คมู่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง เรื่องราวความจริงท่ีเป็นธรรมชาติตนเองแต่มองไม่เห็น สิ่งที่เห็นอยู่ตรงน้ีเป็นมายา เป็นภาพลวงตาด้วยการปรุงแต่ง สีสันท่ีละเลงลงบนผ้าใบจึงเปรียบเหมือนเร่ืองราวตนเอง ท่ีได้เรียนรู้และจดจ�ำมา มีบันทึกเขียนทับเรื่องราวตลอดเวลา จนมองไม่เห็นธรรมชาติเดิมแท้ท่ีเป็นความจริงตนเอง เพราะความเข้าใจครั้งหนึ่ง ก็เขียนทับตนเองเพ่ิมอีก จนมีเร่ืองราวมากมายมีสีสันที่พอใจในความรู้สึก ปล่อยให้เร่ืองราวต่างๆ ที่ปรุงแต่งกลืนกินธรรมชาติตนเอง จนไม่รู้สึกว่าตนเองคือใคร ความจริงที่เป็นธรรมชาติตนเองคืออะไร คือ ผืนผ้าใบเก่าๆ ที่ไม่เคยผ่านการปรุงแต่งใดๆ เหมือนลบร่องรอยสีสันออกไป ไม่เคยมีสีสันท่ีละเลงไว้บนผืนผ้าใบน้ี ความเป็นเดิมแท้จึงไม่ได้จดจ�ำเรื่องราวใดๆ กับตนเอง จึงไม่มีใครบรรลุอะไรหรือท�ำอะไรให้ได้บรรลุธรรม เป็นอิสระอยู่เหนืออิสระเท่านั้นเอง 101
คู่มอื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง สิ่งท่ีมีเหมือนไม่มีในธรรมชาติ ไม่มีใครได้เป็นเจ้าของมีหรือไม่มีใดๆ สิ่งที่มีเหมือนไม่มี หากท่านใช้ความรู้สึกภายในเห็นได้ตรงนี้วงเวียน แหง่ ชีวิตทรี่ ้สู กึ ได้จะหายไป จะเข้าถึงธรรมชาติเดิมแท้ตนเองในเร่อื งราวตา่ งๆ ในธรรมชาติท่ีรู้สึกตลอดเวลานั้นมีอยู่ในแบบที่มี และท่านเองก็เป็นอิสระใน แบบทเี่ ปน็ แตย่ ังสงสยั ความไมม่ ี ความไม่มนี นั้ จะรู้สึกได้ต่อเมือ่ ทา่ นเห็นและ เขา้ ใจในความรสู้ กึ ภายในทม่ี แี บบนนั้ มอี สิ ระทม่ี อี สิ ระแบบนนั้ โดยไมแ่ ตะใน เรื่องราวที่มีอยู่ตรงน้ัน ปล่อยให้เป็นอิสระไปในความมี และอิสระท่ีมีอิสระ แบบนน้ั ท่ีไมม่ ีทา่ นเป็นเจา้ ของความรสู้ ึกกับเร่ืองราวตรงน้ัน ท่านจะเข้าถึง ความรู้สึกได้ด้วยตนเองว่า ส่ิงที่มีเหมือนไม่มี แต่พอเข้าถึงได้ว่าส่ิงที่มีที่ยัง รู้สึกอยู่ ไมม่ เี รือ่ งราวอะไร จึงไม่อธิบายความมีใหต้ นเองเขา้ ใจอกี ค�ำวา่ “ไมม่ ี เรอ่ื งราวอะไร” ตรงน้ีคอื เปรียบเหมือนมี จะไม่อธบิ ายสง่ิ ทม่ี ี นี้อีกแลว้ อุปมา ความร้สู ึกเหมือนทา่ นเปน็ ผูน้ ัง่ ขับรถอยู่บนถนนดว้ ยความเร็ว 60 กม.ต่อชัว่ โมงบนถนนโลง่ ๆ ความร้สู กึ ทีเ่ หน็ และรับรขู้ องตนเองในขณะท่ี เป็นคนขับรถนั้น ได้เห็นและรับรู้สิ่งท่ีมากระทบพร้อมกันทั้งภายนอกและ ภายใน ภายนอกร่างกายกร็ ู้สกึ ถงึ สงิ่ ทมี่ ากระทบ ทต่ี า ท่หี ู ทก่ี าย มีอารมณ์ มี ความหมายเรือ่ งราวต่างๆ ตามที่รับรู้ภายนอก และผ่านเขา้ สู่ภายในเกดิ ความ เขา้ ใจ เกดิ ความคดิ ตลอดเวลาในสง่ิ ทร่ี บั รใู้ นขณะทตี่ นเองขบั รถ มเี รอ่ื งราวตา่ งๆ มากมายท่ีรับรู้บนถนนท่ีรู้สึกอยู่ตรงหน้าตลอดเวลา สิ่งท่ีท่านรับรู้ในขณะท่ี 102
คมู่ ือบรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง ขับรถน้ันเร็วมาก และท่านก็มีความเข้าใจเร่ืองราวทุกอย่างได้เร็วทันทีท่ีรู้สึก และคดิ ตอ่ ไปด้วยพร้อมกนั ท่านรสู้ ึกแปลกใจกบั เนอื้ หาเรื่องราวแบบนี้ไหม ว่าท่านเข้าใจได้เร็วแบบนี้ได้อย่างไร ที่เข้าใจและคิดได้เร็วหมดทุกเร่ืองราว ทั้งท่ีตนเองก็ขับรถอยู่ สิ่งที่เห็น ส่ิงที่ได้ยิน สิ่งที่รับสัมผัสทุกอย่าง เกิดความ เข้าใจ และคิดได้ตลอดเวลาโดยที่ตนเองไม่รู้สึกตัวเองเลย ท่านต้องยอมรับ ความจรงิ ตนเองในเรอ่ื งราวตรงนไ้ี ปกอ่ น ทกุ คนมคี วามรสู้ กึ และเกดิ ความเขา้ ใจ มคี วามคดิ ทเ่ี รว็ จนเขา้ ใจในเนอื้ หาเรอ่ื งราวแบบนไี้ ดจ้ รงิ ๆ มาตลอดทง้ั ชวี ติ เลย ก็ว่าได้ การที่จะเห็นต้นเหตุย้อนทวนกลับไปสู่ต้นตอในเหตุของท่านนั้นแทบ จะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะเหมือนส่ิงที่ผู้เขียนบรรยายมาตรงน้ี เป็นความ รู้สึกโดยอุปนิสัยของทุกคนบนโลกนี้ไปแล้วโดยธรรมชาติ ท่ียอมรับได้เลย ว่ารู้และเข้าใจความหมายทกุ อย่างกนั แบบนีอ้ นกันเป็นปกตขิ องทกุ คน การเหน็ ตน้ เหตตุ นเองในเรอื่ งราวตรงนน้ี น้ั ไมใ่ ชค่ นปกตทิ ว่ั ไปทจี่ ะเหน็ และเข้าใจได้ง่ายๆ “ความจรงิ อะไรของตนเอง ทมี่ เี หมอื นไมม่ ”ี ถา้ หยงั่ ไปไมถ่ งึ ในธรรมชาติ ตนเอง ก็ไม่มีทางได้เห็นเร่ืองราว ส่ิงท่ีมีเหมือนไม่มี ตรงนี้ได้ มีแต่จะหลงติด กบั ดกั ธรรมชาตติ นเอง มคี วามเขา้ ใจตามเรอื่ งราวทจ่ี ดจำ� บนั ทกึ ไวเ้ สยี แลว้ และ ไลจ่ บั ในความจำ� มาแทนคา่ ตามความจำ� ทเ่ี ขา้ ใจและคดิ ไวใ้ นรปู ทรง ทค่ี าดคะเน ในท่ีจดจ�ำมาเพ่ือใช้เปรียบเทียบในความจ�ำไว้ ให้เกิดความหมายตามที่พอใจ ท่ีรู้สึก ท่านจะรู้สึกว่าอะไร ก็หลงทางทั้งนั้น หากท่านจะใช้ความจ�ำตนเอง สอื่ แทนความจริงในส่งิ ท่ีมีเหมือนไมม่ ี ตรงน้ี สง่ิ ทมี่ ีเหมือนไมม่ ี หากว่าใครเข้าถึง จะไม่อธิบายสง่ิ นอี้ ีกแลว้ แทบ จะอธบิ ายไมไ่ ด้ดว้ ยซ�้ำวา่ คอื อะไร สิง่ นเ้ี ป็นส่งิ ทีอ่ ยเู่ หนอื บัญญัติของโลก เหนอื ความจ�ำ เหนือภาษาท้ังหลาย เหนือธรรมชาติ การไม่ต้องอธิบายค�ำๆ นี้ 103
ค่มู อื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง นน่ั แหละคอื ความจรงิ ของ สง่ิ ทมี่ เี หมอื นไมม่ ี ตนเอง ทร่ี สู้ กึ ไดแ้ ตแ่ ทนคา่ ความ ร้สู ึกวา่ เป็นอะไรไม่ได้ ความเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ ง คอื การทอดสะพานไปสคู่ วามจรงิ ทเี่ ปน็ ธรรมชาติ เดมิ แทข้ องตนเอง ดว้ ยการยอ้ นทวนในเนอ้ื หาตนเอง ดู และ รู้ เรอ่ื งราวเนอ้ื หา ธรรมชาติตนเองสู่ความจริงท่ีเป็นธรรชาติตรงนั้น ไม่ใช่การ ตามดู ตามรู้ ที่ไหลตามธรรมชาตทิ ีเ่ ห็นและรบั รู้ ยึดมน่ั ถือครองเอาไวเ้ งยี บๆ หากผเู้ ขยี น จะบอกความรสู้ กึ “ความจรงิ อะไรของตนเองทม่ี เี หมอื น ไมม่ ”ี สงิ่ ๆ นจี้ ะใชภ้ าษาอะไรอธบิ ายแทนคา่ ไมไ่ ดเ้ ลยหากจะอธบิ ายเปน็ ภาษา หรอื เปน็ ตัวอกั ษร คงตอ้ งเขยี นบอกแบบนี้ “ก่ปนด้่รไจ�ำพัต่้มหใเวืส๋หพ้บ์จข่�ำรืข่ช๋ม์ดาิขพ์” คือ รู้ได้เฉพาะตน ไมต่ ้องอธบิ ายเรื่องราวตรงน้อี ีก ที่มจี งึ เหมือนไม่มี ส่ิงท่ที ่านอ่านไม่รู้เรือ่ งดา้ นบนคอื ความจรงิ ท่ไี มต่ ้องใชค้ ำ� อธิบาย แตม่ ี เรอื่ งราวอยู่ แตท่ า่ นไมป่ รงุ แตง่ ในภาษาตรงนี้ เพราะยงั ไมเ่ คยมกี ารบนั ทกึ ความ จำ� ไว้ วา่ คำ� ๆ นม้ี คี วามหมายอะไร จงึ เหมอื นดผู า่ นรผู้ า่ นไปเลย ไมส่ นใจ เพราะ อยู่นอกเหนือความจ�ำที่ท่านเคยจ�ำมา จึงไม่มีความเข้าใจและความคิดมา สวมทบั เมื่อไม่มคี วามคดิ ความหมายจงึ หมดไป หยดุ ปรงุ แต่งไปเลย เปรียบ เหมอื นท้งิ เรอื่ งราวตรงน้ีไวแ้ บบนต้ี ามธรรมชาตทิ ่รี ู้ ไมต่ ้องการเป็นเจา้ ของรู้ ในส่งิ ที่รู้ ก็หมดเร่ืองราวแค่นเ้ี อง สงิ่ ๆ นค้ี อื สง่ิ เดยี วทไ่ี มต่ อ้ งการคำ� อธบิ ายใดๆ เพราะการอธบิ ายในสง่ิ ๆ นี้ก็ต้องปรงุ แตง่ เรอ่ื งราวขน้ึ ทา่ นเกดิ ความร้สู ึกเปน็ เจา้ ของขนึ้ ในทนั ที ผู้เขียน สามารถพาทา่ นไปดคู วามจรงิ ทเ่ี ปน็ จรงิ ของทา่ นเองไดแ้ บบรเู้ ฉพาะตน ดว้ ยการ ชแี้ ละสะกดิ ตามเนอี้ หาทผ่ี เู้ ขยี นบรรยาย แตต่ อ้ งใชเ้ รอื่ งราวทเ่ี ปน็ จรงิ ของทา่ นท่ี เข้าใจอยู่ มอี ยู่ตรงนน้ั มาชีแ้ ละสะกดิ ใหด้ แู ละรู้ ในเร่อื งราวท่านเอง 104
คมู่ อื บรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง การถอดถอนสิ่งท่ีมี ท่านก็ต้องเข้าถึงความมีของตนเอง เห็นให้ได้ ว่าความมีท่มี ตี รงนั้น ใครเปน็ ผู้มี มีใครรองรบั ในความมีตรงนัน้ ดงั นัน้ จงึ ตอ้ ง วกกลับมาทบทวนในเรื่องวงเวียนแห่งชีวิต ที่ผู้เขียนบรรยายไปแล้ว เพราะ ทุกขณะทา่ นจะโดนธรรมชาติทดสอบตลอดเวลา ยงิ่ เรื่องทเี่ ขยี นมาทง้ั หมดน้ี เป็นแค่แนวทาง ทา่ นจะใชค้ �ำลอยๆ ในภาษาโดยยึดวา่ มวี า่ เป็นแบบน้ีกไ็ มไ่ ด้ การเดนิ ทางของทา่ นจะตอ้ งเดนิ ทางกนั เองในเนอื้ หาตนเอง เพราะการ หมดสงสยั นน้ั ทกุ ทา่ นตอ้ งหมดสงสยั ในเนอ้ื หาตนเองเทา่ นน้ั ลอกกนั ไมไ่ ดจ้ ำ� ไว้ ใหด้ ี รแู้ ทนกนั กไ็ ม่ได้ ท่านจะไดเ้ จอของจริงในเรอ่ื งราวตนเองทธ่ี รรมชาติตอ้ ง มาทดสอบกำ� ลงั ใจ หากทา่ นมกี ำ� ลงั ใจดี จะมแี รงจนเหวยี่ งทา่ นใหห้ ลดุ ออกจาก ธรรมชาตทิ มี่ าทดสอบตรงนไ้ี ด้ เมอื่ หลดุ ออกมาไดแ้ รกๆ ทา่ นอาจจะมนึ หรอื บา้ ไปเลยกบั เรอ่ื งราวแบบนี้ ทกุ ขณะทท่ี า่ นรสู้ กึ ถงึ ความจรงิ ในธรรมชาตติ นเองที่ กำ� ลงั จะไตร่ ะดบั เลอื่ นขั้น จะโดนธรรมชาตมิ าทดสอบกำ� ลังใจซ้อนความรสู้ ึก สวมทับเร่ืองราวตรงนั้นให้ท่านไขว้เขวในความรู้สึก หรือเซไปเลย แล้วยึดมั่น ถอื ครองแบบไม่รู้สึกตัวอีก หากท่านไม่มั่นคงในตนเอง ก็ติดบ่วงธรรมชาติ ตนเองเช่นกัน ผเู้ ขยี นจงึ เนน้ ยำ�้ เรอ่ื ง วงเวยี นแหง่ ชวี ติ ทร่ี สู้ กึ ไดแ้ ตแ่ ตะตอ้ งไมไ่ ด้ เพราะ เนอื้ หาทจี่ ะโดนธรรมชาตทิ ดสอบตลอดเวลา คอื ขอ้ 2. ความมขี องชวี ติ ทา่ นทมี่ ี เร่อื งราวตลอดเวลา ธรรมชาติจะแทรกซ้อนความรู้สกึ ใหท้ ่านหลงตดิ หลงยึด หลงถอื ครองแบบไมร่ สู้ กึ ตวั ธรรมชาตเิ ขาทำ� ไดแ้ ละแนบเนยี นมากดว้ ย ผเู้ ขยี น จงึ มขี อ้ 3. ใหท้ า่ นเปน็ ทางออกทไี่ มต่ อ้ งตดิ หนบึ ในเนอ้ื หาตรงนน้ั “กไ็ มใ่ ชเ่ รอ่ื ง ของเรา เราไมไ่ ดเ้ ปน็ เจา้ ของในเรอ่ื งราวตรงนน้ั ” เรอ่ื งราวทกุ อยา่ งทต่ี อ้ งประสบ พบเจอกบั ธรรมชาตติ นเองนน้ั จะซบั ซอ้ นเพม่ิ ขน้ึ ตามเนอื้ หาตนเอง เพราะเมอื่ ท่านเดินทางมาเข้าใจเร่ืองความคิดตนเองได้ เห็นตามเนื้อหาเรื่องราวตนเอง จนมีความเข้าใจถ่องแท้ในความคิด เห็นขบวนการในความจริงที่ปรุงแต่งใน ความคิดได้ หรือรูก้ ่อนคิดได้กด็ แี ลว้ ถอื วา่ มาไดถ้ กู ทาง 105
ค่มู อื บรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง แตอ่ ยา่ เพงิ่ ชะลา่ ใจ ยงั มคี วามคดิ ทที่ า่ นแบกมนั ไวอ้ ยู่ แตย่ งั มองไมเ่ หน็ ท่านจะพยายามท�ำอะไรในความคิดไม่ได้เด็ดขาด ขอใหเ้ ขา้ ใจนะท่านเอ๋ย... กบั ดกั รอทา่ นอยู่ อยา่ ลมื วา่ ทา่ นไมไ่ ดเ้ ปน็ เจา้ ของในความคดิ ตรงนนั้ ความคดิ ทท่ี า่ นเลน่ อยตู่ รงนเี้ ปน็ เพยี งผลของปลายเหตเุ อง หากเขา้ ไปแตะในความคดิ อกี จะเกดิ ตน้ เหตตุ วั ใหมซ่ อ้ นลงมาทนั ที่ เปรยี บเหมอื นทา่ นจะวางความคดิ ลงใน เรอ่ื งราวตรงนนั้ ในสง่ิ ทที่ า่ นคดิ วา่ ไมด่ ี ความรสู้ กึ ทท่ี า่ นแตะลงซอ้ นในความ รสู้ กึ “คดิ วา่ ไมด่ ”ี ตรงนจี้ ะเปน็ ตน้ เหตตุ วั ใหมท่ นั ที ธรรมชาตติ รงนน้ั ทร่ี อทา่ น อยจู่ ะเขา้ มาปน่ั หวั ความรสู้ กึ ทา่ นทนั ที บดิ เบอื นความจรงิ ใหท้ า่ นรสู้ กึ วา่ มเี รอื่ งราว ต่อไปทันทตี รงนน้ั ฟ้งุ ไปเลย กลายเปน็ วา่ แบกเร่ืองราวใส่เปห้ นกั ขึน้ กว่าเดิม ทา่ นเดินทางมาเขา้ ใจเรื่องความคิดตนเองได้ เห็นได้ รสู้ ึกตามเนอ้ื หา เรื่องราวตนเองได้ จนมีความเข้าใจถ่องแทใ้ นความคิด เหน็ ขบวนการในความ จริงที่มีการปรุงแต่งในความคิด แต่ความคิดที่ท่านรู้สึกอยู่นั้นเป็นเพียงปลาย เหตุ คือผลจากเหตุในส่ิงที่เคยบันทึกจดจ�ำในรูปทรง ในภาษา ในความรู้สึก ของตนเองไว้ ท่ีมกี ารบนั ทกึ เงียบๆ เกบ็ ไวใ้ นสว่ นลกึ ของตนเอง ความจ�ำที่ท่านบนั ทกึ ในภาษา คิดวา่ ไม่ดี ตรงนคี้ ือตน้ เหตุ มีผลเกิด ความเขา้ ใจ มคี วามคดิ สวมทับทนั ที ธรรมชาตเิ ดิมแทต้ อนท่านแรกเกดิ ท่าน ไมเ่ คยเขา้ ใจในภาษาในค�ำๆ น้ี ว่ามคี วามหมายอะไร ไดย้ นิ กจ็ บตรงนน้ั ไม่รู้ ความหมายจงึ ไมส่ งสยั แตช่ ว่ งวยั ตนเองผา่ นมาเรอ่ื ย ผา่ นมาเรอื่ ยจงึ ซมึ ซบั จาก การเรยี นจากผรู้ เู้ รอื่ งราวมาสอนทำ� ใหท้ า่ นจดจำ� ไวใ้ นภาษา ในความหมาย ใน เรอ่ื งราว ในรปู ทรง สอนใหย้ ดึ ในความรสู้ กึ ทไี่ ดย้ นิ ไดอ้ า่ น ทเี่ หน็ ทตี่ า ไดย้ นิ ทห่ี ู บนั ทกึ เปน็ ความจำ� ตลอดเวลา พอความคดิ สวมทบั จงึ เกดิ เรอื่ งราวความหมาย ในค�ำๆ น้ี คดิ ว่าไม่ดี ความคดิ เกดิ รู้สกึ ว่ารูแ้ ละเห็นในความคดิ ตนเองที่ก�ำลัง ปรงุ แต่งกบั ภาษาในความหมายของคำ� ตรงนี้ แต่หากท่านร้สู กึ เพียงดผู ่านและ รผู้ า่ นตามเรอ่ื งราวทผ่ี เู้ ขยี นพยายามชแ้ี ละสะกดิ ใหด้ ตู รงนี้ ทา่ นจะสามารถหยั่ง เห็นในธรรมชาตติ นเองที่ดูผา่ นและรผู้ า่ นได้ ก็เท่ากบั ว่าทา่ นเร่ิมตน้ เหน็ ความ 106
คู่มอื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง จริงของธรรมชาตติ นเองแลว้ ท่มี เี หมือนไมม่ ี และไมไ่ ด้เป็นเจ้าของความมี ได้ลางๆ แลว้ การทอดสะพานไปส่คู วามจริงที่เป็นธรรมชาติเดมิ แทข้ องตนเอง คือ การย้อนทวนเรื่องราวความจริงที่ท่านเดินตามมาดูและรู้ จนเข้าใจในต้นเหตุ ของความคิดได้ เหน็ ตน้ กำ� เนดิ แท้จรงิ ท่ีมมี ากอ่ นความคิด คือความจำ� ทเ่ี ขียน บนั ทกึ ทบั เร่ืองราวตนเองมาตลอด และทา่ นดแู ละรคู้ วามจรงิ ในความจ�ำตรง นีใ้ ห้แตกกระจายในความรู้สกึ ได้ ท่านจะเหน็ ตน้ เหตเุ ดมิ แท้ของตนเองทมี่ ีอยู่ ด้านหลังของความจ�ำอกี ช้ันหนึ่ง ท่มี ีอสิ ระอยู่ตลอดเวลาไม่มีเรอ่ื งราว หรือ มี เหมือนไมม่ ี ทา่ นจะเดนิ เขา้ ถงึ ส่งิ ๆ น้ีด้วยตวั ท่านเอง ทา่ นจะเข้าใจในความ หมายวา่ สงิ่ ๆ นีจ้ ะใช้ค�ำอะไรอธิบายแทนคา่ ความรู้สกึ ไมไ่ ด้เลย บุคคลบางคนในกลุ่มสะเก็ดดาว ท่ีมีประสบการณ์เข้าถึงความไม่มี ตรงนี้มาบ้างแล้ว แต่กลับยังมีเร่ืองราวอยู่ ผู้เขียนถือว่าท่านโชคดีที่ได้พบ ประสบการณ์ในความไม่มีตรงนี้ ผูเ้ ขียนจะชี้และสะกิดใหด้ ูความรสู้ ึกขณะน้นั ของท่าน วา่ ท�ำไมเขา้ ไป ในความไม่มีแต่กลับยังมี อารมณ์ที่เดินไปถึงความไม่มีน้ันเป็นธรรมชาติของ ทุกชีวิต เป็นธรรมชาติเดิมแท้ตลอดเวลา ในขณะที่ท่านมีความสบายใจคิด ทบทวนเรอื่ งราวเนอ้ื หาตนเองอยู่ จนไปรสู้ กึ ถงึ ความไมม่ โี ดยบงั เอญิ ธรรมชาติ ตรงนนั้ มนั โพลง่ ออกมาเลย เกดิ ความสวา่ งมากแวบหนง่ึ ตรงนนั้ รสู้ กึ สบายมากมี ความอม่ิ เอมในขณะนน้ั แตด่ ว้ ยกำ� ลงั ใจทา่ นเองไมม่ น่ั คงแนบแนน่ ในความรู้สึก ขณะนน้ั พอร้สู กึ ถึงความไมม่ ีที่เข้าถงึ เองตามธรรมชาติ ท่านจะสงสยั ในความ รสู้ ึกตรงน้นั ทนั ที เกดิ วิตกกงั วล ตกใจในความรสู้ ึกตนเองในทันที จึงเกดิ ลงั เล สงสยั ในเนอ้ื หาตรงนน้ั พอเกดิ วติ กลงั เลสงสยั เรอ่ื งราวจงึ เปลยี่ นไปเลยธรรมชาติ ในขณะนนั้ จะเขา้ มาลวงและซอ้ นความรสู้ กึ ทา่ นทนั ที พบความไมม่ โี ดยบงั เอญิ ในธรรมชาติตรงนัน้ มนั โพล่งออกมา ตรงนี้คือต้นเหตุ เมื่อเกิดวติ กลงั เล ตกใจ ในความรสู้ กึ ตนเอง จงึ ลงสผู่ ลในตน้ เหตตุ รงนนั้ ทนั ที ทา่ นจะไมร่ สู้ กึ ตวั เองเลย 107
คมู่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง ธรรมชาตติ นเองจะซอ้ นเรอ่ื งราวในผลตรงนน้ั จะสรา้ งเรอ่ื งราวใหมใ่ หท้ า่ นเลน่ อยู่กับผลไปเลย ขยายผลตรงนั้นสู่เหตุตัวใหม่ลงสู่ความจ�ำ เกดิ ความคดิ ต่อ ไป ฟุ้งซ่านไปเลย ความรู้สึกแค่แวบเดียวที่ท่านเข้าถึงความไม่มี จึงกลาย เป็นความมีโดยฉับพลันที่ท่านไม่รู้สึกตัวเองด้วยซ้�ำ ความรู้สึกตรงนี้เป็น สิ่งที่ย่ิงใหญท่ ีธ่ รรมชาตติ อ้ งขวางสุดก�ำลงั ไม่ให้ทา่ นเขา้ ถงึ ได้ง่ายๆ เพราะเป็น ส่งิ ท่ีเปน็ ธรรมชาตเิ ดิมแท้ตนเองอยแู่ ลว้ กำ� ลังใจท่านตอนนั้นยังไมม่ ่ันคงใน ตนเองจึงเกิดลงั เลสงสยั หากความ ไมม่ ี โดยบงั เอิญเกิดข้ึนให้ท่านเห็นไดอ้ ีก หรือเขา้ ถึงไดเ้ อง อีก กไ็ ม่ต้องไปวิตกกงั วลอะไร ไมต่ ้องไปว่ิงไลจ่ ับกับสง่ิ ๆ น้ี ปล่อยผา่ นไปเลย ตามธรรมชาติ ท่านได้เหน็ ความไมม่ ีแวบเดยี วตรงนัน้ ก็โชคดแี ลว้ ตอ่ ไปทา่ น จะได้เห็นความประจักษ์แจ้งในตนเองเป็นส่ิงๆ น้ีถาวรเลย ในเรื่อง ความมี เหมือนไมม่ ี หรือสง่ิ ที่มเี หมือนไม่มี ด้วยก�ำลงั ใจตนเองท่ีม่ันคงแนบแนน่ หาก ความ “ไมม่ ”ี มาปรากฏในความรสู้ กึ อกี กข็ อใหท้ า่ น ดผู า่ น และ รผู้ า่ น แคน่ น้ั เพราะท่ผี า่ นมาในประสบการณ์ครั้งแรกท่านไปตามดู ตามรู้ จงึ ลังเลสงสยั ใน ธรรมชาติตรงนน้ั ธรรมชาตติ รงนน้ั จงึ ลวงใหท้ ่านปรงุ แตง่ ความไมม่ ีให้มีไปเลย สง่ิ ทผ่ี เู้ ขยี นเตอื นตรงน้ี ทา่ นกไ็ มต่ อ้ งเดนิ ตามหรอื ทำ� ตามทผ่ี เู้ ขยี นเตอื น หรอก ใหม้ คี วามมนั่ คงในตนเองกพ็ อ หากรสู้ กึ อะไรทสี่ งสยั กเ็ ลน่ กบั ความรสู้ กึ ตรงน้นั ไปเลย ท่านจะไดเ้ ขา้ ใจในธรรมชาติตนเองในสิง่ ที่สงสัยตรงน้ัน ผูเ้ ขยี น ก็ไม่เดินตามหรือท�ำตามใครเช่นกัน เล่นกับความสงสัยตนเองจนหมดสงสัย เหมอื นกัน สง่ิ ทม่ี เี หมอื นไมม่ ี แตพ่ อเขา้ ถงึ ไดว้ า่ สง่ิ ทม่ี ที ยี่ งั รสู้ กึ อยู่ ไมม่ เี รอื่ งราว อะไร จงึ ไมอ่ ธบิ ายความมใี หต้ นเองเขา้ ใจอกี คำ� วา่ “ไมม่ เี รอื่ งราวอะไร” ตรง นค้ี อื เปรยี บเหมอื นเคยมี จงึ ไมอ่ ธบิ ายสง่ิ “ม”ี นอี้ กี แลว้ หากทา่ นจะอธบิ าย ความมี กจ็ ะนำ� เรอื่ งราวทม่ี ใี นความจำ� ของตนเองมาอธบิ ายตอ่ จงึ ไมส่ ามารถ 108
คู่มอื บรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง เข้าถึง “ความไม่มี” ได้แท้จริง ท่านในกลุ่มสะเก็ดดาวบางคนพอจะเข้าใจ เรื่องราวตรงนีก้ นั บ้างหรือยงั กอ่ นทผ่ี ู้เขียนจะหมดสงสยั เหมอื นเจอเข็มแลว้ แต่กย็ งั เล่นอย่กู บั เขม็ แบบนั้น เหมือนพบอิสระในตนเองมากข้ึนจากการท่ีทิ้งตัวตนไปแล้ว เกิดรู้ ประจักษ์แจ้งในธรรมชาติอยู่ทุกขณะ ความรู้สึกเข้าถึง ความมีเหมือนไม่มี เหมอื นจะเปน็ สง่ิ ๆ เดยี วกนั ไดใ้ นขณะนนั้ แตย่ งั มรี ใู้ นความไมม่ อี ยเู่ ชน่ นนั้ ภูเขา กบั ผเู้ ขยี นเหมอื นเปน็ สงิ่ ๆเดยี วกนั ในความรสู้ กึ ตนเอง ตนเองรสู้ กึ นง่ั อยใู่ นแกน่ กลางภเู ขา ความรสู้ กึ หลุดเข้าไปในความไม่มี แต่รู้ตรงนั้นกเ็ ด้งจากแกน่ กลาง ภูเขาออกมาอีก ความรู้สึกทีผ่ ูเ้ ขียนเดง้ ออกมาในขณะนนั้ เข้าใจว่าตนเองกำ� ลงั คดิ ไปเปรยี บเทยี บในความจำ� ตนเองทไี่ มเ่ คยมีแตก่ ลบั ไปรสู้ กึ ถงึ คำ� วา่ “นพิ พาน” ค�ำกล่าวลอยๆ ตรงน้ี พอรู้สึกเท่านั้นธรรมชาติความจ�ำพงุ่ ซอ้ นสวมทบั เขา้ ใส่ ทันที จมอยู่เล่นอยู่กับค�ำๆ นี้ไปเลย ทั้งๆ ท่ีค�ำว่านิพพาน ก็ไม่มีเคยมีใน ธรรมชาติเดิมแท้ตนเองมาก่อนเลย เป็นค�ำท่ีเคยจ�ำไว้ในส่วนลึกของตนเอง เท่านั้น มีความหมายอะไรบางอย่างท่ีพยายามจะใช้แทนความรู้สึกตรงน้ัน ตนเองไดว้ งิ่ ไปเลน่ ในความจำ� ทบ่ี นั ทกึ เอาไวแ้ บบไมร่ ตู้ วั เชน่ กนั ความจำ� พอจำ� ได้ ความคดิ ขยายผลทนั ทลี งไปเปน็ เรอื่ งราวในคำ� กลา่ วลอยๆ ตรงนเ้ี ลย พอผู้เขยี น รู้สึกว่าไม่ใช่เร่ืองของเรา เราไม่ได้เป็นเจ้าของนิพพาน ค�ำๆ นี้ก็หายไปใน ความรู้สึก หลุดออกจากสภาวะความจ�ำ ความคิดดับไปเอง เร่ืองราวหายไป ผู้เขียนจึงเรมิ่ ต้นใหมจ่ ากตรงนี้ อะไรทผ่ี ่านเข้ามากด็ ผู ่าน และรผู้ ่านไปเลย ไม่ แตะตอ้ ง ไมไ่ หลตามธรรมชาตแิ ล้ว คร้ังสุดท้าย หลุดเข้าไปในความรู้สึกความไม่มีตนเองที่ต้องรู้ และไม่ เปน็ เจา้ ของใดๆ ในความรสู้ กึ ทร่ี ตู้ รงนน้ั อกี กลบั มคี วามรทู้ ซี่ อ้ นความรตู้ รงนนั้ เห็นผู้อาศัยที่เป็นอิสระอยู่ในแก่น แต่ความรู้สึกที่ลึกในขณะน้ันเกิดมีรู้อีกตัว ทแ่ี ยกออกมาด้านนอก รตู้ ัวนี้ยนื ดูผู้อาศัยท่อี ยใู่ นแก่นตรงนนั้ เหมอื นยงั มรี ูท้ ่ี 109
คมู่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง ยังรู้กับธรรมชาติของรู้ตรงน้ันที่ซ้อนกันอยู่แต่รู้สึกได้ตลอด รู้ตัวน้ีที่ยืนดูอยู่ ดา้ นนอก เหน็ วฏั จกั รความมที หี่ มนุ เปน็ วงรอบภเู ขา รตู้ วั นก้ี เ็ หน็ ผอู้ าศยั ทอ่ี ยใู่ น แก่นกลางภูเขาที่สงบและเป็นอิสระ เหมือนรู้ตัวน้ีได้ดูผู้อาศัยท่ีเป็นอิสระ และดภู ายนอกแกน่ รอบภเู ขากเ็ ปน็ อสิ ระ เหน็ ภาพรวมทงั้ หมด เหน็ ทกุ อยา่ งท่ี หมนุ วนรอบภเู ขาจนถงึ ภายในแกน่ ทมี่ ผี อู้ าศยั อยตู่ รงกลาง ความรสู้ กึ เหน็ พรอ้ ม กันอยู่แบบนั้น มีความรู้สึกท่ีเป็นอิสระต่อกันไม่เก่ียวข้องกันเลย ความรู้สึก ของผเู้ ขยี นรู้สกึ แปลกมาก สดุ ทา้ ยผเู้ ขียนปลอ่ ยร้ทู ีด่ ูภายนอกและร้ทู ดี่ ูภายใน ลงพร้อมกนั เรอื่ งราวในรู้ทุกอย่างจงึ หายไปไมม่ ีเร่อื งราวทตี่ ้องรู้อีก ไม่สงสยั ในธรรมชาติ ในสงิ่ ทม่ี เี หมือนไม่มใี นเน้อื หาธรรมชาติตนเอง ส่ิงที่มีนั้นเป็นธรรมชาติความมีที่มี เป็นธรรมชาติตลอดเวลาไม่ต้อง อาศยั อะไรไปอธิบายเนอ้ื หาตนเอง เปน็ เพยี งสงิ่ ทม่ี อี ยู่ อยรู่ ว่ มกนั ในธรรมชาติ ทพ่ี งึ่ พาอาศยั ในความเปน็ อยเู่ ทา่ นน้ั เอง ไมม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของในเนอื้ หาธรรมชาติ ใดๆเลย จงึ ปลอ่ ยใหธ้ รรมชาตหิ มนุ เวยี นไปตามความเปน็ จรงิ ในธรรมชาตติ นเอง ทม่ี ีเหมอื นไม่มี แคน่ ี้ เพราะครอบครองใดๆ ไมไ่ ด้ แตร่ สู้ กึ ไดต้ ามความเปน็ จรงิ อปุ มา... ผืนฟา้ ทเ่ี ห็นอยรู่ ูส้ กึ อยูเ่ ปน็ อิสระอยู่ตลอดเวลา เปน็ สิ่งท่ี เป็นธรรมชาตเิ ดิมแทข้ องตนเอง โดยรอบมเี นอ้ื หาเรอื่ งราวของชวี ิตท่มี อี ยู่ร่วม กันตลอดเวลา เพียงพ่งึ พาอาศัยกันในสิ่งทเ่ี ปน็ เดมิ แท้ จึงไม่มีความจ�ำ จงึ ไม่มี ความเข้าใจ จึงไมม่ ีความคิดใดๆ จึงไมม่ คี วามรู้สกึ จึงไมม่ คี วามหมายใดๆ ไม่มรี ูปทรงท่ีต้องครอบครอง จึงไม่มีอะไรตอ้ งรสู้ กึ ถงึ กนั จึงไมม่ ีเรือ่ งราวใดๆ ทม่ี ีใครเปน็ เจา้ ของ มีเร่ืองราวตา่ งๆ แบบทีม่ ีท่ีเป็น เป็นอสิ ระทม่ี แี บบของใคร ของมัน เป็นสิ่งที่มีตามธรรมชาติเดิมแท้ร่วมกันตลอดเวลา แต่ไม่มี ใครได้ ครอบครองเป็นเจ้าของใดๆ ผนื ฟา้ จึงมีอสิ ระอยู่เหนืออสิ ระตลอดเวลา และ องค์ประกอบรอบผนื ฟา้ กม็ ีอิสระตลอดเวลาเช่นกัน ท่ีไมต่ อ้ งอธิบายตนเองใน อิสระอกี จงึ ไมท่ งิ้ ร่องรอยทต่ี ้องคน้ หา สิ่งท่ีมีเหมือนไม่มี อกี 110
คมู่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง อยู่กับรู้ตามธรรมชาติ เมื่อได้เข้าถึงเหตุแห่งธรรมตนเองแล้ว ผู้เขียนจึงได้เข้าใจในเน้ือหา เร่ืองราวต่างๆ ท่ีธรรมชาติได้ย้อนทวนกลับมาให้เห็นใหม่ในปัจจุบันตนเอง เร่ืองราวเนอ้ื หาตา่ งๆ ท่เี คยมี เคยเป็น ในเร่ืองราวเดมิ ๆ ในอดีตนั้น ทีเ่ คยรูส้ ึก หรือมีความเขา้ ใจ มีความจ�ำ มคี วามคิดต่างๆ นัน้ มีเหมอื นเดิม ไม่เคยหมดไป ในความรูส้ กึ ตนเองในขณะนเี้ ลย ยังเป็นสง่ิ ที่มีเรื่องราวอยู่เปน็ ปกติ แต่สิ่งท่ีเปลี่ยนไปในความรู้สึก คือเรื่องราวเน้ือหาที่มีน้ันตนเองไม่ เขา้ ไปแบกไว้ ปล่อยใหห้ มนุ วนไปตามธรรมชาติ เล่นสนุกไปในความมีตา่ งๆ ท่ี รู้สึกถงึ ตรงนน้ั ความรูแ้ จง้ ในเรื่องราวเนื้อหาตรงนัน้ ท่เี ป็นธรรมชาติของความ มี ที่มอี ยู่รว่ มกนั พ่ึงพาอาศัยกันเพื่อความเป็นอยู่เทา่ นนั้ การเดนิ ทางกลบั มา ใหม่จากการรู้แจ้งตนเองจึงอยู่สบายมากขึ้น ไม่ต้องแบกความมีใดๆ ให้เป็น กังวลอีก เล่นไปตามบทบาทที่มี ทเ่ี ป็น ในธรรมชาตติ รงน้นั ไป เป็นการอย่กู ับ รธู้ รรมชาตติ ามจรงิ ไมไ่ ดเ้ ปน็ เจา้ ของในรอู้ ะไร จงึ ไมม่ เี นอ้ื หาเรอื่ งราวใดๆ ท่ี ตอ้ งครอบครองในรอู้ กี หรอื ตอ้ งบงั คบั ความรสู้ กึ ใหอ้ ยใู่ นรใู้ นเรื่องราวใดๆ อกี ธรรมชาตขิ องผูเ้ ขยี นที่มอี ิสระนน้ั บอกพวกท่านไดเ้ ลยวา่ มอี สิ ระในธรรมชาติ มาก อยเู่ หนอื เรอื่ งราวความมใี นธรรมชาตไิ ปเลย หมดกงั วลหมดลงั เล เลน่ ปรงุ แตง่ ทป่ี รงุ แตง่ แตไ่ มค่ รอบครองปรงุ แตง่ เขา้ ใจไมแ่ บกเขา้ ใจ เล่นกับความคดิ ที่ ไมแ่ บกความคดิ สนกุ มากสำ� หรบั ผู้เขยี น เลน่ ไดต้ ามบทบาทในธรรมชาตทิ มี่ ที ่ี เปน็ ไมต่ อ้ งการอยกู่ บั อะไรหรอื ตอ้ งรกู้ บั อะไรอกี 111
คมู่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง การทท่ี า่ นใชค้ วามพยายามทจี่ ะ อยกู่ บั รู้ ในเรอ่ื งราวตนเองทยี่ งั เขา้ ไป ไม่ถึงความจริงของตนเอง ท่านจะแบกไว้ในค�ำกล่าวลอยๆ “อยู่กับรู้” ตรงน้ี ความรสู้ กึ ทา่ นจะรสู้ กึ ยอ้ นแยง้ ตนเองตลอดเวลา สงสยั อยตู่ ลอด มคี วามหมาย วา่ อะไร ? คืออะไร ? เปน็ อะไร ? ท่านเองกอ็ ธิบายตนเองไมไ่ ด้วา่ อยกู่ ับรู้ คือ อะไรจรงิ ๆ ในความเขา้ ใจของทา่ น แตม่ ศี รทั ธาในตวั ตน มคี วามเชอ่ื ในผรู้ เู้ รอ่ื งราว ไวแ้ ล้ว ท่ไี ด้เคยอธิบายค�ำๆ น้กี นั ไว้มากมายแล้ว และทา่ นเกิดมคี วามเข้าใจได้ กับความเช่อื ตรงน้ีที่ไหลตามผู้รู้เรอ่ื งราวไปเลย แลว้ ทำ� ไมทา่ นยงั มคี วามสงสัย ตนเองในรทู้ ม่ี รี อู้ ยู่ หรอื อยกู่ บั รู้ ทเ่ี คยเชอ่ื ไว้ ทา่ นเคยเอะใจตนเองบา้ งหรอื เปลา่ หรือหากว่าท่านได้เข้าใจจริงๆ กับตนเองในค�ำๆ น้ีแล้ว “อยู่กับรู้” ท่านต้อง ลองถามความรูส้ ึกภายในตนเองของท่านดู ผเู้ ขยี นขอถามทา่ นจากใจจรงิ ๆ ทา่ นอยกู่ บั อะไร ทา่ นรกู้ บั อะไรอยหู่ รอื ..! อยกู่ บั รใู้ นความเชอื่ ในผรู้ เู้ รอื่ งราวทมี่ าสอนหรอื เปลา่ หรอื อยกู่ บั รใู้ นความจรงิ ที่ เปน็ ธรรมชาตติ นเอง หากเปน็ ความเชอ่ื กค็ อื เรอ่ื งราวทท่ี า่ นยงั จำ� อยู่ ใชค้ วามจำ� อธบิ ายความ จำ� เกดิ บนั ทกึ เปน็ ความจำ� ตวั ใหม่ ขยายเรอื่ งราวในความจำ� ตรงนน้ั ใหเ้ กดิ ความ เขา้ ใจทจี่ ำ� ซ้�ำลงไป และจดบนั ทึกซ้�ำลงใหม่อีกในความจ�ำท่ตี นเองเข้าใจ เขยี น บนั ทกึ ทบั เร่อื งราวความจรงิ ตนเองอยู่แบบนีต้ ลอดเวลา พอมผี รู้ ู้เร่อื งราวคน ใหม่มาอธบิ ายใหฟ้ งั อีก กจ็ ดบนั ทึกซำ้� ความเขา้ ใจลงอีก ในข้อมลู ความจำ� ของ ตนเอง ประมวลผลความรู้สกึ ในเรอื่ งราว อยูก่ บั รู้ ตรงนี้ไดร้ วดเรว็ มาก ความ คิดแตกกระจายในความรูส้ ึกตรงน้ัน เหมือนข้อมลู ว่งิ ซ้อนทับๆ กนั เป็นชนั้ ๆ ในความรสู้ ึกตรงน้นั เลย ประมวลผลลัพธท์ ่ีตนเองสรปุ ในความเข้าใจในความ จำ� ของค�ำตรงน้นั เหมือนเปน็ ตวั กลนั่ กรองความจำ� ทเ่ี ชอ่ื ว่าดีท่สี ดุ ในความ หมายท่ตี นเองพอใจกับคำ� วา่ อยู่กบั รู้ และเก็บเงียบไวใ้ สล่ งเปแ้ บกไปไหนต่อ 112
คู่มอื บรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง ไหนเรือ่ ยๆ หากไปเจอผูร้ ้เู รอื่ งราวคนใหม่มาพูดเนอ้ื หาแบบน้ีอกี กป็ ระมวล ความจ�ำตนเองเพิ่มเติมข้นึ ใหมอ่ กี และกลน่ั กรองความจำ� ทเี่ ช่อื วา่ ดีที่สุดเกบ็ เงียบไวใ้ ส่ลงเปแ้ บกต่อไป แบกไวจ้ นต้องคลานแบบเตา่ เดินไม่ไดม้ ันหนักเกนิ ไป จะท้งิ กเ็ สยี ดาย เก็บสะสมมาต้งั นานแล้ว เลยคลานอยูเ่ ปน็ เตา่ อยา่ งน้นั หากคำ� ๆ น้ี “อย่กู บั รู้” ท่มี ตี ามธรรมชาติตนเอง ท่านจะรสู้ ึกโล่งเบา สบายไม่มีความกงั วลใดๆ เหมือนเอาของในเปท้ เ่ี คยแบกเอาไวโ้ ยนท้ิงกลบั คืน ไปในความเช่ือท่ีเคยเช่ือไวเ้ พราะไมร่ คู้ วามจรงิ ตนเอง ความจริงของตนเองมี เพยี งสงิ่ เดยี วเทา่ นน้ั คอื มอี สิ ระในตนเองอยตู่ ลอดเวลา อยเู่ หนอื ความเชอื่ ตา่ งๆ ท่ีเคยจดจ�ำไว้ ไมว่ า่ ท่านจะเชือ่ ในค�ำกล่าว เชอื่ ค�ำสอน เชื่อภาษา หากทา่ น หลงติดความเชอ่ื แบบทจ่ี ำ� ไว้ในเรื่องราวท่ีผ่านๆ มา ท่านจะร้สู กึ อึดอัดบบี คน้ั ตนเอง ยงิ่ รมู้ ากกห็ นกั มากขน้ึ เขา้ ใจมากกแ็ บกใสเ่ ปส้ ะพายหลงั เดนิ ทางทลุ กั ทเุ ล มากขนึ้ อย่แู บบน้ัน เกดิ ความเครยี ด มีความกังวลใจในความรตู้ นเองอยู่ตลอด เวลา เพราะกังวลในความร้ทู หี่ ลงใหลในความเชือ่ ตรงน้นั ที่หาทีจ่ บลงไม่ได้ ยง่ิ อธิบายในความเชื่อที่จ�ำมามากเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มเรื่องราวความจ�ำให้แบกมากข้ึน เท่านั้นอธิบายอย่างไรก็ยังสงสัยในสิ่งท่ีอธิบายอยู่ ไม่หมดไปจากความรู้สึก ตนเอง กลบั เพิม่ ความจำ� ตัวใหมใ่ หม้ ากขนึ้ ไปอกี ความจริงของตนเองมีเพียงส่ิงเดียวเท่าน้ัน คือมีอิสระในตนเองอยู่ ตลอดเวลา หากท่านย้อนมองความเชื่อในสิ่งที่จ�ำมาน้ันให้ลึกซึ้งในความรู้สึก ภายในตนเอง ตามที่ผู้เขียนได้อธิบายมาแล้ว ตอนน้ีความเช่ือของท่านนั้น เป็นผลจากเหตุของความจ�ำ ที่ท่านแตะต้องในความจ�ำตนเองและไม่เคยมี ความรู้มาก่อนในค�ำกล่าวลอยๆ ที่ว่า อยู่กับรู้ เหตุเดิมแท้คือความจ�ำ ที่ผู้ เขียนเคยบอกว่า ความจำ� นน้ั ก็มอี สิ ระในความจำ� ตนเอง ท่ีไม่มใี ครเคยเปน็ เจา้ ของ 113
คู่มือบรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง ความเป็นเจา้ ของในความจำ� นั้นละเอยี ดมาก ร้สู ึกแทบไมไ่ ด้ แตะตอ้ ง ใดๆ ก็ไมไ่ ด้ ความเปน็ เจา้ ของในความจำ� จงึ มีติดอยูค่ ่กู ันกับชวี ิตทา่ นเลย มอง ไม่เห็นด้วยหากผ้เู ขียนไม่ชแ้ี ละสะกิดให้ดู ความจำ� เกิดจากสงิ่ ทีท่ า่ นเคยเรยี น รจู้ ากผรู้ เู้ รอ่ื งราวมากมายตงั้ แตเ่ ดก็ จนถงึ วยั นขี้ องทา่ น จงึ เหมอื นวา่ ความจำ� นน้ั คอื ชวี ติ ของท่านไปเลย มองไม่เหน็ เลยวา่ เคยจ�ำไว้ เร่อื งราวต่างๆ ทที่ า่ นเข้าใจ จงึ เชอ่ื มตอ่ กนั ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ นนั้ เกดิ มาจากความจำ� ทเ่ี ปน็ ตน้ เหตุ ความเขา้ ใจ ทข่ี ยายลงสผู่ ลความเขา้ ใจ ความเขา้ ใจจงึ เปน็ เหตตุ วั ใหมอ่ กี เกดิ ความคดิ ทค่ี ดิ ไดร้ วดเรว็ มากทข่ี ยายความเขา้ ใจตรงนน้ั เร่มิ บนั ทึกความจำ� ในความคดิ ตรงน้ี เพมิ่ ขน้ึ อกี ความคดิ จงึ เกดิ เปน็ เหตตุ วั ใหมอ่ กี ขยายเรอ่ื งราวในความคดิ จงึ เกดิ ปรุงแต่งมาเป็นผลรองรับในความรู้สึกต่างๆ ที่เข้าใจ เขียนบันทึกความจ�ำตัว ใหม่ซ้อนทับความจ�ำเดิมอีก เกิดขึ้นต่อเนื่องไปแบบนี้ตลอดเวลา ความรู้สึก ของท่านจึงรู้สึกว่าเข้าใจแล้วท�ำไมจึงเครียด ท�ำไมจึงกังวล ท�ำไมจึงสงสัย ก็ ขบวนการท่ีผู้เขยี นอธบิ ายอยู่ตรงนมี้ นั ซับซอ้ นมากมาย ในความรู้สึกของท่าน แค่ขณะเดียวเอง มีความวุ่นวายซ้อนทับกันแค่ความเช่ือในค�ำๆ น้ี อยู่กับรู้ ทา่ นเดนิ ตามมาดกู นั ทนั หรอื เปลา่ ทผ่ี เู้ ขยี นชใ้ี และสะกดิ ใหด้ ใู นเนอ้ื หาเรอื่ งราว ตรงน้ี หากวา่ ทา่ นตามมาทนั จะเขา้ ใจไดเ้ ลยวา่ คำ� กลา่ วตา่ งๆ เรอ่ื ง สติ มหาสติ ปญั ญา มหาปญั ญา ก็เปน็ ค�ำลอยๆ เช่นกนั ท่มี ีตามธรรมชาติ ไมม่ ชี ่อื ไมต่ ้อง สร้างตอ้ งท�ำอะไร ไม่มีใครเป็นเจา้ ของ มอี สิ ระเป็นธรรมชาตติ นเองเชน่ กัน สติ ในธรรมชาติน้ัน ไม่มีภาษา มีแต่ความรู้สึก เหมือนขณะที่ท่าน อา่ นหนงั สือตรงน้ี มีความร้สู ึกเข้าใจในสิ่งๆ น้นั ขณะหนึ่งๆ ท่ีรู้สกึ ในตรงน้ัน เรยี กให้มภี าษาวา่ สติ แตต่ ามธรรมชาตนิ นั้ เพยี งร้สู กึ ขณะหนึ่ง มีความเขา้ ใจ มหาสติ เปน็ ความซบั ซอ้ นเพมิ่ ขน้ึ ในธรรมชาตจิ ากสตติ รงนนั้ ไมม่ ภี าษา มแี ตค่ วามรสู้ กึ เหมอื นขณะทที่ า่ นอา่ นหนงั สอื ตรงนี้ เกดิ จดจอ่ ในบทความลงไป เกดิ มจี นิ ตนาการเขา้ ใจในเนอ้ื หาบทความทรี่ สู้ กึ ขณะหนงึ่ ตรงนนั้ เกดิ ความเขา้ ใจ 114
คมู่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง ในเรอ่ื งราวมรี ายละเอยี ดของบทความขยายความรสู้ กึ เพมิ่ ขนึ้ จากสติ ภาษาใช้ ค�ำว่า มหาสติ แต่ตามธรรมชาตินั้น เพียงมีความรู้สึกขณะหนึ่ง ที่เกิดความ เข้าใจที่ซบั ซอ้ นลงไปในรายละเอียดของเน้อื หาตรงนัน้ เอง ปัญญา ในธรรมชาติน้ันก็ไม่มีภาษา มีแต่ความรู้สึกซ้อนลึกลงไปใน รายละเอียดทเี่ กดิ ขนึ้ จากเรือ่ งราวเน้ือหา ท่ีเช่อื มตอ่ จากมหาสติที่ท่านจดจอ่ อยใู่ นขณะนนั้ เหน็ เรอ่ื งราวบทความทร่ี สู้ กึ ในขณะนน้ั มรี ายละเอยี ดขยายแยก ความเข้าใจออกมา ในค�ำๆ นั้น เพิ่มเติมข้ึน เกิดเป็นความเข้าใจในส่ิงที่จดจ่อ จากตรงนนั้ จนรสู้ กึ มคี วามอมิ่ เอมในสง่ิ ทจี่ ดจอ่ เขา้ ใจเรอื่ งราว แตก่ ไ็ มไ่ ดส้ นใจ เรอื่ งราวตรงนน้ั ภาษาใชค้ ำ� วา่ ปญั ญา แตต่ ามธรรมชาตติ นเอง กแ็ คร่ สู้ กึ ไดเ้ ร็ว ขนึ้ ในสง่ิ ทจี่ ดจอ่ อยู่ เหน็ รายละเอยี ดเขา้ ใจในเรอื่ งราวทจ่ี ดจอ่ อยู่ แตไ่ มไ่ ดส้ นใจ ในสิ่งท่จี ดจอ่ และรสู้ ึกในความร้สู ึกท่ีซอ้ นลกึ ของตนเองอยใู่ นขณะนน้ั มหาปัญญา ในธรรมชาตนิ ้นั ไมเ่ คยมภี าษา มแี ต่ความรูส้ กึ ท่ีแตกฉาน เพ่มิ ขนึ้ จากปญั ญาในขณะหนง่ึ ขณะนนั้ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ทไี่ ดย้ อ้ นทวนเรอื่ งราวตนเอง เหน็ รายของละเอยี ดจากตน้ เหตุ คอื บทความทเี่ รม่ิ ตน้ ตรงนนั้ เปน็ ตน้ เหตุ ทเ่ี กดิ มีการจดจอ่ ในตวั หนงั สอื เกิดความคิดปรุงแต่งมีจินตนาการเกิดความหมาย มีเร่ืองราวจนน�ำไปสู่ความเข้าใจที่รสู้ กึ เกดิ ปญั ญาตนเอง แตเ่ รอื่ งราวทง้ั หมด ทน่ี �ำมาสู่ปัญญาตรงน้ันก็ยังมีเร่ืองราวค้างคาอยู่ มีเกิดดับ คือมีเหตุและผล ในตวั เอง จงึ เหน็ ประะจกั ษแ์ จง้ ถงึ ความรสู้ กึ ทถ่ี กู ตอ้ งในตนเองในธรรมชาตทิ ม่ี ี การหมนุ วนอยู่ ในจดุ เรมิ่ ตน้ คอื สติ จนหมนุ มาเปน็ มหาสติ หมนุ มาเปน็ ปญั ญา และหมุนมาเปน็ มหาปญั ญา ลว้ นมเี กดิ ดบั ในเรอื่ งราวตนเองไม่มีทีส่ ิน้ สดุ จงึ หยดุ หรอื ไมแ่ ตะในเหตตุ รงนน้ั ปลอ่ ยใหเ้ รอื่ งราวเหลา่ นนั้ หมนุ วนไปตามธรรมชาติ เอง ไมเ่ อาความรสู้ กึ ตนเองไปรองรบั ในเรอ่ื งราวตรงนน้ั คอื การวางเหตตุ นเอง สง่ิ ๆ นห้ี ากจะน�ำภาษามาแทนค่า คือ มหาปัญญา 115
ค่มู อื บรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง ภาษาจงึ เปน็ คำ� ลอยๆ แตค่ วามจรงิ ทเ่ี ปน็ ธรรมชาตเิ ดมิ แทน้ นั้ แตกตา่ ง กนั มากตามความเปน็ จรงิ หากวา่ ทา่ นไดเ้ ขา้ ใจในเนอื้ หาธรรมชาตเิ ดมิ แทต้ นเอง ตามที่ผู้เขียนช้ีและสะกิดให้เข้าถึงธรรมชาติแบบฉบับตนเอง ท่านจะอยู่กับ ต้นเหตุตนเองตลอดเวลา คือมีมหาปัญญาตามธรรมชาติตนเอง จะไม่เข้าไป แตะในเหตใุ ดๆ เพราะเหน็ ประจกั ษแ์ จง้ จากตนเองแล้ว วา่ ท่านไมส่ ามารถท�ำ อะไรในเหตไุ ดเ้ ลย เพยี งแคด่ ผู า่ น รผู้ า่ น ของตน้ เหตุ เปรยี บเสมอื นอยกู่ บั รตู้ าม ธรรมชาติตนเองที่ไม่ได้เป็นเจ้าของในส่ิงที่รู้ใดๆ เลย มีอิสระแบบท่ีไม่ต้องรู้ เรอ่ื งราวตนเอง แต่ความเช่ือตา่ งๆ ในอดตี ของทา่ น เป็นสิง่ ทไี่ หลตามผู้สอนจากการ เรยี นรไู้ วม้ ากมาย และจดจำ� ไวใ้ นเรอ่ื งราวตา่ งๆ จากผสู้ อนทอี่ ธบิ ายจงึ เกดิ เป็น รูปทรง มเี ครอ่ื งหมาย มสี ัญลกั ษณ์ มีภาษา มีอืน่ ๆ มากมาย ทีส่ อนใหท้ า่ น จดจำ� ไวใ้ นเรอ่ื งราวตา่ งๆ ตงั้ แตเ่ รม่ิ มคี วามจำ� เกดิ ขนึ้ ทา่ นจะมกี ารบนั ทกึ ความจำ� ตนเองทนั ที ซ้อนทับความจำ� ไว้ในตนเอง พยายามท่ีจะหาเหตุหาผล บทสรุป ในเรอ่ื งราวต่างๆ แบบเงยี บๆ ตามความเชอื่ แบบนนั้ ท่านจะไมร่ สู้ กึ ตนเองเสีย ดว้ ยซ�ำ้ จงึ ทำ� ให้ทา่ นเข้าใจในความจริงในธรรมชาติเดมิ แทข้ องตนเองไม่ได้ ส่ิงที่ผู้เขียนที่พยายามช้ีและสะกิดให้ท่านท้ังหลายได้ดูความจริงท่ี เปน็ ธรรมชาตขิ องทา่ นเองในหนงั สอื เลม่ นี้ จะไมเ่ กดิ ประโยชนก์ บั ทา่ นเลย หาก ท่านไม่เข้ามาพสิ จู นใ์ นศรทั ธาตนเอง ที่จะเดนิ ตามมาดูความจริงในธรรมชาติ เดิมแท้ของตนเอง คอื เรอ่ื งราวที่ตอ้ ง ดผู า่ น รผู้ า่ น มีแค่นี้ หากท่านยังมคี วามยดึ มน่ั ถอื ครองความเชือ่ ตา่ งๆ อย่ใู นสงิ่ ที่ยังจำ� มา ไมย่ อมเอาชวี ติ ตนเองเขา้ มาพสิ จู นค์ วามจรงิ ทเี่ ปน็ ธรรมชาตติ นเอง แตก่ ลบั ไป ตามดู ตามรู้ เรอื่ งราวคนอื่นๆ อีก ผ้เู ขียนก็ตอ้ งขอแยกทางจากกันไป โมฆะ ธรรมกันไป ไมม่ ีอะไรทีต่ ิดคา้ งกนั อกี โชคดี 116
คมู่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง ตนเองเป็นตัวเห้ีย จึงไม่รู้ว่าอรหันต์เป็นตัวอะไร เพราะเหตอุ ะไรตอ้ งบอกตนเองเป็นตวั เหย้ี “ตวั เห้ยี ” คืออะไร ตัวเห้ียในความรู้สึกที่เป็นเดิมแท้ของผู้เขียน ไม่มีรูปทรง ไม่มีความ หมาย ไม่มีเรื่องราวในตนเอง ไม่มีรู้ท่ีต้องรู้อะไร ไม่มีเข้าใจที่ต้องเข้าใจ ไม่มี ความจ�ำทต่ี อ้ งจำ� อีก ไมม่ คี วามคิดทต่ี อ้ งคิด ไม่มีสงสยั ที่ตอ้ งสงสยั เปน็ สิง่ ทร่ี ู้ ได้เฉพาะตนเองไมต่ อ้ งอธบิ ายใดๆ ในรู้แลว้ กบั ค�ำๆ น้ี “ตวั เหี้ย” จงึ ตอ้ งวดั กำ� ลงั ใจพวกทา่ นทงั้ หลายวา่ เขา้ ใจเรอ่ื งราวตนเองไดม้ ากนอ้ ย เพยี งใด เพราะความมที ท่ี า่ นมรี ปู ทรงในคำ� ๆ นี้ ความมที ท่ี า่ นมคี วามหมายในคำ� ๆ น้ี ความมที ที่ า่ นมเี รอ่ื งราวในตนเองกบั คำ� ๆ นี้ ความมที ที่ า่ นมรี ทู้ รี่ อู้ ยใู่ นคำ� ๆ น้ี ความมีทท่ี ่านมคี วามเข้าใจอยใู่ นคำ� ๆ นี้ ความมที ท่ี า่ นบนั ทกึ จดจำ� เรอ่ื งราวอยู่ ในคำ� ๆ น้ี ความมที ท่ี า่ นคดิ อยใู่ นคำ� ๆ นี้ ความมที ที่ า่ นสงสยั ทส่ี งสยั อยใู่ นคำ� ๆ น้ี ทา่ นมคี วามมมี ากมายในคำ� ๆ น้ี ยงั รเู้ ฉพาะตนเองไมไ่ ด้ จงึ มรี ทู้ ย่ี งั อยากอธบิ าย ในรใู้ นคำ� ๆ นอ้ี ยู่ ตวั เหย้ี และยงั อยกู่ บั รใู้ นคำ� ๆ น้ี ในความรสู้ กึ ลกึ ๆ ของตนเอง การชแ้ี ละสะกดิ ในเรอ่ื งราวทผ่ี เู้ ขยี นบรรยายมาทงั้ หมดคอื การถอดถอน เรอื่ งราวความเชอื่ ตา่ งๆ ทเ่ี คยเชอ่ื ไวใ้ นเนอ้ื หาตนเอง เพอ่ื การเดนิ ทางไปสคู่ วาม จรงิ ของตนเองในธรรมชาติ ท่ีจะต้องผา่ นบททดสอบตา่ งๆ มากมายทซ่ี บั ซ้อน และลกึ ซงึ้ มากจนมองแทบไมเ่ หน็ ในธรรมชาตติ นเอง หากยงั มตี วั ตนผ้เู ขยี นไป ยนื ขวางทางพวกทา่ นอยใู่ นขณะทเ่ี ดนิ ทาง ทา่ นจะเดนิ เปไ๋ ปเปม๋ า ลม้ ลกุ คลกุ คลาน เหมอื นดงั่ อดตี ทเ่ี คยผา่ นมา เพราะความเชอื่ ทต่ี นเองเคยจำ� ไว้ ยดึ ไว้ ถอื ครองไว้ หากผเู้ ขยี นบอกตนเองเปน็ อะไรตามตำ� รา ทา่ นจะตดิ หนบึ ยดึ แนน่ ไวต้ รงนนั้ เลย แลว้ จะยอ้ นความจำ� ตนเองขน้ึ มาทนั ที เรอื่ งราวทผ่ี เู้ ขยี นพยายามถอดถอนความ 117
คมู่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง เชอ่ื ทง้ั หลายจะกลายเปน็ กบั ดกั ตงั้ แตเ่ รมิ่ ตน้ ในการเดนิ ทางของพวกทา่ น บอกวา่ เปน็ ตวั เหย้ี ตรงนจ้ี งึ ปลอดภยั กบั พวกทา่ นเองทไ่ี มต่ อ้ งยดึ ไมต่ อ้ งมาแบกกบั ความ เปน็ อะไรของผเู้ ขยี น เหมอื นการบรรยายทไ่ี ดย้ นิ ไดฟ้ งั ไดอ้ า่ นมเี รอื่ งราวทลี่ อยมา ทางอากาศ เปน็ เสยี งตามสายทไ่ี มต่ อ้ งเหน็ ตวั ตนคนพดู ฟงั ลอยๆ ตามเสยี งนน้ั แบบมีความสบายใจตั้งแต่เร่ิม ท่านจะเดินแบบหมดความกังวลใจ และเดินสู่ ธรรมชาตติ นเองไดเ้ รว็ ขน้ึ พฒั นาไดเ้ รว็ หากการเรม่ิ ตน้ เดนิ ไมม่ หี กลม้ ไมเ่ ปไ๋ ป เปม๋ าไมต่ อ้ งลม้ ลกุ คลกุ คลาน เดนิ ตามผเู้ ขยี นมาแบบสบายใจ ฟงั เสยี งตามสายไป เรอ่ื ยๆ จะมคี วามเบกิ บานทที่ กุ คนในกลมุ่ เปน็ อยตู่ อนนี้ เหน็ ผลในความสำ� เรจ็ ตนเองได้ มคี วามหวังในความจรงิ ทีจ่ ะหมดสงสัยได้ในธรรมชาตติ นเอง ตามที่ ผู้เขียนเคยบอกว่าสามารถพาพวกท่านไปเป็นสิ่งท่ีไม่มีเร่ืองราวในตนเองได้ หากเดนิ ทางมาถกู ตอ้ งตามเนอื้ หาเรอื่ งราวทช่ี แี้ ละสะกดิ ใหด้ ใู หร้ ู้ เพยี งดผู า่ น รผู้ า่ น ทา่ นจะพบความจรงิ ของธรรมชาตเิ ดมิ แทต้ นเองได้ ทา่ นจะเปน็ บคุ คลทม่ี คี ณุ ธรรม สมบรู ณแ์ บบในตนเอง นค่ี อืิ สงิ่ ทผี่ เู้ ขยี นหวงั ในการตอบแทนแทจ้ รงิ จากพวกทา่ น ตัวอย่างความดีงามที่เป็นต้นแบบให้ผู้เขียนระลึกถึงคือ ชายคนหนึ่ง ที่เคยเดินบนดินกินนอนอยู่ใต้ต้นไม้ เกิดใต้ต้นไม้ เข้าใจธรรมชาติเดิมแท้ใต้ ต้นไม้ ตายที่ใต้ต้นไม้ ชีวิตเดินดินกินนอนอยู่ใต้ต้นไม้ มีความเป็นอยู่แบบ สมถะมาก มีความย่ิงใหญ่ในความส�ำเร็จ ไม่บอกตนเองเป็นผู้วิเศษ ไม่อวด ในความส�ำเรจ็ ตนเองให้ใครต้องยดึ ไว้แบกไว้ เปน็ เพยี งผอู้ ธบิ ายความจรงิ ให้ผู้ อนื่ เข้าถงึ เนื้อหาธรรมชาติของคนๆ น้ัน ให้เปน็ ผรู้ ู้ตามธรรมชาตเิ ดมิ แทท้ ี่มอี ยู่ แลว้ ให้ผเู้ ดนิ ตามเปน็ ผ้รู ู้เฉพาะตนเอง จบการบรรยายในการช้ีและสะกิดเน้ือหาของธรรมชาติจาก ประสบการณ์ตนเองไว้เพียงเท่าน้ี เหตุแห่งธรรม ที่ตนเองเข้าถึง จึงเป็นผู้รู้ ตามธรรมชาติเดิมแท้ที่มีอยู่แล้ว ไม่มีใครเป็นเจ้าของ จึงเป็นผู้เดินตามท่ีรู้ ได้เฉพาะตนเอง 118
คู่มือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง บทสุดท้าย งมเข็ม เจอเข็ม ปล่อยเข็ม ที่มีเฉพาะตัว ประวตั ใิ นการเดนิ ทางของตนเอง ไดเ้ ขา้ ถงึ เหตแุ หง่ ธรรม ในธรรมชาติ ตนเองตอนเช้าตรู่ของวันที่ 13 เมษายน 2561 ช่วงเวลาประมาณ 5 นาฬิกา เกอื บถึง 6 นาฬกิ าของวนั นน้ั .. ช่วงเวลาเดินทาง 15 ปีกว่านั้น จากจุดเริ่มต้นจนถึงจุดสุดท้าย แต่ละ ชว่ งเวลาทไี่ ดเ้ ดนิ ทางสนกุ สดุ มนั สม์ าก ตอ้ งใชค้ วามทรหดอดทนมากมาย เพราะ ตนเองเรมิ่ ตน้ แบบไมม่ ขี อ้ มลู ใดเลย ไมเ่ ชอื่ ในเนอ้ื หาธรรมใดๆ เลยดว้ ย มลี บหลู่ ดูแคลนบ้างในความเช่ือ เพราะตอนนั้น ตนเองเช่ือในส่ิงที่มองเห็นด้วยตา มากกว่าความเช่ือในส่ิงท่ีลึกลับซับซ้อนที่มองด้วยตาไม่เห็น ตนเองต้องการ จะพสิ จู นค์ วามจรงิ จงึ ตอ้ งเขา้ ไปทดสอบ ทดลองของจรงิ วา่ คอื อะไรกนั แน่ หาก พูดตามภาษาชาวบ้านก็คือ “ชอบลองของ” ธรรมชาติจึงจัดเต็มให้ ในความ อยากรู้ อยากเห็นในธรรมชาติ ท่ตี นเองสงสยั เมอ่ื อยากลองของจริง กลา้ ท้าทายความจริงของธรรมชาติ กต็ อ้ งตาม เข้าไปพิสูจน์ในธรรมชาติความจริงทุกข้ันตอนให้ครบถ้วน จนกว่าจะพบเหตุ แหง่ ธรรมแท้จริงไดด้ ว้ ยตนเอง และไม่สงสัยกับตนเองในธรรมชาตอิ กี ธรรมชาตติ นเองไม่เกย่ี วกับเน้ือหาเรื่องราวในรปู ทรงรา่ งกาย แตเ่ ปน็ สง่ิ ท่อี าศยั อยู่ภายในรา่ งกายตนเอง ที่ไม่มรี ปู ทรง มองไมเ่ ห็นด้วยตาธรรมดา ใชค้ วามรสู้ กึ ภายในเปน็ ดวงตามองความรสู้ กึ จากภายในสภู่ ายในตนเอง ทไี่ มม่ ี คำ� อธบิ ายต้องอธิบายอะไร เพราะหากมีการอธิบายในส่ิงนั้นก็จะไม่ใช่สิ่งๆ นน้ั ทันที จงึ จบเร่ืองความรสู้ ึกสู่ความรู้สกึ ภายใน แคน่ ้ี 119
คมู่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง เรอ่ื งราวความลึกลบั ซบั ซอ้ นของธรรมชาตภิ ายในน้นั ช่างกวา้ งใหญ่ ไพศาลเสยี เหลอื เกนิ คาดคะเนเนอื้ ที่ไม่ได้ รู้สึกไดแ้ ต่แตะตอ้ งไม่ได้ ความรู้สกึ ในธรรมชาตทิ ไ่ี มต่ อ้ งสรา้ งตอ้ งทำ� ในธรรมชาตติ รงนน้ั ผเู้ ขยี นเคยมปี ระสบการณ์ รบั รู้ในวัยเด็ก แต่ก็ไม่เคยได้สนใจ จนมาถึงวัยได้ศึกษาเล่าเรียน ก็ยังไม่ได้ สนใจอีก มีความรู้สึกอะไรบางอย่างท่ีเหมือนตนเองเข้าถึงได้เองในความรู้สึก ตรงนน้ั การสรา้ งอารมณท์ ม่ี เี องตามธรรมชาตขิ องตนเอง สามารถรวมอารมณ์ เปน็ หนง่ึ ไดโ้ ดยธรรมชาติตนเองทมี่ ีมาตง้ั แตเ่ ดก็ แต่ตอนนน้ั กไ็ ม่รู้วา่ ส่ิงๆ นี้คือ อะไร มหี แู ว่วอย่บู ่อยๆ ทไ่ี ด้ยินเสียง เหมอื นมใี ครคอยบอกใหไ้ ด้ยินเรือ่ งราว ในตนเองขณะหนึ่งๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจ และในบางครั้งตอนวัยเรียนก็เกิดการ รวมอารมณ์ได้เองแบบธรรมชาติ มีความสุขในอารมณ์แบบนั้นเกินบรรยาย เคยมีประสบการณ์ความรู้สึกท่ีมีตนเองที่เล็กมากวิ่งเล่นอยู่ในร่างกายของ ตนเองที่ซ้อนความรู้สึกที่เกิดขึ้นเอง แต่ก็ไม่ได้สนใจกับเร่ืองราวแบบนั้นเลย ปลอ่ ยท้ิงไป ไม่เคยเก็บเร่อื งราวแบบน้ไี ว้เลย เปน็ ความรู้สกึ เหมอื นผา่ นมาให้ รับรโู้ ดยบังเอญิ รแู้ ลว้ กท็ ิ้งไป ความรสู้ กึ โดยภายในตนเองนน้ั เปรยี บเหมอื นมหาสมทุ รทมี่ คี วามลกึ มาก กวา้ งใหญม่ าก ไมม่ ขี อบเขต สง่ิ ทตี่ อ้ งคน้ หากไ็ มร่ วู้ า่ คอื อะไร แตต่ นเองใชเ้ รยี ก อปุ มา ขน้ึ คอื “เขม็ ” ในความรสู้ กึ ตรงนนั้ มขี นาดเลก็ มากๆ อกี เชน่ กนั ทไี่ มเ่ คย มใี ครไดเ้ หน็ ในรปู ทรงแทจ้ รงิ ของเขม็ วา่ มรี ปู รา่ งหนา้ ตาเปน็ อยา่ งไร มีขนาดเล็ก เท่าก้านไม้ขีดไฟแบง่ ออกเปน็ 4 ส่วน เขม็ นั้นเท่ากบั เศษหนงึ่ ส่วนสขี่ องไมข้ ดี ไฟเอง ถกู ทงิ้ ไวใ้ ตม้ หาสมทุ รทม่ี คี วามลกึ มาก กวา้ งใหญม่ าก อยสู่ ว่ นไหนกไ็ มม่ ี ใครเคยรู้ และไมม่ ใี ครสามารถบอกไดเ้ ลยในรปู ทรงทชี่ ดั เจน วา่ “เขม็ ” มรี ปู รา่ ง รปู ทรงอยา่ งไร เรยี กวา่ เหนอื่ ยมากทจ่ี ะตามหาเขม็ เลม่ นใี้ หเ้ จอ เพราะขอ้ มูลของ เขม็ กม็ คี ำ� กลา่ ว คำ� อา้ งลอยๆ ไวม้ ากมายในชอ่ื ตา่ งๆ แตก่ ไ็ มม่ ใี ครกลา้ ฟนั ธงวา่ รปู ทรงเปน็ อยา่ งไร จงึ เปน็ สง่ิ ทยี่ ากมากทใ่ี ครจะคน้ หาใหเ้ จอไดจ้ รงิ ๆ ตอ้ งมศี รทั ธา 120
คู่มือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง อยา่ งแรงกลา้ ไมก่ ลวั ความยากลำ� บากทจี่ ะตอ้ งคน้ หา เพราะโอกาสทจ่ี ะเจอเขม็ เล่มนี้น้ันแทบเปน็ ไปไมไ่ ดเ้ ลย ในความจรงิ ตรงนี้ เหมือนเอาชวี ิตไปทงิ้ เปลา่ ช่วงเริ่มต้นนั้น... ผู้เขียนได้เจอท่านผู้มีเมตตาท่านหนึ่ง สอนเร่ือง “ศรัทธา” ให้กับตนเอง “จงอยกู่ บั ศรัทธา และท�ำศรัทธาตนเองใหส้ ำ� เรจ็ อยา่ ปลอ่ ยใหศ้ รทั ธาตรงหนา้ ทเ่ี กดิ ขน้ึ นนั้ ผา่ นเลยไป เพราะหากปลอ่ ยศรทั ธาทเี่ กดิ ขนึ้ ตรงหนา้ ใหผ้ า่ นเลยไป เราจะไมม่ โี อกาสไดท้ ำ� ศรทั ธาในเรอ่ื งราวตรงนไ้ี ดอ้ กี ” ผู้เขียนจดจ�ำไว้และน�ำมาใช้กับตนเองตลอดเวลา ในค�ำสอนท่ีท่านผู้มีเมตตา สอนไวเ้ รอื่ งศรทั ธาตรงนี้ จงึ ไมเ่ คยปลอ่ ยใหศ้ รทั ธาทเ่ี กดิ ในความรสู้ กึ ทรี่ สู้ กึ ขน้ึ ในขณะน้ันผ่านเลยไป หากเกิดศรัทธาขึ้นในใจเม่ือไร ก็ต้องลงมือลงแรงท�ำ ทันทีเลย และท่านผู้มีความเมตตาท่านนี้ ก็ยังมีความเก่งด้านอื่นๆ อีกมาก โดยเฉพาะด้านพระไตรปิฎก ก็รู้สึกแปลกๆ ใจอยู่ ท่ีในเวลาน้ันได้เรียนวิชา แบบน้ี จึงท�ำให้ตนเองได้เรียนรู้ซึมซับกับต�ำรากับพระไตรปิฎกเป็นของแถม มาด้วย กน็ ับวา่ โชคดี ทีไ่ ด้อะไรๆ มาแบบทไี่ ม่เคยนึกว่าจะได้ฟรีๆ แบบน้ี “เกิดศรทั ธาท่ีเกิดข้ึนในใจ อยากรคู้ วามจริงในธรรมชาตติ นเอง” คือ จดุ เรม่ิ ตน้ ของผเู้ ขยี น ทที่ า่ นผมู้ เี มตตาสอนให้ เมอื่ ศรทั ธาเกดิ ขนึ้ จงึ ทำ� ตามกำ� ลงั ใจในศรทั ธาตรงนนั้ ทนั ที แตต่ อนนนั้ ไมม่ ขี อ้ มลู วา่ ความจรงิ ของธรรมชาตติ นเอง คอื อะไร กค็ น้ หาแสวงหาในเรอ่ื งราวตา่ งๆ ไปแบบคนโงท่ ศ่ี รทั ธาตนเอง เปรยี บ เหมอื น “งมเขม็ ” ในมหาสมทุ รภายในตนเองทม่ี คี วามลกึ มาก กวา้ งใหญไ่ พศาล มาก ไม่รู้ในเน้ือที่ขอบเขตของมหาสมุทรภายในตรงนั้นว่ามีจุดเร่ิมต้นเป็นมา อย่างไร จะต้องเริ่มจากจุดไหนก่อน-หลัง แหวกว่ายวนเวียนอยู่ในมหาสมุทร ตนเอง เควง้ คว้าง มองไม่เหน็ จุดหมายความส�ำเรจ็ ตนเองเลย หาท่ีเกาะทยี่ ดึ ทีแ่ ทจ้ รงิ ไม่เจอ เหมอื นจะหมดแรงหมดกำ� ลงั กับเร่อื งราวในศรัทธาท่มี ีความ อยากของตนเองไปเลยในความจริงของธรรมชาตเิ ดมิ แทท้ ี่ตนเองตอ้ งการ แต่ กไ็ มล่ ดละในความพยายามของตนเอง ท่ีตอ้ งรักษาศรัทธากบั ตนเองไว้ ถงึ แม้ 121
คู่มือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง ตนเองจะตอ้ งพบอปุ สรรคปญั หานานปั การอยทู่ กุ ขณะนน้ั ทตี่ อ้ งโดนธรรมชาติ ในความรู้สึกทดสอบแรงๆ บบี คั้นสารพดั อย่าง ปิดก้นั ขัดขวางอยู่ตลอดเวลา ในเส้นทางทตี่ นเองเดินทาง มที ัง้ เรื่องการงาน การเงิน การใช้ชวี ิตครอบครัว เร่ืองราวต่างๆ ในเรื่องโลกๆ ที่ประดัง ถาโถมกันเข้ามา รุมสกรัมตนเองจน สะบกั สะบอม หากใช้ภาษาโลกๆ คงบอกวา่ เละเป็นโจก๊ เลยในตอนนน้ั มอง ไมเ่ ห็นเมล็ดขา้ ว มีแตน่ ำ�้ ขา้ วข้นๆ แบบนั้น ธรรมชาติทมี่ าทดสอบตรงนั้น ไม่ ยอมปลอ่ ยให้ผ้เู ขียนได้แจ้งเกิด บบี ค้ันใหท้ กุ ขท์ รมานในความร้สู กึ อยแู่ บบนั้น วดั กำ� ลงั ใจกันแบบสุดๆ ไม่ยอมปลอ่ ยให้เขา้ ถงึ ธรรมชาติภายในตนเองไดเ้ ลย ตนเองตอ้ งมคี วามอดทนอยา่ งมากกบั เรือ่ งราวตา่ งๆ ทก่ี ลา่ วมานน้ั อยถู่ ึง 5 ปี กวา่ จะผ่านด่านสดุ โหดมาไดก้ ับศรัทธาตนเองท่ีเรม่ิ ตน้ ไวค้ รัง้ แรก แต่การเดิน ทางในช่วงนนั้ ก็ไดค้ วามรูเ้ พ่มิ ขึ้น เป็นของแถมติดตัวมา ในสัจจะ ความเพียร ความอดทน อดทนกับแรงบีบคน้ั ตา่ งๆ ทถี่ าโถมกนั เข้ามาทดสอบพร้อมๆ กัน จนชนิ ชากบั แรงบบี คนั้ ของธรรมชาตไิ ปเลย ไมส่ ะทกสะทา้ นในความยากลำ� บาก ท�ำให้ความรู้สึกว่าตนเองกล้าแกร่งไม่ไหวหวั่นต่อบททดสอบที่จะมีตามมาใน ธรรมชาติ แน่วแน่วา่ จะต้องท�ำศรัทธาให้ส�ำเรจ็ จนได้ ชว่ งเวลาทผ่ี า่ นมาใน เร่ืองราวตรงน้ัน ก็ไดเ้ รยี นรู้วชิ าความรูต้ ิดตวั มาหลายอย่าง ท้ังเรอื่ งตำ� ราพระ ไตรปฎิ ก เรอ่ื งศรัทธาทีแ่ ท้จรงิ ในตนเอง และได้เขา้ ถงึ ความลึกลับซบั ซอ้ นใน ธรรมชาตทิ ่ีรูส้ กึ ได้ในภายในตนเอง เกิดความอยาก มีความรู้สึกในความอยากเกิดข้ึนอีกในใจตนเองอีก อยากจะรูล้ ึกใหล้ งไปอกี ในความรู้ตนเองท่มี ีอยู่ภายในความรู้สึกทีซ่ บั ซ้อนตรง น้ันเพม่ิ ขนึ้ อกี จงึ ต้องแสวงหาเพมิ่ เติม การแสวงหาในตอนนัน้ ก็ยงั ไมเ่ ข้าใจใน ความเช่ือ แต่ต้องเช่ือตามๆ คนอ่ืนไปก่อน เช่ือเร่ืองปัญญา ในตอนน้ันคิดว่า จะแก้ไขได้ในความอยากมี อยากรู้ของตนเอง แตก่ ไ็ ม่รู้วา่ ปัญญาแท้จริงคือ 122
คู่มอื บรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง เรื่องราวอะไร? ท่ีตนเองอยากมีอยากรู้ แค่อยากเข้าใจไว้ก่อนกับความเชื่อ ต่างๆ ตรงน้ี จงึ ดน้ิ รนผลกั ดนั ตนเองเข้าไปสู่ในเร่อื งราวทีม่ ี ต่อไปอีก เขา้ สชู่ ว่ งทสี่ อง เจอเขม็ (ทไี่ มใ่ ชเ่ ขม็ ) ไดพ้ บผรู้ เู้ รอื่ งราว สอนเรอื่ งปญั ญา การดน้ิ รนทีต่ นเองมีความอยาก เหมอื นมาติดกบั ดกั ธรรมชาตติ นเองในความ อยากตรงน้ีทันที ที่อยากมี อยากรู้เรื่องปัญญา เมื่อตนเองอยากมี อยากรู้ ก็ ตอ้ งอดทน นบั ว่าตอ้ งใช้ความอดทนเป็นอย่างมากเพอื่ รักษาสจั จะตนเอง กับ การแสวงหาในเรือ่ งราวตรงที่น้ีนานทส่ี ุด วันแรกที่ได้พบผู้รู้เรื่องราวนั้น ตนเองก็ทิ้งความจ�ำตามธรรมชาติได้ เองเลย แตต่ อนนนั้ ไมร่ วู้ า่ มนั คอื เรอื่ งราวอะไร ในความรสู้ กึ ทเ่ี ปน็ ในขณะนน้ั เสยี ด้วยซ�ำ้ กต็ กใจในความร้สู กึ ท่ีเป็นตรงนน้ั ไปเลย ปลอ่ ยผา่ นเลยไป บททดสอบ ในธรรมชาติภายในตนเองน้ัน เหมอื นตอ้ งการใหต้ นเองไดม้ าเรยี นมารซู้ มึ ซบั ใน เรอ่ื งราวตา่ งๆ ทต่ี อ้ งศกึ ษาใหค้ รบถว้ นในทกุ ๆ ดา้ นของธรรมชาตทิ ม่ี ี เพอื่ ใหเ้ หน็ ความจรงิ ในธรรมชาตโิ ดยรอบ และเหน็ ในความจรงิ ในธรรมชาตติ นเอง ความ รสู้ ึกทต่ี อ้ งแบกกบั เรอื่ งปญั ญาตามความเชอ่ื ทอี่ ยากมอี ยากรนู้ น้ั ยงิ่ รมู้ ากเทา่ ไร กเ็ กดิ ทะนงตวั มากเทา่ นนั้ เกดิ การเหน็ ผดิ ในเรอื่ งราวตนเอง หลงใหลและยอมรบั กบั เนอื้ หาของผรู้ เู้ รอื่ งราวไปเลย แตไ่ มร่ สู้ กึ ตวั เองเลยวา่ ปญั ญาในความเชอ่ื ยงิ่ รมู้ ากเทา่ ไรในความเชอ่ื กย็ ง่ิ อดึ อดั ในความรสู้ กึ ตรงนน้ั มใี หส้ งสยั ตนเองอยแู่ บบนน้ั ไมห่ มดเรอื่ งราวตนเองเสยี ที ยง่ิ มปี ญั ญาในความเชอื่ อยกู่ บั ตนเองนานๆ เหมอื น วา่ จะหมดสงสยั ในเนอื้ หาของปญั ญาในความเชอ่ื ทย่ี ดึ ไวแ้ บกไว้ ตนเองกย็ งิ่ โดน บบี ค้นั กบั ความมใี นเร่อื งราวตรงน้นั หาทางออกให้ตนเองไมไ่ ด้ จนบางคนใน กลุ่มที่อยู่ร่วมกันตอนนั้นบ้างก็คิดว่าหมดสงสัยในปัญญาความเชื่อแล้วก็มี เกดิ ความทะนงตวั ขน้ึ ไมส่ ามารถพดู คยุ กนั ไดแ้ บบธรรมดาอกี เพราะเหมอื นทกุ คนในกลมุ่ พบเขม็ เจอเขม็ เปน็ ของตนเองแลว้ หากจะพดู จะคยุ กอ็ วดกโ็ ชวเ์ ขม็ ทเ่ี จอตรงนนั้ เสยี มากกวา่ การพบกนั เจอกนั ในแตล่ ะครง้ั ของคนในกลมุ่ ในตอนนนั้ 123
คู่มอื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง เหมือนทุกคนมีความเก่งกาจในด้านปัญญาเหมือนๆ กันหมดแทบไม่ต้องมา นัง่ คุยกนั เลย ฉลาดเทา่ กนั หมด เจอหน้ากแ็ ค่ย้ิมเกบ็ อารมณค์ วามร้สู กึ ทะนง ตัวตนไว้ภายใน แตโ่ ดยส่วนลึกแล้วทุกๆ คนในกลุม่ ท่ตี นเองเคยอยดู่ ว้ ยนัน้ ยงั เชอ่ื ยงั มีความกงั วลใจในความเชือ่ เรอ่ื งปัญญา และมคี วามทะนงตวั ตนตรงนน้ั อยู่มาก แตไ่ มม่ ใี ครกล้าพูดกลา้ เอ่ยออกมากอ่ น เพราะมคี วามกลวั และกังวล ใจกับผรู้ เู้ รือ่ งราวท่มี าสอน ทีท่ ั้งสอนทง้ั ขู่ ใหห้ ลงตดิ ในความเช่ือเร่ืองปญั ญา และในความมตี วั ตนในเรอ่ื งราวของผู้สอน วางกับดกั ใหผ้ ู้ทีเ่ ดนิ ตามหลงทาง ส�ำหรับเร่ืองราวตนเองตรงน้ัน ที่เดินทางผ่านมาก็เป็นประสบการณ์ แปลกๆ ทกี่ ค็ ดิ เอาเองเชน่ กนั วา่ “ตนเองมปี ญั ญาในความเชอ่ื แบบน้นั มากแล้ว มคี วามเขา้ ใจมาก มคี วามรมู้ ากแลว้ พรอ้ มจะหมดสงสยั ไดเ้ องแลว้ ” นเ่ี ปน็ ความ ทะนงตนเองแบบเลวๆ ในตอนนนั้ ความหลงครอบงำ� ใหเ้ ชอ่ื จนไหลไปกบั ความ เช่ือเร่ืองปัญญาที่ตนเองคิดเอาเอง ม่ันใจตนเองมาก พร้อมตายได้ทุกขณะ เชอื่ วา่ ตายเมอื่ ไหรก่ ไ็ ปนพิ พานแน่ นเี่ ปน็ ความเลวทจี่ ดจำ� ไวท้ เี่ ลวมากกบั ตนเอง ธรรมชาตเิ ดมิ แทจ้ งึ มาทดสอบกำ� ลงั ใจเลวๆ ทต่ี นเองแบกมาแตไ่ มร่ สู้ กึ ตนเอง ครงั้ หน่งึ ท่ีธรรมชาตเิ ขา้ มาทดสอบก�ำลงั ใจตอนนอนหลบั คิดวา่ ตนเอง มีปัญญาจริงหรือมีปัญญาเทียม ในความรู้สึกขณะท่ีนอนอยู่นั้นรู้สึกว่าตนเอง ตายแล้วเห็นร่างกายตนเองนอนอยู่ แต่มีอีกร่างหน่ึงทเี่ ป็นตนเองออกมายืนดู รา่ งทน่ี อนอยู่ เกดิ ความรสู้ กึ ตกใจ ในสง่ิ ทตี่ นเองเหน็ ทนั ที ทร่ี สู้ กึ เหน็ รา่ งตนเอง นอนแนน่ งิ่ อยู่ตรงนน้ั เกิดความกงั วลใจขน้ึ เองเลย “อา้ ว..ตายแลว้ หรอื เรา ยัง ไมไ่ ดบ้ อกใครเลย งานทท่ี ำ� ไวอ้ ยยู่ งั ทำ� คา้ งไว้ ทำ� ยงั ไมส่ ำ� เสรจ็ เลย ทรพั ยส์ มบตั ิที่ มียังไมไ่ ดแ้ บง่ ใหค้ นในครอบครัวเลย เรือ่ งราวสารพัดทมี่ นี ั้นพรง่ั พรอู อกมาใน ความรสู้ กึ ทต่ี นเองแบบไมร่ สู้ กึ ตวั เลย” เปน็ ปญั ญาเทยี มทเ่ี คยเชอ่ื มน่ั ไวม้ าก เคย เข้าใจมาก กับช่วยตนเองไม่ได้เลยในเรื่องราวความตายตรงนั้น จนธรรมชาติ ผลักตนเองกลับมาเขา้ ร่างใหม่ในตอนน้ัน บอกว่า..ยังไม่ผ่านในเรือ่ งราวตรงนี้ 124
คมู่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง ธรรมชาติกลับมาทดสอบอีกครั้งในความตาย แต่ครั้งนี้ตนเองพร้อม ตายแล้วเพราะได้ประสบการณ์จากคร้ังแรกมีความมั่นใจมากข้ึนในตนเองไม่ กังวลกบั เน้อื หาเรอ่ื งราวแบบครัง้ แรกแนน่ อน ความรสู้ ึกเกิดอาการเหมือนกับ คร้งั แรกอกี แตค่ รั้งนี้ออกจากรา่ งกายทน่ี อนอยู่ เจอแต่ความมืดสนทิ ในความ รสู้ กึ ตนเองตรงนน้ั มนั มดื จนมองไมเ่ หน็ อะไรเลยแตร่ สู้ กึ ได้ กง็ งอกี ออกไปแบบ งงๆ เดนิ ทางตอ่ ไม่เป็นเลย เอะใจในความรู้สกึ ตนเองกบั ความเชือ่ ความหลง เรอื่ งปญั ญาเลวๆ ของตนเองขน้ึ มา จนธรรมชาตผิ ลกั ตนเองกลบั เขา้ รา่ งอกี ครง้ั บอกว่า...ยังใชไ้ มไ่ ด้ และยงั ไมถ่ ึงเวลาทจ่ี ะตาย ! เรอื่ งราวภายในตนเองทล่ี กึ ซงึ้ กวา้ งใหญไ่ พศาล เปรยี บเหมอื นมหาสมทุ ร ที่ไม่มีขอบเขตน้ัน ปัญญาในความเชื่อก็เปรียบเหมือนน้�ำและเรื่องราวภายใต้ ในมหาสมุทรท่ีมเี รื่องราวมากมหาศาลเช่นกัน เขม็ ทจี่ มอย่ใู ตม้ หาสมทุ รที่ต้อง ค้นหานน้ั เหมอื นตอ้ งวดิ น�ำ้ จากมหาสมทุ รให้เหือดแหง้ โดยใช้เคร่ืองสบู น้�ำทม่ี ี ขนาดใหญ่มากหลายเคร่ืองช่วยกนั สบู พร้อมกัน สว่ นภายในตนเองกม็ ีพ้ืนดนิ มากพอทจ่ี ะเกบ็ กักนำ้� ในมหาสมทุ รทว่ี ิดออกไปขงั ไว้บนพืน้ ดนิ ได้ด้วย ตอ้ งใช้ ความอดทนและความเพียรมาก ท่ตี ้องการตามหาเข็มใต้มหาสมุทรใหเ้ จอ ถึง แม้จะวิดน�้ำจนเหือดแห้งแล้วในมหาสมุทรนั้น ก็ยังพบอุปสรรคที่ต้องก�ำจัด อกี คอื เรอ่ื งภายใตพ้ ้ืนมหาสมทุ ร มีปะการงั โขดหิน และสง่ิ ทบี่ ดบังทม่ี อี ยูภ่ าย ใต้พ้นื มหาสมทุ รท่ีมมี ากมายทต่ี ้องกำ� จดั ออกไป เพ่ือค้นหาเขม็ แทจ้ รงิ ใหเ้ จอ โอกาสจะเจอเข็มแท้จริงน้ันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะเวลาย่ิงผ่านมานานเท่าไร ใต้มหาสมุทรน้ันก็จะกลายเป็นพื้นดินอีก เกิดมีวัชพืชปกคลุมขึ้นใหม่เติบโต เปน็ ต้นไม้ เปน็ ป่าทึบแทนทอ่ี ีก ตนเองตอ้ งใชค้ วามอดทนมากจริงๆ กวา่ จะ ผ่านเร่ืองราวตรงน้ีที่ต้องตามหาเข็มให้เจอ ไม่ใช่สิ่งท่ีทุกคนจะมีโอกาสได้เจอ ความจรงิ ในธรรมชาตขิ องตนเอง 125
คูม่ อื บรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง เขม็ กไ็ ม่บอกวา่ เปน็ เข็ม เข็มคืออะไรตนเองกไ็ มร่ ู้ เหมือนความเช่อื ใน ปญั ญา ทไ่ี มร่ วู้ า่ ปญั ญาคอื อะไรหรอื เปน็ อะไรเชน่ กนั ความหลงใหลของตนเองท่ี ไลจ่ บั ความเชอื่ ทไี่ มร่ วู้ า่ เชอ่ื อะไรอยู่ โดยทไี่ มร่ สู้ กึ ตนเองไดเ้ ลย กลบั โดนครอบงำ� ในความเชอ่ื เรอื่ งปญั ญาจนไหลไปสเู่ รอ่ื งราวในความจำ� ทต่ี นเองเคยจำ� ไว้ คดิ เอา เองวา่ เขา้ ใจเข้าถึงจริงๆ ในเร่อื งปัญญา จงึ ตดิ แน่นในสภาวะตรงนี้ ตดิ หนบึ อยู่ นานมากที่สุดกับผู้รู้เร่ืองราวท่ีสอนตรงน้ี เพราะความไม่รู้แจ้ง ท่ีมีพยายาม เล่นอยู่ในความอยาก อยากมี อยากได้ อยากเป็น และอยากเป็นผรู้ ู้ เกดิ หนา้ มืดตามวั ในความรสู้ ึกตนเอง ที่พยายามตามดู ตามรเู้ รื่องราวผูอ้ ่นื อยแู่ บบนน้ั เหมอื นตามรู้ในส่ิงต่างๆ ท่มี ีเรอ่ื งราวมากมายในมหาสมุทรทก่ี วา้ งใหญ่ตรงน้นั ตอนนั้นตนเองกย็ ังเขา้ ไม่ถงึ เรือ่ งความจำ� ของตนเอง ส่งิ ทีร่ ้แู บบจดจำ� ต่างๆ ก็ เหมอื นเปน็ สง่ิ ทตี่ นเองเขยี นทบั ความจำ� ตนเองตลอดเวลา เรยี กไดว้ า่ ตดิ กบั ดกั ในธรรมชาตติ นเอง สดุ ทา้ ยจงึ ตอ้ งผลกั ดนั ใหต้ นเองออกมาจากผรู้ เู้ รอ่ื งราวตรง นน้ั กลับมาเป็นอสิ ระใหม่และเรมิ่ ตน้ ใหม่กบั ตนเอง แตถ่ งึ อยา่ งไรก็ยงั รักษา สัจจะตนเองไว้ได้ ท่ีอยากมี ปัญญา แต่เป็นปัญญาเทียม ไม่ใช่ปัญญาท่ีเป็น ธรรมชาติตนเอง ชว่ งสดุ ทา้ ย ไดพ้ บผรู้ เู้ รอ่ื งราวเปน็ ปจั เจกบคุ คล สอน “ใหค้ น้ หาตนเอง” ก็ไม่เคยคิดว่าตนเองจะเข้าใจธรรมชาติของตนได้รวดเร็วขนาดน้ัน เพียงใช้ เวลาทีส่ นั้ มากเพียงประมาณ 4 เดอื น ความเคว้งคว้างท่ีผลักดันตนเองออกมาตามจากผู้รู้เรื่องราวในความ เชือ่ เร่ืองปัญญา ว่างเวน้ ไปประมาณเกอื บหนึ่งเดอื น ก็แปลกๆ ดีทธี่ รรมชาติ จัดสรรให้ได้มาเจอผู้รู้เร่ืองราวท่ีมาสอน ให้ค้นหาตนเอง อีกครั้ง ชีวิตมีแต่ ธรรมชาติเก้ือกูลให้จริงๆ จากเร่ิมต้นถึงจุดสูงสุด ล้วนได้รับโอกาสต่างๆ จาก ธรรมชาติรอบตัวท่ีมอบให้ จากจุดเร่ิมต้นท่ีอยากจะ ลองของ จนกลายเป็น เรอ่ื งราวต่างๆ ทตี่ ้องคน้ หา แสวงหา ใหถ้ งึ จุดจบในเรอื่ งราวธรรมชาตติ นเอง 126
ค่มู ือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง เมอ่ื การเดินทางตามหา เข็ม น้ันยังไม่พบเข็มด้วยตนเอง ก็ต้องค้นหาตนเอง หาตนเองใหเ้ จอกเ็ จอเข็มที่เป็นความจริงในธรรมชาติตนเอง การค้นหา เข็ม ในธรรมชาติตนเอง แท้จริงแล้วคือความรู้สึกภายใน ท่ีรู้สึกในขณะหน่ึงๆ ท่ีตนเองรู้สึกเท่าน้ันเอง แต่ในการเดินทางในช่วงเวลา เริ่มตน้ และช่วงกลางๆ ยังไมเ่ ข้าใจในสง่ิ ๆ นี้ ว่าคือเรอ่ื งราวอะไรตามธรรมชาติ ตนเอง จงึ เดนิ ทางตามความเชอ่ื แบบทเี่ คยเชอ่ื ไว้ เปรยี บเหมอื นเขม็ ทตี่ ามหาอยู่ จึงสร้างกับดักให้ตนเองหลงเล่นอยู่ในความจ�ำ ที่นึกคิดเอาเองตามเรื่องราว ผู้อื่นๆ ช่วงเวลาท่ีคาบเกี่ยวกันระหว่างท่ีพบเข็มและท้ิงเข็มลงได้นั้น ส�ำหรับ ความรู้สึกตนเองท่ีเดินทางเหมือนซ้อนกันเองในความเชื่อกับความจริงในทุก ขณะของความรู้สึกภายในตรงนนั้ มธี รรมชาติภายในตนเองที่คอยมาทดสอบ กำ� ลงั ใจตนเองอยตู่ ลอดเวลาในชว่ งเวลาตรงน้ี แรกๆ กม็ หี ลงไปบา้ งเปน็ ธรรมดา จนชินชากับแรงบีบคั้นของธรรมชาติแล้ว ไม่สะทกสะท้านในเรื่องราวที่พบท่ี เจอให้เกิดความกังวลใดๆ อีกในความรู้สึกภายในตนเอง ความกล้าแกร่งไม่ หว่ันไหวที่ถูกหล่อหลอมไว้ เกิดความรู้ขึ้นเองจากภายในของตนนั้นมีความ ชัดเจนขึน้ มาก เกิดข้ึนเองต่อบททดสอบต่างๆ ทธี่ รรมชาติตอ้ งการทดสอบ ไดเ้ ดินทางเขา้ ไปเหน็ เรือ่ งราวในภายในท่ีลึกซึ้งมาก เหมือนได้พบเข็ม แท้จรงิ ท่ีไมใ่ ช่เข็มตามท่เี คยเข้าใจไว้ ทม่ี ภี ายใตม้ หาสมทุ รทีก่ วา้ งใหญภ่ ายใน ตนเองตอนนัน้ จงึ ไดเ้ ข้าใจ “ตน้ เหตแุ ห่งธรรม” คือความจ�ำท่ีบันทึกเขียนทับ ความรสู้ กึ ของตนเองตลอดเวลาตงั้ แตเ่ กดิ จนถงึ ปจั จบุ นั ตนเอง เปน็ ประสบการณ์ ความจรงิ ของตนเองทไ่ี มต่ อ้ งใชค้ วามเชอ่ื ใดๆ มาครอบความรสู้ กึ ตรงนอ้ี กี แลว้ สิ่งตา่ งๆ ทเี่ คยแบกไวใ้ นความเชอ่ื ท่ีจดจำ� มา จงึ ถูกถอดถอนลงจากความจรงิ ในความรสู้ กึ ภายในตนเองทค่ี อ่ ยๆ ประจกั ษแ์ จง้ ทลี ะเลก็ ทลี ะนอ้ ยในการค้นหา ตนเองในธรรมชาตทิ ่ีมใี นความรสู้ กึ ขณะนน้ั เหน็ ในสง่ิ ที่หมุนวนตามธรรมชาติ ความจรงิ ในมหาสมทุ รทม่ี อี ยภู่ ายในตนเอง เขา้ ใจความจรงิ ในการเกดิ ดบั ตาม 127
คมู่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง ธรรมชาตทิ ่ไี มม่ ีใครเคยเป็นเจ้าของ ความรูส้ กึ จงึ ยอ้ นทวนลงไปในชว่ งเวลาท่ี ตามหาเขม็ ในอดตี กลบั มาใหมอ่ ีกคร้งั แต่ครง้ั นคี้ วามรู้สึกภายในนั้นมีกำ� ลงั ใจ ท่กี ลา้ แกร่งมากข้ึน มคี วามรทู้ ปี่ ระจักษแ์ จ้งในความจรงิ ท่ีเป็นธรรมชาติเดิม แทม้ ากขน้ึ เหน็ ถึงความอยากมี อยากเปน็ อยากรู้ ท่ขี วางความจรงิ ตนเองไว้ ในตอนน้ัน ที่สร้างกำ� แพงปดิ ก้นั ความจริงตา่ งๆ ของตนเองตลอดมา ช่วงท่ี งมเข็ม พบเข็ม ในอดีต ของตนเองนน้ั เหมือนความโง่สุดๆ ของ ตนเอง ท่ีคิดเอาเองว่าต้องสูบข้ึนน�้ำมาจากมหาสมุทรภายในตนเองท่ีมีมาก มหาศาลให้เหือดแห้งก่อนโดยเก็บกักไว้บนพ้ืนดินท่ีมีมากภายในตนเองด้วย จึงจะพบเขม็ ได้ แต่กไ็ มร่ วู้ า่ เขม็ นน้ั แทจ้ รงิ มรี ูปรา่ งรูปทรงอย่างไร แตเ่ ม่ือเดนิ ทางมาจนถึงท่ีสุดในการค้นหาตนเองจนเจอ เหตุแห่งธรรม เร่ืองความโง่เง่า ตรงนก้ี ไ็ มไ่ ดส้ ญู เปลา่ ไปไหน กลบั เพม่ิ ความเขา้ ใจใหก้ บั ตนเองมากขน้ึ เหน็ ความ จริงที่หมุนวนในความจริงของตนเอง ท่ีเคยเช่ือไว้แบบน้ัน ที่ขวางทางตนเอง มาตลอดการเดินทาง เมื่อเจอความจริงท่ีเป็นธรรมชาติตนเองแท้จริง จึงใช้ ความรู้สึกกลับไปใหม่ในความรู้สึกตรงนั้น ใช้ความรู้สึกภายในตนเองท�ำลาย ก�ำแพงบนพนื้ ดินลง ทเ่ี ป็นเครื่องกนั้ ขวางนำ้� ในมหาสมทุ รตรงนั้นไว้ลง ปลอ่ ย ให้น�้ำนั้นไหลลงคืนสู่มหาสมุทรตามเร่ืองราวเดิมที่เคยเป็น แต่สภาพภายใต้ มหาสมทุ รทเี่ หอื ดแหง้ มานานจากนำ้� ทต่ี นเองสบู ขน้ึ มา กเ็ ปลย่ี นไปแลว้ เชน่ กนั ในความรสู้ กึ ภายในตรงนน้ั เกดิ มวี ชั พชื ปลกคลมุ ขน้ึ มาจนเตบิ โตกลายเปน็ ตน้ ใหญ่ มภี เู ขา ลำ� ธาร มเี รอ่ื งราวใหมๆ่ เกดิ ขน้ึ ตามมาภายใตม้ หาสมทุ รทเี่ หอื ดแหง้ จากน้�ำตรงนัน้ อกี สิ่งต่างๆ ท่ีเคยเปล่ียนแปลงเน้ือหาในธรรมชาติภายในตนเองตรงน้ี ตนเองจึงได้เข้าใจประจักษ์แจ้งแท้จริงเร่ืองการเกิดดับ ท่ีมีอยู่ภายในตนเอง ตลอดเวลา ทม่ี เี รอื่ งราวหมนุ เวยี นอยแู่ บบนนั้ และเรอื่ งราวตา่ งๆ ตรงนน้ั ตนเองก็ ไมเ่ คยเปน็ เจา้ ของใดๆ เลย ถงึ แมว้ า่ จะปลอ่ ยนำ�้ ใหก้ ลบั คนื สธู่ รรมชาตทิ เี่ คยเปน็ 128
คูม่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง มหาสมทุ รทมี่ อี ยภู่ ายในตนเองตรงนน้ั นำ้� ทไ่ี หลทว่ มลงไปใตพ้ น้ื มหาสมทุ รเดมิ ก็เกิดเรื่องราวใหม่อีกขึ้นมาแทนท่ีอีก ส่วนพื้นดินท่ีชุ่มด้วยน�้ำ พอไม่มีน้�ำก็ เหอื ดแหง้ ลงเกดิ เรอื่ งราวใหมเ่ ชน่ กนั เปน็ ธรรมชาตทิ หี่ มนุ วนในธรรมชาตติ นเอง อยู่แบบนน้ั ไมม่ ใี ครเป็นเจา้ ของแท้จรงิ ในธรรมชาตทิ ่มี ีภายในตนเองเลย เขม็ ทเี่ คยยดึ มนั่ ถงึ ครองไวก้ ไ็ มเ่ คยเจอ ไมเ่ คยมี ไมต่ อ้ งแสวงหา แทจ้ รงิ เป็นเรอื่ งราวธรรมชาติภายในตนเองทีม่ ี ทีเ่ ป็น และหมนุ วนอยู่แบบท่รี ู้สกึ เป็น ธรรมชาตติ นเองตลอดเวลา ตนเองจงึ ประจกั ษใ์ นธรรมชาตภิ ายในตนเองทคี่ น้ หา มานาน แทจ้ รงิ ไมต่ อ้ งคน้ หาอะไรเลย มตี นเองแบบทม่ี แี บบทเี่ ปน็ ตามธรรมชาติ ภายในอยู่อย่างน้ัน มีอิสระในตนเอง ท่ีไม่ต้องแสวงหาใดๆ ไม่เข้าไปตามดู ตามรอู้ ะไร หรอื ตอ้ งสรา้ ง ตอ้ งทำ� ใหเ้ กดิ มเี รอื่ งราวใดๆ อกี ในเนอื้ หาภายในตนเอง ตรงนน้ั คอื เหตแุ หง่ ธรรม เปน็ ธรรมชาตทิ ไ่ี มม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของ ไมม่ ใี ครไดค้ รอบ ครองใดๆ ตา่ งพงึ่ พาอาศยั เรอื่ งราวภายในทม่ี รี ว่ มกนั เทา่ นนั้ ตนเองจงึ ไดถ้ อดถอน ความอยากทั้งหลายออก ปล่อยความอยากท้ังหลายกลับคนื สธู่ รรมชาติความ จรงิ ตรงนน้ั ไมต่ อ้ งเปลย่ี นแปลงอะไรในมหาสมทุ รภายในตนเองใหเ้ กดิ เรอ่ื งราว ใหม่อกี อยกู่ บั ความจริงทีร่ ู้สกึ ตรงน้ันและดูผา่ น รู้ผา่ น ไมเ่ ขา้ ไปแตะต้องใดๆ กับเน้ือหาเร่ืองราวภายในอีก จึงไม่มีผลใดๆ ในความรู้สึกภายในให้ตาม แสวงหาอกี หมดไมม่ เี รอื่ งราวใดๆ ใหต้ อ้ งรู้ และตอ้ งเขา้ ใจในเรอ่ื งภายในตนเอง เมอ่ื ผลไมม่ ีในเรือ่ งราวของความรสู้ กึ ภายในตนเองแลว้ เหตแุ หง่ ธรรม จงึ ไมม่ ี เรอื่ งราวในเหตเุ ชน่ กนั เหมอื นทกุ สงิ่ ในธรรมชาตอิ ยรู่ ว่ มกนั มอี สิ ระรว่ มกันของ ใครของมนั กลมกลนื กันในความรู้สึกทรี่ สู้ กึ ตรงน้ันไปเลย เข็ม จงึ ไมใ่ ช่ เขม็ ท่ี ต้องมี ที่ต้องครอบครองอีก เหมือนลบร่องรอยในการตามหาตนเองทิ้งไป เพราะไม่มตี นเองใหค้ ้นหา มีแตธ่ รรมชาตเิ ดมิ แท้ เทา่ นั้นที่เปน็ อิสระในตนเอง …โชคด.ี ..% 129
“ การค้นหาตนเองคือการถอดถอนความเชื่อที่เคยเชื่อไว้ลงก่อน แล้วมาดูความจริงที่เป็นธรรมชาติเดิมแท้ของตนเอง ธรรมก็คือธรรมชาติที่มีอยู่ร่วมกันทั้งภายในและภายนอก เป็นธรรมชาติที่มีอิสระพึ่งพาอาศัยกันในความเป็นอยู่ ตนเองเป็นเพียงผู้อาศัยที่อาศัยธรรมชาติในการเดินทาง กลับไปสู่อิสระที่เป็นเดิมแท้ของตนเอง อิสระเดิมแท้จึงเปรียบเหมือนเลขศูนย์ คือไม่มีเรื่องราว แต่เพราะมีความจำ�ที่ยังจำ�อยู่คือ เลขหนึ่ง ที่บันทึกเรื่องราวไว้ จึงมีความเข้าใจรวดเร็วกับธรรมชาติที่ปรุงแต่งคือ เลขสอง มีความคิดสวมทับเรื่องราวที่เข้าใจจึงมีเนื้อหาในตนเองคือ เลขสาม อิสระตนเองจึงโดนสภาวธรรม เลขสอง และ เลขสาม ครอบไว้ ให้หมุนวนอยู่ในผลแห่งกรรมที่มีเรื่องราวอยู่ตลอดเวลา จึงมองไม่เห็นต้นเหตุแห่งธรรมแท้จริงคือ เลขหนึ่ง ที่บันทึกไว้ จึงวางเหตุไม่ถูกต้อง เลยไม่พบความจริงตนเองคือ เลขศูนย์ ที่มีอิสระอยู่เหนืออิสระทั้งหลายตลอดเวลา ” คู่มือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง พิมพ์ครั้งที่ 1 : วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2563 จัดพิมพ์โดย : กลุ่มสะเก็ดดาว ผู้ประสานงาน : คุณเพ็ชร โทร. 083-115-5449 และ คุณฝ้าย โทร. 086-816-5787 [email protected]
ธรรมชาติภายในของตนเอง เป็นสิ่งที่พึ่งพาอาศัยอยู่ร่วมกันตามธรรมชาติ จึงไม่มีใครเป็นเจ้าของใดๆ ในธรรมชาติ ธรรม จึงเป็นการเดินทางเพื่อเข้าถึงธรรมชาติเดิมแท้ตนเอง เหตุแห่งธรรม จึงไม่มีเหตุของธรรมนั้น จึงไม่สงสัย และไม่มีใครเป็นเจ้าของความสงสัย ไม่มีใครเป็นเจ้าของ หมดสงสัย ในธรรมใดๆ สิ่งที่มี จึงเหมือน สิ่งที่ไม่มี เรื่องราวใดๆ ในธรรมชาติตนเอง จึงไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ให้ตนเองต้องค้นหาอีก .. ราคาสามแสนบาทไม่ขาย ...%...
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132