เรอ่ื งทปี่ ระธาน จะแจ้งตอ่ ทป่ี ระชมุ คร้ังท่ี 20-21 (สมยั สามญั ประจาปีคร้งั ท่ีหนึ่ง) วันท่ี 13-14 สงิ หาคม 2563
หน้า ๑ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๘๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ แตง่ ตั้งรฐั มนตรี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี ินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชริ เกล้าเจา้ อยู่หวั พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้ าฯ แต่งตั้ง พลเอก ประยทุ ธ์ จันทรโ์ อชา เป็นนายกรฐั มนตรี ตามประกาศลงวันท่ี ๙ มถิ นุ ายน พทุ ธศักราช ๒๕๖๒ แล้ว และแต่งตง้ั รฐั มนตรเี พื่อบริหารราชการแผน่ ดนิ ตามประกาศลงวันท่ี ๑๐ กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒ น้ัน บัดน้ี นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า ได้มีรัฐมนตรีลาออกบางตาแหน่ง สมควรแต่งตั้ง รัฐมนตรีแทนตาแหน่งที่ว่างและเพิ่มเติมบางตาแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ ต่อการบริหารราชการแผน่ ดนิ อาศยั อานาจตามความในมาตรา ๑๕๘ ของรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย จึงทรงพระกรณุ า โปรดเกลา้ ฯ แตง่ ต้ังรฐั มนตรี ดงั ต่อไปน้ี นายดอน ปรมัตถว์ นิ ัย เป็นรองนายกรฐั มนตรี อกี ตาแหนง่ หน่ึง นายสุพฒั นพงษ์ พันธม์ ีเชาว์ เป็นรองนายกรัฐมนตรแี ละ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงพลงั งาน นายอนุชา นาคาศยั เป็นรัฐมนตรีประจาสานกั นายกรัฐมนตรี นายปรีดี ดาวฉาย เป็นรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการคลัง นายเอนก เหลา่ ธรรมทศั น์ เป็นรฐั มนตรวี ่าการกระทรวงการอดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม
เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๘๐ ง หน้า ๒ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๓ ราชกิจจานุเบกษา นายสชุ าติ ชมกล่นิ นางนฤมล ภญิ โญสินวัฒน์ เปน็ รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงแรงงาน ทงั้ นี้ ตง้ั แต่บดั น้ีเป็นตน้ ไป เป็นรัฐมนตรชี ว่ ยว่าการกระทรวงแรงงาน ประกาศ ณ วนั ท่ี 5 สงิ หาคม พุทธศกั ราช ๒๕๖๓ เปน็ ปที ี่ ๕ ในรชั กาลปัจจบุ นั ผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรี
RAepnornt 2u0a19l ราย๒งา๕น๖ปร๒ะจำป ศาลรฐั ธรรมนูญ www.constitutionalcourt.or.th The Constitutional Court of the Kingdom of Thailand
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ รศายางาลนปรระัฐจ�ำธปี ๒ร๕ร๖๒มนูญ Annual Report ๒๐๑๙ The Constitutional Court of the Kingdom of Thailand ISBN : 978-616-8033-51-7 พมิ พ์ครั้งท่ี : ๑ จำ� นวนพมิ พ์ : ๔,๔๐๐ เล่ม จัดท�ำโดย : ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ศนู ยร์ าชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธนั วาคม ๒๕๕๐ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธ์ิ เลขที ่ ๑๒๐ หมู่ ๓ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทงุ่ สองห้อง เขตหลกั สี่ กรงุ เทพมหานคร ๑๐๒๑๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๑๔๑-๗๗๗๗ โทรสาร ๐-๒๑๔๓-๙๕๒๒ www.constitutionalcourt.or.th จดั พมิ พ์โดย : บรษิ ทั เอส เอม็ เค พริน้ ติง้ จ�ำกัด เลขท่ี ๖๙๘/๔ ซ.เจริญนคร ๑๔ ถ.เจรญิ นคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรงุ เทพ ๑๐๖๐๐ เบอร์โทรศพั ท์ ๐๒-๔๓๘-๙๙๗๒-๓ , ๐๒-๘๖๒-๐๑๓๓-๔ โทรสาร ๐๒-๔๓๙-๕๔๐๕ E-mail : [email protected] 1
ศาลรัฐธรรมนูญ ภาพตราสัญลกั ษณข์ อง ศาลรฐั ธรรมนญู ลักษณะของสญั ลักษณ ์ เป็นดวงตารปู กลมมขี อบสองช้นั องคป์ ระกอบของสัญลักษณ ์ วงกลมช้ันในตรงกลางมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประดิษฐานอยู่บนพานสองช้นั เบอื้ งบนมพี ระดลุ พาห์ (ซง่ึ หมายถงึ ความสุจริต ยุติธรรม และความเฉลียวฉลาดหลักแหลม ในการปฏิบัติหน้าท่ีรับผิดชอบ) สถิตอยู่ เบ้ืองล่างมีช่อชัยพฤกษ์ (ซึ่งหมายถึง การบรรลุผลส�ำเร็จอันประกอบด้วยเกียรติศักด์ิ) รองรบั และมีลายกนกกา้ นขดประกอบอยู่สองข้าง วงกลมช้ันนอก ใต้ช่อชัยพฤกษ์ของวงกลมชั้นใน เป็นอักษร ข้อความว่า “ศาลรัฐธรรมนูญ” และคั่นด้วยดอกประจ�ำยาม หวั ทา้ ย สี สีแดงชาด ใช้เป็นสีพื้น หมายถึง อ�ำนาจอันชอบธรรมภายใน พระปรมาภิไธยพระมหากษัตริยาธิราช อันทรงไว้ซ่ึง พระบรมเดชานุภาพและทศพิธราชธรรมจริยา ตามบทบัญญัติ แห่งรฐั ธรรมนญู สที อง ใชเ้ ปน็ สสี ำ� หรบั องคป์ ระกอบของสญั ลกั ษณ์ หมายถงึ ความร่งุ เรือง มีศักด์ิศรี สง่างามสูงสง่ (ไม่จ�ำกัดขนาด) หมายเหตุ : ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา เล่ม ๑๑๕ ตอนพิเศษ ๑๐๓ ง ลงวนั ที่ ๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๑ หน้า ๑ ก
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ คำ�นำ� รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ แ ห ่ ง ร า ช อ า ณ า จั ก ร ไ ท ย พุทธศักราช ๒๕๔๐ เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกท่ีบัญญัติ ให้มีศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของ กฎหมาย โดยมสี ถานะเปน็ องคก์ รศาล ตอ่ มาเมอ่ื ศาลรฐั ธรรมนญู ไดส้ น้ิ สดุ ลงอนั เนอ่ื งมาจาก รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ส้ินสุดลงโดยประกาศคณะปฏิรูป การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับท่ี ๓ เม่ือวันท่ี ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ และได้มีการจัดต้ังศาลรัฐธรรมนูญข้ึนใหม่อีกครั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ ตอ่ มาไดม้ ปี ระกาศคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาต ิ ฉบบั ท่ี๑๑/๒๕๕๗ ใหร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ สน้ิ สดุ ลง โดยใหศ้ าลทงั้ หลายยงั คงมอี ำ� นาจดำ� เนนิ การพจิ ารณาและพพิ ากษาอรรถคดตี ามบทกฎหมาย และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับช่ัวคราว) พทุ ธศักราช ๒๕๕๗ ซึง่ มีผลบงั คับใชต้ ั้งแตว่ ันท่ี ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยยังคงให้ศาลรฐั ธรรมนญู ทำ� หน้าท่ีค้มุ ครอง หลกั ความเปน็ กฎหมายสงู สดุ ของรฐั ธรรมนญู สรา้ งบรรทดั ฐานการคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละเสรภี าพของประชาชนตามรฐั ธรรมนญู สร้างความถูกต้องเป็นธรรมของระบบนิติรัฐและรักษาความชอบธรรมของการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และได้ก�ำหนดให้มีส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญท�ำหน้าท่ีธุรการของศาลรัฐธรรมนูญ มีอิสระในการบริหารงานบุคคล การงบประมาณ และการด�ำเนินการอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ ต่อมาเม่ือรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ประกาศใช้ มาตรา ๒๑๐ บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีหน้าท่ีและอ�ำนาจ ในการพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายหรือร่างกฎหมาย พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเก่ียวกับ หน้าท่ีและอ�ำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอิสระ และหน้าที่และอ�ำนาจอ่ืน ตามท่ีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ การย่ืนค�ำร้องและเง่ือนไขการยื่นค�ำร้อง การพิจารณาวินิจฉัย การท�ำค�ำวินิจฉัย และ การด�ำเนินงานของศาลรัฐธรรมนูญนอกจากท่ีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยวิธีพจิ ารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ ก�ำหนดว่า เม่ือส�ำนักงาน การตรวจเงินแผ่นดินได้ท�ำการตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู แลว้ ใหเ้ สนอผลการสอบบญั ชตี อ่ สภาผแู้ ทนราษฎร วฒุ สิ ภา และคณะรฐั มนตรี รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ ศาลรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้รวบรวมผลการด�ำเนินงานของ ศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู และรายงานของผสู้ อบบญั ชแี ละงบการเงนิ ในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพอื่ รายงานต่อสภาผู้แทนราษฎร วุฒสิ ภา และ คณะรฐั มนตรี รวมทงั้ เปน็ การเผยแพรใ่ ห้สาธารณชนทราบและ นำ� ไปใชป้ ระโยชนท์ างดา้ นวิชาการต่อไป ศาลรัฐธรรมนูญ ข
ศาลรฐั ธรรมนญู สารบัญ ภาพตราสัญลักษณข์ องศาลรัฐธรรมนูญ ก ค�ำน�ำ ข สารบญั ค คณะตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู จ ผู้บริหารส�ำนกั งานศาลรัฐธรรมนญู ซ ๑ ส่วนที่ ๑ ๒ ๓ บทน�ำ ๓ ๑. ทมี่ าของรายงาน กฎหมาย กฎ และระเบียบที่เกย่ี วขอ้ ง ๔ ๒. ศาลรฐั ธรรมนูญ ๒๑ ๒.๑ องคป์ ระกอบของศาลรฐั ธรรมนูญ ๒๙ ๒.๒ หน้าท่ีและอ�ำนาจของศาลรัฐธรรมนญู ๒๙ ๒.๓ วิธพี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนูญ ๒๙ ๓. สำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ๓๕ ๓.๑ อำ� นาจหน้าท่ีของส�ำนักงานศาลรฐั ธรรมนูญ ๓๙ ๓.๒ โครงสรา้ งส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนญู ๓๙ ๓.๓ แผนยุทธศาสตร์ศาลรัฐธรรมนญู ๓.๔ อัตราก�ำลังของสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ๔๐ ๓.๕ งบประมาณรายจา่ ยประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๓.๖ ความเชอ่ื มโยงแผนยทุ ธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี สแู่ ผนยุทธศาสตร์ศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ ส่วนท่ี ๒ ภาพรวมการเปรยี บเทยี บผลการด�ำเนนิ งานของส�ำนกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ๔๓ ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑. การเปรียบเทียบการจดั สรรงบประมาณประจ�ำปงี บประมาณ ๔๔ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๒ ค
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ ๒. การเปรยี บเทยี บงบประมาณที่ได้รบั จัดสรร และการใชจ้ ่ายเงินงบประมาณ ประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๔๖ ๓. การเปรยี บเทียบการใชจ้ ่ายเงนิ งบประมาณประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๒ ๔๗ ส่วนที่ ๓ ผลการด�ำเนินงานของศาลรัฐธรรมนญู และส�ำนกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ๔๙ ๑. ผลการดำ� เนินงานดา้ นคด ี ๕๐ ๒. ผลการดำ� เนนิ งานดา้ นการวจิ ยั ๘๓ ๓. ผลการดำ� เนนิ งานด้านเอกสารสงิ่ พิมพ์และสือ่ ประชาสัมพนั ธ ์ ๘๕ ๔. ผลการดำ� เนินงานด้านเทคโนโลยดี จิ ิทลั ๘๙ ๕. ผลการดำ� เนนิ งานด้านการพฒั นาบคุ ลากร ของสำ� นักงานศาลรัฐธรรมนญู ๑๐๐ ๖. ผลการดำ� เนนิ งานดา้ นความรว่ มมอื และประชาสมั พนั ธ์ กบั เครือขา่ ยท้งั ภายในประเทศและตา่ งประเทศ ๑๑๐ ส่วนที่ ๔ การเขา้ รว่ มพระราชพิธี รฐั พิธี และกจิ กรรมส�ำคัญของประเทศ ๑๒๙ ๑. การเขา้ รว่ มพระราชพิธี รฐั พิธี และกจิ กรรมสำ� คัญของประเทศ ๑๓๐ ๒. ประมวลภาพกจิ กรรม ๑๔๐ สว่ นที่ ๕ รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑๔๙ รายงานของผ้สู อบบัญชีและรายงานการเงิน สำ� นักงานศาลรัฐธรรมนูญ ๑๕๐ ส�ำหรบั ปสี นิ้ สุดวันที่ ๓๐ กนั ยายน ๒๕๖๒ รายชือ่ คณะท�ำงาน ๑๖๗ ง
ศาลรฐั ธรรมนญู ประธาน ศาลรัฐธรรมนูญ นายนุรกั ษ์ มาประณตี จ
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ ตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ นายจรัญ ภักดธี นากลุ นายชชั ชลวร นายทวเี กียรติ มนี ะกนษิ ฐ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ฉ
ศาลรฐั ธรรมนญู ตุลาการ ศาลรฐั ธรรมนญู นายบญุ สง่ กุลบปุ ผา นายปญั ญา อุดชาชน นายวรวทิ ย์ กังศศเิ ทยี ม นายอุดมศักดิ์ นติ มิ นตรี ช
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ ผู้บริหาร สำ�นักงานศาลรฐั ธรรมนญู นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการส�ำ นกั งานศาลรัฐธรรมนญู นางพรทภิ า ไสวสุวรรณวงศ์ พันโท ภาคภูมิ ศิลารตั น์ นายสทุ ธริ ักษ์ ทรงศิวิไล รองเลขาธกิ ารส�ำ นักงานศาลรฐั ธรรมนูญ ซ
ศาลรฐั ธรรมนูญ ๑สว่ นท่ี บทนำ� 1
๑ บทน�ำ รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ ๑ ทม่ี าของรายงาน กฎหมาย กฎ และระเบยี บทเ่ี กย่ี วขอ้ ง พระราชบญั ญตั สิ ำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ บญั ญตั วิ า่ “เมอื่ สำ� นกั งานการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ ไดท้ ำ� การตรวจสอบรบั รองบญั ชแี ละการเงนิ ทกุ ประเภทของคณะตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู แลว้ ใหเ้ สนอผลการสอบบญั ชตี ่อสภาผแู้ ทนราษฎร วุฒสิ ภา และคณะรฐั มนตรีโดยไมช่ ักช้า” ซึง่ ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้จัดท�ำเป็น “รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ ศาลรัฐธรรมนูญ” เพ่ือเสนอผลการปฏิบัติงานและรายงานการสอบบัญชี ในรอบปีดังกล่าว ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ด�ำเนินการจัดท�ำรายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ ศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อรายงานผลการด�ำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการประจ�ำปีและรายงานผลด้านการบริหาร จดั การงบประมาณของสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ตอ่ สภาผแู้ ทนราษฎร วฒุ สิ ภา และคณะรฐั มนตรี รวมทงั้ ประชาชนทว่ั ไป ได้รับทราบเพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในบทบาท หน้าท่ีภารกิจและการด�ำเนินงานเกี่ยวกับ การพิจารณาวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตลอดจนการปฏิบัติหน้าท่ี ของส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญในฐานะหน่วยงานสนับสนุนการด�ำเนินงานของศาลรัฐธรรมนูญและคณะตุลาการ ศาลรฐั ธรรมนญู ในทกุ ๆ ดา้ นอกี ดว้ ย 2
ศาลรัฐธรรมนูญ ๒ ศาลรฐั ธรรมนญู ศาลรฐั ธรรมนญู เปน็ สถาบนั หลกั ทำ� หนา้ ทคี่ มุ้ ครองความเปน็ กฎหมายสงู สดุ ของรฐั ธรรมนญู คมุ้ ครองสทิ ธเิ สรภี าพ ของประชาชนและรกั ษาความสมดลุ ในระบบการเมอื งตามหลกั นติ ธิ รรม รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๐ เปน็ รฐั ธรรมนญู ฉบบั แรกทบ่ี ญั ญตั ใิ หม้ ศี าลรฐั ธรรมนญู โดยใหม้ อี ำ� นาจหนา้ ทคี่ มุ้ ครองหลกั ความเปน็ กฎหมายสงู สดุ ของรฐั ธรรมนญู สรา้ งบรรทดั ฐานการคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละเสรภี าพของประชาชนตามรฐั ธรรมนญู โดยมสี ถานะเปน็ องคก์ รศาล ต่อมาเม่ือศาลรัฐธรรมนูญได้สิ้นสุดลงอันเน่ืองมาจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ส้นิ สุดลงโดยประกาศคณะปฏริ ูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมขุ ฉบับท่ี ๓ เมอื่ วนั ที่ ๑๙ กนั ยายน ๒๕๔๙ และไดม้ กี ารจดั ตงั้ ศาลรฐั ธรรมนญู ขน้ึ ใหมอ่ กี ครง้ั ตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช๒๕๕๐ ซง่ึ ตอ่ มาไดม้ ปี ระกาศคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติฉบบั ที่ ๑๑/๒๕๕๗ใหร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ส้ินสุดลง โดยให้ศาลทั้งหลายยังคงมีอ�ำนาจด�ำเนินการพิจารณาและพิพากษาอรรถคดี ตามบทกฎหมายและประกาศคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ และไดม้ กี ารประกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ซึ่งมีผลบังคับใช้ต้ังแต่วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยยังคงให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีอ�ำนาจหน้าท่ีตามท่ีรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ต่อมาเมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ประกาศใช้ มาตรา ๒๑๐ บญั ญตั ใิ หศ้ าลรฐั ธรรมนญู มหี นา้ ทแี่ ละอำ� นาจในการพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของกฎหมายหรอื รา่ งกฎหมาย พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ปญั หาเกยี่ วกบั หนา้ ทแี่ ละอำ� นาจของสภาผแู้ ทนราษฎร วฒุ สิ ภา รฐั สภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอิสระ และมีหน้าที่และอ�ำนาจอ่ืนตามท่ีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ การยื่นค�ำร้องและเง่ือนไข การยื่นค�ำร้อง การพิจารณาวินิจฉัย การท�ำค�ำวินิจฉัย และการด�ำเนินงานของศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากที่บัญญัติ ไว้ในรัฐธรรมนญู แลว้ ใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยวธิ ีพจิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู ๒.๑ องค์ประกอบของศาลรฐั ธรรมนญู ศาลรฐั ธรรมนญู ประกอบดว้ ยตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู จำ� นวนเกา้ คนซงึ่ พระมหากษตั รยิ ท์ รงแตง่ ตงั้ จากบคุ คล ดงั ต่อไปนี้ (๑) ผพู้ พิ ากษาในศาลฎกี าซง่ึ ดำ� รงตำ� แหนง่ ไมต่ ำ่� กวา่ ผพู้ พิ ากษาหวั หนา้ คณะในศาลฎกี ามาแลว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ สามปี ซ่ึงไดร้ บั คดั เลอื กโดยทีป่ ระชุมใหญ่ศาลฎีกา จำ� นวนสามคน (๒) ตลุ าการในศาลปกครองสงู สดุ ซงึ่ ดำ� รงตำ� แหนง่ ไมต่ ำ่� กวา่ ตลุ าการศาลปกครองสงู สดุ มาแลว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ หา้ ปี ซ่ึงได้รับคดั เลือกโดยที่ประชุมใหญต่ ลุ าการในศาลปกครองสูงสุด จำ� นวนสองคน (๓) ผูท้ รงคุณวุฒิสาขานติ ศิ าสตรซ์ ่งึ ได้รับการสรรหาจากผู้ดำ� รงตำ� แหน่งหรือเคยดำ� รงตำ� แหน่งศาสตราจารย์ ของมหาวทิ ยาลยั ในประเทศไทยมาแลว้ เปน็ เวลาไมน่ อ้ ยกวา่ หา้ ปี และยงั มผี ลงานทางวชิ าการเปน็ ทป่ี ระจกั ษ์ จำ� นวนหนงึ่ คน (๔) ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ซ่ึงได้รับการสรรหาจากผู้ด�ำรงต�ำแหน่งหรือ เคยด�ำรงต�ำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีและยังมีผลงาน ทางวชิ าการเปน็ ที่ประจกั ษ์ จำ� นวนหนง่ึ คน 3
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ (๕) ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับการสรรหาจากผู้รับหรือเคยรับราชการในต�ำแหน่งไม่ต่�ำกว่าอธิบดีหรือ หวั หน้าสว่ นราชการที่เทียบเท่า หรอื ตำ� แหนง่ ไม่ต�ำ่ กว่ารองอัยการสูงสุดมาแลว้ ไมน่ อ้ ยกว่าห้าปี จ�ำนวนสองคน รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ บทเฉพาะกาล มาตรา ๒๗๓ ใหต้ ลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู ซ่ึงด�ำรงต�ำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ยังคงอยู่ในต�ำแหน่งเพ่ือปฏิบัติหน้าที่ต่อไป และเม่ือ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เก่ียวข้องที่จัดท�ำข้ึนตามมาตรา ๒๖๗ ใช้บังคับแล้ว การด�ำรงต�ำแหน่งต่อไป เพียงใด ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗๙ ๒.๒ หนา้ ทแ่ี ละอ�ำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ได้บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าท่ีและอ�ำนาจ ในการพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของกฎหมายหรอื รา่ งกฎหมาย พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ปญั หาเกยี่ วกบั หนา้ ท่ี และอ�ำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอิสระ และมีหน้าที่และอ�ำนาจตามที่ บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ท้ังนี้ อาจแบ่งหน้าท่ีและอ�ำนาจของศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ไดเ้ ปน็ ๘ กลมุ่ ดังน้ี (๑) การพิจารณาวนิ จิ ฉัยความชอบดว้ ยรัฐธรรมนูญของร่างกฎหมายและกฎหมาย (๒) การพิจารณาวนิ ิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของเงอื่ นไขการตราพระราชก�ำหนด (๓) การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ปญั หาเกยี่ วกบั หนา้ ทแี่ ละอำ� นาจของสภาผแู้ ทนราษฎร วฒุ สิ ภา รฐั สภา คณะรฐั มนตรี หรอื องค์กรอิสระ (๔) การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน (๕) การพทิ ักษร์ ฐั ธรรมนญู ระบอบการปกครอง และความม่นั คงแหง่ รฐั (๖) การพิจารณาวนิ จิ ฉยั หนังสอื สญั ญาระหวา่ งประเทศต้องไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากรฐั สภาก่อนหรือไม่ (๗) การพิจารณาวินิจฉยั คณุ สมบัตแิ ละลกั ษณะตอ้ งห้ามของผู้ด�ำรงต�ำแหนง่ ทางการเมอื ง (๘) การพิจารณาวินิจฉัยกรณีอื่นที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นก�ำหนดให้อยู่ในอ�ำนาจ ของศาลรัฐธรรมนญู นอกจากน้ี รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๘๘ และมาตรา ๒๑๐ วรรคสอง ยังบัญญัติให้การพิจารณาวินิจฉัยคดีของศาลต้องด�ำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย และในพระปรมาภิไธย ของพระมหากษัตริย์ โดยมอี สิ ระในการพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั คดตี ามรฐั ธรรมนญู และกฎหมาย ใหเ้ ปน็ ไปโดยรวดเรว็ เปน็ ธรรม และปราศจากอคตทิ งั้ ปวง ตลอดจนการยื่นค�ำร้องและเงื่อนไขการย่ืนค�ำร้อง การพิจารณาวินิจฉัย การท�ำค�ำวินิจฉัย และการด�ำเนินงานของศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ด้วยวธิ ีพิจารณาของศาลรฐั ธรรมนญู 4
ศาลรัฐธรรมนญู หนา้ ทีแ่ ละอำ� นาจของศาลรฐั ธรรมนูญทง้ั ๘ กลมุ่ ดังกลา่ วข้างต้น มรี ายละเอียด ดงั น้ี ๑. การพจิ ารณาวินจิ ฉัยความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของรา่ งกฎหมายและกฎหมาย ๑.๑ การพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (รฐั ธรรมนูญ มาตรา ๑๓๒ ประกอบมาตรา ๑๔๘) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๓๐ บัญญัติให้มีพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนูญ จำ� นวน ๑๐ ฉบบั คือ (๑) พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยการเลอื กตัง้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (๒) พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ด้วยการได้มาซ่งึ สมาชกิ วุฒิสภา (๓) พระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยคณะกรรมการการเลือกตง้ั (๔) พระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยพรรคการเมือง (๕) พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยผู้ตรวจการแผน่ ดนิ (๖) พระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต (๗) พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยการตรวจเงินแผน่ ดนิ (๘) พระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ด้วยวธิ พี ิจารณาของศาลรฐั ธรรมนูญ (๙) พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาคดอี าญาของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง (๑๐) พระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ดว้ ยคณะกรรมการสิทธมิ นุษยชนแหง่ ชาติ ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๓๒ ได้บัญญัติให้กระท�ำเช่นเดียวกับพระราชบัญญัติ และได้บัญญัติให้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันท่ีรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญข้างต้น ให้รัฐสภาส่งร่างพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญไปยังศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือให้ความเห็น ซึ่งหากศาลฎีกา ศาลรฐั ธรรมนญู หรอื องคก์ รอสิ ระทเี่ กยี่ วขอ้ ง แลว้ แตก่ รณี ไมม่ ขี อ้ ทกั ทว้ งภายใน ๑๐ วนั นบั แตว่ นั ทไ่ี ดร้ บั รา่ งดงั กลา่ ว กใ็ หร้ ฐั สภาดำ� เนนิ การตอ่ ไป แตห่ ากศาลฎกี า ศาลรฐั ธรรมนญู หรอื องคก์ รอสิ ระทเ่ี กยี่ วขอ้ งเหน็ วา่ รา่ งพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรฐั ธรรมนญู ท่ีรัฐสภาใหค้ วามเหน็ ชอบดงั กล่าว มีข้อความใดขัดหรอื แย้งตอ่ รฐั ธรรมนูญ หรอื ท�ำให้ไม่สามารถ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทใี่ หถ้ กู ตอ้ งตามบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู กใ็ หเ้ สนอความเหน็ นนั้ ไปยงั รฐั สภาและใหร้ ฐั สภาประชมุ รว่ มกนั เพอ่ื พจิ ารณาแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ตามขอ้ เสนอของศาลฎกี า ศาลรฐั ธรรมนญู หรอื องคก์ รอสิ ระทเ่ี กย่ี วขอ้ งตามทเี่ หน็ สมควรได้ โดยใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายใน ๓๐ วนั นบั แตว่ นั ทไ่ี ดร้ บั ความเหน็ ดงั กลา่ ว และเมอื่ ดำ� เนนิ การเสรจ็ แลว้ ใหร้ ฐั สภาดำ� เนนิ การตอ่ ไป อย่างไรก็ดี รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔๘ บัญญัติว่า กอ่ นทน่ี ายกรฐั มนตรจี ะนำ� รา่ งพระราชบญั ญตั ใิ ดขนึ้ ทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายเพอ่ื พระมหากษตั รยิ ท์ รงลงพระปรมาภไิ ธย หากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกัน มีจ�ำนวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในสิบ ของจำ� นวนสมาชกิ ทงั้ หมดเทา่ ทม่ี อี ยขู่ องทงั้ สองสภาเสนอความเหน็ ตอ่ ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร ประธานวฒุ สิ ภา หรอื ประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี หรือนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวมีข้อความ 5
