Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือบรรลุธรรมในธรรมชาติตนเอง

คู่มือบรรลุธรรมในธรรมชาติตนเอง

Published by pakamas3008, 2020-02-11 01:24:57

Description: คู่มือบรรลุธรรมในธรรมชาติตนเอง

Keywords: ธรรม

Search

Read the Text Version

คู่มือบรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง ตรงทไ่ี มค่ ดิ อยากไดแ้ ตก่ ลบั ไดม้ าเองแบบไมร่ ตู้ วั ความรสู้ กึ ภายในนน้ั ไมส่ นใจกบั ภูเขาท่มี าปรากฏ ปล่อยอสิ ระไวใ้ นธรรมชาตติ รงนั้น ตนเองก็ไม่รู้จะเก็บไวท้ �ำไม เหมอื นกนั เพราะเปา้ หมายทแ่ี ทจ้ รงิ คอื อยากหมดสงสยั แตต่ อนนน้ั กไ็ มร่ วู้ า่ หมด สงสยั คือเรื่องใด คิดเสมอว่าจะท�ำอยา่ งไรถงึ ได้เป็นอสิ ระในธรรมชาตหิ มดสงสยั ตนเองเสียที ส่ิงใดๆ ที่ปรากฏก็ไม่เอาท้ังนั้น ยิ่งไม่เอาย่ิงไม่สนใจก็พบแต่ส่ิง แปลกๆ ในความรู้สึกภายในอยู่ตลอด ส่วนหน่ึงในใจก็คิดว่าธรรมชาติตนเอง ก�ำลังทดสอบอะไรเราอยู่หรือเปล่า คอยระวังความรู้สึกตนเองอยู่ตลอดเวลา เพราะยงั ไม่รแู้ จ้งจริงๆ จึงตอ้ งอดทนกบั ส่ิงล่อตา่ งๆ ทพี่ บท่เี จอตลอดเสน้ ทาง มาวันหน่ึงผู้เขียนแปลกใจตนเองคิดอยากทดสอบก�ำลังใจกับภูเขาลูกน้ี ทีเ่ กดิ ในความรสู้ กึ อยู่ตลอดเวลา ถงึ แมจ้ ะไม่ไดน้ กึ ภูเขากม็ าปรากฏอยูแ่ บบนัน้ รสู้ กึ เห็นอยู่ในความรู้สึกภายในตนเองอยู่ตลอดเวลาท่ีรู้สึก ดูแปลกๆ ในความ รู้สึกตนเองเลยลองทดสอบดจู รงิ ๆ เอาความรสู้ กึ ดคู วามรสู้ กึ กบั ภเู ขาลกู นนั้ ความ รสู้ กึ ทใี่ ช้ดภู เู ขาภาพภเู ขากช็ ดั ขน้ึ ชดั ขนึ้ มาเรอื่ ยๆ จนเหน็ เนอ้ื ของภเู ขาสดี ำ� มนั วาว ขน้ึ และพอจับเอาความรู้สึกรู้ถงึ เนอื้ ภเู ขา เนื้อภเู ขาสามารถเปลี่ยนสีได้ ความ รู้สกึ ในขณะน้นั ก็ได้อุทานในใจทันทวี า่ ..ต้องบ้าไปแลว้ แน่ๆ เลยเรา.. เพราะไม่รู้ ว่าส่ิงท่รี ูส้ กึ ในธรรมชาติตรงนจี้ ะสื่ออะไรและคอื อะไร สงสยั ในความรสู้ ึกแบบน้ี แม้จะมีความรู้สึกแปลกๆ แบบนั้น ผู้เขียนก็ไมไ่ ดต้ อ้ งการอะไรในสิ่งทรี่ ตู้ รงน้ัน พอรสู้ กึ เขา้ ไปในสภาวะตรงนนั้ กเ็ พยี งดแู ละรู้ ไมม่ คี วามตอ้ งการจะเปน็ เจา้ ของใน สง่ิ ทีป่ รากฏตรงนน้ั เลย จนกลายเป็นเรอ่ื งธรรมชาตริ ้ธู รรมชาตติ นเองไป แตท่ กุ ครัง้ ท่กี �ำลงั ใจดภี าพภูเขาจะเปลีย่ นสี มีสสี ันงดงามมาก ผเู้ ขยี นไม่ เคยเห็นมาก่อนแต่โดนใจมากในความวิจิตรตรงนั้น ก็ไม่ได้อยากจะครอบครอง แค่ดูผา่ นร้ผู า่ นไปเท่าน้ัน ในความรู้สกึ ภายในทีเ่ ห็นภาพภูเขาเปล่ยี นสีครั้งใดครงั้ หนึ่งความรู้สึกของผู้เขียนเหมือนได้เดินทางไปต่างสถานท่ี โดยมีธรรมชาติตรง นั้นเป็นผู้บอกให้ได้ยิน ว่าตอนน้ีผู้เขียนอยู่ตรงไหน ว้าว...แปลกมากขึ้นไปอีก.. 51

ค่มู ือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง ส�ำหรับผู้เขียนไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ปรากฏในธรรมชาติตรงนั้น แม้นจะได้ยินส่ิง ที่มาบอกว่าเป็นสถานที่ไหน ผู้เขียนก็รู้สึกเฉยๆ จะไปไหนก็ไป ไปดูให้เข้าใจ หายสงสัยแล้วก็ท้ิงไว้ตรงน้ัน ผู้เขียนระวังในความรู้สึกขณะน้ันอย่างมาก ใช้ ความอดทนอย่างแรงกล้า มีความรู้สึกท่ีซ้อนลึกลงไปในขณะน้ัน คือรู้ว่าตอนนี้ ธรรมชาติตรงนั้นก�ำลังหลอกล่อเราให้ติดกับดักในความมีและความรู้สึกท่ีรู้เห็น ในส่งิ นั้นอยู่ การเดนิ ทางพบแตข่ องลอ่ ใจตลอดเวลา มีสง่ิ วจิ ิตรงดงามและแปลก ตาเป็นส่ิงที่อธิบายไม่ถูกในความรู้สึก และรู้สึกว่าสิ่งท่ีเห็นในสถานที่ไปแต่ละ คร้ังเปน็ ภาพทง่ี ดงามแปลกตาจรงิ ๆ เทา่ นนั้ อารมณแ์ ละความรสู้ กึ เหมอื นเลน่ อยู่ กบั เขม็ ท่ีเจอ เลน่ อยใู่ นความมแี บบนนั้ ผู้เขียนก็แวะดูเรอื่ งราวต่างๆ ตรงนัน้ คือ ดูจนเข้าใจ เข้าใจแล้วก็ท้ิงหรือวางไว้ตรงที่เดิมในธรรมชาติตรงน้ัน กับความ สงสัยตรงนั้น ที่ยังมีความรู้สึกอยู่แต่ไม่แบกความรู้สึกไว้ อารมณ์เดียวกันกับ ความรสู้ ึกทผ่ี ูเ้ ขียนชใ้ี หด้ ูเร่อื งเด็กแรกเกิดจับสัตว์น�้ำ ประมาณนัน้ เลย พอนานๆเข้าเวลาผ่านไปหลายวันผู้เขียนก็เร่ิมชินเร่ิมคุ้นกับภูเขาใหญ่ ลกู นัน้ ราวกบั วา่ ผู้เขยี นและภูเขาเปน็ สิ่งเดยี วกนั ในความรู้สกึ ไปเลย แต่ก็รสู้ ึกท่ี ซอ้ นๆ กนั เปน็ ชน้ั ๆ ในความรสู้ กึ ความรสู้ กึ นนั้ เขา้ ใจไปเองวา่ ธรรมชาตกิ ำ� ลงั สอน และกำ� ลงั ทดสอบกำ� ลงั ใจตนเองไปพรอ้ มๆ กนั ในความรสู้ ึกต่างๆ ตรงนน้ั คอื พาไปดูในความรู้สึกและก็ทดสอบกับความรู้สึกในขณะนั้นด้วย ว่าตนเองยังมี ความอยากมอี ยหู่ รอื เปลา่ เปน็ การวดั กำ� ลงั ใจในทกุ ขณะของผเู้ ขยี น หากผเู้ ขยี น ยังอยากไดอ้ ยู่ ก็จะสงสยั อยู่ ติดอยู่หลงอยแู่ บบนัน้ บททดสอบของธรรมชาติ นนั้ มที ดสอบอยตู่ ลอดทาง หากกำ� ลงั ใจไมม่ น่ั คงกโ็ ดนเขาหลอกลอ่ ใหต้ ดิ กบั ดกั ให้ กลนื อยกู่ บั ธรรมชาตคิ วามมตี รงนนั้ ไดต้ ลอดเวลา การสรา้ งสงิ่ ลอ่ ใจของธรรมชาติ เขาสรา้ งแบบทเี่ นยี นมากๆ แทบจะไมร่ สู้ กึ เลยวา่ ตนเองเขา้ ไปเลน่ กบั ความมเี ขา้ แล้ว เพราะความมตี วั ตนตรงนท้ี ย่ี งั มองไม่เหน็ เห็นได้ยากมาก และก็แบกความ มีตวั ตนเปน็ เจ้าของไว้ทุกอยา่ งไว้แบบไม่รูส้ ึกตวั 52

คมู่ อื บรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง ท้ิงตัวตนลงแล้วความมีทุกอย่างหายไป ผู้เขียนก็สงสยั ในความมแี บบทไ่ี มม่ เี หมือนกันว่าคอื อะไร และการวาง การท้งิ ความมตี รงนจี้ ะท้ิงแบบไหน ความสงสยั ในสง่ิ ตรงน้มี ันคา้ งคาในความ รู้สึกตนเองมาก ธรรมชาติจัดสรรให้ มาวันหนงึ่ ผเู้ ขยี นพาครอบครัวไปทาน อาหารทต่ี า่ งจงั หวดั พอไปถงึ สถานทพ่ี กั ทานอาหาร กจ็ อดรถในทจ่ี อดตามปกติ ทกุ คนลงจากรถแลว้ กเ็ ดนิ เขา้ รา้ นอาหารไป ทางเขา้ จะตอ้ งเดนิ ผา่ นตวั รา้ นกอ่ น และต้องเดินต่อไปเพ่ือลงบันไดไปริมตลิ่งเพื่อลงเรือท่ีจอดอยู่ในแม่น้�ำ ทุกคน มารา้ นนก้ี ต็ อ้ งทำ� แบบนี้ ผเู้ ขยี นมาทานอาหารรา้ นนบ้ี อ่ ยจงึ มมี โนภาพแบบนัน้ แต่ในขณะท่ีจอดรถแลว้ ทกุ คนกไ็ ด้ลงจากรถ เวน้ แต่ผูเ้ ขียนเพยี งคนเดยี วท่ียงั นั่งอยบู่ นรถยงั ไมไ่ ดล้ ง ใหท้ ุกคนลงไปกันกอ่ น จากนั้นทุกคนกเ็ ดนิ เขา้ ร้านลง บนั ไดตามท่บี อก ขณะท่ีผเู้ ขยี นก�ำลงั จะลงจากรถในขณะเดียวกนั กเ็ ห็นรถเกง๋ คนั หนา้ เปดิ ประตดู า้ นซา้ ยคา้ งไว้ ตอนแรกกไ็ มไ่ ดส้ นใจกล็ งจากรถลอ็ ครถเตรยี ม จะเดนิ เขา้ ร้าน สายตาเหลอื บมองไปดูรถเก๋งคันหน้าประตดู า้ นซา้ ยเปิดคา้ งไว้ นานมาก และกเ็ หน็ คนนงั่ ดา้ นซา้ ยไดค้ อ่ ยๆ ขยบั ตวั และยกรถวลิ แชรค์ นพกิ าร ลงมาวางไว้กอ่ น ผูเ้ ขยี นก็เกดิ รู้สึกเอะใจยืนนิ่งดอู ยู่ คนด้านซา้ ยค่อยๆ ขยบั ลง มานั่งบนรถวิลแชร์ ผเู้ ขยี นคดิ ในใจตอนน้นั กลา่ วโทษคนขับรถคันน้ัน ทำ� ไมไม่ 53

คูม่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง มาช่วยคนพิการคนน้ีเลย ผู้เขียนก็ยืนมองอยู่แบบนั้นตอนน้ันไม่รู้ด้วยซ�้ำว่า กำ� ลงั โดนธรรมชาตติ นเองทดสอบกำ� ลงั ใจอยู่ สักพักใหญๆ่ คนพิการต้องชว่ ย เหลอื ซงึ่ กนั และกนั เอง ผเู้ ขยี นดคู นดา้ นซา้ ยทลี่ งรถและนง่ั รถวลิ แชรเ์ ปน็ คนแรก คอ่ ยๆ หมนุ ลอ้ รถมาดา้ นหลงั รถเกง๋ ของเขาแลว้ เปดิ ประตทู า้ ยดา้ นหลงั พยายาม ยกรถวิลแชร์อีกคันท่ีอยู่ด้านในของรถออก ผู้เขียนก็เอะใจทันทีว่าคนขับต้อง พิการด้วยแน่ๆ ความรู้สึกตอนนั้นเกิดศรัทธาในใจข้ึนมาทันที รีบเข้าไปช่วย ยกรถวิลแชร์ให้เขาแบบไม่รู้สึกตัวแต่และท�ำไปตามศรัทธาตรงน้ันทันทีที่ อยากช่วย ไม่ได้คิดอะไรต่อ ชายคนท่ีนั่งรถวิลแชร์พูดขึ้นว่าไม่เป็นไรเด๋ียวผม ทำ� เองกไ็ ด้ เหมอื นเขาไมต่ อ้ งการไมตรจี ติ จากผเู้ ขยี นหรอื ความกงั วลทไี่ มต่ อ้ งการ ให้เป็นภาระกับใครที่จะดูว่าเขาท้ัง 2 อ่อนแอ ชว่ ยตนเองไม่ได้ การท้ิงตัวตนของตนเองลงแบบไม่รู้ล่วงหน้าของผู้เขียนที่ ธรรมชาตมิ าทดสอบความรูส้ ึกในขณะตรงน้ี ผู้เขียนก็พูดตัดบทไปตรงๆ ให้ผู้เขียนช่วยเถอะ แล้วก็เข็นรถชายคน แรกขึ้นฟุตบาทไปจอดทางเข้าร้าน ผู้เขียนก็มาช่วยยกรถวิลแชร์ที่อยู่ประตู ดา้ นหลังรถเกง๋ น�ำมากางและวางใหค้ นขับดา้ นขวา และช่วยพยงุ ตัวเขาให้ขึน้ น่ังบนรถวิลแชร์ รอจนเขาปิดล็อกประตูรถจนเสร็จ ก็ช่วยเข็นรถข้ึนฟุตบาท มาจอดคู่กันและได้พูดคุยกับเขาท้ัง 2 อยู่สักพัก ก็เลยรู้ว่าท้ัง 2 เป็นเพ่ือน กันคนนึงมาจากทางใต้ คนนึงอยู่กรุงเทพฯ นัดเจอกันท่ีกรุงเทพฯ ขับรถพา กนั มาเทย่ี วและมาแวะทานขา้ วรา้ นนี้ ความรสู้ กึ ขณะทพ่ี ดู คยุ อยกู่ บั ชาย 2 คน นนั้ ความรู้สกึ ภายนอกและภายในแยกขาดจากกนั จากความร้สู ึกตรงนน้ั ไป เลย ปากก็พูดคุยกับชายพิการท้ัง 2 ได้เป็นปกติ แต่ความรู้สึกภายในน้ัน กลับรู้สภาวะตนเองในขณะน้ันว่ามันโล่งมากๆ เลย รู้สึกในทันทีเลยว่าแก้ว ที่ว่างของความมตี วั ตนของผู้เขียนตรงนไี้ ดถ้ ูกเติมเตม็ ด้วยตนเองแล้ว ความมี 54

คู่มือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง ตวั ตนนน้ั ถกู ถอดถอนลงไปตามธรรมชาติ ขาดหายไปในความรูส้ ึกของตนเอง ตรงนั้น ความไมม่ ตี วั ตนมารองรบั มนั เว้ิงว้างไปเลย เกดิ ความรูส้ ึกทีโ่ ล่งสบาย จนอธบิ ายไมไ่ ด้ แตร่ ถู้ งึ สภาวะความจรงิ ในธรรมชาตคิ อื เรอื่ งแบบนนี้ เ่ี อง ความ ไมม่ ตี วั ตนเปน็ เจา้ ของความมี การอธิบายเนื้อหาตรงนี้คือค�ำกล่าวลอยๆในภาษาของผู้เขียนอย่า เข้าไปยึดและถือครอง เร่ืองท่ีเล่ามาตรงนี้คือความมีเฉพาะตัวท่ีต่างคนต่างมี ในการเดนิ ทาง อย่าหลงทางกนั ล่ะ ผเู้ ขยี นตอ้ งขอบคณุ ชายพกิ าร 2 คนน้ี และขอบคณุ ธรรมชาตทิ จ่ี ดั สรร ให้ ท�ำให้ผู้เขียนได้ประจักษ์แจ้งในความมีตัวตนของตนเองได้ วางทิ้งทิฏฐิ ท่ีมีและวางความยึดถือความมีตัวตนลงได้จากศรัทธาที่เกิดฉับพลันตรงน้ันที่ มคี วามมน่ั คงในตนเอง เมื่อทิ้งตัวตนไปได้ เรื่องการเดินทางของผู้เขียนย่ิงง่ายขึ้นมาก เพราะ เหน็ ความมนี นั้ คอื มตี วั ตนเปน็ ผมู้ ี พอตวั ตนไมม่ กี ห็ มดเรอ่ื งราวในความมี ผเู้ ขียน ติดอยู่ตรงความรู้สึกท่ีไม่มีตัวตนตรงน้ีอีก จะท้ิงความไม่มีได้อย่างไร เหมือน ธรรมชาติหมุนวนกลับมาอีกรอบ รู้ว่าไม่มีแต่ก็ยังสงสัยว่าความไม่มียังมีอยู่ ผู้เขียนอธิบายความไม่มีตรงน้ียังไม่ได้ในตอนน้ันเพราะยังไปไม่ถึงท่ีสุดใน เนอ้ื หาตนเอง แตเ่ ขา้ ใจในความมที ี่ไมม่ ใี นเบือ้ งต้น 55

ค่มู อื บรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง ทิ้งเข็มกลับคืนลงสู่มหาสมุทรในธรรมชาติของตนเอง เบ้ืองต้นหากทา่ นใดในกลุม่ สะเก็ดดาวเดนิ ทางมาถึงตรงนไี้ ด้ มีความ รูส้ กึ ที่คา้ งคาตามทผ่ี ู้เขียนบรรยายมาถึงตรงนี้ ท่านจะแกไ้ ขอยา่ งไร ผู้เขยี นจะ ชี้ให้ดูในขบวนการการเดินทางของผู้เขียน แต่ท่านต้องเดินทางตามเน้ือหา ตนเอง ลอกกันไมไ่ ด้ เปน็ เหมือนกันกไ็ ม่ได้ กม็ ีบางคนในกลุ่มทีเ่ ดินทางมาถงึ ตรงนี้บ้างแล้ว ท่านต้องใช้ความรู้สึกท่ีเป็นตนเองดูความรู้สึกตนเองเพื่อ ประจักษ์แจ้งในแบบฉบับตนเอง หมดสงสัยคือต้องหมดสงสัยเรื่องตนเอง ไม่ใช่หมดสงสัยตามเน้อื หาเรื่องคนอน่ื ความมตี ัวตนประจักษ์แจง้ แลว้ แตก่ ลับสงสัยในความไมม่ ตี วั ตน ที่ ยังรสู้ กึ ถงึ เรอ่ื งราวท่ไี มม่ ีอยู่ ความมีตัวตนประจักษ์แจ้งแล้วแต่กลับสงสัยในความไม่มีตัวตนท่ียัง รสู้ กึ ถงึ เรอ่ื งราวทไี่ มม่ อี ยตู่ รงนี้ ทา่ นจะตอ้ งคน้ หาตน้ ตอในเหตขุ องตนเองใหเ้ จอ ซงึ่ ต่างคนตา่ งมตี น้ เหตุทีไ่ ม่เหมือนกนั แต่รูส้ ึกเหมอื นกันในเนือ้ หาตรงน้ี สง่ิ ใด คือต้นเหตุตนเองที่ท่านมองข้ามมองผ่านมาถึงมาสงสัยในเนื้อหาเรื่องตรงนี้ ท่านก็ต้องย้อนทวนเร่ืองราวตนเองกับไปท่ีจุดเร่ิมต้นใหม่ตามเน้ือหาท่ีผู้เขียน ช้ีและสะกิด เรอ่ื งวงเวยี นแหง่ ชวี ติ รู้สกึ ไดแ้ ต่แตะตอ้ งไม่ได้ ถา้ ท่านหย่ังไดจ้ รงิ 56

คมู่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง กบั คำ� กลา่ วอา้ งลอยๆ ทผ่ี ูเ้ ขียนบอกว่า “รสู้ กึ ได้แตแ่ ตะต้องไมไ่ ด”้ ตรงนค้ี ือ ต้นเหตแุ ทจ้ รงิ ในความมีแตก่ ลบั ไมม่ ี หมดสงสยั ในธรรมชาตติ นเอง ผเู้ ขยี นใชเ้ วลาไมน่ านมากหลงั จากทงิ้ ตวั ตนไดแ้ ลว้ เวลาประมาณเกอื บ 1 เดอื นสุดท้าย ท่ที �ำความเขา้ ใจในเร่อื งส่งิ ทมี่ ีแต่ไม่มี ทีร่ ู้สกึ ถึงความรู้สึกอยู่ รู้ สึกแปล๊บๆ... เหมือนเสี้ยนต�ำมือ ผู้เขียนจึงต้องใช้วิธีย้อนทวนดูเรื่องราว ตนเองตง้ั แต่เรม่ิ ตน้ ใหมอ่ ีกคร้ัง สิ่งใดท่มี องผ่านมองขา้ มมาโดยทีไ่ ม่รูต้ ้องกลบั ไปดูใหม่ นี่แหละการทดสอบทดลองของผู้เขียนที่บอกว่าเริ่มใหม่ตลอดเวลา หากตดิ เรอื่ งใดกย็ อ้ นเรมิ่ ตน้ ใหม่ จนไมไ่ ดน้ ับจำ� นวนทตี่ ้องเริม่ ตน้ ใหม่น้ันมีมาก ขนาดไหน กลายเปน็ ความชนิ ความคนุ้ จดจำ� เรอ่ื งราวตนเองตดิ อยใู่ นความร้สู กึ ตนเองไปเลย ขบวนการทกุ อยา่ งเรม่ิ แลว้ กเ็ รม่ิ อกี จนชดั เจนในความรสู้ กึ ตนเอง ก็เปน็ แบบน้ี สงิ่ ที่ผู้เขยี น ชี้และสะกิดพวกท่านคอื เรือ่ งราวในแต่ละช่วงของผู้เขยี น เอง โดยเฉพาะช่วงเร่ิมตน้ นัน้ สำ� คัญมาก เรือ่ งวงเวยี นแห่งชีวิต รู้สกึ ไดแ้ ต่แตะ ต้องไมไ่ ด้ ผู้เขียนดูเร่ืองราวรายละเอยี ดตนเองใหมต่ ง้ั แตเ่ ร่มิ ตน้ วา่ เดนิ ข้ามสิ่ง ใดมาจนมองไม่เห็นความผิดพลาดในเส้นทางตนเอง เร่ิมตรงศรัทธามั่นคง ในตนเองเป็นอิสระอยู่แล้ว เรื่องราวทุกอย่างในความมีคือมีตัวตนเป็นผู้มีก็ เข้าถงึ แล้วทงิ้ ไปแล้ว ความรู้สึกของวงเวยี นแหง่ ชีวติ ก็หายไปดว้ ย ความไม่มี น่นั แหละคือตน้ เหตทุ ีว่ ิ่งไล่จบั ความไม่มอี ยู่ ความไมม่ ที �ำไมยังรู้สกึ แปลบ๊ ๆ.. กับมันอยู่ตรงน้ี ตนเองขา้ มเร่อื งราว ตรงไหนมา ความรสู้ กึ ภายในขณะนั้นผุดความรสู้ กึ สงิ่ ท่ีซอ้ นความรู้สกึ ตรงน้นั ในค�ำทใ่ี ชเ้ ขยี นแทนความรูส้ ึกไว้ทว่ี า่ “รู้สกึ ได้แตแ่ ตะต้องไมไ่ ด”้ เพราะสงสัยในสิ่งที่แตะต้องไม่ได้เป็นเหมือนเงาที่สะท้อนตนเอง เหมือนภาพท่ีมองในกระจก อุปมา...ความรู้สึกถึงความไม่มเี ปรียบเหมอื นมี ตนเองที่มีอยู่คู่กันตลอดเวลา เหมือนเราไล่จับเงาตนเองอย่างไรก็จับไม่ได้ 57

คู่มือบรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง ย่ิงไล่จับย่ิงเหนื่อยเปล่า แต่รู้สึกได้ตลอดเวลาว่ามีอยู่คู่กันกับตนเอง แต่ ประโยคสุดท้ายในวงเวียนแห่งชีวิตท่ีผู้เขียนมีไว้ในข้อ 3 “เรื่องราวท่ีรู้สึก ต่างๆ ในความมี นัน้ ไม่ใชเ่ รือ่ งของเรา เราไม่ได้เป็นเจา้ ของความม”ี ความ รู้สึกเกิดความสวา่ งในความร้ตู รงนน้ั ของผูเ้ ขียนท่ีร้สู ึกได้ แตแ่ ตะตอ้ งไม่ได้ จงึ ไดเ้ ข้าใจในสิง่ ๆ นไี้ ดอ้ ยา่ งถกู ต้องตามธรรมชาตแิ ท้จริง ในความมที ไ่ี มม่ ี เนื้อหาตรงน้ีเม่ือท่านได้เดินทางมาถึงและสามารถทิ้งตัวตนได้แล้ว หรอื กำ� ลังจะท้ิงตวั ตน ความหมาย และความร้สู กึ ที่ประจกั ษ์แจง้ เข้าใจถูกต้อง แทจ้ ริงในขอ้ 3 ตรงนี้ ว่า.. ตนเองไมไ่ ด้เป็นเจา้ ของในความรสู้ ึกความเข้าใจ ใดๆเลยในธรรมชาตเิ ดมิ แทข้ องตนเอง ทร่ี สู้ กึ นนั้ กเ็ ปน็ ธรรมชาตใิ นขณะนนั้ ที่เป็นอิสระของธรรมชาติที่เป็น ตนเองก็เป็นอิสระท่ีเป็นตลอดเวลา จึง ไมแ่ ตะตอ้ งในสง่ิ ทร่ี สู้ กึ ถงึ ธรรมชาตใิ นขณะนนั้ ทร่ี สู้ กึ ตลอดเวลา เมอ่ื ไมแ่ ตะ ธรรมชาตใิ นทรี่ ้สู กึ คือไม่แตะในตน้ เหตนุ ั้นเอง พอไมแ่ ตะในตน้ เหตแุ ตร่ ู้สึก ตามความเป็นจริงของธรรมชาติ ผลในเหตุที่รู้สึกตรงน้ันก็ไม่เกิดไม่ขยาย เรอื่ งราวในเหตตุ รงนน้ั ดบั หายไปเอง แตจ่ ะรสู้ กึ วา่ เหตตุ รงนน้ั เปน็ ธรรมชาติ เพียงพ่ึงพาอาศัยอยู่ร่วมกันมีตนเองเป็นผู้ดู และรู้ อยู่เท่านั้น แต่ตนเองก็ ไม่มีเรื่องราวในส่ิงท่ีดู และรู้ใดๆ เพราะประจักษ์แจ้งในธรรมชาติตรงนั้น วา่ ไมม่ ีใครเปน็ เจา้ ของในสงิ่ ทีด่ ู และรู้ หรือมีผ้รู ู้ใดๆ เลย ธรรมชาตติ นเอง วางและทง้ิ ตน้ เหตตุ รงนน้ั ไปเอง ปลอ่ ยกลบั คนื สธู่ รรมชาตคิ วามจรงิ ตรงนนั้ ก็เป็นอิสระร่วมกันอย่างท่ีเป็น ไม่มีค�ำอธิบายต่อในธรรมชาติตนเอง ก็จบ ตัวเองในความมีที่ไม่มีตัวตนมารองรับเร่ืองราวอีกเป็นส่ิงท่ีมีคู่กันตาม ธรรมชาตใิ นขณะนัน้ 58

คมู่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง ธรรมชาติและตนเองเป็นสิ่งเดียวกัน การเดินทางมาเข้าใจธรรมชาติที่ถูกต้องจนชัดเจนในสิ่งท่ีดูและรู้ใน ธรรมชาติเดิมแทข้ องตนเอง ต้องมคี วามอดทนอย่างมาก เพราะธรรมชาติทกุ ขณะที่ท่านเดินทางมาถึง จะมีธรรมชาติมาทดสอบเข้ามาซ้อนในความรู้สึก ตลอดเวลา หากทา่ นไม่ม่นั คงกบั ตนเองขาดสงิ่ หนง่ึ ส่งิ ใดใน 4 ขอ้ ทผี่ เู้ ขยี นบอก ไว้ที่ต้นเรื่อง ธรรมชาติในตนเองท่ีมาทดสอบน้ันจะมีก�ำลังมาก ท่ีจะปิดกั้น ความจริงในธรรมชาติให้ท่านไม่สามารถเห็น หรือเข้าถึงได้ในขณะน้ัน เขา สามารถสร้างภาพสร้างมายาลวงล่อให้ท่านหลง ฟุ้งไปได้โดยท่ีท่านไม่รู้สึก ตนเองด้วยซ้�ำ รู้สึกตัวคร้ังใดตรงท่ีเกิดความเข้าใจในสิ่งที่จดจ�ำมาแล้วเสร็จ เรยี บรอ้ ย โดนธรรมชาตทิ ม่ี าทดสอบกลนื กินไปเลย เดินผ่านความจรงิ ตนเอง มาแบบไม่รสู้ ึกตวั ธรรมชาติความจริงของตนเองท่ีเป็นเดิมแท้น้ันเปรียบเหมือนความ รูส้ กึ ท่ไี ม่มีการบนั ทกึ ใดๆ ในความรสู้ ึกตนเองมากอ่ น เหมอื นว่างเปล่า(เป็นคำ� กล่าวลอย) อุปมาเหมือนองค์ประกอบคอมพิวเตอร์ท่ีประกอบข้ึนมาใหม่ มี ซีพียใู หม่ ฮารด์ ดสิ ก์ใหม่ มอนิเตอร์ใหม่ ทไี่ ม่มีการเปดิ ใชง้ านมาก่อนวางนงิ่ ๆ ไว้ตรงน้นั เปน็ อิสระอยแู่ บบน้นั สงิ่ ๆ นเ้ี ปรียบเหมือนความเป็นเดมิ แท้ในชวี ติ ตนเองท่ีเปน็ อยตู่ ลอดเวลา เพียงอย่รู ่วมกันในธรรมชาติความจริงตรงน้นั ไม่มี ใครเปน็ เจา้ ของในธรรมชาตติ รงนน้ั เพยี งพง่ึ พาอาศยั ในสถานทรี่ ว่ มกนั ในความ เปน็ อยใู่ นขณะหนงึ่ ขณะหนง่ึ ทร่ี สู้ กึ ไดแ้ ตแ่ ตะตอ้ งไมไ่ ด้ เหมอื นความรสู้ กึ ดู ทด่ี ู ความรสู้ กึ ความรสู้ กึ รู้ ทร่ี คู้ วามรสู้ กึ ดผู า่ นรผู้ า่ น ไมแ่ ตะตอ้ งกนั และกนั 59

ค่มู อื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง เพราะความอยากรู้ของตนเอง ที่มีความเข้าใจเกิดขึ้น จึงมีเร่ืองราว ในตนเองทันที ความเข้าใจตรงนี้เกิดจากสิ่งท่ีเคยบันทึกในความจ�ำซ้อนซ�้ำ ทับถมมามากมายกับความจริงของตนเองมาก่อน จากการเรียนรู้ในเรื่องราว ต่างๆในรปู ในเสียง ในภาษา ฯลฯ จึงตามดูตามรใู้ นความรสู้ ึกไหลไปเลย มี ความคิดสวมทบั ความจ�ำตา่ งๆรวบเดียวเปน็ ความเข้าใจไปเลย มีเรือ่ งราวตรง นั้นทันที เกิดปรุงแต่งซ้อนทับตนเองให้จดจ�ำเพิ่มข้ึนไปอีก คอมพิวเตอร์ที่ ประกอบข้ึนมาใหม่ในตอนนั้น มีซีพียูใหม่ ฮาร์ดดิสก์ใหม่ มอนิเตอร์ใหม่ ที่ ไมม่ ีการเปดิ ใช้งานมากอ่ น วางนง่ิ ๆ ไวต้ รงน้นั เป็นอิสระอยู่แบบนน้ั มาตอนนี้ ท่านเปิดใช้งานแล้ว เริ่มมีการบันทึกข้อมูลลงในเนื้อหาตนเองเรียบร้อยลง ฮาร์ดดิสก์ เขียนทับแล้วเซฟเก็บข้อมูลไว้ในฮาร์ดดิสก์โดยไม่รู้สึกใดๆ เลยซ้�ำ แล้วซ้�ำเล่าอยู่แบบน้ัน จึงไม่รู้สึกว่าตนเองเดินข้ามส่ิงท่ีเป็นเดิมแท้ตนเองมา ตลอดเวลา ตอนนี้ท่านเข้าใจสิ่งที่เป็นเดิมแท้ตนเองหรือยัง ตาสว่างข้ึนมา บา้ งไหม ? ผู้เขียนชแ้ี ละสะกิดใหด้ ูความจริงตรงนี้ เพราะผเู้ ขียนเดนิ ทางผ่านมา ซ�้ำแล้วซ้�ำเล่าอยู่แบบนั้นเช่นกันจนเบื่อหน่ายกับเน้ือหาเหล่าน้ี ได้ประจักษ์ แจ้งในความเป็นเดิมแท้ของตนเองแล้วจึงมาชี้และสะกิดให้พวกท่านได้เห็น ความจริงทแ่ี ทบจะพูดไม่ได้เขียนไม่ได้ หรอื ทำ� อะไรๆ ในเน้ือหาทไี่ มส่ ามารถ เขา้ ถงึ ได้เลย อธิบายมาถึงตรงนี้ท่านก็จะบันทึกซ้อนทับตนเองเข้าไปอีก มนั ยากมากท่ีใครจะถอดถอนได้หากไม่เห็นความจริงตนเอง สิ่งที่เขียนบรรยาย ตรงนกี้ ็เป็นเพยี งคำ� กล่าวลอยๆเทา่ นัน้ ไมม่ ีความจริงใดๆเลยผเู้ ขียนจึงเนน้ ย�ำ้ ให้ท่านใช้ความรู้สึกภายใน ดูและรู้ ในความรู้สึกภายในตนเองเท่านั้น แตะ ต้องใดๆ ในความรู้สึกตนเองไม่ได้เลย ความรู้สึกของผู้เขียนในความรู้สึก ภายในตอนนนั้ เหมอื นภเู ขาใหญล่ กู นนั้ คอื ความเปน็ เดมิ แทข้ องผเู้ ขยี นเอง เปน็ ส่งิ ๆ เดยี วกันในความรสู้ กึ ทมี่ อี ย่ภู ายในตนเองท่เี ปน็ อิสระอยตู่ ลอดเวลา จน 60

คู่มอื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง เดนิ ทางมาพบความสำ� เรจ็ ในธรรมชาตติ นเอง แตช่ ว่ งเวลาก่อนจะมาถงึ ตรงนี้ ก็มีเร่ืองราวที่ต้องผ่านบททดสอบในธรรมชาติตนเองตามท่ีบรรยายไว้ ต้อง อดทนฟาดฟันกับเนอื้ หาตา่ งๆ ทบี่ นั ทกึ จดจำ� ไวต้ ลอดเวลา เพอ่ื ทำ� ใหป้ ระจกั ษ์ แจ้งทุกขบวนการในความรู้สึกที่ธรรมชาติเข้ามาทดสอบ การหมดสงสัยคือ หมดเรื่องราวตนเอง แตกฉานในธรรมชาติตนเองตรงน้ันเข้าถึงต้นตอในเหตุ จึงจะเห็นและเข้าถึงความไม่มีเร่ืองราวแทจ้ รงิ นัน้ คืออะไร อุปมาลอยๆ แทนความรสู้ ึกแท้จริงทเ่ี พียง ดแู ละรู้ในความรูส้ ึกตนเอง เปรยี บไดด้ งั่ คอมพวิ เตอรท์ ป่ี ระกอบขน้ึ มาใหมใ่ นตอนนน้ั มซี พี ยี ใู หม่ ฮารด์ ดสิ ก์ ใหม่ มอนิเตอร์ใหม่ ที่ไม่มีการเปิดใช้งานมาก่อนวางน่ิงๆ ไว้ตรงนั้นเป็นอิสระ อยู่แบบน้ันแค่น้ีเอง สภาวะของผเู้ ขยี นทเี่ หน็ และรบั รภู้ ายนอกไมม่ กี ารปรงุ แตง่ ใดๆ กบั การ รบั ร้ทู ีม่ ากระทบความรสู้ กึ ตนเอง เหมอื นเป็นคนตาบอดหูบอดทีเ่ หน็ อยไู่ ดย้ ิน อยใู่ นความรสู้ ึกท่ีดผู ่านรูผ้ ่านในความรู้สึกตรงนน้ั ไมแ่ ตะตอ้ งใดๆ ภายในเป็น เหมือนภูเขาที่อิสระอยู่ตลอดเวลาตรงนั้น มีความรู้สึกที่ซ้อนความรู้สึกที่ดู ภเู ขาลกู นั้นทเี่ ป็นอสิ ระอย่ภู ายใน และเกิดรู้ทรี่ คู้ วามรู้สึกที่ซ้อนขน้ึ เปน็ ส่งิ ทีร่ ู้ อยู่ด้านหลังอีกของความรู้สึกตรงนั้น (ตรงน้ีมีความซับซ้อนมากมายจนแทบ จะอธิบายไม่ได)้ อุปมา...ความรสู้ ึกของภเู ขาลูกนน้ั ท่ีเปน็ อิสระน้ัน มีผู้ดแู ละผู้ รทู้ ซี่ อ้ นความรตู้ รงนน้ั ลงไปอกี เปน็ ชน้ั ๆ ดา้ นหลงั ทเี่ หน็ รายละเอยี ดทลี่ ะเอียด ลงลกึ เปน็ ชน้ั ๆ ล�ำดบั ความรูส้ ึกลกึ ลงไป จนรู้สกึ วา่ ผูร้ ตู้ รงนนั้ หายไปเปน็ อะไร ซ้อนๆ กันอยู่ ลึกเสียเหลือเกินไม่สามารถบรรยายเป็นภาษาพูดและเขียนได้ เลย นอกจากทา่ นจะมาเป็นเองในความร้แู บบน้ี ทา่ นจะไม่อยากอธบิ ายเลย เพราะยิ่งอธิบายก็ข้ามสิ่งท่ีเข้าถึงไปหรือย่ิงอธิบายก็ฟุ้งไปเลย ความรสู้ ึกตรง นน้ั ไมส่ ามารถแทนค่าเป็นคำ� พูดและภาษาใดๆ ได้น่ันเอง เปน็ สิ่งท่ีรไู้ ดเ้ ฉพาะ ตนเทา่ น้ัน ผู้เขยี นจึงอธบิ ายไว้เพยี งเทา่ นี้ 61

คมู่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง ช่วงท่ีสาม ทิ้งเข็มกลับคืนสู่มหาสมุทรในธรรมชาติตนเอง การเดินทางของผู้เขียนได้เดินทางมาสุดเส้นทางตรงนี้ การได้เจอเข็ม เล่นกับเข็มอยู่ตลอดเวลาประมาณ 2 เดือนจนเกิดความเบ่ือหน่ายเต็มอ่ิมกับ ตนเอง เห็นความจริงในธรรมชาติเดิมแท้ตนเอง แท้จริงแล้วเข็มท่ีแสวงหามา ตลอดน้ันไม่เคยมีเขม็ จรงิ ๆเลยตามธรรมชาตติ นเอง แตเ่ พราะไมร่ ูใ้ นความจรงิ ของตนเองจึงแสวงหามาตลอดเวลา เมื่อเดินทางมาถึงท่ีสุด กับกลายเป็นว่า เข็มก็เป็นธรรมชาติส่วนหนึ่งท่ีเป็นในความรู้สึกตนเอง ไม่มีใครเป็นเจ้าของใน ธรรมชาติ เหมือนเข็มนั้นหายไป มีเพียงความจริงที่มีอยู่ร่วมกัน พ่ึงพาอาศัย กันแบบอิสระสู่อิสระในตนเองท่ีเป็นธรรมชาติตรงนั้น ไม่เกาะเก่ียวใดๆ กัน กลมกลนื กนั ไปในเนอื้ หาตรงนนั้ เหมอื นเปน็ สงิ่ ๆ เดยี วกนั มอี สิ ระของใครของมนั ไม่แสวงหาเรื่องราวใดๆ ต่อกันอีก จึงไม่มีต้นเหตุในเน้ือหาตนเอง ความรู้สึก จากเหตุจึงไม่มี ผลในเหตกุ ็หมดไป เหมอื นไดว้ างและท้งิ ต้นเหตุไวใ้ นธรรมชาติ ตรงนน้ั เพยี งดแู ละรู้ในความรู้สกึ ลว้ นๆ ไมแ่ ตะต้องกบั ส่ิงทดี่ แู ละรู้เท่านั้นเอง ความรู้สกึ ที่ซ้อนกันเปน็ ชั้นๆ ลงไปในภูเขาลูกนั้นทีเ่ ป็นตนเองในความ รสู้ กึ ขณะนน้ั เปน็ อิสระตลอดเวลา เหน็ รายละเอียดในดแู ละร้ทู ่ลี ึกและซบั ซอ้ น ในเรื่องราวตา่ งๆ ไม่แตะตอ้ งในความรูส้ กึ ใดๆ ปลอ่ ยไปเลยกับการรบั รตู้ รงนัน้ ความรู้สึกภายในขณะน้ัน เหมือนสิ่งที่รู้สึกท่ีดูและรู้นั้นแยกออกมาจากภูเขา มาอยู่ภายนอก ความรู้สึกตรงน้ีซ้อนๆ กันมากมายในเน้ือหาที่เร็ว แต่ผู้เขียน กลับรู้สึกว่ามันช้าในความรู้ตนเองในขณะน้ัน เห็นถึงสภาวะท่ีแยกออกมา กันเองในตรงนั้นเป็นชนั้ ๆ ทพ่ี อจะอุปมาแทนความรสู้ กึ ในขณะน้ัน ภูเขาท่ีเป็นตนเองในตอนนั้นที่มีอิสระตลอดเวลาต้ังอยู่ในความรู้สึก ภายในเหน็ เปน็ ทโ่ี ลง่ วา่ งโดยรอบ ใจกลางทโี่ ลง่ วา่ งมตี นเองทเ่ี ปน็ ภเู ขาตงั้ ตระหงา่ น 62

