Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงาน

รายงาน

Published by ชลนิชา มาคะวงค์, 2022-04-03 14:21:09

Description: รายงาน

Search

Read the Text Version

ระบบการจัดการรา้ นนำ้ มะพร้าวนำ้ หอม จดั ทำโดย นางสาวอรสิ รา บัวแดง เลขที่ 26 นางสาวชลนชิ า มาคะวงค์ เลขท่ี 32 นายธนภทั ร์ บุญยัง เลขท่ี 37 เสนอ ครูจริ วรรณ มะลาไสย รายงานเล่มน้เี ปน็ ส่วนหนงึ่ ของรายวิชาการวิเคราะหแ์ ละออกแบบระบบเชงิ วัตถุ รหัสวชิ า 3204–2006 สาขาวชิ าเทคโนโลยธี ุรกิจดิจิทัล ระดบั ช้นั ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี ชน้ั สงู (ปวส.) วทิ ยาลัยเทคนคิ จันทบรุ ี ประจำภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564

ระบบการจัดการร้านน้ำมะพรา้ วนำ้ หอม จัดทำโดย เลขท่ี 26 เลขที่ 32 นางสาวอริสรา บัวแดง เลขท่ี 37 นางสาวชลนิชา มาคะวงค์ นายธนภทั ร์ บุญยัง เสนอ ครจู ิรวรรณ มะลาไสย รายงานเลม่ น้เี ป็นส่วนหนึง่ ของรายวิชาการวเิ คราะหแ์ ละออกแบบระบบเชิงวตั ถุ รหสั วิชา 3204–2006 สาขาวชิ าเทคโนโลยีธุรกิจดิจทิ ลั ระดับช้นั ประกาศนียบัตรวชิ าชพี ชั้นสูง (ปวส.) วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี ประจำภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564

คานา รายงานเล่มน้ีจัดทาข้นึ เพือ่ เป็นสว่ นหน่งึ ของวชิ าการวเิ คราะห์ และ ออกแบบระบบ เชงิ วตั ถุ รหัสวชิ า 3204 – 2006 ชนั้ ปวส. 1/1 เพ่อื ให้ไดศ้ ึกษาหาความรู้ในเรอื่ ง ร้านมะพรา้ วน้าหอม และ ไดศ้ ึกษาอยา่ งเขา้ ใจเพ่ือเป็นประโยชน์กับการเรียน คณะผจู้ ดั ทาหวังวา่ รายงานเลม่ น้ีจะเป็นประโยชน์กับผอู้ า่ น หรอื นักเรยี นนักศึกษา ท่กี าลงั หาขอ้ มลู เรอ่ื งนี้อยูห่ ากมีขอ้ เสนอแนะนาหรือขอ้ ผดิ พลาดประการใดคณะผจู้ ดั ทาขอน้อมรับไว้ และขออภัยมา ณ ท่นี ี้ดว้ ย คณะผจู้ ัดทา ก

สารบัญ หน้า คานา ก สารบญั ข สารบัญตาราง ง สารบญั ภาพ จ บทท่ี 1 บทนา 1 1 1.1 ความเป็นมาและความสาคญั 1 2 1.2 วัตถุประสงคข์ องการวิจยั 2 1.3 ขอบเขตการวิจยั 3 1.4 คาจากดั ความที่ใช้ในงานวจิ ยั 1.5 ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะได้รับ 4 1.6 ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการจดั ทาโครงงาน 5 9 บทที่ 2 แนวคดิ ทฤษฎี เอกสารและงานวิจยั ทเ่ี กี่ยวข้อง 11 12 2.1 การวเิ คราะห์และออกแบบระบบ 19 2.2 หลกั การเขยี นผงั งานระบบ 19 20 2.3 ความหมายของ Data Flow Diagram และ Entity Relationship Diagram 22 22 2.4 วธิ ีสรา้ ง DFD (Data Flow Diagram) 24 2.5 ความรเู้ บือ้ งตน้ เกยี่ วกับระบบฐานข้อมลู 27 2.6 โปรแกรม Notepad++ 2.7 ภาษา PHP 2.8 ภาษา SQL 2.9 กรอบแนวคิดในการวิจยั 2.10 งานวิจัยทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง บทที่ 3 วิธีดาเนนิ การวจิ ยั 3.1 การออกแบบระบบฐานขอ้ มูล 3.2 การออกแบบประเมินความพงึ พอใจ ข

สารบญั (ต่อ) หน้า บทท่ี 4 ผลการดาเนนิ งาน 29 30 4.1 การจัดเกบ็ Data Base 4.2 การออกแบบหน้าจอ 33 33 บทที่ 5 สรุป อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ 33 33 5.1 วัตถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั 33 5.2 สมมตฐิ านการวิจยั 33 5.3 เครื่องมอื ในการวิจัย 34 5.4 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 35 5.5 การวเิ คราะหข์ ้อมูล 36 5.6 สรปุ ผลการวจิ ัย 5.7 ข้อเสนอแนะ 38 บรรณานกุ รม 41 ภาคผนวก ก 43 Context Diagram หรือ DFD ระดับ 0 ของ รา้ นนา้ มะพร้าว 45 ภาคผนวก ข 46 48 Context Diagram หรอื DFD ระดับ 1 ของ รา้ นนา้ มะพร้าว ภาคผนวก ค ER-Model แบบ Chen Model and Crow'sFoot Model ร้านนา้ มะพร้าว ภาคผนวก ง Entity Relationship Diagram ร้านน้ามะพรา้ ว ภาคผนวก จ คาถาม 15 ข้อ สรุปบทสัมภาษณ์ ค

สารบัญตาราง หนา้ ตารางท่ี 3 7 1.1 ระยะเวลาการจัดทาโครงงาน 10 2.1 ตารางสัญลักษณม์ าตรฐานทใี่ ช้เขยี นผังงานระบบ 29 2.2 ตารางสญั ลักษณ์ท่ีใช้ใน Data Flow Diagram (DFD) 29 4.1.1 แสดงข้อมูลลูกคา้ 29 4.2.2 แสดงขอ้ มลู สนิ คา้ 29 4.2.3 แสดงข้อมลู รายการขายสินค้า 29 4.2.4 แสดงข้อมลู การขายสนิ ค้า 30 4.2.5 แสดงขอ้ มลู ประเภทสินค้า 30 4.2.6 แสดงข้อมลู ใบเสร็จ 4.2.7 แสดงข้อมลู พนกั งาน ง

สารบญั ภาพ ภาพที่ หนา้ 2.1 สัญลกั ษณ์ทใี่ ชใ้ นการเขียน ER Diagram 11 2.2 ภาพแสดงกรอบแนวคดิ ในการวิจัย 22 3.1 แผนภาพกระแสขอ้ มูล Data Flow Diagram Level Context Diagram ของ level 0 24 3.2 แผนภาพกระแสขอ้ มูล Data Flow Diagram Level 1 25 3.3 แสดงถงึ Entity Relationship Diagram ของระบบการขายน้ามะพรา้ ว 25 3.4 การออกแบบตารางข้อมูลร้านขายนา้ มะพร้าว 26 3.5 การออกแบบตารางขอ้ มลู Product 26 3.6 การออกแบบตารางข้อมูล Order_detail 26 3.7 การออกแบบตารางข้อมูล Order 26 3.8 การออกแบบตารางข้อมลู Employee 27 3.9 การออกแบบตารางข้อมลู Category 27 4.1 หนา้ จอระบบลกู ค้า 30 4.2 หน้าจอใบสงั่ ซอื้ สนิ ค้า 31 4.3 ออกแบบหน้าจอรายการสนิ ค้า 31 4.4 ออกแบบหน้าจอระบบขายนา้ มะพร้าวน้าหอม 32 จ

บทท่ี 1 บทนำ 1.1 ความเป็นมาและความสำคัญ กกกกกกกกงานขายสินคา้ เป็นงานทส่ี ำคญั งานหนง่ึ ของรา้ นขายผักตลาดโบวล์ งิ่ ต้องทำควบคู่กบั งาน การเงนิ พนักงานขายสินค้าได้บรหิ ารอยา่ งเปน็ ระบบระเบียบ โดยการจดบนั ทกึ ลงสมดุ และนำ เทคโนโลยที ท่ี ันสมยั มาใช้ เนื่องจากการใชง้ านท่งี า่ ยและสามารถเขา้ ถงึ ไดท้ ุกเพศทุกวัย อย่างเชน่ เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ ซงึ่ นอกจากจะมีความสามารถในการพมิ พเ์ อกสาร ออกแบบและพฒั นางานต่าง ๆ ได้แล้ว ทง้ั ความจุ ความเร็ว ความสวยของภาพ และความทันสมยั ทำให้สามารถนำระบบปฏบิ ตั ิการ ลงไปใสใ่ นเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพมากข้ึน กกกกกกกกเน่ืองจากระบบการขายสนิ ค้าแบบเดิมยังมีการจดบันทึกใส่สมุด แล้วแต่ละสปั ดาห์ก็จะนำ ข้อมูลการเบิกพัสดุนั้นมาพิมพ์ลงใน Microsoft Excel ซึ่งการทำพัสดุแบบเดิมนั้นยังไม่ตอบสนองต่อ ความต้องการของผู้ใช้งานได้ตรงต่อความต้องการ เพราะยังไม่มีโปรแกรมสำเร็จรูปในการบันทึกการ การขายสินค้า ซึง่ ในการเบิกแต่ละคร้ังต้องเขียนใส่สมุด หากลมื เขียนก็จะไม่ได้บันทกึ ลงใน Microsoft Excel จำทำให้การเช็คพัสดุตอนสิ้นเดือนมีปัญหา คือสินค้าที่เหลือตามจริงกับสินค้าในระบบ ไม่ตรงกัน กกกกกกกกจากปัญหาข้างต้น คณะผู้จัดทำจึงได้มีแนวคิดท่ีจะนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ ในการดำเนินงานดังกล่าว จึงได้มีการจัดทำระบบการเบิกจ่ายพัสดุ เพ่ืออำนวยความสะดวกแก่ผู้ เบกิ จา่ ยพัสดุให้สามารถดำเนินงานต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งสะดวกและรวดเรว็ 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจัย 1.2.1 เพอื่ สรา้ งระบบการขายสนิ ค้า (กรณีศกึ ษารา้ นขายผกั ตลาดโบว์ลง่ิ ) 1.2.2 เพอ่ื หาความพงึ พอใจของผใู้ ชท้ ีม่ ีตอ่ ระบบการเบิกจา่ ยพสั ดุ 1.3 ขอบเขตการวจิ ัย 1.3.1 ประชากรและกลุม่ ตวั อยา่ ง 1.3.1.1 ประชากร คอื นักศกึ ษาหลักสูตรประกาศนยี บตั รวิชาชพี ชนั้ สงู (ปวส.) ระดับชั้นปีท่ี 1 สาขาวิชาเทคโนโลยีธรุ กิจดจิ ิทลั วทิ ยาลยั เทคนคิ จนั ทบุรี ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 45 คน

2 1.3.1.2 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ระดบั ชั้นปีท่ี 1 ห้อง 1 วิทยาลัยเทคนิคจนั ทบุรี ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 จำนวน 33 คน 1.3.2 ตวั แปรท่ศี กึ ษา 1.3.2.1 ตัวแปรต้น คอื ระบบการขายสินค้า 1.3.2.2 ตัวแปรตาม คอื ความพึงพอใจของผใู้ ช้ระบบการเบิกจา่ ยพัสดุ 1.3.3 เคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ในงานวิจยั 1.3.3.1 โปรแกรม Notepad++ 1.3.3.2 โปรแกรม PHP My Admin 1.3.3.3 คอมพวิ เตอร์ใชส้ ำหรับแสดงผลระบบ 1.3.4 วิธกี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 1.3.4.1 ศกึ ษาและรวบรวมขอ้ มลู 1.3.4.2 จดั ทำโปรแกรม เรอ่ื ง ระบบสารสนเทศเก่ยี วกบั การขายสนิ ค้า (กรณีศึกษาร้านขายมะพร้าวนำ้ หอม) 1.3.4.3 ใหพ้ นกั งานขายสินคา้ ทดลองใช้ 1.3.4.4 เก็บรวบรวมแบบสอบถามท้งั หมดและนำมาประมวลผลใหส้ มบรู ณ์ตอ่ ไป 1.3.5 สถติ ทิ ใ่ี ช้ในการวิเคราะหข์ อ้ มูล ใชส้ ถิตพิ รรณนา (Descriptive Statistics) ในการวัดค่ากลางของข้อมลู โดยใช้ค่าเฉล่ียเลข คณิต (Arithmetic Mean) หรือค่าเฉลี่ย (Mean) x̅ และวัดค่าการกระจายของข้อมูลโดยใช้ค่าส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) S.D. 1.4 คำจำกัดความที่ใชใ้ นงานวิจยั 1.4.1 การขาย หมายถงึ การแก้ปญั หาในการท่ีพนักงานขายไดม้ ีการเขา้ พบลูกค้าและ มกี ารนำเสนอสินค้าใหล้ ูกค้าน้ัน บางคร้ังลูกค้าอาจจะมีขอ้ สงสัย หรือปญั หาในเรื่อง ต่าง ๆ เช่น นโยบายคณุ ภาพราคาเงื่อนไข การส่งมอบ ฯลฯ ดงั นั้น พนักงานจะต้องเป็นผเู้ ขา้ ไปชว่ ยเหลือ ขจดั ปญั หาตา่ ง ๆ จนทำให้ลกู คา้ มคี วามเช่ือม่นั และยอมรับสนิ คา้ น้ัน ๆ 1.5 ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะได้รบั 1.5.1 ได้ระบบสารสนเทศเก่ียวกบั การขายสนิ คา้ (กรณีศึกษารา้ นขายมะพร้าวนำ้ หอม) 1.5.2 สามารถนำความรู้ท่ีได้รบั ไปปรบั ใชใ้ นชวี ิตประจำวัน

3 1.6 ระยะเวลาท่ีใช้ในการจดั ทำโครงงาน กกกกกกกกตารางการดำเนินโครงงานคร้ังน้ีใช้ระยะเวลา ต้ังแต่เดอื นพฤศจิกายน พ.ศ.2564 ถึง เดอื น มนี าคม พ.ศ. 2565 ดงั ตารางท่ี 1.1 ขนั้ ตอน สปั ดาหท์ ่ี การดำเนินงาน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 1. กำหนดโครงงาน 2. เสนอโครงงาน 3. ศึกษารายละเอียดข้อมูล 4. ออกแบบระบบ 5. ดำเนินการทำระบบ 6. นำเสนอระบบ 7. ประเมนิ ผลและสรุปผล 8. จดั ทำเอกสารโครงงาน ตารางท่ี 1.1 ระยะเวลาการจัดทำโครงงาน

บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎี เอกสารและงานวิจยั ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง กกกกกกกกในการดำเนินโครงงานระบบการขายสินค้าของร้านขายมะพร้าวน้ำหอมจะต้องศึกษา หลักการและทฤษฎีของการเขียนโปรแกรมที่นำมาช่วยในการสร้างโปรแกรม ระบบการการขายสินค้า โดยใช้โปรแกรม PHP มาสร้าง เพ่ือให้สามารถจัดทำโปรแกรมจัดเก็บข้อมูล สินค้าต่าง ๆ อย่างมี ประสิทธิภาพเพิ่มยงิ่ มากข้ึน โดยศึกษาหลักการและทฤษฎี ดังหัวขอ้ ต่อไปน้ี 2.1 การวิเคราะหแ์ ละออกแบบระบบ 2.2 หลกั การเขยี นผงั งานระบบ 2.3 ความหมายของ DFD และ ER Diagram 2.4 วิธสี ร้าง DFD 2.5 ความรเู้ บอ้ื งตน้ เก่ยี วกับระบบฐานขอ้ มูล 2.6 โปรแกรม Notepad++ 2.7 ภาษา PHP 2.8 ภาษา SQL 2.1 การวิเคราะหแ์ ละออกแบบระบบ กกกกกกกกการวิเคราะห์ระบบและการออกแบบ (System Analysis and Design) การวิเคราะห์ และออกแบบระบบคือ วิธีการท่ีใช้ในการสร้างระบบสารสนเทศข้ึนมาใหม่ นอกจากการสร้างระบบ สารสนเทศใหม่แล้ว การวิเคราะห์ระบบช่วยในการแก้ไขระบบสารสนเทศเดิมท่ีมีอยู่แล้วให้ดีขึ้นด้วย การวิเคราะห์ระบบก็คือ การหาความต้องการ (Requirements) ของระบบสารสนเทศว่าคืออะไร หรือต้องการเพิม่ เติมอะไรเข้ามาในระบบ และการออกแบบก็คือการนำเอาความต้องการของระบบมา เป็นแบบแผน หรือเรียกว่าพิมพ์เขียวในการสร้างระบบสารสนเทศน้ันให้ใช้งานได้จริง ตัวอย่าง ระบบ สารสนเทศ เช่น ระบบการขาย ความต้องการของระบบก็คือ สามารถติดตามยอดขายได้ เป็นระยะๆ เพื่อฝ่ายบริหารสามารถปรับปรุงการขายได้ทันท่วงที ตัวอย่างรายงานการขายท่ีกล่าว มาแล้วจะ ช้ีให้เห็นว่าเราสามารถติดตามการขายได้อย่างไรนักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst หรือ SA) คือ บุคคลที่มีหน้าที่วิเคราะห์และออกแบบระบบ การที่มีนักวิเคราะห์ระบบในองค์กรน้ัน เป็นการ ได้เปรียบเพราะจะทำให้รู้โดยละเอียดว่า การทำงานในระบบน้ันๆ เป็นอย่างไร และอะไรคือความ ต้องการของระบบ ในกรณีที่นักวิเคราะห์ระบบไม่ได้อยู่ในองค์กรน้ัน ก็สามารถวิเคราะห์ระบบได้ เช่นกันโดยการศึกษาสอบถามผ้ใู ช้ และวิธีการอ่ืนๆ ซง่ึ จะกล่าวในภายหลงั ผูใ้ ช้ในที่นี้กค็ ือเจา้ ของ และ ผู้ที่เกี่ยวข้อง ในระบบสารสนเทศนั้นเอง ผู้ใช้อาจจะเป็น คนเดียว หรือหลายคนก็ได้ เพ่ือให้

5 นักวิเคราะห์ระบบทำงานได้อย่างคล่องตัวมีลำดับข้ันและเป้าหมายท่ีแน่นอน นักวิเคราะห์ระบบควร ทราบถงึ ว่า ระบบสารสนเทศน้นั พัฒนาขึ้นมาอยา่ งไร มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง 2.2 หลักการเขียนผงั งานระบบ 2.2.1 ผังงานระบบ คือ รูปภาพหรือสัญลักษณ์ท่ีใช้แทนลำดับ หรือขั้นตอนในโปรแกรมรูปภาพ หรือสญั ลกั ษณ์ทใ่ี ช้เป็นเอกลกั ษณ์ และแทนความหมายอย่างใดอย่างหน่งึ ประเภทของผงั งาน โดยทว่ั ไปผงั งานคอมพวิ เตอร์แบ่งเปน็ 2 ประเภทใหญ่ 2.2.1.1 ผงั งานระบบ (System Flowchat) เป็นผงั งานท่ีแสดงถึงข้นั ตอนการทำงาน ภายในระบบหนึ่งโดยจะแสดงถงึ ความเกยี่ วขอ้ งของส่วนท่ีสำคัญต่างๆในระบบน้ัน เช่น เอกสาร เบื้องต้น หรือสื่อบันทึกข้อมลู ที่ใชอ้ ยู่เป็นอะไรและผ่านไปยังหนว่ ยงานใด มีกจิ กรรมอะไรในหน่วยงาน นัน้ แลว้ จะส่งต่อไปหน่วยงานโต เปน็ ต้น ดังนน้ั ผงั งานระบบอาจเก่ยี วข้องกบั คน วสั ดุ และเครื่องจกั ร ซง่ึ แตล่ ะจดุ จะประกอบไปดว้ ย การนำขอ้ มลู เขา้ วธิ กี ารประมวลผลและการแสดงผลลพั ธ์ (Input Process Output) วา่ มาจากท่ีใดอย่างกว้าง ๆ จึงสามารถเขียนโปรแกรมจากผังงานระบบได้ 2.2.1.2 ผังงานโปรแกรม (Program Flowchat) หรือเรียกส้ัน ๆ ว่า \"ผังงาน\" ผังงาน ประเภทน้ีแสดงถึงขัน้ ตอนของคำส่งั ทใ่ี ช้ในโปรแกรม ผงั งานน้ีอาจสร้างจากผังงานระบบโดยผู้เขียนผัง งานจะดึงเอาแต่ละจุดท่ีเกี่ยวข้องการทำงานของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีปรากฏในผังงานระบบมา เขียน เพื่อให้ทราบว่าถ้าจะใช้คอมพิวเตอร์ทำงานในจุดนั้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตามต้องการ ควรท่ีจะมี ข้ันตอนคำส่งั อย่างไร และจะไดน้ ำมาเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ ำงานต่อไป 2.2.2 การใช้งานผังงานระบบ เพื่อให้ทราบถึงความเก่ียวพันของระบบตังแต่เร่ิมต้น ว่ามี การ ปฏิบัติแต่ละข้ันตอนอย่างไร ใช้วิธีการอะไรบ้าง เหมาะสำหรับผู้บริหาร ผู้วิเคราะห์ระบบ และ ผู้เขียนโปรแกรม จะได้ทราบถงึ ความสัมพันธ์ของแผนกตา่ ง ๆ 2.2.3 ประโยชน์และข้อจำกัดของผังงานระบบ ผังงานระบบเป็นเอกสารประกอบ โปรแกรมซ่ึงจะ ช่วยให้การศึกษาลำดับขั้นตอนของโปรแกรมง่ายขั้น จึงนิยมเขียนผังงานระบบ ประกอบ การเขียน โปรแกรม ดว้ ยเหตผุ ลดงั นี้ 2.2.3.1 คนส่วนใหญ่สามารถเรียนรู้และเข้าใจผังงานระบบได้ง่าย เพราะผังงาน ระบบไม่ ขน้ึ อยู่กับภาษาคอมพวิ เตอร์ภาษาใดภาษาหนึง่ โดยเฉพาะ 2.2.3.2 ผังงานระบบเป็นการส่ือความหมายด้วยภาพ ทำให้ง่ายและสะดวกต่อ การ พิจารณาถึงลำดับข้ันตอนในการทำงาน ซึ่งน่าจะดีกว่าบรรยายเป็นตัวอักษร การใช้ข้อความ หรือ คำพูดอาจจะสอื่ ความหมายผิดไปได้ 2.2.3.3 ในงานโปรแกรมท่ีไม่สลับซับซ้อน สามารถใช้ผังงานระบบตรวจสอบ ความ ถูกตอ้ งของลำดบั ข้นั ตอนได้ง่าย โปรแกรมจะแก้ไขได้ สะดวกและรวดเร็วขึ้น

6 2.2.3.4 การเขยี นโปรแกรมโดยพิจารณาจากผังงานระบบ สามารถทำให้รวดเรว็ และง่ายขึ้น 2.2.3.5 การบำรุงรักษาโปรแกรมหรอื การเปลีย่ นแปลงแกไ้ ขโปรแกรมให้มี ประสทิ ธภิ าพ ถ้าดจู ากผงั งานระบบจะชว่ ยให้สามารถ ทบทวนงานในโปรแกรมก่อนปรบั ปรงุ ไดง้ ่ายขึ้น 2.2.4 ข้อจำกดั ของผงั งานระบบผเู้ ขยี นโปรแกรมบางคนไม่นยิ มการเขียนผงั งานระบบ ก่อนท่ีจะ เขยี นโปรแกรมเพราะเสยี เวลาในการเขียนเปน็ รูปภาพหรือสญั ลักษณต์ ่าง ๆ นอกจากนย้ี ังมี เหตผุ ล อน่ื ๆ ได้แก่ 2.2.4.1 ผังงานระบบเป็นการสือ่ ความหมาระหวา่ งบุคคลต่อบคุ คลมากกว่าที่จะส่ือ ความหมายระหว่างบคุ คลกบั เครอ่ื ง เพราะผังงานระบบไม่ขึ้นอยูก่ บั ภาษาคอมพิวเตอร์ ภาษาได้ ภาษา หนึง่ ทำให้เครื่องไม่สามารถรบั และเข้าใจว่าในมัง่ งานระบบนั้นต้องการให้ทำอะไร 2.2.4.2 เมอื่ ได้พิจารณาจากผังงานระบบจะไม่สามารถทราบไตว้ ่า ช้ันตอน การ ทำงานใดสำคญั กวา่ กันเพราะทกุ ๆ ชนั้ ตอนใชร้ ปู ภาพหรือสญั ลักษณใ์ นลักษณะเดยี วกนั 2.2.4.3 การเขยี นผงั งานระบบเป็นการส้นิ เปลอื ง เพราะจะต้องใช้กระดาษและ อุปกรณ์ อื่น ๆ ประกอบการเขียนภาพ บางครั้งการเขียนผงั งานระบบอาจจะตอ้ งใช้กระดาษมากกว่า 1 แผน่ ทัง้ ๆ ทีก่ ารอธิบายงานเดยี วกันจะใช้เนอ้ื ทเ่ี พยี ง 3.4 บรรทดั เท่านัน้ 2.2.4.4 ผงั งานระบบจะมีขนาดใหญ่ ถ้าโปรแกรมทีพ่ ัฒนาเป็นงานใหญ่ ทำใหผ้ งั งาน ระบบแลดเู ทอะทะไม่คลอ่ งตัว และถา้ มีการปรบั เปลี่ยนผงั งานระบบจะทำได้ยาก นางคร้ังอาจจะต้อง เขยี นผังงานขัน้ ใหม่ 2.2.4.5 ในผังงานระบบจะบอกชัน้ ตอนการปฏบิ ัติงานวา่ เป็นลำดับอยา่ งไร ปฏบิ ตั งิ าน อะไรแต่จะไมร่ ะบุใหท้ ราบว่าทำไมจึงต้องเปน็ ลำดับและต้องปฏิบตั งิ านอย่างน้นั 2.2.4.6 ในภาษาคอมพิวเตอร์ทใ่ี ช้กนั ในปัจจบุ นั เชน่ ภาษาซี ผังงานระบบ ไม่ สามารถ แทนลักษณะคำส่ังในภาษาไดช้ ัดเจน ตรงไปตรงมา 2.2.5 สญั ลักษณท์ ่ีใช้ในการเขียนผงั งานระบบต้องใชส้ ัญลกั ษณ์ตา่ ง ๆ นำมาเรยี งกนั เพ่ือ แสดง สำดับการทำงาน โดยมิลูกศรเชือ่ มระหวา่ งภาพตา่ งๆ สญั ลักษณท์ ่ใี ชใ้ นการเขียนผงั งานระบบที่ นยิ มใช้ กนั นัน้ เป็นสัญลกั ษณ์ของหนว่ ยงานสถาบนั มาตรฐานแหง่ ชาตสิ หรัฐอเมริกา (American National Standard Instituite : ANSI) และองคก์ ารมาตรฐานนานาชาติ (Interiaticnal Standard Organization: ISO) หน่วยงานดังกล่าว ทำหนา้ ท่ีรวบรวมและกำหนดสญั ลกั ษณ์มาตรฐานทจ่ี ะใช้ เขยี นผังงานระบบดังน้ี

7 ตารางท่ี 2.1 ตารางสัญลกั ษณม์ าตรฐานทใี่ ชเ้ ขยี นผงั งานระบบ สญั ลกั ษณ์ ความหมาย ตวั อย่างการใช้ คำอธิบาย แสดงการเริม่ ต้น หรือการ START 1.เรม่ิ ผงั งานระบบ สิน้ สดุ ของการเขยี นผังงาน STOP 2.จบผังงานระบบ ระบบ (Terminal Interrupt) การรับข้อมลู หรือแสดง 1. รับ(อา่ น) คา่ A โดยไม่ ขอ้ มูล (Input Output ระบสุ ื่อที่บนั ทึกคา่ A Media) 2. แสดงคา่ B โดยไม่ ระบสุ ่ือ การรับข้อมูลหรอื แสดง ข้อมลู โดยใชบ้ ัตรเจาะรู รบั คา่ (อา่ น) ค่า A ที่ เป็นสอ่ื (Punch Tape) บันทกึ บนบตั ร 1 ใบ การรับข้อมูลหรอื แสดง ข้อมูลโดยใชเ้ ทปกระดาษ อา่ นคา่ ID ที่บนั ทึกบน เทปกระดาษ (Punch Tape)

การแสดงข้อมูลหรือ 8 ผลลพั ธพ์ มิ พ์ทาง เคร่ืองพมิ พ์ลงบนกระดาษ ใหพ้ มิ พ์ค่า A ทาง ต่อเน่ือง (Continuous กระดาษตอ่ เน่ือง Paper) แสดงค่า A ทางจอภาพ การแสดงผลลพั ธ์ทาง จอภาพ (Display) ตารางท่ี 2.1 ตารางสัญลักษณม์ าตรฐานที่ใช้เขยี นผังงานระบบ (ต่อ) หลงั จากกำหนดคา่ A=3 แล้วใหไ้ ปทำตามจุด แสดงจุดต่อเน่ืองท่ีอยู่คน ละหนา้ ต่อเน่ืองช่อื B ซึ่งไม่ได้อยู่ หน้าเดียวกนั (Off-Page Connector) 2.2.6 หลักเกณฑใ์ นการวเิ คราะหง์ าน การวิเคราะห์งานหรือการวเิ คราะห์ปญั หา นับว่าเป็น หัวใจสำคญั ของการเขียนโปรแกรมหรอื ชุดคำสง่ั ต่าง ๆ เพื่อสง่ั ให้คอมพวิ เตอร์ทำงาน การวเิ คราะห์ งานเป็นการศึกษาถึงรายละเอียดของปัญหาเก่ียวกบั งานท่ีต้องการเขียนโปรแกรมเข้าเครื่อง คอมพวิ เตอร์นำมาศึกษา วเิ คราะห์และตีความเพอ่ื ช่วยให้เขา้ ใจงา่ ยเชน่ ตอ้ งการใหเ้ ครื่องทำงาน อะไร ลักษณะผลลพั ธ์ทต่ี ้องการแสดงวธิ ี การประมวลผลทีต่ อ้ งใช้และขอ้ มลู ที่จะต้องป้อนเข้าไปกลา่ ว โดย สรปุ การวิเคราะห์งานจะเปน็ การศึกษาผลลัพธ์ (Output) ข้อมูลที่นำเข้า (Input) และวิธีการ ประมวลผล (Process) รวมท้งั การกำหนดช่ือตัวแปร (Variable) ท่จี ะใช้ในโปรแกรมนน่ั เองวธิ กี าร วิเคราะห์งานให้ไดผ้ ลดีน้ันมี หลายแบบแตห่ ลกั เกณฑ์ใหญ่ ๆ ทนี่ ยิ มใชก้ ันอยา่ งทวั่ ไปสามารถแยก เป็น ข้อ ๆ ตามลำดับดังต่อไปน้ี

9 2.2.6.1 สิ่งท่ีโจทยต์ ้องการ หมายถึง ส่งิ ทต่ี ้องการใหเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์ทำให้ เช่น ต้องการใหค้ ำนวณคะแนนเฉลีย่ ของนกั ศึกษา ตอ้ งการให้คำนวณเงนิ เดือนและค่าแรง เป็นตน้ งานแต่ ละชิน้ อายต้องกานใช้เครื่องทำงานใหม้ ากวา่ หน่ึงอยา่ ง ซึ่งควรจะเขียนไวเ้ ปน็ ข้อ ๆ ใหช้ ัดเจนการ พจิ ารณาถงึ ส่งิ ท่ีโจทยต์ ้องการเปน็ สว่ นทสี่ ำคัญมาก เพราะถ้าไมท่ ราบก็ไม่สามารถจะทำข้ันตอนตอ่ ไป ไดเ้ ลยหรือถ้าเขา้ ใจสว่ นน้ี ผดิ กจ็ ะทำให้งานผดิ ท้ังหมด 2.2.6.2 ผลลัพธ์ที่ต้องแสดง (Output) หมายถึง การวิเคราะห์ลักษณะของงาน หรือ รูปแบบผลลัพธ์ที่ต้องการให้คอมพิวเตอร์แสดงออกมาว่าควรจะมีลักษณะอย่างไร มีรายละเอียดที่ ต้องการให้แสดงในรายงานมากน้อยเพียงใดหรือรายละเอียดชนิดใดที่ไม่ต้องการให้แสดงออกมาใน รายงาน ในกรณีนี้เป็นหน้าท่ีของผู้เขียนโปรแกรมเองว่าจะต้องการรูปแบบรายงานออกมาโดยมี รายละเอียดที่จำเป็นและสวยงามเพียงใด เน่ืองจากรายงานหรือผลลัพธ์นี้มีความสำคัญต่อผู้บริหาร เน่ืองจากผู้บริหารจะใช้รายงานหรือผลลัพธ์ไปช่วยในการตัดสินใจหรอื การวิเคราะห์และแก้ไข ปัญหา ต่าง ๆ ได้ 2.2.6.3 ข้อมูลที่ต้องนำเข้า (Input) หมายถึง ข้อมูลที่ต้องป้อนเข้ามาเพ่ือใช้ใน การ ประมวลผล ซ่ึงเป็นขั้นตอนที่ต่อเน่ืองจากการวิเคราะห์ลักษณะของผลลัพธ์คือ เม่ือพิจารณาถึง ลักษณะของ Output ท่ีแน่นอนแล้วขอ้ มลู ทีต่ ้องนำเขา้ ไปกค็ วรจะพิจารณาใหเ้ หมาะสมกบั ผลลพั ธ์ท่ี ต้องการแสดงดว้ ย ทัง้ นี้อาจจะต้องพจิ ารณาถงึ ข้นั ตอนในการประมวลผลควบคไู่ ปดว้ ย 2.2.6.4 ตัวแปรที่ใช้ (Variable) หมายถึง การกำหนดช่ือแทนความหมายของข้อมูล ต่าง ๆ เพ่ือความสะดวกในการอ้างถึงข้อมูลน้ันและการเขียนโปรแกรมด้วยการต้ังชื่อตัวแปรที่ใช้ควร คำนึงถึงความหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลการตั้งชื่อตัวแปรนี้ จะขึ้นอยู่กับกฎเกณ ฑ์ของ ภาษาคอมพิวเตอร์ท่ีใช้ในการเขียนโปรแกรมเพราะภาษาคอมพิวเตอร์แต่ละภาษามีกฎเกณฑ์และ ความสามารถในการตั้งตวั แปรแตกตา่ งกันไปแต่โดยทั่ว ๆ ไปการตั้งชือ่ ตัวแปรจะพิจารณาความหมาย ของข้อมูลว่าตรงกับคำใดในภาษาอังกฤษ แล้วนำมาตัดแปลงหรือย่อให้เข้ากับหลักเกณฑ์ของ ภาษาคอมพิวเตอรท์ ี่ใช้ 2.2.6.5 วิธีการประมวลผล (Processing) หมายถึงวิธีการประมวลผลโดยแสดงข้ันตอน ตา่ ง ๆ ท่ตี ้องทำตามาลำดับ เร่ิมจาการรับข้อมูลนำไปประมวลผลจนได้ผลลัพธ์ ขั้นตอนนี้จะตอ้ งแสดง การทำงานที่ต่อเน่ืองตามลำดับ จึงต้องจัดลำดับก่อนหลังให้ถูกต้อง ในข้ันตอนของวิธีการนี้ถ้าย่ิงกระ ทำให้ละเอยี ดก็จะช่วยในการเขียนโปรแกรมย่ิงง่ายขึน้ 2.3 ความหมายของ Data Flow Diagram และ Entity Relationship Diagram 2.3.1 Data Flow Diagram หรือ (DFD) คือ แผนภาพการวิเคราะหร์ ะบบของนักวิเคราะห์ระบบ ที่ช่วยให้สามารถเข้าใจในกระบวนการทำงานของแต่ละหน่วยงาน ซ่ึงทราบถึงการรับ/ส่งข้อมูล การ

10 ประสานงานระหว่างกิจกรรมต่าง ๆ ในการดำเนินงาน ซ่ึงเป็นแบบจำลองของระบบ แสดงถึงการไหล ของข้อมูลท้ัง INPUT และ OUTPUT ระหวา่ งระบบกับแหล่งกำเนดิ รวมทั้งปลายทางของการส่งขอ้ มูล ซึ่งอาจเป็นแผนก บุคคล หรือระบบอื่น โดยขึ้นอยู่กับระบบงานและการทำงานประสานงานภายใน ระบบน้ัน นอกจากน้ียังช่วยให้รถู้ ึงความต้องการของข้อมลู และข้อบกพร่อง (ปัญหา) ในระบบงานเดิม เพอื่ ใชใ้ นการออกแบบการปฏบิ ตั ิงานในระบบใหม่ 2.3.2 Entity Relationship Diagram หรือ (ER Diagram) คือ แผนผังแสดงความสมั พันธ์ ระหวา่ ง Entity หรือกลุ่มข้อมูล ซงึ่ จะแสดงชนดิ ของความสัมพนั ธ์วา่ เป็นชนิดหนง่ึ ตอ่ หนึ่ง (One to One) หน่ึงต่อหลายสงิ่ (One to Many) หรอื หลายส่ิงต่อหลายสง่ิ (Many to Many) ตารางที่ 2.2 ตารางสัญลักษณท์ ่ีใช้ใน Data Flow Diagram (DFD) DeMarco & Gane & Sarson ความหมาย Yourdon Process - ขั้นตอนการทำงานภายใน ระบบ Data Store - แหลง่ ขอ้ มลู สามารถเป็นได้ ทั้งไฟลข์ อ้ มูลและฐานข้อมูล External Entity – ปัจจยั หรอื ส่ิงแวดลอ้ มทมี่ ีผลกระทบตอ่ ระบบ Data Flows – เส้นทางการไหลของ ขอ้ มลู แสดงทศิ ทางของข้อมลู จาก ขั้นตอนการทำงานหน่งึ ไปยังอีกขน้ั ตอน หนงึ่

11 ภาพท่ี 2.1 สัญลักษณท์ ่ีใชใ้ นการเขียน ER Diagram 2.4 วิธีสร้าง DFD (Data Flow Diagram) 2.4.1 กำหนดส่ิงที่อยู่นอกเหนือระบบทั้งหมด และหาว่าข้อมูลอะไรบ้างที่เข้าสู่ระบบหรือออก จากระบบที่เราสนใจเข้าสู่ระบบท่ีอยู่ภายนอก ขั้นตอนน้ีสำคัญมาก เพราะจะทำให้ทราบว่าขอบเขต ของระบบนนั้ มีอะไรบ้าง 2.4.2 ใช้ข้อมลู ที่ได้จากขน้ั ตอนที่ 1 นำมาสรา้ ง DFD ต่างระดับ 2.4.3 ข้นั ตอนตอ่ มามีอกี 4 ขน้ั ตอน โดยให้ทำท้งั 4 ขน้ั ตอนน้ซี ้ำหลาย ๆ คร้งั จนกระท่ังได้ DFD ระดับตำ่ สุด 2.4.3.1 เขียน DFD ฉบับแรก กำหนดโพรเซสและข้อมูลท่ีไหลเข้าออกจากโพรเซส 2.4.3.2 เขียน DFD อื่น ๆ ที่เป็นไปได้จนกระท่ัง DFD ที่ถูกท่ีสุด ถ้ามีส่วนหนึ่งส่วนใดที่ รู้สึกไม่ง่ายนักก็พยายามเขียนใหม่อีกคร้ังหนึ่ง แต่ไม่ควรเสียเวลาเขียนจนกระท่ังได้ DFD ท่ีสมบูรณ์ แบบ เลอื ก DFD ทเ่ี ห็นว่าดีทสี่ ดุ ในสายตาของเรา 2.4.3.3 พยายามหาว่ามีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง หรือไม่ซ่ึงมีรายละเอียดในหัวข้อผิดพลาด ใน DFD 2.4.3.4 เขียนแผนภาพแต่ละภาพอย่างดีซ่ึง DFD ฉบับนี้จะใช้ต่อไปในการออกแบบและ ใชด้ ว้ ยกันกับบคุ คลอืน่ ๆ ทเ่ี กีย่ วข้องในโครงการด้วย

12 2.4.4 นำแผนภาพท้งั หมดท่ีเขียนมาแลว้ เรียงลำดับและ ทำสำเนาแลว้ พร้อมท่ีจะนำไปตรวจสอบ ข้อผิดพลาดกับผู้ร่วมทีมงาน ถ้ามีแผนภาพใดที่มีจุดอ่อนให้กลับไปเร่ิมต้นใหม่ท่ีข้ันตอนที่ 3 อีกคร้ัง หนงึ่ 2.4.5 นำ DFD ท่ีได้ไปตรวจสอบข้อผิดพลาดกับผู้ใช้ระบบเพื่อหาว่ามีแผนภาพใดไม่ถูกต้อง หรอื ไม่ 2.4.6 ผลิตแผนภาพฉบับสดุ ทา้ ยทงั้ หมด 2.5 ความรู้เบื้องตน้ เก่ยี วกบั ระบบฐานขอ้ มลู 2.5.1 ฐานข้อมูล (database) หมายถึง การจัดรวบรวมข้อนิเทศหรือข้อมูลของเรื่องต่าง ๆ ไว้ใน รูปแบบที่จะเรียกมาใช้ได้ทันเม่ือต้องการ ในการเรียกน้ัน อาจเรียกเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งมาใช้ ประโยชน์เป็นคร้ังเป็นคราวก็ได้ ฐานข้อมูลที่ดีควรจะได้รับการปรับให้ทันสมัยอยู่เสมอ กลุ่มของ แฟ้มข้อมูลที่มคี วามสัมพันธ์กนั และถูกนำมารวมกัน เช่น ฐานข้อมลู ในบริษัทแห่ง หนง่ึ อาจประกอบไป ด้วยแฟ้มข้อมูลหลายแฟ้มข้อมูล ซ่ึงแต่ละแฟ้มต่างก็มีความสัมพันธ์กัน ได้แก่ แฟ้มข้อมูลพนักงาน แฟ้มข้อมูลแผนกในบริษัท แฟ้มข้อมูลขายสินค้า และแฟ้มข้อมูลสินค้า เป็นต้น สรุปได้ว่า ฐานข้อมูล คือ การรวบรวมข้อมูลที่เราต้องการจะจัดเก็บ ซ่ึงต้องมีความสัมพันธ์กันหรือเป็นเรื่องเดียวกันไว้ ดว้ ยกัน เพื่อสะดวกในการใชง้ าน 2.5.2 ระบบการจัดการฐานข้อมูล (Data Base Management System : DBMS) หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่สร้างข้ึนเพ่ือรวบรวมข้อมูลให้เป็นระบบ เพื่อจะได้นำไปเก็บรักษา เรียกใช้หรือนำมา ปรับปรุงให้ทันสมัยได้ง่าย ทั้งนี้จำเป็นต้องคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเป็นเร่ืองสำคัญ ดว้ ย โปรแกรมทใี่ ช้เป็นเคร่ืองมือในการจัดการฐานขอ้ มูล ซ่ึงประกอบด้วยหน้าที่ ต่าง ๆ ในการจัดการ กบั ข้อมลู รวมท้งั ภาษาทีใ่ ชท้ ำงานกับข้อมลู โดยมักจะใช้ ภาษา SQL ในการโตต้ อบระหว่างกันกับผ้ใู ช้ เพื่อให้สามารถกำหนดการสร้างการเรียกดู การบำรุงรักษาฐานข้อมูล รวมทั้งการจัดการควบคุมการ เข้าถึงฐานข้อมูล ซึ่งถือเป็น การป้องกันความปลอดภัยในฐานข้อมูล เพ่ือป้องกันมิให้ผู้ท่ีไม่มีสิทธิการ ใช้งานเข้ามาละเมิดข้อมูลในฐานข้อมูลท่ีเป็นศูนย์กลางได้ นอกจากนี้ DBMS ยังมีหน้าท่ีในการรักษา ความม่ันคงและปลอดภัยของเป็นศูนย์กลางได้ นอกจากน้ี DBMS ยังมีหน้าท่ีในการรักษาความม่ันคง และความปลอดภัยของข้อมูล การสำรองข้อมูล และการเรียกคืนข้อมูลในกรณีท่ีข้อมูลเกิดความ เสียหาย สรุปได้ว่า \"การพัฒนาระบบการจัดการฐานข้อมูล” คือ โปรแกรมทำหน้าท่ีในการกำหนด ลักษณะข้อมูลท่ีจะเก็บไว้ในฐานข้อมูล อำนวยความสะดวกในการบันทึกข้อมูลลงในฐานข้อมูล กำหนด ผู้ที่ได้รบั อนญุ าตใหใ้ ช้ฐานข้อมลู ได้พรอ้ มกบั กำหนดด้วยว่า ให้ใช้ได้แบบใด เชน่ ให้อ่านขอ้ มูล ได้ อย่าง เดียวหรือให้แก้ไขข้อมูลได้ด้วย นอกจากน้ัน ยังอำนวยความสะดวกในการค้นหาข้อมูลและ การแกไ้ ข ปรบั ปรงุ ข้อมลู ทำใหผ้ ู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย สะดวกและมีประสิทธภิ าพ เสมือนเป็น ตัวกลาง ระหว่างผใู้ ช้กบั ฐานข้อมลู ใหส้ ามารถติดตอ่ กนั ได้

13 2.5.3 ประวัติความเป็นมาของระบบจัดการฐานข้อมูล การจัดการฐานข้อมูลเริ่มต้นจากการที่ องค์การบริหารการบิน และ อวกาศสหรัฐอเมริกา หรือ นาซ่าได้ว่าจ้างบริษัทไอบีเอ็ม (IBM) ประเทศ สหรัฐอเมริกาให้ออกแบบระบบเกบ็ รวบรวมข้อมลู ที่ไดจ้ ากการสำรวจดวงจันทร์ในโครงการอะพอลโล โครงการอะพอลโลเป็นโครงการสำรวจอวกาศอย่างจริงจัง และมีการส่งมนุษย์ขึ้นบนดวงจันทร์ได้ สำเร็จด้วยยานอะพอลโล 11 ได้พัฒนาระบบการดูแลข้อมูลเรียกว่า ระบบ GUAM (Generalized Upgrade Access Method) ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของระบบการจัดการฐานข้อมูล ต่อมาบริษัท ไอบเี อ็ม ได้พัฒนาระบบการจดั การฐานข้อมูลข้ึนมาใหม่เพือ่ ใหใ้ ชง้ านกบั ธุรกิจทัว่ ๆ ไปได้เรยี กว่า DLA (Data Language/) จนในท่ีสุดก็ได้กลายมาเป็นระบบ IMS (Information Management System) ในช่วงปี พ.ศ.2525 มีการนำระบบฐานข้อมูลเข้ามาใช้กับคอมพิวเตอร์อยา่ งเต็มที่ไดม้ ีการ คดิ ค้น และ ผลิตซอฟต์แวร์เก่ียวกับฐานข้อมูลออกมามากมาย การเจริญเติบโตของการจัดการ ฐานข้อมูลชุดหน้า ไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับระบบคอมพิวเตอร์และมีการพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันได้มีการนำ คอมพิวเตอร์มาใช้ในการเก็บข้อมูล โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทั่วไปโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้อง เขียนโปรแกรม เองเพียงแต่เรียนรู้คำส่ังการเรียกใช้ข้อมูลหรือการจดั การข้อมูล เช่น การป้อนข้อมูล การบันทึกข้อมูล การแก้ไขและเปล่ียนแปลงข้อมูล เป็นต้น ในอดีตยุคท่ีมีไมโครคอมพิวเตอร์เกิดขึ้น แรก ๆ โปรแกรม สำเร็จรูปทางด้านการจัดการฐานข้อมูลท่ีนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ Personal Filing System ต่อมาได้มีโปรแกรมฐานข้อมูลเพิ่มข้ึนหลายโปรแกรม เช่น Data star DB Master และ dBase II ได้รับความนิยมมาก จนกระท่ัง ในปี พ.ศ.2528 ผู้ผลิตได้สร้าง dBase Ill Plus ออกมา ซ่ึงสามารถ จัดการฐานข้อมูลแบบสัมพันธ์ (relational) เชื่อมโยงแฟ้มข้อมูลต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ค้นหา และนำมา สร้างเป็นรายงานตามความต้องการได้สะดวก รวดเร็ว ต่อมาได้มีการสร้างโปรแกรมสำเร็จรูปเก่ียวกับ ฐานข้อมูลออกมา เชน่ FoxBASE, FoxPro, Microsoft Access และ Oracle 2.5.4 องค์ประกอบของระบบการจัดการฐานข้อมูล ระบบการจัดการฐานข้อมูลประกอบด้วย ส่วนสำคัญหลัก ๆ 5 ส่วน คือ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล กระบวนการทำงาน และ บุคลากร ดัง รายละเอยี ดตอ่ ไปนี้ 2.5.4.1 ฮาร์ดแวร์ (hardware) หมายถึง คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อเก็บข้อมูล และประมวลผลข้อมูล ซ่ึงอาจประกอบด้วยเคร่ืองคอมพิวเตอร์ตั้งแต่หนึ่งเครื่องขึ้นไปหน่วยเก็บข้อมูล สำรอง หน่วยนำเข้าข้อมูล และ หน่วยแสดงผลข้อมูล นอกจากนี้ยังต้องมีอุปกรณ์ การส่ือสารเพื่อ เชื่อมโยงอุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์หลาย ๆ เครื่องให้สามารถแลกเปล่ียนข้อมูลกันได้ เป็นต้น โดย เครอื่ งคอมพิวเตอรท์ ่ีจะใช้เป็นอุปกรณ์สำหรับประมวลผลข้อมูลในฐานข้อมูลนั้น สามารถเป็นได้ต้ังแต่ เคร่ืองเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ มินิคอมพิวเตอร์ หรือไมโครคอมพิวเตอร์ซึ่งถ้าเป็นเคร่ือง เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ หรอื มนิ คิ อมพิวเตอรจ์ ะสามารถใช้ต่อกับเทอร์มินลั หลายเคร่ือง เพ่อื ใหผ้ ู้ใช้งาน ฐานข้อมูลหลายคน สามารถดงึ ขอ้ มลู หรือปรบั ปรุงข้อมูลภายในฐานขอ้ มลู เดียวกนั พร้อมกันได้ ซง่ึ เป็น

14 ลักษณะของการทำงานแบบมัลติยูสเซอร์ (multi user) การประมวลผลฐานข้อมูลในเครื่องระดับ ไมโครคอมพิวเตอร์ สามารถทำการประมวลผลได้ 2 แบบ แบบแรกเป็นการประมวลผลฐานข้อมูลใน เคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว โดยมีผู้ใช้งานได้เพียงคนเดียวเท่านั้น (single user) ท่ีสามารถ ดึงข้อมูลหรือปรับปรุงข้อมูลภายในฐานข้อมูลได้ สำหรับแบบที่สองจะเป็นการนำไมโครคอมพิวเตอร์ หลายตัวมาเช่ือมต่อกัน ในลักษณะของเครือข่ายระยะใกล้ (Local Area Network : LAN) ซ่ึงเป็น รูปแบบของระบบเครือข่ายแบบลูกข่าย / แม่ข่าย (client /server network) โดยจะมีการเก็บ ฐานข้อมูลอยู่ที่เครื่องแม่ข่าย (server) การประมวลผลต่าง ๆ จะกระทำที่เคร่ืองแม่ข่ายสำหรับเครื่อง ลูกข่าย (client) จะมีหน้าทด่ี ึงข้อมูลหรือสง่ ข้อมลู เขา้ มาปรับปรงุ ในเคร่ืองแม่ข่าย หรือ คอยรับผลลพั ธ์ จากการประมวลผลของแม่ข่าย ดังนนั้ การประมวลผลแบบนีจ้ งึ เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานหลายคน สามารถใช้งานหลายคนสามารถใช้งานฐานข้อมูลร่วมกันได้ระบบฐานข้อมูลท่ีมีประสิทธิภาพดีต้อง อาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่มีประสิทธิภาพสูง คือสามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมากและประมวลผลได้ อย่างรวดเร็วเพ่ือรองรับการทำงานจากผู้ใช้หลายคนท่ีอาจมีการอ่านข้อมูลหรือปรับปรุงข้อมูลพร้อม กนั ในเวลาเดยี วกนั 2.5.4.2 ซอฟต์แวร์ (software) หมายถึง โปรแกรมท่ีใช้ในระบบการจัดการฐานข้อมูล ซ่ึง มกี ารพัฒนาเพ่ือใช้งานได้กับเคร่อื งไมโครคอมพวิ เตอรจ์ นถึงเครอ่ื งเมนเฟรม ซง่ึ โปรแกรมแต่ละตัวจะมี คุณสมบัติการทำงานท่ีแตกต่างกัน ดังน้ันในการพิจารณาเลือกใช้โปรแกรมจะต้องพิจารณาจาก คุณสมบัติของโปรแกรมแต่ละตัวว่ามีความสามารถทำงานในส่ิงท่ีเราต้องการได้หรือไม่ อีกทั้งเร่ือง ราคาก็เป็นเรือ่ งสำคญั เนือ่ งจากราคาของโปรแกรมแตล่ ะตัวจะไมเ่ ท่ากนั โปรแกรมที่มีความสามารถสงู ก็จะมีราคาแพงมากข้ึน นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาว่าสามารถใช้ร่วมกับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ระบบปฏิบัติการท่ีเรามีอยู่ได้หรือไม่ ซึ่งโปรแกรมที่ใช้ในการจัดการฐานข้อมูล ได้แก่ Microsoft Access, Oracle, Informix, dBase, FoxPro, และ Paradox เปน็ ตน้ โดยโปรแกรมท่ีเหมาะสำหรับผู้ เร่ิมต้นฝึกหัดสร้างฐานข้อมูล คือ Microsoft Access เนื่องจากเป็นโปรแกรมใน Microsoft Office ตัวหนึ่ง ซึ่งจะมีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว และการใช้งานก็ไม่ยากจนเกินไปแต่ผู้ใช้งานต้องมี พนื้ ฐานในการออกแบบฐานขอ้ มูลมาก่อน 2.5.5 ข้อมลู (data) ระบบการจดั การฐานข้อมลู ท่ีดแี ละมีประสิทธภิ าพ ควรประกอบดว้ ยข้อมูล ที่ มคี ุณสมบัติขัน้ พ้นื ฐานดงั น้ี 2.5.5.1 มีความถูกต้อง หากมีการเกบ็ รวบรวมข้อมูลแลว้ ข้อมูลเหลา่ น้ันเชอ่ื ถอื ไม่ได้ จะ ทำใหเ้ กดิ ผลเสยี อย่างมาก ผ้ใู ช้จะไม่กลา้ อ้างอิงหรือนำไปใช้ประโยชน์ ซ่ึงเป็นสาเหตุให้ การตัดสินใจ ของผู้บรหิ ารขาดความแมน่ ยำ และอาจมโี อกาสผดิ พลาดได้ โครงสร้างฐานขอ้ มูลทอี่ อกแบบต้อง คำนึงถึงกรรมวธิ กี ารดำเนินงานเพื่อให้ได้ความถูกตอ้ งแม่นยำมากทีส่ ดุ โดยปกติความผดิ พลาดของ

15 สารสนเทศส่วนใหญ่มาจากข้อมลู ท่ีไมม่ ีความถูกตอ้ งซึง่ อาจมสี าเหตมุ าจากคน หรอื เครื่องจักรการ ออกแบบระบบการจดั การฐานขอ้ มูลจึงต้องคำนงึ ถึงในเรอื่ งน้ีดว้ ย 2.5.5.2 มีความรวดเรว็ และเป็นปจั จบุ ัน การไดม้ าของข้อมลู จำเป็นต้องให้ทันตอ่ ความ ตอ้ งอากรของผใู้ ช้มีการตอบสนองต่อผูใ้ ชไ้ ด้อยา่ งรวดเรว็ ตีความหมายสารสนเทศไดท้ ันตอ่ เหตุการณ์ หรือความต้องการ มีการออกแบบระบบการเรยี กค้น และแสดงผล ไดต้ รงตามความต้องการของผใู้ ช้ 2.5.5.3 มคี วามสมบูรณ์ของข้อมูล ซงึ่ ข้ึนอยกู่ ับการรวบรวมและวิธีการปฏิบัติดว้ ย ในการ ดำเนนิ การจดั ทำข้อมูลตอ้ งสำรวจและสอบถามความต้องการขอ้ มลู เพ่อื ให้ได้ข้อมลู ทม่ี ีความสมบรู ณ์ และเหมาะสม 2.5.5.4 มีความชัดเจนและกะทัดรัด การจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากจะต้องใช้พื้นที่ในการ จัดเก็บข้อมูลมาก จึงจำเป็นต้องออกแบบโครงสร้างข้อมูลให้กะทัดรัดส่ือความหมายได้มี การใช้รหัส หรือย่อขอ้ มลู ใหเ้ หมาะสมเพือ่ ท่ีจะจัดเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ 2.5.5.5 มีความสอดคล้องกับความต้องการ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ ตังน้ันจึงต้องมีการ สำรวจเพื่อหาความต้องการของหน่วยงานและองค์กร ดูแลสุขภาพการใช้ข้อมูล ความลึก หรือ ความ กว้างของขอบเขตของข้อมูลที่สอดคล้องกับความต้องการ 2.5.6 กระบวนการทำงาน (procedures) หมายถึง ข้ันตอนการทำงานเพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ตามท่ี ต้องการ เช่น คู่มือการใช้งานระบบจัดการ ฐานข้อมูล ต้ังแตก่ ารเปิดโปรแกรมข้ึนมาใช้งาน การนำเข้า ขอ้ มูล การแก้ไขปรับปรุงข้อมูล การคน้ หา ข้อมลู และการแสดงผลการคน้ หา เปน็ ตน้ 2.5.6.1 บุคลากร (people) จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับระบบอยู่ตลอดเวลา ซ่ึงบุคลากร ท่ี ทำ หน้าท่ใี นการจดั การฐานข้อมูล มีดงั ตอ่ ไปน้ี 2.5.6.1.1 ผู้บริหารข้อมูล (data administrators) ทำหน้าท่ีในการกำหนดความ ต้องการในการใช้ข้อมูลข่าวสารขององค์กร การประมาณขนาดและอัตราการขยายตัวของข้อมูลใน ตลอดจนทำการจัดการดูแลพจนานกุ รมข้อมูล เป็นต้น องค์กร 2.5.6.1.2 ผู้บริหารฐานข้อมูล (database administrators) ทำหน้าที่ในการ บริหารจัดการ ควบคุม กำหนดนโยบายมาตรการ และ มาตรฐานของระบบฐานข้อมูลทั้งหมดภายใน องค์กร ตัวอย่างเชน่ กำหนดรายละเอียดและวธิ ีการจัดเก็บข้อมูล กำหนดควบคุมการใชง้ านฐานข้อมูล กำหนดระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล กำหนดระบบสำรองข้อมูล และกำหนดระบบการกู้คืน ข้อมูล เป็นต้น ตลอดจนทำหน้าท่ีประสานงานกับผู้ใช้ นักวิเคราะห์ระบบ และนักเขียนโปรแกรม เพอื่ ให้การบรหิ ารระบบฐานขอ้ มลู สามารถดำเนนิ ไปได้อย่างมีประสิทธภิ าพ 2.5.6.1.3 นักวิเคราะห์ระบบ (system analysts) มีหน้าท่ีศึกษาและทำความ เข้าใจในระบบงานขององค์กร ศึกษาปัญหาที่เกิดข้ึนจากระบบงานเดิม และความต้องการของระบบ

16 ใหม่ท่ีจะทำการพัฒนาข้ึนมา รวมทั้งต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจในกระบวนการทำงานโดยรวม ของทงั้ ฮารด์ แวรแ์ ละซอฟตแ์ วรอ์ ีกด้วย 2.5.6.1.4 นักออกแบบฐานข้อมูล (database designers) ทำหน้าที่นำผลการ วิเคราะห์ ซ่ึงได้แกป่ ัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำงานในปัจจุบนั และความต้องการท่ีอยากจะให้มีในระบบ ใหม่ มาออกแบบฐานข้อมูลเพ่อื แก้ปัญหาที่เกดิ ขึ้น และใหต้ รงกบั ความตอ้ งการของผใู้ ช้งาน 2.5.6.1.5 นักเขียนโปรแกรม (programmers) มีหน้าท่ีรับผิดชอบในการเขียน โปรแกรมประยุกต์เพ่ือการใช้งานในลักษณะต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น การเก็บ บนั ทกึ ขอ้ มูล และการเรียกใชข้ อ้ มลู จากฐานข้อมูล เป็นต้น 2.5.6.1.6 ผู้ใช้ (end-users) เป็นบุคคลที่ใช้ข้อมูลจากระบบฐานข้อมูล ซ่ึง วตั ถุประสงค์หลกั ของระบบฐานข้อมลู คอื การตอบสนองความตอ้ งการในการใชง้ านของผูใ้ ช้ ดังนัน้ ใน การออกแบบระบบฐานข้อมูลจึงจำเป็นต้องมีผู้ใช้งานเข้าร่วมอยู่ในกลุ่มบุคลากรที่ทำหน้าท่ีออกแบบ ฐานขอ้ มูลด้วย . 2.5.7 หน้าท่ีของระบบจัดการฐานข้อมูล ระบบการจัดการฐานข้อมูลมีหน้าที่สำคัญ ๆ หลาย อย่าง เพอื่ ใหเ้ กดิ ความถูกต้องและสอดคล้องกนั ของข้อมลู ภายในฐานข้อมลู ได้แก่ 2.5.7.1 การจัดการพจนานุกรมข้อมูล ระบบการจัดการฐานข้อมูลจะทำการจัดเก็บนิยาม ของข้อมูล และความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลไว้ในพจนานุกรมข้อมูล เป็นสารนิเทศที่บอกเก่ียวกับ โครงสร้างของฐานข้อมูล โปรแกรมประยุกต์ทั้งหมดท่ีต้องการเข้าถึงข้อมูลในฐานข้อมูลจะต้องทำงาน ผ่านระบบการจัดการฐานข้อมูล โดยท่ีระบบจัดการฐานข้อมูลจะใช้พจนานุกรมข้อมูลเพื่อค้นหา โครงสร้างตลอดจนส่วนประกอบของข้อมูลและความสัมพันธ์ที่ต้องการ นอกจากนั้นแล้วการ เปลี่ยนแปลงใด ๆ ท่ีมตี ่อโรงสร้างฐานข้อมูลจะถกู บนั ทกึ ไว้โดยอัตโนมัตใิ นพจนานุกรมข้อมลู ทำให้เรา ไมต่ ้องเปล่ียนแปลงแก้ไขโปรแกรมเม่อื โครงสรา้ งข้อมลู มกี ารเปลี่ยนแปลง 2.5.7.2 การจัดเก็บข้อมูล ระบบการจัดการฐานข้อมูลจะสร้างโครงสร้างที่จำเป็นต่อการ จัดเก็บข้อมูล ช่วยลดความยุ่งยากในการนิยามและการเขียนโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติทาง กายภาพ ระบบการจัดการฐานข้อมูลในปัจจุบันไม่เพียงแต่จะช่วยในการจัดเก็บข้อมูลเท่านั้น แต่ยัง รวมถงึ การจดั เกบ็ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ท่ใี ชใ้ นการตรวจสอบบรู ณภาพของข้อมลู อกี ด้วย 2.5.7.3 การแปลงและนำเสนอขอ้ มูล ระบบการจัดการฐานข้อมลู จะทำหนา้ ที่ในการแปลง ข้อมูลที่ได้รับเข้ามา เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างในการจัดเก็บข้อมูล ทำให้เราไม่ต้องไปยุ่งเก่ียวกับ ความแตกต่างระหว่างรูปแบบของขอ้ มูลทางตรรกะและทางกายภาพ กล่าวคือทำให้มีความเป็นอิสระ ของข้อมูล ระบบการจัดการฐานข้อมูลจะแปลงความต้องการเชิงตรรกะของผู้ใช้ ให้เป็นคำส่ังท่ี สามารถดึงข้อมลู ทางกายภาพท่ีต้องการ

17 2.5.7.4 การจัดการระบบความปลอดภัยของข้อมูล ระบบการจัดการฐานข้อมูลจะสร้าง ระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล โดยการกำหนดรายช่ือผู้มีสิทธิ์เข้าใช้ระบบ และ ความสามารถ ในการใชร้ ะบบ เช่น การอ่าน เพ่ิม ลบ หรือแกไ้ ขเปล่ียนแปลงข้อมูล การจดั การระบบ ความปลอดภัย ของข้อมูลมีความสำคญั มากในระบบฐานข้อมูลแบบที่มผี ูใ้ ช้หลายคน 2.5.7.5 การควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้หลายคน ระบบการจัดการฐานข้อมูลจะใช้ หลกั การออกแบบโปรแกรมทีเ่ หมาะสม เพอ่ื ใหแ้ นใ่ จว่าผู้ใชห้ ลายคนสามารถเข้าใช้ฐานข้อมูลพร้อมกัน ได้และขอ้ มูลมีความถูกต้อง 2.5.7.6 การเก็บสำรองและกู้คืนข้อมูล ระบบการจัดการฐานข้อมูลจะมีโปรแกรมเพ่ือ สนับสนุนการสำรองและกู้คืนข้อมูล เพ่ือให้แน่ใจด้านความปลอดภัยและความม่ันคงของข้อมูล ใน ระบบ ระบบการจัดการฐานข้อมูลจะกู้ข้อมูลในฐานขอ้ มูลคืนมาหลังจากระบบเกิดความล้มเหลว เช่น เม่ือเกดิ กระแสไฟฟา้ ขดั ข้อง เป็นต้น 2.5.7.7 การควบคุมความถูกต้องของข้อมูล ระบบการจัดการฐานข้อมูลจะสนับสนุนและ ควบคุมความถูกต้องของข้อมูล ต้ังแต่ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล ไปจนถึงความไม่สอดคล้องกันของ ข้อมูล ความสัมพันธ์ของข้อมูลท่ีเก็บไว้ในพจนานุกรมข้อมูลจะถูกนำมาใช้ในการควบคุมความถูกต้อง ของขอ้ มลู ด้วย 2.5.7.8 ภาษาทใี่ ช้ในการเขา้ ถงึ ฐานข้อมูล และ การเช่ือมตอ่ กับ โปรแกรมประยกุ ตร์ ะบบ การจัดการฐานข้อมูลสนับสนุนการเข้าถึงข้อมูลโดยผ่านภาษาคิวรี (query language) ซึ่งเป็นคำส่ังที่ ใช้การค้นคืนจากฐานข้อมูล โดยผู้ใช้เพียงบอกว่าต้องการอะไร และ ไม่จำเป็นต้องรู้ว่ามีข้ันตอน อย่างไรในการนำข้อมูลออกมา เพราะระบบการจัดการฐานข้อมูลจะเป็นผู้กำหนดวิธีการในการเข้าถึง ข้อมลู อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพเอง 2.5.7.9 การติดต่อส่ือสารกับฐานข้อมูล ระบบการจัดการฐานข้อมูลที่ทันสมัยจะต้อง สนบั สนุนการใชง้ านฐานขอ้ มูลผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ 2.5.8 ขอ้ ดีของการใช้ฐานข้อมูล เม่ือมีการนำระบบการจัดการฐานข้อมูลมาใช้ เพ่ืออำนวยความ สะดวกในการบันทึกข้อมูล แก้ไขปรับปรุงข้อมูล ค้นหาข้อมูล รวมท้ังกำหนดผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ ฐานข้อมูล เปน็ ต้น ทำใหฐ้ านขอ้ มลู มขี ้อดมี ากมาย ได้แก่ 2.5.8.1 ลดความจำเจของงานดแู ลเอกสาร ซึ่งเป็นงานประจำที่ทำให้ผ้ดู ูแลรสู้ กึ เบ่อื หน่าย และขาดแรงจูงใจ แต่เราสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการปฏิบัติงานน้ีแทนมนุษย์ได้ โดยผ่านโปรแกรม สำหรบั การจดั การฐานขอ้ มลู 2.5.8.2 ข้อมูลท่ีจัดเก็บมีความทันสมัย เมื่อข้อมูลในระบบฐานข้อมูลได้รับการดูแล ปรับปรุงอย่างต่อเน่ือง ทำให้ข้อมูลท่ีจัดเก็บเป็นข้อมูลท่ีมีความทันสมัย ตรงกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน และตรงกบั ความตอ้ งการอยู่เสมอ

18 2.5.8.3 ลดความซ้ำซ้อนในการจัดเก็บข้อมูล เน่ืองจากการจัดทำฐานข้อมูลจะมี การ รวบรวมข้อมูลประเภทต่าง ๆ เข้ามาจัดเก็บไว้ในระบบและเก็บข้อมูลเพียงชุดเดียว ซึ่งทุกฝ่ายที่ เกี่ยวข้องจะสามารถเรียกใช้ข้อมูลท่ีต้องการได้ เป็นการประหยัดเน้ือท่ีในการจัดเก็บ และทำให้เกิด ความรวดเรว็ ในการคน้ หาและจัดเก็บข้อมลู ด้วย 2.5.8.4 หลีกเลี่ยงความขัดแย้งของข้อมลู ได้ เม่ือข้อมูลถูกจัดเก็บระบบฐานข้อมูลจะทำให้ ข้อมูลลดความซ้ำซ้อนลง คือ มีข้อมูลแต่ละประเภทเพียงหน่ึงชุดในระบบ ทำให้ข้อมูลที่เก็บได้ไม่ ขัดแย้งกันเอง ในกรณีที่จำเป็นต้องเก็บข้อมูลท่ีซ้ำซ้อนกัน เพ่ือสาเหตุบางประการ เช่น เพ่ือความ รวดเร็วในการประมวลผลข้อมูล ระบบจัดการฐานข้อมูลจะเป็นผู้ดูแลข้อมูลที่ซ้ำกันให้มีความถูกต้อง ตรงกัน 2.5.8.5 ใช้ข้อมูลร่วมกันได้ เน่ืองจากระบบการจัดการฐานข้อมูลสามารถจัดให้ผู้ใช้แต่ละ คนเข้าใช้ข้อมูลในแฟ้มท่มี ีข้อมูลเดียวกันได้ในเวลาเดียวกัน เช่น ฝ่ายบุคคลและฝ่ายการเงินสามารถท่ี จะใช้ข้อมูลจากแฟม้ ประวตั ิพนักงานในระบบฐานข้อมูลไดพ้ ร้อมกัน 2.5.8.6 ควบคุมมาตรฐานของข้อมูลได้ เมื่อข้อมูลต่าง ๆ ในหน่วยงานถูกรวบรวมเข้ามา ผู้บริหารระบบฐานข้อมูลสามารถที่จะวางมาตรฐานในการรับข้อมูล แสดงผลข้อมูล ตลอดจนการ จัดเก็บข้อมูลได้ เช่น การกำหนดรูปแบบของตัวเลขให้มีทศนิยม 2 ตำแหน่ง สำหรับค่าท่ีเป็นตัวเงิน การกำหนดรปู แบบของการรับ และแสดงผลสำหรับข้อมลู ท่เี ปน็ วันที่นอกจากนี้การท่ขี ้อมูลมีมาตรฐาน เดยี วกนั ทำให้สามารถแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ระหวา่ งระบบได้อย่างสะดวก 2.5.8.7 จัดทำระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลได้ ผู้บริหารระบบฐานข้อมูล สามารถกำหนดรหัสผา่ นเข้าใช้งานข้อมูลของผู้ใช้แต่ละราย โดยระบบการจัดการฐานข้อมูลจะทำการ ตรวจสิทธ์ิในการทำงานกับข้อมูลทุกคร้ัง เช่น การตรวจสอบสิทธิ์ในการเรียกดูข้อมูล การลบข้อมูล การปรบั ปรุงขอ้ มูล และการเพ่มิ ข้อมลู ในแต่ละแฟม้ ขอ้ มูล 2.5.8.8 ควบคุมถูกต้องของข้อมูลได้ ปัญหาเรื่องความขัดแย้งกันของข้อมูล ที่มีความ ซับซ้อน เป็นปัญหาในเร่ืองความถูกต้องของข้อมูล ซ่ึงเม่ือได้มีการจำกัดความซับซ้อนของข้อมูลออก ปัญหาเร่ืองความถูกต้องของข้อมูลท่ีอาจเกิดข้ึนได้ เช่น อายุโดยปกติของคนงาน ควรอยู่ระหว่าง 18- 60 ปี ถ้าหากในระบบฐานข้อมูล ปรากฏมีพนักงานท่ีมีอายุ 150 ปี ซ่ึงเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติท่ี หน่วยงานจะมีการว่าจ้างคนงานที่มีอายุเกิน 60 ปี และอายุของคนในปัจจุบันไม่ควรเกิน 100 ปี ผบู้ ริหารระบบฐานขอ้ มูลสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ในการนำเข้าข้อมูล และระบบจดั การฐานข้อมูลจะ คอยควบคุมให้มีการนำเข้าข้อมูล เปน็ ไปตามกฎเกณฑใ์ หม้ ีความถกู ตอ้ ง 2.5.9 ข้อเสียของการใช้ฐานข้อมูลแม้ว่าการประมวลผลข้อมูลด้วยระบบจัดการฐานข้อมูล จะมี ขอ้ ดหี ลายประการ แต่กจ็ ะมีข้อเสยี อยูบ่ า้ งดงั ต่อไปน้ี

19 2.5.9.1 เสียค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากราคาของโปรแกรมที่ใช้ในระบบการจัดการฐานข้อมูล จะมีราคาค่อนข้างแพง รวมทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีมีประสิทธิภาพสูง คือ ต้องมีความเร็วสูง มีขนาด หน่วยความจำและหน่วยเก็บข้อมูลสำรองท่ีมีความจุมาก ทำให้ต้องเสียค่า ว่ายสูง ทำระบบ การ จดั การฐานขอ้ มูล 2.5.9.2 เกิดการสูญเสียข้อมูลได้ เน่ืองจากข้อมูลต่าง ๆ ภายในฐานข้อมูลจะถูกจัดเก็บอยู่ ในที่เดียวกัน ดังนั้นถ้าที่เก็บข้อมูลเกิดมีปัญหา อาจทำให้ต้องสูญเสียข้อมูลทั้งหมดในฐานข้อมูลได้ ดังนั้นการจดั ทำฐานขอ้ มูลที่ดีจงึ ตอ้ งมกี ารสำรองขอ้ มลู ไว้เสมอ 2.6 โปรแกรม Notepad++ กกกกกกกกNotepad++ (โปรแกรม Notepad โปรแกรม Text-Editor ขั้นเทพ) : สำหรับ โปรแกรมนี้เป็น โปรแกรม Notepad ท่ีมีชื่อว่า Notepad++ น้ี ซ่ึงถูกพัฒนาขึ้นมาครั้งแรก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 (เกิน 10 ปีแล้ว) โดยกลุ่มพัฒนาโปรแกรมโอเพ่นซอร์ส ท่ีแจกฟรี และแถมซอร์สโค้ดไป ดว้ ย มันเกิดมาเพอื่ สำหรับ โปรแกรมเมอร์ (Programmer) เป็น อีกหนึ่ง โปรแกรม Notepad หรือท่ี เรียกว่า โปรแกรม Text Editor หรือโปรแกรมแก้ไขข้อความ ท่ีความสามารถน้ันเอาชนะ Notepad อย่างขาดลอย และปัจจุบันน้ีมีคนดาวน์โหลด โปรแกรม Notepad++ นี้ไปใช้แล้วมากกว่า 30 ล้าน ครงั้ จากทั่วโลก ซึ่งถือเปน็ โปรแกรมเขยี นโค้ด ท่โี ปรแกรมเมอรท์ วั่ โลกนยิ มใชม้ ากที่สุดในโลก กกกกกกกกสำหรับ โปรแกรม Notepad++ ตัวนี้ โดยง่ายๆ เลยคือ มีความสามารถในการ รองรับ หลากหลาย ภาษาการเขียนโปรแกรม (Programming Languages) มีปล๊ักอินเฉพาะทางให้เลือก ดาวน์โหลดมากมาย แล้วช่วยให้เหล่าบรรดา โปรแกรมเมอร์ได้พัฒนาโปรแกรมของตนได้อย่างสบาย มฟี ังก์ชนั่ ในการช่วยอำนวยความสะดวก ในการเขยี นโปรแกรม (พัฒนาโปรแกรม) กนั อยา่ ครบครัน ไม่ วา่ จะ C, C++, HTML, ASP, Java, Pascal, CSS ก็สามารถใชไ้ ด้ 2.7 ภาษา PHP กกกกกกกกPHP ย่อมาจาก PHP Hypertext Preprocessor แต่เดิมย่อมาจาก Personal Home Page Tools คือภาษาคอมพิวเตอร์จำพวก Scripting language ภาษาจำพวกนี้คำส่ังต่างๆจะเก็บอยู่ ในไฟล์ ที่เรียกว่า Script และเวลาใช้งานต้องอาศัยตัวแปรชุดคำส่ัง ตัวอย่างของภาษาสคริปต์ก็เช่น JavaScript , Perl เป็นต้น ลักษณะของ PHP ท่ีแตกต่างจากภาษาสคริปต์แบบอื่นๆ คือ PHP ได้รับ การพัฒนาและออกแบบมา เพื่อใช้งานในการสร้างเอกสารแบบ HTML โดยสามารถสอดแทรกหรือ แก้ไขเนื้อหาได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นจึงกล่าวว่า PHP เป็นภาษาท่ีเรียกว่า server-side หรือ HTML- embedded scripting language นั้นคือในทุกๆ ครั้งก่อนที่เคร่ืองคอมพิวเตอร์ซ่ึงให้บริการ เป็น Web server จะส่งหน้าเวบ็ เพจท่ีเขียนด้วย PHP ให้เรา มันจะทำการประมวลผลตามคำส่ังท่ีมีอยู่ ให้ เสร็จเสียก่อน แล้วจึงค่อยส่งผลลัพธ์ท่ีได้ให้เรา ผลลัพธ์ท่ีได้นั้นก็คือเว็บเพจท่ีเราเห็นน่ันเอง ถือได้ว่า

20 PHP เป็นเคร่ืองมือท่ีสำคัญชนิดหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถสร้าง Dynamic Web pages (เว็บเพจท่ี มี การโต้ตอบกับผู้ใช้) ได้อย่างมีประสิทธภิ าพและมีลูกเล่นมากข้ึน PHP เป็นผลงานที่เติบโตมาจากกลุ่ม ของนักพัฒนาในเชิงเปิดเผยรหัสต้นฉบับ หรือ Open Source ดังน้ัน PHP จึงมีการพัฒนาไปอย่าง รวดเร็ว และแพร่หลายโดยเฉพาะอย่างย่งิ เม่ือใช้รว่ มกับ Apache Web server ระบบปฏิบัติอย่างเช่น Linuxหรือ FreeBSD เป็นต้น ในปัจจุบัน PHP สามารถ ใช้ร่วมกับ Web Server หลายๆตัวบน ระบบปฏิบัติการอย่างเช่น Windows 95/98/NT เปน็ ต้น 2.7.1 ลกั ษณะเด่นของ PHP 2.7.1.1 ใชไ้ ดฟ้ รี 2.7.1.2 PHP เปน็ โปรแกรมว่ิงขา้ ง Sever ดังนัน้ ขดี ความสามารถไมจ่ ำกดั 2.7.1.3 Conlatfun นน่ั คอื PHP วง่ิ บนเครื่อง Unix , Linux ,Windows ได้หมด 2.7.1.4 เรียนร้งู ่าย เนอ่ื งจาก PHP ฝง่ั เข้าไปใน HTML และใช้โครงสร้างและไวยากรณ์ 2.7.1.5 เร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเม่ือใช้กับ Apach Xerve เพราะไม่ต้องใช้ ภาษาง่ายๆ โปรแกรมจากภายนอก 2.7.1.6 ใช้รว่ มกับ XML ได้ทันที 2.7.1.7 ใชก้ บั ระบบแฟม้ ข้อมูลได้ 2.7.1.8 ใชก้ บั ข้อมูลตวั อักษรได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 2.7.1.9 ใชก้ ับโครงสรา้ งขอ้ มูล แบบ Scalar ,Array ,Associative array 2.7.1.10 ใช้กับการประมวลผลภาพได้ 2.8 ภาษา SQL กกกกกกกกSQL ย่อมาจาก Structured Query Language เป็นภาษาที่ใช้ในการจัดการของ ฐานข้อมูล เชิงสัมพันธ์ ผู้คิดค้น SQL เป็นรายแรกคือ บริษัทไอบีเอ็ม หลังจากนั้นมาผู้ผลิตซอฟท์แวร์ ด้านระบบ จัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ได้พัฒนาระบบที่สนับสนุน SQL มากข้ึน จนเป็นที่นิยมใช้กัน อย่าง แพร่หลายในปัจจุบัน โดยผู้ผลิตแต่ละรายก็พยายามพัฒนาระบบจัดการฐานข้อมูลของตนให้มี ลักษณะ เด่นเฉพาะข้ึนมา ทำให้รูปแบบการใช้คำสั่ง SQL มีรูปแบบแตกต่างกันไปบ้าง ในขณะ ท่ีAmerican National Standards Institute (ANSI) ได้กำหนดรูปแบบมาตรฐานของ SQL ขึ้น ซึ่ง เปน็ มาตรฐาน ของคำสั่ง SQL ตาม ANSI-86 กกกกกกกกต่อมาในปี 1992 ANSI ได้ปรับปรุงมาตรฐานของ SQL/2 และเป็นที่ยอมรับของ ISO (International Organization for Standardization) SQL/2 มี ร า ย ล ะ เอี ย ด เพ่ิ ม ขึ้ น เช่ น เพิม่ ประเภทของข้อมูลท่มี ีจากเดิม สนับสนุนการใชก้ ลุ่มตวั อักษร มีความสามารถในการให้สทิ ธ์เิ พิ่มข้ึน

21 (Privilege) สนับสนุนการใช้ SQL แบบ Dynamic เพ่ิมมาตรฐานในการใช้ Embedded SQLและมี โอเปอเรเตอรเ์ ชิงสัมพันธเ์ พิม่ ขึน้ กกกกกกกกนอกจากนี้ ANSI ได้ทบทวนและปรับปรุง SQL อีกครั้ง SQL/3 จุดประสงค์ของการ กำหนดมาตรฐาน เพื่อประโยชน์ในการใช้คำสั่งนี้ร่วมกันในระบบที่แตกต่างกันได้(Application Portability) นอกจากน้ี การเรียนรู้การใช้คำส่ัง SQL ตามมาตรฐานท่ีกำหนดข้ึน เป็นการง่ายท่ีจะ นำไปประยุกตใ์ ชห้ รอื เรียนรู้ เพมิ่ เตมิ จากคำส่งั SQL ของผูผ้ ลิตแตล่ ะรายได้ 2.8.1 การทำงานของ SQL 2.8.1.1 Select query ใช้สำหรับดึงข้อมูลทตี่ ้องการ 2.8.1.2 Update query ใชส้ ำหรบั แก้ไขขอ้ มลู 2.8.1.3 Insert query ใชส้ ำหรบั การเพม่ิ ขอ้ มลู 2.8.1.4 Delete query ใช้สำหรบั ลบข้อมูลออกไป 2.8.2 ประโยชน์ของภาษา SQL 2.8.2.1 สร้างฐานขอ้ มูลและ ตาราง 2.8.2.2 สนับสนุนการจัดการฐานข้อมูล ซ่ึงประกอบด้วย การเพิ่ม การปรับปรุง และการ ลบข้อมลู 2.8.2.3 สนบั สนนุ การเรียกใชห้ รือ ค้นหาข้อมลู 2.8.3 ประเภทคำส่ังของ SQL 2.8.3.1 คำสั่งกำหนดประเภทข้อมูล (Data Definition Language Command: DDL) เปน็ กลมุ่ คำสัง่ ใช้สำหรับการปรับเปลย่ี นโครงสร้างของฐานขอ้ มูล ประกอบด้วยคำสั่ง Create, 2.8.3.2 คำส่ังในการควบคุมโครงสร้างข้อมูล (Data Control Language Commandะ DCL) ประกอบดว้ ยคำสงั่ ทใี่ ชใ้ นการควบคุม การเกิดภาวะพร้อมกนั หรอื การป้องกนั การเกดิ เหตุการณ์ Replace, Alter, Truncate, Rename, Drop ท่ีผู้ใช้หลายคนเรียกใช้ข้อมูลพร้อมกัน และคำส่ังท่ี เก่ียวข้องกับการควบคุมความปลอดภัยของข้อมูล ด้วยการกำหนดสิทธิของผู้ใช้ท่ีแตกต่างกัน เช่น คำส่งั Grant และ Revoke 2.8.3.3 คำสั่งในการปรับปรุงข้อมูล (Data Manipulation Language Command: DML) ประกอบด้วยคำส่ังที่ใช้ในการเรียกใช้ ข้อมูล การเปล่ียนแปลงข้อมูล การเพ่ิมหรือลบข้อมูล ซ่ึง ไดแ้ กค่ ำสัง่ Insert, Delete และ Update 2.8.3.4 คำสั่งที่ใช้ในการค้นหาข้อมูล (Data Retrieval Command) มีหน้าที่ในการ ค้นหาข้อมลู เพือ่ แสดงรายการขอ้ มลู หรอื คำนวณ โดยมคี ำสง่ั เพยี งคำสั่งเดียวนน้ั คือ คำสั่ง Select

22 2.8.3.5 คำสั่งในการควบคุมการทำรายการข้อมูล (Transaction Control Command) เป็นคำส่ังท่ีใช้ในการยืนยันรายการต่างๆ ที่ผู้ใช้งานได้กระทำกับฐานข้อมูล โดยคำส่ังในกลุ่มน้ีจะ ประกอบด้วย \"Commit และ \"Rollback\" 2.8.4 รูปแบบการใชค้ ำสัง่ SQL 2.8.4.1 คำส่ัง SQL ที่ใช้เรียกดูข้อมูลแบบโต้ตอบ (Interactive SQL) เป็นการใช้คำส่ัง SQL ส่งั งานบนจอภาพ เพ่ือเรียกดูข้อมูลจากฐานขอ้ มลู ได้โดยตรงในขณะทที่ ำงาน 2.8.4.2 คำส่ัง SQL ที่ใช้เขียนร่วมกับโปรแกรมอ่ืน ๆ (Embedded SQL) เป็นการนำ คำสง่ั SQL ไปใชร้ ว่ มกบั ชดุ คำสงั่ งานทีเ่ ขยี นโดยภาษาตา่ ง ๆ เช่น COBOL, Pascal, PL เป็นตน้ 2.9 กรอบแนวคิดในการวิจยั ตัวแปรตาม ด้านการออกแบบ ตวั แปรต้น ระดับความพึงพอใจ ด้านการใช้งาน ด้านประโยชน์ รหสั สนิ ค้า ช่อื สนิ คา้ จำนวน หมายเหตุ ภาพที่ 2.2 ภาพแสดงกรอบแนวคิดในการวิจัย 2.10 งานวจิ ัยที่เกย่ี วข้อง กกกกกกกกปรุงศักด์ิ อัตพุฒ (2560) งานพัสดุ โรงเรียนสตรีภูเก็ต มีโปรแกรมพัฒนางานระบบพัสดุ และมีเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีมปี ระสิทธภิ าพที่สามารถรองรับการทำงานในระบบ e-GP ทำให้ปฏิบตั ิงาน พัสดุได้ตามพระราชบัญญัติ การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.๒๕๖๐ ระเบียบ กระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซ้ือจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.๒๕๖๐ และกฎกระทรวง ต่าง ๆ และสามารถเบิกจ่ายเงนิ งบประมาณได้ตามแผนการปฏบิ ัติงานท่ีวางไว้ได้อยา่ งถูกต้องและเป็น ระบบได้อย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้และทำให้ทุกหน่วยงานในโรงเรยี น สตรีภูเกต็ ได้พสั ดุตามกำหนดระยะเวลาในการใช้งาน กกกกกกกกวภิ าวี สุริโย (2547) งานพัสดุมีความสำคัญต่อการดำเนินงานขององค์กรทุก ๆ องค์กร เนื่องจากพัสดุเป็นเคร่ืองมือที่ช่วยให้การ บริหารงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถจะก่อให้เกิด ความสะดวกรวดเร็ว ประหยัดเวลาและงบประมาณ ทันต่อเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้น การมีความพร้อมด้าน

23 พัสดุครุภัณฑ์สามารถทำให้องค์กรประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายท่ีวางไว้ได้เพราะถ้าองค์กรใดขาด หลักการจัดการงานพัสดุที่ดีแล้วการทำงานย่อมจะเกิดความซ้ำซ้อนและส้ินเปลืองอันเป็นเหตุทำให้ องค์กรนั้นด้อยประสิทธิภาพ เน่ืองจากงานพัสดุเป็นงานที่สนับสนุนแผนงานของโครงการต่างๆ ซึ่งได้ วางแผนไว้ให้มีพัสดุพอใช้ตลอดเวลาทำให้งานและโครงการดำเนินไปได้และแม้แต่ส่วนงานด้านอ่ืนๆ นนั้ จะ ประสบผลสำเรจ็ ไม่ได้หากไมไ่ ด้รับความรว่ มมอื จากฝา่ ยพสั ดุ

บทท่ี 3 วิธีดำเนินการวิจัย กกกกกกกกการวิเคราะห์ระบบงานส่ิงจำเป็น คือ นักวิเคราะห์ต้องทราบรายละเอียดของระบบว่ามี ความสัมพันธ์กับอะไร บุคคลกลุ่มโดยท่ีจะสามารถเข้าใช้โปรแกรมได้ โปรแกรมท่ีจะได้จัดทำขึ้นนั้น สามารถเข้าใช้ได้ทุกคน โปรแกรมได้สร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความสะดวกให้กับกลุ่มบุคคลท่ีต้องการ จัดเกบ็ ขอ้ มลู พสั ดุ มดี งั นี้ 3.1 การออกแบบระบบฐานข้อมลู 3.1.1 แผนภาพกระแสข้อมูล 3.1.2 Data Flow Diagram level 1 3.1.3 ER-Diagram 3.2 การออกแบบประเมนิ ความพึงพอใจ 3.2.1 ประชาชนและการส่มุ กลุม่ ตวั อย่าง 3.1 การออกแบบระบบฐานขอ้ มูล ในการจดั ทำโครงการระบบเบิกจ่ายพัสดุ ไดม้ ีการกำหนดกระแสขอ้ มลู ไว้ดงั น้ี 3.1.1 แผนภาพกระแสขอ้ มูล (Context Diagram) ภาพที่ 3.1 แผนภาพกระแสข้อมลู Data Flow Diagram Level Context Diagram ของ level 0

25 3.1.2 Data Flow Diagram level 1 ภาพที่ 3.2 แผนภาพกระแสข้อมลู Data Flow Diagram Level 1 กก กก3.1.3 จากการที่ได้ศึกษาระบบ ผู้จัดทำได้ทำการออกแบบ Entity Relationship Diagram ของ ระบบฐานข้อมลู การขายสินค้า ดังภาพท่ี 3.3 ภาพท่ี 3.3 แสดงถึง Entity Relationship Diagram ของระบบการขายนำ้ มะพรา้ ว

26 3.1.4 การออกแบบตารางข้อมูล ภาพที่ 3.4 การออกแบบตารางข้อมลู รา้ นขายนำ้ มะพรา้ ว ตารางข้อมูลที่มีการจัดเก็บข้อมูลรายการสินค้า รายละเอียดสินค้า รายละเอียดการส่ังสินค้า และชนดิ สินคา้ ภาพที่ 3.5 การออกแบบตารางขอ้ มูล Product ตารางข้อมูล Product การจัดเกบ็ ขอ้ มลู ของสนิ ค้าโดยมี Prd_ID เป็นคีย์หลกั (Primary Key) ภาพท่ี 3.6 การออกแบบตารางข้อมูล Order_detail ตารางข้อมูล Order_detail การจัดเก็บข้อมูลของรายละเอียดสินค้า โดยมี Ord_ID และ Prd_IDเปน็ คยี ์นอก (Foreign Key) ภาพท่ี 3.7 การออกแบบตารางขอ้ มลู Order

27 ตารางข้อมูล Order การจัดเก็บข้อมูลของผู้ส่ังซื้อสินค้า โดยมี Ord_ID เป็นคีย์หลัก (Primary Key) ภาพที่ 3.8 การออกแบบตารางข้อมลู Employee ตารางข้อมลู Employee แสดงข้อมลู พนักงาน โดยมี Emp_ID เป็นคยี ห์ ลัก (Primary Key) ภาพที่ 3.9 การออกแบบตารางขอ้ มลู Category ตารางข้อมลู Category แสดงข้อมูลประเภทสินคา้ โดยมี Cat_ID เป็นคียห์ ลกั (Primary Key) 3.2 การออกแบบประเมินความพึงพอใจ กกกกกกกกการวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณ (Quantitative data) คณะผู้จัดทำดำเนินการวิเคราะห์ ข้อมูลท่ีได้รับจากแบบประเมินคุณภาพ และแบบสอบถามความคิดเห็นในการใช้บริการระบบ แบบ มาตราสว่ นประมาณคา่ ด้วยสถิตเิ ชงิ พรรณนา (Descriptive statistics) เพ่อื หาคา่ สถิตพิ ื้นฐาน ไดแ้ ก่ 3.2.1 ประชากรและการสุ่มกลมุ่ ตัวอยา่ ง กกกกกกกกกลุ่มตัวอยา่ งสอบถามความคิดเหน็ ของพนกั งานเทศบาลตำบลเขาวัว-พลอยแหวน จำนวน 3 ฉบับ 3.2.1.1 เกณฑก์ ารให้คะแนนและเกณฑ์การแปลความหมายล้ำหรับข้อมลู แบบมาตราสว่ น ประมาณคา่ (Rating Scale) กำหนดเกณฑ์การใหค้ ะแนนของเลเิ คอร์ท (Lkert. 1932) ไวด้ งั น้ี

28 1) แบบประเมนิ ความพงึ พอใจในการใชง้ านระบบ เกณฑ์การให้คะแนนการประเมินคุณภาพระบบ 5 หมายถงึ ดีมาก 4 หมายถึง ดี 3 หมายถึง ปานกลาง 2 หมายถึง นอ้ ย 1 หมายถึง ปรบั ปรงุ เกณฑ์การให้ค่าระดบั คะแนนคณุ ภาพของระบบ 4.50-5.00 หมายถงึ ดมี าก 3.50-4.49 หมายถงึ ดี 2.50-3-49 หมายถงึ ปานกลาง 1.50-2.49 หมายถงึ น้อย 1.00-1.49 หมายถึง ปรบั ปรุง 2) สถิติทใ่ี ช้วเิ คราะหข์ ้อมูล - ค่าเฉล่ยี (x̅) X̅ = ∑������������=1 ������ ������ - ค่าความเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (s) S. D. = √∑������������=1(������������ − ������̅)2 ������ − 1 เมื่อ x̅ แทน คะแนนเฉล่ยี S. D. แทน คา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน xi แทน คะแนนความพึงพอใจของนักศกึ ษาคนท่ี i n แทน จำนวนลูกค้าในกลุ่มตัวอย่าง

บทที่ 4 ผลการดำเนินงาน 4.1 การจดั เก็บ Data Base ตารางที่ 4.1.1 แสดงข้อมลู ลกู ค้า ตารางท่ี 4.2.2 แสดงข้อมูลสินค้า ตารางที่ 4.2.3 แสดงข้อมูลรายการขายสินคา้ ตารางที่ 4.2.4 แสดงข้อมูลการขายสินค้า ตารางท่ี 4.2.5 แสดงข้อมูลประเภทสนิ ค้า

30 ตารางท่ี 4.2.6 แสดงข้อมูลใบเสร็จ ตารางที่ 4.2.7 แสดงข้อมูลพนักงาน 4.2 การออกแบบหนา้ จอ 4.2.1 ออกแบบหนา้ จอลกู ค้า ภาพท่ี 4.1 หน้าจอระบบลกู ค้า

31 4.2.2 ออกแบบหนา้ จอใบสัง่ ซ้ือสนิ ค้า ภาพที่ 4.2 หนา้ จอใบสง่ั ซือ้ สินค้า 4.2.3 ออกแบบหนา้ จอรายการสินค้า ภาพที่ 4.3 ออกแบบหนา้ จอรายการสนิ ค้า

32 4.2.4 ออกแบบหน้าจอระบบขายน้ำมะพร้าวนำ้ หอม ภาพที่ 4.4 ออกแบบหน้าจอระบบขายน้ำมะพร้าวนำ้ หอม

บทที่ 5 สรุป อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ 5.1 วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย 1. เพอื่ สรา้ งระบบขายสนิ ค้าร้านขายมะพรา้ วน้ำหอม 2. เพ่ือสรา้ งความน่าเชื่อถือทางธุรกิจให้ร้านขายมะพร้าวนำ้ หอม 5.2 สมมติฐานการวิจยั ระบบขายสนิ ค้ารา้ นขายมะพรา้ วนำ้ หอม มปี ระสทิ ธิภาพมาก 5.3 เครอื่ งมือในการวิจัย 1. ระบบขายสินค้าร้านขายผักตลาดโบวล์ ิ่งมีประสิทธิภาพในการทำงานและตรวจสอบคณุ ภาพ โดยครูท่ีปรกึ ษา 5.4 การเก็บรวบรวมข้อมลู 1. รวบรวมและศึกษาข้อมูลทฤษฎีทเี่ ก่ยี วข้องในโครงงาน 2. รวบรวมและศกึ ษาขอ้ มลู สง่ิ ประดษิ ฐ์และโครงงานท่เี กยี่ วข้อง 3. รวบรวมและศกึ ษาขอ้ มลู การสรา้ งระบบร้านคา้ 4. รวบรวมและศกึ ษาข้อมลู โปรแกรมที่ใชใ้ นการระบบรา้ นคา้ 5. รวบรวมและศึกษาขอ้ มูลการออกแบบระบบรา้ นค้า 6. รวบรวมและศึกษาข้อมูลอินเตอรเ์ น็ต 7. รวบรวมและศึกษาข้อมลู รา้ นขายมะพรา้ วน้ำหอม 8. จดั ทำคมู่ อื การใชง้ าน 9. ประเมินผลระบบรา้ นขายมะพร้าวนำ้ หอม 10. สรุปผลการวิจัย 5.5 การวเิ คราะห์ข้อมลู ประเมินผลโครงงานระบบขายสินค้าร้านขายมะพร้าวน้ำหอม ตามวิธีของลิเคิร์ท (Likert) ใช้ มาตรอันดับเชิงคณุ ภาพ 5 ระดบั 5.6 สรปุ ผลการวิจยั ผลการประเมินประสิทธิภาพระบบขายสินค้าร้านขายมะพร้าวน้ำหอม มีประสิทธิภาพ อยู่ใน ระดบั มาก

34 5.7 ข้อเสนอแนะ 5.2.1 ข้อเสนอแนะสำหรบั การนำไปใช้ 5.2.1.1 ควรจดั ทำวีดโี อมาใส่เพ่ิมเตมิ 5.2.1.2 ควรจดั ทำปมุ่ ขน้ึ ไปด้านบน 5.2.1.3 ควรปรับเปล่ยี นสฟี อนต์ ให้มองและอ่านง่ายขึ้น 5.2.2 ขอ้ เสนอแนะในการวิจัยครั้งตอ่ ไป 5.2.2.1 จดั ทำวดี โี อมาใสเ่ พิ่มเติม 5.2.2.2 จัดทำปุม่ ขน้ึ ไปดา้ นบน 5.2.2.3 ปรับเปลี่ยนสฟี อนต์ ใหม้ องและอา่ นงา่ ยข้ึน

35 บรรณานกุ รม ธรี วฒั น์ ประกอบผล การวิเคราะหแ์ ละออกแบบเชิงวัตถุ กรุงเทพฯ : ซคั เซส มเี ดยี , 2558

36 ภาคผนวก ก เอกสารประกอบการดำเนนิ งาน

37 DFD Level 0

38 ภาคผนวก ข เอกสารประกอบการดำเนนิ งาน

39 DFD Level 1

40 Chain

41 ภาคผนวก ค เอกสารประกอบการดำเนนิ งาน

42 ER Diagram

43 ภาคผนวก ง เอกสารประกอบการดำเนนิ งาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook