บันทกึ หลงั การสอนผลการจัดการเรียนการสอน__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ปัญหา/อุปสรรค__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________แนวทางแก้ไข__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ ลงช่ือ__________________ (ผบู้ นั ทึก) (นางสาวอรณญั ช์ พลนิกร) _____/_____/_____
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ นิทานพืน้ บ้าน แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๖ นิทานพืน้ บ้านภาคเหนือ ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ ๑ เวลา ๑ ช่ัวโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย อยา่ งเห็นคุณคา่ และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง ตวั ชี้วดั ท ๕.๑ ม. ๑/๑ สรุปเน้ือหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านจุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วดั ๑. สรุปเน้ือเรื่องนิทานพ้ืนบา้ นที่อา่ น (K) ๒. วเิ คราะห์สภาพสังคม วฒั นธรรม และขอ้ คิดที่ไดจ้ ากนิทานพ้นื บา้ นภาคเหนือ (P) ๓. เห็นความสาคญั ของการศึกษานิทานพ้ืนบา้ นภาคเหนือ เพ่ือเรียนรู้วฒั นธรรม ของทอ้ งถ่ิน (A) สาระสาคญั พระลอเป็นนิทานพ้นื บา้ นของภาคเหนือท่ีเล่าสืบต่อกนั มา ซ่ึงสะทอ้ นใหเ้ ห็นสภาพสงั คมและ วฒั นธรรมของทอ้ งถิ่น และความเป็นมาของพระธาตุพระลอในจงั หวดั แพร่ ที่เช่ือวา่ เป็ นสถานท่ีบรรจุอฐั ิ ของพระลอและพระเพ่ือน พระแพง สาระการเรียนรู้ นิทานพ้ืนบา้ นภาคเหนือเรื่อง พระลอ
สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขียน - ทกั ษะการฟัง การดู และการพูด ๒. ความสามารถในการคิด - การวเิ คราะห์ - การสงั เคราะห์ - การประยกุ ต/์ การปรับปรุง - การสรุปความรู้ - การประเมินค่า ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประส รักความเป็ นไทย ตวั ช้ีวดั ท่ี ๗.๑ ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ วฒั นธรรมไทย และมี ความกตญั ญูกตเวที ตวั ช้ีวดั ที่ ๗.๒ เห็นคุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการสื่อสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ตวั ช้ีวดั ท่ี ๗.๓ อนุรักษแ์ ละสืบทอดภูมิปัญญาไทยชิ้นงานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน ร่องรอยแสดงความรู้) -คาถามท้าทาย นิทานพ้นื บา้ นเรื่อง พระลอ มีคุณคา่ ต่อสงั คมไทยอยา่ งไร
การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้๑. ใหน้ กั เรียนดูภาพพระธาตุพระลอในจงั หวดั แพร่ แลว้ ร่วมสนทนากบั ครูถึงความเป็นมาของสถานที่ตามความเชื่อที่เล่าต่อ ๆ กนั มา๒. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม ๓ กลุ่ม ครูแจกนิทานพ้นื บา้ นภาคเหนือเร่ือง พระลอ ใหน้ กั เรียนอ่านแลว้ ช่วยกนั จบั ใจความเพ่ือสรุปเน้ือเรื่องภายในกลุ่ม ดงั น้ี พระลอ ในคร้ังที่พระญาแมนสรวงซ่ึงเป็นพระบิดาของพระลอยกทพั ไปตีเมืองสรองน้นั พระญาพมิ พิสาครเจา้ เมืองสรองสิ้นพระชนม์บนคอช้างพระที่น่ัง เมื่อกองทพั กนั พระศพคืนเมือง แล้วก็แต่งกาลงัป้องกนั เมืองอยา่ งดี จนพระญาแมนสรวงไม่อาจตีเอาเมืองได้ จึงยกทพั กลบั ทา้ วพิชยั พิษณุกรซ่ึงเป็นพระบิดาของพระเพือ่ นพระแพงก็ไดค้ รองเมืองสรองสืบแทนพระบิดา ต่อมาทา้ วแมนสรวงได้อภิเษกพระลอกบั นางลกั ษณวดี และเมื่อพระองค์สิ้นพระชนมแ์ ลว้พระลอก็ไดค้ รองเมืองแมนสรวงแทนพระบิดา โดยท่ีพระลอเป็นหนุ่มรูปงาม จึงมีผคู้ นพอ่ คา้ นาเร่ืองความงามของพระลอไปขบั เล่ากนั จนความทราบไปถึงพระธิดาฝาแฝดแห่งเมืองสรองคือ พระเพ่ือนพระแพงสองสาวพี่นอ้ งไดข้ ่าวถึงสิริโฉมของพระลอก็หลงรัก จึงไดป้ รับทุกขก์ บั นางรื่นนางโรยซ่ึงเป็ นพ่ีเล้ียง ซ่ึงนางพี่เล้ียงก็จดั ใหค้ นไปคา้ ขายและขบั ซอยอโฉมพระเพือ่ นพระแพงไปถึงเมืองของพระลอ ซ่ึงพระลอเมื่อทรงทราบแล้วก็แสดงความสนพระทยั และให้รางวลั แก่ผูน้ าความข้ึนกราบทูลเร่ืองสาวสองศรีพ่ีน้องดงั กล่าว จากน้นั นางร่ืนนางโรยก็ไปใหห้ มอทาเสน่ห์ชกั พระลอไปหาพระธิดา ซ่ึงนางแม่มด ก็ชกั ให้ไปติดตอ่ หมอผสี ามคนซ่ึงมีความสามารถสูง แต่ท้งั สามก็บอกวา่ ไม่อาจกระทาคุณไสย ต่อกษตั ริยไ์ ด้และนานางพ่ีเล้ียงไปหาป่ ูเจา้ สมิงพรายเพื่อขอใหช้ ่วย เมื่อป่ ูเจา้ สมิงพรายสอบดว้ ยฌาน ก็ทราบวา่ ท้งั สองฝ่ ายเคยเป็ นคู่กนั มาก่อนและจะตอ้ งเสียชีวิตขณะอายุยงั นอ้ ย จึงรับจะช่วยเหลือ และไดไ้ ปหาพระเพ่ือนพระแพงถึงในวงั เพือ่ สร้างความอุ่นใจแก่นางดว้ ย คร้ังแรกน้นั ป่ ูเจา้ สมิงพรายนาเอาตอกไมไ้ ผ่มาสานลูกลมเขียนรูปพระลออยูก่ ลาง และรูปสองสาวพ่ีนอ้ งกอดพระลออยทู่ ้งั สองขา้ ง ลงยนั ตโ์ ดยรอบแลว้ ปักลูกลมไวท้ ี่ปลายไมย้ างใหญ่ ขนาดเจ็ดคนโอบ เมื่อลมพดั ป่ันลูกลมน้นั ใจของพระลอก็ปั่นป่ วนคิดถึงนางจนลืมตวั เมื่อนางบุญเหลือพระมารดาทราบข่าวก็ไปดูอาการของพระลอและใหจ้ ดั หาหมอ ท้งั หมอยา หมอผี ไปรักษาไม่นานนกัพระลอก็คืนสู่พระสติดงั เดิม ขณะท่ีพระลอมีอาการดีข้ึน สองสาวพ่ีน้องก็กลบั ทรุดลงดว้ ยความรัญจวนใจคิดถึงพระลอเมื่อพ่ีเล้ียงท้งั สองไปบอกอาการของพระธิดาแก่ป่ ูเจา้ สมิงพรายแลว้ ป่ ูเจา้ สมิงพรายจึงใช้ ธงสามชายลงอาคมท่ีมากกว่าเดิม เขียนรูปของพระลอไวก้ ลางและรูปสองนางแนบอยูท่ ้งั สองขา้ ง ปักธงน้ันบนยอดตะเคียนใหญ่ขนาดเกา้ คนโอบ เมื่อลมพดั เอากฤตยาคมจากผืนธงไปถึงพระลอแลว้ พระลอก็ทรงรู้สึกวา่สองสาวพ่ีนอ้ งมากอดพระองคอ์ ยู่ และกม็ ีอาการฟ่ันเฟื อนหนกั กวา่ คร้ังก่อน คร้ันนางบุญเหลือทรงทราบก็
เรียกประชุมเสนาบดีใหไ้ ปหาหมอที่เก่งมาช่วยรักษา ซ่ึงกไ็ ดห้ มอ สิทธิชยั มาจดั พธิ ีพลีกรรมทาน้ามนตใ์ ห้ทรงอาบและพระลอก็คืนสติมาเหมือนเดิม คร้ันพระเพื่อนพระแพงเห็นวา่ เวลาผา่ นไปนานผิดสงั เกตโดยที่ไม่ไดพ้ บพระลอ จึงใหน้ างรื่นนางโรยไปหาป่ ูเจา้ สมิงพรายอีก ป่ ูเจา้ สมิงพรายก็วา่ หมอฝ่ ายพระลอน้นั มีความสามารถสูงและแกไ้ ขมนต์เสน่ห์ได้ จากน้นั ป่ ูเจา้ ก็ชุมนุมทพั ผีป่ าให้ไปปราบผเี มืองแลว้ ป่ ูเจา้ จึงใช้ “สลาเหิน” คือหมากลงอาคมให้บินไประคนอยูก่ บั หมากเสวยของพระลอ คร้ันพระลอเสวยหมากลงอาคมแลว้ ก็คิดถึงพระเพื่อนพระแพงปานใจจะขาด และไดท้ ูลลานางบุญเหลือและลาพระชายานางลกั ษณวดีเพ่ือจะเสด็จไปหาพระเพื่อนพระแพง แมน้ างบุญเหลือจะบอกพระลอวา่ จะไปขอนางท้งั สองให้ พระลอก็ไมต่ กลง โดยตรัสวา่ กวา่ จะรู้เรื่องก็ชา้ นกั ขบวนของพระลอเดินทางจากเมืองแมนสรวงไปถึงเขตแดนเมืองแลว้ พระลอก็โปรดใหแ้ บ่งกาลงั ร้อยหน่ึงไวค้ อยสนบั สนุน และให้ไพร่พลท้งั หลายกลบั คืนเมือง จากน้นั พระองคแ์ ละ พ่ีเล้ียงคือนายแกว้ นายขวญั ปลอมตวั เป็นขนุ จากเมืองพาบริวารไปตรวจด่านและเดินทางต่อไป คร้ันถึงฝั่งแมน่ ้ากาหลง ก็ไดต้ ดั ไมท้ าเป็นแพขา้ มน้าไปพกั อยฝู่ ั่งตรงขา้ ม และเม่ือ พระลอลงสรงน้าแลว้ ก็ลองเสี่ยงวา่ หากพระองคจ์ ะไม่ไดก้ ลบั คืนเมืองอีกกข็ อใหน้ ้าเวยี นวนอยู่ แตห่ ากพระองคจ์ ะไดก้ ลบั คืนเมืองแมนสรวงอีกก็ขอใหน้ ้าไหลต่อไปตามปกติ คร้ังน้นั แม่น้ากาหลงกลบั แสดงเหตุเป็นสีแดงดุจสีเลือดและไหลวนควง่ั ควา้ งอยูเ่ ฉพาะพระพกั ตร์ พระลอทรงทราบ ลางร้ายเช่นน้นั แลว้ ก็ไดแ้ ต่เก็บความทุกขไ์ วม้ ิให้พ่ีเล้ียงทราบ จากน้นั ก็ใหพ้ ี่เล้ียงไปสารวจลู่ทาง ในเมืองของพระเพื่อนพระแพงจนได้ความชดั เจนกก็ ลบั ทูลความโดยละเอียด ในขณะเดียวกนั พระธิดาซ่ึงต้งั ตาต้งั ใจคอยพระลออยเู่ มื่อเห็นวา่ เวลาผา่ นไปนานแลว้ แต่พระลอยงั ไมไ่ ปถึงกใ็ หพ้ ่ีเล้ียงท้งั สองคืนนางร่ืนนางโรยไปเตือนป่ ูเจา้ สมิงพราย จากน้นั ป่ ูเจา้ - สมิงพรายกใ็ หผ้ ีเขา้ สิงไก่งามตวั หน่ึงและไปล่อให้พระลอติดตามไป เม่ือพระลอทอดพระเนตรเห็นไก่แกว้ หรือไก่ผีสิงน้นั ก็พอพระทยั อยากจะได้ จึงรีบไล่ติดตามไป ไก่กห็ ลอกล่อพาพระลอ และบริวารผา่ นป่ าไปจนถึงเขตที่คนอาศยั จากน้นั พระลอก็แบง่ กาลงั ไวต้ ามรายทางเป็นกลุ่ม ๆ และพระลอกบั สองพีเ่ ล้ียงก็ไดไ้ ปพกั อยทู่ ่ีเรือนร้างซ่ึงไมห่ ่างจากอุทยานของพระเพ่ือนพระแพง คืนน้นั พระลอและพี่เล้ียงท้งั สองกฝ็ ันไปตา่ ง ๆ ซ่ึงเป็นลางวา่ จะไดพ้ บกบั หญิงที่ตนเดินทางมาหา ฝ่ ายพระเพ่ือนพระแพงเม่ือปรารภวา่ พระลอยงั ไม่เสด็จมาน้นั พี่เล้ียงก็ทูลวา่ โดยนิมิตท่ีนกได้แสดงใหเ้ ห็นน้นั เช่ือวา่ วนั รุ่งข้ึนจะไดพ้ บพระลอแลว้ และคืนน้นั นางท้งั ส่ีก็ฝันไปเป็ นนิมิตวา่ จะไดพ้ บกบัพระลอโดยเร็ว พอเชา้ ตรู่วนั รุ่งข้ึน นางร่ืนนางโรยก็รีบข้ึนชา้ งไปสืบข่าวท่ีอุทยาน เม่ือคนเฝ้าอุทยานบอกวา่ มีพราหมณ์คนหน่ึงและฆราวาสอีกสองคนซ่ึงเป็นคนตา่ งเมืองมาพกั อยแู่ ละออกเดินทางไปแต่เชา้ แลว้ สองนางจึงรีบตามไปและไดพ้ บนายแกว้ นายขวญั ที่ยอ้ นกลบั มา ท้งั สองฝ่ ายสนทนาถูกใจกนั จนถึงกบั ไดร้ ่วมภิรมยก์ นั ด้วย เมื่อทราบว่าท้งั สองนายมากบั พระลอแล้ว สองนางก็ให้ไปเชิญเสด็จพระลอไปพกั อยู่ท่ีตาหนกั แลว้ ก็รีบกลบั ไปเชิญพระเพื่อนพระแพงไปเฝ้า พระลอและ พระเพื่อนพระแพงเม่ือพบกนั แลว้ ก็
พอใจมากและไดอ้ ยรู่ ่วมกนั จนเวลาเยน็ แลว้ หนุ่มท้งั สามก็ปลอมไปกบั ขบวนของพระธิดาและไปซ่อนอยู่ในเรือนประทบั ของพระเพอ่ื นพระแพง ส่วนนางร่ืนนางโรยกบั นายแกว้ นายขวญั กไ็ ดอ้ ยรู่ ่วมกนั อีกสองคู่พระลอและสองนายซ่อนอยใู่ นเรือนของพระธิดานานไดค้ ร่ึงเดือนก็ไม่สามารถปิ ดบงั ไวไ้ ด้อีก เมื่อมีคนนาความไปทูลทา้ วพิชยั พิษณุกร คร้ันทรงเห็นว่าพระลอเสด็จมาอยู่กบั พระเพ่ือนพระแพงก็เตรียมจะตอ้ นรับเป็ นเขยขวญั แต่เม่ือพระเจา้ ย่าทรงทราบข่าวน้นั ก็ไปทูลทา้ วพิชยั พิษณุกร ว่า ให้จบั พระลอซ่ึงเป็นโอรสของศตั รูมาฆา่ เพ่อื แกแ้ คน้ คร้ันทา้ วพชิ ยั พิษณุกรไมท่ รงเห็นดว้ ย พระเจา้ ยา่ กแ็ อบอา้ งรับสั่งใหท้ หารบุกเขา้ ไปจบั พระลอและพ่เี ล้ียงที่เรือนของพระเพอื่ นพระแพง ในเวลากลางคืนเมื่อนายแกว้ นายขวญั และนางร่ืนนางโรยทราบเหตุร้ายแลว้ ก็เขา้ ไปทูลความให้พระลอทรงทราบ จากน้ันบุคคลท้งั เจ็ดก็เตรียมตวั รบ โดยหญิงท้งั สี่ปลอมตวั เป็ นชาย นายแก้วอยู่กบั นางร่ืนระวงัดา้ นขวา นางโรยกบั นายขวญั เขา้ ป้องกนั ดา้ นซ้าย เม่ือกองกาลงั ของพระเจา้ ยา่ รุกเขา้ หนกั จนคนท้งั ส่ีตา้ นไม่อยกู่ ็เสียชีวติ ดว้ ยกนั ท้งั สองคู่ จากน้นั กองกาลงั ฝ่ ายพระเจา้ ยา่ รุกเขา้ ไปอีก แต่พระลอกบั พระเพื่อนพระแพงที่ปลอมเป็ นชายต่อสู้จนคนเหล่าน้นั ไม่อาจเขา้ ใกล้ จึงใช้ธนูรุมยิงและถูกพระลอกบั พระเพอื่ นพระแพงท่ียนื พิงกนั สิ้นพระชนมอ์ ยดู่ ว้ ยกนัเม่ือทา้ วพิชยั พิษณุกรและนางดาราวดีพระมารดาของพระเพ่ือนพระแพงเสด็จไปถึง ท่ีเกิดเหตุน้นั การต่อสู้ก็สิ้นสุดลงแลว้ ทา้ วพิชยั พิษณุกรจึงแสร้งว่าพอพระทยั ท่ีนกั โทษท้งั เจ็ดตายไปและตรัสสั่งใหผ้ ทู้ ี่ไปฆา่ นกั โทษไปรับรางวลั และรับการเล่ือนยศเล่ือนตาแหน่ง เม่ือคนท่ีเก่ียวขอ้ งเหล่าน้นั ไปพร้อมกนั แลว้ ทา้ วพิชยั พิษณุกรก็ตรัสส่ังให้ทหารของพระองค์จบั มดั และจดช่ือไวแ้ ลว้ จึงใหฟ้ ันทิ้งไปท้งั หมดส่วนตวั นายน้นั ใหล้ วกดว้ ยน้าร้อนหรือคลอกดว้ ยไฟ โดยเฉพาะพระเจา้ ยา่ ซ่ึงมิใช่พระมารดาของพระองค์น้นั ก็โปรดใหแ้ ล่เน้ือทีละชิ้นจนสิ้นพระชนม์ แลว้ ใหล้ ากศพไป ทิ้งเสียท้งั หมดหลงั จากที่ระงบั ความโศกเศร้าในมรณกรรมของหนุ่มสาวไดแ้ ลว้ ทา้ วพชิ ยั พิษณุกร กโ็ ปรดใหจ้ ดั การศพของพระลอกบั พระเพื่อนพระแพงและพ่ีเล้ียงท้งั สี่ โดยให้บรรจุพระศพของพระลอกบั พระเพ่ือนพระแพงไวใ้ นโลงทองเดียวกนั ศพของนายแกว้ ก็อยูก่ บั ศพนางร่ืนในโลงเดียวกนั และศพของนายขวญั กบั นางโรยก็อยดู่ ว้ ยกนั อีกโลงหน่ึง พร้อมท้งั จดั ทาเมรุสาหรับเผาศพและประดบั ประดาอยา่ งยง่ิ ใหญ่คร้ังน้นั ทา้ วพิชยั พิษณุกรก็โปรดให้ราชทูตไปทูลเชิญนางบุญเหลือไปร่วมพิธีเผาวรศพดว้ ย ซ่ึงนางบุญเหลือกแ็ ต่งต้งั เสนาผใู้ หญส่ ิบนายนาของมีคา่ ไปร่วมงานแทนเมื่อการเผาพระศพของพระลอกบั พระเพื่อนพระแพงและพ่ีเล้ียงท้งั สี่เสร็จสิ้นลงแลว้ ทา้ วพิชยั พิษณุกรก็โปรดใหแ้ บ่งอฐั ิของบุคคลท้งั เจ็ดออกเป็ นสองส่วน คร่ึงหน่ึงไปบรรจุไวท้ ่ีหอพระญาติในเมืองสรอง อีกคร่ึงมอบให้แก่ทูตนาไปยงั เมืองแมนสรวง ซ่ึงนางบุญเหลือก็ให้นาอฐั ิของพระลอและพระเพื่อนพระแพงบรรจุไวใ้ นสถูปองคก์ ลาง ส่วนอฐั ิของนายแกว้ กบั นายรื่นให้
บรรจุในสถูปดา้ นขวา และอิฐิของนายขวญั กบั นางโรยบรรจุอยู่ในสถูปดา้ นซ้าย ซ่ึงทา้ วพิชัยพิษณุกร ก็โปรดใหก้ ระทาอยา่ งเดียวกนั ดว้ ย (เรียบเรียงและเพิ่มเติมจาก หนังสืออ่านกวนี พิ นธ์เร่ืองลลิ ติ พระลอ ของกระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๒๗และเมืองสอง ที่ระลึกในโอกาสเปิ ดอาคารที่ว่าการอาเภอสองหลงั ใหม่ โดยยอดขวัญ บุญซ้อน ๒๗ มีนาคม ๒๕๔๑) อดุ ม รุ่งเรืองศรี ที่มา : สารานุกรมวฒั นธรรมไทย ภาคเหนือ๓. ใหน้ กั เรียนประชุมกลุ่มเพื่อเขียนบทละครส้นั ๆ จากนิทาน กาหนดตวั ละครและฝึกซอ้ มการแสดง บางช่วงของเน้ือเรื่องอาจใชผ้ บู้ รรยายเพ่ือใหก้ ารแสดงกระชบั ข้ึน๔. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มออกมาแสดงละครหนา้ ช้นั เรียน กลุ่มท่ีเป็นผชู้ มช่วยกนั สงั เกตการถ่ายทอดเน้ือเร่ืองและประเมินการแสดง๕. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั วเิ คราะห์สภาพสงั คมและวฒั นธรรมที่ปรากฏในเน้ือเรื่อง เช่น การเดินทางไปคา้ ขายในตา่ งเมือง การสู้รบเพื่อขยายอาณาเขต การขบั ซอชมความงาม ความเชื่อเรื่องผี การเสี่ยงทาย และการทาเสน่ห์๖. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั วเิ คราะห์ขอ้ คิดที่ไดจ้ ากนิทาน และอภิปรายถึงพฤติกรรมของพระลอกบัพระเพื่อนพระแพงวา่ เหมาะสมหรือไม่ และนกั เรียนควรปฏิบตั ิอยา่ งไรในชีวิตจริง๗. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี พระลอเป็นนิทานพ้นื บา้ นของภาคเหนือที่เล่าสืบต่อกนั มา ซ่ึงสะทอ้ นใหเ้ ห็นสภาพสงั คมและวฒั นธรรมของทอ้ งถ่ิน และความเป็นมาของพระธาตุพระลอในจงั หวดั แพร่ ที่เช่ือวา่ เป็นสถานที่บรรจุอฐั ิของพระลอและพระเพ่อื น พระแพง๘. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี นิทานพ้ืนบา้ นเร่ือง พระลอ มีคุณคา่ ตอ่ สังคมไทยอยา่ งไรการจัดบรรยากาศเชิงบวก ใหน้ กั เรียนร่วมกนั วางแผนและฝึกซอ้ มการแสดงละครจากนิทานพ้ืนบา้ น เพ่ือใหน้ กั เรียน สามารถทางานร่วมกนั เกิดการเรียนรู้ท่ีสนุกสนาน และสามารถจดจาเน้ือเร่ืองของนิทานพ้นื บา้ น ได้ แม่นยายง่ิ ข้ึน
ส่ือการเรียนรู้ ๑. ภาพ ๒. นิทานพ้นื บา้ นการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑. วธิ ีการวดั และประเมินผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงานของนกั เรียน ๒. เคร่ืองมือ ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์การประเมนิ ๑) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน ๒) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรุง
ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ ลงช่ือ ________________________ (ผบู้ ริหารสถานศึกษา) (นายวนิ ยั คาวเิ ศษ) ______ /_______ /______
บันทกึ หลงั การสอนผลการจัดการเรียนการสอน__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ปัญหา/อุปสรรค__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________แนวทางแก้ไข__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ ลงช่ือ__________________ (ผบู้ นั ทึก) (นางสาวอรณัญช์ พลนิกร) _____/_____/_____
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๗ นิทานพืน้ บ้านแผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๗ นทิ านพืน้ บ้านภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี ๑ เวลา ๑ ช่ัวโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย อยา่ งเห็นคุณค่า และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง ตัวชี้วดั ท ๕.๑ ม. ๑/๑ สรุปเน้ือหาวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่านจุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วดั ๑. สรุปเน้ือเร่ืองนิทานพ้นื บา้ นที่อา่ น (K) ๒. วเิ คราะห์สภาพสังคม วฒั นธรรม และขอ้ คิดท่ีไดจ้ ากนิทานพ้นื บา้ น ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ (P) ๓. เห็นความสาคญั ของการศึกษานิทานพ้ืนบา้ นภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือเพอื่ เรียนรู้ วฒั นธรรมของทอ้ งถิ่น (A) สาระสาคญั พญาคนั คากเป็นนิทานพ้ืนบา้ นของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือที่สะทอ้ นภาพความแหง้ แลง้ และการขอฝนอนั เป็ นตน้ กาเนิดของประเพณีบุญบ้งั ไฟ สาระการเรียนรู้ นิทานพ้นื บา้ นภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือเร่ือง พญาคนั คากสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขียน - ทกั ษะการฟัง การดู และการพูด
๒. ความสามารถในการคิด - การวเิ คราะห์ - การสรุปความรู้คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รักความเป็ นไทย ตวั ช้ีวดั ท่ี ๗.๑ ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ วฒั นธรรมไทย และมี ความกตญั ญูกตเวที ตวั ช้ีวดั ท่ี ๗.๒ เห็นคุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการสื่อสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ตวั ช้ีวดั ท่ี ๗.๓ อนุรักษแ์ ละสืบทอดภูมิปัญญาไทย ชิ้นงานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน ร่องรอยแสดงความรู้) - คาถามท้าทาย นิทานมีลกั ษณะเด่นอยา่ งไร การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี นิทานมีลกั ษณะเด่นอยา่ งไร ๒. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนาเกี่ยวกบั ลกั ษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ ของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ๓. ใหน้ กั เรียนอา่ นนิทานพ้ืนบา้ นของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือเรื่อง พญาคนั คากท่ีครูแจกใหเ้ พื่อจบั ใจความและสรุปเน้ือเรื่อง ดงั น้ี
พญาคันคาก พระยาหลวงเอกราช และนางสีดา ปกครองเมืองอินทปัตถ์มานาน ประชาชนมีความสุขสมบูรณ์กนั ถว้ นหนา้ พระโพธิสัตวไ์ ดถ้ ือกาเนิดในครรภน์ างสีดาในร่างของคนั คาก (คางคก) ในคืนหน่ึงนางสีดาฝันวา่ พระอาทิตยไ์ ดต้ กลงมาจากฟากฟ้าแลว้ ลอยเขา้ มาในปากของนาง เมื่อนางกลืนลงทอ้ งเน้ือตวัของนางไดก้ ลายเป็ นสีเหลืองสดใสประดุจดงั ทองคา ในความฝัน ยงั แสดงให้เห็นว่า นางมีอิทธิฤทธ์ิสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ นางไดเ้ หาะไปยงั เขาพระสุเมรุแลว้ จึงกลบั มายงั ปราสาทราชวงัในเมืองอินทปัตถด์ งั เดิม คร้ังสะดุง้ ต่ืนนางไดเ้ ล่าความฝันถวายแก่ พระยาหลวงเอกราชพระสวามี พระยาหลวงล่วงรู้ในนิมิตความฝันวา่ พระองคจ์ ะมีโอรสท่ีจะสืบราชสมบตั ิตอ่ ไป เม่ือครบสิบสองเดือนนางสีดาไดใ้ หก้ าเนิดกุมารเป็นตวั คนั คาก (คางคก) มีรูปร่างเหลืองอร่ามดง่ั ทองคา พระยาหลวงเอกราชดีใจมากไดส้ ่ังให้จดั หาอู่ทองคามาใหน้ อน และจดั หา แม่นมมาดูแลอยา่ งใกลช้ ิด ต่อมาทา้ วคนั คากเจริญวยั เป็ นหนุ่ม อายไุ ด้ ๒๐ ปี คิดอยากจะมีคู่ครอง พระบิดาไดพ้ ยายามหาผูท้ ่ีเหมาะสมมาให้แต่ก็หาไม่ได้ ดว้ ยมีเหตุขดั ขอ้ งที่ทา้ วคนั คากมีรูปกาย ที่อปั ลกั ษณ์ผิดแผกไปจากมนุษยค์ นอื่น ๆ พระยาหลวงเอกราชรู้สึกสงสารโอรสเป็ นอนั มาก จึงปลอบใจวา่ ขอใหส้ ร้างสมบุญบารมีต่อไปอีก จนกวา่ จะกลายร่างเป็นมนุษยเ์ ม่ือใด จะยกทรัพยส์ มบตั ิใหป้ กครองบา้ นเมืองสืบตอ่ ไป ทา้ วคนั คากจึงต้งั จิตอธิษฐานวา่ หากตนมีบุญญาบารมีขอใหไ้ ดห้ ญิงงามมาเป็นคู่ครอง ดงั น้นั พระอินทร์จึงลงมาเนรมิตปราสาทแกว้ ไวก้ ลางเมือง ปราสาทน้ี มีขนาดใหญ่โตมาก มีเสาเป็นหมื่น ๆ ตน้ มีหอ้ งใหญ่น้อยจานวนหน่ึงพันห้อง พร้อมท้ังเคร่ืองประดับตกแต่ง ปราสาทหลังน้ีเต็มไปด้วยอญั มณีที่มีค่ายิ่งนอกจากน้ี พระอินทร์ไดใ้ ห้นางแกว้ มาเป็ นชายาทา้ วคนั คาก และไดเ้ นรมิตกายทา้ วคนั คากให้มีรูปกายงดงามอีกดว้ ย เสร็จแลว้ พระอินทร์จึง เสดจ็ กลบั สู่สวรรคอ์ นั เป็นที่ประทบั ของพระองค์ ทา้ วคนั คากและนางแกว้ อาศยั อยูใ่ นปราสาทท่ีพระอินทร์เนรมิตงามดงั ไพชยนตป์ ราสาทแห่งน้ี ต่อมาเม่ือพระยาหลวงเอกราชและนางสีดาทราบข่าวไดเ้ สด็จมาเย่ียมยงั ปราสาท พร้อมท้งั ไดจ้ ดั ทาพิธีอภิเษกให้ทา้ วคนั คากเป็ นเจา้ เมืองปกครองไพร่ฟ้าประชาราษฎร์สืบไป นบั ต้งั แต่พญาคนั คากข้ึนครองเมือง บรรดาพญาท้งั หลายตลอดจน สตั วเ์ ดรัจฉานไดเ้ ขา้ มาขอเป็นบริวารอีกมากมาย พญาแถนทราบวา่ พญาคนั คากไดข้ ้ึนครองเมือง จึงคิดอิจฉาและไม่พอใจ จึงคิดหาทางกลน่ัแ ก ล้ง แ ต่ ก็ รู้ ดี ว่า พ ญ า คัน ค า ก มี บุ ญ ญ า ธิ ก า ร แ ล ะ มี อิ ท ธิ ฤ ท ธ์ิ ม า ก เ ก ร ง จ ะ เ ป็ น ภัย แ ก่ ต นไดว้ างแผนการโดยท่ีไม่ให้ฝนตกลงมายงั มนุษยโ์ ลก ทาใหส้ ่ิงท่ีมีชีวติ เดือดร้อนกนั ไปทว่ั พิภพ นานถึงเจ็ดปี พญาคนั คากไม่ทราบว่าจะหาทางแกป้ ัญหาน้นั ได้อย่างไรจึงลงไปยงั ใตพ้ ิภพ เพ่ือปรึกษากบั พญานาค พญาหลวงนาโคบอกกบั พญาคนั คากวา่ พญาแถนประทบั อยูย่ งั ปราสาทเมืองยุคนั ธรที่เมืองน้ีมีแม่น้าคงคาอนั กวา้ งใหญ่ไพศาล พญาแถนมีหนา้ ท่ีดูแลรักษาแมน่ ้ายคุ นั ธร
แห่งน้ี นอกจากน้ี ยงั มีเขาสตั บริภณั ฑต์ ้งั อยรู่ ายลอ้ มเขาพระสุเมรุถึง ๗ ลูก เม่ือครบกาหนดเวลาบรรดานาคจะลงมาเล่นน้ากนั อยา่ งสนุกสนาน ฝนฟ้ากจ็ ะตกตอ้ งตามฤดูกาล แต่บดั น้ีพญาแถนไมย่ อมใหน้ าคลงไปเล่นน้าดงั แตก่ ่อน จึงทาใหเ้ มืองมนุษยแ์ หง้ แลง้ ผคู้ น สัตว์ และพืชลม้ ตายเป็นอนั มากพญาคนั คากไดฟ้ ังดงั น้นั จึงคิดหาทางไปเมืองแถน ไดไ้ ปตามพวก ครุฑ นาค ปลวก มาก่อภูเขา เพ่ือทาทางข้ึนไปรบกบั พญาแถน เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมสรรพแลว้ จึงยกพลไปรบกบั พญาแถนโดยต่างฝ่ ายต่างกม็ ีคาถาอาคม พญาคนั คากไดร้ ่ายเวทมนตร์ใหบ้ งั เกิดมีกบเขียดอยา่ งมากมาย ทาให้ชาวเมืองแถนตกใจกลวั เป็นอย่างย่ิง พญาแถนเองก็ใชค้ าถาอาคมเป่ าใหเ้ กิดมีงูร้ายมากมายหลายชนิด เพือ่ มาจบั กบและเขียดกิน พญาคนั คากไดใ้ หค้ รุฑ และกามาจิกกินงูที่เกิดจากอาคมพญาแถน จนกระทงั่ งูเหล่าน้นัตอ้ งลม้ ตาย พญาแถนจึงใหส้ ุนขั วง่ิ ไล่จบั ครุฑและกากินเป็นอาหาร พญาคนั คากไดใ้ หเ้ สือโคร่งออกมาจบัสุนขั กิน พญาแถนไดย้ งิ ธนูใหก้ ลายเป็นห่าฝนหอกดาบตกลงมาเสียบคนลม้ ตายเป็นจานวนมาก พญาครุฑไดเ้ นรมิตปี กใหแ้ ผก่ วา้ งเพอ่ื กาบงั ห่าฝนหอกดาบ และมีการร่าย- เวทมนตร์คาถาอาคมให้ผคู้ นท่ีลม้ตายกลบั ฟ้ื นคืนชีพข้ึนมาอีกคร้ังหน่ึง การสูร้ บกนั ระหวา่ งพญาคนั คากกบั พญาแถนเป็นไปอยา่ งดุเดือด ตา่ งคนตา่ งก็มีคาถาอาคมเพื่อตอ่ สู้กบั ศตั รูอยา่ งฉกาจฉกรรจ์ ปรากฏวา่ ไม่มีใครแพใ้ ครชนะ จึงไดม้ าชนชา้ งกนั ในที่สุดพญาแถนแพพ้ ญาคนั คาก พญาคนั คากจึงมีบญั ชาให้พญาแถนยอมใหน้ าคมาเล่นน้า ฝนจะไดต้ กบนพ้ืนพิภพดงั เดิม คร้ังน้ีนบั เป็นการสู้รบ ที่เรียกวา่ มหายทุ ธ เลยทีเดียว ต่อมาสัตวต์ า่ ง ๆ เหล่าน้ีจึงเป็นศตั รูกนัต้งั แต่น้นั มา ที่มา : สารานุกรมวฒั นธรรมไทย ภาคอีสาน๔ .ครูใหเ้ วลานกั เรียนฝึกซอ้ มการเล่านิทาน จากน้นั จบั ฉลากหมายเลขประจาตวั นกั เรียน หากไดห้ มายเลขใดใหน้ กั เรียนออกมาเล่านิทานหนา้ ช้นั เรียนให้เพอ่ื นฟัง ผฟู้ ังช่วยกนั จบั ใจความวา่ ถูกตอ้ งตามเน้ือเรื่องท่ีอ่านหรือไม่ และประเมินลีลาการเล่านิทานและการใชเ้ สียงของผเู้ ล่า ครูพจิ ารณาจานวนผอู้ อกมาเล่านิทานตามเวลาท่ีเหมาะสม ๕. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั วิเคราะห์ความเชื่อมโยงของเน้ือเร่ืองกบั สภาพท่ีเป็นจริง ของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ๖. ครูอธิบายความรู้เกี่ยวกบั ประเพณีบุญบ้งั ไฟใหน้ กั เรียนฟังเพม่ิ เติม ๗. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั วิเคราะห์ขอ้ คิดที่ไดจ้ ากนิทานพ้ืนบา้ นเรื่องน้ี ๘. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี พญาคนั คากเป็นนิทานพ้ืนบา้ นของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือที่สะทอ้ นภาพความแหง้ แลง้ และการขอฝนอนั เป็ นตน้ กาเนิดของประเพณีบุญบ้งั ไฟ
การจัดบรรยากาศเชิงบวก ใหน้ กั เรียนอ่านนิทานและนามาถ่ายทอดดว้ ยการเล่านิทาน ซ่ึงผเู้ ล่าจะไดฝ้ ึกการใชเ้ สียสีหนา้ ลีลา ท่าทาง และทาให้ผฟู้ ังเกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน นกั เรียนไดป้ ระเมิน ความสามารถซ่ึงกนั และกนั นอกจากน้ี กิจกรรมดงั กล่าวจะทาใหน้ กั เรียนจดจาเน้ือเร่ืองนิทาน ไดแ้ ม่นยาข้ึน ส่ือการเรียนรู้ ๑. นิทานพ้นื บา้ น ๒. ฉลากการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑. วธิ ีการวดั และประเมินผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) ตรวจผลงานของนกั เรียน ๒. เคร่ืองมือ แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๓. เกณฑ์การประเมนิ การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน
ความรู้เพมิ่ เติมสาหรับครู บุญบ้งั ไฟบุญบ้ังไฟ หรือ บุญเดือนหก เป็ นงานบุญประเพณีท่ีสาคญั ของชาวอีสาน จึงปฏิบตั ิสืบต่อกนั มาต้งั แต่สมยั โบราณจนกระทงั่ ไดต้ ราไวใ้ นบทบญั ญตั ิแห่งสังคมของอีสาน ที่เรียกวา่ “ฮีตสิบสองคองสิบส่ี”น้นั คือพิธีกรรมในรอบปี ๑๒ ประการ และคองธรรม ๑๔ ประการ ในฮีตสิบสองคอง- สิบสี่น้นั ไดก้ าหนดงานบุญบ้งั ไฟไวเ้ ป็ นพิธีกรรมสาคญั พิธีหน่ึงในสิบสองพิธี ในการจดั พิธีกรรมเนื่องในบุญบ้งั ไฟน้นั ชาวอีสานจะดาเนินการดว้ ยความศรัทธา ร่วมมือร่วมแรงกนั อย่างพร้อมเพรียง เป็นกระบวนการท่ียาวนานกว่าเดือนหน่ึงก่อนที่จะไดเ้ ฉลิมฉลองแห่แหนรื่นเริงดงั ที่เราไดท้ ราบกนั น้นั ชาวอีสานมีความผูกพนั กบั พิธีกรรมสาคัญน้ีอย่างแนบแน่น ดังจะพบว่าชาวอีสานท่ีจากหมู่บ้านไปประกอบอาชีพต่างจังหวดั หรือในกรุงเทพฯ เมื่อทราบวา่ ในหมูบ่ า้ นตนจะมีงานบุญบ้งั ไฟ กจ็ ะกลบั ไปร่วมพิธีกรรมโดยสม่าเสมอการจดั งานบุญบ้งั ไฟน้นั เชื่อวา่ เป็ นการส่งขา่ วหรือบอกขา่ วแก่พญาแถน (พญาแถนหรือผีฟ้าผีแถนคือเทพผูใ้ ห้เกิดเป็ นดิน เป็ นฟ้า เป็ นฝน ในความเชื่อของชาวอีสาน) ซ่ึงมีหน้าท่ีให้น้าฝนแก่มนุษยโลกทราบวา่ ขณะน้ีเกิดความแห้งแลง้ แลว้ และมวลมนุษยท์ ้งั หลายกาลงั เดือดร้อนเรื่องการขาดแคลนน้า การส่งบ้งั ไฟข้ึนไปน้นั เป็ นการส่ือสารระหวา่ งมนุษยก์ บั วญิ ญาณ คือพญาแถน หรือผีฟ้าผีแถน จากความเชื่อดงั กล่าวชาวอีสานยงั มีตานานท่ีเก่ียวเนื่องดว้ ยการแห่บ้งั ไฟอื่น ๆ อีก เช่น ตานานเร่ืองพญาคนั คาก ตานานเรื่องทา้ วผาแดงนางไอ่ เป็ นตน้ จากตานานดงั กล่าวเป็ นดชั นีช้ีให้เห็นวา่ ความเชื่อเรื่องบุญบ้งั ไฟน้นั ได้พฒั นาเป็ นพิธีกรรมอย่างเน่ินนาน จากยุคหน่ึงผ่านสู่อีกยุคหน่ึงสืบทอดกนั โดยมิได้ขาดสาย แมว้ ่าในปัจจุบนั น้ีความเชื่อดงั กล่าวจะเลือนรางลงไปมากสาหรับคนรุ่นใหม่ ที่มา : สารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ภาคอีสาน
ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ ลงชื่อ ________________________ (ผบู้ ริหารสถานศึกษา) (________________________) ______ /_______ /______
บันทกึ หลงั การสอนผลการจัดการเรียนการสอน__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ปัญหา/อปุ สรรค__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________แนวทางแก้ไข__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ ลงชื่อ__________________ (ผบู้ นั ทึก) (__________________) _____/_____/_____
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ นิทานพืน้ บ้าน แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓ นิทานพืน้ บ้านภาคกลาง ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี ๑ เวลา ๑ ชั่วโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย อยา่ งเห็นคุณคา่ และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง ตัวชี้วดั ท ๕.๑ ม. ๑/๑ สรุปเน้ือหาวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่านจุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตวั ชี้วดั ๑. สรุปเน้ือเรื่องนิทานพ้นื บา้ นท่ีอ่าน (K) ๒. วเิ คราะห์สภาพสังคม วฒั นธรรม และขอ้ คิดที่ไดจ้ ากนิทานพ้ืนบา้ นภาคกลาง (P) ๓. เห็นความสาคญั ของการศึกษานิทานพ้ืนบา้ นภาคกลางเพือ่ เรียนรู้วฒั นธรรมของทอ้ งถ่ิน (A) สาระสาคญั นิทานพ้นื บา้ นภาคกลางหลายเร่ืองเป็นท่ีรู้จกั กนั ดี เนื่องจากไดร้ ับการนามาสร้างเป็นการ์ตูนหรือ ละครโทรทศั น์ และบางเรื่องก็มีการนามาแตง่ เป็นวรรณคดีดว้ ย สาระการเรียนรู้ นิทานพ้นื บา้ นภาคกลาง สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอา่ น - ทกั ษะการเขียน - ทกั ษะการฟัง การดู และการพูด
๒. ความสามารถในการคิด - การวเิ คราะห์ - การสงั เคราะห์ - การประยกุ ต/์ การปรับปรุง - การสรุปความรู้ - การประเมินคา่ ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ประสรักความเป็ นไทย ตวั ช้ีวดั ที่ ๗.๑ ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ วฒั นธรรมไทย และมี ความกตญั ญูกตเวที ตวั ช้ีวดั ที่ ๗.๒ เห็นคุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการสื่อสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ตวั ช้ีวดั ท่ี ๗.๓ อนุรักษแ์ ละสืบทอดภูมิปัญญาไทยชิ้นงานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน ร่องรอยแสดงความรู้) - คาถามท้าทาย ละครท่ีมาจากนิทานพ้ืนบา้ นหรือละครจกั ร ๆ วงศ์ ๆ ตา่ งจากละครทวั่ ไปอยา่ งไร การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี ละครท่ีมาจากนิทานพ้นื บา้ นหรือละครจกั ร ๆ วงศ์ ๆ ตา่ งจากละครทวั่ ไปอยา่ งไร ๒. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม ๘ กลุ่ม จบั ฉลากช่ือนิทานพ้นื บา้ นของภาคกลาง ดงั น้ี กลุ่มที่ ๑ เรื่อง ปลาบู่ทอง กลุ่มท่ี ๒ เร่ือง พระร่วง กลุ่มท่ี ๓ เร่ือง พระรถ-เมรี (นางสิบสอง) กลุ่มที่ ๔ เรื่อง กบิลพรหม (ทา้ วมหาสงกรานต)์ กลุ่มท่ี ๕ เร่ือง เมขลา-รามสูร
กลุ่มท่ี ๖ เร่ือง ไกรทอง กลุ่มท่ี ๗ เร่ือง พระยากง-พระยาพาน กลุ่มท่ี ๘ เร่ือง โสนนอ้ ยเรือนงาม ๓. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มอ่านนิทานที่ครูแจกใหเ้ พอ่ื จบั ใจความและช่วยกนั สรุปเน้ือเรื่อง จากน้นั ประชุมกลุ่มเพ่ือวางแผนการแสดงบทบาทสมมุติประกอบการเล่านิทาน โดยคดั เลือกผเู้ ล่านิทาน ๑-๒ คน และผแู้ สดงบทบาทสมมุติตามตวั ละครในเร่ือง ผแู้ สดงสามารถแสดงสีหนา้ ทา่ ทางไดแ้ ตห่ า้ มพดู ส่วนผูเ้ ล่า จะตอ้ งเล่าใหส้ มั พนั ธ์กบั การแสดง (ครูอาจมอบหมายใหน้ กั เรียนฝึกซอ้ มการแสดงนอกเวลาเรียน) ๔. เมื่อฝึกซอ้ มแลว้ ใหน้ กั เรียนออกมาแสดงหนา้ ช้นั เรียนทีละกลุ่ม กลุ่มที่เป็นผชู้ มจบั ใจความ เน้ือเรื่องและร่วมกนั ประเมินการแสดง ครูช่วยแนะนาเพ่ิมเติม ๕. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั วเิ คราะห์สภาพสังคมและวฒั นธรรมท่ีปรากฏในเน้ือเร่ืองแลว้ แสดงความ คิดเห็น ๖. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั วิเคราะห์ขอ้ คิดที่ไดจ้ ากนิทานพ้นื บา้ นเรื่องตา่ ง ๆ ท่ีเป็นประโยชนใ์ นการ ดาเนินชีวติ ๗. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนาเก่ียวกบั การชมการ์ตูนหรือละครโทรทศั น์ท่ีมาจากนิทานพ้ืนบา้ น เร่ืองตา่ ง ๆ ๘. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี นิทานพ้นื บา้ นภาคกลางหลายเรื่องเป็นที่รู้จกั กนั ดี เน่ืองจากไดร้ ับการนามาสร้างเป็น การ์ตูนหรือละครโทรทศั น์ และบางเร่ืองก็มีการนามาแตง่ เป็นวรรณคดีดว้ ยการจดั บรรยากาศเชิงบวก ใหน้ กั เรียนอ่านนิทานพ้ืนบา้ นแลว้ แสดงบทบาทสมมุติประกอบการเล่านิทาน ช่วยเพมิ่ ความ สนุกสนาน ทาใหส้ ามารถจดจาเน้ือเรื่องนิทานไดแ้ ม่นยา รวมท้งั ไดว้ างแผนและปฏิบตั ิงานร่วมกนั เป็นหมู่ คณะ ส่ือการเรียนรู้ ๑. ฉลาก ๒. นิทานพ้ืนบา้ น
การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑. วธิ ีการวดั และประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงานของนกั เรียน ๒. เครื่องมือ ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์การประเมนิ ๑) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน ๒) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรุง
ความรู้เพมิ่ เตมิ สาหรับครู ปลาบู่ทองกาลคร้ังหน่ึง มีชายคนหน่ึง เขามีภรรยาสองคน และมีลูกสาวที่เกิดจากภรรยาหลวงหน่ึงคน และเกิดจากภรรยาน้อยหน่ึงคน ลูกสาวท่ีเกิดจากภรรยาหลวงชื่อว่า “เอ้ือย” ลูกสาวท่ีเกิดจากภรรยานอ้ ย ช่ือว่า“อา้ ย” ครอบครัวน้ีหากินโดยจบั ปลาขาย วนั หน่ึงสามีกบั ภรรยาหลวงออกไปหาปลา ภรรยาหลวงเป็ นคนถือทา้ ย เที่ยวทอดปลาไปตามแม่น้าลาคลอง วนั น้นั ต้งั แต่เช้าจนสาย ทอดแหไม่ไดป้ ลาอ่ืนใดเลยนอกจากปลาบู่ ภรรยาไดอ้ อกปากขอปลาบู่ไปให้นางเอ้ือยผูเ้ ป็ นลูก แต่สามี ไม่ยอม อา้ งว่าจะทาให้จบัปลาอ่ืนไม่ได้ แต่เมื่อปลดปลาบู่ทิ้งไปแลว้ ทอดแหลงไปทีไรก็ติดแต่ปลาบู่ ข้ึนมาอีก เป็ นอยา่ งน้ีหลายคร้ังหลายหน สร้างความฉุนเฉียวใหแ้ ก่สามียง่ิ นกั ในท่ีสุดกพ็ าลหาเรื่องกล่าวหาวา่ ภรรยาหลวงเป็ นตวั อบั โชคตบตีและผลกั ลงน้าไป เม่ือภรรยาตกน้าตายไปแลว้ สามีก็พายเรือกลบั บา้ น เอ้ือยเห็นพอ่ กลบั บา้ นมาคนเดียวก็ถามถึงแม่ พอ่ บอกปัดไปวา่ แม่ไปวงั ลอย อีกสามวนั ใหไ้ ปคอยดูก็แลว้ กนั เอ้ือยฟังกร็ ู้วา่ แม่ตายไปแลว้ จึงร้องไหค้ ร่าครวญ พอ่ และแม่เล้ียงโกรธ ช่วยกนั ทุบตีเอ้ือยฝ่ ายภรรยาหลวงซ่ึงก่อนจะตายใจผกู พนั อยกู่ บั ปลาบู่ เม่ือตายไปก็ไปเกิดเป็ นปลาบู่ทอง ดว้ ยความคิดถึงและเป็นห่วงลูกจึงว่ายมาท่ีท่าน้าหนา้ บา้ น เอ้ือยน้ันแต่ละวนั มีหนา้ ท่ีตอ้ งใหอ้ าหารเป็ ดไก่และนาววั ควายไปเล้ียงท่ีทุ่งนา วนั หน่ึงเม่ือเอ้ือยลงไปท่ีท่าน้า ปลาบู่ก็ว่ายเขา้ มาหาและส่งเสียงเรียก เอ้ือยได้ยินเสียงแม่เรียกแต่มองไม่เห็นแม่ เห็นแต่ปลาบู่ ปลาบู่ไดเ้ ล่าเร่ืองท่ีเกิดข้ึนให้ฟังและปลอบโยนเอ้ือยให้เขม้ แขง็ อดทน นบั แต่วนั น้นั มา เอ้ือยก็จะนาราขา้ วมาเล้ียงปลาบู่ และทุกเวลาที่วา่ งก็จะตอ้ งแอบมาหาแม่ปลาบู่ เม่ือแม่เล้ียงทราบเขา้ ก็ไมพ่ อใจหาทางกาจดั ปลาบู่ วนั หน่ึงเม่ือเอ้ือยไปเล้ียงววั แม่เล้ียงก็จบั ปลาบู่มาฆ่าและทาเป็ นอาหาร และรับประทานกนั โดยไม่เหลืออะไรไวใ้ ห้เอ้ือยเห็น กระดูกปลาก็ให้สุนขั กิน ส่วนเกลด็ ก็กวาดทิ้งลงใตถ้ ุนหมดเม่ือเอ้ือยกลบั จากเล้ียงววั ก็จดั แจงเอาราไปให้แม่ แต่ร้องเรียกอยา่ งไรก็ไม่เห็นปลาบู่ เป็ ดได้คาบเกล็ดปลาบู่มาใหเ้ อ้ือย เอ้ือยเสียใจมาก ไดน้ าเกลด็ ปลาไปฝังไว้ ปลาบู่ท่ีตายไปไดไ้ ปเกิดเป็ นตน้ มะเขือต่อมาแม่เล้ียงจบั ไดว้ ่าปลาบู่เกิดเป็ นตน้ มะเขือ จึงถอนตน้ มะเขือทิ้งและนามะเขือ ไปปรุงอาหาร เมื่อเอ้ือยมาหาตน้ มะเขือกไ็ ม่พบ เห็นแต่รอยขดุ ถอน บงั เอิญเป็ ดพบเมด็ มะเขือตกอยใู่ ตถ้ ุนและเก็บไวใ้ หเ้ อ้ือยเอ้ือยนาเมด็ มะเขือไปเพาะในท่ีลบั ตาคน อธิษฐานขอให้แม่เกิดเป็ น ตน้ โพธ์ิเงินโพธ์ิทอง เทวดาสงสารบนั ดาลใหเ้ กิดตน้ โพธ์ิเงินโพธ์ิทองข้ึนมา ทุกวนั เม่ือเอ้ือย ไปเล้ียงววั ก็จะไปนงั่ ใตต้ น้ โพธ์ิและคุยกบั แม่กษตั ริยอ์ งค์หน่ึงเสด็จประพาสป่ า เห็นตน้ โพธ์ิเงินโพธ์ิทองก็อยากได้ไปไวใ้ นวงั แต่เมื่อให้ใครถอนก็ถอนไม่ข้ึน ไดซ้ กั ถามเดก็ เล้ียงววั ทราบวา่ เป็นตน้ โพธ์ิของเอ้ือย จึงขอตน้ โพธ์ิจากเอ้ือย เอ้ือยถอนตน้โพธ์ิข้ึนถวายกษตั ริย์ กษตั ริยไ์ ดน้ าเอ้ือยไปเล้ียงดูเป็ นมเหสี แม่เล้ียงอิจฉาเป็ นอนั มากคิดอุบายทากระดาน
กลและต้งั กระทะตม้ น้าไวภ้ ายใต้ แลว้ ให้ลูกสาวของตนไปหลอกเอ้ือยว่าบิดาเจ็บให้เอ้ือยมาเยี่ยมบิดา เอ้ือยกลบั มาบา้ นและเหยียบกระดานกลตกลงไปในกระทะน้าร้อน ถึงแก่ความตาย เม่ือเอ้ือยตายไปแลว้ แม่เล้ียงจดั แจงให้นางอา้ ยลูกสาวของตนแต่งตวั ดว้ ยเครื่องแต่งตวั ของเอ้ือย และให้กลบั ไปที่วงั โดยท่ีกษตั ริยไ์ ม่ทราบวา่ เอ้ือยตายและนางอา้ ยปลอมตวั เป็นนางเอ้ือยมา ฝ่ ายเอ้ือยตายไปไดไ้ ปเกิดเป็นนกแขกเตา้ วนั หน่ึงบินมาจบั ท่ีตน้ โพธ์ิ เม่ือเห็นกษตั ริยก์ ็บินเขา้ มาใกลแ้ ละเล่าเรื่อง ท่ีเกิดข้ึนให้กษตั ริยท์ ราบ กษตั ริยจ์ ึงรับส่ังให้ประหารชีวิตนางอา้ ย และทาเป็ นปลาร้าบรรจุไหส่งไปให้พ่อแม่ เมื่อแม่ของอา้ ยเห็นนิ้วท่ีสวมแหวนก็ทราบวา่ เป็ นศพของลูก เกิดความเสียใจจนสิ้นชีวิต ส่วนเอ้ือยซ่ึงเป็นนกแขกเตา้ น้นั ไดบ้ ินเขา้ ไปในป่ าและได้พบฤๅษี พระฤๅษีช่วยชุบให้เอ้ือยกลบั เป็นคน อีกคร้ังหน่ึง กษตั ริยไ์ ดร้ ับเอ้ือยเขา้ ไปอยูว่ งั ท้งั สองครองเมืองอยา่ งมีความสุข ประคอง นิมมานเหมนิ ท์ เรียบเรียง ที่มา : สารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ภาคกลาง พระร่วง เน้ือเร่ืองเริ่มข้ึนในสมยั พุทธกาล พระพุทธเจา้ ประทบั นง่ั ใตต้ น้ ศรีมหาโพธ์ิ ทอดพระญาณจกั ษุถึงเมืองต่าง ๆ ท่ีพระพุทธศาสนาจะไปต้งั มน่ั นอกชมพูทวีป ทรงอธิษฐานขอให้พระบรมธาตุของพระองค์ปรากฏอยใู่ นนานาประเทศเมื่อพระองคไ์ ดป้ รินิพพานแลว้ เร่ืองตดั กลบั มายงั เมืองสุโขทยั พ.ศ. ๑๗๖๗ กล่าวถึงพระเจา้ ศรีธรรมาโศกราช สืบเช้ือสาย ฤๅษีวสิฏฐเสวยราชยใ์ นเมืองสุโขทยั ทรงทศพิธราชธรรมยงิ่ นกั วนั หน่ึงทรงดาริใคร่จะรักษาอุโบสถศีล จึงเสด็จไปรักษาศีลท่ีภูเขาหลวง ๗ วนั หลงั จากน้นั ก็ทรงทาดงั น้ีสม่าเสมอ ๓ วนั บา้ ง ๕ วนั บา้ ง วนั หน่ึงขณะที่เสด็จอยทู่ ่ีภูเขาหลวงไดพ้ บเห็นนางนาค ซ่ึงแปลงกายเป็ นงูเล็กกาลงั สังวาส กบั งูดินทรงเห็นว่ามีฐานันดรศกั ด์ิแตกต่างกนั มากจึงเอาไม้เทา้ เขี่ยแยกออกจากกนั นางนาคอาย และโกรธจึงกลบั ไปฟ้องพญานาคผบู้ ิดาวา่ ถูกเจา้ เมืองสุโขทยั ใชก้ ระบองตีเพอื่ ใหบ้ ิดาไดร้ ับ ความอบั อาย พญานาคไดฟ้ ังก็โกรธ จึงแปลงเพศเป็ นดาบสเขา้ ไปทูลถามพระเจา้ ศรีธรรมาโศกราชวา่ ไดพ้ บเห็นเหตุการณ์ประหลาดบา้ งหรือไม่ เม่ือไดฟ้ ังความท่ีพระเจา้ กรุงสุโขทยั กราบทูลก็กลบั มาต่อวา่ นางนาคและขบั ไล่ใหอ้ อกจากเมืองนาคไปรับใชพ้ ระเจา้ กรุงสุโขทยั นางนาคแปลงกายเป็นสตรีสวยงามไดเ้ ขา้ ไปถวายงานรับใชไ้ ด้ ๗ วนั เป็ นที่รักใคร่ยง่ิ พระเจา้ ศรีธรรมาโศกราชจึงส่ังให้นางรอคอยพระองค์ ณ เขาหลวงน้ี พระองคจ์ ะเสด็จกลบั เมืองแลว้ จะส่งคนมารับกลบั ไป เมื่อกลบั เขา้ เมืองแลว้ ก็ใหเ้ กิดลืมสัญญาที่ให้ไว้ นางนาครอคอยจนครบกาหนด กไ็ ม่เห็นมีว่ีแววว่าจะกลบั มา ดว้ ยความเสียใจและแคน้ ใจ จึงสารอกต่อมโลหิตซ่ึงเกิดในครรภข์ องนางใส่ไวใ้ นแหวนและผา้ แดงที่พระองค์มอบให้นาง และคร่าครวญฝากลูกไวก้ บั เทวดาแล้วนางก็กลบั เมืองนาคไป คางคกตวั หน่ึงบงั เอิญมาพบเขา้ ไดก้ ลิ่นโลหิตจึงกลืนแหวนเขา้ ไป พิษของนาคทาให้คางคกตาย แต่กุมารน้ันไม่ตาย ได้อาศยั ร่างคางคกแหวกว่ายอยู่ในคลอง ฝ่ ายพระเจา้ ศรีธรรมาโศกราชวนั หน่ึงคิดข้ึนมาไดว้ ่านดั นางนาคไวจ้ ึงพาบริวารมารับนาง หาอยถู่ ึง ๓ ราตรีกไ็ ม่พบ จึงกลบั เขา้ เมืองดว้ ยความเสียใจยงิ่
กล่าวถึงตายายคู่หน่ึงเป็ นชาวบา้ นพูขอนใกลภ้ ูเขาหลวงมาเท่ียวหาปลาในลาห้วย ปรากฏว่าหาเท่าไรก็ไม่ไดป้ ลา มีแต่คางคกติดมาทุกคร้ัง นึกโกรธจนคิดจะฆ่าคางคก ทนั ใดก็ไดย้ ินคางคก พูดเป็ นภาษามนุษยร์ ้องขอชีวิต สองเฒ่าดีใจจึงนาคางคกกลบั ไปเล้ียงเป็ นลูก หยิบคางคกใส่ขอ้ ง คร้ังใดคางคกกร็ ่วงลงมาจากขอ้ งทุกคร้ังไป จึงเรียกวา่ “ออร่วง” ตายายเมื่อไดค้ างคกมาเล้ียงก็พบว่าทุกคร้ังที่กลบั มาบา้ นมีอาหารจดั เตรียมไวอ้ ยา่ งดี วนั หน่ึงจึงแกลง้ ทาเป็ นออกไปจากบา้ นแลว้ กลบั มาแอบดูก็พบกุมารออกมาจากรูปคางคก ดว้ ยความดีใจจึงนารูปคางคกไปเผาไฟ ต้งั แต่น้นั มา เจา้ ร่วงจึงเกิดข้ึนเม่ือ จ.ศ. ๕๙๑ มีรูปโฉมจาเริญตาและมีบุญญา- ธิการวาจาสิทธ์ิ อยมู่ าวนั หน่ึงพระเจา้ ศรีธรรมาโศกราชจะสร้างปราสาท จึงเกณฑต์ าใหน้ าไมไ้ ผไ่ ปใหร้ ้อยลา ตาจึงวานใหเ้ จา้ ร่วงขนไปให้ เจา้ ร่วงลากไมไ้ ผม่ าลาหน่ึงแลว้ ร้องส่ังให้ไมไ้ ผท่ ้งั กองตามมา ดว้ ยวาจาสิทธ์ิ ไมไ้ ผท่ ้งั ปวงก็เลื่อนตามไป คร้ันถึงฤกษย์ กเสาปราสาทข้ึนต้งั คนเป็ นพนั มาช่วยกนั ยกเสาใหต้ ้งั ตรงทาอยา่ งไรเสาก็โอนไปทางโนน้ ทีทางน้ีที เจา้ ร่วงจึงร้องส่ังให้เสาต้งั ตรง พลนั มหศั จรรยก์ ็บงั เกิดแก่สายตาคนทวั่ ไป จึงพากนั โจษขานวา่ ชะรอยเจา้ ร่วงจะเป็นเทวดา จึงส่ังเสาได้ พระเจา้ ศรีธรรมโศกราชจึงรับสั่งใหเ้ ขา้ เฝ้า ในวนั ท่ีเขา้ เฝ้าน้นั บงั เอิญให้เจา้ ร่วงห่มผา้ แดง มีแหวนหอ้ ยไวเ้ ป็ นส่ิงติดตวั มาไปดว้ ย พระเจา้ ศรีธรรมาโศกราชเห็นผา้ แดงก็จาได้ จึงให้สอบสวนวา่ ไดม้ าจากผูใ้ ด คร้ันรู้ความจากตายายแลว้ จึงได้ขอกุมารน้ีไป เพราะรู้วา่ เป็นลูกชายอนั เกิดแต่นางนาค เม่ือเจา้ ร่วงไปอยใู่ นตาแหน่ง พระราชบุตรไดไ้ มน่ านก็ขอลาไปบวชเป็นสามเณร ลือชื่อวา่ มีวาจาศกั ด์ิสิทธ์ิ มีบุญญาธิการ ในสมยั น้นั เมืองต่าง ๆ ในแควน้ สยามลว้ นตกเป็นเมืองข้ึนของกมั พูชา เจา้ เมืองละโวต้ อ้ ง ส่งส่วยน้าในสระเสวย เจา้ เมืองสุโขทยั ตอ้ งส่งน้าจากภูเขาหลวงไปส่งส่วยเมืองกมั พูชา เจา้ ร่วง เห็นคนตอ้ งเข็นน้าใส่ตุ่มจึงแนะให้ทาตารางบนเรือนเกวยี นแลว้ เอาน้าเทใส่ตารางขงั ไปไม่รั่ว เมื่อพระเจา้ กรุงกมั พูชาทอดพระเนตรเห็นเกวยี นเข็นน้าก็ตกพระทยั กลวั พระร่วงยงิ่ นกั จึงบอกชาวส่วยน้าวา่ ต่อแต่น้ีไปให้นาน้าเสวยไปส่งให้พระร่วงแทน พระองคค์ ิดกาจดั พระร่วงเพราะกลวั พระร่วงจะแข็งเมือง จึงสั่งให้หาคนมีวชิ าไปลอบฆ่าพระร่วงที่เมืองสุโขทยั ชายผมู้ ีวชิ าไดด้ าดินไปผดุ ข้ึนที่ลานวดั มหาธาตุ บงั เอิญไดพ้ บพระร่วงกาลงั กวาดลานวดั อยจู่ ึงถามหาพระร่วง พระร่วงเห็นบุรุษผดุ ข้ึนมาจากแผน่ ดินไดค้ ร่ึงตวั ก็รู้วา่ เป็นคนท่ีจะมาลอบทาร้ายพระองค์ จึงกลา่ ววาจาสิทธ์ิให้รอพระองคอ์ ยู่ ณ ที่นนั่ บุรุษน้นั กแ็ หง้ แขง็ กลายเป็นศิลาไปอยถู่ ึงทุกวนั น้ีหลงั จากน้นั พระร่วงกล็ าสิกขาแลว้ ทูลลาพระบิดาไปสร้างเมือง พระเจา้ ศรีธรรมาโศกราชจึงไดม้ อบใหไ้ ปสร้างเมืองสวรรคโลก ซ่ึงเดิมเป็นเมืองของฤษีสัชนาลยั ดาบส ผเู้ ป็นพระอยั กาชวดของพระองค์ เมืองน้ีมีชื่อเดิมวา่ เมืองสัชนาลยั ต้งั อยใู่ กลเ้ ขาสชั นาลยั มีรูปสัณฐานเมืองละมา้ ยสายลูกประคาของพระสัชนาลยัดาบส พระร่วงไดส้ ร้างถนนกวา้ ง ๘ วา ยาว ๔ โยชน์ จากเมืองสุโขทยั ไปท่ีเมืองน้นั แลว้ ไดเ้ สวยมะขามคว่ั สุก เอาเปลือกมะขามโปรยสองขา้ งถนน แลว้ เอ่ยวาจาสิทธ์ิขอใหเ้ ปลือกเมด็ ในมะขามเป็นตน้ มะขาม
เปลือกเมด็ ในมะขามก็ค่อยงอกเป็นตน้ มะขามที่ไม่มีเมด็ ในตลอดสองขา้ งถนน ปัจจุบนั มะขามพนั ธุ์ดงั กล่าวก็ยงั มีอยใู่ นบริเวณน้นั พระร่วงใชเ้ วลาสร้างเมืองใหม่อยู่ ๔ เดือน ไดก้ ่อสร้างพระเจดีย์ วิหาร และไดย้ า้ ยพระปรางค์ ท่ีบรรจุพระบรมธาตุมาอยฝู่ ั่งตะวนั ออก พระเจา้ ศรีธรรมาโศกราชจึงไดเ้ ชิญพระร่วงใหข้ ้ึน ครองเมืองสวรรคโลก พระเจา้ ศรีธรรมาโศกราชสวรรคตเม่ือ พ.ศ. ๑๘๐๐ พระบรมราชาธิราช อายุ ๑๒ ปี ข้ึนครองเมืองสุโขทยั แทนบิดา ที่มา : สารานุกรมวฒั นธรรมไทย ภาคกลาง พระรถ-เมรี (นางสิบสอง) คร้ังหน่ึงนานมาแลว้ มีเศรษฐีสามีภรรยาคู่หน่ึง อยู่ดว้ ยกนั มาหลายปี ก็ยงั ไม่มีบุตร จึงไปขอบุตรจากเทวดา หลงั จากน้นั ภรรยาก็ต้งั ครรภแ์ ละใหก้ าเนิดบุตรสาวถึง ๑๒ คน ทาใหฐ้ านะของเศรษฐียากจนลงจนไม่มีจะกิน ตอ้ งเอาลูกไปปล่อยในป่ าลึก นางท้งั สิบสองคนจึงหลงทางจนไปถึงท่ีอยขู่ องนางยกั ษ์ นางยกั ษ์เห็นเด็กเดินร้องไห้มาก็นึกรัก จึงแปลงร่างเป็ นมนุษย์ แลว้ พานางสิบสองไปยงั เมืองยกั ษ์เพื่อเล้ียงไว้เป็ นบุตร และกาชบั ให้บริวารท้งั หลายแปลงร่างเป็ นมนุษยเ์ พ่ือไม่ให้ นางสิบสองรู้วา่ พวกตนเป็ นยกั ษ์เมื่อถึงกาหนดออกป่ าหาอาหาร นางยกั ษจ์ ึงบอกนางสิบสองวา่ จะไปจาศีล เมื่อนางยกั ษไ์ ม่อยู่ นางสิบสองก็เท่ียวเล่นไปจนถึงสถานที่แห่งหน่ึงในเมืองยกั ษ์ เม่ือปี นข้ึนไปดูก็เห็นคนร้องครวญคราง คนเหล่าน้นั บอกวา่ ถูกยกั ษจ์ บั มาขงั ไวเ้ พอื่ กินเป็นอาหาร นางสิบสองจึงคิดหนีจากนางยกั ษ์ เมื่อนางยกั ษก์ ลบั มา นางสิบสองจึงทาอุบายวา่ จะออกไปป่ า นางยกั ษร์ ักลูก กใ็ หไ้ ป นางสิบสองหนีมาจนไดเ้ ป็นมเหสีของพระเจา้ แผน่ ดินเมืองหน่ึง นางยกั ษร์ ู้ขา่ วก็แคน้ ใจ จึงแปลงร่างเป็นสาวสวยนงั่อยู่ริมสระ สาวใช้ท่ีมาตกั น้าเห็นนางยกั ษ์แปลงมีรูปร่างหน้าตางดงาม จึงไปกราบทูลพระเจา้ แผ่นดินพระองคจ์ ึงให้มารับนางยกั ษแ์ ปลงไปอยูใ่ นวงั นางสิบสองรู้ก็มา ต่อว่าพระองค์จึงรับส่ังให้นาไปประหารเสีย แต่ขณะน้นั นางสิบสองมีครรภ์ จึงใหข้ งั คุกเอาไวก้ ่อน ต่อมานางยกั ษก์ ็สง่ั ใหค้ วกั ดวงตาของนางสิบสองออกท้งั สองขา้ ง แต่นางคนสุดทอ้ งถูกควกั เพียงขา้ งเดียว นางท้งั สิบสองอยใู่ นคุกอยา่ งอดอยาก เม่ือลูกของสิบเอด็ คนแรกออกมา จึงถูกนางท้งั สิบเอด็ คนกินเป็นอาหาร แต่ลูกของนางคนท่ีสิบสองน้นั นางเอาไปซ่อนไวไ้ ด้ และเล้ียงจนเติบใหญใ่ หช้ ่ือวา่ พระรถ วนั หน่ึงนางยกั ษแ์ ปลงรู้วา่ ยงั เหลือลูกของนางสิบสองอยอู่ ีกคนหน่ึง จึงตอ้ งการจะฆา่ เสีย จึงใชใ้ ห้พระรถไปเมืองลูกสาวของตน เพ่ือนามะมว่ งหาวมะนาวโห่มาใหน้ าง แลว้ เขียนจดหมาย ไปถึงลูกสาวตนวา่ ใหฆ้ ่าพระรถเสีย แต่ระหว่างทาง พระรถไปพบฤๅษี ฤๅษีสงสารจึงเปล่ียนเน้ือความในจดหมายเสียใหม่วา่พระรถเป็ นคนท่ีนางยกั ษส์ ่งมาแต่งงานกบั นางเมรี ลูกสาวนางยกั ษ์ เมื่อ พระรถไปถึงเมืองยกั ษจ์ ึงได้แต่งงานกบั นางเมรี วนั หน่ึง พระรถมอมเหล้านางเมรี จนได้มะม่วงหาวมะนาวโห่ แล้วจึงหนีออกจากเมืองนางเมรี ตามมาทันจึงขอให้พระรถกลับ แต่พระรถไม่กลับ นางเมรี จึงกล้ันใจตาย พระรถรี บมา
พบแม่ เมื่อนางยักษ์เห็นพระรถกลับมาก็โกรธ และจะฆ่าพระรถ แต่ก็กลับถูกพระรถฆ่าเสี ยในท่ีสุดนางสิบสองก็กลบั มาเป็นมเหสีของพระเจา้ แผน่ ดินดงั เดิม เอกสารอ้างองิศิลปากร, กรม. นิทานชาวบ้านของจงั หวดั นนทบุรี. กรุงเทพฯ : อมรการพมิ พ,์ ๒๕๑๔. ปรมินท์ จารุวร เรียบเรียง ท่ีมา : สารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ภาคกลาง กบลิ พรหม กบิลพรหม หรือ ท้าวมหาสงกรานต์ คือ พรหมที่ปรากฏในตานานสงกรานต์ ผเู้ ป็นบิดา ของนางสงกรานตท์ ้งั ๗ เร่ืองมีอยูว่ า่ ทา้ วกบิลพรหมไปทา้ พนนั ลูกเศรษฐีช่ือ ธรรมบาล ซ่ึงไดช้ ื่อวา่ มีปัญญาเลิศเรียนจบคมั ภีร์ไตรเพท เม่ืออายไุ ด้ ๗ ขวบ กบิลพรหมพนนั ถามปัญหา ๓ ขอ้ ใหธ้ รรมบาลตอบถา้ ตอบไม่ไดจ้ ะตดั เศียรธรรมบาล แตถ่ า้ ตอบไดจ้ ะตดั เศียรตนเอง ธรรมบาลตอบไมไ่ ด้ ขอผลดั ไป ๗ วนั บงั เอิญไปนอนอยใู่ ตต้ น้ ไมไ้ ดย้ นิ นกอินทรี ๒ ตวั คุยกนัจึงสามารถตอบปัญหาได้ ปัญหาของทา้ วกบิลพรหมมีวา่ “เชา้ กลางวนั เยน็ ราศีอยทู่ ่ีไหน” คาตอบก็คือ เชา้ ราศีอยทู่ ่ีหนา้ จึงตอ้ งเอาน้าลูบหนา้ เมื่อต่ืนนอน กลางวนั ราศีอยทู่ ่ีอก กลางวนั จึงเอาน้าลูบอก เยน็ ราศีอยทู่ ่ีเทา้ ก่อนนอนจึงตอ้ งลา้ งเทา้ ทา้ วกบิลพรหมจึงตอ้ งตดั เศียรตนเอง แต่เศียรทา้ วกบิลพรหมน้ันมีพิษร้ายแรง ถา้ ต้งั ไว้ บนแผน่ ดินจะเกิดไฟไหมท้ ว่ั โลก ถา้ โยนข้ึนบนอากาศฝนก็จะแลง้ และถา้ ทิ้งในมหาสมุทร น้าก็จะแห้งเหือด ธิดาท้งั ๗ ของทา้ วกบิลพรหมจึงตอ้ งเอาพานมารับเศียรไปประดิษฐานในมณฑป ณ ถ้าคนั ธธุลีที่เขาไกรลาส เมื่อถึงวนั ปี ใหม่สงกรานต์ นางท้งั ๗ จะผลดั เวรกนั อญั เชิญเศียร ทา้ วกบิลพรหมออกมาแห่เวียนประทกั ษิณรอบเขาพระสุเมรุ นางท้งั ๗ น้ี คือ นางฟ้าท่ีคนไทยเรียกว่า นางสงกรานต์นนั่ เอง สุกัญญา ภัทราชัย เรียบเรียง นางสงกรานต์ท้งั ๗ นาง ท่ีผลดั เวรกนั มารับหน้าท่ีเชิญพระเศียรทา้ วกบิลพรหมออกแห่ในวนัมหาสงกรานตท์ ุก ๆ ปี ดงั กล่าว เป็นธิดาของทา้ วกบิลพรหมคือ นางทุงษ นางรากษส นางโคราค นางกริณีนางมณฑา นางกิมิทา นางมโหทร เทพธิดาท้งั ๗ นางน้ีเป็ นบาทบริจาริกาของพระอินทร์ ภายหลงั ทา้ วกบิลพรหมแพพ้ นนั ธรรมบาลกุมาร ตอ้ งตดั เศียรออกบูชาธรรมบาลตามสัญญาทา้ วกบิลพรหมวิตกวา่ พระเศียรของพระองค์จะเกิดเป็ นอนั ตรายแก่โลกธาตุ จึงส่ังให้นางทุงษธิดาคนโตเอาพานมารับพระเศียรนาไปประดิษฐานไวใ้ นถ้าคนั ธธุลี ณ เขาไกรลาส คร้ันถึงวาระกาหนดครบ ๓๖๕วนั โลกสมมติวา่ ปี หน่ึงเป็ นวนั มหาสงกรานต์ นางเทพธิดาท้งั ๗ นาง ก็ทรงเทพพาหนะต่าง ๆ ผลดั เวรกนั
มาเชิญพระเศียรทา้ วกบิลพรหมออกแห่ โดยเหตุที่นางเทพธิดาท้งั ๗ ของทา้ วกบิลพรหมปรากฏในวนัมหาสงกรานตเ์ ป็นประจา จึงมีสมญาวา่ “นางสงกรานต”์ เกณฑใ์ นการกาหนดวา่ นางสงกรานตน์ างใด ชื่อใด เป็นเวรท่ีจะเชิญพระเศียรทา้ วกบิลพรหมออกแห่ มีในตาราดงั น้ี ถา้ พระอาทิตยย์ กข้ึนสู่ราศีเมษในวนั ใด ใหเ้ ป็นเวรของนางเทพธิดาต่อไปน้ี ๑. วนั อาทติ ย์ นางทุงษ ทดั ดอกทบั ทิม เครื่องประดบั ปัทมราค ภกั ษาหารผลมะเดื่อหตั ถข์ วาถือจกั ร หตั ถซ์ า้ ยถือสังข์ ครุฑเป็นพาหนะ ๒. วนั จันทร์ นางโคราค ทดั ดอกปี บ เคร่ืองประดบั มุกดา ภกั ษาหารน้ามนั หตั ถข์ วาถือพระขรรค์หตั ถซ์ า้ ยถือไมเ้ ทา้ เสือเป็ นพาหนะ ๓. วนั องั คาร นางรากษส ทดั ดอกบวั หลวง เครื่องประดบั โมรา ภกั ษาหารโลหิต หตั ถข์ วาถือตรีศูล หตั ถซ์ า้ ยถือธนู สุกรเป็นพาหนะ ๔. วนั พุธ นางมณฑา ทดั ดอกจาปา เครื่องประดบั ไพฑูรย์ ภกั ษาหารนมเนย หตั ถข์ วาถือเขม็หตั ถซ์ า้ ยถือไมเ้ ทา้ ลาเป็นพาหนะ ๕. วนั พฤหสั บดี นางกริณี ทดั ดอกมณฑา เครื่องประดบั มรกต ภกั ษาหารถวั่ งา หตั ถข์ วาถือขอชา้ ง หตั ถซ์ า้ ยถือปื น ชา้ งเป็นพาหนะ ๖. วนั ศุกร์ นางกิมิทา ทดั ดอกจงกลนี เครื่องประดบั บุษราคมั ภกั ษาหารกลว้ ยน้าวา้หตั ถข์ วาถือพระขรรค์ หตั ถซ์ า้ ยถือพณิ กระบือเป็นพาหนะ ๗. วนั เสาร์ นางมโหทร ทดั ดอกสามหาว เครื่องประดบั นิลรัตน์ ภกั ษาหารเน้ือทรายหตั ถข์ วาถือจกั ร หตั ถซ์ า้ ยถือตรีศูล นกยงู เป็นพาหนะ จุลทัศน์ พยาฆรานนท์ เรียบเรียง ท่ีมา : สารานุกรมวฒั นธรรมไทย ภาคกลาง
เมขลา-รามสูร ณ สวรรคช์ ้นั ฟ้าอนั เป็นท่ีสถิตของเหล่าเทพยดาและบรรดานางฟ้าท้งั หลาย คร้ันถึง วสนั ตฤดู เหล่าทวยเทพต่างร่วมกนั จดั งานนกั ขตั ฤกษ์ มีการละเล่นเป็ นท่ีสนุกสนานคร้ืนเครง ในคร้ังน้นั นางฟ้าองค์หน่ึงนามวา่ เมขลา สถิตอยู่ ณ วิมานรัตนะ มีหนา้ ที่คอยพิทกั ษร์ ักษาสมุทรไท นางมีดวงแกว้ วเิ ศษดวงหน่ึงซ่ึงไดร้ ับการประทานมาจากพระนารายณ์ ทาใหม้ ีอิทธิฤทธ์ิ เม่ือเหาะไป แห่งหนใดเมขลาก็ถือดวงแกว้วเิ ศษน้ีติดตวั ไปดว้ ยเสมอ ขณะท่ีนางเมขลาเหาะออกจากวิมานเพ่ือไปร่วมงานนกั ขตั ฤกษ์ บงั เอิญเจา้ ยกั ษร์ ามสูร ไดเ้ ห็นแสงแวววาวของดวงแกว้ วิเศษก็นึกอยากได้ รีบเหาะติดตามหมายจะชิงมาเป็ นของตนส่วนนางเมขลาเห็นวา่จอมอสูรผูน้ ้ีเป็ นยกั ษ์ช้ันเลวที่เท่ียวเกะกะระรานไปทว่ั ท้งั แดนสวรรค์และใต้บาดาล เหล่าเทพเทวาท้งั หลายตา่ งเกลียดและกลวั ไม่อยากจะตอแยดว้ ย เพราะเจา้ ยกั ษร์ ามสูรน้ี มีขวานวเิ ศษอยูด่ า้ มหน่ึงทาให้ไมม่ ีใครสู้ฤทธ์ิได้ นางเมขลาจึงคิดที่จะยวั่ โทสะจอมมาร นางเมขลาถือดวงแกว้ ล่อหลอกเหาะหนี ฝ่ ายรามสูรก็ควงขวานเพชรไล่ติดตามอยา่ งไม่ลดละ พอได้ระยะจอมอสูรหมายจะขวา้ งขวานในมือเขา้ ใส่ พลนั แสงประกายจากดวงแกว้ ก็ส่องสะทอ้ นแวมวบั ออกมารามสูรตกใจขวานจึงพลาดเป้าแล่นแฉลบไปตามหมู่เมฆในทอ้ งฟ้า บางคร้ังก็ลงมา ถึงพ้ืนดินเกิดเสียงสะเทือนเลื่อนลน่ั ขณะน้นั พระอรชุน ผเู้ ป็ นใหญ่เหาะผา่ นมาพอดี เจา้ ยกั ษร์ ามสูรกาลงั โมโหจึงตวาดใส่พระอรชุนท่ีเหาะมาขวางหนา้ ในที่สุดกเ็ กิดรบกนั ดว้ ยฤทธ์ิ รามสูร ควงขวานโถมเขา้ ฟาดฟันใส่ทนั ที พระอรชุนจึงตอบโตด้ ว้ ยพระขรรค์ การต่อสู้เป็ นไปอยา่ งดุเดือดต่างผลดั กนั แพผ้ ลดั กนั ชนะ จนในท่ีสุดพระอรชุนก็พลาดถูกจอมอสูรจบั ขาฟาดกบั เขาพระสุเมรุจนสิ้นชีพ และผลการรบในคร้ังน้นั ถึงกบั ทาให้เขาพระสุเมรุเอียงทรุด ร้อนถึงเหล่าเทพยดาท้งั หลาย รวมท้งั บรรดาฤๅษีชีไพร ครุฑ นาค คนธรรพ์ ตอ้ งมาทา พิธีชะลอเขาพระสุเมรุให้กลบั ต้งั ตรงดงั เดิม โดยใชพ้ ญานาคพนั รอบเขาไวแ้ ทนเชือกแลว้ ช่วยกนั ออกแรงดึง ซ่ึงพระอินทร์ทาหนา้ ท่ีเป่ าสังขใ์ หอ้ าณตั ิสัญญาณ เหตุการณ์ในเร่ืองนางเมขลารามสูรน้ี เป็ นเกร็ดตอนหน่ึงจากรามเกียรต์ิ ซ่ึงก็คือตานานที่มาของปรากฏการณ์ธรรมชาติอนั ไดแ้ ก่ ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และฟ้าผ่าน่นั เอง คนสมยั โบราณเชื่อกนั วา่ สายฟ้าคือประกายแสงจากขวานของรามสูร ซ่ึงหากฟ้าผ่าลงมายงั พ้ืนดินถูกตน้ ไมก้ ็จะทาให้หักโค่นจนเกิดไฟลุกไหม้ บางตานานกล่าววา่ เมขลาเป็ นนางฟ้าผเู้ ป็นนางบาเรอของพระอิศวร ซ่ึงพระบิดาของนางเองเป็ นผู้นามาถวายพร้อมกบั ดวงแกว้ วนั หน่ึงนางเมขลาไดท้ ูลถามต่อพระอิศวรวา่ เพราะเหตุใดนางจึงตอ้ งมีเวรเขา้ เฝ้า จึงไดร้ ับคาตอบวา่ นางน้นั เหนือกวา่ นางฟ้าทวั่ ไป เพราะเป็ นรองพระอุมาและมีหนา้ ที่ดูแลดวงแกว้อยูม่ าวนั หน่ึงนางเมขลาเกิดไม่พอใจในฐานะความเป็ นอยขู่ องตน จึงลกั ดวงแกว้ ของพระอิศวรแลว้เหาะไปเท่ียวเล่น เน่ืองจากมีดวงแกว้ วเิ ศษ เหล่าเทพเทวาท้งั หลาย จึงไมอ่ าจจบั ตวั ได้ กล่าวถึงเจา้ ยกั ษร์ ามสูรผูเ้ ป็ นสหายกบั ฝนและกินลมเป็ นอาหาร อสูรน้ีมีขวานเพชรเป็ นอาวุธและเป็ นมิตรกบั พระราหู วนั หน่ึงรามสูรได้รับการไหวว้ านจากพระราหูให้ช่วยไปชิงดวงแก้วและจบั นาง
เมขลา เพ่ือพระราหูจะไดน้ าไปถวายพระอิศวรอีกต่อหน่ึงเป็ นการไถ่โทษในความผดิ ของตน ซ่ึงคร้ังหน่ึงเคยแปลงตวั เป็ นเทวดาแอบไปกินน้าอมฤตเม่ือคราวเหล่าเทพและอสูรช่วยกนั กวน-เกษียรสมุทร แต่ดว้ ยอานาจแสงท่ีส่องออกมาจากดวงแกว้ รามสูรจึงไมส่ ามารถขวา้ งขวานถูกนางไดแ้ มแ้ ตค่ ร้ังเดียว ดงั น้นั เมื่อนางเมขลากบั รามสูรพบกนั เม่ือไหร่ ก็จะเกิดเหตุการณ์ส่ันสะเทือนเล่ือนลนั่ ไปท้งั แดนสวรรคแ์ ละโลกมนุษยต์ ราบถึงทุกวนั น้ี ท่ีมา : ๕๐ นิทานไทย เรียบเรียงโดย ธนากิต พิมพ์คร้ังแรก พ.ศ. ๒๕๓๙ ไกรทอง ในกาลคร้ังก่อนมีพญาจระเขต้ วั หน่ึงนามวา่ ทา้ วราไพ เป็นใหญ่อยทู่ างหวั เมืองฝ่ ายเหนือมีบริวารในปกครองนับร้อยตวั ทา้ วราไพเป็ นพญาจระเขท้ ี่ต้งั มนั่ อยู่ในศีลธรรม ไม่เคยจบั สัตว์ หรือมนุษยก์ ินเป็นอาหาร เมื่อหิวโหยก็จะออกจากถ้าเพอ่ื หาซากสัตวท์ ี่ตายลอยอยใู่ นน้ากิน ส่วนทางหัวเมืองฝ่ ายใตม้ ีพญาจระเขส้ องตวั พี่นอ้ งเป็นใหญ่ คือ ทา้ วพนั ตา ผูพ้ ี่ และทา้ วพนั วงั ผูน้ อ้ งพญาจระเขท้ ้งั สองหวั เมืองต่างแบ่งการปกครองโดยปริยาย ไม่ยงุ่ เกี่ยวซ่ึงกนั และกนั แต่ จระเขฝ้ ่ ายใตน้ ้นั มีนิสัยอนั ธพาล ออกอาละวาดสร้างความเดือดร้อนหวาดผวาใหแ้ ก่ชาวบา้ นอยเู่ สมอ และมกั ทาร้ายจระเขฝ้ ่ ายเหนือท่ีหากินรุกล้าเขตแดนเขา้ ไปไม่วา่ จะโดยต้งั ใจหรือไม่ก็ตาม บริวารพญาจระเขฝ้ ่ ายเหนือถูกทาร้ายไดร้ ับบาดเจ็บอยูเ่ สมอ ต่างไปฟ้องร้องผูเ้ ป็ นหวั หนา้ ทา้ วราไพจึงคิดจะไปเจรจากบั พวกจระเขฝ้ ่ ายใต้ แต่เห็นวา่ ตนเองเป็นพญาจระเขม้ ีขนาดใหญ่คือ มีความยาวกว่าหน่ึงเส้น หากว่ายน้าไปเหมือนพวกบริวารอาจจะทาใหผ้ ูค้ นแตกต่ืนและตกใจกลวั จึงแปลงกายเป็นมนุษยไ์ ปนง่ั อยบู่ นตล่ิง เผอิญสองตายายพายเรือผา่ นมา ทา้ วราไพสอบถามได้ ความวา่ ตายายกาลงั จะไปทางหวั เมืองฝ่ ายใตจ้ ึงขออาศยั ไปดว้ ย ทา้ วราไพในร่างมนุษยช์ ่วยพาตายายพายเรืออยู่ ๑๐ วนั จึงถึงท่ีหมาย ก่อนจะคืนร่างกลบั เป็ นจระเข้ตามเดิมไดบ้ อกกบั ตายายวา่ หากเห็นอะไรโครมครามก็ไมต่ อ้ งตกใจกลวั ใหร้ ีบพายเรือเขา้ ไปจอดขา้ งตลิ่งและถา้ มีจระเขม้ าเพน่ พ่านใหเ้ อาขมิ้นโรยลงไปในน้า จระเขท้ ้งั หลายจะพากนั หนีไป เมื่อลาตายายแลว้ ทา้ วราไพกก็ ระโดดลงน้า กลายร่างเป็นพญาจระเขใ้ หญ่ออกอาละวาดฟาดหวั ฟาดหางอยา่ งคึกคะนอง พวกจระเขฝ้ ่ ายใตเ้ มื่อเห็นพญาจระเขใ้ หญ่มาอาละวาดแสดงอานาจในถิ่นของตน ต่างรีบไปบอกท้าวพนั ตาผูเ้ ป็ นหัวหน้า เมื่อได้พบกันพญาจระเข้ท้ังสองไม่สามารถตกลงกันได้ เพราะท้าวพนั ตาไม่ฟังเหตุผลหรือยอมเจรจาดว้ ย ในท่ีสุดจึงเกิดต่อสู้กนั อยา่ งดุเดือดถึงเจ็ดวนั เจ็ดคืน ทา้ วพนั ตาเป็ นฝ่ ายพา่ ยแพ้ถูกทา้ วราไพฟาดหางขาดและกดั คอจนตาย ทา้ วพนั วงั น้องของทา้ วพนั ตารู้ข่าวจากบริวาร รีบยกพวกมาแก้แคน้ แต่ก็ไม่อาจต่อกรกบั ทา้ วราไพได้ ขณะทา้ วพนั วงั จวนจะเพล่ียงพล้า เจา้ พอ่ องครักษเ์ ห็นวา่ จระเขใ้ นถิ่นของตนไม่อาจสู้กบั จระเข้ถิ่นเหนือได้แน่ จึงคิดช่วยเหลือโดยมาประทบั อยู่บนหัวของทา้ วพนั วงั ทาให้พญาจระเขฝ้ ่ ายใตม้ ีกาลงัวงั ชาฮึกเหิมข้ึน ทา้ วราไพไดต้ ดั พอ้ ต่อวา่ เรื่องที่เจา้ พ่อองครักษไ์ ปเขา้ กบั จระเขอ้ นั ธพาล ทา้ วพนั วงั กลบั คุย
อวดตวั วา่ ที่เก่งกลา้ น้นั ดว้ ยความสามารถของตนเองไม่ใช่มีใครที่ไหนมาช่วย เจา้ พอ่ องครักษ์เห็นว่าทา้ วพนั วงั ไม่รู้จกั บุญคุณจึงกลบั ไปอยูท่ ี่ศาลดงั เดิม เมื่อต่อสู้กนั ใหม่ทา้ วพนั วงั จึงพลาดท่าถูกทา้ วราไพฟาดดว้ ยหางจนคอขาด เม่ือชนะขา้ ศึกแลว้ ทา้ วราไพไดก้ ลบั ไปจาศีลอยู่ในถ้าทางหัวเมืองฝ่ ายเหนือถ่ินของตน และมอบตาแหน่งหวั หนา้ พญากมุ ภีร์ใหแ้ ก่ลูกชายคือ ทา้ วโคจร ปกครองบริวารต่อไป แตท่ า้ วโคจรมีนิสัยอนั ธพาลทาตวั เป็ นนกั เลงข่มเหงผูอ้ ื่นอยูเ่ สมอ วนั หน่ึงเกิดทะเลาะกบั เหล่าจระเขบ้ ริวารจึงถูกรุมกดั ตาย ทา้ วราไพไดต้ ้งั ชาละวนั ลูกชายของทา้ วโคจรเป็นพญากุมภีร์คุมเหล่าบริวารสืบต่อมา ส่วนพวกจระเข้ฝ่ ายใต้เม่ือไม่มีใครควบคุมดูแลก็ย่ิงเป็ นอนั ธพาลออกอาละวาดสร้างความเดือดร้อนใหแ้ ก่ผคู้ นหนกั กวา่ เดิม จนไม่มีใครกลา้ ลงไปอาบน้าในแมน่ ้าลาคลอง แต่ในท่ีสุด ขนุ ไกร หมอจระเขผ้ มู้ ีช่ือเสียงไดใ้ ชว้ ิชาที่เล่าเรียนมาปราบปรามจนบรรดาจระเขอ้ นั ธพาลถูกสังหารไปเป็ นจานวนมาก บรรดาจระเขท้ ้งั หลายต่างปรึกษากนั แลว้ ตกลงใจไปขอให้เจา้ พ่อองครักษ์ช่วยเหลือโดยยอมตวัเป็นขา้ เจา้ พอ่ ไดต้ ้งั กฎวา่ เมื่อจระเขต้ วั ใดหาเหยอ่ื ได้ ใหค้ าบมาชูท่ีหนา้ ศาลก่อน หากอนุญาตให้กินถึงจะกินได้ พวกจระเข้ท้ังหลายต่างปฏิบัติตามคาส่ังโดยเคร่งครัด ในคร้ังน้ันเจ้าพ่อองครักษ์ได้มอบหมายให้เจา้ ด่างจระเขข้ นาดใหญ่เป็ นหวั หนา้ คอยควบคุมเหล่าบริวาร แต่เจา้ ด่างกลบั ออกอาละวาดอยา่ งดุร้ายไม่เกรงกลวั ใคร และฮึกเหิมถึงขนาดข้ึนมากดั คนบนตลิ่ง ขนุ ไกรจึงมาทาพธิ ีปราบอีกคร้ัง แต่คราวน้ีพลาดท่าถูกเจา้ ด่างคาบกลางลาตวั พาไปชูท่ีหนา้ ศาล เจา้พอ่ องครักษส์ ัง่ ใหเ้ จา้ ด่างคาบขนุ ไกรไปส่งท่ีบา้ นดว้ ยเมตตาเกรงลูกเมียจะไม่ไดเ้ ห็นศพ บรรดาลูกเมียญาติมิตรไดห้ าหมอมารักษา แต่เน่ืองจากขนุ ไกรถึงกาลสิ้นอายขุ ยั จิ้งจกตวั หน่ึงไดแ้ อบมาเลียแผลท่ีถูกเจา้ ด่างกดั พิษจึงกาเริบจนขนุ ไกรเสียชีวิต ก่อนตายไดส้ ่ังเสียให้ภรรยาช่วยดูแล ไกรทอง ผูเ้ ป็ นลูกชาย และให้เรียนเวทมนตร์ตลอดจนวชิ าปราบจระเขเ้ หมือนกบั ตน หลายปี ต่อมาไกรทองเติบโตเป็ นหนุ่มรูปงาม พออายุได้ ๑๘ ปี ก็เรียนวิชาการปราบจระเขจ้ ากอาจารยค์ ง จนมีความเก่งกาจไม่แพข้ ุนไกรผูเ้ ป็ นบิดา บางตานานบอกว่าไกรทองบา้ นเดิมอยตู่ าบลแม่น้าออ้ ม แขวงเมืองนนทบุรี มีอาชีพล่องเรือนาสินคา้ ไปขายยงั เมืองพิจิตร และเป็ นศิษยเ์ อกเรียนวิชาอยู่กบัพระครูคงแห่งสานกั วดั พระธาตุ เมืองพจิ ิตร ในคร้ังน้นั ท่ีหมู่บา้ นดงเศรษฐี แขวงเมืองพิจิตร มีสาวโสภาสองพี่นอ้ งวยั ๑๗ และ ๑๘ ปี ซ่ึงความงามเป็นที่เลื่องลือไปทุกยา่ นทุกตาบล คือ นางตะเภาแกว้ ผูเ้ ป็นพี่ และนางตะเภาทอง ผเู้ ป็นนอ้ ง ท้งั สองเป็ นธิดาของเศรษฐีคาและคุณนายทองมา ผมู้ ง่ั คงั่ ร่ารวยท่ีสุดในเมืองพิจิตร อยมู่ าวนั หน่ึง สองสาวพี่นอ้ งชวนพวกบา่ วไพร่ลงเล่นน้าที่ท่าหนา้ บา้ น บงั เอิญพญาชาละวนั ซ่ึงเป็นจระเขม้ ีนิสัยอนั ธพาลเหมือนกบั ทา้ วโคจรผูเ้ ป็ นบิดา ไดว้ า่ ยออกมาหาเหยอื่ คร้ันเม่ือเห็นสาว ๆ ลงเล่นน้าก็แวะเขา้ ไปชมโฉมตามวิสัยจระเขเ้ จา้ ชู้ แลว้ เกิดตอ้ งใจในความงามของนางตะเภาทองอยากจะได้เป็ นภรรยา จึงแสดงตวั โผล่ข้ึนเหนือน้าใชห้ างฟาดจนเกิดเป็ นลูกคล่ืนขนาดใหญ่ บรรดาบา่ วไพร่พากนัตกใจส่งเสียงร้องและรีบหนีข้ึนฝั่ง ชาละวนั ไดท้ ีโผเขา้ ไปคาบนางตะเภาทองแลว้ พาดาดิ่งไปยงั ถ้าทองอนัเป็นที่อยขู่ องตนทนั ที
ชาละวนั แต่เดิมน้นั ก็มีภรรยาเป็ นจระเขอ้ ยแู่ ลว้ ถึงสองนางคือ วิมาลา กบั เลื่อมไลวรรณ ท้งั สามอาศยั อยใู่ นถ้าทองอยา่ งสงบสุขตลอดมา เพราะจระเขต้ วั ใดท่ีเขา้ มาในถ้าแห่งน้ีร่างจะกลายเป็นมนุษย์ และมีความอ่ิมทิพยไ์ ม่ตอ้ งกินอาหารแต่อยา่ งใด แตเ่ มื่อออกพน้ เขตถ้าไปแลว้ ร่างจะกลบั เป็นจระเขอ้ ยา่ งเดิม หลงั จากแกไ้ ขจนนางตะเภาทองฟ้ื นคืนสติแลว้ ชาละวนั ก็เก้ียวพาราสี คร้ันเห็นว่านางไม่ยอม เล่นดว้ ยจึงใชเ้ วทมนตร์สะกดทาใหต้ ะเภาทองหลงใหลยอมเป็ นภรรยาของชาละวนั นบั แต่น้นั มา แต่ก็มีเร่ืองระหองระแหงกบั นางวมิ าลาและนางเลื่อมไลวรรณอยเู่ สมอ ทางเมืองพิจิตรเศรษฐีสองสามีภรรยาเม่ือรู้วา่ นางตะเภาทองลูกสาวคนเล็กถูกจระเขค้ าบไปต่างร้องไหโ้ ศกเศร้าถึงกบั เป็นลมหมดสติ พอพวกบ่าวไพร่ช่วยกนั แกไ้ ขจนฟ้ื น ท่านเศรษฐีกร็ ีบ สั่งใหค้ นนาเรือออกไปคน้ หาศพและประกาศวา่ หากใครสามารถปราบจระเขต้ วั น้ีไดจ้ ะให้รางวลั อยา่ งงาม มีหมอจระเขม้ ากมายมาอาสาปราบ แตก่ ลบั ตอ้ งตกเป็นเหยอื่ พญาชาละวนั ไปคนแลว้ คนเล่า เศรษฐีจึงประกาศเพ่ิมรางวลั โดยจะมอบเงินให้หน่ึงพนั ตาลึง และยกนางตะเภาแกว้ ลูกสาวคนโตให้เป็ นภรรยาดงั น้ัน จึงมีหมอจระเขผ้ ูม้ ีช่ือเสียงจากเมืองต่าง ๆ มาอาสาปราบพญาชาละวนั กนั หลายคน แต่ต่างก็ตอ้ งเอาชีวติ มาทิง้ อยา่ งน่าเสียดาย ไกรทองเม่ือได้ข่าวเรื่องพญาจระเขม้ าคาบลูกสาวเศรษฐีแห่งเมืองพิจิตรไป และมีประกาศให้รางวลั อยา่ งงามสาหรับผูท้ ี่ปราบชาละวนั ได้ ก็คิดที่จะลองวิชาจึงเขา้ ไปกราบลาและขอคาแนะนาจากอาจารยข์ องตน อาจารยค์ งรู้ว่าชาละวนั ไม่ใช่จระเขธ้ รรมดา แต่เป็นพญาจระเขท้ ี่มีอานาจมากและหนงั เหนียว ใครจะฆ่าฟันอย่างไรไม่เป็ นอนั ตราย เพราะมีเข้ียวเพชรทาให้อยู่ยงคงกระพนั จึงมอบอาวุธที่สามารถทาลายอาถรรพณ์ของเข้ียวเพชรคือ หอกสัตตโลหะ และ เทียนระเบิดน้า พร้อมเส้ือยนั ต์ และลูกประคาปลุกเสกใหไ้ กรทอง หมอจระเขห้ นุ่มไดไ้ ปอาสากบั ท่านเศรษฐี เมื่อตกลงเรื่องเงินรางวลั และขอ้ สัญญากนั เป็ นท่ีเขา้ ใจดีแลว้ ไกรทองก็รับปากวา่ ในวนั พรุ่งน้ีจะเริ่มพิธีปราบพญาจระเข้ ในคืนน้นั เอง ชาละวนั นอนฝันวา่ ตนถูกเทวดาใชพ้ ระขรรคฟ์ ันร่างขาดเป็ นสองท่อน จึงเกิดร้อนใจรีบไปหาทา้ วราไพผเู้ ป็ นป่ ู ใหช้ ่วยทานาย ทา้ วราไพตรวจดูดว้ ยญาณเห็นวา่ ชาละวนั กาลงั ชะตาขาดเพราะทาความผดิ ไปคาบหญิงมนุษยม์ าเป็ นภรรยา จึงส่ังให้นาไปคืนและรีบกลบั มาถือศีลหา้ มออกจากถ้าอยา่ งเด็ดขาดในช่วงน้ี ชาละวนั ยอมถือศีลแต่ไม่ยอมนานางตะเภาทองไปคืนดว้ ยยงั อาลยั รักและหลงเสน่ห์ ความสาวความสวยของนาง ไดแ้ ต่ส่ังให้บริวารนากอ้ นหินมาปิ ดปากถ้าเพือ่ ไมใ่ หศ้ ตั รูเขา้ มาทาอนั ตรายได้ คร้ันรุ่งเช้าไกรทองต้งั ศาลบวงสรวงข้ึนท่ีท่าน้าพร้อมโอมอ่านคาถาตามวิชาที่ตนไดเ้ ล่าเรียนมาพญาชาละวนั เกิดร้อนลุ่มดว้ ยพา่ ยตอ่ อานาจเวทมนตร์จึงคืนร่างเป็นจระเขย้ กั ษท์ ลายหินปากถ้าออกมาตอ่ สู้กบั ไกรทอง พญาชาละวนั เป็นจระเขใ้ หญ่มีฤทธ์ิมาก ไม่ใช่หมูใหไ้ กรทองเถือไดง้ ่าย ๆ พอโผจากถ้าข้ึนมาเหนือน้าจอมกุมภีร์กใ็ ชห้ างฟาดโครมครามจนน้าแตกกระจายเป็นฟองเกิดลูกคลื่นขนาดใหญ่โถมเขา้ ใส่แพของ
หมอไกรทอง หมายใจให้แพท่ีต่อดว้ ยหยวกกลว้ ยแตกหรือพลิกคว่า จะไดค้ าบหมอจระเขห้ นุ่มไปกินโดยง่าย ไกรทองเห็นดงั น้นั จึงรีบกระโจนข้ึนไปบนหลงั พญาจระเขแ้ ละ แทงดว้ ยหอกสัตตโลหะของอาจารย์เป็ นคร้ังแรกที่ชาละวนั ซ่ึงเคยอยยู่ งคงกระพนั ไดร้ ับบาดเจ็บจากอาวุธของมนุษยท์ ้งั ที่ตวั เอง มีเข้ียวเพชร แต่คราวน้ีโดนแทงดว้ ยหอกซ่ึงลงอาคมลา้ งอาถรรพณ์จึงเกิดบาดแผลเหวอะหวะ ชาละวนั ตกใจส่งเสียงร้องคารามแลว้ ดาดิ่งลงสู่ใตแ้ ม่น้าทนั ที ไกรทองรีบกระโจนกลบั ข้ึนแพ ประชาชนท่ีมาดูการต่อสู้อยู่สองฟากฝั่งแม่น้าต่างส่งเสียงไชโยโห่ร้องดว้ ยความยินดี พญากุมภีร์หนีไป ขออาศยั หลบอยูท่ ี่ถ้าของผเู้ ป็ นป่ ู ทา้ วราไพเห็นวา่ ชาละวนั ไมย่ อมนานางตะเภาทองไปส่งคืน ตามท่ีบอก จึงขบั ไล่ ชาละวนั เลยตอ้ งกลบั ไปกบดานอยใู่ นถ้าทองของตนไกรทองทาพิธีปล่อยกระทงเสี่ยงทาย ดว้ ยอานาจแห่งอาคมทาให้กระทงท้งั ๓ ใบ ไปลอยวนอยู่เหนือถ้าชาละวนั หมอจระเขห้ นุ่มรีบจุดเทียนระเบิดน้าตามลงไปต่อสู้กบั ชาละวนั ถึงในถ้า ชาละวนัเพล่ียงพล้าแพต้ ่ออานาจหอกสัตตโลหะและเวทมนตร์ของไกรทองถูกแทงลม้ ลง ร่างก็ กลบั กลายเป็ นจระเขอ้ ยา่ งเดิม ไกรทองไมต่ อ้ งการสร้างบาปจึงไวช้ ีวติ แตใ่ ชย้ นั ตป์ ิ ดท่ีหวั จระเข้ ชาละวนั สะกดไว้ และออกตามหานางตะเภาทอง หมอจระเขห้ นุ่มบงั คบั ใหช้ าละวนั พามาส่งบนฝั่งคร้ันกลบั มาอยบู่ า้ น นางตะเภาทองเอาแต่นงั่ เงียบไม่ยอมพูดจากบั ใคร เศรษฐีคาสอบถามจากไกรทองได้ความว่านางถูกสะกด ตอ้ งฆ่าชาละวนั มนต์ถึงจะเสื่อม เศรษฐีก็ส่ังให้บ่าวไพร่ช่วยกนั ใช้อาวุธสงั หารพญาจระเข้ แต่ชาละวนั กไ็ ม่รู้สึกระแคะระคายหรือเจ็บปวดแมแ้ ต่นอ้ ย ไกรทองจึงจาตอ้ งฆ่าดว้ ยหอกสตั ตโลหะทา่ นเศรษฐีและภรรยาเม่ือเห็นวา่ นางตะเภาทองลูกสาวกลบั เป็นปกติเหมือนเดิมก็ดีใจ รีบจดั พิธีแต่งงานไกรทองกบั นางตะเภาแกว้ และมอบทรัพยส์ มบตั ิใหต้ ามสัญญา แถมนางตะเภาทองให้อีกคนหน่ึงซ่ึงไกรทองจอมเจา้ ชูก้ ร็ ับดว้ ยความยนิ ดีไกรทองอยู่กินกบั นางตะเภาแกว้ ตะเภาทองอย่างมีความสุขอยูช่ วั่ ระยะหน่ึง คร้ันเกิดคิดถึงความงามของนางวิมาลาภรรยาของชาละวนั ใคร่จะชมโฉมนางเล่นก็หาวิธีท่ีจะลงไปหา โดยออกอุบายอา้ งกับภรรยาชาวมนุษยท์ ้งั สองวา่ นบั แตฆ่ ่าพญาจระเขต้ ายพวกภูตผปี ี ศาจคอยมารบกวน เห็นจะตอ้ งไปหาอาจารยใ์ หช้ ่วยรดน้ามนต์ นางตะเภาแกว้ ตะเภาทองไม่รู้ทนั เล่ห์เหลี่ยมสามีก็อนุญาตไกรทองจุดเทียนระเบิดน้าลงไปหานางวิมาลาในถ้า แลว้ เก้ียวพาราสี นางจระเขห้ มา้ ยเห็นวา่ ไกรทองเป็ นผฆู้ ่าสามีของตนก็ไม่เล่นดว้ ย หมอจระเขห้ นุ่มจาตอ้ งใชเ้ วทมนตร์คาถาเขา้ ช่วยทาให้นางจระเข้หมา้ ยเกิดลุ่มหลงเคลิบเคลิ้มยอมเป็นภรรยาไกรทองแต่โดยดี คร้ันอยูก่ ินกบั นางวมิ าลาไดช้ ว่ั ระยะหน่ึงไกรทองเกิดคิดถึงนางตะเภาแกว้ ตะเภาทอง จึงออกปากชวนนางกุมภีร์ให้ไปอยู่ดว้ ยกนั บนเมืองมนุษย์ นางวิมาลาหลงเสน่ห์ไกรทองก็ยอมไปดว้ ยแตโ่ ดยดีนางวิมาลาเห็นวา่ ตนเป็ นจระเขจ้ ะมาอยกู่ ินกบั ไกรทองบนเมืองมนุษยค์ งจะไม่มีความสุข จาใจลาสามีกลบั ไปอยใู่ นถ้าทองตามเดิม นางตะเภาแกว้ ตะเภาทองช่วยกนั เอาอกเอาใจไกรทอง ให้ลืมนางวิ
มาลา แตก่ ็เพียงชวั่ ระยะหน่ึงเท่าน้นั ไกรทองเกิดคิดถึงนางวมิ าลาข้ึนมาอีก คราวน้ี ออกอุบายวา่ จะลงไปเจรจาใหน้ างหายโกรธแคน้ มิเช่นน้นั หากนางตะเภาแกว้ ตะเภาทองลงเล่นน้ากบั พวกบ่าวไพร่อาจจะถูกนางกุมภีร์มาคาบไปกิน ภรรยาท้งั สองกจ็ าตอ้ งอนุญาตอยา่ งไม่คอ่ ย เตม็ ใจนกัไกรทองจุดเทียนระเบิดน้าลงมาหานางวมิ าลาในถ้าแกว้ เลยพลอยไดน้ างเล่ือมไลวรรณ เป็ นภรรยาดว้ ยอีกคนหน่ึง และอยกู่ ินกบั นางกุมภีร์ท้งั สองเป็นเวลาเกือบปี จนนางตะเภาแกว้ ตะเภาทองตอ้ งขอร้องอาจารยค์ งใหช้ ่วยไปตามลูกศิษยต์ วั ดีกลบั คืนมาไดส้ าเร็จนางตะเภาแกว้ ตะเภาทองมีลูกกบั ไกรทองเป็ นผชู้ ายท้งั คู่ ลูกของนางตะเภาแกว้ มีชื่อวา่ ไกรแกว้ส่วนลูกของนางตะเภาทองมีช่ือว่า ไกรดา ท้งั สองไดเ้ รียนวิชาปราบจระเขจ้ ากอาจารยค์ งเหมือนกบั ไกรทอง และเมื่อเติบโตเป็นหนุ่มนอ้ ยวยั ๑๕ ปี รูปร่างหนา้ ตาของท้งั สองกห็ ล่อเหลา ไมแ่ พผ้ เู้ ป็นบิดาส่วนนางวมิ าลาเม่ือไกรทองจากมาไม่นานไดใ้ หก้ าเนิดบุตรชายมีชื่อวา่ ไกรวงศ์ นางเลื่อมไลวรรณน้นั มีบุตรชื่อวา่ ไกรเวช ท้งั สองเรียนเวทมนตร์กบั จระเขผ้ เู้ ฒ่าคือ อาจารยเ์ หรา จนมีความเก่งกลา้ สามารถกวา่ จระเขบ้ ริวารท้งั ปวง เมื่อทราบความจริงจากอาจารยว์ า่ บิดาของตนเป็นมนุษย์ ไกรวงศก์ บั ไกรเวชตา่ งชวนกนั ไปลกั พาตวั ไกรทองมาใหม้ ารดานางตะเภาแกว้ ตะเภาทองเมื่อเห็นว่าไกรทองหายไปก็บอกลูกชายให้ไปปรึกษากบั อาจารยค์ ง คร้ันรู้วา่ ถูกจระเขล้ กั พาตวั ไป ไกรแกว้ กบั ไกรดาจึงขอเทียนระเบิดน้าจากอาจารยเ์ พ่ือลงไปเอาตวั พ่อกลบั คืนมาท้งั สองต่อสู้กบั ไกรวงศแ์ ละไกรเวชอยา่ งดุเดือด นางวมิ าลาและนางเลื่อมไลวรรณเห็นลูกชายจะเพล่ียงพล้ารีบแปลงร่างกลบั เป็นนางจระเขพ้ ร้อมเรียกบริวารมาช่วยเหลือ ทาใหไ้ กรแกว้ กบั ไกรดาตอ้ งเผน่ หนีข้ึนมาขอความช่วยเหลือจากผเู้ ป็นอาจารย์อาจารยค์ งมอบจระเขอ้ าคมซ่ึงแกะจากไมใ้ หส้ องลูกศิษยใ์ ชเ้ ป็นพาหนะลงไปสู้กบั พวกกุมภีร์ใหม่อีกคร้ัง โดยมีชนกั เป็นอาวธุ ประจาตวั คนละอนั คราวน้ีไกรวงศก์ บั ไกรเวชสู้ฤทธ์ิไม่ได้ หนีไปหาผเู้ ป็นอาจารยข์ องตนบา้ ง อาจารยเ์ หราเห็นลูกศิษยถ์ ูกมนุษยท์ าร้ายมากโ็ กรธจึง พน่ น้าร้อนออกจากปากทาใหน้ ้าบริเวณน้นั เดือดพล่าน ไกรแกว้ กบั ไกรดาตอ้ งข้ึนมาตามอาจารยค์ งไปปราบ อาจารยเ์ หราสู้ไมไ่ ดก้ ห็ นีไปแต่มีจิตคิดอาฆาตหาทางแกแ้ คน้ อาจารยค์ งซ่ึงใชม้ ีดหมอ ฟันเอาจนลิ้นขาดเมื่อแกม้ นตใ์ ห้ไกรทองคืนสติแลว้ อาจารยค์ งก็พากลบั มาอยูก่ บั นางตะเภาแกว้ ตะเภาทองอยา่ งเดิมส่วนอาจารยเ์ หรากบั ไกรวงศ์ ไกรเวชตกกลางคืนไดล้ อบข้ึนมายงั เมืองมนุษยป์ ลอมตวั เป็ นคนเขา้ ไปหมายสังหารอาจารยค์ งในกฏุ ิ แต่อาจารยค์ งอยยู่ งคงกระพนั สมช่ือจึงไม่เป็ นอนั ตราย กุมภีร์ท้งั สามรีบเผน่ หนีไปและเกิดความอายที่แพม้ นุษยจ์ ึงไม่คิดจะกลบั ไปอยูใ่ นถ้าเหมือนเดิม พากนั ออกตระเวนหาคู่ไปตามลาน้านบั ต้งั แต่ท่านเศรษฐีคาผูเ้ ป็ นพ่อตาสิ้นอายุจากไปสมบตั ิท้งั หลายไดต้ กเป็ นของไกรทองท้งั หมดวนั หน่ึงคิดจะหาคู่ให้ลูกชายไดไ้ ปเจรจาสู่ขอนางสายหยดุ ลูกสาวของขนุ รามให้กบั ไกรแกว้ ซ่ึงขนุ รามกย็ กให้ดว้ ยความยนิ ดี แต่ก่อนจะถึงวนั แต่งงานนางสายหยดุ และบ่าวไพร่ลงเล่นน้า ไกรวงศ์ ลูกนางจระเขว้ ิมาลาผา่ นมาเห็นเขา้ นึกพอใจในความงามจึงคาบนางไปไวท้ ี่ถ้าของตน และพยายามเก้ียวพาราสีแตน่ างสายหยดุไมย่ อมเล่นดว้ ย
ฝ่ ายอาจารยค์ งตรวจดูดว้ ยญาณรู้วา่ อาจารยเ์ หราคูป่ รับของตนเป็ นผอู้ ยูเ่ บ้ืองหลงั เร่ืองคร้ังน้ี จึงชวนไกรทองลงไปช่วยเหลือนางสายหยดุ ไกรทองใชม้ ีดหมอแทงอาจารยเ์ หราตาย ไกรวงศก์ บั ไกรเวชยอมรับผดิ ไกรทองเห็นวา่ เป็ นลูกก็ให้อภยั พร้อมส่ังสอนให้ต้งั มน่ั อยูใ่ นคุณความดี และพานางสายหยุดกลบั เมืองมนุษย์อยูต่ ่อมาไกรวงศก์ บั ไกรเวชสองกุมภีร์หนุ่มออกไปเท่ียวเล่นถึงเมืองมิดถิลลา ไกรวงศ์ไดพ้ บกบันางฉววี รรณ ธิดาสาวของเจา้ เมืองคือ ทา้ วทศไชย และนางมาลี ผเู้ ป็นมเหสี กเ็ กิดความรักจึงไป ปรึกษากบัผเี ส้ือสมุทรซ่ึงความจริงคืออาจารยเ์ หราที่มาเกิดใหม่ ผีเส้ือสมุทรออกอุบายวา่ ตนจะข้ึนไปอาละวาดในเมืองมิดถิลลาแลว้ ให้ไกรวงศแ์ ปลงตวั เป็ นมนุษยอ์ าสาทา้ วทศไชยปราบ ตนจะแกลง้ ทาเป็นแพห้ นีไป เมื่อสาเร็จแลว้ ทา้ วทศไชยคงจะยกนางฉวีวรรณให้แต่งงานกบั ไกรวงศอ์ ยา่ งแน่นอนแต่พอถึงเวลาเขา้ จริง ๆ นอกจากไกรวงศ์ลูกของนางวิมาลาแลว้ ไกรดาลูกของนางตะเภาทองก็มาอาสาปราบและเป็ นคนสังหารผีเส้ือสมุทรจนเกิดการวิวาทกนั โดยไกรเวชลูกนางเล่ือมไลวรรณเขา้ ช่วยไกรวงศผ์ ูเ้ ป็ นพ่ีชายซ่ึงอา้ งวา่ ตนเป็ นคนขบั ไล่ผีเส้ือสมุทรไป แต่ไกรดาถือโอกาสสังหาร ทา้ วทศไชยจึงตดั สินใหไ้ กรดากบั ไกรวงศเ์ ป็นขนุ นางท้งั สองคนและไม่ไดย้ กลูกสาวให้ เป็นอนั วา่ ผเี ส้ือสมุทรตายเปล่าต่อมาไม่นานเจา้ แขกสิงหลไดข้ ่าวความงามของนางฉววี รรณธิดาทา้ วทศไชย จึงแต่งทูต มาขอเม่ือเจา้ เมืองมิดถิลลาไมย่ อมยกให้ เจา้ แขกสิงหลก็ยกกองทพั มารุกราน ทา้ วทศไชยสง่ั ให้ ไกรวงศเ์ ป็นทพัหนา้ ไกรดาเป็นทพั หลวงยกทพั ไปป้องกนัไกรวงศป์ ระมือกบั เจา้ แขกสิงหลไดไ้ ม่ทนั ไรก็แตกพา่ ยหนี ไกรดาออกสกดั ตา้ นทพั เจา้เมืองแขกสิงหลไวอ้ ย่างสุดความสามารถ แต่ขณะกาลงั รบกนั พนั ตูอยู่น้นั ไกรวงศไ์ ดฉ้ วยโอกาสยอ้ นมาลอบตดั หวั เจา้ แขกสิงหลไดส้ าเร็จ และนาไปถวายทา้ วทศไชยเอาความดีความชอบ ไกรดา จึงเกิด ขดั ใจรบกบั ไกรวงศ์อีก ทา้ วทศไชยตดั ปัญหาดว้ ยให้ไกรดาไปครองเมืองจนั ทรประเทศ ส่วนไกรวงศ์ไปครองเมืองจนั ทบุรี เรื่องราวของนิทานไกรทองซ่ึงมีผแู้ ต่งเติมในภายหลงั ก็จบลงเพยี งเทา่ น้ี ที่มา : ๕๐ นิทานไทย เรียบเรียงโดย ธนากิต พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. ๒๕๓๙
พระยากง-พระยาพาน (ตานานการสร้างพระปฐมเจดยี ์) หลายร้อยปี ล่วงมาแลว้ พระเจา้ สิการาช แห่งเมืองกาแพงแสน ไดม้ อบราชสมบตั ิใหก้ บั พระราชโอรสผทู้ รงพระนามวา่ พระยากง ปกครองบา้ นเมือง พร้อมท้งั ส่งสาสน์ไปทูลขอราชธิดาของพระเจา้ เทลเมศวร แห่งเมืองเพชรบุรี มาอภิเษกให้เป็ นพระมเหสี หลงั จากน้ันไม่นานพระเจา้ สิการาชก็เสด็จสวรรคต เมื่อทาพธิ ีถวายพระเพลิงพระบิดาเป็นที่เรียบร้อย พระยากงไดเ้ ปลี่ยนชื่อเมืองเป็นศรีวชิ ยั คร้ันเมื่อพระมเหสีทรงครรภ์จนครบกาหนดและประสูติพระโอรส หมอหลวงไดน้ าพานทอง เขา้ไปรองรับ เผอิญพระนลาฏ (หนา้ ผาก) ของพระโอรสถูกขอบพานจนเกิดแผลเป็น และเมื่อ พระยากงให้ตรวจดวงชะตาดูโหรหลวงไดท้ ูลวา่ พระโอรสเป็ นผูม้ ีบุญญาธิการแต่จะทาปิ ตุฆาต (ฆ่าบิดา) พระยากงรู้สึกโทมนสั จาตอ้ งส่ังใหน้ าพระกุมารไปทิ้งในป่ าไผน่ อกเมือง แต่ดวงชะตาของพระโอรสยงั ไม่ถึงฆาต เม่ือเหล่าทหารนาไปทิ้งแลว้ ต่างกพ็ ากนั กลบั ทนั ที บงั เอิญยายหอมซ่ึงเป็นชาวบา้ นแถวน้นั สงั เกตเห็นฝงู แร้งจบั กลุ่มกนั อยูเ่ หนือยอดไผจ่ ึงเดินไปดู พบเด็กทารกนอนร้องไห้อยใู่ นพานรู้สึกสงสารและเอ็นดูไดเ้ ก็บมาเล้ียงไวเ้ ป็ นลูกบุญธรรม โดย ต้งั ช่ือวา่ พานแตบ่ างตานานบอกวา่ พระยากงให้นาพระกุมารใส่พานทองไปลอยน้า ยายจนั ซ่ึง ปลูกบา้ นอยรู่ ิมน้าพบเขา้ คิดที่จะนามาเล้ียงไวแ้ ต่ติดที่ตนมีลูกอยูแ่ ลว้ หลายคน เลยนาไปให้ยายหอมผูเ้ ป็ นน้องสาวซ่ึงไม่มีลูกและยายหอมน้นั มีอาชีพเล้ียงเป็ ดมาต้งั แต่ยงั เป็ นสาว จนกระทง่ั ข้ีเป็ ดสูงข้ึนเป็ นโคก บริเวณน้นั จึงเรียกว่าโคกยายหอม ๑๕ ปี ต่อมา พานเติบโตเป็ นหนุ่มอยากจะออกไปเผชิญโชค ยายหอมเห็นวา่ ไม่สามารถร้ังเอาไวไ้ ด้ก็อนุญาตให้ไป พานพาสมคั รพรรคพวกเดินทางข้ึนเหนือไปฝากเน้ือฝากตวั เรียนวชิ ากบั สมภาร แห่งวดัใหญ่ เมืองสุโขทยั คร้ันเม่ืออายคุ รบ ๒๐ ปี ไดบ้ รรพชาอยสู่ องพรรษาจึงลาสิกขา อยมู่ าวนั หน่ึงเจา้ เมืองสุโขทยั สุบินนิมิตวา่ มีพานทองใบหน่ึงลอยมาจากทิศใตแ้ ละพระองค์ ทรงรับไวไ้ ด้ โหรทานายวา่ เจา้ เมืองสุโขทยั จะไดผ้ มู้ ีบุญญาธิการสูงมาอยใู่ นปกครอง ต่อมาไม่นานทิดพานพบชา้ งตกมนั เชือกหน่ึงกาลงั อาละวาดเอางาไล่แทงผคู้ นบาดเจบ็ ลม้ ตาย ควาญชา้ งไม่สามารถจบั ได้ ทิดพานจึงตอ้ งเขา้ จบั ชา้ งเชือกน้นั เอางากดไวก้ บั ดินจนชา้ งน้นั หมดฤทธ์ิ ไม่สามารถอาละวาดไดอ้ ีกต่อไป พวกกรมชา้ งรีบช่วยกนั จบั ขาชา้ งสวมปลอกผูกไวอ้ ย่างแน่นหนาแลว้ นาความเขา้ กราบทูลต่อเจา้ เมืองสุโขทยั เม่ือใหท้ หารนาตวั มาเขา้ เฝ้าและทรงเห็นวา่ ทิดพานเป็นผมู้ ีวชิ าความรู้ เจา้ เมืองสุโขทยั จึงซกั ประวตั ิความเป็นมา ทิดพานทูลวา่ ตนไดร้ ับการเล้ียงดูจากยายหอมมาจนโต เจา้ เมืองพิจารณาดูรูปร่างลกั ษณะเห็นวา่ คงไม่ใช่ลูกชาวบา้ นธรรมดาโปรดให้รับไวท้ าราชการ ทิดพานก็ต้งั ใจทางานสนองพระเดชพระคุณจนเป็ นที่พอพระทยั ต่อมาไดร้ ับการแต่งต้งั ให้ดารงตาแหน่งมหาอุปราชและเป็ นแม่ทพั ไปตีเมืองศรีวิชยั ของพระยากง ซ่ึงกาลงั เป็นเมืองท่ีแข่งบารมีกบั เมืองสุโขทยั อยใู่ นเวลาน้นั เม่ือพระยากงเห็นขา้ ศึกยกทพั มาล้อมเมืองพร้อมมีสาสน์มาทา้ ชนช้างจึงรีบยกพลออกไปต่อสู้ระหวา่ งทางเกิดเหตุอาเพศเป็ นเครื่องบอกลางร้ายหลายประการ เช่น พระยากงรู้สึกลมหายใจติดขดั ท้งั ซ้าย
ขวา และขณะยกกองทพั ออกจากเมืองน้นั ปรากฏว่า เทวดาบนั ดาลให้ก่ิงโพธ์ิขนาดใหญ่ หักลงมาทบั ทหารลม้ ตายไปหลายคน เม่ือชา้ งทรงของพระยากงประจนั หนา้ กบั ชา้ งของพระยาพาน พระยากงมีเชิงรบท่ีเหนือกวา่ จึงไดท้ ีฟันของ้าวเข้าใส่ พระยาพานเอ้ียวหลบคมง้าวพลาดไปถูกหมวกทาให้พระยากงมองเห็นแผลเป็ นที่หนา้ ผากของพระยาพานก็หวนราลึกถึงพระโอรสจนเผลอเหม่อลอย พระยาพานเห็นไดท้ ีรีบฟันดว้ ยของา้ วจนพระเศียรของพระยากงขาดกระเด็น เหล่าทหารต่างเสียขวญั พากนั หลบหนี เขา้ เมือง หลงั จากยดึ เมืองศรีวิชยั ไดแ้ ลว้ และเห็นว่าเหล่าเสนาอามาตยต์ ่างยอมสวามิภกั ด์ิพระยาพาน จึงให้อยู่ในตาแหน่งต่อไป จากน้ันได้เสด็จไปยงั ที่อยู่ของพระมเหสีและเหล่านางสนมกานัลของพระยากงเพื่อจะดูว่ามีปฏิกิริยาเช่นไร เทวดาผมู้ ีหนา้ ที่รักษามหาปราสาทเกรงจะเกิดเร่ืองอุบาทวข์ ้ึน เพราะพระยาพานเป็ นโอรสของพระมเหสีและพระยากง จึงแปลงเป็ นแมวสองแมล่ ูกไปนอนขวางอยทู่ ่ีประตู พระยาพานไมท่ นั สังเกตเลยเดินขา้ มไป ลูกแมวก็พูดกบั แม่วา่ เขาคงเห็นเราเป็ นเพียงสัตวเ์ ดรัจฉานถึงกลา้ ทาเช่นน้ี แม่แมวตอบวา่แมแ้ ต่แม่ของเขาเขายงั คิดจะเก้ียวพาราสี นบั ประสาอะไรจะมาสนใจสัตวอ์ ยา่ งเรา พระยาพานไดฟ้ ังดงั น้นัรู้สึกประหลาดใจ จึงต้งั สัตยาธิษฐานวา่ หากพระมเหสีของ พระยากงเป็ นพระมารดาของตน ขอให้มีน้านมไหลออกมาซ่ึงกเ็ ป็นจริงตามคาอธิษฐานทุกประการ พระยาพานรู้สึกโศกเศร้าเสียใจท่ีตอ้ งทาปิ ตุฆาตเพราะไม่ทราบความจริง นึกโกรธยายหอม ท่ีไม่ยอมบอกเร่ืองราวเก่ียวกบั ชาติกาเนิดเดิมให้ทราบ มีรับส่ังให้เสนานาตวั ยายหอมไปประหาร บริเวณที่ประหารยายหอมน้นั ตอ่ มาไดช้ ่ือวา่ โคกยายหอม (คงจะประหารตรงโคกที่ยายหอม เล้ียงเป็ดจนข้ีเป็ ดกองสูงเป็ นโคกตามท่ีกล่าวไวใ้ นตอนแรก) ส่วนตรงท่ีกิ่งโพธ์ิหกั น้นั ไดช้ ่ือวา่ บา้ นโพธ์ิหกั และจุดท่ีชนชา้ งน้นั ไดช้ ่ือวา่ ตาบลถนนฆาฏ อยูต่ ่อมาพระยาพานรู้สึกไม่สบายใจคิดใคร่ครวญถึงเหตุการณ์ที่ตนทาลงไปว่าเป็ นสิ่ง ไม่ถูกตอ้ ง ดว้ ยก่อนถูกประหารยายหอมไดเ้ ล่าถึงเหตุการณ์ตอนท่ีไปพบพระยาพานอยใู่ นพานทองและทาท่าแร้งให้ดู ที่ตรงน้นั ต่อมาไดช้ ่ือวา่ ตาบลท่าแร้ง เมื่อรู้ว่าไดก้ ระทาความผิดอย่างใหญ่หลวง เพราะฆ่าผูม้ ีพระคุณซ่ึงชุบเล้ียงมาต้งั แต่วยั เด็กและประหารพระบิดาผูใ้ ห้กาเนิด พระยาพานจึงปรึกษากบั เหล่าเสนาอามาตยไ์ ดร้ ับคาแนะนาวา่ ควรสร้างพระเจดียส์ ูงชว่ั นกเขาเหิน เพ่ือเป็ น การไถ่บาป (บางตานานบอกวา่ ไดร้ ับคาแนะนาจากพระอรหนั ต์ ๕ องคท์ ่ีธุดงคม์ า) พระยาพานรีบเกณฑไ์ พร่พลและใชเ้ วลาก่อสร้างอยูร่ าว ๑๐ เดือน พระสถูปเจดียข์ นาดใหญ่จึงแลว้เสร็จ หลงั จากทาพิธีสมโภชเจ็ดวนั เจ็ดคืนแล้ว พระยาพานได้แต่งพระราชสาสน์พร้อม เคร่ืองบรรณาการไปยงั เมืองสุโขทยั พระยาพานไดค้ รองเมืองศรีวชิ ยั อยเู่ ป็ นเวลา ๑๒ ปี ก็สวรรคต เน่ืองจากไม่มีพระโอรสหรือพระธิดาทาให้ไม่มีรัชทายาทปกครองต่อ เจา้ เมืองสุโขทยั ยกทพั มาทอดพระเนตรเห็นศรีวิชยั กลายเป็ นเมืองร้างเกิดความเศร้าสลดจึงโปรดให้ยกทพั กลบั ระหว่างทางพบภูมิประเทศแห่งหน่ึงมีชยั ภูมิเหมาะสมไดโ้ ปรดให้สร้างเมืองข้ึนเพื่อให้พระยาสายทอง ราชโอรสปกครองและแบ่งไพร่พลให้อยู่สร้างเมืองสองพนั คน เมืองน้นั จึงไดช้ ื่อว่า เมืองสองพนั บุรี (ต่อมาน่าจะกลายเป็ นเมืองสุพรรณบุรี) ส่วนเจา้ เมืองสุโขทยั ไดก้ ลบั ไปครองอาณาจกั รของพระองคต์ ามเดิม
บางตานานบอกวา่ พระยากงน้นั เป็นเจา้ เมืองนครชยั ศรี และเม่ือโตเป็นหนุ่มยายหอมไดน้ าพระยาพานไปฝากใหอ้ ยใู่ นปกครองของเจา้ เมืองราชบุรี ซ่ึงเป็นเมืองข้ึนของนครชยั ศรี ต่อมา พระยาพานรับอาสาเจา้ เมืองราชบุรียกกองทพั มาตีเมืองนครชยั ศรีจนไดร้ ับชยั ชนะ ส่วนพระเจดีย์ ท่ีสร้างน้นั ต่อมาได้ช่ือว่า พระปฐมเจดีย์ และพระยาพานไดส้ ร้างเจดียอ์ ีกแห่งหน่ึงใกลก้ บั เจดียแ์ ห่งแรก เพ่อื เป็นการราลึกถึงคุณยายหอมท่ีเล้ียงดูมา คือ พระประโทณเจดีย์ ซ่ึงเจดียแ์ ห่งน้ีมีรูปยายหอมอุม้ พระยาพานไวม้ ือหน่ึงอีกมือหน่ึงถือไมเ้ รียวอยตู่ รงริมบ่อเล้ียงเป็ด ส่วนสถานที่ยายหอมถูกฟัน หวั ขาดน้นั ไดช้ ื่อวา่ ถนนขาด นบัแต่น้นั มา ที่มา : ๕๐ นิทานไทย เรียบเรียงโดย ธนากิต พิมพ์คร้ังแรก พ.ศ. ๒๕๓๙ โสนน้อยเรือนงามคร้ังหน่ึง ณ นครนพรัตน์ อนั มีทา้ วกาลศึก และพระนางประไพ ผเู้ ป็ นพระมเหสีปกครองบา้ นเมืองดว้ ยความสงบสุข อยมู่ าวนั หน่ึงพระโอรสรูปงามของท้งั สองพระองคซ์ ่ึงมีนามว่า พระวจิ ิตรจินดาถึงคราวเคราะห์ เกิดความร้อนรุ่มกลุม้ พระทยั จึงทูลลาพระบิดาพระมารดา ไปประพาสป่ าระหวา่ งทางไดเ้ สดจ็ ข้ึนไปประทบั นง่ั พกั บนแท่นหินและเกิดสิ้นพระชนมโ์ ดย ไม่ทราบสาเหตุโหรไดท้ านายวา่ พระโอรสเคยสร้างกรรมไวใ้ นชาติก่อนดว้ ยการประหารพญานาค ตายไป๗ วนั ในชาติน้ีพญานาคตวั น้นั ไดแ้ ทรกแผ่นดินข้ึนมาคายพิษไวบ้ นแท่นหิน ทาให้ เจา้ ชายวิจิตรจินดาตอ้ งสิ้นพระชนมไ์ ป ๗ ปี เม่ือพน้ เคราะห์แลว้ ก็จะกลบั ฟ้ื นข้ึนมาใหม่ ดว้ ยความช่วยเหลือของพระธิดาของกษตั ริยต์ ่างเมืองซ่ึงเคยเป็นเน้ือคูก่ นั มาช่วยรักษาให้ทา้ วกาลศึกจึงส่ังให้นาพระศพของพระโอรสไปไวบ้ นพลบั พลาในอุทยาน และบนบาน รุกขเทวดาใหช้ ่วยคุม้ ครองรักษาพระโอรสไวใ้ นช่วงระยะเวลา ๗ ปีอนั เน้ือคู่ของพระวิจิตรจินดา คือ พระธิดาของทา้ วหศั วิชยั และพระนางเกษณี แห่งนคร- โลมวิไสย (บางตาราว่าช่ือนครโรมวิสัย) ซ่ึงนอกจากจะเป็ นผูม้ ีพระสิริโฉมงดงามเกินกว่าหญิงใดในแผ่นดินแลว้ เวลาประสูติยงั มีของมหศั จรรยส์ ่ิงหน่ึงติดมาด้วย คือ เรือนทองหลงั นอ้ ยซ่ึงสร้างจากไมโ้ สนอยา่ งวจิ ิตรงดงาม พระธิดาจึงมีสร้อยตอ่ ทา้ ยพระนามเป็น โสนนอ้ ยเรือนงามเรือนทองวิเศษหลงั น้ี นอกจากผเู้ ป็นเจา้ ของก็ไม่มีใครสามารถเขา้ ไปอยูอ่ าศยั ได้ เพราะ เป็นของคู่บุญบารมี ขา้ งในมีหอ้ งหบั ท่ีไดร้ ับการตกแต่งอยา่ งงดงามดงั วิมานของเหล่าทวยเทพ พร้อมขา้ ทาสบริวารและพนกั งานประโคมดนตรี เวลาตอ้ งการเขา้ ไปขา้ งในเจา้ หญิงโสนนอ้ ย เพยี งพนมมืออธิษฐานเรือนนอ้ ยจะขยายใหญข่ ้ึนเป็นที่อศั จรรย์คร้ันเจริญวยั ได้ ๑๕ พรรษา เจา้ หญิงโสนนอ้ ยก็ตอ้ งทุกขล์ าภ คือ โหรทูลทานายวา่ พระธิดาน้นั จะไดพ้ บกบั เน้ือคู่ซ่ึงเป็นคนตาย นบั วา่ เป็ นกาลกิณีต่อบา้ นเมือง ตอ้ งเสด็จออกไปอยปู่ ่ าจนกวา่ จะพน้ เคราะห์เพื่อเห็นแก่ความสงบสุขของอาณาประชาราษฎร์ พระธิดาจึงเสด็จออกจากเมือง ไปตามลาพงั โดยไม่ไดน้ าเรือนทองวิเศษติดไปดว้ ย ร้อนถึงพระอินทร์ตอ้ งเหาะลงมาให้การช่วยเหลือ โดยแปลงร่างเป็ น
ชีปะขาวเพ่อื นายาวเิ ศษซ่ึงสามารถรักษาคนตายใหฟ้ ้ื นคืนชีพข้ึนมาไดม้ อบใหแ้ ก่ เจา้ หญิงโสนนอ้ ยเรือนงาม พระธิดาด้นั ดน้ เดินทางผา่ นป่ าเขาลาเนาไพรไปอยา่ งไม่รู้จุดหมาย จนวนั หน่ึงไดพ้ บศพ นางกุลาหญิงกาพร้าหน้าตาอปั ลกั ษณ์ซ่ึงเขา้ มาเก็บฟื นในป่ าแลว้ ถูกงูกัดตาย ด้วยความสงสารและตอ้ งการจะทดลองประสิทธิภาพของยาวเิ ศษ เจา้ หญิงโสนนอ้ ยเรือนงามไดท้ าการรักษาใหก้ บั นางกุลา ปรากฏวา่นางกลบั ฟ้ื นคืนชีพข้ึนมาไดอ้ ยา่ งมหศั จรรย์ จึงขอติดตามเป็นขา้ รับใชเ้ จา้ หญิงเพ่อื ทดแทนบุญคุณ ท้งั สองเดินทางมาจนถึงเมืองนพรัตน์ ไดท้ ราบเรื่องของเจา้ ชายวิจิตรจินดา พระธิดาจึงรับอาสาทาการรักษา เหล่านางพ่ีเล้ียงกานลั ซ่ึงเฝ้าพระศพอยู่ในอุทยาน เห็นตอ้ งตามคาทานายของโหรจึงรีบไปทูลความตอ่ ทา้ วกาลศึก เจา้ หญิงโสนนอ้ ยขอใหก้ ้นั ม่าน ๗ ช้นั บนพลบั พลาท่ีพระวิจิตรจินดาบรรทมอยู่ โดยสั่งมิให้ผใู้ ดเขา้ ไปภายใน ก่อนทาพิธีเจา้ หญิงทรงสรงน้าแลว้ สวมเครื่องทรงกษตั ริยท์ ี่นามาดว้ ย ต่อจากน้ันจึงใชย้ าวิเศษณ์ชโลมให้เจา้ ชายวิจิตรจินดา ทาให้ไอพิษพญานาคคายออกจนเจา้ หญิงเกิดร้อนรุ่มพระวรกาย จึงถอดเครื่องทรงฝากไวก้ บั นางกุลาแลว้ ลงไปสรงน้าอีกคร้ัง นางกุลาเกิดหลงใหลในรูปโฉมของเจา้ ชายวิจิตรจินดา คิดจะสวมรอยแทนเจา้ หญิงโสนนอ้ ย- เรือนงามจึงนาเคร่ืองทรงท่ีรับฝากไวม้ าสวมใส่ ขณะเอายาเขา้ ไปชโลมใหอ้ ีกคร้ังเจา้ ชายก็ฟ้ื นคืนสติข้ึนมา นางกุลาไดแ้ อบอา้ งวา่ ตนเป็ นผูร้ ักษาให้ ฝ่ ายเจา้ หญิงโสนนอ้ ยเรือนงามไดย้ ินเสียงดนตรีประโคมจึงทราบว่าบดั น้ีเจา้ ชายฟ้ื นแลว้ รีบมาทวงถามเคร่ืองทรงจากนางกุลา กลบั ถูกนางมารร้าย ดุด่าตู่วา่ เจา้ หญิงเป็ นคนรับใชข้ องตน เจา้ หญิงเห็นวา่ เสียรู้คนเนรคุณเขา้ แลว้ จึงจาตอ้ งน่ิงเงียบยอมรับเพ่ือท่ีจะหาหนทางแกไ้ ขในภายหนา้ ทา้ วกาลศึกและพระนางประไพรวมท้งั เจา้ ชายวจิ ิตรจินดา เห็นรูปร่างหนา้ ตาบวกกบั อากปั กิริยาของนางกุลาแลว้ ก็ใหน้ ึกสงสยั วา่ ไมน่ ่าจะใช่พระธิดาของกษตั ริยต์ า่ งเมืองดว้ ยวา่ ... รูปน้ันดากายา ผิวเนือ้ คลา่ ดานกั หนา เหมือนเงาะในพนา ผมนนั้ หยิกย่งุ ยิ่งครัน .............................. ............................... ผดิ กบั เจา้ หญิงโสนนอ้ ยตวั จริงท่ีตอ้ งกลบั กลายเป็นคนใช้ ซ่ึง... เหมือนจันทร์ ทรงกลด หมดเมฆเมฆา งามรับพกั ตรา ลักษณาสมทรง เนตรสมคมขา รับเกศาดา สองเต้าคือบง- กชเต่งเคร่ งครั ด ศอทัดคอหงส์ ผิวเนือ้ นวลผะจง ดุจเคลือบสุวรรณ ................ นางกลุ าเห็นสามกษตั ริยม์ ีความเคลือบแคลงในตนดงั น้นั จึงไดแ้ กต้ วั วา่ ... พลดั พรากเวยี งไชย เดินในพนา
ต้องแสงแดดกล้า เนือ้ คลา้ ดาไป เม่ือยงั ไม่มีขอ้ พิสูจน์จึงตอ้ งรับนางกุลาไวใ้ นตาแหน่งวา่ ท่ีสะใภห้ ลวง โดยจดั ตาหนกั ใหพ้ กั เพ่อื รอฤกษย์ ามทาการอภิเษกสมรส ทา้ วกาลศึกและพระนางประไพตอ้ งการที่จะไดห้ น่อเน้ือ เช้ือกษตั ริยท์ ่ีแทจ้ ริง จึงจดั ให้มีการสมโภชข้ึนก่อน แลว้ มีรับส่ังให้เจา้ หญิงโสนนอ้ ยเรือนงาม หรือนางกุลาท่ีปลอมมาทาบายศรีถวาย ดว้ ยเห็นวา่ หากนางเป็ นพระธิดาต่างเมืองจริงก็ยอ่ มมีความรู้ความสามารถในงานของกุลสตรีชาววงั นางกุลาไหนเลยจะทาไดจ้ ึงนาขา้ วของเครื่องใช้สาหรับทาบายศรีโยนทิ้งทางหน้าต่างดว้ ยความโมโห เจา้ หญิงโสนน้อยเรือนงามซ่ึงบดั น้ีตอ้ งกลายเป็ นคนรับใช้ถูกสั่งให้คอยเล้ียงเป็ ดเล้ียงไก่ อยใู่ ตถ้ ุนตาหนกั ไม่ไดพ้ บปะกบั ผคู้ น จึงเก็บของเหล่าน้นั มาประดิษฐ์เป็นบายศรี ๗ ช้นั อยา่ งสวยงาม ทาขวญั เป็ ดไก่เล่นเพ่ือคลายเหงา นางกุลามาเห็นเขา้ จึงรีบชิงไปถวายทา้ วกาลศึกษาอยา่ งยินดี แลว้ รบเร้าให้เร่งจดัวนั อภิเษก เจา้ ชายวิจิตรจินดานึกราคาญและคิดหาทางหลีกเล่ียงจึงทูลลาพระบิดาพระมารดาไปประพาสทางทะเล โดยสั่งให้นางกลุ ายอ้ มผา้ ผกู หวั เรือถวาย นางกุลาก็ทาไม่ไดอ้ ีกตามเคย จึงนาผา้ แพรและสียอ้ มไปทิ้ง เจา้ หญิงโสนนอ้ ยเรือนงามเก็บรวบรวมมาซกั ยอ้ มอยา่ งสวยงาม นางกุลาเห็นเขาจึงชิงไปถวายเอาหนา้ มิหนาซ้ายงั แกลง้ ทุบตีเจา้ หญิงดว้ ยความริษยา เหล่านางกานลั ไดย้ นิ จึงรีบมาหา้ มปรามนางกลุ า เม่ือเจา้ ชายวิจิตรจินดาสั่งให้ออกเรือ ปรากฏว่าลูกเรือไม่สามารถถอนสมอข้ึนได้ ตน้ หนซ่ึงเป็ นผูด้ ูแลเร่ืองทิศทางการเดินเรือทูลว่า เป็ นเพราะผูม้ ีบุญญาธิการในวงั ตอ้ งการของฝากสาคญั เจา้ ชายวิจิตรจินดาจึงให้เหล่าเสนาอามาตยไ์ ปสอบถามบรรดาขา้ หลวงนางกานลั ท้งั หลาย วา่ มีผูใ้ ดประสงคจ์ ะฝากซ้ือสิ่งไรก็จงจดมา พระองคจ์ ะซ้ือประทานให้ ในคร้ังน้นั นางกุลาไดส้ ่งั ซ้ือ... “แหวนมะก่ัวที่หัวเมด็ มะกลา่ ท้ังแดงดาสุกดีสีสัณฐาน กระบงุ ใหญ่ท่ีใส่สาแหรกคาน ให้ ภูบาลจัดหามาให้ ดี” คร้ันเหล่าเสนาอามาตยท์ ี่ตามเสด็จไปจดมาจนครบแลว้ เจา้ ชายจึงสั่งใหอ้ อกเรืออีกคร้ัง แต่ก็ยงั ไม่สามารถนาสมอข้ึนได้ ทาใหเ้ ป็ นท่ีสนเทห่ ์ พระพ่ีเล้ียงจึงนึกข้ึนไดว้ า่ ยงั มีนางทาสคนรับใช้ ของเจา้หญิงโสนนอ้ ยเรือนงามหรือนางกุลาปลอมอยคู่ นหน่ึงจึงพากนั ไปหา เจา้ หญิงโสนนอ้ ยตวั จริงไดท้ ูลขอในสิ่งซ่ึงแปลกประหลาดกวา่ ผอู้ ่ืน คือ... “โสนน้ อยเรื อนงามตามประเทศ ทุกขอบเขตเวยี งชัยเท่ียวไต่ถาม ใครมขี ายอย่ทู ี่ไหนถ้าได้ความ ซื้อมาตามคาฉันจานรรจา”
เม่ือเจา้ ชายรับปากวา่ จะซ้ือเรือนทองหลงั น้อยที่ทาจากไมโ้ สนมาฝากนางทาส ลูกเรือก็สามารถถอนสมอข้ึนไดโ้ ดยง่าย เดินทางกลางทะเลอยู่ ๑๕ วนั เทวดาก็ช่วยบนั ดาลให้ลมพายุพดั ไปเขา้ อ่าวเมืองโรมวิไสย เจา้ ชายวิจิตรจินดาจึงเขา้ เฝ้าทา้ วหัศวิชยั ประทบั เป็ นพระราชอาคนั ตุกะอยูใ่ นเมืองครบ ๗ วนัเม่ือเห็นวา่ หาซ้ือของฝากไดค้ รบแลว้ ก็ทูลลากลบั บา้ นเมือง ปรากฏว่าถอนสมอ ไม่ข้ึนอีกตามเคย จึงนึกข้ึนมาไดว้ า่ ยงั ไม่ไดห้ าซ้ือโสนนอ้ ยเรือนงามไปฝากนางทาส ใหน้ างขา้ หลวงไปเท่ียวเสาะหา ชาวเมืองตา่ งกพ็ ากนั น่ิงเงียบไม่ยอมพูดถึง ดว้ ยเป็นของสูงมีแต่เฉพาะในพระราชวงั เจา้ ชายวจิ ิตรจินดาจึงเขา้ เฝ้าทา้ วหศั วิชยั อีกคร้ัง ทูลเล่าเรื่องที่หาโสนนอ้ ยเรือนงามไปฝากนางทาสไม่ได้ทาให้ถอนสมอเรือไม่ข้ึน ท้าวหัศวิชัยได้ฟังดงั น้ันจึงรีบถามถึงรูปร่างหน้าตาของ นางทาสพจิ ารณาแลว้ เช่ือมนั่ วา่ เป็ นพระธิดาและยงั มีชีวติ อยอู่ ยา่ งปลอดภยั ก็ดีพระทยั สง่ั ใหน้ า โสนนอ้ ยเรือนงามมอบใหแ้ ก่เจา้ ชาย โดยฝากอามาตยส์ องคนใหโ้ ดยสารไปกบั เรือเพือ่ สืบข่าว พระธิดาในเมืองนพรัตน์ เจา้ ชายวิจิตรจินดาเมื่อไปถึงบา้ นเมืองของพระองคแ์ ลว้ ไดต้ รัสให้นางทาสซ่ึงเป็ นหญิงรับใช้ของนางกุลามาเฝ้าพร้อมประทานโสนน้อยเรือนงามเป็ นของฝาก พระองค์สังเกตจากอากปั กิริยาของสองอามาตยท์ ่ีติดตามมาจากเมืองโรมวิสัยก็แน่พระทยั วา่ นางคือเจา้ หญิงโสนนอ้ ยเรือนงาม องค์จริง รีบนาความไปกราบทูลตอ่ พระบิดาพระมารดา และในคืนน้นั เองเจา้ ชายก็เสดจ็ ลงไปหา เจา้ หญิงเสดจ็ เขา้ ไปอยู่ในเรือนวเิ ศษ เจา้ ชายไดอ้ ธิษฐานวา่ หากแมพ้ ระองคเ์ ป็ นคู่ของนางก็ขอให้เสด็จเขา้ ไปในเรือนวิเศษได้ พลนั ลิ่มกลอนประตูก็หลุดออกเป็นท่ีอศั จรรย์ เจา้ ชายวิจิตรจินดาจึงเสดจ็ เขา้ ไปหาเจา้ หญิงโสนนอ้ ย-เรือนงาม จนรุ่งเชา้ นางกุลาตามหาเจา้ หญิงไมพ่ บ เห็นเรือนไมห้ ลงั นอ้ ยงดงามต้งั อยูไ่ ดย้ นิ เสียงคนพูดคุยกนั จึงจดั การทุบทาลายแต่เรือนวเิ ศษก็หาเป็ นอะไรไม่ นางกุลาไดแ้ ตต่ ะโกนด่าวา่ เจา้ หญิงตามนิสัยไพร่จนเจา้ ชายตื่นจึงให้มีการสอบสวน คร้ันไดค้ วามตามเป็ นจริงแลว้ จึงส่ังให้นานางกุลาไปประหาร แต่เจา้ หญิงโสนนอ้ ยเรือนงามเกิดความสงสารจึงขอชีวติ ไวใ้ หน้ างเป็นขา้ ทาสรับใชต้ ามเดิม ทา้ วกาลศึกและพระนางประไพจึงจดั พิธีอภิเษกสมรสใหแ้ ก่เจา้ ชายวิจิตรจินดาและเจา้ หญิงโสนน้อยเรือนงามให้อยู่ครองรักกนั อย่างมีความสุข หลงั จากน้นั เจา้ ชายก็พาเจา้ หญิงกลบั ไปเย่ียมบา้ นเมืองเพื่อใหไ้ ดพ้ บกบั พระบิดาพระมารดา แต่ระหวา่ งทางเรือตอ้ งพายใุ หญจ่ นอบั ปางลง กลางมหาสมุทรท้งั สองจึงตอ้ งพลดั พรากจากกนั เจา้ หญิงโสนนอ้ ยเรือนงามลอยไปข้ึนฝั่งอนั เป็ นท่ีอยขู่ องเงาะสองสามีภรรยาช่ือวา่ พนั ลี กบั นางวนันา ซ่ึงถูกเสือกดั นอนตายอยูด่ ว้ ยกนั เจา้ หญิงสงสารจึงใชย้ าวิเศษชุบชีวติ ให้ ท้งั สามเดินทางไปดว้ ยกนั จนพบกบั พระยายกั ษใ์ หญ่ผมู้ ีนามวา่ ทา้ วจตุภกั ตร์ ซ่ึงหลงรักเจา้ หญิงจึงลกั พาตวั ไปขงั ไวใ้ นสวนหลวง ฝ่ ายเจา้ ชายวจิ ิตรจินดาซ่ึงพระฤๅษีช่วยไวไ้ ดต้ ิดตามมาช่วยเหลือเจา้ หญิงโสนนอ้ ย-เรือนงามและสังหารทา้ วจตุภกั ตร์ตาย เจา้ หญิงก็เกิดเมตตาจึงช่วยชุบชีวิตให้อีก ทาให้พระยายกั ษส์ านึกในบุญคุณกลบั กลายมาเป็ นมิตรของเจา้ หญิงและเจา้ ชาย เม่ือเจา้ หญิงโสนนอ้ ยเสด็จกลบั มาถึงเมืองนพรัตนไ์ ดไ้ มน่ านก็ทรงครรภ์ นางกุลาซ่ึงยงั คิดคดอยู่ตลอดเวลาหาโอกาสกลนั่ แกลง้ โดยเอางูเห่าใส่กล่องแลว้ หลอกว่าเป็ นกล่องจนั ทน์หอม ให้นาไปถวาย
เจ้าชายวิจิตรจินดา พอเจ้าชายเปิ ดออกเห็นงูเห่าจึงทรงพิโรธขบั ไล่เจ้าหญิงออกจากวงั โดยมีนางกุลาติดตามไปดว้ ย ท้งั สองไดไ้ ปพบกบั ป่ ูเจา้ ซ่ึงแนะนาใหเ้ จา้ หญิงไปชุบตวั ในบ่อทอง แต่นางกลุ าฉวยโอกาสผลกั ให้เจา้ หญิงตกลงไปในบ่อน้าคลกั ทาใหก้ ลายเป็ นหญิงอปั ลกั ษณ์ ส่วนนางคนใจคดรีบชุบตวั ในบอ่ ทองกลายร่างเป็นสาวสวยไปในพริบตา เจา้ หญิงและนางกุลาไดไ้ ปอาศยั อยใู่ นกระทอ่ มของ สองตายาย วนั หน่ึงบุตรชายของเศรษฐีชื่อวา่ วไิ ลย มาพบนางกุลาซ่ึงชุบตวั ใหม่แลว้ เกิดหลงรัก จึงรับนางเป็นภรรยา ซ่ึงนางกุลาก็ไดน้ าเจา้ หญิงไปอยูด่ ว้ ยในฐานะคนรับใช้ และทาการกลนั่ แกลง้ ต่าง ๆ นานา แมเ้ มื่อเจา้ หญิงประสูติพระโอรสนางกุลาก็ยงั นาไปถ่วงน้า แต่เทวดาได้ช่วยไว้และนามามอบให้พระฤๅษีเล้ียงดูพระโอรสน้นั พระฤๅษีไดใ้ หน้ ามวา่ พระไพรวนัฝ่ ายเจา้ ชายวจิ ิตรจินดาคร้ันหายโกรธก็นึกไดว้ า่ ทารุนแรงเกินกวา่ เหตุ จึงออกติดตามหา เจา้ หญิงโสนนอ้ ยเรือนงาม ขณะเสด็จผา่ นเมืองของทา้ วศรีวลิ าส ไดช้ ่วยรบกบั ยกั ษท์ ่ีมารุกรานจน ไดช้ ยั ชนะ ทา้ วศรีวิลาสจึงยกพระธิดาเกษสุวรรณใหแ้ ต่งงานกบั เจา้ ชาย ต่อมาเจา้ ชายไดอ้ อกติดตามหา เจา้ หญิงโสนนอ้ ยเรือนงามจนไดพ้ บกบั พระโอรสคือเจา้ ชายไพรวนั ท้งั สองไดช้ ่วยกนั ออกติดตามหาเจา้ หญิงจนพบจึงนาตวั นางกลุ ามาสอบสวน แตน่ างกลุ ากลบั ปากแขง็ จนถึงวาระสุดทา้ ยของชีวติ กย็ งั ไม่ยอมรับความจริง เม่ือนางใจคดรับผลกรรมท่ีก่อไวแ้ ลว้ เจา้ ชายวจิ ิตรจินดาจึงพาเจา้ หญิงโสนนอ้ ยเรือนงามและเจา้ ชายไพรวนั พระโอรสไปปกครองเมืองนพรัตนอ์ ยา่ งมีความสุขนบั แตน่ ้นั มา ที่มา : ๕๐ นิทานไทย เรียบเรียงโดย ธนากิต พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. ๒๕๓๙
ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ ลงช่ือ ________________________ (ผบู้ ริหารสถานศึกษา) (นายวนิ ยั คาวเิ ศษ) ______ /_______ /______
บันทึกหลงั การสอนผลการจัดการเรียนการสอน__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ปัญหา/อปุ สรรค__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________แนวทางแก้ไข__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ ลงช่ือ__________________ (ผบู้ นั ทึก) (นางสาวอรณัญช์ พลนิกร) _____/_____/_____
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ นิทานพืน้ บ้าน แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๔ นทิ านพื้นบ้านภาคตะวนั ออกและภาคใต้ ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี ๑ เวลา ๑ ชั่วโมงมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย อยา่ งเห็นคุณคา่ และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง ตัวชี้วดั ท ๕.๑ ม. ๑/๑ สรุปเน้ือหาวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วดั ๑. สรุปเน้ือเรื่องนิทานพ้นื บา้ นที่อ่าน (K) ๒. วเิ คราะห์สภาพสงั คม วฒั นธรรม และขอ้ คิดท่ีไดจ้ ากนิทานพ้ืนบา้ น ภาคตะวนั ออกและภาคใต้ (P) ๓. เห็นความสาคญั ของการศึกษานิทานพ้ืนบา้ นภาคตะวนั ออกและภาคใต้ เพื่อเรียนรู้วฒั นธรรมทอ้ งถิ่น (A) สาระสาคญั ภูมิประเทศของภาคตะวนั ออกและภาคใตส้ ่วนใหญต่ ิดทะเล มีชายหาด เกาะ และภูเขา เร่ืองราวของนิทานพ้นื บา้ นจึงมกั อธิบายที่มาของสถานท่ีเหล่าน้นั และสะทอ้ นวถิ ีชีวติ ของผคู้ น ท่ีอยใู่ กล้ทะเล สาระการเรียนรู้ นิทานพ้นื บา้ นภาคตะวนั ออกและภาคใต้ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขียน
- ทกั ษะการฟัง การดู และการพูด ๒. ความสามารถในการคิด - การใหเ้ หตุผล - การวเิ คราะห์ - การประยกุ ต/์ การปรับปรุง - การสรุปความรู้ - การประเมินค่า ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประส รักความเป็ นไทย ตวั ช้ีวดั ที่ ๗.๑ ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ วฒั นธรรมไทย และมี ความกตญั ญูกตเวที ตวั ช้ีวดั ที่ ๗.๒ เห็นคุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ตวั ช้ีวดั ที่ ๗.๓ อนุรักษแ์ ละสืบทอดภูมิปัญญาไทย ชิ้นงานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน ร่องรอยแสดงความรู้) - คาถามท้าทาย นิทานพ้นื บา้ นเป็นมรดกทางวฒั นธรรมของคนไทยเพราะเหตุใดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ให้นกั เรียนสังเกตและช่วยกนั อธิบายลกั ษณะภูมิประเทศของภาคตะวนั ออกและภาคใตจ้ าก แผนที่ประเทศไทย ๒. ใหน้ กั เรียนแบง่ เป็น ๒ กลุ่ม จบั ฉลากชื่อนิทานพ้ืนบา้ น ดงั น้ี กลุ่มที่ ๑ เรื่อง ตาม่องล่าย (ภาคตะวนั ออก) กลุ่มที่ ๒ เรื่อง เกาะหนูเกาะแมว (ภาคใต)้ ๓. ใหน้ กั เรียนอา่ นนิทานที่แตล่ ะกลุ่มไดร้ ับ ช่วยกนั จบั ใจความและสรุปเน้ือเร่ือง พร้อมท้งั ดูภาพสถานที่จริงประกอบ
๔. ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มช่วยกนั สรุปเหตุการณ์สาคญั และวาดภาพตามลาดบั เน้ือเรื่องเหล่าน้นั เพื่อใชป้ ระกอบการเล่านิทาน จากน้นั คดั เลือกผทู้ ่ีมีความสามารถในการเล่านิทานกลุ่มละ ๑ คน ฝึ กซ้อม เล่านิทานประกอบภาพ ๕. ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนที่คดั เลือกไวพ้ ร้อมผูช้ ่วยถือภาพออกมาเล่านิทานประกอบ ภาพหน้าช้ันเรียน ทุกคนร่วมกันฟังและจบั ใจความเน้ือเร่ือง พร้อมท้งั ประเมินการเล่านิทาน ครูช่วย แนะนาเพิ่มเติม ๖. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั วเิ คราะห์สภาพสงั คม วถิ ีชีวติ และวฒั นธรรมท่ีปรากฏในเน้ือเรื่อง ๗. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั วิเคราะห์ขอ้ คิดที่ไดจ้ ากนิทาน และอภิปรายพฤติกรรมของตวั ละครตา่ ง ๆ วา่ เหมาะสมหรือไม่ และควรปฏิบตั ิอยา่ งไร ๘ ใหน้ กั เรียนจบั คู่นิทานพ้ืนบา้ นกบั เร่ืองราวท่ีเก่ียวขอ้ ง และวเิ คราะห์ความสาคญั ของนิทาน พ้นื บา้ นแตล่ ะเร่ือง ๙. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี ภูมิประเทศของภาคตะวนั ออกและภาคใตส้ ่วนใหญ่ติดทะเล มีชายหาด เกาะ และภูเขา เร่ืองราวของนิทานพ้ืนบา้ นจึงมกั อธิบายที่มาของสถานท่ีเหล่าน้นั และสะทอ้ นวิถีชีวิตของผูค้ นที่อยู่ใกล้ ทะเล ๑๐. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี นิทานพ้ืนบา้ นเป็นมรดกทางวฒั นธรรมของคนไทยเพราะเหตุใดการจดั บรรยากาศเชิงบวก ใหน้ กั เรียนอ่านนิทานและถ่ายทอดจินตนาการดว้ ยภาพวาด และการเล่านิทาน ประกอบภาพเพื่อ เพมิ่ ความสนุกสนาน ช่วยจดจาเน้ือเรื่องไดแ้ มน่ ยา ส่งเสริมความร่วมแรง ร่วมใจในการทางาน สื่อการเรียนรู้ ๑. แผนท่ีประเทศไทย ๒. ฉลาก ๓. นิทานพ้ืนบา้ น การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑. วธิ ีการวดั และประเมินผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงานของนกั เรียน
๒. เครื่องมือ ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์การประเมิน ๑) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน ๒) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรุงกจิ กรรมเสนอแนะ ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่มคน้ ควา้ และรวบรวมนิทานพ้ืนบา้ นภาคตา่ ง ๆ จดั ทาเป็ นเล่มวาดภาพประกอบ และตกแต่งใหส้ วยงาม นาไปไวท้ ่ีมุมหนงั สือหรือหอ้ งสมุด สาหรับใหน้ กั เรียนช้นั อื่น ๆ ท่ีสนใจไดอ้ า่ น
ความรู้เพมิ่ เตมิ สาหรับครู ตาม่องล่ายณ บริเวณหมู่บา้ นอ่าวนอ้ ย มีสองสามีภรรยาคือ ตาม่องล่ายและยายราพึง ท้งั สองมีลูกสาวสวยชื่อนางยมโดย เป็ นที่หมายปองของบรรดาชายหนุ่ม โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ เจา้ ลายและเจา้ กรุงจีน เจา้ ลายซ่ึงเป็ นบุตรของเจา้ เมืองเพชรบุรีไดน้ าของไปให้ยายราพึงเสมอ ๆ ทาให้ยายราพึงพอใจ ส่วนเจา้ กรุงจีนก็มกั จะแวะนาของไปให้ตาม่องล่าย ทาให้ตาม่องล่ายพอใจเช่นกนั ต่อมาเจา้ ลายไดใ้ ห้ผูใ้ หญ่ไปสู่ขอนางยมโดย บงั เอิญขณะน้นั ตาม่องล่ายไม่อยูบ่ า้ น ยายราพึงซ่ึงพอใจเจา้ ลายอยแู่ ลว้ ก็ตกลงยกให้ ฝ่ ายเจา้ กรุงจีนกต็ ิดตอ่ สู่ขอนางยมโดยจากตามอ่ งล่าย ตามอ่ งล่ายไดต้ กลงยกให้โดยไม่ไดป้ รึกษายายราพงึ ท้งั สองฝ่ ายได้กาหนดนดั หมายใหม้ ีพิธีแต่งงานในวนั เดียวกนั โดยบงั เอิญ เมื่อถึงกาหนดเจา้ ลายและเจา้ กรุงจีนกย็ กขบวนขนั หมากมา ท้งั ตามอ่ งล่ายและยายราพงึ ตกใจ ไมท่ ราบวา่ จะทาอยา่ งไร ต่างก็กล่าวโทษกนั และกนั ทะเลาะววิ าทกนั รุนแรง พลางหยิบขา้ วของขวา้ งปากนั ยายราพึงฉวยไดห้ มวกก็ขวา้ งหมวกไปยงั ตาม่องล่าย หมวกลอยไปตกริมหาดประจวบกลายเป็นเขาช่ือเขาลอ้ มหมวก ตาม่องล่ายควา้ กระบุงขวา้ งยายราพึงกระบุงลอยไปตกเป็นเกาะกระบุงในจงั หวดั ตราด ยายราพึงหยิบไดง้ อบก็ขวา้ งงอบไปท่ีตาม่องล่ายอีก งอบกระเด็นไปตกเป็ น แหลมงอบในจงั หวดั จนั ทบุรี ตาม่องล่ายควา้ สากขวา้ งตอบไป สากปลิวไปโดนเกาะแห่งหน่ึงทาให้เกาะทะลุ เกาะน้นั เลยไดช้ ่ือวา่ เกาะทะลุ และสากก็ไปตกเป็นเกาะสาก ยายราพึงโมโหมากวิ่งจนหมดแรงและไปนอนเฉย กลายเป็นเขาใหญ่ช่ือเขาแม่ราพึงที่อ่าวบางสะพานใหม่ ตาม่องล่ายโกรธจดั เลยจบั ยมโดยฉีกเป็ นสองซีก แลว้ โยนซีกหน่ึงไปทางเจา้ ลาย ไปตกเป็ นเกาะนมสาวท่ีบา้ นบางปูในอาเภอปราณบุรี อีกซีกหน่ึงโยนไปทางเจา้ กรุงจีนไปตกเป็ นเกาะนมสาวในจงั หวดั ชลบุรี ตาม่องล่าย ได้โยนหมากพลูและสิ่งต่าง ๆ กระจายไปตกในที่ต่าง ๆ พลูไปตกกลายเป็ นหอยพลูมวน หมากตกไปกลายเป็ นเกาะหมาก ขนมจีนตกเป็ นสาหร่ายทะเล ปูทอดตกลงไปเป็ นปูหิน กระจกส่องหน้าของนางยมโดยลอยไปติดที่เขากลายเป็นเขาช่องกระจก ตะเกียบไปตกกลายเป็นเขาตะเกียบที่อาเภอ หวั หิน จานก็ตกเป็นเกาะจาน อยูห่ นา้ อ่าวคลองวาฬ เคร่ืองเพชรพลอยตกลงไปเป็ นหอยดาว หอยทบั ทิม แมวไปตกกลางทะเลกลายเป็ นเกาะแมว ที่อาเภอสวี จงั หวดั ชุมพร เจา้ ลายเสียใจตาย ไปเป็ นเขาเจา้ ลายส่วนตาม่องล่ายก็รู้สึกเสียใจมาก ไปนง่ั ดื่มเหลา้ และดื่มเกินขนาด จนในท่ีสุดกลายเป็ นภูเขาช่ือเขาตาม่องล่ายจนกระทง่ั ทุกวนั น้ี เอกสารอ้างองิประพฒั น์ ตรีณรงค.์ นิทานโบราณวตั ถุสถาน. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พเ์ ล่ียงเซียง, ๒๕๐๓.สณั ห์ ภาวติ . นิทาน ๔ ภาค ภาคกลางและภาคตะวนั ออก. สิวรี ิยาสาส์น จดั พิมพ,์ ๒๕๓๙. ประคอง นิมมานเหมนิ ท์ เรียบเรียง ที่มา : สารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ภาคกลาง
เกาะหนูเกาะแมว เกาะหนูเกาะแมว เป็ นนิทานประเภทอธิบายสถานที่ซ่ึงปรากฏอยู่หน้าแหลมสมิหลา อนั เป็ นสัญลกั ษณ์สาคญั ของจงั หวดั สงขลา สรุปเร่ืองไดด้ งั น้ี นานมาแล้วมีพ่อคา้ จีนคนหน่ึงคุมเรือสาเภาเดินทางคา้ ขายแถบชายทะเลจากเมืองจีนมาถึงเมืองสงขลา เมื่อขายสินคา้ จนหมดแลว้ ก็จะซ้ือสินคา้ จากสงขลาบรรทุกสาเภากลบั ไปขายเมืองจีน ปฏิบตั ิอยู่เช่นน้ีเป็ นเนืองนิจ วนั หน่ึงเมื่อขายสินคา้ หมดแล้วก็เขา้ เมืองสงขลา เพื่อซ้ือสินคา้ กลบั ไปขายเมืองจีนระหว่างที่เดินซ้ือสินคา้ อยูน่ ้นั พ่อคา้ ไดเ้ ห็นหมากบั แมวคู่หน่ึงมีรูปร่างหน้าตาน่าเอ็นดู จึงขอซ้ือหมากบัแมวคู่น้นั เอาลงเรือไปดว้ ย ฝ่ ายหมากบั แมวเม่ือลงไปอยู่ในเรือนาน ๆ ก็เกิด ความเบ่ือหน่าย และอยากจะกลบั ไปอย่บู า้ นที่สงขลา จึงปรึกษากนั หาวิธีการท่ีจะกลบั บา้ น หมาไดบ้ อกกบั แมววา่ พอ่ คา้ เรือสาเภาน้นั มีดวงแกว้ วเิ ศษสาหรับกนั จมน้า หากใครไดไ้ วจ้ ะวา่ ยน้าไปไหน ๆ ก็ไมจ่ มน้า แมวจึงคิดอุบายที่จะไดแ้ กว้ วเิ ศษน้นั โดยไปข่มขหู่ นูใหข้ โมยแกว้ วเิ ศษของพอ่ คา้ มาให้โดยท่ีหนูขอหนีข้ึนฝั่งไปดว้ ย คร้ันเรือเดินทางมาถึงเมืองสงขลาอีกคร้ังหน่ึง หนูก็ลอบเขา้ ไปลกั เอาดวงแกว้ ของพ่อคา้ มา โดยอมเอาไวใ้ นปาก แลว้ ท้งั สามหนีลงจากเรือว่ายน้าจะไปข้ึนที่ฝั่งหน้าเมืองสงขลาขณะท่ีวา่ ยน้ามาดว้ ยกนั หนูซ่ึงวา่ ยน้าอยขู่ า้ งหนา้ กน็ ึกข้ึนไดว้ า่ ดวงแกว้ ที่ตนเอาไวใ้ นปากน้นั มีค่ามหาศาลเม่ือถึงฝ่ังหมากบั แมวกค็ งจะแยง่ กนั เอาไป จึงคิดที่จะหนีหมากบั แมวข้ึนฝ่ังไป ตามลาพงั จะไดค้ รอบครองดวงแกว้ เป็ นสมบตั ิของตนตลอดไป แต่แมวซ่ึงวา่ ยน้าตามหลงั หนูมาก็คิดอย่างเดียวกนั กบั ที่หนูคิด ก็วา่ ยน้าตรงร่ีเขา้ ไปหาหนู ฝ่ ายหนูเห็นแมวตรงเขา้ มากต็ กใจ นึกวา่ แมวเขา้ มาจะตะปบจึงวา่ ยน้าหนีสุดแรง และไม่ทนั ระวงั ตวั ดวงแกว้ วเิ ศษที่อมไวใ้ นปากก็ตกลง จมหายไปในน้า เม่ือดวงแกว้ จมน้าไปแลว้ ท้งั หนูและแมวต่างก็หมดแรงไมอ่ าจจะวา่ ยน้าตอ่ ไปได้ สัตวท์ ้งั สองจึงจมน้าตายกลายเป็นเกาะหนูเกาะแมว อยทู่ ่ีอ่าวหนา้ เมืองสงขลา ส่วนหมาก็ตะเกียก-ตะกายวา่ ยน้าไปจนถึงฝั่ง ดว้ ยความเหน็ดเหนื่อยหมาจึงขาดใจตายกลายเป็ นหินเรียกว่า เขาตงั กวน อยู่ริมอ่าวสงขลา ส่วนดวงแกว้ วิเศษที่หล่นจากปากของหนู ก็แตกแหลกละเอียดเป็นหาดทราย เรียกกนั วา่ หาดทรายแกว้ อยทู่ างดา้ นเหนือของแหลมสนยนื่ ออกไปในอา่ วสงขลา จงั หวดั สงขลา (พทิ ยา บุษรารัตน์) ท่ีมา : สารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ภาคใต้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103