น หรือ DIL (Dual in Line) และแบบแปะติด SMD (Surface Mounted Devices) เป็ นตน้ ตวั ตา้ นทานชนิดคา่ คงที่แบบใหม่ แสดงดงั รูปท่ี 8.8(ก) แบบจดั กลมุ่ SIL (ข) แบบจดั กล่มุ DIL (ค) แบบแปะติด SMD รูปที่ 8.8 ตวั ตา้ นทานชนิดค่าคงท่ีแบบใหม่ 8.3.2 ตัวต้านทานชนิดแบ่งค่า ตวั ต้านทานชนิดแบ่งค่า (Tapped Resistor) เป็ นตวั ต้านทานท่ีผลิตข้ึนมาใช้งานแต่ละตวั มีคา่ คงที่ตายตวั เช่นเดียวกบั ตวั ตา้ นทานชนิดคงที่ แต่แยกจานวนขาคงท่ีออกมาจากตวั ตา้ นทานเพ่ิมข้ึนมากกวา่ 2ขาข้ึนไป เช่น 3 ขา 4 ขา และ 5 ขา เป็ นตน้ ความตา้ นทานที่ต่อแยกออกมา ต่อแบบอนุกรมเรียงกนั ไป ตามค่าที่กาหนดไว้ ตวั ตา้ นทานชนิดน้ีเป็ นชนิดลวดพนั ผลิตดว้ ยโลหะหลายชนิด หรือโลหะหลายชนิดผสมรวมกนัเช่น นิกเกิล สังกะสี แคดเมียม ทองแดง โครเมียม และแมงกานีส เป็ นตน้ จะใชโ้ ลหะชนิดใดผสมกนั ข้ึนอยกู่ บัจุดประสงคข์ องการใชง้ าน เช่น ทนความร้อนสูง ทนกระแสสูง หรือทนแรงดนั สูง เป็ นตน้ ผลิตมาใชง้ านมีความตา้ นทานหลากหลายค่า ต้งั แตค่ ่าต่านอ้ ยกวา่ โอห์มจนถึงค่าสูงเป็ นเมกะโอห์มข้ึนไป และผลิตใหม้ ีค่าทน

11กาลงั ไฟฟ้ าสูงจากเป็ นวตั ต์ จนถึงเป็ นพนั วตั ตข์ ้ึนไป รูปร่างและสัญลกั ษณ์ตวั ตา้ นทานชนิดแบ่งค่า แสดงดงั รูปท่ี8.9(ก) รูปร่าง (ข) สญั ลกั ษณ์ รูปท่ี 8.9 ตวั ตา้ นทานชนิดแบ่งคา่8.3.3 ตัวต้านทานชนิดเปลย่ี นเลอื กค่า ตวั ตา้ นทานชนิดเปลี่ยนเลือกค่า (Adjustable Resistor) เป็ นตวั ตา้ นทานท่ีผลิตข้ึนมาแต่ละตวั มีค่าคงท่ีตายตวั คลา้ ยกบั ตวั ตา้ นทานชนิดแบ่งค่า ขาท่ีสามท่ีเพ่ิมเขา้ มาสามารถเปลี่ยนตาแหน่งเลือกค่าความตา้ นทานใหม่ไดต้ ามตอ้ งการ ตวั ตา้ นทานชนิดน้ีเป็ นชนิดลวดพนั โดยพนั เส้นลวดโลหะรอบแกนเซรามิกรูปทรงกระบอก มีส่วนหน่ึงของเส้นลวดไม่ไดห้ ุม้ ฉนวน ขาที่สามเป็นปลอกโลหะสวมลอ้ มรอบ มีส่วนหน่ึงสัมผสักบั เส้นลวดไม่ไดห้ ุม้ ฉนวนบนตวั ตา้ นทาน สามารถปรับเล่ือนไปมาไดต้ ามตอ้ งการ มีสกรูขนั ยดึ ปลอกโลหะให้สัมผสั แน่นกบั เส้นลวดที่ตวั ตา้ นทาน เพื่อป้ องกนั การเลื่อนเปลี่ยนตาแหน่ง ตวั ตา้ นทานชนิดน้ีผลิตมาใชง้ านมีความตา้ นทานหลากหลายค่า ต้งั แต่ค่าต่านอ้ ยกวา่ โอห์มจนถึงค่าสูงเป็ นเมกะโอห์มข้ึนไปเช่นเดียวกนั มีค่าทนกาลงั ไฟฟ้ าวตั ตส์ ูงเป็น 10 วตั ต์ จนถึงเป็ นพนั วตั ตข์ ้ึนไป รูปร่างและสัญลกั ษณ์ตวั ตา้ นทานชนิดเปลี่ยนเลือกค่าแสดงดงั รูปที่ 8.10(ก) รูปร่าง (ข) สญั ลกั ษณ์ รูปที่ 8.10 ตวั ตา้ นทานชนิดเปลี่ยนเลือกค่า8.3.4 ตัวต้านทานชนิดปรับเปลยี่ นค่า ตวั ตา้ นทานชนิดปรับเปล่ียนค่า (Variable Resistor) เป็ นตวั ตา้ นทานที่ผลิตข้ึน มาแต่ละตวั มีค่าคงที่ตายตวั คลา้ ยกบั ตวั ตา้ นทานชนิดเปล่ียนเลือกค่า โดยมีขาที่สามเพ่ิมเขา้ มา เพื่อปรับเปล่ียนค่าความ

12ตา้ นทานใหม่ไดอ้ ย่างอิสระ ต้งั แต่ค่าความตา้ นทานต่าสุด ไปจนถึงค่าความตา้ นทานสูงสุดอยา่ งต่อเน่ืองทุกเวลาตามความตอ้ งการ วสั ดุท่ีนามาใชผ้ ลิตมีท้งั ประเภทอโลหะและประเภทโลหะ ประเภทอโลหะผลิตจากวสั ดุจาพวกคาร์บอน มีค่าการทนกาลงั ไฟฟ้ าต่า ส่วนประเภทโลหะเป็ นชนิดลวดพนั ผลิตจากลวดนิกเกิลและแคดเมียม แบบน้ีผลิตให้ทนกาลงั ไฟฟ้ าสูงๆ ได้ โครงสร้างมี 2 แบบ คือแบบวงกลมทรงกระบอก (ใช้ปรับหมุนรอบตวั ) และแบบแทง่ ส่ีเหลี่ยมผนื ผา้ ยาว (ใชป้ รับเล่ือนไปมา) มีขาต่อออกมาใชง้ าน 3 ขา ขากลางเป็ นขาสามารถปรับเปลี่ยนคา่ ได้ รูปร่างและสัญลกั ษณ์ตวั ตา้ นทานชนิดปรับเปลี่ยนค่า แสดงดงั รูปที่ 8.11(ก) ปรับหมุนคาร์บอน (ข) ปรับหมนุ ลวดพนั (ค) ปรับเลื่อนคาร์บอน (ง) สญั ลกั ษณ์รูปท่ี 8.11 ตวั ตา้ นทานชนิดปรับเปลี่ยนคา่8.3.5 ตัวต้านทานชนิดพเิ ศษ ตวั ตา้ นทานชนิดพิเศษ (Special Resistor) เป็ นตวั ตา้ นทานท่ีสร้างข้ึนมาใชง้ านในหนา้ ที่เฉพาะอยา่ ง ตามคุณสมบตั ิที่ตอ้ งการ ใชว้ สั ดุในการผลิตแตกต่างกนั ออกไป มีชื่อเรียกตวั ตา้ นทานที่แตกต่างกนั ตามการทางาน และตามค่าของพลงั งานท่ีใชใ้ นการควบคุมการทางานของตวั ตา้ นทานชนิดน้นั ส่งผลใหค้ ่าความตา้ นทานเปล่ียนแปลงไป มีดว้ ยกนั หลายชนิด เช่น เทอร์มิสเตอร์ (Thermistor) วาริสเตอร์ (Varistor) และตวัตา้ นทานเปล่ียนคา่ ตามแสง (Light Dependent Resistor ; LDR) เป็นตน้ 1. เทอร์ มิสเตอร์ เป็ นตัวต้านทานชนิดพิเศษที่ค่าความต้านทานภายในตัวเอง สามารถเปลี่ยนแปลงไดต้ ามค่าอุณหภูมิที่ไดร้ ับ ค่าความตา้ นทานท่ีเปลี่ยนแปลงไปแตกต่างกนั ตามชนิดของวสั ดุที่ใช้ผลิต วสั ดุท่ีใชผ้ ลิตมีท้งั โลหะและสนิมโลหะ รูปร่างท่ีสร้างมาใชง้ านมีความแตกต่างกนั ไปหลายแบบ ข้ึนอยู่กบั ความเหมาะสมในการใช้งาน เทอร์มิสเตอร์แบ่งได้ 2 ชนิด คือ ชนิดสัมประสิทธ์ิอุณหภูมิเป็ นบวก (PositiveTemperature Coefficients ; PTC) ค่าความต้านทานเพ่ิมข้ึน เมื่ออุณหภูมิเพ่ิมข้ึน วสั ดุท่ีใช้ผลิต เช่น แบเรียมสตรอนเทียม และตะกว่ั ไททาเนต เป็ นตน้ อีกชนิดคือ ชนิดสัมประสิทธ์ิอุณหภูมิเป็ นลบ (Negative TemperatureCoefficients ; NTC) ค่าความตา้ นทานเพ่มิ ข้ึน เม่ืออุณหภูมิลดลง วสั ดุท่ีใชผ้ ลิต เช่น ทองแดง นิกเกิล แมงกานีสเหล็ก และโคบอลต์ เป็นตน้ รูปร่างและสัญลกั ษณ์ของเทอร์มิสเตอร์ แสดงดงั รูปท่ี 8.12

13 +to PTC -to(ก) รูปร่างชนิด PTC (ข) รูปร่างชนิด NTC NTC (ค) สญั ลกั ษณ์ รูปที่ 8.12 เทอร์มิสเตอร์ 2. วาริสเตอร์ หรือตัวต้านทานเปล่ียนค่าตามแรงดัน (Voltage Dependent Resistor ; VDR)เป็นตวั ตา้ นทานที่คา่ ความตา้ นทานสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตามค่าแรงดนั ท่ีป้ อนเขา้ มา วาริสเตอร์มาจากคาเตม็วา่ ตวั ตา้ นทานปรับเปล่ียนค่า (Variable Resistor = Varistor) คุณสมบตั ิของวาริสเตอร์ทางานตรงขา้ มกบั แรงดนัดงั น้ี ความตา้ นทานของวาริสเตอร์จะลดลงเมื่อแรงดนั เพ่ิมข้ึน ในกรณีท่ีแรงดนั เพิ่มข้ึนอยา่ งต่อเน่ือง ค่าความตา้ นทานของวาริสเตอร์จะลดลงรวดเร็ว จากคุณสมบตั ิดงั กล่าววาริสเตอร์เหมาะสมกบั การใชง้ านเป็ นตวั ป้ องกนัแรงดนั กระโชก นิยมนาไปใชง้ านเป็ นอุปกรณ์ป้ องกนั ฟ้ าผ่า และช่วยคายประจุของไฟฟ้ าสถิต เป็ นตน้ วสั ดุที่นามา ใชผ้ ลิตวาริสเตอร์ มีท้งั ชนิดสนิมโลหะ ถูกเรียกวา่ วาริสเตอร์ชนิดสนิมโลหะ (Metal Oxide Varistor ; MOV)วสั ดุท่ีใชไ้ ดแ้ ก่ สนิมสังกะสี (Zinc Oxide ; ZnO) และวาริสเตอร์ชนิดสารก่ึงตวั นา (Semi conductor) วสั ดุท่ีใช้ไดแ้ ก่ ซิลิคอนคาร์บอน (Silicon Carbon ; SiC) รูปร่างและสัญลกั ษณ์ของวาริสเตอร์ แสดงดงั รูปที่ 8.13 V(ก) รูปร่างชนิดขา (ข) รูปร่างชนิดแปะติด SMD (ค) สญั ลกั ษณ์ รูปท่ี 8.13 วาริสเตอร์

14 3. ตัวต้านทานเปลี่ยนค่าตามแสง (LDR) เป็ นตัวต้านทานท่ีค่าความต้านทานสามารถเปลี่ยนแปลงค่าไดต้ ามแสงสวา่ งที่มาตกกระทบ แสงสวา่ งตกกระทบนอ้ ย LDR มีความตา้ นทานสูง และแสงสวา่ งตกกระทบมาก LDR มีความตา้ นทานต่า วสั ดุที่ใชผ้ ลิตตวั LDR ทามาจากสารก่ึงตวั นาหลายชนิดผสมกนัเช่น แคดเมียมซลั ไฟล์ (Cadmium Sulfide ; CdS) และแคดเมียมซีลีไนด์ (Cadmium Selenide ; CdSe) เป็ นตน้รูปร่างและสัญลกั ษณ์ของตวั ตา้ นทานเปล่ียนค่าตามแสง แสดงดงั รูปที่ 8.14(ก) รูปร่าง (ข) สญั ลกั ษณ์ รูปที่ 8.14 ตวั ตา้ นทานเปล่ียนค่าตามแสง (LDR)8.4 การอ่านความต้านทานจากรหสั ตวั เลขตวั อกั ษร ตวั ต้านทานที่ผลิตข้ึนมาใช้งานทุกตัว จะต้องมีค่าความตา้ นทานบอกไว้ เพ่ือให้ทราบค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานตวั น้นั สามารถเลือกคา่ ไปใชง้ านไดง้ ่ายและถูกตอ้ ง การบอกค่าความตา้ นทานบอกได้หลายวิธี วิธีหน่ึงท่ีนิยมใชง้ านไดแ้ ก่ บอกค่าความตา้ นทานไวเ้ ป็ นตวั เลขและตวั อกั ษร แบ่งไดเ้ ป็ น 3 แบบ คือแบบบอกค่าความตา้ นทานออกมาโดยตรง แบบบอกค่าความตา้ นทานเป็ นรหัสตวั เลขตวั อกั ษร และแบบใช้รหสั EIA96 การอ่านคา่ ความตา้ นทานในแตล่ ะแบบจะแตกตา่ งกนั ไป 8.4.1 บอกค่าความต้านทานออกมาโดยตรง ตวั ตา้ นทานท่ีบอกค่าออกมาโดยตรง จะพิมพค์ ่าความตา้ นทานลงบนตวั ตา้ นทานตามค่าความตา้ นทานของตวั ต้านทานตวั น้ัน พร้อมท้งั แสดงหน่วยกากับไวเ้ ป็ น , k หรือ M บางคร้ังมีค่าการทนกาลงั ไฟฟ้ า และค่าเปอร์เซ็นตค์ วามผิดพลาดกากบั ไวด้ ว้ ยก็ได้ ตวั ตา้ นทานบางแบบอาจใช้ตวั อกั ษรกากบั ไว้บอกค่าเปอร์เซ็นตค์ วามผดิ พลาดแทนตวั เลข มีตวั อกั ษรภาษา องั กฤษที่ใชบ้ อกค่า 9 ตวั ไดแ้ ก่ A, B, C, D, F,G, J, K และ M มีความหมายความผดิ พลาด แสดงดงั ตารางที่ 8.2

15ตารางท่ี 8.2 ค่าเปอร์เซ็นตค์ วามผดิ พลาดแสดงดว้ ยตวั อกั ษรภาษาองั กฤษตัวอกั ษร ค่าความผดิ พลาด (%) A  0.05% B  0.1% C  0.25% D  0.5% F  1% G  2% J  5% K  10% M  20%วธิ ีบอกค่าความตา้ นทานบนตวั ตา้ นทานดว้ ยวธิ ีน้ีมีความแตกต่างกนั ไป การอ่านค่าความตา้ นทานที่กากบั ไว้ จะตอ้ งพิจารณาถึงค่าที่บอกไว้ วา่ ส่วนใดเป็ นค่าความตา้ นทาน ส่วนใดเป็ นค่ากาลงั ไฟฟ้ า และส่วนใดเป็นคา่ ความผดิ พลาด ค่าท่ีกากบั ไวบ้ างแบบบอกครบทุกค่า บางแบบบอกไวเ้ พียงบางส่วน การอ่านค่าจะตอ้ งพิจารณาจากตวั ตา้ นทานแต่ละตวั ไป แสดงไวด้ งั ตวั อยา่ งท่ี 8.1 และตวั อยา่ งที่ 8.2ตวั อย่างที่ 8.1 จงอา่ นค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานท่ีบอกค่าไวโ้ ดยตรงต่อไปน้ี470 k = ความตา้ นทาน 470 k2 M K = ความตา้ นทาน 2 M คา่ ผิดพลาด  10%10W 200 J = ทนกาลงั ไฟฟ้ าได้ 10 W ความตา้ นทาน 200  ค่าผดิ พลาด  5%20W 390 K K = ทนกาลงั ไฟฟ้ าได้ 20 W ความตา้ นทาน 390 k ค่าผิดพลาด  10% = ความตา้ นทาน 10  ค่าผดิ พลาด  5% ทนกาลงั ไฟฟ้ าได้ 2 W = ทนกาลงั ไฟฟ้ าได้ 6 W ความตา้ นทาน 0.1  ค่าผดิ พลาด  5% = ทนกาลงั ไฟฟ้ าได้ 5 W ความตา้ นทาน 0.33  คา่ ผิดพลาด  5% ตอบ การบอกค่าความตา้ นทานบางแบบจะใชต้ วั อกั ษรเขา้ ร่วมแสดงการบอกค่าดว้ ย นอกจากใช้บอกค่าเปอร์เซ็นตค์ วามผดิ พลาดแลว้ ยงั แสดงคา่ ไวใ้ นรูปจุดทศนิยมของเลขฐานสิบ พร้อมท้งั บอกหน่วยความตา้ นทานในรูปตวั คูณร่วมดว้ ย ตวั อกั ษรที่นิยมใช้ คือ R, K, M และ E ตวั อกั ษรเหล่าน้ีเม่ืออยหู่ นา้ อยกู่ ลาง หรืออยหู่ ลงั ตวั อกั ษรแสดงค่าเป็ นจุดทศนิยม นอกจากน้นั ยงั แสดงค่าเป็ นตวั คูณ (จานวนค่าเลขศูนยท์ ่ีเติมเขา้ ไป)ดว้ ย ตวั อกั ษรแต่ละตวั มีความหมายดงั น้ี ตวั อกั ษร R มีค่าเป็นตวั คูณ = x1 ตวั อกั ษร K มีค่าเป็นตวั คูณ = x103 ตวั อกั ษร M มีค่าเป็นตวั คูณ = x106 ตวั อกั ษร E แทนเครื่องหมาย = 

16ตัวอย่างที่ 8.2 จงอา่ นคา่ ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานท่ีบอกค่าไวโ้ ดยตรงต่อไปน้ี 1M0 = ความตา้ นทาน 1 M 4R7 K = ความตา้ นทาน 4.7  คา่ ผดิ พลาด  10%2W 2K2 E = ทนกาลงั ไฟฟ้ า 2 W ความตา้ นทาน 2.2 k430E 3W J = ความตา้ นทาน 430  ทนกาลงั ไฟฟ้ าได้ 3 W คา่ ผดิ พลาด  5%0E25 10W J = ความตา้ นทาน 0.25  ทนกาลงั ไฟฟ้ าได้ 10 W ค่าผดิ พลาด  5% = ทนกาลงั ไฟฟ้ าได้ 5 W ความตา้ นทาน 50  ค่าผดิ พลาด  5% = ทนกาลงั ไฟฟ้ าได้ 2 W ความตา้ นทาน 2.7 k ค่าผดิ พลาด  10% ตอบ 8.4.2 บอกค่าเป็ นรหสั ตัวเลขตัวอกั ษร ตวั ตา้ นทานบางแบบตวั เลขและตวั อกั ษรที่กากบั ไวบ้ นตวั ตา้ นทานเหล่าน้นั ไม่ไดบ้ อกค่าความตา้ นทานออกมาโดยตรง เพราะค่าที่แสดงไวบ้ นตวั ตา้ นทานบอกค่าออกมาในรูปรหสั ตอ้ งนามาแปลงรหัสให้กลบั มาเป็ นค่าความตา้ นทานก่อนที่จะอ่านค่าออกมา การอ่านค่ามีหลายวิธีแตกต่างกันไป รหัสค่าความตา้ นทานมกั ถูกแสดงไวใ้ นรูปตวั เลข และตวั อกั ษรเขียนเรียงกนั 3 หรือ 4 ตวั การอ่านคา่ แตล่ ะแบบทาไดด้ งั น้ี 1. แบบตัวเลข 3 ตวั และอาจเพมิ่ ตวั อกั ษร 1 ตวั การอ่านคา่ ใหอ้ ่านตวั เลขจากซา้ ยมือไปขวามือตวั เลข 2 ตวั แรกดา้ นซ้ายมืออ่านค่าออกมาไดโ้ ดยตรง ตวั เลขตวั ที่ 3 แสดงจานวนเลขศูนย์ (0) ท่ีตอ้ งเติมเขา้ ไปอ่านค่าออกมามีหน่วยเป็ นโอห์ม () ส่วนตวั อกั ษรมกั จะแสดงค่าไวใ้ นส่วนของค่าเปอร์เซ็นตค์ วามผิดพลาดวธิ ีการอา่ นคา่ แสดงดงั รูปท่ี 8.15 1=4 1=1 2=7 2=0   2 = 00   3 = 000 F = -+1% J = -+5%472F R = 4,700  = 4.7 k R = 10,000  = 10 k -+5% -+ 1%(ก) ตวั ตา้ นทานทวั่ ไป (ข) ตวั ตา้ นทานแบบ SIL .1 = 1 1=3 =() 2=9 2=6  = 00001R6 R = 1.6  394 R = 390,000  = 390 k (ค) ตวั ตา้ นทานแบบแปะติด SMD

17 รูปที่ 8.15 การอ่านค่ารหสั ตวั ตา้ นทานแบบตวั เลข 3 ตวั กรณีท่ีตวั ตา้ นทานมีค่าต่ากว่า 10 โอห์มลงมา จะใชต้ วั อกั ษร R วางไวเ้ ป็ นตวั แรกหรือตวั ที่สองแทนตวั เลข เพ่อื แสดงค่าเป็นจุดทศนิยม () ส่วนตวั เลขท้งั สองตวั ท่ีแสดงค่าไว้ อ่านค่าออกมาไดโ้ ดยตรงตวั อย่างที่ 8.3 จงอา่ นคา่ ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานที่บอกค่าไวด้ ว้ ยรหสั ตอ่ ไปน้ีR18 = ความตา้ นทาน 0.18 7R533R หรือ 330 = ความตา้ นทาน 7.5 222470F = ความตา้ นทาน 33 825D = ความตา้ นทาน 22 x 100 = 2,200  หรือ 2.2 k = ความตา้ นทาน 47  คา่ ผดิ พลาด 1% = ความตา้ นทาน 82 x 100,000 = 8,200,000  หรือ 8.2 M ค่าผดิ พลาด  0.5% ตอบ 2. แบบตัวเลข 4 ตัว นิยมใช้กบั ตวั ตา้ นทานแบบแปะติด SMD การอ่านค่าให้อ่านตวั เลขจากซา้ ยมือไปขวามือ ตวั เลข 3 ตวั แรกจากซา้ ยมืออ่านค่าไดโ้ ดยตรง ตวั เลขตวั ที่ 4 แสดงจานวนเลขศูนย์ (0) ที่ตอ้ งเติมเขา้ ไป กรณีที่ตวั ตา้ นทานมีค่าต่ากว่า 10 โอห์มลงมา ให้ใช้ตวั อกั ษร R วางไวเ้ ป็ นตวั ท่ีสองหรือตวั ท่ีสามแทนตวั เลข เพื่อแสดงค่าเป็ นจุดทศนิยม () ส่วนตวั เลขสองตวั แรกอ่านค่าออกมาโดยตรง ตวั เลขตวั สุดทา้ ยเป็ นจานวนเลขศูนย์ (0) ท่ีตอ้ งเติมเขา้ ไปเช่นเดิม ค่าท่ีอ่านออกมาไดม้ ีหน่วยเป็ นโอห์ม () ค่าความผิดพลาดของตวั ตา้ นทานแบบ 4 ตวั เลข มีคา่ ประมาณ  1% หรือนอ้ ยกวา่ตวั อย่างท่ี 8.4 จงอา่ นค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานท่ีบอกค่าไวด้ ว้ ยรหสั ตอ่ ไปน้ี0 . 560R56 = ความตา้ นทาน 0.56 91 . 091R0 = ความตา้ นทาน 91 330x1 = ความตา้ นทาน 330 x 1  = 330 330016R9 = ความตา้ นทาน 16.9 7322 = ความตา้ นทาน 732 x 102  = 73,200  = 73.2 k4123 = ความตา้ นทาน 412 x 103  = 412,000  = 412 k

18 4304 = ความตา้ นทาน 430 x 104  = 4,300,000  = 4.3 M ตอบ 3. แบบใช้รหัส EIA96 หรือรหสั E – 96 เพราะในปัจจุบนั ตวั ตา้ นทานชนิดแปะติด SMD ที่พฒั นามาใชง้ านมีขนาดยงิ่ เล็กลงเพิม่ ข้ึน เป็นผลมาจากการพฒั นาเทคโนโลยใี นการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทาใหห้ ลายบริษทั ผลิตตวั ตา้ นทานชนิดแปะติด SMD ออกมาใชง้ าน ไดค้ ิดคน้ รหสั บอกค่าความตา้ นทานใหม่ๆออกมา เพ่ือให้มีความกะทดั รัดมากข้ึน พิมพ์ขนาดตวั อกั ษรได้ขนาดใหญ่ข้ึน รหัสแบบใหม่ท่ีนามาใช้งานไดแ้ ก่ รหสั EIA96 ตวั ตา้ นทานที่ใชร้ หสั ชนิดน้ีจะบอกค่าเป็ นตวั เลข 2 ตวั แรก และตวั อกั ษร 1 ตวั หลงั มีความผิดพลาดไม่เกิน 1% หรือน้อยกวา่ การอ่านค่าความตา้ นทานตอ้ งนารหัสท่ีบอกไวไ้ ปเปิ ดตารางเทียบค่า รหัสตวั เลข 2 ตวั แรกบอกค่าความตา้ นทาน และตวั อกั ษร 1 ตวั หลงั บอกค่าตวั คูณ (จานวนศูนยท์ ี่เติม) ค่าที่อ่านออกมาไดม้ ีหน่วยเป็ นโอห์ม () ตารางเทียบค่า แสดงดงั ตารางท่ี 8.3 และตารางท่ี 8.4 วิธีการอ่านค่าแสดงดงั รูปท่ี8.16ตารางที่ 8.3 ตารางคา่ ความตา้ นทานแสดงในรูปรหสั ตวั เลขของรหสั EIA96 รหสั ค่า รหัส ค่า รหัส ค่า รหัส ค่า รหสั ค่า 01 100 21 162 41 261 61 422 81 681 02 102 22 165 42 267 62 432 82 698 03 105 23 169 43 274 63 442 83 715 04 107 24 174 44 280 64 453 84 732 05 110 25 178 45 287 65 464 85 750 06 113 26 182 46 294 66 475 86 768 07 115 27 187 47 301 67 487 87 787 08 118 28 191 48 309 68 499 88 806 09 121 29 196 49 316 69 511 89 825 10 124 30 200 50 324 70 523 90 845 11 127 31 205 51 332 71 536 91 866 12 130 32 210 52 340 72 549 92 887 13 133 33 215 53 348 73 562 93 909 14 137 34 221 54 357 74 576 94 931 15 140 35 226 55 365 75 590 95 953 16 143 36 232 56 374 76 604 96 976 17 147 37 237 57 383 77 619 18 150 38 243 58 392 78 634 19 154 39 249 59 402 79 649 20 158 40 255 60 412 80 665

19ตารางท่ี 8.4 ตารางตวั คูณท่ีตอ้ งเติมคา่ ลงไปแสดงในรูปตวั อกั ษรของรหสั EIA96ตัวอกั ษร ตัวคูณ Z 0.001 0.01Y หรือ R 0.1X หรือ S 1 A 10B หรือ H 100 1,000 C 10,000 D 100,000 E F  07 = 115  29 = 196  Y = x 0.01  B = x 1007Y R = 115 x 0.01 = 1.15  29B R = 196 x 10 = 1,960  = 1.96 k รูปที่ 8.16 การอา่ นค่าความตา้ นทานแบบใชร้ หสั EIA96ตัวอย่างท่ี 8.5 จงอา่ นค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานท่ีบอกคา่ ไวด้ ว้ ยรหสั ตอ่ ไปน้ี 01X = ความตา้ นทาน 100 x 0.1  = 10  44A = ความตา้ นทาน 280 x 1  = 280  55B = ความตา้ นทาน 365 x 10  = 3,650  = 3.65 k 10C = ความตา้ นทาน 124 x 100  = 12,400  = 12.4 k 91D = ความตา้ นทาน 866 x 1,000  = 866,000  = 866 k ตอบ 8.5 การอ่านความต้านทานจากรหสั สี ตวั ตา้ นทานบางแบบแสดงค่าความตา้ นทานดว้ ยแถบสี โดยใช้สีที่กาหนดไวร้ ะบายเป็ นเส้นรอบตวัตา้ นทานเรียงตามลาดบั แทนตวั เลขและตวั อกั ษร ใชแ้ ทนท้งั ค่าความตา้ นทานและค่าผดิ พลาด แถบสีท่ีใชแ้ บ่งได้เป็น 2 แบบ คือ แบบ 4 แถบสี และแบบ 5 แถบสี การอ่านคา่ ความตา้ นทานออกมามีรายละเอียดแตกตา่ งกนั ค่ารหสั สีท่ีระบายไวบ้ อกท้งั คา่ ความตา้ นทานและค่าผดิ พลาด จะตอ้ งแปลงรหสั สีที่กากบั ไวก้ ลบั มาเป็ น

20ตวั เลขท้งั หมด รหสั สีท่ีบอกไวส้ ามารถนามาแทนเป็นตวั เลขไดท้ ้งั ค่าตวั ต้งั ค่าตวั คูณ และค่าผดิ พลาด นาตวั เลขมาแทนลงไปใหถ้ ูกตอ้ งตามคา่ สีท่ีกาหนด พร้อมท้งั จดั คา่ และจดั หน่วยใหเ้ หมาะสม จะไดค้ ่าความตา้ นทาน และคา่ ผดิ พลาดของตวั ตา้ นทานตวั น้นั ออกมา 8.5.1 แบบรหัส 4 แถบสี ตวั ตา้ นทานแบบรหัส 4 แถบสี มีแถบสีที่แสดงไวท้ ้งั หมด 4 แถบ การอ่านค่าให้อ่านแถบสีท่ีอยชู่ ิดกนั 3 แถบก่อน โดยใหแ้ ถบสีแรกท่ีชิดขาตวั ตา้ นทานเป็ นแถบสีที่ 1 อยทู่ างซา้ ย มือ แถบสีต่อมาเป็ นแถบสีท่ี 2 ท้งั แถบสีท่ี 1 และแถบสีที่ 2 แทนคา่ เป็นตวั เลขลงไป และอ่านค่าตวั เลขน้นั ออกมาโดยตรง ส่วนแถบสีต่อมาเป็ นแถบสีท่ี 3 เป็ นแถบสีตวั คูณหรือจานวนเลขศูนย์ (0) ท่ีตอ้ งเติมเขา้ ไป และแถบสีสุดทา้ ยเป็ นแถบสีที่ 4 ซ่ึงอาจอยู่ติดกนั หรืออยู่ห่างออกมาเล็กน้อย เป็ นแถบสีแสดงค่าผิดพลาด ตวั ตา้ นทานแบบ 4 แถบสี และตารางแสดงคา่ สี แสดงดงั รูปท่ี 8.17สี แถบสีท่ี 1 แถบสีท่ี 2 แถบสีท่ี 3 แถบสีที่ 4 ค่าตัวเลข ค่าตวั เลข ค่าตัวคูณ (เติมจานวนศูนย์) ค่าผดิ พลาด อกั ษร 1ดา 0 0 10 100น้าตาล 1 1 1,000  1% F 10,000  2% Gแดง 2 2 100,000 1,000,000สม้ 3 3 10,000,000เหลือง 4 4 0.1 0.01เขียว 5 5  0.5% D  0.25% Cน้าเงิน 6 6  0.1% B  0.05% Aม่วง 7 7  5% Jเทา 8 8  10% K  20% Mขาว 9 9ทองเงินไม่มีสี รูปท่ี 8.17 ตารางแสดงค่าแถบสีตวั ตา้ นทานแบบรหสั 4 แถบสี

21การสงั เกตหาแถบสีแถบท่ี 1 พิจารณาดงั น้ี 1. แถบสีท่ีอยชู่ ิดขาตวั ตา้ นทานมากกวา่ เป็นแถบสีที่ 1 2. แถบสี 3 แถบอยชู่ ิดกนั แถบสีแรกท่ีอยชู่ ิดขาตวั ตา้ นทานเป็นแถบสีท่ี 1 3. แถบสีท่ี 1 เส้นแถบสีจะเล็กกวา่ ปกติ 4. สีเงิน หรือสีทอง ไมส่ ามารถเป็นแถบสีที่ 1 ได้ตวั อย่างที่ 8.6 จงอ่านค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานแบบรหสั 4 แถบสี ตามคา่ ที่กาหนด1.  1 แถบสีท่ี 1 2 3 4  2 สีแสดง แดง ดา ดา เงิน 3 4 ค่าตวั เลข 2 0 1  10% ค่าอ่านได้ 20  1 = 20  ค่าผดิ พลาด  10%2.  1 แถบสีท่ี 1 2 3 4 2 สีแสดง แดง ม่วง แดง ทอง 3 4 ค่าตวั เลข 2 7 100  5% ค่าอ่านได้ 27  100 = 2,700  = 2.7 k ค่าผดิ พลาด  5%3.  1 แถบสีที่ 1 2 3 4  2 สีแสดง สม้ น้าเงิน เขียว ทอง  3 4 ค่าตวั เลข 3 6 100,000  5% ค่าอ่านได้ 36  100,000 = 3,600,000  = 3.6 M ค่าผดิ พลาด  5% 8.5.2 แบบรหสั 5 แถบสี ตวั ตา้ นทานแบบรหสั 5 แถบสี มีแถบสีท่ีแสดงไวท้ ้งั หมด 5 แถบ การอ่านค่าให้อ่านแถบสีท่ีอยชู่ ิดกนั 4 แถบก่อน โดยใหแ้ ถบสีแรกท่ีชิดขาตวั ตา้ นทานเป็ นแถบสีที่ 1 อยทู่ างซา้ ยมือ แถบสีต่อมาเป็ นแถบสีที่ 2 และ 3 ตามลาดบั แถบสีท่ี 1, 2 และ 3 แทนค่าเป็นตวั เลขลงไป และอ่านค่าตวั เลขน้นั ออกมาโดยตรง ส่วน

22แถบสีตอ่ มาเป็นแถบสีท่ี 4 เป็นแถบสีตวั คูณ หรือจานวนเลขศนู ย์ (0) ที่ตอ้ งเติมเขา้ ไป และแถบสีสุดทา้ ยแถบสีที่5 ซ่ึงอาจอย่ตู ิดกนั หรืออยหู่ ่างออกมาเล็กน้อย เป็ นแถบสีแสดงค่าผดิ พลาด ตวั ตา้ นทานแบบ 5 แถบสี และตารางแสดงคา่ สี แสดงดงั รูปที่ 8.18สี แถบสีที่ 1 แถบสีท่ี 2 แถบสีที่ 3 แถบสีที่ 4 แถบสีท่ี 5 ค่าตัวเลข ค่าตวั เลข ค่าตวั เลข ค่าตัวคูณ (เตมิ จานวนศูนย์) ค่าผดิ พลาด อักษรดา 0 0 0 1  1% F 1 1 10  2% Gน้าตาล 1 2 2 100 3 3 1,000แดง 2 4 4 10,000 5 5 100,000ส้ม 3 6 6 1,000,000 7 7 10,000,000เหลือง 4 8 8 9 9 0.1เขียว 5 0.01  0.5% D  0.25% Cน้าเงิน 6  0.1% B  0.05% Aม่วง 7  5% Jเทา 8  10% Kขาว 9ทองเงิน รูปที่ 8.18 ตารางแสดงค่าแถบสีตวั ตา้ นทานแบบรหสั 5 แถบสี การสังเกตหาแถบสีแถบที่ 1 พจิ ารณาดงั น้ี 1. แถบสีที่อยชู่ ิดขาตวั ตา้ นทานมากกวา่ เป็นแถบสีที่ 1 2. แถบสี 3 แถบ หรือ 4 แถบที่อยตู่ ิดกนั แถบสีแรกที่อยชู่ ิดขาตวั ตา้ นทานเป็ นแถบสีท่ี 1 3. สีเงิน หรือสีทอง ไม่สามารถเป็นแถบสีท่ี 1 หรือแถบสีท่ี 2 ได้ 4. แถบสีค่าเปอร์เซ็นตผ์ ดิ พลาดจะอยหู่ ่างออกมา หรือทาใหม้ ีขนาดแถบเล็กหรือใหญ่กวา่ แถบสีอ่ืนๆตัวอย่างที่ 8.7 จงอ่านค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานแบบรหสั 5 แถบสี ตามคา่ ท่ีบอกไว้1.  1 แถบสีท่ี 1 2 3 4 5 2 3 สีแสดง แดง ดา ดา ทอง แดง 4 ค่าตวั เลข 2 0 0 0.1  2%  5 ค่าอ่านได้ 200  0.1 = 20  ค่าผดิ พลาด  2%

232.  1  แถบสีท่ี 1 2 3 4 5 2 3 สีแสดง เขียว มว่ ง น้าเงิน แดง น้าตาล 4 ค่าตวั เลข 5 7 6 100  1%  5 ค่าอ่านได้ 576  100 = 57,600  = 57.6 k ค่าผดิ พลาด  1%3.  1 แถบสีท่ี 1 2 3 4 5 2  3 สีแสดง สม้ ดา เขียว สม้ เขียว  4 ค่าตวั เลข 3 0 5 1,000  0.5%  5 ค่าอ่านได้ 305  1,000 = 305,000  = 305 k ค่าผดิ พลาด  0.5%8.6 การต่อตวั ต้านทาน การต่อตวั ตา้ นทาน คือ การนาตวั ตา้ นทานมาต่อวงจรรวมกนั เพ่ือปรับเปลี่ยนค่าความตา้ นทานใหไ้ ด้ตามตอ้ งการ การต่อตวั ตา้ นทานแบ่งออกไดเ้ ป็ น 3 แบบ คือ ต่อแบบอนุกรม ต่อแบบขนาน และต่อแบบผสมการตอ่ ตวั ตา้ นทานแต่ละแบบมีผลทาใหค้ ่าความตา้ นทานรวมท่ีไดอ้ อกมาเปล่ียนแปลงไป 8.6.1 การต่อตัวต้านทานแบบอนุกรม การต่อตวั ตา้ นทานแบบอนุกรม (Series Resistor) เป็ นการต่อตวั ต้านทานเขา้ ด้วยกนั แบบเรียงลาดบั ต่อเน่ืองกนั ไป ในลกั ษณะทา้ ยของตวั ตา้ นทานตวั แรกต่อเขา้ หวั ตวั ตา้ นทานตวั ที่สอง และทา้ ยของตวัตา้ นทานตวั ที่สองต่อเขา้ หวั ตวั ตา้ นทานตวั ที่สาม ต่อเช่นน้ีเร่ือยไป การต่อวงจรตวั ตา้ นทานแบบอนุกรม แสดงดงั รูปท่ี 8.19 R1 R2 R3 R4 R1 R2 R3 R4 (ก) รูปวงจร (ข) สญั ลกั ษณ์วงจร รูปที่ 8.19 การตอ่ ตวั ตา้ นทานแบบอนุกรม การต่อตวั ตา้ นทานแบบน้ี ทาให้ค่าความตา้ นทานรวมของวงจรเพ่ิมข้ึนตามจานวนตวั ตา้ นทานที่

24นามาตอ่ เพิม่ การหาค่าความตา้ นทานรวมในวงจรแบบอนุกรม สามารถเขียนเป็นสมการไดด้ งั น้ี RT = R1 + R2 + R3 + R4 + .... .....(8-1)เมื่อ RT = ความตา้ นทานรวมของวงจร หน่วย  R1, R2, R3, R4 = ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทาน 1, 2, 3 และ 4 ตามลาดบั หน่วย ตวั อย่างที่ 8.8 จงหาคา่ ความตา้ นทานรวมของวงจรอนุกรมตามรูปที่ 8.20R1 R2 R3 วธิ ีทา220  470  100  จากสูตร RT = R1 + R2 + R3รูปที่ 8.20 วงจรตวั ตา้ นทานแบบอนุกรม แทนค่า RT = 220  + 470  + 100   RT = 790  ตอบ8.6.2 การต่อตวั ต้านทานแบบขนาน การตอ่ ตวั ตา้ นทานแบบขนาน (Parallel Resistor) เป็ นการต่อตวั ตา้ นทานแต่ละตวั ในลกั ษณะคร่อมขนานร่วมกนั ทุกตวั มีจุดต่อร่วมกนั 2 จุด คือจุดรวมขาแต่ละดา้ นของตวั ตา้ นทานแต่ละตวั ลกั ษณะการต่อวงจรตวั ตา้ นทานแบบขนาน แสดงดงั รูปท่ี 8.21 R1 R1 R2 R2 R3 R3 R4 R4 (ก) รูปวงจร (ข) สญั ลกั ษณ์วงจร รูปที่ 8.21 การต่อตวั ตา้ นทานแบบขนาน การตอ่ ตวั ตา้ นทานแบบน้ี ทาใหค้ ่าความตา้ นทานรวมของวงจรลดลง ไดค้ ่าผล รวมของความตา้ นทานในวงจร นอ้ ยกวา่ ค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานตวั ที่มีคา่ นอ้ ยท่ีสุดในวงจร การหาคา่ ความตา้ นทานรวมในวงจรแบบขนาน สามารถเขียนสมการไดด้ งั น้ี 1 = 1 + 1 + 1 + 1 + .... .....(8-2) RT R1 R2 R3 R4

25เม่ือ RT = ความตา้ นทานรวมของวงจร หน่วย  R1, R2, R3, R4 = ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทาน 1, 2, 3 และ 4 ตามลาดบั หน่วย ตัวอย่างท่ี 8.9 จงหาค่าความตา้ นทานรวมของวงจรตามรูปที่ 8.22 R1 = 10  วธิ ีทา R2 = 24  R3 = 20  จากสูตร 1 = 1 + 1 + 1 + 1 R4 = 12  RT R1 R2 R3 R4 1 1 1 1 1รูปท่ี 8.22 วงจรตวั ตา้ นทานแบบขนาน แทนคา่ RT = 10 + 24 + 20 + 12 1 = 12+ 5 + 6 +10 = 33 120 120 RT 120  RT = 33 = 3.64  ตอบ8.6.3 การต่อตวั ต้านทานแบบผสม การตอ่ ตวั ตา้ นทานแบบผสม (Compound Resistor) เป็ นการต่อตวั ตา้ นทานผสมรวมกนั ระหวา่ งการต่อแบบอนุกรมและการต่อแบบขนานอยใู่ นวงจรเดียวกนั การต่อตวั ตา้ นทานแบบผสมไม่มีวงจรตายตวัสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามลกั ษณะการต่อวงจรท่ีตอ้ งการ การหาค่าความตา้ นทานรวมของวงจร ใหใ้ ชว้ ธิ ีหาแบบอนุกรมและวธิ ีหาแบบขนานร่วมกนั โดยพิจารณาการต่อทีละส่วน ลกั ษณะการต่อวงจรตวั ตา้ นทานแบบผสมลกั ษณะหน่ึง แสดงดงั รูปท่ี 8.23R1 R2 R3 R1 R2 R3 R4 R5 R4 R5(ก) รูปวงจร (ข) สญั ลกั ษณ์วงจรรูปที่ 8.23 การตอ่ ตวั ตา้ นทานแบบผสมลกั ษณะหน่ึงตวั อย่างที่ 8.10 จงหาคา่ ความตา้ นทานรวมของวงจรตามรูปท่ี 8.24R1 = 10  R2 = 24  R3 = 20  วธิ ีทา R123 = R1 + R2 + R3 R4 = 56  R5 = 22  สูตรอนุกรม = 10  + 24  + 20  แทนคา่ R123รูปท่ี 8.24 วงจรตวั ตา้ นทานแบบผสม = 54   R123สูตรอนุกรม R45 = R4 + R5

26แทนค่า R45 = 56  + 22   R45 = 78 สูตรขนาน 1 = 1 + 1 RT R123 R 45 R123 R45หรือใชส้ ูตร RT = R123 + R45แทนค่า RT = 54  78  RT 54 + 78 = 31.91  ตอบ8.7 บทสรุป วตั ถุทุกชนิดบนโลกมีความตา้ นทานเป็ นส่วนประกอบรวมอยดู่ ้วยเสมอ ในขนาดค่าความตา้ นทานที่แตกต่างกนั บางชนิดมีค่าต่า บางชนิดมีค่าสูง สามารถนาวตั ถุเหล่าน้นั นามาผลิตเป็ นตวั ตา้ นทานได้ ทาให้เกิดความสะดวกต่อการใชง้ าน หนา้ ท่ีตวั ตา้ นทานคือจากดั การไหลของกระแส และกาหนดคา่ แรงดนั ตกคร่อม ชนิดของตวั ตา้ นทานแบ่งออกได้ตามวสั ดุที่ใช้ผลิต คือ วสั ดุประเภทโลหะทามาจากโลหะผสมของนิกเกิล แคดเมียม ทองแดง แมงกานีส และโครเมียม เป็ นตน้ ส่วนวสั ดุประเภทอโลหะ ทามาจากผงคาร์บอนอดั หรือฟิ ล์มคาร์บอน และแบ่งออกไดต้ ามรูปแบบท่ีผลิต ไดแ้ ก่ ชนิดคงท่ี ชนิดแบ่งค่า ชนิดเปล่ียนเลือกค่าชนิดปรับเปล่ียนค่า และชนิดพิเศษ แต่ละชนิดของตวั ตา้ นทานที่ผลิตข้ึนมาสามารถใชว้ สั ดุไดท้ ้งั ประเภทโลหะและประเภทอโลหะ ตวั ตา้ นทานชนิดพิเศษ เป็ นตวั ตา้ นทานที่ผลิตข้ึนมาใช้ในแต่ละงานโดยเฉพาะ ค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานชนิดน้ีสามารถเปล่ียนแปลงค่าไดต้ ามการควบคุมของขนาดพลงั งานท่ีใชง้ าน เช่น เทอร์มีสเตอร์ใช้อุณหภมู ิควบคุมความตา้ นทาน วาริสเตอร์ใชแ้ รงดนั ไฟฟ้ าควบคุมความตา้ นทาน และแอลดีอาร์ (LDR) ใชแ้ สงควบคุมความตา้ นทาน การอา่ นค่าความตา้ นทานที่แสดงไวบ้ นตวั ตา้ นทานอา่ นไดห้ ลายแบบ เช่น แบบแสดงค่าออกมาโดยตรงจะพิมพค์ า่ ความตา้ นทานบอกไวส้ ามารถอ่านค่าออกมาไดโ้ ดยตรง แบบแสดงค่าเป็นรหสั จะตอ้ งทาการแปลงรหสั ออกก่อนจึงสามารถอ่านค่าความตา้ นทานออกมาได้ และแบบแสดงค่าเป็ นแถบสี จะตอ้ งแปลงแถบสีให้เป็ นตวั เลขก่อน จึงสามารถอ่านค่าความตา้ นทานออกมาได้ แถบสีที่บอกไวม้ ีท้งั แบบ 4 แถบสี และแบบ5 แถบสี

27


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook