Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนจัดการเรียนรู้ ภาษาพาที บทที่ ๑๒ ประชาธิปไตยใบเล็ก

แผนจัดการเรียนรู้ ภาษาพาที บทที่ ๑๒ ประชาธิปไตยใบเล็ก

Description: แผนจัดการเรียนรู้ ภาษาพาที บทที่ ๑๒ ประชาธิปไตยใบเล็ก

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑๒ เรอ่ื ง ประชาธปิ ไตยใบเลก็ นางเย็นฤดี คมุ้ สุพรรณ โรงเรยี นพณิ พลราษฎร์ ตั้งตรงจิตร ๑๒ สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพิษณุโลก เขต ๒

กาหนดการจัดการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ ชุดภาษาพาที หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑๒ เรื่อง ประชาธิปไตยใบเล็ก เวลา ๘ ช่ัวโมง จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ เวลา ๘ ช.ม ๑. อา่ นออกเสียงเน้ือหาบทเรยี นได้  การอา่ นในใจ ๒. จบั ใจความสาคญั ของเรือ่ งได้  การอ่านคิดวเิ คราะห์ ๑ ๓. ตอบคาถามจากเรื่องได้  คาศัพท์ที่ในบทเรียน ๑ ๔. นักเรียนต้ังคาถาม – ตอบคาถามเร่ืองทอ่ี า่ นได้  การอา่ นบทอา่ นเสริม ๑ ๕. นกั เรียนแสดงเหตผุ ลในการตอบคาถามได้  การแตง่ ประโยค ๑ ๖. นักเรียนสรุปข้อคิดท่ีได้จากการอ่านได้  การใชค้ ากรยิ า ๗. อา่ นแจกลูกสะกดคาได้  การใช้ ใ – ไ – ไ – ย ๑ ๘. บอกความหมายของคาในบทเรียนได้ ๑ ๙. ใช้คาไดถ้ ูกต้องตามบรบิ ท และ - ัย ๒ ๑๐. นกั เรยี นอ่านและเก็บใจความสาคญั ของเร่ืองได้ ๑๑. นักเรียนคดิ วเิ คราะห์สรปุ เรื่องราวทอ่ี ่าน ๑๒. ต้งั คาถาม – ตอบคาถามเรือ่ งที่อา่ นได้ ๑๓. บอกลักษณะของคาพ้องได้ ๑๔. อ่านคาพ้องได้ถูกต้องตามบรบิ ท ๑๕. อา่ นเขียนคาที่มีตัวอกั ษรไมอ่ อกเสยี งได้ ๑๖. แจกลูกสะกดคาที่มีตวั อักษรไมอ่ อกเสียงได้ ๑๗. บอกชื่อภาษาถ่ินในภูมิภาคตา่ งๆของไทยได้ ๑๘. เทยี บความหมายของภาษาไทยมาตรฐาน กับภาษาถิน่ ได้

แผนการจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๑๒ เร่ือง ประชาธปิ ไตยใบเล็ก เวลา ๘ ชั่วโมง แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑ เร่ือง การอา่ นในใจ เวลา ๑ ช่ัวโมง ใช้สอนวันท่.ี ....................................................................................................................................... ********************************************************************************** มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ัด มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ ๑ การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคิดไปใช้ตัดสนิ ใจแกป้ ญั หา และสรา้ ง วิสัยทศั น์ในการดาเนนิ ชวี ิต และมีนิสยั รักการอ่าน ตัวช้ีวดั ท ๑.๑ ป.๓ / ๖ อ่านหนังสือตามความสนใจอยา่ งสมา่ เสมอและนาเสนอเรื่องท่ีอา่ น จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. อา่ นในใจและเก็บใจความสาคัญของเรือ่ งได้ ๒. ถา่ ยโอนสาระเรื่องราวที่อา่ นไปยังผ้อู ืน่ ได้ ๓. บอกความหมายคาใหม่ในบทเรียนได้ สาระสาคัญ การอ่านในใจคือการกวาดสายตาไปยงั ข้อความจากหนังสือ พ่งุ ความสนใจไปยงั สาระทีอ่ ่าน แล้วเก็บ ใจความสาคัญของเรอ่ื งทอ่ี า่ น สามารถถา่ ยโอนสาระท่ีอา่ นไปยังผู้อืน่ ได้ด้วยท้งั พดู และการเขียน สาระการเรียนรู้ การอา่ นหนงั สอื ตามความสนใจ เชน่ หนงั สือท่ีนักเรียนสนใจและเหมาะสมกบั วัย หนงั สือทค่ี รแู ละ นักเรยี นกาหนดร่วมกนั อ่านในใจเร่ือง “ประชาธปิ ไตยใบเล็ก” การตอบคาถามจากเรื่อง สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต ๓. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. รกั ความเป็นไทย ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๓. มจี ิตสาธารณะ

๔. มีวนิ ัย ๕. อยู่อย่างพอเพยี ง ชิ้นงาน / หลักฐานรอ่ งรอยแสดงความรู้ ๑. การทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ๒. การทาใบงาน ๓. แบบบันทึกผลการประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงคแ์ ละผลงาน กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ครชู แี้ จงความสาคญั ของภาษาไทย ลาดับข้ันตอนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จุดประสงค์และส่ิงที่ นักเรียนต้องเตรยี ม ในชัว่ โมงน้ีใหน้ กั เรยี นรับทราบ ๒. นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น บทที่ ๑๒ ประชาธปิ ไตยใบเลก็ (ทา้ ยแผน ) จานวน ๑๕ ข้อ เสร็จแลว้ ครตู รวจสอบและประกาศผลเป็นคะแนนตามจานวนข้อท่ที าถูก โดยท่ยี งั ไมต่ ้องเฉลย ๓. ครเู ขียนคาใหมบ่ นกระดาน ซึ่งไดแ้ ก่ นโยบาย ประชาธปิ ไตย พฤติกรรม พนั ธุ์เผ่า ระเบยี บ รัฐธรรมนญู สันติ สทิ ธพิ เิ ศษ ให้นักเรยี นทุกคนอา่ นออกเสียงตามครูพร้อมกนั จากนน้ั สนทนากันเกี่ยวกบั ความหมายของแต่ละคา นักเรียนคดั ลอกลงในสมดุ ๔. ให้นักเรียนแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ ๔ – ๕ คน แต่ละกลุ่มแต่งต้ังหวั หนา้ กลุ่ม เลขานุการกลมุ่ สมาชิก ในกลุ่มทุกคนอา่ นเรอื่ ง “ประชาธปิ ไตยใบเลก็ ”ในใจจากนน้ั ช่วยกันสรุปเรอื่ งเป็นสานวนของตนเอง โดย เลขานุการกลุ่มเขียนบทสรปุ ของเร่ืองเพ่ือเล่าเร่ืองท่ีหนา้ ชนั้ เรียน ๕. แตล่ ะกล่มุ ส่งตัวแทนเล่าเร่อื งโดยย่อท่หี น้าช้ันเรียน และตงั้ คาถามจากเร่ืองให้กลุ่มอ่ืนตอบ กลุ่ม ละ ๓ คาถาม ๖. ร่วมกนั สนทนาเกยี่ วกบั ชือ่ เรอื่ ง “ประชาธิปไตยใบเล็ก” วา่ มลี กั ษณะอย่างไร โดยครูใช้คาถามนา ดงั น้ี  ครวู รรณากาลงั ฝึกทกั ษะใดให้กับนักเรยี นในห้อง  เหตใุ ด ตน้ ไทรจงึ คดั ค้านการตั้งชือ่ กลุ่มว่า “ ปลาโลมา”  เหตใุ ดการคัดคา้ นการต้งั ชื่อกล่มุ ของตน้ ไทร จงึ ไมเ่ ป็นผล  กิจกรรมใดบ้างในห้องเรียนที่ใช้หลักประชาธปิ ไตย  นักเรียนในหอ้ งกาลงั ใชห้ ลกั ประชาธิปไตยทากจิ กรรมใด  เรอื่ งนีใ้ หข้ ้อคิดอะไรกบั นักเรียนบ้าง ๗. นกั เรียนทาใบงานที่ ๑ (ท้ายแผน) ชุด ตอบคาถามท่ีกาหนดให้ จากนนั้ นาสง่ ครู ครูเฉลยนักเรยี น แลกเปลี่ยนกนั ตรวจสอบความถูกต้อง

สื่อ / แหล่งเรยี นรู้ / บคุ คล ลาดบั ท่ี รายการสื่อ กจิ กรรมทีใ่ ช้ แหลง่ ท่ีไดม้ า ๑ บัตรคา นักเรยี นฝกึ อ่านและหาความหมาย ครจู ดั เตรยี ม ๒ ใบงาน ชดุ ที่ ๑ นักเรียนทาใบงาน ครูจดั ทา ๓ แบบทดสอบก่อนเรียน นักเรียนทาแบบทดสอบ ครูจดั ทา ๔ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ครจู ดั ทา ๕ เกณฑ์การประเมนิ ( Rubric ) สร้างกฎของการประเมิน ครจู ดั ทา ๖ แบบประเมินผลงานรายกลมุ่ ประเมินผลงานรายกลมุ่ ครูจดั ทา ๗ แบบประเมินการสังเกตพฤตกิ รรม บนั ทึกการสงั เกตพฤติกรรม และ ครูจดั ทา และแบบประเมนิ ผลงานรายบคุ คล บันทกึ ผลงานรายบคุ คล วัดผลประเมินผล กิจกรรมทปี่ ระเมิน เครื่องมือทีใ่ ช้ใน วิธีการประเมิน เกณฑ์การประเมนิ การประเมิน ๑. สังเกตพฤติกรรมด้าน แบบประเมนิ การสังเกต สงั เกตรายบคุ คล ๘ - ๑๐ = ดีมาก คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ พฤติกรรม และ ๖ – ๗ = ดี แบบประเมนิ ผลงาน ๕ = พอใช้ ตา่ กวา่ ๕ = ปรับปรุง ๒. นกั เรยี นสรปุ เร่อื ง แบบประเมินการสงั เกต สงั เกตรายกลมุ่ ๘ - ๑๐ = ดมี าก พฤติกรรม และ ๖ – ๗ = ดี แบบประเมนิ ผลงาน ๕ = พอใช้ ต่ากว่า ๕ = ปรบั ปรุง ๓. นกั เรียนทาใบงาน ชดุ ที่ ๑ แบบประเมินการสงั เกต ตรวจงานรายบุคคล ๘ - ๑๐ = ดมี าก พฤติกรรม และ ๖ – ๗ = ดี แบบประเมินผลงาน ๕ = พอใช้ ตา่ กว่า ๕ = ปรบั ปรงุ ๔. นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อน แบบประเมนิ การสังเกต ตรวจงานรายบุคคล ๑๒ - ๑๕ = ดีมาก เรียน พฤติกรรม และ ๑๐ – ๑๑ = ดี แบบประเมนิ ผลงาน ๘ – ๙ = พอใช้ ตา่ กว่า ๘ = ปรับปรุง

การประเมิน ดา้ นทกั ษะ / กระบวนการ ประเดน็ การประเมนิ เกณฑก์ ารให้ระดบั คะแนน ทกั ษะการสรุป ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรับปรงุ (๐) เนือ้ หา สรุปเนื้อหาได้กระชบั สรปุ เนอื้ หาได้กระชบั สรุปเนอ้ื หาได้ไม่กระชบั การรายงานหนา้ ช้ัน ใจความครบถว้ น ใจความเกือบครบถ้วน ใจความและไม่ครบถ้วน การปฏบิ ตั งิ านตาม ข้ันตอน สามารถส่อื ใหผ้ ู้อืน่ เข้าใจ สามารถสอ่ื ให้ผู้อน่ื เข้าใจ สามารถสอ่ื ใหผ้ ู้อ่นื เขา้ ใจ ความคิดสรา้ งสรรค์ ความเป็นระเบียบ ไดง้ า่ ย ได้ ได้นอ้ ย เรียบรอ้ ยของการทา ใบงาน สามารถพูดรายงานไดด้ ี สามารถพูดรายงานได้ดี สามารถพดู รายงานไดด้ ี พูดเสียงดงั ฟงั ชัด ได้สาระ พดู น้าเสียงชดั เจน พูดน้าเสยี งไม่ชัดเจน ไม่ ชัดเจน วางบคุ ลิกในการ สอดคลอ้ งกบั เนื้อหาท่ี คอ่ ยสอดคล้องกับเน้ือหา พูดได้ดีมาก พูด วางบคุ ลิกในการพดู ท่ีพดู วางบคุ ลกิ ในการ ไดด้ ี พูดไม่ค่อยดี มีทกั ษะการปฏิบัตงิ าน มีการปฏบิ ตั ิงานตาม ยงั ไมส่ ามารถปฏิบัติงาน ตามขัน้ ตอน ได้อย่าง ขัน้ ตอนได้ตามลาดับ ตามข้นั ตอนได้ ถูกต้องและเหมาะสม มีความคิดสร้างสรรค์ดี พอมีความคิดท่ี ยงั ขาดความคิดท่ี สรา้ งสรรค์อยู่บ้าง สรา้ งสรรค์ มีทักษะสามารถสรา้ งงาน สามารถสร้างงานที่สวน ไม่มีความสวยงาม และ ทส่ี วยงาม และมีความ งามพอใชไ้ ด้ และมี ไม่ประณีต ประณตี ดี ความประณตี ในบางส่วน

การประเมิน ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ประเด็นการประเมนิ เกณฑ์การใหร้ ะดับคะแนน ซอื่ สตั ย์สุจริต มวี นิ ยั ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรบั ปรงุ (๐) ใฝ่เรยี นรู้ ทางานอย่างตรงไป ทางานอย่างตรงไป ทางานอย่างตรงไป อยู่อยา่ งพอเพยี ง มีจติ สาธารณะ ตรงมา ยอมรับใน ตรงมา ไม่ยอมรบั ใน ตรงมา ไมย่ อมรบั ใน ขอ้ ผิดพลาดและ ข้อผิดพลาดและ ขอ้ ผดิ พลาดและ บกพร่องของตนเอง บกพร่องของตนเอง บกพร่องของตนเองไม่ พอใจในสิง่ ท่ตี นมี พอใจในสง่ิ ท่ตี นมี ค่อยพอใจในส่ิงทีต่ นมี ร้จู ักควบคมุ อารมณ์ รูจ้ กั ควบคุมอารมณ์บ้าง ไม่รูจ้ กั ควบคุมอารมณ์ ปฏบิ ตั ติ นอยู่ในระเบยี บ ปฏิบตั ิตนอยใู่ นระเบยี บ ปฏิบตั ิตนอยู่ในระเบียบ วนิ ยั แต่งกายถูกตอ้ ง วินยั การแตง่ กายไม่คอ่ ย วนิ ยั นอ้ ยไม่ค่อยแต่งกาย ตามระเบียบของ ถูกต้องตามระเบยี บของ ถกู ต้องตามระเบียบของ โรงเรียนตลอดเวลา โรงเรียน โรงเรียน มคี วามมานะม่งุ มนั่ ใน มคี วามมานะม่งุ ม่นั ใน ไม่มีความมานะม่งุ ม่นั ใน การทางานที่ไดร้ ับ การทางานทไ่ี ด้รับ การทางานท่ีไดร้ ับ มอบหมาย ศึกษาค้นคว้า มอบหมาย ศึกษาค้นคว้า มอบหมาย ไม่ค่อยศกึ ษา ด้วยตนเองทางานเสรจ็ ดว้ ยตนเองเป็นบางครง้ั ค้นควา้ ดว้ ยตนเอง ทนั เวลาและถูกตอ้ ง ทางานเสร็จทนั เวลาเป็น ทางานเสรจ็ ไม่ทันเวลา บางครั้ง ใชว้ ัสดอุ ปุ กรณ์การเรียน ใช้วสั ดุอปุ กรณก์ ารเรยี น ใชว้ ัสดุอุปกรณ์การเรยี น ทรี่ าคาถูกและใชอ้ ย่าง ท่ีราคาค่อนข้างแพงและ ทรี่ าคาค่อนขา้ งแพงและ คมุ้ ค่าใชจ้ นหมดแลว้ ใชอ้ ยา่ งคุ้มค่าใชจ้ นหมด ใชอ้ ยา่ งคุ้มค่าใช้ไม่ ค่อยซื้อใหม่ หมดแลว้ ซื้อใหม่ มคี วามเสยี สละเพือ่ มคี วามเสยี สละเพื่อ ไม่ค่อยเสยี สละเพื่อ ส่วนรวม ไม่เอาเปรยี บ ส่วนรวมเป็นบางครั้ง ส่วนรวม ชอบเอาเปรียบ ไม่เหน็ แกต่ ัวช่วยเหลือ ไมเ่ อาเปรยี บไมเ่ ห็นแก่ คนอ่นื ค่อนขา้ งเหน็ แก่ หมคู่ ณะไดเ้ ป็นอยา่ งดี ตวั ไมค่ อ่ ยชว่ ยเหลือหมู่ ตวั ไมค่ ่อยช่วยเหลือหมู่ คณะ คณะ ๑๐. กิจกรรมเสนอแนะ -

แบบทดสอบ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑๒ เร่ืองประชาธปิ ไตยใบเลก็ ************************************************** คาช้แี จง นักเรียนเลอื กคาตอบทถ่ี ูกท่ีสุดเพยี งข้อเดยี ว ๑. ครูวรรณาใชว้ ิธกี ารดแู ลนักเรียนในห้องอย่างไร ก. นักเรยี นปกครองกนั เอง ข. กระบวนการกลมุ่ ค. ใหด้ าวหรอื คะแนนกลุ่มทีท่ าดี ง. ถูกทกุ ข้อ ๒. นักเรียนคิดวา่ ตามระบอบประชาธปิ ไตย มีลกั ษณะเป็นอย่างไร ก. ยอมรบั เสียงขา้ งมาก ข. เคารพความคิดเหน็ ส่วนบุคคล ค. ยดึ กระบวนการกลุ่ม ง. ถูกทกุ ขอ้ ๓. ในการเลือกหัวหนา้ ห้องของครวู รรณาเปน็ อย่างไร ก. ครคู ัดเลือกเอง ข. นกั เรียนสมัคร ค. ลงคะแนนเลือกต้ัง ง. ขอ้ ข และ ค ถูก ๔. นกั เรียนทราบหรือไม่วา่ ใครไม่ยอมรับเสียงข้างมาก ในการต้ังชือ่ กลุม่ วา่ “ปลาโลมา” ก. ตน้ ไทร ข. กันดาว ค. สธุ ี ง. ปานแก้ว ๕. นักเรยี นคิดว่าคุณธรรมในข้อใดเปน็ หัวใจของระบอบประชาธิปไตย ก. สามัคคีธรรม ข. คารวธรรม ค. ปัญญาธรรม ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๖. หลักและวิธีการปฏิบัติ ถือเป็นแนวการดาเนนิ การ เรียกว่าอะไร ก. อดุ มการณ์ ข.วธิ กี าร ค. นโยบาย ง. แถลงการณ์ ๗. กฎหมายสงู สุดทใ่ี ชใ้ นการปกครองประเทศ เรยี กว่าอะไร ก. รัฐสภา ข. รฐั ธรรมนญู ค. นติ บิ ัญญตั ิ ง. วฒุ ิสภา ๘. ระเบียบแบบแผน ข้อบงั คับ ข้อปฏิบัติ นักเรียนว่าคือข้อใด ก. ระเบียบ ข. วินัย ค. ขอ้ ปฏิบตั ิ ง. ข้อตกลง ๙. คาทีใ่ ชบ้ อกการกระทาของคน สัตว์ สงิ่ ของ เรยี กว่าคาอะไร ก. คานาม ข. คาสรรพนาม ค. คากรยิ า ง. คาวเิ ศษณ์ ๑๐. ขอ้ ใดไม่ใชค่ ากริยา ก. ให้ ข.ใช่ ค. นบั ง. เป็น

เฉลย ๑. ง ๒. ก ๓. ง ๔. ก ๕. ง ๖. ก ๗. ข ๘. ข ๙. ค ๑๐. ก

ใบงาน ชุดท่ี ๑ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ี ๑. ครวู รรณากาลงั ฝกึ ทักษะใดให้กบั นกั เรียนในห้อง ............................................................................................................................................................................ .. ............................................................................................................................. ................................................. ๒. เหตุใด ตน้ ไทรจึงคดั คา้ นการตั้งชอื่ กลุ่มวา่ “ ปลาโลมา” ............................................................................................................................. ................................................. ..................................................................................................................................................... ......................... ๓. เหตใุ ดการคดั ค้านการตัง้ ชื่อกลมุ่ ของต้นไทร จึงไมเ่ ป็นผล ............................................................................................................................................................................ .. ๔. กิจกรรมใดบ้างในห้องเรียนท่ใี ช้หลกั ประชาธิปไตย ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................. ................. ๕. นกั เรียนในห้องกาลงั ใช้หลักประชาธปิ ไตยทากิจกรรมใด .............................................................................................................................................................................. ๖. เรือ่ งนใ้ี หข้ อ้ คดิ อะไรกับนักเรียนบา้ ง ............................................................................................................................. ................................................. ..................................................................................................................................................................... ......... ๗. นักเรียนคิดวา่ คุณธรรมซ่ึงเป็นหัวใจของระบอบประชาธิปไตย มอี ะไรบ้าง .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๘. ให้นักเรยี นเขยี นอธิบายความหมายของ “ประชาธปิ ไตย” อาจค้นหาความหมายจากพจนานุกรมได้ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๙. เมื่อนักเรยี นผลู้ งสมัครรับเลือกตง้ั เปน็ หวั หนา้ ห้อง มีคะแนนเทา่ กัน นกั เรียนตดั สนิ อย่างไร เพ่ือคดั เลือก หัวหนา้ หอ้ ง ............................................................................................................................. ................................................. ๑๐. นอกจากหัวหน้าห้องแล้ว ยังมกี ารคัดเลือกตาแหน่งใดอกี .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ชือ่ ..............................................................เลขที่ ..................... ช้ัน...............

แผนการจัดการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๓ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑๒ เรือ่ ง ประชาธปิ ไตยใบเลก็ เวลา ๘ ช่วั โมง แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๒ เรอ่ื ง การอ่านคิดวเิ คราะห์ เวลา ๑ ชวั่ โมง ใช้สอนวนั ท.ี่ ....................................................................................................................................... ************************************************************************************************************************************************************************* มาตรฐานการเรียนรู้/ ตวั ช้วี ัด มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจแกป้ ญั หา ในการดาเนินชีวิต และมนี ิสยั รกั การอ่าน ตัวช้ีวัด ท ๑.๑ ป.๓ / ๓ ตง้ั คาถามและตอบคาถามเชงิ เหตุผลเกี่ยวกบั เรื่องทอ่ี า่ น จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นกั เรยี นตั้งคาถาม – ตอบคาถามเรื่องทอี่ ่านได้ ๒. นกั เรียนแสดงเหตผุ ลในการตอบคาถามได้ ๓. นักเรยี นสรปุ ขอ้ คิดที่ได้จากการอ่านได้ สาระสาคัญ การวเิ คราะหเ์ รอ่ื ง เปน็ การพิจารณาเรื่องราวตา่ ง ๆ อย่างละเอียดต้ังแตต่ ้นจนจบ เพื่อแยกแยะ ขอ้ เท็จจรงิ และข้อคดิ เห็น มีการใชเ้ หตุผลในการแยกสว่ นดี สว่ นบกพร่องของเร่ืองนน้ั ๆ การจะย่อความและ วเิ คราะห์เร่ืองไดด้ ีนอกจากจะเป็นคนชอบอ่านแล้วยังต้องหม่ันฝึกการย่อความและวิเคราะห์เปน็ ประจาดว้ ย ดงั น้ันจะต้องเรยี นรแู้ ละนาไปใช้ให้ถกู ต้อง จงึ จะถือว่าประสบความสาเร็จในการเรยี นภาษา สาระการเรยี นรู้ การอ่านจับใจความจากสื่อต่างๆ เชน่ นทิ านหรอื เรอ่ื งเกีย่ วกับทอ้ งถนิ่ การอ่านคิดวเิ คราะห์ การตง้ั คาถามเชงิ เหตุผล สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น ๑. ความสามารถในการส่ือสาร ๒. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. รักความเป็นไทย ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๓. มีจติ สาธารณะ ๔. มวี ินัย

๕. อย่อู ยา่ งพอเพยี ง ชิ้นงาน / หลักฐานรอ่ งรอยแสดงความรู้ ๑. การทาใบงาน ๒. แบบบันทกึ ผลการประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคแ์ ละผลงาน กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ทบทวนเน้ือหาทเี่ รยี นในชั่วโมงทีแ่ ล้วด้วยการใหน้ ักเรียนนาใบงานชุดท่ี ๑ มารว่ มกันตรวจสอบ และเฉลยอีกครัง้ ๒. แบง่ นักเรียนออกเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ ๔ – ๕ คน ให้แต่ละกลุ่มเลอื กประธานกลุม่ รองประธาน กลุ่ม และเลขานกุ ารกลมุ่ ครูอธบิ ายบทบาทและหน้าท่ีของสมาชิกทกุ คนในกลุ่มให้นักเรียนทราบ ๓. ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มอ่านออกเสียงเนอื้ หาบทเรยี น จากหนังสอื ภาษาไทยชดุ ภาษาพาที ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๓ บทท่ี ๑๒ “ประชาธิปไตยใบเล็ก” จากหนา้ ๑๕๒ ถงึ หนา้ ๑๕๔ กลมุ่ ละ ๑ ยอ่ หน้า จากนัน้ ทกุ กลุ่มอา่ นพร้อมกันอีกครั้ง ๔. ครตู งั้ คาถามต่อไปนใี้ หน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ตอบ  เหตุใดบทเรยี นนจ้ี งึ มีช่ือวา่ “ ประชาธิปไตยใบเล็ก”  ปลาโลมา ในบทเรียนนีเ้ ปน็ ชอื่ ของอะไร  ในบทเรียนมกี ารเอย่ ช่ือถงึ ตวั ละครใดบา้ ง  นโยบายของ ปา่ นแก้ว เปน็ อยา่ งไร  นโยบายของ สุธี เปน็ อย่างไรบ้าง  ในทสี่ ดุ ใครได้เปน็ หวั หน้าชั้น ให้แต่ละกล่มุ ช่วยกันเขยี นคาตอบลงในแผน่ กระดาษ จากน้ันส่งตวั แทนออกมาอ่านคาตอบทห่ี น้าชน้ั เรียน ครชู มเชยกลุ่มท่ีตอบได้ดี ๕. รว่ มกนั สนทนาถึงเน้ือหาของเร่ือง “ ประชาธิปไตยใบเลก็ ” ครซู ักถามนักเรียนวา่ นักเรียนได้ อะไรบา้ งจากการอ่านเร่ืองนี้ นักเรียนมปี ระสบการณเ์ กย่ี วกบั การเลือกตั้งหรือไม่ ใหน้ กั เรียนอาสาสมคั รมาเล่า ประสบการณ์ ๒ – ๓ คน ๖. นกั เรยี นทาใบงานท่ี ๔ (ท้ายแผน) ชดุ เขยี นเล่าประสบการณเ์ กย่ี วกบั การเลือกต้ัง เสรจ็ แล้วให้ นกั เรยี นอ่านรายงานที่หน้าช้ันเรยี น รว่ มกันตัดสินผทู้ เี่ ลา่ ไดด้ ีทสี่ ุด ๗. นักเรยี นทาใบงานท่ี ๕ (ทา้ ยแผน ) ชดุ บอกสงิ่ ทีไ่ ด้จากการอ่านเรื่อง“ ประชาธิปไตยใบเลก็ ” ถา้ ไมเ่ สรจ็ ไปทาเปน็ การบ้าน

ส่ือ / แหล่งเรียนรู้ / บุคคล ลาดับท่ี รายการส่อื กจิ กรรมที่ใช้ แหล่งท่ไี ดม้ า ครใู ช้ประกอบคาอธบิ าย ครจู ดั เตรียม ๑ รปู ภาพ ๒ ใบงาน ชุดที่ ๒ – ๓ นักเรียนทาใบงาน ครจู ัดทา ๓ แถบประโยคคาถาม นกั เรยี นฝึกทักษะการตอบ ครจู ัดทา คาถาม ๔ หนังสอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐานภาษาไทย ชุด นักเรียนอ่านเร่ือง ครจู ดั ทา ภาษาเพ่ือชีวิต ภาษาพาที ช้ัน ป.๓ ๕ เกณฑ์การประเมิน ( Rubric ) สรา้ งกฎของการประเมิน ครูจัดทา ๖ แบบประเมินผลงานรายกล่มุ ประเมนิ ผลงานรายกลุ่ม ครจู ดั ทา ๗ แบบประเมินการสังเกตพฤติกรรม และ บันทกึ การสังเกตพฤติกรรม ครจู ัดทา แบบประเมินผลงานรายบคุ คล และบันทึกผลงานรายบคุ คล วดั ผลประเมนิ ผล กิจกรรมที่ประเมิน เคร่ืองมอื ทใี่ ช้ใน วธิ กี ารประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ การประเมนิ ๑. สงั เกตพฤติกรรมดา้ น แบบประเมนิ การสงั เกต สงั เกตรายบุคคล ๘ - ๑๐ = ดมี าก คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ พฤติกรรม และ ๖ – ๗ = ดี แบบประเมินผลงาน ๕ = พอใช้ ตา่ กว่า ๕ = ปรบั ปรุง ๒. นักเรียนอ่านรายงาน แบบประเมนิ การสงั เกต สงั เกตรายกลมุ่ ๘ - ๑๐ = ดมี าก หน้าชน้ั เรยี น พฤติกรรม และ ๖ – ๗ = ดี แบบประเมินผลงาน ๕ = พอใช้ ต่ากว่า ๕ = ปรับปรงุ ๓. นกั เรยี นทาใบงาน ชดุ ที่ ๒ แบบประเมนิ การสงั เกต ตรวจงานรายบคุ คล ๘ - ๑๐ = ดีมาก พฤติกรรม และ ๖ – ๗ = ดี แบบประเมินผลงาน ๕ = พอใช้ ตา่ กว่า ๕ = ปรบั ปรงุ ๓. นกั เรยี นทาใบงาน ชุดท่ี ๓ แบบประเมนิ การสงั เกต ตรวจงานรายบุคคล ๘ - ๑๐ = ดมี าก พฤติกรรม และ ๖ – ๗ = ดี แบบประเมินผลงาน ๕ = พอใช้ ตา่ กวา่ ๕ = ปรับปรุง

การประเมิน ดา้ นทกั ษะ / กระบวนการ ประเดน็ การประเมนิ เกณฑก์ ารให้ระดบั คะแนน ทกั ษะการสรุป ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรับปรงุ (๐) เนือ้ หา สรุปเนื้อหาได้กระชบั สรปุ เนอื้ หาได้กระชบั สรุปเนอ้ื หาได้ไม่กระชบั การรายงานหนา้ ช้ัน ใจความครบถว้ น ใจความเกือบครบถ้วน ใจความและไม่ครบถ้วน การปฏบิ ตั งิ านตาม ข้ันตอน สามารถส่อื ใหผ้ ู้อืน่ เข้าใจ สามารถส่อื ให้ผู้อ่ืนเข้าใจ สามารถสอ่ื ใหผ้ ู้อ่นื เขา้ ใจ ความคิดสรา้ งสรรค์ ความเป็นระเบยี บ ไดง้ า่ ย ได้ ได้นอ้ ย เรียบรอ้ ยของการทา ใบงาน สามารถพูดรายงานไดด้ ี สามารถพูดรายงานได้ดี สามารถพดู รายงานไดด้ ี พูดเสยี งดงั ฟงั ชัด ได้สาระ พดู น้าเสียงชดั เจน พูดน้าเสยี งไม่ชัดเจน ไม่ ชัดเจน วางบคุ ลิกในการ สอดคลอ้ งกบั เนื้อหาท่ี คอ่ ยสอดคล้องกับเน้ือหา พูดได้ดีมาก พูด วางบคุ ลิกในการพดู ท่ีพดู วางบคุ ลกิ ในการ ไดด้ ี พูดไม่ค่อยดี มีทกั ษะการปฏิบัตงิ าน มีการปฏบิ ตั ิงานตาม ยงั ไมส่ ามารถปฏิบัติงาน ตามขัน้ ตอน ได้อย่าง ขัน้ ตอนได้ตามลาดบั ตามข้นั ตอนได้ ถูกต้องและเหมาะสม มีความคิดสร้างสรรค์ดี พอมีความคิดท่ี ยงั ขาดความคิดท่ี สรา้ งสรรค์อยู่บา้ ง สรา้ งสรรค์ มีทักษะสามารถสรา้ งงาน สามารถสร้างงานที่สวน ไม่มีความสวยงาม และ ทส่ี วยงาม และมีความ งามพอใชไ้ ด้ และมี ไม่ประณีต ประณตี ดี ความประณตี ในบางส่วน

การประเมนิ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ประเด็นการประเมิน เกณฑก์ ารให้ระดบั คะแนน ซื่อสตั ย์สจุ รติ มีวินยั ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรบั ปรงุ (๐) ใฝ่เรยี นรู้ ทางานอย่างตรงไป ทางานอย่างตรงไป ทางานอย่างตรงไป อยู่อยา่ งพอเพยี ง มจี ิตสาธารณะ ตรงมา ยอมรับใน ตรงมา ไมย่ อมรบั ใน ตรงมา ไม่ยอมรับใน ข้อผิดพลาดและ ข้อผดิ พลาดและ ขอ้ ผดิ พลาดและ บกพร่องของตนเอง บกพร่องของตนเอง บกพร่องของตนเองไม่ พอใจในส่ิงที่ตนมี พอใจในส่งิ ที่ตนมี ค่อยพอใจในสิ่งทต่ี นมี รจู้ กั ควบคมุ อารมณ์ รู้จักควบคุมอารมณ์ บ้าง ไม่รจู้ กั ควบคมุ อารมณ์ ปฏบิ ตั ิตนอยู่ในระเบียบ ปฏิบัตติ นอยู่ในระเบยี บ ปฏิบตั ติ นอยู่ในระเบยี บ วินยั แต่งกายถูกต้องตาม วินัยการแต่งกายไม่คอ่ ย วนิ ยั นอ้ ยไม่คอ่ ยแต่งกาย ระเบียบของโรงเรียน ถกู ต้องตามระเบยี บของ ถกู ต้องตามระเบียบของ ตลอดเวลา โรงเรยี น โรงเรยี น มคี วามมานะม่งุ มนั่ ใน มีความมานะมงุ่ ม่ันใน ไม่มีความมานะมุง่ มั่นใน การทางานท่ีไดร้ ับ การทางานทไ่ี ดร้ บั การทางานที่ได้รบั มอบหมาย ศกึ ษาคน้ คว้า มอบหมาย ศึกษาค้นควา้ มอบหมาย ไมค่ ่อยศึกษา ด้วยตนเองทางานเสร็จ ด้วยตนเองเป็นบางครั้ง ค้นคว้าด้วยตนเอง ทันเวลาและถูกตอ้ ง ทางานเสร็จทนั เวลาเปน็ ทางานเสรจ็ ไม่ทนั เวลา บางครง้ั ใช้วัสดอุ ปุ กรณ์การเรียน ใช้วสั ดอุ ุปกรณ์การเรยี น ใชว้ ัสดอุ ปุ กรณ์การเรยี น ท่ีราคาถูกและใชอ้ ย่าง ทรี่ าคาค่อนขา้ งแพงและ ทรี่ าคาค่อนข้างแพงและ ค้มุ ค่าใชจ้ นหมดแลว้ ใช้อย่างคุ้มคา่ ใช้จนหมด ใชอ้ ย่างคุ้มค่าใช้ไม่ คอ่ ยซื้อใหม่ หมดแล้วซ้ือใหม่ มคี วามเสยี สละเพ่อื มคี วามเสียสละเพ่ือ ไม่ค่อยเสยี สละเพ่ือ ส่วนรวม ไมเ่ อาเปรียบ สว่ นรวมเปน็ บางคร้งั ส่วนรวม ชอบเอาเปรยี บ ไมเ่ หน็ แกต่ วั ช่วยเหลือ ไม่เอาเปรยี บไมเ่ หน็ แก่ คนอน่ื ค่อนข้างเหน็ แก่ หมคู่ ณะได้เป็นอยา่ งดี ตวั ไม่คอ่ ยชว่ ยเหลอื หมู่ ตวั ไม่คอ่ ยชว่ ยเหลือหมู่ คณะ คณะ ๑๐. กิจกรรมเสนอแนะ -

ใบงาน ชดุ ท่ี ๒ คาช้ีแจง ให้นกั เรยี นเขยี นเลา่ ประสบการณเ์ กย่ี วกับการเลือกต้ัง ประสบการณในการเลือกตั้ง …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …… ชอ่ื ..............................................................เลขที่ ..................... ชั้น...............

ใบงาน ชดุ ที่ ๓ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนบอกสิง่ ที่ได้จากการอ่านเร่ือง “ ประชาธปิ ไตยใบเลก็ ” โดยเขยี นลงในแผนภาพต่อไปน้ี ส่ิงที่ไดจ้ ากการอา่ นเร่ือง “ประชาธปิ ไตยใบเลก็ ” ช่อื .................................................................เลขที่ ..................... ชัน้ ...............

แผนการจดั การเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๑๒ เรอ่ื ง ประชาธิปไตยใบเล็ก เวลา ๘ ชั่วโมง แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๓ เรอ่ื ง คาศพั ทท์ ่ใี นบทเรยี น เวลา ๑ ช่ัวโมง ใชส้ อนวนั ท่ี........................................................................................................................................ ********************************************************************************** มาตรฐานการเรียนรู้/ ตวั ชี้วัด มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความร้แู ละความคดิ เพ่อื นาไปใชต้ ัดสินใจแก้ปญั หา ในการดาเนินชวี ิต และมีนิสยั รักการอา่ น ตัวชว้ี ดั ท ๑.๑ ป.๓ / ๑ อา่ นออกเสยี งคา ข้อความ เรอ่ื งสั้นๆ และบทร้อยกรองงา่ ยๆ ได้ถูกต้อง คล่องแคล่ว จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. นักเรยี นอ่านแจกลูกสะกดคาได้ ๒. นกั เรียนบอกความหมายของคาในบทเรยี นได้ ๓. นักเรียนใชค้ าไดถ้ ูกต้องตามบรบิ ท สาระสาคญั การเรยี นรคู้ า ผู้เรยี นต้องเรียนร้ทู ้ังในด้านองคป์ ระกอบ หลกั การอา่ นแจกลูกสะกดคา ความหมาย และหลักการใช้ จึงจะสามารถนาคาไปใช้ได้ถูกต้องตามสถานการณ์ สาระการเรียนรู้ การอา่ นออกเสียงและการบอกความหมายของคา คาคลอ้ งจอง ข้อความ และบทร้อยกรองงา่ ยๆ ที่ ประกอบด้วยคาพื้นฐานเพ่ิมจาก ป.๓ ไม่น้อยกวา่ ๑,๒๐๐ คา รวมทั้งคาทเี่ รียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน การอ่านและสะกดคา ความหมายของคายากในบทเรยี น สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. รกั ความเป็นไทย ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๓. มีจติ สาธารณะ ๔. มวี นิ ัย ๕. อยู่อย่างพอเพยี ง

ชิน้ งาน / หลักฐานรอ่ งรอยแสดงความรู้ ๑. การทาใบงาน ๒. แบบบันทึกผลการประเมิน กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ทบทวนเน้อื หาที่เรียนในช่ัวโมงท่ีแลว้ ดว้ ยการให้นกั เรยี นนาใบงานชดุ ที่ ๒ – ๓ มาร่วมกนั ตรวจสอบและเฉลยอีกคร้ัง ๒. แบ่งนกั เรยี นออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ ๔ – ๕ คน จากนัน้ ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มเลน่ เกม “ วิเคราะห์คา ...นาไปเขยี น” ซงึ่ วิธกี ารเล่นอยทู่ ้ายแผน ๓. ครใู ช้บัตรคาจากคาศัพท์ในบทเรียนชูใหน้ ักเรยี นดเู พือ่ อธิบายความหมายของคา ให้นกั เรียนฝกึ อา่ นออกเสยี งและแจกลกู สะกดคา ๔.นักเรียนแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกันค้นหาความหมายของคาเหลา่ น้จี ากพจนานุกรมแล้วส่งตวั แทนออกมา อ่านคาและความหมายทห่ี น้าช้นั เรียนและคัดลอกลงในสมุด ๕. นกั เรยี นทาใบงานที่ ๔ (ท้ายแผน) ชุด เขียนคาอ่านจากคาทก่ี าหนดให้ จากนั้นนาส่งครู ครูเฉลย และตรวจสอบความถูกต้อง ๖. นกั เรยี นทาใบงานที่ ๕ ( ท้ายแผน ) ชดุ เขยี นคาจากคาอา่ นท่ีกาหนดให้ เสร็จแลว้ นาสง่ ครู ตรวจสอบความถูกตอ้ ง สอื่ / แหล่งเรยี นรู้ / บุคคล ลาดบั ที่ รายการส่ือ กิจกรรมท่ใี ช้ แหล่งทไี่ ด้มา ๑ เกม วิเคราะห์คา นาไปเขยี น นกั เรยี นเลน่ เกม ครจู ดั เตรียม ๒ ใบงาน ชุดที่ ๔ – ๕ นักเรียนทาใบงาน ครูจัดทา ๓ บตั รคา นกั เรยี นฝึกทักษะการอ่าน ครูจดั ทา ๔ หนงั สือเรียนรายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย นักเรียนอ่านเรื่อง ครจู ัดทา ชุดภาษาเพอื่ ชวี ิต ภาษาพาที ช้นั ป.๓ สรา้ งกฎของการประเมนิ ครจู ัดทา ๕ เกณฑ์การประเมนิ ( Rubric ) ประเมนิ ผลงานรายกลมุ่ ครจู ัดทา ๖ แบบประเมนิ ผลงานรายกลุ่ม บันทกึ การสงั เกต ครูจดั ทา ๗ แบบประเมนิ การสังเกตพฤตกิ รรม และ พฤติกรรม และบนั ทึก ผลงานรายบุคคล แบบประเมินผลงานรายบคุ คล

วดั ผลประเมนิ ผล กจิ กรรมทีป่ ระเมนิ เครือ่ งมือทใ่ี ชใ้ น วธิ กี ารประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน การประเมิน ๑. สงั เกตพฤติกรรมด้าน สังเกตรายบคุ คล ๘ - ๑๐ = ดมี าก คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ แบบประเมนิ การสังเกต ๖ – ๗ = ดี พฤติกรรม และ ๕ = พอใช้ แบบประเมนิ ผลงาน ต่ากวา่ ๕ = ปรับปรงุ ๒. นกั เรียนเล่นเกม แบบประเมินการสงั เกต สังเกตรายกล่มุ ๘ - ๑๐ = ดีมาก พฤติกรรม และ ๖ – ๗ = ดี แบบประเมนิ ผลงาน ๕ = พอใช้ ตา่ กวา่ ๕ = ปรับปรุง ๓. นักเรียนทาใบงาน ชดุ ที่ ๔ แบบประเมินการสงั เกต ตรวจงานรายบคุ คล ๘ - ๑๐ = ดีมาก พฤติกรรม และ ๖ – ๗ = ดี แบบประเมินผลงาน ๕ = พอใช้ ตา่ กวา่ ๕ = ปรับปรุง ๔. นักเรียนทาใบงาน แบบประเมนิ การสังเกต ตรวจงานรายบคุ คล ๘ - ๑๐ = ดีมาก ชดุ ท่ี ๕ พฤติกรรม และ ๖ – ๗ = ดี แบบประเมินผลงาน ๕ = พอใช้ ต่ากวา่ ๕ = ปรับปรุง

การประเมิน ด้านทักษะ / กระบวนการ ประเดน็ การประเมนิ เกณฑ์การใหร้ ะดบั คะแนน ทกั ษะการสรุป ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรับปรงุ (๐) เนือ้ หา สรุปเน้อื หาได้กระชับ สรุปเนื้อหาได้กระชบั สรปุ เนือ้ หาได้ไม่กระชบั การรายงานหนา้ ชนั้ ใจความครบถว้ น ใจความเกือบครบถ้วน ใจความและไม่ครบถ้วน การปฏบิ ตั งิ านตาม ข้ันตอน สามารถสอ่ื ใหผ้ ู้อ่นื เขา้ ใจ สามารถสอื่ ใหผ้ ู้อน่ื เข้าใจ สามารถสอ่ื ใหผ้ ู้อ่ืนเขา้ ใจ ความคิดสรา้ งสรรค์ ความเป็นระเบยี บ ไดง้ า่ ย ได้ ได้น้อย เรียบรอ้ ยของการทา ใบงาน สามารถพูดรายงานได้ดี สามารถพดู รายงานได้ดี สามารถพดู รายงานไดด้ ี พดู เสียงดงั ฟังชัด ไดส้ าระ พูดน้าเสียงชัดเจน พูดนา้ เสียงไม่ชัดเจน ไม่ ชดั เจน วางบุคลิกในการ สอดคล้องกบั เนื้อหาท่ี คอ่ ยสอดคล้องกับเน้ือหา พดู ได้ดีมาก พดู วางบคุ ลกิ ในการพดู ท่ีพูด วางบคุ ลกิ ในการ ไดด้ ี พูดไม่ค่อยดี มีทกั ษะการปฏิบตั ิงาน มกี ารปฏบิ ตั งิ านตาม ยงั ไม่สามารถปฏิบัติงาน ตามข้ันตอน ได้อย่าง ขน้ั ตอนได้ตามลาดับ ตามข้ันตอนได้ ถกู ต้องและเหมาะสม มีความคิดสรา้ งสรรคด์ ี พอมคี วามคิดท่ี ยงั ขาดความคิดท่ี สรา้ งสรรคอ์ ยูบ่ ้าง สรา้ งสรรค์ มที กั ษะสามารถสรา้ งงาน สามารถสร้างงานที่สวน ไม่มีความสวยงาม และ ที่สวยงาม และมีความ งามพอใชไ้ ด้ และมี ไมป่ ระณีต ประณีตดี ความประณีตในบางส่วน

การประเมิน ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ประเด็นการประเมิน เกณฑก์ ารใหร้ ะดบั คะแนน ซื่อสตั ย์สจุ รติ มีวินยั ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรบั ปรงุ (๐) ใฝ่เรยี นรู้ ทางานอย่างตรงไป ทางานอย่างตรงไป ทางานอย่างตรงไป อยู่อยา่ งพอเพยี ง มจี ิตสาธารณะ ตรงมา ยอมรบั ใน ตรงมา ไมย่ อมรบั ใน ตรงมา ไม่ยอมรับใน ข้อผิดพลาดและ ข้อผดิ พลาดและ ขอ้ ผดิ พลาดและ บกพร่องของตนเอง บกพร่องของตนเอง บกพร่องของตนเองไม่ พอใจในส่ิงทต่ี นมี พอใจในสง่ิ ที่ตนมี ค่อยพอใจในสิ่งทตี่ นมี รจู้ กั ควบคมุ อารมณ์ รู้จักควบคมุ อารมณ์บา้ ง ไม่รจู้ กั ควบคมุ อารมณ์ ปฏบิ ตั ิตนอยู่ในระเบียบ ปฏิบัตติ นอยใู่ นระเบยี บ ปฏิบตั ติ นอยู่ในระเบยี บ วินยั แต่งกายถูกต้องตาม วินัยการแตง่ กายไม่ค่อย วนิ ยั นอ้ ยไม่คอ่ ยแต่งกาย ระเบียบของโรงเรยี น ถกู ต้องตามระเบยี บของ ถกู ต้องตามระเบียบของ ตลอดเวลา โรงเรยี น โรงเรยี น มคี วามมานะม่งุ มนั่ ใน มีความมานะมงุ่ ม่ันใน ไม่มีความมานะมงุ่ มัน่ ใน การทางานท่ไี ดร้ บั การทางานท่ีไดร้ บั การทางานที่ได้รบั มอบหมาย ศกึ ษาคน้ คว้า มอบหมาย ศึกษาค้นควา้ มอบหมาย ไมค่ ่อยศึกษา ด้วยตนเองทางานเสร็จ ด้วยตนเองเป็นบางคร้งั ค้นคว้าด้วยตนเอง ทันเวลาและถูกต้อง ทางานเสร็จทันเวลาเป็น ทางานเสรจ็ ไม่ทนั เวลา บางครง้ั ใช้วัสดอุ ปุ กรณ์การเรียน ใช้วสั ดอุ ุปกรณ์การเรยี น ใชว้ ัสดอุ ปุ กรณ์การเรยี น ท่ีราคาถูกและใชอ้ ย่าง ทรี่ าคาค่อนข้างแพงและ ทรี่ าคาค่อนข้างแพงและ ค้มุ ค่าใชจ้ นหมดแลว้ ใช้อย่างคุ้มค่าใช้จนหมด ใชอ้ ย่างคุ้มค่าใช้ไม่ คอ่ ยซื้อใหม่ หมดแล้วซ้ือใหม่ มคี วามเสยี สละเพ่ือ มคี วามเสียสละเพ่ือ ไม่ค่อยเสยี สละเพอ่ื ส่วนรวม ไม่เอาเปรียบ สว่ นรวมเปน็ บางคร้งั ส่วนรวม ชอบเอาเปรยี บ ไมเ่ หน็ แกต่ วั ช่วยเหลือ ไม่เอาเปรียบไมเ่ หน็ แก่ คนอน่ื ค่อนข้างเหน็ แก่ หมคู่ ณะได้เปน็ อยา่ งดี ตวั ไม่คอ่ ยชว่ ยเหลือหมู่ ตวั ไม่คอ่ ยชว่ ยเหลือหมู่ คณะ คณะ ๑๐. กิจกรรมเสนอแนะ -

เกม วิเคราะหค์ า ..นาไปเขยี น วเิ คราะหค์ า...นาไปเขียน จุดมงุ่ หมาย ๑. เพอื่ ใหน้ ักเรยี นวเิ คราะห์คาต่างๆ วา่ มีส่วนประกอบใดและนาส่วนประกอบไปสรา้ งคาใหมต่ าม ความหมายของคาเดมิ ๒. เพ่อื ฝกึ ทักษะการใช้พจนานุกรมในการคน้ ควา้ ๓. เพอื่ ฝึกความคดิ สร้างสรรค์จินตนาการ สอ่ื ๑. พจนานกุ รม ๒. คาตา่ งๆ ทคี่ รตู ้องการฝกึ ตามวยั ของผู้เรยี น วธิ ีดาเนินกิจกรรม ๑. ครยู กตวั อย่างคาให้นกั เรยี นดแู ละใหแ้ ขง่ ขันค้นหาความหมาย เชน่ คา ความหมาย หวย การพนนั ชนดิ หน่งึ /สลากกินแบ่ง ขนม ของกนิ ท่ีไม่ใชก่ ับขา้ ว แม่ หญิงผูใ้ ห้กาเนดิ ๒. ครูนาคาแต่ละคามาแยกส่วนประกอบและสรา้ งคาใหมโ่ ดยคาแตล่ ะคาสอดคล้องกบั คาเดิม เชน่ หวย ห = หายนะ ว = วอดวาย ย = ย่อยยับ ขนม ข = ของกิน น = นา่ กิน ม = มัน (ออกรสชาติ) แม่ แ = ดูแล ม = เมตตา ' = เปน็ หนึง่ (ไมเ้ อก) ๓. ครูอธบิ ายวธิ ีการแยกสรา้ งคาใหม่ โดยใหเ้ ปดิ พจนานุกรมหาความหมายของคาที่กาหนดให้ก่อน จากนน้ั จึงเปดิ พจนานุกรมตามตวั พยัญชนะแตล่ ะตวั และเลือกความหมายทส่ี อดคล้องมาเขยี น หรอื ถ้าคา นั้นๆ เปน็ คาทนี่ ักเรยี นทราบความหมายอยู่แล้ว นักเรียนก็แยกพยัญชนะแต่ละตวั มาสร้างคาใหมต่ ามความคิด ของนักเรียนได้เลย ๔. เมอื่ นกั เรียนทางานเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแล้ว กใ็ หน้ าเสนอผลงานและนาผลงานไปจดั นิทรรศการที่ปาา ย นเิ ทศในห้องเรียน หรอื จัดรวมเลม่ ไว้เปน็ ผลงานของทุกคน

ใบงาน ชดุ ท่ี ๔ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขยี นคาอา่ นจากคาท่ีกาหนดให้อยา่ งถกู ต้อง ๑. พฤตกิ รรม อา่ นวา่ ………………………………….. ๒. สทิ ธิ อา่ นวา่ ………………………………….. ๓. พิเศษ อ่านวา่ ………………………………….. ๔. กจิ กรรม อา่ นวา่ ………………………………….. ๕. ประชาธิปไตย อา่ นวา่ ………………………………….. ๖. สมาชิก อา่ นวา่ ………………………………….. ๗. ฉลาม อา่ นว่า ………………………………….. ๘. ฉลาด อ่านว่า ………………………………….. ๙. เหตุผล อา่ นว่า ………………………………….. ๑๐. สมัคร อา่ นว่า ………………………………….. ช่ือ.................................................................เลขท่ี ..................... ชัน้ ...............

ใบงาน ชดุ ที่ ๕ คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นเขียนคาจากคาอา่ นที่กาหนดใหต้ ่อไปน้อี ย่างถูกต้อง ๑. นะ – โย – บาย เขียนเป็น………………………………….. ๒. สา – มกั – คี เขียนเป็น………………………………….. ๓. ถะ – แหลง เขยี นเป็น………………………………….. ๔. พรดึ – ติ – กา เขียนเปน็ ………………………………….. ๕. สา – เหร็ด เขยี นเปน็ ………………………………….. เขยี นเป็น………………………………….. ๖. ฉะ – หลาม เขียนเปน็ ………………………………….. ๗. สะ – หมัก เขียนเปน็ ………………………………….. ๘. เหด – ผน เขียนเป็น………………………………….. ๙. เผา่ – พัน เขยี นเปน็ ………………………………….. ๑๐. กด – หมาย ชือ่ .................................................................เลขท่ี ..................... ชั้น...............

แผนการจัดการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑๒ เร่อื ง ประชาธปิ ไตยใบเล็ก เวลา ๘ ช่ัวโมง แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๔ เร่ือง การอ่านบทอ่านเสรมิ เวลา ๑ ชัว่ โมง ใชส้ อนวันท.ี่ ....................................................................................................................................... ************************************************************************************************************************************************************************* มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคิดเพ่อื นาไปใชต้ ัดสนิ ใจแก้ปญั หา ในการดาเนินชีวติ และมนี สิ ยั รกั การอา่ น ตัวชีว้ ดั ท ๑.๑ ป.๓ / ๕ สรปุ ความร้แู ละข้อคิดจากเร่ืองท่อี ่านเพื่อนาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นกั เรียนอา่ นและเกบ็ ใจความสาคัญของเรื่องได้ ๒. นกั เรียนคดิ วิเคราะหส์ รุปเร่ืองราวท่อี ่าน ๓. นักเรยี นตง้ั คาถาม – ตอบคาถามเรื่องที่อ่านได้ สาระสาคญั การอา่ นเสริมบทเรียนเป็นการเพมิ่ ประสบการณ์ดา้ นการอ่าน ปลกู ฝังให้ผ้เู รียนรกั การอ่านและศึกษา หาความรู้เพ่ิมเตมิ ขยายขอบเขตการเรยี นรู้ใหผ้ ูเ้ รยี นไดเ้ ปดิ โลกทศั น์ทกี่ ว้างไกล รจู้ ักคิดวเิ คราะหเ์ ร่ืองท่ีอ่าน และนามาปรับใช้ในชีวติ ประจาวันได้ สาระการเรยี นรู้ การอา่ นจับใจความจากสอื่ ตา่ งๆ เชน่ นทิ านหรอื เร่ืองเกี่ยวกบั ท้องถนิ่ เรือ่ งเล่าส้นั ๆ การอ่านบทรอ้ ยกรอง “ ประชาธิปไตย...อะไรหนอ ” สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคดิ ๓. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. รกั ความเป็นไทย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มีจิตสาธารณะ ๔. มวี ินัย

๕. อยู่อย่างพอเพียง ชิ้นงาน / หลักฐานร่องรอยแสดงความรู้ ๑. การทาใบงาน ๒. แบบบันทึกผลการประเมิน กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ทบทวนเน้อื หาทเ่ี รียนในชั่วโมงท่ีแลว้ ด้วยการให้นักเรียนนาใบงานชุดท่ี ๔ – ๕ มาร่วมกนั ตรวจสอบและเฉลยอกี ครั้ง ๒. นักเรยี นเรยี นรู้หรืออ่านเร่ือง “ประชาธปิ ไตย...อะไรหนอ ” ในลักษณะเพ่ือนชว่ ยกัน คอื ตรวจ ความถูกตอ้ งกันเอง หากใครมีปญั หาให้คนท่ีเก่งช่วยพาอ่าน และถามตอบกนั เองภายในกลมุ่ (เนน้ การอ่านออก เสียง) ๓. นกั เรยี นอา่ นออกเสยี งเรื่อง “ เทีย่ วกรุงเกา่ (กรงุ ศรีอยธุ ยา) ” จนคล่อง จากนั้นนกั เรียนร่วมกนั อภปิ ราย ซักถามเนอื้ หาสาระการเรยี นรู้ โดยนักเรยี นต้งั คาถามใหเ้ พ่ือน ๆ ตอบ ตัวอย่าง เช่น  บทอ่าน “ประชาธปิ ไตย...อะไรหนอ”กล่าวถงึ ส่งิ ใด  บทร้อยกรองน้ีเป็นคาประพนั ธป์ ระเภทใด  สาระสาคญั ของบทร้อยกรองนี้คืออะไร  จากบทรอ้ ยกรองมุ่งเนน้ ให้คนเคารพในสงิ่ ใด  ประชาธปิ ไตย...อะไรหนอ กล่าวถึงสิ่งใดบ้าง  นกั เรยี นได้ขอ้ คดิ ใดจากการอ่านบทอา่ นน้ี ๔. นักเรยี นทุกคนเขยี นคาถามและคาตอบลงในสมดุ (เนน้ คัดสวยงาม) นักเรียนช่วยกนั สรปุ เนื้อหา สาระการเรียนร้ทู ้ังหมดอกี ครั้งหนึ่ง ๕. นกั เรียนทาใบงานที่ ๖ ( ท้ายแผน ) ชดุ บอกความสาคัญของประชาธปิ ไตย จากน้นั นาสง่ ครู ครู เฉลยและตรวจสอบความถูกต้อง ๖. นักเรยี นทาใบงานที่ ๗ (ท้ายแผน)ชดุ ถอดคาประพันธบ์ ทรอ้ ยกรองเป็นร้อยแก้ว เสรจ็ แล้วนาสง่ ครู ครูแนะแนวคาตอบและตรวจสอบความถูกต้อง

ส่ือ / แหล่งเรียนรู้ / บคุ คล ลาดับที่ รายการสือ่ กจิ กรรมที่ใช้ แหลง่ ท่ีไดม้ า ๑ รูปภาพ ครใู ช้ประกอบคาอธิบาย ครูจดั เตรียม ๒ ใบงาน ชดุ ท่ี ๖ – ๗ นักเรียนทาใบงาน ครจู ัดทา ๓ บทอ่านเสริม นกั เรยี นฝกึ ทักษะการอา่ น ครูจัดทา ๔ หนังสือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย นักเรียนอ่านเร่ือง ครูจดั ทา ชดุ ภาษาเพ่ือชีวิต ภาษาพาที ชน้ั ป.๓ ๕ เกณฑ์การประเมิน ( Rubric ) สรา้ งกฎของการประเมิน ครูจัดทา ๖ แบบประเมินผลงานรายกลุ่ม ประเมนิ ผลงานรายกลุม่ ครูจดั ทา ๗ แบบประเมนิ การสังเกตพฤตกิ รรม บันทึกการสังเกตพฤติกรรม ครจู ดั ทา และแบบประเมนิ ผลงานรายบคุ คล และบนั ทึกผลงานรายบคุ คล วดั ผลประเมินผล กจิ กรรมทีป่ ระเมิน เครื่องมอื ทใ่ี ชใ้ น วิธีการประเมนิ เกณฑ์การประเมิน การประเมนิ ๑. สงั เกตพฤติกรรมดา้ น แบบประเมินการสังเกต สังเกตรายบคุ คล ๘ - ๑๐ = ดีมาก คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ พฤติกรรม และ ๖ – ๗ = ดี แบบประเมินผลงาน ๕ = พอใช้ ต่ากว่า ๕ = ปรบั ปรุง ๒. นักเรยี นร่วมกจิ กรรม แบบประเมนิ การสงั เกต สงั เกตรายกลุ่ม ๘ - ๑๐ = ดีมาก พฤติกรรม และ ๖ – ๗ = ดี แบบประเมนิ ผลงาน ๕ = พอใช้ ต่ากวา่ ๕ = ปรับปรงุ ๓. นกั เรียนทาใบงาน ชุดท่ี ๖ แบบประเมนิ การสงั เกต ตรวจงานรายบคุ คล ๘ - ๑๐ = ดีมาก พฤติกรรม และ ๖ – ๗ = ดี แบบประเมินผลงาน ๕ = พอใช้ ต่ากวา่ ๕ = ปรับปรงุ ๔. นักเรยี นทาใบงานชดุ ที่ ๗ แบบประเมินการสงั เกต ตรวจงานรายบุคคล ๘ - ๑๐ = ดมี าก พฤติกรรม และ ๖ – ๗ = ดี แบบประเมินผลงาน ๕ = พอใช้ ต่ากว่า ๕ = ปรบั ปรุง

การประเมิน ดา้ นทกั ษะ / กระบวนการ ประเดน็ การประเมนิ เกณฑก์ ารให้ระดบั คะแนน ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรับปรุง (๐) ทักษะการสรุป สรุปเนื้อหาได้กระชบั สรปุ เนอื้ หาได้กระชบั สรุปเนอ้ื หาได้ไม่กระชบั เนื้อหา ใจความครบถว้ น ใจความเกือบครบถ้วน ใจความและไม่ครบถ้วน สามารถส่อื ใหผ้ ู้อืน่ เข้าใจ สามารถสอ่ื ให้ผู้อน่ื เข้าใจ สามารถสอ่ื ใหผ้ ู้อ่นื เขา้ ใจ ไดง้ า่ ย ได้ ได้นอ้ ย การรายงานหนา้ ช้ัน สามารถพูดรายงานไดด้ ี สามารถพูดรายงานได้ดี สามารถพดู รายงานไดด้ ี พูดเสยี งดงั ฟงั ชัด ได้สาระ พดู น้าเสียงชดั เจน พูดน้าเสยี งไม่ชัดเจน ไม่ ชัดเจน วางบคุ ลิกในการ สอดคลอ้ งกบั เนื้อหาท่ี คอ่ ยสอดคล้องกับเน้ือหา พูดได้ดีมาก พูด วางบคุ ลิกในการพดู ท่ีพดู วางบุคลกิ ในการ ไดด้ ี พูดไม่ค่อยดี การปฏบิ ตั งิ านตาม มีทกั ษะการปฏิบัตงิ าน มีการปฏบิ ตั ิงานตาม ยงั ไมส่ ามารถปฏิบัติงาน ขั้นตอน ตามขัน้ ตอน ได้อย่าง ขัน้ ตอนได้ตามลาดับ ตามข้นั ตอนได้ ถูกต้องและเหมาะสม ความคิดสร้างสรรค์ มีความคิดสร้างสรรค์ดี พอมีความคิดท่ี ยงั ขาดความคิดท่ี สรา้ งสรรค์อยู่บ้าง สรา้ งสรรค์ ความเป็นระเบยี บ มีทักษะสามารถสรา้ งงาน สามารถสร้างงานที่สวน ไม่มีความสวยงาม และ เรียบรอ้ ยของการทา ทส่ี วยงาม และมีความ งามพอใชไ้ ด้ และมี ไม่ประณีต ใบงาน ประณตี ดี ความประณตี ในบางส่วน

การประเมิน ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประเดน็ การประเมนิ เกณฑก์ ารให้ระดับคะแนน ซื่อสัตย์สจุ รติ มวี นิ ัย ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรบั ปรุง (๐) ใฝ่เรยี นรู้ ทางานอย่างตรง ทางานอย่างตรงไป ทางานอย่างตรงไป อยู่อยา่ งพอเพยี ง มีจติ สาธารณะ ไปตรงมา ยอมรบั ใน ตรงมา ไม่ยอมรับใน ตรงมา ไม่ยอมรับใน ข้อผดิ พลาดและ ข้อผิดพลาดและ ขอ้ ผิดพลาดและ บกพร่องของตนเอง บกพร่องของตนเอง บกพร่องของตนเองไม่ พอใจในสิง่ ท่ีตนมี พอใจในสงิ่ ทีต่ นมี ค่อยพอใจในส่ิงทีต่ นมี รู้จกั ควบคุมอารมณ์ ร้จู กั ควบคมุ อารมณ์ บ้าง ไม่รจู้ ักควบคมุ อารมณ์ ปฏิบัติตนอย่ใู นระเบยี บ ปฏิบัติตนอยู่ในระเบยี บ ปฏิบตั ิตนอยู่ในระเบยี บ วินัยแตง่ กายถูกต้องตาม วนิ ยั การแตง่ กายไม่ค่อย วินัยนอ้ ยไม่คอ่ ยแต่งกาย ระเบียบของโรงเรยี น ถกู ต้องตามระเบียบของ ถูกต้องตามระเบียบของ ตลอดเวลา โรงเรียน โรงเรียน มคี วามมานะมุ่งม่ันใน มีความมานะม่งุ ม่ันใน ไม่มีความมานะมงุ่ มั่นใน การทางานทีไ่ ด้รบั การทางานทไ่ี ดร้ ับ การทางานท่ไี ด้รับ มอบหมาย ศึกษาค้นคว้า มอบหมาย ศกึ ษาค้นควา้ มอบหมาย ไม่ค่อยศกึ ษา ด้วยตนเองทางานเสรจ็ ด้วยตนเองเป็นบางครั้ง ค้นคว้าด้วยตนเอง ทันเวลาและถูกต้อง ทางานเสร็จทนั เวลาเปน็ ทางานเสรจ็ ไม่ทนั เวลา บางครงั้ ใชว้ ัสดุอุปกรณก์ ารเรยี น ใชว้ ัสดุอุปกรณก์ ารเรียน ใชว้ สั ดอุ ุปกรณก์ ารเรยี น ทรี่ าคาถูกและใช้อยา่ ง ที่ราคาค่อนข้างแพงและ ทรี่ าคาค่อนขา้ งแพงและ คมุ้ ค่าใช้จนหมดแล้ว ใชอ้ ย่างคุ้มคา่ ใชจ้ นหมด ใชอ้ ย่างคุ้มค่าใช้ไม่ คอ่ ยซ้ือใหม่ หมดแล้วซ้ือใหม่ มีความเสียสละเพอื่ มีความเสยี สละเพื่อ ไม่ค่อยเสียสละเพอื่ สว่ นรวม ไมเ่ อาเปรยี บไม่ สว่ นรวมเปน็ บางครง้ั สว่ นรวม ชอบเอาเปรยี บ เห็นแกต่ วั ชว่ ยเหลอื หมู่ ไมเ่ อาเปรียบไมเ่ ห็นแก่ คนอ่ืน ค่อนข้างเหน็ แก่ คณะได้เป็นอย่างดี ตวั ไม่ค่อยชว่ ยเหลอื หมู่ ตัว ไมค่ ่อยช่วยเหลอื หมู่ คณะ คณะ ๑๐. กจิ กรรมเสนอแนะ -

คาช้แี จง ใบงาน ชดุ ท่ี ๖ ให้นกั เรยี นเขยี นสรปุ ความสาคญั ของประชาธิปไตย ลงในแผนภาพความคิดตอ่ ไปน้ี ความสาคัญของประชาธิปไตย ชื่อ.................................................................เลขที่ ..................... ชนั้ ...............

ใบงาน ชดุ ที่ ๗ คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนบอกความหมายของคาที่กาหนดใหต้ ่อไปน้ี ท่ี คา ความหมาย ๑ นโยบาย ๒ ประชาธปิ ไตย ๓ พฤติกรรม ๔ พันธเ์ุ ผ่า ๕ สนั ติ ๖ สิทธพิ ิเศษ ๗ เสรี ๘ พจิ ารณา ๙ ระเบียบ ๑๐ เสมอภาค ช่ือ.................................................................เลขที่ ..................... ช้ัน...............

แผนการจดั การเรยี นรู้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๓ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑๒ เรื่อง ประชาธิปไตยใบเลก็ เวลา ๘ ชวั่ โมง แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๕ เรอ่ื ง การแตง่ ประโยค เวลา ๑ ชว่ั โมง ใช้สอนวันท.ี่ ....................................................................................................................................... ************************************************************************************************************************************************************************* มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษา และพลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษาและรกั ภาษาไทย ไว้เป็นสมบัติของ ชาติ ตวั ช้ีวัด ท ๔.๑ ป.๓ / ๕ แต่งประโยคง่ายๆ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. นักเรยี นบอกส่วนประกอบของประโยคได้ ๒. นักเรยี นนาคาไปแต่งประโยคได้ ๓. นักเรยี นใชป้ ระโยคได้เหมาะสม สาระสาคัญ ประโยคคือการนาคานาม คากริยา และคาขยายมาเรยี งกันแล้วได้ใจความสมบรู ณ์วา่ ใครทาอะไร อย่างไร ทไ่ี หน ซึง่ ในชวี ิตประจาวนั เราจะใช้ประโยคเพอ่ื ส่ือสารมากมาย การเรียนรใู้ ห้เข้าใจและนาไปใชใ้ ห้ ถกู ต้องก็จะทาให้เกิดประโยชน์เป็นอย่างมาก สาระการเรยี นรู้ การแตง่ ประโยคเพ่ือการสอ่ื สาร ได้แก่ ประโยคบอกเลา่ ประโยคปฏิเสธ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคดิ ๓. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต

คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. รักความเป็นไทย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มจี ติ สาธารณะ ๔. มวี นิ ัย ๕. อย่อู ย่างพอเพยี ง ชิ้นงาน / หลักฐานรอ่ งรอยแสดงความรู้ ๑. แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์และแบบประเมินผลงาน ๒. การทาใบงาน กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. นักเรยี นแบง่ กล่มุ ออกเปน็ กลมุ่ ละ ๔ – ๕ คน แตล่ ะกล่มุ ประกอบไปดว้ ยนกั เรยี นที่มีระดบั ภูมิ ปญั ญาสูง กลาง และต่า ให้แตล่ ะกลุ่มเลือกหัวหน้ากลุ่ม รองหัวหน้ากลุม่ และเลขานุการกลุ่ม ควรใชก้ ลมุ่ เดมิ ตลอดบทที่ ๙ ๒. นักเรียนเลน่ เกม การใบ้คาโดยใหเ้ พ่อื นออกมาแสดงท่าทางแลว้ บอกวา่ กาลังทาอะไร แลว้ สนทนา แลกเปลีย่ นเรยี นรู้ร่วมกัน ครูให้ความรเู้ พิ่มเตมิ แล้วพดู โยงเข้าสสู่ าระเรยี นรู้ จากนนั้ นกั เรียนหาศึกษา ความรู้ เก่ยี วกบั การแต่งประโยค ประโยคบอกชนดิ ต่าง ๆ จากแหล่งเรยี นร้ตู า่ ง ๆ ใกลห้ อ้ งเรยี น เช่น หนงั สอื เกีย่ วกบั หลกั ภาษาไทยในห้องสมุด มุมภาษาไทย สอบถามผู้รู้เปน็ ต้น ทาความเข้าใจใหช้ ดั เจน จากนนั้ มารบั ใบความรู้ เรือ่ ง ประโยคชนดิ ต่าง ๆ จากครู เพื่อประกอบการศึกษา ทาความเข้าใจ สรา้ งองคค์ วามรู้แลว้ สรปุ ความหมาย ของประโยค การเรยี งคาในประโยคชนิดต่างๆ เปน็ ต้น ๓. นกั เรยี นฝกึ แต่งประโยคปากเปลา่ ตามที่ได้เรยี นมา ซงึ่ มีการเรยี งลาดบั นี้ ประธาน + กรยิ า หรือ ประธาน + กรยิ า + กรรม คนละ ๑ ประโยค จากน้นั นักเรยี นเปดิ หนังสอื เรยี นหนา้ ๑๕๗ อ่านและสังเกต ประโยค ๔. ครแู ละนกั เรียนช่วยกันสรปุ ความรู้เรอ่ื ง ประโยค ดังน้ี ประโยค คอื การนาคาตั้งแต่ ๒ คาขึ้นไป มาเรียงต่อกัน แล้วไดใ้ จความสมบูรณ์ ประกอบดว้ ย ภาคประธาน และภาคแสดง ภาคประธาน ได้แก่ ส่วนทเี่ ป็นผกู้ ระทา อาจมสี ่วนขยาย หรือไม่มกี ็ได้ ภาคแสดง ได้แก่ ส่วนทีบ่ อกอาการ หรือบอกสภาพของประธาน อาจมสี ่วนขยายหรือไม่มกี ไ็ ด้ สว่ นขยายของประโยค คอื คาหรอื กลุ่มคา ท่เี พ่ิมข้นึ ใหม้ ีรายละเอยี ด เพือ่ เป็นการขยายภาคประธาน หรอื ภาคแสดง ใหม้ ีความชดั เจนมากข้ึน นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ทาใบงาน ชุดที่ ๘ (ทา้ ยแผน) ชุด บอกชนดิ ของประโยค เสร็จแล้วครเู ฉลยบน กระดานนักเรียนแลกเปลี่ยนกันตรวจ ให้นกั เรยี นทาใบงาน ชดุ ท่ี ๙ ( ท้ายแผน ) ชุดแยกสว่ นของประโยคตามชนดิ ทกี่ าหนดให้ เสร็จ แล้วครเู ฉลยบนกระดานนักเรียนแลกเปล่ยี นกันตรวจ

สือ่ / แหล่งเรยี นรู้ / บคุ คล ลาดบั ท่ี รายการสื่อ กิจกรรมที่ใช้ แหลง่ ท่ีไดม้ า ๑ แถบประโยค ครใู ชป้ ระกอบคาอธบิ าย ครูจดั เตรียม ๒ ใบความรู้ เร่ือง ประโยค นกั เรยี นศึกษาเรอื งคาควบ ครูจดั ทา ๓ ใบงาน ชดุ ที่ ๘ กล้า ครูจดั ทา นกั เรียนทาแบบฝึกหัด ๔ ใบงาน ชดุ ที่ ๙ นกั เรียนทาแบบฝึกหดั ครจู ดั ทา ๕ หนังสือเรียน ชดุ ภาษาพาที ชั้น ป.๓ นักเรียนดภู าพและฝึกอ่าน ครจู ัดหา ๖ เฉลยแบบฝกึ หัด ตรวจสอบแบบฝึกหัด ครูจดั ทา ๗ แบบประเมนิ การสังเกตพฤตกิ รรม บันทกึ การสังเกตพฤติกรรม ครจู ัดทา และแบบประเมนิ ผลงานรายบุคคล และบันทึกผลงานรายบคุ คล วัดผลประเมนิ ผล กิจกรรมทปี่ ระเมนิ เคร่ืองมือท่ีใชใ้ น วธิ กี ารประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน การประเมิน ๑. สงั เกตพฤติกรรมด้าน แบบประเมนิ การสังเกต สังเกตรายบุคคล ๑๖ = ดีมาก คณุ ลกั ษณะ พฤติกรรม และ ๑๓ – ๑๕ = ดี แบบประเมนิ ผลงาน ๑๐ – ๑๔ = พอใช้ ตา่ กวา่ ๑๐ =ปรับปรุง ๒. นกั เรียนแตง่ ประโยค แบบบันทึกผลงานรายกลมุ่ ตรวจงานรายกลมุ่ ๕ = ดมี าก ๔ = ดี ๓ = พอใช้ ตา่ กว่า ๓ = ปรับปรุง ๓. นักเรยี นทาใบงาน ชดุ ที่ ๘ แบบประเมนิ รายกลมุ่ สงั เกตรายกลุ่ม ๘ - ๑๐ = ดมี าก ๖ – ๗ = ดี ๕ = พอใช้ ต่ากว่า ๕ = ปรับปรุง ๔. นักเรยี นทาใบงาน ชุดที่ ๙ แบบประเมินการสงั เกต ตรวจงานรายบุคคล ๘ - ๑๐ = ดีมาก พฤติกรรม และ ๖ – ๗ = ดี แบบประเมนิ ผลงาน ๕ = พอใช้ ตา่ กวา่ ๕ = ปรบั ปรุง

การประเมิน ดา้ นทกั ษะ / กระบวนการ ประเดน็ การประเมนิ เกณฑก์ ารให้ระดบั คะแนน ทกั ษะการสรุป ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรับปรงุ (๐) เนือ้ หา สรุปเนื้อหาได้กระชบั สรปุ เนอื้ หาได้กระชบั สรุปเนอ้ื หาได้ไม่กระชบั การรายงานหนา้ ช้ัน ใจความครบถว้ น ใจความเกือบครบถ้วน ใจความและไม่ครบถ้วน การปฏบิ ตั งิ านตาม ข้ันตอน สามารถส่อื ใหผ้ ู้อืน่ เข้าใจ สามารถสอ่ื ให้ผู้อน่ื เข้าใจ สามารถสอ่ื ใหผ้ ู้อ่นื เขา้ ใจ ความคิดสรา้ งสรรค์ ความเป็นระเบยี บ ไดง้ า่ ย ได้ ได้น้อย เรียบรอ้ ยของการทา ใบงาน สามารถพูดรายงานไดด้ ี สามารถพูดรายงานได้ดี สามารถพดู รายงานไดด้ ี พูดเสยี งดงั ฟงั ชัด ได้สาระ พดู น้าเสียงชดั เจน พูดน้าเสยี งไม่ชัดเจน ไม่ ชัดเจน วางบคุ ลิกในการ สอดคลอ้ งกบั เนื้อหาท่ี คอ่ ยสอดคล้องกับเน้ือหา พูดได้ดีมาก พูด วางบคุ ลิกในการพดู ท่ีพดู วางบคุ ลกิ ในการ ไดด้ ี พูดไม่ค่อยดี มีทกั ษะการปฏิบัตงิ าน มีการปฏบิ ตั ิงานตาม ยงั ไมส่ ามารถปฏิบัติงาน ตามขัน้ ตอน ได้อย่าง ขัน้ ตอนได้ตามลาดับ ตามข้นั ตอนได้ ถูกต้องและเหมาะสม มีความคิดสร้างสรรค์ดี พอมีความคิดท่ี ยงั ขาดความคิดท่ี สรา้ งสรรค์อยู่บ้าง สรา้ งสรรค์ มีทักษะสามารถสรา้ งงาน สามารถสร้างงานที่สวน ไม่มีความสวยงาม และ ทส่ี วยงาม และมีความ งามพอใชไ้ ด้ และมี ไม่ประณีต ประณตี ดี ความประณตี ในบางส่วน

การประเมิน ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ประเด็นการประเมนิ เกณฑ์การใหร้ ะดับคะแนน ซอื่ สตั ย์สุจริต มวี นิ ยั ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรบั ปรงุ (๐) ใฝ่เรยี นรู้ ทางานอย่างตรงไป ทางานอย่างตรงไป ทางานอย่างตรงไป อยู่อยา่ งพอเพยี ง มีจติ สาธารณะ ตรงมา ยอมรับใน ตรงมา ไม่ยอมรบั ใน ตรงมา ไมย่ อมรบั ใน ขอ้ ผิดพลาดและ ข้อผิดพลาดและ ขอ้ ผดิ พลาดและ บกพร่องของตนเอง บกพร่องของตนเอง บกพร่องของตนเองไม่ พอใจในสิง่ ท่ตี นมี พอใจในสง่ิ ท่ตี นมี ค่อยพอใจในส่ิงทีต่ นมี ร้จู ักควบคมุ อารมณ์ รูจ้ กั ควบคุมอารมณ์บ้าง ไม่รูจ้ กั ควบคุมอารมณ์ ปฏบิ ตั ติ นอยู่ในระเบยี บ ปฏิบตั ิตนอยใู่ นระเบยี บ ปฏิบตั ิตนอยู่ในระเบียบ วนิ ยั แต่งกายถูกตอ้ ง วินยั การแตง่ กายไม่คอ่ ย วนิ ยั นอ้ ยไม่ค่อยแต่งกาย ตามระเบียบของ ถูกต้องตามระเบยี บของ ถกู ต้องตามระเบียบของ โรงเรียนตลอดเวลา โรงเรียน โรงเรียน มคี วามมานะม่งุ มนั่ ใน มคี วามมานะม่งุ ม่นั ใน ไม่มีความมานะม่งุ ม่นั ใน การทางานที่ไดร้ ับ การทางานทไ่ี ด้รับ การทางานท่ีไดร้ ับ มอบหมาย ศึกษาค้นคว้า มอบหมาย ศึกษาค้นคว้า มอบหมาย ไม่ค่อยศกึ ษา ด้วยตนเองทางานเสรจ็ ดว้ ยตนเองเป็นบางครง้ั ค้นควา้ ดว้ ยตนเอง ทนั เวลาและถูกตอ้ ง ทางานเสร็จทนั เวลาเป็น ทางานเสรจ็ ไม่ทันเวลา บางครั้ง ใชว้ ัสดอุ ปุ กรณ์การเรียน ใช้วสั ดุอปุ กรณก์ ารเรยี น ใชว้ ัสดุอุปกรณ์การเรยี น ทรี่ าคาถูกและใชอ้ ย่าง ท่ีราคาค่อนข้างแพงและ ทรี่ าคาค่อนขา้ งแพงและ คมุ้ ค่าใชจ้ นหมดแลว้ ใชอ้ ยา่ งคุ้มค่าใชจ้ นหมด ใชอ้ ยา่ งคุ้มค่าใช้ไม่ ค่อยซื้อใหม่ หมดแลว้ ซื้อใหม่ มคี วามเสยี สละเพือ่ มคี วามเสยี สละเพื่อ ไม่ค่อยเสยี สละเพื่อ ส่วนรวม ไม่เอาเปรยี บ ส่วนรวมเป็นบางครั้ง ส่วนรวม ชอบเอาเปรียบ ไม่เหน็ แกต่ ัวช่วยเหลือ ไมเ่ อาเปรยี บไมเ่ ห็นแก่ คนอ่นื ค่อนขา้ งเหน็ แก่ หมคู่ ณะไดเ้ ป็นอยา่ งดี ตวั ไมค่ อ่ ยชว่ ยเหลือหมู่ ตวั ไมค่ ่อยช่วยเหลือหมู่ คณะ คณะ ๑๐. กิจกรรมเสนอแนะ -

ใบความรู้เร่ือง ประโยค ประโยค คือ การนาคาตั้งแต่ ๒ คาข้ึนไป มาเรยี งต่อกันแลว้ ได้ใจความสมบูรณ์ประโยคประกอบด้วยภาค ประธาน และภาคแสดง ๑. ภาคประธาน ได้แก่ ส่วนทเ่ี ปน็ ผกู้ ระทาและอาจมสี ว่ นขยายหรอื ไม่มีก็ได้ เชน่ น้อง เล่นคอมพิวเตอร์อย่างสนกุ สนาน ผ้หู ญิงคนนั้น เดนิ ลดั สนามหญา้ พอ่ กินบะหมีห่ มูแดง ๒. ภาคแสดง ได้แก่ สว่ นทบี่ อกอาการ หรือบอกสภาพของประธาน อาจมสี ว่ นขยายหรือไม่มีก็ได้ เชน่ คณุ ยาย หวั เราะ เด็ก ๆ นนั่ เลน่ อยูใ่ ต้ตน้ ไม้ ฉัน เดินเลน่ ท่ชี ายหาดบางแสน สว่ นขยายของประโยค ประโยคท่ีใชส้ ่ือสารกนั ในภาษาไทย ได้กลา่ วถงึ การจาแนกประโยคตามเจตนาของผู้สือ่ สาร หลายลักษณะ เช่น ประโยคบอกเล่า ประโยคคาถาม ประโยคปฏเิ สธ ฯลฯ บางครง้ั ประโยคสัน้ ๆ ท่ีใช้ สื่อสารกันนัน้ อาจไมช่ ัดเจนพอ เพราะขาดรายละเอยี ดจงึ ตอ้ งเพ่มิ ส่วนขยายไว้ในประโยค ส่วนขยาย อาจเป็นคาหรือกลุม่ คาอยู่ในภาคประธาน อยู่ในภาคแสดงซงึ่ อาจเปน็ การขยายกริยา ขยายกรรม หรอื ขยายส่วนเติมเต็ม ประโยคชนิดตา่ ง ๆ ๑. ประโยคบอกเล่า เปน็ ประโยคทีเ่ ล่าเหตุการณป์ กตธิ รรมดา เป็นการนาคานามคากริยา และคา ขยายมาเรียงกนั แล้วให้ได้ใจความสมบูรณ์ เช่น  ฉนั กินข้าวกับปลา  นกพิราบบินไปมา  ค่าน้าเดอื นนี้แพงมาก ๒. ประโยคปฏเิ สธ เป็นประโยคที่มีเน้ือความไม่ยอมรบั กัน มีคาว่าไม่ ไมใ่ ช่ ไม่ได้ ฯลฯ อยูห่ นา้ ประโยค เชน่  เดก็ ไม่ควรรบั ประทานขนมจากคนแปลกหน้า  นักเรียนไม่ได้พดู เสียงดงั  เขาไม่ใช่นกั ท่องเทย่ี ว  ฉนั ไม่ได้ไปเทย่ี วทะเล

๓.ประโยคคาถามเป็นประโยคทต่ี อ้ งแสดงความตอ้ งการอยากรหู้ รือต้องการคาตอบวา่ ใคร ทาอะไร ท่ไี หน เทา่ ไร อยา่ งไร เมื่อไร ฯลฯ เป็นคาแสดงคาถามซึ่งอาจอยตู่ น้ ประโยคหรือท้ายประโยคก็ได้ เช่น  ใครเดนิ เหยียบสัตวต์ วั เล็ก ๆ  อะไรอยูต่ ามพน้ื ดนิ ในป่าดบิ ชื้น  ทาไมเด็ก ๆ ตอ้ งใช้ผ้าพันขาใหแ้ น่น  ทาไมเธอไม่ทาการบ้าน  วนั นี้ทาไมมาสาย ฯลฯ ๔.ประโยคแสดงความต้องการ เป็นประโยคท่ีแสดงความตอ้ งการจะกระทาหรือต้องการส่ิงใดส่งิ หน่งึ จะมีคาว่า อยาก ตอ้ งการ ฯลฯ อย่ใู นประโยค เช่น  ฉนั อยากจะเล้ียงนก  ฉันต้องการใหเ้ ธอไปทัศนศึกษากับเรา  นอ้ งอยากไปเทย่ี วสวนสนุก ๕.ประโยคคาส่ัง เป็นประโยคท่มี เี นื้อความบังคับหรือสัง่ ใหท้ า จะมีคาว่า จงอย่า ต้อง ห้าม ฯลฯ อยู่ ในประโยค เชน่  จงเช่ือฟงั และปฏิบตั ติ าม  อยา่ ส่งเสียงดัง  ทกุ คนต้องเงียบ  หา้ มเดนิ ออกนอกเส้นทาง  อยา่ เดินลดั สนาม ๖.ประโยคขอร้อง เปน็ ประโยคทีม่ ีเนื้อความเชิญชวนให้ทาอย่างใดอยา่ งหนึ่ง จะมีคาว่า โปรด กรุณา ช่วย วาน ขอ ฯลน อย่หู นา้ ประโยค เชน่  โปรดเงยี บ  กรุณาเดนิ เบา ๆ  ช่วยหยิบผ้าใหด้ ว้ ย  วานหยิบกระสุนดนิ ให้ดว้ ย  ขอให้ทุกคนชว่ ยกนั รักษาปา่  กรุณาให้ความรว่ มมือดว้ ย  โปรดชว่ ยกันรกั ษาส่งิ แวดลอ้ ม  กรุณาทง้ิ ขยะใหถ้ ูกท่ี

ใบงาน ชุดท่ี ๘ คาช้แี จง นาอกั ษรหนา้ ข้อความท่กี าหนดใหเ้ ติมลงในช่องว่างหน้าประโยคต่อไปนี้ ค. ประโยคคาถาม ง. ประโยคคาสง่ั ก. ประโยคบอกเล่า ข. ประโยคปฏเิ สธ จ. ประโยคแสดงความตอ้ งการ ฉ. ประโยคขอร้อง ชักชวน และอนญุ าต ๑. …………….. ไก่ขันตอนใกลร้ ้งุ ๒. ……………. ฉันนาจดหมายของเธอมาใหฉ้ ัน ๓. …………… คณุ พ่อจะไปเย่ียมคุณย่าเมื่อไร ๔. …………… ฉันไม่ใช่นักพากยห์ นังตะลุง ๕. …………… พ่ออยากใหฉ้ ันเปน็ พยาบาล ๖. …………… มาลีอยา่ สง่ เสยี งดงั ๗. …………… เราจะไปกนั หรอื ยัง ๘. …………… อยา่ วงิ่ เล่นตรงบันไดนะ ๙. …………… ชว่ ยหยิบปากกาบนโตะ๊ ให้ครูหน่อย ๑๐. …………… ฉันไมร่ ้จู ริง ๆ นะ ชื่อ............................................................................เลขท่ี ..................... ชั้น...............

ใบงาน ชุดท่ี ๙ คาชี้แจง ให้นกั เรียนแยกส่วนประกอบของประโยคต่อไปน้ี ประโยค ประธาน กรยิ า กรรม สว่ นขยาย ๑. ฝนตกหนักมาก ๒. สุดาถูกคณุ แม่ดุ ๓. หนิงดหู นังสือดึกทุกคนื ๔. หน้าหนาวปีนี้หนาวมาก ๕. ฟาา รอ้ งครืนๆ ๖. เขามอบดอกไมแ้ กเ่ ธอ ๗. คนไทยทุกคนรกั สันติ ๘. ภเู ขาไฟระเบิด ๙. สนุ ารีรอ้ งเพลงเพราะมาก ๑๐. แก้วตาเลยี้ งสนุ ขั ชือ่ ..............................................................เลขท่ี ..................... ช้นั ...............

แผนการจัดการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑๒ เรือ่ ง ประชาธิปไตยใบเลก็ เวลา ๘ ช่ัวโมง แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๖ เรอ่ื ง คากริยา เวลา ๑ ช่วั โมง ใช้สอนวันที.่ ....................................................................................................................................... ********************************************************************************** มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษาและรักภาษาไทย ไวเ้ ปน็ สมบัติของชาติ ตัวชี้วดั ท ๔.๑ ป.๓ / ๓ ระบชุ นิดและหนา้ ที่ของคาในประโยค จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อธิบายความหมายของคากริยาแต่ละชนิดได้ ๒. ใช้คากรยิ าไดถ้ ูกต้อง สาระสาคัญ คากริยา คือ คาที่หมายถงึ กระทามอี าการอย่ใู นสภาพ แบ่งออกเป็นหลายชนดิ มีหน้าท่แี ละวธิ ใี ช้ แตกต่างกันการเรียนรู้คากริยา ช่วยให้สามารถนาไปใช้ผูกเป็นประโยคได้อย่างถูกต้องเหมาะสมเปน็ พัฒนาการ ใช้ภาษาให้มปี ระสิทธิภาพ สาระการเรยี นรู้ ชนดิ ของคา ไดแ้ ก่ คานาม คาสรรพนาม คากริยา การใช้อักษรย่อ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ๓. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๑. รกั ความเปน็ ไทย ๒. ใฝเ่ รยี นรู้

๓. มจี ิตสาธารณะ ๔. มวี นิ ัย ๕. อย่อู ยา่ งพอเพียง ช้ินงาน / หลักฐานรอ่ งรอยแสดงความรู้ ๑. แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์และแบบประเมนิ ผลงาน ๒. การทาใบงาน กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ทบทวนเน้อื หาทีเ่ รยี นในช่ัวโมงทแี่ ล้วด้วยการใหน้ กั เรียนนาใบงานชดุ ท่ี ๘ – ๙ มารว่ มกัน ตรวจสอบและเฉลยอกี ครั้ง ๒. นักเรยี นแบ่งกลุม่ ออกเป็นกล่มุ ละ ๔ – ๕ คน แต่ละกลุ่มประกอบไปดว้ ย นกั เรยี นทีม่ รี ะดับภมู ิ ปัญญาสูง กลาง และตา่ ให้แตล่ ะกลุ่มเลือกหัวหนา้ กลมุ่ รองหวั หนา้ กลุ่ม และเลขานุการกล่มุ ควรใช้กลุม่ เดิมตลอดบทที่ ๑๒ ๓. และชว่ ยกนั หาคากริยาในบทรอ้ ยกรอง “ ประชาธปิ ไตย ... ใบเลก็ ” ในหนังสอื เรียน ภาษาพาที หน้า ๑๕๕ ครูชว่ ยถามนาเพื่อนาไปสเู่ ร่ือง คากริยา ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั หาคากริยาในบทร้อยกรอง ใหไ้ ดม้ ากทสี่ ดุ เขียนลงในแผ่นกระดาษ แล้วส่งตวั แทนรายงานหน้าช้นั เรยี น จากน้นั ศึกษาในใบความรู้ (ทา้ ย แผน ) ๔. นักเรยี นแต่ละกลุ่มศึกษาใบความร้เู รือ่ ง คากรยิ า (ทา้ ยแผน) จากน้ันช่วยกันยกตวั อยา่ งคากรยิ า ตามหัวข้อขา้ งลา่ งน้ี พร้อมกับแต่งประโยคหัวข้อละ ๓ ประโยค เขียนลงในแผ่นกระดาษส่งตัวแทนรายงาน หน้าชนั้ ๑. กริยาที่ไม่ต้องมีกรรมมารับ (อกรรมกรยิ า) ๒. กรยิ าทต่ี อ้ งมีกรรมมารบั (สกรรมกริยา) ๓. เสรจ็ แล้วนักเรยี น นาเสนอผลงานหนา้ ชัน้ ๕. ใหท้ กุ คนแต่งประโยคท่ีไม่ตอ้ งมีกรรมมารับ คนละ ๑ ประโยคและประโยคทตี่ ้องมกี รรมมารับ คนละ ๑ ประโยคโดยไม่ซา้ กัน เขยี นลงในแผน่ กระดาษและครเู ดินสารวจ ใหน้ ักเรยี นอ่านประโยคของ ตนเองทีละคน ๖. นกั เรียนทาใบงานท่ี ๑๐ ( ท้ายแผน ) ชุด บอกชนดิ ของคากรยิ าที่กาหนดให้ เสร็จแล้วนาส่งครู ตรวจสอบและนาแกไ้ ขข้อบกพร่องเปน็ รายๆ ๗. นักเรียนทาใบงานท่ี ๑๑ ( ทา้ ยแผน ) ชดุ บอกชนดิ ของคาในประโยคเสรจ็ แล้วครูเฉลย นกั เรียน กนั ตรวจสอบความถกู ต้อง สอ่ื / แหล่งการเรียนรู้ ๑. หนังสือเรียนชุด ภาษาพาที ชั้น ป.๓ ๒. ใบความรู้เร่อื ง การใชค้ ากริยา ๓. ใบงาน ชดุ ท่ี ๑๐ – ๑๑ ๔. แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์และผลงานรายบุคคล

วดั ผลประเมนิ ผล วิธีการวัดและประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื วัดผลและประเมินผล รายการประเมนิ สังเกต แบบบนั ทกึ การสังเกต ซกั ถาม ใบงาน ชดุ ที่ ๑๐ – ๑๑ ด้านความรคู้ วามเขา้ ใจ ตรวจใบงาน แบบประเมินผลงานรายบคุ คล การรว่ มสนทนา การตอบคาถาม สงั เกตพฤติกรรมขณะรว่ ม แบบประเมินผลงานรายบคุ คล การทาใบงาน กจิ กรรม ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึง ประสงค์ ด้านทักษะกระบวนการคิด สงั เกตการร่วมสนทนา แบบประเมินผลงานรายบคุ คล การสนทนา เกณฑ์ในการวัดผลและประเมินผล ๑) เกณฑป์ ระเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงคร์ ายบคุ คลมีคะแนน ๓ ระดบั คอื ระดับคุณภาพ ๓ หมายถึง ดี ได้คะแนน ๒๐ – ๒๔ ระดับคุณภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ ไดค้ ะแนน ๒๓ – ๑๙ ระดับคุณภาพ ๑ หมายถึง ควรปรับปรุง ได้คะแนน ๑ – ๑๒ เกณฑ์การผ่านต้องไดร้ ะดบั คุณภาพ ๒ ขน้ึ ไปหรือได้คะแนน ๙ ข้ึนไป ๒) เกณฑ์การประเมนิ การใช้คากริยา มคี ะแนน ๓ ระดบั ดงั นี้ ระดับคุณภาพ ๓ หมายถึง ดี ใช้ไดถ้ ูกตอ้ งทกุ คา ระดบั คุณภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ใชผ้ ดิ ๑ คา ระดับคุณภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรับปรุง ใช้ผดิ ๒ คาขึ้นไป เกณฑ์การผ่านต้องไดร้ ะดับคุณภาพ ๒ ข้ึนไปหรือได้คะแนน ๒ ข้ึนไป ๓) เกณฑ์การประเมนิ การทาใบงาน มีคะแนน ๓ ระดับ ดงั นี้ ระดบั คุณภาพ ๓ หมายถึง ดี ทาได้ถูก ๘ – ๑๐ ระดับคุณภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ ไดค้ ะแนน ๕ – ๗ ระดบั คุณภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรุง ได้คะแนน ๑ – ๕ เกณฑ์การผา่ นต้องได้ระดบั คุณภาพ ๒ ขน้ึ ไปหรือได้คะแนน ๕ ขน้ึ ไป

การประเมนิ ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประเดน็ การประเมิน เกณฑก์ ารใหร้ ะดบั คะแนน รกั ความเป็นไทย ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรับปรุง (๐) ใฝเ่ รยี นรู้ มจี ิตสาธารณะ สนใจและตัง้ ใจร่วม สนใจและต้งั ใจรว่ ม สนใจและตงั้ ใจร่วม มวี ินยั กิจกรรมการเรยี น กจิ กรรมการเรยี น กิจกรรมการเรียน อยู่อย่างพอเพยี ง ภาษาไทยอย่าง ภาษาไทยอย่าง ภาษาไทยอยา่ ง สนกุ สนานและมี สนุกสนานและมี สนุกสนานและมี ความสขุ ตลอดเวลา ความสุขเกือบ ความสขุ เป็นบางคร้งั ตลอดเวลา กล้าซักถามกล้าพดู กลา้ กล้าซกั ถามกลา้ พดู กลา้ กล้าซกั ถามกล้าพูดกลา้ แสดงความคดิ เห็นและ แสดงความคดิ เห็นและ แสดงความคดิ เห็นและ โตแ้ ย้งในสิง่ ทีไ่ มถ่ ูกตอ้ ง โตแ้ ยง้ ในส่งิ ทีไ่ ม่ถูกตอ้ ง โต้แยง้ ในสิง่ ทไี่ มถ่ ูกต้อง กลา้ แสดงออก กล้าแสดงออก กลา้ แสดงออก มคี วามเสยี สละเพอื่ มคี วามเสยี สละเพือ่ ไมค่ ่อยเสียสละเพอื่ สว่ นรวม ไม่เอาเปรยี บ สว่ นรวมเปน็ บางคร้งั ส่วนรวม ชอบเอาเปรียบ ไม่เหน็ แก่ตัวช่วยเหลือ ไม่เอาเปรยี บไมเ่ ห็นแก่ คนอน่ื ค่อนขา้ งเหน็ แก่ หมคู่ ณะได้เปน็ อยา่ งดี ตัว ไม่คอ่ ยช่วยเหลอื หมู่ ตวั ไม่ค่อยชว่ ยเหลือหมู่ คณะ คณะ มกี ารตรวจสอบแก้ไข มีการตรวจสอบแกไ้ ข มกี ารตรวจสอบแกไ้ ข การกระทาท่ีไม่ถูกต้อง การกระทาท่ีไม่ถูกต้อง การกระทาท่ีไม่ถูกต้อง ทุกครงั้ ทาใบงานได้ เกอื บทกุ ครั้ง ทาใบงาน เป็นบางครงั้ ทาใบงานไม่ สะอาดเรยี บร้อยและ ไดส้ ะอาดเรียบร้อย ไม่ ค่อยสะอาดเรยี บร้อย ถูกต้องและทนั เวลา คอ่ ยทันเวลา และไมค่ ่อยทันเวลา ใชว้ สั ดุอุปกรณก์ ารเรียน ใช้วสั ดอุ ุปกรณก์ ารเรียน ใช้วสั ดุอปุ กรณก์ ารเรียน ท่ีราคาถูกและใชอ้ ย่าง ทรี่ าคาค่อนข้างแพงและ ทรี่ าคาค่อนข้างแพงและ คมุ้ ค่าใช้จนหมดแลว้ ใช้อยา่ งคุ้มค่าใช้จนหมด ใช้อย่างคุ้มคา่ ใช้ไม่ คอ่ ยซื้อใหม่ หมดแล้วซ้ือใหม่ ๑๐. กิจกรรมเสนอแนะ -

ใบความรู้เรอ่ื ง การใช้คากรยิ า คากรยิ า คือ คาที่แสดงอาการ หรือสภาพ หรือการกระทาในประโยค บางคามีความหมายสมบูรณ์ แต่บางคาต้องอาศัยคาอืน่ มาประกอบ หรอื ใชป้ ระกอบคาอนื่ เพ่ือให้ความหมายชัดเจนขึ้น คากรยิ าแบ่งออกเปน็ ๕ ชนดิ ดังนี้ ๑. กรยิ าที่มีความหมายสมบูรณ์ เรียกวา่ อกรรมกรยิ า เชน่ เดิน วง่ิ ร้องไห้ ๒. กรยิ าที่ต้องอาศยั กรรม มาทาใหส้ มบูรณ์ เรยี กวา่ สกรรมกรยิ า เช่น ทา ซอ้ื กิน ๓. กริยาทช่ี ว่ ยใหก้ ริยาอื่น มีความหมายชัดเจนขนึ้ เรียกวา่ กริยานุเคราะห์ เช่น คง จะ นา่ แล้ว อาจ นะ ต้อง ทาให้มีความหมายชัดเจนขึน้ ๔. กริยาท่ีต้องอาศัยสว่ นเติมเต็ม เพือ่ ใหม้ ีความหมายสมบรู ณ์ สว่ นเตมิ เต็มนี้ ไมใ่ ช่กรรม คากริยาดงั กล่า ไดแ้ ก่ เปน็ เหมอื น คล้าย เทา่ คือ ๕. กริยาที่ทาหน้าท่ีคลา้ ยนาม อาจเปน็ ประธาน กรรม หรือบทขยายประโยคคากรยิ าชนิดนี้ มักละคาวา่ “การ” ไว้ เชน่ พดู อย่างเดียวไม่ทาให้งานสาเร็จหรอก

ใบงาน ชดุ ที่ ๑๐ คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นพิจารณาว่าประโยคต่อไปนเ้ี ป็นคากรยิ าประเภทใด เขยี นบอกชนิดของคากรยิ านน้ั โดย เติมชื่อตอ่ ไปนี้ ก. สกรรมกรยิ า ข. อกรรมกรยิ า ค. กรยิ านเุ คราะห์ ง. กรยิ าที่อาศยั ส่วนเตมิ เตม็ ๑. ฝนตกแรงมาก เปน็ ......................................... ๒. เขาต้องมาแน่ถ้าเธออยทู่ น่ี ี่ เปน็ ......................................... ๓. นายแดงเป็นเหมอื นญาตขิ องฉัน เปน็ ......................................... ๔. เธอน่าจะซื้อบ้านหลังใหม่ เป็น ......................................... ๕. ครลู งโทษผูท้ าผดิ เปน็ ......................................... ๖. น้าไหล เปน็ ......................................... ๗. นกบินสูงมาก เป็น ......................................... ๘. ภูเขาไฟระเบดิ เป็น ......................................... ๙. ลกู คือดวงใจของพ่อแม่ เปน็ ......................................... ๑๐. เขาและเธอไปตลาด เป็น ......................................... ชอ่ื ................................................................. เลขที่ ................ ชน้ั ...........

ใบงาน ชุดที่ ๑๑ คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนนาคากรยิ าท่ีกาหนดใหต้ ่อไปน้ีไปแตง่ ประโยคให้สมบรู ณ์ คากริยา ประโยค ๑. เดิน ๒. พดั ๓. เล่น ๔. กระซิบ ๕. ทาโทษ ๖. ลว้ งคอ ๗. ดเู หมอื น ๘. พง่ึ พา ๙. เกาะตดิ ๑๐. ตอ้ งมา ช่ือ.................................................................เลขที่ ..................... ชั้น...............

แผนการจัดการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๓ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๑๒ เรื่อง ประชาธิปไตยใบเล็ก เวลา ๘ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๗ เรื่อง การใช้ ใ – ไ – ไ – ย และ - ย เวลา ๒ ชั่วโมง ใช้สอนวันที่........................................................................................................................................ ********************************************************************************** มาตรฐานการเรยี นรู้/ ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษาและรกั ภาษาไทย ไว้เปน็ สมบัตขิ อง ชาติ ตวั ชวี้ ดั ท ๔.๑ ป.๓ / ๑ เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นกั เรยี นเลือกใช้ การใช้ ใ – ไ – ไ – ย และ - ย ไดถ้ ูกต้อง ๒. นกั เรยี นอ่านแจกลูกสะกดคาได้ สาระสาคัญ ใ – ไ – ไ – ย และ - ย เป็นสระท่ีออกเสียงเดียวกนั แตเ่ วลานาไปใช้จะไมเ่ หมือนกนั เราต้องฝึก อ่านและสงั เกต เพือ่ ให้ใช้ ใ – ไ – ไ – ย และ - ย ไดถ้ กู ต้องและตรงความหมายในบริบทการสอื่ สาร สาระการเรยี นรู้ การสะกดคา การแจกลูก และการอ่านเปน็ คา การใช้ ใ – ไ – ไ – ย และ - ย สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคดิ ๓. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. รักความเป็นไทย ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๓. มจี ติ สาธารณะ ๔. มวี ินยั ๕. อย่อู ยา่ งพอเพียง

ชิ้นงาน / หลักฐานรอ่ งรอยแสดงความรู้ ๑. แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงคแ์ ละแบบประเมินผลงาน ๒. การทาใบงาน กิจกรรมการเรียนรู้ ๑. นักเรียนแบง่ กลุม่ ออกเป็นกลมุ่ ละ ๔ – ๕ คน แตล่ ะกลมุ่ ประกอบไปด้วยนกั เรยี นท่ีมีระดับภมู ิ ปัญญาสงู กลาง และตา่ ให้แตล่ ะกล่มุ เลือกหวั หนา้ กลมุ่ รองหัวหน้ากลมุ่ และเลขานุการกลุม่ ควรใชก้ ลมุ่ เดมิ ตลอดบทที่ ๑๒ ๒. ใหน้ ักเรียนฝกึ อ่านและสงั เกตการณใ์ ช้ ใ – ไ – ไ – ย และ - ย ในหนงั สือเรียน ชดุ ภาษาพาที ช้ัน ป. ๓ หนา้ ๑๕๙ จากนัน้ ให้แตล่ ะกลุ่มชว่ ยกันหาคาท่ีใช้ ใ – ไ – ไ – ย และ - ย ในบทเรียนท่ี ๑๒ มา อยา่ งละ ๓ คา เขียนใสแ่ ผน่ กระดาษ ส่งตัวแทนเขียนบนกระดานดาทลี ะกลุ่ม รว่ มกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ๓. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เติมเก่ียวกบั การใช้ ใ – ไ – ไ – ย และ - ย โดยบอกทม่ี าให้ละเอยี ด มอบหมายให้ นักเรียนไปศึกษาเพิ่มเตมิ ในสื่อหรอื แหล่งการเรียนร้อู ่ืนๆ ๔. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ทาใบงาน ชดุ ที่ ๑๒ (ทา้ ยแผน) ชดุ เลือกตอบ ถูก – ผดิ เสร็จแลว้ ครเู ฉลย นักเรียนแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบความถูกต้อง ๕. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน( ทา้ ยแผน ) ประจาบทท่ี ๑๒ ประชาธิปไตยใบเลก็ เสรจ็ แลว้ นาสง่ ครคู รูเฉลยและตรวจสอบความถูกต้อง ส่ือ / แหล่งเรยี นรู้ / บุคคล ลาดบั ท่ี รายการส่อื กิจกรรมท่ีใช้ แหล่งที่ได้มา ๑ ๒ บตั รคา ครูใชป้ ระกอบคาอธิบาย ครจู ัดเตรยี ม ๓ ๔ ใบงาน ชดุ ท่ี ๑๒ นักเรียนทาใบงาน ครูจัดทา ๕ แบบทดสอบหลังเรียน นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน ครูจดั ทา ๖ ๗. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน นักเรียนอ่านเรื่อง ครจู ัดทา ภาษาไทย ชุดภาษาพาที ป.๓ เกณฑ์การประเมนิ ( Rubric ) สรา้ งกฎของการประเมิน ครูจัดทา แบบทดสอบหลงั เรยี น แบบประเมนิ การสังเกตพฤติกรรม นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน ครูจัดทา และแบบประเมินผลงานรายบุคคล บนั ทึกการสงั เกตพฤติกรรม และ ครจู ดั ทา บันทกึ ผลงานรายบุคคล