Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

(4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

Published by agenda.ebook, 2020-08-20 01:20:35

Description: (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 24-25 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันที่ 26-27 สิงหาคม 2563

Search

Read the Text Version

เรื่องทคี่ ณะกรรมาธกิ าร พิจารณาเสรจ็ แล้ว ครงั้ ที่ 24-25 (สมัยสามญั ประจาปคี รงั้ ท่ีหนง่ึ ) วันท่ี 26-27 สงิ หาคม 2563





รายงาน ของ คณะกรรมาธิการวิสามญั พิจารณาศกึ ษาผลกระทบจาก การประกอบธรุ กจิ ออนไลน์ และการทาธุรกรรมผ่านช่องทางอิเลก็ ทรอนิกส์ สภาผู้แทนราษฎร กลุม่ งานคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ และทรพั ย์สินทางปญั ญา สานกั กรรมาธกิ าร ๑ สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร





ก-๑ คณะกรรมาธกิ ารวิสามญั พิจารณาศึกษา ผลกระทบจากการประกอบธุรกจิ ออนไลนแ์ ละการทาธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ นายสิริพงศ์ องั คสกลุ เกยี รติ ประธานคณะกรรมาธิการ นายชวู ิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ นายพิสิฐ ลี้อาธรรม นายปกรณ์วุฒิ อุดมพพิ ัฒน์สกลุ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทีห่ นึ่ง รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทส่ี อง รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทสี่ าม นางสาวพัชรนิ ทร์ ซาศริ พิ งษ์ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ นางสาววทนั ยา วงษโ์ อภาสี รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนท่ีส่ี ทีป่ รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ าร พลเอก วชิ ิต สาทรานนท์ นายอัศวิน วิภูศริ ิ นายพสิ ษิ ฐ์ คงสมพรต ทีป่ รกึ ษาคณะกรรมาธิการ ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธกิ าร นายจริ วฒั น์ ศิรพิ านชิ ย์ นายณัฐวฒุ ิ กองจันทรด์ ี นายสะถริ ะ เผอื กประพันธุ์ กรรมาธิการ กรรมาธิการ กรรมาธกิ าร

ก-๒ คณะกรรมาธกิ ารวิสามัญพจิ ารณาศึกษา ผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลนแ์ ละการทาธุรกรรมผา่ นช่องทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (ตอ่ ) นายสมชัย อภิวัฒนพร นางสาวนพสรญั วรรณศิรกิ ุล นางสาวขนิษฐา สหเมธาพัฒน์ กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร นายธนวัฒน์ ศรสี ขุ นายรฐั ชยตุ ม์ ร่งุ จารุพันธ์ นายสิทธิพล วบิ ลู ยธ์ นากุล กรรมาธิการ กรรมาธกิ าร กรรมาธิการ นายดสิ ทตั คาประกอบ นายธรี ศานต์ สหสั สพาศน์ นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น กรรมาธิการ เลขานกุ ารคณะกรรมาธกิ าร ผชู้ ่วยเลขานกุ ารคณะกรรมาธิการ นางสาวทพิ านนั ศิริชนะ นายศรัณย์ ทมิ สุวรรณ นายสงกรานต์ จติ สุทธิภากร โฆษกคณะกรรมาธกิ าร โฆษกคณะกรรมาธกิ าร โฆษกคณะกรรมาธกิ าร

ข คำนำ เนอื่ งจากกระทรวงการคลงั โดยกรมสรรพากรมกี ารประกาศใช้พระราชบญั ญตั ิแก้ไขเพิม่ เติม ประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวกับการทาธุรกรรมผ่านช่องทาง อิเล็กทรอนิกส์ (e - Payment) ที่จะมีผลกระทบกับผู้ค้าออนไลน์ที่มกี ารรับเงินโอนวันละหลายคร้ัง หรือมีการโอนเงินจานวนมากได้ ประกอบกับปจั จุบันมีแพลตฟอรม์ ต่างประเทศเข้ามาดาเนินธรุ กจิ ลักษณะต่าง ๆ ทั้งการซื้อขายสินค้าหรือให้บริการต่าง ๆ ผ่านระบบออนไลน์ (e – Commerce) เพม่ิ มากขนึ้ ซึ่งพฤตกิ รรมของผู้บริโภคในขณะนีก้ ็นิยมซอ้ื ขายสนิ คา้ และใช้บรกิ ารต่าง ๆ ผ่านช่องทาง ดังกล่าวมากข้ึนเช่นกัน เพราะได้รับความสะดวก รวดเร็ว มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ผู้บริโภคจงึ มี โอกาสเปรียบเทียบราคาและคุณภาพสินค้าได้ง่ายข้ึน ทาให้บรษิ ัทข้ามชาติเหล่านั้นมีรายได้ท่ีเกิดข้ึน จากประเทศไทยจานวนมหาศาล ในทางกลับกนั ผู้ประกอบการในประเทศไทยทีจ่ าหนา่ ยสินค้าผ่าน ระบบออนไลน์ แต่จาเปน็ ต้องขายสินค้าผ่านแพลตฟอรม์ ตา่ งประเทศ เพราะว่าไม่มีแพลตฟอร์มทีเ่ ปน็ ของคนไทย เพื่อใช้เป็นช่องทางในการจาหน่ายสินค้าออนไลน์ท่ีได้รับความนิยมจึงทาให้ต้องใช้ แพลตฟอร์มต่างประเทศนั้น กลับต้องเสยี ภาษีนาเข้า ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจตามกฎหมาย ไทย ซึ่งถือเป็นต้นทุนในการประกอบการท้ังสิ้น ในขณะที่ผู้ประกอบการข้ามชาติไม่ต้องเสียภาษี เหล่านนั้ ให้กับประเทศไทยแต่อยา่ งใด ทาให้เศรษฐกจิ ของประเทศเสยี หาย โดยในแต่ละปีประเทศไทย ต้องสูญเสยี รายไดจ้ ากบริษัทขา้ มชาติซ่งึ เป็นผปู้ ระกอบการทเ่ี ปน็ เจา้ ของแพลตฟอรม์ ต่างประเทศ และ ไม่เป็นธรรมอย่างมากกับผู้ประกอบการไทย นอกจากน้ี การซ้ือขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (e–Commerce) อาจสร้างผลกระทบตอ่ เศรษฐกจิ ชมุ ชน อีกด้วย จากสถานการณ์และรูปแบบการดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เปล่ียนแปลงไป และ จากสถานการณ์วิกฤต COVID – 19 ในช่วงที่ผ่านมาการทาธุรกิจผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์มี การเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ขณะเดียวกันได้สร้างผลกระทบใหก้ ับผูป้ ระกอบการรายยอ่ ย SMEs วิสาหกิจชุมชน กลุ่ม Startup ภายในประเทศ เนื่องจากยังไม่มีศักยภาพในการแข่งกันกับ แพลตฟอร์มต่างประเทศเท่าที่ควรและมีความไม่เป็นธรรมของกฎหมายท่ีใช้บังคับในปัจจุบัน สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ จึงได้มีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจาก การประกอบธุรกิจออนไลน์และการทาธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ซ่ึงพิจารณาญัตติ เรอ่ื ง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาในเรื่องผลกระทบจากการ ประกาศใชพ้ ระราชบัญญตั ิแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ประมวลรษั ฎากร (ฉบับที่ ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประเด็นการทา ธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) (นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เร่ือง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการประกอบ ธุรกจิ ออนไลนใ์ นประเทศไทยผ่านแพลตฟอรม์ ต่างประเทศ (นายภาสกร เงินเจริญกลุ เปน็ ผ้เู สนอ) และ ญัตติ เร่ือง ขอให้สภาผแู้ ทนราษฎรต้ังคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั พจิ ารณาศึกษาปัญหาผลกระทบการคา้ ตรงและการซือ้ ขายสนิ ค้าผา่ นช่องทางออนไลน์ (e–Commerce) ต่อเศรษฐกิจชุมชน (นายบัญญัติ เจตนจนั ทร์ เปน็ ผเู้ สนอ) คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานการพิจารณาศึกษาฉบับน้ีจะเป็น ประโยชน์ในการยกระดับและสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการธุรกิจ ออนไลน์ของไทย และช่วยให้เกดิ การใช้บงั คบั ใชก้ ฎหมายมีความเปน็ ธรรมและเทา่ เทียมตอ่ ไป คณะกรรมาธิการวิสามัญพจิ ารณาศกึ ษา ผลกระทบจากการประกอบธุรกจิ ออนไลน์ และการทาธรุ กรรมผา่ นช่องทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์

สารบัญ หนา้ รายนามคณะกรรมาธกิ าร ก คานา ข บทสรุปผ้บู ริหาร ค รายงาน ๑ ๑. คณะกรรมาธกิ ารวิสามัญไดม้ มี ติเลอื กตง้ั ตาแหนง่ ต่าง ๆ ๒ ๒. คณะกรรมาธิการวสิ ามญั ได้มีมติตง้ั ท่ปี รึกษาคณะกรรมาธิการ ๒ ๓. รายช่ือผซู้ งึ่ คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายใหม้ าช้ีแจงแสดงความคดิ เหน็ ๓ ๔. รายชอ่ื ผู้ซ่ึงคณะกรรมาธิการไดเ้ ชญิ มาชี้แจงแสดงความคดิ เหน็ ๔ ๕. รายชื่อผู้เข้าร่วมประชมุ ๖ ๖. การพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ๗ ๗. ผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการ ๗ ๗.๑ ผลกระทบจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติแกไ้ ขเพิม่ เตมิ ๗ ประมวลรษั ฎากร (ฉบบั ท่ี ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประเดน็ การทา ธุรกรรมผา่ นช่องทางอิเลก็ ทรอนิกส์ (e-Payment) ข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธกิ าร ๑๘ ๗.๒ ผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์ในประเทศไทยผ่าน แพลตฟอร์มต่างประเทศและปญั หาผลกระทบการคา้ ตรงและ การซอ้ื ขายสนิ ค้าผา่ นชอ่ งทางออนไลน์ (e-Commerce) ตอ่ เศรษฐกิจชมุ ชน ๑๙ ขอ้ เสนอแนะของคณะกรรมาธกิ าร ๔๔ ข้อสงั เกตของคณะกรรมาธิการ ๔๕

ค-๑ บทสรปุ ผบู้ ริหาร ปัจจุบันการทาธุรกิจได้เปลี่ยนรูปแบบเป็นการค้าออนไลน์มากข้ึน เนื่องจากสามารถเขา้ ถึง ผู้บริโภคได้ทุกเพศทุกวัยและเขา้ ถึงลกู ค้ากลุ่มเปา้ หมายเปน็ จานวนมากในเวลาเดียวกัน ประกอบกับ พฤติกรรมของผู้บริโภคท่ีนิยมซื้อขายสินค้าและใช้บริการต่าง ๆ ผ่านช่องทางดังกล่าว เพราะมี ความสะดวก รวดเรว็ มีสินคา้ ใหเ้ ลือกท่ีหลากหลาย การเปรยี บเทยี บราคาและคณุ ภาพสนิ ค้าทาไดง้ า่ ย จึงทาให้มูลค่าการซ้ือขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ (e–Commerce) เพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม การเปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้นย่อมทาให้เกิดท้ังผลดีและผลเสียตามมาได้ ด้วยการตระหนักถึงผลกระทบทีจ่ ะเกดิ ขึ้นจากการเปลย่ี นแปลงดังกลา่ ว ที่ประชุมสภาผแู้ ทนราษฎร ชดุ ที่ ๒๕ ปีท่ี ๑ ครง้ั ท่ี ๒๕ (สมยั สามัญประจาปคี รง้ั ทสี่ อง) วันพุธที่ ๕ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๓ ทีป่ ระชมุ ได้ พิจารณาญัตติ เร่ือง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาใน เรื่องผลกระทบจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับท่ี ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประเด็นการทาธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) (นายสิริพงศ์ อังคสกลุ เกยี รติ เปน็ ผู้เสนอ) ญตั ติ เรือ่ ง ขอใหส้ ภาผู้แทนราษฎรตัง้ คณะกรรมาธิการวิสามญั พจิ ารณา ศึกษาผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์ในประเทศไทยผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศ (นายภาสกร เงินเจรญิ กุล เป็นผู้เสนอ) และญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผ้แู ทนราษฎรต้ังคณะกรรมาธกิ าร วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาผลกระทบการค้าตรงและการซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (e–Commerce) ต่อเศรษฐกิจชุมชน (นายบัญญัติ เจตนจันทร์ เป็นผู้เสนอ) และลงมติตั้ง กรรมาธิการวิสามัญข้ึนคณะหนึ่งเพื่อพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์และ การทาธรุ กรรมผา่ นชอ่ งทางอิเล็กทรอนิกส์ขนึ้ ๑) ผลกระทบจากการประกาศใช้พระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพ่มิ เตมิ ประมวลรัษฎากร (ฉบับท่ี ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประเด็นการทาธรุ กรรมผ่านช่องทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Payment) การประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ประเด็นท่ีเกี่ยวกับการทา ธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ซ่ึงมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันท่ี ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยกฎหมายกาหนดให้สถาบันทางการเงินต้องรายงานข้อมูลบุคคลท่ีมีธุรกรรมเฉพาะให้แก่ กรมสรรพากร ท่ีเข้าขา่ ยเป็นบัญชีของบคุ คลทม่ี ีการทาธรุ กรรมลกั ษณะพเิ ศษหรอื เพอื่ การคา้ ส่งผลให้ ผู้ประกอบการสว่ นใหญ่เลย่ี งการทาธรุ กรรมผา่ นช่องทางอิเล็กทรอนกิ ส์ เพราะเกรงกลวั การทต่ี ้องถูก รายงานการทาธุรกรรมให้กับทางธนาคารแห่งประเทศไทยทราบ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการพาณิชย์ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ หรอื e-Commerce ทขี่ ายสนิ คา้ หรือบริการผ่านทางอิเล็กทรอนกิ ส์ มีสิทธแิ ละหน้าท่ี ในการเสยี ภาษเี ช่นเดียวกับผู้ประกอบการอน่ื ๆ ผปู้ ระกอบการทอี่ ยใู่ นประเทศไทย ไม่ว่าจะเปน็ บคุ คล ธรรมดา หรือนิตบิ คุ คลที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีรายไดจ้ ากการขายสนิ ค้า หรือให้บริการแก่ผู้ซอ้ื ที่อยู่ ณ ที่ใด ๆ ก็ตาม มีสิทธิและหน้าทเ่ี ช่นเดียวกับผปู้ ระกอบการค้าขายทม่ี ีหน้ารา้ นทัว่ ไป ต้องนา รายไดน้ น้ั มารวมคานวณย่ืนแบบแสดงรายการภาษเี งินได้ และมีหนา้ ท่ีจดทะเบยี นเสียภาษมี ลู ค่าเพ่ิม ตามเง่ือนไขของกฎหมาย ทาให้ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายไทยเสียเปรียบใน การแข่งขนั กับผู้ประกอบการที่ไม่ไดม้ ีการจดทะเบียนตามกฎหมายไทย ๒) ผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์ในประเทศไทยผ่านแพลตฟอร์ม ต่างประเทศ และปัญหาผลกระทบการค้าตรงและการซ้ือขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (e-Commerce) ตอ่ เศรษฐกจิ ชมุ ชน

ค-๒ ปัจจุบันการซ้ือขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ (e–Commerce) ของ ผู้ประกอบการธุรกิจออนไลน์ในประเทศไทยส่วนใหญ่ ทาการจาหน่ายผ่านแพลตฟอร์มของ ต่างประเทศ Lazada Shopee Amazon Alibaba Facebook และ Instagram เป็นต้น เน่ืองจาก ไม่มีแพลตฟอร์มที่เปน็ ของคนไทย เพ่อื ใช้เปน็ ชอ่ งทางในการจาหน่ายสินคา้ ออนไลน์ท่ไี ด้รับความนิยม การสั่งซอื้ สินค้าของผ้ปู ระกอบการของไทยท่ีทาการซื้อขายผา่ นแพลตฟอรม์ ของต่างประเทศกลับต้อง เสยี ภาษนี าเขา้ ภาษนี ติ ิบุคคล ภาษธี รุ กิจ หรือแมแ้ ต่ภาษีเงนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดาตามกฎหมายไทย ซึง่ ถือ เป็นต้นทุนในการประกอบการท้ังสิ้น ขณะที่ผู้ประกอบการจากภายนอกมิได้มีการเสียภาษีการค้า ให้กับประเทศไทยแต่อย่างใด นอกจากน้ี การซื้อขายสนิ ค้าและบริการผา่ นช่องทางออนไลน์ยังมีตอ่ เศรษฐกิจชุมชน วิถีการดาเนินชีวิตของคนในชุมชน ดังนั้นภาครัฐจาเป็นต้องมีมาตรการ ระเบียบ กฎหมาย เพ่ือส่งเสริมและควบคุมการซ้อื ขายสินคา้ ผา่ นช่องทางออนไลน์ ทงั้ นี้ จากการศึกษาของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญฯ มขี อ้ สังเกตดงั นี้ ๑) กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๓๕๕ (พ.ศ. ๒๕๖๒) ออกตามความในประมวลรษั ฎากร ว่าด้วยการ รายงานขอ้ มลู เก่ียวกับบุคคลท่มี ีธรุ กรรมลักษณะเฉพาะทก่ี าหนดใหส้ ถาบันการเงนิ ต้องรายงานกรณีมี การฝากหรือรบั โอนเงนิ ทุกบญั ชีรวมกนั ต้งั แต่ ๓,๐๐๐ ครง้ั ต่อปีข้นึ ไป หรอื กรณีมกี ารฝากหรือรบั โอน รวมกันต้ังแต่ ๔๐๐ คร้ังต่อปี และมียอดรวมของธุรกรรมฝากหรอื รับโอนเงนิ รวมกันตั้งแต่ ๒ ลา้ นบาท ข้ึนไปต่อกรมสรรพากรน้ัน มีผลใช้บังคับในวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ โดยผลจากการบังคับใช้ กฎหมายฉบับนี้ทาให้พฤตกิ รรมการใช้เงนิ ของประชาชนเปล่ยี นแปลงไปโดยหนั มาใชเ้ งินสดมากย่ิงข้ึน ดงั นนั้ หนว่ ยงานที่เก่ยี วข้องควรมีการทบทวนเกณฑด์ งั กล่าวอีกครัง้ หน่ึงเพอื่ ใหก้ ฎหมายสามารถบงั คบั ใช้ไดม้ ีอยา่ งมีประสิทธิภาพ (๒) กรมสรรพากรต้องมีการส่ือสารและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบเหตุผลใน การจัดเกบ็ ขอ้ มูลการทาธรุ กรรมทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ เพอื่ ลดความกงั วลเกี่ยวกบั แนวทางและเหตผุ ลใน การจัดเก็บข้อมูลทางด้านการเงนิ ทเี่ กิดข้นึ ภายหลังจากการบังคับใชป้ ระมวลรษั ฎากร เพอ่ื ให้ทราบวา่ เป็นการรวบรวมข้อมูลเฉพาะผรู้ ับโอนเงินทุกบัญชีรวมกนั ต้ังแต่ ๓,๐๐๐ คร้ังต่อปีขึ้นไป หรือกรณีมี การฝากหรือรับโอนรวมกันตั้งแต่ ๔๐๐ คร้ังต่อปี และมียอดรวมของธุรกรรมฝากหรือรับโอนเงิน รวมกันตั้งแต่ ๒ ล้านบาทข้ึนไปต่อกรมสรรพากรเท่านั้น โดยการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวเพ่ือใช้เป็น ข้อมูลเชิงสถิติในการดาเนินการคัดกรอง และจัดรวบรวมเป็นฐานข้อมูล มิได้มีเจตนาในการใช้เป็น ขอ้ มลู ในการคานวณเพอื่ การจดั เก็บภาษีแต่อย่างใด (๓) ธนาคารแหง่ ประเทศไทยควรตดิ ตามตรวจสอบผลกระทบท่ีเกิดขึ้นหลังการประกาศและ บังคบั ใช้พระราชบัญญตั แิ ก้ไขเพ่มิ เติมประมวลรัษฎากร (ฉบบั ท่ี ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ (๔) ข้อมูลการรายงานการทาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในรอบปีท่ีผ่านมา (๒๕๖๒) มรี ะยะเวลาเพยี ง ๗ วันเท่านน้ั จงึ มอี ตั ราส่วนทนี่ ้อยเกนิ ไปและไมส่ ามารถประเมินความสมั ฤทธผ์ิ ลใน การดาเนินการได้ ดังนั้น ภายในส้ินปี ๒๕๖๓ กรมสรรพากรจะต้องมีการทบทวนและประเมินผล การดาเนินการตามมาตรการดังกล่าวอีกครั้ง และต้องรับฟังความคิดเห็นหน่วยงานอื่น ๆ เช่น กระทรวงดิจทิ ลั เพือ่ เศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ และธนาคารแหง่ ประเทศไทย ซ่ึงมีข้อมลู เปน็ จานวนมากรวมถึงหน่วยงานอ่ืนท่ีเกย่ี วข้องเพือ่ หาแนวทางการปรับปรุงแก้ไขตอ่ ไป (๕) กรมสรรพากรควรพิจารณากรณกี ารจัดเกบ็ ภาษีธรุ กิจ SMEs โดยยกเว้นการจดั เก็บภาษี จากกาไรสทุ ธิ ๓๐๐,๐๐๐ บาทแรก เพือ่ ใหผ้ ู้ประกอบการไดร้ ับสิทธปิ ระโยชนด์ า้ นตน้ ทนุ การผลติ และ สามารถแขง่ ขันกบั ผูป้ ระกอบการจากต่างประเทศได้

ค-๓ (๖) กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและ สงั คม ควรสง่ เสริมและสนับสนนุ ใหร้ า้ นค้าในชมุ ชนสามารถประกอบธรุ กจิ ตอ่ ไปไดด้ ว้ ยวธิ กี ารเขา้ ไปให้ คาแนะนาเรื่องการจัดรา้ นคา้ และการจัดวางสนิ คา้ เพอ่ื สรา้ งแรงจงู ใจใหล้ กู ค้าเขา้ ไปใชบ้ ริการพร้อมกบั ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการดงั กลา่ วรจู้ กั การซื้อขายสินค้าผ่านสอื่ ออนไลน์ควบคูก่ ันไปด้วย (๗) รัฐบาลควรสนับสนุนการดาเนินการของ Startup ไม่ว่าจะเป็นมาตรการด้านกฎหมาย ภาษี รวมถึงสง่ เสริมภาคธรุ กจิ เชน่ ส่งเสรมิ ใหม้ ีการแปลงหุน้ เปน็ ทนุ และมีการส่งเสริมจากสานกั งาน คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้กับ Startup ด้วย และส่งเสริมให้ Startup ของประเทศ ไทยกลายเปน็ Unicorn ซ่งึ มี market capital มากกวา่ ๓๐ ลา้ นเหรยี ญสหรัฐขนึ้ ไป (๘) รัฐบาลควรกาหนดมาตรการในการส่งเสริมการประกอบธุรกิจสาหรับผู้ประกอบการ กลุ่ม Startup ผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการรายใหญ่ของประเทศไทยและต่างประเทศ เพ่ือให้สามารถแข่งขนั กนั ได้อยา่ งเปน็ ธรรม

รายงานของคณะกรรมาธิการวสิ ามญั พจิ ารณาศึกษาผลกระทบจากการประกอบธรุ กจิ ออนไลน์ และการทาธรุ กรรมผ่านชอ่ งทางอิเล็กทรอนกิ ส์ สภาผ้แู ทนราษฎร ตามที่ท่ีประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี ๒๕ ปีท่ี ๑ ครั้งที่ ๒๕ (สมัยสามัญประจาปีคร้ังท่ีสอง) วันพุธท่ี ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ที่ประชุมได้พิจารณาญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ วสิ ามัญพิจารณาศึกษาในเร่ืองผลกระทบจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับท่ี ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประเด็นการทาธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) (นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา ผลกระทบจากการประกอบธุรกจิ ออนไลน์ในประเทศไทยผ่านแพลตฟอร์มตา่ งประเทศ (นายภาสกร เงนิ เจริญกุล เป็นผู้เสนอ) และญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา ผลกระทบการค้าตรงและการซ้ือขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (e–Commerce) ต่อเศรษฐกิจชุมชน (นายบัญญัติ เจตนจันทร์ เป็นผู้เสนอ) และลงมติต้ังกรรมาธิการวิสามัญข้ึนคณะหนึ่งเพ่ือพิจารณาศึกษา ผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์และการทาธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามข้อบังคับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๔๙ โดยได้กาหนดระยะเวลาพิจารณาศึกษาไว้ ๙๐ วัน และคณะกรรมาธิการวสิ ามัญไดข้ อขยายระยะเวลาในการพิจารณาออกไป ๙๐ วัน ซง่ึ ครบกาหนดระยะเวลาใน การพิจารณาดาเนินการของคณะกรรมาธิการในวันจนั ทร์ท่ี ๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญ คณะน้ีประกอบดว้ ย ๑. นางสาวขนิษฐา สหเมธาพฒั น์ ๒. นายจริ วัฒน์ ศิรพิ านิชย์ ๓. นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ๔. นายชูวทิ ย์ พทิ ักษพ์ รพัลลภ ๕. นายณฐั วฒุ ิ กองจันทร์ดี ๖. นายดิสทตั คาประกอบ ๗. นางสาวทิพานนั ศิรชิ นะ ๘. นายธนวัฒน์ ศรีสขุ ๙. นายธรี ศานต์ สหสั สพาศน์ ๑๐. นางสาวนพวรรณ หวั ใจมั่น ๑๑. นางสาวนพสรัญ วรรณศิรกิ ุล ๑๒. นายปกรณว์ ุฒิ อดุ มพิพฒั นส์ กลุ ๑๓. นางสาวพชั รินทร์ ซาศิรพิ งษ์ ๑๔. นายพิสิฐ ลอ้ี าธรรม ๑๕. นายพิสษิ ฐ์ คงสมพรต ๑๖. นายรฐั ชยุตม์ รงุ่ จารพุ ันธ์ ๑๗. นางสาววทนั ยา วงษโ์ อภาสี ๑๘. พลเอก วชิ ิต สาทรานนท์ ๑๙. นายศรณั ย์ ทมิ สุวรรณ ๒๐. นายสงกรานต์ จติ สทุ ธิภากร ๒๑. นายสมชยั อภิวฒั นพร ๒๒. นายสะถิระ เผอื กประพันธุ์ ๒๓. นายสทิ ธพิ ล วิบูลยธ์ นากลุ ๒๔. นายสิรพิ งศ์ องั คสกลุ เกยี รติ ๒๕. นายอศั วิน วิภศู ิริ บดั น้ี คณะกรรมาธกิ ารวิสามญั ฯ ได้พิจารณาญตั ตดิ ังกล่าว และไดจ้ ัดทารายงานสรุปผลการพจิ ารณา ศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงกราบเรียนมาเพ่ือโปรดนาเสนอต่อท่ีประชุม สภาผแู้ ทนราษฎรเพอ่ื พจิ ารณา

