แผนการจดั การเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย(วรรณคดี) ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เร่อื ง กระต่ายไมต่ ื่นตมู นางเย็นฤดี คุ้มสุพรรณ โรงเรียนพิณพลราษฎร์ ตั้งตรงจติ ร ๑๒ สานักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต ๒ แผนการจัดการเรยี นรู้
กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๑ เรื่อง กระต่ายไม่ตนื่ ตูม เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑ เร่อื ง การสร้างประสบการณ์ทางเนอ้ื หา เวลา ๑ ชั่วโมง วนั ท่ี ...................................................................................................................................... ********************************************************************************** มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้วี ดั มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรูแ้ ละความคิดเพอื่ นาไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ัญหาใน การดาเนินชีวิต และมีนิสยั รักการอา่ น ตวั ช้ีวดั ท ๑.๑ ป.๓ / ๔ ลาดบั เหตุการณ์และคาดคะเนเหตุการณ์จากเรื่องที่อา่ นโดยระบเุ หตุผลประกอบ สาระสาคญั ทกั ษะการฟงั เปน็ การสรา้ งประสบการณ์อย่างหน่ึง ท่ีทาใหม้ ีความรู้จากสง่ิ ที่ฟงั สามารถเล่าเร่ือง และตอบคาถามจากเร่อื งไดถ้ ูกตอ้ ง สาระการเรยี นรู้ การสรา้ งประสบการณท์ างเนื้อหา การตอบคาถามจากเรอ่ื ง “กระต่ายไม่ต่นื ตูม” การเล่าเรอื่ ง “กระตา่ ยไม่ต่ืนตมู ” การฟงั เรอ่ื ง “กระต่ายไม่ตืน่ ตูม” สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๑. รกั และช่นื ชมในเอกลักษณไ์ ทย ๒. มคี วามซ่ือสตั ยส์ จุ รติ ๓. มวี ินัยในตนเอง ๔. มีความสนใจใฝ่เรียนรู้ ๕. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ๑. นกั เรยี นเล่นเกมสืบสวน (ภาคผนวก) ๒. ครูเลา่ นิทานเรอื่ ง “กระตา่ ยไมต่ น่ื ตูม” ให้นักเรียนฟัง แลว้ สนทนาเนื้อหาของนิทานเพ่อื แลกเปลยี่ นการเรียนรู้ซึ่งกนั และกัน ๓. ครูให้นักเรยี นศึกษาใบความรู้ เรอ่ื ง มารยาทในการฟัง (ภาคผนวก) ๔. นกั เรยี นและครูร่วมกันสนทนาเก่ียวกับช่ือเรื่อง “กระต่ายไม่ตื่นตมู ” วา่ ถา้ เป็น
คาสุภาษติ หมายความวา่ อย่างไร ตา่ งกนั กับ “กระต่ายตน่ื ตมู ” อย่างไร จากน้ันครแู ละนักเรียนและครู ร่วมกันสนทนาเก่ียวกับภาพในบทเรยี น ดังนี้ ๔.๑ นกั เรียนดูภาพตวั ละครในบทเรยี น เช่น ภาพกระต่ายป่า โพรงดนิ แปลงสวนผกั พายุ ฝนตก และภาพในเหตุการณต์ อนใดตอนหนึ่ง ๔.๒ นกั เรยี นสนทนาเกยี่ วกับภาพโดยตอบคาถามวา่ ใครทาอะไร ท่ีไหน อยา่ งไร เหตุการณ์ ตอนนเี้ ปน็ อย่างไร เพราะเหตุใด ๔.๓ นกั เรยี นฝกึ เลา่ หรอื ทานายเร่ืองจากภาพวา่ น่าจะมีเหตุการณ์อยา่ งไร ๕. นักเรียนฟังครูอา่ นเรอื่ งหรือเล่าเรือ่ ง “กระต่ายไม่ตนื่ ตมู ” จากบทเรียนโดยเนน้ มารยาทในการฟัง โดยนักเรยี นตอบคาถามปากเปล่าดังน้ี ๕.๑ เรอ่ื ง กระตา่ ยไมต่ ืน่ ตูม มตี วั ละครกีต่ วั ๕.๒ อะไรเป็นต้นเหตุของเรือ่ งนี้ ๕.๓ อะไรเปน็ สาเหตุที่ทาใหล้ ูกกระตา่ ยตกใจกลัว ๕.๔ ใครเป็นคนปลอบไม้ให้ลูกกระต่ายวงิ่ หนี ๕.๕ แมก่ ระต่ายเลา่ นิทานให้ลกู ฟงั เร่ืองอะไร ๕.๖ เรอ่ื งนใ้ี ห้ขอ้ คิดอยา่ งไร ๖. นักเรยี นชว่ ยกันเลา่ เรื่องที่ฟัง ถา้ เล่าไม่ไดค้ รูถามนาให้นักเรยี นตอบ ๗. ครเู ขียนข้อความหรอื ประโยคหรือเรอื่ งทีน่ ักเรยี นเล่าลงในแผนภูมิ ๘. นักเรยี นอา่ นข้อความในแผนภมู จิ นคลอ่ ง ๙. นกั เรยี นคดั ขอ้ ความในแผนภมู ลิ งในสมดุ เพื่อฝึกอา่ นสง่ ตรวจ ๑๐.นกั เรียนทบทวนบทเรยี นโดยอา่ นประโยคขอ้ ความ แลว้ คัดลงสมดุ ๑๑.นกั เรียนทาแบบฝกึ พัฒนาการเรยี นรู้ (ภาคผนวก) ๑๒.มอบหมายให้นกั เรียนทาแบบฝกึ หดั ทกั ษะภาษา หน่วยที่ ๑ (เปน็ การบา้ น) สื่อและแหล่งการเรียนรู้ ๑. เกมสบื สวน ๒. บตั รคาใหม่, คายาก ๓ รปู ภาพ ๔. กระเป๋าผนัง ๕. พจนานกุ รม ๖. หนังสอื เรียนภาษาไทย ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓ เล่ม ๒ ชุด วรรณคดีลานา ๗. แบบฝึกหัดทักษะภาษา ชุดภาษาเพ่ือชีวิต ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๓ ๘. แบบฝกึ พฒั นาการเรียนรู้ กระบวนการวดั ผลและประเมนิ ผล ๑. วธิ ีการ ๑.๑. สังเกต
การอ่าน/เล่าเรื่อง การคัดลายมือ ความสนใจในการเรียน กระบวนการทางาน ๑.๒. ตรวจผลงาน สมดุ งาน แบบฝกึ พฒั นาการเรียนรู้ ๒. เคร่อื งมือการวดั และประเมินผล แบบสังเกตพฤตกิ รรม สมดุ งาน ๒.๓. แบบฝึกพฒั นาการเรยี นรู้ ๓. เกณฑก์ ารวดั และประเมินผล ใชก้ ารผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ขนึ้ ไป กจิ กรรมเสนอแนะ ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม กิจกรรมนาเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้ อาจใหน้ ักเรียนทากิจกรรมสนุกสนาน อ่ืนๆ ก็ได้ (ยืดหยนุ่ ได้ ตามความเหมาะสม)อาจเปน็ การเล่นเกม เล่นปรศิ นาคาทาย การรอ้ งเพลงเพ่ือให้เกิดความสนุกสนานเป็นการ เตรยี มความพรอ้ มก่อนเรยี น หรอื อาจใหน้ ักเรยี นปรบมือ ทาท่าทางประกอบจงั หวะตามจินตนาการอย่างอสิ ระ ของแตล่ ะคนก็ได้ ซ่ึงจะเปน็ ผลดตี ่อการจัดกจิ กรรมในโอกาสตอ่ ไป
แบบทดสอบก่อนการเรียนรู้ หนว่ ยที่ ๑ กระต่ายไมต่ ่ืนตูม โรงเรยี น พิณพลราษฎร์ ตงั้ ตรงจติ ร ๑๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช่ือ................................................................ชน้ั ..................เลขท.่ี .................. ******************************************************************* คาช้ีแจง นกั เรยี นทาเครอ่ื งหมายทับตัวอักษร ก, ข, ค, ง หน้าคาตอบทีถ่ ูกท่สี ดุ เพยี งข้อเดยี ว ๑. บา้ นของกระต่ายป่า อยทู่ ่ใี ด ก. โพรงไม้ ข. โพรงดนิ ค. ตน้ ไม้ ง. กรง ๒. บา้ นของกระต่ายปา่ อาศัยอยู่บริเวณใด ก. กลางปา่ ข. ท้ายสวน ค. กลางสวนมะพรา้ ว ง. ไม่มขี ้อถกู ๓. แมก่ ระต่ายมลี ูกกีต่ วั ก. ๑ ตัว ข. ๒ ตวั ค. ๓ ตวั ง. ไม่มขี ้อถูก ๔. ข้อใดบรรยายลกั ษณะของลูกกระต่ายได้ถกู ต้อง ก. สีดาเหมอื นท้องฟา้ ยามค่าคืน ข. สขี าวเหมือนปยุ ฝ้าย ค. สีนา้ เงนิ เหมือนทอ้ งทะเล ง. ขอ้ ก และ ข ถูก ๕. ขณะทแ่ี มก่ ระตา่ ยและลกู กระต่ายกาลังปลกู ผักอยู่หน้าบา้ น เกดิ เหตกุ ารณอ์ ะไร ก. ลมพัดแรง ข. ฝนจะตก ค. เกิดพายุ ง. ถูกทกุ ขอ้ ๖. เกดิ เหตุการณใ์ ดทาให้ลูกกระตา่ ยตกใจกลวั และพากนั วิ่งหนี ก. ลูกตาลหลน่ ข. ลูกมะพรา้ วหลน่ ค. กง่ิ มะพร้าวหลน่ ง. ไม่มขี ้อถกู ๗. จากเหตุการณใ์ นข้อ ๖ ทาให้ลูกกระต่ายตกใจกลัว พากันวิง่ หนีนั้นลูกกระต่ายคิดวา่ เกิดอะไรข้ึน ก. แผ่นดินไหว ข. แผน่ ดนิ ถลม่ ค. โลกแตก ง. ฟา้ ถล่ม ๘. แม่กระตา่ ยเลา่ นิทานให้ลกู ๆ ฟงั เร่ืองอะไร ก. ราชสีห์กับหนู ข. หมาป่ากบั ลูกแกะ ค. เดก็ เล้ียงแกะ ง. กระตา่ ยต่นื ตูม
๙. ขอ้ ใดถูกต้องเก่ียวกับการปลูกผักของครอบครัวกระตา่ ย ก. ลกู กระตา่ ยดาปลูกผักกาดขาว ข. ลกู กระตา่ ยขาวปลกู ผักกาดเขียว ค. แมก่ ระตา่ ยดาปลูกผักกาดขาวปลี ง. ขอ้ ก และ ข ถูก ๑๐. เรอื่ งกระต่ายต่ืนตมู กระต่ายนอนหลับอยทู่ ี่ใด ก. ใตต้ น้ มะพรา้ ว ข. ใต้ต้นตาล ค. ใต้ตน้ มะมว่ ง ง. ข้อ ข และ ค ถูกต้อง ๑๑. นกั เรยี นคดิ ว่า เรื่องกระตา่ ยต่นื ตมู เกิดอะไรขึ้นในฤดูใด ก. ฤดูหนาว ข. ฤดฝู น ค. ฤดรู ้อน ง. ถูกทกุ ข้อ ๑๒. ขณะกระต่ายนอนหลบั เกิดอะไรข้นึ กับกระต่าย ก. ลกู ตาลหลน่ ข. ลูกมะพรา้ วหล่น ค. กิง่ มะพรา้ วหล่น ง. ไมม่ ีข้อถูก ๑๓. จากเหตุการณ์ในข้อ ๑๒ ทาให้กระตา่ ยตกใจ ต่ืนขึน้ กลัวแลว้ วง่ิ หนีตาย กระต่ายคิดว่าเกิดอะไรขึ้น ก. แผ่นดินไหว ข. แผ่นดินถลม่ ค. โลกแตก ง. ฟา้ ถล่ม ๑๔. เสือ ชา้ ง กวาง ทราย แรด เห็นกระตา่ ยวิ่งหนมี าเพราะคดิ ว่าฟา้ ถลม่ แลว้ สัตวเ์ หล่าน้นั ทาอย่างไร ก. เฉย ๆ ข. วิ่งหนีตายตามกระต่าย ค. ไม่สนใจ ง. ถูกทุกข้อ ๑๕. สัตว์ชนดิ ใดเปน็ สัตวท์ มี่ ปี ัญญา ก. เสือ ข. ชา้ ง ค. กระตา่ ย ง. พระยาราชสีห์ ๑๖. ทาไมสตั ว์ตา่ ง ๆ เช่น เสอื ชา้ ง กวาง ทราย แรด ท่กี าลงั วิ่งหนีจึงหยดุ วง่ิ เมื่อพระยาราชสหี ์ บอกให้ หยุดว่ิง ก. กลัวอานาจของราชสีห์ ข. พระยาราชสหี เ์ ป็นเจา้ ป่า ค. เหนื่อย ค. ได้รบั บาดเจ็บ ๑๗. นิทานเร่อื งกระตา่ ยต่นื ตูม สอนและให้ข้อคิดเกย่ี วกับเรื่องอะไร ก. ความมีสติ ข. ความรอบคอบ ค. คดิ ไตร่ตรองก่อนทา ง. ถูกทกุ ข้อ ๑๘. จากนิทานเร่ือง กระตา่ ยแหยเ่ สือ ทาไมกระตา่ ยจงึ ต้องแหย่เสอื ก. นึกสนกุ ข. โกรธ ค. เกลียด ง. ถกู ทุกข้อ
๑๙. จากนิทานเรื่อง กระตา่ ยแหยเ่ สอื กระต่ายพบเห็นกองข้ีควาย แลว้ โกหกเสือว่าเปน็ อะไร ก. น้าอ้อยพระอนิ ทร์ ข. ข้าวเหนยี วเปยี กพระอินทร์ ค. ฆ้องพระอนิ ทร์ ง. ไม่มีข้อถูก ๒๐. จากนิทานเรื่อง กระตา่ ยแหยเ่ สอื กระต่ายพบเห็นรังผ้ึง แล้วโกหกเสอื ว่าเป็นอะไร ก. นา้ ออ้ ยพระอินทร์ ข. ขา้ วเหนยี วเปียกพระอินทร์ ค. ฆ้องพระอินทร์ ง. ไม่มขี ้อถูก ๑. ข ๒. ค เฉลย ๕. ง ๖. ข ๗. ง ๓. ข ๔. ง ๑๐. ข ๑๑. ข ๑๒. ก ๘. ง ๙. ง ๑๕. ง ๑๖. ง ๑๗. ง ๑๓. ง ๑๔. ข ๒๐. ค ๑๘. ข ๑๙. ข
แบบฝกึ พฒั นาการเรียนรู้ เรอ่ื ง การสร้างประสบการณท์ างเน้ือหา ชอื่ …………………………………………………………….เลขท่ี………………………….ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓/........ วันที่ ……….. เดอื น ………………….…………………………พ.ศ. ……………………….…………… ******************************************************************** คาชี้แจง นกั เรยี นฟังครเู ลา่ เรอ่ื งและดภู าพประกอบ แล้วตอบคาถามให้ถกู ต้อง ๑. เรอ่ื งน้ตี วั ละครมใี ครบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. เหตุการณ์ในเรือ่ งเกดิ ข้ึนท่ีไหน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓. เหตกุ ารณ์ในเรอื่ งเกดิ ข้นึ ในฤดอู ะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔. อะไรเปน็ สาเหตุทท่ี าให้ลกู กระตา่ ยตกใจวงิ่ หนี ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๕.แม่กระตา่ ยเลา่ นิทานเรือ่ งอะไรใหล้ ูก ๆ ฟงั ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๖.นักเรยี นได้ข้อคดิ อะไรบ้าง ๖.๑)……………………………………………………………………………… ๖.๒)……………………………………………………………………………… ๖.๓)………………………………………………………………………………
ภาคผนวก เกม “สืบสวน” อปุ กรณ์การเล่น มดี ังนี้ บตั รคา “ทีไ่ หน” “ใคร” “ทาอะไร” “ทาไม” “เม่ือไร” “กับใคร” สลาก วธิ ีดาเนินการเลน่ เกม ๑. ให้นักเรียนแบง่ ออกเป็นสองกลุ่ม กลมุ่ ละเท่ากัน ๒. ให้แตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนออกมาจับสลากว่ากลมุ่ ใดจะได้เริ่มเล่นกอ่ น ๓. ใหแ้ ต่ละกลุ่มน่งั รวมกนั เป็นแถวหนา้ กระดานซ้อนกนั ๒ แถว ๔. เรมิ่ เลน่ โดยครชู ูบัตรคาทีเ่ ปน็ คาถามข้นึ ทีละใบ แลว้ ให้ผู้เลน่ ท้งั สองฝ่ายผลัดกันโตต้ อบให้ตรง คาถามที่ใหด้ ู ๕. การโต้ตอบการบัตรคาถามนน้ี ักเรียนต้องทาอย่างรวดเร็ว โดยครูจะให้เวลาประมาณ ๒๐-๓๐ นาที ถา้ ครเู อาบัตรลงเมอ่ื ไรก็หมดสทิ ธติ์ อบ ๖. การตดั สินจะดูว่าฝา่ ยใดตอบช้าตอ้ งออกจากการแข่งขันมาชว่ ยครเู ปน็ กรรมการการแขง่ ขัน ดาเนินไปเร่ือย ๆ ฝ่ายใดเหลอื จานวนคนมากทสี่ ดุ กเ็ ปน็ ฝา่ ยชนะ ตวั อยา่ ง ๑) ใคร ทาอะไร ทไี่ หน เมอ่ื ไร ฝ่าย ก ฝ่าย ข ฝ่าย ค ฝ่าย ง ลงิ กินกลว้ ย บนตน้ ไม้ กลางวนั หรือไก่ กินข้าว ลานบ้าน ตอนเชา้ ๒) อะไร ของใคร เปน็ อะไร เพราะอะไร ฝา่ ย ก ฝา่ ย ข ฝา่ ย ค ฝา่ ย ง ปากกา สมพร หัก โตะ๊ ลม้ ทับ กางเกง วิชาญ ขาด เก่ียวตะปู ขอ้ เสนอแนะ ๑. กอ่ นทจ่ี ะเล่นครูควรสาธติ และซักซอ้ มความเข้าใจกบั นกั เรียนใหด้ กี อ่ นและบางครงั้ ถึงแม้คาที่โต้ตอบจะ เปน็ เร่ืองสมมุตขิ นึ้ ก็ยอมรบั เพอ่ื ความสนกุ สนาน และการโตต้ อบใหต้ รงคาถามกเ็ พยี งพอแลว้ ๒. ถ้าครูไม่ไดเ้ ตรียมบตั รคาไว้ ครูอาจทาหน้าที่เป็นคนกลางคอยต้ังคาถามใหต้ รงจุดโดยครดู จู ากลักษณะ คาตอบของผเู้ ลน่ แล้วพยายามตงั้ คาถามให้ต่อเนื่องกนั เพ่ือช่วยให้นกั เรยี นสามารถคิดได้ตอ่ เน่ืองดว้ ย กจ็ ะ ทาใหบ้ รรยากาศสนกุ สนานยิ่งขึ้น เม่ือเสรจ็ กิจกรรมนาเข้าสู่บทเรยี นครูก็พูดโยงเข้าสู่บทเรยี นต่อไป
ใบความรู้ เรือ่ งข้อปฏิบตั ิในการฟงั และการพูด การฟงั เปน็ การได้ยินเร่ืองราวให้เกิดความเข้าใจในเร่อื งที่ได้ยนิ และ นามาพิจารณาวา่ เร่ืองราวน้นั ๆ ควร เชอ่ื ได้หรือไม่ นาไปใช้ประโยชน์ได้เพียงใด ขอ้ ควรปฏิบตั ิในการฟงั ๑. ตงั้ ใจฟัง ไม่พดู หรือสนทนากนั ขณะฟังผอู้ ืน่ พูด ๒. คิดติดตามเรอ่ื งฟังว่าเร่ืองทฟี่ งั เกีย่ วกับอะไร มีความถูกตอ้ งเชื่อถือไดห้ รอื ไม่ ๓. การฟังคาบรรยายควรจดข้อความสาคัญท่ีไดจ้ ากการฟังไว้ มารยาทในการฟัง ๑. ต้งั ใจฟัง มองผูพ้ ูด ๒. ไม่คยุ หรอื เลน่ ขณะฟงั ผู้อ่ืนพูด ๓. ไมส่ ง่ เสยี งดังหรือทาความราคาญใหผ้ ู้อนื่ ๔. ถ้าจะถามควรขออนุญาตก่อน หรือใหผ้ พู้ ูดหยุดพูดก่อน ไม่ควรถามขณะผพู้ ูดยังพูดไม่จบ การพูด เป็นการแสดงความคิดเหน็ หรือบอกเล่าเรอ่ื งราว โดยการพูดให้ผู้อืน่ ฟัง ผตู้ อ้ งมีความคิด มีเรื่องราวท่ี จะพูดและต้องจดั ลาดับความคดิ หรือเรอื่ งราวท่ีจะพูดไมใ่ หส้ ับสนเพื่อผู้ฟังจะไดเ้ กดิ ความเขา้ ใจชดั เจน ผู้พูดต้องพูดใหช้ ัดเจน ใชภ้ าษาทีถ่ ูกต้อง
ข้อปฏิบตั ิในการพูด ๑. จะพูดเรอื่ งอะไร ตอ้ งมีความร้ใู นเรอ่ื งนน้ั โดยการอ่าน การซักถามผู้อื่นใหเ้ ข้าใจก่อน ๒. ใช้ภาษาพูดท่ถี กู ตอ้ ง สุภาพ ๓. พดู ใหเ้ สยี งดัง ฟงั ชดั แต่ไมใ่ ชต่ ะโกน ๔. พดู ให้ชัดเจน ใชค้ าแทนชื่อใหถ้ ูกต้อง ๕. มองผู้พูด ๖. ขณะพดู ตอ้ งน่ังหรือยืนตัวตรงในท่าสบาย ๗. ไม่เอามือลว้ ง ควัก แกะ เกา ขณะพูดหรือยนื เอามอื ไขว้หลงั มารยาทในการพูด ๑. ใชน้ ้าเสยี งนุ่มนวล ไมพ่ ดู กระโชกโฮกฮาก ๒. ใช้ถ้อยคาสุภาพ ๓. พดู ดว้ ยใจจริงและยกย่องผู้ฟงั ๔. ไมน่ ินทาผ้อู นื่ หรือพูดว่ารา้ ยผ้อู นื่ ๕. ไมแ่ สดงความโกรธเคืองผู้ฟงั ๖. รอจังหวะในการพูดซกั ถาม ไมพ่ ูดสอดขณะผอู้ ืน่ กาลงั พูด ภาคผนวก
ภาพจากบทเรียน ภาพ หน่วยที่ ๑
แผนการจดั การเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๑ เร่ืองกระตา่ ยไม่ต่ืนตมู เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๒ เรือ่ ง การสรา้ งประสบการณ์ทางการฟัง เวลา ๑ ช่ัวโมง วันท่ี ................................................................ .................................................................................................................................................... มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมีวิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด และความรสู้ กึ ในโอกาสต่างๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์ ตัวช้วี ดั ท ๓.๑ ป.๓ / ๑ เลา่ รายละเอียดเกย่ี วกบั เร่ืองที่ฟังและดทู ัง้ ทเ่ี ป็นความรู้และความบนั เทงิ สาระสาคญั ทกั ษะการฟงั เปน็ การสร้างประสบการณ์อย่างหนึ่ง ทท่ี าใหม้ คี วามรูจ้ ากสิง่ ทฟ่ี งั สามารถเลา่ เรอ่ื ง และตอบคาถามจากเรอ่ื งได้ถูกต้อง สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. ฟังเร่ือง“กระตา่ ยตน่ื ตมู ” แล้วตอบคาถามและเล่าเร่ืองได้ถูกต้อง ๒. อ่านเร่ืองท่ีเล่าได้ถูกตอ้ ง ๓. คดั เรือ่ งจากแผนภูมลิ งสมุดไวฝ้ กึ อ่านไดถ้ ูกต้อง คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๑. รกั และชน่ื ชมในเอกลกั ษณไ์ ทย ๒. คิดวเิ คราะหเ์ ร่ืองราวตา่ งๆได้ ๓. มวี นิ ยั ในตนเอง ๔. มีความสนใจใฝเ่ รยี นรู้ ๕. อยอู่ ยา่ งพอเพียง สาระการเรยี นรู้ การสรา้ งประสบการณ์ทางการฟัง การตอบคาถามจากเรอ่ื ง “กระต่ายตนื่ ตมู ” การเล่าเรื่อง “กระต่ายตนื่ ตมู ” การฟังเรื่อง “กระตา่ ยตน่ื ตมู ” กระบวนการจดั การเรยี นรู้ นาสู่กระบวนการเรียนรู้ ๑. นกั เรยี นเล่นเกมสบื สวน (ภาคผนวก) โดยเนน้ การนาเน้อื หาจากบทเรียนมาใช้
๒. ครูเลา่ นทิ านเรื่อง “กระต่ายตื่นตมู ” ใหน้ กั เรยี นฟัง แล้วสนทนาเนอ้ื หาของนทิ านเพ่ือ แลกเปลี่ยนการเรียนรู้ซึง่ กนั และกัน กระบวนการเรียนรู้ ๑. ครแู ละนักเรียนชว่ ยดันทบทวนเกยี่ วกบั มารยาทในการฟงั ๒. นักเรียนและครูรว่ มกันสนทนาเก่ียวกับช่ือนทิ านเร่ือง “กระตา่ ยตน่ื ตูม”เปน็ สานวนหรอื คาสุภาษติ หมายความว่าอย่างไรจากนั้นครูและนักเรียนและครรู ว่ มกันสนทนาเก่ยี วกบั ภาพในบทเรียนโดยตอบ คาถามวา่ ใครทาอะไร ท่ไี หน อย่างไร เหตกุ ารณ์ตอนนีเ้ ปน็ อยา่ งไร เพราะเหตุใด แล้วครูใหน้ ักเรยี นฝกึ เลา่ หรือ ทานายเรื่องจากภาพวา่ น่าจะมเี หตกุ ารณ์อยา่ งไร ๓. นกั เรยี นฟังครูอ่านเรอ่ื งหรือเล่าเรื่อง “กระต่ายตื่นตมู ” จากบทเรยี นโดยเน้นมารยาทใน การฟงั โดยนักเรียนตอบคาถามปากเปล่าดังน้ี ๓.๑ เรือ่ ง กระต่ายต่ืนตมู มีตัวละครก่ีตัว ๓.๒ อะไรเปน็ ตน้ เหตขุ องเรื่องนี้ ๓.๓ อะไรเปน็ สาเหตุที่ทาให้กระตา่ ยตกใจกลัว ๓.๔ ทาไมสัตว์ชนิดอืน่ จึงตนื่ ตกใจวง่ิ หนีตามกระต่ายไป ๓.๕ สัตวช์ นดิ ใดท่ีมีปญั ญา ๓.๖ เร่อื งนใ้ี หข้ ้อคิดอยา่ งไร ๔. นักเรยี นช่วยกันเล่าเรอื่ งที่ฟัง ถ้าเล่าไม่ไดค้ รถู ามนาใหน้ ักเรียนตอบ ๕. ครูเขยี นข้อความหรือประโยคหรอื เร่อื งท่นี กั เรียนเล่าลงในแผนภมู ิ ๖. นักเรียนอ่านข้อความในแผนภมู จิ นคลอ่ ง ๗. นกั เรียนคดั ขอ้ ความในแผนภูมลิ งในสมุดเพ่ือฝึกอ่านสง่ ตรวจ สรปุ กระบวนการเรียนรู้ ๘. นกั เรยี นทบทวนบทเรียนโดยอา่ นประโยคข้อความ แล้วคดั ลงสมดุ ๙. นักเรยี นทาแบบฝกึ พัฒนาการเรยี นรู้ (ภาคผนวก) ๑๐.มอบหมายให้นกั เรียนทาแบบฝกึ หัดทักษะภาษา (เป็นการบ้าน) สื่อและแหล่งการเรียนรู้ ๑. บัตรคาใหม่, คายาก ๒ รปู ภาพในบทเรยี น ๓. กระเป๋าผนัง ๔. พจนานุกรม ๕. หนังสอื เรยี นภาษาไทย ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ เลม่ ๒ ชุด วรรณคดีลานา ๖. แบบฝึกหดั ทักษะภาษา ชดุ ภาษาเพื่อชีวิต ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๓ ๗. แบบฝกึ พัฒนาการเรยี นรู้ กระบวนการวดั ผลและประเมินผล ๑. วธิ กี าร
๑.๑. สังเกต การอ่าน/เล่าเร่อื ง การคดั ลายมือ ความสนใจในการเรียน กระบวนการทางาน ๑.๒. ตรวจผลงาน สมดุ งาน แบบฝกึ พัฒนาการเรยี นรู้ ๒. เครอ่ื งมือการวดั และประเมนิ ผล ๒.๑. แบบสังเกตพฤตกิ รรม ๒.๒. สมดุ งาน ๒.๓. แบบฝกึ พฒั นาการเรยี นรู้ ๓. เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล ใช้การผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ข้ึนไป กิจกรรมเสนอแนะ -
แบบฝึกพฒั นาการเรยี นรู้ เรอื่ ง การสรา้ งประสบการณ์ทางเนอ้ื หา ช่อื ………………….……………………………….เลขที่…………….…….ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ..................... วนั ที่ ……….. เดอื น ……………………………………………พ.ศ. …………………… ******************************************************************** คาชแี้ จง นักเรียนฟงั ครเู ล่าเรอ่ื งและดูภาพประกอบ แล้วตอบคาถามให้ถกู ต้อง ๑. เร่อื งกระต่ายตื่นตมู ตวั ละครมีใดบา้ ง ….………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒.เหตุการณใ์ นเรอ่ื งเกดิ ข้ึนท่ีไหน ………………………………………………………….………………………………………………………………………………………… ๓.เหตุการณ์ในเรอ่ื งเกดิ ขนึ้ ในฤดูอะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔. อะไรเปน็ สาเหตุทีท่ าให้กระตา่ ยตกใจว่ิงหนี …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๕.ทาไมสัตว์จาพวกอ่ืน ๆ จงึ วิ่งหนตี ามกระต่าย …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๖.ใครท่บี อกใหส้ ตั ว์จาพวกอ่นื ๆ หยดุ วงิ่ หนี …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๗.นกั เรียนไดข้ ้อคิดอะไรบา้ ง ๗.๑…………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ๗.๒……………………………………………………………………………………………………………………..………………… ๗.๓………………………………………………………………………………