คมู่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง อยตู่ รงกลาง มีธรรมชาตติ นเองโดยรอบท่เี ป็นเรอ่ื งราวตา่ งๆ ทเ่ี คยบนั ทกึ จดจ�ำ ไว้ ในรูป รส กล่ิน เสียง ที่จดจ�ำไว้ในเนื้อเรื่องราวตนเองที่ผ่านมาท้ังหลาย ได้หมุนเปน็ วงกลมลอ้ มรอบอย่ภู ายนอกภูเขาลูกน้ัน ความรสู้ กึ ตนเองในขณะ นั้นได้เห็นสภาวะทั้งภายนอกที่หมุนวนอยู่ และภายในของเนื้อภูเขาพร้อมกัน แยกรายละเอียดท่ีซ้อนๆ กันอยู่ แต่รายละเอียดท่ีละเอียดลงไปมีสิ่งที่ดูความ รู้สึกและรู้ในรู้ความรู้สึกซ้อนข้ึนมาอีกชั้น จนเห็นเน้ือหาต่างๆ หมุนวนเป็น วงกลมภายนอก ล้อมรอบภูเขาแบบนั้น ตัวภูเขาท่ีเป็นตนเองน้ันมีอิสระอยู่ ตลอดเวลา ไม่มีเนื้อหาใดๆ ที่แทรกผ่านเข้าไปสู่พ้ืนผิวของภูเขาได้เลย ความ รู้สึกของผู้เขียนเห็นประจักษ์แจ้งตรงน้ันนึกแปลกใจมาก จึงเกิดความรู้แจ้ง ธรรมชาติตรงนั้นในทันที เป็นธรรมชาติที่พ่ึงพาอาศัยกันเท่าน้ัน หากไม่แตะ ตอ้ งในธรรมชาติตรงนั้นกจ็ ะไม่มีเรื่องราวในตนเอง ธรรมชาติตรงนนั้ กห็ มุนวน ไปแบบที่มีที่เป็น เป็นอสิ ระในตวั เองเชน่ กัน มอี ยูร่ ่วมกนั แคน่ ี้เอง แต่ผเู้ ขยี นก็ยงั มรี ้ทู ่รี อู้ ยู่กับภเู ขาลูกนน้ั ยังไม่หมดในรทู้ ี่รูล้ ึกลงไปแบบ น้ัน ผู้เขียนก็รู้สึกอยู่แบบนั้นตลอด “รู้ในรู้สึกท่ีรู้” ติดอยู่กับสภาวะตรงนี้อยู่ หลายวันในเนื้อหาตรงนี้ จนเกิดความเบ่ือหน่ายกับเน้ือหาตนเองมากตรงน้ี รวบรวมก�ำลงั ใจตนเองกลับเขา้ มาดแู ละรูใ้ หม่ มสี ่งิ ใดทค่ี ้างคาในธรรมชาติตรง นอี้ ยู่ ตอนนน้ั ผเู้ ขยี นโกงธรรมชาตติ นเองนดิ หนอ่ ย จบิ ไวนไ์ ปดว้ ย พอตรมึ่ ๆ ไมเ่ มา อารมณ์มีความสบายมากข้ึนรวมได้เร็วข้ึน เลยกลับเข้ามาดูในสภาวะหมุนวน ท่ีภายในตรงนั้นใหม่ ให้ประจักษ์ เห็นภาพเดิมผุดข้ึนมา ในความรู้สึกตนเอง เป็นภเู ขาลูกน้ันทม่ี ีอสิ ระอยตู่ ลอดเวลา ไมม่ เี น้อื หาเร่ืองราวใดๆ ทแ่ี ทรกเข้าไป สู่พ้ืนผิวภูเขาได้เลย ในความรู้สึกที่ดูและรู้อยู่ในขณะนั้น เกิดซ้อนความรู้ตัว ใหม่ขึ้น ส่ิงท่ีดูและรู้ในตัวภูเขาท่ีเป็นอิสระอยู่ เหมือนโดนเหวี่ยงหลุดออกมา ภายนอกภูเขา กลบั มีความรสู้ ึกทซ่ี อ้ นลงไปท่ีรู้ตรงนน้ั ทนั ที “ด”ู ทดี่ คู วามรสู้ กึ ของภเู ขาที่เป็นอสิ ระอยูภ่ ายนอก และ “ร”ู้ ที่ร้คู วามรู้สึกของภเู ขาทเ่ี ป็นอิสระ อยู่ภายนอก ดูและรู้นี้จึงเห็นความจริงทุกอย่าง เป็นเรื่องราวที่ซ้อนทับกันอยู่ ดา้ นหลงั ตวั ภเู ขาทเี่ ปน็ อสิ ระตรงนน้ั และรใู้ นสภาวะการหมนุ วนในเรอ่ื งราวตา่ งๆ 63

คมู่ ือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง ภายนอกล้อมรอบภูเขาท่ีมีอิสระร่วมกันในขณะนั้น ได้เข้าใจธรรมชาติตรงน้ัน แลว้ วา่ มี “ผดู้ ”ู คอื ดคู วามจรงิ ตรงนนั้ “ผรู้ ”ู้ คอื รคู้ วามจรงิ ตรงนน้ั ทซ่ี อ่ นเรน้ อยูด่ า้ นหลังจนไม่รู้สึกตนเองเลย แต่สมั ผสั ไดใ้ นความร้สู ึกสว่ นลึกของตนเองท่ี เป็นภูเขาที่เป็นอิสระอยู่ตลอดเวลา ผู้เขียนตอนน้ันยังไม่รู้ว่าจะทิ้งจะวางสิ่งน้ี อย่างไร จนธรรมชาติภายในตนเองขณะนั้น คงร�ำคาญผู้เขียน ตะโกนจาก ความรสู้ กึ ภายในออกมา “กต็ อ้ งปลอ่ ยตวั ทด่ี แู ละรมู้ นั ลงดว้ ย” ความรสู้ กึ ภายใน แว่วได้ยินแบบนั้น พอสิ้นสุดเสียงของธรรมชาติ ผู้เขียนก็มีความโล่งในความ รู้สึกข้ึนมาทันที ท้ิงส่ิงท่ี ดู และ รู้ ในภูเขาท่ีเป็นอิสระอยู่ภายในท่ีซ้อนทับกัน อยู่ลง โดยปลอ่ ยกลับคนื ส่ธู รรมชาติท่ี ดู และ รู้ ตรงนั้นทันที สิ่งที่ รู้ ในภเู ขาท่ีเปน็ อสิ ระอยภู่ ายในนนั้ หายไป ส่งิ ที่ ดู ในภูเขาทีเ่ ป็น อิสระอยภู่ ายในน้ันหายไป ภูเขาทเ่ี คยเป็นอิสระอยกู่ ็หายไป ความร้สู กึ มันวาบ หายไปหมดเลย เหมอื นปดิ คอมพวิ เตอรแ์ ละรสี ตารท์ เครอื่ งคอมพวิ เตอรข์ นึ้ ใหม่ ดับวูบไป......เกิดล�ำแสงวาบเข้ามาแวบหน่ึงในความรู้สึกภายในตนเองท่ีรู้สึก... เกิดเป็นภาพมิติรูปทรงในความรู้สึกตรงนั้นเหมือนเป็นกล่องจตุรัสใสบ้าง สว่างบ้าง ด�ำบ้าง มีช่องว่างบ้าง ท่ีเช่ือมต่อกันเกิดเป็นรูปทรงเลขาคณิตบาง อย่าง มีรูปทรงซ้อนๆกันอยู่ เกิดเป็นห้องสี่เหลี่ยมที่มีมิติแต่ภายในว่างเปล่า อยู่แวบหนึ่ง ความรู้สึกของผู้เขียนในขณะนั้นไม่รู้สึกถึงร่างกายตนเองเลย ความสงสัยที่รู้สึกค้างคาทุกอย่างหายไป ขณะนั้นเหมือนตนเองในธรรมชาติ ตรงนน้ั เปน็ สงิ่ ๆ เดยี วกนั ในมติ ริ ปู ทรงกลอ่ งจตรุ สั ทว่ี า่ งทร่ี สู้ กึ แวบตรงนน้ั แวบเดยี ว ผเู้ ขยี นรสู้ กึ ตนเองเลยทนั ทไี มส่ งสยั ในธรรมชาตติ นเองอกี แลว้ ในความรสู้ กึ ขณะ น้ันได้ยินเสียงธรรมชาติจากภายในประกาศในความรู้สึกตรงนั้นให้อีกชั้นหนึ่ง อย่างชัดเจน “วางได้หมดก็จบ” ช่วงเวลาที่เช่ือมต่อในความรู้สึกในเวลานั้น ผเู้ ขียนรู้สึกสิง่ ท่ีมากระทบตรงกลางศรี ษะของผเู้ ขยี นอย่างแรงอีกครัง้ เหมือน โดนอะไรบางอยา่ งกระแทกอย่างรนุ แรงและเจบ็ มาก ความรูส้ ึกแปลกๆ และ ประหลาดแบบนี้ เปน็ ประสบการณ์คร้ังแรกทผี่ เู้ ขยี นได้พบจากน้นั เรอื่ งราว ต่างๆ ในความร้สู กึ กไ็ ด้เปล่ียนไป 64

คมู่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง ธรรมชาติที่เดินทางไปถึง หมุนทวนเข็มย้อนกลับ ผู้เขียนน่ังงงในธรรมชาติตนเองท่ีหมดสงสัยอยู่แบบน้ันพักหน่ึง ใช้ความรู้สึกภายในถามธรรมชาติตรงน้ันไปว่า จบง่ายๆ แบบน้ีหรือ... เงียบ ไม่มีเสียงตอบกลับมา ความรสู้ กึ ทรี่ สู้ กึ ในตอนจบ ผเู้ ขยี นมคี วามรสู้ กึ วา่ ทำ� ไมมนั งา่ ยแบบน้ี พอ ไมอ่ ยากได้ ไม่อยากมี ทิ้งสิ่งท่มี ใี นดูและรทู้ ุกอยา่ งกจ็ บ แคน่ เ้ี อง ตอนนัน้ ถอน หายใจแบบโลง่ ไปเลย ลกุ จากท่นี ง่ั ตรงนั้น เดนิ แบบมนึ งงในความรสู้ ึกตนเองใน ขณะนนั้ มาทห่ี นา้ บา้ น ความรสู้ กึ เจบ็ ทศ่ี รี ษะยงั ไมห่ ายเหมอื นสะทา้ นเขา้ ไปภายใน เลย ยนื มองธรรมชาตริ อบตวั ในตอนนน้ั ความรสู้ กึ ตา่ งๆ ทเี่ คยรสู้ กึ เปลยี่ นแปลงไป เลย เปลยี่ นไปหมด เหมอื นเรอ่ื งราวตา่ งๆ ทเ่ี คยมี กลบั ไมม่ เี รอ่ื งราวอะไรกบั ตนเอง ใหร้ อู้ กี เลย มนั แปลกมาก ความรสู้ กึ เวงิ้ วา้ งลอยๆ เดยี วดายโดดเดย่ี ว อธบิ ายไมไ่ ด้ แตร่ สู้ กึ แบบนนั้ จรงิ ๆ ตาทเี่ หน็ ผนื ฟา้ ทย่ี นื มองอยนู่ น้ั อดตี ทผี่ า่ นมาและปจั จบุ นั คอื ขณะทยี่ นื ดผู นื ฟา้ ความรสู้ กึ ในขณะทย่ี นื ดผู นื ฟา้ ไมเ่ หมอื นกนั ชา่ งอธบิ ายความ รูส้ กึ ได้ยากจรงิ ๆ มันเปล่ยี นความรู้สกึ ตนเองไปแบบแปลกๆ อธิบายไมไ่ ด้ แต่ ตอนนนั้ เหมอื นตนเองเปน็ สว่ นหนงึ่ ในสงิ่ ทเี่ หน็ เปน็ อสิ ระรว่ มกนั ไปเลย หไู ดย้ นิ กเ็ หมอื นตนเองเปน็ สงิ่ ทไ่ี ดย้ นิ กายทร่ี บั สมั ผสั กเ็ หมอื นเปน็ สง่ิ ๆ นน้ั ความรสู้ กึ ราวกบั กลมกลนื ไปกบั ธรรมชาตซิ ง่ึ ผเู้ ขยี นกง็ งมากในความรสู้ กึ แบบนท้ี ไี่ มเ่ คยเปน็ ตอ้ งใชเ้ วลาปรบั ตวั เองนานเปน็ เดอื นเหมอื นกนั กวา่ จะปรบั สภาพใหเ้ ปน็ ปกตไิ ด้ 65

คูม่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง ความรู้สึกต่างๆ ท่ีกลับมารู้สึกใหม่ตรงน้ี เป็นการรู้แบบย้อนทวน ธรรมชาติหมุนเข็มกลับไปสู่ต้นก�ำเนิดหมดเลย เม่ือก่อนผู้เขียนรู้สึกไหลตาม ธรรมชาตจิ งึ มเี รอื่ งราวอยู่ แตใ่ นขณะตอนนี้ ความรสู้ กึ ทง้ั หลายหมนุ กลบั ไปสู่ ตน้ เหตเุ หน็ เรอื่ งราวในเหตแุ ละผลในธรรมชาตทิ หี่ มนุ วนกลบั ทผ่ี เู้ ขยี นรสู้ กึ ไดว้ า่ ไมม่ กี ารหมนุ ตามในเรอ่ื งราวตา่ งๆ อกี ตรงนม้ี นั บา้ มากกวา่ และสบายกวา่ ตรงที่ ไมม่ เี รอื่ งราวใดใหบ้ นั ทกึ หรอื จดจำ� อกี จงึ ไมม่ คี วามคดิ ในสง่ิ รตู้ า่ งๆ ไมม่ อี ะไรมาบบี คน้ั ขดั ขวางในธรรมชาตกิ บั ตนเอง เปน็ อสิ ระทอี่ ยเู่ หนอื ธรรมชาตติ รงนนั้ ไปเลย เช้าวนั รงุ่ ขนึ้ นั่งทบทวนกบั เร่อื งราวตนเองท่เี ดนิ ทางมาถงึ ตรงนี้ เกิด ความรู้สกึ ซ้อนความรสู้ ึกข้นึ ในภายในขณะน้ัน ภาพภเู ขาลูกเดิมที่เป็นค่บู ารมี กนั มา กก็ ลบั มาปรากฏใหเ้ หน็ ในความรสู้ กึ ตนเอง ในภาพรปู ทรงภเู ขานน้ั งดงาม มาก เปน็ แกว้ ผลกึ เหมอื นครสิ ตลั มแี สงสะทอ้ นทก่ี ระทบกบั เนอื้ ภเู ขา ตงั้ ตระหง่าน อยใู่ นทโ่ี ลง่ วา่ ง โดยรอบภายนอกนน้ั เรอื่ งราวตา่ งๆ ทเ่ี คยเหน็ ในเรอื่ งราวตา่ งๆ นน้ั หายหมดไป เหลอื เพยี งภาพภเู ขาตั้งเด่นตรงกลางทีโ่ ลง่ วา่ งตรงนัน้ ผูเ้ ขยี น จึงน่ังมองความรู้สึกภายในอยู่ตรงนั้น จู่ๆ ภาพภูเขาก็ค่อยๆ ลอยข้ึนจากพื้น พุ่งเข้ามาหาผู้เขียนในขณะท่ีน่ังดูอยู่ในความรู้สึกตรงนั้นเข้าชนร่างกายท่ีรูป ทรงตนเองจนหงายหลังพร้อมกับรู้สึกที่กายและภายในในขณะเดียวกัน แล้ว ภาพภเู ขาที่รู้สึกภายในอยู่ก็หายวับไป ความรู้สึกของผู้เขียนในขณะน้ันรู้สึก วา่ ตนเป็นสงิ่ ๆเดียวกับภเู ขาลกู นัน้ ไปเลยในขณะนั้น จากนน้ั มาเหมือนอยากรู้ อะไรก็รู้ไปเลยในธรรมชาติ กร็ ู้สกึ แปลกดี และที่ผู้เขียนรู้สึกแปลกๆอีก ก็คือความรู้สึกของเรื่องราวต่างๆ ที่มี ในอดตี ในสง่ิ ทร่ี บั รใู้ นความรสู้ กึ ในรปู รส กลน่ิ เสยี งของความมที ง้ั หลาย รวมถงึ อารมณ์และความรสู้ กึ ในเนือ้ หาเรื่องราวต่างๆ ท่เี คยปรุงแต่ง ท่เี คยเขา้ ใจ ที่ เคยคดิ กย็ งั มอี ยเู่ หมอื นเดมิ ไมไ่ ดเ้ ปลย่ี นแปลงไปเลย แตส่ ง่ิ ทเ่ี ปลย่ี นแปลงไป คอื ความรสู้ กึ ภายในตนเองเทา่ นน้ั ทรี่ ูส้ ึกได้วา่ มอี ิสระตลอดเวลากบั เรอ่ื งราวตรงนี้ 66

คู่มือบรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง เพราะความเชื่อตามผู้รู้เร่ืองราว จึงเข้าไม่ถึงธรรมชาติตนเอง เมอื่ สำ� เรจ็ ประโยชนต์ นเองแลว้ ความรแู้ จง้ ตา่ งๆ ของธรรมชาตเิ ดมิ แท้ มาปรากฏให้เห็นในธรรมชาติตนเอง ผู้เขียนทบทวนในความรู้สึกตนเองอยู่ เป็นเดือน เหมือนตนเองในตอนน้ันกลายเป็นคนใบ้ไปเลย ไม่รู้จะพูดอะไร ออกมาดีเพอ่ื ใหค้ นฟังเข้าถึงธรรมชาติตนเองได้ หากผฟู้ งั ... ไดฟ้ ังแลว้ สามารถ จะเดนิ ตามผ้เู ขียนมาได.้ .และรู้ในธรรมชาตติ นเอง ผู้เขียนยอมรับเลยว่ายากมากส�ำหรับคนฟงั ยากมากสำ� หรบั ผเู้ ขียนท่ี จะพดู อะไรใหค้ นฟงั เขา้ ถงึ ธรรมชาตติ นไดด้ ว้ ยซำ�้ เบอื่ หนา่ ยความจรงิ ของตนเอง ไปเลย ท่ีจะพูดให้ใครฟัง เป็นคนใบ้หูบอดตาบอดอยู่แบบน้ันเป็นเดือนๆ พอ พดู อะไรให้คนฟัง คนฟงั มักจะมีค�ำถามเกดิ ขนึ้ ในใจก่อนเสมอ กเ็ รื่องราวทค่ี ิด ทจ่ี ดจำ� มาทง้ั ชวี ติ ตดิ อยใู่ นความเขา้ ใจ เหมอื นวา่ เปน็ ความรขู้ องตนเองไปเลย ท้ังๆ ที่เรียน ที่รู้มาทั้งหมด เกิดจากผู้รู้เร่ืองราวมาสอนที่ตนเองจ�ำมาท้ังน้ัน เรียนรู้มาจากต�ำราและตนเองก็แบกมาตลอดนั่นเอง ไม่สามารถมองเห็น ความจริงในความรู้สึกตนเอง ไม่รู้สึกตนเองด้วยซ�้ำ เจอกันพบกันก็ต้ังค�ำถาม ทันที เพ่อื หาค�ำตอบที่ตนเองจะได้สมใจ หากคำ� ตอบปรงุ แตง่ ไม่ถกู ใจเหมอื น 67

คมู่ ือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง ที่เคยเรียนรู้มา ก็ไม่ชอบไม่พอใจ ค�ำถามที่ผู้เขียนพบบ่อยๆ คือความสงสัย ของผถู้ ามทม่ี คี วามอยาก อยากรเู้ รอ่ื งราวคนอน่ื พอเจอผเู้ ขยี นมกั จะตง้ั คำ� ถาม แบบทีจ่ ำ� มาทั้งน้นั ... ผถู้ าม : คณุ บอกวา่ จบแลว้ หมดสงสยั แลว้ คณุ เปน็ อรหนั ตแ์ บบไหน ? ค�ำถามยอดฮิตของผู้ถาม...ความอยากรู้ อยากเห็นมีมากมายในใจ แต่ไม่เคยเห็นความจริงของตนเองเลยว่าเรื่องราวท่ีถามมานั้นเป็นความจ�ำท่ี ตนเองจ�ำไว้ อยากได้ฟังคำ� ตอบแบบสมใจอยากตนเอง ท่คี าดหวงั ไว้ในใจลว่ ง หน้า ตามสิ่งที่เคยบันทึกไว้ท่ีจดจ�ำไว้ในใจ ที่จะได้ฟังค�ำตอบท่ีเคยได้ยิน ได้รู้ และทเ่ี คยปรุงแตง่ เอาไวใ้ นความรสู้ ึกที่จำ� มากบั ตนเองแบบเงยี บๆ โดยไม่รสู้ กึ ตนเองดว้ ยซำ้� ผู้เขียน : ตอบทันที “ผู้เขียนเป็นตัวเหี้ย” ไม่รู้ว่าอรหันต์เป็นตัว อะไร ? คนถามได้ฟังค�ำตอบท่ีผู้เขียนตอบ ถึงกับงง..อ้ึงไปเลย..!! เพราะไม่ เคยมบี นั ทกึ ในความจ�ำตนเองมากอ่ นวา่ การจบหรอื หมดสงสัย คือตวั เหย้ี หรอื เปน็ ตัวเหย้ี ท�ำให้คนถามเสียความรูส้ ึกไปเลย หมดศรัทธาไปเลย ความรสู้ กึ ดๆี ทเี่ คยจำ� ไวไ้ มต่ รงเปา้ หมายในความรสู้ กึ ตรงนน้ั ไมต่ รงกบั สงิ่ ทป่ี รงุ แตง่ รอไว้ ไมต่ รงความสมใจอยากของตนเอง ทอี่ ยากไดย้ นิ ไดฟ้ งั ในเรอื่ งราวทเี่ คยจดจำ� มา คงไมม่ ที า่ นผู้รูเ้ รือ่ งราวคนไหนในโลกอาจหาญ ใจกล้าบา้ บน่ิ ตอบ แบบผู้เขียนหรอกว่า “เป็นตัวเห้ีย” เพราะผู้เขียนไม่ได้ต้องการเป็นครูบา อาจารย์ให้ใคร ไม่ได้เป็นท่ีพึ่งให้ใคร ไม่ต้องการลาภยศสรรเสริญจากใคร จงึ ไมแ่ ครใ์ คร หนา้ ทข่ี องผเู้ ขยี นคอื ชแี้ ละสะกดิ ใหด้ คู วามจรงิ และรใู้ นธรรมชาติ ตนเองของใครของท่าน ไม่เก่ียวกับผู้เขียน และต้องพ่ึงพาตนเองด้วย จึงจะ 68

คูม่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง หมดสงสัยในตนเอง จึงไมต่ ้องสนใจในเร่อื งราวต่างๆ ท่ีทา่ นจดจ�ำมา หากเป็น ผรู้ เู้ รอื่ งราวทงั้ หลายตา่ งๆ คงตอบใหท้ า่ นฟงั แบบถกู ใจตามเรอ่ื งราวทจ่ี ดจำ� มา ทง้ั ตนเองและคนฟงั ตา่ งจดจำ� มาในเนอื้ หาเรอ่ื งราวเดยี วกนั จงึ สอ่ื สารตรงกนั ในความจ�ำสู่ความจำ� เกดิ ความเข้าใจซอ้ นเขา้ ไปในตำ� ราแบบเดิมๆ แล้วบันทึก ซอ้ นทบั ในความจำ� ตนเองตอ่ ไป พอไดฟ้ งั ผรู้ เู้ รอื่ งราวตอบจงึ เกดิ ศรทั ธารว่ มกนั หลงใหลเล่ือมใสต่อกัน เกิดเป็นความมีขึ้น เป็นรูปทรงในความรู้สึกข้ึน แบก ใสเ่ ป้ไว้เลยแตไ่ ม่รู้ “ต้องกราบขออภัยในท่านผู้รู้เร่ืองราวท้ังหลายไว้ ณ ท่ีนี้ ผู้เขียนไม่มี เจตนาจะล�้ำเส้น ล่วงเกินใดๆ กับใคร การเขียนบรรยายตรงน้ีเป็นเพียงค�ำ กลา่ วลอยๆ ตามตำ� ราเทา่ นั้น” ผู้เขยี นพดู บรรยายในคลิปเสียงมาประมาณ 1 ปี ว่าตนเอง “เป็นตวั เห้ยี ” ท้ังพูดกระทบเสียดสี พดู แดกดนั สารพัดอยา่ งในความมใี ห้ไปถึงกลางใจ คนฟัง คนฟังในกลุ่มสะเกด็ ดาวบางคนก็ลาออกจากกล่มุ ไป มีท้ังพอ่ ค้า เศรษฐี คหบดี อ�ำมาตย์ ต่างหมดศรัทธา หมดก�ำลังใจกับผู้เขียน ในค�ำพูดกระทบ เสียดสี แดกดันสารพัดอยา่ ง และแถมเปน็ ตัวเห้ยี แบบนี้ เพราะอะไรต้องบอกตนเองเป็นตัวเห้ีย เพราะอะไรก็ปล่อยไปก่อน แลว้ จะอธิบายให้ฟงั ตอนจบวา่ ตัวเหย้ี คอื อะไร 69

คู่มอื บรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง ธรรมชาติเดิมแท้มีอิสระตลอดเวลา ความจริงของธรรมชาติที่เป็นเดิมแท้เป็นธรรมชาติท่ีมีอิสระตลอด เวลา ไม่มีชอ่ื ไมม่ เี รื่องราว ไมม่ ีใครเปน็ เจ้าของ รสู้ ึกได้แต่แตะต้องไมไ่ ด้ เข้าใจ แล้วก็ต้องทิ้งความเข้าใจ ดูแล้วก็ต้องท้ิงดู รู้แล้วก็ต้องท้ิงรู้ ไม่มีเรื่องราวในดู และรู้ หมดจดในตนเอง บริสทุ ธิ์ ไม่ทิ้งร่องรอยใดให้ดแู ละรู้อีก แตม่ ีใหด้ ู มใี ห้ รู้ เพยี งดูผา่ นและรู้ผ่าน แค่น้ีเอง ธรรม ธรรมชาตดิ ง้ั เดมิ ของตนเอง เปน็ ความรสู้ กึ อะไรบางอยา่ งเทา่ นน้ั ไมม่ รี ูป ไมร่ องรบั อะไร ไม่มเี กิด ดบั รสู้ ึกไดแ้ ตะต้องไม่ได้ ส่ิงท่ที า่ นจดจ�ำมาเรยี กวา่ ธรรม ค�ำๆ น้เี ปน็ ค�ำกล่าวลอยๆ มรี ปู ทรง มีความรู้สึก มเี ร่ืองราว มตี ัวตนรองรับ มเี กิด ดบั ในคำ� ว่า ธรรม ค�ำนี้ เร่ืองราวเนื้อหาตรงน้ีผู้เขียนจะช้ีและสะกิดให้ดูในความจริงที่เป็น ธรรมชาตเิ ดิมแท้ของท่านเอง ทเี่ ป็นอสิ ระอยู่ตลอดเวลา ธรรมชาตสิ ว่ นทหี่ นง่ึ มอี งคป์ ระกอบทเ่ี ปน็ อสิ ระรว่ มกนั ทไี่ มม่ เี รอื่ งราว ในตนเอง องคป์ ระกอบตา่ งๆ ทเี่ กดิ เปน็ ธรรมชาตติ นเองถกู หลอ่ หลอมรวมกนั เกิดขึ้นมา ไมม่ ีรูปทรง อาศัยอยู่ภายใน รูส้ กึ ได้แตแ่ ตะต้องใดๆ ไมไ่ ด้ ค�ำว่า “แตะตอ้ งใดๆ ไม่ได”้ ท่านตามมาดูไปเร่อื ยๆ เด๋ียวผูเ้ ขยี นจะ ช้แี ละสะกดิ ให้ดูความจรงิ ท่แี ตะต้องไมไ่ ดค้ ืออะไร ธรรมชาติส่วนท่ีสอง ขณะนั้นก็ได้น�ำเนื้อหาในธรรมชาติในส่วนอื่นๆ มีองค์ประกอบท่ีนอกเหนือจากธรรมชาติที่เป็นเดิมแท้ของตนเอง น�ำเน้ือหา และองค์ประกอบในส่วนอ่ืนมาหล่อหลอมรวมกันขึ้นอีกช้ินหน่ึง มีรูปทรง ไม่มเี รื่องราวในตอนนนั้ กลายเป็นของ 2 ส่ิง 70

คมู่ อื บรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง ทั้งสองสง่ิ อยูอ่ าศัยร่วมกันตามธรรมชาติ ธรรมชาติเดิมแทน้ ้นั เปน็ สงิ่ ทถี่ กู หลอ่ หลอมขน้ึ เปน็ สว่ นทหี่ นง่ึ มองไมเ่ หน็ ไมม่ รี ปู ทรงแตร่ สู้ กึ ได้ ถกู เกบ็ ซ่อน ไวใ้ นภายในของธรรมชาตสิ ว่ นทส่ี อง ธรรมชาตสิ ว่ นท่ี 2 มรี ปู ทรง แตไ่ มม่ เี รอื่ งราว ของทั้งสองสิ่งน้ีอยู่คู่กันแบบธรรมชาติเดิมแท้ที่พ่ึงพาอาศัยร่วมกัน ไม่มีใคร เป็นเจ้าของ เป็นสิ่งที่รู้สึกได้ซ่ึงกันและกัน และรู้สึกได้ถึงธรรมชาติรอบตัวท่ี พ่ึงพาอาศัยร่วมกัน ไม่มีใครเป็นเจ้าของใคร ไม่แตะต้องกันและกัน ต่างมี อสิ ระของใครของมัน ตามธรรมชาติ ยุคนีห้ ากจะใหผ้ ู้เขยี นชีแ้ ละสะกิดให้เหน็ ภาพเหมือนจริงในความรู้สึก ท่าน ท่านต้องดูคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆ สมัยน้ี ท่ีมีจอมอนิเตอร์แสดงภาพ มซี ีพียูตวั ประมวลผล มีฮารส์ ดิสก์เกบ็ ขอ้ มูลความจ�ำ อยใู่ นเคร่อื งเดยี วกันเลย หากท่านมจี นิ ตนาการหรือมีเจ้าสงิ่ นอ้ี ยู่ในบา้ น จะเข้าใจได้งา่ ยขึน้ สิ่งๆ น้ีต้อง ยอมรับไว้ก่อนวา่ เปน็ ชวี ิตทา่ นเอง ธรรมชาติทีเ่ ป็นเดมิ แท้ของตนเอง มอี สิ ระตลอดเวลา อยรู่ ่วมกันแบบ อสิ ระทเ่ี ปน็ อสิ ระรว่ มกนั พง่ึ พาอาศยั ธรรมชาติ รว่ มกนั ไมม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของใคร ต่างมอี ิสระของใครของมนั คอื ตวั “คอมพิวเตอร”์ เคร่ืองนี้ ความเปน็ เดมิ แท้ ในธรรมชาตินน้ั คอื มอี งค์ประกอบตา่ งๆ ที่ถูกน�ำมาหล่อหลอมมาประกอบ รวมกนั ขน้ึ เกดิ มรี ปู ทรงแตไ่ มม่ เี รอ่ื งราวในตนเองในตอนนน้ั เหมอื นคอมพวิ เตอร์ เครือ่ งนี้ มคี วามบรสิ ทุ ธิม์ ากจากการนำ� ธรรมชาติตา่ งๆ มาหลอ่ หลอมรวมไว้ ภายนอกเห็นเพียงจอมอนิเตอร์ที่แสดงภาพแต่ยังไม่มีภาพแสดง ใหม่เอี่ยม ไม่ผ่านการใช้งานมาเลย มีพลาสติกสูญญากาศห่อหุ้มไว้มองเห็นเน้ือในได้ ชดั เจน ภายในจอมอนเิ ตอร์ มอี งคป์ ระกอบของซพี ยี ทู ใ่ี ชป้ ระมวลผล ฮารส์ ดสิ ก์ ตวั เกบ็ ข้อมลู ความจำ� ทใ่ี หม่เอีย่ มหมดจดไม่มีการจดบันทึกเรื่องราวใดๆ ในตัว เอง ฮารส์ ดิสกต์ วั น้ีเปรยี บเหมือนตัวอิสระท่ีเปน็ อิสระตลอดเวลาไมม่ เี ร่อื งราว ใดๆ ที่เคยบนั ทึกจดจำ� มาก่อนในเนอ้ื หาใดๆ ของธรรมชาติเดิมแทต้ นเอง 71

คมู่ อื บรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง คอมพิวเตอร์เคร่ืองน้ีตั้งเฉยๆ อยู่ใจกลางธรรมชาติรอบตัว ท่ีอาศัย ร่วมกันอย่างมีอิสระ สิ่งๆ น้ีคือธรรมชาติเดิมแท้ของชีวิตท่ีรู้สึกได้ตลอดเวลา แต่แตะต้องไม่ได้ เพียงดูผ่านรู้ผ่านในเรื่องราวตรงน้ัน ไม่สงสัยอะไรใน ธรรมชาติตนเอง ไม่รู้ในรู้ใดๆ เพียงดูความรู้สึกสู่ความรู้สึก รู้ความรู้สึกสู่รู้ ความรู้สกึ ตอ่ กนั อย่างอิสระทีม่ ีรว่ มกัน ตรงน้คี อื ความหมายคำ� ว่า ท่ีรูส้ ึกได้ แต่แตะต้องไม่ได้ ท่านต้องตามมาดูต่อในความหมายค�ำว่า แต่แตะ ตอ้ งไม่ได้ เพราะอะไร เรม่ิ จากจุดต่อไปนี้ ***อิสระที่เป็นธรรมชาติเดิมแท้ เปรียบเหมือนความบริสุทธิ์ใหม่ เอย่ี มของคอมพวิ เตอรเ์ ครอื่ งน้ี ท่ียังไมผ่ ่านการใช้งานมาเลย จึงเปน็ ตน้ เหตุ ในตนเองไมม่ ผี ลลพั ธใ์ ดๆ ในตวั เอง จงึ ไมม่ คี วามจำ� ทเ่ี ขยี นบนั ทกึ ไวใ้ นฮารส์ ดสิ ก์ จึงไม่มีความเข้าใจใดๆ จึงไม่มีความคิดใดๆ จึงไม่มีเร่ืองราวให้ปรุงแต่งใดๆ เป็นธรรมชาติเดิมแทท้ ีม่ อี สิ ระ ไม่สงสัยกับธรรมชาตทิ ี่มีอยรู่ ่วมกัน คอมพิวเตอร์เครื่องน้ี ทันทีท่ีท่านเปิดใช้งาน เท่ากับท่าน “แตะต้อง ธรรมชาตติ นเองไปแลว้ ” ธรรมชาตเิ ดมิ แทข้ องทา่ นทมี่ อี สิ ระอยกู่ ำ� ลงั จะเปลยี่ น ไป “รู้สึกได้แต่แตะต้องไม่ได้” เม่ือแตะต้องธรรมชาติตนเองแล้วจะมีเรื่อง ราวเกิดขึ้นมาทันที จอมอนเิ ตอรถ์ กู ถอดพลาสตกิ ออกเรยี บรอ้ ย ทห่ี นา้ จอกำ� ลงั เกดิ ภาพขน้ึ จากการเปิดเครือ่ งคอมพิวเตอร์ มกี ารประมวลผลของซีพยี ู ฮาร์สดสิ กต์ ัวเกบ็ ขอ้ มลู ความจำ� เรม่ิ เกบ็ บนั ทกึ ความจำ� ทนั ที เรอ่ื งราวตา่ งๆ ในความมจี งึ เรมิ่ ตน้ ขนึ้ จากตรงนี้ เพราะมคี วามอยากรใู้ นเรอื่ งราวของคอมพวิ เตอรม์ ตี วั ตนเกดิ ขนึ้ เปน็ สงิ่ รองรบั คอื เมอ่ื คอมพวิ เตอรเ์ ปดิ ใชง้ านฮารส์ ดสิ กเ์ รม่ิ เกบ็ บนั ทกึ ความจำ� ตง้ั แต่ เริ่มต้นเปิดคอมพิวเตอร์ทันที การบันทึกเก็บข้อมูลในฮาร์สดิสก์เป็นหน่วย ความจำ� จะเรม่ิ เขียนบันทกึ ลงทลี ะหนว่ ยความจำ� ของตนเองไปเรอื่ ยๆ เปรียบ เหมือนความจ�ำในเร่ืองราวของแต่ละช่วงวัยท่านในทุกขณะจะถูกบันทึกเก็บ 72

คู่มอื บรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง ข้อมูลทุกอย่างลงฮาร์สดิสก์ตัวนี้ ท่านเรียนรู้อะไรมา จดจ�ำอะไรมา ก็จะถูก บันทึกซ�้ำลงไปอยู่ในฮาร์สดิสก์ตนเองอย่างนี้ตลอดเวลา ท่านก็ไม่รู้สึกตัวเอง ด้วยซ้�ำว่ามีการบันทึกแบบนั้นอยู่ รู้สึกเห็นรูป ได้ยินเสียง รับสัมผัส ทุกส่ิง ทกุ อย่างท่ที า่ นเดินผา่ นมาในแต่ละชว่ งวัยตนเองนน้ั มีการบนั ทกึ จดจำ� ในสงิ่ ต่างๆ ลงฮาร์สดิสก์ตนเองมาตลอดเวลา พอรู้สึกครั้งใดท่านจะเข้าใจได้เลย ทันที เกิดความคิด มีรูปทรงเกิดข้ึนเลย เร็วมากในความรู้สึกเดียว ปรุงแต่ง ตา่ งๆ ไปเรอ่ื ยเลย แลว้ กบ็ นั ทกึ ลงหนว่ ยความจำ� ตนเองตอ่ เพม่ิ เรอื่ งราวในหนว่ ย ความจำ� ลงฮาร์สดสิ ก์ตนเองตอ่ ไปอีกเป็นอยู่แบบนที้ งั้ ชวี ติ หากทา่ นอยากร้วู ่า ท่านได้เก็บความจ�ำตนเองไว้มากมายขนาดไหน ลองถาม Google ดู มีปุ่ม ไมโครโฟนทา่ นลองแตะแลว้ พดู จะมขี อ้ ความออกมาตามคำ� พดู เลย หรอื มเี สยี ง ให้ได้ยิน มคี �ำตอบทที่ ่านเข้าใจไดเ้ ลย สง่ิ ที่ผ้เู ขียนจะชแ้ี ละสะกิดใหท้ ่านดู คือ ความจำ� ตนเองทม่ี มี ากมายจดบนั ทกึ เรอ่ื งราวไวแ้ บบ Google เหมือนมสี ิ่งทม่ี า กระทบและเกิดความเขา้ ใจได้เลยทันที ความหมายค�ำว่า ท่ีแตะต้องไม่ได้ คือ เรื่องราวทุกอย่างท่ีแตะใน ธรรมชาติตนเองจะเกดิ การบนั ทกึ ลงในความจำ� ทนั ที ผู้เขียนจะแยกรายละเอียดที่ซับซ้อนและเร็วมากในขณะเดียวใน ความรสู้ ึกตรงน้ที ่านให้ดู ..ความเป็นอสิ ระในธรรมชาตเิ ดิมแท้ คือ 0 ..ความจ�ำที่มกี ารบนั ทึก เรื่องราวตนเองอยตู่ ลอดเวลา คอื 1 ...รสู้ ึกเกดิ ความเขา้ ใจทันที คือ 2 ...มี ความคดิ ในสงิ่ ทร่ี สู้ กึ คอื 3 ...มเี รอ่ื งราวตามมาทนั ที คอื 4 และ 5 6 7 ไปเรอ่ื ยๆ ความเป็นอิสระเดิมแท้ของตนเองคือต้นเหตุ เป็นธรรมชาติที่รู้สึกได้ แต่แตะต้องไม่ได้ หากท่านแตะต้องที่ต้นเหตุจะเกิดผลตามมาทันที คือมี 1 และมี 2 และมี 3 และมี 4 ฯลฯ เหมือนมีเหตุสู่ผล เหตุสู่ผล อยู่ตลอดเวลา เรียกวา่ เกิด ดบั ในภาษา ไม่สามารถเดินยอ้ นกลบั ไปเปน็ 0 ได้เลย 73

คูม่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง ธรรมชาติเดิมแท้ จึงเป็นค�ำลอยๆ ต้องพิสูจน์ความจริง เมื่อท่านทั้งหลายอ่านผ่านมาถึงตรงน้ีแล้วเกิดเห็นความจริงของ ตนเองตามธรรมชาติที่มีท่ีเป็นแท้จริงของตนเองได้ อยากมีอิสระแท้จริงกบั ตนเอง ทา่ นต้องดูผ่านรู้ผ่านขบวนการภายในความรูส้ กึ ตนเอง ทีผ่ ูเ้ ขียนช้ีและ สะกดิ ใหด้ ู สิง่ ท่ธี รรมชาติภายในตนเองท่ีก�ำลังทดสอบกำ� ลงั ใจทา่ นตรงน้ี คอื เรื่องราวท่ีท่านได้แตะธรรมชาติตนเองแล้วบันทึกลงในความจ�ำของตนเอง แต่ไม่เคยรู้สึกตัวเลย จึงเดินข้ามเดินผ่านความจริงภายในตนเองมา เน้ือหา ตรงนี้ผเู้ ขียนก็เคยเขยี นมาแล้วในชว่ งแรกเร่มิ ทา่ นลองอ่านเสรมิ ตรงทีผ่ เู้ ขยี น ทำ� เครอ่ื งหมาย *** ไว้หลายๆ รอบ แล้วมองข้ามในภาษาตรงน้ัน ใชค้ วามรู้สกึ ภายในตนเอง ดูความรู้สึกภายในตนเองให้ถ่องแท้ “อิสระในตนเองคือส่ิง บริสุทธ์ิ ไม่มีส่ิงรองรับ เพียงพึ่งพาอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างอิสระ ไม่มีใคร เปน็ เจา้ ของในอสิ ระ มอี สิ ระรว่ มกนั ตามธรรมชาตแิ บบของใครของมนั เมอื่ ทา่ น เข้าถึงเน้ือหาตรงน้ีได้เมื่อไหร่จะไม่มีเหตุในตนเองเลย เมื่อเหตุไม่มีความจ�ำ ก็หาย ความคิดไม่เกิด เร่ืองราวสลายหายไปเองตามธรรมชาติในความมี ตรงน้ันทันที เกิดมีอสิ ระแบบฉับพลัน ไมส่ งสัยธรรมชาตติ นเองอีก เรื่องราวตา่ งๆ ทผ่ี ู้เขยี นเคยสงสยั ในอดตี เมื่อไดพ้ บความเปน็ อสิ ระใน ตนเองได้แท้จริง ธรรมชาติท่ีเคยสงสัยนั้นหมุนทวนกลับมาให้ผู้เขียนได้รู้เห็น ในความจริงของธรรมชาติต่างๆ ที่เป็นธรรมชาติเดิมแท้ เร่ืองราวต่างๆ ท่ีชี้ และสะกิดจึงเกิดจากประสบการณ์ของตนเอง ท่ีได้เดินทางไปเห็นต้นเหตุ เดิมแท้ ท่ีไมส่ ามารถแตะต้องได้ เพียงใช้ความรู้สกึ ภายในดแู ละรผู้ า่ นในเหตุ 74

ค่มู ือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง ไม่เข้าไปแตะในเหตุจึงไม่มีผลในเหตุใดๆ เหมือนวางและทิ้งเหตุไปเองตาม ธรรมชาติท่ีรู้สึกภายในตรงนั้น จึงได้เข้าใจค�ำว่า “เหตุแห่งธรรม” ท่ีไม่ใช่ค�ำ กล่าวลอยๆ ตามท่ีเคยจดจ�ำมา แต่เป็นเรื่องราวที่เคยมีอยู่ แตะต้องอะไรไม่ ได้เทา่ น้ัน ธรรมและวินยั จะเป็นตัวแทนศาสดา ค�ำๆ น้กี ็เป็นค�ำกลา่ วลอยๆ ใน ตำ� ราเชน่ กนั หากยดึ มน่ั ถงึ ครองในภาษาไวท้ า่ นไมส่ ามารถจะเดนิ ทางสเู่ รอ่ื งราว ตนเองได้เลย เพราะสิ่งท่ีท่านจดจ�ำไว้จะซ้อนเอาความจ�ำท่ีเคยบันทึกไว้ มาอธบิ ายซอ้ นลงไปในความจำ� ตนเองอกี ทา่ นจะเขา้ ใจไปเลยตามภาษาในคำ� ๆ นี้ ท่ีมีบันทึกความจ�ำเพ่ิมเรื่องราวลงไปขยายในความรู้สึกท่ีไม่เคยมีค�ำๆ น้ี ในภาษามาก่อน “ธรรมและวินัยจะเป็นตัวแทนศาสดา” แต่เป็นการบันทึก ความจ�ำทซี่ ้อนกันลึกๆ แบบเงยี บๆ ของท่านซ้อนทับความจำ� ตนเองมากมาย จากผู้รู้เรื่องราวมาเล่าให้ฟัง ในอดีตของผู้เขียนก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้ ความรู้สึกแบบน้ีท่ีผู้เขียนชี้และสะกิดให้ท่านดู ท่านอาจจะไม่เคยได้ยินไดฟ้ งั จากทไ่ี หนมาก่อน ท่านอาจจะมีความรู้สึกย้อนแย้งในความรู้สึกของท่านเอง เป็นเร่ืองธรรมดาในความมีท่ีจดจ�ำไว้ ส่ิงที่ผู้เขียนช้ีและสะกิดนั้นเป็นการ ถอดถอนความมีลงสู่ความจริงของตนเอง จึงเป็นเร่ืองใหม่ที่ท่านยังไม่ได้ บนั ทึกลงในความจ�ำของเร่อื งราวตนเอง จากประสบการณต์ นเองของผเู้ ขยี นทีไ่ ม่สงสยั ในธรรมแลว้ อาจบรรยาย คำ� กล่าวลอยๆ คำ� นี้ให้ท่านมคี วามเขา้ ใจตนเองมากขนึ้ ธรรมและวนิ ัยจะเปน็ ตัวแทนศาสดา หากท่านย้อนไปอ่านในต�ำรา ผู้ท่ีตั้งค�ำถามค�ำน้ี ก็ได้เป็นผู้รู้ ตามศาสดาในภายหลงั ความเขา้ ใจถกู ตอ้ งคอื การยอ้ นทวนหรอื หมนุ ทวนกลบั ในเร่ืองราวท่ีรับรู้จนเข้าถึงความจริงตนเองของบุคคลท่ีตั้งค�ำถามนี้ คนท่ีตัง้ ค�ำถามคนนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ศาสดาจงึ กลา่ วค�ำพดู สั้นๆ เหมือนเปน็ ค�ำ กล่าวลอยๆ ท้ิงปริศนาในค�ำพูดไว้ ให้ผู้ถามได้ค้นหาความจริงของตนเอง 75

คู่มอื บรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง ผู้ต้ังค�ำถามมีภูมิปัญญาที่จะรู้แจ้งอยู่แล้ว จึงไม่ได้ติดใจในค�ำพูดลอยๆ แต่ ใช้ความรู้สึกภายในที่ติดอยู่ตรงนั้นท�ำให้กระจ่างแจ้ง ธรรมและวินัย ตรงน้ี ศาสดาจะสื่ออะไร จึงค้นหาความจริงในความรู้สึกภายในตนเองและเข้า ถึงธรรมชาตติ นเอง รูต้ นเอง ไม่สงสัยในค�ำๆ น้ี ต่อไป ค�ำกล่าวลอยๆ ที่เคยมี ก็ไมไ่ ดม้ คี วามหมายในค�ำกลา่ วตรงน้นั เป็นความจริงของธรรมชาตเิ ดมิ แทท้ ีม่ ี อยู่ รอู้ ยู่ หมุนวนอยู่ ไมม่ ีใครเปน็ เจา้ ของ มีอย่แู บบนน้ั ตลอดเวลา “ธรรมเปน็ ตวั แทนศาสดา” ความรูข้ องท่านทั้งหลายตอนน้ี รู้ความจรงิ หรอื รู้ความจ�ำ ถามความ รสู้ กึ ภายในตนเองทรี่ ใู้ หช้ ดั ๆ หากท่านรู้จากความจ�ำทย่ี ดึ ความจำ� มา ถา่ ยทอด เป็นความจ�ำ ลงสู่ความจ�ำ ซ้อนทับความจริงตนเองตลอดเวลา จึงเป็นผู้รู้ ในเรื่องราวท่ีจ�ำ จ�ำไว้แบบไหลตามธรรมชาติความจ�ำตนเอง ผูเ้ ขียนไมไ่ ดก้ ลา่ วตู่ ทา่ นลองนกึ ยอ้ นทวนหมนุ กลบั ไปดเู รอ่ื งราวตนเอง ดูกันให้ชัด ดูให้กระจ่างแจ้งในใจตนเองให้ได้ก็แล้วกัน และท่านจะได้เห็น เรอื่ งราวทีผ่ เู้ ขียนชแ้ี ละสะกิดให้ดูความจริงน้ันมนั แปลก หากมีความอัศจรรย์ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในความรสู้ กึ ตรงนน้ั ตอ้ งเกดิ เปน็ ความอศั จรรยท์ ท่ี า่ นไดเ้ หน็ ความจรงิ ตนเอง ทีไ่ ม่ได้มคี วามอัศจรรย์ใดๆ กับผ้เู ขียนตรงน้ัน ตวั เหยี้ แบบผเู้ ขยี นไมม่ ี ความอศั จรรยอ์ ะไรในตนเองให้ใครมาแบกดว้ ย ส�ำหรับคนในกลุ่มสะเก็ดดาวทุกท่านได้พบความอัศจรรย์ที่ท่านได้ เหน็ ความจรงิ ตนเองมาแลว้ ในเนอ้ื หาตนเอง และถอดถอนความมลี งไปไดแ้ ลว้ บางส่วน ก็คงไม่แปลกใจอะไรกับเนื้อหาของผู้เขียน เพราะเป็นส่ิงท่ีท่าน พิสูจน์แล้วด้วยตนเอง ว่าท�ำได้เอง รู้ได้เอง เป็นได้เอง ประจักษ์แจ้งใน ธรรมชาติตนเอง แต่ส�ำหรับผู้ที่เดินทางมาใหม่ก็ต้องเดินตามมาดูเรื่องราว ตนเอง มาดูความจริงของตนเองท่ีผู้เขียนช้ีและสะกิดให้ดู ว่าการถอดถอน ความมนี ัน้ ทา่ นสามารถท�ำไดเ้ องแบบง่ายๆ 76

ความซับซ้อนในธรรมชาติที่รู้สึกอยู่ตลอดเวลา เป็นสิ่งที่คอยบดบังความจริงของธรรมชาติตนเอง เพราะตนเองเดินทางย้อนกลับไปหาต้นเหตุไม่เป็น ไม่มีใครมาช้ีให้ดู ว่าเหตุแห่งธรรมชาติ แท้จริงคืออะไร แท้จริงคือ ไม่มีเรื่องราวใดๆ ในตนเอง จึงวางเหตุตนเองลง ไม่แสวงหาเหตุแห่งธรรมนั้นอีก 77

ค่มู อื บรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง ดู และ รู้ คืออะไร ดู คือ ดูในความรู้สึกภายในของผู้อาศัยท่ีเป็นอิสระอยู่ตลอดเวลา รู้สึกเพียงแค่ ดูผ่าน เร่ืองราวความเป็นอิสระท่ีรู้สึกอยู่กับสภาวะธรรมชาติ ความจริงของตนเองขณะนั้นที่มี ไม่ไปแตะต้องในส่ิงที่ดูผู้อาศัยท่ีเป็นอิสระ อยู่ ดูทีร่ ูส้ ึกไดแ้ คด่ ูผา่ นเร่อื งราวที่รูส้ ึกในดตู รงนั้นไปเลย ไมไ่ ดเ้ ป็นเจ้าของใน ส่ิงทดี่ ู คือดูผา่ นความจริงธรรมชาติตนเองไปเลยตรงนั้น รู้ คือ รู้สึกถงึ ภายในที่ลึกลงไปอกี เหน็ สงิ่ ท่ี ดู อยู่ แตไ่ มแ่ ตะตอ้ งในสงิ่ ที่ดู รู้ที่ดูความรู้สึกตรงนั้นจึง รู้ผ่าน ในการดู ก็ปล่อยให้ดูเป็นอิสระในสิ่งท่ีดู รจู้ งึ รสู้ กึ เปน็ อสิ ระในธรรมชาตติ รงนนั้ ไปดว้ ย ไมม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของในสงิ่ ทรี่ แู้ ละดู ดูและรู้เกิดขึ้นพร้อมกันในขณะหนึ่งที่ท่านรู้สึกถึงอิสระท่ีมีอยู่ภายใน แต่แยกขาดจากกันเหมือนซ้อนกันอยู่ในความรู้สึกตรงนั้นซึ่งเร็วมาก ท่าน อาจจะรบั สมั ผัสไมไ่ ด้เลย ส�ำหรับผเู้ ขียนหากเขียนบรรยายใหค้ นอ่าน คนอา่ น อา่ นแลว้ อาจงงไปเลย เพราะเปน็ สง่ิ ทร่ี ไู้ ดเ้ ฉพาะตน เปน็ ประสบการณส์ ว่ นตวั เคยพูดให้ทา่ นในกลมุ่ สะเกด็ ดาวฟงั มาแลว้ มนั ซบั ซอ้ นมากย่ิงพูดก็ยิง่ ฟ้งุ เอา เปน็ วา่ เข้าถงึ ได้เองจะรู้เองแล้วกัน แตค่ วามซบั ซ้อนตรงนี้ทา่ นคงเข้าใจยาก ขอใหท้ ่านเขา้ ใจเพยี ง ดผู ่าน รู้ผ่าน ความจรงิ ภายในตนเอง ท่ีรสู้ กึ ได้แตะต้องไมไ่ ด้ ในสิ่งทด่ี แู ละรู้ การ ดแู ละรู้ ท่ีบอกไมไ่ ด้หมายถงึ ตามดู ตามรู้ นะท่านทงั้ หลาย อยา่ ส่ือความหมายในภาษาใหค้ ลาดเคลือ่ นอีก 78

ค่มู ือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง อุปมา ดู เหมือนท่านดูรถที่ว่ิงผ่านไปบนถนน และรู้ รวู้ ่ามีรถ ทด่ี ูรถ วิ่งผ่านไปเท่านั้น คือรู้ต้นเหตุว่ามีรถ แต่ไม่ปรุงแต่งในการดูและรู้ของรถ ท่ีว่งิ ผา่ น ในขณะตรงนน้ั คอื รู้ตน้ เหตุ ไม่แตะในเหตุ ทีด่ ูและรู้ ท้งิ ส่ิงท่ดี แู ละรู้ ผา่ นไปเลย หากท่านแตะในดูและรู้ จะเกิดตามดูตามรู้ ท่ีท่านเป็นเจ้าของใน ความรูส้ ึกตรงนน้ั ขนึ้ ทันทีพร้อมกนั ตามดู นนั้ เหมอื นมคี วามรสู้ กึ อยากเปน็ เจา้ ของในดู ความรสู้ กึ ตรงนนั้ ที่เงียบมาก แตะในดู เกิดการตามดูขึน้ มาแทน มีเรื่องราวของรถทวี่ งิ่ ผา่ น เกดิ เรอ่ื งปรงุ แตง่ ในสง่ิ ท่ีตามดู มีสีรถ มีรปู ทรง มแี ผน่ ป้ายทะเบียน เน้อื หาตรงน้ี คือความจำ� ท่ีเคยบนั ทกึ ไวใ้ นตนเองจะปรากฏพรง่ั พรอู อกมาเองเลย เพยี งแค่ แตะดเู ทา่ น้ัน กลายมาเป็น ตามดู มคี วามจ�ำซอ้ นขน้ึ มาทันที เกิดความเข้าใจ ไปเลยมีความคิดเรื่องราวปรากฏในความรู้สึกท่ีซ้อนๆ กัน และมีท่านเป็น เจ้าของตรงน้ไี ปเลย ตามรู้ กร็ สู้ กึ ถงึ ภายในทลี่ กึ ลงไปอกี เหน็ พรอ้ มกนั ในสง่ิ ทต่ี ามดู จงึ เกิด ตามรู้ที่ดูความรู้สึกภายในเข้าใจในรายละเอียดของรถตรงนั้นไปเลย เป็น เจ้าของเงียบๆ พร้อมกันกับสิ่งท่ีตามดูตรงน้ัน มีตนเองเป็นเจ้าของในส่ิง ท่ตี ามรูไ้ ปดว้ ย ธรรมชาตติ รงนี้เนยี นมาก และเปน็ กบั ดกั ธรรมชาตชิ นั้ ดเี ลยของตนเอง ท่ีวางล่อให้ติดใจในเร่ืองราวอยู่ตรงนั้น น่ีแหละที่ผู้เขียนบอกว่า ธรรมชาติ ภายในตนเองเขาจะมาทดสอบภายในตนเองตลอดเวลา ต้องใช้ความอดทน อย่างมากท่ีจะฝ่าดา่ นกับดักทไี่ ม่รสู้ กึ ตัวตรงน้ี 79

คมู่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง ฝึกวินัยให้เป็นนิสัย ด้วยก�ำลังใจภายในตนเอง สำ� หรับผู้เขยี น ฝึกการดูและร้ใู หช้ นิ ให้คุน้ จนเปน็ นิสยั เป็นวนิ ยั ตนเอง ดว้ ย ศรทั ธา สจั จะ ความเพยี ร และความอดทน ทไ่ี มแ่ ตะตอ้ งใดๆ ในธรรมชาติ ในขณะเดนิ ทาง มวี นิ ยั มน่ั คงแนว่ แน่ เพราะรสู้ กึ ไดใ้ นทกุ ขณะทเี่ ดนิ ทางจะตอ้ งมี อุปสรรคขดั ขวาง มธี รรมชาติภายในตนเองมาคอยทดสอบก�ำลงั ใจตลอดเวลา จึงไมป่ ระมาทกับส่งิ ท่ีพบที่เจอ ระวังตนเองอยตู่ ลอดเวลากลัวจะหลงใหลตาม ธรรมชาติตรงนนั้ ทีเ่ ขา้ มาลวงมาล่อหลอกในความรู้สึก แบบไม่รสู้ ึกตวั พวกทา่ นกต็ อ้ ง ดแู ละรใู้ หช้ ดั เจน จากนนั้ ตอ้ งเดนิ ตามเงอ่ื นไขทผ่ี เู้ ขยี น กำ� หนดไว้ ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามอยา่ งเครง่ ครดั มวี นิ ยั ทเี่ ขม้ งวดกบั ตนเองตามเนอื้ หา ท่ีผู้เขียนได้ช้ีและสะกิด เร่ือง “วงเวียนแห่งชีวิตแบบธรรมชาติตนเอง รู้สึก ไดแ้ ตแ่ ตะตอ้ งไมไ่ ด”้ หากทา่ นเดนิ ทางเขา้ ถงึ ไดใ้ นธรรมชาตเิ ดมิ แทต้ นเองจรงิ ๆ วงเวยี นแหง่ ชวี ติ จะหายไปในความรสู้ กึ ทา่ นเอง คอื 50% ขาดเพยี ง 1% เทา่ นน้ั ที่จะเตมิ เตม็ ให้เป็นอิสระแท้จริง หมดสงสยั ในธรรมชาติตนเอง ธรรมหรือเน้ือธรรมคือธรรมชาติของตนเองท่ีรู้สึกได้ตลอดเวลาทั้ง ภายนอกและภายใน ส่ิงท่รี ู้สกึ นัน้ เดมิ แท้ก็ไมเ่ คยเปน็ เจา้ ของกันและกนั ตา่ ง พึง่ พาอาศัยอย่รู ่วมกนั ในขณะหนง่ึ ๆ ทรี่ สู้ ึกตรงนั้น ธรรมชาตทิ เ่ี ปน็ ตนเองไม่มี รปู ไม่มีสี ไม่มเี ร่อื งราว แต่รสู้ กึ ได้ในเรื่องราวท้งั ภายนอกและภายในพร้อมกนั ไม่ได้เป็นเจ้าของในสิง่ ทร่ี สู้ ึก ไมส่ งสัยในเร่ืองราวใดๆ ที่รู้สกึ ความรสู้ กึ แท้จรงิ 80

คู่มอื บรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง ไม่มตี ัวตนไปรองรบั อะไร มีรแู้ ละไม่สนใจรู้ มอี สิ รภาพท่ีรสู้ กึ ตลอดเวลา แต่ไม่ เปน็ เจ้าของในอสิ ระทเ่ี ปน็ เรอื่ งราวผอู้ าศยั ทอี่ ยภู่ ายใน เปน็ อสิ ระตลอดเวลานน้ั ผเู้ ขยี นยกตวั อยา่ ง เสริมความเข้าใจให้ท่านได้เห็นภาพแทนความรู้สึกตามธรรมชาติที่ท่านสัมผัส ได้จริง ที่รู้สึกได้แต่แตะต้องไม่ได้ ตรงน้ีให้ชัดเจนข้ึนท่านจะได้เข้าใจมากขึ้น กบั เร่อื งราวภายในตนเอง อุปมา... “ผืนฟ้า” เป็นธรรมชาติเดิมแท้ของทุกชีวิตท่ีเป็นอิสระอยู่ ตลอดเวลาท่ีมองเหน็ ไดแ้ ละรสู้ กึ ได้ แต่สัมผัสและแตะตอ้ งไม่ได้ ไม่มกี ลางวนั กลางคืน ไม่มีเนื้อหาเร่ืองราวใดๆ ในตัวเอง ไม่มีรอยเช่ือมรอยต่อเป็นเน้ือ เดียวกันครอบคลุมทั้งจักรวาล อยู่ร่วมกันในธรรมชาติโดยรอบตรงน้ันที่เป็น อสิ ระตลอดเวลา เรอ่ื งราวตา่ งๆ ทมี่ อี งคป์ ระกอบอยรู่ อบผนื ฟา้ ทที่ า่ นมองเหน็ นั้น เกิดจากสภาพแวดล้อมท่ีพ่ึงพาอาศัยร่วมกันในธรรมชาติต่างมีอิสระร่วม กนั เปน็ ธรรมชาตทิ ม่ี ตี ลอดเวลา ไมม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของในเนอื้ หาในความรสู้ กึ ใดๆ ขณะนน้ั เลย แตเ่ พราะความไมร่ ใู้ นตนเอง จงึ เกดิ มตี วั ตนมารองรบั ในความรู้สกึ ท่ีต้องการจะครอบครององค์ประกอบในธรรมชาติที่เห็นอยู่รอบบนผืนฟ้า เกิดเป็นเร่ืองราวปรุงแต่งต่างๆ จนรู้สึกในความมีเร่ืองราวเน้ือหาท่ีมีอยู่รอบ ผืนฟ้านน้ั คอื ตนเองขน้ึ มาแบบไมร่ สู้ กึ ตวั ปรงุ แตง่ ธรรมชาตเิ ดมิ แทข้ องตนเอง ในขณะนั้นมาบดบังผืนฟ้าท่ีเป็นตนเองขึ้น ไม่รู้สึกถึงผืนฟ้าที่เคยเป็นตนเอง อยู่ตลอดเวลา แต่กลบั รสู้ ึกถงึ องคป์ ระกอบรอบผืนฟา้ ขึ้นมาแทน มีเร่อื งราว มีรปู ทรง มีภาษา มีการเรียนรู้ มีส่ิงจดจ�ำ มีการบันทึกเอาไว้ตลอดเวลา เกิด การรองรับเน้ือหาตรงน้นั เงียบๆ บดบงั ตนเองแตไ่ มร่ ้สู กึ ตัว ความปรารถนาของชวี ติ ทา่ น เปรยี บเหมอื นมตี วั ตนเกดิ ขน้ึ มารองรบั กับความรู้สึก มีความจ�ำที่เคยจ�ำไว้แทนค่าความรู้สึกที่เห็นเป็นรูป เป็นเสียง 81

ค่มู ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง ตรงนน้ั เกดิ ภาษาเรอ่ื งราวความมขี องตนเอง มี กลางคืนทมี่ ืด ในความมืดมี องคป์ ระกอบมากมายในความรสู้ กึ มดี วงจนั ทร์ มสี ะเกด็ ดาว มเี มฆหมอก และ มดี าวเคราะหท์ ใ่ี หแ้ สงสวา่ งใหค้ วามรสู้ กึ ปรงุ แตง่ ในความมดื ตรงนนั้ เกดิ สสี นั ใน ทม่ี ดื และเกดิ เรอ่ื งราวของชวี ติ ตนเองทร่ี สู้ กึ ปรงุ แตง่ ในขณะนน้ั มคี วามตอ้ งการ มากมายนับไมถ่ ้วนและมองไมเ่ ห็นในความปรารถนาตนเอง แตร่ ูส้ กึ อยูต่ ลอด เวลา และแทนค่าความรู้สึกที่จ�ำไว้เพ่ิมขึ้นอีก มี กลางวัน รู้สึกถึงแสงสว่าง จากดาวเคราะหท์ ใ่ี กลต้ วั คอื ดวงอาทติ ยท์ ส่ี อ่ งแสงสวา่ งมาก ใหค้ วามรสู้ กึ ในสง่ิ ท่ี เหน็ และรบั รทู้ กุ รายละเอยี ดทตี่ นเองเคยบนั ทกึ มา จนตวั ทา่ นยดึ ไวก้ บั ความจำ� ตนเองและถอื ครองในความรสู้ กึ ตนเอง เกดิ มรี ปู ทรงเรอื่ งราวทป่ี รงุ แตง่ ในขณะนน้ั เกิดความเข้าใจในเร่ืองราวต่างๆ บดบังผืนฟ้าลงไปอีกในความมี ตรงนี้ ทันทีที่ท่านเห็นเรื่องราวตรงน้ันจะบันทึกเรื่องราวตนเองไว้เงียบๆ ในความรสู้ ึกตนเอง แต่ทา่ นมองไมเ่ หน็ จากความเข้าใจตรงนั้น เกิดความคิดสวมทับลงไปในองค์ประกอบท่ีรู้สึกได้ภายใต้ผืนฟ้า แทนคา่ ความรู้สึกตรงนั้นเพม่ิ อีก มีมดื และสว่าง ก็มเี รื่องราวปรากฏในความ รูส้ กึ อกี มากมายจากความเขา้ ใจตรงนั้น ขยายและอธบิ ายความรสู้ ึกถงึ รูปทรง จากความเขา้ ใจท่ีบันทึกเขยี นบดบงั ผืนฟา้ ทีเ่ ปน็ อิสระอยตู่ ลอดเวลาเพ่มิ อกี เกิดเร่ืองราวท่ีจ�ำมาในส่ิงที่บันทึกไว้ตลอดทาง มีกลุ่มเมฆ ภูเขา ตน้ ไม้ ล�ำธาร แม่น�้ำ ลำ� คลอง หมอก ควนั คน สตั ว์ วัตถุสง่ิ ของตา่ งๆ ทเ่ี หน็ และปรุงแต่งต่อไปอีก จนเกิดเรื่องราวปรุงแต่งให้ท่านรู้สึกตลอดเวลาท้ังชีวิต ส่ิงต่างๆท่ีท่านรู้สึกขณะเดียวมีการบันทึกเขียนทับเรื่องราวตนเองเก็บไว้ เงียบๆ อยู่แบบน้ี จนเข้าใจในเน้ือหาทุกอย่างว่าตนเองคือผู้มีความเข้าใจใน ชีวิตตนเอง ท่านเคยย้อนมองตนเองจากเรื่องราวท่ีผู้เขียนช้ีให้ดูและสะกิด ใหเ้ หน็ แบบนไ้ี หม 82

ผืนฟ้า... เปรียบเหมือนอิสระท่ีอยู่ภายใน เป็นอิสระอยู่ตลอดเวลา เรื่องราวต่างๆ ที่เห็นโดยรอบบนผืนฟ้า คือองค์ประกอบของชีวิต เป็นสิ่งท่ีพึ่งพาอาศัยอยู่ร่วมกันตามธรรมชาติ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ผืนฟ้า... เป็นส่ิงๆ เดียวที่เป็นอิสระอยู่เหนือธรรมชาติ รู้สึกได้พร้อมกันในเน้ือหาเรื่องราวต่างๆ แต่ ไม่แตะต้องกัน จึงไม่สงสัยในเนื้อหาเร่ืองราวของกันและกัน มีอิสระอยู่ร่วมกันแบบธรรมชาติท่ีมีตลอดเวลา... 83

คมู่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง ความเข้าใจที่ไหลตามธรรมชาติ คือความจ�ำของตนเอง ความเขา้ ใจ ยงั มเี รอื่ งราวอยู่ บางทา่ นอาจจะคดิ ยอ้ นแยง้ ในความรสู้ กึ ตรงน้ี เพราะมผี รู้ เู้ รอื่ งราวมากมายมาสอนใหท้ า่ นเขา้ ใจไว้ และเกบ็ ความเขา้ ใจ ไว้ แตต่ รงกันขา้ มกับผ้เู ขยี นทไ่ี มไ่ ด้สอน แต่ชีแ้ ละสะกดิ ให้เหน็ ความจริง ความ เข้าใจยงั มีเร่ืองราวในตนเองอยู่ มีจรงิ ๆ และมีแบบเงยี บๆ ดว้ ยทีม่ องไม่เห็น และหาต้นเหตุไมไ่ ด้ ความเข้าใจตรงนีก้ ย็ ังไม่ใชต่ น้ เหตุแหง่ ทุกขอ์ กี ท่ีจะท�ำให้ ท่านเป็นอิสระได้จริง ความเข้าใจนี่แหละจะเป็นส่ิงผูกรัดความรู้สึกท่านให้ วนอยู่ตรงน้ี หากเข้าใจแบบไหลตามความจ�ำ จะรู้สึกเหนียวหนึบติดหนึบ จนแกะไมอ่ อก เพราะเปน็ สง่ิ ทตี่ ดิ ลกึ เหมอื นเปน็ เนอื้ เดยี วกบั ชวี ติ ตนเองไปเลย อุปมา... ความเขา้ ใจทใี่ ช้ความจ�ำเปรียบเหมือนสะเกด็ หนิ เล็กๆ ทนี่ �ำ มาผสมยางมะตอย แล้วเทราดบนพื้นถนน บดทับอัดแน่นด้วยรถหนักท่ีมี ขนาดใหญ่ จนสะเกด็ หินเลก็ ๆ นนั้ ตดิ หนบึ เปน็ เนอื้ เดยี วกบั ยางมะตอยไปเลย เมอื่ รถวิ่งผา่ นก็จะไมร่ ู้สึกถงึ ความส่นั สะเทือนของถนนเลย ความเขา้ ใจในส่งิ ที่ จ�ำมานั้นเนียนแบบถนนเทราดยางมะตอยตรงน้ีเลย ผู้เขียนต้องแคะต้องขุด เอาสะเก็ดหนิ เล็กๆ คอื ทา่ นออกมาจากยางมะตอย น�ำมาขดั เกลา ถอดถอน เพ่อื มาดูความจรงิ ของตน้ ตอในความรสู้ กึ ท่ีเปน็ ธรรมชาตติ นเอง ความเข้าใจที่ท่านเข้าใจนั้นยังมีเรื่องราวมาจากความจ�ำที่ไหลตามผู้ อน่ื อยู่ แตค่ วามเปน็ เดมิ แทข้ องธรรมชาตนิ นั้ ไมม่ เี รอ่ื งราวเปน็ อสิ ระทอี่ ยรู่ ว่ มกนั ต่างพึ่งพาอาศัยกนั ในขณะหนง่ึ ๆ เทา่ นนั้ ไมม่ คี วามหมายจากเรอ่ื งราว ไมม่ ใี คร เปน็ เจา้ ของ ไมม่ ใี ครครอบครองใครในธรรมชาตติ รงนนั้ ไมส่ งสยั ในธรรมชาตทิ ่ี มอี ยรู่ ว่ มกนั หรอื เรยี กตามภาษาวา่ “หมดสงสยั ในธรรมชาตติ นเอง” 84

คมู่ ือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง แต่เรอื่ งราวของธรรมชาติที่พลิกผันเปลี่ยนแปลงนนั้ เกดิ จากมีตวั ตน ท่ีมาจากไหนก็ไม่รู้ โดยมีท่านนั่นแหละท่ีมีความรู้สึกตรงนี้เกิดขึ้น เกิดเป็น ตวั ตนท่านขึน้ มา มีตัวตนข้นึ มา ก็มภี าษาทีใ่ ชส้ ่ือสารร่วมกนั เกิดการเรยี นรใู้ น ภาษาถา่ ยทอดเปน็ ภาษาสภู่ าษาใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจรว่ มกนั (เนอื้ หาตรงนคี้ อื การ เรมิ่ บนั ทกึ เปน็ ความจำ� ซอ้ นความจำ� เกบ็ เงยี บในเรอ่ื งราวทกุ อยา่ งไวแ้ บบลกึ ๆ มอง ไมเ่ หน็ คอื เหมอื นสะเกด็ หนิ เลก็ ๆนน่ั เอง) พอมตี วั ตนทา่ น จงึ ใชค้ วามรสู้ กึ เหมอื น แทนคา่ เปน็ ภาษาตามทเี่ รยี นรแู้ ละจดจำ� มา มคี วามปรารถนาเกิดข้นึ ซอ้ นความ จริงในความร้สู กึ ของธรรมชาติทไี่ มร่ ู้ค�ำว่า ความปรารถนา คืออะไร ท่านเอา ความรสู้ กึ ทา่ นแทนคา่ ออกมาเปน็ ภาษาเลยตามทไ่ี ดเ้ รยี นรมู้ า เกดิ ความเขา้ ใจ ในคำ� วา่ ความปรารถนา ในภาษาซอ้ นทบั ขนึ้ อกี เอาความคดิ ตอ่ ในความเขา้ ใจ ตรงนน้ั ในสงิ่ ทปี่ รารถนา เปน็ ภาษาซอ้ นทบั ลงไปอกี เกดิ เรอ่ื งราวเนอ้ื หาขน้ึ มรี ปู ทรง ขน้ึ จากความคิด ท่ีคดิ ตอ่ มาจากความเขา้ ใจในส่งิ ทีป่ รารถนาในขณะทรี่ ้สู กึ ใน ขณะเดียว เป็นภาษาซอ้ นทบั เพิม่ ลงไปอีก เกดิ มีรปู ทรงเร่อื งราวในขณะหนึ่ง นดิ เดียวตรงนนั้ มกี ารเขยี นบนั ทกึ ความจำ� ทบั กนั มาขนาดนี้ ทา่ นลองรสู้ กึ ตาม ความจรงิ ของตนเองดู วนิ าทสี นู่ าที นาทสี ชู่ ว่ั โมง ชว่ั โมงสวู่ นั วนั สเู่ ดอื น เดอื นสปู่ ี ปสี ู่ปี การเขยี นบนั ทกึ จดจำ� ทที่ า่ นเขยี นบนั ทกึ ทบั ถมตนเองมมี ากมายขนาดไหน หากเปรียบผนื ฟา้ เป็นเลข 0 ท่ีเปน็ อสิ ระตลอดเวลาน้นั ตอนนท้ี ่าน มองไมเ่ หน็ วา่ เลข 0 ของตนทีเ่ ปน็ อิสระตลอดเวลาได้เลย เพราะอะไร เพราะ ทา่ นมีการปรงุ แต่งจากความเข้าใจ และเขยี นทบั ความเข้าใจอยู่ตลอดเวลาแต่ ท่านมองไม่เห็น ส่ิงที่เข้าใจนั้นจึงมีเรื่องราวในตัวมันเองอยู่ตลอด เพราะ ความเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ งคอื การยอ้ นทวนไปหาตน้ เหตุ คอื สงิ่ เกดิ ขน้ึ ครงั้ แรกตรง เหตเุ รม่ิ ตน้ หากทา่ นไมไ่ หลตามหรอื แตะตอ้ งในตน้ เหตจุ ะไมม่ ผี ลใดๆ ในเหตุ ตรงน้ัน เพราะโดยธรรมชาติเดิมแท้ “ไม่มีความเข้าใจใดๆ” ในตนเอง แต่ พอท่านแตะในเหตุ ความเข้าใจจึงเกิดผลของความเข้าใจ ไหลตามเน้ือหามี เรอ่ื งราวขยายตวั มนั เองออกไปเรอ่ื ยๆ เปน็ ผลลงสเู่ หตุ เกดิ เปน็ เหตใุ หมล่ งสผู่ ล 85

คู่มือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง จากความเข้าใจขยายความเขา้ ใจตวั เองตามท่จี ำ� ไว้ วนิ าทีสู่นาที นาทสี ู่ช่วั โมง ช่ัวโมงสวู่ นั วันสู่เดอื น เดอื นสปู่ ี ปีสปู่ ี เรอ่ื งราวท่ีมอี ยใู่ นความเข้าใจปรุงเป็น ความคิดฟ้งุ แบบหาท่ีจบลงไมไ่ ด้ เหมือนตวั เลข คือเลข 0 พอเกิดความเข้าใจ ครง้ั นงึ ทา่ นก็เขียนทับ เลข 0 ครัง้ นึง เป็นการเขยี นทบั อยู่แบบนีต้ ลอดเวลา หากเปน็ การยอ้ นทวนความเขา้ ใจตรงนใ้ี หก้ ลบั ไปสตู่ น้ เหตตุ นเอง ทา่ นก็ ตอ้ งคดิ ถงึ เดก็ แรกเกดิ ทผ่ี เู้ ขยี นเคยบรรยายไว้ คอื เรอ่ื งทไี่ มเ่ คยแบกเนอ้ื หาในตนเอง มเี พยี งความรสู้ กึ ดแู ละรอู้ ะไรบางอยา่ งทก่ี ระทบและสงสยั พอหยบิ จบั ขึน้ มาดู และรกู้ ป็ ลอ่ ยกลบั คนื ไปในธรรมชาตติ รงนน้ั มกี ารบนั ทกึ ไวใ้ นดแู ละรตู้ รงนนั้ แต่ ไมป่ รงุ แต่งไม่จดจ�ำแคร่ สู้ ึกลอยๆ เทา่ นัน้ เอง จึงไม่มีเรื่องราววา่ ทด่ี ูและรอู้ ะไร หรอื เข้าใจอะไร จึงมีอิสระที่เปรยี บเหมือนผนื ฟา้ ทเี่ ป็นอิสระในขณะนนั้ หรอื เปน็ เลข 0 อยอู่ ยา่ งนน้ั เปน็ อสิ ระนดิ หนง่ึ ไดก้ เ็ บากโ็ ลง่ สบายในความรสู้ กึ ตนเอง ผืนฟา้ เปรียบเหมือนผอู้ าศยั ท่ีเปน็ อิสระอยู่ตลอดเวลา เปน็ สิง่ ๆเดยี ว ท่ีไม่มีรอยเช่ือมต่อครอบคลุมทั่วทุกจักรวาล ไม่มีรอบ ไม่มีระยะทางสั้นยาว กว้างแคบ ไมม่ ีขอบเขต ไม่มรี ปู ไมม่ สี ี ไมม่ เี น้อื หาในตนเอง ไม่เคลื่อนไหว แต่ รู้สกึ ได้ เปรยี บเป็นผูอ้ าศยั ทอ่ี ยภู่ ายในเป็นอิสระตลอดเวลาหรือธรรมชาติเดิม แท้ทม่ี ใี นทกุ ชีวิต ความปรารถนา ของทกุ ทา่ นคอื ความมี ทมี่ มี ากมายสารพดั เรอ่ื ง เปรยี บ เหมอื นดาวเคราะห์และสะเก็ดดาวท่ีนับจ�ำนวนไม่ได้ เมื่อปรารถนามากจึงมี ความเขา้ ใจในเรอื่ งราวทไี่ หลออกมามากจากความจำ� ทเี่ คยบนั ทกึ ไวม้ ากเชน่ กนั ความเขา้ ใจ ทจ่ี ดจำ� เรอื่ งราวตา่ งๆไวใ้ นความรสู้ กึ ตนเอง เปรยี บเหมอื น ดวงอาทติ ยแ์ ละดวงจนั ทรท์ ใี่ หแ้ สงสวา่ ง ทำ� ใหม้ องเหน็ ในเนอ้ื หาชวี ติ และบนั ทกึ เร่ืองราวเอาไว้เงียบๆ รู้สึกแล้วเกิดรูปทรงทันที เกิดการปรุงแต่งท่ีมีอิทธิพล โดยตรงต่อท่านตลอดเวลาในสิง่ ท่ีจดจำ� และบันทึกเรือ่ งราวตนเองไวเ้ งยี บๆ เกดิ ความนึกคดิ สวมทับเรื่องราวทันที เพราะจดจำ� ไว้ไดห้ มดแล้วจงึ 86

คมู่ ือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง ปรงุ แตง่ เรอ่ื งราวไดร้ วดเรว็ ทนั ใจ เกดิ ความหมายในองคป์ ระกอบตา่ งๆ ทรี่ สู้ กึ ใน ขณะนนั้ เลย อยากได้ อยากมี อยากเปน็ ในเรอื่ งราวตา่ งๆ ของชวี ติ ในตรงนน้ั ตน้ เหตใุ นความมที ร่ี สู้ กึ ตรงนนั้ มองไมเ่ หน็ กนั ไดง้ า่ ยๆ ทที่ า่ นมองเหน็ ไดง้ า่ ยในตนเองคอื ผลทเี่ กดิ ขนึ้ จากตน้ เหตคุ วามมตี รงนน้ั ยดึ ไว้ แบกไวท้ นั ที พยามยามจะทิ้งจะวางที่ผลของเหตุความมี จึงไม่เกิดความส�ำเร็จในตนเอง เพราะมองไม่เห็นตน้ ตอในเหตุตรงนัน้ จงึ เกิดเป็นตน้ เหตตุ วั ใหม่จากการวางที่ ปลายเหตแุ ละลงสผู่ ลทเี่ กดิ ใหมอ่ ยแู่ บบนี้ เกดิ ดบั ๆ ไมม่ ที ส่ี ดุ ในความรสู้ กึ ตนเอง จงึ มแี รงบบี คนั้ อดึ อดั ในความรสู้ กึ อยตู่ รงนนั้ ตลอดเวลา ความรสู้ กึ ทต่ี นเองเขา้ ใจ จึงหนักขึ้นไปเร่ือยๆ เพราะไม่รู้ว่าส่ิงท่ีตนเองเล่นตรงนั้นคือความจ�ำที่ตนเอง จำ� ไวไ้ ดไ้ หลตามธรรมชาตติ ลอดมา เลยฟงุ้ ซา่ น เพราะมาเลน่ อยตู่ รงผลของเหตุ จากผลสู่เหตุจากเหตุใหม่ลงสู่ผล อยู่แบบน้ี แต่ต้นตอแท้จริงของเหตุมองไม่ เหน็ เปรยี บเหมอื นการบนั ทกึ ความจำ� ทเ่ี ขยี นทบั ความจรงิ ตนเองมาเรอื่ ยๆ อยู่ แบบน้ัน เกิดเป็นความจ�ำตัวใหม่ๆๆๆ และเกิดความจ�ำตัวใหม่ในเรื่องเดิม อธบิ ายความจำ� ในเร่อื งเดิมเปน็ สายทอดยาวทท่ี บั ถมตนเองไว้ จนมองไม่เหน็ ความจริงของอิสระตนเองท่ีมตี ลอดเวลา ท่านลองออกไปยืนกลางแจ้งแล้วดูความจริงของธรรมชาติตนเองที่ เปน็ อิสระอยู่ตลอดเวลา คือ ผนื ฟา้ ผืนฟา้ เปน็ สง่ิ ๆ เดียวท่เี ปน็ อสิ ระอยู่ตลอด เวลา ไม่เคลื่อนไหว ไม่เปลี่ยนแปลง ด�ำรงคงอยู่แบบนี้ ไม่มีเร่ืองราวใดๆ ที่ แทรกเขา้ ไปในเนอื้ ผนื ฟา้ ได้ สง่ิ ๆ นค้ี อื ธรรมชาตเิ ดมิ แทท้ ไ่ี มส่ งสยั สภาวะตนเอง จะเปน็ สง่ิ ๆ เดียวกนั อุปมาคลา้ ย...คลา้ ยแบบน้ี สง่ิ ทท่ี า่ นเหน็ ในขณะยนื ดผู นื ฟา้ อยู่ จะเหน็ องคป์ ระกอบตา่ งๆ ภายใต้ ของผืนฟ้าที่เคล่ือนไหวเปลี่ยนแปลงสภาพอยู่ตลอดเวลาท่ีรู้สึกได้ ทุกองค์ ประกอบภายใต้ผืนฟ้าและผืนฟ้าน้ัน เป็นส่ิงพ่ึงพาอาศัยร่วมกันเท่าน้ันเอง ต่างมีอิสระของใครของมันท่ีรู้สึกได้ ไม่มีใครแตะต้องกันและกัน จึงไม่มีใคร เป็นเจา้ ของในธรรมชาตใิ ดๆ ในธรรมชาติ 87

คมู่ ือบรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง เหตุแห่งธรรมเม่ือเข้าถึงไม่มีผลแห่งธรรม ผู้เขียนเชื่อว่า เรื่องท่ีผู้เขียนบรรยายมาท้ังหมดในหนังสือคู่มือบรรลุ ธรรม ในธรรมชาติตนเอง เลม่ นี้ คงเป็นส่งิ แปลกใหมส่ �ำหรับท่านผู้อ่าน เพราะ เรอ่ื งราวต่างๆ ที่ผเู้ ขียนชี้และสะกดิ น้นั ท่านผอู้ ่านยงั ไม่เคยบนั ทึกความจ�ำไว้ ในเรอ่ื งราวเนอื้ หาแบบน้ี จึงร้สู ึกยอ้ นแยง้ กบั ความรู้สึกในความจำ� ที่เคยบันทกึ จดจำ� ไวก้ ับเนือ้ หาของเดิมท่ีเคยเรียนรู้มาจากผรู้ เู้ รื่องราวท่านอนื่ ๆ ส่งิ ท่ีท่าน ไดอ้ า่ นในบทความของผเู้ ขยี นตรงน้ี ทา่ นกจ็ ะมกี ารบนั ทกึ ลงในความจำ� ของทา่ น ใหมเ่ ชน่ กนั เรื่องราวท่ีผูเ้ ขียนชีแ้ ละสะกดิ ตรงนี้ เป็นส่ิงท่ีเป็นธรรมชาตเิ ดมิ แท้ ตนเองของท่าน ที่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยเข้าถึงเร่ืองราวตนเองแบบนี้มาก่อน หากท่านผู้อ่าน อ่านอย่างช้าๆ และย้อนทวนเน้ือหาจากบทความที่ผู้เขียนได้ บรรยายไว้แล้ว เอาความรู้สึกภายในของท่านเดินตามเร่ืองราวภายในตนเอง ดูและรู้ในความรู้สึกของตนเองท่ีมีอยู่ในภายในนั้น ท่านจะได้เห็นความจริง ของตนเอง ที่รสู้ กึ เข้าถึงเร่อื งราวเนอื้ หาในธรรมชาติตนเองได้แท้จริง และจะ วาง จะท้ิง จะถอดถอนเนือ้ หาเรื่องราวต่างๆ ที่เคยจดจ�ำบนั ทึกไว้ ท่ีถกู สอน มาจากผู้รู้เร่ืองราวทั้งหลาย พร้อมทั้งเนื้อหาเรื่องราวของผู้เขียนด้วย จะถูก ถอดถอนออกไปเองเชน่ กนั เพราะไมใ่ ชเ่ รอื่ งราวของทา่ นในธรรมชาตคิ วามจรงิ ความจริงของท่านก็คือ เรื่องราวธรรมชาติตนเอง ที่เป็นอิสระตลอดเวลา เปรยี บเหมือน ผืนฟา้ ตรงนัน้ 88

คู่มอื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง เนอ้ื หาเรอ่ื งราวตา่ งๆ ทผี่ เู้ ขยี นชแ้ี ละสะกดิ มาทงั้ หมดเกดิ จากประสบการณ์ การเดนิ ทางทไ่ี ปสสู่ ง่ิ สงู สดุ แลว้ และตอนนไ้ี ดย้ อ้ นทวนลงสจู่ ดุ เรมิ่ ตน้ ของตนเอง ใหมอ่ กี ครง้ั เพอ่ื ใหท้ กุ ทา่ นเดนิ ตามมาดคู วามจรงิ ทธ่ี รรมชาตเิ ดมิ แทต้ นเอง แบบ ของใครของมนั เสน้ ทางทผ่ี เู้ ขยี นเขา้ ถงึ คอื เรอ่ื ง เหตแุ หง่ ธรรมตนเอง ภาษาตรงนี้ กย็ งั เปน็ คำ� กลา่ วลอยๆ อยู่ หากผเู้ ขยี นไมอ่ ธบิ ายโดยการชแี้ ละสะกดิ ใหด้ ู พวกทา่ น ทุกคนจะไม่สามารถเห็นได้เองในเร่ืองราวธรรมชาติท่ีผู้เขียนได้เดินทางไปถึง เหตแุ หง่ ธรรมตนเอง กเ็ ปน็ ภาษา การชแ้ี ละสะกดิ ผเู้ ขยี นกต็ อ้ งใชก้ ำ� ลงั ใจตนเอง ย้อนทวนเรื่องราวต่างๆ จากประสบการณ์ตนเอง เขียนบรรยายโดยใช้ภาษา ทเ่ี ขา้ ใจงา่ ยๆ แตม่ คี วามซบั ซอ้ นในเรอื่ งราวในการเดนิ ทาง จงึ ตอ้ งแตง่ เรอื่ งราว เนอ้ื หาทท่ี า่ นสามารถเหน็ ไดจ้ รงิ รสู้ กึ ไดจ้ รงิ เรอื่ งราวทแ่ี ตง่ ขน้ึ กเ็ กดิ จากธรรมชาติ ท่ีมาปรากฏให้เห็นเป็นภาพติดในความรู้สึกภายในตนเองท่ีบรรยาย เหมือน อยากจะชี้และสะกิดให้ดูเรื่องใดก็มีภาพปรากฏมาเลย ก็ต้องยกความดีงาม ท่ีธรรมชาติเดิมแท้ท่ีมีอยู่นั้น ได้สร้างภาพและเนื้อหาเร่ืองราวให้ผู้เขียนได้ช้ี และสะกิดพวกท่านให้เห็นความจริงในเร่ืองราวตนเอง เนื้อหาที่บรรยายมา นนั้ ทา่ นอาจจะรู้สกึ แปลกๆ กบั ตนเอง เพราะไมเ่ คยได้ยนิ ได้ฟัง ได้อา่ น และ ไมเ่ คยมกี ารบนั ทกึ จดจำ� ไวใ้ นเนอื้ หาเรอื่ งราวแบบผเู้ ขยี นมากอ่ น คอื ใหท้ กุ ทา่ น ดแู ละรคู้ วามจรงิ ภายในตนเองทเ่ี ปน็ อสิ ระอยตู่ ลอดเวลา ทต่ี อ้ งถอดถอนความเชอ่ื ต่างๆ ท่ีเคยเชื่อวางไว้ก่อน เมื่อเข้าถึงได้จะรู้ได้ด้วยตนเอง ท่านจะท้ิงความ เชือ่ ต่างๆ ลงเอง และจะอยกู่ บั ความจริงที่เปน็ เดิมแทข้ องตนเอง เรื่องราวของผเู้ ขยี นตรงน้ี หากทา่ นได้อา่ นก็เป็นความเช่ือและเปน็ สิง่ ท่ีได้จดจ�ำไว้เช่นกัน ไม่ต่างจากความเชื่อที่ท่านผู้รู้เร่ืองราวต่างๆ ที่พูดที่สอน ทท่ี า่ นเคยเชอ่ื และจดจำ� ไว้ เรอ่ื งราวของผเู้ ขยี นทท่ี า่ นอา่ นมากจ็ ำ� ไวเ้ ชน่ กนั แต่ ความจ�ำตรงน้ีท่ีผู้เขียนเขียนบรรยายหากท่านประจักษ์แจ้งในเนื้อหาที่เขียน 89

ค่มู ือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง บรรยาย ความรสู้ กึ ภายในทจ่ี ดจำ� ของทา่ นจะถอดถอนความจำ� เดมิ ทไ่ี มใ่ ชเ่ รอ่ื งราว เน้ือหาของท่านทง้ิ ไดเ้ องโดยธรรมชาติ ความเข้าใจที่ถูกต้องตรงนีค้ อื การยอ้ น ทวนเรื่องราวตนเองไปทีละขั้นตอนในธรรมชาติตนเอง แต่ในอดีตท่านไม่มี การถอดถอนเรอ่ื งราวเน้ือหาด้วยตนเอง เรยี นร้อู ะไรมาแล้วกบ็ นั ทกึ เกบ็ เงยี บ ไว้เลยในคำ� สอนของทา่ นผรู้ ้เู รือ่ งราวทง้ั หลาย ส่ิงท่ีบนั ทึกจดจ�ำมาจงึ เปน็ ส่งิ ท่ี ไหลตามผู้อ่นื ตลอดเวลา จึงมองไม่เหน็ เนอื้ ธรรมในธรรมชาตติ นเอง หรือเหตุ แหง่ ธรรม ท่ีมอี สิ ระตลอดเวลา การไหลตามเรอื่ งราวของทา่ นในคำ� สอนและตวั ผสู้ อนหรอื ผรู้ เู้ รอ่ื งราว ที่สอน กจ็ ะมีความเชอื่ แบบเงยี บๆ และสงสัยในเรอ่ื งราวตนเองท่ีมอี ย่ภู ายใน ตลอดเวลา พยายามจะลบล้าง หักล้างความเชื่อต่างๆ ท่ีสงสัย ก็หยิบเอา ความจำ� ที่เคยจ�ำเอาไว้ออกมาเล่นอีก ท่านลองดูเร่ืองราวตรงนที้ ท่ี ่านเชอ่ื และ สงสัยในเน้ือหาท่ีมีภายในตนเองมาตลอด หาจุดเร่ิมและจุดจบไม่ลงตัวใน เรอ่ื งราวตนเอง เหมอื นจะจบแต่ไมจ่ บ คา้ งคาในความร้สู กึ ... อยู่แบบน้นั ความปรารถนาของท่านทมี่ มี ากมาย คือสงิ่ ต่างๆ ทที่ ่านตัง้ ความหวงั ไว้ในความรู้สึก คือส่ิงท่ีเคยมีการบันทึกเรื่องราวตนเองและจดจ�ำมาตลอด จากการท่ไี ด้เรยี นรมู้ าแลว้ แบบไม่ร้สู กึ ตนเอง เชน่ ความปรารถนาอยากหมด สงสัย ความปรารถนาในความมง่ั มใี นทรพั ย์สมบตั ิ ความปรารถนาในชวี ติ คู่ ชวี ติ ครอบครวั ความปรารถนาในการงาน ความปรารถนาในยศถาบรรดาศกั ด์ิ ความปรารถนาต่างๆ ของความรสู้ กึ ท่าน ฯลฯ กับเนอื้ หาความปรารถนาตรง น้ี โดยธรรมชาตเิ ดมิ แท้ของชีวติ ไมเ่ คยมมี าก่อนเลย เปน็ ความมที ป่ี รารถนา ในสงิ่ ทจี่ ดจำ� มาแล้วแบบไมร่ ู้ ว่ามีตนเองเปน็ ผแู้ บกอยู่ ความปรารถนา ใครเป็นผู้มี ความปรารถนา เกิดการเร่ิมต้นมาได้ อย่างไรกับความปรารถนาแบบน้ี ทา่ นเคยยอ้ นทวนถามตนเองบ้างหรือยัง 90

คมู่ ือบรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง ตรงน้ีที่ผู้เขียนเปรียบเหมือน “ปัจจุบันซ้อนปัจจุบันเลยปัจจุบัน ตนเอง” หรือ ความจริงท่ซี ้อนด้วยความจำ� จึงเลยขา้ มความจรงิ ตนเอง ปัจจุบันคือ ความจริง มีความรู้สึกขณะหน่ึงๆ เกิดข้ึนตรงนี้ไม่มี ใครเป็นเจ้าของความรู้สึก ยกตัวอย่าง ค�ำว่า ความปรารถนาเริ่มแรกความ รสู้ กึ ทเี่ รยี กวา่ ความปรารถนาตรงนไ้ี มเ่ คยมคี วามเขา้ ใจใดๆ ในเรอื่ งราวตนเอง มาก่อน ความปรารถนา จึงเป็นค�ำลอยๆ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ มีอิสระตนเอง อยู่ตลอดเวลา เปรียบเหมือน ผืนฟ้า ที่รู้สึกได้ แต่แตะต้องไม่ได้ ได้อาศัย พ่งึ พาในธรรมชาติความมีตา่ งๆ ท่ที ่านรูส้ ึกได้ วา่ มเี รื่องราวอยู่ร่วมกันในความ รสู้ กึ ตรงนนั้ แตไ่ มม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของ จงึ ไมม่ เี นอ้ื หาเรอื่ งราวทต่ี อ้ งแสวงหาตอ่ กนั (ตอนนท้ี า่ นยังไมไ่ ด้เป็นเจา้ ของความรูส้ กึ ในเร่อื งราวตรงน้ี) ปจั จุบันซอ้ นปจั จบุ ันตนเอง ความรู้สกึ ขณะหนึง่ ทีม่ อี ิสระตนเองอยู่ ถกู ซ้อนทับดว้ ยความอยากท่ี รูส้ ึกตรงนีท้ นั ที “ความปรารถนา” ค�ำๆ นีเ้ ม่ือก่อนเป็นคำ� ลอยๆ ไม่มีใครเปน็ เจ้าของ มอี ิสระในตนเอง การซ้อนทบั ดว้ ยความอยากทรี่ ้สู ึกมขี นึ้ มา มตี นเอง รองรบั ในความรสู้ กึ และเปน็ เจา้ ของในความรสู้ กึ ทนั ทตี รงน้ี ทเี่ คยบนั ทกึ จดจำ� ไวใ้ นเนอ้ื หาเรอ่ื งราวตา่ งๆ ในความมมี ากมายทม่ี จี ากสงิ่ ทเี่ คยเรยี นรไู้ วเ้ กดิ ความ ปรารถนาอยากได้ขึ้นมาทันที ความรู้สึกขณะท่ีมีอิสระตนเองถูกซ้อนทับ ด้วยความรู้สึกตนเองที่ท่านเป็นเจ้าของในความอยากในท่ีรู้สึกอยู่ มองแทบ ไม่ทัน จึงเกิดเรอ่ื งราวได้รวดเร็วเปน็ รปู ทรง เปน็ วัตถุสงิ่ ของมากมายในความ ปรารถนาตรงน้ัน และเอาความรสู้ กึ ตนเองครอบครองเร่อื งราวเนื้อหาตรงน้นั ไปเลย และเช่ือทนั ทวี า่ ตนเองเปน็ เจ้าของในส่งิ ๆ นี้ โดยชอบด้วยกฎหมาย มี กฎหมายทางโลกรองรบั วา่ ถกู ตอ้ งดว้ ย นค่ี อื ความรสู้ กึ ขณะหนง่ึ ทอ่ี สิ ระตนเอง ที่มีอยู่ถูกซ้อนทับลงด้วยความอยากและไหลตามธรรมชาติความมีของตนเอง คือความจ�ำซอ้ นทบั ความจรงิ ตนเอง 91

คู่มือบรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง เลยปัจจบุ นั ตนเอง ความเรว็ ในความรสู้ กึ ขณะหนงึ่ ทข่ี า้ มความจรงิ ตนเอง ทม่ี อี สิ ระอยแู่ ลว้ ท่ีรู้สึกไม่ได้เลยกับต้นเหตุในตนเอง โดนซ้อนทับกับเรื่องราวท่ีเคยจดจ�ำมา และอยากเป็นเจ้าของในความจ�ำตนเองกับเร่ืองราวเน้ือหาท่ีเคยเรียนรู้ไว้ แค่พรบิ ตาทีท่ ่านแตะต้องในความปรารถนาตรงนนั้ ท่านก็เปน็ เจ้าของความ ปรารถนาไปเลยทันที ปรุงแต่งความปรารถนาของตนเอง จนสมใจอยาก อยากมี อยากได้ อยากเป็น เป็นผู้ครอบครองความอยากทันที ติดบ่วง ธรรมชาตติ นเองไปเลย เมือ่ แตะตอ้ งในต้นเหตุตนเองท่ีมีอสิ ระอยแู่ ลว้ จะมี เร่ืองราวที่เป็นผลตามมาจากความจำ� ตนเองเกิดขน้ึ จึงเลยปจั จบุ ันตนเอง หากทา่ นใดท่ีมคี วามเขา้ ใจถูกต้องแทจ้ รงิ ของตน้ เหตุตนเอง ทีม่ อี สิ ระ อยู่ตลอดเวลา คือเร่ืองการย้อนทวนจากผลไปหาต้นเหตุ ท่านจะไม่กล้าท่ีจะ แตะตอ้ งตน้ เหตตุ รงนน้ั เลย ความเขา้ ใจถกู ตอ้ งแทจ้ ริงท่ีเห็นชัดเจนดว้ ยตนเอง แล้วว่าไม่สามารถท�ำอะไรกับต้นเหตุได้ ส่ิงท่ีท�ำได้เพียงแค่ดูผ่าน และรู้ผ่าน ความจริงที่เป็นต้นเหตุตรงนั้น ปล่อยให้เหตุท่ีมีตรงน้ันให้หมุนวนไปตาม ธรรมชาติ ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของธรรมชาติตรงนั้น ไม่มีใครเป็นเจ้าของใน ต้นเหตุ เร่ืองราวทุกอย่างจะไม่มีผลตามมาซ้อนความรู้สึกให้ท่านต้องเข้าใจ อะไรอกี และ ครอบครองเรื่องราวใดๆ ในธรรมชาตอิ ีก หมดสงสัยก็ไมม่ ีสงสัย ในตนเองแลว้ เปรยี บเหมอื นปจั จบุ นั คอื เรอ่ื งราวความจรงิ ทไ่ี มม่ ตี น้ เหตใุ นตนเอง เร่อื งราวในความรูส้ ึกในขณะน้ัน จงึ ไมม่ ีปจั จบุ ันซอ้ นปัจจบุ ันตนเองอกี ตอ่ ไป 92

คู่มือบรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง ความจ�ำมีอิสระในตนเอง ไม่มีใครเป็นเจ้าของเช่นกัน ท่านอาจจะไม่เคยรู้เร่ืองราวในความจ�ำที่มีอิสระในตนเองแบบนี้มา กอ่ น ชวี ติ มี 2 สว่ น ทอ่ี าศยั พง่ึ พาอยรู่ ว่ มกนั ตามธรรมชาติ สว่ นท่ี 1 คอื รปู ทรง เรียกว่า รา่ งกาย มีอวยั วะภายนอกและภายในทม่ี อี งค์ประกอบหลายอย่างมา รวมไว้ตามธรรมชาติ ส่วนท่ี 2 คือ ผู้อาศัย ท่ีมีอิสระอยู่ตลอดเวลา อาศัยอยู่ ภายในรูปทรงร่างกาย รู้สึกได้แต่แตะต้องไม่ได้ ท้ังสองส่วนมีความจ�ำเช่น เดยี วกนั แตแ่ ยกขาดกนั มีอสิ ระของใครของมันตามธรรมชาติ ท่พี ่งึ พาอาศยั อยรู่ ว่ มกันเทา่ นนั้ ไม่มใี ครเปน็ เจา้ ของในความจำ� ทมี่ ีตรงนนั้ ผู้เขยี นตอ้ งช้ีและสะกดิ ให้ทา่ นไดเ้ ขา้ ใจถ่องแทใ้ นเรื่องราวความจำ� ทมี่ ี การบนั ทกึ ในเนอ้ื หาตนเองตง้ั แตเ่ กดิ จนถงึ ชว่ งวยั ปจั จบุ นั ตนเอง ความเปน็ อสิ ระ เดมิ แทข้ องตนเองมีอสิ รภาพในทกุ เรอื่ งราวในธรรมชาติ ธรรมชาตเิ ดิมแทค้ อื ต้นเหตุตนเองในเหตุแห่งธรรม ที่ตนเองก็ไม่ได้เป็นเจ้าของต้นเหตุ จึงมี เหมือนไม่มี หมดเร่อื งราวตนเองไปตามธรรมชาติ เรอ่ื งราวความจำ� ของทกุ ชวี ติ ทมี่ นี นั้ มอี ยทู่ งั้ 2 สว่ น มที รี่ า่ งกายและมี ผู้อาศัยท่ีเป็นอิสระ แต่ไม่มีใครเป็นเจ้าของในความจ�ำตรงน้ัน รู้เห็นได้ยาก มาก หากทา่ นทง้ั หลายยงั เขา้ ไปไมถ่ งึ ธรรมชาตติ นเองในเหตแุ หง่ ธรรม ทผี่ เู้ ขยี น ไดช้ แ้ี ละสะกดิ ให้ดูในเรอ่ื งราวทีผ่ า่ นมา วงเวียนแห่งชีวติ ทีร่ สู้ กึ ไดแ้ ต่แตะตอ้ ง ไม่ได้ การจดจำ� จะมบี ันทึกไวท้ ่ีร่างกายและท่ผี ู้อาศยั ท่ีเปน็ อสิ ระโดยตวั มันเอง ตลอดเวลา บันทึกทั้งรูปทรงและความรู้สึกทุกขณะ สิ่งที่ท่านเห็นและรู้สึก เข้าใจข้ึนมานั้น คือเรื่องราวที่มีการบันทึกและจดจ�ำไว้มาก่อน พอเกิดความ 93

คูม่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง รสู้ กึ สมั ผสั กบั อะไรกม็ รี ปู ทรงขน้ึ มาในความรสู้ กึ ทนั ที การเดนิ เขา้ ไปดเู รอื่ งราว ความจ�ำทีเ่ คยบนั ทึกนัน้ ทา่ นจะตอ้ งใชค้ วามรสู้ กึ ภายในตนเอง เขา้ ไปดคู วาม ร้สู กึ ภายในตนเอง ทร่ี ู้สึกในขณะนน้ั ในการเริ่มต้นของการเดินทางที่จะเข้าไปดูความรู้สึกภายในตนเอง ของทา่ นใหเ้ ข้าใจในเน้อื หาตนเอง ต้องเขา้ ใจเร่ืองวงเวยี นชีวิตของตนเองให้ได้ เป็นพ้นื ฐานมัน่ คงกอ่ น ถึงจะได้เหน็ เรือ่ งราวความจรงิ ในเร่อื งความจ�ำทเ่ี ปน็ อสิ ระในความจำ� ที่เป็น ทผ่ี เู้ ขยี นอธบิ ายผา่ นมามากมาย “ถา้ ไมม่ คี วามจำ� จะไมเ่ กดิ ความเขา้ ใจ จะไม่เกิดความคิดในเรอื่ งราวตา่ งๆ” คอื เปน็ ส่งิ ๆ เดยี วกนั ตามธรรมชาตทิ เี่ ปน็ อิสระอยรู่ ่วมกัน ความจำ� เกดิ จากสง่ิ ทเ่ี รยี นรเู้ รอ่ื งราวตา่ งๆ จากการฟงั การพดู การเขยี น การอ่าน ท่ีมีผู้รู้เร่ืองราวทั้งหลายมากมายมาสอน มาพูด มาเขียน มาอ่านให้ ท่านรับรู้ เกิดการบันทึกความจ�ำต่างๆ ตรงน้ันซ้อนๆ กันมากมายในแต่ละ ชว่ งวยั ตนเอง ความจำ� จงึ เปน็ เหตทุ ต่ี อ้ งเขา้ มาดใู หเ้ หน็ ถงึ ตน้ เหตใุ นความจำ� วา่ มีเหตุเริ่มต้นมาจากตรงไหน เหตุเร่ิมต้นท่ีท่านต้องเข้ามาดูให้เห็นถึงต้นเหตุในความจ�ำท่ีมีการ บนั ทกึ และจดจำ� ไวใ้ นเรอ่ื งราวตา่ งๆ ซงึ่ ทา่ นจะเหน็ ไดต้ ามความเปน็ จรงิ ทท่ี ง้ั 2 สง่ิ น้ี ตา่ งพงึ่ พาอาศยั รว่ มกนั ในความเปน็ อยเู่ ทา่ นน้ั มอี สิ ระในสว่ นรา่ งกายและ มีอิสระภายใน ทเ่ี ป็นอิสระพรอ้ มกัน ไม่มใี ครเปน็ เจา้ ของในเรอื่ งราวใดๆ โดย เดิมแท้ของธรรมชาตแิ ล้วทั้ง 2 สง่ิ น้ี ใช้เพยี งสัญชาตญาณในการเป็นอยูต่ าม จรงิ เทา่ นัน้ หมนุ วนตามธรรมชาตทิ ่ีไมม่ ีใครรองรับในเรื่องราว จงึ ไม่มเี กิดดับ คือดูผา่ น รผู้ า่ นไปเลยเรือ่ งราวทร่ี ้สู กึ ได้ แตะต้องไมไ่ ด้ “น่ีคอื ต้นเหตุเดิมแท้ ตนเอง” ทีไ่ มม่ ีใครรองรบั ในเรื่องราว เปรยี บเหมอื นไม่มีผลในเหตุตรงนน้ั จึง มอี สิ ระอยรู่ ่วมกันตามธรรมชาติตนเอง 94

คูม่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง แต่ผลของต้นเหตุท่ีท่านเข้าไปแตะต้องในเหตุตรงนั้นจะเรียกว่าความ จำ� หรอื อะไรกต็ าม ตรงนนั้ มเี กดิ ดบั อยตู่ ลอดเวลาเพราะมกี ารปรงุ แตง่ ในผล สู่เหตุตัวใหม่ ไม่มีที่จบลงได้ เปรยี บเทยี บวา่ “ความจ�ำเป็นต้นเหตุ” ทร่ี ู้สึกได้ แตแ่ ตะตอ้ งความจำ� ตนเองไมไ่ ด้ จงึ มกี ารปรงุ แตง่ ในผล ลงสเู่ หตตุ วั ใหม่ แคน่ เ้ี อง ธรรมชาติเดิมแท้ในความจ�ำของทุกชีวิตตรงนี้ เป็นสิ่งที่มี ท่ีเป็นใน เร่ืองราวของชีวติ ตนเอง ท่ีตอ้ งอาศัยพึ่งพากันและกันในการดำ� เนนิ ชวี ิต หาก ไมม่ คี วามจ�ำตรงน้ชี ีวิตท่านจะเปน็ อยา่ งไร กเ็ ปน็ อสิ ระแบบไม่ต้องจำ� แบบท่ี ไม่ตอ้ งจ�ำตรงนเี้ กดิ เองเปน็ เองในธรรมชาติเช่นกนั ทา่ นไปสรา้ งไปท�ำข้ึนก็ไม่ ได้อีกเชน่ กัน อา่ นไปอา่ นมาแล้วทำ� ไมถึงซบั ซ้อนขนาดน้ี ผู้เขยี น เขียนเองยัง รู้สึกถึงความซับซ้อนมากมายเขียนอธิบายยากมากๆ พอเป็นจริงแป๊บเดียว เป็นความรเู้ ฉพาะตนไปเลย อปุ มา ความจำ� เกิดความเข้าใจ มคี วามคดิ เกดิ เรื่องราวในขณะหนงึ่ ที่ท่านรู้สึก ความรูส้ กึ ขณะนนั้ มีส่งิ ทีด่ ูและรูร้ องรับอยู่ ท่ีรสู้ ึกภายในตนเองใน ภายในตรงนนั้ มีการจดจอ่ ในเร่ืองราว รูปทรง ที่กระทบเกดิ ความเขา้ ใจทนั ที และคดิ ปรุงแต่งเรือ่ งราวแบบไมร่ สู้ กึ ตัวทนั ทดี ว้ ย เรื่องราวในความเขา้ ใจและ ความคดิ ในสิง่ ทกี่ ระทบท่ีรับรู้ในรูปทรงตรงหนา้ ขณะนั้น เกดิ ลมื ขึน้ มา..!!! ลมื ชือ่ ลมื ความหมายกับวัตถรุ ปู ทรง นึกไมอ่ อกในส่ิงๆ นน้ั วา่ คืออะไร ช่ืออะไร จำ� ชอ่ื ไมไ่ ด้เฉยเลย นกึ เทา่ ไรกน็ กึ ไมอ่ อก แต่ร้สู ึกไดก้ บั ส่ิงของรปู ทรงตรงนน้ั มี ความเขา้ ใจ มคี วามคดิ มีความรูส้ ึกอยภู่ ายในรปู ทรงความรู้สึกตรงน้ัน แต่ พยายามนึกชื่อเท่าไรกน็ กึ ไมไ่ ด้ เหมือนตดิ อยทู่ ี่ริมฝปี าก แตพ่ ดู ออกมาไม่ได้ พยายามจะบอกให้ผูอ้ นื่ ก็บอกไมไ่ ด้ ความรูส้ ึกแบบนี้นีแ่ หละ คือความจรงิ ท่ี รูส้ กึ ถงึ ความจ�ำแบบไม่ต้องจ�ำ ที่เปน็ ธรรมชาติเดมิ แทข้ องตนเอง แต่ทกุ คนยงั เขา้ ไปไม่ถงึ ในสภาวะแบบนี้ไดจ้ ริงๆ จงึ ลังเลในความรูส้ ึกตรงนัน้ ว่า ส่งิ ทเี่ ป็น แบบน้คี อื อะไร บางคนบอกว่าเปน็ โรคความจำ� เสอ่ื มไปเลยกม็ ี 95

ค่มู ือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง พวกท่านท้ังหลายเป็นนักเดินทางท่ีจะก็ต้องเติมเต็มในเรื่องราวทุก อย่างของตนเอง เรื่องความจ�ำทิง้ ความจ�ำไว้กับธรรมชาติ หากท่านเขา้ ใจใน สิ่งที่ผู้เขียนช้ีและสะกิด จะเป็นเนื้อหาการย้อนทวนเร่ืองราวความจ�ำตนเอง อยู่ตลอดเวลาในส่ิงท่รี ูส้ กึ การหมดสงสยั คอื การไมส่ งสัยในธรรมชาตติ นเอง เหมือนต้องเติมเต็มช่องว่างหรือแก้วว่างโดยรอบในธรรมชาติตนเองที่สงสัย อยใู่ หป้ ระจกั ษแ์ จง้ ในธรรมชาตติ รงนน้ั และปลอ่ ยกลบั คนื ไวใ้ นธรรมชาตติ รงนนั้ ไมค่ รอบครองในเรอ่ื งราวเนอื้ หาใดๆ ใหห้ นกั ขน้ึ อกี สงิ่ นค้ี อื การเตมิ เตม็ ตนเอง เขา้ ใจในความสงสัย ประจกั ษ์แจ้งในความสงสัย และหมดสงสัย กป็ ลอ่ ยสงิ่ ท่ี หมดสงสัยไว้ในธรรมชาติตรงนั้น ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของในสิ่งท่ีหมดสงสัย ปัจจุบนั ผู้เขียนหมดสงสัยแลว้ ในการเดินทางมาถึงเรื่องราวตรงนี้ จงึ อธบิ ายเร่อื งราวตรงน้ี เพื่อเสรมิ กำ� ลังใจทา่ นทกุ คนในกลมุ่ สะเกด็ ดาว ได้เข้า ถงึ เรือ่ ง ความจ�ำท่ีไม่ตอ้ งจำ� มีอิสระในตนเอง เปน็ ธรรมชาตทิ ีม่ อี สิ ระไมม่ ใี คร เป็นเจ้าของ การทง้ิ ความจ�ำในธรรมชาตติ นเอง อุปมา.. คล้ายๆ กับว่า จๆู่ ...เกิด ลมื เรือ่ งราวเน้อื หาตรงหน้านั้นลง ลมื ในสงิ่ ทเี่ หน็ ว่าเปน็ อะไร ลมื ในสิ่งทีไ่ ดย้ นิ นึกไมอ่ อกวา่ ได้ยินเสียงอะไร ภาษาอะไร ความรูส้ กึ ภายในก็รอู้ ยู่ แต่จ�ำไมไ่ ด้ ว่าสิ่งท่รี ู้ สง่ิ ทีเ่ หน็ และสงิ่ ทีไ่ ด้ยนิ น้ันเรยี กชอ่ื ไมถ่ ูก แตม่ ีความรู้สกึ ร้อู ย่กู บั สิง่ ๆ นนั้ ขณะทรี่ า่ งกายลมื สภาวะรา่ งกายลงโดยทรี่ สู้ กึ ตวั อยแู่ ตบ่ งั คบั รา่ งกายไมไ่ ด้ จึงใชค้ วามจ�ำของรา่ งกายทีเ่ คยจดจำ� ไวใ้ นท่าทางและอิริยาบถตา่ งๆ ท่เี คยจำ� ได้ใช้ด�ำเนินการในการเดินทางตรงเร่ืองราวน้ันแทนเป็นสัญชาตญาณตนเอง เหมือนขณะทล่ี มื ความจ�ำลงน้นั ท้งั ภายในทีเ่ ป็นอิสระและรา่ งกาย มกี ารตอบ สนองท่ีลืมในความจ�ำพร้อมกัน ความรู้สึกขณะนั้นของตนเองจึง งงๆ มึนๆ กับเรื่องราวตรงหน้าไปเลย จากประสบการณ์ของผู้เขียนก็เข้าถึงในเรื่องราว แบบน้เี ปน็ ประจำ� เพราะการจะหมดสงสยั ท่เี ขียนอธบิ ายไวด้ ้านบน ทุกทา่ น จะต้องผ่านบททดสอบของธรรมชาตติ นเองในเรือ่ งราวตา่ งๆ ที่เปน็ เดมิ แทใ้ น 96

คู่มอื บรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง ธรรมชาติ เพอื่ ความคนุ้ เคยและเตมิ เตม็ กบั เนอ้ื หาเรอ่ื งราวตนเองตรงนน้ั ทกุ เรอื่ ง ไมม่ เี รอื่ งเลก็ หรอื เรอ่ื งใหญ่ ทกุ เนอื้ หาเรอื่ งราวตนเองคอื บททดสอบของธรรมชาติ ทงั้ นนั้ ที่จะตอ้ งเขา้ ใจในความจริงของธรรมชาติตนเอง จึงต้องผ่านด่านต่างๆ และเข้าถึงให้ไดด้ ้วยตนเอง ไม่มีใครช่วยใครได้ ทกุ คนตอ้ งเดนิ ทางด้วยตนเอง ในอดีต ผู้เขียนยังมีความสงสัยกับเรื่องราวความจ�ำอยู่มาก คร้ังหน่ึง เมอื่ 10 กวา่ ปที ผ่ี า่ นมา ผเู้ ขยี นเขา้ ถงึ สภาวะทงิ้ เรอื่ งราวความจำ� หรอื ลมื เรอื่ งราว ทีเ่ คยจ�ำลงเป็นคร้ังแรก ลืมท่ไี มร่ ู้เร่ืองใดๆ ในตอนนัน้ ไม่มีเรือ่ งราวใดๆ เลยท่ี เคยจ�ำได้ทง้ั ในภาษา ในรปู ทรงตรงนัน้ แตร่ สู้ ึกไดก้ ับเรอ่ื งราวทกุ อย่าง เป็นอยู่ นานประมาณ 5 นาทไี ด้ ประสบการณ์ที่ลืมตนเองหรือท้งิ ความจ�ำตนเองครัง้ แรกน้ัน ท�ำเอาผู้เขียนตกใจไปเลย เพราะขณะที่เดินทางกลับจากการฟังผู้รู้ เรอ่ื งราวทเี่ ลา่ เรอื่ งประสบการณใ์ หผ้ เู้ ขยี นฟงั ขากลบั ขบั รถอยบู่ นถนน กท็ บทวน ในเนื้อหาท่ีฟังมาจากท่านผู้รู้เรื่องราวที่พูดให้ฟัง พยายามท�ำความเข้าใจใน เรื่องราวทฟ่ี ัง น�ำมาคิดทบทวน คดิ วนไปวนมาในเรอ่ื งราวตา่ งๆ ตรงน้ัน ใช้ ความรู้สึกท�ำความเข้าใจในเนื้อหาตรงน้ันจนรู้สึกว่าตนเองน่ันได้หลุดเข้าไป ในสภาวะลมื เรือ่ งราวตนเองหรอื ท้ิงความจำ� ลงขณะทขี่ บั รถ ขับรถอยูบ่ นถนนทจ่ี ะกลับบา้ น เกดิ สภาวะลืมเรอ่ื งราวตนเองขณะที่ ขบั รถอยู่บนถนน หรือทง้ิ ความจำ� ทเี่ คยจำ� ได้ลงแบบฉับพลัน สิ่งทร่ี ู้สึกในตอน นนั้ กย็ งั ไมร่ ยู้ งั ไมเ่ ขา้ ใจในความหมายกบั เรอ่ื งราวตรงนนั้ วา่ คอื อะไร มาเขา้ ใจตอน หมดสงสยั แลว้ แทจ้ รงิ ทล่ี มื เรอ่ื งราวหรอื ทง้ิ ความจำ� นนั้ คอื ธรรมชาตทิ เ่ี ปน็ เดมิ แท้ของตนเอง ท่ีไม่มีชื่อในสิ่งที่ลืมหรือความจ�ำใดๆ ท่ีเคยจ�ำได้เลย คือท้ิง ความจ�ำลง เหมือนลืมว่านี่ร่างกายและลืมว่านี่คือความรู้สึกภายในลืมไป พร้อมกัน ร่างกายท่ีก�ำลังนั่งขับรถเกิดลืมเร่ืองราวท่ีเคยจ�ำได้ของตนเองใน สภาวะตรงนั้นว่าก�ำลังท�ำอะไรอยู่ ใช้ความรู้สึกท่ีเคยจดจ�ำไว้ในท่าทางและ อิริยาบถต่างๆ ที่เคยจ�ำได้แทน ปล่อยให้สัญชาตญานของร่างกายท่ีมีการ 97

คมู่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง จดจ�ำเรื่องราวร่างกายได้ท�ำหน้าท่ีบังคับขับรถไปตามสัญชาตญานตนเอง สว่ นภายในผ้อู าศยั ท่ีเปน็ อิสระก็ลืมเร่อื งราวตนเองเช่นกนั ที่เคยจำ� ได้ในความ รสู้ กึ ในรปู ทรงวตั ถุสงิ่ ของตา่ งๆ บนถนนท่เี คยจำ� ไม่รู้วา่ สิง่ ที่เหน็ และส่ิงทรี่ บั รู้ เรอื่ งราวทมี่ ตี รงหนา้ เรยี กวา่ อะไร เหมอื นความรสู้ กึ ในขณะนนั้ กใ็ ชส้ ญั ชาตญาน ตนเองขับรถออกไปต่างโลก ท่ีไม่เคยเข้าใจในเร่ืองราวของต่างโลกเลยว่าคือ เรอ่ื งราวอะไร มชี อื่ อะไร มคี วามเขา้ ใจอะไร ในสงิ่ ทร่ี ใู้ นสง่ิ ทเี่ หน็ เลย งงมาก และ ตกใจมากดว้ ยในความรสู้ กึ ทเ่ี กดิ ข้นึ เปน็ ตรงนี้ เป็นธรรมชาตทิ ่เี กิดเองเป็นเอง แบบฉบั พลนั จากสง่ิ ทจี่ ดจอ่ ในความเขา้ ใจและความคดิ ทค่ี ดิ อยตู่ อนขณะขบั รถ เพราะตอนน้รี ถทข่ี ับกล็ มื ไม่ร้วู า่ เปน็ อะไร เหมอื นร่างกายไดจ้ ับอะไรอยู่ และ อยบู่ นไหนของต่างโลกก็ไม่รู้ เหน็ รปู ก็ลืมชอ่ื ไมร่ ู้จักวา่ ช่ือคืออะไร ตอนน้นั เป็น อย่นู านเลย พยายามจะกลบั มาสู่เรอ่ื งราวให้เปน็ ปกติ ผเู้ ขียนรสู้ ึกตกใจและเป็นกังวลไปเลย พยายามใช้สัญชาตญานตนเอง ที่เคยจดจำ� ไว้ในทา่ ทางบงั คับรถออกมาจอดข้างทาง ความรู้สกึ มนั วาบไปกบั ความไมม่ ีความจำ� ตรงนน้ั อยู่สกั พัก แล้วคอ่ ยๆ คลายความรสู้ กึ ตรงน้ันลงเอง และหลังจากผ่านเรื่องราวครั้งแรกตรงนั้นมา ก็เกิดลืมความจ�ำขึ้นอยู่บ่อยๆ ในความรสู้ กึ แตไ่ มต่ กใจเทา่ กบั ครง้ั แรกทเ่ี ปน็ ผเู้ ขยี นเปน็ อยแู่ บบนเ้ี ปน็ ปๆี เลย ทมี่ ปี ระสบการณ์ตรงน้ี กเ็ ก็บความร้สู ึกแบบนไ้ี ว้ไมถ่ ามใคร จนได้พบทา่ นผรู้ ู้ เร่อื งราวคนเดมิ ทา่ นเปดิ โอกาสใหถ้ าม ผ้เู ขยี นก็เลยถามเร่ืองราวท่ีเปน็ ที่พบ และมีประสบการณใ์ นเรอื่ งราวตรงนที้ ผี่ ่านมา “ท่านผู้รเู้ ร่ืองราวก็บอกผู้เขยี น เพยี งวา่ หากเปน็ อกี กไ็ มต่ อ้ งตกใจ อยกู่ บั เรอื่ งราวตรงนนั้ ไป” ไดย้ นิ คำ� ตอบจาก ท่านผรู้ ูเ้ รอื่ งราวแลว้ ไมไ่ ดช้ ว่ ยอะไรใหผ้ เู้ ขยี นเขา้ ถงึ ตนเองไดเ้ ลย เรือ่ งราวการ ลืมความรู้สึกทิ้งความจ�ำแบบธรรมชาติตรงนี้ผู้เขียนเป็นมาตลอดกว่า 10 ปี ครง้ั แรกตกใจมกี งั วลมาก แตพ่ อผา่ นมานานๆ กช็ นิ กค็ นุ้ เคยกบั ตนเอง 4 เดอื น สุดทา้ ย กอ่ นจะหมดสงสยั ในธรรมชาตติ นเอง ได้พบผรู้ เู้ รอื่ งราวอีกทา่ นหน่ึง 98

ค่มู ือบรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง มาบอกตนเองวา่ “คน้ หาตนเองใหเ้ จอแลว้ จะเขา้ ใจ” กเ็ ปน็ จรงิ ทผี่ รู้ เู้ รอ่ื งราว คนสดุ ทา้ ยพดู ช่วงเวลาที่ค้นหาตนเองในเร่ืองราวต่างๆ ท่ีสงสัยจึงได้ลองถูกลองผิด ไปเรื่อยๆ จนนับคร้ังไม่ได้ แต่ทุกครั้งท่ีเร่ิมต้นใหม่ก็ได้เห็นเรื่องราวต่างๆ ที่ชัดเจนข้ึน ชัดข้ึน จนมาเข้าใจและเห็นความจริงในเร่ืองความจ�ำตรงน้ีด้วย ตนเอง วา่ มตี น้ เหตเุ ร่ืองราวเริม่ มาจากตรงไหน เพราะทกุ ขณะของผู้เขยี นน้นั มงุ่ มนั่ เอาจริงเอาจังกับตนเองในการค้นหาตนเองอย่างสุดก�ำลัง จึงไม่ปล่อย เรือ่ งราวเล็กนอ้ ยในรายละเอียดให้ผา่ นความร้สู ึกไปเลย ทำ� ใหช้ ัดเจนทกุ เรื่อง เพราะจะไม่อยากย้อนมาเรม่ิ ตน้ ใหม่ตรงน้ีอกี ความเพยี รของตนเองก็ไม่สูญเปล่า ได้เข้าถึงธรรมชาติเดิมแท้ในเรอ่ื ง ความจำ� เหน็ ตน้ เหตใุ นความจำ� เหน็ ความรสู้ กึ ภายในตนเองในขณะทเี่ ดนิ ทาง ยอ้ นทวนดตู น้ เหตคุ วามจำ� ตรงนี้ ไดไ้ หลลงลกึ ไปเองตามธรรมชาตทิ รี่ ู้ และรทู้ ม่ี า ท่ีไปในธรรมชาติความจำ� มีเกดิ ดบั เองในธรรมชาติ และก็เป็นอสิ ระอย่แู ล้วใน ธรรมชาตดิ ว้ ย แตะตอ้ งใดๆ ไมไ่ ด้ หากแตะต้องครั้งใดจะมีความจ�ำท่ีเคยบันทึกไว้ในเรื่องราวตรงน้ันที่ แตะตอ้ งเกิดข้ึนทันที มีความสงสัยเกิดความรสู้ ึกที่ซ้อนในความรูส้ กึ ภายในที่ จำ� ไวแ้ ตกออกมากบั สิง่ ท่ีแตะตอ้ งตรงนน้ั เกิดเปน็ ความจ�ำตวั ใหม่ทนั ที มีการ บันทึกใหม่เก็บไว้ในเรื่องราวความจ�ำตนเองทันทีเป็นสายทอดยาวไปเร่ือย ความจำ� จึงมีมากมายในสิง่ ท่ีสงสัย และพยายามอธบิ ายในส่งิ ท่ีสงสัย จึงหยิบ ความจำ� ตนเองจากการบนั ทึกเขียนซ้อนทบั ความจำ� ตรงนีอ้ ีก น�ำมาอธิบายใน สง่ิ ทสี่ งสยั คอื อธบิ ายความจำ� ซอ้ นความจำ� ไมม่ ที ส่ี น้ิ สดุ ในเนอื้ หาตรงนน้ั ฟงุ้ ซา่ น ไม่รู้สึกตนเองกับความจำ� ทม่ี ีเกดิ ดบั ไมม่ ีท่ีสิน้ สดุ ในความรู้สึกตนเองเลย เมอ่ื ความจำ� ใดๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในสภาวะภายในทร่ี สู้ กึ อยู่ ผเู้ ขยี นกป็ ลอ่ ยให้ ความจ�ำตรงนั้นผา่ นไปเลย ไม่ไปไลจ่ ับอีก เหน็ กลลวงในธรรมชาตติ นเองตรง 99

คู่มอื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง น้ันแล้วอย่างชัดเจน หากตนเองไหลไปในความจ�ำตรงน้ันก็จะเป็นเจ้าของไป โดยทันทีแบบไม่รู้สึกตัว ความกระจ่างชัดก็ชัดเจนข้ึนเองในสภาพธรรมชาติ ตรงนั้น ตนเองไม่ได้เป็นเจ้าของในความจ�ำ แต่ใช้ความจ�ำในสิ่งๆ น้ันเพียง พ่ึงพาอาศัยไปสู่ความจริงในความรู้สึกที่มีความเข้าใจกับเร่ืองราวต่างๆ เพื่อ ท�ำให้ประจกั ษ์แจ้งตอ่ ไป จึงไม่ครอบครองในความรู้สกึ ภายในใดๆ ท่ีเคยจ�ำไว้ พอไดเ้ ขา้ ใจเรอ่ื งราวความจำ� ทมี่ อี กี เขา้ ใจแลว้ กท็ ง้ิ และกว็ างความเขา้ ใจทจ่ี ำ� ไว้ ตรงทเี่ ดมิ นนั้ เลย แมค้ วามคดิ ในเรอ่ื งราวตอ่ มาจากสงิ่ ทเ่ี ขา้ ใจจะมคี วามคดิ ซอ้ น เกดิ เปน็ เรื่องราวอกี ก็ดแู ละรู้ในความคดิ กบั เรอ่ื งราวตรงนั้น ไม่แตะต้องใดๆ เชน่ กนั ความคดิ ในเรอ่ื งราวตรงนน้ั กเ็ ปน็ เพยี งสงิ่ พงึ่ พาอาศยั รว่ มกนั เทา่ นน้ั อกี ผเู้ ขยี นยอ้ นดแู ละรทู้ วนขนึ้ ไป และยอ้ นทวนลงมาแบบนท้ี ำ� จนชำ� นาญจนคลอ่ ง เรียกวา่ ชินและคนุ้ ไปเลย จนความรู้สกึ ภายในเกิดขนึ้ กป็ ลอ่ ยเปน็ อิสระในตรง นน้ั ทนั ที เพราะความจำ� กเ็ ปน็ อสิ ระในความจำ� ความเขา้ ใจกเ็ ปน็ อสิ ระในความ เขา้ ใจ ความคิดก็เปน็ อสิ ระในความคดิ เร่ืองราวปรงุ แต่งทุกอยา่ งจึงเปน็ อสิ ระ ที่เปน็ ตามหนา้ ทต่ี นเองทท่ี �ำ ความจ�ำเปน็ อิสระในตนเอง สดุ ท้ายตนเองจึงได้ เขา้ ใจกบั เนอื้ หาเรอ่ื งราวทเ่ี คยถามกบั ผรู้ เู้ รอื่ งราวในสง่ิ ทเี่ คยสงสยั ตอนนเ้ี ขา้ ใจ ได้เองแล้ว รู้เองแล้ว เข้าถึงดว้ ยตนเองแลว้ การทงิ้ ความจำ� หรอื ลมื เรอ่ื งราวตนเองในขณะหนง่ึ นน้ั ทา่ นบงั คบั ไมไ่ ด้ การบงั คบั เทา่ กบั ทา่ นไดแ้ ตะตอ้ งในความมตี รงนนั้ แลว้ เรอื่ งราวตรงนนั้ จะเปลย่ี น ตวั เองทันที กลายเป็นความมซี ้อนความมตี นเองท่ีรองรบั หากการท้งิ หรอื วาง ความจ�ำตามธรรมชาตทิ ่ีเปน็ คือ ไม่ไปแตะต้องในเร่อื งราวตรงนัน้ เพียงดผู ่าน ร้ผู า่ นไปเลยทา่ นไมไ่ ด้เป็นเจ้าของในความจ�ำตรงน้นั เพราะถงึ แม้ท่านจะทิง้ ความจำ� ตนเองได้ จนรสู้ ึกว่าตนเองไม่ได้เปน็ เจ้าของความจ�ำ จนไดป้ ระจกั ษ์ แจง้ แลว้ กต็ าม แตห่ ากยงั มคี วามอยากครอบครองในความจำ� อยู่ ทา่ นกย็ งั เปน็ ผู้สงสยั อยู่ในเรื่องราวความจำ� ตนเอง ทยี่ งั มีอยู่ รอู้ ยู่ จนจบไม่ลงเชน่ เดิม 100


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook