พิมพ์ครง้ั ท่ี 2 หลกั การบญั ชเี บ้ืองตน้ (Fundamental Accounting Principles) องั คณา นตุ ยกุล วิไล ศรธี นางกูล ประทินพร แรมวลั ย์
เอกสารประกอบการสอน หลกั การบญั ชีเบอื้ งตน (ปรบั ปรุงใหม) ผูเรยี บเรียง : รองศาสตราจารยองั คณา นุตยกุล ผูช ว ยศาสตราจารย ดร.วิไล ศรีธนางกลุ ผชู ว ยศาสตราจารยประทนิ พร แรมวลั ย พมิ พค รงั้ ที่ 1 : จาํ นวน 105 เลม สิงหาคม 2554 พิมพค รง้ั ท่ี 2 : จาํ นวน 250 เลม ธนั วาคม 2554 ออกแบบปก : โครงการสวนดุสติ กราฟฟค ไซท พิมพท ่ี : หา งหนุ สวนจาํ กัด เอม็ แอนด เอ็ม เลเซอรพ รนิ้ ต โทร : 0-2215-3999
คาํ นํา เอกสารประกอบการสอนเลมนี้ ไดเรียบเรียงข้ึนเพื่อใชประกอบการเรียนการสอน วิชา 3821302 หลักการ บัญชีเบื้องตน(Fundamental Accounting Principles) 3(2-2-5) ตามหลักสูตรบริหารธุรกิจ(ปรับปรุงพ.ศ.2552) มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต โดยมีวัตถุประสงค เพ่ือใหนักศึกษาและผูสนใจโดยทั่วไปสามารถศึกษาคนควาและ ฝกฝนไดดวยตนเอง เกิดความรูความเขาใจใน หลักการและวิธีทางการบัญชีตามวงจรการบัญชี สําหรับกิจการ บรกิ าร กจิ การพณชิ ยกรรม และกิจการอุตสาหกรรม ตลอดจนหลกั การวิเคราะหขอ มูลเบื้องตนจากงบการเงิน ไดเปน อยางดี เนื้อหาในเอกสารประกอบการสอนเลมน้ี ประกอบดวย ลักษณะท่ัวไปของการบัญชี การจัดทํางบการเงิน หลกั การและวธิ ีทางการบญั ชตี ามวงจรการบญั ชี การบัญชสี าํ หรบั กิจการบริการ การบญั ชีสาํ หรับกิจการพณิชยกรรม การบัญชีสําหรบั กจิ การอุตสาหกรรม การวิเคราะหง บการเงนิ และการวเิ คราะหทนุ ดําเนนิ งานและเงนิ สด ในการเรยี บเรียงเอกสารประกอบการสอนนี้ คณะผเู รยี บเรยี งไดนําประสบการณจากการสอนและการศึกษา คนควา หาขอ มูลจากแหลง ตางๆท้ังภาครัฐและเอกชนโดยเฉพาะอยางย่ิงทานเจาของเอกสาร ตํารา หนังสืออางอิง ที่ ผูเขียนใชในการคนควาอางอิง ทําใหสามารถเรียบเรียงเอกสารประกอบการสอนเลมน้ีไดจนสมบูรณ จึง ขอขอบพระคุณทานเจาของตํารา บริษัท สํานักพิมพท่ีใชในการอางอิงเปนอยางสูง ทานเปนผูหน่ึงท่ีทําใหวงวิชาการ ขยายแผไพศาล คณะผเู รียบเรยี งหวงั เปน อยา งยง่ิ วา เอกสารประกอบการสอนหลักการบัญชีเบื้องตน(Fundamental Accounting Principles) เลม นจ้ี ะเปนประโยชนต อ นักศึกษาและผสู นใจโดยทัว่ ไปตามวตั ถุประสงคขางตน อังคณา นตุ ยกลุ วิไล ศรธี นางกูล ประทินพร แรมวัลย 2 พฤษภาคม 2552
คํานาํ พมิ พค รั้งที่ 2 ในการจัดพิมพครั้งน้ี ผูเขียนไดปรับปรุงเน้ือหาในแตละบทใหทันสมัยขึ้นเพื่อใหสอดคลองกับการ เปลยี่ นแปลงของมาตรฐานการบัญชีและมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ขอขอบพระคณุ ผูบริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ที่ใหโ อกาสและสนับสนุนในการจัดทําตําราวิชาการ เลมนี้ และขอบพระคุณคณาจารยหลักสูตรการบัญชีทุกๆทานท่ีไดใหคําแนะนําชวยเหลือใหตําราเลมนี้เสร็จสิ้น สมบูรณ ผูเขียนหวังเปนอยางย่ิงวา ตํารา หลักการบัญชีเบื้องตน(Fundamental Accounting Principles (ฉบับ ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2554) เลมน้ีจะเปนประโยชนตอผูศึกษาและผูสนใจโดยท่ัวไป และหากมีขอเสนอแนะโปรดติดตอไดท่ี [email protected] จกั ขอบพระคุณยิ่ง อังคณา นตุ ยกลุ วไิ ล ศรธี นางกลู ประทนิ พร แรมวลั ย 31 พฤษภาคม 2554
คาํ อธิบายรายวชิ า 3821302 หลักการบญั ชเี บื้องตน (Fundamental Accounting Principles) 3(2-2-5) ศึกษาความสําคัญของขอมูลทางการบัญชี บทบาทหนาที่ของหนวยงานบัญชีในองคกร หลักการและวิธีทางการบัญชีตามวงจรการบัญชี การบัญชีสําหรับกิจการบริการ กิจการพณิชยกรรม และกิจการอุตสาหกรรม การบัญชีภาษีมูลคาเพิ่ม การจัดทํางบการเงินและการวิเคราะหขอมูล เบอ้ื งตน จากงบการเงิน
สารบัญ หนา (1) คาํ นาํ สารบัญ (5) สารบัญภาพ สารบญั ตาราง (9) บทที่ 1 ลกั ษณะท่ัวไปของการบญั ชี (11) ประวตั ิของการบัญชี ความหมายของการบัญชี 1 ความหมายของการทําบัญชี 1 ผูม หี นาที่จัดทาํ บัญชี 2 ผูทาํ บัญชี 3 ประโยชนของขอ มลู ทางการบัญชี 3 ประเภทของการบญั ชี 4 ประเภทของกิจการ 4 แมบทการบญั ชี 5 สถาบันที่เก่ียวของกับวิชาชีพบัญชี 5 จรยิ ธรรมของผูประกอบวิชาชีพบัญชี 7 งบการเงิน 13 ความหมายของงบการเงนิ 13 งบแสดงฐานะการเงิน 14 งบกาํ ไรขาดทนุ เบด็ เสร็จ 15 งบแสดงการเปล่ียนแปลงในสว นของเจาของ 16 งบกระแสเงินสด 24 หมายเหตปุ ระกอบงบการเงิน 33 สรปุ 35 แบบฝกหัด 38 บทที่ 2 หลักการบันทึกบัญชี 40 หลกั การบันทึกบญั ชี 42 แนวคดิ ทางการบัญชี 45 รายการคา 45 เอกสารประกอบการบนั ทกึ บญั ชี 46 สมการบญั ชี 46 47 48
บทที่ 3 การวิเคราะหร ายการคากับสมการบัญชี 49 บทที่ 4 หลักการบญั ชีคู 54 ผงั บญั ชี 61 การบนั ทกึ รายการในสมุดบญั ชีและการจดั ทํางบทดลอง 64 ประเภทของสมดุ บัญชี 65 การบนั ทกึ รายการคาในสมดุ รายวนั ทั่วไป 67 การบันทกึ รายการคาในสมุดบัญชแี ยกประเภทท่ัวไป 74 งบทดลอง 84 สรุป 88 แบบฝก หัด 89 การวดั ผลการดาํ เนนิ งาน 99 เกณฑท่ใี ชในการบันทกึ บญั ชี 99 การปรบั ปรงุ รายการบัญชี 99 การแกไ ขขอ ผิดพลาดทางการบัญชี 130 งบทดลองหลงั การปรับปรงุ 136 กระดาษทําการ 138 รายการปด บัญชี 145 รายการเปดบัญชี 154 การโอนกลบั รายการ 155 สรปุ 157 แบบฝก หดั 158 การบัญชสี ําหรบั กจิ การซื้อขายสินคา 165 การซ้อื และการขายสินคา 165 เอกสารที่เกยี่ วกับการซื้อขายสนิ คา 166 ราคาทุนสินคา 170 คา ขนสง 170 สวนลด 172 การรับคนื สนิ คาและสวนลด 174 การสง คนื สินคา และสวนลด 174 ภาษีมลู คาเพ่มิ สําหรบั กจิ การซ้อื ขายสนิ คา 174 การบันทึกบัญชีเก่ยี วกบั สินคา คงเหลือ 175 ระบบบันทึกบัญชีสินคา คงเหลือแบบตอ เนื่อง 175 ระบบบนั ทึกบญั ชสี ินคา คงเหลือเมอื่ ส้นิ งวด 180 3821302 หลักการบัญชเี บือ้ งตน (Fundamental (4) Principles) Accounting
บทที่ 5 รายการท่ีควรพจิ ารณานบั เปนสินคา คงเหลอื 240 บทท่ี 6 บทที่ 7 การคาํ นวณมลู คา สินคา คงเหลอื 241 สรุป 246 แบบฝก หัด 248 สมดุ รายวนั เฉพาะ 257 ความหมายของสมดุ รายวนั เฉพาะ 257 ประเภทของสมุดรายวนั เฉพาะ 258 สมดุ บญั ชีแยกประเภทยอย 258 การบันทกึ รายการในสมดุ รายวันเฉพาะ 260 สมดุ รายวันซื้อ 261 สมดุ รายวนั สง คืนและสวนลด 265 สมดุ รายวันขาย 270 สมดุ รายวันรับคืนและสวนลด 274 สมุดรายวันรบั เงินหรอื สมดุ เงนิ สดรับ 279 สมุดรายวนั จายเงิน หรอื สมุดเงินสดจา ย 285 สรปุ 292 แบบฝกหัด 294 การบัญชสี าํ หรบั กิจการอุตสาหกรรม 301 ความหมายของการบญั ชีสาํ หรับกจิ การอตุ สาหกรรม 301 งบการเงินของกิจการอตุ สาหกรรม 301 การดําเนนิ งานของกจิ การอุตสาหกรรม 306 ลกั ษณะของการผลติ 308 สวนประกอบของตนทุนการผลิต 308 สนิ คา คงเหลือของกิจการอตุ สาหกรรม 309 การบันทึกบัญชสี าํ หรับกิจการอุตสาหกรรม 310 สรุป 329 แบบฝกหดั 330 การวเิ คราะหงบการเงิน 337 ความหมายของการวิเคราะหงบการเงิน 337 เทคนคิ และวิธกี ารวิเคราะหงบการเงินของธรุ กจิ 337 การวิเคราะหอัตรารอยละตอยอดรวม หรอื การวิเคราะหแนวต้ัง 337 การวเิ คราะหแ นวโนม หรือการวิเคราะหแ นวนอน 341 การวิเคราะหง บการเงนิ โดยใชอ ัตราสว นทางการเงิน 343 3821302 หลกั การบญั ชเี บ้อื งตน (Fundamental (5) Principles) Accounting
บทที่ 8 สรุป 357 แบบฝก หดั 358 การวเิ คราะหเงนิ ทุนดําเนนิ งานและเงินสด 361 361 ความหมายของงบแสดงการหมนุ เวยี น ความหมายของเงินทุนดาํ เนินงาน 361 ประโยชนของการวิเคราะหเงินทนุ ดาํ เนนิ งาน 362 งบแสดงการเปลี่ยนแปลงเงินทุนดาํ เนนิ งานสทุ ธิ 362 งบแสดงแหลง ที่มาและการใชไ ปของเงนิ ทุนดําเนินงาน 362 งบกระแสเงนิ สด 371 ประโยชนของงบกระแสเงนิ สด 371 รูปแบบการรายงานงบกระแสเงินสด 380 การจดั ทํางบกระแสเงินสด 383 สรุป 397 แบบฝกหัด 398 บรรณานกุ รม 403 ภาคผนวก 407 3821302 หลกั การบัญชเี บ้ืองตน (Fundamental (6) Principles) Accounting
สารบัญภาพ ภาพที่ หนา 1.1 แผนภูมิแมบทการบญั ชี สําหรับการจดั ทาํ และนําเสนองบการเงิน 12 2.1 แผนภมู ิวงจรบัญชี 58 5.1 แผนภูมแิ สดงความสมั พนั ธของบญั ชีแยกประเภทท่ัวไปและบัญชีแยกประเภทยอย 256 5.2 แผนภมู ิข้นั ตอนการทาํ บัญชขี องกจิ การทีใ่ ชสมุดรายวนั เฉพาะ 258 6.1 แสดงวงจรการบันทกึ ตน ทนุ การผลติ 307 6.2 แสดงวงจรการบันทึกตน ทุนการผลติ ที่เกดิ ขน้ึ ในงวดปจ จุบนั 325 8.1 สรปุ กระแสเงินสดที่เกิดขึ้นในแตละงวดการดาํ เนินงาน 380 8.2 แสดงการเปล่ยี นแปลงของบัญชเี งนิ สดเมื่อหน้ีสนิ และสวนของเจาของ 385 เปลย่ี นแปลง 8.3 แสดงการเปลย่ี นแปลงของบัญชีเงินสดเม่อื สินทรัพยอ ่ืนๆเปลยี่ นแปลง 386
(10)
สารบัญตาราง ตารางที่ สรุปการวิเคราะหรายการคา ของรา นภูมใิ จบริการ หนา 2.1 45 3.1 แสดงการบันทกึ บญั ชีเปรยี บเทียบการตัดจําหนายหนี้สูญตามหลักเกณฑกฎหมาย 117 3.2 ภาษอี ากรและตามหลักเกณฑทางบญั ชี 121 3.3 แสดงตารางแยกอายุลูกหน้ี 122 3.4 แสดงตารางแยกอายุลกู หนี้ 125 4.1 แสดงการบันทึกการแกไขขอ ผดิ พลาดทางการบัญชี 176 แสดงเปรียบเทียบการบันทึกบัญชีตามระบบบัญชีสินคาแบบตอเน่ืองและระบบ 4.2 สินคา เมื่อสิ้นงวด 237 6.1 แสดงการคํานวณราคาทนุ สินคา วธิ ีถัวเฉลย่ี เคล่อื นที่ 307 6.2 แสดงขัน้ ตอนการดําเนนิ งานของกิจการอตุ สาหกรรม 319 แสดงการบนั ทกึ บัญชีสนิ คาคงเหลอื ในสมดุ รายวันท่ัวไปเปรยี บเทยี บ 2 วิธี
ฉ
บทที่ 1 ลกั ษณะท่วั ไปของการบญั ชี การบัญชี (accounting) เปนงานบริการอยางหนึ่งท่ีมีบทบาทสําคัญตอการดําเนินงานของหนวยงาน ธุรกิจ (business enterprise) ทั้งหนวยงานที่มีวัตถุประสงคในการแสวงหากําไร (profit organization) และ หนวยงานที่มิไดแสวงหากําไร (nonprofit organization) แตมุงเนนการบริการอยางมีประสิทธิภาพ เนื่องจากการ บัญชีจะชว ยใหข อมูลพื้นฐานสําหรับการวางแผน การควบคุม และการตัดสินใจในการเลือกแนวทางปฏิบัติ เพ่ือให สามารถดําเนินงานไดบรรลุตามเปาหมายของหนวยงาน ขอมูลทางการบัญชีจะแสดงอยูในรูปของตัวเลขท่ีสะทอน เหตกุ ารณทีเ่ กิดขนึ้ แลวจากกจิ กรรมตา ง ๆ ของหนว ยงาน โดยการบัญชีจะเปนแหลงรวบรวมขอมูลอยางมีระบบและให ขอมูลที่เปนประโยชนแกผูใชขอมูลทั้งภายในและภายนอกหนวยงานสามารถแสดงออกมาในรูปแบบของรายงานท่ี แตกตางกันไปตามวัตถุประสงคของใชขอมูลทางการบัญชี ดังนั้นไมวาหนวยงานจะต้ังขึ้นโดยมีวัตถุประสงคใดผูใช ประโยชนของขอมูลทางการบัญชีท้ังภายในกิจการและภายนอกกิจการ ซ่ึงตองการวัดคาทางการเงินของหนวยงานน้ัน ๆ จะตองอาศัยขอมูลทางการบัญชีท้ังสิ้น การบัญชีจึงถือไดวาเปนเครื่องมือสําคัญในการวัดคาความสําเร็จและความ ลมเหลวของหนวยงาน โดยเฉพาะหนวยงานธุรกิจควรมีความรูเก่ียวกับการบัญชีอยางเพียงพอที่จะใชในการตัดสินใจ ทางธรุ กิจได ประวตั ขิ องการบัญชี การบัญชีไดกําเนิดขึ้นควบคูกับการประกอบธุรกิจการคาในอดีต โดยมีพัฒนาการอยางตอเน่ืองตาม สภาพแวดลอ มทเ่ี ปลี่ยนไปจากการคนพบหลักฐานในชวงแรกประมาณ 3,000 ปกอนคริสตศักราช จนถึงศตวรรษท่ี 13 พบวา การจดบันทึกรายการบัญชี เร่ิมต้ังแต สมัยอียิปต บาบิโลเนีย กรีก และโรมัน ซึ่งพบหลักฐานการจดบันทึก บนแผนดินเหนียว และบนแผนขี้ผึ้ง โดยบันทึกขอมูลทางการบัญชีเปนแผนแสดงรายรับ แผนแสดงรายจาย แผนแสดง การผลติ แผนแสดงหนีส้ นิ รวมท้ังบนั ทกึ สินคาคงเหลือปลายงวด รายงานประจาํ เดือน และรายงานประจําป การบันทึก รายการบัญชีดังกลาว บันทึกไวท้ังสองดาน คือ ดานรายรับแสดงการรับเงินสดจากใคร และดานรายจายแสดงการ จายเงินสดใหใคร ตอมาในปลายศตวรรษที่ 13 เร่ิมพบหลักฐานการจดบันทึกบัญชีตามหลักการบัญชีคู (double entry book keeping) ที่เมืองฟลอเรนซ ประเทศอิตาลี แตหลักฐานที่แสดงการบันทึกรายการบัญชีคูที่สมบูรณ พบที่ เมืองเจนัว ประเทศอิตาลี ในป ค.ศ. 1340 ซึ่งเปนศูนยกลางทางการคาในยุคที่ประเทศอิตาลีมีความ เจริญรุงเรือง ในป ค.ศ. 1494 ฟรา ลูกา ปาซิโอลิ (Fra Luca Pacioli) ชาวอิตาเลียนไดเขียนหนังสือเชิง คณิตศาสตรเลมหนึ่ง ชื่อ “The Summa de Arithmetica Geometria Proportionate Proportionalita” ซึ่งมีบท หนึ่งเปนเรื่องเกี่ยวกับหลักการบัญชีคู โดยใชสมการพีชคณิตเปนพื้นฐานวาสินทรัพยเทากับหนี้สินบวกสวนของ เจาของและผลบวกของเดบิตเทากับผลบวกของเครดิต ซ่ึงถือเปนแนวคิดของหลักการบัญชีคูท่ีสําคัญไดใชมาจนถึง ปจจบุ ัน และ ฟรา ลูกา ปาซโิ อลิ ไดรบั การยกยองเปนบดิ าแหงการบญั ชี (เมธากลุ เกยี รติกระจายและศิลปพร ศรีจ่ันเพชร, 2544, หนา 1 – 4) แนวคิดทางการบัญชีไดพัฒนาปรับเปลี่ยนตามสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่ซับซอนมากข้ึน จาก ผลกระทบการปฏิวัติอุตสาหกรรมในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกาในศตวรรษท่ี 19 และตนศตวรรษที่ 20 ทําใหเกิด การพัฒนาการทางการบัญชีในเร่ืองตาง ๆ เชน การประกอบการคาเปล่ียนจากธุรกิจเจาของคนเดียวมาเปนหาง
หุนสวนและบริษัทจํากัด แนวคิดทางการบัญชีจากการใชทฤษฎีความเปนเจาของ (ownership theory) เปลี่ยนเปน ทฤษฎีความเปนหนวยงาน (entity theory) แยกเปนอิสระจากเจาของหรือผูลงทุน มีการดําเนินงานตอเนื่อง (going concern) และวัดผลการดําเนินงานเมื่อสิ้นงวดระยะเวลาหนึ่ง ๆ แทนที่จะวัดผลการดําเนินงานเมื่อการคา สิ้นสุดลง และในชวงดังกลาวประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา เริ่มกอตั้งสมาคมวิชาชีพซึ่งมีอิทธิพลอยางมากตอ วิวัฒนาการทางการบัญชี ประเทศไทยก็ไดรับอิทธิพลจากสมาคมวิชาชีพของประเทศดังกลาวจนถึงปจจุบัน การบัญชีในประเทศไทยปรากฏหลักฐานมีการตราพระราชบัญญัติลักษณะเขาหุนสวน และบริษัท รัตนโกสินทรศก 130 (พ.ศ. 2455) กาํ หนดใหบริษัทจํากัดตองจัดทําบัญชี และมีผูสอบบัญชีตรวจสอบ จนกระทั่งมี การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ซึ่งมีผลตอการตื่นตัว ทางเศรษฐกิจของประเทศมาก ในป พ.ศ. 2482 รัฐบาลไดออกประมวลรัษฎากรมาบังคับใชจัดเก็บภาษีเงินไดนิติบุคคลจากกําไรสุทธิสําหรับป และจัดเก็บภาษีเงิน ไดบุคคลธรรมดาโดยประเมินจาก ยอดรายรับหรือรายได และมีการตราพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2482 กําหนดใหผูประกอบการธุรกิจตองจัดทําบัญชีเพื่อประโยชนในการจัดเก็บภาษีตามประมวลรัษฎากร โดยบังคับให หางรานตาง ๆ จัดทาํ บัญชี 5 เลม ประกอบดวย 1. บัญชีทรัพยสินรวมสินคาในครอบครอง 2. บัญชีเงินสด 3. บัญชีลูกหน้ี และบัญชีเจาหน้ี 4. บัญชีรายวันซื้อ และรายวันขาย 5. บัญชีแยกประเภทรายได และคาใชจาย นอกจากน้ันการจัดทําบัญชีตองบันทึกเปนภาษาไทย ถาเปนภาษาตางประเทศจะตองกํากับ ภาษาไทยไว และจัดทาํ งบการเงินอยางนอยปละ 1 ครั้ง ความหมายของการบญั ชี ความหมายของคาํ วา “การบัญชี” ตามพจนานุกรม หมายถึง ทะเบียนสมุด หรือกระดาษที่จด รายช่ือและจํานวน สมาคมนักบัญชีและผูสอบบัญชีรับอนุญาตของสหรัฐอเมริกา (The American Institute of Certified Public Accountants) เรียกยอ ๆ วา “AICPA” ไดกลาวเก่ียวกับ คาํ วา “การบัญชี” ไว ดังนี้ (อางถึงใน เมธากุล เกียรติกระจายและศิลปพร ศรีจั่นเพชร, 2544, หนา 31) “Accounting is the art of recording, classifying and summarizing in significant manner and in terms of money transactions and events which are, in part at least, of a financial character and interpreting the results there of” จากการแปลความขางตน “การบัญชีเปนศิลปะของการนํารายการหรือเหตุการณที่เกี่ยวกับการเงิน มาจดบันทึกและจัดใหเปนหมวดหมูพรอมท้ังสรุปผลในรูปจํานวนเงิน ตลอดจนการวิเคราะหความหมายจากผลนั้น ดวย” สมาคมนักบัญชีและผูสอบบัญชีรับอนุญาตแหงประเทศไทย (2538, หนา 4) ไดใหคําจํากัดความ ของการบญั ชไี วดังนี้ “การบัญชี คือ ศิลปะของการเก็บรวบรวม บันทึก จําแนกและทําสรุปขอมูลอันเกี่ยวกับเหตุการณ 2 3821302 หลกั การบญั ชีเบื้องตน (Fundamental Accounting Principles)
ทางเศรษฐกิจในรูปตัวเงิน ผลงานขั้นสดุ ทา ยของการบญั ชี คือ การใหขอ มูลทางการเงินซึ่งเปนประโยชนแกบุคคลหลาย ฝายและผูทสี่ นใจในกิจกรรมของกจิ การ จากคาํ จาํ กัดความดังกลา ว สามารถสรปุ สาระสาํ คัญไดด งั น้ี 1. การจดบันทึก (recording) เปนการจดบันทึกรายการหรือเหตุการณเกี่ยวกับการเงินตามลําดับ วันที่ 2. การจําแนก (classifying) เปนการนําขอมูลที่จดบันทึกไวมาจําแนกหรือจัดประเภทรายการ ออกเปนหมวดหมู เชน หมวดสินทรัพย หน้ีสิน สวนของเจาของ รายได และคาใชจาย 3. การสรุปผล (summarizing)เปนการนําขอมูลที่จําแนกไวเปนหมวดหมูมาสรุปจัดทําไวในรูปของ งบการเงินเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี ซึ่งประกอบดวยงบดุล งบกําไรขาดทุน งบกระแสเงินสด งบแสดงการ เปลี่ยนแปลงในสวนของเจาของ และหมายเหตุประกอบงบการเงิน 4. การแปลความหมาย (interpreting) เปนการนํางบการเงินมาวิเคราะหและสรุปแปลความหมาย หรือเปรียบเทียบรายการที่สําคัญของเหตุการณในปปจจุบันกับในอดีตและเพื่อคาดการณเหตุการณในอนาคต เพ่ือใหผูใชงบการเงินนาํ ไปพิจารณาตัดสินใจ ความหมายของการทาํ บัญชี การทาํ บัญชี (book keeping) หมายถึง “การบันทึกรายการทางบัญชีที่เกิดข้ึน เพ่ือเปนฐานในการ จัดทํารายงานทางการเงิน” (สมาคมนักบัญชีและผูสอบบัญชีรับอนุญาตแหงประเทศไทย, 2538, หนา 24) หรือ กลาวไดวาเปนการบันทึกรายการ หรือขอมูลทางการบัญชีในสมุดบัญชีของกิจการตามที่ไดวางระบบบัญชีไว เรียบรอยแลว เชน บันทึกรายการในสมุดรายการขั้นตน ไดแก สมุดรายวันเฉพาะ สมุดรายวันทั่วไป และผาน รายการจากสมุดรายวันไปสมุดบัญชี ข้ันปลาย คือ บัญชีแยกประเภท การบันทึกรายการปรับปรุง การปดบัญชี และการจัดทํางบการเงิน ผูที่มีหนาที่จัดทาํ ดังกลาว เรียกวา ผูทาํ บัญชี (bookkeeper) ความแตกตา งของการบญั ชกี ับการทาํ บญั ชี เนื่องจากการบัญชีกับการทําบัญชีมีความเกี่ยวของกับขอมูลทางการบัญชีเชนเดียวกัน แตถา พิจารณาจากลักษณะและขอบเขตของงานแลวจะเห็นไดวาการทําบัญชีจะเปนสวนหนึ่งของการบัญชี กลาวคือ ผูทําหนาที่เกี่ยวกับการบัญชีเรียกวา นักบัญชี (accountant) จะทําหนาที่ที่มีขอบเขตงานกวางกวางานของผูทํา บัญชี โดยนักบัญชีนอกจากจะจดบันทึกการบัญชีในสมุดรายวันขั้นตน สมุดรายวันขั้นปลาย และจัดทํางบการเงิน แลว นักบัญชียังสามารถออกแบบและวางระบบบัญชี กําหนดนโยบายบัญชี วิเคราะหและแปลความหมายขอมูล ของงบการเงิน และตรวจสอบบัญชี ตลอดจนจัดทาํ รายการเฉพาะเร่ืองทางการบัญชีตามที่ผูบริหารมอบหมาย ผมู ีหนา ทจี่ ดั ทาํ บัญชี ผูมีหนาที่จัดทําบัญชี หมายถึง ผูมีหนาที่จัดใหมีการทําบัญชีตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ซึ่งกาํ หนดผูมีหนาท่ีจัดทาํ บัญชีในประเทศไทยไว ดังนี้ 1. หางหุนสวนจดทะเบียน 2. บริษัทจาํ กัด 3 3821302 หลกั การบญั ชีเบือ้ งตน (Fundamental Accounting Principles)
3. บริษัทมหาชนจํากัดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย 4. นิติบุคคลท่ีต้ังข้ึนตามกฎหมายตางประเทศท่ีประกอบธุรกิจในประเทศไทย 5. กิจการรวมคาตามประมวลรัษฎากร 6. สถานที่ประกอบการธุรกิจเปนประจําในสถานที่หลายแหงแยกจากกัน ใหผูมีหนาที่รับผิดชอบใน การจัดการธุรกิจในสถานท่ีน้ัน เปนผูมีหนาที่จัดทําบัญชี 7.บุคคลธรรมดา หางหุนสวนสามัญตามท่ีรัฐมนตรีประกาศกาํ หนด ผูทําบัญชี ผูทําบัญชีตามความหมายของพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 หมายถึง ผูรับผิดชอบในการทําบัญชี ของผูมีหนาที่จัดทําบัญชี ไมวาจะกระทําในฐานะเปนลูกจางของผูมีหนาที่จัดทําบัญชีหรือไม โดยผูมีหนาท่ีจัดทําบัญชี ตองจัดใหมีผูทําบัญชี ซึ่งเปนผูมีคุณสมบัติและเง่ือนไขตามท่ีอธิบดีกรมทะเบียนการคา ประกาศกําหนดคุณสมบัติและ เง่ือนไขของการเปนผูทาํ บัญชี พ.ศ. 2543 ซงึ่ มผี ลบังคบั ใชตง้ั แตวนั ท่ี 10 สงิ หาคม 2544 ดังตอ ไปน้ี 1. ผูทําบัญชีมีคุณวุฒิไมต่ํากวาอนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง (ปวส.) ทางการบัญชี หรือเทียบเทา จากสถาบันการศึกษาซ่ึงทบวงมหาวิทยาลัย คณะกรรมการขาราชการพลเรือน (ก.พ.) หรือ กระทรวงศึกษาธิการเทียบวาไมตํ่ากวาอนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง (ปวส.) ทางการบัญชี สามารถ จัดทําบัญชีใหหางหุนสวนจดทะเบียน และบริษัทจํากัดท่ีจัดต้ังขึ้นตามกฎหมายไทย ซ่ึง ณ วันปดบัญชีในรอบปบัญชีท่ี ผา นมา มีทนุ จดทะเบียนไมเ กนิ 5 ลา นบาท มีสนิ ทรัพยร วมไมเ กนิ 30 ลานบาทและมรี ายไดร วมไมเ กนิ 30 ลา นบาท 2. ผูทําบัญชีมีคุณวุฒิไมต่ํากวาปริญญาตรีทางการบัญชีหรือเทียบเทาจากสถาบันการศึกษาซ่ึง ทบวงมหาวิทยาลัย หรือคณะกรรมการขาราชการพลเรือน(ก.พ.) หรือกระทรวงศึกษาธิการ เทียบวาไมต่ํากวาปริญญาตรี ทางการบัญชสี ามารถจัดทําบญั ชใี หแ กกจิ การ ดังตอ ไปน้ี 2.1 หางหุนสวนจดทะเบียน และบริษัทจํากัดที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ซึ่งณ วันปดบัญชีใน รอบปบัญชีท่ีผานมามี ทุนจดทะเบียนหรือสินทรัพยรวมหรือรายไดรวมรายการใดรายการหนึ่งเกินกวาท่ีกําหนดไว 2.2 บริษัทมหาชนจาํ กัดท่ีจัดต้ังข้ึนตามกฎหมายไทย 2.3 นิติบุคคลท่ีต้ังข้ึนตามกฎหมายตางประเทศท่ีประกอบธุรกิจในประเทศไทย 2.4 กิจการรวมคาตามประมวลรัษฎากร 2.5 ผูประกอบธุรกิจธนาคาร เงินทุนหลักทรัพย เครดิตฟองซิเอร ประกันชีวิตประกันวินาศภัย 2.6 ผูประกอบธุรกิจ ซึ่งไดรับการสงเสริมการลงทุนตามกฎหมายวาดวยการสงเสริมการลงทุน ประโยชนของขอ มลู ทางการบญั ชี ประโยชนข องขอ มูลทางการบัญชีขน้ึ อยกู บั วัตถุประสงคข องผใู ชขอ มลู ซึ่งผูใชขอมูลทางบัญชีจําแนกได 2 ประเภท คอื บุคคลภายในกจิ การและบคุ คลภายนอกกจิ การ ดังน้นั ประโยชนของขอมูลทางการบัญชมี ีไดด งั ตอ ไปนี้ 1. ประโยชนของขอมูลทางการบัญชีที่มีตอบุคคลภายในกิจการ ซึ่งไดแก ผูบริหาร และฝายจัดการ และพนักงาน มีดังน้ี 1.1 เปนขอมูลที่เปนประโยชนตอการวางแผน ควบคุม และการตัดสินใจ 4 3821302 หลกั การบัญชีเบื้องตน (Fundamental Accounting Principles)
1.2 ทําใหทราบถึงเหตุการณและสถานการณทางการเงินที่แทจริงของกิจการใหมากที่สุด และ รวดเร็วท่ีสุด 1.3 ทําใหทราบขอมูลเกี่ยวกับความมั่นคงและความสามารถในการทํากําไรของกิจการ เพื่อใช ประเมินความสามารถในการจายคาตอบแทน บาํ เหน็จรางวัล สวัสดิการ และโอกาสการจางงาน 2. ประโยชนของขอมูลทางการบัญชีท่ีมีตอบุคคลภายนอกกิจการ ซึ่งไดแก เจาหน้ีของกิจการ ผูถือหุน บคุ คลท่วั ไป และหนว ยงานรฐั บาล มีดังนี้ 2.1 เปนขอ มูลทางการบญั ชใี ชในการประเมินฐานะความม่นั คงทางการเงนิ ของกิจการ 2.2 เปนขอมูลทางการบัญชีใชในการพิจารณาการใหสินเช่ือ การติดตามทวงถามลูกหน้ี ตลอดจน ความสามารถในการชาํ ระหน้ีของลูกหน้ี 2.3 เปน ขอมลู ทางการบญั ชีใชใ นการคํานวณภาษอี ากรใหก ับภาครฐั ประเภทของการบญั ชี เนื่องจากความตองการใชขอมูลการบัญชีมีความแตกตางกันไปตามประเภทของผูใชขอมูลและ วัตถุประสงคของการใชการบัญชีจึงแบงออกได 3 ประเภท (กาญจนา ศรีพงษ, 2545,หนา 1-7 และ 1-8) ดังนี้ 1. การบัญชีการเงิน (financial accounting) เปนการจัดหาขอมูลใหแก บุคคลภายนอก ซึ่งไมมี สวนเก่ียวของในการดําเนินงานขององคกรไดแก ผูลงทุน ผูใหสินเชื่อ หนวยงานของรัฐที่เกี่ยวของ และผูสนใจทั่วไป ขอมูลการบัญชีเสนอในรูปแบบของงบการเงิน ไดแก งบแสดงฐานะการเงิน และผลการดําเนินงาน โดยมี วัตถุประสงคเพ่ือประโยชนในการตัดสินใจ 2. การบัญชีเพื่อการจัดการ (managerial accounting) เปนการจัดหาขอมูลใหแก ผูบริหารของ องคกร นอกเหนือจากรายงานทางการบัญชีการเงิน การบัญชีเพื่อการจัดการยังใหขอมูลอื่น ๆ ที่จําเปนในการ บริหารจัดการเปนการภายใน ซึ่งมีวัตถุประสงคเพื่อประโยชนในการวางแผน และการควบคุมการดําเนินงานใหมี ประสิทธิภาพ 3. การบัญชีภาษีอากร (tax accounting) เกี่ยวของในเรื่องการประเมินภาษี และการวางแผนทาง ภาษี ซึ่งขึ้นอยูกับประเภทของหนวยงาน กรณีหนวยงานรัฐบาล เชน กรมสรรพากรจะจางนักบัญชีภาษีอากรทํา หนาที่จัดเก็บภาษี ประเมินภาษี และตรวจสอบความถูกตองของขอมูลในแบบฟอรมการเสียภาษีของผูเสียภาษี ซึ่ง จะชวยใหองคกรไดรับการลดหยอนในการเสียภาษี เชน การบริจาคเงินใหสาธารณชน สําหรับหนวยงานธุรกิจนัก บัญชีภาษีอากรชวยผูเสียภาษีในการกรอกแบบฟอรม การคํานวณ และวางแผนทางภาษี ประเภทของกิจการ สามารถแบงประเภทของกิจการไดเปน 2 ลักษณะ โดยแบงตามรูปแบบการจัดต้ังกิจการ และแบงตาม รูปแบบการประกอบการ 1. ประเภทของกจิ การตามรูปแบบการจัดต้งั กิจการ แบงเปน 3 ประเภทดังนี้ 1.1 กิจการเจาของคนเดียว (Individual Proprietorships)เปนกิจการที่มีบุคคลคนเดียว เปนผูกอต้ังและเปนเจาของ โดยเจาของจะนําเงินสดและสินทรัพยมาลงทุนในกิจการเพียงผูเดียว เจาของจะเปนทั้งผู ลงทนุ ในกิจการและเปน ผูบรหิ ารดูแลการบริหารในทกุ สว นของกิจการ หากกิจการมีผลกําไรจากการดําเนินงาน กําไรท่ี 5 3821302 หลักการบัญชีเบอื้ งตน (Fundamental Accounting Principles)
เกิดข้ึนนั้นจะเปนของเจาของ แตหากกิจการมีผลขาดทุนหรือมีความรับผิดชอบในหน้ีสิน เจาของจะตองรับผลขาดทุน นั้นท้ังหมดและรับผิดชอบในหน้ีสินทั้งหมดของกิจการ โดยไมจํากัดจํานวนแตเพียงผูเดียว รูปแบบของกิจการ เจาของคนเดียว เชน รานคาปลีก สํานักงานบัญชี อูซอมรถยนต เปนตน 1.2 หางหุนสวน (partnership) เปนกิจการที่มีบุคคลต้ังแตสองคนข้ึนไปรวมกันจัดตั้ง ข้ึนทําสัญญาตกลงเขาเปนหุนสวนทํากิจการรวมกัน มีวัตถุประสงคที่จะแบงปนผลกําไรขาดทุนที่เกิดจากการดําเนิน กิจการตามท่ีไดตกลงกันไวในสัญญา ผูเปนหุนสวนอาจนําเงินสด หรือ สินทรัพย หรือแรงงานมารวมลงทุนในกิจการ การขยายกิจการของหางหุนสวนสามารถทําไดงายกวากิจการเจาของคนเดียว ประเภของหางหุนสวนตามกฎหมาย แบงเปน 2 ประเภท คือ หา งหนุ สว นสามัญ และหา งหนุ สวนจาํ กดั 1.2.1 หางหุนสวนสามัญ (Ordinary Partnership หรือ Unlimited Partnership) เปนหางหุน สว นทผ่ี เู ปนหนุ สว นทกุ คนตอ งรับผดิ ชอบในหนี้สินของหางหุนสวนโดยไมจํากัดจํานวน ดังน้ันการลงทุนของ ผูเปนหุนสวนจะลงทุนดวยสินทรัพย หรือแรงงานก็ได ผูเปนหุนสวนทุกคนมีสิทธิเขามาบริหารงานเอง โดยแบงหนาท่ีกัน ทําหรือแตงตั้งใหหุนสวนคนใดคนหน่ึงเปนผูจัดการ แลวดําเนินการในนามของหางหุนสวน หางหุนสวนสามัญจะจด ทะเบียนเปนนิติบุคคลหรือ ไมจดทะเบียนเปนนิติบุคคลก็ได ถาหางหุนสวนสามัญจดทะเบียนเปนนิติบุคคลจะเรียกวา หา งหุนสวนสามัญนติ บิ ุคคล จัดเปนบุคคลตามกฎหมายแยกตา งหากจากผูเปน หุน สวน 1.2.2 หางหุนสวนจํากัด (Limited Partnership) เปนหางหุนสวนที่ประกอบดวยผู เปนหุนสวน 2ประเภท คือ หุนสวนประเภทจํากัดความรับผิดชอบ และหุนสวนประเภทไมจํากัดความรับผิดชอบ โดยท่ี หนุ สว นประเภทจํากดั ความรับผิดชอบ ผูเปนหุนสวนจะรับผิดชอบในหน้ีสินของหางหุนสวนไมเกินจํานวนเงินที่ตนรับจะ ลงทุนในหางหุนสวน การลงทุนจะตองลงทุนดวยเงินสดหรือสินทรัพยเทานั้น จะลงทุนดวยแรงงานไมได จึงไมมีสิทธิที่จะ เขามาบริหารงานหรือดําเนินการในนามของหางหุนสวน จะมีสิทธิเพียงการออกความเห็นใหคําแนะนําและตรวจสอบการ ดําเนินงานของหางได สว นหุนสวนประเภทไมจ ํากดั ความรับผิดชอบ ผูเปน หุนสว นจะรบั ผดิ ชอบในหน้สี นิ ของหางหุนสวน โดยไมจํากัดจํานวน การลงทุนจะลงทุนดวยเงินสด สินทรัพย หรือแรงงานก็ได และมีสิทธิท่ีจะเขามาบริหารงานหรือ ดําเนินการในนามของหางหุนสวนได หางหุนสวนจํากัดกฎหมายกําหนด ใหจะตองจดทะเบียนเปนนิติบุคคล ถาไมไดจด ทะเบียนกฎหมายใหถ ือวา หา งหนุ สว นน้ันเปน หา งหุน สว นสามญั 1.3 บริษัทจํากัด(corporation) เปนกิจการที่กฎหมายกําหนดใหจดทะเบียนเปนนิติ บุคคล มีบุคคลเริ่มกอตั้งบริษัท ตั้งแต 7 คนขึ้นไป แบงทุนของกิจการออกเปนหุนมีมูลคาหุนละเทา ๆ กัน และนํา ออกจําหนายใหผูที่จะลงทุนซื้อหุนของบริษัท เรียกวา ผูถือหุน (stockholder) ผูถือหุนจะรับผิดชอบหนี้สินของ กิจการไมเกินจํานวนคาหุนที่ยังชําระไมครบ การแบงประเภทบริษัทจํากัดตามกฎหมาย แบงเปน 2 ประเภท คือ บรษิ ัทจํากดั และ บริษทั มหาชนจํากดั 1.3.1 บริษัทจํากัด (Private Company Limited) หรือ บริษัทเอกชนจํากัด เปน บริษัทท่ีจัดตั้งตามประมวลกฎหมายแพงพาณิชย มีผูรวมกอการจัดต้ังอยางนอย เจ็ดคนรวมตกลงจัดตั้งบริษัท โดย แบง ทุนของกิจการเปนหนุ มีมลู คา หุนละเทา กนั มูลคา หุนตอ งไมต ่าํ กวา หุนละ 5 บาท บริษัทจะขายหุนตํ่ากวาราคาตาม มูลคาไมได และไมสามารถขายหุนใหแกประชาชนท่ัวไปได การชําระคาหุนคร้ังแรกเม่ือจัดต้ังบริษัทตองไมนอยกวา 25%ของมูลคาหุน หากมีสวนเกินมูลคาหุนใหชําระใน คร้ังแรก ผูถือหุนจะมีความรับผิดชอบจํากัดไมเกินจํานวนเงินท่ี ตนยังใชไมครบมูลคา ของหุนทต่ี นถอื บริษัทจะซื้อหุนสามญั ของบริษทั กลับคืนไมไดแ ละไมส ามารถออกหนุ กไู ด 6 3821302 หลกั การบญั ชเี บอื้ งตน (Fundamental Accounting Principles)
1.3.2 บริษัทมหาชนจํากัด (Public Company Limited) เปนบริษัทท่ีจัดตั้งตาม พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจํากัด พ.ศ. 2535 เปนบริษัทท่ีจัดตั้งขึ้นมาเพื่อเสนอขายหุนตอประชาชน มีผูเร่ิมจัดตั้ง บริษัทตั้งแตสิบหาคนข้ึนไป แบงทุนของกิจการเปนหุนมีมูลคาหุนละเทากัน บริษัทออกขายหุนตํ่ากวาราคาตามมูลคา ได ผูถอื หุน ตองชําระคาหุนเม่ือจัดต้ังบริษัทโดยชําระคาหุนเต็มมูลคาในครั้งเดียว บริษัทสามารถที่จะซื้อหุนสามัญของ บริษัทกลับคืนไดและสามารถสามารถออกหุนกูได และไมวาบริษัทจะมีการจายเงินปนผลหรือไม ตองมีการตั้งสํารอง ตามกฎหมาย อยางนอยหนึ่งในยี่สิบสวนของจํานวนผลกําไรที่บริษัทหาไดหรือรอยละ 5 ของกําไรสุทธิในปน้ัน ๆ และ สามารถหยดุ ไดเมอื่ สํารองตามกฎหมายมจี ํานวนถงึ หน่ึงในสิบหรอื รอยละ 10 ของจาํ นวนทนุ จดทะเบียน 2. ประเภทของกิจการตามรูปแบบลักษณะการประกอบการ แบงปน 2 ประเภท ดังน้ี 2.1 ธุรกิจบริการ (service firm) เปนธุรกิจที่ดําเนินงานเก่ียวกับการใหบริการแกลูกคา โดยไดร บั คาตอบแทนเปนคาบริการ เชน สาํ นกั งานบัญชี ธรุ กิจขนสง อูซอมรถ ธนาคาร โรงพยาบาล โรงแรม เปนตน 2.2 ธุรกิจพณิชยกรรม เปนธุรกิจที่ดําเนินงานเกี่ยวกับการขายสินคา แบงปน 2 ประเภท คือ ธุรกิจซื้อขายสินคา และธุรกิจผลิตสินคา 2.2.1 ธุรกิจซื้อขายสินคา (merchandising firm) หรือธุรกิจจําหนาย สินคา เปนกิจการท่ีซื้อสินคามาเพื่อขาย เชน หางสรรพสินคา ธุรกิจคาสง เปนตน 2.2.2 ธุรกิจผลิตสินคา (manufacturing firm) หรือกิจการอุตสาหกรรม เปนธุรกิจที่ซื้อวัตถุดิบมาแปลงสภาพใหเปนสินคาสําเร็จรูปเพื่อจําหนายใหแกกิจการอื่น หรือผูบริโภค เชน โรงงาน ตัดเย็บเส้ือผา โรงงานกล่ันนํา้ มัน โรงงานผลิตรถยนต เปนตน แมบทการบัญชี แมบทการบัญชี (accounting framework) กําหนดข้ึนเพื่อวางแนวคิดที่เปนพื้นฐานในการจัดทําและ นําเสนองบการเงินแกผ ใู ชงบการเงนิ ที่เปนบุคคลภายนอก แมบทการบัญชีมีวัตถุประสงค ดังน้ี(สภาวิชาชีพบัญชี, 2549, หนา 4) 1.1 เพื่อเปนแนวทางสําหรับคณะกรรมการมาตรฐานการบัญชีในการพัฒนามาตรฐานการ บัญชีในอนาคตและในการทบทวนมาตรฐานการบัญชีท่ีมีในปจจุบัน 1.2. เพื่อเปนแนวทางสําหรับคณะกรรมการมาตรฐานการบัญชีในการปรับขอกําหนดมาตรฐาน และการปฏิบัติทางบัญชีที่เกี่ยวของกับการนําเสนองบการเงินใหสอดคลองกันโดยถือเปนหลักเกณฑในการลด จํานวนทางเลือกของวิธีการบันทึกบัญชีท่ีเคยอนุญาตใหใช 1.3 เพ่ือเปนแนวทางสาํ หรับผูจัดทาํ งบการเงินในการนํามาตรฐานการบัญชีมาปฏิบัติรวมทั้งเปน แนวทางในการปฏิบัติสาํ หรับเรื่องท่ียังไมมีมาตรฐานการบัญชีรองรับ 1.4 เพื่อเปนแนวทางสําหรับผูสอบบัญชีในการแสดงความเห็นตองบการเงินวาไดรับจัดทําขึ้น ตามมาตรฐานการบัญชีหรือไม 1.5 เพื่อชวยใหผูใชงบการเงินสามารถเขาใจความหมายของขอมูลที่แสดงใน งบการเงินซึ่ง จัดทาํ ขึ้นตามมาตรฐานการบัญชี 1.6 เพื่อใหผูสนใจไดทราบขอมูลเกี่ยวกับแนวทางในการกําหนดมาตรฐานการบัญชีของ คณะกรรมการมาตรฐานการบัญชี 7 3821302 หลกั การบัญชเี บอ้ื งตน (Fundamental Accounting Principles)
ขอบเขตเนื้อหาของแมบทการบัญชี แมบทการบัญชีไดกําหนดเกณฑสําหรับการจัดทําและนําเสนองบการเงินในเรื่องเกี่ยวกับผูใช งบการเงิน วัตถุประสงคของงบการเงิน ขอสมมติในการจัดทําและนําเสนองบการเงิน ลักษณะเชิงคุณภาพของงบ การเงิน องคประกอบของงบการเงิน การรับรูองคประกอบของงบการเงิน แนวคิดเกี่ยวกับการวัดมูลคาและแนวคิด เกี่ยวกับทุนและการรักษาระดับทุนโดยสรุปรายละเอียด(เมธากุล เกียรติกระจาย, และศิลปพร ศรีจั่นเพชร, 2544, หนา 96-116) ไดดังน้ี 2.1. ผูใชงบการเงิน ประกอบดวย บุคคลฝายตาง ๆ ที่สนใจขอมูลทางการบัญชี ที่จะบอกถึง ประสิทธิภาพในการดําเนินงานของกิจการเพื่อใชในการวางแผนและตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ สามารถตอบสนอง ความตองการที่แตกตางกันตามประเภทของผูใชงบการเงิน ดังน้ี 2.1.1 ผูบริหารของกิจการตองการทราบขอมูลทางการบัญชีเพื่อประโยชนในการ วางแผน ควบคุมและตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ 2.1.2 ผูลงทุนตองการทราบขอมูลเพื่อประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนจากการ ลงทุน 2.1.3 ผูใหกูและเจาหนี้ตองการทราบขอมูลทางการบัญชีเพื่อทราบถึงความมั่นคง ทางการเงิน สภาพคลองและแสดงความสามารถของกิจการในการชาํ ระหนี้ 2.1.4 ลูกจางหรือกลุมตัวแทนตองการทราบขอมูลทางการบัญชีเพื่อประเมิน ความสามารถของกิจการในการจายคาตอบแทน 2.1.5 ลูกคาตองการทราบขอมูลเกี่ยวกับการดําเนินงานตอเนื่องของกิจการโดยเฉพาะ ตองการมีความสัมพันธอันยาวนาน หรือตองการพึ่งพากิจการ 2.1.6 รัฐบาลและหนวยงานราชการตองการขอมูลเกี่ยวกับการดําเนินงานของกิจการ เพื่อการจัดสรรทรัพยากร การกํากับดูแล การกําหนดนโยบายทางภาษี การจัดทําสถิติดานตาง ๆ และเพื่อใชเปน ฐานในการคาํ นวณรายไดประชาชาติ 2.1.7 สาธารณชนตองการทราบขอมูลเกี่ยวกับแนวโนมการดําเนินงานและความสําเร็จ ของกิจการ เพราะอาจไดรับผลกระทบตอสาธารณชนเก่ียวกับการจางงานและการรับซื้อสินคาจากผูผลิต 2.2 วัตถุประสงคของงบการเงิน หมายถึง ประโยชนที่ไดรับจากการใชงบการเงินประเภทตาง ๆ เชน งบดุล งบกําไรขาดทุน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในสวนของเจาของ งบกระแสเงินสด นโยบายการบัญชี หมายเหตุประกอบงบการเงิน งบประกอบอื่น และคําอธิบายที่ทําใหงบการเงินนั้นสมบูรณ ซึ่งในแตละงบการเงินมี วัตถุประสงคที่ใหประโยชนตาง ๆ กัน เชน ประโยชนในการตัดสินใจลงทุนและใหสินเชื่อ ประโยชนในการประเมิน กระแสเงินสดเกี่ยวกับจํานวนเงิน จังหวะเวลาและความแนนอนของเงินสดที่พึงไดรับ ประโยชนในการไดทราบ ขอมูลเกี่ยวกับฐานะการเงิน ผลการดําเนินงานและการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินของกิจการ ประโยชนในการ ประเมินสภาพการณในอนาคตได และประโยชนในการใชขอมูลของงบการเงินประเมินผลการบริหารงานเพื่อ ความรับผิดชอบของผูบริหารได 2.3 ขอสมมติในการจัดทําและนําเสนองบการเงิน เปนขอกําหนดของแมบทการบัญชี เพื่อใหงบ การเงินบรรลุวัตถุประสงค ซึ่งประกอบดวย เกณฑคงคาง และการดาํ เนินงานตอเน่ือง 8 3821302 หลกั การบัญชีเบอ้ื งตน (Fundamental Accounting Principles)
2.3.1 เกณฑคงคาง หมายถึง รายการและเหตุการณทางการบัญชี จะรับรูเมื่อเกิดขึ้น มิใชเมื่อมีการรับหรือจายเงินสดหรือรายการเทียบเทาเงินสด ทําใหกิจการตองบันทึกบัญชีรายไดคางรับเปนขอมูล เกี่ยวกับทรัพยากรที่จะไดรับเงินสดในอนาคต ซึ่งเปนรายการและเหตุการณทางบัญชีที่เขาเกณฑการรับรูรายได แลว แตยังไมไดรับชําระเงิน การบันทึกบัญชีรายไดรับลวงหนาเปนรายการและเหตุการณทางบัญชีที่ยังไม เขาเกณฑการรับรูรายไดแตกิจการไดรับเงินสดแลว การบันทึกบัญชีคาใชจายคางจายเปนขอมูลเกี่ยวกับภาระ ผูกพันที่กิจการตองจายเปนเงินสดในอนาคตซึ่งเปนรายการและเหตุการณทางบัญชีที่เขาเกณฑการรับรูคาใชจาย แลวแตกิจการยังไมไดจายชําระเงิน และการบันทึกบัญชีคาใชจายจายลวงหนาเปนรายการและเหตุการณทาง บัญชีที่ยังไมเขาเกณฑการรับรูคาใชจาย แตกิจการไดจายชําระเงินแลว 2.3.2 การดําเนินงานตอเน่ือง หมายถึง กิจการจะดําเนินงานตอเนื่อง และดํารงอยูตอไป ในอนาคตเพื่อใหประสบผลสาํ เร็จตามแผนและเปาหมายและขอผูกพันที่ไดกําหนดไวงบการเงินจึงตองดาํ เนินการ ตามเกณฑคงคางและการดําเนินงานตอเนื่องเพื่อประเมินความสามารถในการดําเนินงานตอเน่ืองของกิจการ นอกจากกิจการมีเจตนาหรือมีความจําเปนเลิกกิจการ หรือ ไมสามารถดาํ เนินงานอยางตอเน่ืองตอไปได กิจการ ตองเปดเผยขอเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ หรือเง่ือนไขท่ีเปนเหตุใหกิจการไมสามารถดําเนินงานตอไปได รวมท้ัง เปดเผยหลักเกณฑที่ใชในการจัดทาํ งบการเงินดวย 2.4 ลักษณะเชิงคุณภาพของงบการเงิน ตามแมบทการบัญชี หมายถึง คุณสมบัติที่ทําใหขอมูล ในงบการเงินมีประโยชนตอผูใชงบการเงิน กลาวคือ ชวยใหผูจัดทํางบการเงินมีบรรทัดฐานในการตัดสินใจเลือก วิธีการบัญชีและผูใชงบการเงินมีความเขาใจตรงกับผูจัดทํางบการเงิน ลักษณะเชิงคุณภาพหลักของงบการเงิน แมบทการบัญชีไดกาํ หนดไวมี 4 ประการดังน้ี 2.4.1 ความเขาใจได (understandability) หมายถึง ขอมูลทางการบัญชีที่นําเสนอในงบ การเงินตองชวยใหผูใชงบการเงินเขาใจ และใชประโยชนตอการตัดสินใจของผูใชที่มีความรูพื้นฐานอยางเพียงพอ แมขอมูลจะมีความซับซอน แตถาเกี่ยวของกับการตัดสินใจ ผูจัดทํางบการเงินยังคงตองเสนอขอมูล ซึ่งแมบทการ บัญชีไดกําหนดวากิจการยังคงตองเปดเผยขอมูลที่จําเปน เนื่องจากขอมูลที่นําเสนอจะใหประโยชนแกผูใชงบ การเงินในการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ 2.4.2 ความเกี่ยวของกับการตัดสินใจ (relevance) หมายถึง ขอมูลทางการบัญชีชวยใหผูใชงบ การเงินสามารถคาดคะเนฐานะการเงินและผลการดําเนินงานในอนาคต รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ เชน การจายเงินปนผล การจายคาจาง ความสามารถในการกอใหเกิดกระแสเงินสดไดเพียงไร เพื่อนักลงทุนตัดสินใจซื้อหุน และไดรับ ผลตอบแทนคุมคากับเงินที่ลงทุนหรือเรียกวา เปนขอมูลที่เปนประโยชนตอการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ ซึ่งขอมูลนั้น มีคุณลักษณะที่สําคัญ คือ การใหความรูเกี่ยวกับผลลัพธของการตัดสินใจในอดีต ซึ่งสามารถนํามาใชในการ ตัดสินใจในอนาคต อีกทั้งชวยคาดคะเน หรือยืนยันเหตุการณที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและเปนขอมูลที่พรอมจะ นําไปใชในการตัดสินใจเกี่ยวกับปญหาที่เกี่ยวของไดตามความตองการ นอกจากนั้นในเรื่องความมีนัยสําคัญ (materiality) ของขอมูลทางการบัญชี ถาผูใชงบการเงินไมไดรับทราบแลว อาจตัดสินใจผิดไปจากกรณีที่ได รับทราบ ซึ่งจะมีผลกระทบตอการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจของผูใชงบการเงินได 2.4.3 ความเชื่อถือได (reliability) หมายถึง ขอมูลนั้นไมมีความผิดพลาดที่มีนัยสําคัญ หรือไม มีความลาํ เอียง ผูใชขอมูลสามารถเชื่อไดวาขอมูลนั้นแสดงสภาพทางเศรษฐกิจ หรือเหตุการณตาง ๆ ที่แสดงความ เช่ือถือไดของขอมูล ซ่ึงมีคุณลักษณะ 5 ประการ ดังนี้ 9 3821302 หลักการบญั ชีเบอื้ งตน (Fundamental Accounting Principles)