เกม “สบื สวน” อปุ กรณก์ ารเลน่ มดี งั น้ี บตั รคา “ท่ไี หน” “ใคร” “ทาอะไร” “ทาไม” “เมอื่ ไร” “กับใคร” สลาก วิธดี าเนินการเล่นเกม ๑. ให้นกั เรยี นแบง่ ออกเปน็ สองกลมุ่ กล่มุ ละเท่ากัน ๒. ให้แต่ละกลุ่มส่งตวั แทนออกมาจบั สลากวา่ กลุ่มใดจะไดเ้ ริ่มเลน่ ก่อน ๓. ให้แตล่ ะกลุ่มน่งั รวมกนั เป็นแถวหนา้ กระดานซอ้ นกนั ๒ แถว ๔. เรม่ิ เลน่ โดยครชู บู ัตรคาทีเ่ ปน็ คาถามขน้ึ ทลี ะใบ แล้วใหผ้ เู้ ลน่ ท้งั สองฝา่ ยผลัดกันโต้ตอบใหต้ รง คาถามทใ่ี หด้ ู ๕. การโตต้ อบการบัตรคาถามน้ีนักเรียนตอ้ งทาอย่างรวดเร็ว โดยครจู ะใหเ้ วลาประมาณ ๒๐-๓๐ นาที ถา้ ครเู อาบตั รลงเมอ่ื ไรก็หมดสทิ ธต์ิ อบ ๖. การตัดสนิ จะดวู ่าฝา่ ยใดตอบช้าตอ้ งออกจากการแขง่ ขนั มาชว่ ยครเู ป็นกรรมการการแขง่ ขัน ดาเนนิ ไปเรื่อย ๆ ฝา่ ยใดเหลือจานวนคนมากทส่ี ดุ ก็เป็นฝา่ ยชนะ ตวั อยา่ ง ใคร ทาอะไร ท่ีไหน เมื่อไร ฝ่าย ก ฝา่ ย ข ฝ่าย ค ฝา่ ย ง กระตา่ ย นอนหลับ ใต้ ตน้ ตาล ขอ้ เสนอแนะ ๗. กอ่ นท่ีจะเล่นครูควรสาธิตและซกั ซอ้ มความเขา้ ใจกับนักเรียนใหด้ ีก่อนและบางคร้ังถึงแม้คาท่ี โต้ตอบจะเป็นเรื่องสมมตุ ขิ ึน้ กย็ อมรบั เพ่ือความสนุกสนาน และการโต้ตอบให้ตรงคาถามก็ เพียงพอแล้ว ๘. ถ้าครไู ม่ไดเ้ ตรยี มบัตรคาไว้ ครอู าจทาหนา้ ที่เป็นคนกลางคอยตงั้ คาถามใหต้ รงจดุ โดยครูดู จากลักษณะคาตอบของผูเ้ ลน่ แล้วพยายามตั้งคาถามใหต้ ่อเนอ่ื งกันเพ่ือช่วยให้นักเรยี น สามารถคดิ ไดต้ ่อเนอื่ งด้วย กจ็ ะทาให้บรรยากาศสนุกสนานย่งิ ข้นึ เมื่อเสร็จกิจกรรมนาเข้าสู่ บทเรยี นครกู ็พูดโยงเขา้ สู่บทเรียนตอ่ ไป
ใบความรู้ เร่อื ง ขอ้ ปฏิบตั ใิ นการฟังและการพดู การฟัง เปน็ การได้ยินเรื่องราวให้เกดิ ความเข้าใจในเร่อื งทไ่ี ด้ยนิ และ นามาพิจารณาวา่ เรอ่ื งราวนั้น ๆ ควร เช่ือได้หรอื ไม่ นาไปใช้ประโยชนไ์ ดเ้ พียงใด ข้อควรปฏบิ ตั ิในการฟงั ๑. ต้งั ใจฟัง ไม่พดู หรอื สนทนากนั ขณะฟังผูอ้ น่ื พดู ๒. คดิ ตดิ ตามเร่ืองฟงั วา่ เรื่องทฟ่ี ังเกี่ยวกบั อะไร มีความถูกต้องเชือ่ ถือไดห้ รือไม่ ๓. การฟังคาบรรยายควรจดข้อความสาคัญที่ได้จากการฟังไว้ มารยาทในการฟัง ๑. ตัง้ ใจฟัง มองผู้พดู ๒. ไม่คยุ หรือเล่นขณะฟงั ผู้อื่นพูด ๓. ไมส่ ่งเสียงดังหรือทาความราคาญใหผ้ ้อู ื่น ๔. ถ้าจะถามควรขออนญุ าตก่อน หรอื ให้ผู้พูดหยดุ พดู ก่อน ไม่ควรถามขณะผู้พูดยังพูดไม่จบ การพดู เปน็ การแสดงความคดิ เห็นหรือบอกเลา่ เร่ืองราวโดยการพูดใหผ้ ู้อ่ืนฟงั ผู้พูดตอ้ งมคี วามคิด มเี รอ่ื งราว ที่จะพูด และต้องจัดลาดบั ความคดิ หรอื เรื่องราวที่จะพดู ไม่ใหส้ ับสน เพอื่ ผู้ฟังจะไดเ้ กิดความเขา้ ใจชดั เจน ผู้พดู ต้องพูดให้ชัดเจนใช้ภาษาท่ีถกู ต้อง ข้อปฏบิ ตั ใิ นการพดู ๑. จะพูดเรอ่ื งอะไร ต้องมีความร้ใู นเรื่องน้นั โดยการอ่าน การซักถามผอู้ ่นื ให้เข้าใจก่อน ๒. ใชภ้ าษาพูดท่ีถกู ต้องสภุ าพ ๓. พูดใหเ้ สียงดัง ฟงั ชัด แต่ไม่ใชต่ ะโกน ๔. พูดใหช้ ดั เจน ใช้คาแทนชอื่ ให้ถูกต้อง ๕. มองผู้พดู ๖. ขณะพดู ต้องน่ังหรอื ยนื ตวั ตรงในท่าสบาย ๗. ไมเ่ อามือล้วง ควัก แกะ เกา ขณะพูดหรือยนื เอามือไขว้หลัง
มารยาทในการพดู ๑. ใชน้ ้าเสียงนมุ่ นวล ไมพ่ ูดกระโชกโฮกฮาก ๒. ใชถ้ อ้ ยคาสภุ าพ ๓. พูดด้วยใจจรงิ และยกย่องผู้ฟงั ๔. ไมน่ นิ ทาผู้อ่ืนหรือพูดว่าร้ายผอู้ ่นื ๕. ไมแ่ สดงความโกรธเคืองผู้ฟงั ๖. รอจงั หวะในการพูดซักถาม ไม่พูดสอดขณะผู้อ่นื กาลงั พดู
ภาคผนวก ภาพประกอบบทเรียน ภาพประกอบ บทเรยี น
แผนการจดั การเรียนรู้ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เรื่องกระตา่ ยไมต่ ืน่ ตูม เวลา ๑๒ ชัว่ โมง แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๓ เรอื่ ง การสร้างประสบการณ์การสะกดคา เวลา ๑ ช่ัวโมง วนั ที่ ................................................................ ................................................................................................................................................................... มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษา และพลงั ของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติ ของชาติ ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๔.๑ ป.๓ / ๑ เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา สาระสาคญั การสะกดคาแบบแจกลูกคา เป็นพื้นฐานการอ่านคาตา่ งๆ ในบทเรยี นได้อย่างถกู ต้อง สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. สามารถสะกดคายากและคาใหมใ่ นบทเรยี นได้ ๒. สามารถเขยี นคายากและคาใหมไ่ ด้ถูกต้อง ๓. สามารถทางานร่วมกับคนอน่ื ไดอ้ ย่างมคี วามสขุ (เกง่ ดี มสี ขุ ) คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. มีความรอบคอบในการทางาน ๒. เป็นผนู้ าและผตู้ ามทีด่ ี ๓. มีความภาคภมู ิใจในภาษาไทย ๔. มคี วามสนใจใฝ่เรียนรู้ ๕. ใชภ้ าษาไดถ้ ูกกาลเทศะ สาระการเรียนรู้ การสร้างประสบการณจ์ ากคา - การอา่ นและสะกดคายากและคาใหม่ - การเขยี นคายากและคาใหม่ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ นาสูก่ ระบวนการเรยี นรู้ นักเรียนทบทวนบทเรียนโดยเล่นเกมใบค้ า (ภาคผนวก)
กระบวนการเรยี นรู้ ๑. นักเรียนและครูสนทนาเกี่ยวกับบทเรียน โดยให้นักเรียนอ่านแผนภูมิที่ครูและนักเรียนช่วยกัน เขยี นสรุปในชัว่ โมงท่แี ลว้ และฝึกสะกดคาคาใหม่หน่วยท่ี ๑ (บทท่ี ๑) ๒. นักเรียนร่วมกันดูภาพจากหนังสือเรียนบทที่ ๑ เรื่อง “กระต่ายไม่ต่ืนตูม”แล้วให้นักเรียนเขียนคา ตามภาพในบทเรียนและฝกึ อา่ นสะกดคา ๓. นกั เรยี นร่วมกันอ่านแผนภูมคิ าจากเรื่องท่ีนกั เรยี นเลา่ เพอ่ื ทบทวนบทเรียน ๔. นักเรยี นรว่ มกนั ฝกึ อ่านและเขยี นคายาก และสะกดคาจนคล่อง ๕. นักเรยี นขดี เสน้ ใตค้ าใหม่และคายากจากแผนภมู วิ า่ มีกีค่ า ๖. นักเรยี นรว่ มกนั นาคายากไปแต่งข้อความหรอื ประโยค ๗. นกั เรยี นทุกคนคดั คาใหมแ่ ละคายากลงสมุด ๘. แบง่ กลมุ่ เปน็ ๓ กลมุ่ ช่วยกนั ทาพจนานกุ รมคายากเพ่อื เกบ็ ไว้อา่ นในชนั้ เรยี น สรปุ กระบวนการเรยี นรู้ ๑. นักเรียนทบทวนบทเรยี นโดยอ่านสะกดคาใหม่และคายากจากแผนภูมิอกี ครั้ง ๒. นกั เรียนทาแบบฝึกพัฒนาการเรยี นรู้ (ภาคผนวก) สอื่ และแหล่งการเรียนรู้ ๑. บตั รคาใหม่ ๒. ภาพจากบทเรียน ๓. หนงั สอื เรยี นภาษาไทย ป.๓ เลม่ ๒ วรรณคดลี านา ๔. แผนภูมิท่ีนักเรียนร่วมกันสรุป ๕. แบบฝึกพฒั นาการเรยี นรู้ ๖. เกมใบค้ า กระบวนการวดั และประเมินผล ๑. วธิ ีการ ๑.๑. สังเกต การอ่านและสะกดคา การเขยี นตามคาบอก ความสนใจในการเรียน กระบวนการทางานของแต่ละคน ๑.๒. ตรวจผลงาน สมดุ งาน/แบบฝกึ หดั แบบฝึกพฒั นาการเรยี นรู้ ๒. เครอ่ื งมอื การวัดและประเมินผล ๒.๑ แบบประเมินการเขียนตามคาบอก ๒.๒ แบบฝึกพฒั นาการเรียนรู้
๓. เกณฑ์การวดั และประเมนิ ผล ใช้การผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป กจิ กรรมเสนอแนะ -
เกมใบ้คา จุดประสงค์ นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์ภาษาทางเป็นภาษาพดู และภาษาเขียนได้ วธิ เี ล่น ๑. เลือกอาสาสมคั ร ๕ คน เพื่อเปน็ ผแู้ สดงทา่ ทาง ๒. ให้อาสาสมัครยืนหน้าชั้นเรยี น แลว้ รับบัตรคาจากครู จากนน้ั จงึ ใบ้คาโดยแสดงทา่ ทางตาม บตั รคาท่ีได้ ตวั อยา่ ง กระต่าย โพรง ต้นตาล ฝน พายุ ลกู ตาล ลม มะพรา้ ว ๓. นักเรียนช่วยกันทายคาทีละคนโดยใครยกมือก่อนจะเปน็ ผไู้ ด้ทาย ๔. ให้นกั เรยี นท่ีทายถูกตอ้ งนาบัตรคากลา่ วไปตดิ บนกระดานแมเ่ หล็กเพอ่ื ทากจิ กรรมในขั้น ต่อไป
กระตา่ ย บตั รคา ฝ้าย เมฆ เค้า ถล่ม มะพร้าว หวาดกลัว นิทาน พายุ ตน้ ตาล ปลอบ ปัญญา ตรติ รอง อาหาร พเิ คราะห์ อานาจ ราชสีห์ ตรติ รอง หยดุ หย่อน ขลาดเขลา ทุขเวทนา
ชื่อ............................................................................ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓/ ............เลขที่.............. วันที่………...........เดือน………………………………………….………พ.ศ…………….... ********************************************************************************** คาชแ้ี จง ให้นักเรียนเขียนคาอ่านจากคาที่กาหนดให้อย่างถกู ต้อง ตวั อย่าง สาราญ อ่านวา่ สา – ราน ๑. อาหาร อา่ นว่า ………………………………….. ๒.อรอ่ ย อา่ นวา่ ………………………………….. ๓. ปญั ญา อา่ นว่า ………………………………….. ๔.เวทนา อ่านว่า ………………………………….. ๕. อานาจ อ่านวา่ ………………………………….. ๖. พเิ คราะห์ อ่านว่า ………………………………….. อ่านว่า ………………………………….. ๗. ถลม่ อา่ นว่า ………………………………….. ๘๙.. ลรกูาชตสาลหี ์ อา่ นว่า ………………………………….. ๑๐.สตั ว์ อ่านว่า …………………………………..
ชือ่ ........................................................................ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๓/.............เลขที่...................................... วนั ท่ี………….เดอื น………………………….………………พ.ศ……………... ******************************************************************** คาชแี้ จง ใหน้ ักเรียนเขียนคาจากคาอ่านที่กาหนดใหต้ ่อไปนี้อยา่ งถูกต้อง ตัวอย่าง เถา - วนั เขียนเป็น เถาวลั ย์ ๑. เมก - ฝน เขียนเป็น………………………………….. ๒.เสด็ เขียนเปน็ ………………………………….. ๓. ปนั - ยา เขยี นเป็น………………………………….. ๔.ราด - ชะ - สี เขยี นเป็น………………………………….. ๕. ซาย เขยี นเป็น………………………………….. ๖. สนั -ยา เขียนเปน็ ………………………………….. ๗. ลูก - ตาน เขยี นเป็น………………………………….. ๘. ถะ - หลม่ เขียนเปน็ ………………………………….. ๙. อา - นาด เขยี นเป็น………………………………….. ๑๐.สา - คนั เขียนเปน็ …………………………………..
แผนการจดั การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑ เรื่องกระตา่ ยไมต่ ่ืนตมู เวลา ๑๒ ชว่ั โมง แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๔ เรอ่ื ง การอ่านในใจบทเรียน เวลา ๑ ช่ัวโมง วันที่ ................................................................ ************************************************************************* มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพอ่ื นาไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ญั หาใน การดาเนนิ ชีวิต และมีนิสยั รักการอา่ น ตัวช้ีวดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓ / ๓ ต้ังคาถามและตอบคาถามเชงิ เหตุผลเก่ียวกบั เรือ่ ง ท่ีอา่ น สาระสาคัญ การอ่านในใจเป็นทักษะการอ่านอย่างหน่ึง ท่ีทาให้สามารถอ่านเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่าง รวดเร็ว และจับใจความสาคัญต่าง ๆ จากเรอื่ งที่อา่ นด้วย สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น - ความสามารถในการสอื่ สาร - ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต จดุ ประสงค์กาเรยี นรู้ ๑. สามารถอ่านในใจเรือ่ ง “กระต่ายไม่ตน่ื ตมู ” แล้วตอบคาถามได้ถกู ตอ้ ง ๒. สามารถวาดภาพระบายสแี ละเขยี นบรรยายภาพสนั้ ๆ ได้ ๓. สามารถทางานรว่ มกับคนอืน่ ไดอ้ ยา่ งมีความสุข (เก่ง ดี มสี ุข) คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. มีความรอบคอบในการทางาน ๒. เป็นผู้นาและผ้ตู ามที่ดี ๓. มีความภาคภูมใิ จในภาษาไทย ๔. มีความสนใจใฝ่เรยี นรู้ ๕. ประหยัดและอยู่อย่างพอเพยี ง
สาระการเรยี นรู้ การอา่ นในใจนิทาน เร่ือง “กระตา่ ยต่ืนตูม” - การจบั ใจความสาคัญ - การตอบคาถามจากเรือ่ งทอี่ า่ น กระบวนการจดั การเรียนรู้ นาสู่กระบวนการเรียนรู้ ๑.นักเรียนเลน่ “เกมกระซิบปรศิ นา” (ภาคผนวก) ๒.สนทนากับนกั เรียนจากเหตุการณจ์ ากภาพในบทเรยี น เพอ่ื ทบทวน บทเรียน โดยตัง้ คาถามนาให้นักเรียนตอบเพ่ือสรุปใจความสาคัญจากบทเรยี น กระบวนการเรยี นรู้ ๑. นักเรยี นฝึกอ่านออกเสยี งคาและกล่มุ คาใตภ้ าพในบทเรยี น ๒. ครูเขยี นคาถามบนกระดานดาหรือติดแผนภมู คิ าถามบนกระดานดา ดังนี้ ๒.๑ เรือ่ ง“กระตา่ ยตน่ื ตมู ” มตี ัวละครก่ีตวั ๒.๒ อะไรเป็นต้นเหตุของเร่ืองน้ี ๒.๓ อะไรเปน็ สาเหตทุ ่ีทาให้กระตา่ ยต้องวิง่ หนี ๒.๔ ทาไมสัตว์อ่ืน ๆ เหน็ กระตา่ ยวงิ่ หนี จงึ คดิ วิง่ หนตี ายตาม ๒.๕ ใครเปน็ คนพิสูจนค์ วามจรงิ ด้วยเหตผุ ล ๒.๖ เรอื่ งนใี้ ห้ข้อคิดอย่างไร ๓. ฝกึ อ่านคาถามบนกระดานดาเพื่อเตรียมตอบคาถามจากการอา่ นในใจ ๔. อา่ นในใจนทิ าน เรอ่ื ง “กระตา่ ยตืน่ ตมู ” แลว้ ตอบคาถามปากเปลา่ ๕. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปใจความสาคัญของเร่อื ง โดยวาดภาพตอน ใดตอนหนึ่ง แล้วเขยี นบรรยายสัน้ ๆ ประมาณ ๒ – ๓ บรรทัด ๖. ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ออกมาอ่านผลงานของตนใหเ้ พื่อนฟัง ๗. เก็บรวบรวมผลงานทาเปน็ หนงั สืออ่านประกอบภาพไว้ในชนั้ เรียน สรปุ กระบวนการเรียนรู้ ๘. ครูและนักเรียนช่วยกนั สรปุ เน้ือหาจากบทเรียน ๙. มอบหมายใหท้ าแบบฝกึ หัดทักษะภาษา บทที่ ๑ เปน็ การบ้าน ๑๐.นักเรยี นทาแบบฝึกพฒั นาการเรยี นรู้ (ภาคผนวก) ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ ๑. หนงั สือเรียนภาษาไทย ป.๓ เล่ม ๒ วรรณคดีลานา ๒. แบบฝกึ หัดทักษะภาษา ชดุ ภาษาเพอื่ ชีวติ ๓. บตั รคา ๔. แบบฝึกพฒั นาการเรยี นรู้
๕. เกมกระซบิ ปรศิ นา ๖. กระเปา๋ ผนัง กระบวนการวดั ผลและประเมินผล ๑. วธิ กี าร ๑.๑. สงั เกต การอ่านในใจ การเขียน/คดั คาใหม่ ความสนใจในการเรียน กระบวนการทางานของแตล่ ะคน ๑.๒. ตรวจผลงาน สมดุ งาน/แบบฝึกหดั แบบฝึกพฒั นาการเรยี นรู้ ๒. เครื่องมือการวัดและประเมินผล แบบประเมินการเขียน/คดั ลายมอื แบบฝึกพฒั นาการเรยี นรู้ ๓. เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล ใชก้ ารผา่ นเกณฑร์ ้อยละ ๗๐ ข้นึ ไป กจิ กรรมเสนอแนะ -
แบบฝึกพฒั นาการเรยี นรู้ ชือ่ .........................................................................................ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๓..............เลขท.ี่ ............. วันท่ี………………………………….เดือน…………………………………….…………พ.ศ…………………... ******************************************************************** คาชี้แจง ให้นักเรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี ให้ถกู ต้อง ๑. นักเรียนคดิ ว่าเหตุใดกระตา่ ยจงึ นอนหลับ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. เกดิ อะไรขึ้นขณะท่ีกระตา่ ยกาลังนอนหลบั อยู่ และกระตา่ ยทาอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓. ถา้ หากสัตว์อ่ืน ๆ ไมว่ ่งิ หนีตามกระต่ายจะเป็นอยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔. เพราะเหตใุ ดสตั วท์ ี่วงิ่ หนตี ายจึงกลัวราชสีห์และหยุดวิ่ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๕. นักเรยี นช่นื ชอบสัตว์ชนดิ ใด เพราะเหตุใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๖. นิทานเรอ่ื ง กระต่ายตน่ื ตูม สอนใหร้ ู้วา่ อย่างไร (ขอ้ คิดทีไ่ ดจ้ ากเรื่อง) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เกมกระซิบปริศนา จุดประสงค์ ๑. เพ่อื ให้นักเรยี นสามารถจับใจความจากประโยคหรือข้อความสั้น ๆ ได้ ๒ . เพ่อื ใหน้ ักเรียนสามารถอ่านและแยกคาควบกลา้ ร ล และ ว ได้ ๓ . เพือ่ ให้นักเรียนมสี มาธิในการฟงั อปุ กรณ์ แถบประโยคปรศิ นา สตั วต์ วั หนง่ึ มตี วั สีขาวเหมอื นปยุ ฝ้าย วธิ ีเล่น ๑ . แบง่ นกั เรียนออกเป็น ๕ กลุ่ม แลว้ ให้นกั เรียนต้งั ช่ือกลุ่มของตนเอง ๒ . ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มเข้าแถวและเลอื กตวั แทนกลุ่ม ๓. ตวั แทนกลุ่มอ่านข้อความและกลบั ไปกระซบิ บอกข้อความแก่คนต่อไป กระซบิ ต่อไปเร่ือย ๆ จนถึงคนสุดท้าย ๔. คนสดุ ทา้ ยเขียนขอ้ ท่ีตนได้ยินบนกระดาน กลมุ่ ใดมีข้อความตรงกบั ข้อความในแถบประโยค จะเปน็ ฝา่ ยชนะ
ใบความรู้ สาหรับครูและนกั เรียน ๑. นิทานเรื่อง กระต่ายต่นื ตูม เป็นนิทานสภุ าษติ ให้คติสอนใจนามาจากนิทานชาดก คาวา่ “ชาดก” หมายถึง เรอ่ื งราวของพระพุทธเจ้าที่มีมาในพระชาติก่อน ๆ นอกจากนิทานเร่ืองน้ีแล้ว ยังมีนิทานสุภาษิตอีก หลายเรอ่ื งท่นี ามาจากนิทานชาดก เชน่ กิง้ กา่ ไดท้ อง นกกระจาบ 2. นิทานเรอ่ื ง กระต่ายตน่ื ตมู เปน็ นิทานเก่าท่ีคนไทยรู้จักกนั ดี เน้ือเรื่องในชาดก กลา่ ววา่ กระตา่ ยอาศยั อยู่ท่ีดงตาล ซ่ึงมตี ้นมะตมู อยดู่ ว้ ย ขณะกระต่ายนอนคดิ เพลนิ ๆ ว่า หากแผน่ ดนิ นถี้ ลม่ ตน จะไปอยทู่ ี่ใดดี ก็พอดีผลมะตูมสุกผลหน่งึ หลน่ ลงมาถูกใบตาลท่กี องสมุ อยู่บนพ้ืนดนิ เสยี งดังลั่น กระตา่ ยจึงนึก ว่าเปน็ เสยี งแผ่นดนิ ถลม่ เรอ่ื ง กระตา่ ยตื่นตูม ที่แตง่ กันต่อ ๆ มามีหลายสานวน ผลไม้ที่ตกมา บางสานวนก็ ว่าเปน็ ผลตาล บางสานวนก็ว่าเป็นผลมะพรา้ ว 3. คติจากนิทานเรอ่ื งนเ้ี ตอื นใจใหค้ นเรารจู้ ักใชส้ ติปัญญาไตร่ตรองไมใ่ ห้ตน่ื ตกใจต่อเรอื่ งท่ไี ด้ยนิ ได้ฟัง และเชอ่ื คนง่าย โดยไม่คิดใครค่ รวญใหร้ อบคอบกอ่ น 4. ตัวละครสาคัญในนิทานเร่อื งน้ี คอื กระต่าย และราชสีห์ สามารถนามาเทยี บเคียงกบั ลกั ษณะ นสิ ัยของคนได้ 5. นิทานเรอื่ ง กระตา่ ยต่ืนตูม เปน็ ทมี่ าของสานวนไทย ว่า “กระตา่ ยตน่ื ตมู ” ซ่ึงหมายถงึ คนที่ ต่นื ตกใจงา่ ยโดยไมใ่ ช้ความคิดพิจารณาถงึ ตน้ สายปลายเหตุของเรื่องน้นั ๆ ใหช้ ัดเจนเสียก่อน
เรื่อง การเขยี นรายงานการอ่านหนงั สอื ชือ่ ………………………………………เลขที่….. ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๓ คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นอา่ นหนงั สอื แลว้ เติมข้อความลงในแบบรายงานการอ่านหนงั สอื ใหไ้ ดใ้ จความสมบูรณ์ แบบรายงานการอา่ นหนังสือ เร่อื ง ……………………… ชือ่ ผูแ้ ตง่ …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตัวละคร ………………………………………………………………………………………………………………..…………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………. เน้อื เรอ่ื งย่อ ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ตวั ละครทช่ี อบมากทส่ี ุด ……………………………………………………………………………………………………….……………… ชอบเพราะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตัวละครทีไ่ ม่ชอบมากท่ีสุด ……………………………………………………………………………………………………………..…… ไม่ชอบเพราะ ……………………………………………………………………………………………………………………………..……… ข้อคิดท่ีได้จากเร่ือง……………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… เมอ่ื อา่ นหนังสอื เล่มนีแ้ ลว้ ชอบเพราะ ……………………………………………………………………………….………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ไมช่ อบเพราะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๕ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เร่ืองกระตา่ ยไม่ต่ืนตูม เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๕ เรอื่ ง การอ่านสะกดคา สานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง วนั ท่ี ................................................................ ************************************************************************************************** มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความร้แู ละความคิดเพอื่ นาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปญั หาใน การดาเนนิ ชีวิต และมนี ิสัยรักการอ่าน ตวั ชว้ี ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓ / ๑ อา่ นออกเสยี งคา ข้อความ เร่ืองส้ันๆ และบทร้อยกรองง่ายๆ ไดถ้ ูกต้อง คล่องแคล่ว สาระสาคัญ การฝึกอ่านคาต่างๆ ในภาษาไทยจะช่วยให้มที ักษะพื้นฐานดา้ นการสะกดคา เหลา่ น้ันได้ถูกต้อง สาระการเรียนรู้ การอ่านคายาก การอ่านสะกดคายากในบทเรยี น การสานวนสุภาษติ ในบทเรยี น จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. สามารถอา่ นสะกดคาและแจกลูกคาได้ ๒. สามารถเขยี นตามคาบอกได้ถูกต้อง ๓. สามารถเขียนและแตง่ ประโยคได้ ๔. สามารถทางานรว่ มกับคนอืน่ ไดอ้ ย่างมีความสุข (เกง่ ดี มีสุข) สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. มีจิตสานึกในความเปน็ ไทย ๒. มีความสามัคคใี นหมูค่ ณะ ๓. ใช้ภาษาส่อื สารได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ๔. นาขอ้ คิดมาใช้ในชวี ิตประจาวนั ๕. ประหยัดและอยู่อย่างพอเพียง
กระบวนการจดั การเรียนรู้ นาส่กู ระบวนการเรยี นรู้ นกั เรียนเล่นเกม “ยิ้มรับดอกไม”้ (ภาคผนวก) กระบวนการเรยี นรู้ ๑. ทบทวนคาต่าง ๆ จากบทเรยี น โดยให้นักเรียนอ่านแผนภูมิท่ีครูและนักเรียนช่วยกันเขียน สรุปไว้แลว้ โดยอา่ นคาท่ีเรายงั ไม่ไดเ้ รยี นว่ามอี ะไรบ้าง ๒. นกั เรียนอา่ นคายากจากบัตรคานตี้ ามครู ๒ - ๓ เที่ยว โดยอ่านทีละคนและอา่ น อาหาร อร่อย สัตว์ เตลิด ปัญญา เวทนา เขลา ตริตรอง พิเคราะห์ ราชสหี ์ ทราย ตาล ถลม่ กระตา่ ย พายุ เมฆ สญั ญา เคา้ มะพรา้ ว ๓. ครสู าธติ วธิ ีการอา่ นสะกดคาและแจกลูกคาใหน้ กั เรยี นฟัง เชน่ อาหาร อา่ นวา่ ออ – อา – อา – หอ –อา – นอ - หาร – อาหาน ถล่ม อ่านว่า ถอ – ออ – ถอ– หอ –มอ – โอะ - มอ – หลม – เอก - หล่ม - ถะ - หล่ม เมฆ อ่านวา่ มอ – เอ – กอ – เมก ฯลฯ ๔. นกั เรยี นฝกึ อ่านสะกดคาและแจกลูกคา ประมาณ ๒ - ๓ เที่ยว โดยฝึกอา่ นเปน็ กลุ่ม และ เปน็ รายบุคคล ๕. แบง่ นักเรียนออกเปน็ กลุ่มตามความเหมาะสม แล้วศกึ ษาใบความรู้ เรื่อง การอา่ นสานวน (ภาคผนวก) แลว้ ส่งตัวแทนออกมารายงานสรปุ หนา้ ชน้ั เรียน ๖. นกั เรียนร่วมกันสรุปบทเรียนเรือ่ ง สานวน ๗. นักเรียนคดั คาใหม่คายาก และสานวนจากหนงั สือเรียนลงในสมดุ งานของแตล่ ะกลุ่มเพื่อ ฝกึ อ่าน (ถ้านกั เรียนทาไม่เสรจ็ ก็ให้ทาเปน็ การบา้ น) สรุปกระบวนการเรียนรู้ ๘. นกั เรียนนาคาใหม่และคายากในบทเรยี นมาแตง่ ประโยคปากเปลา่ ๙ . นกั เรียนชว่ ยกันนาสานวน ในบทเรยี นมาแต่งประโยคปากเปล่า ๑๐.นกั เรียนทาแบบฝึกพัฒนาการเรยี นรู้ (ภาคผนวก) ๑๑.นักเรยี นทาแบบฝึกหดั ภาษาไทย (เปน็ การบา้ น) ๑๒.นกั เรยี นและครูชว่ ยกันสรปุ บทเรียน สอื่ และแหล่งการเรียนรู้ ๑. บตั รภาพ ๒. ใบความรู้
๓. แบบฝกึ พฒั นาการเรยี นรู้ ๔. หนังสอื เรียนภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ เล่ม ๒ ๕. แบบฝึกหดั ทักษะภาษา ชุดภาษาเพ่ือชวี ติ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ ๖. เกม “ย้ิมรบั ดอกไม้” กระบวนการวัดและประเมนิ ผล ๑. วิธีการ ๑.๑ สงั เกต การอา่ นออกเสียง การเขยี นคา สานวน ความสนใจในการเรยี น กระบวนการทางานของแตล่ ะคน ๑.๒ ตรวจผลงาน สมดุ งาน แบบฝกึ หดั แบบฝกึ พัฒนาการเรยี นรู้ ๒. เครื่องมอื การวัดและประเมินผล ๒.๑ แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการทางาน ๒.๒ แบบฝกึ พฒั นาการเรียนรู้ ๓. เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล ใช้การผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
ภาคผนวก จุดประสงค์ เกม “ย้ิมรับดอกไม้” ๑. เพอ่ื ฝึกการอา่ น ๒. เพ่อื ความสนกุ กับบทเรยี น อุปกรณ์และวิธที า ๑. กระดาษแข็งใช้ทาบัตรคา คาใหม่ ตัดเป็นรูปดอกไม้ จานวนก่ีบัตรก็ได้ แล้วแต่เวลาที่ กาหนดใหน้ ักเรียนเล่น ๒. จานวนผเู้ ลน่ ไมจ่ ากัดจานวน ๓. แผนภมู ิเพลง “ยิ้มรับดอกไม”้ โดยให้นักเรียนอา่ นและร้องให้ไดก้ ่อนเลน่ เกม เพลง “ยิ้มรับดอกไม้” ส่งดอกไม้แลว้ กส็ ่งยิม้ เธอจงย้มิ แล้วรับดอกไม้ โปรดถนอมอย่าให้ร่วงหลน่ เราทุกคนรกั ษาใหไ้ ด้ ยิ้ม ยิม้ ย้มิ แล้วส่งดอกไม้ ไดด้ อกไม้แล้วกจ็ งยม้ิ หล่ัน ลันลา ลนั ลา ลันลา หล่ัน ลันลา ลนั ลา ลันลา กจิ กรรม ๑. ให้นกั เรียนยนื เป็นวงกลม รอ้ งเพลง “ยิม้ รับดอกไม”้ ๒. ครูสง่ บัตรคาใหท้ ลี ะบตั ร ขณะทค่ี รูและนกั เรียนรอ้ งเพลง บตั รคาทีค่ รูสง่ ให้จะตอ้ งอา่ น แลว้ สง่ ต่อไปเรอ่ื ย ๆ ๓. ครใู ห้สญั ญาณหยุดรอ้ งเพลง บตั รคาอยใู่ นมอื ใคร ผนู้ นั้ จะต้องอ่านบตั รคาใหม่ (อาจ สะกดด้วยกไ็ ด้ ใครอ่านได้ถกู ตอ้ ง เพื่อน ๆ จะปรบมือให้ หมุนเวยี นไปเช่นน้ีจนครบทุกคน)
สานวน ความหมาย กระต่ายขาเดยี ว ยืนกรานในส่ิงท่ีพดู แม้ไม่เป็นความจริงก็ไมย่ อมรับ หรอื กระตา่ ยสามขา สานวนนี้มที ่มี าจากนิทานเรือ่ งมีอยวู่ า่ เด็กวัดคนหนึ่งแอบ กินกระต่ายย่างทีช่ าวบ้านนามาถวายพระไป ๑ ขา เมอ่ื กระต่ายหมายจันทร์ พระถามวา่ ขากระตา่ ยหายไปไหน เขาก็ตอบว่ากระตา่ ยมี กระต่ายแหย่เสือ ๓ ขา พระถามซ้าอีกหลายคร้ัง ทุกครง้ั เขากย็ ังยนื กราน เปรยี วเป็นกระต่ายป่า คาตอบเดมิ สานวนกระต่ายสามขา ในปัจจุบันนยิ มใช้วา่ กระต่ายขาเดียว ชายหมายปองหรือหลงรกั หญิงทม่ี ีฐานะหรือสถานะสูงกวา่ ตนและไม่มที างทค่ี วามรกั จะราบรืน่ สมหวัง ผู้น้อยทีล่ ้อเลน่ กับผู้ทมี่ ีกาลงั หรือมีอานาจมากกว่า สานวนน้มี ีทีม่ าจากนิทานเรอ่ื ง กระตา่ ยแหยเ่ สือ ปราดเปรียว รวดเร็ว ว่องไวมาก
กระตา่ ย บัตรคา ฝ้าย เมฆ เคา้ ถล่ม มะพร้าว หวาดกลัว นิทาน พายุ ต้นตาล ปลอบ ปญั ญา ตรติ รอง อาหาร พิเคราะห์ อานาจ ราชสีห์ ตริตรอง หยุดหยอ่ น ขลาดเขลา ทุกขเวทนา
ชือ่ ..................................................................... ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓.............เลขที่.............. วันที่………..….เดอื น……………………………………………พ.ศ………….….. ********************************************************************************** คาชี้แจง ให้นกั เรยี นเขยี นนาคาเหลา่ นี้แต่งประโยคให้ถูกตอ้ ง ตัวอยา่ ง ครู = ฉนั รกั คณุ ครมู าก ๑. กระต่าย = ................................................................................................................................. ๒. โพรง = .................................................................................................................................. ๓. เมฆฝน = .................................................................................................................................... ๔. ถล่ม= .................................................................................................................................................. ๕. ต้นตาล = ................................................................................................................................... ๖. นอนหลบั = .................................................................................................................................... ๗. ราชสหี ์ = .................................................................................................................................. ๘. พเิ คราะห์ = ...................................................................................................................................
ชือ่ .......................................................................................ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๓...................เลขท่ี.............. วนั ท่ี………..…….เดอื น……………………………………………พ.ศ…………………... ******************************************************************************** คาช้แี จง ให้นกั เรยี นหาความหมายของสานวนใหถ้ ูกตอ้ งแลว้ นาไปแต่งประโยคใหไ้ ด้ใจความสมบูรณ์ ตงั้ ใจทานะคะ่ เพอ่ื น ๆ ๑. กระตา่ ยขาเดียว = ................................................................................................................ ……………………………………………………………………………………………………………..……………………………………… ๒. กระตา่ ยสามขา = ................................................................................................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ๓. กระต่ายหมายจนั ทร์ = ................................................................................................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ๔. กระต่ายแยเ่ สอื = ................................................................................................................ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… ๕. เปรียวเปน็ กระตา่ ยปา่ = ................................................................................................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……
แผนการจัดการเรยี นรู้ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่องกระต่ายไม่ตนื่ ตมู เวลา ๑๒ ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๖ เรอื่ ง การอ่านออกเสียงบทเรียน เวลา ๑ ชั่วโมง วันท่ี ................................................................ ************************************************************************************************** มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรูแ้ ละความคดิ เพือ่ นาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปญั หาใน การดาเนินชวี ิต และมีนสิ ยั รักการอ่าน ตวั ชีว้ ดั ท ๑.๑ ป.๓ / ๑ อา่ นออกเสยี งคา ขอ้ ความ เรื่องสั้นๆ และบทร้อยกรองง่ายๆ ได้ถูกต้อง คลอ่ งแคลว่ สาระสาคญั การอ่านออกเสียงบทเรยี นจะต้องฝกึ ทกั ษะการอา่ นคาเป็นคายากโดยต้องอ่านได้ถูกต้องตาม หลกั เกณฑก์ ารอ่าน ฝกึ อา่ นคา ประโยค และเนื้อเรือ่ งในบทเรยี น โดยการแบ่งวรรคตอนการอา่ นให้ถูกต้อง สาระการเรียนรู้ ๑. บทเรียนบทที่ ๑ เรอ่ื ง กระตา่ ยไม่ต่ืนตมู ๒. การอ่านออกเสยี งเนื้อเรื่องในบทเรียน สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. สามารถอ่านออกเสียงคายากได้ถูกต้อง ชดั เจน ๒. สามารถเขยี นคายากได้ถกู ต้อง ๓. สามารถอา่ นประโยคในบทเรียนไดถ้ ูกต้อง ๔.. สามารถอ่านออกเสยี งในบทเรยี นได้ถูกต้อง คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. รกั และชน่ื ชมในเอกลักษณ์ไทย ๒. คดิ วิเคราะหเ์ ร่ืองราวตา่ งๆได้ ๓. มวี นิ ัยในตนเอง ๔. มีความสนใจใฝ่เรยี นรู้ ๕. อยูอ่ ย่างพอเพียง กระบวนจัดการการเรียนรู้ นาสกู่ ระบวนการเรยี นรู้ ๓. นักเรียนทบทวนบทเรียนโดยอา่ นบทเพลงที่แมก่ ระต่ายสอนลกู ให้ร้อง ดงั นี้
กระตา่ ยขาวลูกน้อย คอยเฝ้าประตไู ว้ หมาปา่ มันมาใกล้ อยา่ ไดเ้ ปดิ ประตู กระตา่ ยนอ้ ยลกู รัก เจ้าพกั อย่ทู ไ่ี หน หมาป่ามนั ไปไกล จงไดเ้ ปดิ ประตู ๔. นักเรยี นฝึกร้องเพลง โดยใสท่ านองเพลงเอง เพื่อความสนุกสนานในการเรยี น กระบวนการเรยี นรู้ สนทนาความหมายของคายาก โดยให้นักเรียนคน้ หาความหมายจากพจนานุกรม แล้วทาลงในแบบฝกึ พัฒนาการเรยี นรู้ (ภาคผนวก) ทีค่ รแู จกให้ ๕.นักเรียนอา่ นออกเสียงจากแถบประโยคหรือแผนภูมปิ ระโยคที่ครเู ขียนบนกระดานดาโดยให้นักเรยี น สังเกตคาทข่ี ดี เสน้ ใต้ ๖. นักเรยี นฝึกอา่ นออกเสียงในบทเรยี น ดังนี้ ครูอ่านใหน้ ักเรยี นฟังเป็นตวั อยา่ งแล้วให้นกั เรยี นอ่านตาม นักเรยี นฝกึ อ่านคนละ ๑ ย่อหน้า จนจบ สรปุ กระบวนการเรยี นรู้ ๗. ให้นักเรยี นฝึกอา่ นในกลุ่มของตนเองจนคลอ่ งและใหน้ ักเรยี นคนใดท่ีอ่านบกพร่อง ให้มาอา่ นกบั ครู เปน็ รายบุคคล (สอนซ่อมเสริม) ๘. นกั เรียนทาแบบฝกึ พัฒนาการเรียนรู้ (ภาคผนวก) ๙. มอบหมายให้นกั เรียนทาแบบฝกึ หัดทักษะภาษา ชุดภาษาเพ่ือชวี ติ เป็นการบา้ น สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้ ๑.บัตรคายาก ๒. แถบประโยค ๓. กระเปา๋ ผนัง ๔.พจนานุกรม ๕.แบบฝึกพัฒนาการเรยี นรู้ ๖.หนงั สือเรยี นภาษาไทย ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ เล่ม ๒ ชุด วรรณคดลี านา ๗.แบบฝกึ หดั ทักษะภาษา ชุดภาษาเพ่ือชวี ิต กระบวนการวดั และประเมนิ ผล ๑. วิธกี าร ๑.๑ สังเกต การอา่ นออกเสียง การเขียนตามคาบอก ความสนใจในการเรียน กระบวนการทางานของแต่ละคน ๑.๒ ตรวจผลงาน
สมดุ งาน แบบฝกึ หัด แบบฝึกพัฒนาการเรยี นรู้ ๒. เครอ่ื งมอื การวัดและประเมินผล ๒.๑ แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการทางาน ๒.๒ แบบฝกึ พฒั นาการเรียนรู้ ๓. เกณฑ์การวดั และประเมินผล ใชก้ ารผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ข้นึ ไป กิจกรรมเสนอแนะ -
กระต่าย บัตรคา ฝ้าย มะพร้าว เคา้ เมฆ หวาดกลัว ถล่ม พายุ ตน้ ตาล นิทาน ปลอบ ปญั ญา ตรติ รอง อาหาร พิเคราะห์ อานาจ ราชสหี ์ ตรติ รอง ขลาดเขลา หยดุ หย่อน ทุกขเวทนา
ชือ่ ...................................................................................ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๓..................เลขที่.............. วันท่ี…….…….เดอื น………………………………………….…………พ.ศ……………... ****************************************************************************** คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นเขียนคาอา่ นจากคาท่ีกาหนดให้อย่างถกู ต้อง ตัวอยา่ ง สาราญ อ่านว่า สา – ราน ๑. สญั ญา อา่ นว่า ………………………………….. ๒.มะพรา้ ว อ่านวา่ ………………………………….. ๓. แปลงผกั อา่ นว่า ………………………………….. ๔.หวาดกลวั อ่านว่า ………………………………….. ๕. เสรจ็ อา่ นว่า ………………………………….. ๖. กะหลา่ ปลี อ่านว่า ………………………………….. ๗. ตน้ ตาล ๘. สาคญั อา่ นว่า ………………………………….. อา่ นว่า ………………………………….. ๙. ถลม่ ๑๐.ทราบ อ่านว่า ………………………………….. อ่านว่า …………………………………..
ช่อื …………………………………………………………..เลขที่…………….….ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓…………………….. วนั ท่ี………………..เดือน……………………………..…………….พ.ศ………………..……… คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนใหน้ กั เรียนหาความหมายของคายากจากพจนานุกรมให้ถูกต้อง ๑. สญั ญา หมายถึง ………………………………….. ๒.โพรงดิน หมายถึง ………………………………….. ๓. พลาง หมายถึง ………………………………….. ๔.ปลอบ หมายถงึ ………………………………….. ๕. อาหาร หมายถึง ………………………………….. ๖. ตน้ ตาล หมายถึง ………………………………….. ๗. พายุ หมายถึง ………………………………….. ๘. ถลม่ หมายถึง ………………………………….. ๙. ตรติ รอง หมายถงึ ………………………………….. ๑๐.สาคญั หมายถึง …………………………………..
ชอื่ ........................................................................ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๓..................เลขท่ี.................... วันท่ี… …….เดอื น……………………………………พ.ศ………………….. ********************************************************************************** คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นอา่ นหนงั สอื แลว้ เตมิ ข้อความลงในแบบรายงานการอ่านหนังสอื ให้ได้ใจความสมบรู ณ์ แบบรายงานการอา่ นหนังสือ เร่ือง ……………………… ชือ่ ผแู้ ต่ง …………………………………………………………………………..………………………………………………………………… ตัวละคร ……………………………………………………………………………….…………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………… เน้ือเรื่องย่อ ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ตวั ละครทช่ี อบมากท่สี ดุ ………………………………………………………………………………………………….…………………… ชอบเพราะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตวั ละครทีไ่ ม่ชอบมากท่ีสดุ ………………………………………………………………………………………………….………………… ไมช่ อบเพราะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ คิดท่ไี ด้จากเร่ือง………………………………………………………………………………………………………………….…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… เมอ่ื อ่านหนงั สอื เล่มนี้แลว้ ชอบเพราะ …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ไมช่ อบเพราะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แผนการจัดการเรียนรู้ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ เร่ืองกระต่ายไม่ต่นื ตมู เวลา ๑๒ ชั่วโมง แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๗ เรอื่ ง การเขยี นแผนภาพโครงเร่ือง เวลา ๑ ชั่วโมง วันที่ ................................................................ ************************************************************************************************** มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขียนสื่อสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราว ในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ตวั ช้วี ดั ท ๒.๑ ป.๖ / ๒ เขยี นบรรยายเก่ยี วกบั สิง่ ใดส่งิ หนง่ึ ได้อย่างชดั เจน สาระสาคญั ๑. การอ่านในใจเพอ่ื ใหส้ ามารถจบั ใจความสาคัญของเรอ่ื งได้ สามารถตอบคาถามจากเรื่อง บอกและ เรียงลาดบั เหตุการณ์ท่ีสาคญั ในเรื่องแลว้ สามารถเขียนแผนภาพโครงเรอ่ื งเพื่อสรปุ เรือ่ งหรือเลา่ เรื่องโดยใช้ คาพูดของตนเองตามแผนภาพโครงเร่อื งได้ ๒. แผนภาพโครงเร่ือง เป็นแผนภาพท่ีประกอบด้วยส่วนของคาถามเก่ียวกบั เรื่องดงั น้ี ใคร ทาอะไร ที่ไหน อย่างไร เพราะเหตใุ ด และข้อคดิ จากเร่ือง ๓. แผนภาพโครงเรอ่ื ง จะชว่ ยให้สามารถบอกเหตุการณ์ของเรื่องเป็นตอน ๆ โดยอาศัยการคิดคาตอบ จากคาถามในแผนภาพ และช่วยลาดบั เร่อื งได้อย่างต่อเนอ่ื ง ทาใหส้ ามารถสรุปเร่ืองทงั้ หมดได้ สาระการเรยี นรู้ ๑. บทเรยี นหน่วยที่ ๑ เรอื่ ง กระตา่ ยตนื่ ตมู ๒. การเขียนเรื่องตามแผนภาพโครงเร่ือง ๓. การเล่าเร่อื งตามแผนภาพโครงเร่ือง จดุ ประสงค์กาเรยี นรู้ ๑. นกั เรยี นสามารถเขียนแผนภาพโครงเร่ืองได้ ๒. นกั เรยี นสามารถเล่าเร่อื งจากแผนภาพโครงเร่ืองได้ ๓. นักเรยี นสามารถเขียนเร่ืองจากแผนภาพโครงเร่ืองได้ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. รักและชืน่ ชมในเอกลักษณไ์ ทย ๒. คดิ วิเคราะห์เร่อื งราวต่างๆได้ ๓. มีวนิ ัยในตนเอง
Search