การปลกู ขมน้ิ ชนั เอกสารเผยแพร : โครงการวจิ ยั KIP 18.36 การวจิ ยั และพฒั นาพชื สมนุ ไพรและเครอ่ื งเทศ โครงการยอ ยท่ี 2.1.1 การศกึ ษาการเจริญเติบโตและผลผลิตของขมิ้น : สถานวี จิ ยั ปากชอ ง นายองอาจ หาญชาญเลิศ สถานวี จิ ยั ปากชอ ง รศ.ฉลองชยั แบบประเสริฐ สถานวี จิ ยั ปากชอ ง ผศ.ยง่ิ ยง ไพสุขศานติวัฒนา คณะเกษตร สนบั สนนุ โดย : สถาบนั วจิ ยั และพฒั นาแหง มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร จดั ทําเอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส โดย : สํานกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร สารบญั ✾ ลักษณะทั่วไป ✾ ฤดกู าลปลกู ขมน้ิ ✾ การเตรยี มหวั พนั ธขุ มน้ิ ชนั สาํ หรบั ปลกู ✾ การใสป ยุ และการกาํ จัดวชั พืช ✾ การเกบ็ เกย่ี ว ✾ สรปุ
การปลูกขมิ้นชัน ! 2 คํานาํ โครงการวจิ ยั การผลติ ขมน้ิ ชนั เรม่ิ ดําเนนิ การมาตง้ั แต พ.ศ. 2536 จนถึงปจจุบัน เนอ่ื งจาก ขม้ินชันเปนพืชท่ีคนไทยรูจักกันมาแตโบราณ โดยนาํ มาใชแ ตง สี แตง กลน่ิ อาหาร เชน แกงเหลอื ง แกงไตปลา ตลอดจนเปน สมนุ ไพรรกั ษาโรคตา งๆ เชน แผลในกระเพาะอาหาร อาการทอ งอดื ทอ งเฟอ แตยังไมมีขอมูลทางดานการเพาะปลูก คณะนักวิจัยไดศึกษาวิธีการปลูกชนิดของทอนพันธุขมิ้นชันที่ เหมาะสมในการปลูก ผลผลิตตอไร วิธีการเก็บเกี่ยวขม้ินชันเพ่ือเตรียมทําเปน ขมน้ิ แหง และศึกษา วิเคราะหตน ทนุ การผลติ ตอ ไร เพอ่ื เปน แนวทางในการกาํ หนดราคาขายสง ตอ ไป โครงการศึกษาการเจริญเติบโตและผลผลิตของขม้ินน้ี เปนโครงการยอยในโครงการ KIP 18.36 “การวิจัยและพัฒนาพืชสมุนไพรและเครื่องเทศ” ไดรับทุนอุดหนุนการวิจัยประเภท ข. (KURDI INITIATED PROJECTS, KIP) จากสถาบันวิจัยและพัฒนา ขอ มลู ในเอกสารเลม นไ้ี ดจ ากแปลงทดลองการ ปลูกขมิ้นชันที่สถานีวิจัยปากชอง อาํ เภอปากชอ ง จงั หวดั นครราชสมี า ขอ มลู เหลา นอ้ี าจจะยงั ไมส มบรู ณ แตอยางไรกต็ าม คณะผูวจิ ยั หวงั วาจะใชเ ปน แนวทางเริ่มตนสาํ หรบั ผสู นใจไดบ า งตามสมควร (รองศาสตราจารย นภาวรรณ นพรตั นราภรณ) ผอู าํ นวยการสถาบนั วจิ ยั และพฒั นา ผูประสานงานโครงการ ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
การปลูกขมิ้นชัน ! 3 การปลกู ขมน้ิ ชนั ขมิ้นชัน เปนพืชที่คนไทยรูจักกันมาแตโบราณโดยนาํ มาใชแ ตง สี แตง กลน่ิ และรสของอาหาร เชน แกงเหลือง แกงไตปลา การใชใ นผลติ ภณั ฑอ าหาร ขมน้ิ ผงเปน แหลง สธี รรมชาตใิ หค วามปลอดภยั มากกวาสีสังเคราะห ตลอดจนเปน สมนุ ไพรรกั ษาโรคตา ง ๆ เชน แผลในกระเพาะอาหาร อาการทอ งอดื ทอ งเฟอ ขบั ลม ขมิ้นชันเปนพืชปลูกงายสามารถปลูกขึ้นไดทุกภาคของประเทศไทย เตบิ โตไดด ใี นทด่ี อนไมช อบ น้ําทวมขงั ปญ หาของโรคแมลงรบกวนนอ ย อายเุ กบ็ เกยี่ วประมาณ 8-9 เดอื น เกษตรกรสวนใหญจะ ปลูกขม้ินชันเปน พชื สวนครวั หลงั บา นในปรมิ าณไมม ากนกั ลกั ษณะทั่วไป แปลงปลกู ขมน้ิ ชนั สถานวี จิ ยั ปากชอ ง จ.นครราชสมี า ขมน้ิ ชนั เปนพชื ทอ่ี ยใู นวงศข งิ ขา เปน พชื ลม ลกุ อายหุ ลายป ลําตนเหนือดินเปนลําตน ท่ีเกิดจากการอัดตัวกันของกาบใบ ลาํ ตน จรงิ อยใู ตด นิ เรยี กเหงา ขมน้ิ ประกอบดว ย เหงาหลัก ใตด นิ ทเ่ี ราเรยี กวา หวั แม ซึ่งมรี ูปไขและแตกแขนงทรง กระบอกออกดา นขา งทง้ั 2 ดา น ที่เราเรียกวา แงง เนอ้ื ใน เหงามสี ีเหลืองมีกล่ินเฉพาะใบเปนใบเด่ียวเจริญออกจากเหงา ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
การปลูกขมิ้นชัน ! 4 เรียงเปนวงซอนทับกัน ใบรปู หอก กวาง 12-15 เซนตเิ มตร ยาว 30-40 เซนตเิ มตร ชอ ดอกเจรญิ ออก จากเหงา แทรกขน้ึ ระหวา งใบ รปู ทรงกระบอก ประกอบดวยใบประดับจาํ นวนมาก มสี เี ขยี วออ น ใบ ประดับตรงปลายชอจาํ นวน 6-10 ใบ สขี าวหรอื ขาวแกมชมพเู รอ่ื ๆ ดอกสเี หลอื งออ น เกดิ ในซอกใบ ประดับเวน แตใ นซอกใบตรงปลายชอ ผลทรงกลมมี 3 พู ชอ ดอกขมน้ิ ชนั ฤดกู าลปลกู ขมน้ิ การปลูกขมิ้นชันในประเทศไทย เรม่ิ ปลกู ในชว งตน ฤดฝู นประมาณปลายเดอื นเมษายน ถงึ ตน เดือนพฤษภาคมของทุก ๆ ป และจะเก็บเกี่ยวหัวขมิ้น ในชว งฤดหู นาวหรอื ประมาณปลายเดอื นธนั วาคม ถึงมกราคม ซง่ึ ชว งนห้ี วั ขมน้ิ ชนั จะแหง สนทิ ดนิ และการเตรยี มดนิ ขม้ินชันสามารถขึ้นไดดีในดินทุกชนิด แตที่เหมาะสมควรเปนดินที่ระบายนํ้าดี น้ําไมท ว มขงั ถาเปนดินเหนยี วควรใสป ยุ หมกั หรอื ปยุ คอกอตั รา 1 ตนั /ไร เพอ่ื ปรบั ปรงุ คณุ ภาพของดนิ การเตรียมดินควรไถพรวนกอ นตน ฤดฝู น และหลงั จากพรวนดนิ ใหม ขี นาดเลก็ ลงแลว ก็ใชไถยก รองปลูกระยะระหวางแถว 75 เซนตเิ มตร ระยะระหวางตน 30 เซนตเิ มตร 75X75 แปลงปลกู ขมน้ิ ชนั แปลงปลกู ขมน้ิ ชนั ใชร ะยะปลกู ระหวา งแถว 75 เซนตเิ มตร ระยะระหวางตน 30 เซนตเิ มตร ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
การปลูกขมิ้นชัน ! 5 การเตรียมหวั พนั ธขุ มนิ้ ชันสําหรบั ปลกู การปลูกขมน้ิ ชนั อาจใชท อ นพนั ธไุ ด 2 ลกั ษณะคอื ใชห ัวแม และใชแงง ถาปลูกโดยใชหัวแมที่มี รูปรางคลา ยรปู ไขข นาดนา้ํ หนกั ประมาณ 15-50 กรัม/หัว หวั แมน ส้ี ามารถใหผ ลผลติ ประมาณ 3,300 กิโลกรัม/ไร ที่ระยะปลูก 75x30 เซนตเิ มตร ถา ใชห วั แมข นาดเลก็ ลง จะลดลงไปตามสดั สว น ถา ปลกู ดว ยแงง ขนาด 15-30 กรัม/ชิ้น หรือ 7-10 ปลอ ง/ชิ้น จะใหผ ลผลติ นา้ํ หนกั สดประมาณ 2,800 กก./ ไร (ดตู าราง) หัวแม แงง พนั ธมุ ปี ลอ ง 7-9 ปลอง/ชน้ิ นา้ํ หนัก 15-30 กรมั /ชน้ิ ความยาว 8-12 ซม. ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
การปลูกขมิ้นชัน ! 6 จาํ นวนและนํ้าหนกั พนั ธขุ มน้ิ ชนั ทใ่ี ชป ลกู และผลผลติ ทไ่ี ดโ ดยประมาณ ชนดิ และขนาดของหวั จาํ นวนหัวพันธุที่ใชปลูก/ไร ในระยะปลูก นา้ํ หนกั หวั พนั ธุ ผลผลติ กโิ ลกรมั /ไร (กโิ ลกรมั /ไร) พนั ธุที่ใชปลูก 75X30 เซนตเิ มตร (ชน้ิ ) (กโิ ลกรมั ) 3,300 1 . หั ว แ ม น้ํ า ห นั ก 7,100 155 ประมาณ 15-30 กรมั / 7,100 หัว 7,100 215 2,700 2. หัวแมผาซีกนํ้าหนัก ประมาณ 15-50 กรมั / 7,100 140 2,800 ชน้ิ 3. แงง ขนาดเสน ผา ศนู ย 75 2,500 กลาง 1.5 ซม. ยาว ประมาณ 8-12 ซม. นา้ํ หนกั 15-30 กรมั /ชน้ิ 4. แงง ขนาดเสน ผา ศนู ย กลาง 1 ซม. ยาว 6-9 ซม. น้ํ าหนัก 5-10 กรมั /ชน้ิ กอนนําลงปลูกในแปลงควรแชดวยยากันราและยาฆาเพลี้ย เพื่อปองกันโรคหัวเนาและกําจัด เพล้ีย ซ่ึงอาจตดิ มากบั ทอ นพนั ธแุ ละมกั จะระบาดมากขน้ึ ในชว งปท ่ี 2-3 ของการปลกู หากมไิ ดร บั การ เอาใจใสปองกนั ใหด กี อ นปลกู โดยแชนานประมาณ 30 นาที ควรระมดั ระวงั การใชส ารเคมโี ดยสวมถงุ มือยางท่ีมีสภาพเรยี บรอ ยไมข าด และควรสวมหนา กากดว ย กอ นปลกู ขมน้ิ ชนั ควรรองกน หลมุ ดว ยปยุ สูตร 13-13-21 อตั รา 50 กก./ไร และวางทอ นพนั ธลุ งในแปลง กลบดนิ หนาประมาณ 5-10 เซนติเมตร หลงั จากนน้ั ขมน้ิ ชนั จะใชเ วลาในการงอกประมาณ 30-70 วนั หลงั ปลกู ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
การปลูกขมิ้นชัน ! 7 การใสป ยุ และกําจดั วัชพืช ขม้ินชัน เมอ่ื เรม่ิ งอกยาวประมาณ 5-10 เซนตเิ มตร ตอ งรบี ทาํ การกําจัดวัชพืช เนอ่ื งจาก ขมิ้นชันหลังจากงอกจะเจริญเติบโตแขงกับวัชพืชไมได และใสปุยแอมโมเนยี มซลั เฟต อตั รา 50 กก./ไร เม่ือกําจัดวัชพืชครั้งที่ 2 ควรพรวนดนิ กลบโคนแถวขมน้ิ ชนั ดว ย หลงั จากนน้ั กาํ จัดวัชพืชอีก 2-3 ครง้ั ก็พอ การใหน้าํ แมวาขมิ้นชันจะเปนพืชที่ทนทานตอ สภาพแวดลอ มก็ตามในชว งตนฤดูฝน อาจทิ้งชวงไปขณะที่ ขมิ้นชันยังมีขนาดเล็กอยู อาจมอี าการเหย่ี วเฉาบา ง จงึ ควรใหน า้ํ ชลประทานใหเพียงพอสาํ หรบั ความชุม ชื้น หรืออาจใชวัตถุคลุมดินเพื่อลดการระเหยของน้ํา และเมื่อเขาสูชวงฤดูฝนไมจําเปนตอ งใหนา้ํ เลย แตตองระมัดระวังน้ําทวมขังในแปลงเปนเวลานาน ๆ ทําใหขมิ้นเนาตายได ควรเตรียมแปลงให มีทางระบายน้ําและตอ งรบี จดั การระบายนา้ํ ออกทนั ทที พ่ี บวามีนํ้าทว มขงั โรคและแมลงศัตรูพืช โรคของขม้ินชนั เกดิ จากการเนข องหวั ขมน้ิ จากนา้ํ ทว มขงั หรอื การใหน า้ํ มากเกนิ ไป หรือเกิดจาก การปลกู ซา้ํ ทเ่ี ดมิ หลาย ๆ ครง้ั ทําใหเ กดิ การสะสมโรค โรคที่พบไดแก โรคเหงา และรากเนา ซง่ึ เกดิ จาก เชื้อแบคทีเรีย โรคตนเหี่ยว และโรคใบจุด เกดิ จากเชอ้ื รา โรคเหลา นเ้ี มอ่ื เกดิ แลว รกั ษายาก จึงควร ปองกันกอนปลกู การปอ งกนั โรคท่ดี คี วรทาํ โดยการหมนุ เวยี นแปลงปลกู ทกุ ๆ ป การเกบ็ เกย่ี ว หลังจากปลูกขมิ้นชันเม่ือชวงตนฤดูฝนจนยางเขาสูฤดูหนาวประมาณปลายเดือนธันวาคม ลาํ ตนเหนือดินเริ่มแสดงอาการเหี่ยวแหงจนกระทั่งแหงสนิทจึงเริ่มทาํ การเก็บเกี่ยว การเกบ็ เกย่ี วหวั ขมน้ิ โดยใชแ รงงานคน ในการเกบ็ เกย่ี วหวั ขมน้ิ ควรใชเ ครอ่ื งมอื ทนุ แรง เชน รถแทรคเตอรต ิดผานไถอันเดียว และคน งานเดินตามเก็บหัวขม้ินชันจะชวยใหประหยัดตนทุนคาแรงงาน เนอ่ื งจากการเกบ็ เกย่ี วเปน ชว งฤดแู ลง ในสภาพดินเหนยี วดินจะแขง็ ทาํ ใหเก็บเกี่ยวยากอาจใหนาํ้ พอดนิ ชน้ื ทิ้งไว 1 สัปดาหแลวจึงเก็บเกี่ยว ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
การปลูกขมิ้นชัน ! 8 ขม้ิน ในกรณีท่ีใชแ รงงานคนขดุ หวั ขมน้ิ ในดนิ ทไ่ี มแ ขง็ เกนิ ไป มกั จะขดุ ไดเ ฉลย่ี ประมาณ 116 กก./วัน/ คน เม่ือทําการเกบ็ เกย่ี วแลว ตอ งนาํ มาตดั แตง ราก ทาํ ความสะอาดดนิ ออกในกรณที ต่ี อ งการขมน้ิ สด อาจจะขายสว นทเ่ี ปน แงง สว นหวั แมค วรเกบ็ ไวเ ปน พนั ธปุ ลกู ในฤดกู าลตอ ไป ถา เตรยี มขมน้ิ แหง เพอ่ื นํา ไปใชทํายารกั ษาโรคนน้ั ตอ งเปน ขมน้ิ ชนั ทแ่ี กเ ตม็ ท่ี และตอ งคาํ นงึ ถงึ ความสะอาดเปน สง่ิ สาํ คญั รวมทั้ง ตองมปี รมิ าณสารสําคญั (เคอรค มู นิ ) ไมน อ ยกวา 8.64 เปอรเ ซน็ ต การเกบ็ เกย่ี วหวั ขมน้ิ ชนั การคดั เลอื กขมน้ิ ชนั สาํ หรับปลูกพืชหรือเตรียมทําเปน ขมน้ิ แหง ขมน้ิ แหง ทผ่ี า นการตากแหง ดว ยตอู บแสงอาทติ ย ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
การปลูกขมิ้นชัน ! 9 วิธีการตองนาํ หวั ขมน้ิ ชนั ลา งดว ยนา้ํ ใหส ะอาด ตดั แตง รากออกใหห มด แลว ฝานเปน ชน้ิ บาง ๆ นําไปตากแดดในตอู บแสงอาทติ ย ทส่ี ามารถปอ งกนั ฝนุ ละอองได และเมื่อแหงสนิทแลวบรรจุถุงปดให สนทิ ขม้ินสด 5 กโิ ลกรมั จะไดข มน้ิ แหง ประมาณ 1 กิโลกรัม นอกจากการเตรยี มสาํ หรับทาํ ยารักษา โรคแลว ยังสามารถเตรยี มขมน้ิ ชนั เพอ่ื ใชใ นการแตง สี และแตง กลน่ิ ผลติ ภณั ฑอ าหารหลายชนดิ โดยการ ตมแงง ขมน้ิ ในนา้ํ เดอื ดเปน เวลา 30 นาที จะมปี รมิ าณเคอรค มู ิน 5.48 เปอรเ ซน็ ต แลวหั่นกอนอบแหง ในการตม ขมน้ิ ชนั กบั นา้ํ เดือดจะทาํ ใหประหยดั เวลาในการทาํ แหงมากกวา 2 เทา เมื่อเทียบกับวิธีการ ฝานสดแลว ตากแหง กบั แสงแดดและขมน้ิ ทไ่ี ดต อ งนาํ ไปบดเปน ผงตอ ไป สรปุ จากการปลูกขมน้ิ ชนั จนถงึ ฤดกู าลเกบ็ เกย่ี วใชเ วลาประมาณ 8-9 เดอื น เปนพืชที่ไมยากตอการ ปฏิบัติดูแลรักษา แตสิง่ หน่ึงทเี่ กษตรกรควรปฏิบัติไมค วรปลกู ซาํ้ แปลงเดมิ ตดิ ตอ กนั ควรหมนุ เวยี นสลบั กับพืชอื่นจะชวยลดความเสียหายจากโรคและแมลงศัตรูพืช และควรปรบั ใชเ ครอ่ื งจกั รกลการเกษตรใน การกําจัดวัชพืชและการเก็บเก่ียวขม้ินเพ่ือชวยลดตนทุนการผลิต ลดความเสียหายจากโรคและแมลง ศัตรูพืชและควรปรบั ใชเ ครอ่ื งจกั รกลการเกษตร ในการกําจัดวัชพืชและการเก็บเกี่ยวขมิ้นเพื่อชวยลดตน ทนุ การผลติ เกษตรกรสนใจพันธุขมิ้นโปรดติดตอ สถานวี ิจยั ปากชอง อาํ เภอปากชอ ง จงั หวดั นครราชสมี า 30130 โทรศัพท (044) 311796 หรือโทรสาร (044) 313797 ในระหวา งปลายเดอื นมกราคมถงึ ตนเดอื นพฤษภาคมทกุ ป ๐ กลบั ไปหนา กอ นน้ี ๐ หนา ถดั ไป ๐ กลบั หนา หลกั /สารบญั
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: