Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 4

หน่วยที่ 4

Published by นาย ชาญชัย แฮวอู, 2019-09-18 21:59:03

Description: อาจารย์ชาญชัย

Search

Read the Text Version

1 แผนการสอน สอนคร้งั ท่ี วิชา โลหะวทิ ยาการเชือ่ ม จานวนคาบ รหสั วชิ า 3103-2102  ผู้สอน หนว่ ยท่ี 4.ศาสตร์การแขง็ ตวั และ โครงสร้างเกรน  ผู้เรียน สาระสาคัญ โครงสร้างเกรนท่ีได้หลงั จากรอยเชือ่ มแข็งตวั แลว้ มคี วามสาคญั มากต่อความแข็งแรงมาก เพอื่ ชว่ ยในการอธิบายลกั ษณะของโครงสร้างทเ่ี กิดข้นึ จากการเยน็ ตัวของบ่อหลอมละลาย ดังน้นั ใน ความเข้าใจศาสตรก์ ารแขง็ ตวั จึงมคี วามสาคัญเปน็ อย่างมากในการศึกษาโลหะวทิ ยาการเช่อื ม ซ่งึ ใน หน่วยนี้เปน็ การอธิบายและเชือ่ มโยงศาสตร์ของการแขง็ ตัวเขา้ กบั กระบวนการเช่ือม โดยครอบคลุม ถึง Constitutional Supercooling และ รูปร่างของ Solid/Liquid Interface เนอ้ื หาสาระ 1. บทนา 2. กลไกการเกิดนิวเคลยี ส 3. นิวคลีเอชั่น 4. นิวคลีเอช่นั จากเน้ือต่างกนั 5. การแข็งตวั ของรอยเชอ่ื ม 6. ระนาบสัมผัสระหวา่ งของแขง็ และของเหลว 7. ลักษณะของการแขง็ ตวั ท่ีแตกต่างในตาแหน่ง ๆ ของรอยเช่ือม 8. ผลกระทบต่อองคป์ ระกอบในการแข็งตวั 9. การเคลือ่ นทขี่ องโครงสรา้ ง 10. ผลกระทบทางความร้อน และความเรว็ 11. บทสรปุ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั ศึกษาสามารถอธบิ ายกลไกการแข็งตวั ของรอยเชื่อมได้ 2. นักศกึ ษาสามารถอธิบายผล Constitutional Supercooling ตอ่ โครงสร้างได้ 3. นกั ศึกษาบอกอิทธพิ ลของความเร็วในการเช่ือมตอ่ ลักษณะของโครงสร้างได้ 4. นักศึกษาปฏิบตั กิ ารตรวจสอบโครงสร้างจุลภาคงานเชอ่ื มแผ่นเหล็กบากหน้างาน 1 G ด้วย GMAW ได้

2 แผนการสอน สอนครัง้ ที่ วิชา โลหะวทิ ยาการเชอ่ื ม จานวนคาบ รหสั วิชา 3103-2102  ผู้สอน หนว่ ยท่ี 4.ศาสตรก์ ารแข็งตัว และ โครงสรา้ งเกรน  ผเู้ รียน ข้นั ตอนการสอน หรอื กิจกรรมครู ข้นั ตอนการเรียน หรือ กจิ กรรมนกั เรยี น 1. ขน้ั การเตรียม - เตรยี มพร้อมเรยี น - เตรียมเอกสาร - เตรยี มเอกสาร - เตรียมส่อื - เตรียมขานชอื่ - เรยี กชอ่ื นกั เรยี น - ฟงั การอบรม - ชแี้ จงแนวทางในการปฏิบตั ิตน อบรม - ลงมอื ทาแบบประเมนิ ก่อนเรยี น คุณธรรม จริยธรรม ความประพฤติ วนิ ัย เคร่อื งแตง่ กาย ฯ - ทาแบบประเมินก่อนเรียน 2. ขน้ั ดาเนนิ การ - ฟงั คาบรรยาย อธิบาย ตามสาระการเรียนรู้ - นาเข้าสู่บทเรยี น - จดบันทึก - บอกจดุ ประสงค์การเรียนประจาหนว่ ย - ซกั ถามข้อสงสัย เป็นระยะหากมีข้อสงสัยตอ่ - บรรยาย อธิบายเนอ้ื หาตามเน้ือหาสาระ โดยเน้นผเู้ รียนเป็นสาคญั การบรรยาย หรือ อธบิ าย - เปิดโอกาสให้นักเรียนซักถาม เปน็ ระยะ ของการบรรยาย หรือ อธบิ าย หากมีข้อ สงสัย หรอื ไม่ ครจู ะเป็นผูเ้ ปดิ คาถามตอ่ นกั เรียนเอง 3 ขั้นสรุป - ครสู รปุ สาระสาคญั ประมาณ 10-15 นาที - รับฟงั การสรุป - ทดสอบหลงั เรยี น - ทาแบบทดสอบหลังเรียน 15 นาที 4 ขนั้ ปฏบิ ัติงานภาคปฏบิ ัติ - ฟังการอธบิ ายข้ันตอนการปฏบิ ตั ิงาน - มอบหมายงานตามใบงาน - ปฏบิ ัติงานตามใบงาน

3 แผนการสอน สอนครั้งที่ วิชา โลหะวทิ ยาการเช่ือม จานวนคาบ รหสั วชิ า 3103-2102  ผสู้ อน หนว่ ยท่ี 4.ศาสตรก์ ารแขง็ ตัว และ โครงสรา้ งเกรน  ผเู้ รยี น กลวิธีการสอน 1. เน้นผเู้ รยี นเป็นสาคัญ นกั เรียนมีส่วนรว่ มในกจิ กรรมการเรียน – การสอนทง้ั รางกาย สติ ปัญหา และอารมณ์ 2. นาวธิ ีการเรยี นร้แู บบต่าง ๆ เพื่อประยุกต์ใชก้ บั เนอื้ หาสาระอยา่ งเหมาะสม เชน่ บรรยาย สาธติ หรอื การจดั การเรียนรู้แบบกระบวนการแก้ปัญหา การจัดการเรยี นรู้แบบสร้างองค์ความรกู้ าร เรียนร้แู บบสง่ เสริมความคิดสรา้ งสรรค์ ฯ ตามเน้อื หาสาระ ตามเอกสารประกอบการเรียน-การสอน ตามใบงาน และ ส่อื 3. ทดสอบถาม เพ่ือทบทวน เมื่อจบแต่ละหวั ขอ้ 4. เนน้ กระบวนการปฏบิ ตั ิควบคไู่ ปกับเน้ือหาสาระ 5. นักเรียนเกดิ การเรยี นรู้ได้โดยการคน้ พบตนเอง สื่อการสอน 1. คอมพิวเตอรส์ าหรบั อาจารย์ 2. เครือ่ งขยายเสียง 3. เครื่องฉายภาพทึบแสง 4. กระดานไวท์บอรด์ และ ปากกาสาหรบั ไวท์บอร์ด 5. สื่อการสอนอิเล็กทรอนกิ ส์ (Power Point) การวัดผล 1. สงั เกตความสนใจขณะฟงั คาอธบิ าย และการตอบขอ้ ซกั ถาม (จิตพสิ ยั ) 2. ผลการประเมนิ ก่อนเรยี น – หลังเรียน และ แบบฝึกหดั 3. ผลการปฏบิ ัติในช่ัวโมงปฏบิ ัติ