๒ ๑ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มมี ตเิ ลอื กตั้ง เป็นประธานคณะกรรมาธกิ าร เปน็ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทห่ี น่ึง (๑) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกยี รติ เปน็ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง (๒) นายชวู ิทย์ พทิ กั ษพ์ รพลั ลภ (๓) นายพสิ ิฐ ลอ้ี าธรรม เปน็ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนท่สี าม เปน็ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนที่สี่ (๔) นายปกรณว์ ฒุ ิ อุดมพพิ ฒั น์สกุล เป็นที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร (๕) นางสาวพัชรนิ ทร์ ซาศริ ิพงษ์ (๖) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ เป็นทปี่ รึกษาคณะกรรมาธิการ เปน็ ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร (๗) นางสาววทนั ยา วงษโ์ อภาสี เปน็ ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร (๘) พลเอก วชิ ติ สาทรานนท์ (๙) นายอัศวิน วิภูศิริ เป็นทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการ เป็นเลขานุการคณะกรรมาธิการ (๑๐) นายพสิ ิษฐ์ คงสมพรต เป็นผู้ช่วยเลขานกุ ารคณะกรรมาธกิ าร (๑๑) นายธีรศานต์ สหสั สพาศน์ (๑๒) นางสาวนพวรรณ หัวใจม่ัน เป็นโฆษกคณะกรรมาธิการ เปน็ โฆษกคณะกรรมาธกิ าร (๑๓) นางสาวทพิ านัน ศริ ิชนะ เปน็ โฆษกคณะกรรมาธกิ าร (๑๔) นายศรัณย์ ทิมสวุ รรณ (๑๕) นายสงกรานต์ จติ สทุ ธภิ ากร ๒. คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญไดม้ มี ติต้งั ทปี่ รกึ ษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ คือ (๑) นายภาสกร เงนิ เจริญกุล (๒) นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทศั น์ (๓) นางสาวจุฑาฑตั ต เหลา่ ธรรมทศั น์ (๔) นายภราดร ปรศิ นานันทกุล (๕) นายปกรณ์ สดุ แสน (๖) นางปิยะนชุ มาลากุล ณ อยุธยา (๗) นางสาวภาวนิ ี ซาศิรพิ งษ์ (๘) นายมนต์ชยั จงไกรรัตนกลุ (๙) นางสาวพชั รบรู ณ์ บรุ ณเวช (๑๐) นายธนเดช สเวชคชสาร (๑๑) นายกิตตโิ ชค นธิ ิเสถยี ร (๑๒) นายสุมนศิ ร์ ทฆี ธนานนท์ (๑๓) นายศักย์ มหาสุวรี ะชยั (๑๔) นายบุญมาก ศริ เิ นาวกุล (๑๕) นายคมปภพ ตรีรตั นพันธุ์ (๑๖) นายชานาญ ปราโมทย์ไพบูลย์ (๑๗) นายวราวธุ วเิ ลศิ ศกั ด์ิ (๑๘) นายเมธา สุวรรณสาร (๑๙) นายเอกการ ซอื่ ทรงธรรม (๒๐) นายปกรณ์ ล้สี กลุ

๓ ๓. คณะกรรมาธิการวิสามญั ได้มีมตแิ ตง่ ตงั้ นางสาวกติ ตธิ รา ชยจนั ทรัสม์ วิทยากรชานาญการ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา ปฏิบัติหน้าท่ีเป็นผู้ช่วยเลขานุการ ในคณะกรรมาธิการ ตามข้อบังคับการประชมุ สภาผ้แู ทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ้ ๙๓ วรรคส่ี ๔. ผู้ซง่ึ คณะรฐั มนตรไี ดม้ อบหมายให้มาชีแ้ จงแสดงความคดิ เห็น คือ ๔.๑ กระทรวงดิจทิ ลั เพอ่ื เศรษฐกจิ และสงั คม (๑) นางสาวอจั ฉรินทร์ พฒั นพนั ธ์ชยั ปลดั กระทรวง (๒) นางสาวอษุ ณิษา คณุ เอกอนนั ต์ ผอู้ านวยการ สานกั พาณชิ ยอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ (๓) นายชาติชาย สุทธาเวศ รองผอู้ านวยการ สานกั งานพฒั นาธุรกรรม ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (๔) นายมีธรรม ณ ระนอง รกั ษาการผูช้ ่วยผู้อานวยการ สานกั งานพฒั นาธุรกรรมทางอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (๕) นางสาวแก้วเกลา้ อุทัยรตั นกจิ นกั วเิ คราะหน์ โยบายและแผนชานาญการ (๖) นายจิรเมธ บุญเรืองขาว เจ้าหน้าทีพ่ าณชิ ย์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ๔.๒ กระทรวงการคลงั (๑) นายสมศักด์ิ อนนั ทวัฒน์ รองอธิบดกี รมสรรพากร (๒) นางสาวจติ รา ณีศะนันท์ ผู้อานวยการกองสารวจและติดตามธรุ กิจ นอกระบบ (๓) นางสาวเพชรรตั น์ ศภุ นมิ ติ กุลกจิ นิตกิ รชานาญการพิเศษ (๔) นายอัครพล ทาแกว้ นติ กิ รชานาญการพเิ ศษ (๕) นางสาวณิชาภัทร นาวาประดษิ ฐ์ นักวิชาการสรรพากรชานาญการ (๖) นางสาวพันธ์ุนิวธิ วิทยพนั ธุ์ นักวเิ คราะหร์ ฐั วสิ าหกจิ ชานาญการ (๗) นางสาวนรสิ รา ชัยมงคล นักวิชาการคอมพิวเตอร์ (๘) นางสาววรสิ รา สุนนั ตะ๊ นักวชิ าการคอมพิวเตอร์ ๔.๓ กระทรวงพาณชิ ย์ (๑) นายพนู พงษ์ นยั นาภากรณ์ รองอธิบดกี รมพัฒนาธุรกจิ การค้า (๒) นายกาแหง กล้าสคุ นธ์ ผู้อานวยการกองพาณิชยอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (๓) นายสันติพงษ์ วงคท์ ะเนตร ผู้อานวยการส่วนส่งเสริมพาณชิ ย์ อิเลก็ ทรอนิกส์ (๔) นายเจษฎา บาเพ็ญอยู่ นักวิชาการพาณิชย์ชานาญการ (๕) นายภัทร จองถวลั ย์ นกั วชิ าการพาณิชย์ชานาญการ (๖) นายกรกฤต อภชิ นาพงษ์ นกั วชิ าการพาณิชยป์ ฏิบัติการ ๔.๔ ธนาคารแหง่ ประเทศไทย (๑) นางสาวอโรรา อนุ นะนนั ทน์ ผู้อานวยการฝ่ายนโยบายระบบการชาระเงิน (๒) นางสาววรศิ รา มน่ั สกลุ รองผูอ้ านวยการฝ่ายนโยบายระบบ การชาระเงนิ (๓) นางสาวเสาวลกั ษณ์ ตรีพจนีย์ รองผูอ้ านวยการนโยบายระบบการชาระเงนิ (๔) นางสาวปรณีย์ เตม็ ไตรเพท ผู้อานวยการฝา่ ยกฎหมาย

๔ (๕) นางสาวทชั ชา ตรีเนตร ผชู้ ่วยผู้อานวยการฝ่ายนโยบายระบบ (๖) นางสาวดนยั า อศั นวี ฒุ กิ ร การชาระเงิน ผู้วเิ คราะห์อาวโุ สฝา่ ยนโยบายระบบ (๗) นางสาวศิรดา หวังภัทรพรทวี การชาระเงนิ (๘) นางสาวดจุ จินดา ชาญเดช ฝา่ ยนโยบายระบบการชาระเงิน นิตกิ รอาวโุ สฝา่ ยกฎหมาย ๕. ผซู้ ่ึงคณะกรรมาธิการวสิ ามญั ไดเ้ ชญิ มาช้ีแจงแสดงความคดิ เห็น คอื ๕.๑ กรมสรรพากร (๑) นายสมศกั ดิ์ อนันทวัฒน์ รองอธบิ ดกี รมสรรพากร (๒) นางสาวจิตรา ณศี ะนันท์ ผู้อานวยการกองสารวจและ ติดตามธุรกิจนอกระบบ (๓) นางสาวอรนัฎ ยรรยงเมธ นักตรวจสอบภาษีเช่ยี วชาญ (๔) นางสาวเพชรรตั น์ ศภุ นมิ ิตกุลกจิ นิติกรชานาญการพเิ ศษ (๕) นายอัครพล ทาแกว้ นติ กิ รชานาญการพเิ ศษ (๖) นางสาวภัทรี ฉตั รเฉลิมเกียรติ นิติกรชานาญการ (๗) นางสาวรวิสรา หทัยเสรี นักวิชาการภาษชี านาญการ (๘) นางสาวณชิ าภัทร นาวาประดษิ ฐ์ นกั วิชาการภาษีชานาญการ (๙) นางสาวศิรีธร ศภุ างค์จรสั นกั วิชาการภาษีปฏบิ ตั กิ าร (๑๐) นางสาวนรสิ รา ชยั มงคล นกั วิชาการคอมพวิ เตอร์ (๑๑) นางสาวธวลั รตั น์ ไชยพงษ์พาณชิ นกั ตรวจสอบภาษี ๕.๒ กรมศลุ กากร (๑) นายพันธท์ อง ลอยกลุ นนั ท์ รองอธิบดกี รมศลุ กากร (๒) นางสาวลลติ า อรรถพมิ ล นกั วิชาการศลุ กากรชานาญการพิเศษ (๓) นายวศิ ิษฐ์ เปยี่ มใจ นักวชิ าการศุลกากรชานาญการพเิ ศษ ๕.๓ สานักงานพฒั นาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (๑) นายมธี รรม ณ ระนอง ผู้ชว่ ยผูอ้ านวยการสานักงานพฒั นาธุรกรรม ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (๒) นายจิรเมธ บญุ เรืองขาว เจา้ หน้าทพี่ าณชิ ย์อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ๕.๔ สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (๑) เภสัชกรหญงิ สภุ ัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการ (๒) นางสาววรวลญั ช์ พลู สวัสดิ์ นกั วชิ าการอาหารและยาชานาญการ ๕.๕ สานักงานคณะกรรมการคมุ้ ครองผบู้ ริโภค (๑) นายณัชพัทร ขาวแกว้ นกั สืบสวนสอบสวนชานาญการพเิ ศษ (๒) นางปทุมวดี รวมฉมิ พลี นกั สืบสวนสอบสวนชานาญการ ๕.๖ สานักงานมาตรฐานผลติ ภัณฑอ์ ตุ สาหกรรม (๑) นายธนะ อัลภาชน์ รองเลขาธิการ (๒) นางสุธาวดี เตชะจันตะ ผอู้ านวยการกองตรวจการมาตรฐาน ๓ (๓) นางสาวรัตนา ตรีรัตนภรณ์ นรม.รก.(รก.ผก.๕)

๕ (๔) นายเชษฐพร ผ่ึงผาย นกั วิชาการมาตรฐานชานาญการพเิ ศษ ๕.๗ กองบงั คบั การปราบปรามการกระทาความผดิ เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี - พันตารวจเอก ศราวุฒิ บวรกจิ ประเสรฐิ ผกก.๒ บก. ปอท ๕.๘ กองบงั คบั การปราบปรามการกระทาความผิดเกี่ยวกบั การคมุ้ ครองผ้บู ริโภค - พันตารวจเอก นทธฤี ทธ์ิ หาญเสนห่ ์ลักษณ์ ผกก.สส. บก. ปคบ. ๕.๙ ธนาคารไทยพาณิชย์ จากัด (มหาชน) (๑) นายสีหนาท ล่าซา ผู้ช่วยผ้จู ัดการใหญ่ (๒) นายชัจจ์ธนัน อมรชยั ยาพิทกั ษ์ เจา้ หน้าที่ ๕.๑๐ สมาคมธนาคารไทย (๑) นายยศ กมิ สวัสดิ์ ประธานสานกั ระบบการชาระเงิน (๒) นายทศพร รัตนอานวยชยั ทปี่ รกึ ษาอาวุโสสานกั งานระบบชาระเงิน (๓) นายธนภร ธนเพมิ่ พูน ที่ปรกึ ษาอาวโุ สสานกั งานระบบชาระเงิน ๕.๑๑ สมาคมการคา้ ผ้ใู หบ้ รกิ ารชาระเงนิ อิเล็กทรอนิกส์ - นายภารดร วิชยภญิ โญ นายกสมาคมการค้าผใู้ ห้บรกิ าร ชาระเงนิ อเิ ล็กทรอนิกสไ์ ทย ๕.๑๒ สมาคมผู้ค้าปลกี ไทย - นายพัฒนา สธุ ีระกุลชัย ผ้อู านวยการสมาคม ๕.๑๓ บริษัท ดีเอฟ มาร์เก็ตเพลส จากดั (๑) นายกลวชั ร เทดิ วกิ รานต์ ผู้จัดการฝ่ายกฎหมาย (๒) นางสาวอมรรัตน์ ถมวารี ผ้อู านวยการฝา่ ยการเงิน ๕.๑๔ บรษิ ัท แอลเอน็ ดบั เบล้ิ ยู จากัด - นางสาวสทุ ธิส์ ินี เอกเอ่ียมสิน เลขานกุ ารฝ่ายบรหิ าร ๕.๑๕ บรษิ ทั ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จากัด (๑) นายเลอทดั ศุภดลิ ก หัวหน้าฝ่ายธรุ กิจ e-Commerce Line ประเทศไทย (๒) นางสาวองิ พร ศิรกิ ุลบดี ผจู้ ดั การฝ่ายนโยบายภาครัฐและ รัฐกิจสัมพนั ธ์ (๓) นางสาวสโรบล ศุภผลศิริ หวั หนา้ ฝ่ายกฎหมาย ๕.๑๖ บรษิ ัท ซแี มนทิค ทชั จากัด - นายณัฐเศษ ศิรินันท์ธนานนท์ กรรมการผจู้ ัดการ ๕.๑๗ บริษทั ลาซาดา้ (ประเทศไทย) จากัด - นางสาวจริ ะวรรณ ไชยพงศผ์ าติ Vice President, Head of Government Affairs ๕.๑๘ บรษิ ัท ชอ้ ปป้ี (ประเทศไทย) จากัด (๑) นางสาวปภาสริ ิ มหธราดล หัวหน้าฝ่ายพฒั นาองคก์ ร (๒) นางสาวกรองกาญจน์ สมั พันธส์ นั ติกลู หวั หนา้ ฝ่ายตรวจสอบสนิ ค้า (๓) นางสาวญาดา อินทะกนก หวั หน้าฝา่ ยปฏิบตั กิ าร (๔) นางสาวกานต์สินี จันทร์เตม็ ฝา่ ยกฎหมาย

๖ ๕.๑๙ บริษัท เซ็นทรัล เจดี คอมเมริ ์ช จากดั - นางสาวสดสรวง สุวรรณกฏู Tax Manager ๕.๒๐ บริษทั แกรบ๊ แทก็ ซี่ (ประเทศไทย) จากัด (๑) นายเกง่ การ เหลา่ วโิ รจน์กลุ ผู้อานวยการฝ่ายรฐั กิจสัมพนั ธ์ (๒) นางสาวฐิตารยี ์ อดุ มกจิ ธนสาร ฝา่ ยกลยทุ ธ์และ special projects ๕.๒๑ บริษทั เดริเวอร่ี ฮโี ร่ (ประเทศไทย) จากัด (ฟู้ดแพนด้า) (๑) นายพรี พล สง่าเมอื ง ผอู้ านวยการฝา่ ยพาณิชย์ (๒) นางนันทิยา นาควชั ระ ผ้อู านวยการฝา่ ยรฐั กิจสัมพันธ์ ๕.๒๒ บรษิ ัท อี – เอม็ พาวเวอร์เมนท์ จากดั - นายนธิ ิ สจั จทิพวรรณ CEO & Co - Founder ๕.๒๓ สมาคมการคา้ เพอ่ื ส่งเสรมิ ผู้ประกอบการเทคโนโลยรี ายใหม่ Thailand Tech Startup - นายภทั รพร โพธิส์ วุ รรณ์ นายกสมาคม ๕.๒๔ Kasikorn Business – Technology Group (KBTG) - นายจรงุ เกียรตสิ ุภาพงศ์ Chief information officer ๖. การเขา้ ฟงั การประชมุ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวัดระยอง (๑) นายบญั ญัติ เจตนจนั ทร์ (ผเู้ สนอญตั ต)ิ (๒) นางพนิดา ภวู รจุ ิพร (๓) นางสาวคณิศรา กาญจนวงศ์ (๔) นางสาวจติ รา ณีศะนนั ท์ (๕) นางสาวณิชาภทั ร นาวาประดิษฐ์ (๖) นางสาวดวงกมล เกียรตสิ ขุ เกษม (๗) นางสาวนรสิ รา ชยั มงคล (๘) นางสาวพรี ป์ ภาอร เสถียรไทย (๙) นางสาวเพชรรตั น์ ศภุ นมิ ิตรกลุ กิจ (๑๐) นางสาววาณชิ ชา สายเสมา (๑๑) นายณัฐพล ศรีพจนารถ (๑๒) นายปิยวุฒิ สญั จนาคม (๑๓) นายพงษน์ ิรันดร์ นยิ มฤทธ์ิ (๑๔) นายพัชรบูรณ์ บูรณเวช (๑๕) นายภคภณ เทพอนิ ทร์ชยั (๑๖) นายภราดร ปริศนานันทกลุ (๑๗) นายมนต์ชยั จงไกรรตั นกลุ (๑๘) นายมานะ มหาสุวีระชยั (๑๙) นายฤทธ์ิ ศยามานนท์ (๒๐) นายศกั ย์ มหาสวุ ีรชัย (๒๑) นายสราวุธ ทบั ทอง

๗ ๗. การประชมุ ของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีการประชุมพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการประกอบธุรกิจ ออนไลน์ และการทาธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยเชิญหน่วยงานที่เก่ียวข้องมาร่วมประชมุ เพื่อให้ ขอ้ มูล ขอ้ เท็จจริง ตลอดจนชแี้ จงแสดงความคิดเหน็ จานวน ๑๒ คร้ัง ๘. ผลการพิจารณาศกึ ษาของคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ ๘.๑ ผลกระทบจากการประกาศใช้พระราชบญั ญัตแิ กไ้ ขเพิ่มเติมประมวลรษั ฎากร (ฉบับท่ี ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประเด็นการทาธรุ กรรมผ่านชอ่ งทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ๑) ความเป็นมา จากกรณีที่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลรัษฎากร ประเด็นท่ี เกี่ยวกับการทาธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ซ่ึงมีผลบังคับใช้ต้ังแต่วันท่ี ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยกฎหมายกาหนดให้สถาบันทางการเงินต้องรายงานข้อมูลบุคคลที่ มีธุรกรรมเฉพาะให้แก่ กรมสรรพากร โดยบัญชีจะต้องมีเงื่อนไขคือ มยี อดฝากหรือโอนเงินเข้าทุกบัญชี ๓,๐๐๐ คร้ังต่อปีขึ้นไป หรือ มียอดฝากหรือโอนเงินทุกบัญชีต้ังแต่ ๔๐๐ ครั้งต่อปี และมียอดเงินรวมตั้งแต่ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาทต่อปีข้ึนไป ซงึ่ ทางธนาคารจะตอ้ งทาการรายงานกรมสรรพากรภายในเดือนมีนาคมของทุกปี เน่ืองจากทงั้ ๒ กรณีเข้าข่าย เปน็ บัญชขี องบุคคลที่มีการทาธุรกรรมลกั ษณะเฉพาะหรอื เพือ่ การค้า ซึ่งส่งผลให้ผ้ปู ระกอบการสว่ นใหญ่เลี่ยง การทาธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น แม่ค้าขายส่งเปล่ียนวิธีกลับมาใชก้ ารซื้อขายเป็นเงินสดแทน การโอนเงนิ ออนไลน์ เป็นตน้ ๒) กฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑท์ ่เี กีย่ วขอ้ งกับการชาระเงนิ แบบอิเล็กทรอนิกส์ หน่วยงานท่รี ับผิดชอบ กฎหมาย วตั ถปุ ระสงค์/สาระสาคัญ กรมสรรพากร ประมวลรษั ฎากร ก า ห น ด ใ ห้ ส ถ า บั น ก า ร เ งิ น แ ล ะ ผู้ ใ ห้ บ ริ ก า ร เงิ น (พระราชบญั ญัติแก้ไข อิเลก็ ทรอนกิ ส์มหี น้าทีร่ ายงานข้อมลู เกีย่ วกับบุคคล เพ่ิมเตมิ ประมวลรัษฎากร ที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะให้กรมสรรพากรเพ่ือ (ฉบับท่ี ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒) ประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร โดยธุรกรรมท่ีมี ลักษณะอยา่ งหนงึ่ อย่างใดในปีท่ีล่วงมา ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑. ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ สามพันครัง้ ขึน้ ไป ๒. ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่สี่ร้อย ครัง้ และมียอดรวมของธุรกรรมฝากหรือรบั โอนเงิน รวมกันตั้งแตส่ องล้านบาทขึน้ ไป กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๓๕๕ กาหนดให้ สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วย (พ.ศ. ๒๕๖๒) ออกตาม ธุรกิจสถาบันการเงิน สถาบันการเงินของรัฐท่ีมี ความในประมวลรษั ฎากร กฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น และผู้ให้บริการเงิน ว่าดว้ ยการรายงานข้อมลู อเิ ล็กทรอนิกสต์ ามกฎหมายว่าด้วยระบบการชาระ เกี่ยวกับบุคคลทม่ี ธี ุรกรรม เงิน มีหน้าที่รายงานข้อมูลเก่ียวกับบุคคล ที่มี ลกั ษณะเฉพาะ ธุรกรรมลักษณะเฉพาะในปีท่ีล่วงมา โดยรายการ ข้อมูลเก่ียวกับบุคคลท่ีมีธุรกรรมลักษณะเฉพาะ ทีต่ ้องรายงาน และวธิ กี ารรายงาน

๘ หน่วยงานทรี่ บั ผดิ ชอบ กฎหมาย วตั ถปุ ระสงค์/สาระสาคัญ ธนาคารแหง่ ประเทศไทย พระราชบญั ญตั ริ ะบบการ การกาหนดมาตรการในการกากับดูแลระบบการ ชาระเงนิ พ.ศ. ๒๕๖๐ ชาระเงินและบริการการชาระเงินด้วยการอนุญาต หรอื ขน้ึ ทะเบยี น และมบี ทกาหนดโทษทางปกครอง และอาญา ตลอดจนการใหค้ วามคุ้มครองการชาระ เงินกรณีที่ศาลมีคาส่ังฟ้ืนฟูกิจการหรือส่ังพิทักษ์ ทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย อันจะทาให้ ระบบการชาระเงินของประเทศเกิดเสถียรภาพและ ดาเนินการไดอ้ ยา่ งตอ่ เนื่อง ๓) ข้อมลู เกีย่ วกบั การชาระเงินแบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-Payment) ของประเทศไทย ระบบการชาระเงนิ เปน็ หน่ึงในกลไกสาคัญทช่ี ่วยสนับสนนุ กจิ กรรมทางการค้าและการเงนิ เพอ่ื ใหม้ ีการส่งมอบเงนิ ชาระราคาระหว่างกันได้อยา่ งคล่องตวั มปี ระสิทธิภาพ และปลอดภยั ซ่งึ จะชว่ ยหล่อลน่ื กจิ กรรมทางเศรษฐกิจให้ดาเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะหน่วยงานกากับดูแล และรักษาเสถียรภาพระบบการชาระเงิน จงึ มีบทบาทท่ีสาคญั ๓ ดา้ นคือ (๑) การกาหนดนโยบายและทศิ ทางการพัฒนาเพ่ือเพม่ิ ประสิทธิภาพระบบการชาระเงิน ซึ่งได้แก่ การสนับสนุนให้ผู้ใช้บริการมีช่องทางชาระเงินที่สะดวกรวดเร็ว สอดคล้องกับความต้องก ารของ ผ้ใู ชบ้ ริการในแตล่ ะกลมุ่ รวมถึงมมี าตรฐานและการเชอื่ มโยงระหวา่ งผู้ใหบ้ รกิ ารแตล่ ะราย ซงึ่ จะช่วยเพ่มิ ความ สะดวกแก่ผู้ใชบ้ ริการ (๒) การกากับดูแลเพอื่ ให้บริการการชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มีความม่ันคงปลอดภัย นา่ เช่ือถอื และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล (๓) การคุ้มครองและให้ความร้แู ก่ผู้ใช้บรกิ าร เพ่อื ใหป้ ระชาชนเข้าใจสทิ ธิและหน้าท่ีของ ตวั เอง สามารถเลือกใช้บริการไดอ้ ย่างเหมาะสม และสรา้ งความเช่ือม่ันให้แก่ผู้ใชบ้ ริการในการใช้บรกิ ารชาระ เงินการกาหนดนโยบายเกี่ยวกับระบบการชาระเงินของประเทศ รวมถึงระบบการหักบัญชีระหว่ างสถาบัน การเงิน ให้สอดคล้องกับพัฒนาการของภาคธุรกิจและพัฒนาการด้านเทคโนโลยีการชาระเงิน นอกจากน้ี ธนาคารแหง่ ประเทศไทยได้พัฒนาระบบการชาระเงินของประเทศไทยอย่างตอ่ เนือ่ ง โดยได้มีการนาระบบบาทเนต และระบบการหักบัญชีเช็คด้วยภาพเช็คและระบบการจัดเก็บภาพเช็ค (Imaged Cheque Clearing and Archive System: ICAS) ทีท่ นั สมัยมาใชเ้ พือ่ เพ่มิ ประสิทธภิ าพของระบบการชาระเงนิ ตามรายงานระบบการชาระเงิน ๒๕๖๑ ของธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ปริมาณ ธุรกรรม e-Payment โดยรวมมีการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเน่ือง โดยในปี ๒๕๖๑ ปริมาณธุรกรรมรวมของ e-Payment อยู่ที่ ๕,๙๕๕ ล้านรายการ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตสูงถึงร้อยละ ๔๒.๘ จากปีก่อนสาเหตุ สาคัญมาจากการที่ธนาคารพาณิชย์ประกาศลดค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่าน mobile banking/internet banking รวมถึงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการโอนเงินด้วย PromptPay และการชาระเงินด้วย Thai QR Payment ตลอดท้ังปีส่งผลให้ประชาชนหันมาใช้ mobile banking/internet banking เพิ่มข้ึนอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง mobile banking ที่มีการเติบโตโดยรวมกว่าร้อยละ ๑๒๑.๐ ในเชิงปริมาณ และร้อยละ ๘๑.๔ ในเชิงมลู คา่ เม่ือเทียบกับปี ๒๕๖๐ เม่อื พิจารณาภาพรวมจานวนธุรกรรม e-Payment ของไทยตอ่ คน ต่อปี พบว่า ณ สิ้นปี ๒๕๖๑ มีการขยายตัวเป็น ๘๙ ครั้งต่อคนต่อปี จากเดิม ๖๓ ครั้งต่อคนต่อปี ณ สิ้นปี ๒๕๖๐ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตถึงร้อยละ ๔๑.๓ นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาในช่วงคร่ึงปีแรกของปี ๒๕๖๒

๙ พบว่าการใช้งาน e-Payment ของคนไทยยังขยายตัวเพ่ิมข้ึนอีก คิดเป็น ๑๑๐ คร้ังต่อคนต่อปี แสดงให้เห็น แนวโน้มการเตบิ โตอยา่ งต่อเน่อื ง และมีศักยภาพทจ่ี ะส่งเสรมิ ให้มกี ารใชง้ านไดเ้ พมิ่ ขึน้ อีกมาก อตั ราการเตบิ โตของปรมิ าณธุรกรรม e-Payment ระหว่างปี ๒๕๕๘-๒๕๖๑ สาหรบั การใชบ้ ตั รอิเล็กทรอนิกสโ์ อนเงินและชาระเงินท่ีเครื่อง ATM/CDM ในปี ๒๕๖๑ มีปรมิ าณลดลงอย่างมีนยั สาคัญเมอ่ื เทียบกบั ปกี ่อนหนา้ สาเหตุมาจากคนไทยเริ่มปรับพฤติกรรมไปใช้ mobile banking/internet banking ในการโอนเงินหรอื จา่ ยบลิ ซงึ่ เป็นช่องทางทสี่ ะดวกกว่า รวมถงึ ผลจากการยกเลิก ค่าธรรมเนยี มโอนเงินผา่ นชอ่ งทาง mobile banking/internet banking เมื่อตน้ ปี ๒๕๖๑ ทีผ่ ่านมา ซง่ึ ถอื เปน็ ปจั จัยสาคัญที่สนับสนุนให้คนไทยหันไปทาธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลนม์ ากขึ้นทดแทนการทาธุรกรรมผ่าน ATM เห็นได้จากการใช้บัตร ATM และบัตรเดบิตโอนเงินที่เคร่ือง ATM/CDM มีปริมาณลดลงร้อยละ ๒๖.๙ และการชาระเงนิ ด้วยบัตรอเิ ล็กทรอนกิ สท์ เี่ คร่ือง ATM/CDM เชน่ การชาระบิล ลดลงถึงรอ้ ยละ ๔๐.๒ ในขณะ ท่ีการโอนเงินและชาระเงินผ่านช่องทาง mobile banking/internet banking เติบโตข้ึนอย่างมีนัยสาคัญ โดยการโอนเงนิ ผา่ นชอ่ งทาง mobile banking/internet banking ในปี ๒๕๖๑ เพ่มิ ข้ึนถึงรอ้ ยละ ๑๒๕ หรือ เพ่ิมข้ึนจาก ๑.๒๕ เท่าจากปี ๒๕๖๐ และการชาระเงินผ่านช่องทาง mobile banking/internet banking เพ่ิมขึ้นร้อยละ ๗๙.๖ จากปีก่อนหน้าสาหรับธุรกรรมในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๒ ยังคงเป็นไปในทิศทาง เดียวกันกับธุรกรรมในปี ๒๕๖๑ การโอนเงินและชาระเงินที่เคร่ือง ATM/CDM ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อ เทยี บกบั ช่วงเวลาเดยี วกนั ของปกี อ่ นหน้าท่รี อ้ ยละ ๓๙.๘ และรอ้ ยละ ๔๗.๙ ตามลาดับ สาหรับปรมิ าณธุรกรรม โอนเงนิ และชาระเงนิ ทเี่ ครื่อง ATM/CDM มีเพยี ง ๘๐.๑ ลา้ นรายการลดลงจากธรุ กรรมทเ่ี กิดขน้ึ ในชว่ งครึ่งแรก ของปี ๒๕๖๑ ซึ่งอยู่ที่ ๑๓๔.๗ ล้านรายการถึงร้อยละ ๓๙.๘ ตรงข้ามกันกับการโอนเงินและชาระเงินผ่าน ชอ่ งทาง mobile banking/internet banking ซ่ึงมีปริมาณธุรกรรมในครึ่งแรกของปี ๒๕๖๒ อยทู่ ่ี ๒,๓๗๑.๗ ล้านรายการ มากกว่าธุรกรรมในช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๖๑ ซึ่งอยู่ที่ ๑,๒๘๙.๒ ล้านรายการ คดิ เป็นร้อยละ ๘๖.๒ ซึ่งลว้ นเปน็ ผลสบื เนือ่ งมาจากการยกเลิกค่าธรรมเนยี มการโอนเงนิ รวมไปถึงการผลกั ดัน การทาธุรกรรมผ่านช่องทาง mobile banking/internet banking ของภาคธนาคาร

๑๐ ปรมิ าณการโอนเงินบตั ร ATM และบัตรเดบิตที่เครอื่ ง ATM/CDM และการโอนเงนิ ผ่าน mobile banking นอกจากน้ีตามรายงานระบบการชาระเงนิ ๒๕๖๑ ของธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า ยอดการลงทะเบียนพร้อมเพย์สะสม ๔๖.๕ ล้านหมายเลข ณ วันท่ี ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซ่ึงแบ่งเป็น การลงทะเบียนด้วยหมายเลขประจาตัวประชาชน ๒๙.๓ ล้านหมายเลข หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ๑๖.๘ ล้าน หมายเลข เลขทะเบียนนิติบุคคล ๗๑,๐๐๐ หมายเลข และหมายเลข e-Wallet จานวน ๓๐๔,๐๐๐ หมายเลข ในขณะที่เม่ือเทียบกับเดือนแรกที่เร่ิมเปิดให้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ ยอดการ ลงทะเบียนพร้อมเพย์รวมทั้งส้ินอยูท่ ี่ ๑๓.๐ ล้านหมายเลขแสดงให้เห็นว่าในช่วงที่ผา่ นมายอดการลงทะเบียน พร้อมเพยเ์ พ่ิมข้นึ มากกวา่ ๓.๕ เทา่ สาหรับปริมาณธุรกรรมโอนเงินตงั้ แต่เปดิ ใหบ้ รกิ ารมีจานวน ๑.๑ พันลา้ นรายการ คิดเปน็ มูลคา่ ๕.๘ ลา้ นล้านบาท (ยอด ณ วนั ที่ ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๖๑) นอกจากน้ี เม่ือเทยี บปริมาณและมลู ค่าการโอน เงินพร้อมเพย์ในเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ กับปริมาณและมูลค่าการโอนเงินในเดือนแรกท่ีพร้อมเพย์เริ่มเปิด ใหบ้ รกิ าร (เดือนธันวาคม ๒๕๕๙) พบวา่ มกี ารเติบโตกวา่ ๔๐๐ เทา่ ในเชิงปรมิ าณ และกวา่ ๑,๐๐๐ เทา่ ในเชงิ มลู ค่า โครงสร้างพ้ืนฐานพรอ้ มเพย์ทาให้เกิดบริการตอ่ ยอดท่ีหลากหลาย เช่น การเชือ่ มโยงกับ e-Wallet และบัญชีธนาคารซึ่งมจี านวนรายการสะสม ๔.๔ ล้านรายการ บรกิ าร cross-bank bill payment จานวนรายการสะสม ๖.๔ ล้านรายการ บริการเตือนเพ่ือจ่าย (PayAlert) จานวนรายการสะสม ๑๖๔,๐๐๐ รายการ (ยอด ณ วันท่ี ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑) การขยายวงเงินการโอนออนไลน์โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม จาก ๕๐,๐๐๐ บาท เป็น ๖๙๙,๙๙๙ บาท และบริการชาระเงินด้วย Thai QR Payment ที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทาให้ QR Code สามารถใช้ไดก้ ับทกุ แอปพลิเคชนั ทอ่ี อกแบบมาเพื่อการชาระเงิน และรองรับการชาระเงนิ ได้จากหลายชอ่ งทาง เชน่ บัญชีเงนิ ฝากธนาคาร บัตรเครดติ บตั รเดบติ และบัญชี e-Money การขยายจุดรบั ชาระเงนิ ทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ไปทว่ั ประเทศสง่ ผลให้มจี านวนเครื่องรับบตั ร (Electronic Data Capture: EDC) ทั้งหมดกว่า ๘ แสนเครื่อง มีการรับชาระเงินด้วยมาตรฐาน Thai QR Code กว่า ๓ ลา้ นจุด ทัง้ รา้ นค้าท่ัวไปและร้านค้าออนไลน์ (ยอด ณ วนั ท่ี ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑) การใช้บัตรเดบิต เพือ่ ซื้อสนิ คา้ และบรกิ าร เพิม่ ขน้ึ ถงึ รอ้ ยละ ๔๐.๒ ในช่วง ๑ ปขี องโครงการขยายจุดรับ EDC (มนี าคม ๒๕๖๐ - มนี าคม ๒๕๖๑)

๑๑ ๔) แนวทางการดาเนินการตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลรัษฎากร (ฉบบั ที่ ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับท่ี ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ไดก้ าหนดให้สถาบนั การเงินตามกฎหมายว่าด้วยธรุ กจิ สถาบันการเงนิ สถาบันการเงินของรัฐทมี่ ีกฎหมายเฉพาะ จดั ตัง้ ขนึ้ และผูใ้ หบ้ ริการเงนิ อเิ ล็กทรอนกิ สต์ ามกฎหมายวา่ ด้วยระบบการชาระเงนิ เปน็ ผ้มู หี นา้ ทีร่ ายงานขอ้ มูล เกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะในปีท่ีล่วงมาเฉพาะอย่างหน่ึงอย่างใดในปีท่ีล่วงมาท่ีอยู่ใน ความครอบครองตอ่ กรมสรรพากรภายในเดือนมีนาคมของทกุ ปี ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ฝากหรือรบั โอนเงนิ ทกุ บัญชีรวมกนั ตัง้ แตส่ ามพันครัง้ ข้ึนไป (๒) ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่สี่ร้อยครง้ั และมียอดรวมของธรุ กรรมฝาก หรอื รับโอนเงินรวมกนั ต้ังแต่สองล้านบาทข้ึนไป ท้ังนี้ รายการขอ้ มลู เกี่ยวกับบุคคลท่ีมีธรุ กรรมลักษณะเฉพาะที่ต้องรายงานดังกล่าว และ วิธกี ารรายงาน ให้เป็นไปตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง อยา่ งไรกต็ าม จานวนครัง้ หรือยอดรวมของธรุ กรรมฝาก หรือรับโอนเงินใหก้ าหนดเพ่ิมข้นึ ไดต้ ามท่กี าหนดในกฎกระทรวง ต่อมารัฐมนตรวี ่าการกระทรวงการคลังไดอ้ อกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๕๕ (พ.ศ. ๒๕๖๒) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการรายงานข้อมูลเก่ียวกับบุคคลท่ีมีธุรกรรมลักษณะเฉพาะ โดยกาหนดให้สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน สถาบันการเงินของรัฐที่มีกฎหมาย เฉพาะจดั ตง้ั ขน้ึ และผใู้ ห้บริการเงินอิเลก็ ทรอนกิ สต์ ามกฎหมายว่าด้วยระบบการชาระเงิน จัดทารายงานข้อมูล เก่ยี วกบั บคุ คลทม่ี ีธุรกรรมลักษณะเฉพาะซง่ึ อยู่ในความครอบครองตั้งแตว่ นั ท่ี ๑ มกราคม ถงึ วนั ท่ี ๓๑ ธันวาคม ของปที ลี่ ว่ งมา โดยต้องมรี ายการดังตอ่ ไปน้ี (๑) เลขประจาตัวประชาชน เลขทีห่ นงั สอื เดินทาง เลขทะเบียนนติ ิบคุ คล เลขประจาตัว ผูเ้ สียภาษอี ากร หรอื ส่งิ อน่ื ท่ีใช้ในการระบตุ วั บุคคลของบุคคลท่มี ธี ุรกรรมลกั ษณะเฉพาะ (๒) ชือ่ และชือ่ สกุลของบุคคลธรรมดา ชอ่ื ของห้างหนุ้ ส่วนสามัญ ช่ือของคณะบุคคลท่มี ิใช่ นิติบคุ คล หรือชื่อนติ ิบุคคล (๓) จานวนคร้งั ของการฝากหรอื รบั โอนเงินทกุ บญั ชรี วมกัน (๔) จานวนเงนิ ท่ฝี ากหรือรบั โอนเงนิ ทกุ บญั ชีรวมกนั (๕) เลขที่บัญชีทกุ บญั ชีทีม่ กี ารฝากหรือรบั โอนเงนิ และในการรายงานข้อมูลเกยี่ วกับจานวนครั้งและจานวนเงินของการฝากหรือรบั โอนเงิน ดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังตอ่ ไปน้ี (๑) การฝากหรือรบั โอนเงนิ เข้าบัญชีของบคุ คลทมี่ ชี ่อื เป็นเจา้ ของบญั ชี ให้นับจานวนคร้ัง และจานวนเงนิ ทุกครง้ั ท่ีมีการฝากหรือรับโอนเงินเข้าไปในบัญชีของบุคคลที่มีชื่อเป็นเจา้ ของบัญชี โดยไมต่ ้อง คานงึ ถึงข้อกาหนดวธิ กี ารนาเงินเขา้ บญั ชีทผี่ ูม้ หี นา้ ท่รี ายงานไดก้ าหนดไวแ้ ต่อยา่ งใด (๒) การฝากหรอื รบั โอนเงนิ เข้าบญั ชซี งึ่ กระทาผา่ นอปุ กรณร์ บั ชาระเงนิ ทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ภาพรหัสคิวอาร์ หรอื วธิ กี ารรับชาระเงนิ ทางอเิ ล็กทรอนกิ สอ์ ื่น ให้นับจานวนครงั้ และจานวนเงนิ ท่ีได้กระทาผ่าน อุปกรณ์หรือวธิ ีการเชน่ ว่านั้นทกุ คร้งั โดยไม่ตอ้ งคานงึ ถึงข้อกาหนดวธิ กี ารนาเงินเข้าบญั ชีทผี่ ูม้ ีหนา้ ทร่ี ายงานได้ กาหนดไว้แตอ่ ย่างใด ท้งั น้ี ในกรณีที่การฝากหรือรบั โอนเงินดงั กล่าวเป็นการฝากหรือรับโอนเงินดว้ ยเงินตรา ตา่ งประเทศ ให้คานวณค่าหรือราคาของเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉล่ีย ณ วันสิ้นปีที่ ธนาคารพาณชิ ยร์ ับซื้อซึง่ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คานวณไว้กอ่ นรายงานข้อมูลนี้ และในการรายงานข้อมูล

๑๒ การฝากหรือรบั โอนเงินในคร้ังแรกซึ่งต้องรายงานภายในวันท่ี ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้ผู้มีหน้าทรี่ ายงาน ข้อมูลในปีที่ล่วงมาเฉพาะข้อมลู การฝากหรอื รับโอนเงินท่ีเกิดขนึ้ ต้ังแต่วันถัดจากวนั ท่ีกฎกระทรวงน้ีประกาศ ในราชกิจจานเุ บกษา ๕) ภาษที เ่ี กี่ยวกบั ผู้ประกอบการธุรกจิ พาณชิ ยอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-Commerce) ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนกิ ส์ หรือ e-Commerce ที่ขายสนิ ค้าหรือบรกิ ารผ่าน ทางอิเล็กทรอนิกส์ มีสิทธิและหน้าท่ีในการเสียภาษีเช่นเดียวกับผู้ประกอบการอ่ืน ๆ ผู้ประกอบการท่ีอยู่ใน ประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นบคุ คลธรรมดา หรอื นิติบุคคลท่ีจดทะเบยี นในประเทศไทย มีรายได้จากการขายสินค้า หรือให้บริการแก่ผู้ซ้ือที่อยู่ ณ ที่ใด ๆ ก็ตามมีสิทธิและหน้าท่ีเช่นเดียวกับผู้ประกอบการค้าขายที่มีหน้าร้าน ท่ัวไป ต้องนารายได้นั้นมารวมคานวณย่ืนแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ และมีหน้าท่ีจดทะเบียนเสีย ภาษมี ลู คา่ เพิ่มตามเงอ่ื นไขของกฎหมาย ภาษเี งนิ ได้บุคคลธรรมดา ผ้ปู ระกอบการท่ีเปน็ บุคคลธรรมดา ได้แก่ บุคคลธรรมดา คณะบุคคล ห้างหุ้นสว่ นสามัญ ท่ีมิใช่นิติบุคคลต้องนาเงินได้จาก e-Commerce ไปรวมคานวณกับเงินได้จากแหล่งอื่นถ้ามี เช่น เงินเดือน ดอกเบี้ย โดยยน่ื แบบแสดงรายการภาษเี งินไดบ้ ุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.๙๔ ต้งั แต่เดือนกรกฎาคม ถงึ เดอื นกันยายน ของปี และยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.๙๐ ภายในเดอื นมกราคม ถงึ เดือนมีนาคมของปถี ดั ไป สาหรับการคานวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เงินได้พึงประเมินจากการขายสินค้าหรือ จากการให้บริการสามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาหรือตามความจาเป็นและสมควร (หักค่าใช้จ่ายจรงิ ) โดยผู้ประกอบการสามารถหกั คา่ ลดหยอ่ นตามกฎหมาย โดยให้คานวณภาษี ๒ วธิ ี คอื คานวณภาษวี ธิ ีที่ ๑ อัตราภาษีเงินไดบ้ คุ คลธรรมดา เงนิ ไดส้ ทุ ธิเงนิ ไดส้ ทุ ธิ อัตราภาษรี ้อยละ ๑ - ๑๕๐,๐๐๐ บาท ไดร้ บั ยกเว้น ๑๕๐,๐๐๑ - ๓๐๐,๐๐๐ บาท ๕ ๓๐๐,๐๐๑ - ๕๐๐,๐๐๐ บาท ๑๐ ๕๐๐,๐๐๑ - ๗๕๐,๐๐๐ บาท ๑๕ ๗๕๐,๐๐๑ - ๑,๐๐,๐๐๐ บาท ๒๐ ๑,๐๐๐,๐๐๑ - ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒๕ ๒,๐๐๐,๐๐๑ - ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๓๐ ๕,๐๐๐,๐๐๑ ขึ้นไป ๓๕ รายละเอยี ดตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบบั ท่ี ๔๔) พ.ศ. ๒๕๖๐ ตง้ั แต่ปี ๒๕๖๐ เป็นตน้ ไป คานวณภาษวี ิธีที่ ๒ กรณีเงินไดท้ ุกประเภทไมร่ วมเงินได้ตามมาตรา ๔๐(๑) แห่งประมวลรัษฎากร มีจานวน รวมตง้ั แต่ ๑๒๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป ใหน้ ายอดเงนิ ไดค้ ูณดว้ ย ๐.๐๐๕ ทั้งน้ี เม่ือคานวณภาษีจาก ๒ วิธีแล้วให้ชาระจากยอดที่มากกว่าเว้นแต่คานวณภาษี วิธที ี่ ๒ แลว้ มีภาษีไมเ่ กิน ๕,๐๐๐ บาท ให้ชาระตามวธิ ีท่ี ๑ ภาษเี งนิ ไดน้ ิติบคุ คล ผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลท่ีตั้งข้ึนตามกฎหมายไทย หรือ นติ บิ ุคคลต่างประเทศเข้ามาทากิจการในประเทศไทยเสยี ภาษีจากกาไรสุทธติ ามเงอ่ื นไขทีร่ ะบไุ วใ้ นมาตรา ๖๕ ทวิ

๑๓ และมาตรา ๖๕ ตรี แห่งประมวลรัษฎากร หากกิจการขาดทุนสุทธิไมต่ ้องเสียภาษี โดยย่นื แบบแสดงรายการ แบบแสดงรายการภาษีเงินไดค้ รง่ึ รอบระยะเวลาบญั ชี (ภ.ง.ด.๕๑) ภายใน ๒ เดอื นนบั จากวันสุดท้ายของทุก ๖ เดือนแรกของรอบระยะเวลาบัญชี และแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ (ภ.ง.ด.๕๐) ภายใน ๑๕๐ วัน นับแต่ วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ตามอัตราภาษีเงนิ ไดน้ ติ ิบคุ คล ดังต่อไปนี้ (๑) กิจการ SMEs มีทุนชาระแล้วไม่เกิน ๕ ล้านบาท รายได้จากการขายหรือให้บริการ ไม่เกนิ ๓๐ ล้านบาท ไม่ไดจ้ ดแจง้ การจัดทาบัญชแี ละงบการเงินให้สอดคลอ้ งกับสภาพท่ีแทจ้ ริงของกจิ การ กาไรสุทธิ อตั ราภาษี รอ้ ยละ ไมเ่ กนิ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ยกเวน้ ๓๐๐,๐๐๑-๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑๕ ๓,๐๐๐,๐๐๑ บาทข้ึนไป ๒๐ รายละเอียดตามพระราชกฤษฎีกา (ฉบบั ท่ี ๕๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๔ แก้ไขเพม่ิ เตมิ โดยพระราช กฤษฎกี า (ฉบบั ที่ ๖๐๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ สาหรบั รอบระยะเวลาบัญชี ๑ มกราคม ๒๕๖๐ เป็นตน้ ไป (๒) กิจการ SMEs มีทุนชาระแล้วไม่เกิน ๕ ล้านบาท รายได้จากการขายหรือให้บริการ ไมเ่ กนิ ๓๐ ลา้ นบาท ได้จดแจ้งการจัดทาบญั ชแี ละงบการเงินให้สอดคล้องกบั สภาพทีแ่ ทจ้ ริงของกิจการ กาไรสุทธิ อตั ราภาษี ร้อยละ ๑ - ๓๐๐,๐๐๐ บาท ยกเวน้ ๓๐๐,๐๐๑ บาทขนึ้ ไป ๑๐ รายละเอียดตามพระราชกฤษฎีกา (ฉบับท่ี ๕๙๕) พ.ศ. ๒๕๕๘ สาหรับรอบระยะเวลา บญั ชี ๑ มกราคม ๒๕๖๐ - ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๖๐ เสยี ภาษจี ากกาไรสุทธิ (๓) บริษทั หรือหา้ งหุ้นส่วนนิตบิ คุ คล กรณีทั่วไป ทไี่ มใ่ ชก่ จิ การ SMEs กาไรสทุ ธิ อตั ราภาษี ร้อยละ จานวนกาไรสทุ ธิ ๒๐ รายละเอียดตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ฉบับท่ี ๔๒ เสียภาษี จากกาไรสทุ ธิ สาหรบั รอบระยะเวลาบญั ชี ๑ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ภาษีมลู คา่ เพม่ิ ผู้มีหน้าท่ีเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ ผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือ นิติบุคคลท่ีขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพในประเทศไทย ห รือผู้นาเข้าสินค้า โดยผปู้ ระกอบการท่ขี ายสินคา้ หรือใหบ้ รกิ ารทีม่ รี ายรบั เกนิ กวา่ ๑,๘๐๐,๐๐๐ บาทตอ่ ปี จะตอ้ งจดทะเบียนเป็น ผปู้ ระกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จัดทารายงานภาษีขาย รายงานภาษีซ้ือ และยื่นแบบแสดงรายการ ภาษีมูลคา่ เพ่ิม ภ.พ.๓๐ ภายในวนั ที่ ๑๕ ของเดือนถัดไป ไมว่ า่ ผู้ประกอบการจะมีรายรบั หรอื ไม่ก็ตาม สาหรับผปู้ ระกอบการที่ไมต่ อ้ งจดทะเบียนภาษมี ูลค่าเพมิ่ ได้แก่ (๑) ผปู้ ระกอบการทม่ี รี ายรับจากการขายสินค้าหรือใหบ้ รกิ ารไมเ่ กิน ๑.๘ ลา้ นบาทต่อปี (๒) ผู้ประกอบการทีข่ ายสนิ ค้าหรอื ใหบ้ ริการทไ่ี ด้รบั ยกเวน้ ภาษีมูลคา่ เพ่ิมตามกฎหมาย (๓) ผูป้ ระกอบการที่ให้บรกิ ารจากต่างประเทศ และได้มกี ารใช้บริการนน้ั ในราชอาณาจักร (๔) ผู้ประกอบการท่ีอยู่นอกราชอาณาจักรและเข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือ ให้บริการในราชอาณาจักรเป็นคร้ังคราว ทั้งน้ี ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขที่กาหนดไว้ ในประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลคา่ เพม่ิ (ฉบบั ที่ ๔๓) ลงวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๖ (๕) ผปู้ ระกอบการอ่นื ตามที่อธบิ ดจี ะประกาศกาหนดเมอื่ มีเหตอุ นั สมควร

๑๔ ๖) สรุปข้อมลู ของหนว่ ยงานทีเ่ ก่ียวขอ้ ง เพ่ือให้การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นไปด้วยความรอบคอบ ได้รับ ทราบข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะท่ีเป็นประโยชน์คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบ จากการประกอบธุรกิจออนไลน์และการทาธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงได้เชิญหน่วยงานต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับผลกระทบจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับท่ี ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประเดน็ การทาธรุ กรรมผา่ นชอ่ งทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e - Payment) มาร่วมประชมุ สรุปสาระสาคัญดงั นี้ กรมสรรพากร ได้ให้ข้อมูลโดยสรุปคือ หลักเกณฑ์ในการจดั เก็บภาษีของกรมสรรพากร โดยทั่วไปแล้วนน้ั สามารถจัดเก็บได้โดยผู้ท่มี ีรายไดท้ ุกคนจะตอ้ งเสียภาษไี ม่ว่าจะช่องทางใด ซ่งึ กรมสรรพากร ดาเนินการจัดเก็บทั้งภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยถ้าผู้ซื้อและผู้ขายอยู่ในประเทศทั้งคู่ซึ่งในส่วนภาษี เงินได้ผู้ทมี่ ีรายได้จะเปน็ ผูม้ ีหน้าที่เสียตามที่แจ้งไว้ขา้ งต้น แต่สาหรับภาษีมูลค่าเพิ่มผ้ขู ายจะทาหน้าทีเ่ กบ็ จาก ผู้ซอ้ื เพ่ือนาสง่ ต่อกรมสรรพากรจึงทาให้ผู้บริโภคคือผจู้ ่ายภาษีท่ีแทจ้ รงิ ถ้าผู้ซ้ือและผขู้ ายอยู่คนละประเทศกัน ในส่วนภาษีเงินได้นั้นผู้ขายจะเป็นผู้มีหน้าที่เสียต่อประเทศท่ีผู้ขายอาศัยอยู่ซ่ึงเป็นไปตามข้อตกลงซ่ึงเป็น กฎหมายระหวา่ งประเทศ สาหรบั ภาษีมลู คา่ เพมิ่ ใหเ้ ป็นหนา้ ที่ของผซู้ อ้ื เชน่ เดยี วกับหลักทวั่ ไปคอื ให้ผบู้ รโิ ภคเป็น ผู้ชาระ ส่วนกรณีการนาเข้าเป็นหน้าท่ีของผู้นาเข้าที่จะต้องชาระเป็นไปตามกฎหมายภายในประเทศที่มอบ อานาจให้กรมศุลกากรดาเนินการเก็บให้ สาหรับกรณีการจัดเก็บภาษีการประกอบธุรกิจออนไลน์จะต้อง คานึงถึงบุคคล ได้แก่ ผู้ซ้ือ ผู้ขาย และ Platform โดยหลักการแล้วจะต้องเก็บจากผู้ที่มีรายได้ซ่ึงก็คือผู้ขาย ท้ังนี้ Platform ก็เป็นผู้ท่ีมีรายได้จากค่าธรรมเนียมในการให้พ้ืนท่ีในการขายแก่ผู้ขาย และในอีกกรณีจะมี รายได้จากการเปน็ ผขู้ ายดว้ ยตนเอง ในส่วนการส่งข้อมูลการทาธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กาหนดไว้ใน พระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับท่ี ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ไดก้ าหนดให้สถาบันการเงินต้อง รายงานกรณีมีการฝากหรอื รับโอนเงนิ ทกุ บญั ชีรวมกันตั้งแต่ ๓,๐๐๐ คร้งั ต่อปีขนึ้ ไป หรือกรณีมีการฝากหรือรับ โอนรวมกันต้ังแต่ ๔๐๐ ครงั้ ต่อปี และมยี อดรวมของธรุ กรรมฝากหรือรบั โอนเงนิ รวมกนั ตัง้ แต่ ๒ ล้านบาทขึน้ ไป ต่อกรมสรรพากร โดยการรายงานข้อมูลการทาธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์มิใช่เรื่องเดียวกันกับ การจดั เกบ็ ภาษีจากการประกอบธรุ กิจออนไลน์ การรายงานข้อมูลเปน็ มาตรการท่ีดาเนินการเพือ่ จาแนกกลมุ่ ผู้ มีเงินได้เพือ่ ทจี่ ะนามาเปน็ ข้อมูลในการประเมนิ วิเคราะหว์ ่าบุคคลใดอย่ใู นขา่ ยทต่ี อ้ งยน่ื ภาษี เพื่อคัดกรองบคุ คล เพื่อให้คาแนะนาและความรู้ทางด้านภาษีในส่วนที่เก่ียวข้องและเหมาะสมกับหน่วยงานน้ัน ๆ ทั้งนี้ ในส่วน กฎหมายก่อนท่ีจะมีการประกาศใช้เป็นฉบับปัจจุบัน กรมสรรพากรไม่สามารถที่จะให้ธนาคารส่งข้อมูลเพื่อ ตรวจสอบถงึ ทีม่ าของผู้มีเงินได้ โดยเม่อื เทียบกบั กฎหมายต่างประเทศที่ใหอ้ านาจอธิบดีกรมสรรพากรสามารถ เรียกข้อมลู ดังกล่าวได้ กรมสรรพากรจงึ มีแนวคดิ ทีจ่ ะเสนอกฎหมายฉบับดังกล่าวข้นึ มาโดยไมไ่ ดต้ ีความเฉพาะ การ payment เท่านั้น แต่ในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นเห็นว่า payment จะเป็นทางออกที่จะ สะท้อนให้กรมสรรพากรควรจะรู้เพื่อประเมินมากท่ีสดุ โดยถ้าให้อานาจอธบิ ดกี รมสรรพากรตามท่ีได้นาเสนอ จะเป็นการให้อานาจมากเกินไป อีกทั้งเมื่อได้หารือร่วมกับหน่วยงานเอกชนต่าง ๆ เพื่อให้เห็นว่าการคัดกรอง เกณฑ์ต่าง ๆ ควรมีรายละเอียดอย่างไร ในการพิจารณาของรัฐสภาได้มีการศึกษาโดยวิเคราะห์หยิบยก กรณีศึกษาขึ้นมาโดยท้ายท่ีสุดแล้วจึงกลับมาเป็นไปตามที่ปรากฏตามกฎหมายที่ประกาศใช้ในปัจจุบัน ทั้งน้ี การจดั เก็บภาษีการประกอบธุรกจิ ไมว่ า่ จะเป็นออนไลนห์ รอื ออฟไลน์จะต้องคานึงถงึ บคุ คลท่ีมเี งินไดเ้ ป็น สาคัญ กล่าวคือจะต้องเก็บจากผู้ท่ีมีรายได้ซึ่งก็คือผู้ขาย ทั้งน้ี ในส่วนตลาดธุรกิจออนไลน์ นอกจากผู้ขายท่ี จะตอ้ งเสยี ภาษีแลว้ Platform กเ็ ปน็ ผทู้ ี่มีรายไดจ้ ากคา่ ธรรมเนียมในการใหพ้ ้นื ท่ใี นการขายแกผ่ ู้ขาย และในอกี กรณจี ะมรี ายไดจ้ ากการเปน็ ผู้ขายด้วยตนเองกม็ ีหนา้ ทีท่ ่ีจะต้องเสยี ภาษีเชน่ เดียวกัน สาหรบั กรณีการซ้ือสนิ ค้า

๑๕ ออนไลน์และให้จัดเก็บเงินปลายทางนั้นข้อมูลในการชาระเงินจากคนกลางกล่าวคือ Platform ไปยังผู้ขาย ข้อมลู ดงั กล่าวก็ยงั ถูกจดั ส่งและมกี ารโอนเงินไปยังผ้ขู ายตามรอบเสมอื นกรณีการซอื้ ขายออนไลน์ทว่ั ไป ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ใหข้ ้อมูลโดยสรปุ คือ ธนาคารแห่งประเทศไทยมีภารกจิ ใน การพัฒนาและรกั ษาเสถยี รภาพของระบบการชาระเงิน ให้เกดิ ประสิทธิภาพ ความคล่องตัวและความปลอดภัย ทางการเงิน โดยคานึงถึงการคุ้มครองผู้ใช้บริการ ทั้งน้ี ได้กาหนดแผนกลยุทธ์ระบบการชาระเงิน (Payment System Roadmap) ที่มีเป้าหมายให้การชาระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) เป็นทางเลือก หลกั ของภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และภาครัฐ โดยท่ผี ่านมามีการพัฒนาโครงสรา้ งพ้ืนฐานเพื่อรองรบั การชาระ เงินให้เกดิ ความพร้อม มีเสถียรภาพและทันสมัย และสง่ เสรมิ การพัฒนานวตั กรรมใหม่ของระบบการชาระเงิน เพ่อื ลดการใชเ้ งินสด ภาระตน้ ทุน เนื่องจากการใชเ้ งินสดจะควบคุมและติดตามความเส่ียงไดย้ าก ภายใต้กรอบ ของการดาเนินงาน ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประสานความร่วมมือกับภาครัฐและสถาบันการเงิน ในการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชาระเงิน เช่น ระบบพร้อมเพย์ (Promptpay) และมาตรฐาน QR code เพ่ือการชาระเงินของไทย ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาระเงนิ ทางอิเล็กทรอนิกส์ หรอื “พรอ้ มเพย์” มีวัตถุประสงค์เพื่ออานวยความสะดวกและเพ่ิมประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้บริการภาคส่วนต่างๆ ท้ังประชาชน ภาคธุรกิจและภาครัฐ รวมทั้งให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ทั่วถึงมากข้ึนในต้นทุนท่ี เหมาะสม ซ่งึ ไดม้ ีการพัฒนาบรกิ ารชาระเงินรูปแบบใหม่ตา่ งๆ ตอ่ ยอดบนโครงสรา้ งพ้ืนฐานดงั กลา่ ว เพื่อตอบ โจทยก์ ารใช้งานในชีวิตประจาวนั เช่น มาตรฐาน Thai QR Payment การชาระบิลขา้ มธนาคาร เปน็ ต้น ทาให้ มีการใช้งานเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเน่อื ง จากการติดตามยอดการใช้งานของระบบพร้อมเพย์ตั้งแต่เปิดให้บริการ ในปี ๒๕๖๑ จนถึงปัจจบุ ัน ณ ส้นิ เดอื น เมษายน ๒๕๖๓ มีผ้ลู งทะเบียนพร้อมเพย์ทั้งสนิ้ ๕๒.๗ ล้านหมายเลข และมีการใช้ งานเติบโตร้อยละ ๑๐๓.๖ จากระยะเดียวกันปีก่อนซ่ึงมีการใช้งานเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า ในช่วงเดือนมกราคม และเมษายน ๒๕๖๒ ยอดการใช้งานกลับชะลอตัวลง ซึ่งเป็นช่วงเวลา เดียวกับการประกาศแก้ไขพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ และ มีกระแสข่าวต่อเนื่องในวงกวา้ ง แต่หลังจากช่วงเวลาดงั กล่าวอัตราการใช้งานไดก้ ลับทยอยเพ่ิมข้ึน และมีการ เรง่ ตวั ในชว่ งสถานการณ์แพรร่ ะบาดของไวรสั โควดิ ๑๙ ทงั้ นี้ เมือ่ เปรียบเทียบการใชง้ านระหว่างการชาระเงินทางอเิ ล็กทรอนิกส์กับการเบิกถอน เงินสด ยังพบว่า แม้การใช้งานการชาระเงินทางอิเล็กทรอนิคส์เพิ่มสูงขึ้นแต่ยังอยู่ในสัดส่วนที่ต่ากว่าการใช้

๑๖ เงนิ สด ดังน้นั จึงยังคงมคี วามจาเป็นท่ตี ้องเรง่ พฒั นา e-Payment อย่างตอ่ เนอื่ งต่อไปเพ่อื ให้มีการใช้บรกิ ารให้ เพ่ิมสงู ขึ้นในวงกว้าง นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กากับดแู ลผปู้ ระกอบธรุ กจิ ที่ใหบ้ รกิ ารรบั ชาระเงิน ผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของต่างประเทศ เช่น Alipay และ Wechat pay ซ่ึงผู้ประกอบธุรกิจจะต้อง ไดร้ ับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติระบบการชาระเงนิ และจะต้องรายงานขอ้ มูลให้ธนาคารแหง่ ประเทศไทย ทราบ ตามที่กรมสรรพากรกาหนดใหธ้ นาคารมีหน้าทรี่ วบรวมขอ้ มูลรายการบัญชีท่เี ขา้ ขา่ ยตาม เง่อื นไขทีก่ ฎหมายบญั ญัตไิ ว้ เพอื่ จัดทารายงานส่งให้กรมฯ ภายในวันที่ ๓๑ มนี าคมของทกุ ปี ซ่ึงในปที ผ่ี า่ นมามี ประกาศให้ส่งรายงานข้อมลู ระหว่างวันท่ี ๒๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ จงึ เปน็ ข้อมลู เพียง ๗ วนั แต่ในปี ๒๕๖๓ ธนาคารตอ้ งเก็บรวบรวมข้อมูลตามกรอบเวลา ๑ ปี เพือ่ สง่ รายงานใหก้ ับกรมสรรพากร สาหรับ Payment System Road Map ของธนาคารฯ ประกาศใช้เป็นฉบับท่ี ๔ กรอบ ระยะเวลา ๓ ปี (ปี ๒๕๖๒ – ๒๕๖๔) เป็นการทางานร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ในการพัฒนาให้ e-Payment เป็นทางเลือกหลักของการชาระเงินให้กับภาคประชาชน ภาคธุรกิจ (SMEs e-Commerce) และภาครัฐ โดยวางกรอบการพัฒนาไว้ ๕ ด้าน คอื (๑) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชาระเงินท่ีเชื่อมโยงกัน ให้มีความมั่นคงปลอดภัย ได้มาตรฐานสากลรองรับนวตั กรรมและพร้อมเช่อื มโยงกบั ตา่ งประเทศลดตน้ ทุนของระบบการชาระเงนิ (๒) การส่งเสรมิ นวตั กรรมและบรกิ ารชาระเงิน เพอื่ สง่ เสรมิ การพฒั นานวัตกรรมบรกิ ารที่ หลากหลายตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ด้วยการนากระบวนการออกกฎเกณฑ์ที่ดีมาใช้ในการออกและ ทบทวนหลักเกณฑ์ ลดภาระผู้ให้บริการ รวมถึงส่งเสริมการแข่งขันของผู้ให้บริการและสนับสนุนการพัฒนา นวตั กรรมของตนเองใน own sandbox (๓) การส่งเสริมการเข้าถึงและการใช้บริการชาระเงิน ส่งเสริมการเข้าถึง Digital payment อย่างแพร่หลาย สร้างความรู้ความเข้าใจและส่งเสริมการใช้งานอย่างต่อเน่ืองเพื่อให้ผู้ใช้บริการมี ความเชือ่ มัน่ และเลือกใชบ้ รกิ ารอย่างเหมาะสม (๔) การกากับดแู ลและการบริหารความเสย่ี ง เพอื่ รักษาเสถียรภาพการบรหิ ารความเส่ียง ที่ดีกากับตรวจสอบเทา่ ทันและคมุ้ ครองผูใ้ ชบ้ ริการเพอื่ รับมอื ภยั ไซเบอรใ์ นระบบการเงิน ยกระดบั การคุม้ ครอง ผ้ใู ชบ้ รกิ ารใหส้ อดคล้องกับรูปแบบบริการที่เปล่ยี นแปลงไป (๕) การพัฒนาข้อมูลการชาระเงนิ บูรณาการข้อมูลชาระเงนิ เพ่ือใชป้ ระโยชน์ พัฒนาการ เช่ือมโยงกับหน่วยงานที่มีความพร้อมและวเิ คราะห์ข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีเพ่ือพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน สนับสนนุ งานดา้ นนโยบายและการใช้ประโยชน์ในมติ ดิ า้ นอื่น ในส่วนของการขออนุญาตใช้ระบบ e-Money ใช้ระยะเวลาดาเนินการภายใน ๖๐ วัน (กรณเี อกสารประกอบการขออนญุ าตครบถว้ น) กาหนดกรอบในการพจิ ารณาไว้ ๕ ด้าน คือ (๑) ดา้ นฐานะ ทนุ จดทะเบยี นขัน้ ตา่ ๑๐๐ ลา้ นบาท (e-Money) พร้อมแผนประกอบธรุ กิจ (๒) ดา้ นธรรมาภิบาล การตรวจสอบคุณสมบตั ิของผู้ประกอบธรุ กจิ (๓) ดา้ นการบริหารความเสย่ี ง (๔) ด้านการคุ้มครองผู้บรโิ ภค (๕) ด้านประสทิ ธิภาพและการแขง่ ขนั ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกแนวปฏิบัติเร่ือง Regulatory Sandbox เพ่ือสนบั สนนุ ให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการทางการเงินอื่น ๆ มีการพัฒนานวัตกรรมโดยนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ

๑๗ มาช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพ ลดต้นทุนในการให้บริการทางการเงินอันจะนามาซงึ่ ประโยชน์ทั้งในการตอบสนอง ความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายมากย่ิงข้ึน เพิ่มการเข้าถงึ บรกิ ารทางการเงนิ ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และมีคา่ ใช้บรกิ ารที่ต่าลง ภายใต้กรอบ Regulatory Sandbox มหี ลกั การสาคัญ ๓ ประการ คอื ๑) ส่งเสรมิ ให้ เกดิ นวัตกรรมทางการเงนิ ๒) มีแนวทางคุ้มครองผู้บริโภคท่ีเหมาะสมโดยคานึงถึงสิทธิของผูบ้ ริโภคเป็นสาคัญ และ ๓) ดูแลความเสยี่ งใหอ้ ยู่ในระดบั ทย่ี อมรับได้ การป้องกันภัยจากความเสี่ยงและความปลอดภัยของระบบการเงิน ในระยะเวลา ๒ ปี ทผี่ ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ร่วมมือกับสถาบันการเงิน สานักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ในการจัดตั้งศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคารเฝ้าระวัง (Thailand Banking Sector CERT) เพอ่ื ยกระดับการรกั ษาความปลอดภัยทางการเงิน สาหรับผลกระทบจากการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ พบว่ามีการทาธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์มากยง่ิ ขน้ึ เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเงินสด สาหรับกรณีการแพรห่ ลายของสกุลเงนิ ดิจิทัลนั้น ทาง ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ศึกษาและทดสอบเก่ียวกับ Central Banking Digital Currency (CBDC) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลท่ีออกโดยธนาคารกลาง โดยเป็นการร่วมมือกันระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและ ธนาคารพาณชิ ยต์ ่าง ๆ เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหธ้ นาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินเข้าใจและเท่าทนั เทคโนโลยี เชน่ Blockchain และเปน็ การวางรากฐานใหก้ บั เงนิ สกุลดิจิทัลทีเ่ ป็นบาทสาหรับการพัฒนาระบบการชาระเงิน ของไทยในอนาคต สมาคมธนาคารไทย ได้ให้ข้อมูลโดยสรุปคือ Digital payment เป็นการใช้จ่ายเงินทาง อิเล็กทรอนิกส์ เช่น บัตรเครดิต บัตรเดบติ (ATM) จานวนการออกบัตรสูงถงึ ๗๐ – ๘๐ ล้านใบ และการใชเ้ งินสด สมุดเช็ค การกดเงินผ่านเคร่ือง ATM สมาคมฯ คานึงถึงการสร้างเครือข่ายและโครงสร้าง Mobile Digital payment โดยการสนับสนุนการให้บริการเคร่ืองรูดบัตร (EDC) ให้ท่วั ถงึ ตามแหลง่ ชุมชน รวมถึงการที่ภาครัฐ ดาเนินการออกบัตรสวัสดิการซึ่งถือเป็นบัตรเดบิตดว้ ย ทั้งน้ี สมาคมฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยได้รว่ มกัน ผลักดันการให้บริการชาระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชน ผู้ใช้บริการอย่างทว่ั ถึง สาหรับการรายงานข้อมูลตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับท่ี ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ท่ีกาหนดใหธ้ นาคารต้องสง่ รายงานข้อมลู การหมุนเวียนของบญั ชธี นาคารให้กรมสรรพากร ซึ่งตาม ขนั้ ตอนจะต้องตรวจสอบรายละเอยี ดของบคุ คลผเู้ ปน็ เจา้ ของบญั ชแี ต่ละบญั ชีวา่ บัญชีมีการหมุนเวยี นอย่างไรมี เงินเขา้ เปน็ จานวนคร้ังและจานวนเงนิ เท่าใดหากจานวนคร้งั และจานวนเงนิ ไม่เป็นไปตามทก่ี ฎหมายกาหนดก็ไม่ ตอ้ งรายงาน โดยรายงานขอ้ มลู เฉพาะชื่อ-สกลุ และหมายเลขบัตรประชาชน สมาคมการค้าผู้ให้บริการชาระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ได้ให้ขอ้ มูลโดยสรุปคือ สถาบันการเงิน แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ ธนาคาร (Bank) และสถาบันการเงินที่มิใช่ธนาคาร (Non Bank) ซ่ึงทั้ง ๒ ประเภท สามารถใช้ e-Wallet และ e-Money ในการส่งเสรมิ การให้บริการ และธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ แบง่ เปน็ ๒ ประเภท คอื (๑) e-Wallet และ e-Money การเติมเงินเข้าระบบจึงจะสามารถใช้งานได้ การใช้ Smart Phone ทาให้เกดิ ความเปลี่ยนแปลงในการใช้เงนิ ผ่านระบบโทรศัพทเ์ คล่ือนที่อย่างมาก และเทคโนโลยีทาให้ ผบู้ ริโภคมที างเลือกในการใชเ้ งนิ (๒) Payment Gateway เปน็ บริการรับชาระเงนิ ออนไลน์ ซง่ึ ทผี่ า่ นมาการชาระเงนิ คา่ บรกิ าร ตา่ ง ๆ ผูใ้ ชบ้ รกิ ารตอ้ งดาเนนิ การผ่านธนาคาร โดยอาจชาระผา่ นบัตรเดบติ บัตรเครดิต หรอื หกั จากบญั ชี

๑๘ โดยสมาคมฯ จะทาหน้าท่ีเป็นผู้รวบรวมขอ้ มูลการทาธุรกรรมทางอเิ ล็กทรอนิกสท์ ั้งหมด โดยจะส่งเงินค่าซื้อสินค้าและบริการของลูกค้าให้กับผู้ประกอบการวันละ ๑ ครั้ง ธรุ กรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ประเภทe-Commerce และ Mobile Commerce ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ประเภทการค้าท่ีอาจ ก่อให้เกิดผลกระทบ คือ Social Commerce การโพสต์ขายสินค้าผ่านทาง Facebook และ Instagram โดยรับชาระเงินผา่ นบัญชี มีการเปิดบัญชีไว้หลายบัญชี เพ่ือหลบเลย่ี งการเสียภาษี และร้านค้าท่ีเปิดขายสินค้า และบริการโดยใช้รหัสควิ อาร์ (QR Code) ในการรับชาระเงิน ทัง้ นี้ การปฏิบัติใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายเปน็ สิง่ ท่ี ตอ้ งกระทาแตเ่ กดิ ภาระกบั ทางสมาคมฯ ในเรื่องการทตี่ อ้ งทารายงานขอ้ มลู สง่ ใหก้ รมสรรพากร และอย่รู ะหวา่ ง การจัดเตรยี มระบบการใหข้ ้อมูล สาหรบั ผลกระทบทีไ่ ด้รบั จากการประกาศบังคับใช้พระราชบญั ญัตแิ กไ้ ขเพิ่มเติมประมวล รัษฎากร (ฉบับที่ ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ คือ ภาระในการจดั ทาและส่งรายงานให้กรมสรรพากร โดยกรมสรรพากร ขอรายละเอยี ดยอดการซื้อขายทง้ั หมดของเจ้าของบัญชหี รือร้านค้า การส่งข้อมูลวันละ ๑ คร้ังเปน็ เพียงข้อมูล การรับเงินในแต่ละวัน สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ได้ให้ข้อมูลโดยสรุปคือ กรณีผลกระทบจากการบังคับใช้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลรัษฎากร (ฉบบั ท่ี ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประเดน็ การประกอบธรุ กิจออนไลน์ และการทาธุรกรรมผา่ นชอ่ งทางอเิ ล็กทรอนกิ ส์วา่ โดยสมาคมและสมาชิกเองน้ันมกี ารประกอบธรุ กิจทัง้ ในส่วน ตลาดออนไลน์และออฟไลน์ มีความต้องการใหม้ กี ารแขง่ ขันกันอยา่ งเป็นธรรมโดยต้ังแตม่ ีการแพรก่ ระจายของ เชื้อไวรัสโควดิ – ๑๙ ตลาดมีการเปลย่ี นแปลงไป มีการแข่งขันกันเป็นอย่างมาก รวมถึงยังมีการทาราคาที่ต่า ผิดปกติ รวมถงึ ทาโปรโมช่ันการขนสง่ ทตี่ า่ กวา่ ความเปน็ จรงิ โดยสมาคมเองมีความเห็นวา่ กฎหมายของประเทศ ไทยอาจยังไม่ครอบคลุมไปถึงกรณีดังกล่าวได้ ทั้งน้ี สมาคมจะให้การสนับสนุนในการแก้ไขกฎหมาย รวมถึง กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ทีจ่ ะทาให้มีการแขง่ ขนั กันอยา่ งยตุ ธิ รรมและเทา่ เทยี มกันมากย่งิ ขนึ้ ๗) ขอ้ เสนอแนะของคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๑) กรณีการกาหนดอัตราภาษีนาเข้าสินค้าต่าง ๆ ซึ่งกรมศุลกากรดาเนินการจัดเก็บ ภาษีมูลค่าเพิ่มแทนกรมสรรพากรล้วนมีผลกระทบต่อการจัดเก็บภาษีซ่ึงเป็นรายได้ของประเทศในภาพรวม หนว่ ยงานต่าง ๆ ควรจะตอ้ งบรู ณาการเพื่อหาแนวทางท่เี หมาะสมรว่ มกัน (๒) การจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการจดทะเบียนในต่างประเทศแต่มีรายได้จากการ ประกอบธรุ กจิ ในประเทศไทยควรพิจารณาถึงอนุสญั ญาภาษีซอ้ นซึ่งเป็นกฎหมายระหว่างประเทศด้วย (๓) สมาคมธนาคารไทยควรพิจารณากาหนดมาตรการใหม่ ๆ ในการออกบัตรประเภท ต่าง ๆ ของสถาบนั การเงนิ โดยร่วมมือกับหน่วยงานรฐั เช่น กรมการปกครอง เพ่ือพิจารณาหาแนวทางในการ รวบรวมขอ้ มูลตา่ ง ๆ ไว้ในบตั รเดยี ว (๔) กระทรวงการคลังต้องหาแนวทางการดาเนินการทางด้านภาษีท่ีจะช่วยลด ความเหล่ือมล้าภายในสังคมโดยไม่ใหม้ ีการอาศยั ช่องว่างทางด้านกฎหมายต่าง ๆ ในการแสวงหาผลประโยชน์ ให้กับตนเอง และควรมีการประมวลผลขอ้ มูล และตรวจสอบฐานข้อมูลให้ถกู ต้องอยู่เสมอเพ่ือป้องกันความ ผิดพลาดและคลาดเคล่ือนทีจ่ ะเกดิ ขึ้นจากการใช้ข้อมลู ดังกลา่ ว (๕) กรมสรรพากรควรมมี าตรการเพอื่ ให้ผเู้ สยี ภาษีต้องรบั ผดิ ชอบในการเสยี ภาษี โดยอาจ มีการออกมาตรการทางดา้ นภาษีเพ่ือเพิ่มแรงจงู ใจในการเสยี ภาษี และรายงานข้อมูลต่าง ๆ หรืออาจจะออก มาตรการนาใบกากบั ภาษีนามาชิงโชค (ฉลาก) รวมถึงภาครัฐต้องพยายามลดขนั้ ตอนในการดาเนินการเพ่ือลด ความย่งุ ยากในการเสียภาษีให้แก่ประชาชนและผ้ปู ระกอบการ เปน็ ตน้

๑๙ ๘.๒ ผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์ในประเทศไทยผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศ และปัญหาผลกระทบการค้าตรงและการซ้ือขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (e-Commerce) ตอ่ เศรษฐกิจชมุ ชน ๑) ความเปน็ มา ปจั จบุ ันธรุ กจิ การจาหนา่ ยสนิ คา้ ได้มกี ารเปลีย่ นรปู แบบจากเดมิ ที่มกี ารจาหนา่ ยในรูปแบบ ผ้คู า้ พบปะกบั ลกู คา้ โดยตรง ในรูปแบบของตลาดสด ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า หรอื การใช้ท่ีอยู่อาศัยเพือ่ เปิด เป็นหนา้ ร้านเป็นของตนเอง ไดม้ ีการเปลีย่ นแปลงรูปแบบการจาหนา่ ยสินคา้ ใหส้ ามารถเขา้ ถึงผบู้ รโิ ภคได้งา่ ยขน้ึ สะดวกรวดเร็วข้ึน และผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าได้หลากหลายมากขึ้น รูปแบบที่ได้รับความนิยมเป็น จานวนมาก คือ การประกอบธุรกิจจาหน่ายสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศ อาทิ Lazada Shopee Amazon Alibaba Facebook และ Instagram ซึ่งมีความหลากหลายของตัวสินค้าให้ผู้บริโภคได้ สามารถเลอื กซื้อ ผ้บู ริโภคได้รับความสะดวกสบายมากขึน้ สนิ คา้ มีตวั เลอื กมาขึน้ ในโลกออนไลน์มีการรีวิวสนิ คา้ หลากหลายใหผ้ ูซ้ อ้ื ได้มีโอกาสเปรียบเทยี บราคาและคุณภาพสินคา้ ไดม้ ากข้ึน เพ่อื สิ่งทีด่ ที สี่ ดุ สาหรับผู้ซื้อในการ ท่ีจะได้มาซ่ึงสินค้าที่ดี มีคุณภาพและราคาที่พึงพอใจ ซ่ึงสิ่งต่าง ๆ เหล่าน้ีนับเป็นทางเลือกท่ีดีก่อให้เกิด ประโยชน์แก่ผบู้ รโิ ภคเป็นอยา่ งมาก แต่ในทางกลับกันด้านหน่งึ ของผปู้ ระกอบการธุรกจิ ออนไลน์ในประเทศไทย ทุกคนที่จาหน่ายสินค้า แต่จาเป็นต้องทาการจาหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มเหล่าน้ีซึ่งเป็นของต่างประเทศ ทัง้ สนิ้ การสั่งซอื้ สนิ คา้ ของผปู้ ระกอบการของไทยท่ีทาการซอื้ ขายผา่ นแพลตฟอรม์ ของต่างประเทศกลับตอ้ งเสยี ภาษนี าเข้า ภาษีนิตบิ ุคคล ภาษีธรุ กิจ หรือแมแ้ ต่ภาษีบุคคลธรรมดาตามกฎหมายไทย ซงึ่ ถือเป็นต้นทุนในการ ประกอบการท้งั สน้ิ ในขณะท่ผี ปู้ ระกอบการจากภายนอกมไิ ด้มีการเสียภาษกี ารค้าใหก้ บั ประเทศไทยแต่อยา่ งใด สรา้ งความสญู เสยี ทางเศรษฐกจิ ของประเทศอย่างรา้ ยแรงมาก และไมเ่ ปน็ ธรรมเปน็ อย่างมากกับผู้ประกอบการ ไทย เนือ่ งจากผู้ประกอบการของไทยไมม่ แี พลตฟอร์มทเ่ี ปน็ ของคนไทยเพื่อใชเ้ ปน็ ชอ่ งทางในการจาหน่ายสินค้า ออนไลน์ที่ได้รับความนิยม ทาให้ต้องหันไปพ่ึงพิงของต่างประเทศ ซ่ึงหาไม่มีการกาหนดนโยบายเร่งด่วนใน การศึกษาถงึ ผลกระทบดา้ นการสญู เสยี ทางเศรษฐกจิ อยา่ งเป็นรูปธรรม และหากยงั ไม่มีการหาแนวทางป้องกัน และแกไ้ ขปญั หาดังกล่าว จะกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายทางเศรษฐกจิ ในภาพรวมของประเทศอย่างใหญ่หลวง และ ในแต่ละปีจะทาให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้จากผปู้ ระกอบการเจ้าของแพลตฟอรม์ ต่างประเทศเป็นจานวน มหาศาล นอกจากนี้ ในปจั จบุ ันการค้าตรงและการซ้อื ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (e-Commerce) ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกจิ ชุมชนธุรกิจคา้ ปลีกในชุมชน ย่านธุรกิจการค้าและอาคารพาณิชยกรรมในชุมชน เมือง เกิดปัญหาภาวะถดถอยหลังจากพฤติกรรมการซ้ือขายของผู้บริโภค อย่างใดก็ตาม แม้ธุรกิจค้าปลีกใน ชุมชนพยายามปรับตัว แต่ธุรกิจชุมชนยังได้สะท้อนปัญหาและอุปสรรคที่ต้องการได้รับการปรับปรุง ได้แก่ การส่งเสรมิ และพัฒนาธุรกิจ เงินทุนขยายกิจการ การยกเว้นภาษีเงินทุนการผลิต การสร้างเสริมโอกาสและ ความสามารถในการแข่งขนั ปริมาณวัตถุดิบ คุณภาพวตั ถุดิบ ระบบขนส่งสินค้า คู่แข่งขนาดใหญ่ในประเทศ และสภาพคล่องทางการเงิน จึงจาเป็นต้องศึกษาหามาตรการเพื่อป้องกัน แก้ไขฟ้ืนฟูในธุรกิจชุมชนมี ความเข้มแข็งและปรับตัวให้เข้ากับสภาวการณ์ในปัจจุบันได้ดีย่ิงขึ้น ซ่ึงกรณีดังกล่าวเป็นเร่ือง สาคัญ รัฐจาเป็นต้องมีมาตรการ ระเบียบ กฎหมาย เพ่ือส่งเสริมและควบคุมการซอื้ ขายสินค้าผ่านชอ่ งทางออนไลน์ (e-Commerce) ตลอดจนศึกษาระบบจัดเก็บภาษีการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (e-Commerce) ที่ไม่ ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรายยอ่ ยเกินความจาเปน็

๒๐ ๒) กฎหมาย ระเบียบ นโยบาย และหลักเกณฑท์ เี่ ก่ียวขอ้ งกบั การประกอบธุรกิจออนไลน์ ประเทศไทยในปัจจุบันมกี ฎหมายทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั พาณชิ ย์อิเล็กทรอนิกสบ์ งั คับใชอ้ ยหู่ ลาย ฉบับโดยมีหลายหน่วยงาน สรุปไดด้ งั ปรากฏตามตาราง ดงั นี้ หน่วยงานท่ี กฎหมาย วัตถปุ ระสงค์/สาระสาคัญ รับผิดชอบ ๑. พระราชบัญญัติว่าดว้ ยธุรกรรม กระทรวงดจิ ทิ ลั ทางอเิ ล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ การรองรับสถานะทางกฎหมายของข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ให้เสมอ เพ่อื เศรษฐกจิ และ กบั การทาเป็นหนังสือ หรือหลักฐานเป็นหนังสือ การรับรองวิธกี ารส่ง สังคม ๒. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยวิธีการ และรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ การใช้ แบบปลอดภัยในการทาธุรกรรม ตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ การพิสูจน์และยืนยนั ตวั ตนผ่านระบบการ กระทรวงพาณิชย์ ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๕๓ พิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลตลอดจนการรบั ฟงั พยานหลักฐานที่ เป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และสามารถนาเอกสารซึ่งเป็นส่ิงพิมพ์ออก สานักงานคุ้มครอง ๑. พระราชบัญญตั ทิ ะเบยี น ของขอ้ มูลอเิ ล็กทรอนิกส์มาใชแ้ ทนตน้ ฉบับหรอื ให้เป็นพยานหลักฐาน ผูบ้ รโิ ภค พาณิชย์ พ.ศ. ๒๔๙๙ ในศาลได้ ๒.ประกาศกระทรวงพาณชิ ย์ เรอ่ื ง เพ่ือส่งเสริมให้มีการบริหารจดั การและรักษาความมนั่ คงปลอดภัยของ ใหผ้ ู้ประกอบพาณิชย์กิจตอ้ งจด ทรัพย์สินสารสนเทศในการทาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้มี ทะเบียนพาณชิ ย์ (ฉบับที่ ๑๑) การยอมรับและเชื่อม่ันในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มากยิ่งข้ึน โดยได้ พ.ศ. ๒๕๕๓ กาหนดวิธีการแบบปลอดภัยสามระดับคือ ระดับเคร่ง ระดับกลาง และระดับพื้นฐาน ซ่ึงในแต่ระดับได้มีการกาหนดมาตรฐานการรักษา ๑. พระราชบัญญตั ิขายตรงและ ความมั่ นคงป ลอดภั ยของระบ บ สารสนเท ศต ามห ลักเกณ ฑ์ ตลาดแบบตรง พ.ศ. ๒๕๔๕ ท่ีคณะกรรมการประกาศกาหนด ๒. กฎกระทรวง กาหนดการซื้อ ๑.การจดทะเบียนพาณิชย์ โดยกาหนดให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจไม่ว่า ขายสนิ คา้ หรือบรกิ าร โดยวิธีการ จะเปน็ บุคคลธรรมดา หา้ งห้นุ สว่ นสามญั ห้างหนุ้ ส่วนจดทะเบียน ห้าง พาณชิ ย์อเิ ล็กทรอนิกส์ทไี่ ม่ถอื ว่า หุ้นส่วนจากัด บริษัทจากัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นตลาดแบบตรง พ.ศ. ๒๕๖๑ หรือบริษัทมหาชนจากัด ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจากัด ทุกท้องท่ีทั่วราชอาณาจักรตอ้ งจดทะเบียนพาณิชย์ ซ่ึงในส่วนทถี่ ือว่า เป็นการจดทะเบยี นพาณชิ ย์อเิ ล็กทรอนกิ ส์ ได้แก่ ๑.๑ การซื้อขายสินค้าหรือบริการโดยวิธีการส่ืออิเล็กทรอนิกส์ ผา่ นระบบเครอื ข่ายอินเทอร์เน็ต ๑.๒ การบริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider : ISP) ๑.๓ การให้เช่าพ้ืนท่ีของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Web Hosting) ๑.๔ การบริการตลาดกลางในการซ้ือขายสินค้าหรือบริการ (e-Marketplace) ๒. การออกเคร่ืองหมายรับรอง (DBD registered) เพ่ือรับรองความ น่าเชื่อถือแก่เว็บไซต์ของผู้ประกอบการท่ีขึ้นทะเบียนกับกรมพัฒนา ธรุ กจิ การคา้ ๑. กาหนดให้การทาตลาดสินค้าหรือบริการในลักษณะพาณิชย์ อิเลก็ ทรอนิกสเ์ ปน็ ตลาดแบบตรง ๒. การจดทะเบียนตลาดแบบตรงและการคมุ้ ครองผ้บู ริโภค ๓. กาหนดหลักเกณฑ์ในการประกอบธุรกิจขายตรงหรือตลาดแบบ ตรง การคุ้มครองผู้บริโภค และหลักประกันหากผู้บริโภคได้รบั ความ เสยี หาย

๒๑ หน่วยงานที่ กฎหมาย วตั ถปุ ระสงค์/สาระสาคญั รบั ผดิ ชอบ ๒. พระราชบญั ญตั คิ ุม้ ครอง ๔. กาหนดให้ผู้ประกอบการรายย่อยท่ีเป็นบุคคลธรรมดา วิสาหกิจ กองบงั คับการ ผูบ้ ริโภคพ.ศ. ๒๕๒๒ ขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ปราบปรามการ รวมทั้งสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรสามารถขายสินค้าหรือบริการโดย กระทาความผิด พระราชบัญญตั วิ า่ ด้วยการกระทา วธิ ีการพาณิชยอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ไดโ้ ดยไมถ่ ือวา่ เป็นตลาดแบบตรง เก่ยี วกับ ความผดิ ทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. กาหนดความคุ้มครองผู้บริโภคท่ีตกอยู่ในฐานะท่ีเสียเปรียบจากการ อาชญากรรมทาง ๒๕๕๐ เสนอสินค้าและการบริการผ่านการต ลาดและการโฆษณาของ เทคโนโลยี (ปอท.) ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งไม่อาจทราบภาวะตลาดและความจริงเก่ียวกับ พระราชบัญญตั ริ ะบบการชาระ คณุ ภาพและราคาสินค้าและบริการได้อย่างถูกต้อง รวมถึงการได้รับ ธนาคารแหง่ เงนิ พ.ศ. ๒๕๖๐ ความเป็นธรรมในการทาสัญญาด้วย ประเทศไทย กาหน ดมาต รการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระ ทาความผิ ด ๑) ประมวลรษั ฎากร เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เช่น กระทาด้วยประการใด ๆ ให้ระบบ กรมสรรพากร ๒) กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๓๕๕ คอมพิวเตอร์ไม่สามารถทางานตามคาสั่งท่ีกาหนดไว้หรือทาให้การ (พ.ศ. ๒๕๖๒) ออกตามความใน ทางาน ผิดพลาดไปจากคาสั่งท่ีกาหนดไว้หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ กรมศลุ กากร ประมวลรัษฎากร ว่าดว้ ยการ ข้อมูล แก้ไข หรือทาลายข้อมูลของ บุคคลอ่ืนในระบบคอมพิวเตอร์ รายงานข้อมลู เกี่ยวกับบุคคลทม่ี ี โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอรเ์ พ่ือเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ธรุ กรรมลกั ษณะเฉพาะ อันเป็นเท็จหรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ตลอดจนกระบวนการ พระราชบัญญตั ิศลุ กากร แ ล ะ ห ลั ก เกณ ฑ์ ใน การ ระ งับ การ ท าให้ แ พ ร่ ห ล าย ห รือล บ พ.ศ. ๒๔๖๙ ขอ้ มูลคอมพิวเตอร์ การกาหนดมาตรการในการกากับดูแลระบบการชาระเงนิ และบริการ การชาระเงินด้วยการอนุญาตหรือขึ้นทะเบียน และมีบทกาหนดโทษ ทางปกครองและอาญา ตลอดจนการให้ความคุ้มครองการชาระเงิน กรณีท่ีศ าลมีคาส่ังฟ้ืนฟูกิจการห รือสั่งพิทักษ์ทรัพ ย์ต ามกฎ ห มายว่า ด้วยล้มละลาย อันจะทาให้ระบบการชาระเงินของประเทศเกิด เสถียรภาพและดาเนินการไดอ้ ย่างตอ่ เน่อื ง กาหนดให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์มีหน้าท่ี รายงานข้อมู ลเก่ียวกับบุ คค ลท่ีมี ธุรกรรมลักษณ ะเฉพ าะให้ กรมสรรพากรเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร โดยธุรกรรมท่ีมี ลักษณะอยา่ งหนง่ึ อย่างใดในปที ีล่ ่วงมา ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑. ฝากหรือรับโอนเงนิ ทกุ บัญชรี วมกันต้ังแตส่ ามพันครง้ั ขึ้นไป ๒. ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันต้ังแต่สรี่ ้อยครงั้ และมยี อดรวม ของธุรกรรมฝากหรอื รับโอนเงนิ รวมกันต้ังแต่สองลา้ นบาทขึ้นไป การเกบ็ ภาษีสินค้านาเขา้ สินค้าจากต่างประเทศ นโยบายสง่ เสริมเครื่องหมายรับรองผู้ประกอบธรุ กิจพาณิชยอ์ เิ ล็กทรอนกิ ส์ กรมพัฒนาธรุ กิจการค้า ได้ดาเนินการมาตรการเกี่ยวกับการส่งเสริมพัฒนา ตลอดจนกากับ ดแู ลการประกอบธุรกิจพาณชิ ยอ์ ิเลก็ ทรอนกิ ส์ เพอ่ื พัฒนาศักยภาพธรุ กจิ พาณชิ ย์อิเล็กทรอนิกส์ และสร้างความ เชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยการออกเคร่ืองหมาย DBD Registered และ DBD Verified ซง่ึ เป็นเครอ่ื งหมายรบั รองผปู้ ระกอบธรุ กจิ พาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ท่ีเป็นบคุ คลธรรมดาหรอื นติ ิบคุ คล และได้ยืนยันการมีตัวตนอยู่จริงในการทาธุรกิจพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือมี

๒๒ คุณสมบตั ิครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กาหนด เป็นการบ่งบอกว่า เว็บไซต์นั้นมีคณุ ภาพผ่านเกณฑ์ประเมินตาม มาตรฐานคุณภาพธรุ กิจ e-Commerce สรุปผลการดาเนินงาน ดงั น้ี (๑) เคร่อื งหมาย DBD Registered ปจั จุบนั มรี า้ นคา้ ออนไลน์ที่ได้รบั เครอ่ื งหมาย จานวน ๖๕,๖๔๔ ราย (๒) เครื่องหมาย DBD Verified แบ่งออกเป็น ๓ ระดับ คือ ระดับ Silver ระดับ Gold และระดบั Platinum ปัจจุบนั มีร้านค้าออนไลนท์ ไ่ี ด้รับเคร่ืองหมาย จานวน ๓๖๒ ราย โดยแบง่ ออกเปน็ DBD Verified Silver ๓๓๖ ราย DBD Verified Gold ๒๕ ราย และ DBD Verified Platinum ๑ ราย เครื่องหมาย DBD Registered คือ เคร่ืองหมายรับรองผู้ประกอบธุรกิจพาณิชย์ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ซึ่งรบั รองวา่ ผู้ประกอบการทเ่ี ป็นบคุ คลธรรมดาหรือนติ บิ ุคคล ไดย้ ืนยันการมีตวั ตนอย่จู ริงในการ ทาธุรกิจพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ เพ่ือสร้างความน่าเช่ือถือให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะออกเครื่องหมาย DBD Registered ให้ผู้ประกอบธุรกิจเพื่อนาไปแสดงไว้บน ร้านค้าออนไลน์ เมื่อผู้บริโภค (ผู้ซื้อ) เห็นเคร่ืองหมาย DBD Registered แล้วจะเกิดความมั่นใจในการทา ธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนกิ ส์เพ่ิมมากขน้ึ หากเกิดข้อพิพาทจากการซอื้ สินค้า/บรกิ าร สามารถตดิ ตามหาตวั ผู้ ประกอบธรุ กิจและแจ้งกรมฯ เพือ่ แก้ไขปัญหา และผู้ประกอบธุรกิจพาณิชย์อเิ ลก็ ทรอนกิ สท์ ่ีได้รับเครอ่ื งหมาย DBD Registered แล้ว สามารถขอใช้เคร่ืองหมาย รับรองความน่าเชื่อถือ (DBD Verified) จากกรมพัฒนา ธรุ กิจการค้าได้ ซ่ึงเครอื่ งหมาย DBD Verified จะมีความ น่าเชื่อถอื สงู กวา่ เคร่อื งหมาย DBD Registered โดย จะออกให้แก่รา้ นค้าออนไลน์ท่ีมคี ุณภาพเป็นไปตามหลกั เกณฑท์ ่ี กรมฯ กาหนดเทา่ นั้น ซึ่งให้ผูป้ ระกอบการท้ัง ท่ีเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบคุ คลที่ประกอบธุรกิจพาณิชย์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ ณ องค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ิน แล้วองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะจัดส่ง ข้อมูลให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพ่ือออก เครื่องหมาย DBD Registered ต่อไป หรือกรณีผู้ประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ท่ีไม่ต้องจดทะเบียน พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ร้านค้าออนไลน์ภาครัฐ ผู้มีอาชีพเกษตรกร ฯลฯ สามารถขอได้ทางเว็บไซต์ www.trustmarkthai.com เม่ือกรมฯ ได้ตรวจสอบขอ้ มูลแล้วจะทาการจัดส่ง Source Code ผา่ นทางอเี มล์ ของผ้ปู ระกอบธรุ กจิ เพื่อนาเคร่อื งหมาย DBD Registered ไปติดต้งั บนหน้าร้านค้าออนไลน์ แนวทางการสง่ เสริมใหผ้ ู้ประกอบการขอเครือ่ งหมายรับรอง (๑) ประชาสัมพนั ธ์ผ่านส่ือของกรมพัฒนาธรุ กิจการค้า เชน่ เวบ็ ไซตก์ รมฯ โซเชยี ลมีเดีย ของกองพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ สอ่ื ในกิจกรรมตา่ ง ๆ ทกี่ องดาเนินการจดั จา้ ง (๒) การร่วมให้คาปรึกษาในงานแสดงธุรกิจต่าง ๆ ที่กรมและหน่วยงานอื่นจั ดขึ้น เพ่อื ประชาสมั พันธ์และ ใหค้ าปรกึ ษาแนะนาการขอเคร่ืองหมายรบั รอง (๓) ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ในการประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์พันธมิตรและ การเชื่อมตอ่ ข้อมลู ผปู้ ระกอบธรุ กจิ พาณชิ ยอ์ เิ ลก็ ทรอนิกสเ์ พื่ออานวยความสะดวกในการขอเครอ่ื งหมายรับรอง (๔) การจัดสัมมนาให้ความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับเครื่องหมายรับรอง และพัฒนา ผู้ประกอบธุรกจิ พาณชิ ย์ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เพอ่ื ยกระดับศกั ยภาพรา้ นคา้ ออนไลน์ใหม้ คี วามน่าเชื่อถือ (๕) ประชาสัมพันธ์ผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ สานักงานเขต เทศบาล องค์การบรหิ ารส่วนตาบล ขอ้ บังคับว่าดว้ ยการใชเ้ ครอ่ื งหมายฯ พ.ศ. ๒๕๖๐ เครื่องหมาย DBD Registered เป็นเคร่ืองหมายรับรองผู้ประกอบธุรกิจพาณิชย์ อเิ ล็กทรอนิกส์ ซ่ึงรับรองว่าผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ได้ยืนยันการมีตวั ตนอยู่จริงใน การทาธุรกิจพาณิชยอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์

๒๓ เงือ่ นไขในการอนญุ าตใหใ้ ชเ้ ครอื่ งหมายรบั รอง (๑) เป็นบุคคลธรรมดา/นิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ บนส่ือ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ เช่น เวบ็ ไซต์ ร้านค้าใน e-Marketplace รา้ นคา้ ใน Social Media Application เป็นตน้ (๒) ผู้ประกอบธุรกิจที่จะใช้เครื่องหมายรับรองต้องแสดงหลักฐานการประกอบธุรกิจ พาณิชย์อิเล็กทรอนกิ ส์ เช่น สาเนาใบทะเบียนพาณิชย์ หนงั สือรับรองนติ ิบุคคล เอกสารการเป็นสมาชิกสมาคม การคา้ หอการค้า เอกสารทแ่ี สดงวา่ ได้จัดทารา้ นค้าออนไลน์แลว้ หรอื ช่อื ทางออนไลน์ท่ีใช้ในการประกอบธุรกจิ พาณิชยอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ (URL) เปน็ ตน้ (๓) เครือ่ งหมายรบั รองมีอายุ ๕ ปี นบั แตว่ ันท่ีกรมอนมุ ตั ใิ ห้ใช้ (๔) จาหน่ายสินค้า/บริการท่ไี มข่ ัดตอ่ กฎหมาย และความสงบเรียบรอ้ ยหรอื ศลี ธรรมอันดี ของประชาชน เคร่ืองหมาย DBD Verified เป็นเคร่ืองหมายรับรองความน่าเชื่อถือในการประกอบ พาณชิ ยอ์ เิ ล็กทรอนิกส์ทอ่ี อกใหแ้ กผ่ ู้ประกอบพาณชิ ยอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ทจี่ ดทะเบียนและมีคุณสมบตั คิ รบถว้ นตาม หลกั เกณฑ์ที่กาหนดเป็นการบ่งบอกวา่ เว็บไซต์นั้น ๆ มีคุณภาพผ่านเกณฑ์ประเมินตามมาตรฐานคณุ ภาพธรุ กิจ e-Commerce ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า DBD Verified แบ่งออกเป็น ๓ ระดับ ดังนี้ ระดับ Silver ระดับ Gold และ ระดับ Platinum หลักเกณฑ์การให้เครื่องหมายรับรองความน่าเชื่อถือในการประกอบธุรกิจพาณิชย์ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ DBD Verified คณุ สมบัติและเงอ่ื นไขของผขู้ อเครอื่ งหมาย (๑) บุคคลธรรมดา/นิตบิ คุ คลทปี่ ระกอบธุรกิจพาณชิ ย์อเิ ล็กทรอนกิ ส์ (๒) จัดสง่ งบการเงนิ (กรณีเป็นนติ ิบุคคล) (๓) จดทะเบียนพาณชิ ย์สาหรับธุรกิจพาณชิ ย์อิเล็กทรอนกิ ส์ (๔) เปน็ เจา้ ของโดเมนเนม (๕) ข้ออนื่ ๆ เช่น มรี ะบบการสง่ั ซื้อ ระบบการชาระเงิน วิธีการจัดสง่ ฯลฯ เกณฑม์ าตรฐานคุณภาพฯ ๕ ข้อใหญ่ (๑) ดา้ นการเปิดเผยขอ้ มูล (๒) ดา้ นเง่อื นไขทางการค้า การบรกิ ารทีเ่ ปน็ ธรรม เชน่ ด้านวธิ กี ารยกเลกิ หรือคนื สินค้า (๓) ดา้ นระบบความมัน่ คงปลอดภัยของเวบ็ ไซต์ (๔) ความเป็นส่วนตวั ของขอ้ มูลลกู คา้ (๕) การแกไ้ ขปัญหาข้อรอ้ งเรยี นและการระงับข้อพิพาท เครื่องหมายรบั รองใหม้ อี ายุ ๑ ปี นบั แตว่ นั ท่ีกรมอนญุ าตใหใ้ ช้เคร่อื งหมาย การจดทะเบยี นพาณิชย์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ ภายใต้พระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. ๒๔๙๙ และประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรอ่ื ง ใหผ้ ู้ประกอบกิจการพาณิชยต์ ้องจดทะเบยี นพาณิชย์ (ฉบบั ที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๓ กาหนดให้กิจการพาณชิ ย์ ตอ่ ไปนตี้ ้องจดทะเบียนพาณชิ ย์ (๑) การซ้ือขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่าย อนิ เทอรเ์ น็ต (๒) การบริการอนิ เทอร์เนต็ (Internet Service Provider) (๓) การใหเ้ ชา่ พ้นื ท่ีของเครอื่ งคอมพิวเตอรแ์ ม่ข่าย (Web hosting)

๒๔ (๔) การบรกิ ารเป็นตลาดกลางในการซอื้ ขายสนิ ค้าหรอื บริการ โดยวิธีใชส้ ่อื อิเลก็ ทรอนิกส์ ผา่ นระบบเครือขา่ ยอินเทอรเ์ นต็ บุคคลธรรมดาและนิตบิ ุคคลทปี่ ระกอบธรุ กจิ พาณชิ ย์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ โดยไมไ่ ดจ้ ดทะเบยี น พาณชิ ย์ฯ ย่อมมคี วามผิดตามพระราชบญั ญตั ิทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ.๒๔๙๙ ซ่ึงมีโทษปรบั ไมเ่ กิน ๒,๐๐๐ บาท และปรับวนั ละไมเ่ กิน ๑๐๐ บาท จนกว่าจะปฏบิ ตั ใิ ห้ถูกตอ้ ง ขนั้ ตอนการจดทะเบยี นพาณิชย์สาหรบั ร้านค้าออนไลน์ (๑) สร้างร้านคา้ ออนไลน์ใหเ้ สร็จเรียบรอ้ ยพรอ้ มออนไลน์ โดยย่ืนขอจดทะเบยี นพาณิชย์ ใหแ้ ล้วเสรจ็ ภายใน ๓๐ วัน นบั แตว่ นั เรม่ิ ประกอบการ (๒) ย่ืนจดทะเบียนพาณิชย์ ณ สานักงานเขต (กทม.) องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ในทอ้ งทีท่ ่สี ถานประกอบการต้งั อยู่ (๓) เอกสารทใ่ี ชจ้ ดทะเบียนพาณชิ ย์ (๓.๑) สาเนาบตั รประจาตัวประชาชน และสาเนาทะเบยี นบา้ นของผปู้ ระกอบกจิ การพาณิชย์ (๓.๒) แบบคาขอจดทะเบียนพาณชิ ย์ (แบบ ทพ.) (๓.๓) เอกสารแสดงรายละเอยี ดเกย่ี วกบั ร้านคา้ ออนไลน์ (เอกสารแนบแบบ ทพ.) (๓.๔) พมิ พ์หนา้ แรกของร้านค้าออนไลน์ สินคา้ /บริการทป่ี ระกอบกิจการพาณชิ ย์ (๓.๕) แผนท่ตี ง้ั การประกอบกจิ การพาณิชย์ (๓.๖) หนังสือรับรองการจดทะเบียนของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท (กรณีจดในนาม นติ บิ ุคคล) (๓.๗) หนงั สือมอบอานาจพรอ้ มติดอากรแสตมป์ ๑๐ บาท และสาเนาบตั รประชาชน ของผรู้ ับมอบอานาจ (กรณมี อบอานาจ) กรณีนติ ิบุคคลต่างประเทศเข้ามาตัง้ สาขาดาเนินกิจการในประเทศไทยให้แนบเอกสาร เพิม่ เตมิ (๑) สาเนาเอกสารแสดงการจดทะเบยี นนิตบิ ุคคล (๒) หนังสอื แตง่ ตง้ั ผ้ดู าเนินกิจการในประเทศไทย (๒.๑) ใบอนญุ าตทางาน (กรณีผู้ดาเนนิ กจิ การเป็นคนต่างด้าว) (๒.๒) ใบอนญุ าตประกอบธรุ กจิ ของคนตา่ งดา้ ว หรอื หนงั สอื รบั รองการใช้สทิ ธิ (ถ้าม)ี (๔) อตั ราค่าธรรมเนยี ม (๔.๑) การจดทะเบียนพาณิชย์ (ตงั้ ใหม่) ๕๐ บาท (๔.๒) การจดทะเบยี นเปล่ียนแปลงรายการ ครงั้ ละ ๒๐ บาท (๔.๓) การจดทะเบยี นยกเลิก ๒๐ บาท เมือ่ ร้านคา้ ออนไลนจ์ ดทะเบยี นพาณชิ ยแ์ ล้วจะได้รบั ใบทะเบยี นพาณชิ ย์ (แบบ พค. ๐๔๐๓) นโยบายการสนับสนุนผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ (Startup) ของกระทรวงดิจิทัล เพ่ือเศรษฐกจิ และสังคม กระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคมมีการสนับสนุนผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ และ กลุ่มผู้ประกอบการ นวัตกรรมเทคโนโลยีผ่านหน่วยงานภายใต้กระทรวงดิจิทัลฯ เช่น สานักงานส่งเสริม เศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สานักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เป็นต้น โดยมีมาตรการ ๓ มาตรการ ดงั น้ี

๒๕ มาตรการที่ ๑ กระทรวงดจิ ิทัลฯ มีมาตรการส่งเสรมิ การลงทุน โดยร่วมมอื กับสานักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ดาเนินการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้กับกลุ่มเป้าหมายเก่ียวกับ นโยบายและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ในการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI โดยเฉพาะประเภทกิจการท่ีเกี่ยวกับ คลัสเตอร์ดิจิทัลซ่ึงมีรายละเอียดสิทธิประโยชน์และเงื่อนไขท่ีหลากหลายมากข้ึน โดยสานักงานได้มีการจัด ฝกึ อบรมเพ่อื สร้างความรู้ความเขา้ ใจและให้คาปรึกษา ตลอดจนจัดทาบทเรียน e-Learning ด้านการส่งเสริม การลงทุนเพื่อเผยแพร่ร่วมกับ BOI ในการสนับสนุนการลงทุนในปี ๒๕๕๙ นั้น โครงการที่อยู่ในคลัสเตอร์ ดิจิทัลได้รับการอนุมัติจาก BOI จานวน ๒๖๔ โครงการ คิดเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น ๔,๒๓๐.๓๐ ล้านบาท และ เกิดการจ้างงานในอุตสาหกรรมดิจิทัล จานวน ๖,๒๒๔ คน เพิ่มข้ึนจากปี ๒๕๕๘ ที่มีการอนมุ ัติโครงการรวม ท้ังส้ินจานวน ๑๒๓ โครงการ คิดเป็นเงินลงทุนท้ังสิ้น ๑,๑๒๐.๓๐ ล้านบาท และเกิดการจ้างงานใน อตุ สาหกรรมดจิ ทิ ัลทงั้ หมด ๓,๑๒๙ คน มาตรการที่ ๒ กระทรวงดิจิทัลฯ มมี าตรการส่งเสรมิ การเขา้ ถงึ แหล่งเงินทนุ และสง่ เสริม ให้ผ้ปู ระกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยรว่ มมือกบั บรรษัทประกันสินเชื่ออตุ สาหกรรมขนาดยอ่ ม (บสย.) ที่มี การอนมุ ตั ิโครงการค้าประกนั ผู้ประกอบการในวงเงิน ๑๐,๐๐๐ ลา้ นบาท เพอ่ื ชว่ ยเหลือ Digital Startup และ กลุ่มผู้ประกอบการนวัตกรรมและเทคโนโลยี ในเบ้ืองต้น บสย.แบ่งกลมุ่ การใหค้ วามสนับสนุนการค้าประกัน สินเชื่อออกเป็น ๒ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม Digital Startup และบุคคลธรรมดาไม่เกิน ๑ ลา้ นบาท และนิติบคุ คลไม่ เกนิ ๕ ลา้ นบาท และกลมุ่ นวัตกรรมและเทคโนโลยี บคุ คลธรรมดาไมเ่ กิน ๑ ลา้ นบาท และนิตบิ คุ คลไม่เกิน ๒๐ ล้านบาท เพ่ือผลักดันจูงใจให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินทั้งภาครัฐและ เอกชนกว่า ๒๐ แห่ง โดยกล่มุ เป้าหมายท่มี คี วามประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการคา้ ประกันจาก บสย. จะตอ้ ง ผา่ นการรับรองคุณสมบัตจิ ากทาง DEPA เพือ่ ให้เกดิ การคา้ การลงทนุ มาตรการที่ ๓ กระทรวงดิจทิ ัลฯ มีการจดั เตรียมสนามทดสอบนวัตกรรม (Innovation Sandbox) เพอื่ ทางาน ร่วมกบั หนว่ ยงานทัง้ ภาครัฐและเอกชน รวมถงึ Startup ทม่ี ีนวัตกรรมทางด้านเอกสาร อิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) สามารถทดสอบการให้บริการแก่ผู้ใช้งานได้จริงในขณะท่ียังไม่มีกฎระเบียบ ในการกากับ ท้ังนี้ การบริการดังกล่าวอย่ภู ายใต้กรอบการดูแลของ ETDA และหนว่ ยงานที่เกยี่ วข้อง เพ่อื ให้มี ก า ร ท ด ส อ บ รู ป แ บ บ ก าร ให้ บ ริ ก าร แ ล ะ ศึ ก ษ าก ล ไก ที่ จ า เ ป็ น เพ่ื อ ใช้ ก าห น ด แ น วท าง ก าร ก ากั บ ต่ อ ไป โดยสถานะปัจจุบนั ทาง ETDA ได้ ดาเนินการเตรียมกระบวนการสาหรับสนามทดสอบนวตั กรรมโดยขอบข่าย ของการทดสอบเปน็ นวัตกรรมหรอื บริการทีเ่ ก่ียวข้องกบั ระบบการพิสจู นแ์ ละยืนยันตวั ตนทางดจิ ทิ ัล (Digital ID Solution) การจัดทาหนังสือหรือเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document Solution) และ การประชุมผ่านสือ่ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ (e-Meeting Solution) ๓) ลักษณะการประกอบธรุ กิจออนไลน์ของประเทศไทย ในการทาการค้าตอ้ งประกอบดว้ ยอยา่ งนอ้ ย ๒ ฝา่ ยคือผูซ้ อื้ และผขู้ าย ซ่ึงผซู้ อ้ื และผู้ขายมี หลายรปู แบบทาให้เราสามารถจัดประเภทของพาณชิ ย์อเิ ล็กทรอนิคส์ ออกเป็นประเภทหลัก ๆ ดงั น้ี (๑) B2C (Business to Customer) คือ การค้าระหว่างผู้ค้าโดยตรงถึงลูกค้าหรือ ผบู้ รโิ ภค เช่น เวบ็ ไซต์ขายหนงั สือออนไลน์ เนน้ การขายหนังสือออนไลน์ หรอื สอ่ื มัลตมิ เี ดียทางการศึกษา โดยมี กลุ่มลูกค้าเป็นเด็ก นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป โดยการสั่งซ้ือสินค้าจะทาผ่านระบบตะกร้าสินค้า อิเลก็ ทรอนิกส์ การชาระเงิน มที างเลอื กให้ลูกค้าเช่น โอนผ่านธนาคาร บตั รเครดิต ไปรษณีย์ธนาณัติ ในส่วน ของการจัดส่งผ่านทางไปรษณีย์ หรือสามารถส่งแบบ Delivery ได้ด้วย เช่นร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคาร อิเล็กทรอนิกส์ การขายอสงั หาริมทรัพย์ เป็นตน้

๒๖ (๒) B2B (Business to Business) คอื การคา้ ระหว่างผ้คู า้ กบั หน่วยธุรกิจเชน่ กนั แต่เป็น ผปู้ ระกอบการ ครอบคลมุ ถึงการขายส่ง การทาการส่งั ซื้อสินคา้ ผา่ นทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบห่วงโซ่การ ผลิต (Supply Chain Management) หรือเว็บไซต์ที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ท่ีต้องการซื้อสินค้า/บริการ กับ ผ้ใู ห้บรกิ ารธุรกจิ รถเช่า ดาน้า สปาร์ กอลฟ์ สวนสนกุ เป็นต้น (๓) C2C (Customer to Customer) เป็นการติดต่อระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค เช่น การติดตอ่ แลกเปล่ียนขอ้ มลู ข่าวสารในกล่มุ คนท่ีมีการบรโิ ภค หรอื บคุ คลท่วั ไปอาจจะทาการแลกเปลย่ี นสนิ ค้า กันเอง ขายของมือสอง โดยสินค้าท่ีนามาเสนอขายได้น้ันครอบคลุมต้ังแต่บ้านราคาหลายสิบล้านไปจนถึง หนังสือราคาไมก่ บ่ี าท เป็นต้น (๔) B2G (Business to Government) คือ การประกอบธุรกิจระหว่างภาคเอกชนกับ ภาครฐั ทีใ่ ชก้ นั มาก คอื การจัดซอ้ื จัดจ้างของภาครฐั ท่เี รียกวา่ e-Government Procurement ในประเทศท่ีมี ความกา้ วหนา้ ทางดา้ นพาณิชยอ์ ิเล็กทรอนิกส์ ทร่ี ฐั บาลทาการซอ้ื หรอื จดั ซ้อื จดั จ้างผา่ นระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์เป็น ส่วนใหญเ่ พอ่ื ประหยดั ค่าใช้จ่าย เชน่ การประกาศจัดจ้างของภาครัฐ หรือการใชร้ ะบบ EDI ในพิธกี ารศลุ กากร ของกรมศุลกากร เป็นต้น (๕) G2C (Government to Customer) การบริการของภาครัฐสู่ประชาชนผ่านส่ือ อิเล็กทรอนิคส์ เชน่ การเสยี ภาษผี ่านอนิ เตอรเ์ น็ต การให้บรกิ ารบรกิ ารขอ้ มูลสปู่ ระชาชนผ่านอินเตอรเ์ น็ต เปน็ ตน้ ๔) มูลคา่ ธรุ กจิ ออนไลน์ (e – Commerce) ของประเทศไทย ตามข้อมูลของสานักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (ETDA) ระบุวา่ ภาพรวมของการประกอบธุรกจิ ออนไลน์และการทาธุรกรรมผ่านช่องทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์วา่ โดย ETDA มีภารกจิ ในการส่งเสริมการประกอบธุรกรรมทางอิเล็กทรอนกิ ส์ รวมถงึ การตรวจสอบและดูแลการใช้งาน และ สรา้ ง Trust รองรบั การออก e-Licensing ภาครฐั และดาเนินการท่วั ไปในการส่งเสริมโครงสร้างพ้นื ฐานในการ ทาธุรกรรมออนไลน์ สาหรับภาพรวมในการทาธุรกรรมออนไลน์ของประเทศไทยน้ันปัจจุบันมีมูลค่าการ ประกอบธุรกิจ e-Commerce อันดับหน่ึงของอาเซียน โดยมีมูลค่า ๒๓.๓๐ พันล้านดอลล่าร์สหรฐั โดยในปี ๒๕๖๐ มีมูลค่า e-Commerce จานวน ๒.๗๖ ล้านล้านบาท ในปี ๒๕๖๑ มูลค่า e-Commerce จานวน ๓.๑๕ ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ ๑๔.๐๔ โดยในปี ๒๕๖๑ จาแนกตามประเภท ผู้ประกอบการ B2B มีอัตราเติบโตร้อยละ ๑๓.๕๕ ผู้ประกอบการ B2C มีอัตราเติบโตร้อยละ ๑๔.๐๔ และ ผปู้ ระกอบการ B2G มีอตั ราเตบิ โตรอ้ ยละ ๑๕.๕ โดยมมี ลู คา่ การค้าในกลุม่ ค้าปลีกและค้าสง่ ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๑ โดยจาแนกตามประเภทสนิ คา้ และบริการ ได้ดังนี้ (๑) ธุรกิจห้างสรรพสินค้า ปี ๒๕๖๐ มีมูลค่า ๒๕๘,๔๔๙.๙๒ ล้านบาท โดยปี ๒๕๖๑ มีมูลคา่ ๓๐๕,๘๙๔.๖๗ ล้านบาท (๒) อาหาร เครื่องด่ืม ผลิตผลทางการเกษตรและประมง ปี ๒๕๖๐ มีมูลค่า ๑๓๕,๘๖๘.๔๑ ล้านบาท โดยปี ๒๕๖๑ มมี ลู คา่ ๑๗๒,๕๔๓.๖๕ ลา้ นบาท (๓) เครื่องสาอางและอาหารเสริม ปี ๒๕๖๐ มีมูลค่า ๘๗,๔๐๗.๕๕ ล้านบาท โดยปี ๒๕๖๑ มีมลู ค่า ๑๑๕,๖๘๓.๕๑ ลา้ นบาท (๔) คอมพวิ เตอร์และอุปกรณอ์ ิเล็กทรอนิกส์ ปี ๒๕๖๐ มีมูลค่า ๕๒,๓๙๒.๕๒ ล้านบาท โดยปี ๒๕๖๑ มีมลู คา่ ๖๓,๕๔๖.๔๐ ลา้ นบาท (๕) เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ปี ๒๕๖๐ มมี ูลค่า ๓๒,๑๔๕.๙๖ ล้านบาท โดยปี ๒๕๖๑ มมี ูลคา่ ๓๗,๑๑๙.๑๕ ลา้ นบาท

๒๗ (๖) อุปกรณ์การกฬี าของเล่นและของทรี่ ะลึก ปี ๒๕๖๐ มีมูลคา่ ๓๓,๘๐๗.๕๕ ล้านบาท โดยปี ๒๕๖๑ มีมูลค่า ๔๕,๐๘๓.๒๔ ล้านบาท (๗) แฟชัน่ เครอื่ งแต่งกาย และเครื่องประดบั ปี ๒๕๖๐ มมี ูลค่า ๔๖,๓๙๒.๕๘ ล้านบาท โดยปี ๒๕๖๑ มมี ูลค่า ๖๐,๔๗๔.๒๗ ล้านบาท สาหรับปญั หาอุปสรรคที่พบคอื Platform ตา่ ง ๆ มกี ารจัดโปรโมชน่ั เพือ่ สง่ เสริมการขาย คอ่ นข้างสูง ทาให้ปัจจุบันมกี ารปดิ ตวั ลงไปเป็นจานวนมาก โดย Platform ท่เี ป็นของประเทศไทยยังคงแข่งขัน กับต่างชาติ ๆ ได้ยากเน่ืองจากมีกาลังในการลงทุนและการประกอบธุรกิจที่ค่อนข้างสูง โดยยอดที่ได้มีการ นาเสนอต่อที่ประชุมเปน็ การคานวณจากร้านค้าทไ่ี ด้มีการขึ้นทะเบียนไว้กับหน่วยงาน ยังไมน่ ับรวม Platform ของตา่ งประเทศที่มีการซอ้ื ขายแลว้ ยอดเงนิ โอนตรงไปยังต่างประเทศ ในสว่ นของรปู แบบวธิ ีการนาเข้าสนิ ค้าที่มกี ารส่ังซือ้ ออนไลน์และมีการนาเขา้ ส่ปู ระเทศไทย ตามข้อมูลของกรมศุลกากร ระบุว่า โดยระบบการขนสง่ สินค้า Cross-Border e-Commerce ที่มีการส่งข้าม แดนจากตา่ งประเทศ ซึ่งในปจั จุบนั มี ๒ รูปแบบ ได้แก่ (๑) การขนส่งทางอากาศยานในรูปแบบของเรง่ ด่วน (สานักงานศุลกากรตรวจสนิ ค้าท่า อากาศยานสวุ รรณภมู )ิ ซึ่งลกั ษณะแล้วทางบรษิ ัทขนสง่ จะจ่ายคา่ อากรแทนผู้ส่ังซ้อื ไปก่อนและไปเรยี กเกบ็ จาก ผูซ้ ้อื ในภายหลงั โดยจานวนใบตราสง่ สินค้าการนาเข้าของเรง่ ด่วน ทางสานักงานศุลกากรตรวจสนิ คา้ ท่าอากาศ ยานสุวรรณภูมปิ ีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ – ๒๕๖๓ (เดอื นพฤษภาคม) (ราคา FOB <= ๔๐,๐๐๐ บาท) - ปี ๒๕๕๙ : ๓,๓๓๐,๒๔๘ ฉบบั - ปี ๒๕๖๐ : ๗,๗๕๖,๒๔๗ ฉบบั - ปี ๒๕๖๑ : ๑๑,๙๘๖,๕๙๐ ฉบบั - ปี ๒๕๖๒ : ๒๗,๓๘๓,๑๐๕ ฉบับ - ปี ๒๕๖๓ : ๒๓,๘๔๗,๕๖๑ ฉบับ (๘ เดอื น) มลู คา่ การนาเขา้ ของเร่งด่วน ทางสานกั งานศุลกากรตรวจสินค้าทา่ อากาศยานสุวรรณภูมิ ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ – ๒๕๖๓ (เดือนพฤษภาคม) - ปี ๒๕๕๙ : ๙,๒๒๙.๕๑ ลา้ นบาท - ปี ๒๕๖๐ : ๑๐,๖๕๑.๔๖ ล้านบาท - ปี ๒๕๖๑ : ๑๔,๓๔๘.๔๘ ล้านบาท - ปี ๒๕๖๒ : ๒๐,๓๘๐.๗๖ ลา้ นบาท - ปี ๒๕๖๓ : ๑๓,๕๖๘.๒๐ ล้านบาท (๘ เดอื น) การจัดเก็บอากรขาเข้าของเร่งด่วน ทางสานักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยาน สวุ รรณภมู ิปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ – ๒๕๖๓ (เดอื นพฤษภาคม) - ปี ๒๕๕๙ : ๗๖๘.๐๒ ล้านบาท - ปี ๒๕๖๐ : ๘๒๕.๗๐ ลา้ นบาท - ปี ๒๕๖๑ : ๑,๐๖๔.๐๑ ลา้ นบาท - ปี ๒๕๖๒ : ๑,๓๐๕.๗๗ ลา้ นบาท - ปี ๒๕๖๓ : ๘๒๒.๗๗ ล้านบาท (๘ เดอื น) โดยประกาศกรมศุลกากร ท่ี ๑๓๐/๒๕๖๑ เร่ือง การปฏิบัติพิธีการศุลกากรทาง อเิ ลก็ ทรอนิกส์ว่าด้วยกระบวนการทางศุลกากรเก่ยี วกับของเร่งด่วน ซง่ึ การนาเข้าของเร่งด่วน มีกาหนดเพดาน ราคา (FOB) ไมเ่ กิน ๔๐,๐๐๐ บาท/รายการ และไม่เปน็ ของตอ้ งหา้ ม (ของที่มีกฎหมายกาหนดห้ามมิให้นาเข้า

๒๘ หรอื สง่ ออกโดยเด็ดขาด ผทู้ นี่ าเข้าหรอื ส่งออกจะมีความผิดตามทก่ี ฎหมายบัญญตั ิ) ตอ้ งกากัด (ของทจี่ ะนาเข้า ไดห้ รือสง่ ออกได้ ต้องได้รบั อนุญาต/ใบรับรอง หรือปฏิบัติได้ถูกตอ้ ง ตามหลักเกณฑแ์ ละเงอ่ื นไขของหน่วยงาน ทีเ่ กยี่ วข้อง) ภายใต้การดาเนินงานของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรตลอดเวลา โดยมีระบบคอมพิวเตอร์ตรวจสอบ ลว่ งหน้าก่อนอากาศยานมาถึง และผู้ประกอบการของเร่งด่วนจะตอ้ งได้มาตรฐานตามที่กรมศุลกากรกาหนด โดยจะเลง็ เห็นได้ว่ามลู ค่าสนิ ค้าตอ่ กลอ่ งต่าลงทาใหม้ ูลค่านาเข้ามีสัดส่วนไม่สอดคลอ้ งกับจานวนหีบหอ่ ที่มกี าร นาเข้า (๒) การส่งของทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ (สานักงานศุลกากรกรุงเทพ) จะผ่านการ ดาเนนิ การโดย บรษิ ทั ไปรษณยี ์ไทย จากัด สามารถดาเนนิ การได้ ๕ ประเภท คอื (๒.๑) ทางอากาศ (๒.๒) ภาคพืน้ (๒.๓) EMS (๒.๔) ไปรษณยี ล์ งทะเบยี น (๒.๕) ไปรษณียธ์ รรมดา โดยผู้ซ้ือจะต้องดาเนินการเสียค่าอากรและค่าบริการกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จากัดท่ี สาขาปลายทางและนาสนิ ค้าออกไปได้ โดยสถติ กิ ารนาเข้าไปรษณยี ์ระหว่างประเทศปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ – ๒๕๖๓ (เดอื นพฤษภาคม) (ราคา FOB <= ๔๐,๐๐๐ บาท) - ปี ๒๕๕๙ : ๕.๙๗ ลา้ นหีบหอ่ - ปี ๒๕๖๐ : ๗.๓๗ ล้านหีบหอ่ - ปี ๒๕๖๑ : ๗.๕๙ ล้านหีบหอ่ - ปี ๒๕๖๒ : ๕.๙๖ ล้านหีบหอ่ - ปี ๒๕๖๓ (๘ เดอื น) : ๓.๓๒ ลา้ นหีบหอ่ มูลคา่ การนาเข้าของส่วนบรกิ ารศลุ กากรไปรษณยี ์ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ – ๒๕๖๓ (เดอื นพฤษภาคม) - ปี ๒๕๕๙ : ๒,๖๓๑.๕๖๖ ลา้ นบาท - ปี ๒๕๖๐ : ๒,๓๔๙.๓๐๒ ลา้ นบาท - ปี ๒๕๖๑ : ๒,๖๘๗.๕๒๔ ลา้ นบาท - ปี ๒๕๖๒ : ๒,๔๔๗.๖๓๑ ลา้ นบาท - ปี ๒๕๖๓ (๘ เดือน) : ๑,๕๐๕.๕๙๗ ลา้ นบาท การจัดเก็บอากรขาเข้าของส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ – ๒๕๖๓ (เดอื นพฤษภาคม) - ปี ๒๕๕๙ : ๓๐๒.๙๙๙ ล้านบาท - ปี ๒๕๖๐ : ๒๙๔.๓๖๔ ลา้ นบาท - ปี ๒๕๖๑ : ๓๑๖.๑๐๒ ลา้ นบาท - ปี ๒๕๖๒ : ๒๗๙.๒๓๐ ลา้ นบาท - ปี ๒๕๖๓ (๘ เดอื น) : ๑๘๔.๑๖๑ ลา้ นบาท ในการจดั ส่งผ่านระบบไปรษณีย์ระหว่างประเทศจะไม่มีการรายงานรายละเอียดสินค้า จาก ประเท ศต้นท างท าให้ก รมศุลกากรต้องดาเนินก ารตรวจสอ บเอ งเม่ื อสิน ค้ามาถึงป ระเทศไทยซ่ึงอาจ ดาเนนิ การอย่างไมท่ ั่วถึง และสินค้าดังกลา่ วต้องไมเ่ ป็นของต้องหา้ ม (ของที่มีกฎหมายกาหนดหา้ มมิให้นาเข้า

๒๙ หรอื สง่ ออกโดยเดด็ ขาด ผ้ทู ีน่ าเขา้ หรือส่งออกจะมีความผิดตามทก่ี ฎหมายบญั ญัต)ิ ตอ้ งกากดั (ของที่จะนาเข้า ไดห้ รือส่งออกได้ ต้องได้รบั อนุญาต/ใบรบั รอง หรือปฏิบตั ิไดถ้ ูกตอ้ ง ตามหลักเกณฑ์และเงอื่ นไขของหน่วยงาน ทเ่ี กย่ี ว ๕) สรุปขอ้ มลู ของหนว่ ยงานที่เกย่ี วข้อง เพื่อให้การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นไปด้วยความรอบคอบ ได้รับ ทราบข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะท่ีเป็นประโยชนค์ ณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบ จากการประกอบธุรกิจออนไลน์และการทาธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงได้เชิญหน่วยงานต่าง ๆ ทีเ่ ก่ียวกบั ผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์ในประเทศไทยผ่านแพลตฟอรม์ ตา่ งประเทศ และปญั หา ผลกระทบการคา้ ตรงและการซ้ือขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (e-Commerce) ต่อเศรษฐกิจชุมชน มารว่ ม ประชุม สรุปสาระสาคัญดังน้ี กระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม ได้ให้ข้อมูลโดยสรุปคือ โครงสรา้ งพ้ืนฐานทาง ธรุ กจิ ท่ีกระทรวงฯ และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กากับดูแลอยู่ มีประเด็นที่เรียกว่า Over The Top (OTT) ธุรกิจ e–Commerce ถือเป็นธุรกิจ ประเภทหน่ึงท่ีเข้าข่ายลักษณะน้ี คือ การประกอบธุรกิจท่ีทาให้เกิดรายได้ค่อนข้างมาก ซึ่งกระทรวงฯ อยูร่ ะหว่างการพจิ ารณาดาเนนิ การเก่ยี วกบั การจดั เกบ็ ภาษีจากรายไดข้ องการประกอบกจิ การเหล่านี้ กรมสรรพากร ได้ให้ข้อมูลโดยสรุปคือ ทางกรมสรรพากรได้รว่ มมือกับธนาคารพัฒนา เอเชีย (ADB) เพอื่ ออกแบบวิธีการเรียนร้กู ารเสียภาษอี ากรเพื่อใหเ้ ข้าใจง่าย ซง่ึ ปจั จบุ ันอยู่ระหวา่ งการทดสอบ ระบบและไดด้ าเนินการมากว่า ๒ เดอื น ซ่ึงต่อไปอาจต้องขอความร่วมมือจากแพลตฟอรม์ ต่าง ๆ เพอื่ ให้ช่วย เผยแพร่ระบบดังกล่าวให้แพร่หลายต่อไป ปัจจุบันกรมสรรพากรให้ความสาคัญกับการดาเนินการเก่ียวกับ วสิ าหกจิ ชุมชนและบุคคลทั่วไป เนน้ การใหค้ วามรูท้ างกฎหมาย นอกจากน้ี กรมสรรพากรได้ตรวจสอบการดาเนินกิจการของธุรกิจ e–Commerce จากต่างประเทศทุกราย การตรวจสอบดงั กล่าวมีข้อจากัดบางประการเนือ่ งจากประมวลรัษฎากรฯ ถูกตราขึ้น ตามลักษณะการประกอบธุรกิจแบบเดิม (เก่า) การจัดเก็บภาษีตามกฎหมายกาหนดให้จัดเก็บเฉพาะ ผปู้ ระกอบการธุรกจิ ในประเทศไทย กรมฯ มีนโยบายและแนวคิดทจี่ ะแกไ้ ขปรบั ปรงุ กฎหมายการจัดเก็บภาษใี ห้ เหมาะสมกับสภาพของธรุ กิจในปัจจบุ ัน ซึ่งหมายรวมถึงการจัดเก็บภาษีผู้ประกอบการจากต่างประเทศด้วย การจัดเก็บภาษีเงินได้ของผู้ประกอบการธุรกิจข้ามชาติจะถูกควบคุมให้อยู่ภายใต้อนุสัญญาภาษีซ้อน โดยอนุสัญญาฯ ดังกล่าวเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ เพ่ือช่วยให้การจัดเก็บภาษีไม่เป็นอุปสรรค ต่อการ ประกอบธุรกิจ และอนุสัญญาฯ เป็นข้อตกลงซึ่งตราข้ึนตามลักษณะของการประกอบธุรกิจแบบเดิม (เก่า) เชน่ กัน จึงตอ้ งมีการแกไ้ ขปรบั ปรงุ ใหท้ ันสมยั ซงึ่ เปน็ เรือ่ งที่ยุ่งยากและซบั ซอ้ นมาก เพราะเปน็ ขอ้ ตกลงระหวา่ ง ประเทศและต้องอาศัยความร่วมมือกันในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ตัวอย่างเช่น การประกอบธุรกิจของ Google ซงึ่ เปน็ ธุรกจิ ขา้ มชาตจิ ากประเทศสหรัฐอเมรกิ า รายได้หลักของ Google คือ คา่ โฆษณา การประกอบ ธรุ กิจของ Google ในประเทศไทยมีลกั ษณะเป็นเพียง Regional Office การจา่ ยภาษีใหก้ บั กรมสรรพากรจ่าย ให้ในฐานะท่ีเป็น Regional Office มิได้จัดเก็บจากค่าโฆษณาที่เกิดข้ึนในประเทศไทย ท้ังน้ี กรมสรรพากรได้ ดาเนินการให้ Google สมัครใจท่ีจะชาระภาษีโดย Google นารายได้ท่ีเป็นส่วนของกาไรบางส่วนจากค่า โฆษณามาจ่ายชาระภาษี และบริษทั อื่น เช่น Lazada Shopee และ Grab ซึ่งเป็นบรษิ ัททจี่ ดทะเบยี นประกอบ ธรุ กิจในประเทศไทย มีหน้าที่ต้องชาระภาษีในไทย จะเห็นได้วา่ บริษทั ดังกลา่ วประสบปัญหาขาดทนุ มาตลอด แต่บริษทั เหลา่ น้ีพยายามทีจ่ ะแข่งขันกนั เพื่อดึงลูกค้าให้หนั มาใชบ้ ริการบริษัทของตน กรณีเช่นน้ตี ้องพิจารณา ว่าเป็นการแข่งขันทางการค้าและเขา้ ขา่ ยอยภู่ ายใตพ้ ระราชบัญญัตกิ ารแข่งขันทางการคา้ พ.ศ. ๒๕๖๐ หรอื ไม่

๓๐ สาหรับการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบการธุรกิจ e–Commerce ท่ีจดทะเบียน ในประเทศสามารถบังคับให้เป็นไปตามกฎหมายได้อย่างเต็มที่ ส่วนแพลตฟอร์มของต่างชาติท่ีเข้ามา จดทะเบียนในประเทศไทย กรมสรรพากรมีอานาจบังคับให้เป็นไปตามกฎหมายได้ อย่างไรก็ตาม ในการดาเนิน ธุรกิจเหล่านี้แม้จะประสบปัญหาขาดทุนแต่มูลค่าหุ้นกลับเพ่ิมมากขึ้น ซ่ึงมีคาอธิบายลักษณะดังกล่าวว่า Business Model จึงเหน็ ได้ว่าผไู้ ดร้ ับประโยชนส์ ูงสุด คือ เจ้าของกจิ การทีอ่ ยใู่ นต่างประเทศ ซ่งึ กรมสรรพากร ไดพ้ ยายามหาแนวทางและวิธกี ารที่จะดาเนนิ การในกรณีดงั กล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลโดยสรุปคือ ธนาคารแห่งประเทศไทยมีหน้าท่ี ในการกากับดูแลธุรกิจ e–Payment หากผู้ประกอบธุรกิจจากต่างประเทศท่ีต้องการเข้ามาประกอบธุรกิจ ในประเทศไทยจะต้องดาเนินการขออนุญาตประกอบธุรกิจกับธนาคารแห่งประเทศไทย ท้ังนี้ Payment Gateway ได้ถูกกากับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ในการออกใบอนุญาตให้กับธุรกิจดังกล่าวจะต้อง ดาเนินการให้เป็นไปตามกรอบและผู้ขออนุญาตต้องมีคุณสมบัติเป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ทก่ี าหนด โดยข้อมูล ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ มีจานวนผู้ใหบ้ รกิ ารตามพระราชบญั ญัติระบบการชาระเงิน ๑๑๙ ราย กรมพฒั นาธุรกิจการคา้ ได้ใหข้ ้อมูลโดยสรปุ คอื มผี ู้ยืน่ คาขอจดทะเบียนจัดต้ังนิตบิ ุคคล ตอ่ ปีจานวน ๗๒,๐๐๐ – ๗๕,๐๐๐ ราย ซ่ึงกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ร่วมมือกับกรมสรรพากรและสานักงาน ประกันสงั คมให้บริการเกี่ยวกบั การจดทะเบียนจดั ต้ังธุรกิจ จดทะเบียนภาษีมลู คา่ เพ่ิม การขึ้นทะเบยี นนายจ้าง โดยให้บริการในลกั ษณะ One Stop Service เพือ่ เป็นการอานวยความสะดวกให้กับประชาชน กรมศลุ กากร ไดใ้ ห้ข้อมูลโดยสรปุ คอื กรมศลุ กากรได้มกี ารวางแนวทางเพอื่ ปฏิรูประบบ ภาษี สาหรับกรณีการจัดเก็บภาษีการนาเข้าสินค้ามแี นวคดิ การเกบ็ ภาษีมูลค่าเพ่ิม สาหรบั ของนาเข้าที่มีราคา (CIF) ไมเ่ กิน ๑,๕๐๐ บาท ท่ีไดร้ บั ยกเว้นอากร และภาษมี ลู คา่ เพม่ิ เพอ่ื สรา้ งความเทา่ เทยี มกันกับอตุ สาหกรรม ภายในประเทศ นอกจากนี้ สินค้าท่ีมีการสั่งซื้อออนไลน์ที่ถูกจัดส่งจากต่างประเทศจะมีอัตราภาษีศุลกากรท่ี เท่ากันเน่ืองจากจะไมส่ ามารถยกเวน้ ภาษตี ามขอ้ ตกลง FTA ได้ และในการกาหนดนา้ หนักในการส่งสินค้าทาง ไปรษณีย์ได้กาหนดไว้ทน่ี า้ หนักไมเ่ กิน ๓๐ กิโลกรัม/กลอ่ ง ซ่ึงถูกกาหนดโดย Universal Postal Union (UPU) ซึง่ เปน็ องคก์ รกลางเกี่ยวกบั ระบบไปรษณยี ์ของโลก รวมถึงในการแจ้งมลู ค่าของสินค้าทมี่ กี ารนาเข้าน้ัน ถา้ เป็น สนิ คา้ ท่มี ีการซื้อผ่าน Platform โดยสว่ นมากจะไม่สามารถทาได้เนือ่ งจากมีการแจ้งราคาที่ชัดเจนจากต้นทาง แต่ถ้าเป็นการซ้ือออนไลน์จากผู้ขายท่ัวไปก็ต้องมีการตรวจสอบโดยเป็นการขอเปิดกล่องเพ่ือให้ทราบมูลค่า สินค้าทีแ่ ท้จรงิ และถ้าแจง้ เทจ็ ก็จะถกู ปรบั ตามกฎหมาย สานักงานมาตรฐานผลิตภณั ฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ไดใ้ หข้ ้อมูลโดยสรุปคือ สานักงาน มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) มีภารกิจและอานาจหน้าที่ในการกากับดูแลสินค้าให้เป็นไปตาม มาตรฐานถือเป็นสว่ นหนึ่งของกระบวนการรบั รองผลติ ภณั ฑซ์ ึ่งเป็นภารกิจหน่ึงที่มีความสาคญั ในการคมุ้ ครอง ผ้บู ริโภคให้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย และเป็นไปตามมาตรฐาน โดยเฉพาะสินค้าท่ีอยู่ในข่ายควบคุม ของสานักงานให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานผลติ ภัณฑ์อุตสาหกรรม (มาตรฐานบังคับ) จานวน ๑๑๕ มาตรฐาน (ซง่ึ ถ้าจะผลิตหรอื นาเข้าจะต้องได้รับอนุญาตจาก สมอ. ก่อน) โดยในการตรวจสอบจะมีการเขา้ ไปตรวจสอบ กรณเี ปน็ การผลิตต้องไปตรวจสอบโรงงาน ในกรณีเปน็ การขออนุญาตนาเข้าจะมกี ารเข้าไปเก็บตวั อย่าง และ เม่ือให้อนุญาตแล้ว หลังจากนั้นจะมีการติดตามผลเป็นระยะทั้งท่ีโรงงานและสถานท่ีจาหน่าย สาหรับสินค้า บงั คับทเ่ี ป็นการนาเขา้ จะมกี ารเชอ่ื มข้อมลู กับกรมศลุ กากรผา่ นระบบ NSW โดยถ้าเป็นสนิ ค้าทเี่ ข้าข้อห้ามของ กรมศลุ กากรก็จะมีการแยกการตรวจสอบไว้เพ่อื ให้ สมอ. ดาเนนิ การตรวจสอบและเมื่อ สมอ. อนุญาตแล้วจึง จะใหก้ รมศลุ กากรปล่อยสินคา้ และจัดเก็บภาษีตามระบบ ท้งั นี้ ปจั จุบนั ที่ระบบการคา้ ออนไลนเ์ ปน็ ท่ีนยิ มทาให้

๓๑ การทางานของ สมอ. เปล่ียนไป จงึ ไดม้ ีการทา MOU กับหนว่ ยงานเอกชน และ ETDA และมีการตง้ั ทีมเฉพาะ กจิ เพือ่ ตรวจสอบในระบบออนไลนแ์ ละสง่ ข้อมูลใหร้ ะบบตรวจจบั ต่อไป สาหรับการตรวจสอบระบบ NSW ที่มีการดาเนินการตรวจสอบสินค้าร่วมกับ กรมศุลกากร ถ้าเป็นสินค้าที่ไมม่ ใี บอนุญาตจะต้องใช้ระยะเวลาในการดาเนนิ การ โดยแนวปฏิบัติในปจั จุบันจะ ให้สนิ คา้ เข้ามาในประเทศก่อนและดาเนินการตรวจสอบถ้าไม่ไดม้ าตรฐานก็จะอายดั เปน็ การภายในโดยจะตอ้ ง ใช้ระยะเวลาในการดาเนนิ การประมาณไม่เกนิ ๓ วนั โดยระบบตรวจสอบนั้นจะเปน็ สินคา้ เฉพาะทกี่ รมศลุ กากร บ่งชี้มาว่าให้ตรวจสอบสินค้าล็อตใดบ้าง ท้ังน้ี ถ้าเป็นสินค้าที่ถูกจดั ส่งผ่านระบบไปรษณีย์ปกติเป็นช้ินเล็ก ๆ ก็อาจทาให้เกดิ การเลด็ ลอดไมไ่ ด้รับการตรวจสอบได้ สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ให้ข้อมูลโดยสรปุ คือ มาตรฐานในการ ควบคมุ และอนุญาตการนาเข้าสินค้าของผู้ประกอบธรุ กิจออนไลนว์ า่ องค์การอาหารและยามีหน้าที่ตรวจสอบ สถานท่ผี ลิต นาเข้า จาหน่าย และการโฆษณา ผลติ ภัณฑ์สุขภาพท้ังหมดไม่ว่าจะเป็นอาหาร ยา เครอื่ งสาอาง เครือ่ งมือแพทย์ วตั ถุอันตรายที่ใชใ้ นบา้ นเรอื น ยาเสพติดให้โทษทใี่ ช้ในทางการแพทย์ และวัตถุออกฤทธ์ิตอ่ จิต และประสาท โดยในการค้าขายออนไลน์จะมีท้ังการขายผ่าน Platform ท้ังที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ หรือ Facebook Instagram เป็นต้น ซ่งึ ถ้าทาการขายสนิ คา้ หรอื โฆษณาสินคา้ ในประเทศไทย ต้องดาเนินการ ตามกฎหมายท่ี อย. ดูแล โดยปัจจุบนั อย. และหน่วยงานเอกชนที่รับจ้างตรวจสอบแทนได้ร่วมมือกันในการ ตรวจร้านคา้ ออนไลน์ต่าง ๆ ให้ปฏบิ ัตติ ามท่ีกฎหมายกาหนดและตรวจจับรา้ นค้าท่ีกระทาฝา่ ฝืนบทบัญญัติแห่ง กฎหมาย รวมถึง Platform ตา่ ง ๆ ต้องรว่ มมอื ในการคัดกรองสินคา้ ใหด้ าเนินการปฏิบัตติ ามทีก่ ฎหมายแตล่ ะ ฉบับกาหนด สาหรับกรณีผู้ซื้อมีหน้าท่ีท่ีจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายกาหนดกรณีซื้อ นาเข้าจากต่างประเทศ หรือถือของจากต่างประเทศเข้ามาจะถูกตรวจสอบผ่านด่านของ อย. ท่ีอยู่ตามสนามบินสุวรรณภูมิ และ ชอ่ งทางต่าง ๆ ประมาณ ๕๐ ดา่ น รวมถงึ ดา่ นของไปรษณยี ์ด้วย โดยสนิ คา้ ดังกล่าวจะต้องปฏิบัตติ ามกฎหมาย ท้ังการขอใบอนุญาตภายใตห้ ลกั เกณฑ์ มาตรฐานสนิ ค้าทกี่ าหนด รวมถึงเงอ่ื นไขการนาเขา้ กรณีสินคา้ ใช้สว่ นตัว เช่น เคร่ืองสาอางโดยปกติจะอนุญาตนาเข้าได้ไม่เกินรายการละ ๖ ชิ้น โดยยอดรวมท้ังส้ินจะต้องไม่เกิน ๓๐ ชน้ิ อาหารเสริมไมเ่ กนิ ๑๐ กโิ ลกรมั หรือ ๑๐ ลิตร และใช้ได้ไม่เกนิ ๓๐ วนั เป็นต้น สานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ให้ข้อมูลโดยสรุปคือ สานักงาน คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะดูแลสินค้าเฉพาะท่ไี ม่มีหน่วยงานอ่ืนดาเนินการ โดยในส่วนฉลาก สนิ คา้ สคบ. จะเขา้ ไปดูแลภายใตก้ ฎหมายพระราชบัญญตั ิคุม้ ครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยถา้ ไม่ดาเนินการ จะมีโทษปรับ ซึ่งจะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบเป็นประจา แต่ถ้าเป็นกรณีที่เป็นสินค้าที่อยู่ภายใต้กฎหมายของ สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ฉลากดังกล่าวก็จะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายตามที่ สานักงานคณะกรรมการอาหารและยามอี านาจ สคบ. จะไมเ่ ข้าไปกา้ วล่วงแตอ่ ย่างใด สาหรบั ในการคา้ ออนไลน์ สคบ. จะเป็นหน่วยงานที่บังคับใช้ตามพระราชบัญ ญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. ๒๕๔๕ จะดูแลในส่วนการขายตรงและตลาดแบบตรง ซ่ึงหมายถึงการทาตลาดสนิ ค้าหรือบริการในลักษณะของการ ส่อื สารข้อมูลเพื่อเสนอขายสนิ ค้าหรอื บริการโดยตรงตอ่ ผูบ้ รโิ ภคซง่ึ อยู่ห่างโดยระยะทางและมุ่งหวงั ให้ผบู้ รโิ ภค แตล่ ะรายตอบกลบั เพื่อซอื้ สินคา้ หรือบรกิ ารจากผู้ประกอบธรุ กิจตลาดแบบตรงน้ัน สว่ นการซอื้ ขายสนิ ค้าหรือ บริการโดยวิธกี ารพาณิชย์อิเล็กทรอนิกสท์ ่ีไม่ถือว่าเป็นตลาดแบบตรง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเง่อื นไขท่ี กาหนดในกฎกระทรวงโดยกฎกระทรวงกาหนดการซ้ือขายสินค้าหรอื บรกิ ารโดยวธิ ีการพาณิชย์อเิ ล็กทรอนิกสท์ ี่ ไม่ถือว่าเป็นตลาดแบบตรง พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้ยกเว้นว่าการขายสินค้าหรือบริการโดยวิธีการพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกสด์ ังตอ่ ไปนี้ ไมถ่ ือวา่ เปน็ ตลาดแบบตรง

๓๒ (๑) การขายสินค้าหรอื บริการของบคุ คลธรรมดาซ่ึงมไิ ดจ้ ดทะเบียนเป็นผู้ประกอบธุรกิจ ตลาดแบบตรง และมีรายไดจ้ ากการขายสินค้าหรอื บรกิ ารโดยวธิ ีการพาณิชย์อิเลก็ ทรอนกิ สไ์ มเ่ กินหนึ่งลา้ นแปด แสนบาทต่อปี (๒) การขายสินคา้ หรือบรกิ ารของวสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ มทไี่ ดข้ นึ้ ทะเบยี นตาม กฎหมายว่าดว้ ยการส่งเสรมิ วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (๓) การขายสินค้าหรือบริการของวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนท่ีได้ จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกจิ ชมุ ชน (๔) การขายสินค้าหรือบริการของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่ได้จดทะเบียนตาม กฎหมายว่าดว้ ยสหกรณ์ ท้ังนี้ ถ้าเข้าองค์ประกอบที่จะต้องจดทะเบียนการขายตรงและตลาดแบบตรงกับ สคบ. แล้วผู้ประกอบการจะต้องมีหนา้ ท่ใี นการรายงานผลการประกอบธรุ กิจให้ สคบ. ทราบ รวมถงึ มหี น้าท่ีจะต้องรับ คนื สินค้าภายใน ๗ วนั หลังจากผู้ซื้อไดร้ ับสนิ ค้าแล้ว ซ่ึงที่ผ่านมา Platform ที่ข้ึนทะเบียนกับ สคบ. สามารถ ดาเนนิ การไดเ้ กอื บทง้ั หมดยกเว้นผซู้ ้ือไดม้ กี ารตกลงซ้อื กนั เองผา่ นร้านคา้ ส่วนตวั กรมการท่องเท่ียว ได้ให้ข้อมูลโดยสรุปคือ ใบอนุญาตการประกอบกิจการท่องเที่ยว แบง่ เป็นกลุ่มผปู้ ระกอบการ ดังน้ี คอื ๑) ผู้ประกอบธุรกิจนาเที่ยวที่นาเที่ยวเอง ๒) ผู้ประกอบธุรกจิ ทมี่ ีการซ้ือ ขายบริการกับนักท่องเที่ยว ๓) ผู้ประกอบธุรกิจในลักษณะตัวแทน เม่ือเกิดวิกฤตการณ์โควิด – ๑๙ ธุรกิจที่ ไดร้ บั ผลกระทบมากคือกลุ่มธุรกจิ ประเภทที่ ๒ เนือ่ งจากจะถูกรอ้ งเรยี นเป็นจานวนมาก ทาให้ธรุ กจิ ในกลมุ่ ที่ ๒ ประสพปัญหาอย่างมาก บรษิ ัทเหล่าน้ีจะได้รับเพียงคา่ Commission ส่วนค่าใชจ้ ่ายอืน่ ได้จ่ายให้กับบริษัทที่ เป็นพาร์ทเนอรไ์ ปแล้ว การท่มี ีผู้ร้องเรียนจะทาให้บริษัทในกลมุ่ ที่ ๒ มีชื่อปรากฏอยู่ในข้อมูลของ สคบ. และ ไม่สามารถปลดจากการรอ้ งเรียนได้ เน่ืองจากไม่สามารถคืนเงินให้กับลูกค้า สถานการณ์การเจริญเติบโตทาง ธุรกิจการท่องเท่ียวพบว่า ช่วงปลายเดือนมิถุนายน – เดือนกรกฎาคมมีผู้ย่ืนใบอนุญาตขอประกอบธุรกิจ นาเทย่ี วเพมิ่ ขน้ึ กองบังคับการปราบปรามการกระทาความผิดเก่ียวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ได้ให้ข้อมูลโดยสรุปคือ ปัญหาท่ีเกิดกับผู้บริโภค ได้แก่ การโฆษณาเกินจริงและการโฆษณาที่ไม่เป็นไปตาม กฎหมายการหลอกขายสินคา้ เช่น การหลอกลวงเก่ียวกับคณุ ภาพของสินคา้ ซงึ่ มคี วามผดิ ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา ๒๗๑ การหลอกลวงโดยการจดั สง่ สินค้าให้กบั ผู้ซือ้ โดยท่ีผู้ซื้อไมไ่ ดส้ ั่งสนิ ค้า การฉ้อโกงประชาชน และแชร์ลูกโซ่ ปัญหาเหล่าน้ีเบื้องต้นเจ้าของเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มควรแนะนาให้ผู้บริโภคไปแจ้งความ ดาเนินคดี แต่ในความเป็นจริงเมื่อผู้บริโภคแจ้งความดาเนินคดีแล้วส่วนใหญ่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการ ดาเนินการ เช่น ค่าพาหนะ ค่าจัดส่งสนิ ค้าคืน ซ่ึงผู้บริโภคต้องการเพียงค่าสินค้าท่ีซื้อไปคืน เม่ือต้องรับภาระ คา่ ใช้จ่ายดังกล่าวจึงไม่อยากดาเนินการใด ๆ ท้ังนี้ ปคบ. มีศูนย์รับเร่ืองราวร้องทุกข์ สายด่วน ๑๑๓๕ ทั้งน้ี บริษัทต่าง ๆ ควรกาหนดมาตรการป้องกันใหไ้ ปตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. ๒๕๔๕ เพ่อื เป็นการปอ้ งกันและบรรเทาความเดอื ดรอ้ นแก่ผู้บรโิ ภค กองบังคับการปราบปรามการกระทาผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท .) ได้ให้ข้อมลู โดยสรุปคือ ในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ของกลุ่มมิจฉาชีพไว้เป็นฐานข้อมูลของหน่วยงาน จากการตรวจสอบขอ้ มูลสามารถแบ่งไดเ้ ป็น ๒ กรณี คือ ปรากฏชัดว่าเปน็ กลมุ่ มิจฉาชีพท่ีโกงจริง และเป็นการ กล่ันแกล้งกันทางการค้า สาหรับการโพสต์รายการบัญชีของกลุ่มมิจฉาชีพลงบนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์ม โดยส่วนตวั เหน็ ว่า ไม่สามารถเปดิ เผยข้อมลู ดงั กลา่ วได้ และไดร้ บั การร้องเรยี นร้องทุกข์ถงึ การหลอกลวงและกล โกงตา่ ง ๆ ปอท. มกั พบวา่ ข้อมลู บางสว่ นของผู้ลงทะเบียนขายสินค้าไม่เป็นไปตามความจริง หากเกิดกรณกี าร

๓๓ กระทาความผิดของผูข้ ายสนิ คา้ ปอท. จะดาเนนิ การเอาผดิ กบั เจา้ ของเว็บไซตห์ รอื แพลตฟอรม์ กอ่ นเพราะถอื วา่ เป็นผู้รว่ มกระทาความผิด และจะตดิ ตามจับกุมผู้ขายสินคา้ ซึง่ เป็นผกู้ ระทาความผิดจรงิ ตอ่ ไป บริษัท เซ็นทรัล เจดี คอมเมิรช์ จากดั ไดใ้ ห้ขอ้ มูลโดยสรุปคอื บริษัทฯ เห็นดว้ ยกับการ บังคบั ใช้พระราชบญั ญตั แิ ก้ไขเพม่ิ เตมิ ประมวลรัษฎากร (ฉบบั ที่ ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ เนือ่ งจากเปน็ การส่งเสริมให้ เกดิ ความเท่าเทยี มในการประกอบธรุ กิจ และทาให้สามารถเรียกเกบ็ ภาษีจากผปู้ ระกอบการได้ แต่มีความกงั วล เก่ยี วกับการบังคบั ใช้กฎหมายให้มปี ระสทิ ธิภาพกับแพลตฟอรม์ จากตา่ งประเทศ ในแง่การประกอบธุรกจิ ของ บรษิ ัทถอื วา่ ไม่ได้เกิดความเสยี เปรียบรุนแรงแต่อย่างใด รูปแบบสนิ ค้าของบรษิ ัท แบง่ เปน็ ๒ สว่ น คือ (๑) สนิ ค้าที่เปน็ ของบริษัท ซ่งึ เสยี ภาษมี ลู ค่าเพม่ิ ตามปกติ (๒) สินค้าท่ีเป็น Market Place ผู้ขายสินค้ามาลงทะเบียนเป็นผู้ขายในแพลตฟอร์ม บรษิ ัทจะตรวจสอบว่า มสี ถานะเปน็ ผปู้ ระกอบการที่จดทะเบยี นเป็นผ้เู สียภาษีมลู ค่าเพ่ิมในประเทศไทยหรอื ไม่ และเปิดรบั ผู้ขายสินค้าทีเ่ ป็นท้ังนิตบิ ุคคลและบคุ คลธรรมดา รายรับส่วนใหญเ่ ป็นรายรบั จากสินค้าของบรษิ ัท โดยบริษัทเรียกเก็บค่า Commission และค่าบริการการใช้แพลตฟอร์ม การเรยี กเก็บเงินดังกล่าวข้ึนอยู่กับ ประเภทสินคา้ ซ่ึงกาหนดอัตราเรียกเก็บเปน็ มาตรฐานกลาง และผูข้ ายสนิ ค้าที่เป็น Market Place เป็นผอู้ อก ใบกากบั ภาษี ณ ที่จ่าย ปัจจุบันบรษิ ทั มกี ารส่งเสรมิ และสนับสนนุ ใหผ้ ปู้ ระกอบการธรุ กจิ SMEs เข้ามาเปน็ ผู้ค้า ในแพลตฟอร์มซึง่ อยใู่ นช่วงเริ่มต้นของการดาเนนิ การ สาหรับ e–Commerce ถือเป็นระบบที่ค่อนข้างใหม่ในประเทศไทย เพราะธุรกิจส่วน ใหญเ่ กยี่ วกับ e–Commerce ล้วนแลว้ แตเ่ กิดจากกลุ่ม Startup การลงทนุ ในระยะเริ่มแรกมีค่าใช้จ่ายค่อนข้าง สูงเกี่ยวกับระบบ Software เคร่อื งมือและอุปกรณ์ดา้ นเทคโนโลยตี า่ ง ๆ ในช่วงแรกของการดาเนินธุรกจิ นา่ จะ เกิดผลขาดทุน อีกประการหนึ่ง ได้ทราบว่า กรมสรรพากรจะลดอัตราภาษีเกี่ยวกับการลงทุน การวิจัยและ พฒั นาจึงขอให้ภาครฐั สนับสนุนในประเด็นน้ีด้วย บริษัท ชอ้ ปปี้ (ประเทศไทย) จากัด ไดใ้ ห้ขอ้ มูลโดยสรุปคอื บริษทั ฯ ไดด้ าเนินการธุรกิจ ในรูปแบบแพลตฟอร์มท่ีจดทะเบียนในประเทศไทยมีความพร้อมพอสมควรท่ีจะแข่งขันกับธรุ กิจในลักษณะ เดียวกัน ในแง่ของการเสียเปรียบทางธุรกิจคือ ความแตกต่างระหวา่ งแพลตฟอร์มในประเทศไท ยซึ่งต้องจด ทะเบียนในประเทศไทยกบั แพลตฟอร์มจากต่างประเทศ เช่น Facebook ที่ไม่ตอ้ งจดทะเบียนในประเทศไทย และไม่ถูกควบคุมโดยกฎหมายไทย จึงเห็นว่าเปน็ ความเหลื่อมล้าและได้เคยปรึกษาฝ่ายกฎหมายของบรษิ ัทว่า บรษิ ัทจาเป็นตอ้ งจดทะเบียนดังกลา่ วหรอื ไม่ ทงั้ ท่มี ีความมงุ่ ม่ันท่ีจะทาให้ถูกต้องตามกฎหมาย ปัจจบุ ันบรษิ ัท ให้การสนับสนุนธุรกิจ SMEs โดยการทาความตกลงทางการค้า (MOU) กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย ในการจัดต้ัง OTOP Online ช่วงแรกมีความยากในการติดต่อ ประสานงานกับสานักงานคณะกรรมการคมุ้ ครองผ้บู รโิ ภค เน่ืองจากเกิดความเข้าใจผดิ ถึงลกั ษณะการเปดิ ขาย สนิ ค้าหลายรูปแบบของบรษิ ัทจนกระท่ังได้ทราบว่า บริษัทมีความมงุ่ มน่ั ท่ีจะเป็นผู้ขายออนไลนท์ ี่มีความเป็น กลางและต้องการปฏบิ ตั ใิ หถ้ กู ต้องตามกฎหมายและได้เนน้ ใหผ้ ้ขู ายสินคา้ ในสงั กัดปฏบิ ตั ิตามกฎหมายเช่นกนั นอกจากน้ี ยังเห็นว่าประเทศไทยจะมีลักษณะคล้ายกับประเทศจีนคือการมีกลุ่มธุรกิจ SMEs แต่จะแตกต่างในลักษณะประเทศไทยเป็นประเทศทม่ี ีขนาดเล็กกว่าการลงทุนผลติ สนิ คา้ แต่ละครั้งของ ประเทศจีนท่ีคุ้มทุนกว่าเน่ืองจากจานวนประชากรที่มากกว่า และประเทศไทยมีความแตกต่างกับประเทศ สหรัฐอเมรกิ าซ่ึงเป็นผูจ้ าหน่ายสนิ ค้าแบรนด์ดังจานวนมากและผู้ซ้ือใหค้ วามสนใจ ปญั หาอุปสรรคอีกประการ คอื การดาเนินการเก่ียวกับการจดทะเบียนกับสานักงานคณะกรรมการค้มุ ครองผบู้ ริโภคซง่ึ มีความยงุ่ ยากและ ต้องใชร้ ะยะเวลานาน สาหรับปัญหาของบริษทั มีดังน้ี

๓๔ (๑) ผู้ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มของบริษัทท่ีผ่านมาเป็นผู้ค้าวัยรุ่นซ่ึงไม่มีความรู้ ความเข้าใจในการดาเนนิ ธรุ กิจและระบบการจัดการเอกสารเก่ยี วกับกฎหมาย เมือ่ ทาการคา้ ผ่านออนไลน์และ ได้รับเงินค่าสินค้าแล้ว ภายหลังโดนเรียกเก็บค่าภาษีในอัตราเหมาจ่ายร้อยละ ๖๐ ของราคาสินค้าที่ขายได้ จงึ ตอ้ งหยุดการคา้ ไปเนอ่ื งจากไม่มผี ลกาไร (๒) การคานึงถงึ รปู แบบสนิ ค้าบรษิ ทั เลง็ เห็นถงึ ความสาคัญของเอกลกั ษณ์ในตวั สินคา้ ของ แตล่ ะทอ้ งถิน่ ซ่ึงตอ้ งพิจารณาด้วยว่าสนิ คา้ ท่เี ปน็ เอกลกั ษณจ์ ะต้องเปน็ สนิ ค้าทีผ่ ูซ้ อ้ื มีความต้องการซื้อ ประกอบกับ ทักษะการผลิตสินค้าที่ต้องใช้ฝีมือ สินค้าประเภทน้ีต้องอาศัยการรวมกลุ่มของเกษตรกรเพื่อให้มีตัวแทน ในการบริหารจัดการ การลงทนุ และความสามารถในการจัดจาหน่ายสนิ คา้ จึงถือเปน็ เร่ืองคอ่ นขา้ งยาก บริษัท ลาซาด้า (ประเทศไทย) จากัด ได้ให้ข้อมูลโดยสรุปคือ บริษัทฯ มีนโยบาย สนบั สนนุ ผปู้ ระกอบการไทยในการขายสินค้าทกุ ชนดิ บนแพลตฟอรม์ ของบริษัท โดยบรษิ ทั มกี ารเปิด Lazada University ซ่ึงผู้ประกอบการสามารถเข้าไปเรียนรู้ด้วยตัวเองได้และได้ร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อลงพ้นื ท่ีให้ความชว่ ยเหลอื และคาแนะนาต่าง ๆ และยังมโี ครงการ Young Smart Farmer และ Thai Fruit Golden รว่ มกับกระทรวงพาณชิ ย์ และยงั ไดพ้ าผู้ประกอบการไทยไปขายสนิ คา้ ทปี่ ระเทศจนี เช่น สนิ คา้ แบรนด์ Mistine เป็นต้น ในสว่ นของประเทศไทยควรดาเนินการให้มีการบญั ญัติกฎหมายเก่ียวกับการอนุญาตให้ จาหน่ายผลติ ภัณฑ์ยาผา่ นระบบออนไลน์ เพือ่ ให้เขา้ กบั สถานการณ์ปัจจุบันทเ่ี กิดการแพร่ระบาดของเช้อื ไวรัส โควิด - ๑๙ ซง่ึ ในตา่ งประเทศระบบ Ecosystem สามารถกระทาได้ และขอเสนอใหภ้ าครัฐใหก้ ารสง่ เสริมและ สนับสนุนระบบ e–Commerce มากข้ึนเมื่อเปรียบเทียบกับการค้าระบบออนไลน์ของประเทศจีนท่ีให้ การสนับสนุนการค้าผ่านออนไลน์ เช่น Alibaba ดังน้ัน จะเห็นได้ว่าการเจริญเติบโตด้าน e–Commerce ในประเทศจีนค่อนข้างดมี าก และขณะน้ี บริษัทกาลังดาเนนิ การเก่ียวกับการนาผู้ค้าจากกลุ่ม EEC เขา้ มาเป็น ผู้ค้าใน Lazada และกาลังประสบปัญหาความยุ่งยากในขั้นตอนการขออนญุ าตและใช้เวลาไปกับการทาเรื่อง ดังกล่าวเป็นเวลา ๓ ปี ปัญหาอุปสรรคอีกประการหน่ึงคือ การจาหน่ายสนิ ค้าบางประเภทที่จาเป็นและได้ถูก หา้ มจาหนา่ ยสินค้าชนิดนี้ คือ หน้ากากอนามัย และขอเสนอให้ภาครฐั ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการบริหาร จัดการเพอ่ื ให้มีใช้ระบบ e–Payment ในประเทศไทยอย่างเปน็ รูปธรรม บริษัท ดีเอฟ มาร์เก็ตเพลส จากัด ได้ให้ข้อมูลโดยสรุปคือ บริษัทฯ มีลักษณะธุรกิจ แบ่งเปน็ เว็บไซตข์ ายดี.คอม และแอฟพลิเคชัน โดยมีวตั ถปุ ระสงค์ในการจัดต้ังบริษัทม่งุ หวังให้มีผใู้ ชบ้ ริการคือ ประชาชนท่ัวไปท่ีมีอายุตั้งแต่ ๑๘ ปีขึ้นไป ประเภทสินค้าที่ขายคือ สินค้าส่วนบุคคลมือสองท่ีไม่ต้องห้าม จาหนา่ ยตามกฎหมาย รปู แบบบรษิ ทั จัดเป็น Market Place โดยเปน็ สื่อกลางใหผ้ ขู้ ายซ่ึงโพสตข์ ายสินคา้ และผู้ ซอื้ ไดต้ ิดต่อกันผ่านช่องทางระบบ Chat บนแอฟพลิเคชันหรอื จากข้อมูลท่ีผขู้ ายใหไ้ วบ้ นโพสต์ การปดิ การขาย สนิ คา้ ในส่วนของการชาระเงินและการจัดสง่ สินคา้ ข้ึนอยู่กับการตดิ ตอ่ ตกลงระหว่างผ้ซู ื้อและผขู้ าย อาจใชก้ าร โอนเงินหรอื การเกบ็ เงนิ ปลายทางตามแต่จะตกลงกัน รายไดข้ องบริษัท คือ การเกบ็ ค่าบริการจากการโพสตข์ าย สินคา้ โดยผขู้ ายสินคา้ ขอโพสตอ์ ยบู่ นสุดของแอฟพลเิ คชัน เพือ่ ให้ผูเ้ ข้าชมสินค้าเห็นโพสต์เป็นอันดบั แรก และ การเรยี กเก็บคา่ บรกิ ารจากการโพสตข์ ายสินคา้ ชิ้นทส่ี อง จานวน ๑๐๐ บาท สาหรับการชาระภาษีบรษิ ัทจัดสง่ เงนิ ภาษีจากรายได้ที่ได้รบั จากการให้บริการท่ีเกบ็ จาก Supplier ท่ีจดทะเบียนในประเทศไทย ส่วน Supplier จากต่างประเทศจะค่อนข้างยุ่งยากในการเรยี กเกบ็ เงิน เพ่ือจ่ายชาระภาษี เนื่องจากต้องพิจารณาอนุสัญญาภาษีซ้อนซ่ึงเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศประกอบด้วย บรษิ ัทตระหนกั ถงึ ความสาคญั ในเรอื่ งนแ้ี ละตดิ ตามประกาศจากกรมสรรพากรอย่างตอ่ เน่ือง ในการดาเนินการใหผ้ ู้ขายสินค้าลงทะเบียนยืนยันตวั ตนบนแอฟพลิเคชัน และได้ทาการ ตรวจสอบการเสยี ภาษขี องผู้ขายและผู้ซอื้ สินคา้ โดยผขู้ ายสนิ คา้ จะต้องลงทะเบยี นในแบบฟอรม์ ซง่ึ อย่ใู นระบบ

๓๕ ออนไลน์ของบริษัท ส่วนการยืนยันตัวตนบริษัทเปิดดาเนินการระบบ KYC (Know Your Customer) โดยร่วมมือกับบริษัทที่ขอไม่เปิดเผยนาม เพอ่ื ตรวจสอบว่าข้อมูลที่ผู้ขายสินค้าลงทะเบียนไว้ถูกต้อง ครบถ้วน เปน็ ขอ้ เท็จจริงหรอื ไม่ เพอื่ เปน็ การสร้างความน่าเชื่อถือแก่ผใู้ ช้บรกิ ารแอฟพลเิ คชันของบรษิ ัท สว่ นการเสียภาษี บรษิ ทั มไิ ดต้ รวจสอบการเสยี ภาษขี องผ้ขู ายและผซู้ อื้ สนิ ค้าแต่อย่างใด สาหรบั การคิดคา่ บริการเกบ็ ในอตั ราเดียว แต่รายไดท้ ี่ได้รบั ขน้ึ อยู่กับจานวนการขอโพสตด์ นั สนิ คา้ ของผู้ขาย สาหรับนโยบายบริษัทระบุไว้ชัดเจนในระบบ KYC (Know Your Customer) ซ่ึงเป็น แบบฟอร์มระบบการลงทะเบยี นที่ไมต่ อ้ งระบุข้อมลู จากบตั รประชาชน เปน็ ระบบตรวจสอบและพสิ จู น์ตัวตนว่า การแจง้ ข้อมูลไว้น้ันเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ระบบ KYC ของบริษัทเป็นภาษาไทยผู้ใช้งานจะต้องอ่านและเข้าใจ ภาษาไทย และระบไุ ว้ชดั เจนวา่ ไม่รบั ผขู้ ายสนิ ค้าจากต่างประเทศ ปัญหาอปุ สรรคสาคญั คอื การท่ปี ระเทศไทย ไม่มกี ฎหมายเฉพาะบังคับใช้กับผู้ประกอบการธรุ กิจออนไลน์ บรษิ ัทจึงกระทาการใด ๆ มิได้ตอ่ กรณีการระบุ ตัวตนด้วยบัตรประจาตัวประชาชน และเห็นด้วยกับการท่ีภาครัฐจะออกกฎหมายเฉพาะเพื่อนามาบังคับใช้ อย่างเปน็ รปู ธรรม กรณีการร้องเรียนเรอื่ งได้รบั สินค้าไม่ตรงกับท่โี ฆษณาขายบนเว็บไซต์หรือแอฟพลิเคชัน บริษัทจะดาเนินการตรวจสอบข้อเท็จจรงิ หากเป็นไปตามที่ผรู้ ้องเรยี นแจง้ จะทาการปิดโพสต์ของผู้ขายสินค้า ทันที และแนะนาผู้ร้องเรียนให้แจ้งความดาเนินคดีกับผู้ขายสินค้า และหากได้รับแจ้งจากผู้ซื้อสินค้ากรณี ถูกหลอกลวง ระบบตา่ ง ๆ ของผู้ขายสินค้าจะถูกปดิ เพ่ือมใิ หส้ ามารถดาเนนิ การใด ๆ ได้ บริษัทฯ จะแนะนาให้ ผซู้ อ้ื สินคา้ ดาเนนิ การตามกฎหมายคือ แจง้ ความดาเนินคดี และจะจัดส่งขอ้ มูลของผู้ขายสนิ คา้ ให้กับเจ้าหน้าท่ี ตารวจหรือศาลแล้วแต่กรณีที่รอ้ งขอเอกสารมาทางบรษิ ัทฯ และเนอื่ งจากมีกลุ่มมิจฉาชีพ บริษัทฯ มีระบบให้ สามารถตรวจสอบเลขท่บี ญั ชขี องกลุ่มมจิ ฉาชพี ได้ บริษัท แอลเอ็นดับเบ้ิลยู จากัด ได้ให้ข้อมูลโดยสรุปคือ บริษัทฯ ดาเนินกิจการใน รูปแบบแพลตฟอรม์ ท่ชี ่อื วา่ เทพชอ๊ ป ให้บรกิ ารรา้ นคา้ ออนไลนฟ์ รแี ก่ผใู้ ชบ้ ริการ และแพลตฟอรม์ รับชาระเงิน คอื เทพเพย์ โดยเกบ็ ค่าบรกิ ารตามที่ลูกค้าชาระเงินร้อยละ ๔ – ๕ ของยอดขาย สาหรบั การยืนยันตัวตนของ ผู้ขายสนิ คา้ บริษัทกาหนดให้ผขู้ ายสนิ ค้าตอ้ งนาสง่ สาเนาบตั รประชาชนพรอ้ มรบั รองสาเนาถกู ตอ้ งใหก้ บั บรษิ ัทฯ หากเป็นการลงทะเบียนในรูปแบบบริษัทผู้ลงทะเบียนจะต้องส่งหลักฐานการจัดตั้งบริษัทพร้อมการรับรอง สาเนาถกู ตอ้ งในเอกสารของกรรมการบรหิ ารบรษิ ทั การตรวจสอบขอ้ มูลการลงทะเบยี นยนื ยนั ตัวตนหากพบว่า ขอ้ มูลไมช่ ัดเจนและไม่น่าเช่ือถือ บรษิ ัทฯ จะดาเนินการปฏิเสธผูข้ ายรายนั้นทันที บริษัทฯ มรี ะบบการจัดเก็บ ขอ้ มูลยอดขายสนิ คา้ ของผ้ขู ายสินคา้ ทกุ ราย โดยจะส่งขอ้ มลู ยอดขายใหก้ บั เจา้ ของข้อมูลเพ่ือย่นื ชาระภาษเี อง ระบบรับชาระเงินคือ เทพเพย์ ซึ่งเป็นการรับชาระเงินจากลูกค้าไว้ก่อน หากมีการ ร้องเรยี นว่าผู้ขายสนิ คา้ ไม่จัดส่งสินค้า ลกู คา้ ไม่ได้รับสินค้า หรอื จดั ส่งสินค้าไม่ตรงสเปค ผู้ขายสนิ คา้ จะไมไ่ ด้รับ เงนิ คา่ สนิ ค้าจากบริษทั ฯ บริษัท ซีแมนทิค ทัช จากัด ได้ให้ข้อมูลโดยสรุปคือ บริษัทฯ ได้ดาเนินการในลักษณะ เปน็ เคร่ืองมอื ในการขายสินคา้ ออนไลน์ โดยสนับสนนุ บริการในดา้ นต่าง ๆ ๔ ดา้ น คือ การรับสั่งสินคา้ การรับ ชาระเงินโดยเชื่อมโยงกับระบบการชาระเงินทงั้ ภายในประเทศและตา่ งประเทศ การจัดส่งสนิ ค้าและมีบริการ คลังสินค้ารวมถึงการต่อระบบเข้ากับผู้ให้บริการจัดส่งทุกรายในประเทศไทย การทาการตลาดจัดระบบ เช่ือมโยงกับ Google Facebook และ e–Marketing Place อ่ืน ๆ การสร้าง Content การขาย ส่วนการ จัดการด้านภาษีบริษทั ฯ มีนโยบายและสนับสนุนใหผ้ ู้ค้าปฏิบัติตนให้ถูกตอ้ งตามกฎหมาย มกี ารจัดเก็บข้อมูล การส่ังซ้ือสินค้าและรายงานข้อมูลภาษีขาย ซึ่งผู้ขายสินค้าหลาย ๆ รายไม่ทราบว่า จะต้องนาส่งภาษีให้กับ ภาครฐั

๓๖ สาหรับระบบของเบนโตะมีคาส่ังซ้ือสินค้าท่ีมีปัญหาในเรื่องนี้ประมาณร้อยละ ๒ และ สามารถบรหิ ารจัดการแก้ไขปัญหาได้ บริษัทพยายามสร้างความม่ันใจให้กับลูกคา้ กรณีที่เกิดปญั หาและผู้ซ้ือ สินค้าไม่สามารถเคลียร์ปญั หาได้บริษัทฯ ช่วยเหลือโดยจะประสานไปยังผู้ขายเพื่อให้แก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า หากดาเนินการไม่ได้บรษิ ทั จะปดิ รา้ นค้าทันที บรษิ ทั ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จากัด ได้ให้ขอ้ มูลโดยสรุปคือ บรษิ ทั ฯ ไดม้ บี รกิ าร e–Commerce ในส่วนของ Line Shopping โดยร่วมมือกับบริษัท ไพรซ์ซ่า จากัด จัดทาระบบซ่ึงรวบรวม หุ้นส่วนท่ีเป็น e–Marketing Place และเว็บไซต์ต่าง ๆ ท่ีเป็น third party เช่น Lazada Shopee Powerbuy และ Central online มีจานวน Partner รวมกวา่ ๓๐ ราย การบริการเปรียบเทียบราคาสนิ ค้าชนิดเดียวกัน ในแต่ละเวบ็ ไซต์ให้กับผู้ซอื้ สินค้า ส่วนรายได้มาจากการคลิกซอ้ื สินค้าของผู้ซือ้ ในเว็บไซตต์ ่าง ๆ ซ่ึงถือเป็นการ โฆษณา และเมื่อมีการจา่ ยค่าสินค้าให้กับบริษัท ไพรซ์ซ่า จากัด บริษัทฯ จะได้รับรายได้จากส่วนน้ี และต้อง แบ่งกับบริษทั ไพรซ์ซา่ จากัด โดย Line my Shop เปน็ บริการซึ่งเป็นการทดลองใหร้ ้านค้าสามารถสรา้ งร้านค้า ของตนเองได้ ซึง่ เป็นบรกิ ารฟรี ธนาคารไทยพาณิชย์ จากัด (มหาชน) ได้ให้ข้อมูลโดยสรุปคือ ธนาคารไทยพาณิชย์มี ความมุ่งม่ันที่อยากช่วยเหลือสังคม นอกเหนือจากการบริจาคต่าง ๆ ที่ทาเป็นปกติ เป็นความต้ังใจท่ีอยากให้ คนไทยมคี ่าครองชพี ถกู ลง โดยเฉพาะในเรือ่ งการส่งั อาหารมารบั ประทานทบ่ี ้าน ทม่ี ีความจาเปน็ และมแี นวโน้ม ได้รับความนิยมสูงข้ึน ก่อกาเนิดเป็นไอเดียการสร้างแอปพลิเคชัน Food Delivery โดยใช้ช่ือ Robinhood (โรบนิ ฮูด้ ) โดยมแี นวคิดทีจ่ ะไม่มีการเกบ็ ค่าธรรมเนียมใด ๆ ไม่มคี า่ สมคั ร ไม่หกั ค่ากาไรขั้นต้น หรือ GP (Gross Profit) แต่จะมกี ารเก็บเงนิ ช่วยเหลือค่าขนส่ง หรือ LS (Logistic Subsidy) รอ้ ยละ ๘ โดยนาไปลดตรงให้กบั ยอดการ สง่ั ออเดอร์น้ันให้ลูกคา้ เงินช่วยเหลือค่าขนส่ง หรือ LS คือ ส่วนลดคา่ อาหารจากร้านค้าท่ี Robinhood จะส่ง ต่อให้ลูกค้าโดยนาไปเป็นส่วนลดโดยตรงให้กับลูกค้าในออเดอร์น้ัน ๆ ซึ่งคิดที่อัตราร้อยละ ๘ ของค่าอาหาร ซ่ึงจะทาให้ร้านค้าประหยดั ค่าใช้จา่ ยจากเดิมทต่ี อ้ งเสียคา่ GP ร้อยละ ๒๐ - ๓๐ เหลอื ค่าใช้จ่ายเพยี งร้อยละ ๘ เพ่ือช่วยลดภาระค่าขนส่งให้ลูกค้าโดยตรง LS จึงเปรียบเสมือนโปรโมช่ันลดค่าส่งให้กับลูกค้า ท่ีจะช่วยเพิ่ม โอกาส ความถ่ี และยอดการสงั่ อาหารท่ีสูงขน้ึ จากลกู ค้าเพื่อใหไ้ ด้ส่วนลดทคี่ รอบคลุมคา่ สง่ มากข้นึ โดย Robinhood จะมรี ูปแบบการธุรกิจที่ต้องสร้างความสัมพันธ์กับร้านอาหาร จึงเกิด แนวคิดเรื่องการ Reskill และปรับการทางานของสาขา SCB ใหม่ เพื่อให้รองรับกับบริการ Robinhood พนักงานต้องสามารถแนะนาให้ร้านค้าสมัครมาเข้าร่วมได้ จึงเกิดเป็นการเทรนนิ่งพนักงานกว่า ๘๐๐ คน ท่ัวประเทศขึ้น ในการฝึกอบรมพนักงานใช้เวลาหลังเลิกงานประมาณ ๑๐ วัน โดยไม่บอกแค่ว่าเป็นบริการ Food Delivery พนักงานต้องสามารถออกไปคุยกับร้านอาหาร ช่วยในการถ่ายรูปเมนูอาหารให้สวยงาม ซึ่งมีการอบรมการถา่ ยรูปด้วยมอื ถอื ท้ังเร่อื งแสง เงา การใช้พรอ็ พเพื่อถา่ ยรูป และความคิดสรา้ งสรรค์ตา่ ง ๆ อันเป็นการสรา้ งความสัมพันธร์ ะหว่างธรุ กจิ รา้ นอาหารกับสาขาของธนาคาร อย่างน้อยท่ีสดุ ธุรกิจร้านอาหาร เหลา่ น้ีจะคดิ ถงึ ธนาคารไทยพาณิชยก์ อ่ น และมีโอกาสตอ่ ยอดไปสู่บรกิ ารอ่ืน ๆ ในอนาคตได้ ในส่วนของการทาธุรกรรมการส่ังซ้ืออาหารเรียบรอ้ ยแล้ว ซึ่งต่างไปจากแพลตฟอรม์ อ่ืน ท่ีต้องใช้เวลาในการโอนเงินประมาณ ๒ - ๓ วัน ประกอบกับการใช้พาร์ทเนอร์ SKOOTAR ส่งอาหาร ในช่วงเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ – ๑๓.๐๐ นาฬิกา และ เวลา ๑๗.๐๐ – ๒๐.๐๐ นาฬิกา ที่เดิมใช้ในการส่ง เอกสารให้กับธนาคารอยู่แล้ว จึงทาให้ช่วยลดต้นทุนของการส่ังอาหารผ่านแพลตฟอร์ม Robinhood ถูกลง ซ่ึงปัจจุบันมีการคาดการณ์ว่าจะมีการเปิดให้บริการในเขตพ้ืนที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และ อาจนามาใช้การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) วัตถุดิบให้กับร้านอาหารเพื่อให้สามารถซื้อ วตั ถดุ ิบได้ในราคาทถ่ี ูกลง ทง้ั นี้ ทางธนาคารตอ้ งคานึงถงึ ประโยชน์สูงสุดของสังคมสว่ นร่วมเป็นสาคัญ

๓๗ อย่างไรก็ตาม ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ดาเนินการต่าง ๆ เป็นไปตามข้อกาหนดตาม กฎหมายคุ้มครองขอ้ มูลส่วนบุคคล ( Personal Data Protection Act : PDPA) ซ่งึ การใชข้ ้อมูลส่วนบุคคลใน ทกุ ๆ ขั้นตอนต้องได้รับอุนญาตจากผู้ใช้งานผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งเปน็ ไปตามมาตรการที่ธนาคารแห่งประเทศ ไทยกาหนดทุกประการ สาหรับสวสั ดิการของคนสง่ อาหารมีการทาประกันชีวติ ซ่งึ เป็นผลติ ภัณฑ์ที่ทางธนาคาร ไทยพาณิชย์ที่ให้บริการอยู่แล้ว ทั้งน้ี แอปพลิเคชันแพลตฟอร์ม Robinhood เป็นโครงการ CSR ที่ใช้ งบประมาณ ๑๕๐ ล้านตอ่ ปี ซงึ่ หากสามารถช่วยใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงในธรุ กจิ แพลตฟอร์ม Food Delivery โดยทุก ๆ แพลตฟอร์มร่วมมือกันลดค่า GP ลง น่ันถอื ว่าเป็นการประสบความสาเร็จของการทาแอปพลิเคชัน แพลตฟอรม์ Robinhood ในครัง้ นแ้ี ล้ว บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จากัด ได้ให้ข้อมูลโดยสรุปคือ ธุรกิจของบริษัทฯ เป็นรูปแบบ Food Delivery Platform ท่ีจดทะเบียนในประเทศไทย และเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายไทย มีพาร์ทเนอร์ ๒ ส่วน คือ Rider ท่ีดาเนินการโดยบริษัทลาล่ามูฟ และร้านอาหารที่ดาเนินการโดยวงใน (Wongnai) โดยบริษัทฯ จะทาหน้าที่ในการจับคู่ (Matching) ความต้องการของผู้ซ้ืออาหารกับร้านอาหาร ท่ีขายบนแพลตฟอรม์ สาหรับผปู้ ระกอบการร้านอาหารทส่ี นใจสามารถลงทะเบียนผา่ นวงใน สาหรับแนวคิดในการสร้างแอปพลิเคชัน คือ ต้องการช่วยเหลือ SME เพ่ือให้ร้านท่ีเป็น Offline มาขายอาหารบนระบบ Online โดยไม่ต้องเปลีย่ นวถิ ีชีวติ ของพวกเขา ในสว่ นของรายไดข้ องไลนแ์ มน จะมาจากค่าธรรมเนียมที่เก็บจากพาร์ทเนอร์ คือ Rider และร้านอาหาร การชาระเงนิ บนแพลตฟอร์มทาได้ ๒ ลักษณะ คือ ๑) เงินสด โดยคนส่งอาหารจะชาระให้ร้านอาหารและไปเก็บจากคนสั่งอาหาร ๒) ชาระโดย Payment Platform ผ่านระบบ Rabbit Line pay ซึ่งร้านอาหารต่าง ๆ จะไปดีลกับ Payment Platform เอง ดงั นนั้ การชาระเงนิ จะไมผ่ ่านทางไลนแ์ มน แตจ่ ะทาหนา้ ท่เี พยี งการ Matching เทา่ นั้น Food Delivery เป็นเรอ่ื งเกย่ี วกับการดาเนนิ วถิ ชี ีวติ แบบใหม่ New Normal ท่มี ากกว่า เร่ืองของโควิด คนต้องการความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต เป็นการย้ายมาให้บริการบนแพลตฟอร์มบาง ร้านอาหารทส่ี งั่ ยากมาใหบ้ รกิ ารผา่ นไลน์แมน ซง่ึ เป็นการอานวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคเพิ่มตัวเลือกให้กับ ผบู้ รโิ ภค และเพ่มิ ชอ่ งทางการจดั จาหน่ายให้กบั รา้ นอาหาร ความยงั่ ยนื จึงอาจเกิดขึ้นในระยะยาวโดยไลน์แมน ต้องดาเนินธุรกิจต่อไปให้มีการเจริญเติบโต สร้างฐานลูกค้าให้มากขึ้น สร้างให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) ซ่ึงเป็นความได้เปรยี บทเ่ี กิดข้ึนจากการท่ีหน่วยธุรกิจสามารถผลิตผลผลิตไดใ้ นจานวน มากขึ้นจนทาใหต้ น้ ทนุ ในการผลติ เฉล่ยี ตอ่ หน่วยตา่ ลงในอนาคตตอ่ ไป การเก็บค่า Gross Profit (GP) เป็นความลับที่ทางไลน์แมนทากับพาร์ทเนอร์ โดยเก็บ ในอัตราทเี่ ท่าเทียมกนั ทุก ๆ ราย มกี ารเก็บ ๒ ลักษณะ คือ ๑) กรณีทีร่ ้านอาหารไม่ประสงคเ์ ขา้ ร่วมโปรโมช่ัน ลดคา่ สง่ สินคา้ ซ่ึงไม่เข้าโปรแกรม GP จะไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนใหญจ่ ะเปน็ รา้ นอาหารขนาดใหญ่ที่เป็นท่ีร้จู ักของ ผู้บรโิ ภคอยแู่ ล้ว ๒) กรณีท่ีร้านอาหารเข้ารว่ มโปรโมชั่นลดคา่ ส่งสนิ คา้ จะมกี ารเกบ็ ค่า GP ซึ่งจะเป็นร้านขนาด เลก็ ทีย่ ังไม่เป็นทีร่ จู้ กั ของผบู้ รโิ ภคเทา่ ทคี่ วร โดยเก็บในอัตราร้อยละ ๒๐ – ๓๐ ขึน้ อยู่กบั วา่ ต้องการให้มีการลด ค่าส่งในอัตราใด ในส่วนของการทาธุรกิจปัจจุบันต้นทุนหลักคือค่าใช้จ่ายในการจัดทาโปรโมช่ันลดค่าส่ง การพฒั นาโปรแกรม (Software) และคา่ ดาเนินการต่าง ๆ สาหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ท่ีขาดทุน เนื่องจากมีรายได้จาก GP ท่ีเก็บจาก รา้ นอาหาร โดยไลน์แมนมีใหบ้ ริการเฉพาะที่ประเทศไทย ซงึ่ จากการศึกษากรณีตัวอยา่ งในต่างประเทศ ธุรกิจ Food Delivery ผา่ นแอปพลอเคชัน หรอื แพลตฟอร์มออนไลน์จะใช้ระยะเวลาประมาณ ๖ ปี จึงจะสามารถมี กาไรได้ โดยตอ้ งอาศยั การทาให้เกดิ การประหยดั ต่อขนาด หรือ Economy of Scale ของตัวธรุ กิจ ซง่ึ อาจต้อง อาศัยการบริหารจัดการส่งอาหารท่ีมีประสิทธิภาพ โดยการรวมกลุ่มกันของร้านอาหารในลักษณะ Cloud


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook