นวัตกรรม การประดิษฐ์ดอกไม้จากผ้า ปี๒๕๖๓

         ชุดสอื การเรยี นการสอน เรอื ง การประดิษฐด์ อกไมจ้ ากผา้ รายวิชา การงานอาชพี และเทคโนโลย ี กล่มุ สาระการเรยี นรูก้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ชนั มธั ยมศกึ ษาปที ๖ ซงึ ได้แบง่ เนอื หาตามกิจกรรมขนั ตอน เปนกิจกรรมการเรยี นการสอนทียดึ นกั เรยี นเปนสาํ คัญ ใหน้ กั เรยี นได้ลงมอื ปฏิบตั ิจรงิ จนเกิดทักษะ  ความรู้ มเี จตคติทีดี ต่อการทํางาน และมปี ระสบการณใ์ นการทํางานเปนลําดับขนั ตอน ดังนนั ก่อนการ ใชช้ ุดสอื การเรยี นการสอนในการปฏิบตั ิงานครูผสู้ อนและนกั เรยี นต้องทําความเขา้ ใจในบทบาทของตนเอง  เพอื ดําเนนิ กิจกรรมการเรยี นรูใ้ หบ้ รรลวุ ัตถปุ ระสงค์ และมปี ระสทิ ธภิ าพ ดังน ี ๑. บทบาทของครู การสอนในหอ้ งเรยี น ผสู้ อนมบี ทบาทดังนี คือ    ๑.๑ จัดเตรยี มวัสดแุ ละอุปกรณ์ สาํ หรบั การปฏิบตั ิกิจกรรมใหพ้ รอ้ ม    ๑.๒ กํากับการเรยี นรู้ ใหน้ กั เรยี นเปนผลู้ งมอื ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรยี นรูด้ ้วยตัวนกั เรยี นเอง    ๑.๓ ใหค้ ําแนะนาํ  อํานวยความสะดวกแก่นกั เรยี น ขณะทีใชช้ ุดสอื การเรยี นการสอน ตาม คําแนะนาทีกําหนดไว้ หรอื เมอื นกั เรยี นต้องการความชว่ ยเหลือ    ๑.๔  ประเมนิ ผลการเรยี นรูข้ องนกั เรยี นหลังการใชช้ ุดสอื การเรยี นการสอนเพอื ตรวจสอบ ความเขา้ ใจความสามารถในการประดิษฐช์ นิ งาน  คณุ ลักษณะทีพงึ ประสงค์ขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของ นกั เรยี นและวัดผลสมั ฤทธทิ างการเรยี นจนครบทกุ ชุด  ๒.  บทบาทของผเู้ รยี น  ครูผสู้ อนต้องชแี จงใหน้ กั เรยี นทราบและปฏิบตั ิตาม  เกียวกับบทบาทของ นกั เรยี นในการเรยี นชุดสอื การเรยี นการสอน ดังน ี   ๒.๑ อ่านคําชแี จง และปฏิบตั ิงานตามขนั ตอนอยา่ งรอบคอบ    ๒.๒ พยายามทําแบบฝกทักษะปฏิบตั ิ และปฏิบตั ิกิจกรรมอยา่ งเต็มความสามารถ    ๒.๓  ควรตังใจปฏิบตั ิกิจกรรมอยา่ งจรงิ จังตามลําดับขนั   ไมช่ วนเพอื นคยุ ออกนอกเรอื ง  หรอื ทํากิจกรรมอืนทีไมไ่ ด้อยูใ่ นชุดสอื การเรยี นการสอน    ๒.๔ เมอื มปี ญหาในการใชช้ ุดสอื การเรยี นการสอน จะต้องปรกึ ษา หรอื ขอความชว่ ยเหลือ จากครูผสู้ อน    ๒.๕ ก่อนจะสง่ งานต้องสาํ รวจ จัดเก็บชุดสอื การเรยี นการสอนหรอื สอื อุปกรณต์ ่าง ๆเขา้ ที เดิมทําความสะอาดบรเิ วณปฏิบตั ิงานและหอ้ งปฏิบตั ิการใหเ้ รยี บรอ้ ย  ในกรณพี บว่าชุดสอื การเรยี นการ สอนชาํ รุดเสยี หาย ควรแจ้งใหค้ รูผสู้ อนทราบทันที                           

          ชุดสอื การเรยี นการสอน เรอื ง การประดิษฐด์ อกไมจ้ ากผา้ กล่มุ สาระการงานอาชพี และเทคโนโลย ี ชนั มธั ยมศกึ ษาปที ๖ จะเกิดประโยชนส์ งู สดุ นกั เรยี นควรปฏิบตั ิ ดังน ี ๑. นกั เรยี นศกึ ษาชุดสอื การเรยี นการสอน การประดิษฐด์ อกไมจ้ ากผา้ ในรายละเอียดต่าง ๆรวมถึง จุดประสงค์การเรยี นรูใ้ หเ้ ขา้ ใจ  ๒. นกั เรยี นทําแบบทดสอบก่อนเรยี น เพอื วัดความรูพ้ นื ฐาน จํานวน ๕ ขอ้ ตรวจคําตอบแล้ว บนั ทึกคะแนนทีได้    ๓. นกั เรยี นศกึ ษาใบความรู้ เรอื ง การประดิษฐด์ อกไมจ้ ากผา้ และวางแผนการทํางานหากเกิดขอ้ สงสยั ไมเ่ ขา้ ใจหรอื มปี ญหา นกั เรยี นควรขอคําแนะนาํ จากครูผสู้ อนทันที  ๔. ในการปฏิบตั ิกิจกรรมการเรยี นรู้ นกั เรยี นต้องตังใจฝกปฏิบตั ิงานด้วยความรบั ผดิ ชอบ รวดเรว็ ทันเวลาทีกําหนดไว้ ลงมอื ปฏิบตั ิตามขนั ตอนทีกําหนดใหใ้ นกิจกรรมทําเพลิน เมอื ปฏิบตั ิเสรจ็ เรยี บรอ้ ย ให้ นกั เรยี นสง่ ผลงานของใหค้ รูผสู้ อนและเพอื นรว่ มกันประเมนิ   ๕. เมอื ปฏิบตั ิชุดสอื การเรยี นการสอน เรอื ง การประดิษฐด์ อกไมจ้ ากผา้ สาํ เรจ็ ลลุ ่วงด้วยดีแล้ว ให้ นกั เรยี นทําแบบฝกหดั ในใบงาน และแบบทดสอบหลังเรยี น จํานวน ๕ ขอ้ ตรวจคําตอบแล้วบนั ทึกคะแนน ทีได้ เปรยี บเทียบกับคะแนนทดสอบก่อนเรยี นเพอื ดคู วามก้าวหนา้ และวัดความเขา้ ใจของตนเอง  ๖. ปฏิบตั ิตนเปนคน มคี วามรบั ผดิ ชอบ ใฝรูใ้ ฝเรยี น ซอื สตั ยข์ ยนั ประหยดั และอดทน ยอมรบั ความคิดเหน็ ของผอู้ ืนในการฝกปฏิบตั ิกิจกรรม                                   

      ๑) ด้านความรู ้ ๑.นกั เรยี นรูแ้ ละเขา้ ใจสามารถบอกขนั ตอนการประดิษฐด์ อกไมจ้ ากผา้ ได้    ๒) ด้านทักษะกระบวนการ  ๑.นกั เรยี นสามารถประดิษฐด์ อกไมจ้ ากผา้ ได้    ๓) ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์  ๑.มวี ินยั   ๒.ใฝเรยี นรู ้ ๓.มงุ่ มนั ในการทํางาน  ๔.รกั ความเปนไทย                                               

แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลังเรยี น  ห​ นว่ ยการเรยี นรูท้ ี ๕ ผลิตภัณฑ์งานประดิษฐ ์ วิชาการงานอาชพี และเทคโนโลย ี รหสั วิชา ง๓๑๑๐๑ ชนั มธั ยมศกึ ษาปที ๖  เรอื ง การประดิษฐด์ อกไมจ้ ากผา้ เวลา ๕ นาที  ภาคเรยี นที ๑ ปการศกึ ษา ๒๕๖๓ คะแนนรวม ๕ คะแนน  ใหน้ กั เรยี นกากบาทเลือกคําตอบทีถกู ต้องลงในกระดาษคําตอบ     ๑. การตัดผา้ เพอื ทําดอกไมป้ ระดิษฐ์ แบบตมู ต้องตัดเปนรูปใด        ก. วงกลม        ข. สามเหลียมด้านเท่า        ค. สเี หลียมคางหมู         ง. สเี หลียมจัตรุ สั       ๒. อุปกรณท์ ีใชใ้ นการมดั ดอกไมค้ ือขอ้ ใด      ก. ด้าย    ข. ฟลอรา่ เทป  ค. ลวดหมุ้ กระดาษ  ง. ถกู ทกุ ขอ้   ๓. แบบดอกไมม้ กี ีแบบ    ก. ๑ แบบ   ข. ๒ แบบ     ค. ๓ แบบ    ง. ๔ แบบ  ๔. แบบดอกบานใชท้ ังหมดกีกลีบ    ก. ๓ กลีบ    ข. ๔ กลีบ    ค. ๕ กลีบ   ง. ๖ กลีบ  ๕. ขอ้ ใดถกู ต้องในการเลือกเศษผา้ มาใชใ้ นการประดิษฐด์ อกไมจ้ ากผา้   ก. ผา้ ซนิ   ข. ผา้ ฝาย  ค. ผา้ ลินนิ   ง. ผา้ ขนสตั ว์ 

          ชอื ………………………………..สกลุ …………...………………..….ชนั ……...…..เลขที……....…    ขอ้   ก  ข  ค  ง  ๑          ๒          ๓          ๔          ๕          สรุปผล  คะแนนเต็ม  คะแนนทไี ด้  รวม ๕ คะแนน    เกณฑ์การประเมนิ   เกณฑ์การตัดสนิ   ๓ – ๕ คะแนน = ผา่ น   ผา่ น  ๐ – ๒ คะแนน = ไมผ่ า่ น   ไมผ่ า่ น                                   

              ดอกไมป้ ระดิษฐจ์ ากผา้ คือ สงิ ประดิษฐข์ นึ จากผา้ มลี ักษณะคล้ายรูปรา่ งดอกไม้ ทีถกู ผลิตขนึ มา จากแรงงานฝมอื มนษุ ย์ เครอื งจักร หรอื อุปกรณก์ ารผลิต โดยมกี ารใชว้ ัตถดุ ิบทีเกิดจากการสงั เคราะหม์ า ผลิตโดยผา่ นขนั ตอนการประดิษฐ์ ดัดแปลง อบ ยอ้ ม เผา เคลือบสารเคมี รวมทังทําการตกแต่งตัดต่อเติม  เพอื ก่อใหเ้ กิดความสวยงาม โดยดอกไมท้ ีประดิษฐข์ นึ มาอาจจะมคี วามเหมอื นหรอื ไมเ่ หมอื นธรรมชาติก็ได้ ขนึ กับวัตถปุ ระสงค์การใชง้ าน โดยคณุ สมบตั ิของดอกไมป้ ระดิษฐจ์ ากผา้ ทีสาํ คัญคือ มคี วามคงทน ง่ายต่อ การเคลือนยา้ ยและดแู ลรกั ษา มคี วามสวยงาม สามารถนาํ ไปใชใ้ นการประดับในโอกาสต่าง ๆ  การประดิษฐด์ อกไมด้ ้วยฝมอื มนษุ ยเ์ ปนศลิ ปะทีมคี วามละเอียดอ่อน มงุ่ หวังทีจะดํารงความงดงาม ตามธรรมชาติของดอกไมใ้ หค้ งอยู่ ไมร่ ว่ งโรย เหยี วเฉา การทําดอกไมป้ ระดิษฐ์ จึงเรมิ ต้นทีการใชค้ วาม สงั เกต ศกึ ษา ค้นคว้า รูปลักษณะ สสี นั ตามธรรมชาติ ของดอกไมแ้ ต่ละชนดิ แต่ละประเภท แล้วถ่ายทอด การทําออกมาเปนดอกไมป้ ระดิษฐ์ ดอกไมป้ ระดิษฐ์ อาจถือได้ว่าเปนมรดกทางวัฒนธรรมของบางชนชาติ  ทีมกี ารสบื ทอดการประดิษฐด์ อกไมม้ ายาวนาน                                     

                                                              หมายเหตุ : เ​ ศษผา้ ต้องเปนชนดิ ของผา้ ซนิ พมิ ลายหรอื ผา้ ไหม ต้องไมม่ ลี ักษณะหนาหรอื บางจนเกินไป   

                                                                 

          ๑.ตัดเศษผา้ เปนรูปสเี หลียมจัตรุ สั ขนาด ๔ x ๔ นวิ ​๒.พบั ครงึ เปนรูปสามเหลียม โดยสอดไมเ้ สยี บลกู ชนิ     ไว้ ด้านใน (ด้านไมไ้ มแ่ หลม)                    ๔​ .จับรดั ชายผา้ ใหเ้ ปนลักษณะคล้ายดอกตมู    ๓.พบั ด้านปลายสามเหลียมทังด้านซา้ ย และด้านขวา   เขา้ หากัน ใชด้ ้ายมดั ใหแ้ นน่ ดังรูป ๕.ตัดผา้ สว่ นเกินออก เพราะขณะพนั ฟลอรา่ เทป                      ๖.พนั ด้วยฟลอรา่ เทป และติดใบกหุ ลาบปลอม   ตัวดอกจะได้ไมห่ นาจนเกินไป จํานวน ๒ ใบ ฝงตรง  ขา้ มกัน         

                ๑.นาํ ลวดหมุ้ กระดาษ มาพนั เปนวงกลมตามขนาด ๒. วางลงบนเศษผา้ ทีต้องการ ทิงไว้ใหแ้ หง้    ทากาวบนลวดหมุ้ กระดาษ  และตัดตามแบบ                    ๓.ใชด้ ้ายมดั เกสรดอกไมป้ ระดิษฐก์ ับปลายไมเ่ สยี บลกู ชนิ ๔.นาํ กลีบดอกไมท้ ีตัดแล้ว จํานวน ๕ กลีบ เรมิ มดั ด้วยด้ายทีละกลีบ เรยี งลําดับไปเรอื ย ๆ โดย   ลักษณะการวางกลีบจะต้องซอ้ นครงึ หลังของ กลีบแรกจนครบ ๕ กลีบ                             

    ๕.พนั ด้วยฟลอรา่ เทป และติดใบกหุ ลาบปลอมจํานวน ๒ ใบ   ๑๑  ฝงตรงขา้ มกัน                                                           

ใบงาน  หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี ๕ ผลิตภัณฑ์งานประดิษฐ ์ วิชาการงานอาชพี และเทคโนโลย ี รหสั วิชา ง๓๑๑๐๑ ชนั มธั ยมศกึ ษาปที ๖    เรอื ง การประดิษฐด์ อกไมจ้ ากผา้   คะแนนรวม ๑๐ คะแนน  ภาคเรยี นที ๑ ปการศกึ ษา ๒๕๖๓     งานประดิษฐด์ อกไมจ้ ากผา้   คําชแี จง ใหน้ กั เรยี นปฏิบตั ิกิจกรรมต่อไปน ี ๑.เขยี นรายงานขนั ตอนการประดิษฐ์ โดยใหเ้ ลือกมา ๑ แบบ วัสดุ อุปกรณท์ ีใช ้   วัสดุ อุปกรณ ์ ๑..................................................................... ๔............................................................  ๒..................................................................... ๕............................................................  ๓..................................................................... ๖............................................................  ๗.................................................................... ๘............................................................  ๙...................................................................  ขนั ตอนการทํา  ๑ .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................  ๒ .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................  ๓ .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................  ๔ ..................................................................................................................................................................  ๕ .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................  ๖ .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................            1. ชอื ...................................................................................ชนั .............................เลขที.................