1) การเปนตัวแทนอันเท่ียงธรรม (faithful representation) หมายถึง การแสดงรายการ และเหตุผลทางการบัญชีอยางเท่ียงธรรม ตามท่ีตองการใหแสดงหรือควรจะแสดงโดยเปนขอมูลท่ีชัดเจน และ แนนอนบางครั้งเปนขอมูลการประมาณการจะมีการประมาณการอยางสมเหตุสมผลและเปนไปตามหลักการบัญชี ที่รับรองท่ัวไป 2) เนื้อหาสําคัญกวารูปแบบ (substance over form) หมายถึง การนําเสนอ งบ การเงินตามเนื้อหา และความเปนจริงทางเศรษฐกิจ แมเนื้อหาทางเศรษฐกิจของเหตุการณน้ัน อาจแตกตางจาก รูปแบบทางกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อใหผูใชงบการเงินไดทราบขอมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจของรายการ และ เหตุการณทางบัญชีที่แทจริง 3) ความเปนกลาง (neutrality) หมายถึง การเสนอขอมูลทางการบัญชีท่ีมีความ นาเชื่อถือ มีความเปนกลาง สามารถสะทอนกิจกรรมทางเศรษฐกิจอยางแทจริง 4) ความระมัดระวัง (prudence) หรือหลักความระมัดระวัง หมายถึง ในการจัดทํางบ การเงิน ผูจัดทําควรใชดุลพินิจที่จําเปนในการเลือกปฏิบัติทางการบัญชีภายใตความไมแนนอน เพื่อมิใหสินทรัพย หรือรายไดแสดงจํานวนสูงเกินไป และหนี้สิน หรือคาใชจายแสดงจํานวนตํ่าเกินไป ทั้งนี้เพื่อใหเกิดความมั่นใจวา กิจการไดคํานึงถึงความเสียหาย หรือความไมแนนอนท่ีอาจเกิดข้ึน 5) ความครบถวน (completeness) หมายถึง ขอมูลทางการบัญชีตองครบถวน ภายใตขอจํากัดของความมีนัยสําคัญ และตนทุนในการจัดทํา โดยตนทุนในการจัดทําไมควรสูงกวาประโยชน 2.4.4 การเปรียบเทียบกันได (comparability) หมายถึง การเปรียบเทียบงบการเงิน ของ กิจการในรอบระยะเวลาตางกันหรือการเปรียบเทียบงบการเงินของธุรกิจตาง ๆ เพื่อใหผูใชงบการเงินสามารถ ประเมินฐานะทางการเงิน กระแสเงินสด ผลการดําเนินงาน การเปลี่ยนแปลงฐานะทางการเงิน และสามารถ คาดคะเนแนวโนมของฐานะการเงินและผลการดําเนินงานของกิจการที่เปรียบเทียบได 2.5 องคประกอบของงบการเงิน หมายถึง การจัดประเภทของรายการและเหตุการณทางบัญชีที่ แสดงไวในงบการเงินตามลักษณะเชิงเศรษฐกิจ องคประกอบที่เกี่ยวของโดยตรงกับการวัดฐานะการเงินในงบดุล ไดแก สินทรัพย หนี้สิน และสวนของเจาของ องคประกอบที่เกี่ยวของโดยตรงกับการวัดผลการดําเนินงานในงบ กําไรขาดทุน ไดแก รายได และคาใชจาย สวนงบแสดงการเปลี่ยนแปลงฐานะทางการเงินสะทอนถึงองคประกอบ ในงบกําไรขาดทุนและการเปลี่ยนแปลงองคประกอบในงบดุล 2.6 การรับรูองคประกอบของงบการเงิน หมายถึง การรวมรายการเขาเปนสวนหนึ่งของงบดุล และงบกําไรขาดทุน หากรายการนั้นเปนไปตามคํานิยามขององคประกอบ และเขาเกณฑการรับรูรายการที่เปนไป ตามคํานิยามขององคประกอบใหรับรูเมื่อเขาเง่ือนไขทุกขอดังน้ี 2.6.1 มีความเปนไปไดคอนขางแนนอนที่ประโยชนเชิงเศรษฐกิจในอนาคตของรายการจะ เขาหรือออกจากกิจการ 2.6.2 รายการดังกลาว มีราคาทุน หรือมูลคาที่สามารถวัดไดอยางนาเชื่อถือ 2.7 แนวคิดเกี่ยวกับการวัดมูลคา หมายถึง การกําหนดจํานวนที่เปนตัวเงินเพื่อรับรูองคประกอบ ของงบการเงินในงบดุล และงบกาํ ไรขาดทุน แมบทการบัญชีไดกําหนดเกณฑในการวัดมูลคาไว ดังน้ี 10 3821302 หลักการบัญชเี บื้องตน (Fundamental Accounting Principles)
2.7.1 ราคาทุนเดิม (historical cost) หมายถึง การบันทึกสินทรัพยดวยจํานวนเงินสดหรือ รายการเทียบเทาเงินสดที่จายไป ณ เวลาที่ไดมาซึ่งสินทรัพยนั้น และบันทึกหนี้สินดวยจํานวนเงินสดหรือรายการ เทียบเทาเงินสดที่คาดวาจะตองจายเพื่อชาํ ระหน้ีสินคาท่ีเกิดจากการดาํ เนินงานปกติ 2.7.2 ราคาทุนปจจุบัน (current cost) หมายถึง ราคาสินทรัพยที่ตองจายดวยเงินสดหรือ รายการเทียบเทาเงินสดเพื่อใหไดมาซึ่งสินทรัพยชนิดเดียวกัน หรือสินทรัพยที่เทาเทียมกันในขณะนั้น และจํานวน เงินสดหรือรายการเทียบเทาเงินสดท่ีตองชําระหน้ีสินในขณะนั้น 2.7.3 มูลคาที่ควรจะไดรับ (realizable cost) หมายถึง มูลคาที่กิจการอาจไดรับเงินสด หรือรายการเทียบเทาเงินสดจากการขายสินทรัพยในขณะนั้น หรือมูลคาของหนี้สินที่เกิดจากการดําเนินงาน ตามปกติที่คาดวาตองจายคืนดวยเงินสดหรือรายการเทียบเทาเงินสด 2.7.4 มูลคาปจจุบัน (present value) หมายถึง การแสดงสินทรัพยดวยมูลคาปจจุบันของ กระแสเงินสดรับสุทธิในอนาคตซึ่งคาดวาจะไดรับและหนี้สินที่แสดงมูลคาปจจุบันของกระแสเงินสดจายสุทธิซึ่ง คาดวาจะตองชาํ ระหน้ีภายใตการดาํ เนินงานตามปกติ 2.8 แนวคิดเกี่ยวกับทุน และการรักษาระดับทุน แนวคิดเกี่ยวกับทุน คือ การหามูลคาของ สินทรัพยสุทธิ หรือสวนของเจาของ หรือมูลคาของทุนในชวงเวลาใดเวลาหนึ่ง ผลแตกตางของสินทรัพยสุทธิ หรือ มูลคาของทุน ณ วันตนงวดกับวันปลายงวด คือ ผลที่ไดจากการดําเนินงานหรือกําไรในความหมายของนัก เศรษฐศาสตร กลาวคือ กาํ ไร หมายถึง การเพิ่มข้ึนของสวนทุน แนวคิดการรักษาระดับทุน แบงออกเปน 2 สวน 2.8.1 การรักษาระดับทุนทางการเงิน (financial capital maintenance) หมายถึง แนวคิด ที่วากําไรเกิดขึ้นเมื่อจํานวนที่เปนตัวเงินของสินทรัพยสุทธิเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีสูงกวาจํานวนที่เปนตัวเงิน ของสินทรัพยสุทธิเม่ือเร่ิมรอบระยะเวลาบัญชี โดยไมรวมรายการที่เกิดขึ้นระหวางกิจการกับเจาของในระหวางรอบ ระยะเวลาบัญชีน้ัน 2.8.2 การรักษาระดับทุนทางการผลิต (physical capital maintenance) แนวคิดที่วากําไร เกิดขึ้นเมื่อกําลังการผลิตที่กิจการสามารถใชผลิตจริงเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีสูงกวากําลังการผลิตเมื่อเริ่มรอบ ระยะเวลาบัญชี หรืออาจแสดงในรูปของทรัพยากรหรือเงินทุนที่ตองจายเพื่อใหไดกําลังการผลิตนั้นโดยไมรวมการ แบงปนสวนทุนใหกับเจาของหรือเงินทุนที่ไดรับจากเจาของในรอบระยะเวลาเดียวกัน โดยแมบทการบัญชีสําหรับการจัดทําและนาํ เสนองบการเงินสามารถแสดงไดดังภาพท่ี 1.1 11 3821302 หลกั การบญั ชีเบอ้ื งตน (Fundamental Accounting Principles)
ลกั ษณะของงบการเงนิ วตั ถปุ ระสงค ใหข อ มูลทม่ี ปี ระโยชนตอ การตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ ขอสมมติ เกณฑค งคาง การดําเนินงาน ขอจาํ กดั ทันตอเวลา ความสมดลุ ระหวางประโยชนท ี่ ความสมดลุ ของ ไดรบั กับตน ทุนท่เี สียไป ลกั ษณะเชิงคณุ ภาพ ลักษณะเชิงคุณภาพ ถกู ตอ งและยุตธิ รรม หรอื ถูกตองตามควร ลักษณะแรก เกย่ี วของกบั เชือ่ ถอื ได เปรยี บเทียบ เขาใจได การตดั สินใจ กันได ลักษณะรอง นัยสาํ คญั ตวั แทน เน้อื หาสาํ คัญ ความ ความ ความ อันเทย่ี งธรรม กวา รปู แบบ เปนกลาง ระมัดระวงั ครบถวน ภาพท่ี 1.1 แผนภูมิแมบ ทการบัญชี สาํ หรบั การจดั ทํา และนําเสนองบการเงิน ทมี่ า (สมาคมนกั บญั ชีและผูส อบบญั ชีรับอนญุ าตแหง ประเทศไทย, 2546, หนา 47) 12 3821302 หลักการบญั ชีเบ้ืองตน (Fundamental Accounting Principles)
สถาบันท่ีเกีย่ วขอ งกับวิชาชพี บัญชี สถาบันทมี่ บี ทบาทเก่ยี วกบั วชิ าชพี บัญชใี นปจจบุ นั ท่สี าํ คญั มีดงั นี้ 1. Financial Accounting Standard Board (FASB) เปนคณะกรรมการตั้งขึ้นโดย AICPA เพ่ือศึกษา และจัดทํามาตรฐานการบัญชี จึงเปนหนวยงานหลักท่ีกําหนดหลักการบัญชีที่รับรองท่ัวไปที่บริษัทในสหรัฐอเมริกาตอง ปฏิบัตติ าม 2. The American Institute of Certified Public Accountants (AICPA) เปนสถาบันทางการบัญชีท่ีชวย สงเสริม และพัฒนาวิชาชีพและมาตรฐานทางการบัญชีและออกมาตรฐานการสอบบัญชี เพ่ือชวยผูสอบบัญชีในการ ตรวจสอบ 3. The American Accounting Association (AAA) เปนสมาคมวิชาชีพบัญชีมีวัตถุประสงคเพ่ือสงเสริม สนับสนุนใหมีการวิจัยคนควา เพ่ือใหเกิดพัฒนาการทางทฤษฎีการบัญชี และปรับปรุงหลักการบัญชี และมาตรฐานการ บญั ชี 4. Asean Federation of Accountants (AFA) เปนสหพันธนักบัญชีแหงอาเซียน ประกอบดวย ประเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซยี ฟล ปิ ปน ส สิงคโปร และประเทศไทย มวี ัตถุประสงคเพ่ือศึกษาหลักการบัญชี ปรับมาตรฐานการบัญชี ในกลมุ ประเทศสมาชกิ ใหสอดคลองกัน 5. สภาวิชาชีพบัญชี (Federation of Accounting Professions) มีฐานะเปนนิติบุคคลตาม พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มีวัตถุประสงคเพื่อสงเสริมและพัฒนาวิชาชีพบัญชี โดยทําหนาท่ีกําหนด มาตรฐานการบัญชี มาตรฐานการสอบบัญชี และมาตรฐานอื่นท่ีเก่ียวกับวิชาชีพบัญชี กําหนดจรรยาบรรณผูประกอบ วิชาชีพบัญชี รับรองปริญญาหรือประกาศนียบัตรในวิชาการบัญชีของสถาบันการศึกษาตาง ๆ เพื่อประโยชนในการรับ สมัครสมาชกิ เปน ตน (สภาวชิ าชพี บัญช,ี 2547, หนา 2-3) จรยิ ธรรมของผูประกอบวิชาชพี บัญชี จริยธรรมเปนเร่ืองพฤติกรรมของคนในทุกอาชีพที่ควรตระหนัก ไมคิดเอารัดเอาเปรียบผูอ่ืนดวยวิธีการ ตา ง ๆ เพือ่ ประโยชนส วนตนและพวกพอ ง สงั คมนนั้ จึงเปน สงั คมแหง ความสนั ติสุข กาญจนา ศรีพงษ (2545, หนา 1-14) ไดอธิบายคําวา จริยธรรม หมายถึง หลักการที่กําหนดความ ถูกตองหรอื ไมถกู ตองของการกระทําอยา งหน่ึงอยา งใด กุลพล พลวัน (2541, หนา 75) ไดอธิบายคําวา จริยธรรม หมายถึง ธรรมท่ีควรปฏิบัติ ความดีความงาม ท่ีควรปฏิบัติ ซ่ึงมีความหมายกวางขวางถึงการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบขอบังคับที่ออกโดยกฎหมายและการปฏิบัติ ตามหลักธรรมที่การปฏิบัติ แมวาจะไมมีกฎหมายบัญญัติไวซึ่งเปนความสํานึกของบุคคลนั้น ๆ เองวาควรปฏิบัติอยางไร ใหเกิดความดีงามแกต นเอง ผูอ น่ื และสังคม ดังนั้น จริยธรรม หมายถึง หลักแหงความประพฤติท่ีถูกตอง หรือหลักแหงการปฏิบัติตนที่ยึดความ ถูกตอ งเปนนสิ ัย วิชาชีพบัญชีเปนหนึ่งในหลาย ๆ วิชาชีพท่ีควรตระหนักถึงความสําคัญในการประกอบวิชาชีพดวย หลักการแหงความถูกตอง เปนธรรม โดยกําหนดเปนจรรยาบรรณไวใหผูประกอบวิชาชีพไดยึดถือเปนหลักในการ ปฏิบัติงานในวิชาชีพของตน และหากประพฤติปฏิบัติผิดจรรยาบรรณจะไดรับโทษตามที่กําหนด สําหรับจรรยาบรรณ 13 3821302 หลกั การบญั ชเี บ้ืองตน (Fundamental Accounting Principles)
ของผูประกอบวิชาชีพบัญชีตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ไดกาํ หนดใหสภาวิชาชีพบัญชีเปนผูจัดทํา โดยมีขอกําหนดอยางนอย 4 เร่ือง (สภาวชิ าชีพบัญช,ี 2547, หนา 14) ดงั นี้ 1. ความโปรง ใส ความเปนอิสระ ความเทย่ี งธรรม และความซอ่ื สัตยสุจรติ 2. ความรู ความสามารถ และมาตรฐานในการปฏิบตั งิ าน 3. ความรับผิดชอบตอผรู บั บริการและการรกั ษาความลับ 4. ความรับผิดชอบตอผูถือหุน ผูเปนหุนสวน หรือบุคคลหรือนิติบุคคล ท่ีผูประกอบวิชาชีพปฏิบัติหนาท่ี ให ดังนั้นจริยธรรมของผูประกอบวิชาชีพบัญชี (profession of accounting ethics) จึงหมายรวมถึง ความ ประพฤติหรือพฤตกิ รรมอนั ถูกตอง หรือเปนธรรม ซ่ึงเกิดจากจิตสํานึกท่ีตองรับผิดชอบตอบุคคลอ่ืนหรือสังคม และเปน พฤติกรรมที่กระทําตามหลักการท่ีกําหนดความถูกตองตามจรรยาบรรณของผูประกอบวิชาชีพบัญชี ตามมาตรฐานการ บัญชี มาตรฐานการสอบบัญชี หรือตามมาตรฐานอ่ืน ๆ ท่ีเก่ียวของซ่ึงไดกําหนดไวตามกฎหมาย เน่ืองจากผูประกอบ วิชาชีพบัญชีไมวาจะปฏิบัติงานในดานการทําบัญชี ดานการวางระบบบัญชี ดานการสอบบัญชี ดานการบัญชีบริหาร ดานการบัญชีภาษีอากร ดานการศึกษาและเทคโนโลยีการบัญชีและบริการเกี่ยวกับการบัญชีดานอ่ืนตามท่ีกําหนดใน กฎกระทรวง ในการปฏบิ ัติงานจะตอ งมน่ั ใจวา ไดทํางานดวยความถูกตอง ซ่ือสัตย และยุติธรรม หากมีแนวปฏิบัติใหเลือก ผูประกอบวิชาชีพบัญชีพึงใชวิจารณญาณโดยสุจริต เพราะผลงานซ่ึงเปนขอมูลทางการบัญชีจะถูกเสนอตอบุคคลท้ัง ภายในและภายนอกกิจการ และมีความหมายตอการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจที่เชื่อถือได นอกจากนั้นยังรวมถึงการรักษา ความลับของขอมูลทางการบัญชีที่นักบัญชีไมควรนําไปใชแสวงหาผลประโยชนตอตนเองหรือทําใหเกิดความเสียหาย ตอ ผูอ ่นื งบการเงนิ งบการเงิน (financial statements) เปนรายงานแสดงขอมูลทางการเงินซึ่งเปนผลผลิตขั้นสุดทายของ กระบวนการจัดทําบัญชี โดยจะมีประโยชนตอผูใชงบการเงินในการตัดสินใจ เชิงเศรษฐกิจ การดําเนินธุรกิจ การคาจําเปนตองทราบผลการดําเนินงานในรอบระยะเวลาหนึ่ง ๆ หรือสําหรับงวดเวลาหน่ึง กิจการมีผลการ ดําเนินงานดีมากนอยเพียงใด และมีฐานะการเงินของกิจการ ณ วันใดวันหนึ่งวามีทรัพยสินและหนี้สินประเภทอะไร เปน มลู คา เทา ใด และมเี งินทุนเทา ใด ดังน้ันในการจัดทําบัญชีจําเปนตองกําหนดงวดเวลาบัญชี หรือรอบระยะเวลา บัญชี (accounting period) สําหรับระยะเวลาจะเปนเทาไรข้ึนอยูกับความตองการในการวัดผลการดําเนินงานของ กิจการ เชน 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ป ท้ังน้ีมักจะกําหนดตามปปฏิทิน คือ มีรอบระยะเวลา 1 ป นับตั้งแตวันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม แตหนวยงานของรัฐบาลรอบระยะเวลาบัญชีในการทํางบประมาณแผนดินกําหนด รอบระยะเวลาบัญชี 1 ป นบั ตง้ั แตว นั ที่ 1 ตลุ าคม ถงึ วนั ที่ 30 กนั ยายน ในปถดั ไป เรียกวา ปงบประมาณ อยางไรก็ตาม เม่อื กจิ การกาํ หนดรอบระยะเวลาบัญชีแลว การจัดทํางบการเงินก็จะเปนไปตามเวลาท่ีกําหนดไวเหมือนกันทุก ๆ ป เพ่ือ ประโยชนในการนําขอมูลทางการเงินจากงบการเงินของแตละปมาวิเคราะหเปรียบเทียบกันได ซึ่งจะมีผลตอผูใชงบ การเงนิ ในการนําขอ มูลไปใชตดั สินใจเชงิ เศรษฐกจิ ไดอยา งมีประสิทธิภาพ 14 3821302 หลักการบญั ชเี บอ้ื งตน (Fundamental Accounting Principles)