เรอื่ ง ตรวจสอบโครงสรา้ งจุลภาคงานเช่อื มแผน่ เหล็กบากหนา้ งาน 4 1 G ด้วย GMAW ใบงานภาคปฏิบตั ิ ตดั ไปตรวจสอบโครงสรา้ ง ข้อควรระวงั วสั ดุ 1.การตัดชิ้นงานทดสอบ 1. ช้นิ งานท่เี ช่ือมเสร็จแลว้ 2.การกดั กรด 3.การเตรยี มนา้ ยากดั กรด ลาดบั ขน้ั การปฏบิ ัติงาน ทกั ษะ 1. ตดั งานตามเสน้ ขนาด 10 มม. 1.การเตรียมนา้ ยากัดกรด 2. ขัดผิวหนา้ งานด้วยกระดาษทรายเรยี งลาดบั 2.การกัดกรด 3.การขัดกระดาษทราย ตามความละเอยี ด เครือ่ งมืออุปกรณ์ 3. ขัดสักหลาดด้วยผงอะลูมินา่ 1.เครอ่ื งเลื่อยกล 4. เตรียมสารละลายกดั ผิว 2.เคร่ืองขัดกระดาษทราย - สกั หลาด 5. ทาความสะอาดผวิ งาน 3.กระดาษทราย # 200 - 1200 6. กดั ผวิ หนา้ งานประมาณ 30 วินาที 1 นาที 4.สารละลายกดั ผวิ กรดไนตริก 1.5 ml 7. ลา้ งแอลกอฮอล์ 8. ลา้ งน้าสะอาด แอ ลกอฮอล 90 % 100 ml 9. เป่าลมจนแห้ง 5.กลอ้ งจลุ ทรรศน์ พรอ้ มอุปกรณ์ 10.วเิ คราะห์โครงสร้าง 6. แก้วใสสารเคมี 11.ถ่ายภาพโครงสรา้ ง 7.ผงอะลมู ินา่ 8.แอลกอฮอล์ 9.นา้ กล่ัน น้าสะอาด

5 แบบประเมนิ ผลการปฏิบัติงาน สอนครง้ั ที่ วชิ า โลหะวิทยาการเช่ือม จานวนคาบ รหัสวชิ า 3103-2102  ผสู้ อน หนว่ ยที่ 4.ศาสตร์การแข็งตวั และ โครงสรา้ งเกรน  ผเู้ รยี น ช่ืองาน ตรวจสอบโครงสรา้ งจุลภาคงานเชอ่ื มแผน่ เหล็กบากหนา้ งาน 1 G ด้วย GMAW ชื่อ ……………………………………….. ช้ัน …………………. กลมุ่ ………… วันท่ี ……............ เดอื น ……………………………..พ.ศ. ……………………… เวลาเรมิ่ ต้น ……………..…เวลาเสรจ็ งาน ………………… รวมเวลา………..… ลาดบั ขอ้ กาหนด ความสาคญั คะแนน หมายเหตุ 1 การเตรยี มงานทดสอบ 20 2 ผิวหน้างานขดั กระดาษทราย 20 3 การเตรยี มนา้ ยากดั กรด 20 4 ผลการกดั กรด 20 5 ผลการถา่ ยภาพ 20 รวม 100 เปอร์เซน็ ต์ = คะแนนที่ได้ × 100 = ………………… % ความสาคัญ × 10 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………. ...………………………….. ผูต้ รวจ

6 แบบฝกึ หดั สอนครัง้ ที่ วิชา โลหะวิทยาการเชอื่ ม จานวนคาบ รหสั วิชา 3103-2102  ผูส้ อน หน่วยที่ 4.ศาสตรก์ ารแขง็ ตัว และ โครงสร้างเกรน  ผู้เรียน ตอนท่ี 1 จงตอบคาถามต่อไปน้ใี หไ้ ด้ใจความสมบูรณ์ 1. การแข็งตวั จะเกดิ ขึ้นไดจ้ ะต้องเกิดสภาวะใดก่อน 2.  T คอื อะไร มคี วามสาคัญอยา่ งไรต่อการเกิดโครงสร้างของรอยเช่อื ม 3. จงอธบิ ายความหมายของความชนั ของอุณหภูมิ (Temperature Gradient) 4. ถ้าขนาดรัศมขี องอนุภาคของของแข็ง(r)มขี นาดน้อยกวา่ รัศมีวิกฤติ(r*)การแข็งตวั จะเป็นอย่างไร 5. จงอธิบายกลไกการเกิดโครงสรา้ งจาก Planar , Cellular ,Columnar Dendritic และ Equiaxed Dendritic ของรอยเชื่อม ตอนที่ 2 จงทาเครื่องหมายกากบาท (X) หนา้ คาตอบท่ีถูกทีส่ ุดเพียงข้อเดยี ว 1. นิวคลีเอชัน (Nucleation) ของงานเชอ่ื มเป็นแบบใด ข. Heterogeneous Nucleation ก. Homogeneous Nucleation ง. Inheterogeneous Nucleation ค. Inhomogeneous Nucleation ข. โครงสร้าง 2. จดุ เร่ิมต้นของการแข็งตัว เรยี กวา่ ง. ระนาบ ก. กอ้ นโลหะ ค. นิวเคลยี ส , นิวคลไี อ ข. Free Energy ง. Dendrite Grow 3. การท่ีนา้ โลหะจะแข็งตัวได้จะต้องเกิดสภาวะใด ก. Undercooling ข. Cellular ค. Solidification ง. Equiaxed Dendrite 4. ถ้าสดั สว่ น G/R ต่าจะได้โครงสรา้ งของแข็งเป็นแบบใด ก. Planar ค. Columnar Dendrite

7 แบบฝึกหดั สอนครงั้ ท่ี วิชา โลหะวิทยาการเชื่อม จานวนคาบ รหสั วชิ า 3103-2102  ผู้สอน หน่วยท่ี 4.ศาสตรก์ ารแข็งตัว และ โครงสร้างเกรน  ผเู้ รียน 5. การโตของจุดเรม่ิ ต้นการแข็งตวั จะดาเนินตอ่ ไปไดเ้ ม่ือ ก. r ≤ r* ข. r ≥ r* ค. r = r* ง. ถกู ทกุ ข้อ 6. r* คือ อะไร ก. รัศมีเส้นรอบวง ข. รัศมเี ส้นผ่านศนู ยก์ ลาง ค. รัศมีวกิ ฤติ ง. รัศมีของบ่อหลอมละลาย 7. โครงสรา้ งผลึกที่ไม่มีความเสถียรภาพคือ โครงสรา้ งใด ก. Planar ข. Cellular ค. Dendrite ง. Equiaxed 8. การเกดิ โครงสรา้ งเกรนในบรเิ วณหลอมละลายจะเกดิ ข้ึนไดต้ ้องอาศยั ส่ิงใด ก. ความรอ้ น ข. ความเรว็ ค. การเยน็ ตวั ง. ความหนาของโลหะงาน 9. การแขง็ ตวั (Solidification) ของรอยเชื่อมจะมีขนั้ ตอนเริม่ ตน้ จากส่ิงใด ก. Nucleation ข. Grain Growth ค. Interface ง. T 10.โครงสร้างทีเ่ กิดข้ึนจากผลกระทบของ T จะมอี ยกู่ ่ีประเภท ก. 1 ข. 2 ค. 2 ง. 4 11. Temperature gradient หมายความวา่ อยา่ งไร ก. ความแตกต่างของความเร็วในการเชื่อม ข. ความแตกต่างระหวา่ งอณุ หภูมหิ ลอมละลาย กบั อณุ หภูมทิ ีท่ าใหเ้ กิดการแขง็ ตวั ค. ความแตกตา่ งของโครงสร้างจุลภาค ง. ความแตกตา่ งของกระบวนการเช่อื ม

8 แบบฝกึ หดั สอนครัง้ ที่ วิชา โลหะวิทยาการเชอ่ื ม จานวนคาบ รหัสวชิ า 3103-2102  ผูส้ อน หนว่ ยที่ 4.ศาสตรก์ ารแข็งตัว และ โครงสรา้ งเกรน  ผู้เรียน 12. ความเร็วในการเชือ่ มสง่ ผลอยา่ งไรต่อโครงสรา้ งเกรน ก. ขนาดของเกรน ข. ขนาดของรอยเช่ือม ค. การซมึ ลกึ ง. ปรมิ าณของความร้อนเขา้ 13. ถา้ การเช่อื มมีปรมิ าณความร้อนเขา้ (Heat Input)ในปรมิ าณสูงจะสง่ ผลต่อเกรนอยา่ งไร ก. เกรนหยาบ ข. เกรนละเอียด ค. เกรนแหลม ง. ถกู ทกุ ขอ้ 14. โครงสรา้ ง Equiaxed dendritic จะเกิดทีบ่ รเิ วณใดของรอยเช่ือม ก. ขอบรอยเชือ่ ม ข. ตรงกลางรอยเช่ือม ค. ก้นบอ่ หลอมละลาย ง. ผิวหน้ารอยเช่ือม 15. Constitutional Supercooling สูงสุดจะไดโ้ ครงสรา้ งใด ก. Planar ข. Cellular ค. Equiaxed ง. Dendrite

9 ใบเฉลยแบบฝึกหัด สอนครงั้ ท่ี วชิ า โลหะวทิ ยาการเชื่อม จานวนคาบ รหัสวิชา 3103-2102  ผูส้ อน หนว่ ยท่ี 4.ศาสตร์การแข็งตวั และ โครงสร้างเกรน  ผู้เรียน ตอนที่ 1 1. การแข็งตัวจะเกดิ ข้ึนได้จะต้องเกิดสภาวะใดก่อน ตอบ อนั เดอร์คลูลงิ (Undercooling) 2.  T คือ อะไร มคี วามสาคัญอยา่ งไรต่อการเกิดโครงสร้างของรอยเช่ือม ตอบ หมายถงึ ปริมาณความแตกต่างของอุณหภมู ิท่ีตา่ กวา่ อณุ หภูมจิ ดุ หลอมเหลวของโลหะ ซง่ึ หากองศาของการเย็นตัวเพิ่มข้ึน กจ็ ะมผี ลให้บ่อหลอมละลายจะสามารถพัฒนาการไดโ้ ครงสร้างของ รอยเช่อื มทัง่ 4 โครงสรา้ ง 3. จงอธบิ ายความหมายของความชันของอณุ หภูมิ (Temperature Gradient) ตอบ คือ ความแตกต่างของอุณหภูมิในการแขง็ ตวั กับอุณหภูมิที่ใช้ในการทาให้หลอมละลาย ถ้า ในบอ่ หลอมละลายอณุ หภูมิในการหลอมละลาย และอุณหภมู ใิ นการแข็งตวั แตกต่างกันน้อย แสดงวา่ มีความชันของอุณหภูมิสูงมาก การแข็งตัวของโครงสร้างของแข็งจะได้แบบระนาบราบ (Planar) เท่านัน้ แต่ถ้าในการเช่อื มบ่อหลอมละลายมคี วามแตกต่างของอุณหภมู ทิ ั้งสองมาก โอกาสที่ กระบวนการแข็งตัวของโครงสรา้ งของแขง็ จะมีวิวัฒนาการโดยเริม่ ตน้ จาก Planar , Cellular , Columnar Dendrite และไปจบส้นิ กระบวนการที่ Equiaxed Dendrite

10 ใบเฉลยแบบฝึกหดั สอนครง้ั ที่ วชิ า โลหะวิทยาการเช่ือม จานวนคาบ รหัสวชิ า 3103-2102  ผสู้ อน หนว่ ยที่ 4.ศาสตรก์ ารแข็งตัว และ โครงสรา้ งเกรน  ผู้เรยี น 4. ถา้ ขนาดรัศมีของอนภุ าคของของแขง็ (r)มขี นาดน้อยกวา่ รศั มีวิกฤติ (r*) การแข็งตัวจะเปน็ อยา่ งไร ตอบ อนุภาคของของแข็ง (r) จะถูกความร้อนหลอมกลบั เข้าไปรวมอยูก่ ับของเหลวคือ ทีเ่ รยี กว่า เอม็ บรโิ อ (Embryo) เนื่องจากมี ความชนั ของอณุ หภูมิสูงมาก 5. จงอธบิ ายกลไกการเกิดโครงสรา้ งจาก Planar , Cellular ,Columnar Dendritic และ Equiaxed Dendritic ของรอยเช่อื ม ตอบ การพัฒนาจากโครงสร้าง Planar , Cellular ,Columnar Dendritic และ Equiaxed Dendritic ของรอยเช่ือม เปน็ การเพม่ิ องศาของ อนั เดอร์คลูลงิ (Undercooling) หรอื Constitutional Supercooling หมายความวา่ Planar มอี ันเดอรค์ ลลู ิง (Undercooling) หรอื Constitutional Supercooling) ตา่ ทส่ี ดุ แต่ถา้ ปรมิ าณของอนั เดอร์คลูลิง (Undercooling) หรือ Constitutional Supercooling) เพมิ่ ขึ้นไดเ้ ร่ือย ๆ โครงสรา้ งก็จะพัฒนาต่อไปได้ ตอนที่ 2 9. ก 1. ข 10. ง 2. ค 11. ข 3. ก 12. ก 4. ง 13. ก 5. ข 14. ข 6. ค 15. ค 7. ก 8. ค

11 แบบประเมนิ ก่อนเรียน สอนคร้งั ท่ี วชิ า โลหะวทิ ยาการเชอื่ ม จานวนคาบ รหัสวิชา 3103-2102  ผู้สอน หน่วยที่ 4.ศาสตรก์ ารแขง็ ตวั และ โครงสร้างเกรน  ผ้เู รียน คาส่งั จงทาเครอ่ื งหมายกากบาท (X) หน้าคาตอบท่ีถูกที่สุดเพียงข้อเดียว 1. นวิ คลีเอชัน (Nucleation) ของงานเชอื่ มเป็นแบบใด ก. Homogeneous Nucleation ข. Heterogeneous Nucleation ค. Inhomogeneous Nucleation ง. Inheterogeneous Nucleation 2. จุดเริม่ ต้นของการแข็งตวั เรียกวา่ ก. กอ้ นโลหะ ข. โครงสร้าง ค. นิวเคลยี ส , นิวคลไี อ ง. ระนาบ 3. การที่นา้ โลหะจะแข็งตัวได้จะต้องเกดิ สภาวะใด ก. Undercooling ข. Free Energy ค. Solidification ง. Dendrite Grow 4. ถ้าสดั สว่ น G/R ตา่ จะไดโ้ ครงสร้างของแข็งเปน็ แบบใด ก. Planar ข. Cellular ค. Columnar Dendrite ง. Equiaxed Dendrite 5. การโตของจดุ เริม่ ตน้ การแข็งตวั จะดาเนินตอ่ ไปได้เม่ือ ก. r ≤ r* ข. r ≥ r* ค. r = r* ง. ถูกทุกขอ้ 6. r* คือ อะไร ก. รศั มีเส้นรอบวง ข. รศั มเี ส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง ค. รัศมีวิกฤติ ง. รัศมีของบ่อหลอมละลาย

12 แบบประเมนิ ก่อนเรยี น สอนคร้ังท่ี วชิ า โลหะวทิ ยาการเชอื่ ม จานวนคาบ รหัสวิชา 3103-2102  ผูส้ อน หน่วยท่ี 4.ศาสตรก์ ารแขง็ ตวั และ โครงสรา้ งเกรน  ผูเ้ รียน 7. โครงสร้างผลึกทไี่ มม่ ีความเสถียรภาพคือ โครงสรา้ งใด ก. Planar ข. Cellular ค. Dendrite ง. Equiaxed 8. การเกิดโครงสรา้ งเกรนในบรเิ วณหลอมละลายจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยส่งิ ใด ก. ความร้อน ข. ความเร็ว ค. การเยน็ ตัว ง. ความหนาของโลหะงาน 9. การแขง็ ตัว (Solidification) ของรอยเช่ือมจะมีขน้ั ตอนเริม่ ตน้ จากสิง่ ใด ก. Nucleation ข. Grain Growth ค. Interface ง. T 10.โครงสร้างท่ีเกิดขนึ้ จากผลกระทบของ T จะมอี ยกู่ ี่ประเภท ก. 1 ข. 2 ค. 2 ง. 4 11. Temperature gradient หมายความว่าอยา่ งไร ก. ความแตกต่างของความเร็วในการเช่ือม ข. ความแตกต่างระหว่างอณุ หภูมิหลอมละลาย กบั อณุ หภูมทิ ่ที าใหเ้ กิดการแขง็ ตัว ค. ความแตกตา่ งของโครงสร้างจลุ ภาค ง. ความแตกตา่ งของกระบวนการเช่อื ม 12. ความเร็วในการเช่ือมสง่ ผลอยา่ งไรต่อโครงสรา้ งเกรน ก. ขนาดของเกรน ข. ขนาดของรอยเชื่อม ค. การซมึ ลกึ ง. ปรมิ าณของความร้อนเข้า 13. ถา้ การเชอ่ื มมปี รมิ าณความร้อนเข้า (Heat Input)ในปริมาณสงู จะสง่ ผลต่อเกรนอย่างไร ก. เกรนหยาบ ข. เกรนละเอยี ด ค. เกรนแหลม ง. ถูกทกุ ข้อ

13 แบบประเมนิ ก่อนเรียน สอนครัง้ ท่ี วชิ า โลหะวิทยาการเชอ่ื ม จานวนคาบ รหัสวชิ า 3103-2102  ผสู้ อน หน่วยท่ี 4.ศาสตร์การแข็งตัว และ โครงสร้างเกรน  ผู้เรยี น 14. โครงสรา้ ง Equiaxed dendritic จะเกิดท่บี ริเวณใดของรอยเช่ือม ก. ขอบรอยเชือ่ ม ข. ตรงกลางรอยเช่ือม ค. ก้นบอ่ หลอมละลาย ง. ผิวหน้ารอยเชอื่ ม 15. Constitutional Supercooling สูงสุดจะไดโ้ ครงสร้างใด ก. Planar ข. Cellular ค. Equiaxed ง. Dendrite

14 แบบประเมนิ หลังเรียน สอนคร้ังที่ วชิ า โลหะวทิ ยาการเช่ือม จานวนคาบ รหสั วิชา 3103-2102  ผสู้ อน หน่วยที่ 4.ศาสตร์การแข็งตัว และ โครงสรา้ งเกรน  ผเู้ รียน คาส่ัง จงทาเครอ่ื งหมายกากบาท (X) หนา้ คาตอบทถ่ี ูกที่สุดเพยี งข้อเดยี ว 1. การท่ีน้าโลหะจะแขง็ ตวั ได้จะตอ้ งเกิดสภาวะใด ก. Undercooling ข. Free Energy ค. Solidification ง. Dendrite Grow 2. นิวคลเี อชัน (Nucleation) ของงานเชือ่ มเป็นแบบใด ก. Homogeneous Nucleation ข. Heterogeneous Nucleation ค. Inhomogeneous Nucleation ง. Inheterogeneous Nucleation 3. จดุ เร่ิมต้นของการแข็งตัว เรียกว่า ก. กอ้ นโลหะ ข. โครงสรา้ ง ค. นวิ เคลยี ส , นิวคลีไอ ง. ระนาบ 4. การโตของจุดเริ่มตน้ การแขง็ ตัวจะดาเนินต่อไปได้เมื่อ ก. r ≤ r* ข. r ≥ r* ค. r = r* ง. ถกู ทกุ ข้อ 5. r* คอื อะไร ก. รศั มีเสน้ รอบวง ข. รัศมเี ส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง ค. รัศมวี กิ ฤติ ง. รัศมขี องบ่อหลอมละลาย 6. ถ้าสดั สว่ น G/R ตา่ จะได้โครงสรา้ งของแข็งเป็นแบบใด ก. Planar ข. Cellular ค. Columnar Dendrite ง. Equiaxed Dendrite 7. การเกดิ โครงสร้างเกรนในบริเวณหลอมละลายจะเกิดขึ้นไดต้ ้องอาศยั สง่ิ ใด ก. ความรอ้ น ข. ความเรว็ ค. การเยน็ ตัว ง. ความหนาของโลหะงาน

15 แบบประเมินหลงั เรยี น สอนครงั้ ท่ี วิชา โลหะวทิ ยาการเชอ่ื ม จานวนคาบ รหสั วิชา 3103-2102  ผู้สอน หน่วยท่ี 4.ศาสตรก์ ารแขง็ ตวั และ โครงสรา้ งเกรน  ผเู้ รยี น 8. การแข็งตัว (Solidification) ของรอยเชือ่ มจะมีข้ันตอนเริ่มตน้ จากส่ิงใด ก. Nucleation ข. Grain Growth ค. Interface ง. T 9. ถา้ การเช่ือมมปี ริมาณความร้อนเข้า (Heat Input)ในปรมิ าณสูงจะสง่ ผลต่อเกรนอย่างไร ก. เกรนหยาบ ข. เกรนละเอยี ด ค. เกรนแหลม ง. ถูกทกุ ขอ้ 10. โครงสร้างผลึกทไี่ ม่มคี วามเสถียรภาพคือ โครงสร้างใด ก. Planar ข. Cellular ค. Dendrite ง. Equiaxed 11. โครงสรา้ งท่เี กิดขน้ึ จากผลกระทบของ T จะมีอยู่กีป่ ระเภท ก. 1 ข. 2 ค. 2 ง. 4 12. Temperature gradient หมายความวา่ อยา่ งไร ก. ความแตกต่างของความเร็วในการเช่ือม ข. ความแตกต่างระหวา่ งอณุ หภูมิหลอมละลาย กับอณุ หภูมิที่ทาใหเ้ กิดการแข็งตัว ค. ความแตกตา่ งของโครงสร้างจุลภาค ง. ความแตกตา่ งของกระบวนการเชือ่ ม 13. โครงสร้าง Equiaxed dendritic จะเกดิ ท่ีบริเวณใดของรอยเชอื่ ม ก. ขอบรอยเชือ่ ม ข. ตรงกลางรอยเชื่อม ค. กน้ บ่อหลอมละลาย ง. ผวิ หนา้ รอยเชอ่ื ม 14. Constitutional Supercooling สงู สดุ จะได้โครงสรา้ งใด ก. Planar ข. Cellular ค. Equiaxed ง. Dendrite

16 แบบประเมนิ หลังเรียน สอนคร้ังท่ี วชิ า โลหะวิทยาการเช่ือม จานวนคาบ รหสั วชิ า 3103-2102  ผสู้ อน หน่วยที่ 4.ศาสตรก์ ารแข็งตัว และ โครงสร้างเกรน  ผ้เู รียน 15. ความเร็วในการเชื่อมสง่ ผลอยา่ งไรต่อโครงสร้างเกรน ก. ขนาดของเกรน ข. ขนาดของรอยเช่อื ม ค. การซึมลกึ ง. ปรมิ าณของความร้อนเข้า

17 เฉลยแบบประเมนิ ก่อนเรียน-หลงั เรยี น สอนครัง้ ที่ วิชา โลหะวทิ ยาการเชอ่ื ม จานวนคาบ รหัสวชิ า 3103-2102  ผ้สู อน หนว่ ยที่ 4.ศาสตร์การแข็งตวั และ โครงสร้างเกรน  ผู้เรียน เฉลยแบบประเมนิ ก่อนเรียน ข 1. ข 11. ก 2. ค 12 ก 3. ก 13. ข 4. ง 14. ค 5. ข 15. 6. ค 7. ก 8. ค 9. ก 10. ง เฉลยแบบประเมนิ หลังเรียน ก 1. ก 11. ข 2. ข 12 ข 3. ค 13. ค 4. ข 14. ก 5. ค 15. 6. ง 7. ค 8. ก 9. ก 10. ก

18 แบบบนั ทกึ หลังการสอน สอนคร้ังที่ วิชา โลหะวทิ ยาการเช่ือม จานวนคาบ รหัสวิชา 3103-2102  ผู้สอน หน่วยท่ี 4.ศาสตร์การแขง็ ตัว และ โครงสรา้ งเกรน  ผูเ้ รยี น ผลการใช้แผนการสอน ………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………. ปัญหาและอุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… แนวทางแก่ไข และข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ผสู้ อน .………………………………………… วันที่ ……… เดือน ……….…… พ.ศ. ……… ข้อเสนอแนะของหัวหน้าแผนก ข้อเสนอแนะของผู้อานวยการ ………………………………………..……………………………… ………………………………………………………………………………… ……………………………. ………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………… ลงช่ือ …………………………............ ลงชอ่ื ………………………….......... () () วันท่ี ……เดือน ………… พ.ศ. …… วันท่ี …. เดอื น ………… พ.ศ. ….… ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อานวยการฝ่ายวชิ าการ ………………………………………..……………………………… ……………………………. ลงชอ่ื …………………………........... () วนั ที่ …. เดอื น ………… พ.ศ. ….….


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook