Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการห้องสมุดประชาชนอำเภอปง ประจำปีงบประมาณ 2563

โครงการห้องสมุดประชาชนอำเภอปง ประจำปีงบประมาณ 2563

Description: โครงการห้องสมุดประชาชนอำเภอปง ประจำปีงบประมาณ 2563

Search

Read the Text Version

ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอปง สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จังหวดั พะเยา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร



ก คำนำ ห้องสมุดประชาชนอำเภอปง ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอปง ได้จดั โครงการ พอ.สว.เคลอ่ื นที่ กศน.นำความร้สู ู่ชุมชน ประจำปี 2563 ขึน้ โดยการจัดกจิ กรรมรว่ มกบั หน่วยแพทย์ เคลือ่ นท่ี พอ.สว.จงั หวัดพะเยา เพอ่ื ส่งเสรมิ การอ่านและการเรียนรทู้ ่เี กิดขึ้นในชมุ ชนพ้นื ที่ห่างไกล โดยมี หอ้ งสมดุ ประชาชน กศน.ตำบล และ ศศช. ในพน้ื ท่ี เปน็ กลไกในการขับเคลื่อนการเสรมิ สร้างการรกั การอา่ น ตลอดจนเสรมิ สร้างภาคเี ครอื ข่ายใหท้ ุกภาคสว่ นมีส่วนร่วมในการสง่ เสรมิ นิสัยรกั การอ่านของชุมชนได้อย่าง ย่ังยืน หวังเป็นอยา่ งยิ่งวา่ เอกสารรายงานผลการดำเนนิ งานฉบบั น้ีจะเปน็ ประโยชน์สำหรบั ผทู้ ี่สนใจ จะได้ ศกึ ษาค้นควา้ ต่อไป ( นางสาววรรณนดิ า จำรสั ) บรรณารกั ษ์อตั ราจา้ ง ก

ข หนา้ ก สารบญั ข 1 เร่ือง คำนำ 2 สารบญั บทที่ 1 บทนำ 8 - ความเปน็ มาและความสำคัญ 9 - วตั ถปุ ระสงค์ 13 - ขอบเขตของโครงการ บทที่ 2 เอกสารทเ่ี กย่ี วข้อง - ประวตั คิ วามเป็นมา (พอ.สว.) - วตั ถปุ ระสงคข์ องมลู นิธแิ พทย์อาสา สมเดจ็ พระศรนี ครินทราบรมราชชนนี - ภารกจิ ที่สำคัญของมูลนธิ ิ - ความสำคญั ของการอ่าน บทที่ 3 วิธดี ำเนินการ - กล่มุ เปา้ หมาย - ขน้ั ตอนดำเนินการ - กจิ กรรม บทที่ 4 ผลทีเ่ กดิ ข้นึ บทที่ 5 สรปุ และอภิปราย ภาคผนวก - ภาพกิจกรรม - โครงการ

บทที่ 1 บทนำ 1. ความเป็นมาและความสำคัญ การสร้างนิสัยรักการอ่านให้แก่เด็กและเยาวชนเป็นเร่ืองสำคัญ เพราะการอ่านเป็นทักษะ ที่จำเป็นสำหรบั การศึกษาหาความรู้ควบค่กู ับทักษะอ่นื การอา่ นเป็นพืน้ ฐานที่สำคัญของการเรียนรู้และการพัฒนา สติปัญญาของคนในสังคม ท้ังนี้ทางห้องสมุดประชาชนอำเภอปงจึงได้นำนโยบายเพิ่มอัตราการอ่านของประชาชน จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ ผลักดันให้เกิดห้องสมุดสู่การเป็นห้องสมุดเสมือนจริงต้นแบบ เพ่ือพัฒนาใหประชาชนสามารถรับรูขอมูลขาวสารท่ีถูกตอง ทันเหตุการณ นําความรูที่ไดรับไปใชปฏิบัติจริง ในชีวิตประจําวัน การอ่านยังช่วยพัฒนาความสามารถ พฤติกรรมและค่านิยม ต่าง ๆ รวมทั้งช่ วยใน การเปล่ียนแปลงการดำเนินชีวิตพัฒนาไปสู่ส่ิงท่ีดีที่สุดของชีวิต การอ่านจึงมีความสำคัญต่อเด็กและเยาวชน เปน็ อยา่ งยิ่ง ห้องสมุดประชาชนอำเภอปง สังกัดศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอปง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอ่านที่เป็นจุดบ่มเพาะและสร้างนิสัยรักการอ่าน การเรียนรู้ท่ีเกิดข้ึน ในชุมชน ในพื้นท่ีอำเภอปง จึงได้จัดทำโครงการพอ.สว.เคล่ือนที่ กศน.นำความรู้ สู่ชุมชน ประจำปี 2562 ขึ้น ร่วมกับหน่วยแพทย์เคล่ือนที่ พอ.สว.จังหวัดพะเยา เพ่ือส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ที่เกิดข้ึนในชุมชนพื้นท่ี ห่างไกล โดยมีห้องสมุดประชาชน กศน.ตำบล และ ศศช. ในพื้นที่ เป็นกลไกในการขับเคล่ือนการเสริมสร้าง การรักการอ่าน ตลอดจนเสริมสร้างภาคีเครือข่ายให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของ ชมุ ชนไดอ้ ยา่ งยั่งยืน 2. วัตถปุ ระสงค์ 2.1 เพือ่ ส่งเสรมิ ปลูกฝังนิสัยรกั การอา่ นให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนท่ัวไป 2.2 เพ่ือเพ่ิมโอกาสและชอ่ งทางการรับรู้และเรยี นรู้ใหก้ ับเยาวชนในทอ้ งถ่ินหา่ งไกลในชนบท 2.3 เพ่อื เพ่ิมความหลากหลายในด้านการบริการของงานห้องสมุดและตอบสนองความต้องการของ ผใู้ ช้บริการ 3. ขอบเขตของโครงการ ห้องสมุดประชาชนอำเภอปง สังกัดศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอ ปง ได้จัดโครงการพอ.สว.เคลื่อนท่ี กศน.นำความรู้สู่ชุมชน ข้ึนเพ่ือเพิ่มความหลากหลายในการให้บริการของ งานห้องสมุด ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านเพิ่มช่องทางการรับรู้และเรียนรู้ให้กับเยาวชนในท้องถิ่นห่างไกลในชนบท ในเขตพนื้ ที่ อำเภอปง เข้าร่วมกจิ กรรม จำนวน 150 คน 1

บทที่ 2 เอกสารท่ีเกี่ยวข้อง มูลนธิ แิ พทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี หรือทีเ่ รยี กกนั ย่อๆ ว่า พอ.สว. เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2512 โดยมีจุดมุ่งหมายในการให้บริการทางสาธารณสุขแก่ประชาชนในท้องถิ่น ทรุ กนั ดารห่างไกลรวม 48 จังหวัด มลู นิธิแพทย์อาสาสมเด็จ พระศรีนครนิ ทราบรมราชชนนี (พอ. สว.) ประวัติความเป็นมา หน่วยแพทยอ์ าสาสมเดจ็ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) เป็นหน่วยแพทย์ท่ีสมเด็จพระ ศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงก่อต้ังเม่ือ พ.ศ.2512 ปฏิบัติงานโดยอาสา สมัคร ประกอบด้วย แพทย์ ทันตแพทย์ เภสชั กร พยาบาล เจา้ หนา้ ที่ สาธารณสขุ และอาสาสมคั รสายสนบั สนุนออก ไปให้การ รกั ษาพยาบาลประชาชนใน ท้องถิน่ ทุรกนั ดาร หลงั จากที่เสดจ็ ฯเยย่ี มราษฎรตามพ้ืนทชี่ นบทห่างไกลนับ ตั้งแต่ พ.ศ.2507 เป็นต้นมา ทรงพบว่า ราษฎรเหล่านั้น เม่ือเจ็บป่วย ไม่มีโอกาสได้รับการรักษา จากแพทย์แผนปัจจุบัน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้หน่วยแพทย์เคล่ือน ที่โดย เสด็จฯเสมอ ต่อมา พ.ศ.2516 ได้ทรงเร่ิมนำระบบการส่อื สารทาง วทิ ยุรับ-สง่ มาใชใ้ นการให้คำปรกึ ษาและ รกั ษาผปู้ ว่ ย ซึ่ง เรียกว่า \" แพทย์ทาง อากาศ\" หรือต่อมาเรยี กว่า \"แพทยท์ างวทิ ย\"ุ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเล็งเห็นว่า กิจการและการดำเนินการให้ความ ช่วยเหลือประชาชนในด้านการ แพทย์และสาธารณสุข ประสบผลและเป็นคุณ ประโยชน์อย่างมหาศาล จึงทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุน ทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 1 ล้าน บาท เป็นทุน แรกเร่ิมจดทะเบียนตั้ง เป็นมูลนิธิ \"แพทย์อาสาสมเด็จ พระศรีนครินทรา บรมราชชนนี( พอ.สว.) \" เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2517 โดย พระองค์เป็นนายิกากิตติมศักดิ์หลังจากเสด็จสวรรคต เม่ือวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2538 สมเด็จพระเจ้าพี่ นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ ทรงดำรงตำแหน่งประธาน กิตติมศักดิ์ สืบต่อมา จนถงึ ปจั จุบัน จงั หวัด พอ.สว. ปจั จุบัน มูลนิธิ พอ.สว ดำเนินกิจกรรมใน 51 จังหวัด พอ.สว.โดยการแบ่งเขต ตามเขตการตรวจ ราชการของกระทรวงสาธารณสุข ดังน้ี เขต 2 นครนายก เขต 3 ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีณบุรี สระแก้ว ตราด จันทบรุ ี ระยอง เขต 4 ราชบรุ ี กาญจนบุรี เพชรบรุ ี ประจวบครี ขี นั ธ์ เขต 5 นครราชสีมา ชัยภมู ิ บุรรี มั ย์ สุรินทร์ เขต 6 ขอนแก่น เลย หนองคาย อุดรธานี สกลนคร หนองบัวลำภู เขต 7 อบุ ลราชธานี อำนาจเจรญิ นครพนม มกุ ดาหาร ศรสี ะเกษ ยโสธร เขต 8 ตาก เขต 9 พิษณุโลก เพชรบูรณ์ น่าน อุตรดติ ถ์ เขต10 เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แมฮ่ อ่ งสอน เขต11 นครศรธี รรมราช สรุ าษฎรธ์ านี ชุมพร ระนอง พังงา ภูเกต็ กระบี่ เขต12 สงขลา พทั ลุง ตรงั สตูล ยะลา ปตั ตานี นราธวิ าส 2

วัตถปุ ระสงคข์ องมลู นธิ ิแพทยอ์ าสาสมเด็จ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี (พอ. สว.) 1. จัดหาและส่งเสริมให้แพทย์และเจ้าหน้าท่ีอาสาสมัครทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคปฏิบัติ เพ่ือช่วยเหลือให้การรักษาพยาบาล ป้องกันโรคส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพอนามัย ของประชาชนและเจ้าหน้าท่ี ในทอ้ งถน่ิ ทุรกนั ดารหรอื ห่างไกลคมนาคม หรอื ทอ้ งถน่ิ ท่คี ณะกรรมการกำหนด 2. จัดให้มีการรกั ษาพยาบาลผูป้ ว่ ยในท้องถน่ิ ทุรกันดาร โดยสง่ั การรกั ษาทางเครื่องมอื สือ่ สาร 3. รว่ มมอื กับส่วนราชการและองค์กรการกุศลอื่นๆเพื่อสาธารณประโยชน์ 4. ดำเนนิ การอนื่ ๆเพ่ือบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ของมลู นิธิฯ 5. ไม่ดำเนนิ การเกี่ยวขอ้ งกับการเมอื ง กิจกรรมของมลู นธิ ิ พอ.สว. 1.งานหน่วยแพทย์เคลื่อนท่ี พอ.สว.จัดหาอาสาสมัครสายการแพทย์และสาธารณสุขและ สายสนับสนุน ไปปฏิบัติงานรักษา ป้องกัน ส่งเสริมและฟ้ืนฟูสุขภาพอนามัย ของประชาชนและเจ้าหน้าท่ี ในท้องถ่นิ ทุรกนั ดารหา่ งไกลคมนาคม หรือในพืน้ ท่ที ่ีมีปัญหาสาธารณสขุ ใน 51 จงั หวดั พอ.สว. 2.งานรักษาเฉพาะโรคที่มูลนิธิ พอ.สว.กำหนด ให้การรกั ษาโรคต่างๆ โดยการผ่าตัด ได้แก่ ตาต้อ กระจก ปากแหว่ง เพดานโหว่ ปลูกแก้วหูเทียม ใส่กายอุปกรณ์ แขน-ขาเทียม ฟันคุด หัวใจรูห์มาติกและหัวใจ พิการมาแตก่ ำเนดิ และโรคไต ซ่งึ มภี าวะไตวายข้นั สดุ ท้าย และการรกั ษาด้วยการเปล่ียนไตจากผ้ทู ี่ยงั มชี วี ติ อยู่ 3.งานฝึกอบรม แบ่งเป็นการฝึกอบรมตามแผนงานของจังหวัด พอ.สว. และการฝึกอบรม ซงึ่ สำนกั งานมูลนธิ ิ พอ.สว.เปน็ ผดู้ ำเนินการ 4.งานทันตสาธารณสขุ พอ.สว. แบ่งเป็น 4.1 กิจกรรมในวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ วันท่ี 21 ตุลาคม ให้การสนับสนุนด้วย การหาอาสาสมคั รทนั ตบคุ ลากรจากสว่ นกลางใหแ้ กจ่ ังหวดั พอ.สว. เพ่อื ออกปฏบิ ัตงิ านทนั ตบรกิ าร 4.2 กิจกรรมทันตกรรมเคล่ือนท่ี พอ.สว. จัดส่งรถทันตกรรมเคลื่อนที่ จำนวน 2 คัน ออกปฏิบัติการ คันละ 9 เดือนไปยังจังหวัด พอ.สว. เพื่อสนับสนุนการให้บริการด้านทันตกรรมแก่ประชาชนซึ่ง อย่ใู นทอ้ งถ่ินทีข่ าดแคลนทันตแพทย์ 4.3 กิจกรรมเฝ้าระวังทางทันตสุขภาพในนักเรียนช้ันประถมศึกษาโรงเรียนตำรวจ ตระเวนชายแดน 174 โรงเรยี น ตามแนวสาธารณสุขมูลฐาน 5.โครงการสนับสนุนโครงการพัฒนาดอยตุงด้านสาธารณสุข ให้บริการด้ านสาธารณสุข แก่ข้าราชการ และลกู จ้างท่ีปฏิบัติงานในโครงการฯ และประชาชนท่พี ักอาศยั อยใู่ นบรเิ วณโครงการพฒั นาดอยตุง 6.โครงการทดลองแพทย์ทางโทรศัพท์ พอ.สว.ให้การรักษาพยาบาล และช่วยเหลือผู้ป่วยที่อยู่ ในท้องถิ่นทุรกันดารห่างไกล โดยใช้โทรศัพท์เป็นเคร่ืองมือในการติดต่อแพทย์ เพ่ือสั่งการรักษาแก่ผู้ป่วยซึ่งมารับ บริการท่สี ถานีอนามยั 7.กิจกรรมถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตสมเด็จพระศรีนคริน ทราบรมราชชนนี วันที่ 18 กรกฎาคม ได้แก่ การออกหน่วยแพทย์เคล่ือนที่ในจังหวัด พอ.สว. การรณรงค์รักษา สุขภาพปากและฟนั การรณรงค์รกั ษาโรคต่างๆด้วยการผา่ ตัด เชน่ โรคตาตอ้ กระจก และโรคปากแหว่ง เพดานโหว่ ฯลฯ 8. กิจกรรมเพ่ือโดยเสด็จพระราชกุศลเน่ืองในวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจา้ ฟา้ กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนรานวิ าสราชนครินทร์ ในวันที่ 6 พฤษภาคม ได้แก่ การออกหน่วยแพทย์เคลื่อนท่ี ในจังหวัด พอ.สว. การรณรงค์รักษาโรคต่างๆด้วยการผ่าตัด เช่น โรคตาต้อกระจก และโรคปากแหว่ง เพดานโหว่ ฯลฯ ที่มา http://www.thaidentist.com/pmmv/ ภารกิจท่สี ำคญั ของมลู นิธิฯ ได้แก่ 3

1. การจัดหน่วยแพทย์และบุคลากรทางด้านสาธารณสุขจากส่วนกลางหรือโรงพยาบาล ในจังหวัดใหญ่ๆ เดินทางเข้าสู่หมู่บ้าน ตำบล และอำเภอที่อยู่ในท้องถ่ินห่างไกลและทุรกันดาร เพื่อช่วยเหลือ ทำการตรวจโรครักษาโรค มอบยา รักษาโรค ตลอดจนให้คำแนะนำในการปฏิบัติตวั ในระหว่างเจบ็ ป่วย การปฏิบัติ ตวั เพอื่ ปอ้ งกนั โรคตา่ งๆ และคำแนะนำในด้านสุขศกึ ษา โภชนาการ ทนั ตสาธารณสขุ และอนื่ ๆ อีกมากมาย 2. การจัดให้มีโครงการแพทย์ทางอากาศ โดยการติดต้ังเครื่องส่งและเคร่ืองรับวิทยุทางอากาศ เพ่ือเป็นอุปกรณ์ให้บุคลากรสายสาธารณสุขที่ประจำอยู่ตามสถานีอนามัยต่างๆ ท่ีขาดแพทย์ปฏิบัติงานประจำ ได้ติดต่อโดยตรงกับแพทย์ประจำจังหวัด หรือประจำโรงพยาบาลไดเ้ ม่ือมีผู้ป่วยท่ีอยู่ห่างไกลเกิดเจ็บป่วยกะทันหัน สามารถได้รับการตรวจและได้รับการบำบัดรักษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมโดยไม่ต้องเสียเวลาหรือค่าใช้จ่าย ในการเดนิ ทาง 3. การจัดสง่ แพทยผ์ ู้เช่ยี วชาญสาขาตา่ งๆ ออกสชู่ นบทเปน็ ทีมเพือ่ ให้การรกั ษาโรคเฉพาะดา้ น 4. ให้บริการทางด้านทันตกรรม โดยการจัดทันตแพทย์ออกดูแลสุภาพในช่องปากของประชาชน ทวั่ ประเทศอยเู่ ปน็ ประจำ ด้วยพระเมตตา และมหากรุณาธิคุณ ท่ีสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ได้พระราชทาน แก่วิชาชีพทันตแพทยศาสตร์ และทันต บุคลากรท้ังปวง ได้ประจักษ์ถึงน้ำพระทัยอันเปี่ยมไปด้วย พระเมตตา ทุกคนต่างมีความจงรักภัคดี ต่อพระองค์ท่านอย่างสุดซ้ึง จึงพร้อมใจกันถวายพระราชสมัญญา แก่ พระองค์เป็น \"พระมารดาแห่งการทันตแพทย์ไทย\" และทรงเป็นตัวอย่างของบุคคล ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อมวล มนุษย์ มคี วามมงุ่ ม่นั อุตสาหะอย่างต่อเนื่อง มิท้อถอย และไมไ่ ด้หวังสง่ิ ตอบแทนใดๆ เมื่อ พ.ศ. 2529 ซึ่งเป็นปีท่ีพระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษา 86 พรรษา เหล่าแพทย์บุคลากรพร้อมใจ กันสมัครเป็นอาสาสมัคร พอ.สว. เพ่ือ รณรงค์ทางทันตสาธารณสุขข้ึนในพ้ืนท่ี 48 จังหวัด เพ่ือถวายเป็นพระราช กุศลและเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี จึงเป็นกิจกรรมท่ีรณรงค์กันอย่าง ต่อเน่ืองและได้ขยายการรณรงคไ์ ปท่ัวประเทศ ดังน้ัน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีการลงมติเม่ือวันท่ี 4 กรกฎาคม 2532 ให้วันท่ี 21 ตุลาคม อันเป็น วันคล้ายวันพระราชสมภพ เป็นวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ เพ่ือสน องพระราชประสงค์ท่ีจะให้บริการ ทนั ตสาธารณสขุ เขา้ ถงึ ประชาชนในถ่นิ ทุรกนั ดาร มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (Princess Mother's Medical Volunteer - PMMV) ชื่อย่อ พอ.สว. [1] เปน็ กิจการแพทย์ท่ีต้ังขนึ้ ตามพระราชดำรขิ องสมเด็จพระศรีนครินทราบ รมราชชนนี ท่ีไดท้ รงพบเห็นความยากลำบากของราษฎร ในด้านการสาธารณสุข ในระหวา่ งท่เี สดจ็ พระราชดำเนิน ทรงเยี่ยมตำรวจตระเวนชายแดน ตามจังหวัดชายแดน ตั้งแต่ พ.ศ. 2507 ในอดีต ราษฎรท่ีเจ็บไข้ได้ป่วยจะไม่ได้ รับการดูแลรักษาจากแพทย์เท่าท่ีควร เน่ืองการเดินทางยากลำบาก บางคร้ังต้องรอจนอาการหนัก จึงเดินทาง มารกั ษาในโรงพยาบาลจังหวัด บางคร้งั อาการก็หนักเกินกว่าจะรักษา หรือโรคที่ไมไ่ ดเ้ จ็บปว่ ยมากมาย กลับเรื้อรัง จนตอ้ งพิการทุพพลภาพ สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี ทรงตั้งกิจการแพทย์อาสาเมือ่ เดือนกมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2512 ขณะทรงประทับอยู่ท่ีพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ โดยในเบ้ืองต้น ประกอบด้วยแพทย์และ พยาบาล อาสาสมัครจากโรงพยาบาลแมคคอรม์ ิค และโรงพยาบาลมหาราชนครเชยี งใหม่ หน่วยแพทย์อาสาออก ปฏิบัติการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ และไปเช้าเย็นกลับในวันเดียวกัน โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ เปน็ ยานพาหนะหลกั ในแตล่ ะหน่วยประกอบด้วย แพทย์ 2 คน ทันตแพทย์ 1 คน เภสชั กรหรอื พยาบาลท่ีมีความรู้ เรื่องยา 1 คน พยาบาล 3 คน และอาสาสมัครสมทบ 1 คน ท้ังหมดนี้ อาสาทำงานโดยไม่มีรายได้ตอบแทน มีภูมิลำเนาหรือรับราชการอยู่ในจังหวัดน้ันๆ อาสาสมัคร พอ.สว. ทุกคนจะสวมเส้ือสีเทา กระเป๋าเสื้อสีเขียว มีเคร่ืองหมายของหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ประชาชนจะเรียกขานอาสาสมัคร เหล่าน้ีว่า หมอกระเป๋าเขียว แม้แต่ผู้ที่มีอุดมการณ์ต่างกันในบางพ้ืนท่ี ยังยกเว้นการทำร้าย \"หมอกระเป๋าเขียว\" 4

ตงั้ แต่ พ.ศ. 2517 เป็นต้นมา หน่วยแพทยอ์ าสา พอ.สว. แบ่งออกเป็น 2 หน่วย คือ หน่วยแพทย์เคล่ือนท่ี พอ.สว. เร่ิมดำเนินการต้ังแต่ ปี พ.ศ. 2512 ทำหน้าท่ีดูแลรักษาประชาชนที่ด้อยโอกาสในท้องถิ่นทุรกันดาร โดยได้รับ การสนบั สนนุ ด้านพาหนะจากกองทัพบก กองทพั เรือ กองทัพอากาศ หรอื กรมตำรวจ ในแต่ละพน้ื ที่น้ัน หน่วยแพทย์ทางวิทยุ พอ.สว. จัดตั้งขึ้นเม่ือปี พ.ศ. 2515 มีทั้งสิ้นใน 24 จังหวัดทางภาคเหนือ ภาคตะวนั ตก และ ภาคใต้ โดยมีศนู ย์กลางอยู่ท่สี ำนกั งานกลาง วงั สระปทุม จงั หวดั ที่มกี ิจการแพทย์อาสา เรียกว่า จังหวดั แพทยอ์ าสา ทรงวางกฎเกณฑ์ไว้วา่ จังหวัดท่ีต้องการต้ังหนว่ ยแพทยอ์ าสา ควรจะเป็นจงั หวัดทม่ี ีอาณาเขตติดกับชายแดน หรือ การคมนาคมไม่สะดวก มีท่ีทุรกันดาร หรือจำเป็นต้องอาศัยกิจการแพทย์อาสา ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมด้วย คณะแพทย์ของจังหวัดน้ันๆ ขอพระราชทานต้ังจังหวัดของตนเป็นจังหวัดแพทย์อาสาเสียก่อน เมื่อทรงพิจารณา เห็นวา่ เหมาะสม จึงจะทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ รับไว้เป็นจงั หวัดแพทย์อาสา จังหวัดแรกที่มีกิจการแพทย์อาสา คือ จังหวัดเชียงใหม่ จนถึงปัจจุบัน มีจังหวัดแพทย์อาสา ท้ังสิ้น 45 จังหวัด กำหนดวางแผนการทำงานโดย คณะกรรมการระดับจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานคณะกรรมการ พอ.สว. ประจำจังหวัดโดยตำแหน่ง การติดต่อ ประสานงานในการปฏิบัติการทุกคร้ัง ควบคุมโดย สำนักงานกลาง พอ.สว. ต้ังอยู่ท่ีวังสระปทุม ภายใต้การควบคุมของ คณะกรรมการกลาง ซึ่งสมเด็จ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเป็นองค์ประธานด้วยพระองค์เอง สมเด็จพระศรีนครนิ ทราบรมราชชนนีเสด็จ สวรรคต สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร์ ทรงรบั เปน็ องค์ประธาน มลู นธิ ิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพอ่ื สบื ตอ่ พระราชภารกิจของพระชนนี โดยมี นายแพทย์ ประมุข จันทวิมล เป็นเลขาธิการมูลนิธิ พลเรือเอก หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช เป็นประธานมูลนิธิ ในปัจจุบัน หลังจากสมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ส้ินพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเจ้า ลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงดำรงตำแหน่งเป็นประธานกิตติมศักดิ์ มูลนิธิแพทย์อาสา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) เพ่ือสืบสานพระราชปณิธานในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลย เดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิ วัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในการบำบัดทุกบำรุงสุขแก่ราษฎรด้านการแพทย์และสาธารณสุขสืบ ต่อไป โดยเร่ิมปฏิบัติพระกรณียกิจในพ้ืนท่ีจังหวัดนราธิวาสเป็นจังหวัดแรก ระหว่างวันที่ 26 - 28 กันยายน พ.ศ. 2552 (http://www.lib.ru.ac.th/journal/oct/oct21-ToothDay.html) 5

ความสำคญั ของการอ่าน การอ่านมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนโต และจนกระทั่งถึงวัยชรา การอ่านทำให้ รู้ข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ ทั่วโลก ซ่ึงปัจจุบันเป็นโลกของข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ท่ัวโลกทำให้ผู้อ่านมีความสุข มคี วามหวัง และมีความอยากรู้อยากเห็น อันเป็นความต้องการของมนุษย์ทกุ คน การอ่านมปี ระโยชน์ในการพัฒนา ตนเอง คอื พัฒนาการศึกษา พัฒนาอาชีพ พัฒนาคณุ ภาพชีวติ ทำให้เป็นคนทนั สมยั ทันตอ่ เหตุการณ์ และมีความ อยากรู้อยากเห็น การท่ีจะพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าได้ต้องอาศัยประชาชนที่มีความรู้ความสามารถ ซ่งึ ความรตู้ า่ ง ๆ ก็ไดม้ าจากการอา่ น ความหมายของการอ่าน การอ่าน คือ กระบวนการท่ีผู้อ่านรับรู้สารซึ่งเป็นความรู้ ความคิด ความรู้สึก และ ความคิดเห็นท่ีผู้เขียนถ่ายทอดออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร การทผี่ ู้อ่านจะเข้าใจสารได้มากน้อยเพียงไรขึ้นอยู่กับ ประสบการณ์และความสามารถในการใช้ความคดิ จุดมุ่งหมายของการอา่ น 1. อ่านเพ่ือความรู้ ได้แก่ การอ่านจากหนังสือตำราทางวิชาการ สารคดีทางวิชาการ การวิจัย ประเภทต่าง ๆ หรือการอ่านผ่านสื่ออีเล็กทรอนิกส์ ควรอ่านอย่างหลากหลายเพราะความรู้ในวิชาหนึ่งอาจนำไป ช่วยเสริมในอกี วชิ าหนงึ่ ได้ 2. อ่านเพ่ือความบันเทิงได้แก่ การอ่านจากหนงั สอื ประเภทสารคดีท่องเทีย่ ว นวนยิ าย เร่ืองแปล เร่ืองสั้น การ์ตูน บทประพันธ์ บทเพลง แม้จะเป็นการอ่านเพื่อความบันเทิง แต่ผู้อ่านจะได้ความรู้ท่ีสอดแทรกอยู่ ในเรอ่ื งด้วย 3.อ่าน เพื่ อท ราบ ข่าวสารค วาม คิด ได้ แก่การอ่าน จากห นั งสือป ระเภ ท บ ท ค วาม บทวิจารณ์ ข่าว รายงานการประชุม ถ้าจะให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต้องเลือกอ่านให้หลากหลาย ไม่เจาะจง อ่านเฉพาะส่ือ ที่นำเสนอตรงกับความคิดของตน เพราะจะทำให้ได้มุมมอง ที่กว้างข้ึน ช่วยให้มีเหตุผลอ่ืน ๆ มาประกอบการวจิ ารณ์ วเิ คราะหไ์ ด้หลายมุมมองมากขึ้น 4. อา่ นเพือ่ จุดประสงคเ์ ฉพาะทางแตล่ ะคร้ัง ไดแ้ ก่ การอ่านทไ่ี ม่ได้เจาะจง แต่เปน็ การอา่ นในเร่ือง ท่ีตนสนใจ หรืออยากรู้ เช่น การอ่านประกาศต่าง ๆ การอ่านโฆษณาแผ่นพับ ประชาสัมพันธ์ ฉลากยา ข่าวสังคม ขา่ วบันเทิง ข่าวกีฬา การอ่านประเภทนี้มักใช้เวลาไม่นาน ส่วนใหญ่เป็นการอ่านเพ่ือให้ได้ความรู้และนำไปใช้หรือ นำไปเป็นหัวข้อสนทนา เชื่อมโยงการอ่าน สู่การวิเคราะห์ และคิดวิเคราะห์ บางครั้งก็อ่านเพื่อใช้เวลาว่างให้ เกดิ ประโยชน์ หลัก 3 ประการในการปลูกฝังนสิ ยั รักการอ่าน การฝึกนิสัยตนเอง ให้รักการอ่านไม่ใช่เร่ืองยาก เพราะหนังสือมีเรื่องท่ีน่าสนใจมากมายและ ยังเป็นสิ่งท่ีหาได้ง่ายตามความชอบและความสนใจของแต่ละคน โลกของหนังสือเป็นโลกแห่งอิสรเสรี ทางความคิด เราสามารถอ่านความคิดของผู้อ่ืนแล้วนำมาพัฒนาความคิดของตนเอง การปลูกฝังตนเอง ให้รักการอ่าน ทำได้ด้วยหลักง่ายๆ 3 ประการ ดงั นี้ 1. อ่านตามความสนใจ การเริ่มอ่านจากเรื่องท่ีตัวเองชอบและสนใจจำทำให้อ่านหนังสือได้โดยไม่เบ่ือ เราอาจเริ่มต้น อ่านจากเร่ืองสั้นๆ ไม่ยาวมาก มีภาพประกอบ โดยอาจเร่ิมจากการอ่านนิทาน เรื่องส้ัน หรือ เรื่องท่ีจบภาย ในตอนเดยี ว ถ้าเรามีทศั นคตทิ ีด่ ตี ่อการอ่านกจ็ ะอ่านได้ตอ่ เนื่อง 6

2. อ่านให้สมำ่ เสมอ การอ่านอย่างสม่ำเสมอเป็นบันไดขน้ั แรกของผู้ท่ีรักการอ่าน เพราะจะต้องอ่านจนเป็นนิสัยทันที ที่ว่างจากหน้าท่ีท่ีทำในชีวิตประจำวัน เราก็สามารถหยิบหนังสือข้ึนมาอ่านได้ ถ้าเราสามารถอ่านได้สม่ำเสมอเรา ก็จะเป็นผูท้ ี่มนี ิสัยรักการอา่ นได้ 3. อ่านใหเ้ จอขุมทรพั ย์ ขุมทรัพย์ ที่ว่านี้ไม่ใช่ทรัพย์สิน เงินทอง แต่เป็น “ขุมทรัพย์แห่งปัญญา” ซ่ึงมีค่ามหาศาล เป็นขุมทรัพย์แห่งความรู้ที่ใครก็มาแย่งชิงไปไม่ได้ ผู้อ่านจะได้รับความรู้ ความเพลิดเพลิน ข้อคิด คุณธรรมท่ี แฝงอยู่จากเร่ืองที่อ่าน รวมถึงได้พัฒนาอารมณ์ของตนเอง ก่อให้เกิดการพัฒนาผู้อ่านในทางท่ดี ี ฉะน้ันหนังสือที่ดี ก็เปรียบเสมอื นว่าเราได้พบขมุ ทรัพย์นัน่ เอง ดังนั้น เราจึงควรหันมาปลูกฝังนิสัยรักการอ่านต้ังแต่วันนี้ เพ่ือประโยชน์มากมายในวันข้างหน้า “นสิ ัยรักการอ่าน ไม่ใช่พันธกุ รรม ไมใ่ ช่พรสวรรค์ แต่เกดิ จากการปลูกฝัง” โลกของการอ่านกำลงั เปลย่ี นแปลงคร้ัง สำคัญ ทั้งในรูปลักษณ์ของส่ิงท่ีอ่าน รสนิยมของคนอ่าน เทคโนโลยีท่ีเก่ียวกับสิ่งพิมพ์ รวมไปถึงขนาด ของส่ิงพิมพ์ แต่ไม่ว่า จะมีการเปล่ียนแปลงอย่างไร การอ่านก็ยังมีความสำคัญอย่างไม่มีวันลดเลือนหายไป อยา่ งแน่นอน 7

บทที่ 3 วิธีดำเนนิ การ 3.1 กลุ่มเปา้ หมาย 1 เชงิ ปริมาณ - เดก็ เยาวชน และประชาชนท่ัวไป ในเขตพืน้ ทอ่ี ำเภอปง 150 คน 2 เชิงคณุ ภาพ - เด็ก เยาวชน และประชาชนในเขตพื้นที่อำเภอปงได้เรียนรู้ผ่านส่ือส่งเสริมการอ่าน สร้างนิสัย รกั การอ่าน 3.2 ขนั้ ตอนดำเนนิ การ 3.2.1 ประชมุ วางแผนผูท้ ่เี กย่ี วข้อง 3.2.2 เขยี นโครงการเพ่อื ขออนุมัติ 3.2.3 ประสานงานภาคเี ครือข่ายและผเู้ กย่ี วขอ้ ง/จดั ทำคำส่งั 3.2.4 จดั เตรียมวัสดุอุปกรณ์ 3.2.5 ดำเนินงานตามโครงการ 3.2.6 วดั ผลประเมินผลโครงการ/สรปุ โครงการเปน็ รปู เลม่ 3.2.7 นำผลประเมินโครงการมาปรบั ปรุงแก้ไขในคร้งั ตอ่ ไป กิจกรรม 1. วาดภาพระบายสี 2. เลา่ นิทานใหน้ อ้ งฟัง 3. ประดิษฐส์ อื่ สรา้ งสรรคผ์ ่านการอ่าน 4. สง่ เสรมิ การอ่านสร้างเสรมิ อาชีพ 3.3 เคร่ืองมือท่ีใช้ประเมนิ 3.4 การวิเคราะห์ขอ้ มูล ผปู้ ระเมินไดใ้ ชว้ ิธีการวิเคราะหข์ อ้ มูลโดยใชโ้ ปรแกรมประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ เคร่ืองมอื ท่ีใช้ประเมนิ ในคร้งั น้ี คอื แบบประเมนิ ความพึงพอใจ 8

บทที่ 4 ผลทเี่ กิดขึ้น ในการจัดกิจกรรม “โครงการพอ.สว.เคลื่อนที่ กศน.นำความรสู้ ชู่ มุ ชน ประจำปี 2563” มีวตั ถปุ ระสงคด์ ังน้ี 1 เพอื่ สง่ เสริมปลกู ฝงั นสิ ัยรักการอ่านใหก้ ับเด็ก เยาวชน และประชาชนทวั่ ไป 2 เพอ่ื เพม่ิ โอกาสและช่องทางการรับรู้และเรียนรู้ให้กบั เยาวชนในทอ้ งถิ่นห่างไกลในชนบท 3 เพื่อเพิ่มความหลากหลายในดา้ นการบริการของงานห้องสมุดและตอบสนองความต้องการของ ผใู้ ชบ้ รกิ าร จากการจัดกิจกรรรมโครงการพอ.สว.เคลื่อนที่ กศน.นำความรู้ส่ชู ุมชน ประจำปี 2563 เป้าหมายของ โครงการ 150 มีผู้เข้าร่วมกจิ กรรม 175 คน ข้อมูลท่ัวไป รอ้ ยละ ตารางท่ี 1 จำนวนร้อยละของเพศ ผู้เข้าร่วมกิจกรรม 31.43 รายการ 68.57 เพศ 100 ชาย หญงิ รวม แผนภูมแิ สดงเพศของผู้ตอบแบบสอบถาม เพศของผู้ตอบแบบสอบถาม ชาย หญงิ 9

ตารางท่ี 2 จำนวนร้อยละของอายขุ องผูต้ อบแบบสอบถามในการเขา้ ร่วมโครงการ ชว่ งอายุ รายการ คิดเปน็ รอ้ ยละ 0 - 6 ปี 4.57 7 - 15ปี 2.29 16 - 35ปี 28.57 36 – 50 ปี 46.29 51 ปขี ้ึนไป 18.29 100 รวม แผนภมู ิแสดงชว่ งอายุของผู้ตอบแบบสอบถาม ช่วงอายุของผตู้ อบแบบสอบถาม อายุ 46.29 28.57 18.29 4.57 2.29 0-6 ปี 7-15 ปี 16-35 ปี 36-50 ปี 51 ปีขนี ้ ไป 10

ตารางท่ี 3รอ้ ยละของระดบั การศึกษาช้ันสงู สดุ ของผู้ตอบแบบสอบถาม รายการ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ระดบั การศึกษา ต่ำกวา่ ประถมศึกษา 22.22 ประถมศกึ ษา 25.93 ม.ต้น 20.99 ม.ปลาย 12.96 ปรญิ ญาตรี 10.49 อื่น ๆ 7.41 100 รวม แผนภมู แิ สดงระดับการศกึ ษาของผู้ตอบแบบสอบถาม ตากว่าประถมศกึ ษา ประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษาตอนต้น มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ปริญญาตรี อืน่ ๆ 11

ตารางที่ 4 จำนวนร้อยละของความพึงพอใจของผ้ตู อบแบบสอบถาม ระดบั รายละเอยี ด 54 3 21 ดีมาก ดี ปานกลาง นอ้ ย ปรับปรุง 1. รปู แบบการจัดกจิ กรรม 68.69 18.76 12.55 - - 17.85 - - 2. ระยะเวลาของในการจัดกจิ กรรม/โครงการ 63.18 18.97 9.04 - - 3. สงิ่ อำนวยความสะดวก การบรกิ ารดา้ นสถานท่ี 70.5 20.46 9.04 - - 9.88 - - หอ้ งนำ้ หอ้ งสว้ ม 9.49 - - 7.1 - - 4. การประชาสมั พันธ์กจิ กรรม/โครงการ 77.11 13.85 4.69 - - 5. สถานทจ่ี ัดกิจกรรมมคี วามเหมาะสม 70.37 19.75 6. การมสี ่วนร่วมในกิจกรรม 72.44 18.07 7. ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั จากการเขา้ ร่วมกิจกรรม 78.26 14.64 8. ความพึงพอใจโดยรวมในการเข้าร่วมโครงการน้ี 79.72 15.59 แผนภูมิแสดงร้อยละของความพึงพอใจของผู้ตอบแบบสอบถาม ความพงึ พอใจของผู้ตอบแบบสอบถาม ปานกลาง ดี ดมี าก ความพงึ พอใจโดยรวมในการเข้าร่วมโครงการนี ้ 4.69 15.59 79.72 ประโยชน์ทไี่ ด้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม 7.1 14.64 78.26 การมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรม 9.49 18.07 72.44 สถานทจี่ ดั กิจกรรมมคี วามเหมาะสม 9.88 19.75 70.37 การประชาสมั พนั ธ์กจิ กรรม/โครงการ 9.0413.85 77.11 9.04 20.46 70.5 สง่ิ อานวยความสะดวก การบริการด้านสถานที่ ห้องนา้ ห้องส้วม 1178.8.957 63.18 ระยะเวลาของในการจดั กจิ กรรม/โครงการ 12.5518.76 68.69 รูปแบบการจดั กิจกรรม 12

บทท่ี 5 สรุป อภิปราย และขอ้ เสนอแนะ ในการจดั กิจกรรม “โครงการพอ.สว.เคลื่อนท่ี กศน.นำความรสู้ ู่ชุมชน ประจำปี 2563” มีวตั ถปุ ระสงค์ดังนี้ 1 เพอื่ สง่ เสรมิ ปลกู ฝังนสิ ยั รักการอา่ นให้กบั เดก็ เยาวชน และประชาชนท่วั ไป 2 เพื่อเพิ่มโอกาสและช่องทางการรบั รู้และเรียนรู้ใหก้ ับเยาวชนในท้องถ่นิ หา่ งไกลในชนบท 3 เพื่อเพิ่มความหลากหลายในด้านการบริการของงานห้องสมดุ และตอบสนองความต้องการของ ผู้ใชบ้ ริการ สรปุ ผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรม “โครงการ พอ.สว.เคลอ่ื นที่ กศน.นำความร้สู ู่ชุมชน ประจำปี 2563” ส่วนใหญเ่ ป็น ประชาชนทว่ั ไประดบั ชั้นประถมศึกษาท่ีได้ให้ความสนใจและร่วมมือเป็นอย่างดใี นการทำกิจกรรมและการเรียนรู้ มีความกระตือรือรน้ ในการทำกจิ กรรม ผลจากแบบสอบถามของผเู้ ข้าร่วมโครงการดังน้ี 1. รปู แบบการจดั กจิ กรรม อยู่ในระดับ ดมี าก คดิ เป็นร้อยละ 69.14 2. ระยะเวลาของในการจดั กิจกรรม/โครงการ อย่ใู นระดบั ดีมาก คดิ เป็นร้อยละ 62.69 3. สงิ่ อำนวยความสะดวก การบริการด้านสถานท่ี ห้องนำ้ ห้องส้วม อยูใ่ นระดบั ดมี าก คิดเป็นร้อยละ 71.60 4. การประชาสมั พันธ์กิจกรรม/โครงการ อยู่ในระดบั ดีมาก คิดเปน็ ร้อยละ 77.16 5. สถานท่ีจดั กจิ กรรมมีความเหมาะสม อยใู่ นระดบั ดีมาก คดิ เป็นร้อยละ 70.37 6. การมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรม อยู่ในระดบั ดมี าก คดิ เป็นร้อยละ 71.61 7. ประโยชน์ทไ่ี ดร้ ับจากการเขา้ ร่วมกิจกรรม อยู่ในระดับ ดีมาก คดิ เปน็ ร้อยละ 74.07 8. ความพึงพอใจโดยรวมในการเขา้ ร่วมโครงการน้ี อยู่ในระดบั ดมี าก คิดเปน็ ร้อยละ 78.40 13

อภปิ รายผล 1. ผู้เขา้ รว่ มโครงการ จากเป้าหมาย 150 คน มีผู้เข้ารว่ มโครงการจรงิ รวมจำนวน 175 คน 2. ลักษณะทว่ั ไปของกลมุ่ เป้าหมาย พบว่าสว่ นใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 120 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 68.57 เพศชาย จำนวน 55 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 31.43 3. ช่วงอายุของผูเ้ ข้าร่วมกจิ กรรมระดับมากท่ีสุด อยู่ในชว่ งอายรุ ะหวา่ ง 36-50 ปี คิดเป็นร้อยละ 46.29 ระดับมาก อยใู่ นช่วงอายรุ ะหว่าง 16-35 ปี คดิ เปน็ ร้อยละ 28.57 ระดับปานกลาง อยู่ในชว่ งอายุ 51 ปขี ึน้ ไป คดิ เปน็ ร้อยละ 18.29 ระดบั น้อย อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 0-6 ปี คดิ เปน็ ร้อยละ 4.57 ระดับน้อยที่สุด อยู่ในชว่ งอายรุ ะหว่าง 7-15 ปี คิดเปน็ ร้อยละ 2.29 4. ระดบั การศึกษาทเ่ี ขา้ รว่ มกิจกรรมากท่สี ดุ อยใู่ นระดบั ประถมศกึ ษา คิดเป็นร้อยละ 25.93 ระดบั มาก อยู่ใน ระดบั ต่ำกว่าประถมศึกษา คดิ เปน็ ร้อยละ 22.22 ระดับปานกลาง อยใู่ นระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น คิดเปน็ ร้อยละ 20.99 ระดบั น้อย อยู่ในระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลายคดิ เป็นรอ้ ยละ 12.96 ระดบั น้อยท่ีสุด อยูใ่ นระดับ ปริญญาตรี คิดเป็นรอ้ ยละ 10.49 และระดับอื่นๆ คดิ เปน็ ร้อยละ 7.41 14

รูปกจิ กรรม วนั ที่ 17 ธันวาคม 2562 บา้ นห้วยเอย๋ี น 15

รปู กจิ กรรม วนั ท่ี 24 ธนั วาคม 2562 บา้ นน้ำคะ 16

รูปกิจกรรม วนั ที่ 21 มกราคม 2563 บา้ นสนั ติสุข 17

รปู กิจกรรม วนั ที่ 29 มกราคม 2563 บ้านสะนามเหนอื 18

รูปกจิ กรรม วันท่ี 7 กมุ ภาพนั ธ์ 2563 บา้ นหว้ ยกอก 19

รูปกิจกรรม วันท่ี 25 กมุ ภาพันธ์ 2563 บ้านสะนามใต้ 20

รูปกจิ กรรม วนั ท่ี 5 มีนาคม 2563 บ้านน้ำปกุ 21

ท่ีปรกึ ษา คณะผ้จู ดั ทำ นายรฐั วัฒ นธุ รรม ผอู้ ำนวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและตามอธั ยาศยั อำเภอปง คณะทำงาน 1. นางเยาวนนั ท์ ถูกจติ ร ครอู าสาสมัคร กศน. 2. นายธรี เจต อินเตม็ ครอู าสาสมัคร กศน. 3. นายธรี ศกั ดิ์ โพธิ์ธรรม ครูอาสาสมัคร กศน. 4. นายอำนาจ เลิศคำ ครูอาสาสมัคร กศน. 5. นายนิติ เวยี งคำ ครอู าสาสมัคร กศน. 6. นายสมบัติ เมืองเจียง ครอู าสาสมัคร กศน. 7. นายวฒุ ิพงษ์ พันธ์พัฒนกุล ครูอาสาสมัคร กศน. 8. นางสาวนาถอนงค์ ชนาทิป ครอู าสาสมัคร กศน. 9. นางสาวสายใจ สขุ ประสาร ครูอาสาสมัคร กศน. 10. นายวีรยทุ ธ บุญตอ่ ครู กศน.ตำบล 11. นายถวิล จันทรแ์ วน่ ครู กศน.ตำบล 12. นางสาวสาธติ า วงค์ขัติย์ ครู กศน.ตำบล 13. นางสาวนิษฐา มโนชยั ครูศูนยก์ ารเรียนชุมชน 14. นางสาววรรณนดิ า จำรสั บรรณารกั ษ์อัตราจ้าง ผูร้ วบรวม/เรยี บเรยี ง บรรณารักษ์อัตราจา้ ง นางสาววรรณนดิ า จำรสั บรรณารักษอ์ ตั ราจ้าง บรรณารกั ษ์อัตราจ้าง ผ้วู ิเคราะห์ขอ้ มลู จากแบบสอบถาม พนกั งานพมิ พ์ ส.3 นางสาววรรณนดิ า จำรัส ศิลปกรรมและออกแบบปก นางสาววรรณนดิ า จำรัส ผู้จดั ทำเข้ารปู เล่ม นายปยิ ะ ซ่อื สตั ย์



บทที่ 1 บทนำ 1.1 ความเปน็ มาและความสำคญั ห้องสมุดประชาชน มีหน้าท่ีสำคัญในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้กับประชาชน โดยมี กิจกรรมที่ส่งเสริมการอ่านในชุมชนให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัยและให้ห้องสมุดประชาชนทุกแห่ง ดำเนินงานให้บริการรถโมบาย เพอื่ ส่งเสรมิ การอ่านในชมุ ชนใหม้ ีประสิทธภิ าพมากขนึ้ ห้องสมุดประชาชนอำเภอปง ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ให้กับ กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่อำเภอปง นอกจากจะให้บริการหนังสือน่าอ่านแล้ว ยังได้จัดกิจกรรมอื่นๆที่น่าสนใจ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ตามอัธยาศัย ห้องสมุดประชาชนอำเภอปงจึงร่วมกับครู กศน.ตำบล ในพื้นท่ี จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชน โดยจัดทำโครงการห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้ สู่ชมุ ชน ปี 2563 ข้ึน 1.2 วตั ถุประสงค์ 1. เพ่ือส่งเสริม สนับสนุน การอ่าน/การเรียนรู้ และปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับกลุ่มเป้าหมายอย่าง กว้างขวาง ทั่วถึงทุกพ้นื ที่ 2. เพอ่ื เพม่ิ ช่องทางและโอกาสการอ่าน/การเรียนรู้ให้กลมุ่ เปา้ หมาย 3. เพอ่ื ส่งเสริมความร่วมมือ และประชาสัมพนั ธก์ ิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัยอัธยาศยั อำเภอปง 1.3 ขอบเขตของโครงการ ห้องสมุดประชาชนอำเภอปง สังกัด ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอปง ร่วมกับ กศน.ตำบล จัดโครงการห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน ปี 2563 พร้อมท้ังนำรถโมบาย (ห้องสมุดเคล่ือนที่) ไปให้บริการในเขตพื้นที่อำเภอป ง โดยมีเด็ก เยาวชน ประชาชน เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 424 คน 1.4 ผลท่คี าดว่าจะได้รบั - กลุ่มเป้าหมายได้รับบริการส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ และปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน/ การเรียนรู้ อย่างกวา้ งขวาง ทัว่ ถึง และมคี ุณภาพ 2

บทท่ี 2 เอกสารทเี่ กยี่ วขอ้ ง ความหมายของห้องสมุดเคลื่อนที่ ห้องสมุดเคลื่อนที่ (Mobile library) เป็นบริการสารสนเทศเคล่ือนที่ นับเป็นการจัดบริการ ในเชิงรุก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการอ่าน และการให้ความรู้และความบันเทิงแก่ผู้ที่อยู่ห่างไกล จากแหล่งข้อมูล โดยนำทรัพยากรสารสนเทศประเภทต่างๆ เช่น สื่อส่ิงพิมพ์ ส่ือโสตทัศน์ เกมส์ ของเล่น ฯลฯ ไปยังชมุ ชนดว้ ยพาหนะ ประเภทต่างๆ เช่น รถ รถไฟ เรอื ฯลฯ หรือบางแหง่ อาจใช้วิธีการเดนิ ทางด้วยเท้าในกรณี ทส่ี ามารถเขา้ ถึงด้วยพาหนะอ่นื การดำเนินการห้องสมุดเคล่ือนที่ สามารถใช้วัสดุ อุปกรณ์ประเภทต่างๆ บรรจุทรัพยากร สารสนเทศ เคลอื่ นย้ายไปยังสถานทต่ี า่ งๆ เช่นกล่องหนงั สอื ถุงหนังสอื ยา่ มหนงั สอื กระเป๋าหนงั สือเป็นต้น สว่ นใหญ่ การดำเนินการห้องสมุดเคลื่อนท่ีของประเทศไทยอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงาน ด้านการศึกษาของรัฐ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ รวมท้ังเป็นงานบริการประเภทหนึ่งของห้องสมุดประชาชน ย่ิงกว่านั้น ปัจจุบันห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ภาควิชาบรรรารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ รวมท้ังชมรม นักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ได้ให้ความสำคัญกับห้องสมุดเคลื่อนท่ี มีการจัดโครงการหลายโครงการที่ เข้าข่ายหอ้ งสมุดเคลอื่ นที่ การดำเนินงานห้องสมุดเคลื่อนที่จะประสบผลสำเร็จได้นั้น หน่วยงานที่ดำเนินการ ควรประสาน ขอความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมท้ังกลุ่มบุคคลหรือบุคคลท่ีเป็นผู้นำชุมชน เช่น พระ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้น สำหรับการขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานเอกชน อาจเป็นการขอรับการสนับสนุน พาหนะ วสั ดุอุปกรณแ์ ละงบประมาณในการดำเนนิ งาน การจัดกิจกรรมห้องสมุดเคลื่อนท่ี เป็นการจัดบริการโดยใช้แนวคิดท้ังงานห้องสมุดและ ศูนย์ การเรียน ซึ่งอาจจัดการเรียนการสอนหลักสูตรสั้นๆ ร่วมไปกับงานบริการพ้ืนฐานของห้องสมุด เช่น บริการการอ่าน บริการยืม-คืน เป็นต้น นอกจากนี้ อาจเป็นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการใช้บริการในการ ออกให้บริการห้องสมดุ เคลื่อนที่แตล่ ะคร้ังด้วย ความสำคญั ของหอ้ งสมุดเคลอ่ื นที่ ห้องสมุดเคล่ือนท่ีนับเป็นรูปแบบหน่ึงของการบริการความรู้สู่ชุมชน ท่ีมีความสำคัญในด้าน ตา่ งๆ ดังนี้ 1. เป็นการขยายโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึง และส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต แก่ประชาชน เพื่อพัฒนาตนเอง สังคมประเทศชาติตอ่ ไป ท้ังนี้เพราะห้องสมุดเคลื่อนทมี่ ีลักษณะเคล่ือนย้ายความรู้ ไปสู่พ้ืนท่ีต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับแนวศึกษาสมัยใหม่ของรัฐ โดยเห็นได้จากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 หมวดที่ 4 มาตราท่ี 25 ระบุ ไว้ว่า “ รัฐต้องส่งเสริมการดำเนินงานและการจัดต้ังแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต ทุกรูปแบบ ได้แก่ ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ สวนสัตว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ อุทยาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศูนย์กีฬาและนันทนาการ และแหล่งเรียนรู้อื่นอย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ” (สำนกั คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ 2542 : 14) 3

2. เป็นการขยายโอกาสในการเขา้ ถึงแหล่งสารสนเทศ ทำให้ประชาชนที่อยู่ห่างไกลความเจริญ การคมนาคมไม่สะดวก และด้อยโอกาสในการเข้าถึงแหล่งสารสนเทศได้มีโอกาสสามารถรับรู้ข่าวสารในสาขาวิชา การต่างๆ ได้มากข้นึ 3. เป็นการส่งเสริมการอ่านให้ประชาชนได้รับความรู้ความเพลิดเพลินจากการอ่าน เห็นคุณค่า ของการอ่าน และปลกู ฝังนสิ ยั รกั การอา่ นรวมทัง้ ปอ้ งกนั การไม่ร้แู ละการลืมการรู้หนังสอื 4. เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เพื่อพัฒนาตนเอง อันเป็น พนื้ ฐานท่ีจะนำไปสคู่ วามกา้ วหน้าของสังคมและประเทศชาตติ ่อไป ประเภทของห้องสมดุ เคลือ่ นที่ ห้องสมุดเคลื่อนท่ีสามารถดำเนินการได้ในหลายลักษณะท้ังทางบกและทางน้ำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ สภาพการคมนาคมหรือท้องถ่ินที่ชุมชนต้ังอยู่ เท่าท่ีผ่านมาหน่วยงานหลายแห่งได้จัดห้องสมุดเคล่ือนที่ในลักษณะ ตา่ งๆ ห้องสมดุ เคล่ือนท่ีบางแห่งยุติการดำเนินงานไปแลว้ บางแห่งยังคงดำเนินการอยู่ ซึ่งเป็นจดุ ด้อยของห้องสมุด เคล่ือนที่ ที่มักดำเนินการไม่ต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลจากการขาดการเอาใจใส่ การขาดงบประมาณและบุคลากร ใน การดำเนนิ การอย่างตอ่ เนอื่ งและจริงจงั 1. ห้องสมดุ เคลอ่ื นที่ทางน้ำ เป็นการบริการท่ีมงุ่ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนทอ่ี าศัยอย่รู ิมนำ้ โดยใช้เรอื เป็นพาหนะ หรือ ที่เรียกว่าห้องสมุดเรือหรือห้องสมุดลอยน้ำ เพื่อบริการแก่ประชาชนท่ีอาศัยอยู่ในเขตลุ่มน้ำหรือตามริมน้ำ เน่ืองจากประชาชนท่ีอาศัยอยู่ริมน้ำ มีวิถีชีวิตและการเดินทางสัญจร โดยทางน้ำเป็นหลัก ปัจจุบันหน่วยงานที่ จัดห้องสมุดเคลื่อนทท่ี ่ีนา่ สนใจคือ - เรือห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติ ดำเนินการโดยกระทรวงศึกษาธิการ โดยได้รับความ ร่วมมือจากกองทัพเรือมอบเรือท่ีปลดระวางการใช้งานแล้วและดัดแปลงเป็นห้องสมุดเคล่ือนท่ี ทรัพยากร สารสนเทศที่ให้บริการ ประกอบด้วยหนงั สือหลากหลายประเภท วดี ีทัศนแ์ ละบทเรียนสำเร็จรูป บริการสารสนเทศ ท่ีจัดคือ บริการการอ่าน บริการยืม-คืน บริการจองหนังสือ ส่วนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการใช้บริการนั้นมีหลาย ลกั ษณะ อาทิ การแขง่ ขันตอบปญั หาชิงรางวลั การวาดภาพ การแขง่ ขันการอา่ นและการเขียน เปน็ ต้น การให้บริการจะแล่นลอยลำไปให้บริการตามจุดต่างๆ ที่กำหนดไว้ ในแต่ละวันจอดให้บริการ ตาม ท่าท่กี ำหนด ท้งั นี้จะมตี าราง ประชาสมั พนั ธ์การใหบ้ ริการลว่ งหนา้ - เรือนางนพมาศ ดำเนินการโดยกระทรวงศึกษาธิการ เป็นเรือขนาด 2 ชนั้ รปู แบบของ กิจกรรมการให้บริการแบ่งออกเปน็ 2 ลกั ษณะไดแ้ กเ่ ปน็ ห้องสมดุ เคลอ่ื นท่แี ละศูนย์การเรียนเคลือ่ นทที่ างนำ้ การจัดบริการเรือนางนพมาศนั้น มีการจัดทรัพยากรสารสนเทศหลายประเภท โดยเน้นหนังสือ ทีม่ ีเนอ้ื หาสอดคลอ้ ง กับชีวิตประชาชนริมน้ำที่เกี่ยวกับด้านสุขภาพอนามัย กฎหมายที่เก่ียวกับชวี ิตประจำวัน เช่น กฎหมายแรงงาน กฎหมายครอบครัว กฎหมายท่ีดิน เป็นต้น รวมทั้งหนังสือด้านประวัติศาสตร์ ความเป็นมา ของกรุงเทพมหานคร วัฒนธรรม ประเพณี และอารยธรรมแถบลุ่มน้ำ นอกจากนี้มีสื่อโสตทัศน์ประเภทวีดีทัศน์ และแถบเสยี งทม่ี เี น้ือหาส่งเสริมด้านอาชีพ สารคดี ธรรมะและบนั เทิง 4

2. ห้องสมุดเคล่ือนทท่ี างบก เป็นการจัดห้องสมุดเคล่ือนที่โดยใช้รถประเภทต่างๆ เป็นพาหนะให้บริการเคล่ือนท่ีไปตาม ชุมชนในท้องทีต่ ่างๆ ทง้ั ในชนบทและในเขตเมือง เช่น ชุมชนแออัด เขตก่อสรา้ ง โรงงานเป็นต้น หอ้ งสมุดเคลื่อนที่ ทางบกทน่ี า่ สนใจคอื - รถห้องสมุดศูนย์การเรียนเคลื่อนที่ เป็นห้องสมุดเคล่ือนที่ท่ีใช้รถประจำทางขององค์ การขนสง่ มวลชนกรุงเทพเป็นพาหนะ และดำเนินการโดยกระทรวงศึกษาธิการ มีรถใชด้ ำเนินการอยู่ 3 คัน รถแต่ ละคันจัดบริการแตกตา่ งกัน รถคันท่ี 1 สำหรับบริการเด็กในชุมชนแออัด เขตก้อสร้าง มูลนิธิสงเคราะห์ต่างๆ และ โรงเรียนท่ีขาดแคลนหนังสือ โดยจัดบริการเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร รถคันที่ 2 บริการกลุ่มนักศึกษา การศึกษานอกระบบที่มีการจัดกิจกรรมการพบกลุ่ม โดยจัดในบริเวณโรงเรียน วัด โรงงาน ส่วนรถคันที่ 3 สำหรับบริการประชาชนทั่วไป โดยจัดตามสถานที่ตา่ งๆ เช่นบ้านคนชราบางแค ชุมชนแออัด ฯลฯ ทั้งน้ีทรัพยากร สารสนเทศ และกิจกรรมท่ีจัดในรถแต่ละคันจะเลือกหนังสือและกิจกรรมท่ีเหมาะสม กับกลุ่มเป้าหมายที่มา ใชบ้ ริการ - ห้องสมุดเคลื่อนท่ีรถพ่วงขนาดเล็ก เป็นห้องสมุดท่ีใช้รถพ่วงขนาดเล็กเป็นพาหนะ ดำเนินการ โดยศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร โดยดัดแปลงภายในเป็นช้ันหนังสือ ด้านข้างของรถท้ัง 2 ด้าน เป็นบอร์ดนิทรรศการ ทรัพยากรสารสนเทศที่ให้บริการ ประกอบด้วยหนังสือท่ีเน้น หนังสือเด็ก หนังสือแนะนำอาชีพ วีดีทัศน์ และเกมส์ต่างๆ นอกจากบริการห้องสมุดแล้ว ยังมีการฝึกฝนอาชีพ ง่ายๆ เช่น การตัดผม การซ่อมรถ เป็นต้น การออกให้บริการจะหมุนเวียนไปในชนบทที่ขาดแคลน การรับรู้ ขา่ วสารประมาณเดือนละ 2-3 คร้ัง นอกจากนี้ การจัดห้องสมุดเคลื่อนที่ยังสามารถดำเนินการได้โดยนำทรัพยากรสารสนเทศ บรรจุใส่ ในอปุ กรณ์ประเภทต่างๆ นำเคลอ่ื นย้ายออกใหบ้ ริการในสถานทต่ี า่ งๆ วัสดุอุปกรณท์ ี่ใช้ บรรจทุ รัพยากรสารสนเทศ เคลื่อนที่ไปให้บริการในท่ีต่างๆ มีหลายประเภท ตัวอย่างโครงการห้องสมุดเคล่ือนท่ีท่ีใช้วัสดุ อุปกรณ์บรรจุ ทรพั ยากรสารสนเทศทีน่ า่ สนใจ คือ - โครงการชุดความรู้สู่ชนบท ของสำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ใช้กล่องหนังสือ เคลื่อนย้ายไปสถานท่ีต่างๆ ภายในกล่องบรรจุหนังสือ แผ่นพับ ภาพ ฯลฯ โยแต่ละกล่องมีหัวเรื่องกำกับไว้ ชัดเจน ภายใต้ฝาเปิด - ปิด แต่ละกล่องมีการแจ้งรายการวัสดุ ที่อยู่ภายในกล่อง ผู้ประสงค์ใช้บริการสามารถ เลือกอ่านตามความสนใจ และความต้องการ หนังสือมีหลายประเภท เช่น หนังสือเด็ก การวางแผนครอบครัว สุขภาพอนามัย ยาเสพติด ฯลฯ โดยนำกล่องหนังสือไปไว้ ณ ที่อ่านประจำหมู่บ้าน โดยมีผู้นำชุมชนเช่น กำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้รับผิดชอบในการให้บรกิ ารยมื -คืน ตลอดจนผู้ใช้สามารถ ยืมย่ามความรู้ไปอ่านที่บ้านได้ด้วย โดยกำหนดช่วงเวลา การยมื และการหมุนเวยี น ไปในจุดต่างๆ ตามกำหนด - โครงการส่งเสริมการอ่านของสำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ใช้ย่ามบรรจุทรัพยากร สารสนเทศเคลื่อนย้ายไปในสถานที่ต่างๆ ย่ามความรู้จัดแจกเป็นใบๆ ตามหัวข้อเร่ืองที่กำหนดผู้ใช้บริการสามารถ เลือกย่ามความรู้ในหัวข้อเรื่องตามความสนใจ จัดให้บริการตามห้องสมุดโรงเรียนในชนบท โดยมีครูบรรณารักษ์ รับผิดชอบในบริการ ยมื -คนื ตลอดจนผใู้ ช้สามมารถยืมยา่ มความรไู้ ปอ่านท่บี ้านได้ด้วย โดยกำหนดชว่ งเวลาการยืม และการหมุนเวียน ทงั้ น้ีจะเปลย่ี นทรพั ยากรสารสนเทศในยา่ มความรสู้ มำ่ เสมอ - ห้องสมุดเคล่ือนท่ีของศูนย์วิทยพัฒนา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช ปัจจุบันมีศูนย์วิทพัฒนา จำนวน 10 ศูนย์ กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆท่ัวประเทศ การให้บริการมีลักษณะเช่น ใช้กระเป๋าหนังสือทำ ด้วยไม้บรรจุทรัพยากรสารสนเทศ เคล่ือนย้ายไปสถานท่ีต่างๆ ที่กำหนดพร้อมการทำกิจกรรมอ่ืนๆ ของ มหาวิทยาลัย 5

- ห้องสมุดเคลื่อนที่ของห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี จังหวัดนครราชสีมา ใช้ถุงหนังสือบรรจุ ทรัพยากรสารสนเทศเคล่ือนที่ ให้บริการแก่ประชาชนท่ัวไป นักเรียน นักศึกษาทั้งในและนอก ระบบโรงเรียน โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายทีเ่ ป็นกลุ่มเด็กด้อยโอกาส คนพิการ ผูท้ ่ีอยู่ห่างไกลจากหอ้ งสมดุ หรืออาจจะมาใช้ห้องสมุด ไม่สะดวก เพ่ือวัตถุประสงค์ เพ่ือวัตถุประสงค์ให้ได้รับข่าวสารที่ทันสมัย รวมท้ังส่งเสริมการเรียนและการอ่าน ภายในถุงหนังสือบรรจุ หนังสือประเภทต่างๆ โดยมีอาสาสมัครบริการถุงหนังสือ เคลื่อนที่ไปบริการในชุมชน มีกำหนดระยะเวลาการเปล่ยี นทรัพยากรสารสนเทศในถุง รูปแบบและวิธดี ำเนินงานหอ้ งสมุดเคลอื่ นท่ี ห้องสมุดเคลื่อนท่ี สามาดำเนินการได้ท้ังทางบกและทางน้ำโดยใช้พาหนะแตกต่างกัน ได้แก่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เกวียน หรือเรือ ท้ังน้ีแล้วแต่สภาพการคมนาคมหรือท้องถิ่นที่ชุมชนน้ันต้ังอยู่ และ เรียกชอ่ื แตกตา่ งกันออกไป เช่น ต้หู นงั สอื เคลือ่ นที่ หบี หนังสอื สปู่ ระตูบ้าน หรอื หนงั สือมีขา เป็นต้น รปู แบบหนงั สือเคลอื่ นที่ ห้องสมุดเคล่ือนที่สามารถจดั ไดห้ ลายรปู แบบ ที่สำคัญได้แก่ 1. กระเป๋าหนังสือเคล่ือนที่ จัดโดยการคัดเลือกหนังสือใส่กระเป๋า ซ่ึงอาจทำโดยผ้าหรือไม้ขนาด ตา่ งๆ กันแล้วแต่ขนาดของสถานทท่ี ี่จะนำออกไปให้บริการ กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชนทด่ี ้อยโอกาสในการ เข้าถึงข่าวสารและด้อยโอกาสในการศึกษา เช่น ชาวชนบท ชาวเขา ที่ดำเนินการห้องสมุดเคลื่อนท่ีในรูปแบบน้ี ได้แก่ โครงการหนังสือสัญจรสำหรับผู้ใช้แรงงาน สโมสรเด็กเคล่ือนท่ี โครงการหนังสือสญั จรเพื่อเดก็ ในชนบทและ เด็กในโรงเรียนของมลู นิธเิ พอ่ื การพัฒนาเดก็ กระเปา๋ หนงั สือเคล่อื นท่ขี องสมาคมพฒั นาการอา่ นของเด็ก เปน็ ตน้ 2. หีบหนังสือ จดั โดยการคัดเลือกหนังสือประเภทต่างๆ ใสห่ ีบซึ่งอาจทำด้วยอีบกุ ไม้ หรือสังกะสี แล้วนำออกไปให้บริการแก่ประชาชนถึงที่อยู่อาศัย เช่น โครงการหีบหนังสือสู่ประตูบ้าน โครงการหีบอีบุกบรรจุ หนงั สือ หรอื โครงการหบี หนงั สือ ซ่ึงให้บริการแกป่ ระชาชนท่วั ไป 3. ถุงหนังสือ เป็นบริการห้องสมุดเคลื่อนท่ีของกรมการศึกษานอกโรงเรียน ท่ีจัดข้ึนโดย ใชถ้ งุ บรรจหุ นังสือประมาณ 20 เล่ม หมนุ เวียนให้ชาวบ้านในชนบทได้อา่ น โดยมคี รูอาสาสมคั รเปน็ ผู้เดินแจก 4. ห้องสมุดเรอื หรือหอ้ งสมุดลอยน้ำ เป็นบริการท่จี ัดให้ประชาชนที่ตงั้ บ้านเรือนอยูร่ ิมแม่น้ำ หรือ ทะเล เช่น ห้องสมุดเรือของโครงการศึกษานอกโรงเรียน เรือควีนอลิซาเบทที่ 2 ซ่ึงเป็นเรือโดยสารข้ามทวีป ท่มี ีหอ้ งสมุดอยู่บนดาดฟ้าของเรอื 5. รถยนต์เคล่ือนที่ เป็นห้องสมุดเคลื่อนที่ท่ีจัดโดยใช้รถยนต์บรรทุกหนังสือออกให้บริการแก่ ประชาชนท่ีอยู่ตามท้องถ่ินต่างๆ ทั้งในชนบทและในเมือง เช่น โครงการห้องสมุดเคลื่อนท่ีเพื่อชุมชนในชนบท โครงการหอ้ งสมดุ เคล่อื นที่สำหรบั ชมุ ชนชาวเขา โครงการต้หู นงั สอื เคลื่อนท่ีสำหรับเด็ก 6. ห้องสมุดรถไฟ เป็นการจัดบริการหนังสือให้แก่ประชาชนท่ีเดินทางด้วยรถไฟ เช่น โครงการ สง่ เสรมิ การอ่านบนรถไฟ บริการห้องสมุดเคล่ือนท่ีนั้นสามารถจัดได้หลายรูปแบบแตกต่างกันตามสภาพของท้องถิ่น แต่เป้าหมายท่ีสำคัญคือ การให้ข่าวสารและความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ เพ่ือการส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญา เพื่อความเพลิดเพลิน และเพ่ือพัฒนาทักษะทางวิชาชีพของประชาชนกลุ่มเป้าหมาย หรือบุคคลอื่นๆ เพ่ือร่วมจัด กจิ กรรมและเพือ่ การประชาสัมพนั ธ์ 6

บทท่ี 3 วธิ ีดำเนนิ การ 3.1 กลุ่มเปา้ หมาย 1 เชงิ ปริมาณ - เดก็ นกั เรยี น เยาวชน และประชาชนในเขตพ้นื ทอ่ี ำเภอปง 6 ตำบล รวม 300 คน 2 เชิงคุณภาพ - กลุ่มเป้าหมายได้รบั บริการส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ และปลูกฝังนิสัยรกั การอ่าน/การเรียนรู้ อย่างกวา้ งขวาง ท่วั ถึง และมีคณุ ภาพ 3.2 ขนั้ ตอนดำเนินการ 3.2.1 ประชมุ วางแผนผู้ที่เกีย่ วขอ้ ง 3.2.2 เขยี นโครงการเพอ่ื ขออนมุ ตั ิ 3.2.3 ประสานงานภาคเี ครือขา่ ยและผูเ้ กี่ยวขอ้ ง/จัดทำคำสั่ง 3.2.4 จัดเตรยี มวสั ดุอปุ กรณ์ 3.2.5 ดำเนินงานตามโครงการ 3.2.6 วดั ผลประเมนิ ผลโครงการ/สรปุ โครงการเปน็ รูปเล่ม 3.2.7 นำผลประเมินโครงการมาปรบั ปรุงแกไ้ ขในคร้งั ต่อไป กิจกรรม 1. กิจกรรมส่งเสรมิ การอา่ นและการเรยี นร้รู ่วมกับ กศน.ตำบล 2. รถโมบายส่งเสรมิ การอ่านเคลื่อนที่ 3. รบั สมัครสมาชกิ ห้องสมุดประชาชน ฯ ฟรี 4. กิจกรรมเด็กเรียน เด็กรู้ (ครเู ล่านทิ านให้เดก็ ฟงั ) 5. กิจกรรมระบายสีหมวกอาชีพ/คัพเคก้ บอกรัก/พับกระดาษรูปสตั ว์ 6. หนังสอื ทฉี่ ันชอบมอบให้คนอนื่ อา่ น 3.3 เครือ่ งมือท่ีใช้ประเมนิ - การประเมนิ ความพึงพอใจของผ้รู บั บรกิ าร - การสงั เกตการเข้ารว่ มกิจกรรม 3.4 การวเิ คราะห์ขอ้ มูล ผู้ประเมนิ ได้ใช้วธิ ีการวเิ คราะห์ข้อมลู โดยใชโ้ ปรแกรมประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ เครอื่ งมอื ท่ีใชป้ ระเมนิ ในครั้งน้ี คอื แบบประเมินความพึงพอใจ 7

บทที่ 4 ผลทเ่ี กดิ ขึ้น ในการจดั กจิ กรรม “โครงการหอ้ งสมุดเคลือ่ นทีน่ ำความรู้สชู่ ุมชน ปี 2563” มวี ตั ถปุ ระสงคด์ ังนี้ 1. เพ่ือส่งเสรมิ สนบั สนนุ การอ่าน/การเรยี นรู้ และปลูกฝังนสิ ัยรักการอ่านใหก้ ับกลุ่มเป้าหมายอย่าง กวา้ งขวาง ทั่วถงึ ทุกพน้ื ท่ี 2. เพ่อื เพิม่ ช่องทางและโอกาสการอา่ น/การเรยี นรใู้ ห้กลุ่มเปา้ หมาย 3. เพื่อส่งเสริมความร่วมมือ และประชาสัมพันธก์ ิจกรรมการศึกษาตามอธั ยาศยั อธั ยาศัยอำเภอปง ข้อมูลท่ัวไป ตารางท่ี 1 จำนวนรอ้ ยละของเพศ ผู้เขา้ รว่ มกจิ กรรม รายการ จำนวนผเู้ ขา้ รว่ ม รอ้ ยละ เพศ 51.18 48.82 ชาย 217 100 หญงิ 207 รวม 424 แผนภูมิแสดงเพศของผู้ตอบแบบสอบถาม หญิง, 3.2 ชาย, 51.18 8

ตารางที่ 2 จำนวนรอ้ ยละของอายขุ องผตู้ อบแบบสอบถามในการเขา้ ร่วมโครงการ ชว่ งอายุ รายการ จำนวนผูเ้ ข้าร่วม คิดเป็น รอ้ ยละ 0 - 6 ปี 46 10.85 7 – 15 ปี 361 85.14 16 – 35 ปี 2 0.47 36 – 50 ปี 9 2.12 51 ปขี ึน้ ไป 6 1.42 424 100 รวม แผนภูมแิ สดงช่วงอายุของผู้ตอบแบบสอบถาม อายุ อายุ 85.14 10.85 0.47 2.12 1.42 0-6 ปี 7-15 ปี 16-35 ปี 36-50 ปี 51 ปีขนึ ้ ไป 9

ตารางท่ี 3 รอ้ ยละของระดับการศึกษาช้ันสงู สดุ ของผูต้ อบแบบสอบถาม รายการ จำนวนผู้เขา้ ร่วม คิดเปน็ รอ้ ยละ ระดับการศกึ ษา ตำ่ กว่าประถมศึกษา 46 10.85 ประถมศกึ ษา 361 85.14 ม.ตน้ - ม.ปลาย - - ปรญิ ญาตรี 17 - 424 4.01 รวม 100 แผนภูมิแสดงระดับการศึกษาของผ้ตู อบแบบสอบถาม 90 85.14 80 70 0 4.01 60 0 50 40 30 20 10.85 10 0 ระดบั การศกึ ษา 10

ตารางที่ 4 จำนวนร้อยละของความพึงพอใจของผตู้ อบแบบสอบถาม ระดบั รายละเอียด 54 3 21 ดีมาก ดี ปานกลาง นอ้ ย ปรบั ปรงุ 1. รปู แบบการจดั กจิ กรรม 67.13 19.55 13.32 - - - - 2. ระยะเวลาของในการจดั กจิ กรรม/โครงการ 60.11 21.08 18.81 - - - - 3. การประชาสัมพันธ์กิจกรรม/โครงการ 70.06 13.7 16.24 - - - - 4. สถานทจี่ ดั กจิ กรรมมคี วามเหมาะสม 70.44 18.02 11.54 - - 5. การมีส่วนรว่ มในกจิ กรรม 76.31 13.95 9.74 6. ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ ับจากการเขา้ ร่วมกิจกรรม 71.61 17.33 11.06 7. ความพงึ พอใจโดยรวมในการเข้าร่วมโครงการนี้ 78.13 15.44 6.43 แผนภมู แิ สดงร้อยละของความพึงพอใจของผ้ตู อบแบบสอบถาม ความพึงพอใจของผู้ตอบแบบสอบถาม 90 80 70 60 50 40 30 20 10 0 ความพึงพอใจโดยรวม ในการเข้าร่วมโครงการ รูปแบบการจดั กิจกรรม ระยะเวลาของในการ การประชาสมั พนั ธ์ สถานท่ีจดั กิจกรรมมี การมสี ว่ นร่วมใน ประโยชน์ที่ได้รับจาก จดั กิจกรรม/โครงการ กิจกรรม/โครงการ ความเหมาะสม กิจกรรม การเข้าร่วมกิจกรรม นี ้ ดมี าก 67.13 60.11 70.06 70.44 76.31 71.61 78.13 ดี 19.55 21.08 13.7 18.02 13.95 ปานกลาง 13.32 18.81 16.24 11.54 9.74 17.33 15.44 11.06 6.43 11

บทที่ 5 สรปุ อภปิ ราย และข้อเสนอแนะ ในการจัดกิจกรรม “โครงการห้องสมดุ เคลอ่ื นทนี่ ำความร้สู ชู่ ุมชน ปี 2563” มีวัตถุประสงค์ดังน้ี 1. เพอื่ ส่งเสริม สนบั สนนุ การอ่าน/การเรยี นรู้ และปลูกฝงั นสิ ยั รกั การอา่ นใหก้ บั กลมุ่ เปา้ หมายอยา่ ง กว้างขวาง ทั่วถึงทุกพืน้ ที่ 2. เพื่อเพม่ิ ชอ่ งทางและโอกาสการอา่ น/การเรยี นร้ใู หก้ ลุม่ เปา้ หมาย 3. เพ่อื สง่ เสรมิ ความร่วมมือ และประชาสัมพนั ธ์กิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศยั อัธยาศยั อำเภอปง สรุป ผู้เข้าร่วมกิจกรรม “โครงการห้องสมุดเคลื่อนท่ีนำความรู้สู่ชุมชน ปี 2563” ส่วนใหญ่เป็นเด็ก เยาวชน ระดับช้ันประถมศึกษาท่ีได้ให้ความสนใจและร่วมมือเป็นอย่างดี ในการทำกิจกรรมและการเรียนรู้ มีความกระตือรือร้นในการทำกิจกรรม ผลจากแบบสอบถามของผเู้ ขา้ รว่ มโครงการดงั นี้ 1. รูปแบบการจดั กิจกรรม อย่ใู นระดบั ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 67.13 2. ระยะเวลาของในการจดั กิจกรรม/โครงการ อยู่ในระดบั ดมี าก คดิ เป็นร้อยละ 60.11 3. การประชาสัมพันธ์กจิ กรรม/โครงการ อยใู่ นระดับ ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 70.06 4. สถานท่ีจัดกิจกรรมมคี วามเหมาะสม อยใู่ นระดับ ดีมาก คดิ เปน็ ร้อยละ 70.44 5. การมีสว่ นรว่ มในกิจกรรม อยใู่ นระดบั ดีมาก คดิ เปน็ ร้อยละ 76.31 6. ประโยชน์ทไี่ ด้รับจากการเขา้ ร่วมกิจกรรม อยใู่ นระดับ ดีมาก คดิ เป็นร้อยละ 71.61 7. ความพึงพอใจโดยรวมในการเขา้ ร่วมโครงการนี้ อยูใ่ นระดับ ดมี าก คดิ เปน็ ร้อยละ 78.13 อภิปรายผล 1. ผู้เขา้ รว่ มโครงการ จากเป้าหมาย 300 คน มีผเู้ ขา้ ร่วมโครงการจรงิ รวมจำนวน 424 คน 2. ลกั ษณะทวั่ ไปของกลุ่มเปา้ หมาย พบว่าสว่ นใหญ่เป็นชาย จำนวน 217 คน คิดเป็นร้อยละ 51.18 เพศหญิง จำนวน 207 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 48.82 3. ช่วงอายขุ องผู้เข้าร่วมกจิ กรรมระดับมากทสี่ ุด อยใู่ นช่วงอายรุ ะหวา่ ง 7-15 ปี จำนวน 361 คน คิดเป็นร้อยละ 85.14 ระดบั มาก อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 0-6 ปี จำนวน 46 คน คดิ เป็นร้อยละ 10.85 ระดบั ปานกลาง อยู่ในชว่ ง อายรุ ะหว่าง 36-50 ปี จำนวน 9 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 2.12 ระดบั น้อย อยูใ่ นชว่ งอายุ 51 ปีขนึ้ ไป คดิ เป็นรอ้ ยละ 1.42 ระดับน้อยท่สี ดุ อยู่ในชว่ งระหว่าง 16-35 ปี จำนวน 2 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 0.47 4. ระดับการศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมมากท่ีสุด อยู่ในระดับ ประถมศึกษา คิดเป็นร้อยละ 85.14 ระดับมาก อยู่ใน ระดบั ต่ำกว่าประถมศึกษา คดิ เป็นร้อยละ 10.85 ระดบั ปานกลาง อยใู่ นระดับปริญญาตรี คิดเปน็ ร้อยละ 4.01 12

ภาคผนวก 13

รูปกิจกรรม วนั ท่ี 17 สงิ หาคม 2563 ศนู ย์พัฒนาเด็กเลก็ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำบลออย 14

รูปกิจกรรม วนั ที่ 31 สิงหาคม 2563 โรงเรียนอนุบาลปง (บา้ นนาปรงั ) 15

รปู กจิ กรรม วนั ที่ 31 สิงหาคม 2563 โรงเรียนบา้ นผาตั้ง 16

รูปกจิ กรรม วนั ที่ 22 กนั ยายน 2563 โรงเรียนบ้านดู่ 17

รูปกจิ กรรม วันที่ 22 กันยายน 2563 โรงเรียนบา้ นใหมพ่ ฒั นา 18



ก คำนำ ห้องสมุดประชาชนอำเภอปง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอปง ได้จัดโครงการส่งเสริมการอ่านเน่ืองใน “วันเด็กแห่งชาติ 2563” ขึ้นในวันท่ี 11 มกราคม 2563 เพ่ือเป็น การส่งเสริมนิสัยรักการอ่านให้แก่ เด็ก และเยาวชนเห็นความสำคัญของการอ่าน เพื่อให้เด็กกล้าคิด กล้าแสดงออก รวมถงึ ใหเ้ ด็ก เยาวชน ผปู้ กครอง ไดท้ ำกิจกรรมร่วมกนั ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างย่ิงว่าเอกสารเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ท่ีต้องการศึกษาและหาแนวทางใ น การพัฒนาค้นควา้ ต่อไป ห้องสมุดประชาชนอำเภอปง กมุ ภาพนั ธ์ 2563

ข หนา้ ก สารบญั ข 1 เรอ่ื ง คำนำ 2 สารบัญ บทที่ 1 บทนำ 7 - ความเปน็ มาและความสำคัญ 8 - วัตถุประสงค์ 12 - ขอบเขตของโครงการ บทที่ 2 เอกสารทเ่ี กย่ี วขอ้ ง - ความหมายของเดก็ - ประวัติความเปน็ มาของวนั เด็กแห่งชาติ - การจัดงานวนั เดก็ ในประเทศไทย - กจิ กรรมตา่ งๆ ท่ีควรจดั ในวันเดก็ - คำขวัญวันเด็ก บทท่ี 3 วธิ ีดำเนินการ - กลุม่ เปา้ หมาย - ขัน้ ตอนดำเนินการ - กิจกรรม บทท่ี 4 ผลทเ่ี กดิ ขึ้น บทท่ี 5 สรปุ และอภปิ ราย ภาคผนวก - ภาพกิจกรรม - โครงการ

บทท่ี 1 บทนำ 1.1 ความเป็นมาและความสำคัญ เด็กซ่ึงถือว่าเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญย่ิงต่อประเทศชาติ ท่ีจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ บ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าและมั่นคงสืบไป เด็กจึงควรเตรียมตัวที่จะเป็นกำลังของชาติ ด้วยการขยันหม่ันศึกษา หาความรู้และใชเ้ วลาใหเ้ ป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบวินัย มีความขยนั หมั่นเพียรตั้งใจ ทำงานด้วยความรับผิดชอบยึดม่ันในความซ่ือสัตย์ สุจริต ตลอดจนมีความเมตตากรุณาช่วยเหลือเอ้ือเฟ้ือผู้อ่ืน เสียสละและบำเพ็ญประโยชน์เพ่ือส่วนรวม ดังคำขวัญวันเด็กประจำปี 2563 ท่ีว่า “เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าท่ีพลเมืองไทย” ห้องสมุดประชาชนอำเภอปง สังกัดศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอปง จังหวัดพะเยา ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาเพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพ จึงได้จัดทำโครงการ “ส่งเสริมการอ่านเน่ืองในวันเด็กแห่งชาติ 2563 ” ขึ้นโดยการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายในพ้ืนท่ี ซึ่งสอดคล้องกับ ยทุ ธศาสตร์ ปี 2563 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่อื เป็นการส่งเสรมิ นสิ ัยรักการอ่านใหแ้ ก่ เดก็ และเยาวชน เห็นความสำคญั ของการอ่าน ให้มากขึ้น 2. เพ่ือให้เด็กกล้าคิด กลา้ แสดงออก 3. เพ่ือใหเ้ ด็ก เยาวชน ผ้ปู กครอง ได้ทำกจิ กรรมร่วมกัน 1.3 ขอบเขตของโครงการ หอ้ งสมดุ ประชาชนอำเภอปงอำเภอปง สงั กดั ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอปง ได้จัดโครงการส่งเสริมการอ่านเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ 2563 ขึ้น ณ ท่ีว่าการอำเภอปง โดยมีเด็กและเยาวชน เข้ารว่ มกิจกรรมจำนวน 240 คน

บทท่ี 2 เอกสารทเี่ กี่ยวขอ้ ง ความหมายของเดก็ จากคำกล่าวที่ว่า อนาคตของประเทศชาติจะเป็นอยา่ งไรต่อไป ส่วนหนึ่งตอ้ งข้ึนอยู่กับคุณภาพชีวติ ของเด็ก ในประเทศน้ัน ๆ ว่าเป็นอย่างไร ดังน้ันเราจึงจำเป็นต้องให้ การพิทักษ์รักษาคุ้มครองทางด้านกฎหมาย ตลอดจนให้ ความสำคัญแก่เด็ก ๆ เพราะถือวา่ เด็ก คอื มนษุ ย์ท่ยี ังออ่ นอย่ทู ั้งทางรา่ งกายและจติ ใจ ตามพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2525 ไดใ้ หค้ วามหมาย ของคำว่า \"เด็ก\" ไวด้ งั นี้ เดก็ หมายถึง คนทมี่ ีอายุยงั นอ้ ย ยงั เล็ก เดก็ ชาย คอื คำนำเรียกเด็กผชู้ ายทม่ี ีอายุไมเ่ กิน 14 ปบี ริบรู ณ์ เด็กหญิง คือ คำนำเรยี กเด็กผ้หู ญงิ ทีม่ อี ายไุ มเ่ กนิ 14 ปบี ริบูรณ์ เมือ่ ปีพุทธศักราช 2498 ไดเ้ กดิ ปฏญิ ญาว่าด้วยสทิ ธิเดก็ ขน้ึ โดยองค์การสหประชาชาติทำใหท้ ่ัวโลกเกดิ ความ ต่ืนตัว และเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะให้ความสำคัญแก่เด็ก ๆ ของตนมากข้ึน การขานรับในการนี้จากประเทศต่าง ๆ เป็นไปอย่างกว้างขวาง ในปีเดียวกันน้ันเอง ประเทศต่าง ๆ ท่ัวโลกไม่น้อยกว่า 40 ประเทศต่างก็จัดงานฉลองวัน เดก็ แหง่ ชาตขิ องประเทศตนขน้ึ โดยกำหนดวนั จนั ทร์แรกของเดอื นตุลาคมของทุกปี เปน็ วนั เด็กแห่งชาติ การจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติในแต่ละประเทศขณะน้ัน มีรูปแบบท่ีคล้ายคลึงกันเป็นส่วนใหญ่ โดย ยดึ หลักการใหค้ วามสำคัญแก่เด็กเป็นวัตถุประสงค์หลัก โดยเปิดสถานที่ราชการทีส่ ำคัญเช่น พิพธิ ภณั ฑ์ รฐั สภา เป็น ต้น ให้เด็ก ๆได้เข้าชมและศึกษา บางแห่งจัดการแสดงมหรสพ มีการแจกอาหาร แข่งขันเกม แจกของขวัญ ฯลฯ ตอ่ มางานนไี้ ดร้ ับความสำคัญทวั่ โลกจงึ ไดจ้ ดั กนั แพร่หลายมาถงึ ปัจจุบัน ประวัติความเปน็ มาของวันเด็กแห่งชาติ วันเด็กแห่งชาติ ตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี เป็นวันหยุดราชการที่มิได้ชดเชยใน วนั ทำงานถดั ไป (วันจนั ทร์) มกี ารใหค้ ำขวัญวันเดก็ ทกุ ปโี ดยนายกรฐั มนตรีทีด่ ำรงตำแหน่งในขณะนน้ั งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นเป็นคร้ังแรก เม่ือวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม พ.ศ. 2498 ตามคำเชิญชวนของ นายวี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพ่ือสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้ประชาชน เห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังใหเ้ ด็กมสี ว่ นร่วมในสังคม เตรยี มพรอ้ มใหต้ นเองเป็นกำลงั ของชาติ รัฐบาลได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงาน ต่างๆ ท้ังภาครัฐบาลรัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติท้ังในส่วนกลางและ ส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพ่ือให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญ ของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ท่ีมีต่อตนเองและสังคม มีความยึดม่ันในสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษัตรยิ เ์ ป็นประมุข งานวันเด็กแห่งชาติจัดข้ึนทุกปีในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมจนถึง พ.ศ. 2506 และใน พ.ศ. 2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทัน จึงได้เร่ิมจัดอีกคร้ังในปี พ.ศ. 2508 โดยเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่ 2 ของเดือน มกราคม เน่ืองจากเห็นวา่ เปน็ ชว่ งหมดฤดูฝนและเปน็ วนั หยุดราชการ จนถึงทกุ วันน้ี Children's Day ปีพุทธศักราช 2498 อันเป็นปีท่ีทั่วโลกเร่ิมจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติกันขึ้น ตามความเห็น คล้อยตามกับองค์การสหประชาชาติท่ีนำปัญหาเร่ืองเด็กมาร่างเป็นปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของเด็กข้ึนมาประเทศไทย ได้รับข้อเสนอของวี เอ็ม กุลกานี ผู้แทนองค์กรสมาพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศ ผ่านมาทาง กรม

ประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทยว่า ประเทศไทยควรจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติข้ึน เพื่อส่งเสริม ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของเด็กให้มากขึ้น ดงั ทนี่ านาประเทศกำลังทำอยู่ ขณะน้ัน สภาวัฒนธรรมแห่งชาติยังมิได้ถูกยุบเลิกไป คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ จึงนำเร่ืองนี้ เขา้ สทู่ ่ีประชุมเพ่ือพจิ ารณา ในที่สุดท่ีประชุมไดเ้ ห็นชอบนำเรือ่ งเสนอตอ่ คณะรฐั มนตรีในขณะน้ัน ต่อมาเม่ือวนั ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 ได้มีมติคณะรัฐมนตรีรับหลักการ ให้จัดงานวันเด็กแห่งชาติข้ึน โดยมอบหมาย ให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการรับไปดำเนินการ ส่วนของค่าใช้จ่ายในการจัดงานน้ัน ได้อนุมัติเงิน จากกองสลากกินแบ่งรัฐบาลมาดำเนินการ ดังนั้น ในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2498 ประเทศไทยจึงมีงานเฉลิมฉลอง วันเด็กแห่งชาติเกิดขึ้นเป็นคร้ังแรก จากนั้นเป็นต้นมา ทางราชการได้กำหนดวันจันทร์แรกของเดือนตลุ าคมของทุกปี เป็นวันเด็กแห่งชาติ และจัดติดต่อกันมาจนถึงปี พ.ศ. 2506 ท่ีประชุมคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติในปีน้ัน มีความเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรท่ีจะเสนอเปล่ียนวันจัดงานวันเด็กแห่งชาติเสียใหม่เพ่ือความเหมาะสม ด้วยเหตุผลว่า ในเดือนตุลาคม ประเทศไทยยังอยู่ในฤดูฝน มีฝนตกมาก เด็กไม่สะดวกในการมาร่วมงาน ประการ ตอ่ มากค็ ือ วันจันทรเ์ ป็นวนั ปฏิบัติงานของผู้ปกครอง จึงไม่สามารถพาเด็กของตนไปร่วมงานได้ ตลอดจนการจราจร กต็ ดิ ขดั คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามท่ีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติเสนอ ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507 ประกาศเปลี่ยนงานฉลองวันเด็กแห่งชาติจากวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม มาเป็นวันเสาร์ที่สองของ เดือนมกราคมตั้งแต่บัดน้ันเป็นต้นมา ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้ปี พ.ศ. 2507 ไม่มีงานวันเด็กแห่งชาติด้วยการประกาศ เปลี่ยนไดเ้ ลยวันมาแลว้ งานวนั เดก็ แห่งชาตไิ ด้เริ่มจดั ขึ้นมาใหมอ่ ีกครัง้ ใน พ.ศ. 2508 และจดั เร่ือยมาจนถึงปัจจุบนั การจดั งานวนั เดก็ ในประเทศไทย ปีพุทธ ศักราช 2498 อันเป็นปีท่ีทั่วโลกเร่ิมจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติกันขึ้น ตามความเห็นคล้อย ตามกับองค์การสหประชาชาติทน่ี ำปัญหาเร่อื งเด็กมารา่ งเป็น ปฏิญญาว่าดว้ ยสทิ ธิของเด็กข้ึนมา ประเทศไทยได้รับข้อเสนอของนาย วี เอ็ม กุลกานี ผู้แทนองค์กรสมาพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่าง ประเทศ ผ่านมาทางกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทยว่า ประเทศไทยควรจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็ก แห่งชาติขึ้น เพอื่ ส่งเสรมิ ใหป้ ระชาชนเห็นความสำคญั ของเดก็ ให้มากข้นึ ดังทน่ี านาประเทศกำลังทำอยู่ ขณะนั้น สภาวัฒนธรรมแห่งชาติยังมิได้ถูกยุบเลิกไป คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ จึงนำเรื่องนี้ เข้าสทู่ ี่ประชุมเพ่ือพจิ ารณา ในท่ีสุดท่ีประชุมไดเ้ ห็นชอบนำเรือ่ งเสนอต่อคณะรัฐมนตรใี นขณะนั้น ต่อมาเม่อื วนั ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ.2498 ได้มีมติคณ ะรัฐมนตรีรับหลักการ ให้จัดงานวันเด็กแห่งชาติข้ึน โดยมอบหมาย ให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการรับไปดำเนินการ ส่วนของค่าใช้จ่ายในการจัดงาน้ัน ได้อนุมัติเงิน จากกองสลากกินแบง่ รัฐบาลมาดำเนินการ ดังนั้น ในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2498 ประเทศไทย จึงมีงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก จากน้ันเปน็ ต้นมา ทางราชการได้กำหนดวันจนั ทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปีเป็นวันเด็กแห่งชาติ สำหรับประเทศ ไทย และจัดติดต่อกันมาจนถึงปี พ.ศ.2506 ที่ประชุมคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติในปีน้ัน มีความเห็นพ้อง ต้องกันว่า สมควรที่จะเสนอเปล่ียนวันจัดงานวันเด็กแห่งชาติเสียใหม่ เพ่ือความเหมาะสมด้วยเหตุผลว่า ในเดือน ตุลาคมสำหรับประเทศไทยเราเป็นเดือนท่ียังอยู่ในฤดูฝน มีฝนตกมาก เด็ก ๆ ไม่สะดวกในการมาร่วมงาน ประการต่อไปก็คือ วันจันทร์เป็นวันปฏิบัติงานของผู้ปกครอง จึงไม่สามารถพาเด็กของตนไปร่วมงานได้ ตลอดจน การจราจรก็ติดขัด จึงเห็นว่าควรจะเปลี่ยนไปเป็นวันเสาร์ท่ีสองของเดือนมกราคมเสียทุกส่ิง ทุกอย่างได้สะดวก สบายขึ้น และมีความเหมาะสมมากกว่า จากข้อเสนอดังกล่าว คณะรัฐมนตรีในขณะนั้นมีมติเห็นชอบตามท่ีคณะกรรมการจัดงานวัดเด็กแห่งชาติ เสนอ ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2507 จึงประกาศเปล่ียนงานฉลองวันเด็กแห่งชาติจากวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม