Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนจัดการเรียนรู้ วรรณคดีลำนำ บทที่ ๓ เด็กเอ๋ยเด็กน้อย

แผนจัดการเรียนรู้ วรรณคดีลำนำ บทที่ ๓ เด็กเอ๋ยเด็กน้อย

Description: แผนจัดการเรียนรู้ วรรณคดีลำนำ บทที่ ๓ เด็กเอ๋ยเด็กน้อย

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย(วรรณคดี) ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๓ เร่อื ง เดก็ เอย๋ เด็กน้อย นางเยน็ ฤดี คุ้มสพุ รรณ โรงเรียนพณิ พลราษฎร์ ตั้งตรงจติ ร ๑๒ สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาพษิ ณโุ ลก เขต ๒

แผนการจัดการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๓ เร่ืองเด็กเอย๋ เดก็ น้อย เวลา ๑๑ ช่วั โมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ การสร้างประสบการณท์ างเน้อื หา เวลา ๑ ชวั่ โมง ใช้สอนวันท่ี ................................................................ ********************************************************************************** มาตรฐาน ท๑.๑ ใชก้ ระบวนกำรอ่ำนสร้ำงควำมร้แู ละควำมคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปญั หำในกำรดำเนนิ ชีวติ และมีนสิ ัยรักกำรอ่ำน ตัวชีว้ ดั ป.๓ /๔ ลำดับเหตุกำรณ์และคำดคะเนเหตกุ ำรณ์จำกเร่ืองท่ีอำ่ นโดยระบุเหตผุ ลประกอบ จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. ฟงั เรื่อง “เด็กเอ๋ยเดก็ น้อย” แลว้ ตอบคำถำมและเล่ำเรอื่ งได้ถูกต้อง ๒. อำ่ นเรื่องท่ีเลำ่ ไดถ้ ูกต้อง ๓. คดั เร่อื ง “เดก็ เอ๋ยเด็กนอ้ ย” จำกแผนภมู ลิ งสมดุ ไว้ฝึกอำ่ นไดถ้ ูกตอ้ ง สาระสาคัญ กำรฟังเร่ือง เปน็ กำรสร้ำงประสบกำรณ์ทำงเนื้อหำชว่ ยใหเ้ กิดทักษะในกำรจับใจควำมสำคญั ของเรือ่ ง สาระการเรียนรู้ ๑. ฟังเร่ือง “เดก็ เอย๋ เด็กน้อย” ๒. ตอบคำถำมของเรอ่ื ง ๓. เลำ่ เรอ่ื งและอ่ำนเร่อื งทเี่ ล่ำ ๔. คัดเรอื่ งลงในสมุด สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร ควำมสำมำรถในกำรใชท้ ักษะชีวิต ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ญั หำ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. รกั และชน่ื ชมในเอกลักษณไ์ ทย ๒. มคี วำมซอ่ื สตั ย์สจุ ริต ๓. มีวนิ ัยในตนเอง ๔. มีควำมสนใจใฝเ่ รยี นรู้ ๕. อย่อู ย่ำงพอเพยี ง

สาระการเรียนรู้ ๑. ฟงั เร่ือง “เดก็ เอย๋ เดก็ น้อย” ๒. ตอบคำถำมของเรือ่ ง ๓. เล่ำเรอ่ื งและอ่ำนเรือ่ งที่เล่ำ ๔. คัดเร่ืองลงในสมุด กระบวนการจดั การเรยี นรู้ นาสูก่ ระบวนการเรยี นรู้ ๑. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนกำรเรยี นรู้ หนว่ ยที่ ๔ (ภำคผนวก) ๒. นักเรียนและครูรว่ มกนั สนทนำเก่ียวกับชอ่ื เร่ือง “เดก็ เอ๋ยเด็กนอ้ ย” วำ่ มีลักษณะอยำ่ งไรโดยใช้ คำถำมนำดงั น้ี ๒.๑ นกั เรยี นเคยอ่ำนหรอื ท่องบทอำขยำน “เด็กเอย๋ เด็กน้อย” หรอื ไม่ ๒.๒ นักเรียนเคยได้ยินนักเรยี นรุน่ พ่ีทอ่ งบทอำขยำน(บทร้อยกรอง)“เดก็ เอย๋ เด็กน้อย” หรอื ไม่ถำ้ ไดย้ ินเม่ือใด ๒.๓ นกั เรียนคิดวำ่ กำรมีวชิ ำควำมรู้มปี ระโยชน์ต่อคนเรำอยำ่ งไรบำ้ ง กระบวนการเรยี นรู้ ๑. นกั เรยี นดภู ำพจำกบทเรยี นแลว้ ร่วมกนั สนทนำเกี่ยวกับภำพโดยตอบคำถำมวำ่ ใครทำอะไร ทไ่ี หน อยำ่ งไร เหตุกำรณต์ อนน้เี ป็นอย่ำงไร เพรำะเหตใุ ด ๒. นักเรยี นฝกึ เล่ำหรือทำนำยเรื่องจำกภำพวำ่ นำ่ จะมเี หตกุ ำรณ์อยำ่ งไร ๓. นกั เรยี นฟังครูอ่ำนเร่อื งหรือเลำ่ เร่อื ง “เด็กเอ๋ยเด็กน้อย” จำกบทเรยี นโดยเน้นมำรยำทในกำรฟัง แล้วนักเรยี นตอบคำถำมปำกเปล่ำ ดงั นี้ ๓.๑ เรือ่ ง“เดก็ เอย๋ เด็กน้อย” มตี วั ละครกต่ี วั ๓.๒ คนขำยหนังสือเร่ เดนิ ทำงไปขำยหนังสอื โดยวธิ ีใด ๓.๓ คนขำยหนังสือเร่ เปน็ คนมีลักษณะนสิ ัยอย่ำงไร ๓.๔ ทำไมเด็กชำยตวั เลก็ ถึงไมย่ อมเลือกซื้อหนงั สือ ๓.๕ ใครเปน็ คนสอนให้เด็กชำยตัวเล็กอำ่ นหนังสอื ๓.๖ เร่อื งน้ีให้ขอ้ คิดอะไรกับนักเรยี นบ้ำง ๔. นกั เรียนชว่ ยกนั เล่ำเรือ่ งที่ฟงั ถำ้ เล่ำไม่ได้ครูถำมนำแลว้ ใหน้ ักเรยี นตอบ ๕. ครูเขยี นข้อควำมหรอื ประโยคหรือเรอื่ งที่นกั เรียนเลำ่ ลงในแผนภูมิ ๖. นกั เรียนอำ่ นข้อควำมในแผนภูมิจนคลอ่ ง ๗. นักเรยี นคดั ขอ้ ควำมในแผนภูมลิ งในสมดุ เพื่อฝึกอำ่ นสง่ ตรวจ สรปุ กระบวนการเรยี นรู้ ๑. นกั เรียนและครชู ว่ ยกนั สรุปเนอ้ื หำสำระกำรเรยี นร้จู ำกกำรฟงั ๒. ใหน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหดั ทักษะภำษำ หนว่ ยที่ ๔ เปน็ กำรบำ้ น

๓. นักเรียนทำแบบฝึกพฒั นำกำรเรยี นรู้ (ภำคผนวก) ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ ๑. แบบทดสอบก่อนกำรเรียนรู้ หนว่ ยท่ี ๓ ๒. บัตรคำใหม่, คำยำก ๓. รปู ภำพจำกบทเรยี น ๔. กระเป๋ำผนัง ๕. พจนำนกุ รม ๖. หนังสือเรียนภำษำไทย ชน้ั ประถมศึกษำปีท่ี ๓ เลม่ ๒ วรรณคดีลำนำ ๗. แบบฝกึ หดั ทักษะภำษำ ช้ันประถมศกึ ษำปีที่ ๓ ๘. แบบฝกึ พฒั นำกำรเรยี นรู้ กระบวนการวดั และประเมนิ ผล ๑ วธิ กี าร ๑.๑ สังเกต กำรฟัง กำรเล่ำเร่อื ง กำรซักถำม กำรตอบคำถำม ควำมสนใจในกำรเรยี น กระบวนกำรทำงำน ๑.๒ ตรวจ แบบฝึกพัฒนำกำรเรียนรู้ สมดุ งำน แบบฝกึ หัด ๑.๒ เครอ่ื งมอื การวัดและประเมินผล แบบสังเกตพฤติกรรม แบบทดสอบกอ่ นกำรเรียนรู้ แบบฝกึ พฒั นำกำรเรียนรู้ ๑.๓ เกณฑ์การวัดและประเมินผล ใชก้ ำรผ่ำนเกณฑร์ อ้ ยละ ๗๐ ข้นึ ไป

แบบทดสอบหน่วยการเรียนรู้ท่ี ๓ เด็กเอ๋ยเด็กน้อย โรงเรียน พิณพลราษฎร์ ต้งั ตรงจิตร ๑๒ ภาคเรียนที่ ๑ ******************************************************************* ๑. คนเร่ขำยหนังสือเป็นคนท่ีมลี กั ษณะอยำ่ งไร ก. คนหนุม่ ข. อำรมณ์ดี ค. ชอบอำ่ นหนังสือใหเ้ ดก็ ๆ ฟัง ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๒. คนเร่ขำยหนังสือ เขำขำยหนังสือประเภทใดบำ้ ง ก. นิทำน ข. ควำมรรู้ อบตัว ค. คัดลำยมือและวำดภำพ ง. ถูกทุกข้อ ๓. คนเรข่ ำยหนังสือมำเร่จัดหนงั สือและวำงหนังสือไว้ที่ใดของหมบู่ ำ้ น ก. ใตร้ ่มไม้ใหญ่ ข. ใต้รม่ โพธ์ิ ค. ศำลำกลำงบ้ำน ง. โรงเรยี น ๔. เหตผุ ลอยำ่ งหนึง่ ของคนเร่ขำยหนังสือ ที่เขำเลือกมำเป็นคนเรข่ ำยหนังสือ คอื อะไร ก. เขำต้องกำรใหเ้ ด็กทุกคนรักหนงั สอื ข. เขำต้องกำรใหเ้ ด็กทุกคนอยำกอำ่ นหนังสือ ค. เขำต้องกำรใหเ้ ด็กทุกคนสนใจหนงั สอื ง. ถกู ทุกข้อ ๕. เด็กๆที่ซื้อหนังสือท่ีถูกใจแล้วพำกันกลบั บ้ำน เหลอื แตใ่ คร ก. เดก็ ชำยตวั น้อย ข. เด็กชำยตวั เล็ก ค. เด็กหญงิ ตวั นอ้ ย ง. เดก็ หญงิ ตัวเลก็ ๖. ทำไมเด็กชำยตวั เลก็ ถงึ ไมย่ อมเลือกหยิบหนังสอื เพรำะอะไร ก. เขำอยำกอ่ำนหนังสอื ทุกเล่ม ข. ไมร่ วู้ ่ำจะเลือกเล่มไหน ค. เขำอำ่ นหนังสือไม่ออก ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๗. ทำไมเด็กๆทกุ คนจงึ ต้องเรียนหนงั สือ ก. จะได้มีควำมรู้ ข. จะได้มวี ิชำ ค. เป็นเครื่องมือในกำรเลีย้ งชีพ ง. ถกู ทุกข้อ ๘. ข้อใดถูกตอ้ ง ก. ไมม่ ใี ครอ่ำนหนังสือออกมำตง้ั แตเ่ กดิ ข. ถ้ำอยำกอ่ำนหนงั สือออกต้องขยนั เรยี น ค. ถำ้ อยำกอำ่ นหนังสือออก ตอ้ งฝึกอ่ำนทุกวนั ง. ถกู ทกุ ข้อ

๙. คนเร่ขำยหนงั สือมอบหนงั สือเล่มหนึ่งใหเ้ ด็กชำยตวั เล็กหยิบ อยำกทรำบว่ำเขำหยบิ หนงั สอื เก่ียวกบั อะไร ก. นิทำนเกีย่ วกับสตั ว์ ข. ควำมรู้รอบตัว ค. คดั ลำยมือและวำดภำพ ง. ถกู ทุกข้อ ๑๐. นักเรียนคดิ ว่ำคนเร่ขำยหนงั สือรู้สึกอย่ำงไรทไี่ ด้อ่ำนหนังสอื ให้เด็กชำยตวั เล็กฟงั และเดก็ ชำยตวั เล็ก รสู้ กึ อยำ่ งไรที่ไดร้ ับหนงั สอื จำกคนเรข่ ำยหนังสอื ก. ยนิ ดี ข. ดีใจ ค. มคี วำมสขุ ง. ภูมิใจ เฉลย ง ๒. ง ๓. ก ๔. ง ๕. ข ๑. ง ๗. ง ๘. ง ๙. ก ๑๐. ค ๖.

ภาคผนวก บทร้อยกรอง เดก็ เอย๋ เด็กน้อย เด็กน้อย เดก็ เอย๋ เด็กน้อย ควำมรเู้ รำยงั ด้อยเร่งศึกษำ เมอ่ื เติบใหญ่เรำจะไดม้ ีวชิ ำ เป็นเครื่องหำเล้ียงชีพสำหรับตน ได้ประโยชน์หลำยสถำนเพรำะกำรเรยี น จงพรำกเพียรไปเถิดจะเกดิ ผล ถงึ ลำบำกตรำกตรำก็จำทน เกิดเปน็ คนควรหมั่นขยนั เอย (กระทรวงศกึ ษำธิกำร,ดอกสร้อยสุภำษิต.) ใบความรู้

เรื่อง ข้อปฏิบัติในการฟงั และการพดู การฟงั เปน็ กำรได้ยนิ เรื่องรำวให้เกดิ ควำมเขำ้ ใจในเร่อื งทไ่ี ด้ยิน และ นำมำพจิ ำรณำวำ่ เรื่องรำวนั้น ๆ ควรเช่อื ได้หรือไม่ นำไปใช้ประโยชนไ์ ดเ้ พยี งใด ข้อควรปฏิบตั ใิ นการฟัง ๑. ตัง้ ใจฟัง ไม่พดู หรือสนทนำกนั ขณะฟังผู้อน่ื พดู ๒. คิดติดตำมเร่ืองฟังว่ำเรื่องทฟี่ งั เกี่ยวกับอะไร มคี วำมถูกต้องเชือ่ ถือได้หรอื ไม่ ๓. กำรฟังคำบรรยำยควรจดข้อควำมสำคัญท่ีได้จำกกำรฟังไว้ มารยาทในการฟงั ๑. ตง้ั ใจฟัง มองผู้พูด ๒. ไม่คยุ หรือเล่นขณะฟังผู้อื่นพดู ๓. ไม่สง่ เสยี งดังหรือทำควำมรำคำญใหผ้ ูอ้ ่นื ๔. ถำ้ จะถำมควรขออนุญำตก่อน หรอื ให้ผพู้ ดู หยุดพดู กอ่ น ไมค่ วรถำมขณะผู้พูดยงั พดู ไม่จบ การพดู เป็นกำรแสดงควำมคดิ เห็นหรอื บอกเลำ่ เร่ืองรำว โดยกำรพดู ให้ผู้อ่ืนฟัง ผ้พู ูดตอ้ งมีควำมคิด มีเร่ืองรำวท่จี ะพูด และต้องจัดลำดบั ควำมคิดหรือเรอื่ งรำวท่ีจะพูดไม่ให้สบั สน เพ่อื ผู้ฟังจะไดเ้ กิดควำมเข้ำใจ ชัดเจน ผู้พดู ตอ้ งพูดใหช้ ดั เจน ใชภ้ ำษำทถี่ ูกต้อง ข้อปฏบิ ตั ิในการพูด ๑. จะพูดเรอื่ งอะไร ต้องมคี วำมรใู้ นเรอ่ื งน้ันโดยกำรอ่ำน กำรซักถำม ผูอ้ ื่นใหเ้ ขำ้ ใจก่อน ๒. ใช้ภำษำพูดทถ่ี กู ตอ้ ง สภุ ำพ ๓. พูดใหเ้ สยี งดัง ฟังชดั แต่ไมใ่ ช่ตะโกน ๔. พดู ใหช้ ัดเจน ใชค้ ำแทนช่อื ใหถ้ ูกตอ้ ง ๕. มองผู้พดู ๖. ขณะพูดต้องน่ังหรอื ยืนตวั ตรงในท่ำสบำย ๗. ไมเ่ อำมือลว้ ง ควกั แกะ เกำ ขณะพูดหรือยนื เอำมอื ไขวห้ ลงั

มารยาทในการพดู ๑. ใชน้ ้ำเสียงนมุ่ นวล ไมพ่ ูดกระโชกโฮกฮำก ๒. ใชถ้ อ้ ยคำสภุ ำพ ๓. พูดด้วยใจจรงิ และยกย่องผู้ฟงั ๔. ไมน่ นิ ทำผู้อ่ืนหรือพูดว่ำร้ำยผอู้ ่นื ๕. ไมแ่ สดงควำมโกรธเคืองผู้ฟงั ๖. รอจงั หวะในกำรพูดซักถำม ไม่พูดสอดขณะผู้อ่นื กำลงั พดู

ภาคผนวก ภำพจำกบทเรยี น ภาพ หน่วยที่ ๔

แผนการจดั การเรียนรู้ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๓ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ เรื่อง เด็กเอย๋ เด็กน้อย เวลา ๑๑ ช่วั โมง แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๒ เรือ่ ง การสะกดคา เวลา ๑ ช่ัวโมง วันท่ี ................................................................ ************************************************************************** มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้ำใจธรรมชำติของภำษำและหลกั ภำษำไทย กำรเปล่ียนแปลงของภำษำ และพลังของภำษำ ภูมิปญั ญำทำงภำษำ และรักษำภำษำไทยไว้เปน็ สมบัติ ของชำติ ตวั ช้ีวดั มาตรฐาน ท ๔.๑ ป.๓ / ๑ เขยี นสะกดคำและบอกควำมหมำยของคำ สาระสาคญั กำรสะกดคำแบบแจกลกู คำ เปน็ พ้ืนฐำนกำรอ่ำนคำตำ่ งๆ ในบทเรยี นไดอ้ ย่ำงถกู ตอ้ ง สาระการเรยี นรู้ กำรสรำ้ งประสบกำรณ์จำกคำ กำรอ่ำนและสะกดคำยำกและคำใหม่ กำรเขียนคำยำกและคำใหม่ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. สำมำรถสะกดคำยำกและคำใหมใ่ นบทเรียนได้ ๒. สำมำรถเขียนคำยำกและคำใหม่ไดถ้ ูกตอ้ ง ๓. สำมำรถทำงำนร่วมกับคนอนื่ ไดอ้ ย่ำงมีควำมสุข (เก่ง ดี มสี ขุ ) สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ควำมสำมำรถในกำรสือ่ สำร ควำมสำมำรถในกำรใชท้ ักษะชีวติ ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. มีควำมรอบคอบในกำรทำงำน ๒. เปน็ ผนู้ ำและผ้ตู ำมทด่ี ี ๓. มีควำมภำคภมู ใิ จในภำษำไทย ๔. มคี วำมสนใจใฝ่เรยี นรู้ ๕. ใช้ภำษำไดถ้ กู กำลเทศะ

สาระการเรียนรู้ กำรสรำ้ งประสบกำรณจ์ ำกคำ กำรอ่ำนและสะกดคำยำกและคำใหม่ กำรเขียนคำยำกและคำใหม่ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ นาสกู่ ระบวนการเรียนรู้ นกั เรียนเลน่ เกมใบค้ ำ (ภำคผนวก) กระบวนการเรยี นรู้ ๑. นกั เรยี นและครูสนทนำเกย่ี วกบั บทเรยี น โดยใหน้ ักเรียนอำ่ นแผนภูมทิ ค่ี รแู ละนกั เรยี น ช่วยกนั เขียนสรปุ ในชวั่ โมงท่ีแลว้ แล้วฝกึ อ่ำนสะกดคำคำใหมห่ น่วยท่ี ๔ (บทท่ี ๓) ๒. นักเรียนรว่ มกันดูภำพจำกหนงั สือเรียนบทที่ ๓ เร่อื ง “เด็กเอย๋ เดก็ น้อย” แล้วใหน้ กั เรียน เขยี นคำจำกภำพในบทเรียนและฝึกอำ่ นสะกดคำ ๓. รว่ มกันอ่ำนแผนภมู คิ ำจำกเรือ่ งท่ีนกั เรยี นเล่ำ เพื่อทบทวนบทเรยี น ๔. นกั เรยี นร่วมกันฝึกอ่ำนและเขยี นคำยำก และสะกดคำจนคลอ่ ง ๕. นกั เรยี นขดี เสน้ ใต้คำใหม่และคำยำกจำกแผนภมู ิว่ำมกี คี่ ำ ๖. นักเรยี นรว่ มกันนำคำยำกไปแตง่ ขอ้ ควำมหรือประโยค ๗. นักเรยี นทกุ คนคดั คำใหมแ่ ละคำยำกลงสมดุ ๘. แบ่งกลมุ่ เป็น ๓ กลุ่ม ชว่ ยกันทำพจนำนกุ รมคำยำกเพ่อื เกบ็ ไวอ้ ำ่ นในชั้นเรียน สรุปกระบวนการเรยี นรู้ ๑. นกั เรียนทบทวนบทเรยี นโดยอ่ำนสะกดคำใหม่และคำยำกจำกแผนภูมอิ กี ครั้ง ๒. นักเรียนทำแบบฝกึ พฒั นำกำรเรียนรู้ (ภำคผนวก) ๓. มอบหมำยให้นักเรยี นทำแบบฝึกหดั ทักษะภำษำเป็นกำรบ้ำน สือ่ และแหลง่ การเรียนรู้ ๑. บัตรคำใหม่ ๒. ภำพจำกบทเรียน ๓. หนังสอื เรยี นภำษำไทย ป.๓ เล่ม ๒ วรรณคดีลำนำ ๔. แผนภมู ิทนี่ ักเรียนร่วมกนั สรุป ๕. แบบฝกึ พัฒนำกำรเรยี นรู้ ๖. เกมใบ้คำ

กระบวนการวดั และประเมินผล ๑. วิธีการ ๑.๑. สังเกต กำรอ่ำนและสะกดคำ กำรเขียนตำมคำบอก ควำมสนใจในกำรเรยี น กระบวนกำรทำงำนของแตล่ ะคน กำรซกั ถำมและกำรตอบคำถำม ๑.๒. ตรวจผลงำน สมุดงำน/แบบฝึกหดั แบบฝกึ พัฒนำกำรเรียนรู้ ๒. เครื่องมอื การวัดและประเมินผล แบบประเมินกำรเขียนตำมคำบอก แบบฝกึ พฒั นำกำรเรยี นรู้ ๓. เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล ใช้กำรผ่ำนเกณฑ์รอ้ ยละ ๗๐ ข้นึ ไป กจิ กรรมเสนอแนะ -

ภาคผนวก เกมใบค้ า จุดประสงค์ นกั เรยี นสำมำรถวเิ ครำะห์ภำษำทำงเปน็ ภำษำพูดและภำษำเขียนได้ วิธเี ลน่ ๑. เลือกอำสำสมคั ร ๕ คนเพอ่ื เป็นผู้แสดงท่ำทำง ๒. ใหอ้ ำสำสมัครยืนหน้ำชั้นเรียน แล้วรบั บัตรคำจำกครู จำกนั้นจงึ ใบ้คำโดยแสดงท่ำทำงตำม บตั รคำที่ได้ ตวั อยา่ ง หนังสอื คนเร่ขำยหนังสอื กระเปำ๋ หยบิ วำง กำร์ตนู ผูใ้ หญ่ วำดภำพ เล่น แมลงวัน ตอ่ ไป ๓. นกั เรยี นชว่ ยกันทำยคำทีละคนโดยใครยกมือก่อนจะเปน็ ผไู้ ดท้ ำย ๔. ให้นักเรยี นท่ีทำยถูกตอ้ งนำบตั รคำกล่ำวไปติดบนกระดำนแม่เหล็กเพอื่ ทำกิจกรรมในข้ัน

ศึกษำ บัตรคา ชพี ประโยชน์ พำกเพยี ร ตรำกตรำ วชิ ำ สถำน หม่ัน สถำน ขยัน อำรมณ์ อธิบำย จรด สวสั ดี คนโซ รำศี มงคล อำกำศ สดช่ืน กระติกน้ำ ระเบียบ สะพำย ประเภท กำร์ตนู ควำมร้รู อบตวั ทยอย เชิญชวน

แบบฝึกพัฒนาการเรยี นรู้ ชื่อ………………………………………………………………………….…..เลขท่ี……………..….ชัน้ ประถมศกึ ษำปีที่ ๓/………. วนั ท่ี………….……..เดอื น………………………………………………………….พ.ศ…………………………… คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขียนคำอำ่ นจำกคำที่กำหนดให้อย่ำงถกู ต้อง ตัวอย่าง สาราญ อำ่ นวำ่ สำ – รำน ๑. จรด อ่ำนวำ่ ………………………………….. ๒. อารมณ์ อำ่ นว่ำ ………………………………….. ๓. อากาศ อำ่ นว่ำ ………………………………….. ๔.ประเภท อ่ำนวำ่ ………………………………….. ๕. ความสุข อำ่ นวำ่ ………………………………….. ๖. การต์ ูน อำ่ นว่ำ ………………………………….. ๗. วาดภาพ อำ่ นวำ่ ………………………………….. ๘. เชิญชวน อำ่ นว่ำ ………………………………….. ๙. ทยอย ๑๐.บทรอ้ ยกรอง อ่ำนวำ่ …………………………………. อ่ำนว่ำ …………………………………..

ชอ่ื ………………………………..……………………..เลขที่………………..….ชนั้ ประถมศกึ ษำปที ่ี ๓/……….. วนั ที่………….…..เดือน……………………………………..……………….พ.ศ……………………..… คาชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นเขยี นคำจำกคำอ่ำนที่กำหนดใหต้ ่อไปนีอ้ ยำ่ งถูกต้อง ตัวอย่าง เถา - วนั เขยี นเปน็ เถำวัลย์ ๑. อะ-ทิ - บาย เขียนเปน็ ………………………………….. ๒.พะ-ยัก -หน้า เขียนเป็น………………………………….. ๓. ประ - โหยด เขยี นเปน็ ………………………………….. ๔. ขะ – หยนั เขยี นเปน็ ………………………………….. ๕. อา - รม - ดี เขยี นเป็น………………………………….. ๖. วาด - พาบ เขยี นเป็น………………………………….. ๗. ประ - เพด เขยี นเป็น………………………………….. ๘. กา - ตนู เขยี นเปน็ ………………………………….. ๙. เชนิ - ชวน เขยี นเปน็ ………………………………….. ๑๐.ทะ - ยอย เขียนเปน็ …………………………………..

แผนการจดั การเรยี นรู้ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เรื่อง เดก็ เอย๋ เด็กนอ้ ย เวลา ๑๑ ชั่วโมง แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๓ เรือ่ ง การอา่ นในใจ เวลา ๑ ชวั่ โมง วันที่ ................................................................ ********************************************************************************** มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนกำรอำ่ นสร้ำงควำมร้แู ละควำมคดิ เพือ่ นำไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ัญหำใน กำรดำเนนิ ชวี ติ และมนี ิสัยรักกำรอ่ำน ตวั ชวี้ ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓ / ๓ ต้ังคำถำมและตอบคำถำมเชงิ เหตุผลเกี่ยวกับเรอ่ื งทอ่ี ่ำน สาระสาคัญ กำรอำ่ นในใจที่ดตี ้องสำมำรถจบั ใจควำมสำคญั ของเร่อื งทอ่ี ่ำนไดซ้ ่ึงต้องอำศยั กำรตั้งคำถำมวำ่ ใคร ทำ อะไร ท่ไี หน อย่ำงไร เพือ่ ใหไ้ ด้คำตอบเรียบเรียงเปน็ คำพูด หรอื เขียนเรยี งลำดับเหตุกำรณท์ ีส่ ำคญั ของเรื่องท่ี อ่ำนนัน้ ได้ สาระการเรยี นรู้ ๑. คำใหม่ในบทเรียน ๒. บทเรยี นเร่ือง เดก็ เอย๋ เด็กน้อย จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นกั เรยี นสำมำรถต้งั คำถำมจำกเร่อื งท่อี ่ำนได้ ๒. นักเรยี นสำมำรถตอบคำถำมจำกเรื่องท่ีอ่ำนได้ถูกต้อง ๓. นกั เรยี นสำมำรถอำ่ นและบอกควำมหมำยของคำใหม่ในบทเรยี นได้ ๔. นักเรยี นสำมำรถแต่งประโยคปำกเปล่ำจำกคำใหม่ได้ สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น ควำมสำมำรถในกำรส่ือสำร ควำมสำมำรถในกำรใช้ทักษะชีวิต ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ญั หำ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. มีควำมรอบคอบในกำรทำงำน ๒. เปน็ ผูน้ ำและผู้ตำมทีด่ ี ๓. มคี วำมภำคภูมใิ จในภำษำไทย ๔. มคี วำมสนใจใฝ่เรียนรู้ ๕. ประหยัดและอย่อู ย่ำงพอเพียง

สาระการเรยี นรู้ ๑. คำใหม่ในบทเรียน ๒. บทเรยี นเรอื่ ง เด็กเอ๋ยเด็กนอ้ ย กระบวนการจัดการเรยี นรู้ นาสู่กระบวนการเรยี นรู้ นักเรียนและครรู ่วมกนั สนทนำเพื่อทบทวนเน้ือเรอ่ื งในบทเรียน โดยเลำ่ เรื่องตอ่ กนั คนละ ประโยคจนจบ กระบวนการเรียนรู้ ๑. นักเรียนและครูร่วมกนั สนทนำเกีย่ วกบั รูปภำพในบทเรียนท่ี ๔ สนทนำถงึ ประโยชน์ของ หนังสอื และประโยชน์ของวิชำควำมรู้ ๒. นกั เรียนสนทนำเก่ยี วกับภำพโดยตอบคำถำมวำ่ ใครทำอะไร ท่ีไหน เม่ือไหร่ อยำ่ งไร เพรำะเหตุใด ๓. นกั เรียนฝกึ เล่ำหรือทำนำยเรอื่ งจำกภำพ วำ่ นำ่ จะมเี หตุกำรณ์อยำ่ งไร ๔. นกั เรยี นอำ่ นคำใหมท่ ่เี ปน็ คำยำกในบทเรียน ถำ้ คำใดอำ่ นไม่ได้ใหส้ ะกดคำ ๕. นักเรียนแบง่ กล่มุ ตำมควำมเหมำะสม แล้วชว่ ยกนั อำ่ นคำใหม่ พร้อมกับหำควำมหมำย ของคำจำกพจนำนกุ รม ๖. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมำอ่ำนคำใหม่หน้ำชนั้ เรียนใหน้ ักเรยี นทง้ั หมดอำ่ นตำม ๗. นักเรียนฝกึ แต่งประโยคปำกเปลำ่ จำกคำใหมบ่ ำงคำ ๘. นักเรยี นอำ่ นคำใหมแ่ ละคำยำกทำ้ ยบทเรียน ๙. นกั เรียนและครูชว่ ยกนั ต้ังจดุ ประสงค์กำรอ่ำนในใจรว่ มกัน เพ่ือจบั ใจควำมสำคญั ของเรอื่ ง เพื่อต้ังคำถำมและตอบคำถำมจำกเรื่อง แลว้ ใหน้ ักเรยี นอำ่ นในใจประมำณ ๑๐ นำที ๑๐. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลมุ่ ๔ กล่มุ ๆ ละ ๔ - ๕ คน ร่วมกันตั้งคำถำมจำกเร่ืองท่ีอำ่ นกล่มุ ละ ๔ - ๕ คำถำมและคำตอบ สรปุ กระบวนการเรียนรู้ ๑.นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ออกมำนำเสนอผลงำนกลุ่มละ ๑ คำถำม และตอบคำถำมโดยเขยี น กระดำนดำไม่ซ้ำกนั ๒. นักเรยี นช่วยกันอ่ำนคำถำม และคำตอบบนกระดำนดำและคัดลงใน สมุดส่งครู ๓. นกั เรียนทอ่ งบทอำขยำน เด็กเอ๋ยเด็กน้อย ๔. นกั เรียนทำแบบฝกึ พัฒนำกำรเรยี นรู้ (ภำคผนวก) ๕. มอบหมำยให้นักเรยี นทำแบบฝึกหัดทักษะภำษำ เปน็ กำรบำ้ น

สื่อและแหล่งการเรียนรู้ ๑. บตั รคำใหม่ ๒. บตั รคำยำกในบทเรยี น ๓. แบบฝึกพัฒนำกำรเรยี นรู้ ๔. รปู ภำพ ๕. กระเป๋ำผนัง ๖. พจนำนกุ รม ๗. หนงั สือแบบเรียนภำษำไทย ช้นั ประถมศึกษำปีท่ี ๓ เลม่ ๒ ๘. แบบฝึกหัดทักษะภำษำ ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ี่ ๓ กระบวนการวดั ผลและประเมินผล ๑ วิธกี าร ๑.๑ สงั เกต กำรฟงั กำรเลำ่ เรอ่ื ง กำรซกั ถำม กำรตอบคำถำม กำรคัดลำยมือ ควำมสนใจในกำรเรียน กระบวนกำรทำงำน ๑.๒ ตรวจ แบบฝกึ พัฒนำกำรเรียนรู้ สมดุ งำน แบบฝกึ หดั ๒ เคร่ืองมอื การวัดและประเมนิ ผล แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเรียน แบบฝึกพฒั นำกำรเรยี นรู้ ๓ เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผล ใช้กำรผำ่ นเกณฑร์ ้อยละ ๗๐ ขึ้นไป กิจกรรมเสนอแนะ -

ศึกษำ บัตรคา ชพี ประโยชน์ พำกเพยี ร วชิ ำ ตรำกตรำ สถำน หมน่ั สถำน ขยนั อำรมณ์ อธบิ ำย สวสั ดี คนโซ จรด มงคล อำกำศ รำศี กระติกน้ำ ระเบียบ สดช่ืน ประเภท กำร์ตนู สะพำย ทยอย ควำมร้รู อบตัว เชญิ ชวน

ชือ่ …………………………………………………………....เลขท่ี…………….ชนั้ ประถมศึกษำปที ี่…………… *************************************************************************************** คาช้แี จง นักเรยี นตอบคำถำมให้ถกู ต้อง ๑. คนเร่ขำยหนังสอื เป็นคนทีม่ ีลักษณะนิสยั อย่ำงไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. คนเรข่ ำยหนังสือ เขำขำยหนังสือประเภทใดบำ้ ง ……………………………………………………………….………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………….……………………………………………………………… ๓. คนเรข่ ำยหนงั สอื มำเร่จัดหนงั สอื และวำงหนงั สือไว้ท่ีใดของหม่บู ้ำน ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔. เหตุผลอย่ำงหนึ่งของคนเรข่ ำยหนังสอื ท่ีเขำเลอื กมำเป็นคนเร่ขำยหนงั สอื คอื อะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………..………………………………… ๕. ทำไมเดก็ ชำยตัวเล็กถงึ ไมย่ อมเลือกหยบิ หนังสือ เพรำะอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๖. ทำไมเด็กๆทกุ คนจงึ ตอ้ งเรียนหนังสอื ………………………………………………………………………………………………..……………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………

ชอ่ื …………………………………………….……………..เลขที่…………..….ช้ันประถมศกึ ษำปที ่ี ๓/......... *************************************************************************************** คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนหำควำมหมำยของคำท่ีกำหนดให้ถูกต้อง ตวั อย่าง สาราญ หมำยถงึ สขุ สบำย ๑. จรด หมำยถึง ………………………………….. ๒. อารมณ์ หมำยถึง ………………………………….. ๓. อากาศ หมำยถงึ ………………………………….. ๔.ประเภท หมำยถงึ ………………………………….. ๕. ความสขุ หมำยถึง ………………………………….. ๖. การต์ ูน หมำยถึง ………………………………….. ๗. วาดภาพ หมำยถึง ………………………………….. ๘. เชิญชวน หมำยถงึ ………………………………….. ๙. ทยอย หมำยถงึ ………………………………….. ๑๐.บทรอ้ ยกรอง หมำยถึง …………………………………..

เร่อื ง การเขยี นรายงานการอ่านหนังสอื ชื่อ……………………………………………….……………………เลขท่ี……………... ชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี ๓/………. ********************************************************************************** คาช้แี จง ให้นักเรยี นอ่ำนหนงั สอื แลว้ เติมข้อควำมลงในแบบรำยงำนกำรอำ่ นหนังสือให้ได้ใจควำมสมบูรณ์ แบบรายงานการอา่ นหนงั สือ เรอื่ ง ……………………………………………..……… ชอ่ื ผแู้ ต่ง …………………………………………………………………………………………………………………………..………………… ตัวละคร ……………………………………………………………………………………………………..……………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. เนื้อเรื่องย่อ …………………………………………………………………………………………………………………….………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… ตัวละครทช่ี อบมำกท่สี ดุ …………………………………………………………………………………………………………………….... ชอบเพรำะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………....... ตัวละครทไ่ี ม่ชอบมำกที่สดุ …………………………………………………………………………………………………………………... ไม่ชอบเพรำะ …………………………………………………………………………………………………………………………..………... ขอ้ คิดท่ีไดจ้ ำกเรื่อง…………………………………………………………………………………………………………………..…………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… เม่ืออ่ำนหนังสือเล่มนแี้ ล้ว ชอบเพรำะ ………………………………………………………………………………………..………… ……………………………………………………………………………………………………………………….………………………………… ไม่ชอบเพรำะ …………………………………………………………………………………………………………..…………………………

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๔ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ เร่ืองเดก็ เอ๋ยเดก็ น้อย เวลา ๑๑ ชั่วโมง แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๔ เร่อื ง การอา่ นออกเสยี ง เวลา ๑ ช่ัวโมง วันท่ี ............................................................................................................... *************************************************************************** มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนกำรอำ่ นสร้ำงควำมร้แู ละควำมคิดเพอ่ื นำไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ัญหำใน กำรดำเนนิ ชวี ิต และมนี สิ ยั รักกำรอำ่ น ตัวช้ีวดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓ / ๑ อ่ำนออกเสียงคำ ขอ้ ควำม เรอื่ งสน้ั ๆ และบทร้อยกรองง่ำยๆ ได้ถูกตอ้ ง คล่องแคล่ว สาระสาคญั กำรอ่ำนออกเสียงบทเรยี นจะตอ้ งฝกึ ทกั ษะกำรอำ่ นคำเปน็ คำยำกโดยต้องอ่ำนได้ถูกต้องตำม หลักเกณฑก์ ำรอำ่ น ฝกึ อ่ำนคำ ประโยคและเน้ือเรื่องในบทเรยี น โดยกำรแบ่งวรรคตอนกำรอ่ำนใหถ้ ูกต้อง สาระการเรยี นรู้ ๑.บทเรียนหน่วยท่ี ๔ เร่ือง เดก็ เอย๋ เด็กน้อย ๒.กำรอำ่ นออกเสยี งเนือ้ เรื่องในบทเรียน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑.นกั เรียนสำมำรถอ่ำนออกเสียงคำยำกไดถ้ ูกต้องชดั เจน ๒.นกั เรียนสำมำรถตอบคำถำมจำกเรือ่ งท่ีอ่ำนได้ถูกต้อง ๓.นักเรียนสำมำรถอำ่ นประโยคในบทเรียนได้ถูกตอ้ ง ๔.นักเรียนสำมำรถอ่ำนออกเสียงในบทเรียนได้ถูกต้อง สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร ควำมสำมำรถในกำรใชท้ ักษะชวี ติ ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. มีจติ สำนึกในควำมเปน็ ไทย ๒. มีควำมสำมัคคีในหมคู่ ณะ ๓. ใชภ้ ำษำส่ือสำรได้อย่ำงมปี ระสทิ ธภิ ำพ ๔. นำขอ้ คิดมำใชใ้ นชีวิตประจำวนั ๕. ประหยดั และอยู่อยำ่ งพอเพยี ง

กระบวนการจัดการเรียนรู้ นาสกู่ ระบวนการเรยี นรู้ ๑. นักเรียนเลน่ เกมบตั รคำต่อคำ (ภำคผนวก) ๒. นักเรยี นฝึกอ่ำนคำยำกในบทเรยี นจำกบตั รคำ ๓. นักเรยี นท่องบทร้อยกรอง “วชิ ำหนำเจำ้ ” (ภำคผนวก) กระบวนการเรยี นรู้ ๑. นักเรยี นและครูรว่ มกนั สนทนำควำมหมำยของคำยำก โดยนักเรียนเปดิ หำควำมหมำย จำกพจนำนุกรม และนักเรียนอำสำสมคั รออกไปเขยี นบนกระดำนดำ ๒. นักเรียนอำ่ นออกเสียงจำกแถบประโยค หรอื แผนภูมิประโยคท่ีครูเขียนบนกระดำนดำ โดยสังเกต คำทขี่ ดี เส้นใต้ แล้วสนทนำเก่ียวกบั คำท่ขี ีดเส้นไต้ ๓. นกั เรียนฝกึ อำ่ นออกเสยี งในบทเรียน ดังน้ี ครูอ่ำนให้นักเรียนฟังเปน็ ตวั อยำ่ ง นักเรียนฝกึ อ่ำนคนละ ๑ ย่อหน้ำ จนจบเร่ือง นักเรียนฝกึ อำ่ นในกลมุ่ ของตนเอง ๔. นักเรียนเขียนคำตำมคำบอก ๑๐ คำ สรุปกระบวนการเรยี นรู้ ๑ นักเรียนและครูร่วมกันสรุปบทเรียน เร่อื งเด็กเอ๋ยเดก็ น้อย ๒.นกั เรยี นทำแบบฝึกพัฒนำกำรเรียนรู้ (ภำคผนวก) ๓.มอบหมำยให้นักเรียนทำแบบฝึกหดั ทกั ษะภำษำ เปน็ กำรบ้ำน ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ ๑ บตั รคำยำก ๒. แถบประโยค ๓. กระเป๋ำผนงั ๔. พจนำนกุ รม ๕. แบบฝกึ พฒั นำกำรเรยี นรู้ ๖. หนงั สือเรียนภำษำไทย ช้นั ประถมศึกษำปที ่ี ๓ เล่ม ๒ วรรณคดลี ำนำ ๗. แบบฝึกหัดทักษะภำษำ ชดุ ภำษำเพื่อชีวติ ชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี ๓ ๘. บทร้อยกรอง วชิ ำหนำเจำ้ กระบวนการวดั ผลและประเมินผล ๑. วธิ ีการ ๑.๑ สงั เกต กำรอำ่ นออกเสยี ง

กำรเขยี นตำมคำบอก ควำมสนใจในกำรเรยี น กระบวนกำรทำงำนของแต่ละคน ๑.๒ ตรวจผลงำน สมดุ งำน แบบฝกึ หดั แบบฝึกพฒั นำกำรเรียนรู้ ๒. เครอื่ งมือการวัดและประเมนิ ผล แบบประเมนิ พฤตกิ รรมกำรทำงำน แบบฝกึ พฒั นำกำรเรียนรู้ ๓. เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล ใชก้ ำรผ่ำนเกณฑ์รอ้ ยละ ๗๐ ขึน้ ไป กจิ กรรมเสนอแนะ -

บัตรคาเกมตอ่ คา ตัวอย่างบัตรคา ๑. ไปหำ ผงึ้ น้อย น้ำหวำน ผึ้งน้อยไปหำน้ำหวำน ๒. รอ้ งเตือนให้ ผ้ึงน้อย กระจง ระวัง งูเหลอื ม ทำงำน ผง้ึ น้อยร้องเตอื นใหก้ ระจงระวงั งูเหลือม ๓. คณุ แม่ ฉัน ชว่ ย ฉนั ชว่ ยคุณแมท่ ำงำน ๔. ดื่ม ฉัน ทกุ วัน นม ฉนั ด่มื นมทกุ วนั ๕ ทุกวนั ฉัน และผลไม้ ผัก ชอบทำน ฉันชอบทำนผกั และผลไมท้ ุกวัน

ภาคผนวก บทร้อยกรอง วิชาหนาเจ้า หนงั สือเป็นต้น เกิดมำเปน็ คน ถ้ำแม้นไม่รู้ วิชำหนำเจำ้ เพอ่ื นฝูงเยำะเย้ำ อดสอู ำยเขำ ว่ำเง่ำวำ่ โง่ ไมร่ วู้ ิชำ ลำงคนเกดิ มำ ไปเปน็ ขำ้ เขำ เคอะอยู่จนโต บ้ำงเป็นคนโซ เพรำะเง่ำเพรำะโง่ เท่ียวขอก็มี ประเสริฐหนักหนำ ถำ้ ร้วู ิชำ จะไปแหง่ ใด ชหู นักรำศรี ยำกไรไ้ มม่ ี มีคนปรำนี สวัสดีมงคล (ประถม ก กำ. ฉบบั หอสมุดแหง่ ชำติ)

ชือ่ …………………………………………….…………………..เลขท่ี……………..….ชนั้ ประถมศกึ ษำปที ่ี ๓/......... *************************************************************************************** คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนใหน้ ักเรียนหำควำมหมำยของคำยำกจำกพจนำนุกรมให้ถกู ต้อง ๑. ขา้ หมำยถึง ………………………………….. ๒.บา่ วไพร่ หมำยถงึ ………………………………….. ๓. คนโซ หมำยถงึ ………………………………….. ๔. เคอะ หมำยถงึ ………………………………….. ๕. เงา่ หมำยถึง ………………………………….. ๖. ทยอย หมำยถึง ………………………………….. ๗. ปรานี หมำยถึง ………………………………….. ๘. ลางคน หมำยถึง ………………………………….. ๙. อดสู หมำยถงึ ………………………………….. ๑๐.ประโยชน์ หมำยถงึ …………………………………..

เรื่อง การเขยี นรายงานการอา่ นหนังสือ ช่อื ………………………………….………………………………….………เลขที่…………...... ชนั้ ประถมศึกษำปีที่ ๓/........... ****************************************************************************************************************************** คาชี้แจง ให้นักเรยี นอ่ำนหนงั สอื แลว้ เตมิ ข้อควำมลงในแบบรำยงำนกำรอ่ำนหนังสือใหไ้ ด้ ใจควำมสมบูรณ์ แบบรายงานการอา่ นหนังสือ เรอื่ ง ………………………………………………..…… ช่ือผู้แตง่ ………………………………………………………………………………………………………..………………… ตวั ละคร …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………….………………………………….. เน้อื เรอ่ื งย่อ ………………………………………………………………………………………………..…………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตัวละครทชี่ อบมำกท่ีสุด ……………………………………………………………………………………..…………….... ชอบเพรำะ ………………………………………………………………………….................................................... ตวั ละครท่ีไมช่ อบมำกท่สี ุด ……………………………………………………………………………………………..…... ไม่ชอบเพรำะ …………………………………………………………………………………………………………….……... ขอ้ คดิ ที่ได้จำกเร่อื ง………………………………………………………………………………………………………..……. ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… เมอ่ื อำ่ นหนังสือเลม่ นแี้ ล้ว ชอบเพรำะ ………………………………………………………………………..………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………

แผนการจดั การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๓ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เรื่อง เด็กเอย๋ เดก็ นอ้ ย เวลา ๑๑ ชั่วโมง แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๕ เรอื่ ง การเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง เวลา ๑ ชั่วโมง วนั ที่ ................................................................ ************************************************************************** มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนกำรเขยี นเขียนส่ือสำร เขียนเรียงควำม ยอ่ ควำม และเขยี นเรื่องรำว ในรูปแบบตำ่ งๆ เขียนรำยงำนข้อมลู สำรสนเทศและรำยงำนกำรศึกษำคน้ คว้ำ อยำ่ งมปี ระสทิ ธิภำพ ตวั ชี้วัด มาตรฐาน ท ๒.๑ ป.๓ / ๒ เขยี นบรรยำยเกีย่ วกับสิ่งใดส่ิงหนึง่ ไดอ้ ย่ำงชดั เจน สาระสาคัญ ๑.กำรอำ่ นในใจเพื่อใหส้ ำมำรถจบั ใจควำมสำคัญของเร่ืองได้ สำมำรถตอบคำถำมจำกเร่ือง บอกและ เรยี งลำดับเหตกุ ำรณ์ท่สี ำคัญในเร่ืองแลว้ สำมำรถเขียนแผนภำพโครงเรอ่ื งเพ่ือสรปุ เรอื่ งหรือเล่ำเรื่องโดยใช้ คำพูดของตนเองตำมแผนภำพโครงเร่อื งได้ ๒. แผนภำพโครงเรอ่ื ง เป็นแผนภำพทป่ี ระกอบดว้ ยส่วนของคำถำมเก่ียวกับเร่ืองดงั น้ี ใคร ทำอะไร ทไ่ี หน อย่ำงไร เพรำะเหตใุ ดและข้อคดิ จำกเรอื่ ง ๓. แผนภำพโครงเร่ือง จะช่วยให้สำมำรถบอกเหตุกำรณ์ของเร่อื งเปน็ ตอน ๆ โดยอำศยั กำรคิดคำตอบ จำกคำถำมในแผนภำพ และช่วยลำดบั เรื่องได้อยำ่ งต่อเนอื่ ง ทำใหส้ ำมำรถสรุปเรื่องท้ังหมดได้ สาระการเรยี นรู้ ๑. กำรเขียนแผนภำพโครงเร่ืองจำกบทเรยี น เรอ่ื ง เดก็ เอ๋ยเดก็ น้อย ๒. กำรเขยี นเร่ืองตำมแผนภำพโครงเร่ือง ๓. กำรเล่ำเร่ืองตำมแผนภำพโครงเร่อื ง จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑.นักเรยี นสำมำรถเขียนแผนภำพโครงเร่ืองได้ ๒.นักเรยี นสำมำรถเล่ำเรอื่ งจำกแผนภำพโครงเรื่องได้ ๓.นักเรยี นสำมำรถเขยี นเรื่องจำกแผนภำพโครงเร่ืองได้ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร ควำมสำมำรถในกำรใชท้ ักษะชีวติ ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ

คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. รักและชน่ื ชมในเอกลักษณไ์ ทย ๒. คดิ วิเครำะหเ์ รือ่ งรำวต่ำงๆได้ ๓. มวี ินยั ในตนเอง ๔. มีควำมสนใจใฝเ่ รยี นรู้ ๕.อยูอ่ ยำ่ งพอเพยี ง กระบวนการจดั การเรียนรู้ นาสู่กระบวนการเรียนรู้ ๑. นกั เรียนเล่นเกมเรียงฉนั หนอ่ ย (ภำคผนวก) ๒. นักเรียนและครูร่วมกันสนทนำทบทวนเน้ือเรอ่ื งในบทเรียน โดยเล่ำเรือ่ งต่อกนั คนละ ประโยคจนจบ กระบวนการเรยี นรู้ ๑. ครนู ำเสนอแผนภมู ิแผนภำพโครงเร่ือง (ภำคผนวก) ให้นกั เรียนดูบนกระดำนดำ ๒. นกั เรียนและครูชว่ ยกันอภปิ รำย และเติมคำถำม และเหตุกำรณ์ตำมแผนภำพโครงเร่ืองได้ดงั นี้ เชน่ ใคร : …………………………………………………………………………………………… ทไ่ี หน : …………………………………………………………………………………………… เม่ือไร : …………………………………………………………………………………………… เหตุการณ์ : …………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………..…… ………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………...……………………………… ………………………………………………………………………………………..… อย่างไร : …………………………………………………………………………………………… ข้อคดิ : …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………….……………… ๓. อำสำสมัครออกมำเลำ่ เร่ืองตำมเหตุกำรณ์จำกแผนภำพโครงเรื่องบนกระดำนดำใหเ้ พ่อื นๆ ฟงั สว่ นนักเรียนคนอื่น ๆ คอยช่วย แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ ถำ้ เพือ่ นเล่ำเรอ่ื งผดิ ๔. นักเรียนแต่ละคนเขียนเร่ืองตำมแผนภำพโครงเร่ือง ด้วยคำพดู ของนักเรยี นเอง ลงในกระดำษทีค่ รู แจกให้ (ในแบบฝกึ พัฒนำกำรเรียนรู้)

สรปุ กระบวนการเรียนรู้ ๑. ใหน้ กั เรยี นที่อำสำสมัครออกมำนำเสนอผลงำน ๒-๓ คน ให้เพ่ือน ๆ ฟัง ส่วนนักเรียนท่เี หลอื และครคู อยแก้ไขและเพม่ิ เติม ๒. มอบหมำยให้นักเรยี นทำแบบฝึกหดั ทกั ษะภำษำ ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ ๑. แผนภูมิแผนภำพโครงเรื่อง ๒. แถบประโยค ๓. กระเป๋ำผนัง ๔. แบบฝึกพฒั นำกำรเรยี นรู้ ๕. หนงั สือแบบเรียนภำษำไทย ช้ันประถมศกึ ษำปีท่ี ๓ เล่ม ๒ วรรณคดลี ำนำ ๖. แบบฝกึ หดั ทักษะภำษำ ชัน้ ประถมศกึ ษำปที ่ี ๓ ๗. เกมเรียงฉนั หนอ่ ย กระบวนการวัดและประเมินผล ๑. วธิ กี าร ๑.๑ สังเกต กำรอำ่ นในใจ กำรเลำ่ เร่ือง กำรเขียนแผนภำพโครงเรอ่ื ง กำรซักถำม กำรตอบคำถำม ควำมสนใจในกำรเรยี น กระบวนกำรทำงำน ๑.๒ ตรวจ แบบฝึกพฒั นำกำรเรียนรู้ สมุดงำน แบบฝกึ หัด ๒. เครื่องมือการวดั และประเมนิ ผล แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเรยี น แบบฝกึ พัฒนำกำรเรียนรู้ ๓. เกณฑ์การวดั และประเมินผล ใช้กำรผำ่ นเกณฑร์ ้อยละ ๗๐ ขึ้นไป กจิ กรรมเสนอแนะ -

เกมเรยี งฉนั หนอ่ ย จดุ ประสงค์ เพ่อื เรยี งคำตำมลำดบั พยัญชนะใหถ้ ูกต้องตำมหลักกำรเรยี งคำในพจนำนกุ ร อุปกรณ์ ๑. กระเป๋ำผนัง ๒. บัตรคำใหม่ ๓. ฉลำกรำยชือ่ นักเรยี น วิธเี ลน่ ๑. วำงบัตรคำทัง้ หมดลงบนโต๊ะ ๒. ครูจบั ฉลำกรำยชื่อนกั เรียน ใหน้ กั เรยี นออกมำหำบตั รคำแลว้ เอำไปวำงไวท้ ี่กระเป๋ำผนัง แล้ว ช่วยกนั เรยี งคำตำมลำดับพยัญชนะ ๓. นักเรียนทุกคนคัดคำที่เรยี งลำดบั ถูกต้องแล้วลงในสมุดเพ่ือฝกึ อำ่ น

ชือ่ ...........................................................................................ช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๓/.............เลขที่.............. ************************************************************************************************** คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนเขยี นเน้ือเรอื่ ง เด็กเอ๋ยเด็กน้อย โดยใชภ้ ำษำของตนเองอยำ่ งสนั้ ๆโดยกำรเขียนสรุป เร่อื งทีส่ ำคัญ และเรียงลำดับเหตุกำรณ์ใหต้ ่อเน่ือง และมสี ำระ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………

ชอื่ ............................................................................................ช้นั ประถมศึกษำปีที่ ๓/.............เลขท.ี่ ............. ********************************************************************************* คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเขียนเรื่องตำมแผนภำพโครงเรื่องด้วยภำษำของนักเรียนเอง ใคร แผนภาพโครงเรอ่ื ง........................................... ทไ่ี หน เม่ือไร : ………………………………………………………………… เหตกุ ำรณ์ : ………………………………………………………………… : ………………………………………………………………… : …………………………………………………………..……………… …………………………………………..……………………………… ………………………….. …………………………………………………………..……………… …………………………………………..……………………………… ………………………….. …………………………………………………………..……………… …………………………………………..……………………………… ………………………….. …………………………………………………………..……………… …………………………………………..……………………………… …………………………..

…………………………………………………………..……………… …………………………………………..……………………………… ………………………….. …………………………………………………………..……………… …………………………………………..……………………………… ………………………….. …………………………………………………………..……………… …………………………………………..……………………………… ………………………….. แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๖ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ อย่ำงไร : ……………………………………………………………………………..……… …………………………………………………………………………..……….. ข้อคิด : ………………………………………………………..…………………………… .……………………………………………………………………………………

แผนการจัดการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๓ เรื่องเด็กเอย๋ เด็กน้อย เวลา ๑๑ ช่ัวโมง แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๖ เรอื่ ง สานวนและสภุ าษิต เวลา ๒ ชั่วโมง ใช้สอนวนั ที่ ................................................................ ********************************************************************************* มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนกำรอำ่ นสร้ำงควำมรแู้ ละควำมคิดเพอ่ื นำไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปัญหำใน กำรดำเนนิ ชีวติ และมนี ิสัยรักกำรอ่ำน ตัวชีว้ ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๓ /๑ อ่ำนออกเสียงคำ ข้อควำม เร่ืองส้ันๆ และบทร้อยกรองงำ่ ยๆ ไดถ้ ูกต้อง คล่องแคล่ว สาระสาคญั กำรรู้หลักเกณฑ์ทำงภำษำเรื่อง สำนวนไทยและพุทธศำสนสุภำษติ ชว่ ยทำใหส้ ำมำรถใชภ้ ำษำในกำร สอ่ื สำรได้อย่ำงถูกต้องและมีประสิทธิภำพ สาระการเรียนรู้ ควำมรู้ทำงภำษำ เรื่อง สำนวนไทยและพทุ ธศำสนสุภำษติ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. นกั เรยี นสำมำรถบอกควำมหมำยของสำนวนไทยและพุทธศำสนสุภำษติ ได้ถกู ต้อง ๒. นกั เรยี นสำมำรถนำสำนวนไทยและพุทธศำสนสภุ ำษิตไปใชไ้ ดถ้ กู ตอ้ ง สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร ควำมสำมำรถในกำรใชท้ ักษะชวี ิต ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. มคี วำมรอบคอบในกำรทำงำน ๒. เป็นผ้นู ำและผ้ตู ำมที่ดี ๓. มีควำมภำคภูมิใจในภำษำไทย ๔. มีควำมซ่ือสัตยก์ ตญั ญู ๕. ประหยัดและอยอู่ ย่ำงพอเพยี ง กระบวนการจัดการเรยี นรู้ นาสูก่ ระบวนการเรยี นรู้ นักเรยี นเล่นเกมย้ิมรบั ดอกไม้ (ภำคผนวก)

กระบวนการเรยี นรู้ ๑.แบง่ นกั เรียนออกเป็นกลุ่ม (ตำมควำมเหมำะสม) แล้วใหน้ ักเรียนศึกษำจำกใบควำมรู้ เร่ือง สำนวน ไทยและพทุ ธศำสนสุภำษิต (ภำคผนวก) ใหเ้ ขำ้ ใจ ๒. ใหน้ กั เรยี นแตง่ ประโยคปำกเปล่ำ โดยใชส้ ำนวนไทยและพทุ ธศำสนสภุ ำษติ คนละหน่งึ ประโยค (ภำคผนวก) ๓. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ เขยี นสำนวนไทยและพุทธศำสนสุภำษติ ลงในกระดำษทค่ี รแู จกให้แล้วนำมำ เสนอผลงำนหน้ำชน้ั เรียนกลุ่มละ ๔ - ๕ ประโยค โดยไมใ่ ห้ซ้ำกัน ๔. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรุป กำรนำเสนอผลงำนของแต่ละกลุม่ ๕. ให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ทำแบบฝกึ พัฒนำกำรเรยี นรู้ (งำนกลุ่ม) ๖. ใหน้ ักเรยี นแข่งขันกันเขียนสำนวนไทยและพทุ ธศำสนสุภำษติ บนกระดำนดำ โดยกลมุ่ ใดที่เขียน ประโยค ได้มำกทส่ี ุด เปน็ ฝำ่ ยชนะ สรปุ กระบวนการเรียนรู้ ๑. นกั เรียนและครูร่วมกันสรุปบทเรียนเรอ่ื งคำขยำยคำนำมและคำกรยิ ำ ๒. นกั เรยี นทำแบบฝกึ พฒั นำกำรเรยี นรู้ (ภำคผนวก) สื่อและแหล่งการเรียนรู้ ๑. ใบควำมรู้ ๒. แบบฝกึ พัฒนำกำรเรยี นรู้ ๔. หนงั สอื เรียนภำษำไทย ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๓ เล่ม ๒ วรรณคดีลำนำ ๕. แบบฝกึ หัดทักษะภำษำ ชัน้ ประถมศกึ ษำปีที่ ๓ กระบวนการวัดและประเมนิ ผล ๑. วิธีการ ๑.๑ สังเกต กำรอำ่ นคำและประโยค กำรเขยี นประโยค ควำมสนใจในกำรเรยี น กระบวนกำรทำงำนของแต่ละคน กระบวนกำรกลุ่ม ๑.๒ ตรวจผลงำน สมดุ งำน แบบฝกึ หัด แบบฝกึ พฒั นำกำรเรียนรู้

๒. เครอื่ งมือการวดั และประเมินผล แบบประเมนิ พฤตกิ รรมกำรทำงำน แบบฝึกพัฒนำกำรเรยี นรู้ ๓. เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล ใชก้ ำรผำ่ นเกณฑร์ อ้ ยละ ๗๐ ขนึ้ ไป กิจกรรมเสนอแนะ -

ใบความรู้ สานวนไทยและพทุ ธศาสนสภุ าษติ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… พุทธศาสนสุภาษติ ทก่ี ลา่ วถึงคุณคา่ ของการศึกษา เชน่  ปัญญำยอ่ มเกดิ เพรำะกำรฝึกฝน  ผตู้ งั้ ใจศกึ ษำ ยอ่ มได้ปัญญำ  ปญั ญำประเสรฐิ กว่ำทรัพย์  สักวนั หนงึ่ ควำมรทู้ ่ีเรยี นมำจะใหป้ ระโยชน์  คนมปี ัญญำ ถงึ ไร้ทรพั ย์กย็ งั ดำรังอยู่ได้  กำรใฝ่ใจศึกษำ เปน็ เครอื่ งพัฒนำควำมรู้  พึงเป็นคนชอบไต่ถำมเพ่ือควำมรู้  คนมปี ญั ญำย่อมงอกงำม ดังพชื ในนำทีง่ อกงำมดว้ ยนำ้ ฝน สานวนไทยเกีย่ วกบั การเรยี นรูม้ อี ยูเ่ ป็นจานวนมาก เช่น ก ข ไม่กระดิกหู หมำยถึง ผู้ทไ่ี ม่รู้หนงั สอื อำ่ นไม่ออก เขยี นไม่ได้ โบรำณอำ่ น ก ข วำ่ กอข้อ หมำยถึง พยัญชนะ ก ถึง ฮ ร้ไู ว้ใช่วา่ ใสบ่ ่าแบกหาม หมำยถงึ เรียนร้ไู วย้ อ่ มเปน็ ประโยชนไ์ ม่ใช่ ภำระหนักหรอื เสยี หำยแต่อย่ำงใด รอู้ ยา่ งเปด็ หมำยถึง ร้หู ลำยเรอ่ื งแตร่ ู้ไม่ลึกซ้ึงสักเรื่อง รูอ้ ะไรไม่สรู้ ูว้ ชิ า รู้รักษาตวั รอดเป็นยอดดี หมำยถึง รู้เรอ่ื งอื่นใดก็ไมเ่ ทียบเทำ่ กับมีวชิ ำควำมรู้ แตก่ ำร รู้จกั รกั ษำ เอำตัวรอดน้ัน วิเศษทส่ี ุด สำนวนนี้มำ จำกนทิ ำนคำกลอน เรื่อง พระอภัยมณีของสนุ ทรภู่

ชอ่ื ..........................................................................................ชั้นประถมศึกษำปที ่ี ๓./.............เลขท่ี.............. กล่มุ ที่……. วันท่ี……………………….…….เดอื น…………………………………………………….………พ.ศ…………….... ********************************************************************************** คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนแต่งประโยคที่มสี ำนวนไทยและพุทธศำสนสุภำษิต มำ ๑๐ ประโยค ……………………………………………………………………………………...………………………………………………………..………… …………………...…………………………………………………………………………………….………………………………..…..………… ………………………………………………………………………...………………………………...……………………………..……………… ………………………………………...……………………………………………………………………………………...……..………………… ……………………………………………………………...…………………………………………………………………….…………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………...………………………………………………………………………...…………………… ……………………………………………………………………...………………………………………………………………………………… ………...…………………………………………………………………………………………...………………………………………………… …………………………...………………………………………………………………………...………………………………………………… ………………………………………...……………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………...………………………………………………………………………...…………………… ……………………………………………………………………...………………………………………………………………………………… ………...…………………………………………………………………………………………...………………………………………………… …………………………...………………………………………………………………………...………………………………………………… ………………………………………...……………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………...………………………………………………………………………...…………………… ……………………………………………………………………...………………………………………………………………………………… ………...…………………………………………………………………………………………...………………………………………………… …………………………...………………………………………………………………………...………………………………………………… ………………………………………...……………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………...………………………………………………………………………...…………………… ……………………………………………………………………...………………………………………………………………………………… ………...…………………………………………………………………………………………...………………………………………………… …………………………...………………………………………………………………………...………………………………………………… ………………………………………...…………………………………………………………………………………………………………….

ชอื่ ........................................................................ช้ันประถมศกึ ษำปีท่ี ๓/................. เลขท่ี.................... กลุ่มที่………………. วนั ที่…………..….เดือน…………………………………………..……………พ.ศ……………….. ************************************************************************************************** คาชีแ้ จง ให้นักเรียนเขียนควำมหมำยของสำนวนไทยใหถ้ กู ตอ้ ง ก ข ไม่กระดกิ หู หมำยถึง …………………………………………………………...………………………………………………………………………...………………… ………………………………………………………...………………………………………………………………………...…………………… ……………………………………………………………………...………………………………………………………………………………… ………...…………………………………………………………………………………………...………………………………………………… …………………………...………………………………………………………………………...………………………………………………… รไู้ ว้ใชว่ ่า ใส่บ่าแบกหาม หมำยถงึ …………………………………………………………...………………………………………………………………………...………………… ………………………………………………………………………...……………………………………………………………………………… ………………………………………………………...………………………………………………………………………...…………………… ……………………………………………………………………...………………………………………………………………………………… ………...…………………………………………………………………………………………...………………………………………………… รู้อยา่ งเป็ด หมำยถงึ …………………………………………………………...………………………………………………………………………...………………… ………………………………………………………………………...…………………………………….………………………………………… ………………………………………………………...………………………………………………………………………...…………………… ……………………………………………………………………...………………………………………………………………………………… ………...…………………………………………………………………………………………...…………………………………………………. รู้อะไรไม่สูร้ ูว้ ิชา รู้รกั ษาตัวรอดเปน็ ยอดดี หมำยถงึ …………………………………………………………...………………………………………………………………………...………………… ………………………………………………………………………...……………………………………………………………………………… …………...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………...………………………………………………………………………...…………………… ……………………………………………………………………...………………………………………………………………………………… ………...…………………………………………………………………………………………...………………………………………………… …………………………...………………………………………………………………………...………………………………………………… ………………………………………...…………………………………………………………………………………………………………….

เรือ่ ง การเขียนรายงานการอ่านหนงั สือ ช่อื …………………………………………………………………………..………เลขท…ี่ …………... ช้นั ประถมศึกษำปีท่ี ๓/……… ********************************************************************************** คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นอำ่ นหนงั สือแลว้ เติมข้อควำมลงในแบบรำยงำนกำรอำ่ นหนงั สือให้ได้ใจควำมสมบูรณ์ แบบรายงานการอ่านหนังสือ เร่อื ง ……………………………………………………………… ชอ่ื ผแู้ ต่ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………….... ตัวละคร ……………………………………………………………………………......................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… เนื้อเรอ่ื งย่อ ………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ตัวละครทช่ี อบมำกท่ีสุด ……………………………………………………………………………………………………………………... ชอบเพรำะ …………………………………………………………………………………………………………………………………….................….... ตัวละครทไี่ มช่ อบมำกท่สี ุด ………………………………………………………………………………………………………..……….. ไมช่ อบเพรำะ ……………………………………………………………………………………………………………………….…………... ข้อคิดทไี่ ดจ้ ำกเร่ือง……………………………………………………………………………………………………………………..……... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… เมอ่ื อ่ำนหนังสอื เล่มนีแ้ ล้ว ชอบเพรำะ …………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ไมช่ อบเพรำะ ……………………………………………………………………………………………..……………………………………… ………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………… …

แผนการจัดการเรยี นรู้ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๓ เร่ืองเด็กเอย๋ เดก็ น้อย เวลา ๑๑ ช่วั โมง แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๗ เรอื่ ง การเขียนเชิงสรา้ งสรรค์ เวลา ๑ ชั่วโมง วันที่ ................................................................ *************************************************************************** มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนกำรเขยี นเขียนสื่อสำร เขียนเรยี งควำม ยอ่ ควำม และเขียนเร่ืองรำว ในรปู แบบต่ำงๆ เขยี นรำยงำนขอ้ มลู สำรสนเทศและรำยงำนกำรศึกษำคน้ ควำ้ อย่ำงมีประสิทธภิ ำพ ตวั ชีว้ ดั มาตรฐาน ท ๒.๑ ป.๓ / ๒ เขยี นบรรยำยเก่ียวกบั สง่ิ ใดส่งิ หน่ึง ไดอ้ ยำ่ งชัดเจน สาระสาคญั ๑.กำรเขียนเชงิ สรำ้ งสรรค์เป็นควำมสำมำรถในกำรเขียนคำประโยคหรือเรื่องรำวได้อย่ำงถูกต้อง แปลกใหม่ไมซ่ ำ้ แบบใครมีคุณคำ่ โดยจะตอ้ งเขียนไดอ้ ย่ำงหลำกหลำยและคล่องแคล่ว เสรจ็ ทนั เวลำทก่ี ำหนด ๒.กำรฝึกให้ผู้เรียนแสดงควำมคดิ ตอ่ สิ่งหนง่ึ สงิ่ ใดซึ่งอำจจะเป็นภำพ ขอ้ ควำม บุคคล หรอื เหตุกำรณ์ โดยไมจ่ ำกัดควำมคิดเห็น เป็นกำรฝกึ ท่ีจะชว่ ยใหผ้ ู้เรียนเกิดควำมคิดสรำ้ งสรรค์ทด่ี ีไดว้ ธิ หี น่งึ ๓.กำรฝึกให้ผเู้ รียนเขยี นเรือ่ งจำกกำรวเิ ครำะหโ์ ครงเร่ืองจะทำให้ผู้เรยี นเปน็ คนที่มเี หตุผลร้จู ัก วเิ ครำะหว์ จิ ำรณ์เรื่อง ซึ่งจะช่วยให้สำมำรถเขยี นเร่ืองอย่ำงสร้ำงสรรคไ์ ด้ สาระการเรยี นรู้ ๑. กำรแต่งประโยค ๒. กำรเขยี นเร่ืองจำกโครงเรอ่ื ง ๓. กำรเขียนเร่ืองจำกภำพ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. นักเรยี นสำมำรถแต่งประโยคจำกคำที่กำหนดให้ได้ ๒. นกั เรียนสำมำรถบอกแนวคดิ ของบทเรียนไดถ้ ูกต้อง ๓. นักเรยี นสำมำรถบอกลักษณะโครงเร่ืองในบทเรยี นได้ ๔. นกั เรยี นสำมำรถเขยี นเรื่องใหม่ตำมแนวคิดในบทเรยี นได้ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร ควำมสำมำรถในกำรใช้ทักษะชีวิต ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ

คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. รักและชื่นชมในเอกลักษณ์ไทย ๒. คดิ วิเครำะหเ์ ร่อื งรำวต่ำงๆได้ ๓. มวี นิ ยั ในตนเอง ๔. มีควำมสนใจใฝ่เรียนรู้ ๕. อยอู่ ยำ่ งพอเพยี ง กระบวนการจัดการเรียนรู้ นาสกู่ ระบวนการเรยี นรู้ ๑.นกั เรียนเล่นเกมเรียงคำทำควำม (ภำคผนวก) ๒.นักเรยี นอำ่ นคำใหมจ่ ำกบัตรคำ เช่น แล้วแตง่ ประโยคปำกเปล่ำคนละหนงึ่ ประโยค กระบวนการเรียนรู้ ๑. นกั เรียนแบง่ กลุม่ ออกเป็น ๕ กลมุ่ ๆ ละ ๗ - ๘ คน แข่งขันเขยี นประโยคจำกคำท่ีกำหนดใหม้ ำให้ มำกที่สดุ โดยครูกำหนดคำให้กล่มุ ละ ๔ -๕ คำ แตล่ ะคำให้สมำชกิ ในกลุ่มช่วยกันเขยี นประโยคท่ใี ช้คำนั้นมำให้ มำกที่สุด ตำมเวลำทกี่ ำหนดลงบนกระดำษท่ีแจกให้ แล้วส่งตัวแทนออกมำนำเสนอผลงำนหนำ้ ชน้ั เรียน ๒. นกั เรียนและครูรว่ มกนั ทบทวนแนวคดิ ของบทเรียนดงั น้ี “ไม่อำ่ นไม่รู้ ไมด่ ูไม่เห็น ไม่ทำไม่เป็น” ๓. ครูเขียนแผนภำพโครงเรอื่ ง ดงั นี้ หลกั กำร : ........................................................ เหตุผล : ........................................................ รำยละเอยี ด : ........................................................ บทสรปุ และข้อคิด : ........................................................ ๔. นกั เรียนและครูร่วมกันอภปิ รำยโดยใชค้ วำมรูจ้ ำกเรอ่ื งเดก็ เอ๋ยเด็กน้อย มำเขยี นโครงเร่ือง ๕. นกั เรียนแต่ละคนเขยี นเรื่อง ประโยชน์ของกำรอ่ำนหนังสอื ด้วยภำษำของตนเอง ลงในแบบฝกึ พฒั นำกำรเรียนรู้ พรอ้ มกบั วำดภำพประกอบและระบำยสใี ห้สวยงำมโดยมีข้ันตอนดังนี้ * นกั เรียน และครรู ่วมกนั สนทนำเก่ียวกับรูปภำพ * นกั เรยี นบอกเหตุกำรณ์ในภำพเป็นตอน ๆ แลว้ เลำ่ เรื่องจำกภำพตำมควำมเข้ำใจ ของนักเรียน * เขยี นบรรยำยภำพประมำณ ๔ - ๕ บรรทดั พร้อมกับเขียนแนวคดิ จำกเรื่องของ กำรกระทำในภำพ สรุปกระบวนการเรยี นรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนอำสำสมัครนำเสนอผลงำนของตนเองประมำณ ๒-๓ คน ๒. ครแู ละนักเรียนชว่ ยกนั สรุปบทเรยี น ๓. มอบหมำยใหน้ กั เรยี นทำแบบฝกึ หดั ทักษะภำษำ บทที่ ๓ (เป็นกำรบ้ำน)

สือ่ และแหล่งการเรียนรู้ ๑. บัตรคำ ๒. แผนภำพ ๓. แผนภมู โิ ครงสร้ำงของเรอ่ื ง ๔. แบบฝึกพัฒนำกำรเรียนรู้ ๕. หนังสอื แบบเรียนภำษำไทย ช้นั ประถมศึกษำปที ่ี ๓ เล่ม ๒ วรรณคดลี ำนำ ๖. หนงั สือแบบฝึกหดั ทกั ษะภำษำ ช้ันประถมศึกษำปที ี่ ๓ ๗. เกมเรยี งคำทำควำม กระบวนการวดั และประเมนิ ผล ๑. วธิ ีการ ๑.๑ สงั เกต กำรอำ่ น กำรเขียนเร่ืองจำกภำพ ควำมสนใจในกำรเรยี น กระบวนกำรทำงำนของแตล่ ะคน ๑.๒ ตรวจผลงำน แบบฝึกพัฒนำกำรเรียนรู้ แบบฝึกหดั ๒. เครอื่ งมอื การวัดและประเมินผล แบบประเมินพฤตกิ รรมกำรทำงำน แบบฝึกพัฒนำกำรเรียนรู้ ๓. เกณฑ์การวดั และประเมินผล ใช้กำรผำ่ นเกณฑ์รอ้ ยละ ๗๐ ข้นึ ไป กิจกรรมเสนอแนะ -

ภาคผนวกท้ายแผน เกม เรียงคาทาความ จดุ ประสงค์ เพ่ือให้นักเรียนสำมำรถหรือรู้จักนำคำ หรือข้อควำมเรียบเรียงต่อกันเป็นเร่ืองรำว ซึ่งเป็นท่ีมำ ของกำรเขียนเรยี งควำม เขียนนทิ ำน อุปกรณ์ บัตรคำเขียนข้อควำม จัดไว้เป็นชุดเท่ำกับจำนวนกลุ่มผู้เล่น – กระดำษ – ดินสอ เท่ำกับ จำนวนกลุ่มผู้เล่นเชน่ กนั – นกหวีด – นำฬกิ ำจับเวลำ วิธเี ล่น ๑. แบ่งผเู้ ล่นออกเป็นกลุ่ม กล่มุ ละประมำณ ๑๐ คน ๒. ครูอธิบำยกำรเลน่ ให้นกั เรยี นฟังดงั นี้ ให้แต่ละกลุ่มรับบัตรคำกลุ่มละ ๑ ชุด อย่ำเพ่ิงเปิดอ่ำนดูว่ำเป็นคำอะไรจนกว่ำจะให้สัญญำณ เพรำะจะเปน็ กำรเอำเปรียบกล่มุ อน่ื เมื่อให้สัญญำณนกหวีด แต่ละกลุ่มจะต้องช่วยกันเรียบเรียงข้อควำมต่ำง ๆ ในกระดำษนำมำเขียน เปน็ เนอื้ เร่ืองใหไ้ ดใ้ จควำมทถี่ ูกต้อง ครจู ะให้เวลำเพยี ง ๖ นำทเี มอื่ ได้ยนิ เสยี งนกหวดี ใหร้ ีบหยดุ ทนั ที ใหแ้ ต่ละกลมุ่ นำผลงำนออกมำรำยงำนเล่ำเร่อื งรำวทเ่ี รียบเรยี งไดใ้ ห้เพื่อน ๆ ฟัง ๓. เมอ่ื เขำ้ ใจกตกิ ำกำรเลน่ แลว้ ครูใหส้ ัญญำณนกหวดี เรมิ่ เล่น นักเรยี นเล่นเกมหรือเร่มิ กิจกรรมคือลง มอื ทันที เม่อื ไดย้ นิ เสยี งนกหวดี อกี ครง้ั ให้หยดุ ทนั ที ๔. ครูเฉลยเรอ่ื งให้นกั เรียนฟัง ๕. ในกำรตัดสินให้คะแนนควรดูท่ีกำรลำดับเรียบเรียงใจควำมว่ำ มีควำมถูกต้องเหมำะสมแค่ไหน เพียงใด

ชอ่ื …………………………………………………………….………....เลขท…่ี ……………..…….ชั้นประถมศกึ ษำปีท่ี ๓/……….. ****************************************************************************************************************************** คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเขยี นเร่ืองจำกโครงเรอื่ ง “หนงั สือคือเพอ่ื น” ด้วยภำษำของนักเรียนเองพร้อมกบั ระบำย สใี หส้ วยงำม ……………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… …………………………….………………………………………………………………………………………..………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..