Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore JD Zero Waste นวัตกรรมสิ่งแวดล้อม โรงเรียนอนุบาลพระสมุทรเจดีย์

JD Zero Waste นวัตกรรมสิ่งแวดล้อม โรงเรียนอนุบาลพระสมุทรเจดีย์

Description: JD Zero Waste นวัตกรรมสิ่งแวดล้อม โรงเรียนอนุบาลพระสมุทรเจดีย์

Search

Read the Text Version

บรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ครู ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล การมภี มู คิ มุ้ กันในตัวท่ดี ี 1.ออกแบบการจดั กิจกรรม ตรงตามตัวช้ีวดั 1.ออกแบบการเรยี นรูส้ ง่ เสริม 1. ศึกษาแนวทางการจดั การเรยี นรูล้ ว่ งหนา้ 2. เลือกสือ่ แหล่งเรียนรเู้ หมาะสม กระบวนการคิด 2. จัดเตรียมการวัดผลประเมนิ ผล และแบบ 3. วัดผลประเมินผลตรงตามเน้ือหา 2. ใช้เทคนิคการจดั การเรยี นร้ทู ่ี สงั เกตพฤตกิ รมนกั เรยี น หลากหลาย เงื่อนไขความรู้ เง่ือนไขคณุ ธรรม 1. ร้จู ักเทคนคิ การสอนทส่ี ่งเสรมิ กระบวนการคดิ และนักเรียน 1. มีความขยัน เสียสละ และมุ่งมน่ั ในการจัดหาสอื่ มาพัฒนานักเรยี นให้ สามารถเรียนรไู้ ด้อยา่ งมีความสขุ บรรลตุ ามจุดประสงค์ 2. มีความรู้ในเรือ่ งไฟฟ้าในชวี ิตประจาวัน 2. มีความอดทนเพื่อพฒั นานักเรียนโดยใชเ้ ทคนคิ การสอนท่หี ลากหลาย นกั เรียน ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การมภี ูมคิ มุ้ กันในตัวทีด่ ี 1. การใชเ้ วลาในการทากิจกรรม/ภาระงาน 1. ฝึกกระบวนการทางานเป็นกล่มุ 1. วางแผนการศึกษาใบงาน/ใบกจิ กรรม ไดอ้ ย่างเหมาะสม ทนั เวลา 2. ฝกึ กระบวนการสงั เกต อธบิ าย และทดลอง 2. นาความรูเ้ ร่ืองไฟฟ้าในชีวิตประจาวนั ไป 2. เลอื กสมาชกิ กลุ่มได้เหมาะสมกับเนอื้ หาท่ี เก่ยี วกบั ไฟฟ้า ใชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้ เรยี นและศกั ยภาพของตน เงอื่ นไขความรู้ เงอื่ นไขคณุ ธรรม 1. มีความรเู้ รอื่ ง ไฟฟ้าในชวี ติ ประจาวันและสามารถสรา้ งจัดทาชิน้ งาน 1. มีความรับผดิ ชอบ และปฏิบัติตามข้อตกลงของกลุ่ม ผลงาน การทดลอง และใบงานได้ตามวตั ถปุ ระสงค์ 2. มสี ติ มสี มาธชิ ว่ ยเหลือกันในการทางานรว่ มกัน ส่งผลต่อการพัฒนา 4 มติ ใิ หย้ ่ังยนื ยอมรบั ตอ่ การเปล่ยี นแปลงในยุคโลกาภิวฒั น์ วัตถุ สงั คม ส่ิงแวดล้อม วฒั นธรรม ความรู้ (K) มคี วามรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ มีความรู้และเขา้ ใจ มคี วามรแู้ ละเขา้ ใจเก่ยี วกบั มีความรู้และเขา้ ใจการ ทักษะ (P) ไฟฟ้าในชีวิตประจาวัน เช่น กระบวนการทางานกลมุ่ ไฟฟา้ ในชวี ิตประจาวนั กบั ชว่ ยเหลือ แบง่ บนั คา่ นิยม (A) การตอ่ หลอดไฟ การต่อวงจร สง่ิ แวดล้อม ตา่ งๆ ตลอดจนการเลอื กใช้ ทางานได้สาเรจ็ ตาม ช่วยเหลอื แบง่ บนั ซ่งึ เครือ่ งใช้ไฟฟา้ เป้าหมาย ด้วยกระบวนการ ใชแ้ หลง่ เรยี นรูโ้ ดยไมท่ าลาย กนั และกัน สามารถสร้างชิ้นงาน ผลงาน กลุ่ม สงิ่ แวดล้อม ใบงาน แบบทดสอบเรอ่ื ง ปลกู ฝังนสิ ยั การ ไฟฟา้ ในชีวิตประจาวนั ไดต้ รง เห็นคณุ ค่า และภาคภมู ใิ จใน เห็นคณุ ค่าของการใชแ้ หลง่ ช่วยเหลือแบง่ บนั ตามวตั ถปุ ระสงค์ การทางานรว่ มกันได้สาเรจ็ เรียนรู้โดยไม่ทาลาย เห็นประโยชนข์ องการใช้ ส่ิงแวดลอ้ ม ไฟฟ้าในชีวิตประจาวนั

แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา 16101 ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 ไฟฟ้า เวลา 1 ชว่ั โมง ครผู ูส้ อน นายเอกพงศ์ ปิ่นเงิน แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 สารวจการใชไ้ ฟฟ้าในบ้าน วนั ที่ 15 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2562 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชวี ิตประจาวัน ธรรมชาติของคลืน่ ปรากฏการณ์ ท่ีเกย่ี วข้องกับเสียง แสง และ คลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมทงั้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตวั ช้ีวัด ว 2.1 ป.6/1 ระบสุ ว่ นประกอบและบรรยายหนา้ ทีข่ องแต่ละส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายจาก หลักฐานเชิงประจกั ษ์ ว 2.1 ป.6/1 ตระหนักถึงประโยชนข์ องความรู้ของการตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน โดยบอกประโยชน์ ข้อจากัด และการประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวัน มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่พี บในชีวิตจรงิ อย่างเปน็ ข้นั ตอนและเป็น ระบบใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รเู้ ท่าทัน และมจี ริยธรรม ตวั ชี้วัด ว 4.2 ป.6/1 ใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในการอธบิ ายและออกแบบวิธกี ารแกป้ ญั หาทพี่ บในชีวติ ประจาวนั ว 4.2 ป.6/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ย เพื่อแกป้ ัญหาในชวี ิตประจาวนั ตรวจหา ข้อผดิ พลาดของโปรแกรมและแก้ไข ว 4.2 ป.6/3 ใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ในการค้นหาขอ้ มูลอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ว 4.2 ป.6/4 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศทางานร่วมกันอย่างปลอดภัย เข้าใจสทิ ธแิ ละหน้าท่ขี องตน เคารพในสิทธิของผู้อ่นื แจ้งผ้เู กยี่ วข้องเมือ่ พบขอ้ มูลหรือบุคคลทีไ่ มเ่ หมาะสม จดุ ประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วดั (ตอนที่ 1) 1. สารวจและบนั ทกึ ข้อมูลทเี่ กย่ี วขอ้ งกับการใช้ไฟฟา้ ในบา้ นได้ (P) 2. คานวณหาพลงั งานไฟฟา้ ทใ่ี ช้ในบ้าน (P) 3. จาแนกประเภทเครือ่ งใช้ไฟฟ้าตามลกั ษณะการใช้รปู พลังงาน (P) 4. เลือกใช้เครื่องใชไ้ ฟฟา้ ทเ่ี หมาะสมกับการใช้งาน (P) 5. อธิบายเกี่ยวกับการใชไ้ ฟฟา้ ในบ้านได้ (K) 6. ตระหนกั ถึงความสาคญั ของการประหยัดพลงั งานไฟฟ้า (A)

(ตอนท่ี 2) 1. อ่านมาตรไฟฟา้ เพ่ือบันทึกปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ได้ (P) 2. คานวณและหาคา่ เฉลย่ี ปรมิ าณไฟฟา้ ทใี่ ชไ้ ด้ (P) 3. เปรยี บเทียบปริมาณไฟฟ้าท่ีใช้ท่ีอา่ นจากมาตรไฟฟ้า และจากการคานวณได้ (P) 4. อธิบายการอา่ นมาตรไฟฟ้าได้ (K) สาระสาคญั ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ การใช้ไฟฟ้าในบ้าน การคานวณหาพลังงานไฟฟ้าท่ีใช้ในบ้าน การจาแนก ประเภทเคร่ืองใช้ไฟฟ้าตามลักษณะการใชร้ ูปพลังงาน และการเลอื กใช้ไฟฟ้าที่เหมาะสมกับการใช้งาน โดยศึกษา ดว้ ยการใช้วธิ ีการสบื สอบ รปู แบบวงจรการเรยี นรู้ 5E เนน้ นักเรยี นเป็นศูนย์กลาง และการใช้คาถาม และประเมิน ตามสภาพจรงิ สาระการเรียนรู้ เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ในบ้านมหี ลายชนิด บางชนดิ ใหพ้ ลังงานความร้อน บางชนิดให้พลงั งานแสง บางชนิดใหพ้ ลงั งานเสยี ง บางชนดิ ให้พลังงานหลายรูป เคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ แตล่ ะชนิดใชพ้ ลังงานไฟฟา้ ไม่เทา่ กัน กาลงั ไฟฟ้าท่สี นิ้ เปลอื งมหี นว่ ยเป็น วตั ต์ (W) ปริมาณไฟฟ้าทีใ่ ช้มหี น่วยเปน็ กโิ ลวัตต์-ชว่ั โมง การตรวจสอบปรมิ าณไฟฟา้ ทีใ่ ช้ ทาได้ 2 วธิ ี คอื 1) การคานวณหาผลคูณของกาลังไฟฟ้าของเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ากบั เวลาที่ใช้เครื่องใชไ้ ฟฟา้ 2) การอ่านมาตรไฟฟ้า ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้ แผนผังความคดิ การใชไ้ ฟฟ้าในบ้าน คาถามท้าทาย บ้านของนักเรยี นใชเ้ ครื่องใชไ้ ฟฟา้ อะไรบา้ ง และใช้ไฟฟ้าปริมาณเทา่ ใดในแต่ละวนั ปริมาณไฟฟา้ ที่อ่านได้จากมาตรไฟฟา้ และจากการคานวณตา่ งกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร เพราะเหตุใด การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ ที่ 1 สร้างความสนใจ (engagement) (5 นาที) 1. ครนู าเข้าสูบ่ ทเรียนเกี่ยวกบั การสารวจการใชไ้ ฟฟ้าในบา้ น โดยครูตง้ั ประเด็นปญั หา เพอ่ื ใหน้ ักเรียนเกดิ ความสงสัยและตอ้ งการหาคาตอบดว้ ยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยครูใช้คาถาม ดงั น้ี 1.1 บา้ นของนกั เรียนใช้เคร่ืองใช้ไฟฟา้ อะไรบา้ งและใชป้ รมิ าณเทา่ ใดในแต่ละวนั ปริมาณไฟฟา้ ทอ่ี า่ นได้จากมาตรไฟฟา้ และจากการคานวณต่างกันหรือไม่ อย่างไร เพราะเหตุใด

2. ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามลงในกระดาษทีค่ รเู ตรียมให้ 3. ใหน้ ักเรียนยกตัวอย่างเคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ ในบ้าน พลงั งานท่ใี ชป้ ระโยชนจ์ ากเคร่อื งใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิด และจาแนกประเภทเคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ ตามการใชร้ ปู พลังงาน ขัน้ ท่ี 2 สารวจและค้นหา (exploration) (20 นาท)ี 1. ใหน้ กั เรียนแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ 4 คน รว่ มกันศกึ ษาวิธที ากิจกรรม เร่อื ง สารวจการใช้ไฟฟา้ ในบ้าน (ตอนที่ 1 และ 2) ในใบงาน ให้เข้าใจ 2. ให้นกั เรียนรว่ มกันอภิปรายและแสดงความคิดเหน็ ก่อนทากจิ กรรม โดยครถู ามคาถามก่อนทา กิจกรรมดงั นี้ (ตอนท่ี 1) 2.1 การวดั พลังงานไฟฟ้าท่ใี ช้ มหี น่วยเป็นอะไร (วตั ต์-ช่วั โมง) 2.2 หลอดไฟขนาด 60 W หมายถงึ อะไร (หลอดไฟฟา้ 60 วัตต์ ในเวลา 1 ชั่วโมง) (ตอนท่ี 2) 2.3 มาตรไฟฟา้ คืออะไร (มาตรไฟฟา้ คอื อุปกรณ์ท่ใี ช้วดั ปรมิ าณไฟฟ้าทใี่ ช)้ 2.4 หน่วยที่ใช้วัดปริมาณไฟฟ้าในบ้านคอื อะไร (กโิ ลวตั ต์-ชั่วโมง) 2.5 การหาปริมาณไฟฟา้ ทใ่ี ชใ้ นบ้านโดยวธิ กี ารคานวณทาได้อย่างไร (ทาไดโ้ ดยนาตัวเลข บอกกาลังไฟฟา้ ของเคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ ซง่ึ มหี น่วยเปน็ วัตต์ (W) คณู ด้วยเวลาทใี่ ชห้ นว่ ยเป็นช่วั โมง คา่ พลังงานไฟฟ้าทใ่ี ชจ้ ึงมหี น่วยเปน็ วัตต์-ช่ัวโมง แตเ่ ราใชพ้ ลงั งานไฟฟา้ ปริมาณมากในแต่ละวนั จึงใชห้ นว่ ยเปน็ กิโลวตั ต์-ช่วั โมง โดยเปลีย่ นวัตต์เป็นกิโลวตั ตก์ ่อน คิดจาก 1 กิโลวัตต์ = 1,000 วตั ต์) 2.6 กิจกรรมน้ีต้องการตอบคาถามใด (พลังงานไฟฟา้ ท่ีใชใ้ นบา้ นทอ่ี า่ นจากมาตรไฟฟา้ และจาก การคานวณแตกตา่ งกันอยา่ งไร) จากนนั้ ให้นกั เรียนตอบคาถามกอ่ นทากิจกรรมในใบงาน 3. ให้นกั เรียนแต่ละกล่มุ สารวจข้อมูลเกี่ยวกบั กาลังไฟฟา้ ทใี่ ช้ และหนว่ ยบนปา้ ยที่ติดบน เคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าแตล่ ะชนดิ 4. ครูใช้คาถามและให้ความรเู้ พม่ิ เติมเก่ยี วกบั การคานวณพลงั งานทใ่ี ช้จากกาลังไฟฟา้ ของ เครอ่ื งใช้ไฟฟ้าเพ่อื ตรวจสอบปริมาณท่ีใช้ในบ้านในแตล่ ะวนั โดยเน้นการระบหุ นว่ ยของปรมิ าณไฟฟ้า 5. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนสารวจและบันทึกข้อมลู เก่ียวกบั การใชไ้ ฟฟา้ ในบ้านของตนเองใน 1 วัน โดยระบชุ นิดของเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้า กาลังไฟฟ้า เวลาท่ใี ช้ในหนึง่ วัน และคานวณหาพลังงานไฟฟ้าท่ีใช้ ของเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าแตล่ ะชนิด หากเครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าชนดิ เดียวกันหลายเครอื่ งกใ็ หบ้ ันทึกข้อมูลทุกเครอื่ ง

รวมทัง้ คานวณหาพลังงานไฟฟา้ ท่ีใช้ในบ้านทัง้ หมดในหนึง่ วัน เปรียบเทยี บกับปริมาณการใชไ้ ฟฟ้า ทอี่ ่านไดจ้ ากมาตรไฟฟา้ และทค่ี านวณไดไ้ ม่เทา่ กัน รวมทัง้ การเลอื กใช้เคร่อื งใช้ไฟฟา้ ท่เี หมาะสม กบั การใช้ในบา้ นของนักเรยี น และบนั ทึกผลการทากจิ กรรมในใบงาน โดยครคู อยดูแลแนะนาอย่างใกล้ชดิ ข้ันที่ 3 อธิบายและลงขอ้ สรุป (explanation) (20 นาที) 1. ให้ผแู้ ทนนกั เรียนแต่ละกล่มุ นาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าช้นั เรยี น เพอ่ื เปรยี บเทียบและ ตรวจสอบความถูกต้อง 2. ให้นักเรยี นร่วมกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นหลังทากิจกรรม โดยครถู ามคาถามหลังทา กจิ กรรมดังน้ี (ตอนท่ี 1) 2.1 เคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ ในบา้ นที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟา้ เป็นพลังงานเสยี งมอี ะไรบา้ ง (วิทยุ โทรทศั น์) 2.2 เครือ่ งใชไ้ ฟฟา้ ในบ้านท่เี ปลย่ี นพลังงานไฟฟ้าเป็นพลงั งานความรอ้ นมอี ะไรบา้ ง (เตารดี ) 2.3 เครื่องใช้ไฟฟ้าในบา้ นทเ่ี ปลยี่ นพลังงานไฟฟา้ เปน็ พลังงานแสงมอี ะไรบา้ ง (หลอดไฟ โทรทศั น)์ 2.4 เครื่องใช้ไฟฟ้าในบา้ นที่เปล่ียนพลังงานไฟฟา้ เป็นพลงั งานกลมีอะไรบ้าง (พดั ลม) 2.5 เครอื่ งใช้ไฟฟ้าในบา้ นชนดิ ใดใชพ้ ลังงานไฟฟ้ามากท่ีสดุ (เตารดี ) 2.6 เคร่อื งใช้ไฟฟา้ ในบ้านชนดิ ใดใช้พลงั งานไฟฟ้าน้อยท่สี ดุ (วิทย)ุ 2.7 ในหนึง่ วันบา้ นของนกั เรียนใชพ้ ลังงานไฟฟา้ รวมกก่ี ิโลวตั ต์-ชั่วโมง (ยอมรับคาตอบของนักเรยี น) 2.8 สรปุ ผลการสารวจไดอ้ ยา่ งไร (เครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าในบ้านมหี ลายประเภท เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ แตล่ ะชนิดใช้พลงั งานไฟฟ้าไมเ่ ทา่ กนั พลงั งานไฟฟา้ ท่ีใชข้ องเครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าแต่ละชนิด จะมากหรอื น้อย ขึน้ อย่กู ับกาลงั ไฟฟ้าของเคร่อื งใช้ไฟฟ้าและเวลาทใ่ี ช้เคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าชนดิ น้ัน) (ตอนที่ 2) 2.9 จากการอา่ นมาตรไฟฟา้ บา้ นของนกั เรียนใช้ไฟเท่าใดในหนึ่งวัน (ยอมรบั คาตอบของนกั เรยี นใหใ้ ชห้ นว่ ยเปน็ กิโลวตั ต์-ชว่ั โมง) 2.10 ปรมิ าณไฟฟ้าที่อา่ นจากมาตรไฟฟา้ กับปริมาณไฟฟา้ ทคี่ านวณได้ตา่ งกนั อย่างไร (ยอมรับคาตอบของนกั เรยี น) 2.11 อะไรเป็นสาเหตใุ หป้ ริมาณไฟฟา้ ท่ีอา่ นจากมาตรไฟฟ้า และปรมิ าณไฟฟา้ ทคี่ านวณไดไ้ ม่ เท่ากนั (การระบเุ วลาทใี่ ชเ้ คร่อื งใชไ้ ฟฟ้าไมถ่ ูกต้อง ถ้าอายกุ ารใช้งานของเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ามาก อาจสิ้นเปลอื ง- พลงั งานมากกวา่ ทีร่ ะบไุ ว้)

2.12 นักเรียนจะวดั ปรมิ าณไฟฟ้าท่ใี ชใ้ นบา้ นหรอื โรงเรียนได้อยา่ งไรบ้าง 1. การอ่านมาตรไฟฟา้ ในเวลาเดยี วกนั ในแตล่ ะวัน จะทาให้ทราบพลังงานไฟฟา้ ทใ่ี ชใ้ นแต่ละวนั 2. การคานวณโดยใชก้ าลงั ไฟฟ้าของเครื่องใชไ้ ฟฟ้า คณู ดว้ ยเวลาที่ใช้) 2.13 สรปุ ผลกจิ กรรมนีไ้ ด้อยา่ งไร (พลงั งานไฟฟา้ ที่ใชใ้ นบา้ นทอ่ี ่านจากมาตรไฟฟ้า มีความถูกตอ้ งมากกวา่ การคานวณ) 2.14 ถา้ ต้องการทราบวา่ บ้านหรือโรงเรียนของนักเรยี นใชไ้ ฟฟ้าเฉลย่ี วนั ละกี่กโิ ลวตั ต์-ชวั่ โมง จะมี วิธกี ารอย่างไร (อาจดขู อ้ มลู การใช้ไฟฟ้าประจาเดือนจากใบแจ้งหนีค้ า่ ไฟฟ้า ซ่ึงระบุจานวนหนว่ ยทีใ่ ชแ้ ละ ระบวุ ันทีจ่ ดเลขทอ่ี ่านได้ แล้วคานวณหาจานวนวนั ทั้งหมดนาไปหารจานวนหนว่ ยที่ใช้ก็จะได้คา่ เฉลีย่ ของ การใช้ไฟฟ้าในแตล่ ะวนั ) 2.15 นกั เรยี นจะช่วยประหยัดไฟฟา้ ของบ้านหรอื โรงเรยี นได้อย่างไรบา้ ง (ตวั อย่างคาตอบ ปิดไฟหรือถอดปลัก๊ เครื่องใชไ้ ฟฟา้ เม่ือเลกิ ใช้ เลอื กใชเ้ ครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ ทีป่ ระหยดั -พลงั งาน ใชเ้ ครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าให้ถกู วธิ ี บารุงรกั ษาเครือ่ งใช้ไฟฟา้ อยู่เสมอ และใช้แรงคนแทนการใชเ้ ครื่องใชไ้ ฟฟา้ ) จากน้นั ให้นักเรียนตอบคาถามหลังทากจิ กรรมในใบงาน และฝึกเรียนถามคาถาม ท่สี งสัยด้วยการถามเพอ่ื นโดยไมจ่ าเปน็ ต้องถามครูอย่างเดยี ว 3. ใหน้ กั เรียนร่วมกันสรุปผลการทากจิ กรรมเกี่ยวกับสารวจการใชไ้ ฟฟา้ ในบา้ น ใหไ้ ด้ประเด็นตาม จุดประสงค์การเรยี นรู้ ขนั้ ที่ 4 ขยายความรู้ (elaboration) (10 นาท)ี ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความร้ดู ว้ ยตนเองเกี่ยวกับการใชไ้ ฟฟ้าในบ้าน โดยเขยี นเปน็ แผนผงั ความคดิ จัดทา เป็นชิ้นงาน ให้ได้ลกั ษณะดงั น้ี การคานวณ ความ แสงสวา่ ง เสยี ง การเคลอื่ นท่ี ร้ อน อา่ น ให้ มี มีหนว่ ย มาตร ปริมาณท่ใี ช้ กาลงั ไฟฟา้ วตั ต์ ไฟฟา้ เคร่ืองใช้ไฟฟ้ า มีหน่วย กิโลวตั ต์-ชวั่ โมง แผนผังความคดิ การใช้ไฟฟ้าในบา้ น

ขน้ั ที่ 5 ประเมนิ (evaluation) (5 นาท)ี 1. ใหน้ กั เรียนเขียนแสดงความร้สู ึกหลังการเรยี น ในประเด็นต่อไปนี้  ส่งิ ทนี่ ักเรียนไดเ้ รียนรู้ในวนั นค้ี ืออะไร  นักเรียนเขา้ ใจเรอื่ งใดมากทสี่ ุด  นักเรียนมีปัญหาหรอื ขอ้ สงสยั ในเร่ืองใดบ้าง  นักเรียนพึงพอใจกบั การเรียนในวนั นีห้ รอื ไม่  นักเรียนตอ้ งการให้ครูปรับปรุงการสอนในเรอ่ื งใด 2. ครูประเมนิ การเรียนรู้ของนักเรียน ดังน้ี 2.1 ประเมินทักษะการคิดวิเคราะห์ การส่ือสาร และการทางานร่วมกับผู้อื่น โดยประเมินจากการ วางแผนการทางาน การดาเนินงาน การอภิปราย และสรปุ ผลการเรยี นรู้ 2.2 ประเมนิ ผลการทากจิ กรรมทกุ ข้ันตอนรวมถงึ การทางานกลมุ่ การสารวจข้อมลู การบันทกึ ขอ้ มลู การคานวณ การสรุปผล และอภปิ รายผลการสารวจการใช้ไฟฟ้าในบ้าน และประเมินแผนผงั ความคิด โดยใชแ้ บบประเมนิ ตามสภาพจริง 2.3 ประเมินเจตคติตอ่ วิธีการเรยี นรู้ จากการประเมนิ ตนเองของนกั เรียน จากการเขยี นแสดง ความร้สู กึ หลังการเรยี น และประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ การจัดบรรยากาศเชิงบวก ครกู ระตุ้นใหน้ กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ โดยไมต่ ้องกงั วลว่าถกู หรอื ผิด ทาการทดลองตามขน้ั ตอนวธิ ี ทาได้อยา่ งอสิ ระ ไม่ต้องกังวลวา่ คาตอบจะตอ้ งเหมือนเพอ่ื นทุกครง้ั ช่วยกันปรับปรุงแกไ้ ขได้ ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบบนั ทกึ ผลการสารวจการใช้ไฟฟ้า 2. มาตรไฟฟ้าทบี่ า้ นหรือโรงเรยี น 3. ใบงาน เรื่อง สารวจการใชไ้ ฟฟ้าในบ้าน

เกณฑก์ ารให้คะแนนแบบประเมนิ การจัดกระทาขอ้ มูล การนาเสนอข้อมูล “ขยะจากมอื เรา” ตวั ชี้วดั 4 ระดบั คะแนน 1 32 การจดั กระทาข้อมลู จดั กระทาข้อมูล การ จดั กระทาขอ้ มลู การ จัดกระทาข้อมลู การ จดั กระทาขอ้ มูล การ การนาเสนอข้อมลู “ขยะจากมือเรา” นาเสนอข้อมูล “การใช้ นาเสนอขอ้ มลู “การใช้ นาเสนอขอ้ มลู “การใช้ นาเสนอขอ้ มูล “การใช้ ไฟฟา้ อย่างประหยดั และ ไฟฟา้ อย่างประหยดั และ ไฟฟ้าอย่างประหยดั และ ไฟฟา้ อย่างประหยดั และ ปลอดภัย” อย่างเป็น ปลอดภัย” อยา่ งเปน็ ปลอดภัย” ได้ มีการ ปลอดภยั ” อยา่ งไมเ่ ป็น ระบบ และนาเสนอดว้ ย ระบบ ยกตวั อย่างเพม่ิ เตมิ และ ระบบ และนาเสนอ แบบท่ชี ัดเจน ถกู ต้อง นาเสนอด้วยแบบต่าง ๆ ไมส่ ่อื ความหมาย ครอบคลุมและมีการ มกี ารจาแนกขอ้ มลู ใหเ้ ห็นความสัมพันธ์ แตย่ งั ไมค่ รอบคลุม และไมช่ ดั เจน เชื่อมโยงใหเ้ ห็นเปน็ และนาเสนอด้วยแบบที่ ภาพรวม ครอบคลุม

เกณฑก์ ารให้คะแนนแบบประเมนิ ปฏบิ ตั ิการทดลองของนักเรยี น ตัวช้วี ดั 4 ระดับคะแนน 2 1 3 1. การทดลองตาม ทดลองตามวิธกี ารและขัน้ ตอนที่ ทดลองตามวธิ ีการและ ทดลองตามวธิ ีการและ ทดลองไม่ถกู ตอ้ งตามวธิ ีการ แผนทีก่ าหนด กาหนดไว้อย่างถูกต้องดว้ ยตนเอง ขั้นตอนทก่ี าหนดไวด้ ้วย ขั้นตอนทกี่ าหนดไว้ และขั้นตอนทก่ี าหนดไว้ ตนเอง มีการปรับปรุงแกไ้ ข โดยมคี รหู รอื ผ้อู ่ืนเปน็ ไมม่ ีการปรับปรุงแก้ไข มีการปรับปรงุ แก้ไขเปน็ ระยะ บ้าง ผู้แนะนา 2. การใชอ้ ุปกรณแ์ ละ/ ใช้อุปกรณ์และ/หรอื เครอื่ งมอื ในการ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือเคร่อื งมอื ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละ/หรอื เครือ่ งมือ ใช้อปุ กรณแ์ ละ/หรอื เครื่องมอื ในการทดลองไดอ้ ย่างถกู ต้อง ในการทดลองไม่ถูกต้อง และ หรอื เครอ่ื งมือ ทดลองไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตามหลกั การ ในการทดลองได้อยา่ งถกู ต้อง โดยมีครหู รอื ผูอ้ ่ืนเป็น ไมม่ ีความคล่องแคล่วในการใช้ ผู้แนะนา ปฏิบตั ิ และคลอ่ งแคลว่ ตามหลักการปฏบิ ัติ แต่ไม่คล่องแคลว่ 3. การบันทกึ ผลการ บันทึกผลเปน็ ระยะอย่างถกู ต้อง มี บนั ทกึ ผลเป็นระยะอย่าง บันทึกผลเป็นระยะ แตไ่ มเ่ ป็น บันทึกผลไม่ครบ ไมม่ ีการ ทดลอง ระเบยี บ ไมม่ กี ารระบุหน่วย ระบหุ น่วย และไม่เปน็ ไปตาม ระเบยี บ มกี ารระบุหน่วย มกี าร ถกู ตอ้ ง มรี ะเบยี บ มีการ การทดลอง และไมม่ ีการอธบิ ายขอ้ มลู อธิบายข้อมลู ใหเ้ ห็นความเชอ่ื มโยง ระบหุ น่วย มีการอธบิ าย ใหเ้ หน็ ถงึ ความสัมพันธ์ของ เปน็ ภาพรวม เป็นเหตเุ ป็นผล และ ขอ้ มูลใหเ้ หน็ ถึงความสมั พันธ์ เปน็ ไปตามการทดลอง เปน็ ไปตามการทดลอง การทดลอง 4. การจัดกระทา จัดกระทาขอ้ มลู อยา่ งเปน็ ระบบ จัดกระทาข้อมลู อยา่ งเปน็ จดั กระทาข้อมลู อยา่ งเปน็ จัดกระทาข้อมูลอยา่ งไม่เปน็ ขอ้ มูลและการ ระบบ มีการยกตัวอย่าง ระบบ และมกี ารนาเสนอ นาเสนอ มกี ารเชือ่ มโยงให้เห็นเปน็ ภาพรวม ระบบ มกี ารจาแนกขอ้ มูล เพิ่มเตมิ ใหเ้ ข้าใจง่ายและ ไมส่ ื่อความหมาย นาเสนอดว้ ยแบบต่าง ๆ แต่ และไม่ชดั เจน และนาเสนอดว้ ยแบบตา่ ง ๆ อย่าง ใหเ้ ห็นความสมั พนั ธ์ ยงั ไมช่ ดั เจน และไม่ถกู ตอ้ ง ชัดเจนถูกต้อง นาเสนอดว้ ยแบบตา่ ง ๆ ได้ แต่ยงั ไม่ชดั เจน 5. การสรปุ ผลการ สรุปผลการทดลองไดอ้ ย่างถกู ต้อง สรุปผลการทดลองได้ถูกต้อง สรปุ ผลการทดลองได้ สรปุ ผลการทดลองตามความรู้ ทดลอง ทพี่ อมอี ยู่ โดยไม่ใช้ข้อมลู จาก กระชับ ชัดเจน และครอบคลุม แตย่ ังไมค่ รอบคลุมขอ้ มลู จาก โดยมีครู หรือผูอ้ ืน่ แนะนาบ้าง การทดลอง ขอ้ มูลจากการวเิ คราะหท์ ั้งหมด การวเิ คราะห์ทง้ั หมด จึงสามารถสรปุ ไดถ้ กู ตอ้ ง 6. การดแู ลและการ ดูแลอุปกรณแ์ ละ/หรือเครอ่ื งมือใน ดแู ลอปุ กรณ์และ/หรอื ดูแลอุปกรณแ์ ละ/หรือ ไมด่ แู ลอุปกรณแ์ ละ/หรือ เกบ็ เครอ่ื งมือในการทดลอง เคร่อื งมือในการทดลองและ การทดลองและมกี ารทาความ เครือ่ งมือในการทดลองและ มีการทาความสะอาด ไมส่ นใจทาความสะอาด อปุ กรณแ์ ละ/หรือ สะอาดและเกบ็ อยา่ งถูกต้องตาม แตเ่ กบ็ ไม่ถกู ตอ้ ง ตอ้ งให้ครู รวมท้ังเก็บไมถ่ ูกตอ้ ง หรือผู้อ่นื แนะนา เครือ่ งมอื หลกั การและแนะนาใหผ้ ้อู ่นื ดูแล มกี ารทาความสะอาดอย่าง และเกบ็ รกั ษาได้ถูกต้อง ถกู ตอ้ ง แตเ่ ก็บไมถ่ กู ตอ้ ง

เกณฑ์การใหค้ ะแนนแบบประเมินการจัดกระทาและนาเสนอแผนภาพแบบจาลอง “เสน้ ทางขยะจากมอื เรา” ตวั ชี้วดั 4 ระดับคะแนน 1 32 การจัดกระทาและ จัดกระทาแผนภาพ จดั กระทาแผนภาพ จดั กระทาแผนภาพ จดั กระทาแผนภาพ นาเสนอแผนภาพ แบบจาลอง “การใชไ้ ฟฟา้ แบบจาลอง “การใช้ไฟฟ้า แบบจาลอง “การใช้ไฟฟา้ แบบจาลอง “การใชไ้ ฟฟา้ แบบจาลอง “การใช้ อยา่ งประหยัดและ อยา่ งประหยดั และ อย่างประหยดั และ อย่างประหยัดและ ไฟฟา้ อยา่ งประหยดั และปลอดภยั ” ปลอดภัย”อยา่ งเป็นระบบ ปลอดภัย”อยา่ งเป็น ปลอดภัย”ได้ มีการ ปลอดภัย”อยา่ งไม่เป็น และนาเสนอด้วยแบบที่ ระบบ มีการจาแนกขอ้ มลู ยกตวั อย่างเพ่มิ เติม และ ระบบ และนาเสนอ ใหเ้ ห็นความสัมพนั ธ์ ไม่ส่อื ความหมาย ชัดเจน ถูกต้อง และนาเสนอด้วยแบบท่ี นาเสนอด้วยแบบต่าง ๆ และไม่ชดั เจน ครอบคลมุ และมกี าร ครอบคลมุ แต่ยงั ไมค่ รอบคลมุ เช่อื มโยงใหเ้ ห็น เปน็ ภาพรวม

ความเหน็ และบันทกึ หลังการสอน แผนการจัดการเรียนรู้ท่.ี ……...หน่วยการเรียนรู้ท่ี..…….สอนวนั ท่ี………………………………เวลา 1 ชั่วโมง ความเหน็ และข้อเสนอแนะของผู้บรหิ าร/ผทู้ ี่ได้รบั มอบหมาย • เหมาะสม ใชส้ อนได้ • ควรปรบั ปรงุ ในเรือ่ ง................................................................................................................ ลงชือ่ .................................................................. ( นางแสงเดอื น ฐิติพันธร์ งั สฤต) หวั หน้าสายช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 วันท.่ี ......เดอื น........................พ.ศ. .......... บนั ทึกหลงั สอน ผลการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นักเรียนเกดิ ทกั ษะใดบา้ ง ทาเครือ่ งหมาย  ในช่องวา่ งทตี่ รงกบั สง่ิ ท่ีทาได้  การสังเกต  การวัด  การใชจ้ านวน  การจาแนกประเภท การหาความสัมพันธ์ระหวา่ ง  สเปซกบั สเปซ  สเปซกบั เวลา  การจัดกระทาและการสอื่ ความหมายขอ้ มูล  การพยากรณ์  การลงความเห็นจากขอ้ มูล  การตง้ั สมมติฐาน  การกาหนดนิยามเชิงปฏบิ ัตกิ าร  การกาหนดและควบคมุ ตวั แปร  การทดลอง  การตคี วามหมายและลงขอ้ สรปุ  การสรา้ งแบบจาลอง นกั เรยี นเกิดทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ใดบา้ ง ทาเคร่อื งหมาย  ในช่องว่างทีต่ รงกับทักษะท่ีเกิด  การสร้างสรรค์  การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ  การแก้ปญั หา  การสอ่ื สาร  ความรว่ มมอื  การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (นายเอกพงศ์ ปิ่นเงิน) ตาแหน่ง ครูอตั ราจ้าง วันท่ี.......เดือน........................พ.ศ. ..........

แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า 16101 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 5 ไฟฟา้ เวลา 1 ชัว่ โมง ครูผ้สู อน นายเอกพงศ์ ปน่ิ เงิน แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 2 การใชไ้ ฟฟ้าอยา่ งประหยดั วนั ท่ี 15 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2562 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลงั งานในชวี ติ ประจาวัน ธรรมชาตขิ องคล่ืน ปรากฏการณ์ ท่ีเก่ยี วข้องกับเสียง แสง และ คลืน่ แม่เหล็กไฟฟา้ รวมท้ังนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ตวั ชี้วัด ว 2.1 ป.6/1 ระบสุ ่วนประกอบและบรรยายหน้าทข่ี องแต่ละส่วนประกอบของวงจรไฟฟา้ อย่างง่ายจาก หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ว 2.1 ป.6/1 ตระหนกั ถงึ ประโยชนข์ องความรู้ของการตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน โดยบอกประโยชน์ ข้อจากดั และการประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวัน มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปญั หาท่ีพบในชีวิตจริงอยา่ งเป็นข้นั ตอนและเปน็ ระบบใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทัน และมีจริยธรรม ตวั ชี้วัด ว 4.2 ป.6/1 ใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในการอธบิ ายและออกแบบวิธีการแก้ปัญหาท่พี บในชวี ิตประจาวัน ว 4.2 ป.6/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย เพื่อแก้ปญั หาในชีวติ ประจาวัน ตรวจหา ข้อผดิ พลาดของโปรแกรมและแกไ้ ข ว 4.2 ป.6/3 ใชอ้ ินเทอร์เนต็ ในการค้นหาข้อมลู อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ว 4.2 ป.6/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทางานร่วมกันอย่างปลอดภยั เขา้ ใจสทิ ธแิ ละหนา้ ที่ของตน เคารพในสิทธิของผูอ้ ืน่ แจ้งผเู้ กีย่ วขอ้ งเมอ่ื พบขอ้ มูลหรอื บุคคลท่ไี ม่เหมาะสม จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตวั ชี้วดั 1. สืบค้นขอ้ มลู เกี่ยวกบั การใช้ไฟฟ้าอยา่ งประหยดั และปลอดภัยได้ (P) 2. อธิบายเก่ียวกับการใช้ไฟฟา้ อย่างประหยดั และปลอดภยั ได้ (K) 3. เป็นคนช่างสังเกต ช่างคิดช่างสงสัย และเป็นผู้ทม่ี ีความกระตอื รอื ร้นในการเสาะแสวงหาความรู้ (A) สาระสาคัญ ผ้เู รียนจะไดเ้ รียนร้เู ก่ียวกับ การใชไ้ ฟฟา้ อย่างประหยัดและปลอดภยั โดยศึกษาด้วยการใช้วิธีการสืบสอบ รูปแบบวงจรการเรยี นรู้ 5E เนน้ นกั เรียนเปน็ ศูนย์กลาง และการใชค้ าถาม และประเมนิ ตามสภาพจรงิ

สาระการเรียนรู้ ไฟฟ้ามที ัง้ ประโยชน์และโทษ เราตอ้ งใช้ไฟฟ้าอย่างประหยดั และปลอดภัย ชิ้นงานหรือภาระงาน (หลักฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้ ปา้ ยนเิ ทศ การใช้ไฟฟ้าอย่างประหยดั และปลอดภัย การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ ท่ี 1 สร้างความสนใจ (engagement) (5 นาที) ครทู บทวนความรูเ้ ดิมและนานักเรยี นเข้าสบู่ ทเรยี นเกี่ยวกับ การใช้ไฟฟ้าอย่างประหยดั และปลอดภัย ขนั้ ท่ี 2 สารวจและคน้ หา (exploration) (20 นาที) ให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลุม่ ละ 4 คน จากน้นั ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มสบื ค้นข้อมูลเกยี่ วกับ การใชไ้ ฟฟ้าอยา่ งประหยดั และปลอดภยั จากแหล่งเรยี นรู้ต่าง ๆ เชน่ อินเทอร์เนต็ หรอื การสัมภาษณ์ผูร้ ู้ จากน้นั ร่วมกนั ออกแบบนาเสนอผลการสืบค้นใหอ้ ยู่ในแบบท่ีนา่ สนใจ ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (explanation) (20 นาที) 1. ใหผ้ แู้ ทนนักเรยี นแต่ละกล่มุ นาเสนอผลการทากิจกรรมหนา้ ชนั้ เรยี น เพอื่ แลกเปลย่ี นความรกู้ ัน 2. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นจากผลการสบื ค้น 3. ครูยกตัวอย่างสถานการณห์ รอื เหตุการณ์จากข่าวในชวี ิตประจาวันเก่ียวกบั อันตราย ท่อี าจเกิดข้ึนจากการใชไ้ ฟฟ้า 4-5 สถานการณ์ 4. ให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มอภปิ รายวิธกี ารปอ้ งกันอนั ตราย และการปฏิบัติท่ีเหมาะสมกับสถานการณ์ ที่เกดิ ข้นึ และนาเสนอต่อชัน้ เรียน 5. ให้นักเรยี นรว่ มกันอภปิ ราย โดยครใู ช้คาถามดังน้ี การใช้ไฟฟ้าอยา่ งประหยดั 5.1 กระแสไฟฟ้าทใ่ี ชต้ ามบ้านเรอื นมาจากไหน เกดิ ข้ึนไดอ้ ยา่ งไร (มาจากโรงไฟฟ้าผา่ นมาทาง สายไฟฟา้ เขา้ มายังบา้ นเรอื นของเรา เกิดจากเคร่อื งกาเนดิ ไฟฟ้าภายในโรงไฟฟา้ พลังงานทใ่ี ช้หมุนเคร่ือง กาเนิดไฟฟา้ อาจมาจากแรงนา้ แรงลมและแรงไอนา้ ) 5.2 มเี ครอ่ื งใช้ไฟฟ้าอะไรบา้ งทบ่ี ้านของนักเรยี นทอี่ าจไมจ่ าเปน็ ตอ้ งใช้ เพราะเหตุใด (ยอมรับคาตอบและเหตุผลของนกั เรยี น)

5.3 มวี ิธกี ารใดอีกในการประหยัดพลงั งานไฟฟา้ ในบ้านหรือทีโ่ รงเรยี น จงยกตวั อยา่ ง โดยเขียนเป็นแผนภาพ การสร้างอาคารท่ใี ช้แสงอาทิตย์ ลดการเปิ ด ให้ความสว่างแทนการใช้แสงไฟฟ้า เคร่ืองปรับอากาศ ใช้พัดลมแทน ตัวอย่างวธิ กี าร ประหยดั พลังงานไฟฟ้าใน ตงั้ อณุ หภมู ิ ไม่นาอาหาร บ้าน ร้ อน หรือโรงเรียน เคร่ืองปรับอากาศ เข้าตแเู้เกยผ็บ็นนใภนาพ ให้พอเหมาะ ตวั อย่างวธิ กี ารประหยัดพลังงานไฟฟา้ ในบา้ นหรอื ท่โี รงเรยี น การใช้ไฟฟา้ อยา่ งปลอดภยั 5.4 เหตใุ ดจึงไมค่ วรเล่นใกลบ้ รเิ วณท่มี เี คร่ืองหมาย “อันตราย ไฟฟา้ แรงสูง” (รา่ งกายของมนษุ ยม์ ีน้าเป็นส่วนประกอบและนาไฟฟ้าได้ อาจทาใหไ้ ด้รบั อนั ตรายจากไฟฟ้า เข้าสูร่ า่ งกาย) 5.5 อนั ตรายที่อาจเกดิ ขน้ึ หากยนื ใกล้ต้นไม้สูงระหวา่ งมีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร (ตน้ ไม้สูงเปน็ ตัวล่อไฟฟ้าในกอ้ นเมฆ อาจเกดิ ฟา้ ผ่า หากอยูใ่ กลท้ าใหเ้ กดิ อันตรายได้) 5.6 การใช้สายไฟท่ีชารดุ เนือ่ งจากฉนวนหุ้มสายไฟฉีกขาด จะทาใหเ้ กิดไฟไหมไ้ ด้อย่างไร จงอธบิ าย (เมื่อสายสมั ผัสกัน ทาให้ไฟฟา้ ลัดวงจรแทนทจ่ี ะไหลเข้าเคร่อื งใช้ไฟฟา้ ทาให้เกิดความร้อนสงู บริเวณท่ีสายไฟสมั ผสั กนั จึงอาจทาใหเ้ กดิ ไฟไหม้ได้) 5.7 เหตุใดจึงไม่ควรแตะอุปกรณไ์ ฟฟา้ หากมือเปยี กนา้ (เพราะมือเปียกน้าจะนาไฟฟ้าเข้าสรู่ ่างกาย ทาใหไ้ ดร้ บั อนั ตรายได้) 6. ใหน้ กั เรียนสรปุ ความรดู้ ้วยตนเองเกย่ี วกับ การใช้ไฟฟา้ อย่างประหยดั และปลอดภยั ให้ไดป้ ระเด็นตาม จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

ข้ันที่ 4 ขยายความรู้ (elaboration) (10 นาท)ี ให้นักเรียนรวมรวบขอ้ มูลเก่ยี วกับการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและปลอดภัย จากนั้นนามาจัดเป็นป้าย นิเทศ แสดงหน้าชนั้ เรียนจดั ทาเป็นช้ินงาน ขัน้ ที่ 5 ประเมิน (evaluation) (5 นาท)ี 1. ใหน้ ักเรียนเขยี นแสดงความรสู้ ึกหลังการเรยี น ในประเด็นตอ่ ไปน้ี  สง่ิ ท่ีนกั เรียนไดเ้ รียนรใู้ นวนั นี้คอื อะไร  นักเรียนเข้าใจเรือ่ งใดมากท่สี ุด  นักเรียนมีปัญหาหรือข้อสงสยั ในเร่อื งใดบ้าง  นักเรยี นพงึ พอใจกับการเรียนในวนั นี้หรือไม่  นกั เรยี นต้องการให้ครูปรบั ปรงุ การสอนในเรอ่ื งใด 2. ครปู ระเมนิ การเรยี นรขู้ องนกั เรียน ดงั น้ี 2.1 ประเมนิ ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ การส่ือสาร และการทางานรว่ มกบั ผ้อู น่ื โดยประเมนิ จากการวางแผนการทางาน การดาเนินงาน การอภิปราย และสรปุ ผลการเรียนรู้ 2.2 ประเมนิ ผลการทากิจกรรมทกุ ข้ันตอนรวมถงึ การทางานกลมุ่ การสารวจขอ้ มูล การบันทึกขอ้ มลู การสรุปผล และการแลกเปล่ียนข้อมูลที่คน้ ควา้ ได้เกยี่ วกับการใช้ไฟฟา้ อยา่ งประหยดั และ ปลอดภยั และประเมินปา้ ยนิเทศ โดยใช้แบบประเมินตามสภาพจริง 2.3 ประเมินเจตคติตอ่ วิธกี ารเรียนรู้ จากการประเมินตนเองของนักเรยี น จากการเขยี นแสดงความรูส้ ึกหลงั เรียน และประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ การจดั บรรยากาศเชงิ บวก ครูกระตุ้นให้นักเรียนแสดงความคดิ เหน็ โดยไม่ตอ้ งกงั วลว่าถกู หรอื ผดิ และช่วยกนั ปรับปรุงแก้ไขได้ ควรให้โอกาสนกั เรียนได้นาเสนอผลการสืบค้นหรือชิ้นงานในชั้นเรยี น เพอื่ เปน็ การแบง่ ปนั ความรตู้ อ่ นกั เรียน กลุ่มอ่นื ๆ และเกิดการอภิปรายระหว่างกลุม่ ส่อื /แหล่งการเรียนรู้ แหล่งเรยี นรู้ภายในและภายนอกช้ันเรียน

ความเหน็ และบนั ทกึ หลงั การสอน แผนการจัดการเรียนร้ทู .่ี ……...หน่วยการเรยี นรู้ท่.ี .…….สอนวันที่………………………………เวลา 1 ช่ัวโมง ความเห็นและข้อเสนอแนะของผบู้ ริหาร/ผูท้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย • เหมาะสม ใช้สอนได้ • ควรปรับปรงุ ในเรือ่ ง................................................................................................................ ลงช่อื .................................................................. ( นางแสงเดือน ฐติ ิพันธ์รังสฤต) หวั หน้าสายช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 6 วันที่.......เดือน........................พ.ศ. .......... บันทึกหลังสอน ผลการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นกั เรยี นเกดิ ทักษะใดบ้าง ทาเคร่ืองหมาย  ในช่องว่างท่ตี รงกับสงิ่ ทที่ าได้  การสงั เกต  การวัด  การใชจ้ านวน  การจาแนกประเภท การหาความสมั พันธ์ระหวา่ ง  สเปซกบั สเปซ  สเปซกบั เวลา  การจดั กระทาและการสอื่ ความหมายข้อมูล  การพยากรณ์  การลงความเหน็ จากข้อมูล  การต้ังสมมตฐิ าน  การกาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร  การกาหนดและควบคมุ ตวั แปร  การทดลอง  การตคี วามหมายและลงข้อสรปุ  การสรา้ งแบบจาลอง นักเรยี นเกดิ ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 ใดบา้ ง ทาเครอื่ งหมาย  ในช่องว่างทต่ี รงกับทักษะที่เกิด  การสรา้ งสรรค์  การคดิ อย่างมีวิจารณญาณ  การแก้ปัญหา  การสอ่ื สาร  ความรว่ มมอื  การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร ปญั หาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ .................................................................. (นายเอกพงศ์ ปิ่นเงิน) ตาแหนง่ ครูอัตราจา้ ง วันท่.ี ......เดือน........................พ.ศ. ..........