ความหมายงบการเงิน งบการเงิน หมายถึง “รายงานที่แสดงขอมูลอันเปนผลจากการประกอบธุรกิจของกิจการ ซ่ึง ประกอบดวย งบดุล(เปล่ยี นชอื่ เปน”งบแสดงฐานะการเงิน”) งบกําไรขาดทุน(เปล่ียนช่ือเปน“งบกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ”) งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในสวนของเจาของ งบกระแสเงินสด หมายเหตุประกอบงบการเงิน งบยอย และคําอธิบายอ่ืนซ่ึง ระบุไวว าเปน สวนหนึง่ ของงบการเงิน” สวนประกอบของงบการเงินตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่1 (ปรับปรุง2552) เร่ือง การนําเสนองบการเงิน กําหนดใหง บการเงนิ ฉบบั สมบรู ณ ประกอบดวย 1. งบแสดงฐานะการเงิน ณ วนั ส้นิ งวด 2. งบกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ สาํ หรับงวด โดยนาํ เสนอได 2 รูปแบบ 2.1 งบเดียว - งบกาํ ไรขาดทนุ เบ็ดเสร็จ (แบบยาว) 2.2 สองงบ - งบเฉพาะกําไรขาดทนุ + งบกาํ ไรขาดทนุ เบด็ เสรจ็ อน่ื (แบบสัน้ ) 3. งบแสดงการเปล่ยี นแปลงสวนของเจาของสาํ หรบั งวด 4. งบกระแสเงนิ สดสาํ หรับงวด 5. หมายเหตุประกอบงบการเงิน ซึ่งประกอบดวยสรุปนโยบายการบัญชีท่ีสําคัญ ขอมูลท่ีใหคําอธิบาย อ่นื และ 6. งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันส้ินงวด ท่ีนํามาเปรียบเทียบงวดแรกสุดเม่ือกิจการไดนํานโยบายการ บัญชใี หมมาถือปฏิบัตยิ อนหลงั หรอื การปรบั งบการเงินยอนหลัง หรือเมื่อกิจการมีการจัดประเภทรายการในงบการเงิน ใหม การทํางบการเงินทุกงบจะตองแสดงขอมูล ไดแก ช่ือของกิจการที่เสนอรายงานหรือสัญลักษณของกิจการ การระบุวางบการเงินน้ันเปนงบการเงินเด่ียวหรืองบการเงินรวม วันที่ในงบ หรือรอบระยะเวลาของงบท่ีเกี่ยวของ สกุลเงินที่ใช รายงาน และจํานวนหลักที่ใชในการแสดงตัวเลขในงบการเงิน (สมาคมนักบัญชีและผูสอบบัญชีรับอนุญาตแหงประเทศไทย, 2546, หนา 447) โดยกิจการบางประเภทอาจไมตองจัดทํางบการเงินครบตามองคประกอบ เวนแตงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันสิ้นงวด และงบกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ สําหรับงวด ท่ีถือวาเปนงบการเงินท่ีตองจัดทํา และมีความสําคัญตอกิจการทุก ประเภท สําหรับงบกระแสเงินสดเปนงบการเงินท่ีบังคับใชกับบริษัทมหาชนจํากัด (วัฒนา ศิวะเกื้อ, ดุษฎี สงวนสุชาติ, และนนั ทพร พิทยะ, 2548, หนา 17) ในบทนี้จะศึกษาในรายละเอียดเฉพาะเรื่องการจัดทํางบแสดงฐานะการเงิน ณ วันสน้ิ งวด และงบกําไรขาดทนุ เบด็ เสรจ็ สําหรับงวด ซึ่งเปนงบการเงินหลักของธุรกิจ สําหรับงบแสดงการเปลี่ยนแปลง สวนของเจาของ งบกระแสเงินสด นโยบายการบัญชีและหมายเหตุประกอบงบการเงินจะกลาวไวเพียงเปนพื้นฐาน สวนรายละเอียดการจดั ทําใหศึกษาในบัญชีชน้ั สูงตอ ไป 15 3821302 หลกั การบัญชีเบ้ืองตน (Fundamental Accounting Principles)
งบแสดงฐานะการเงนิ (Statement of Financial Position) งบแสดงฐานะการเงนิ คอื รายงานทางการเงินท่ีทาํ ขึ้นตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป เพื่อแสดงใหเห็น ฐานะการเงินของกิจการ ณ วันใดวันหนึ่งวามีสินทรัพยและหน้ีสินประเภทอะไร เปนมูลคาเทาใด และมีทุน (สวน ของเจาของ) เปนจํานวนเงินเทาใด” และในการจัดทํางบแสดงฐานะการเงิน จะถือหลักความสัมพันธพื้นฐานจากสมการ บญั ชี “สินทรพั ย = หน้ีสนิ + สวนของเจา ของ” (อาํ นวย ศรสี โุ ข, 2548, หนา 30) ซึ่งมีรายละเอยี ดดังตอ ไปนี้ สินทรัพย (assets) หมายถึง “ทรัพยากรท่ีอยูในการควบคุมของกิจการซ่ึงเปนผลมาจากเหตุการณใน อดีตและกอใหเกิดประโยชนเชิงเศรษฐกิจในอนาคตแกกิจการ สินทรัพยนั้นอาจมีตัวตนหรือไมมีตัวตนก็ได และอาจ เคล่อื นที่ไดห รือเคลอ่ื นที่ไมไดก็ได ซึ่งกิจการไดมาโดยการซื้อ แลกเปล่ียน หรือผลิตข้ึนเอง อันเปนเหตุการณในอดีตและ สินทรัพยนั้นมีความสามารถในการกอใหเกิดกระแสเงินสดทั้งทางตรงและทางออมแกกิจการที่เรียกวา ประโยชน เชงิ เศรษฐกิจในอนาคต” (สภาวิชาชีพบัญชี, 2549, หนา 3) สินทรัพยแบงออกเปน 2 ประเภท คือ สินทรัพยหมุนเวียน และสินทรัพยไมหมุนเวียน (กรมพัฒนาธุรกิจการคา,2546, หนา 17) สินทรัพยจะจัดประเภทเปนสินทรัพยหมุนเวียน เมือ่ สนิ ทรพั ยนน้ั เปนไปตามเงื่อนไขขอ ใดขอหนึง่ ตอไปน้ี 1. คาดวาจะไดรบั ประโยชนหรอื ตงั้ ใจจะขายหรอื ใชภ ายในรอบระยะเวลาดําเนนิ งานตามปกตขิ องกจิ การ 2. มีวตั ถปุ ระสงคห ลักไวเ พื่อคา 3. คาดวา จะไดร บั ประโยชนภายในเวลา 12 เดือนนบั จากวนั ที่ในงบดุล (งบแสดงฐานะการเงิน) 4. เปนเงินสดหรือรายการเทียบเทาเงินสด และไมมีขอจํากัดในการแลกเปล่ียนหรือการใชชําระหน้ีภายใน ระยะเวลาอยา งนอย 12 เดือนนับจากวนั ทใี่ นงบดุล (งบแสดงฐานะการเงิน) สินทรัพยท ีไ่ มเปนไปตามเงอ่ื นไขขา งตน ใหจัดประเภทเปน สินทรพั ยไมหมนุ เวยี น รอบระยะเวลาการดําเนินงาน หมายถึง ระยะเวลาที่เร่ิมต้ังแตไดสินทรัพยมาเพื่อใชในการดําเนินงาน จนกระทั่งไดรับเงินสดหรือรายการเทียบเทาเงินสด หากไมสามารถระบุรอบระยะเวลาการดําเนินงานไดชัดเจน ใหถือ วา ระยะเวลาการดําเนนิ งานมรี ะยะ 12 เดอื น นับจากวันทใ่ี นงบดุล (งบแสดงฐานะการเงนิ ) การแสดงรายการสินทรัพยหมุนเวียนในงบแสดงฐานะการเงิน จะเรียงตามลําดับรายการที่มีสภาพคลอง มากที่สดุ (สามารถเปล่ียนแปลงเปนเงินสดไดง า ย)ไปหารายการทมี่ ีสภาพคลอ งนอ ยทีส่ ุด ดงั น้ี 1.1 สินทรัพยหมุนเวียน (current assets) หมายถึง เงินสดหรือรายการเทียบเทาเงินสด ซ่ึง ไมมีขอจํากัดในการใช กิจการมีวัตถุประสงคหลักท่ีจะถือสินทรัพยไวเพื่อการคา หรือถือไวในระยะสั้น และกิจการคาด วาจะไดรับประโยชนจากสินทรัพยน้ันภายใน 12 เดือน นับจากวันท่ีในงบดุล หรือภายในรอบระยะเวลาดําเนินงาน ตามปกติ หรือกิจการมสี นิ ทรัพยนั้นไวเพ่ือขาย หรือเพื่อนาํ มาใชในการดําเนินงานตามปกติ สินทรัพยที่ไมเปนไปตาม ขอกําหนดขางตนใหจัดประเภทเปนสินทรัพยไมหมุนเวียน (สมาคมนักบัญชีและผูสอบบัญชีรับอนุญาตแหงประเทศ ไทย, 2546, หนา 450) การแสดงสินทรัพยหมุนเวียนในงบดุลมักจะเรียงลําดับรายการที่เปล่ียนแปลงเปนเงินสดได งา ยมากทส่ี ุดไวก อน ดังนี้ 1.1.1 เงินสด หมายถึง เงินสดในมือ และเงินฝากธนาคารที่ตองจายคืนเม่ือทวงถาม (สภาวิชาชีพบัญชี, 2549, หนา 7) เงินสดในมือรวมถึง เงินเหรียญ (coins) ธนบัตร (currency) เช็คที่ยังไมไดนําฝาก เช็ค เดินทาง (travelers checks) ดราฟตของธนาคาร (bank drafts) และธนาณัติเงินสด (money orders) เงินฝาก ธนาคารถือไดวาเปนเงินสดที่มีไวเพ่ือใชในการดาํ เนินงานในปจจบุ นั 16 3821302 หลกั การบญั ชเี บอ้ื งตน (Fundamental Accounting Principles)
1.1.2 เงินลงทุนระยะส้ันถือเปนรายการเทียบเทาเงินสด (cash equivalents) ที่มีสภาพ คลองสูงพรอมที่จะเปล่ียนเปนเงินสดในจํานวนท่ีทราบไดและมีความเสี่ยงตอการเปลี่ยนแปลงในมูลคานอยหรือไมมี นัยสําคัญ (สภาวิชาชีพบัญชี, 2549, หนา 8) เชน พันธบัตรรัฐบาล (treasury bills) กองทุนตลาดเงิน (money market funds) และตว๋ั เงินคงคลัง (commercial paper) ทม่ี ีอายุใกลถ ึงกาํ หนดไถถ อน (ปกติไมเกนิ 3 เดอื น) 1.1.3 เงนิ ลงทนุ ช่วั คราว หมายถงึ เงินฝากธนาคารประเภทประจํา เงินฝากออมทรัพย หรือหลักทรัพยที่ซื้อจากเงินสดเหลือใชดวยวัตถุประสงคเพ่ือหาดอกผลจากการลงทุนนั้น หลักทรัพยท่ีซ้ือน้ันตองอยูใน ความตองการของตลาดและจะขายเม่ือตองการใชเงินสด ประกอบดวย หลักทรัพยเพื่อคา หลักทรัพยเพื่อขาย เงินลงทุน ท่ัวไป และตราสารหนี้ท่ีจะครบกําหนดภายในหนึ่งป (เมธากุล เกียรติกระจาย, และศิลปพร ศรีจั่นเพชร, 2544, หนา 246 – 247) 1.1.4 ลูกหน้ี (receivable) หมายถึง สิทธิเรียกรองจากบุคคลอื่น ไมวาจะเปนในรูป เงินสด สินคา หรือบริการ ลูกหน้ีท่ีคาดวากิจการจะไดรับชําระเงิน ภายใน 1 ป จัดเปนสินทรัพยหมุนเวียน ลูกหน้ีแบง ออกเปน 2 ประเภท คือ ลูกหนี้การคา (account receivable หรือ trade receivable) และลูกหน้ีอื่น (other receivable หรอื non trade receivable) 1.1.5 ต๋ัวเงินรับ (notes receivable) ตามศัพทบัญชี (สมาคมนักบัญชีและผูสอบบัญชี รับอนุญาต, 2538, หนา 68) หมายถึง คําม่ันสัญญาท่ีเปนลายลักษณอักษรโดยปราศจากเง่ือนไขที่บุคคลหนึ่งรับชําระ เงินจํานวนท่ีแนนอนจํานวนหนึ่งใหแกอีกบุคคลหน่ึงภายในเวลาท่ีกําหนด ต๋ัวเงินรับ ไดแก ต๋ัวสัญญาใชเงิน (promissory note) และต๋ัวแลกเงนิ (bill of exchange) 1.1.6 รายไดคางรับ (accrued income) หมายถึง รายไดซึ่งเกิดขึ้นแลว แตยัง ไมไดรับชําระเงิน เชน กิจการไดใหบริการขนสงสินคาแกลูกคาแลว แตยังไมไดรับชําระเงินคาบริการดังกลาวจาก ลกู คา ในวันสนิ้ งวดบัญชจี ะถอื วามรี ายไดคา งรบั เกิดขึน้ แลว 1.1.7 สินคาคงเหลือ (inventories) หมายถึง สินทรัพยที่มีไวเพื่อขายตาม ลักษณะการประกอบธุรกิจโดยปกติสําหรับกิจการซื้อมาขายไป หรืออยูในระหวางกระบวนการผลิต เพ่ือใหเปนสินคา สําเร็จรูปเพื่อขาย หรือมีอยูในรูปของวัตถุดิบหรือวัสดุที่มีไวเพื่อใชในกระบวนการผลิตสินคาสําหรับกิจการท่ีทําการผลิต (สภาวิชาชีพบัญช,ี 2549, หนา 39) 1.1.8 คาใชจายลวงหนา (prepaid expenses) ตามศัพทบัญชี (สมาคมนักบัญชีและ ผูสอบบัญชีรับอนุญาต, 2538, หนา 74) หมายถึง คาใชจายที่จายไปกอนสําหรับสินทรัพยหรือบริการที่จะไดรับ ประโยชนในอนาคตและจะใชหมดไปในระยะเวลาอันสั้น มักจะเกิดขึ้นใน การดําเนินงานตามปกติของกิจการ เชน คา เชาจา ยลวงหนา คา เบี้ยประกนั ภยั จายลวงหนา 1.2 สนิ ทรัพยไมหมุนเวยี น (non current assets) หมายถึง สินทรัพยท่ีไมสามารถเปลี่ยนเปน เงนิ สดไดทันที หรอื ภายในอนาคตอันใกล หรือภายในรอบระยะเวลาดําเนนิ งาน ซ่งึ สินทรัพยไมหมุนเวียนมีดงั นี้ 1.2.1 เงินลงทุนระยะยาว (long – term investment) หมายถึง เงินลงทุนที่กิจการ ต้ังใจจะถือไวเกิน 1 ป ไดแก หุนกู พันธบัตร ซ่ึงกิจการยังมิไดมีจุดมุงหมายท่ีจะเปลี่ยนเปนเงินสดทันทีในขณะใด ขณะหน่ึง ซึ่งเงินลงทุนระยะยาวจะหมายรวมถึง ตราสารทุนที่จัดประเภทเปนหลักทรัพยเผื่อขาย เงินลงทุนทั่วไป และ 17 3821302 หลักการบัญชีเบอื้ งตน (Fundamental Accounting Principles)
ตราสารหน้ที ี่จดั ประเภทเปนหลักทรัพยเพื่อขาย และตราสารหน้ีที่จะถือจนครบกําหนด (สภาวิชาชีพบัญชี, 2549, หนา 46) 1.2.2 อสังหาริมทรัพยเพ่ือการลงทุน (investment property) หมายถึง อสังหาริมทรัพยที่ ถอื ครองเพอ่ื หาประโยชนจ ากรายไดค า เชา หรือจากการเพมิ่ ขึน้ ของมลู คาของสนิ ทรัพย 1.2.3 ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ (property ,plant and equipment) หมายถึง ทรัพยสินท่ีมี ตัวตนที่กิจการมีไวเพ่ือใชประโยชนในการผลิต ใชในการจําหนายสินคา ใหบริการ ใหผูอื่นเชา ใชในการบริหารงาน กิจการไดท รัพยสินดงั กลา วมาดวยการซื้อหรอื สรางข้ึนเอง โดยมีความตั้งใจวา จะใชประโยชนจากทรัพยสินนั้นตอเน่ือง ตลอดไป ไมต งั้ ใจท่ีจะมีไวเ พ่ือจําหนาย 1.2.4 สินทรัพยไมมีตัวตน (intangible assets) หมายถึง สินทรัพยที่ไมเปนตัวเงินที่ สามารถระบุได และไมมีรูปราง (สภาวิชาชีพบัญชี, 2549, หนา 37) ซึ่งเปนสินทรัพยที่กิจการถือไวเพื่อใชในการผลิต หรือจําหนายสนิ คา หรอื ใหบริการเพ่ือใหผูอ่ืนเชา หรือเพ่ือวัตถุประสงคในการบริหารงาน สิทธิเรียกรองตามกฎหมาย เชน ลขิ สิทธ์(ิ copyrights) สิทธิบัตร(patents) เคร่ืองหมายการคา(trademarks) สัมปทาน (franchises) เคร่ืองหมายการคา (Trademarks)คาความนิยม (goodwill) สิทธิการเชา (lease hold) เปนตน บันทึกสินทรัพยไมมีตัวตน ณ วันที่ได รับมาโดยใชหลกั ราคาทนุ 1.2.5 สินทรพั ยภาษเี งินไดรอการตัดบญั ชี 1.2.6 สินทรัพยไมหมุนเวียนอื่น (other non – current assets) เปนสินทรัพยที่กิจการ สามารถนาํ ไปใชใหเกดิ ประโยชนในการพฒั นากระบวนการผลิต การดําเนินงานท่มี ีระยะยาว ซึ่งเปน ทั้งสินทรพั ยที่มีตัวตน และสนิ ทรัพยไ มมีตัวตน แตไ มไดจ ัดไวใ นประเภทสินทรัพยที่ไดกลาวมาแลวขางตน หนี้สิน (liabilities) หมายถึง “ภาระผูกพันในปจจุบันของกิจการ ภาระผูกพันดังกลาวเปนผลของ เหตุการณในอดีต ซ่ึงการชําระภาระผูกพันน้ันคาดวาจะสงผลใหกิจการตองสูญเสียทรัพยากรท่ีมีประโยชนเชิง เศรษฐกิจ” (สภาวิชาชีพบัญชี, 2549, หนา45) หนี้สิน หรือ ภาระผูกพันในปจจุบันของกิจการเกิดจากหนาที่และ ความรับผิดชอบของกิจการท่ีกระทาํ การตามปกติของการดําเนินงานตามประเพณีการคา ทําใหเกิดเจาหน้ีหรือเจาหน้ี การคา ถาเกิดจากการกูยืมเงิน เรียกวา เจาหน้ีเงินกู ซ่ึงทําในรูปสัญญาเงินกู หรือตั๋วสัญญาใชเงิน ถาเปนหนี้ประเภท ต๋ัวเงิน เรียกวา ตั๋วเงินจาย นอกจากน้ันเปนภาระผูกพันท่ีเกิดจากคาใชจายท่ียังไมไดจาย เรียกวา คาใชจายคางจาย หนสี้ นิ แบงเปน 2 ประเภท ดังนี้ หนสี้ ินหมนุ เวียนและหนีส้ นิ ไมหมุนเวยี น (กรมพฒั นาธรุ กิจการคา , 2546, หนา 18) 2.1 หน้ีสินหมุนเวียน (current liabilities) หมายถึง หนี้สินที่ถึงกําหนดชําระภายในระยะเวลา 12 เดือนนับจากวันที่ในงบดุล (งบแสดงฐานะการเงิน) และกิจการคาดวาจะชําระหนี้สินคืนภายในระยะเวลา ดําเนินงานปกติ หนีส้ ินจะจัดประเภทเปนหนีส้ นิ หมนุ เวียน เมือ่ หนสี้ ินน้นั เปนไปตามเง่ือนไขขอ ใดขอหนง่ึ ตอ ไปนี้ 1. คาดวา จะมีการชาํ ระภายในรอบระยะเวลาดาํ เนินงานตามปกติ 2. มวี ตั ถุประสงคหลกั ไวเ พอ่ื คา 3. ถงึ กาํ หนดชาํ ระภายใน 12 เดือนนบั จากวันทีใ่ นงบแสดงฐานะการเงิน(งบดุล) 4. กิจการไมมีสิทธิอันปราศจากเง่ือนไขใหเลื่อนการชําระหนี้ออกไปอีกไมนอยกวา12 เดือนนับจากวันท่ีในงบแสดง ฐานะการเงิน(งบดลุ ) หนีส้ นิ ท่ีไมเปนไปตามเงอื่ นไขขา งตนใหจ ดั ประเภทเปน หน้สี นิ ไมห มุนเวียน รายการที่จดั เปน หนีส้ นิ หมุนเวียนไดแก 18 3821302 หลกั การบัญชีเบ้ืองตน (Fundamental Accounting Principles)
2.1.1 เงินเบิกเกินบัญชี และเงินกูยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน (bank overdrafts and short – term loan) หมายถึง จํานวนเงินท่ีผูฝากเปนหนี้ธนาคาร อันเกิดจากการส่ังจายเงินเกินกวา จํานวนเงินท่ีฝากไว และหน้ีสินที่เกิดจากการกูยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินไมวาโดยวิธีใดซ่ึงจะตองชําระเงินคืนใน ระยะเวลาสนั้ 2.1.2 เจาหน้ีการคาและเจาหนี้อ่ืน (trade and other payables) เจาหนี้การคา หมายถึง เงินท่ีกจิ การคางชําระคาสินคาหรือบริการที่ซื้อมาเพื่อขายหรือใชในการผลิตหรือ ใชในการบริการตามปกติ และต๋ัวเงินจายที่กิจการออกใหเ พ่อื ชําระคา สนิ คา หรือบรกิ าร เจาหน้ีอื่น หมายถึง เจาหน้ีอ่ืนท่ีไมใชเจาหน้ีการคา เชน รายไดรับลวงหนา (unearned revenue) คาใชจ ายคางจาย (accrued expenses) 2.1.3 สว นของหนี้ระยะยาวที่ถึงกําหนดภายในหนงึ่ ป 2.1.4 เงินกูยืมระยะสั้น หมายถึง เงินกูยืมระยะสั้นจากบุคคล หรือกิจการท่ี เก่ียวของกัน เชน การกูยืมจากบริษัทยอยและบริษัทรวม และการกูยืมระยะสั้นอื่น เชน ต๋ัวเงินจาย การกูเงินมักจะอยู ในรปู ของตัว๋ สัญญาใชเงิน และการใชต๋วั เงินจายเพ่ือเปนคําม่ันสัญญาจะชําระเงินจํานวนหน่ึงที่แนนอนใหแกบุคคลอีก บคุ คลหนึง่ ในเวลาท่กี ําหนด เพอ่ื เปน หลักประกันในการชาํ ระหนท้ี เ่ี กิดจากการซ้อื สนิ คาหรือบริการ 2.1.5ภาษีเงินไดคางจาย (tax payables) หมายถึง คาใชจายภาษีเงินไดนิติบุคคล คางจาย 2.1.6 ประมาณการหน้ีสินระยะสั้น (short-term provisions) หมายถึง หน้ีสินที่คาดวา จะถึงกําหนดชําระภายในหน่ึงปนับจากวันส้ินรอบระยะเวลารายงาน และมีความไมแนนอนเกี่ยวกับระยะเวลาและ จํานวนเงินทีต่ อ งจา ยชาํ ระ 2.1.7หน้ีสินหมุนเวียนอ่ืน (other current liabilities) หมายถึง หน้ีสินหมุนเวียนอ่ืน นอกเหนือไปจากทีก่ าํ หนดไวข า งตน 2.1.8 หน้ีสินทเี่ กีย่ วขอ งโดยตรงกับสินทรพั ยไ มห มนุ เวยี นท่ถี อื ไวเพือ่ ขาย 2.2 หนี้สินไมหมุนเวียน (non – current liability) หมายถึง หนี้สินที่มีระยะเวลาการชําระเงินคืนเกิน กวาระยะเวลา 12 เดือน นับจากวันท่ีในแสดงฐานะการเงิน(งบดุล) หรือเกินกวารอบระยะเวลาการดําเนินงาน ตามปกติของกิจการ ไดแก เงินกูยืมระยะยาว หนี้สินภาษีเงินไดรอการตัดบัญชี ภาระผูกพันผลประโยชนพนักงาน ประมาณการหนี้สินระยะยาว สวนของเจาของ (owners’ equities) หมายถึง “สวนไดเสียคงเหลือในสินทรัพยหลังจากการหักหนี้สิน ทั้งสิ้นออกแลว” (สภาวิชาชีพบัญชี, 2549, หนา 21) จากความหมายของสวนของเจาของสามารถสรุปในรูปสมการ ได ดงั น้ี สว นของเจาของ = สินทรัพย - หน้สี ิน การแสดงสวนของเจาของในงบดุลจะแสดงตามรปู แบบของกจิ การดังน้ี กิจการเจาของคนเดียว สวนของเจาของ ประกอบดวย ผลรวมของเงินท่ีเจาของนํามาลงทุน เงินถอนทุน ผลกําไรหรือขาดทุน ซงึ่ จะแสดงในงบแสดงฐานะการเงนิ ไดด ังนี้ 19 3821302 หลกั การบญั ชเี บอื้ งตน (Fundamental Accounting Principles)
สว นของเจาของ XX ทุน XX บวก กาํ ไรสทุ ธิ (หรือหกั ขาดทนุ สทุ ธิ) XX XX หัก ถอนใชส วนตัว XX รวมสว นของเจาของ หา งหุนสวน สวนของเจาของ เรยี กวา สวนของผูเปนหุนสวน ประกอบดวย ผลรวมของเงินลงทุนของผูเปนหุนสวนแต ละคนที่จดทะเบียนนํามาลงไว ถามีการเพิ่มทุนหรือถอนทุนจะแสดงไวในทุน และกําไรขาดทุนสวนที่ยังไมแบงสรร ซ่ึง จะแสดงในงบแสดงฐานะการเงนิ ไดด งั นี้ สว นของผูเปน หุนสวน ทนุ ของผูเ ปน หุนสว น : ทุน ก XX ทุน ข XX ทุน ค XX XX กําไร (ขาดทนุ )สุทธทิ ีย่ ังไมแ บง XX รวมสวนของผเู ปนหุนสวน XX บริษทั จาํ กัด สวนของเจา ของ คอื สว นของผูถอื หนุ (shareholder’s equity)ประกอบดว ย ทุนเรือนหุน สว นเกินมูลคา หนุ กําไรสะสม และองคประกอบอ่นื ของสว นของผูถอื หุน ซึ่งจะแสดงในงบแสดงฐานะการเงินไดดงั น้ี สวนของผถู อื หุน ทนุ เรือนหุน ทุนจดทะเบียน XX ทนุ ท่ชี าํ ระแลว XX สวนเกิน (ต่ํากวา)มลู คา หุน XX กําไร(ขาดทนุ )สะสม จัดสรรแลว ทุนสํารองตามกฎหมาย XX อน่ื ๆ XX XX ยังไมจ ัดสรร XX XX องคประกอบอื่นของสว นของผถู ือหนุ XX รวมสวนของผูถือหนุ XX 20 3821302 หลักการบัญชเี บอ้ื งตน (Fundamental Accounting Principles)
การจดั ทาํ งบแสดงฐานะการเงิน สามารถจัดทาํ ได 2 แบบ คอื แบบบัญชี และแบบรายงาน แบบบัญชี (account form) หรือแบบตัว T (T – account) เปนแบบท่ีแยกแสดงรายการออกเปน 2 ดาน ดานซายแสดงรายการสินทรัพย ดานขวาแสดงรายการหน้ีสินและสวนของเจาของ การจัดทํางบแสดงฐานะ การเงินแบบบญั ชมี ขี น้ั ตอนดังนี้ 1.1 เขยี นชอื่ กิจการ งบแสดงฐานะการเงินและวันที่จดั ทําขอมลู ไวตรงกลางหนา กระดาษแยกแตละบรรทดั 1.2 เขียนหนว ยเงินตราไวด า นขวามอื ของหนา กระดาษ 1.3 ดานซายแสดงรายการสินทรัพยเรียงลําดับตามสภาพคลองของสินทรัพย โดยเริ่มดวยสินทรัพย หมุนเวยี น และสนิ ทรัพยไมห มุนเวียน ตามลาํ ดบั 1.4 ดานขวาแสดงรายการหน้ีสินและสวนของเจาของโดยเร่ิมจากหน้ีสินหมุนเวียน หนี้สินไมหมุนเวียน และสว นของเจา ของ ตามลาํ ดับ 1.5 รวมยอดเงินดานซาย (ยอดรวมสินทรัพย) และ รวมยอดเงินดานขวามือ (ยอดรวมหน้ีสินและ สว นของเจาของ) ซ่ึงตองเทา กนั ท้งั สองดา น ตวั อยางที่ 2.1 ตอไปนเ้ี ปนตัวอยางการแสดงงบแสดงฐานะการเงินแบบบัญชีหรอื แบบตัวที ของกจิ การประเภท เจา ของคนเดยี ว รานดารากร งบแสดงฐานะการเงิน ณ วนั ท่ี 31 ธันวาคม 25X1 สนิ ทรัพย หนส้ี ินและสว นของเจาของ สนิ ทรัพยหมุนเวยี น หนีส้ นิ หมนุ เวยี น เงินสดและเงินฝากธนาคาร เงนิ ลงทุนชว่ั คราว 228,000 เงนิ เบิกเกินบัญชีธนาคาร 158,000 ลกู หน้ีการคา 345,000 หักคา เผ่อื หน้สี งสยั จะสูญ 240,000 เจา หนี้การคา 220,000 สินทรัพยหมนุ เวียนอืน่ 18,000 รวมสินทรพั ยห มุนเวียน 56,000 ต๋ัวเงนิ จา ย 25,000 สนิ ทรัพยไมห มนุ เวยี น 150,000 2,000 54,000 ดอกเบีย้ คางจา ย ทดี่ ิน 3,000 อาคาร 25,000 เงนิ กรู ะยะยาวถงึ กาํ หนดชําระในหนึ่งป 919,000 หกั คาเสื่อมราคาสะสม-อาคาร อปุ กรณ 547,000 เงนิ กยู ืมระยะส้ัน 300,000 หักคา เสอ่ื มราคาสะสม-อปุ กรณ 50,000 พันธบัตรรฐั บาล หน้ีสนิ หมุนเวียนอน่ื 350,000 สทิ ธิบตั ร 1,269,000 280,000 รวมหนี้สินหมนุ เวยี น 450,000 หน้สี ินไมห มนุ เวียน 55,000 395,000 เงินกูย มื ระยะยาว 144,000 หนี้สินไมห มนุ เวียนอ่ืน 48,000 96,000 รวมหน้ีสนิ ไมหมุนเวยี น 250,000 65,000 21 3821302 หลกั การบัญชเี บอ้ื งตน (Fundamental Accounting Principles)
สินทรพั ยไมห มุนเวยี นอนื่ 22,000 สว นของเจาของ 400,000 รวมสินทรัพยไมห มนุ เวียน 1,108,000 ทุน 75,000 475,000 รวมสินทรัพย บวก กาํ ไรสุทธิ 89,000 หัก ถอนใชสวนตัว 386,000 1,655,000 รวมหนส้ี นิ และสว นของเจาของ 1,655,000 แบบรายงาน (report form) เปน แบบทีแ่ สดงรายการเปนหมวดหมู เรยี งรายการสนิ ทรัพย หนี้สนิ และ สวนของเจา ของ ตามลาํ ดับ โดยมขี ัน้ ตอนการจดั ทาํ งบแสดงฐานะการเงนิ ไดดังน้ี 2.1 เขยี นชื่อกิจการ งบแสดงฐานะการเงนิ และวันท่ที จี่ ัดทาํ ขอ มูลไวตรงกลางหนากระดาษแยกแตล ะบรรทัด 2.2 เขยี นหนวยเงนิ ตราไวด า นขวามือของหนา กระดาษ 2.3 เขยี นคําวา สินทรัพย กลางหนากระดาษและแสดงรายการสินทรพั ยเ รยี งตามลาํ ดบั สภาพคลอง โดยเร่มิ จากสินทรพั ยห มุนเวียน สินทรัพยไ มหมุนเวียน รวมยอดแตละประเภทของสนิ ทรัพย และยอดรวมของสินทรัพย ทัง้ สิน้ 2.4 เขยี นคําวา หนีส้ นิ และสวนของเจาของ ตรงกลางหนากระดาษ และแสดง รายการเรียงตามหนี้สิน หมุนเวียน หนี้สินไมห มุนเวยี นและสว นของเจา ของ ตามลําดับ รวมยอดหนส้ี ินและสว นของเจาของ ซง่ึ ตองเทา กับยอด รวมของสินทรัพยท้งั สิน้ ตวั อยา งท่ี 2.2 ตอไปน้เี ปน ตัวอยา งการแสดงงบแสดงฐานะการเงินแบบรายงานของกิจการเจา ของคนเดียว รา นดารากร งบแสดงฐานะการเงนิ ณ วนั ท่ี 31 ธนั วาคม 25X1 สนิ ทรัพยหมุนเวียน สินทรัพย 228,000 เงนิ สดและเงินฝากธนาคาร 240,000 เงินลงทุนช่วั คราว 56,000 ลกู หน้ีการคา 2,000 54,000 หัก คาเผือ่ หน้ีสงสยั จะสูญ 25,000 สนิ ทรพั ยหมนุ เวียนอ่ืน 450,000 547,000 รวมสินทรพั ยห มุนเวียน 55,000 280,000 สินทรพั ยไ มห มนุ เวยี น ทดี่ นิ 395,000 อาคาร หัก คา เสอื่ มราคาสะสม – อาคาร 22 3821302 หลักการบัญชเี บ้ืองตน (Fundamental Accounting Principles)
อุปกรณ 144,000 96,000 หัก คา เสอื่ มราคาสะสม – อปุ กรณ 48,000 250,000 พันธบัตรรัฐบาล 65,000 สิทธิบัตร 22,000 สนิ ทรัพยไ มหมุนเวียนอน่ื 1,108,000 รวมสินทรัพยไ มหมุนเวียน 1,655,000 รวมสนิ ทรัพย 158,000 หนส้ี ินและสว นของเจา ของ 345,000 220,000 หนส้ี ินหมนุ เวียน 18,000 25,000 เงนิ เบกิ เกินบัญชีธนาคาร 150,000 เจา หน้กี ารคา 3,000 919,000 ตั๋วเงินจา ย 300,000 ดอกเบ้ยี คา งจา ย 50,000 350,000 เงนิ กูระยะยาวถึงกําหนดชําระในหนึ่งป 1,269,000 เงินกูยืมระยะสั้น 386,000 1,655,000 หนีส้ นิ หมนุ เวียนอน่ื รวมหนี้สินหมุนเวยี น หนีส้ นิ ไมหมุนเวยี น เงนิ กยู ืมระยะยาว หน้สี นิ ไมหมุนเวียนอนื่ รวมหน้สี ินไมห มุนเวยี น รวมหนส้ี ิน สว นของเจา ของ ทุน 400,000 บวก กําไรสุทธิ 75,000 475,000 หกั ถอนใชส ว นตัว 89,000 รวมหน้สี ินและสวนของเจา ของ งบกําไรขาดทนุ เบ็ดเสร็จ (Statement of Comprehensive Income) งบเฉพาะกําไรขาดทุน หมายถึง รายงานทางการเงินที่ทําขึ้นเพ่ือแสดงผลการดําเนินงานของกิจการ สาํ หรับงวดเวลาหน่ึง เพ่ือสรุปใหเห็นวาเม่ือเปรียบเทียบรายไดกับคาใชจายของงวดเวลานั้นแลว จะมีผลกําไร เสมอตัว หรือ ขาดทุนเทาใด (งบเฉพาะกําไรขาดทุนคืองบกําไรขาดทุนเดิม) งบเฉพาะกําไรขาดทุนจะนําไปแสดงเปนสวนหน่ึง ของงบกาํ ไรขาดทนุ เบด็ เสรจ็ 23 3821302 หลักการบญั ชีเบ้อื งตน (Fundamental Accounting Principles)
รายได – คา ใชจาย = กาํ ไร (ขาดทุน) สาํ หรบั ป การแสดงงบเฉพาะกําไรขาดทุน สามารถแสดงได 2 รูปแบบ คือ การแสดงงบเฉพาะกําไรขาดทุนแสดง คาใชจายตามหนาท่ี และงบเฉพาะกําไรขาดทุนแสดงคาใชจายตามลักษณะของคาใชจาย โดยหากกิจการนําเสนองบ เฉพาะกําไรขาดทุนแสดงคาใชจายตามหนาท่ีกิจการจะตองเปดเผยขอมูลเพิ่มเติมเก่ียวกับลักษณะของคาใชจายใน หมายเหตุประกอบงบการเงนิ งบกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น หมายถึง รายการรายไดและคาใชจาย (รวมถึง การปรับปรุงการจัด ประเภทรายการใหม) ซง่ึ ไมอ นญุ าตใหรบั รใู นงบเฉพาะกาํ ไรขาดทุน โดยมาตรฐานการรายงานทางการเงนิ อืน่ องคป ระกอบของกําไรขาดทุนเบด็ เสรจ็ อนื่ ประกอบดว ย 1. การเปลีย่ นแปลงในสวนเกินทุนจากการตรี าคาสนิ ทรัพย 2. ผลกาํ ไรและขาดทนุ จากการประมาณการตามหลักคณิตศาสตรประกันภัยตามโครงการผลประโยชน พนักงาน 3. ผลกาํ ไรและขาดทนุ จากการแปลงคา งบการเงนิ ของการดําเนินงานในตา งประเทศ 4. ผลกาํ ไรและขาดทนุ จากการวัดมูลคา สินทรพั ยทางการเงนิ เผอ่ื ขาย 5. สวนของผลกําไรขาดทุนที่มีประสิทธิผลจากเคร่ืองมือปองกันความเส่ียงในการปองกันความเส่ียงใน กระแสเงนิ สด รายได (Revenues หมายถึง “กระแสเขาของประโยชนเชิงเศรษฐกิจ (กอนหักคาใชจาย) ในรอบ ระยะเวลาบัญชีซึ่งเกิดข้ึน จากกจิ กรรมตามปกตขิ องกจิ การ เมื่อกระแสเขาน้ันสงผลใหสวนของเจาของเพ่ิมข้ึน ท้ังน้ีไม รวมถงึ เงินลงทุนที่ไดรับจากผูมีสวนรวมในสวนของเจาของ” (สภาวิชาชีพบัญชี 2549, หนา 61) นอกจากรายไดตาม นิยามศัพทแลว รายไดตามแมบทการบัญชีไดรวมถึง “รายการกําไรและรายไดที่เกิดจากการดําเนินกิจกรรมตามปกติ ของกจิ การ รายไดด ังกลาว ไดแ ก รายไดจ ากการขาย รายไดคาธรรมเนียม รายไดดอกเบ้ีย รายไดเงินปนผล และรายไดคา เชา” (สภาวิชาชพี บญั ชี, 2549, หนา 22) สําหรับการรับรูรายได กิจการควรรับรูรายไดเมื่อประโยชน เชิงเศรษฐกิจในอนาคตเพ่ิมข้ึน เน่ืองจาก การเพิม่ ขนึ้ ของสินทรัพยหรอื การลดลงของหน้สี ินและเมื่อกิจการสามารถวัดคาของประโยชนเชิงเศรษฐกิจในอนาคตได อยางนาเช่ือถือ หรืออีกนัยหน่ึง คือ การรับรูรายไดจะเกิดขึ้นพรอมกับการรับรูสวนที่เพิ่มขึ้นของสินทรัพยหรือสวนที่ ลดลงของหนี้สิน เชน สินทรัพยสุทธิจะเพ่ิมข้ึน เมื่อกิจการขายสินคาหรือใหบริการ หรือหนี้สินจะลดลง เมื่อเจาหน้ี ยก หนีใ้ ห และกาํ หนดเกณฑก ารรับรรู ายไดจะรบั รเู ม่ือเกดิ ขึ้นแลว ใหกิจการรับรูรายไดเฉพาะรายการที่มีความแนนอนเพียงพอ และสามารถวดั คา ไดอยางนาเชือ่ ถือ (สภาวชิ าชพี บัญชี, 2549, หนา 26) รายไดแ บง เปน 2 ประเภท ดังนี้ 1.1 รายไดจากการขายหรือการใหบริการ (revenues from sales or revenues from services ) หมายถึง รายไดท่ีเกิดขึ้นจากการดําเนินงานตามปกติของกิจการ โดยแยกแสดงเปนรายไดหลักแตละประเภท เชน รายไดจากการขายสินคา รายไดจากการใหบรกิ าร 1.2 รายไดอ่ืน (other revenue) หมายถึง รายไดอันมิไดเกิดจากการดําเนินงานตามปกติของกิจการ เชน ผลกําไรจากการขายเงินลงทุน ผลกําไรจากการขายที่ดนิ อาคาร อปุ กรณ 24 3821302 หลกั การบัญชีเบอ้ื งตน (Fundamental Accounting Principles)
คาใชจาย (Expenses) หมายถึง “ตนทุนสวนที่หักออกจากรายไดในระอบระยะเวลาการดําเนินงาน หนึ่ง” (สมาคมนักบัญชีและผูสอบบัญชีรับอนุญาตแหงประเทศไทย 2538, หนา 45) และหมายความรวมถึง รายการ ขาดทุนและคาใชจายที่เกิดจากการดําเนินกิจกรรมตามปกติของกิจการ คาใชจายดังกลาว ไดแก ตนทุนขาย คาแรงงาน คาเส่ือมราคา เปนตน คาใชจายมักอยูในรูปกระแสออกหรือการเสื่อมคาของสินทรัพย เชน เงินสด และ รายการเทียบเทาเงินสด สินคาคงเหลอื ทีด่ นิ อาคารและอปุ กรณ (สภาวิชาชพี บัญช,ี 2549, หนา 23) ดังน้ัน คาใชจาย จึงหมายถึง ตนทุนท่ีใชไปเพื่อใหเกิดรายได อันเกิดจากการดําเนินกิจกรรมตามปกติ ของกิจการในรูปกระแสออกหรือการลดคาของสินทรัพยห รอื การเพ่มิ ขึน้ ของหน้ีสิน อนั สง ผลใหส วนของเจาของลดลง สําหรับการรับรูคาใชจายตามแมบทการบัญชีกําหนดให กิจการควรรับรูคาใชจายในงบกําไรขาดทุน เมื่อประโยชนเชิงเศรษฐกิจในอนาคตลดลง เน่ืองจากการลดลงของสินทรัพย หรือการเพ่ิมขึ้นของหน้ีสิน และเมื่อ กิจการสามารถวัดคาของประโยชนเชิงเศรษฐกิจในอนาคตไดอยางนาเชื่อถือ อีกนัยหนึ่งการรับรูคาใชจายจะเกิดข้ึน พรอ มกบั การรับรสู วนทเี่ พิม่ ขนึ้ ของหนีส้ นิ หรอื สว นท่ลี ดลงของสนิ ทรพั ย เชน การตัง้ คาแรงคางจาย หรือการตัดคาเส่ือม ราคาของอปุ กรณ การรับรูคาใชจายในงบกําไรขาดทุน ใหใชเกณฑความเกี่ยวพันโดยตรงระหวางตนทุนท่ีเกิดขึ้นกับรายได ที่ไดจากรายการเดียวกัน เกณฑนี้ เรียกวา การจับคูรายไดและคาใชจาย ซึ่งกําหนดใหเกิดการรับรูรายไดพรอม กับคาใชจายที่เกิดขึ้นจากรายการ หรือเหตุการณทางบัญชีเดียวกัน เชน กิจการจะรับรูตนทุนขายพรอมกับรายไดที่ เกิดจากการขายสินคา เมื่อกิจการคาดวาประโยชนเชิงเศรษฐกิจของรายการจะเกิดในหลายรอบระยะเวลาบัญชี และคาใชจายที่เกิดข้ึนไมสัมพันธโดยตรงกับรายได กิจการควรรับรูคาใชจายนั้นในงบกําไรขาดทุนตามเกณฑการปน สวนอยางเปนระบบ และสมเหตุสมผล กรณีการรับรูคาใชจายเก่ียวกับการใชสินทรัพย เชน อาคาร อุปกรณ คาความ นิยม สิทธิบัตร เครื่องหมายการคา เปนตน คาใชจายดังกลาวเรียกวา คาเส่ือมราคาหรือคาตัดจําหนาย กิจการควรรับรู คาใชจายในงบกําไรขาดทุนทันทีท่ีรายจายน้ันไมกอใหเกิดประโยชนเชิงเศรษฐกิจในอนาคต หรือเม่ือประโยชนเชิง เศรษฐกิจในอนาคตสว นนนั้ ไมเขาเกณฑการรับรูเปนสินทรพั ยในงบดลุ อีกตอ ไป (สภาวชิ าชพี บญั ช,ี 2549, หนา 26-27) 1. ตน ทุนขาย หรอื ตน ทุนการใหบริการ(cost of the sale of goods and the rendering opf services) 2. คาใชจายในการขาย (selling expenses) เปนคาใชจายท่ีเกิดข้ึนเกี่ยวของโดยตรงกับการขาย เชน คา โฆษณา คา นายหนา เงินเดอื นพนกั งานขาย คา ขนสง เปนตน 3. คาใชจายในการบริหาร (administrative expenses) เปนคาใชจายทั่วไปที่เกิดขึ้นในการบริหารกิจการ เชน เงินเดอื นฝา ยบรหิ าร คาเชา คา เสื่อมราคา หน้สี งสัยจะสูญ เปน ตน 4. คาใชจายอ่ืน (other expenses) คาใชจายนอกเหนือจากที่กลาวมาขางตน เชน ผลขาดทุนจากการ จาํ หนา ยสนิ ทรพั ย ผลขาดทนุ จากการหยดุ งานของพนักงาน 5. ตนทุนทางการเงิน (finance cost) เปนคาใชจายท่ีเกิดขึ้นเนื่องจากการที่กิจการตองจัดหาเงินทุนมา ดาํ เนนิ งาน เชน ดอกเบย้ี เงนิ กู คา ธรรมเนยี มธนาคาร การจดั ทํางบกําไรขาดทนุ เบด็ เสรจ็ รปู แบบการจดั เรียงรายการใน งบกาํ ไรขาดทนุ เบ็ดเสรจ็ มี 2 วธิ ี คือ 1. แสดงคาใชจายตามลักษณะของคาใชจาย (by nature) ในบทนี้ไมไดนําเสนอตัวอยางไว นักศึกษาจะ ไดศกึ ษารายละเอยี ดจากวิชาการบัญชขี นั้ กลางในลําดับตอไป 25 3821302 หลักการบญั ชีเบอ้ื งตน (Fundamental Accounting Principles)
2. แสดงคา ใชจ ายตามหนาที่ (by function) 2.1. วิธแี สดงยอดข้ันเดยี ว (Single – Step Form) 2.2. วธิ แี สดงยอดหลายขั้น (Multiple – Step Form) แบบแสดงยอดข้ันเดียว (Single Step) ในแบบน้ี กิจการจะรวมรายไดท้ังหมดไวดวยกันและ คาใชจ ายท้ังหมดไวดวยกัน และคาํ นวณหากําไรสุทธขิ องกิจการในตอนทายของ งบกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ แบบข้ันตอน เดียว ดงั ตวั อยางตอ ไปนี้ (แสดงการนําเสนอกําไรขาดทนุ เบด็ เสร็จ –บางสวน และ แสดงคา ใชจ า ยตามหนาท)่ี รายได xx รายไดจากการขายหรือการใหบริการ xx รายไดอ นื่ xx รวมรายได คา ใชจ าย (xx) ตนทนุ ขายหรอื ตนทนุ การใหบ รกิ าร (xx) คา ใชจายในการขาย (xx) คา ใชจา ยในการบรหิ าร (xx) คา ตอบแทนผูบ ริหาร (xx) คา ใชจายอื่น (xx) รวมคาใชจ า ย xx กําไร (ขาดทนุ ) กอนตน ทุนทางการเงนิ และภาษีเงนิ ได (xx) ตน ทนุ ทางการเงนิ xx กําไร (ขาดทุน) กอ นภาษเี งนิ ได (xx) ภาษีเงินได xx กาํ ไร (ขาดทุน) สุทธสิ าํ หรบั ป แบบแสดงยอดหลายข้ัน (Multiple Step) โดยแสดงยอดกําไรหลายข้ัน ตามลําดับดังน้ี กําไรข้ันตน กําไรกอนคาใชจาย กําไรกอนตนทุนทางการเงินและภาษีเงินได กําไรกอนภาษีเงินได และกําไรสุทธิสําหรับป โดย แสดงการนําเสนอกําไรขาดทนุ เบด็ เสร็จ –บางสวน แสดงคา ใชจ ายตามหนา ท่ี –แบบหลายขนั้ ไดดงั นี้ รายไดจากการขายหรือการใหบริการ xx หกั ตน ทนุ ขายหรอื ตน ทุนการใหบ รกิ าร (xx) กาํ ไร(ขาดทุน)ข้นั ตน xx รายไดอื่น (xx) กาํ ไร (ขาดทุน) กอ นคา ใชจ า ย xx คา ใชจายในการขาย (xx) 26 3821302 หลักการบญั ชเี บือ้ งตน (Fundamental Accounting Principles)
คาใชจา ยในการบรหิ าร (xx) คาตอบแทนผบู รหิ าร (xx) คา ใชจ า ยอน่ื (xx) กําไร (ขาดทนุ ) กอนตน ทนุ ทางการเงินและภาษีเงนิ ได xx หกั ตนทนุ ทางการเงิน (xx) กําไรกอนภาษีเงนิ ได xx หัก ภาษเี งินได (xx) กาํ ไร (ขาดทนุ ) สทุ ธสิ าํ หรับป xx (ทีม่ า : กรมพฒั นาธุรกิจการคา กระทรวงพาณชิ ย) งบกาํ ไรขาดทุนเบ็ดเสรจ็ งบกาํ ไรขาดทนุ เบด็ เสรจ็ (แบบส้นั ) หนวย : บาท 25X2 25X1 1. กําไรขาดทุนเบด็ เสร็จอื่น 1.1 สว นเกนิ ทุนจากการตรี าคาสนิ ทรพั ย 1.2 สินทรัพยท างการเงินเผ่อื ขาย 1.3. ------------------------------------ รวมรายการที่ยงั ไมรบั รใู นงบกําไรขาดทุน 2. กําไร (ขาดทนุ ) เบ็ดเสร็จรวมสาํ หรับป 3. ภาษเี งินไดเ กี่ยวกับองคประกอบของงบกําไรขาดทนุ เบ็ดเสร็จอน่ื 4. กําไร (ขาดทุน) เบ็ดเสร็จรวมสาํ หรับป ในกรณที ีก่ ิจการเลือกแสดงงบกําไรขาดทนุ เบ็ดเสรจ็ สทุ ธิหลงั ภาษี ตองเปด เผยภาษเี งินไดที่เกี่ยวของกบั แตละองคป ระกอบของกาํ ไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น ในหมายเหตปุ ระกอบงบการเงินดว ย บริษัท............ งบเฉพาะกาํ ไรขาดทุน จําแนกคา ใชจ ายตามหนาที*่ -แบบหลายขน้ั สําหรบั ระยะเวลา 1 ป สน้ิ สุดวันท่ี 31 ธนั วาคม 25x2 หนวย : บาท 25X2 25X1 รายไดจากการขายหรอื การใหบรกิ าร ตน ทนุ ขายหรอื ตนทนุ การใหบรกิ าร กําไร(ขาดทนุ )ขัน้ ตน รายไดอืน่ กาํ ไร(ขาดทนุ )กอนคา ใชจา ย 27 3821302 หลักการบัญชเี บอ้ื งตน (Fundamental Accounting Principles)
คาใชจา ยในการขาย คาใชจ ายในการบริหาร คา ใชจ า ยอืน่ รวมคาใชจ า ย กําไร (ขาดทนุ ) กอนตนทุนทางการเงินและภาษเี งินได ตนทุนทางการเงนิ กําไร (ขาดทุน) กอนภาษเี งินได ภาษเี งนิ ได กําไร (ขาดทุน) สทุ ธิ *กรณีท่ีกิจการนําเสนองบเฉพาะกําไรขาดทุน แบบจําแนกคาใชจายตามหนาที่ กิจการจะตองเปดเผยขอมูลเพ่ิมเติมเก่ียวกับคาใชจาย ตามลักษณะของคาใชจ ายในหมายเหตปุ ระกอบงบการเงิน ตามท่กี าํ หนดในมาตรฐานการบญั ชี บรษิ ทั ............ งบเฉพาะกําไรขาดทุน จาํ แนกคา ใชจ า ยตามลกั ษณะของคา ใชจ าย สาํ หรับระยะเวลา 1 ป สิ้นสดุ วันท่ี 31 ธนั วาคม 25x2 หนว ย : บาท 25X2 25X1 รายได รายไดจ ากการขายหรือการใหบ รกิ าร รายไดอ ื่น ดอกเบ้ียรับ รวมรายได คาใชจ าย การเปลี่ยนแปลงในสินคาสาํ เรจ็ รปู และงานระหวางทํา งานทก่ี จิ การทําและถอื เปนรายจายฝา ยทนุ (สินทรพั ย) วตั ถุดบิ และวัสดุสนิ้ เปลืองใชไป คาใชจายพนกั งาน คา เสื่อมราคาและคาตัดจาํ หนา ย ขาดทนุ จากการดอยคาของสินทรพั ย คา ใชจา ยอ่นื รวมคาใชจ าย กําไร (ขาดทุน) กอ นตน ทุนทางการเงินและภาษเี งนิ ได ตนทนุ ทางการเงนิ กาํ ไร (ขาดทนุ ) กอนภาษเี งนิ ได ภาษีเงินได กาํ ไร (ขาดทนุ ) สุทธิ 28 3821302 หลักการบัญชเี บื้องตน (Fundamental Accounting Principles)
งบแสดงการเปล่ยี นแปลงในสวนของเจา ของ งบแสดงการเปล่ียนแปลงในสวนของเจาของ (statement of changes in equity) เปนงบที่แสดงใหเห็น ถึงการเปลี่ยนแปลงในสวนของเจาของระหวางตนงวดกับปลายงวด โดยสะทอนใหเห็นถึงกําไรและขาดทุนทั้งหมดท่ีเกิด จากการดําเนินงานของกิจการในระหวางงวด ซึ่งหากกิจการไมจัดทํางบแสดงการเปลี่ยนแปลงในสวนของเจาของ กิจการสามารถจัดทาํ งบกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จแทนก็ได (กรมพฒั นาธุรกจิ การคา, 2546, หนา 16) งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในสว นของเจาของในรูปแบบบริษัท เรียกวา งบแสดงการเปล่ียนแปลงในสวน ของผูถือหุน ในรูปแบบหางหุนสวน เรียกวา งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในสวนของผูเปนหุนสวน และในรูปแบบกิจการ เจา ของคนเดยี ว เรียกวา งบแสดงการเปล่ยี นแปลงในสวนของเจา ของ (กาญจนา ศรพี งษ, 2545, หนา 2 – 9) ดังนั้น งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในสวนของเจาของ เปนงบแสดงรายละเอียดของการเปล่ียนแปลง ทุกรายการในสวนของเจาของระหวางตนงวดกับปลายงวด ซ่ึงแสดงใหเห็นถึงการเพิ่มข้ึน หรือลดลงของสินทรัพยสุทธิ หรอื ความมง่ั คัง่ ของกจิ การ และสามารถแสดงใหเหน็ ถึงกําไร และขาดทุนทั้งหมดที่เกิดจากการดําเนินงานของกิจการ ในระหวางงวดบัญชี หากไมรวมรายการที่เกี่ยวกับผูเปนเจาของ เชน เงินลงทุน และเงินปนผล นอกจากนั้นกิจการ สามารถจัดทาํ งบกําไรขาดทุนแบบเบด็ เสรจ็ แทนการจัดทาํ งบแสดงการเปลีย่ นแปลงในสว นของเจาของได ตอ ไปน้ีเปนตวั อยา งงบแสดงการเปล่ียนแปลงในสว นของผถู ือหุน บรษิ ทั …………….จํากัด หนวย: บาท งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในสวนของผถู อื หุน สําหรับป สนิ้ สุดวนั ท่ี 31 ธนั วาคม 25X2 หมายเหตุ ทุน สว นเกิน ผลกําไร ผลตา ง กําไร รวม เรอื นหนุ มลู คา หนุ (ขาดทนุ ) จากการ (ขาดทุน) ทยี่ งั ไม แปลง สะสม เกดิ ขึ้นจรงิ คางบ การเงิน ยอดคงเหลือตนงวด 25X0 ผลกระทบของการเปลีย่ นแปลงนโยบายการบัญชี ผลสะสมจากการแกไ ขขอผิดพลาด ยอดคงเหลือท่ีปรับปรุงแลว ผลกาํ ไร(ขาดทนุ )ท่ียงั ไมเกิดขน้ึ จรงิ ผลกําไรจาการตีราคาสินทรัพย เงินลงทุนเผ่อื ขาย ผลตางจากการแปลงคางบการเงิน รวมรายได(คาใชจาย)ท่ีรับรูในสวนของผูถอื หุน กําไรสุทธปิ ระจํางวด ป25X0 รวมรายได( คาใชจาย)ทรี่ ับรูสาํ หรบั งวด จา ยปนผล เพ่มิ (ลด)ทุน ยอดคงเหลอื ปลายงวด 25X0 ผลกระทบของการเปล่ียนแปลงนโยบายการบัญชี ผลสะสมจากการแกไขขอ ผดิ พลาด 29 3821302 หลักการบญั ชเี บอื้ งตน (Fundamental Accounting Principles)
ยอดคงเหลอื ทป่ี รับปรุงแลว ผลกาํ ไร(ขาดทุน)ท่ียังไมเ กดิ ขน้ึ จรงิ ผลกําไรจาการตีราคาสินทรัพย เงินลงทุนเผ่ือขาย ผลตา งจากการแปลงคา งบการเงิน รวมรายได( คาใชจ าย)ท่ีรับรใู นสวนของผูถ ือหุน กาํ ไรสุทธปิ ระจาํ งวด ป25X1 รวมรายได( คา ใชจ าย)ท่รี ับรูสาํ หรับงวด จา ยปนผล เพมิ่ (ลด)ทุน ยอดคงเหลือ ปลายงวด 25X1 (ทมี่ า : กรมพฒั นาธุรกจิ การคา กระทรวงพาณชิ ย) งบกระแสเงนิ สด งบกระแสเงินสด (cash flow statement) เปนงบที่แสดงใหเห็นถึงการเคลื่อนไหวของเงินสดของกิจการ วากิจการไดรับเงินสดมาจากแหลงใดบางและใชเงินสดไปในทางใดบาง (กรมพัฒนาธุรกิจการคา, 2546, หนา 16) ตาม มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 25 (สมาคมนักบัญชีและผูสอบบัญชีรับอนุญาตแหงประเทศไทย, 2546, หนา 108) ไดให คํานิยาม กระแสเงินสดไววา “กระแสเงินสด หมายถึง การไดมาและใชไปของเงินสดและรายการเทียบเทาเงินสด” และไดกําหนดใหกิจการตองจัดทํางบกระแสเงินสด โดยถือเปนงบหนึ่งของงบการเงินที่เสนอในแตละรอบระยะเวลา บัญชี เพื่อเปนการใหขอมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึนของเงินสดและรายการเทียบเทาเงินสดของกิจการ โดย จําแนกกระแสเงินสดท่ีเกิดขึ้นจากกิจกรรมดําเนินงาน (operating activities) กิจกรรมลงทุน (investment activities) และกิจกรรมจัดหาเงิน (financing activities) ดังนั้น งบกระแสเงินสด หมายถึง รายงานทางการเงินที่แสดงการไดมา และใชไปของเงินสด และรายการเทียบเทาเงินสดของกิจการในระหวางงวดบัญชีหนึ่ง โดยแสดงกระแสเงินสดรับ (cash inflows) และกระแสเงินสดจาย (cash outflows) จากกิจกรรมดําเนินงาน กิจกรรมลงทุนและกิจกรรมจัดหาเงิน งบกระแส เงนิ สดจงึ ประกอบดวยกิจกรรม 3 กจิ กรรม ซ่ึงมรี ายละเอียดและวธิ กี ารจัดทํางบกระแสเงินสด ดังน้ี 1. กิจกรรมดําเนินงาน หมายถึง กิจกรรมหลักท่ีกอใหเกิดรายไดของกิจการ และ กิจกรรมอื่นที่มิใชกิจกรรมลงทุนหรือกิจกรรมจัดหาเงิน ซึ่งเปนกระแสเงินสดที่กิจการสามารถนํามาใชจาย โดยไม ตองพึ่งพาการจัดหาเงินจากแหลงเงินภายนอก เชน เงินสดรับจากการขายสินคาและการใหบริการ เงินสดจายในการ ซือ้ สนิ คาและบรกิ าร เปนตน 2. กิจกรรมลงทุน หมายถึง การซ้ือ และจําหนายทรัพยสินระยะยาว และเงินลงทุนอื่น ซ่ึงไมรวมอยูในรายการเทียบเทาเงินสดท่ีกอใหเกิดรายได และกระแสเงินสดรับในอนาคต เชน เงินสดจายเพ่ือซื้อที่ดิน อาคาร และอปุ กรณ สินทรัพยไมมีตัวตน เงินสดที่ไดรับจากการขายที่ดิน อาคาร และอุปกรณ สินทรัพยไมมีตัวตน เปน ตน 3. กิจกรรมจัดหาเงิน หมายถึง กิจกรรมท่ีมีผลใหเกิดการเปลี่ยนแปลงในขนาดและ องคประกอบของสว นผูเปน เจา ของ และสว นกยู ืมของกจิ การ เชน เงินสดไดรับจากการออกหุนทุน การออกพันธบัตรหุน กู เงนิ กยู ืม เงินสดจา ยเพื่อชาํ ระเงนิ กูยืม เปนตน 30 3821302 หลกั การบัญชีเบ้ืองตน (Fundamental Accounting Principles)
ตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 25 กําหนดใหกิจการสามารถแสดงกระแสเงินสดจากกิจกรรม ดาํ เนินงานได 2 วธิ ี คอื วิธีทางตรง หรอื วธิ ีทางออ ม ตัวอยา งท่ี 2.3 ตอไปนี้เปน ตวั อยา งการแสดงงบกระแสเงนิ สดโดยวิธีทางตรง หนวย : บาท บริษทั วทิ ยา จํากัด งบกระแสเงินสด 256,100 สําหรับป ส้นิ สุดวนั ท่ี 31 ธันวาคม พ.ศ. 25X1 (160,000) กระแสเงนิ สดจากกิจกรรมการดําเนนิ งาน (78,000) เงินสดรับจากลูกคา 860,000 18,100 เงนิ สดรับจากเงินปนผล 120,000 50,000 เงนิ สดจายแกเจาหนี้ (355,000) 68,100 เงนิ สดจายในการดําเนินงาน (159,400) เงนิ สดจายคา ดอกเบ้ีย (62,700) เงนิ สดจายคา ภาษี (146,800) เงนิ สดรับสุทธิจากกจิ กรรมดําเนินงาน กระแสเงินสดจากกจิ กรรมลงทนุ 80,000 (30,000) เงินสดรบั จากการขายเครอ่ื งจกั ร (210,000) ซ้อื เงินลงทนุ ระยะส้ันเพิ่ม ซ้อื ทด่ี นิ เพ่ิม 100,000 เงินสดสุทธใิ ชไปในกจิ การลงทนุ 30,000 กระแสเงินสดจากกิจการจัดหาเงนิ (8,000) เงนิ สดจากการเพ่มิ ทนุ หนุ บรุ มิ สิทธิ์ (200,000) เงนิ สดรับจากการขายหุนทุนซอ้ื คนื จายคืนตัว๋ เงนิ ระยะยาว จา ยเงินปนผล เงินสดสทุ ธิใชไปในกจิ กรรมจดั หาเงนิ เงินสดสุทธิเพิ่มข้ึน เงินสด ณ วันท่ี 1 มกราคม 25X1 เงินสด ณ วันที่ 31 ธนั วาคม 25X1 ที่มา (สมาคมนกั บญั ชแี ละผสู อบบญั ชีรบั อนญุ าต, 2546, หนา 126-127) 31 3821302 หลกั การบัญชีเบื้องตน (Fundamental Accounting Principles)
ตวั อยา งที่ 2.4 ตอ ไปนี้เปน การแสดงงบกระแสเงนิ สดโดยวธิ ีทางออ ม บริษัท วทิ ยา จํากัด งบกระแสเงนิ สด สําหรับป สน้ิ สุดวันท่ี 31 ธันวาคม พ.ศ. 25X1 หนว ย: บาท 320,100 กระแสเงนิ สดจากกิจกรรมการดําเนนิ งาน (64,000) กําไรสุทธิ 256,100 ปรบั กระทบกาํ ไรสุทธเิ ปน เงินสดรับ (จาย) จากกิจกรรมดําเนนิ งาน (160,000) คา เสื่อมราคา / รายจา ยตดั จาย 57,200 (78,000) 18,100 เบย้ี ประกนั จา ยลว งหนา ลดลง 4,800 50,000 68,100 วัสดุสํานักงานลดลง 2,300 เจา หนก้ี ารคา เพิ่มข้ึน 18,000 ภาษเี งินไดคางจายเพิ่มขึ้น 13,200 คา ใชจ ายคางจา ยเพิ่มข้ึน 6,000 สว นลดเจา หน้ีหุนกูตัดจา ย 12,500 ลูกหนีก้ ารคาเพ่ิมข้ึน (20,000) สนิ คาคงเหลือเพิ่มขึ้น (48,000) กําไรจากการขายเงนิ ลงทุนระยะยาว (85,000) กําไรจากการขายเครื่องจกั ร (25,000) เงินสดสุทธจิ ากกิจกรรมดาํ เนนิ งาน กระแสเงินสดจากกจิ กรรมลงทนุ เงินสดรับจากการขายเคร่อื งจกั ร 80,000 ซื้อเงินลงทนุ ระยะสัน้ เพม่ิ ขึน้ (30,000) ซ้อื ทด่ี ินเพิม่ (210,000) เงินสดสทุ ธิใชไปในกจิ กรรมลงทุน กระแสเงนิ สดจากกจิ กรรมจดั หาเงนิ เงนิ สดรับจากการเพม่ิ หุนบุริมสิทธ์ิ 100,000 เงนิ สดรบั จากการขายหุนทุนซ้อื คืน 30,000 ชาํ ระคนื ตว๋ั ระยะยาว (8,000) จายเงินปนผล (200,000) เงินสดสทุ ธใิ ชไปในกจิ กรรมจดั หาเงิน เงินสดสทุ ธิเพิม่ ขนึ้ เงนิ สด ณ วนั ท่ี 1 มกราคม 25X1 เงินสด ณ วันที่ 31 ธนั วาคม 25X1 32 3821302 หลักการบญั ชเี บอ้ื งตน (Fundamental Accounting Principles)
ขอ มลู กระแสเงนิ สดเปด เผยเพิ่มเตมิ เงนิ สดจา ยระหวา งป ดอกเบ้ียจาย 62,700 ภาษเี งินได 146,800 ทมี่ า (สมาคมนักบัญชีและผูสอบบัญชรี ับอนญุ าตแหง ประเทศไทย, 2546, หนา 132-133) การจัดทํางบกระแสเงินสดตามวิธีทางตรงจะใหขอมูลท่ีดี เพราะแสดงรายการเงินสดรับและจายของ รายการในงบกําไรขาดทุนโดยตรง อันเปนประโยชนตอการประเมินความสามารถของกิจการท่ีจะไดเงินสดมาจาก กิจกรรมการดําเนินงานเพ่ือใชจายในกิจการ สวนวิธีทางออมคํานวณงายกวา แสดงใหเห็นความแตกตางระหวางกําไร สุทธิกับกระแสเงินสดสุทธิจากการดําเนินงานและขอมูลระหวางงบกระแสเงินสดกับงบกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ และงบ แสดงฐานะการเงนิ หมายเหตุประกอบงบการเงิน หมายเหตุประกอบงบการเงินเปนสวนหนึ่งของงบการเงินที่จะตองแสดงขอมูลไวทายงบการเงิน ซง่ึ ให รายละเอียดมากกวา ที่ปรากฏในงบการเงิน ทงั้ นีเ้ ปนการปฏิบตั ิตามมาตรฐานการบัญชี ฉบบั ท่ี 35 โดยมีรายละเอยี ดที่ จะศึกษาตอไปดังนี้ 1. นโยบายการบัญชี ตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 39 (สมาคมนักบัญชีและผูสอบบัญชีรับ อนุญาตแหงประเทศไทย, 2546, หนา 142) ไดนิยามศัพทคําวา นโยบายการบัญชี (accounting policy) หมายถึง “หลักการ โดยเฉพาะหลักเกณฑ ประเพณีปฏิบัติ กฎเกณฑ หรือวิธีปฏิบัติที่กิจการใชในการจัดทําและนําเสนอ งบการเงนิ ” โดยมรี ายละเอยี ดดงั นี้ 1.1 การกําหนดนโยบายบัญชีฝายบริหารของกิจการตองเปนผูกําหนดโดยเลือกใช นโยบายบัญชีท่ีทําใหงบการเงินเปนไปตามขอกําหนดทุกขอในมาตรฐานการบัญชีและการตีความทุกประการของ คณะกรรมการมาตรฐานการบัญชี ในกรณีที่มาตรฐานการบัญชีมิไดระบุถึงขอกําหนดที่เปนเฉพาะไว หรือในกรณีที่ไมมี มาตรฐานการบัญชีเฉพาะ หรือไมมีการตีความจากคณะกรรมการมาตรฐานการบัญชี ฝายบริหารสามารถปฏิบัติได ดงั นี้ 1.1.1 กรณีที่มาตรฐานการบัญชีมิไดระบุถึงขอกําหนดที่เปนการ เฉพาะไว ฝายบริหารตองกําหนดนโยบายการบัญชีท่ีทําใหงบการเงินใหขอมูลท่ีเกี่ยวของกับการตัดสินใจของผูใชงบ การเงินและเช่อื ถอื ได โดยขอ มลู ตอ งมีลักษณะดงั น้ี 1) แสดงผลการดาํ เนนิ งาน และฐานะทางการเงนิ ของกิจการ 2) สะทอนใหเห็นถึงเน้ือหาเชิงเศรษฐกิจมากกวารูปแบบทางกฎหมายของราชการ และ เหตุการณของบญั ชี 3) มีความเปนกลาง และปราศจากความลําเอียง 4) มีความระมัดระวัง 5) มคี วามครบถว นทกุ กรณที มี่ ีนยั สาํ คัญ 33 3821302 หลักการบัญชเี บ้อื งตน (Fundamental Accounting Principles)
1.1.2 กรณีที่ไมมีมาตรฐานการบัญชีเฉพาะ หรือ ไมมีการตีความ จากคณะกรรมการมาตรฐานการบัญชี ฝายบริหารตองใชดุลยพินิจเพื่อกําหนดนโยบายการบัญชีท่ีจะใหขอมูลอันเปน ประโยชนตอผใู ชง บการเงินของกจิ การ ซึง่ ฝายบริหารควรคาํ นึงถึงเรื่องตอ ไปน้ี 1) ขอกําหนดและแนวทางในมาตรฐานการบัญชีที่ถือปฏิบัติ สําหรับเร่ืองท่ีมีลักษณะ คลา ยกนั หรอื เก่ยี วของกับเรอ่ื งทก่ี าํ ลังพิจารณา 2) คํานิยามการรับรูรายการ และเกณฑการวัดคา สําหรับสินทรัพย หน้ีสิน รายไดและ คา ใชจ า ย ซ่งึ กาํ หนดไวในแมบ ทการบญั ชี 3) ประกาศของหนวยงาน หรือองคกรอื่นที่มีหนาท่ีออกขอกําหนด และวิธีปฏิบัติที่ ยอมรบั กันในอุตสาหกรรมน้นั หากวิธปี ฏิบัตดิ งั กลาวสอดคลองกับขอ 1) และ 2) 2. หมายเหตุประกอบงบการเงิน (footnotes to financial statement) หมายถึง ขอมูลที่แสดงไว ทายงบการเงินอยางเปนระบบ รายการแตละรายการในงบดุล งบกําไรขาดทุนและ งบกระแสเงินสดตองอางอิง ขอมลู ท่เี กยี่ วของในหมายเหตปุ ระกอบงบการเงินไดโ ดยมรี ายละเอยี ดดังนี้ 2.1 การจัดทาํ หมายเหตุประกอบงบการเงิน ตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 35 กําหนดวา หมาย เหตุประกอบงบการเงินของกิจการ “ตองแสดงขอมูลเกี่ยวกับเกณฑการจัดทํางบการเงินและนโยบายการบัญชีท่ี เลือกใชกับรายการและเหตุการณทางการบัญชีท่ีสําคัญ ตองเปดเผยขอมูลตามท่ีมาตรฐานการบัญชีกําหนด และตอง ใหขอมูลเพิ่มเติมที่ไมไดแสดงอยูในงบการเงิน แตเปนขอมูลที่จําเปน เพ่ือใหงบการเงินนั้นแสดงไดถูกตองตามท่ีควร” (สมาคมนักบัญชีและผูสอบบัญชีรับอนุญาตแหงประเทศไทย, 2546, หนา 460) สําหรับการแสดงขอมูลในหมายเหตุ ประกอบงบการเงินประกอบดวย คําอธิบายและการวิเคราะหรายละเอียดของจํานวนเงินที่แสดงในงบดุล งบกําไร ขาดทุน งบกระแสเงินสด และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงในสวนของเจาของ รวมท้ังขอมูลเพิ่มเติม เชน หน้ีสินท่ีอาจ เกดิ ขึ้น ภาระผกู พัน คดีทต่ี อ งชาํ ระคา เสยี หาย การเพิม่ ทุน การลดทนุ เปนตน 2.2 การเปดเผยขอมูลในหมายเหตุประกอบงบการเงินตองเปดเผยขอมูลตามลําดับอยางเปนระบบ เพื่อใหผูใชง บการเงินเขาใจและสามารถเปรยี บเทยี บงบการเงินระหวางกิจการไดดงั น้ี 2.2.1 ขอ มลู ทีร่ ะบวุ างบการเงนิ ของกิจการไดจ ดั ทาํ ขึน้ ตามมาตรฐานการบญั ชี 2.2.2 เกณฑก ารวัดคา และนโยบายการบัญชี 2.2.3 รายละเอียดประกอบรายการแตละบรรทัดตามลําดับท่ีแสดงในงบการเงิน และ ตามลําดับของงบการเงิน 2.3 การเปด เผยขอ มูลอ่นื รวมทั้ง 1) ขอ จํากัดตา ง ๆ ในสทิ ธทิ ม่ี อี ยูเหนอื ทรพั ยส ิน 2) หลกั ประกนั หนี้สนิ 3) วิธีการที่ใชปฏิบัติสําหรับโครงการเงินบําเหน็จบํานาญและ เงินกองทุนสํารอง เลี้ยงชีพ 4) สนิ ทรพั ยห รือหนี้สินท่อี าจจะเกิดขึน้ และใหร ะบุจํานวนเงนิ ถาสามารถทาํ ได 5) จํานวนเงนิ ที่ผกู พนั ไวแ ลว สาํ หรบั รายจายประเภททนุ ในอนาคต 6) ภาระผกู พนั และขอ มลู ทางการเงินอ่นื 7) ขอ มลู ท่ีมไี มใ ชขอมลู ทางการเงิน (หากจําเปน ) 34 3821302 หลักการบัญชีเบ้อื งตน (Fundamental Accounting Principles)
อยางไรก็ตามขอมูลเก่ียวกับเกณฑการจัดทํางบการเงินและนโยบายการบัญชีที่เลือกใช อาจแยกออกจาก หมายเหตปุ ระกอบงบการเงนิ และแสดงไวเปน สว นประกอบหน่ึงของงบการเงิน ผใู ชง บการเงนิ งบการเงินเปนการเสนอขอมูลทางการเงินที่มีแบบแผน จัดทําขึ้นเพื่อมีวัตถุประสงคในการใหขอมูล เกี่ยวกับฐานะการเงิน ผลดําเนินงาน และกระแสเงินสดของกิจการซึ่งเนนประโยชนตอผูใชงบการเงินในการตัดสินใจ เชงิ เศรษฐกจิ ผูใชงบการเงิน ไดแก บุคคลและหนว ยงานตาง ๆ ทเ่ี กยี่ วของดังน้ี 1. ฝายบริหารหรือฝายจัดการ ใชขอมูลทางการเงินเพื่อชวยใหการบริหารงานเปนไป อยางมี ประสิทธิภาพ โดยนาํ ขอ มูลไปใชในเรือ่ งดงั ตอ ไปนี้ 1.1 การวางแผน (planning) จากขอมูลในงบการเงินสามารถนําไปกําหนดเปาหมายและ วธิ กี ารดําเนนิ งาน เพ่ือใหการบรหิ ารบรรลตุ ามเปา หมายทว่ี างไว 1.2 การตัดสินใจ (decision making) ขอมูลที่เก่ียวกับตนทุนจะชวยในการตัดสินใจไดวา กิจการจะขายสนิ คา ในราคาเทาไรจงึ จะเหมาะสม 1.3 การควบคุม (controlling) เปนการใชขอมูลจากงบการเงินมาประกอบการ พิจารณาการควบคมุ กํากบั การดาํ เนินงานวาไดบรรลุผลตามท่ีเปา หมายทวี่ างไวห รือไม 2. บุคคลภายนอกกิจการ ซ่ึงนอกจากจะไดประโยชนจากขอมูลทางการเงินของกิจการ ผลการ ดําเนินงาน และการใชจายเงินของกิจการแลวยังสามารถใชขอมูลเพื่อวิเคราะหอัตราสวนทางการเงิน สภาพคลองของ กจิ การ ความสามารถในการทํากําไร ความสามารถในการชําระหน้ี เพ่ือประกอบการตัดสินใจในการลงทุนหรือใหกูยืม เปนตน บคุ คลภายนอก ไดแก เจา หนี้ ผถู ือหนุ ผสู นใจที่จะลงทนุ ในกิจการ หรอื สาธารณะชนทัว่ ไป 3. หนวยงานของราชการ เชน กรมพัฒนาธุรกิจการคา กรมสรรพากร หรือหนวยงานราชการที่ นอกเหนือจากหนวยงานทม่ี หี นา ทกี่ าํ กับดแู ลธรุ กจิ บางประเภทโดยเฉพาะตามกฎหมาย สรปุ การบัญชีเกิดข้ึนมาพรอมกับการประกอบธุรกิจการคาต้ังแตกอนคริสตกาล จนกระท่ังในศตวรรษท่ี 14 ปรากฏหลักฐานที่สมบูรณวามีการบันทึกบัญชีตามหลักการบัญชีคูที่เมืองเจนัว ประเทศอิตาลี มีชาวอิตาเลียนชื่อ ฟรา ลู กา ปาซิโอลิ ไดเขียนหลักการบัญชีคูไวในหนังสือคณิตศาสตร โดยใชพีชคณิตเปนพ้ืนฐานวา สินทรัพยเทากับหน้ีสิน บวกสวนของเจาของ และผลรวมดานเดบิตเทากับเครดิต สําหรับการบัญชีในประเทศไทยปรากฏหลักฐานมีการตรา พระราชบัญญัติลักษณะเขาหุนสวนและบริษัทรัตนโกสินทรศก 130 (พ.ศ. 2455) กําหนดใหบริษัทตองจัดทําบัญชี และมีผูสอบบัญชีตรวจสอบ การทําบัญชีเปนสวนหน่ึงของการบัญชี โดยการทําบัญชีจะครอบคลุมในเรื่องการจดบันทึกรายการทาง การเงิน การจําแนกขอมูลท่ีจดบันทึกออกเปนหมวดหมูและสรุปผลจัดทํางบการเงินตามที่วางระบบบัญชีไว แตการ บัญชีจะครอบคลุมในเรื่องตาง ๆ ทก่ี วางกวา คอื นอกจากจะทําบัญชีแลวยังสามารถออกแบบและวางระบบบัญชี การ วเิ คราะหแ ละแปลความหมายขอมูลของงบการเงินและตรวจสอบบัญชี เปนตน 35 3821302 หลักการบัญชีเบ้อื งตน (Fundamental Accounting Principles)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 476
Pages: