3. การสง่ เสริมความปลอดภัยในการเดนิ ทาง การสร้างจิตสำนึกแห่งความปลอดภัย เป็นจุดหนึ่งในการลดพฤติกรรมเสี่ยง ช่วยสร้างสังคมให้น่าอยู่ ซึ่งต้องทำอย่างต่อเนื่อง จนเป็นวัฒนธรรมของโรงเรียน เด็กๆจะได้เรียนรู้และปฏิบัติจนเป็นนิสัย ทำให้มีทักษะในการดูแลตนเอง ลดการบาดเจ็บ ทั้งนี้ควรชี้แจงให้ผู้ปกครอง และชุมชนทราบ และร่วมกันปฏิบัติเป็นแบบอย่างให้กับเด็กๆ เพื่อความปลอดภัยในครอบครวั และชุมชน ควรปฏิบัติดงั นี้ 3.1 การจดั ระบบการจราจรที่ปลอดภัยภายในโรงเรียน โดยกำหนดกติกาหรือแนวทางปฏิบัติตามกฎจราจรภายในโรงเรียน อยา่ งเคร่งครดั คือ 1) มีทางเข้า-ออกชัดเจน 2) มีบริเวณสำหรบั จอดรถรับ-ส่งเด็กโดยเฉพาะ 3) จัดให้มีลานจอดรถสำหรับครู นักเรียน ผู้มาติดต่อให้เป็นสัดส่วนชัดเจน และหา่ งจากบริเวณอาคารเรียน และห้ามเดก็ เข้าไปเลน่ ในบริเวณที่จอดรถ 4) มีป้าย และสัญลักษณ์การจราจรที่ชัดเจน เหมาะสม เช่น ป้ายหยุด ป้ายบอกทิศทาง 5) ทางเท้าในโรงเรียน ต้องแยกออกจากถนนเพื่อการจราจร อยา่ งชดั เจน 6) มีระบบการอำนวยความสะดวกในการข้ามถนน เช่น มีครู หรือ ตำรวจจราจรช่วยอำนวยความสะดวกในการข้ามถนนในเวลาเข้า-เลิกเรียน ดูแล การใช้บริการรถรับ-สง่ เด็กหรือรถโรงเรียน 7) สร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยให้แก่เด็ก ผู้ปกครองและชุมชน โดยการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ความเข้าใจผ่านทางสื่อต่างๆ เช่น ติดป้ายเตือน แผ่นพับ จดหมายขา่ ว และเสียงตามสาย 8) ให้ความรู้แกเ่ ดก็ และสง่ เสริมกิจกรรมเกี่ยวกับการฝึกปฏิบัติตามกฎจราจร 94
3.2 สง่ เสริมความปลอดภยั ในการเดินทางระหว่างบา้ นและโรงเรียน 1) หากเดินเท้า ควรกำหนดเส้นทางเดินที่ปลอดภัย มีระเบียบวินัยในการเดิน เช่น เดินเปน็ แถว มีหวั หน้ากลุ่มถือธงนำหน้า ห้ามหยอกล้อ หรือเลน่ กนั ในขณะเดินถนน 2) การขี่รถจักรยานหรือรถจักรยานยนต์ ควรแนะนำเด็กให้รู้จักการปฏิบัติตน ตามกฎจราจร เช่น ขับขี่ในช่องทางที่กำหนด ไม่ขี่ย้อนเส้นทางกับรถ และขับขี่ด้วย ความระมัดระวงั ผู้ปกครองไมค่ วรอนุญาตให้เด็กขับขีร่ ถจักรยานในทีม่ ีการจราจรคบั ค่ัง 3) การขับขี่รถจักรยานยนต์ ต้องสวมหมวกนิรภัยทั้งผู้ขับขี่ และผู้ซ้อนท้าย ไม่ควรนำเด็กซ้อนจักรยานยนต์พร้อมกนั หลายคน และเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปี ไม่ควรขบั ขี่ รถจักรยานยนตท์ ุกชนิด 4) การโดยสารรถยนต์ ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย ไมใ่ ห้เดก็ น่ังตกั ขณะขับรถยนต์ ไม่โดยสารหรือนั่งบนรถกระบะรถที่ไม่มีหลังคาครอบ ไม่ขึ้นไปน่ังบนหลังคารถโดยสาร หรือยืนโหนตรงบันไดรถ 5) รถรับ-ส่งเด็กหรือรถโรงเรียน ต้องมีสภาพดี ควรมีประตูปิด-เปิด มีครูหรือผู้คุมประจำรถ ผู้ขับรถรับ-ส่งเด็กจะต้องได้รับใบอนุญาตจากกรมการขนส่ง นอกจากนี้ต้องจัดสถานที่จอดรถรับ-ส่งเด็กให้เป็นสัดส่วน แยกจากที่จอดรถอื่นๆ และปลูกฝงั ให้เด็กมีระเบียบวินยั ในการใช้รถรบั -ส่ง 6) ควรจำกัดความเร็วของยานพาหนะไม่ให้ใช้ความเร็วเกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในบริเวณโรงเรียน 7) หากเดินทางโดทางเรือ ควรให้เด็กสวมเสือชูชีพ ฝึกให้เด็กว่ายน้ำเป็น สามารถช่วยเหลือตนเองได้ 95
4. การป้องกนั การเกดิ อุบตั ิเหตุแผนสาธารณภยั และระบบส่งต่อฉุกเฉิน อุบัติเหตุเกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิดมาก่อน และเกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที ่ ตราบใดที่ยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องความปลอดภัย หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อ การเกิดอุบัติเหตุ ก็ยังคงต้องพบกับความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้นจึงควรร่วมมือ ให้ความรู้และรณรงค์จัดกิจกรรมส่งเสริมด้านความปลอดภัย เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมด้านความปลอดภัย ควรปฏิบตั ิดังนี้ 4.1 พัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ 1) ควรกำหนดหลักสูตรความรู้เรื่องปลอดภัย เพื่อสร้างทักษะและ ปลูกจิตสำนึกให้กับเด็ก โดยการเชื่อมโยงความรู้สู่การปฏิบัติ อย่างบูรณาการในกิจกรรม การเรียนการสอนของแต่ละวัย เช่น รู้จักเครื่องหมายจราจร ประเภทบังคับ ประเภทเตือน รู้จักปฏิบตั ิตนตามกฎจราจร 2) มีการถ่ายทอดความรู้และการจัดการป้องกันการเกิดอุบัติเหต ุ ความรนุ แรง การป้องกันอคั คีภยั และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ให้กับเด็ก ผู้ปกครอง และ ชมุ ชน โดยมีการฝึกซ้อม เพือ่ เตรียมความพร้อม 3) บุคลากรของโรงเรียน ควรได้รับการอบรมในเรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การป้องกันอุบัติภัย การเจ็บป่วยฉุกเฉินของเด็ก และรู้จักวิธีการกู้ชีพเบื้องต้น เช่น การเป่าปาก นวดหัวใจ การตบหลัง กดหน้าอก หรือกดท้อง เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมออก จากหลอดลม นอกจากนี้ยังต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้สำหรับ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น และมีการจดั เกบ็ อย่างเป็นระเบียบ อยใู่ นทีท่ ี่มองเห็นได้ชดั เจน 4) ให้ความรู้และการปฏิบตั ิตนแก่เด็กในการใช้เครือ่ งมือ เครือ่ งใช้ที่อาจเปน็ อันตราย เช่น จอบ เสียม มีด เครือ่ งใช้ไฟฟ้าและการใช้อปุ กรณเ์ สริมความปลอดภยั เช่น การสวมหมวกนิรภัย 96
4.2 สง่ เสริม สนบั สนนุ ใหเ้ กิดการปฏิบัติอยา่ งเปน็ รปู ธรรม 1) สร้างความตระหนักเรื่องความปลอดภัยให้แก่เด็กและผู้ปกครอง พึงระลึกไว้เสมอว่าต้องปลอดภยั ไว้กอ่ น ด้วยการจัดทำป้าย เอกสาร จดหมายขา่ ว เสียงตามสาย ฯลฯ 2) มีกฎระเบียบแห่งความปลอดภัยให้เด็กปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ฝึกให้เดก็ รู้จักหลีกเลีย่ งจุดอันตราย และมีทกั ษะในเรือ่ งความปลอดภยั 3) ควรจัดทำป้ายแสดงสญั ลกั ษณ์หรือคำเตือนตา่ งๆ 4) เสริมสร้างความปลอดภัยให้แก่เด็ก โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งควรทำทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชนและสังคม อันนำไปสู่การสร้างสิ่งแวดล้อม ทีป่ ลอดภยั สำหรับเด็ก 5) มีแผนรองรับการเกิดอัคคีภัย พร้อมแผนผังเส้นทางการหนีไฟ ท้ังนี้ต้องมีป้ายบอกทางหนีไฟ มองเห็นได้ชดั เจน และติดเปน็ ระยะจนถึงจดุ ที่ปลอดภยั 6) ให้ความรู้และฝึกซ้อมการดับไฟ การหนีไฟ และการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ให้กับเด็ก ครูและชุมน ควรทำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และควรฝึกซ้อมร่วมกับชุมชน เนื่องจากชุมชนอยู่ใกล้โรงเรียน หากเกิดเหตุด่วน เหตุร้าย ชุมชนจะสามารถให้ความช่วยเหลือ ได้เร็วที่สุด ทั้งนี้เด็กๆต้องได้รับการฝึกซ้อมด้วย เพื่อให้มีสติ มีทักษะสามารถจัดการกับ เหตุการณน์ ้ันๆได้อยา่ งเหมาะสม ให้คิดไว้เสมอว่า ไมม่ ีใครช่วยเราได้ดีเทา่ เราช่วยเหลือตวั เอง 7) ติดตั้งเครื่องตัดไฟอัตโนมัติ ระบบสัญญาณเตือนภัย และเครื่องดับเพลิง โดยติดตั้งในที่มองเห็นได้ชัดเจน หยิบใช้ได้สะดวก (ระดับการติดตั้ง ความสูงจากพื้น ถึงส่วนบนของเครื่องดบั เพลิง ไมค่ วรสงู เกิน 150 เซนติเมตร) มีสภาพพร้อมใช้งาน การติดต้ัง จำนวน 1 เครื่องต่อพื้นที่ 150 ตารางเมตร 8) มีหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินของหน่วยงานราชการต่างๆ ติดไว้ให้เห็น ได้อย่างชัดเจน สามารถติดต่อได้ทนั ท่วงที เช่น โรงพยาบาล สถานีตำรวจ และหนว่ ยป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั 97
5. การส่งเสริมพฤตกิ รรมด้านความปลอดภยั และการประหยดั ทรัพยากรธรรมชาต ิ ควรส่งเสริมให้เด็กมีพฤติกรรมด้านความปลอดภัย โดยการปลูกจิตสำนึกและ ลงมือปฏิบัติจนเป็นนิสยั 5.1 เพือ่ สขุ ภาพอนามัย 1) ปลกู ฝงั นิสัยการรักษาความสะอาดร่างกายอยูเ่ สมอ รวมถึงสิง่ ของเครื่องใช้ต่างๆ 2) ควรสวมรองเท้าทกุ ครั้ง เมือ่ เดินนอกบ้าน 3) รบั ประทานอาหารทีม่ ีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ สะอาด ปราศจากสารอนั ตราย 4) ลดอาหารรสจัด เชน่ หวาน มนั เคม็ ให้ทานผัก ผลไม้เป็นประจำ 5) ใช้ช้อนกลางและแก้วน้ำประจำตัว ป้องกันโรคติดต่ออันตราย 6) งดสรุ า สารเสพติด การพนันและการสำสอ่ นทางเพศ 7) ออกกำลังกายเป็นประจำ หรืออย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์ ด้วยกิจกรรมที่เหมาะสมกบั สภาพร่างกายของตน 8) ใช้ส้วมอย่างถูกวิธี ราดน้ำทุกครั้งหลังการขับถ่าย และล้างมือให้สะอาด ด้วยสบู่ทุกคร้ังหลังการใช้ส้วม 5.2 เพือ่ ความปลอดภัยในชีวิต 1) ดูแลสภาพแวดล้อมในบ้านให้สะอาด จัดเก็บข้าวของ เครื่องใช้ให้เปน็ ระเบียบ 2) หม่ันตรวจตราอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สายไฟให้อยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งานอยเู่ สมอ 3) เก็บสายไฟ ให้เปน็ ระเบียบ และไมใ่ ช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดในเต้าเสียบเดียวกนั 4) ปิดไฟและถอดปลก๊ั ไฟฟ้าทกุ คร้ังหลังใช้งานเสรจ็ 5) มีด ของใช้มีคมต้องเกบ็ ในที่ปลอดภัย 6) เก็บสาแคมีทำความสะอาดห้องน้ำ ห้องส้วม ไว้ในที่ปลอดภัยพ้นมือเด็ก และไม่ควรเทสารเคมีใส่ในภาชนะอื่นที่ไมใ่ ช่ภาชนะบรรจเุ ดิม 7) ใช้สารเคมีอยา่ งถกู วิธี ควรอ่านฉลาก วิธีการใช้ และข้อควรระวงั ให้เข้าใจ กอ่ นใช้ หลงั การใช้งานต้องล้างมือให้สะอาดด้วยสบ่ทู นั ที 98
8) ระมัดระวังอุบัติเหตุจากการจราจร ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การข้ามถนนตรงทางม้าลาย หรือข้ามสะพานลอย 9) ระมัดระวังอุบัติเหตุจากการเล่นเครื่องเล่นสนาม ต้องเล่นอย่างถูกวิธี หมัน่ ตรวจตราเครือ่ งเล่นให้พร้อมใช้งานได้อย่างปลอดภยั 10) รู้จักระวังตนเอง ไม่พูดคยุ กับคนแปลกหน้าโดยลำพัง 5.3 เพือ่ การประหยัดทรพั ยากรธรรมชาติ 1) ใช้น้ำอย่าประหยัด ไม่ควรเปิดน้ำตลอดเวลาระหว่างการแปรงฟัน หรือล้างผกั ผลไม้ และปิดน้ำทกุ คร้ังหลงั การใช้ 2) รินน้ำในปริมาณทีเ่ พียงพอต่อการดื่ม ไมค่ วรเหลือทิ้ง 3) ปิดไฟหลังใช้งานทุกครั้ง และปิดสวิตซ์เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งหลังใช้งาน เชน่ พดั ลม โทรทัศน์ เครือ่ งเสียง และใช้หลอดไฟประหยดั พลงั งาน 4) เปิดหน้าตา่ งรบั ลมแทนการใช้เครือ่ งปรับอากาศ 5) ใช้รถยนต์ส่วนตัวให้น้อยลง หรือไปทางเดียวกันใช้รถร่วมกัน และ ไม่เก็บสิ่งของที่ไม่จำเป็นต้องใช้ไว้ในรถ ขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อการประหยดั น้ำมัน 6) ใช้สิ่งของที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ใช้ภาชนะ สิ่งของที่ทำลายได้ยาก เชน่ โฟมใสอ่ าหาร อลมู ิเนียมฟอยล์ สีสเปรย์ ผ้าอ้อมสำเร็จรปู 7) ใช้ประโยชน์จากวัสดุ สิ่งของ เครื่องใช้ต่างๆอย่างคุ้มค่า ก่อนทิ้งไปเป็นขยะ เชน่ ใช้กระดาษทั้ง 2 หน้า 8) ควรเลือกซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีป้ายสัญลักษณ์แสดงการรับรองสินค้า ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ป้ายฉลากเขียว ป้ายประหยัดไฟเบอร์ 5 และมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์คุณภาพสินค้าเกษตรอินทรีย ์ 9) ใช้ตะกร้า หรือถงุ ผ้าใส่ของแทนถุงพลาสติก 10) ไมก่ ำจัดขยะด้วยวิธีการเผา 99
ความปลอดภยั ในสนามเดก็ เลน่ และเครอื่ งเล่น สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ เป็นได้ 3 ประการ คือ สาเหตุจากคนทำในสิ่งที่ไม่ปลอดภัย เกิดจากความผิดพลาดของเครื่องเล่นหรืออุปกรณ์ และเกิดจากสิ่งแวดล้อมหรือสภาพการณ์ ที่ไม่ปลอดภยั ทำอย่างไรเพือ่ ความปลอดภยั ในการเล่นเครื่องเลน่ สนามและอุปกรณก์ ารเลน่ 1. อุปกรณ์ เครือ่ งเล่นได้มาตรฐาน 2. ชิ้นสว่ น องคป์ ระกอบมีความปลอดภัย ไมม่ ีมุมแหลมคม 3. ใช้วสั ดทุ ีม่ ีคณุ ภาพมาตรฐาน มอก. 4. เครือ่ งเลน่ มีรปู ทรงที่มีเสถียรภาพ 5. เล่นอยา่ งถูกวิธี เข้าใจวิธีการเลน่ ที่ถูกต้อง ไม่เล่นรุนแรง ผาดโผน 6. พื้นที่ติดตั้งเหมาะสม ม่ังคง เครื่องเล่นแต่ละชนิดมีพื้นที่ระยะห่าง ระหว่างเครื่องเลน่ อย่างเหมาะสม 7. มีผู้ดูแล ตรวจสอบความเรียบร้อยของเครื่องเล่น และดูแลเด็กๆ ในขณะเล่น ทั้งน ี้ปริมาณ8เ.ด ็กมตีก้อางรเหบมำราุงะรกักบั ษจาำในหว้เนคเรคื่อรงือ่ เลงเ่นลน่ห รืออุปกรณอ์ ยใู่ นสภาพดีอยูเ่ ส!!!มอ ! ! ! ! ! ! ! ! ! ! ! !!! ต้องคำนึงถึงการจัดเตรีย!มพื้นสนาม ก ารต ิดต้ังเคกราือ่ รงจแัดลกะาอรดุป้ากนรคณ!!วา์ กมาปรลตอรดวภจัยสขออบงเใคหร้พื่อรง้อเลม่นใตช่า้งงาฯน และการบำรงุ รกั ษาอยา่ งถกู วิธี ! ! ! 100 ! !
การจดั เตรยี มพ้ืนสนาม 1. ชนิดของพื้นสนามเด็กเล่น พื้นสนามที่เป็นพื้นแข็ง เช่น คอนกรีต อิฐสนาม ก้อนกรวด ยางมะตอย ทรายอัดแข็ง และพื้นหญ้าธรรมดา จะมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ที่ศีรษะอย่างรุนแรง ดังนั้น พื้นสนามที่ดี จึงควรปูด้วยวัสดุอ่อนนิ่ม ดูดซับพลังงานได้ เช่น พื้นทราย ยางสงั เคราะห ์ พื้นทราย ใช้ทรายขนาดกลาง (เป็นทรายที่ผ่านการร่อนผ่านตะแกรงมาตรฐาน เบอร์ 8 มีความแหลมคมน้อยกว่าทรายหยาบ และควรใช้ทรายแม่น้ำ เพราะมีสารปนเปื้อน น้อยกว่าทรายบกพื้นทรายต้องมีความหนาไม่น้อยกว่า 20 เซนติเมตร สำหรับเครื่องเล่น สูงไมเ่ กิน 1.20 เมตร หากสูงเกินกวา่ ทีก่ ำหนด ต้องใช้ทรายหนาไม่น้อยกว่า 30 เซนติเมตร วิธีการปูพืน้ ทราย 1) บดอัดชั้นดินเดิมให้แนน่ ลงทรายเบอร์ 4 ทับหน้า แล้วปดู ้วยตาข่ายพลาสติก สำเร็จรปู จากนั้นลงทรายขนาดกลาง 2) ควรพลิกกลบั ทราย หรือเปลีย่ นทรายใหม่ทุก 6 เดือน ขึ้นอยู่กบั ความสะอาด ท้ังนี้ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ พื้นยางสังเคราะห์ สามารถดูดซับพลังงานจากการตกกระแทกได้แต่ต้องเลือก ชนิดและความหนาให้เหมาะสมกับความสูงของเครือ่ งเล่น เชน่ เครื่องเล่นสงู ไมเ่ กิน 1.20 เมตร ควรใช้ยางสังเคราะห์หนา 4 เซนติเมตร หากเครือ่ งเลน่ สูง 1.80 เมตร ควรใช้ยางสงั เคราะห์ หนา 6.5 เซนติเมตร หากต้องการเป็นพื้นที่วิ่งเล่น อาจปูพื้นเป็นสนามหญ้า และ มีพื้นทีส่ ำหรับหยุดพักเลน่ สำหรบั เด็ก !! ! ! ! ! ! ! ! ! !! 101 !! ! ! ! ! ! ! ! ! !
2. การระบายน้ำ พื้นสนามต้องไม่มีน้ำขัง ดังนั้น จึงต้องมีท่อระบายน้ำ ภายใต้ผิวพื้นที่ที่จะติดตั้ง โดยมีความลาดเอียงอย่างน้อย 1 : 200 (ระยะ 2 เมตร ยกสูง 1 เซนติเมตร) 3. พื้นที่ปลอดภัย ต้องคำนึงถึงการวางผัง ความหนาแน่นของพื้นที่ว่าง ทิศทางของเครือ่ งเล่นและการใช้งาน ระยะห่างของเครือ่ งเล่น การติดต้งั อุปกรณก์ ารเล่น อุปกรณ์ ชิ้นส่วนที่ประกอบเป็นโครงสร้าง!!! ต้องประกอบอย่างถูกต้อง ตทาี่ไดม้มแาบตบรมฐาาตนรใฐนากนาทรี่กตำิดหตนั้งอดุปมกีครวณา์กมาสรมเลบ่นูรณให์ ้มมีค่ันวคางมมม่ันีเสคถง ีย!!!แรนภ่นาหพนแาลไะมค่เวอรียสง่ังซไมื้อ่เจลาื่อกนผู้ผแลลิตะ ไมมีก่ใาหร้ปเก้อิดงกกนั าดรินพทลริกดุ คตววั ่ำหรตือ้อตงอเกจเาสะายเขึดม็ อเุลป็กกๆรณแล์หะรเทือฐเาคนรรื่อา!!!งกเคลอ่นนใกหร้ตีติด กับพื้น ซึ่งพื้นต้อง ! !! !! ! ! ! ! ! ! ! ! ! ! ! ! ! ! ! ! ! ! ! 102
การตรวจสอบอุปกรณ์ การตรวจสอบอปุ กรณ์ ทำให้ทราบถึงการชำรุด สึกหรอ เปน็ สนิม สีลอกหลุดหรือ พื้นทรดุ การตรวจสอบทำได้ 3 ลกั ษณะ คือ 1. การตรวจสังเกตด้วยสายตาและการสัมผัสด้วยมือ สามารถทำได้ทุกวัน และ ทกุ ครั้งทีใ่ ช้อุปกรณ์ ด้องดวู ่าเครือ่ งเล่นยงั มีสภาพสมบูรณ์ ไม่มีนอ็ ตหลุดหรือมีชิ้นสว่ นใดชำรุด 2. การตรวจสอบทุก 3 เดือน ควรจดบันทึกไว้เป็นข้อมูล เป็นรายการระบ ุ เปน็ ส่วนตา่ งๆ อาจเป็นการตรวจสอบเบื้องต้นและตรวจสอบกบั กรรมการภายในหนว่ ยงาน 3. การตรวจสอบประจำปี เป็นการตรวจสอบทุก 1 ปี โดยตรวจสอบ ร่วมกับช่างหรือวิศวกรในภาพรวมทั้งหมด กรณีชำรุด ต้องรีบแก้ไข ต้องแจ้งต่อผู้รับผิดชอบทันที และเรียกบริษัทผู้ผลิตมาช่วยแนะนำ และควรติดป้ายแดงห้ามใช้หรือรอการแก้ไข ซ่อมแซม หรือยกออกจากพื้นที่สนามไปซอ่ มแซม การบำรงุ รกั ษา การบำรุงรักษาเป็นกี่ชะลอความเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ ลดความเสี่ยง ในการเกิดอุบัติเหตุและอันตราย ทั้งนี้เพื่อให้เครื่องเล่นมีสภาพดีพร้อมใช้งาน ได้อยา่ งปลอดภัย ทำได้ 2 ลกั ษณะคือ 1. การบำรุงรักษาเชิงป้องกันและแก้ไข ปรับปรุง เช่น ทำความสะอาด ทาสี เปลี่ยนชิ้นส่วน เป็นการยืดอายกุ ารใช้งาน ซึ่งเสียคา่ ใช้จา่ ยน้อย 2. การบำรุงรักษา เมื่อเสียหายแล้ว ต้องมีการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม ่ เพือ่ ให้ใช้งานได้ดังเดิม ! ! ! ! ! ! ! ! ! !! !! ! ! ! ! ! ! ! 103 ! !
การป้องกันอุบัตเิ หตจุ ากไฟฟ้า ไฟฟ้าให้ประโยชน์ และความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน แต่ต้องใช้ อย่างระมัดระวัง และใช้อย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากไฟฟ้า ซึ่งอาจ เป็นอนั ตรายถึงชีวิตได้ การใช้ไฟฟ้าอยา่ งปลอดภัยควรคำนึงถึงเรื่อง การติดตั้งอปุ กรณไ์ ฟฟ้า การเดินสายไฟฟ้าต้องได้มาตรฐาน การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า ต้องใช้ตามข้อกำหนดทีผ่ ู้ผลิตระบุไว้ และประการสุดท้าย การบำรุงรักษา ถ้าไม่ยุ่งยากอาจทำได้ด้วยตนเอง แต่ควรยกสะพานไฟ และมือต้องแห้ง ถ้าทำได้ยากควรให้ช่างไฟฟ้าจดั การให้ ส่ิงทีค่ วรปฏบิ ตั เิ พอ่ื การป้องกนั อุบตั ิเหตุ คือ 1. หลอดไฟและสตาร์ทเตอร์ เมือหมดอายุการใช้งาน สังเกตได้จากขั้วหลอดเป็นสีดำ ไฟกระพริบแต่ไม่ติด หรือขั้วหลอดสีแดง ไฟไม่ติด แสดงว่าสตาร์ทเตอร์เสีย เหล่านี้ จะทำให้บัลลาสตร์ ้อนจัด และอาจติดไฟ ทำให้เกิดไฟไหม้ได้ 2. อปุ กรณ์ไฟฟ้า ปล๊ักเสียบหรือสายไฟตรงที่ตอ่ เข้าเครื่อง ต้องมีฉนวนหุ้มมิดชิด 3. การติดตั้งปล๊ักไฟฟ้า ควรติดตั้งให้สูงกว่ามือเด็กเอื้อมถึง หากติดตั้งไว้ต่ำ ควรมีตวั เสียบปิดปล๊ักไว้ ป้องกนั เด็กแหยน่ ิ้วหรือสิง่ ของลงไป อาจเป็นอนั ตรายได้ 4. อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ติดตั้งกลางแจ้ง เช่น กริ่งไฟฟ้า หลอดไฟตามทางเดิน กรณีนี้ต้องออกแบบ ติดตั้งให้สามารถกนั น้ำเข้าถึงข้ัวหลอดได้ 5. อุปกรณ์ไฟฟ้า เมื่อเลิกใช้งานต้องถอดปลั๊ก ถึงแม้อุปกรณ์นั้นจะมีสวิตซ์ไฟ ตัดตอนอยู่แล้ว เพราะไฟฟ้าอาจเกิดลัดวงจร หรือถ้าฟ้าผ่าลงสายไฟ อาจทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้า เสียหายหรือลุกไหม้ได้ 6. ไฟฟ้าดูด อาจทำให้ถึงตายได้ขึ้นกับประมาณกระแสไฟ ถ้าได้รับในปริมาณ ที่ไม่มากนัก จะทำให้กล้ามเนื้อหดตัว ตกใจ และหมดสติได้ ดงั น้ัน จึงต้องมีความระมัดระวงั ในการใช้อปุ กรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ดังนี้ 104
1) ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดอย่างถูกวิธี และถ้าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ทีย่ งั ไมเ่ คยใช้ ควรศึกษาวิธีการใช้ให้เข้าใจก่อน 2) ตรวจตรา ดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่เสมอ หากชำรดุ ต้องรีบซอ่ มแซม 3) สายไฟฟ้าทีเ่ ก่า ชำรุด ต้องเปลี่ยนใหม่ 4) หากไม่มีทักษะ หรือความชำนาญเกี่ยวกับไฟฟ้า ไม่ควรซ่อมแซม เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือต่อสายไฟฟ้าเอง 5) หากต้องการตรวจสอบว่ามีกระแสไฟฟ้าหรือไม่ ต้องใช้ไขควง สำหรบั ตรวจกระแสไฟฟ้า 6) หากจะต่อสายไฟฟ้า ควรยกสะพานไฟออกทุกคร้ัง 7) อย่างใช้มือทีเ่ ปียกน้ำ เสียบหรือดึงปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า 8) ไม่ใช้ไฟฟ้าอย่างผิดประเภท เช่น ช็อตปลา ทำกับดักหนู ล้อมรั้วกันสัตว์ เข้ามากินพืชไร่ หรือกนั ขโมย 9) ไมต่ ิดต้ังเสาอากาศ เล่นว่าว หรือปลกู ต้นไม้ใกล้สายไฟ การชว่ ยเหลอื ผถู้ ูกไฟฟา้ ดดู 1. ปิดสวิตซไ์ ฟหรือยกสะพานไฟทนั ที 2. หากปิดสวิตซ์ไฟไม่ได้ ให้ใช้ไม้แห้ง หรือวัสดุที่เป็นฉนวนไฟฟ้าเขี่ยคล้องดึง สายไฟออก หรือดึงตวั ผู้ถูกไฟดูดออก 3. ให้รีบปฐมพยาบาลผู้ถูกไฟฟ้าดดู ในทนั ที 1) ถ้าหมดสติ แตย่ งั มีลมหายใจและหวั ใจยังเต้นอยู่ ให้นอนตะแคงกึง่ ควำ่ หน้า เพื่อป้องกันลิ้นตกลงไปอดุ ทางเดินหายใจ 2) ถ้าหมดสติและหยุดหายใจ ต้องช่วยการหายใจ โดยวิธีการเป่าปาก ถ้าคลำชีพจรไม่ได้ ต้องนวดหัวใจ โดยการกดหน้าอกตรงกระดูกกลางหน้าอก แล้วรีบนำส่ง โรงพยาบาลทนั ที 105
การปอ้ งกนั อคั คีภยั การป้องกันและระงับอคั คีภัยในอาคารทัว่ ไป 1. ระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ ควรติดตั้งใน ตึกแถวที่สงู ไม่เกิน 2 ช้ัน ต้องติดต้ัง 1 เครือ่ งตอ่ 1 ยูนิต ถ้าสงู ต้ังแต่ 3 ช้ันขึ้นไป ต้องติดตั้งทกุ ชั้นในแต่ละยนู ิต ถ้าเป็นอาคารสาธารณะ ที่มีพื้นที่มากกว่า 2,000 ตารางเมตร ต้องติดตั้งในทุกชั้นของ อาคาร 2. ระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ ประกอบด้วย อุปกรณ์ 2 ตัว คือ detector มีทั้งแบบระบบแจ้งเหตุอัตโนมัติและ ระบบแจ้งเหตุที่ใช้มือ เพื่อให้กริ่งสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ทำงาน ส่วนอุปกรณ์ส่งเสียงหรือสัญญาณให้คนที่อยู่ในอาคารได้ยิน เมือ่ เกิดเพลิงไหม้ 3. การติดต้ังถงั ดบั เพลิงแบบมือถือ ตึกแถวที่สงู ไมเ่ กิน 2 ชั้น ต้องติดต้ัง 1 เครือ่ ง ต่อ 1 ยูนิตสว่ นอาคารสาธารณะอื่นๆ ต้องติดต้ังอย่างน้อย 1 เครือ่ ง ทกุ ๆ 1,000 ตารางเมตร แต่ละเครื่องต้องติดตั้งห่างกันอย่างน้อย 45 เมตร และต้องอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ง่าย สะดวกตอ่ การดูแลรกั ษา 4. ป้ายบอกชั้น และทางหนีไฟ พร้อมไฟฉุกเฉิน ต้องตัดตั้งทุกชั้นของอาคาร โดยเฉพาะอาคารสาธารณที่สูงตั้งแต่ 2 ชั้นขึ้นไป อาคารอยู่อาศัยรวมที่มีความสูง ตั้งแต่ 2 ช้ันขึ้นไป และอาคารอืน่ ๆ ที่มีพื้นทีม่ ากกวา่ 2,000 ตารางเมตร 5. ระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรอง อาคารสาธารณะที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก ยิ่งต้องมีระบบไฟฟ้าสำรอง เช่น แบตเตอรี่หรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้า สำหรับกรณีฉุกเฉิน ที่ระบบไฟฟ้าปกติขัดข้อง และต้องสามารถจ่ายไฟในกรณีฉุกเฉินได้ไม่น้อยกว่า 2 ช่ัวโมง โดยเฉพาะในจุดที่มีเครื่องหมายทางออกฉุกเฉิน บันไดหนีไฟ ทางเดิน และระบบสัญญาณเตือน เพลิงไหม้ 106
หลักการป้องกนั อคั คีภยั มี 5 ประการ คือ 1. การจัดระเบียบภายในและภายนอกอาคาร เช่น การขจัดสิ่งรำรุงรัง ภายในอาคาร เก็บรกั ษาสิง่ ทีอ่ าจทำให้เกิดอคั คีภยั ได้ง่ายไว้ให้เปน็ สัดสว่ น 2. ตรวจตราซ่อมบำรุงสิ่งต่างๆที่นำมานำมาใช้ในการประกอบกิจการ เช่น สายไฟฟ้า เครือ่ งจักรกล เครื่องทำความร้อน ให้อยู่ในสภาพทีส่ มบรู ณแ์ ละมีความปลอดภยั 3. อย่าฝ่าฝืนข้อห้าม ข้อพึงระวงั เชน่ 1) ไมป่ ล่อยให้เดก็ เลน่ ไฟ 2) ไมจ่ ุดธปู เทียนบูชาพระทิ้งไว้ 3) ไม่วางก้นบหุ รีท่ ีข่ อบจานที่เขีย่ บุหรี่ หรือดับไม่สนิท 4) อยา่ เสียบปลัก๊ กาต้มน้ำไฟฟ้า จนน้ำแห้ง 5) อย่าเปิดพัดลม โทรทศั นท์ ิ้งไว้ 6) การวางเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็นชิดฝาผนัง ความร้อน ระบายออกไมไ่ ด้ ทำให้เครือ่ งร้อนและไหม้ 7) อย่าหมกผ้าขี้ริ้ว เก็บไม้กวาดดอกหญ้า หรือเศษไม้ เศษกระดาษไว ้ ด้านหลังตู้เยน็ อาจทำให้เกิดการคุไหม้ขึ้น 8) อย่าใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐานหรือปลอมแปลงคุณภาพ เช่น บาลาสต์ที่ใช้กับหลอดไฟฟ้าฟลูออเรสเซนท์ เมือ่ เปิดไฟทิ้งไว้อาจร้อน และลกุ ไหม้ 9) อย่าจุดหรือเผาขยะมูลฝอย หญ้าแห้ง โดยไม่มีคนดูแล เพราะอาจ มีลูกไฟปลิวไปติดบริเวณใกล้เคียงได้ 10) อย่าเสียบปล๊ักไฟฟ้าทิ้งไว้ 11) อยา่ ทิ้งคนชราและเด็กไว้โดยไมม่ ีผู้ดแู ล 12) อยา่ สบู บุหรี่ขณะเติมน้ำมนั รถ 13) การใช้เตาแก๊ส ต้องปิดวาล์วเตาแก๊สและถังแก๊สให้เรียบร้อยทุกครั้ง หลงั การใช้งาน 14) เครื่องเขียนแบบพิมพ์บางชนิดไวไฟ เช่น กระดาษไข ยาลบกระดาษไข กระดาษแผ่นบางๆ อาจเป็นสื่อสะพานไฟทำให้เกิดอคั คีภยั ได้ 107
15) ดีดีที สเปรย์ฉีดผม มีคุณสมบตั ิไวไฟ 16) สายไฟเก่าๆ เมื่อถูกน้ำหรือความชื้น อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลดั วงจรได้ 17) อาคารต้องมีสายลอ่ ฟ้า ป้องกันฟ้าผ่า ซึง่ อาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ 18) รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือถ่ายเทน้ำมัน หากเกิด การรว่ั ไหลจะทำให้เกิดอคั คีภยั ได้ 19) สถานที่ที่มีการเก็บรักษาสารเคมี อาจก่อให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย เช่น สีน้ำมัน น้ำมันลินสีด และฟอสฟอรสั 20) การซ่อมแซมสถานที่ เช่น การลอกสีด้วยเครื่องพน่ ไฟ การตดั เชือ่ มโลหะ ด้วยแก๊สหรือไฟฟ้า การทาสีหรือพ่นสีต้องทำด้วยความระมดั ระวัง อาจเกิดไฟไหม้ได้ 4. ความร่วมมือที่ดี ต้องปฏิบัติตามข้อห้ามที่กำหนดไว้ของสถาบันต่างๆ เพือ่ ความปลอดภัย 5. ต้องจัดเตรียมน้ำไว้ เพื่อใช้สาดรดอาคารให้เปียกชุ่ม ป้องกันไฟลุกลาม อย่างรวดเรว็ เมื่อเกิดเพลิงไหม้ ควรแบง่ หน้าทก่ี ันทำ ดงั นี้ 1. แจ้งเหตุเพลิงไหม้ทนั ที โดยโทร.199 หรือแจ้งสถานีดับเพลิง สถานีตำรวจใกล้เคียง 2. ดับเพลิงด้วยเครือ่ งดับเพลิงทีม่ ีอยู่ในบริเวณที่ใกล้จุดเกิดเหต ุ 3. หากดับเพลิงขั้นต้นไม่ได้ ให้เปิดประตูหน้าต่างทุกบานและอุดท่อทางต่างๆ ทีอ่ าจเปน็ ทางผ่านของความร้อน กา๊ ซ และควันเพลิง 4. ต้องชว่ ยเหลือคนชรา เด็ก และคนที่ชว่ ยตัวเองไม่ได้ให้ไปอยูใ่ นที่ปลอดภยั 5. อยา่ ใช้ลิฟต์ในขณะเกิดเหตุ 6. ขนย้ายเอกสารและทรพั ย์สินทีม่ ีคา่ เทา่ ทีจ่ ำเป็นตามสถานการณ์ 108
พรรณไม้ท่ีเหมาะสมสำหรบั โรงเรียน ต้นไม้มีความสำคัญในการพัฒนา ปรับปรุงภูมิทัศน์ มีคุณค่าต่อสภาพแวดล้อม การทีจ่ ะเลือกปลูกต้นไม้ชนิดใด ควรพิจารณาดังนี้ 1. เลือกให้เกิดประโยชน์ตรงตามความต้องการของผู้ปลูก เช่น ให้ร่มเงา กรองฝนุ่ บดบังวิวทีไ่ ม่สวยงาม บงั ลม ลดมลภาวะทางเสียงหรือเพือ่ ความสวยงาม 2. เลือกขนาดของต้นไม้ ต้องดวู า่ เมื่อต้นไม้เจริญเติบโตแล้ว จะต้องมีขนาดพอเหมาะ กับสภาพแวดล้อมโดยรอบ เช่น บริเวณที่ปลูกอยู่ใกล้สายไฟฟ้า อยู่ในที่คับแคบ อาจจะ เบียดอาคาร หรือแผ่กิ่งก้านเกะกะ 3. สภาพแวดล้อมมีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้ ดังนั้นจึงต้องเลือกพรรณไม้ ท้องถิ่น ไม่เลือกต้นไม้ที่มีใบหรือดอกร่วงมากตลอดปี มีรากที่ไม่แผ่ขยายจนดันอาคาร หรือ ทางเดิน ไม่มีโรคแมลงหรือกลิ่นเหม็นรบกวน ! 109
การเลือกพรรณไมเ้ หมาะสมตามประโยชน์ใชส้ อยในแตล่ ะบริเวณ มีวธิ เี ลอื กดังนี้ 1. ริมทางเดิน ควรปลูกต้นไม้ที่ให้ความร่มรื่น ต้นทรงพุ่ม แผ่กว้าง เช่น กระถินณรงค์ ราชพฤกษ์ จามจรุ ี 2. ที่น่ังพักผ่อน ทำกิจกรรม ควรปลูกต้นไม้ให้ความร่มรื่น และมีกลิ่นหอม เช่น มะลิ พุดซ้อน ลีลาวดี จำปา จำปี ควรเสริมด้วยต้นไม้ขนาดกลาง และไม้เลื่อยบริเวณ ทีเ่ ปน็ ซุ้ม เชน่ กหุ ลาบ เข็มขาว กระดังงา 3. บริเวณที่ต้องการความโดดเด่น เช่น ส่วนต้นรับ ที่ตั้งประติมากรรม ควรปลกู ไม้ดอกสีสนั สดใส เชน่ ชบา เฟื่องฟ้า กหุ ลาบ ราชพฤกษ์ จนั ทนผ์ า ปรงญี่ปนุ่ อากาเว ่ 4. สนามเด็กเล่น ควรเน้นเรื่องความปลอดภัย โดยเลือกปลูกต้นไม้ที่ไม่มีหนาม ไม่มีผลที่ร่วงหล่นง่าย กิ่งก้านไม่เปราะ หักง่าย ไม่มีพิษ ไม่มี แมลงรบกวน รูปทรงสวยงาม ไม่รกรุงรังเพราะจะเป็นที่อยู่ของสัตว์เลื้อยคลานควรใช้พรรณไม้ที่มีสีสันสดใสจะช่วย กระตุ้นประสาทสัมผสั ต้นไม้ที่ควรปลูก เช่น หางนกยูง พิกุล ชมพูพันธ์ุทิพย์ สุพรรณิการ์ เสลา ลีลาวดี ปีบ พะยอม ราชพฤกษ์ ลำดวน หกู ระจง ต้นไม้ที่ควรหลีกเลีย่ ง เช่น กระถินหอม ชะอม ทองหลาง ทบั ทิม ปาล์มแว็กซ์ มะขวิด สนฉัตร กระบองเพชร กหุ ลาบ เฟื่องฟ้า อากาเร่ นอกจากนีย้ งั ต้องคำนึงถึง พรรณไมท้ ีส่ ามารถตา้ นทานแรงลมไดม้ ี 5 ลักษณะ คือ 1. มีลำต้นเปน็ กอ ใบออ่ นพลิ้วตามลม ต้นไมห่ ักโคนงา่ ย เช่น กก เตย พลับพลึง 2. มีรากหยั่งลึกลงในดิน ลำต้นผอมสูง ลู่ลมได้บ้าง เช่น ปาล์มน้ำมัน ตาล หมากสง ไผ่เลี้ยง 3น.้ำ เตไม้า!ต้ย้นืน ต้ น ท ร ง พุ่มโ ป ร่ ง ลมพัดผ่านได้ ไม่มีผลต่อกิ่งก้าน เช่น ลีลาวด ี ตีนเป็ดฝร่ัง 4. ไม้ท้องถิ่นที่เกิดจากเมล็ด เจริญเติบโต หย่ังรากลึก แม้ทรงพุ่มจะแผ่กว้าง สูงใหญ่ก็โค่นล้มยาก เว้นแต่จะมีโรคและแมลง เช่น กันเกรา ขอ่ ย ตะโก ตะขบ มะขามเทศ 110
บรรณา นกุ รม กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือพฒั นาสุขภาพอนามยั สามเณรในโรงเรียน พระปริยัติธรรม. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรงุ เทพมหานคร: สำนักขา่ วพาณิชย์, 2554. โครงการพัฒนาศักยภาพประชากรไทย คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล. คู่มือการตรวจคัดกรองสุขภาพและการดูแลปัญหาที่พบ บ่อยในเด็กวัยเรียนสำหรบั ครแู ละพยาบาลอนามยั โรงเรียน, 2553. สำนักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี. แผนพัฒนาเด็ก และเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราช สุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ฉบับที่ 4 พ.ศ.2550-2559. พิมพ์ครั้งแรก. กรุงเทพมหานคร: บริษัท อมรินทร์ พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), 2551. สำนักโภชนาการ กรมอนามัย. แนวทางการดำเนินงานเฝ้าระวังการเจริญเติบโตของ เด็กอายุ 6-18 ปี. ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุม สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย, 2556. สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย. คู่มือการดำเนินงานโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ ฉบับปี 2554. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแหง่ ประเทศไทย, 2554. สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย. คู่มือแนวทางการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคเด็ก วัยเรียนและเยาวชน. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์สำนักงาน พระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ, 2553. สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย. คู่มือสิ่งแวดล้อมปลอดภัยในโรงเรียน. พิมพ์ครั้งที่ 2. พิมพท์ ี่ สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะหท์ หารผา่ นศึก, 2552. 111
112
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119