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ก็ให้ส่งความเห็นเช่นว่านั้น ไปยังศาลรฐั ธรรมนูญเพอ่ื วินจิ ฉัย ๑.๒ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของรา่ งพระราชบญั ญตั ิ (รฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๔๘) ร่างพระราชบัญญัติใดท่ีรัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะน�ำข้ึนทูลเกล้า ทลู กระหมอ่ มถวายเพอื่ พระมหากษัตรยิ ท์ รงลงพระปรมาภิไธย ถ้า (๑) สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชกิ วฒุ สิ ภา หรอื สมาชกิ ของทง้ั สองสภารวมกนั มจี ำ� นวนไมน่ อ้ ยกวา่ หนงึ่ ในสบิ ของจำ� นวนสมาชกิ ทง้ั หมดเทา่ ทม่ี อี ยขู่ องทงั้ สองสภา เหน็ วา่ รา่ งพระราชบญั ญตั ดิ งั กลา่ ว มขี อ้ ความขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู หรอื ตราขนึ้ โดยไมถ่ กู ตอ้ งตามบทบญั ญตั แิ หง่ รฐั ธรรมนญู ใหเ้ สนอความเหน็ ตอ่ ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร ประธานวุฒสิ ภา หรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี แลว้ ใหป้ ระธานแหง่ สภาทไ่ี ดร้ ับความเหน็ ดังกล่าวสง่ ความเหน็ นั้น ไปยังศาลรัฐธรรมนญู เพอื่ วนิ ิจฉัย และแจง้ ให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยไม่ชกั ช้า (๒) นายกรฐั มนตรี เหน็ ว่ารา่ งพระราชบญั ญัตดิ ังกลา่ วมขี ้อความขัดหรือแยง้ ต่อรฐั ธรรมนูญ หรือ ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ให้ส่งความเห็นเช่นว่านั้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพ่ือวินิจฉัย และแจ้งให้ประธานสภาผูแ้ ทนราษฎรและประธานวฒุ สิ ภาทราบโดยไมช่ ักชา้ ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีจะน�ำร่างพระราชบัญญัติ ดังกลา่ วข้ึนทลู เกล้าทูลกระหม่อมถวายเพ่อื พระมหากษตั ริยท์ รงลงพระปรมาภไิ ธยมไิ ด้ ถ้าศาลรัฐธรรมนญู วนิ ิจฉัยว่า รา่ งพระราชบัญญตั ินัน้ มขี อ้ ความขดั หรือแยง้ ต่อรฐั ธรรมนูญ หรอื ตราขนึ้ โดยไมถ่ กู ตอ้ งตามบทบญั ญตั แิ หง่ รฐั ธรรมนญู และขอ้ ความดงั กลา่ วเปน็ สาระสำ� คญั ใหร้ า่ งพระราชบญั ญตั นิ น้ั เปน็ อันตกไป ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติน้ันมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แตไ่ มเ่ ปน็ สาระสำ� คญั ใหข้ อ้ ความทขี่ ดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู นน้ั เปน็ อนั ตกไป และรา่ งพระราชบญั ญตั นิ น้ั ยงั คงสามารถ ประกาศใช้บังคบั ได้ ๑.๓ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั รา่ งขอ้ บงั คบั การประชมุ ของฝา่ ยนติ บิ ญั ญตั ไิ มใ่ หข้ ดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู (รฐั ธรรมนูญ มาตรา ๑๔๙) รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอ�ำนาจพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ของร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ร่างข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา และร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ทส่ี ภาผแู้ ทนราษฎร วฒุ สิ ภา หรอื รฐั สภา ไดใ้ หค้ วามเหน็ ชอบแลว้ แตย่ งั มไิ ดป้ ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษา วา่ มขี อ้ ความ ขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู หรอื ตราขน้ึ โดยไมถ่ กู ตอ้ งตามบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู โดยผมู้ สี ทิ ธเิ ขา้ ชอ่ื เสนอความเหน็ ใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ไดแ้ ก่ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชกิ วฒุ สิ ภา หรอื สมาชกิ ของทง้ั สองสภารวมกนั มีจ�ำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจ�ำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของท้ังสองสภา เสนอความเห็นต่อประธานสภา ผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา หรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี แล้วให้ประธานแห่งสภาท่ีได้รับความเห็นดังกล่าว ส่งความเห็นนั้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพ่อื วนิ จิ ฉยั 6
ศาลรฐั ธรรมนูญ ๑.๔ การพิจารณาวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติที่เสนอต่อรัฐสภามีหลักการอย่างเดียวกันหรือ คลา้ ยกนั กบั หลักการของร่างพระราชบญั ญัตทิ ี่ตอ้ งยับยั้งไวห้ รือไม่ (รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๓๙) รัฐธรรมนูญได้บัญญัติกระบวนการตราพระราชบัญญัติว่าต้องเร่ิมต้นเสนอให้สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาก่อน เมื่อสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติน้ันต่อไปยังวุฒิสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ อย่างไรก็ดี ในข้ันตอนการพิจารณาของวุฒิสภา หากวุฒิสภาไม่เห็นชอบด้วย กับสภาผู้แทนราษฎรให้ถือว่าวุฒิสภาได้ยับยั้งร่างพระราชบัญญัตินั้นไว้ก่อนและส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว คืนไปยังสภาผู้แทนราษฎร หรือหากวุฒิสภาแก้ไขเพ่ิมเติมร่างพระราชบัญญัตินั้น แต่สภาผู้แทนราษฎรไม่เห็น ด้วยกับการแก้ไขและต่อมาได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาแล้ว แต่สภาใดสภาหน่ึงไม่เห็นชอบ ด้วยกับร่างของคณะกรรมาธิการร่วมกัน ในกรณีน้ีก็ถือว่ามีการยับย้ังร่างพระราชบัญญัติไว้ก่อนเช่นกัน และ ระหว่างที่มีการยับย้ังร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว สภาผู้แทนราษฎรจะยกขึ้นพิจารณาได้ก็ต่อเม่ือพ้นระยะเวลา ๑๘๐ วัน เว้นแต่จะเป็นร่างพระราชบัญญัติเก่ียวกับการเงิน สภาผู้แทนราษฎรสามารถยกข้ึนพิจารณาใหม่ได้ ก็ต่อเม่ือพ้นระยะเวลา ๑๐ วัน ดังนั้น ในระหว่างท่ีมีการยับยั้งร่างพระราชบัญญัติ ห้ามมิให้คณะรัฐมนตรีหรือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอร่างพระราชบัญญัติท่ีมีหลักการอย่างเดียวกันหรือคล้ายกันกับหลักการของ ร่างพระราชบญั ญตั ิที่ตอ้ งยบั ย้งั ไว้ กรณีท่ีสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภาเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติที่เสนอหรือส่งให้พิจารณาน้ัน เป็นร่างพระราชบัญญัติท่ีมีหลักการอย่างเดียวกันหรือคล้ายกันกับหลักการของร่างพระราชบัญญัติ ท่ีต้องยับย้ังไว้ ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภาส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นร่างพระราชบัญญัติท่ีมีหลักการอย่างเดียวกันหรือคล้ายกันกับ หลกั การของรา่ งพระราชบญั ญัติทีต่ ้องยบั ย้งั ไว้ ใหร้ ่างพระราชบัญญัตินนั้ เป็นอนั ตกไป ๑.๕ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั วา่ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชกิ วฒุ สิ ภา หรอื กรรมาธกิ าร กระทำ� การใด เพอ่ื ใหต้ นมสี ่วนโดยตรงหรือโดยอ้อมในการใช้งบประมาณรายจา่ ย หรือไม่ (รฐั ธรรมนูญ มาตรา ๑๔๔) รัฐธรรมนูญได้บัญญัติมาตรการเพ่ือตรวจสอบกระบวนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจ�ำปีงบประมาณ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และร่างพระราชบัญญัติ โอนงบประมาณรายจ่ายว่ามีการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระท�ำด้วยประการใด ๆ ที่มีผลให้สมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชกิ วฒุ สิ ภา หรอื กรรมาธกิ าร มสี ว่ นไมว่ า่ โดยทางตรงหรอื ทางออ้ มในการใชง้ บประมาณรายจา่ ย หรือไม่ โดยใหส้ มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒสิ ภา มจี ำ� นวนไมน่ อ้ ยกว่าหนึ่งในสิบของจ�ำนวนสมาชกิ ท้ังหมด เท่าที่มีอย่ขู องแต่ละสภา สามารถเสนอความเหน็ เพือ่ ใหศ้ าลรฐั ธรรมนูญพจิ ารณาวินิจฉัย ในกรณีท่ีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีการกระท�ำท่ีฝ่าฝืนบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญดังกล่าว ให้การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระท�ำดังกล่าวเป็นอันสิ้นผล และถ้าผู้กระท�ำการดังกล่าวเป็นสมาชิก สภาผูแ้ ทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒสิ ภา ใหผ้ กู้ ระท�ำการนน้ั สิน้ สุดสมาชิกภาพและใหเ้ พกิ ถอนสิทธิ สมัครรับเลอื กต้ังของ 7
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ ผู้นัน้ นับแต่วันท่ีศาลรัฐธรรมนญู มีคำ� วนิ ิจฉัย แตถ่ า้ ผู้กระท�ำการดงั กลา่ วเป็นคณะรัฐมนตรี หรือคณะรฐั มนตรอี นมุ ัตใิ ห้ กระทำ� การหรอื รวู้ า่ มกี ารกระทำ� ดงั กลา่ วแลว้ แตม่ ไิ ดส้ งั่ ยบั ยงั้ ใหค้ ณะรฐั มนตรพี น้ จากตำ� แหนง่ ทง้ั คณะ และใหเ้ พกิ ถอน สิทธิสมัครรับเลือกต้ังของรัฐมนตรีที่พ้นจากต�ำแหน่งน้ันนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีค�ำวินิจฉัย และให้ผู้กระท�ำการ ดังกล่าวตอ้ งรบั ผดิ ชดใชเ้ งินนน้ั คืนพร้อมดว้ ยดอกเบย้ี นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดจัดท�ำโครงการ หรืออนุมัติโครงการ หรือจัดสรรเงินงบประมาณ โดยรู้ว่ามีการด�ำเนินการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นได้บันทึก ข้อโต้แย้งไว้เป็นหนังสือ หรือมีหนังสือแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบ ให้เจา้ หนา้ ที่ของรฐั ผ้นู ั้นพ้นจากความรบั ผิด ในกรณีท่ีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้รับแจ้งเป็นหนังสือ จากเจ้าหน้าท่ีของรัฐท่ีรู้ว่ามีการกระท�ำอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ให้คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติด�ำเนินการสอบสวนในทางลับโดยพลัน และเมื่อสอบสวนแล้วเห็นว่ามีมูล ให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว และให้ศาลรัฐธรรมนูญด�ำเนินการพิจารณาวินิจฉัยต่อไปตาม บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกันกับกรณีท่ีสมาชิกของแต่ละสภาเข้าชื่อเสนอความเห็นข้างต้น กล่าวคือ ในกรณีท่ีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีการกระท�ำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญดังกล่าว ให้ผู้กระท�ำการฝ่าฝืน ส้ินสุดสมาชิกภาพและให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกต้ังของผู้นั้นกรณีท่ีผู้กระท�ำเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา ถ้าผู้กระท�ำการดังกล่าวเป็นคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กระท�ำการหรือ รู้ว่ามีการกระท�ำดังกล่าวแล้วแต่มิได้ส่ังยับย้ัง ให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากต�ำแหน่งท้ังคณะและให้เพิกถอนสิทธิ สมัครรับเลือกต้ังของรัฐมนตรีท่ีพ้นจากต�ำแหน่งน้ันและให้ผู้กระท�ำการดังกล่าวต้องรับผิดชดใช้เงินนั้นคืน พรอ้ มด้วยดอกเบย้ี ๑.๖ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีใดขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญหรอื ไม่ (รฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๑๒) การพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของบทบัญญัติแห่งกฎหมายท่ีศาลจะใช้บังคับ แก่คดีตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๒ บัญญัติไว้ จะต้องเป็นกรณีที่มีคดีเกิดขึ้นในศาลก่อน ไม่ว่าจะเกิดขึ้น ในศาลยุติธรรม ศาลปกครอง หรือศาลทหาร และไม่ว่าคดีน้ันจะอยู่ระหว่างการพิจารณาในศาลใดก็ตาม หากศาลเห็นเองหรือคู่ความ (โจทก์หรือจ�ำเลย) หรือคู่กรณี (ผู้ฟ้องคดีหรือผู้ถูกฟ้องคดี) ในคดีนั้นโต้แย้ง พร้อมด้วยเหตุผลว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายท่ีศาลจะใช้บังคับแก่คดีน้ันขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และยังไม่มี ค�ำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับบทบัญญัตินั้น ให้ศาลส่งความเห็นหรือค�ำโต้แย้งพร้อมด้วย เหตุผลดังกล่าวผ่านทางส�ำนักงานศาลยุติธรรม ส�ำนักงานศาลปกครอง หรือกรมพระธรรมนูญ แล้วแต่กรณี เพ่ือส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ซึ่งกรณีน้ีศาลที่ส่งความเห็นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญยังสามารถพิจารณาคดี ต่อไปได้ แตต่ อ้ งใหร้ อการพพิ ากษาคดีไวเ้ ปน็ การช่วั คราวจนกว่าจะมคี �ำวนิ ิจฉัยของศาลรัฐธรรมนญู 8
ศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ ค�ำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ใช้ได้ในคดีท้ังปวง แต่ไม่กระทบต่อค�ำพิพากษา ของศาลอันถึงท่ีสุดแล้ว เว้นแต่ในคดีอาญาให้ถือว่าผู้ซ่ึงเคยถูกค�ำพิพากษาว่ากระท�ำความผิดตามบทบัญญัติ แห่งกฎหมายที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เป็นผู้ไม่เคยกระท�ำความผิดดังกล่าว หรือ ถา้ ผ้นู ัน้ ยงั รบั โทษอย่กู ็ใหป้ ลอ่ ยตัวไป แตท่ ัง้ นี้ ไม่กอ่ ใหเ้ กิดสทิ ธทิ ่ีจะเรยี กร้องคา่ ชดเชยหรอื คา่ เสยี หายใด ๆ ส�ำหรับบทบัญญัติที่ศาลจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย หมายถึงกฎหมายระดับ พระราชบัญญัตซิ ่ึงตราขึ้นโดยองค์กรทใี่ ชอ้ �ำนาจนติ ิบญั ญตั หิ รือรัฐสภา หรือกฎหมายที่ใชบ้ ังคบั ดังเชน่ พระราชบัญญตั ิ เช่น พระราชกำ� หนดทีไ่ ด้รบั การพิจารณาอนุมตั จิ ากรฐั สภาแล้ว เปน็ ต้น ๑.๗ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายทผี่ ตู้ รวจการแผน่ ดนิ เปน็ ผู้เสนอ (รฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๓๑ (๑)) การควบคมุ กฎหมายมใิ หข้ ดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู โดยผตู้ รวจการแผน่ ดนิ เปน็ ผเู้ สนอใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๓๑ (๑) ไม่จ�ำเป็นต้องเป็นคดีในศาลก่อน อย่างไรก็ดี การเสนอเร่ือง เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยโดยผู้ตรวจการแผ่นดินจะเป็นกรณีท่ีผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าบทบัญญัติ แห่งกฎหมายใดมีปัญหาเก่ียวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดินอาจเสนอเรื่อง พร้อมด้วยความเห็น ตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู ทง้ั นี้ วธิ กี ารในการดำ� เนนิ การดงั กลา่ วเปน็ ไปตามทบี่ ญั ญตั ไิ วใ้ นพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ด้วยวธิ พี ิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ สำ� หรบั บทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายทผี่ ตู้ รวจการแผน่ ดนิ จะเสนอใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณานนั้ หมายถงึ กฎหมายในระดับพระราชบัญญัติซ่ึงตราข้ึนโดยองค์กรท่ีใช้อ�ำนาจนิติบัญญัติหรือรัฐสภา หรือกฎหมายที่ใช้บังคับ ดังเช่นพระราชบญั ญตั ิ เชน่ พระราชกำ� หนดทไ่ี ดร้ บั การพจิ ารณาอนมุ ัติจากรัฐสภาแล้ว เป็นตน้ ๒. การพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของเงื่อนไขการตราพระราชก�ำหนด (รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๓) การตราพระราชก�ำหนดให้ใช้บังคับดังเช่นพระราชบัญญัติน้ัน รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๒ ได้บัญญัติ เงื่อนไขไว้ว่าจะต้องเป็นการตราขึ้นเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัย สาธารณะ ความมนั่ คงในทางเศรษฐกจิ ของประเทศ หรอื ปอ้ งปดั ภยั พบิ ตั สิ าธารณะ อย่างไรก็ดี การตราพระราชก�ำหนดให้กระท�ำได้เฉพาะเม่ือคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉิน ทมี่ คี วามจำ� เปน็ รบี ดว่ นอันมอิ าจจะหลกี เล่ยี งได้ เมอื่ พระราชกำ� หนดมผี ลใชบ้ งั คบั แลว้ รฐั ธรรมนญู บญั ญตั ใิ หค้ ณะรฐั มนตรจี ะตอ้ งเสนอพระราชกำ� หนดนน้ั ต่อรัฐสภาเพื่อให้รัฐสภาอนุมัติหรือไม่อนุมัติพระราชก�ำหนดนั้นต่อไป และในระหว่างที่สภาผู้แทนราษฎรและ วุฒิสภายังไม่ได้อนุมัติพระราชก�ำหนดนั้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา จ�ำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้า ของจ�ำนวนสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของแต่ละสภามีสิทธิเขา้ ชอ่ื เสนอความเหน็ ตอ่ ประธานสภาแหง่ ทตี่ นเปน็ สมาชกิ วา่ พระราชกำ� หนดนน้ั ไมเ่ ปน็ ไปตามเงอื่ นไขวา่ เปน็ การตราขน้ึ เพ่ือประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ 9
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ และให้ ประธานสภานั้นส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญภายใน ๓ วันนับแต่วันท่ีได้รับความเห็นเพื่อพิจารณาวินิจฉัย และให้รอการพิจารณาพระราชก�ำหนดนัน้ ไวก้ อ่ นจนกวา่ จะได้รบั แจ้งค�ำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญต้องมีค�ำวินิจฉัย ภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันท่ีได้รับเรื่อง และให้แจ้งค�ำวินิจฉัยน้ัน ไปยงั ประธานแหง่ สภาทสี่ ง่ ความเหน็ นน้ั มา ในกรณที ศ่ี าลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั วา่ พระราชกำ� หนดใดไมเ่ ปน็ ไปตามเงอื่ นไข ดังกลา่ ว ให้พระราชก�ำหนดนัน้ ไม่มีผลใช้บังคบั มาแต่ต้น ๓. การพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าท่ีและอ�ำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองคก์ รอสิ ระ (รฐั ธรรมนูญ มาตรา ๒๑๐ วรรคหน่งึ (๒)) นอกจากหน้าที่และอ�ำนาจในการพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายหรือ ร่างกฎหมายแล้ว รัฐธรรมนูญยังบัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอ�ำนาจในการพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเก่ียวกับ หน้าที่และอ�ำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอิสระด้วย ทั้งน้ี รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ หมวด ๑๒ ได้บัญญัติให้มี “องค์กรอิสระ” ซ่ึงเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้น ให้มีความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าท่ีโดยสุจริต เท่ียงธรรม ปราศจากอคติในการใช้ดุลพินิจ และเป็นไปตาม รัฐธรรมนูญและกฎหมาย ได้แก่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ คณะกรรมการตรวจเงนิ แผ่นดนิ และคณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแห่งชาติ ปัญหาเก่ียวกับหน้าที่และอ�ำนาจดังกล่าวจะต้องเป็นปัญหาท่ีเกิดขึ้นแล้ว และกรณีที่ปัญหาน้ันเกิดข้ึน กบั หนว่ ยงานใดกใ็ หห้ นว่ ยงานนนั้ เปน็ ผมู้ สี ทิ ธยิ น่ื หนงั สอื ขอใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั แตถ่ า้ เปน็ กรณที เี่ ปน็ ปญั หา โตแ้ ย้งระหวา่ งองค์กร ก็ใหอ้ งค์กรท่ีเกี่ยวข้องมสี ทิ ธยิ ่นื หนงั สือเพอ่ื ขอใหศ้ าลรฐั ธรรมนูญพจิ ารณาวินจิ ฉัย ๔. การคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละเสรีภาพของประชาชน ๔.๑ การพิจารณาวินิจฉัยกรณีท่ีประชาชนหรือชุมชนฟ้องหน่วยงานของรัฐเพ่ือให้ได้รับประโยชน์ ตามรฐั ธรรมนูญ หมวด ๕ หน้าทขี่ องรัฐ (รฐั ธรรมนูญ มาตรา ๕๑) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ ได้บัญญัติให้รัฐ มหี นา้ ทต่ี อ้ งด�ำเนนิ การเพือ่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์แก่ประชาชน และยังให้สทิ ธิประชาชนและชมุ ชนในการตดิ ตามและเร่งรดั ใหร้ ัฐด�ำเนนิ การ รวมท้ังมสี ทิ ธิฟ้องรอ้ งหนว่ ยงานของรัฐทเี่ ก่ียวข้อง เพอ่ื จดั ให้ประชาชนหรือชมุ ชนได้รบั ประโยชนน์ ั้น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีกฎหมายบัญญัติ โดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของ ศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๕ บัญญัติให้บุคคลหรือชุมชนซ่ึงเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการ ทำ� หนา้ ทขี่ องรฐั ดงั กลา่ วและไดร้ บั ความเสยี หายจากการไมป่ ฏบิ ตั หิ นา้ ทข่ี องรฐั หรอื การปฏบิ ตั หิ นา้ ทไ่ี มถ่ กู ตอ้ งครบถว้ น หรือลา่ ช้าเกนิ สมควร ยอ่ มมสี ทิ ธิยน่ื ค�ำร้องขอให้ศาลรฐั ธรรมนูญวินิจฉัยได้ 10
ศาลรัฐธรรมนูญ ๔.๒ การพิจารณาวินิจฉัยกรณีที่ผู้ถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ร้องขอว่า การกระท�ำนน้ั ขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู (รฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๑๓) รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ ไดบ้ ญั ญตั ใิ หบ้ คุ คลซงึ่ ถกู ละเมดิ สิทธิหรือเสรีภาพท่ีรัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้มีสิทธิยื่นค�ำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพ่ือมีค�ำวินิจฉัยว่าการกระท�ำน้ันขัดหรือ แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู ทง้ั น้ี ตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอื่ นไขทบี่ ญั ญตั ไิ วใ้ นพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ย วธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๖ ถงึ มาตรา ๔๘ 11
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ ๕. การพทิ ักษ์รัฐธรรมนูญ ระบอบการปกครอง และความมน่ั คงแห่งรัฐ ๕.๑ การพิจารณาวินิจฉัยการร้องขอให้เลิกการกระท�ำอันเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข (รฐั ธรรมนูญ มาตรา ๔๙) รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ในหมวด ๓ สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย มาตรา ๔๙ ว่าบุคคลใด จะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพ่ือล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้ และ หากผใู้ ดทราบวา่ มกี ารกระทำ� ดงั กลา่ ว ยอ่ มมสี ทิ ธริ อ้ งตอ่ อยั การสงู สดุ เพอื่ รอ้ งขอใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั สงั่ การใหเ้ ลกิ 12
ศาลรฐั ธรรมนญู การกระทำ� ดงั กลา่ วได้ อยา่ งไรกด็ ี หากอยั การสงู สดุ มคี ำ� สง่ั ไมร่ บั ดำ� เนนิ การตามทรี่ อ้ งขอ หรอื ไมด่ ำ� เนนิ การภายใน ๑๕ วนั นับแต่วันที่ได้รับค�ำร้อง ผู้ร้องจะยื่นค�ำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ ทั้งนี้ การด�ำเนินการดังกล่าวไม่กระทบ ตอ่ การดำ� เนนิ คดอี าญาตอ่ ผกู้ ระทำ� การลม้ ลา้ งการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ ๕.๒ การพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติม (รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๕๖ (๙)) รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๕๕ ไดบ้ ญั ญตั ิให้การแกไ้ ขเพมิ่ เติม รัฐธรรมนูญท่ีเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐจะกระท�ำมิได้ นอกจากน้ี มาตรา ๒๕๖ ได้บัญญัติไว้ด้วยว่าในกรณีการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญเป็นการแก้ไขเพ่ิมเติมหมวด ๑ บทท่ัวไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หรือหมวด ๑๕ การแก้ไขเพ่ิมเติม รัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองที่เก่ียวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือ เร่ืองท่ีเกี่ยวกับหน้าที่หรืออ�ำนาจของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเรื่องท่ีท�ำให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติหน้าท่ี หรืออ�ำนาจได้ จะต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติเสียก่อน ท้ังนี้ รัฐธรรมนญู ยงั ได้กำ� หนดหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการในการแกไ้ ขเพ่มิ เติมรัฐธรรมนูญไวอ้ ยา่ งชัดเจนด้วย อยา่ งไรกด็ ี กอ่ นทน่ี ายกรฐั มนตรจี ะนำ� ความกราบบงั คมทลู เพอื่ พระมหากษตั รยิ ท์ รงลงพระปรมาภไิ ธย รา่ งรฐั ธรรมนญู แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร หรอื สมาชกิ วฒุ สิ ภา หรอื สมาชกิ ของทงั้ สองสภารวมกนั มจี ำ� นวน ไม่น้อยกว่าหน่ึงในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือของท้ังสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิ เข้าชื่อกันเสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาท่ีตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพ่ิมเติมที่ได้รับการลงมติเห็นชอบแล้วเป็นการแก้ไขเพ่ิมเติมท่ีเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ หรือมีลักษณะที่เป็นการแก้ไข เพม่ิ เตมิ หมวด ๑ บททวั่ ไป หมวด ๒ พระมหากษตั รยิ ์ หรอื หมวด ๑๕ การแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ รฐั ธรรมนญู หรอื เรอื่ งทเี่ กย่ี วกบั คณุ สมบตั ิหรอื ลกั ษณะต้องหา้ มของผู้ดำ� รงต�ำแหน่งตา่ ง ๆ ตามรฐั ธรรมนูญ หรือเรื่องท่เี กยี่ วกับหนา้ ท่ีหรอื อำ� นาจของ ศาลหรอื องคก์ รอสิ ระ หรอื เรอ่ื งทที่ ำ� ใหศ้ าลหรอื องคก์ รอสิ ระไมอ่ าจปฏบิ ตั หิ นา้ ทห่ี รอื อำ� นาจได้ และใหป้ ระธานแหง่ สภา ที่ได้รับเรื่องดังกล่าวส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับเร่ือง โดยในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีจะน�ำ รา่ งรัฐธรรมนญู แก้ไขเพ่มิ เติมดงั กล่าวขน้ึ ทูลเกลา้ ทลู กระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษตั รยิ ์ทรงลงพระปรมาภิไธยมิได้ ๖. การวนิ จิ ฉยั หนงั สอื สญั ญาใดตอ้ งไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากรฐั สภากอ่ นหรอื ไม่ (รฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๗๘) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๗๘ ได้บัญญัติให้หนังสือสัญญาใด ทป่ี ระเทศไทยทำ� กบั นานาประเทศหรอื กบั องคก์ ารระหวา่ งประเทศตอ้ งไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากรฐั สภา โดยหนงั สอื สญั ญา ดังกล่าว ได้แก่ (๑) หนงั สือสัญญาท่ีมบี ทเปล่ียนแปลงอาณาเขตไทย 13
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ (๒) หนังสือสัญญาท่ีมีบทเปลี่ยนแปลงเขตพ้ืนที่นอกอาณาเขตซ่ึงประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือ มเี ขตอ�ำนาจตามหนงั สือสญั ญาหรือกฎหมายระหว่างประเทศ (๓) หนังสอื สัญญาท่จี ะตอ้ งออกพระราชบญั ญัติเพอื่ ให้การเป็นไปตามหนังสอื สัญญา (๔) หนังสือสัญญาอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้า หรือการลงทุน ของประเทศอย่างกว้างขวาง อันได้แก่ หนังสือสัญญาเกี่ยวกับการค้าเสรี เขตศุลกากรร่วม หรือการให้ใช้ ทรพั ยากรธรรมชาติ หรอื ทำ� ใหป้ ระเทศตอ้ งสญู เสยี สทิ ธใิ นทรพั ยากรธรรมชาตทิ ง้ั หมดหรอื บางสว่ น หรอื หนงั สอื สญั ญา อ่ืนตามทกี่ ฎหมายบญั ญัติ ในกรณีท่ีมีปัญหาว่า หนังสือสัญญาใดต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนหรือไม่ คณะรัฐมนตรี จะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ได้ โดยศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับ คำ� ขอดังกล่าว ๗. การพิจารณาวินิจฉยั คณุ สมบตั แิ ละลักษณะต้องหา้ มของผดู้ ำ� รงต�ำแหน่งทางการเมือง ๗.๑ การพิจารณาวินิจฉัยการส้ินสุดสมาชิกภาพหรือคุณสมบัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือ สมาชกิ วฒุ ิสภา (รฐั ธรรมนญู มาตรา ๘๒) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๘๒ ได้บัญญัติให้มีการยื่นค�ำร้อง ตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู เพอ่ื วนิ จิ ฉยั วา่ สมาชกิ ภาพของสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร คนใดคนหนงึ่ สนิ้ สดุ ลงดว้ ยเหตดุ งั ตอ่ ไปนี้ (๑) ลาออก (มาตรา ๑๐๑ (๓)) (๒) ขาดคุณสมบตั ิของการมีสิทธสิ มัครรบั เลือกตั้งเปน็ สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร (มาตรา ๙๗) (๓) มลี ักษณะตอ้ งห้ามมิใหใ้ ชส้ ิทธสิ มัครรบั เลอื กต้งั เปน็ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร (มาตรา ๙๘) (๔) การกระทำ� อันเปน็ การขัดกันแหง่ ผลประโยชน์ (มาตรา ๑๘๔ หรอื มาตรา ๑๘๕) (๕) ลาออกจากพรรคการเมอื งทีต่ นเป็นสมาชิก (มาตรา ๑๐๑ (๘)) (๖) พ้นจากการเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองท่ีตนเป็นสมาชิกตามมติของพรรคการเมืองน้ัน ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของท่ีประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคการเมืองและ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สังกัดพรรคการเมืองน้ัน ในกรณีเช่นนี้ ถ้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้นั้นมิได้เข้าเป็น สมาชิกของพรรคการเมืองอื่นภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่พรรคการเมืองมีมติ ให้ถือว่าส้ินสุดสมาชิกภาพนับแต่ วันทพ่ี ้น ๓๐ วันดงั กลา่ ว (มาตรา ๑๐๑ (๙)) (๗) ขาดจากการเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง แต่ในกรณีที่ขาดจากการเป็นสมาชิกของ พรรคการเมอื งเพราะมคี ำ� สงั่ ยบุ พรรคการเมอื งทสี่ มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรผนู้ นั้ เปน็ สมาชกิ และสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ผนู้ ั้นไมอ่ าจเขา้ เปน็ สมาชกิ ของพรรคการเมอื งอน่ื ได้ภายใน ๖๐ วันนับแต่วันท่ีมีคำ� สั่งยุบพรรคการเมือง ในกรณเี ชน่ นี้ ใหถ้ อื วา่ ส้ินสดุ สมาชิกภาพนับแตว่ ันถัดจากวนั ท่คี รบก�ำหนด ๖๐ วันนนั้ (มาตรา ๑๐๑ (๑๐)) (๘) ขาดประชุมเกินจ�ำนวนหน่ึงในสี่ของจ�ำนวนวันประชุมในสมัยประชุมท่ีมีก�ำหนดเวลา ไมน่ ้อยกว่า ๑๒๐ วนั โดยไม่ได้รับอนญุ าตจากประธานสภาผ้แู ทนราษฎร (มาตรา ๑๐๑ (๑๒)) 14
ศาลรฐั ธรรมนูญ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๘๒ ได้บัญญัติให้มีการยื่นค�ำร้อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพอ่ื วินิจฉัยวา่ สมาชิกภาพของสมาชิกวฒุ สิ ภาคนใดคนหนงึ่ สิ้นสดุ ลงดว้ ยเหตุดงั ต่อไปน้ี (๑) ลาออก (มาตรา ๑๑๑ (๓)) (๒) ขาดคณุ สมบตั หิ รอื มลี ักษณะต้องหา้ มของการเปน็ สมาชิกวุฒิสภา (มาตรา ๑๐๘) (๓) ขาดประชุมเกินจ�ำนวนหน่ึงในส่ีของจ�ำนวนวันประชุมในสมัยประชุมท่ีมีก�ำหนดเวลา ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๒๐ วันโดยไม่ได้รบั อนุญาตจากประธานวฒุ สิ ภา (มาตรา ๑๑๑ (๕)) (๔) กระท�ำการอันเป็นการฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด ๆ (มาตรา ๑๑๓) หรอื กระทำ� การอนั เป็นการขดั กันแหง่ ผลประโยชน์ (มาตรา ๑๘๔ หรือมาตรา ๑๘๕) ในกรณีดังกล่าวข้างต้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา จ�ำนวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในสิบ ของจ�ำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของแต่ละสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาท่ีตนเป็นสมาชิกว่า สมาชิกภาพของสมาชิกคนใดคนหนึ่งแห่งสภานั้นส้ินสุดลงด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น และให้ประธานแห่งสภาท่ีได้รับ ค�ำร้องส่งค�ำร้องน้ันไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้น้ันส้ินสุดลงหรือไม่ นอกจากน้ี กรณีท่ีคณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา คนใดคนหนง่ึ สน้ิ สุดลงเพราะเหตุดังกล่าว ให้ส่งเรื่องไปยังศาลรฐั ธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยได้ด้วย ๗.๒ การพิจารณาวนิ จิ ฉยั ความเป็นรฐั มนตรีสิน้ สุดลงหรอื ไม่ (รัฐธรรมนญู มาตรา ๑๗๐) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๗๐ ได้บัญญัติเหตุที่ความเป็น รฐั มนตรสี ้นิ สดุ ลงเฉพาะตัวไวด้ ังตอ่ ไปนี้ (๑) ลาออก (มาตรา ๑๗๐ (๒)) (๒) ขาดคณุ สมบัตหิ รอื มีลักษณะตอ้ งหา้ มของผ้ดู �ำรงต�ำแหนง่ รฐั มนตรี (มาตรา ๑๖๐) (๓) กระท�ำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (มาตรา ๑๘๖) หรือกระท�ำการต้องห้าม ในการเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้น หรือไม่คงไว้ซ่ึงความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทต่อไป ตามจำ� นวนทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ และเป็นลูกจา้ งของบุคคลใด (มาตรา ๑๘๗) (๔) ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเน่ืองจากด�ำรงต�ำแหน่งรวมกันแล้ว เกิน ๘ ปี (มาตรา ๑๕๘ วรรคส่)ี ในกรณีดังกล่าวข้างต้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา จ�ำนวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในสิบ ของจ�ำนวนสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของแต่ละสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาท่ีตนเป็นสมาชิกว่า ความเป็นรัฐมนตรีของรัฐมนตรีคนใดคนหน่ึงสิ้นสุดลงด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น และให้ประธานแห่งสภา ท่ีได้รับค�ำร้องส่งค�ำร้องนั้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของรัฐมนตรีผู้นั้นสิ้นสุดลงหรือไม่ นอกจากนี้รัฐธรรมนูญยังบัญญัติให้คณะกรรมการการเลือกต้ังสามารถส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีความเป็นรัฐมนตรขี องรฐั มนตรคี นใดคนหนงึ่ ส้ินสุดลงหรอื ไม่ได้ด้วย 15
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ ๘. การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั กรณอี นื่ ทกี่ ฎหมายประกอบรฐั ธรรมนญู หรอื กฎหมายอน่ื กำ� หนดใหอ้ ยใู่ นอำ� นาจของ ศาลรัฐธรรมนญู ๘.๑ การพิจารณาวินิจฉัยเก่ียวกับคำ� ร้องคัดค้านมติ ค�ำส่ัง และประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และการยบุ พรรคการเมือง ตามพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญวา่ ด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ (๑) การพิจารณาวินิจฉัยค�ำร้องคัดค้านมติของคณะกรรมการการเลือกต้ังท่ีไม่รับจดทะเบียน จัดต้ังพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๗ วรรคสอง และวรรคสี่ พระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ บัญญตั ิให้ผทู้ ีไ่ ดร้ ับเลอื ก ให้เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง เป็นผู้ย่ืนค�ำขอจดทะเบียนจัดต้ังพรรคการเมืองต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยค�ำขอ จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองจะต้องประกอบด้วยเอกสารและหลักฐานตามที่กฎหมายก�ำหนด อย่างไรก็ดี ภายหลัง จากการย่ืนค�ำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองแล้ว หากนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่าค�ำขอจดทะเบียนจัดต้ัง พรรคการเมืองไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายก�ำหนด ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองโดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการการเลือกตั้งมีหนังสือแจ้งให้ผู้ย่ืนค�ำขอจดทะเบียนจัดต้ังพรรคการเมืองทราบพร้อมด้วยเหตุผล เพื่อแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือน้ัน และเม่ือพ้นก�ำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ไม่มีการแก้ไขให้ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรายงานคณะกรรมการการเลือกต้ังเพ่ือพิจารณา และมีมติไม่รับจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง และให้นายทะเบียนพรรคการเมืองแจ้งมติดังกล่าวให้ผู้ย่ืนค�ำขอ จดั ตงั้ พรรคการเมืองทราบภายใน ๗ วันนับแตว่ นั ทคี่ ณะกรรมการมีมติ ภายหลังจากท่ีรับทราบมติไม่รับจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองแล้ว ผู้ยื่นค�ำขอจดทะเบียน จดั ตง้ั พรรคการเมอื ง มสี ทิ ธยิ น่ื คำ� รอ้ งคดั คา้ นมตขิ องคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู ไดภ้ ายใน ๓๐ วนั นบั แต่ วนั ท่ีได้รบั หนังสือแจง้ มติของคณะกรรมการการเลอื กตง้ั (๒) การวินิจฉัยค�ำร้องคัดค้านมติของคณะกรรมการการเลือกต้ังท่ีมีมติให้เพิกถอนข้อบังคับของ พรรคการเมอื ง ตามพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๗ วรรคสาม และ วรรคส่ ี พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ บัญญัติให้ข้อบังคับ พรรคการเมืองนอกจากจะต้องมีรายการตามท่ีกฎหมายก�ำหนดแล้ว จะต้องมีลักษณะที่ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและต้องไม่เปล่ียนแปลงรูปแบบของรัฐ ไม่ขัดต่อความสงบ เรยี บร้อยและศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน ไม่กอ่ ใหเ้ กิดความแตกแยกระหว่างคนในชาติ และไมค่ รอบงำ� หรอื เป็นอปุ สรรค ตอ่ การปฏิบตั หิ น้าท่ีโดยอสิ ระของสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ อยา่ งไรกด็ ี หากปรากฏภายหลงั วา่ ขอ้ บงั คบั ของพรรคการเมอื งทไี่ ดย้ นื่ ตอ่ นายทะเบยี นพรรคการเมอื ง ไม่มีรายการตามท่ีกฎหมายก�ำหนดหรือมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรายงาน คณะกรรมการการเลือกต้ังเพ่ือพิจารณาและมีมติให้เพิกถอนข้อบังคับน้ัน และให้แจ้งมติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง 16
ศาลรัฐธรรมนญู ให้คณะกรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื งทราบภายใน ๗ วันนับแต่วันทม่ี มี ติ ในการนี้ คณะกรรมการบริหารพรรคการเมอื ง ต้องด�ำเนินการแก้ไขข้อบังคับให้ถูกต้องหรือครบถ้วนภายใน ๖๐ วันนับแต่วันท่ีได้รับหนังสือแจ้ง และเมื่อพ้นระยะเวลา ดงั กลา่ วแลว้ หากไมม่ กี ารแกไ้ ขหรอื ยงั แกไ้ ขไมถ่ กู ตอ้ งหรอื ครบถว้ น ใหพ้ รรคการเมอื งนน้ั สน้ิ สภาพความเปน็ พรรคการเมอื ง ภายหลังจากท่ีรับทราบมติดังกล่าวแล้ว หัวหน้าพรรคการเมืองนั้นมีสิทธิยื่นค�ำร้องคัดค้านมติ ให้เพิกถอนข้อบังคับพรรคการเมืองของคณะกรรมการการเลือกตั้งต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันท่ี ได้รบั หนังสอื แจ้งมติของคณะกรรมการการเลอื กต้งั (๓) การวินิจฉัยค�ำร้องคัดค้านค�ำส่ังของคณะกรรมการการเลือกต้ังที่ให้คณะกรรมการบริหาร พรรคการเมืองพ้นจากต�ำแหน่งทั้งคณะ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๒ วรรคห้า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ บัญญัติให้ คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีหน้าที่ควบคุมและก�ำกับดูแล ไม่ให้สมาชิกกระท�ำการอันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับ รวมท้ังระเบียบ ประกาศ และค�ำส่ัง ของคณะกรรมการการเลือกต้ัง และเม่ือมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือ ให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมือง มีหน้าท่ี ควบคุมและก�ำกับดูแลมิให้สมาชิกหรือผู้ด�ำรงต�ำแหน่งในพรรคการเมืองกระท�ำการในลักษณะที่อาจท�ำให้ การเลือกตั้งหรือการเลือกไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเท่ียงธรรม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรืออาจเป็นคุณหรือเป็นโทษ แกบ่ คุ คลใด ซึง่ สมัครเขา้ รับเลือกเป็นสมาชิกวฒุ ิสภา ไม่วา่ โดยทางตรงหรอื ทางอ้อม หากความปรากฏต่อคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหาร พรรคการเมือง หรือเมื่อคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองได้รับแจ้งจากนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าสมาชิก ของพรรคการเมืองกระท�ำการอันเป็นการฝ่าฝืนดังกล่าวข้างต้น ให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีมติ หรือสั่งการให้สมาชิกผู้นั้นยุติการกระท�ำโดยพลัน และก�ำหนดมาตรการหรือวิธีการท่ีจ�ำเป็นเพ่ือมิให้เกิด การกระท�ำดังกล่าวอีก แล้วแจ้งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบภายใน ๗ วันนับแต่วันที่มีมติ อย่างไรก็ดี หากความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองมิได้มีมติหรือส่ังการให้ สมาชิกยุติการกระท�ำที่เป็นการฝ่าฝืนตามที่กฎหมายก�ำหนด ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองเสนอเร่ือง ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อพิจารณามีค�ำส่ังให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นพ้นจากต�ำแหน่ง ท้ังคณะ และห้ามมิให้กรรมการบริหารพรรคการเมืองซ่ึงพ้นจากต�ำแหน่งเพราะเหตุดังกล่าวด�ำรงต�ำแหน่ง ในพรรคการเมอื งจนกวา่ จะพน้ เวลา ๒๐ ปีนบั แต่วันทพ่ี น้ จากตำ� แหนง่ ทง้ั นี้ กรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื งทพี่ น้ จากตำ� แหนง่ โดยคำ� สง่ั ของคณะกรรมการการเลอื กตง้ั มีสิทธยิ น่ื ค�ำรอ้ งคัดคา้ นคำ� สง่ั ดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ภายใน ๓๐ วนั นบั แตว่ นั ท่ีได้รบั หนังสือแจ้งคำ� ส่ังดงั กลา่ ว (๔) การวินิจฉัยค�ำร้องคัดค้านประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ให้พรรคการเมือง สนิ้ สภาพความเปน็ พรรคการเมอื ง ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๑ วรรคสาม 17
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้บัญญัติเก่ียวกับ เหตุแห่งการส้ินสภาพของพรรคการเมืองไว้หลายประการ อาทิ พรรคการเมืองไม่แก้ไขข้อบังคับให้ถูกต้องหรือ ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่ก�ำหนด หรือมีจ�ำนวนสมาชิกเหลือไม่ถึงตามจ�ำนวนท่ีก�ำหนดไว้ภายหลังจากท่ีได้รับ การจดทะเบียนพรรคการเมือง หรือไม่มีการประชุมใหญ่หรือไม่มีการด�ำเนินกิจกรรมทางการเมืองเป็นระยะเวลา ติดต่อกันหนึ่งปีโดยไม่มีเหตุอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย หรือพรรคการเมืองเลิกตามข้อบังคับ เป็นต้น ซ่ึงเมื่อปรากฏ ตอ่ นายทะเบยี นพรรคการเมอื งหรอื มผี แู้ จง้ ตอ่ นายทะเบยี นพรรคการเมอื งวา่ พรรคการเมอื งใดสนิ้ สภาพดว้ ยเหตดุ งั กลา่ ว ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้าเห็นว่ามีกรณีที่เป็นเหตุให้พรรคการเมืองสิ้นสภาพ ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งเพ่ือพิจารณา ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นว่า มีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น ก็ให้ประกาศการสิ้นสภาพของพรรคการเมืองในราชกิจจานุเบกษา และให้พรรคการเมืองน้ัน ส้ินสภาพตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา นอกจากนี้ ให้ถือว่าการสิ้นสภาพของพรรคการเมืองดังกล่าว เปน็ การถกู ยุบพรรคการเมอื งดว้ ย อย่างไรก็ดี หากหัวหน้าพรรคการเมืองที่ถูกประกาศสิ้นสภาพไม่เห็นด้วยกับการประกาศ ของคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ใหย้ นื่ คำ� รอ้ งตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู เพอ่ื พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ภายใน ๓๐ วนั นบั แตว่ นั ทปี่ ระกาศ ในราชกจิ จานุเบกษา (๕) การวินิจฉัยขอให้ยุบพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๒ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๒ ได้บัญญัติเหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองในกรณีท่ีคณะกรรมการการเลือกต้ังมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมอื งใดกระทำ� การอนั เปน็ การลม้ ลา้ งการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ หรือกระท�ำการเพ่ือให้ได้มาซ่ึงอ�ำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ ในรัฐธรรมนูญ หรือกระท�ำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข หรือพรรคการเมืองกระท�ำการฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย หรือมีเหตุอันจะต้องยุบพรรคการเมือง ตามทก่ี ฎหมายกำ� หนด คณะกรรมการการเลอื กตงั้ สามารถยน่ื ตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู เพอื่ ใหม้ คี ำ� สงั่ ยบุ พรรคการเมอื งนนั้ ได้ และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญด�ำเนินการไต่สวนแล้วมีหลักฐานว่าพรรคการเมืองได้กระท�ำการตามเหตุดังกล่าว ใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู สงั่ ยบุ พรรคการเมอื งและเพกิ ถอนสทิ ธสิ มคั รรบั เลอื กตง้ั ของคณะกรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื งนน้ั นอกจากน้ี พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๓ ก�ำหนดว่า เมื่อความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าพรรคการเมืองใดกระท�ำการอันเป็น เหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองตามมาตรา ๙๒ คณะกรรมการการเลือกต้ังจะย่ืนค�ำร้องเอง หรือจะมอบหมายให้ นายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นผู้ย่ืนค�ำร้องและด�ำเนินคดีแทนก็ได้ และเพื่อประโยชน์ในการด�ำเนินคดี นายทะเบียน พรรคการเมืองโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกต้ังจะขอให้อัยการสูงสุดช่วยเหลือด�ำเนินการ ในชน้ั การพิจารณาของศาลรฐั ธรรมนูญจนกวา่ จะเสรจ็ ส้นิ ก็ได้ 18
ศาลรฐั ธรรมนูญ (๖) การวินิจฉัยกรณีพรรคการเมืองไม่เห็นด้วยกับค�ำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เก่ียวกับการด�ำเนินการในเรื่องที่บัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔๑ บทเฉพาะกาลของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔๐ ได้บัญญัติให้พรรคการเมืองท่ีจัดต้ังหรือเป็นพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ และยังด�ำรงอยู่ในวันก่อนวันท่ีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ใช้บังคับ เป็นพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ด�ำรงต�ำแหน่งอยู่ก่อนวันที่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ใช้บังคับ ยังคงเป็นคณะกรรมการบริหาร พรรคการเมืองเพื่อด�ำเนินการตามมาตรา ๑๔๑ ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยใหถ้ อื วา่ พรรคการเมอื งดงั กลา่ วมสี มาชกิ ตามทป่ี รากฏในทะเบยี นสมาชกิ พรรคการเมอื งตามทปี่ รากฏ ในทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองที่ส�ำนักงานจัดให้มีข้ึนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๕๐ นอกจากน้ี พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔๑ ได้ก�ำหนดให้พรรคการเมืองต้องด�ำเนินการในเรื่องและภายในระยะเวลาท่ีก�ำหนด เช่น การแจ้ง เปลี่ยนแปลงสมาชิกที่แตกต่างจากท่ีปรากฏในทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบ หรือด�ำเนินการให้มีสมาชิกให้ครบห้าร้อยคน หรือจัดให้มีทุนประเดิมจ�ำนวนหน่ึงล้านบาท และแจ้งให้นายทะเบียน พรรคการเมืองทราบ หรือจัดให้มีการประชุมใหญ่เพ่ือแก้ไขข้อบังคับและจัดท�ำค�ำประกาศอุดมการณ์ทางการเมือง ของพรรคการเมืองและนโยบายของพรรคการเมืองให้ถูกต้อง และเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ตามข้อบงั คับของพรรคการเมืองที่แกไ้ ขใหม่ เปน็ ตน้ การวินิจฉัยเร่ืองใด ๆ ดังกล่าวที่มีผลกระทบต่อพรรคการเมือง พระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ บญั ญตั ใิ หเ้ ปน็ อำ� นาจของคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ทจี่ ะวนิ จิ ฉยั ในกรณี ทพี่ รรคการเมอื งไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั คำ� วนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการการเลอื กตงั้ ใหพ้ รรคการเมอื งยนื่ คำ� รอ้ งตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู เพ่อื วนิ ิจฉยั ไดภ้ ายใน ๖๐ วนั นับแต่วนั ที่ไดร้ ับทราบคำ� วินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกตัง้ ๘.๒ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั เกยี่ วกบั มตคิ ณะรฐั มนตรหี รอื การดำ� เนนิ การของคณะรฐั มนตรเี ปน็ การปฏบิ ตั ิ หน้าทีโ่ ดยไมช่ อบด้วยกฎหมาย ตามพระราชบญั ญัติการจัดท�ำยุทธศาสตรช์ าติ พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติการจัดท�ำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๙ ได้บัญญัติให้ในกรณีที่ การด�ำเนินการของหน่วยงานของรัฐไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติหรือแผนแม่บท อันเป็นผลมาจากมติ คณะรัฐมนตรี หรือเป็นการด�ำเนินการของคณะรัฐมนตรีโดยตรง ให้คณะกรรมการจัดท�ำยุทธศาสตร์ชาติแจ้งให้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและวุฒิสภาทราบ และให้วุฒิสภาด�ำเนินการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการ ปฏริ ปู ประเทศ เพอ่ื ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายตามท่ีบัญญัตไิ ว้ในรัฐธรรมนูญ และการจัดทำ� และด�ำเนนิ การตามแผนการปฏริ ูป ประเทศ 19
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ ในกรณีท่ีวุฒิสภาเห็นว่ากรณีเป็นปัญหาว่ามติคณะรัฐมนตรีหรือการด�ำเนินการของคณะรัฐมนตรี เป็นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ให้วุฒิสภามีมติเสนอเร่ืองต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพ่ือวินิจฉัย โดยเรว็ ซงึ่ หากศาลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั วา่ มตคิ ณะรฐั มนตรหี รอื การดำ� เนนิ การของคณะรฐั มนตรี เปน็ การปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้คณะกรรมการจัดท�ำยุทธศาสตร์ชาติส่งเร่ืองให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติด�ำเนินการตามหน้าท่ีและอ�ำนาจโดยเร็ว ท้ังนี้ ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในการพิจารณาของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติให้รับฟังตามทปี่ รากฏในค�ำวนิ จิ ฉยั ของศาลรฐั ธรรมนญู นอกจากน้ี ศาลรัฐธรรมนูญและประธานศาลรัฐธรรมนูญยังมีหน้าท่ีและอ�ำนาจท่ีนอกเหนือจากการ วินจิ ฉยั คดีรัฐธรรมนญู ดังนี้ ๑. การเสนอแนะความเห็นต่อร่างกฎหมายและพิจารณาแต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการสรรหา ผดู้ ำ� รงตำ� แหน่งในองค์กรอสิ ระ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ได้บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าท่ี และอำ� นาจทไี่ มเ่ กย่ี วกบั การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั คดี โดยเปน็ หนา้ ทแ่ี ละอำ� นาจในการเสนอแนะความเหน็ ตอ่ รา่ งพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งภายหลังจากที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๓๒ (๒) ก�ำหนดให้รัฐสภาส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนั้นไปให้องค์กรที่เก่ียวข้องพิจารณาให้ความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว ซ่ึงในกรณีของศาลรัฐธรรมนูญน้ัน รัฐสภาจะต้องส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาแล้วไปให้ศาลรัฐธรรมนูญให้ความเห็นว่ามีข้อความใดขัดหรือ แย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือท�ำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ และรัฐสภา มีอ�ำนาจท่ีจะแก้ไขเพ่ิมเติมร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ตามความเห็นและขอ้ สังเกตของศาลรัฐธรรมนญู นอกจากน้ี รัฐธรรมนูญและกฎหมายอ่ืน ยังบัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอ�ำนาจ ในการแต่งต้ังบุคคลเป็นกรรมการสรรหาผู้ด�ำรงต�ำแหน่งในองค์กรอิสระ และร่วมกับองค์กรอิสระอื่นในการก�ำหนด มาตรฐานทางจริยธรรม เพ่ือใช้บังคับกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ด�ำรงต�ำแหน่งในองค์กรอิสระรวมท้ังผู้ว่าการ ตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ทั้งนี้ จะต้องด�ำเนินการ ให้มีมาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าวภายในหนึ่งปีนับแต่วันท่ีประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ตามท่ีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๗ มาตรา ๒๑๙ และมาตรา ๒๗๖ นอกจากนี้ พระราชบัญญัติ องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และก�ำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔ ยงั บญั ญตั ใิ หต้ ลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู ซง่ึ ไดร้ บั เลอื ก จากที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จ�ำนวนหนึ่งคน ท�ำหน้าท่ีเป็นคณะกรรมการสรรหากรรมการกิจการ กระจายเสยี ง กจิ การโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ด้วย 20
ศาลรัฐธรรมนูญ ๒. หน้าทแี่ ละอำ� นาจของประธานศาลรัฐธรรมนูญตามบทบญั ญตั ิของกฎหมาย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๙๓ บัญญัติให้แต่ละศาล ยกเว้นศาลทหาร มหี นว่ ยงานธุรการรบั ผดิ ชอบงานธรุ การท่ีมคี วามเปน็ อิสระในการบรหิ ารงานบคุ คล การงบประมาณ และการดำ� เนนิ การอน่ื โดยใหม้ หี วั หนา้ หนว่ ยงานคนหนง่ึ เปน็ ผบู้ งั คบั บญั ชาขน้ึ ตรงตอ่ ประธานของแตล่ ะศาล ในกรณนี ้ี พระราชบัญญัติส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ บัญญัติให้ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญมีเลขาธิการ ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญคนหนึ่งรับผิดชอบการปฏิบัติงานของส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญข้ึนตรงต่อประธาน ศาลรฐั ธรรมนญู และเปน็ ผบู้ งั คบั บญั ชาขา้ ราชการและลกู จา้ งของสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู โดยจะใหม้ รี องเลขาธกิ าร สำ� นกั งานศาลรัฐธรรมนญู เป็นผชู้ ว่ ยสงั่ และปฏบิ ัติราชการดว้ ยกไ็ ด้ พระราชบัญญัติส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ (๑) บัญญัติให้การบรรจุ และแต่งตั้งให้บุคคลด�ำรงต�ำแหน่งเลขาธิการส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญและรองเลขาธิการส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นอ�ำนาจของประธานศาลรัฐธรรมนูญโดยความเห็นชอบของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้มีอ�ำนาจส่ังบรรจุ และมาตรา ๑๖ บัญญัติให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๔๒ นอกจากนี้แล้ว มีกฎหมายอื่นท่ีบัญญัติหน้าท่ีและอ�ำนาจของประธานศาลรัฐธรรมนูญไว้ เช่น พระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๕/๑ บญั ญตั ใิ หป้ ระธานศาลรฐั ธรรมนญู เปน็ กรรมการในคณะกรรมการคดั เลอื กกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ในภาครัฐ เป็นต้น ๒.๓ วิธีพิจารณาของศาลรฐั ธรรมนูญ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๐ วรรคสอง บญั ญตั วิ า่ “การยนื่ คำ� รอ้ งและ เงอ่ื นไขการยนื่ คำ� รอ้ งการพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั การทำ� คำ� วนิ จิ ฉยั และการดำ� เนนิ งานของศาลรฐั ธรรมนญู นอกจากทบี่ ญั ญตั ิ ไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ” ซงึ่ ปจั จบุ นั พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ ไดป้ ระกาศใชบ้ งั คบั แลว้ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕ ตอนที่ ๑๒ ก วันท่ี ๒ มีนาคม ๒๕๖๑) โดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ดงั กล่าวได้บญั ญตั ใิ ห้ประธานศาลรฐั ธรรมนญู โดยมติของคณะตลุ าการมีอำ� นาจออกข้อก�ำหนด ระเบียบ และประกาศ ของศาล เพอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตามทบ่ี ญั ญตั ไิ วแ้ ละนอกจากทบ่ี ญั ญตั ไิ ว้ จงึ ออกขอ้ กำ� หนดศาลรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาคดี รฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศใชบ้ งั คบั (ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ๑๓๖ ตอนท่ี ๙๗ ก วนั ที่ ๑๗ กนั ยายน ๒๕๖๒) รวมถงึ ได้ออกประกาศและระเบยี บศาลรฐั ธรรมนญู ดังนี้ ๑. ประกาศศาลรัฐธรรมนูญ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นค�ำร้องทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๒ (ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ ๑๓๖ ตอนที่ ๑๐๙ ก วันที่ ๑๗ ตลุ าคม ๒๕๖๒) 21
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ ๒. ระเบียบศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการด�ำเนินการเก่ียวกับการละเมิดอ�ำนาจศาล พ.ศ. ๒๕๖๒ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๑๒ ก วนั ที่ ๒๒ ตลุ าคม ๒๕๖๒) ๓. ระเบยี บศาลรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการรกั ษาความปลอดภยั และความสงบเรยี บรอ้ ยในทท่ี ำ� การศาล พ.ศ. ๒๕๖๒ (ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ๑๓๖ ตอนที่ ๑๑๒ ก วันท่ี ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๒) กระบวนพิจารณาคดขี องศาลรฐั ธรรมนญู มขี นั้ ตอนดงั นี้ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๒๗ วรรคแรก ก�ำหนดให้ การพจิ ารณาคดขี องศาลรัฐธรรมนูญให้ใช้ระบบไต่สวน โดยให้ศาลมีอ�ำนาจคน้ หาความจริงไม่วา่ จะเปน็ คุณ หรือเป็นโทษแก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ และในการวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริง ให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานได้ทุกประเภท เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติห้ามรับฟังไว้โดยเฉพาะ ไม่ว่าการไต่สวนพยานหลักฐานนั้นจะมีข้อผิดพลาดคลาดเคลื่อน ไปจากขน้ั ตอน วธิ กี าร หรอื กรอบเวลาทกี่ ฎหมายกำ� หนดไว้ ถา้ ศาลไดใ้ หโ้ อกาสแกค่ กู่ รณฝี า่ ยอนื่ ในการนำ� สบื พยานหลกั ฐาน หักลา้ งแล้ว ก็ใหศ้ าลรบั ฟังได้ ทั้งน้ี เพือ่ ใหไ้ ดข้ อ้ เทจ็ จรงิ ทีถ่ กู ต้องตรงตามความจรงิ ท่ีเกิดขึ้นในคดีน้นั นอกจากนยี้ งั กำ� หนดใหใ้ นการพจิ ารณาของศาลจะตอ้ งเปน็ ไปโดยความรวดเรว็ ตามทกี่ ำ� หนดในพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ และข้อก�ำหนดของศาลรัฐธรรมนูญ และ ในการปฏิบัติหน้าท่ี ศาลมีอ�ำนาจเรียกเอกสารหรือหลักฐานท่ีเก่ียวข้องจากบุคคลใดหรือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยค�ำ ตลอดจนขอให้หนว่ ยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวน ดำ� เนนิ การใดเพ่ือประโยชนแ์ หง่ การพิจารณาได้ ๑. การยืน่ คำ� ร้องตอ่ ศาลรฐั ธรรมนูญ มาตรา ๔๒ ค�ำร้องต้องท�ำเป็นหนังสือใช้ถ้อยค�ำสุภาพ มีรายการครบถ้วนตามแบบที่ก�ำหนดในข้อก�ำหนด ของศาล ซึง่ อย่างน้อยต้องระบุ (๑) ช่อื และทอี่ ยขู่ องผรู้ ้อง (๒) เร่ืองหรือการกระท�ำท้ังหลายอันเป็นเหตุให้ต้องขอให้ศาลมีค�ำวินิจฉัยพร้อมท้ังข้อเท็จจริงหรือ พฤติการณ์ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง (๓) มาตราของรฐั ธรรมนูญและกฎหมายที่เก่ียวขอ้ งกับเหตุในคำ� รอ้ ง (๔) คำ� ขอทรี่ ะบคุ วามประสงคจ์ ะใหศ้ าลดำ� เนนิ การอยา่ งใดพรอ้ มทงั้ เหตผุ ลสนบั สนนุ โดยชดั แจง้ การยื่นค�ำร้องตามวรรคหนึ่ง ให้คู่กรณีจัดท�ำส�ำเนาย่ืนต่อศาลตามจ�ำนวนที่ก�ำหนดในข้อก�ำหนด ของศาลด้วย คำ� รอ้ งใดมรี ายการไมค่ รบถว้ นตามวรรคหนงึ่ หรอื ไมช่ ดั เจน หรอื ไมอ่ าจเขา้ ใจได้ ใหห้ นว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบ งานศาลใหค้ ำ� แนะนำ� แกผ่ รู้ อ้ งเพอ่ื ดำ� เนนิ การแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ คำ� รอ้ งนนั้ ใหถ้ กู ตอ้ ง ในการด�ำเนินกระบวนการพิจารณา ผู้ร้องจะด�ำเนินการทั้งปวงด้วยตนเองหรือจะมอบฉันทะ ให้ทนายความหรือบุคคลอ่ืนยื่นค�ำร้องหรือด�ำเนินคดีแทนผู้ร้องได้ ผู้รับมอบฉันทะต้องบรรลุนิติภาวะแล้วและ มคี วามรคู้ วามสามารถทอี่ าจดำ� เนนิ การแทนผมู้ อบฉนั ทะได้ 22
ศาลรัฐธรรมนญู ๒. การแจง้ ผู้รอ้ งและส่งส�ำเนาคำ� รอ้ งใหแ้ กผ่ ถู้ กู รอ้ ง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีค�ำส่ังรับค�ำร้องที่มีคู่กรณีไว้พิจารณาวินิจฉัยแล้ว ให้ส่งส�ำเนาค�ำร้องแก่ผู้ถูกร้อง หรือมีค�ำสั่งแจ้งให้ผู้ถูกร้องมารับส�ำเนาค�ำร้องภายในระยะเวลาที่ศาลก�ำหนด เม่ือผู้ถูกร้องได้รับส�ำเนาค�ำร้อง ให้ย่ืนค�ำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน ๑๕ วันนับแต่วันท่ีได้รับส�ำเนาค�ำร้อง หรือภายในระยะเวลาที่ศาลก�ำหนด และให้น�ำความในมาตรา ๔๒ เก่ียวกับรายละเอียดของค�ำร้องมาใช้บังคับ กรณีผู้ถูกร้องไม่ย่ืนค�ำช้ีแจงแก้ข้อกล่าวหา ภายใน ๑๕ วนั นบั แตว่ นั ทไี่ ดร้ บั สำ� เนาคำ� รอ้ ง ใหถ้ อื วา่ ผถู้ กู รอ้ งไมต่ ดิ ใจทจ่ี ะยนื่ คำ� ชแี้ จงแกข้ อ้ กลา่ วหา และใหศ้ าลดำ� เนนิ กระบวนพิจารณาต่อไป ทั้งน้ี เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๔ ๓. องคค์ ณะและการพิจารณาคดี พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔ ได้นิยามความหมายของค�ำว่า “การพิจารณาคดี” คือ “การด�ำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ รวมถึงการไต่สวน การประชุมปรึกษาเพ่ือพิจารณาและวินิจฉัย หรือการนั่งพิจารณา” ในขณะท่ีค�ำว่า “กระบวนพิจารณา” หมายความว่า “การกระท�ำใด ๆ ตามท่ีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับคดีซ่ึงกระท�ำโดยคู่กรณี หรือโดยศาล หรือตามค�ำส่ังศาล ไม่ว่าการน้ัน จะเป็นโดยคู่กรณีฝ่ายหน่ึงกระท�ำต่อศาล หรือต่อฝ่ายใดฝ่ายหน่ึง หรือศาลกระท�ำต่อคู่กรณีฝ่ายหน่ึงหรือทุกฝ่าย รวมถึงการส่งค�ำร้องและเอกสารอื่น ๆ การพิจารณาคดี และการลงมติ ตลอดจนการปฏิบัติตามหน้าที่และ อ�ำนาจตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอ่ืน” และค�ำว่า “การนั่งพิจารณา” หมายความว่า “การท่ีศาลออกนั่งเก่ียวกับการพิจารณาคดีโดยคู่กรณีมีสิทธิมาอยู่ต่อหน้าศาล” นอกจากน้ี พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ ยังได้ก�ำหนดรายละเอียด ท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การพจิ ารณาคดีของศาลไวด้ ังนี้ ๓.๑ การพจิ ารณาคดโี ดยเปดิ เผย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๙ ก�ำหนดให้การนั่งพิจารณาของศาลให้กระท�ำโดยเปิดเผย เว้นแต่ศาลเห็นเป็นการสมควรเพ่ือรักษา ความเรียบร้อยในบริเวณท่ีท�ำการศาล หรือเพ่ือคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ ศาลมีอ�ำนาจก�ำหนดบุคคลท่ีอยู่ ในห้องพิจารณาคดีได้ และเม่ือศาลประกาศก�ำหนดวันนัดไต่สวนครั้งแรก ให้ส่งส�ำเนาประกาศแก่คู่กรณีไม่น้อยกว่า ๑๕ วันก่อนวันนัด ส่วนก�ำหนดวันนัดไต่ส่วนครั้งต่อไป ให้เป็นไปตามท่ีศาลก�ำหนด และให้ปิดประกาศก�ำหนด นดั ดงั กลา่ วไว้ ณ ทท่ี ำ� การศาลดว้ ย ๓.๒ การใหโ้ อกาสคกู่ รณแี สดงพยานหลกั ฐาน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๖๑ กำ� หนดใหค้ กู่ รณจี ะอา้ งตนเอง บคุ คล และหลกั ฐานอน่ื เปน็ พยานหลกั ฐานได้ และมสี ทิ ธิ ขอตรวจพยานหลักฐานและขอส�ำเนาพยานหลักฐานของตนเองหรือของคู่กรณีอีกฝ่ายหน่ึงในเวลาท�ำการได้ และ เพื่อให้การพิจารณาคดีเป็นไปด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม ศาลอาจก�ำหนดให้มีการตรวจพยานหลักฐานก่อนก็ได้ 23
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ แตต่ อ้ งแจง้ ใหค้ กู่ รณที ราบลว่ งหนา้ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๕ วนั กอ่ นวนั นดั ตรวจพยานหลกั ฐาน อยา่ งไรกด็ ใี นการอา้ งพยานหลกั ฐานนนั้ ใหค้ กู่ รณยี น่ื บญั ชรี ะบพุ ยานหลกั ฐาน และวธิ กี ารทจี่ ะไดม้ าซงึ่ พยานหลกั ฐานดงั กลา่ ว โดยอาจยน่ื บญั ชรี ะบพุ ยานหลกั ฐาน เพม่ิ เติมได้ แต่ตอ้ งย่ืนเสยี ก่อนวันท่ีศาลก�ำหนดว่าจะมคี �ำวนิ จิ ฉัยไมน่ ้อยกวา่ ๗ วนั นอกจากนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๖๒ ก�ำหนดให้ในการไต่สวนพยานบุคคล ไม่ว่าจะเป็นพยานท่ีฝ่ายใดอ้างหรือที่ศาลเรียกมาเอง ให้ศาลมอี �ำนาจสอบถามพยานบุคคลเอง แล้วให้พยานเบิกความในขอ้ นัน้ โดยวธิ ีแถลงดว้ ยตนเองหรอื ตอบค�ำถามศาล ศาลอาจถามพยานเกี่ยวกับข้อเท็จจริงใด ๆ ที่เก่ียวเนื่องกับคดี แม้จะไม่มีฝ่ายใดยกข้ึนอ้างก็ตาม และเพ่ือประโยชน์ แห่งความยุติธรรม ศาลอาจอนุญาตให้คู่กรณีซักถามพยานเพิ่มเติมตามประเด็นและข้อเท็จจริงที่ศาลก�ำหนดไว้ก็ได้ โดยให้ฝ่ายที่อ้างพยานเป็นผู้ซักถามก่อน การถามพยานของศาลใช้ค�ำถามน�ำก็ได้ หลังจากคู่กรณีถามพยานแล้ว หา้ มมใิ หค้ ู่กรณฝี า่ ยใดถามพยานอีก เวน้ แต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ๓.๓ การใหโ้ อกาสคกู่ รณสี บื พยานทอ่ี ยู่ นอกทที่ ำ� การศาล นอกเหนือจากการไต่สวนพยานหลักฐานภายในศาลแล้ว พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๖๓ ก�ำหนดให้ศาลอาจอนุญาตให้มีการไต่สวนพยาน ท่ีอยู่นอกท่ีท�ำการศาลตามที่คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายร้องขอ โดยอาจใช้ระบบการประชุมทางจอภาพ ตามข้อก�ำหนดของศาลได้ และให้ถือว่ากระท�ำในห้องพิจารณาของศาล โดยให้ฝ่ายท่ีร้องขอเป็นผู้ด�ำเนินการ เพือ่ จดั ใหม้ รี ะบบดังกล่าวและเปน็ ผเู้ สยี คา่ ใช้จ่ายทัง้ หมด ในกรณที ศ่ี าลเหน็ สมควร หรอื ในกรณที คี่ กู่ รณฝี า่ ยทอี่ า้ งพยานนนั้ รอ้ งขอและศาลอนญุ าต ศาลอาจ ก�ำหนดให้พยานบุคคลหรือพยานผู้เช่ียวชาญท่ีต้องมาเบิกความเสนอบันทึกถ้อยค�ำยืนยันข้อเท็จจริงหรือ ความเห็นล่วงหน้าต่อศาลตามประเด็นที่ศาลก�ำหนดหรือท่ีศาลอนุญาตให้คู่กรณีฝ่ายท่ีร้องขอก�ำหนด โดยให้ส่ง ต้นฉบับบันทึกถ้อยค�ำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นล่วงหน้าต่อศาล และส�ำเนาแก่คู่กรณีฝ่ายอื่นทราบก่อน วันนัดสืบพยานบุคคลหรือพยานผู้เช่ียวชาญน้ันไม่น้อยกว่า ๗ วัน อย่างไรก็ดีหากคู่กรณีที่ติดใจคัดค้านข้อเท็จจริง ในบันทึกถ้อยค�ำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นล่วงหน้าดังกล่าวในประเด็นใด ให้ท�ำค�ำคัดค้านเป็นหนังสือ ยืน่ ตอ่ ศาลกอ่ นวันนัดสบื พยานบคุ คลหรือพยานผูเ้ ช่ียวชาญน้ันไมน่ อ้ ยกว่า ๓ วนั มฉิ ะนั้นใหถ้ ือวา่ ไม่ติดใจคัดค้าน ในวนั ไตส่ วนพยาน ใหพ้ ยานรบั รองบนั ทกึ ถอ้ ยคำ� ยนื ยนั ขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ความเหน็ ลว่ งหนา้ แลว้ ตอบขอ้ ซกั ถาม เพ่ิมเติมของศาลและคู่กรณีฝ่ายอ่ืนตามประเด็นท่ีเสนอต่อศาลและศาลอนุญาต หากพยานไม่มาศาล หรือมาศาล แตไ่ มย่ อมตอบขอ้ ซกั ถาม ใหศ้ าลปฏเิ สธทจ่ี ะรบั ฟงั บนั ทกึ ถอ้ ยคำ� ยนื ยนั ขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ความเหน็ ลว่ งหนา้ ของพยานบคุ คล หรือพยานผู้เชี่ยวชาญน้ันเป็นพยานหลักฐานในคดี เว้นแต่มีเหตุจ�ำเป็นหรือสมควรเพ่ือประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลจะรบั ฟงั บนั ทกึ ถอ้ ยคำ� ยนื ยนั ขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ความเหน็ ลว่ งหนา้ ของพยานบคุ คลหรอื พยานผเู้ ชยี่ วชาญนนั้ ประกอบ พยานหลกั ฐานอ่ืนกไ็ ด้ พยานบุคคลหรอื พยานผเู้ ช่ียวชาญใดย่นื บันทกึ ถ้อยคำ� ยืนยนั ข้อเท็จจรงิ หรือความเห็นล่วงหนา้ ตามวรรคหนึ่งต่อศาลแล้วจะขอถอนบันทึกถ้อยค�ำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นล่วงหน้านั้นมิได้ และเม่ือพยาน รับรองบันทึกถ้อยค�ำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นล่วงหน้าแล้ว ให้ถือว่าบันทึกถ้อยค�ำยืนยันข้อเท็จจริงหรือ 24
ศาลรฐั ธรรมนญู ความเหน็ ลว่ งหนา้ นัน้ เปน็ สว่ นหน่งึ ของการให้ถ้อยคำ� ของพยาน ทง้ั น้ี เป็นไปตามพระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๖๔ ในระหว่างการไต่สวนของศาล ให้ศาลบันทึกรายงานการพิจารณาคดีรวมไว้ในส�ำนวน และจัดให้ คู่กรณีและพยานลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน หากคู่กรณีหรือพยานลงลายมือช่ือไม่ได้ หรือไม่ยอมลงลายมือช่ือ ให้ศาลท�ำรายงานจดแจ้งเหตุท่ีไม่มีลายมือช่ือเช่นนั้นแทนการลงลายมือชื่อ และให้ศาลบันทึกการให้ถ้อยค�ำของ พยานในการไตส่ วนรวมไวใ้ นสำ� นวนดว้ ย โดยใชอ้ ปุ กรณบ์ นั ทกึ เสยี งหรอื อปุ กรณบ์ นั ทกึ ภาพและเสยี ง หรอื วธิ กี ารอน่ื ใด ตามข้อก�ำหนดของศาลรัฐธรรมนูญ ท้ังน้ี เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของ ศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๖๖ ๓.๔ การใหโ้ อกาสคกู่ รณรี อ้ งขอใหม้ กี ารแถลงการณเ์ ปดิ คดหี รอื ปดิ คดี คู่กรณีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือท้ังสองฝ่ายมีสิทธิร้องขอให้มีการแถลงการณ์เปิดคดีหรือปิดคดีของตนได้ ตามที่ศาลเห็นสมควรและภายในเวลาท่ีศาลก�ำหนด การแถลงการณ์เปิดคดีหรือปิดคดีของคู่กรณีต้องท�ำเป็น หนังสือ เว้นแต่ศาลเห็นสมควรให้กระท�ำด้วยวาจา โดยหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาในการแถลงการณ์เปิดคดี หรือปิดคดี ให้เป็นไปตามข้อก�ำหนดของศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากน้ีคู่กรณี พยานในส่วนท่ีเกี่ยวกับค�ำเบิกความ ของตนหรือบุคคลภายนอก ผู้มีส่วนได้เสียโดยชอบหรือมีเหตุผลอันสมควรก็ดี มีสิทธิขอตรวจดู ขอส�ำเนา หรือ ขอส�ำเนาท่ีมีค�ำรับรองความถูกต้องของเอกสารในส�ำนวนได้ ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก�ำหนด ไวใ้ นขอ้ กำ� หนดของศาลรฐั ธรรมนญู โดยจะกำ� หนดใหต้ อ้ งเสยี คา่ ธรรมเนยี มดว้ ยกไ็ ด้ ทงั้ นี้ เปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๖๗ และมาตรา ๖๘ ๔. การทำ� ค�ำวินจิ ฉัยหรอื ค�ำสงั่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗๕ ก�ำหนดให้ในการวินิจฉัยคดี ตุลาการซ่ึงเป็นองค์คณะทุกคนต้องท�ำความเห็นส่วนตนเป็นหนังสือ พร้อมท้ังแถลง ด้วยวาจาต่อท่ีประชุม และให้ท่ีประชุมปรึกษาหารือร่วมกันก่อนแล้วจึงลงมติ ดังนั้น จึงถือเป็นหน้าท่ีของตุลาการ ทกุ คนทจ่ี ะตอ้ งรว่ มนงั่ พจิ ารณาและรว่ มทำ� คำ� วนิ จิ ฉยั เวน้ แตม่ เี หตถุ กู คดั คา้ นหรอื มเี หตจุ ำ� เปน็ อนื่ อนั ไมอ่ าจหลกี เลยี่ งได้ นอกจากน้ีความเหน็ สว่ นตนของตุลาการ ใหท้ ำ� โดยสังเขปและตอ้ งเผยแพรต่ อ่ สาธารณะตามขอ้ ก�ำหนดของศาล นอกจากนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๒ ก�ำหนดให้องค์คณะของศาลในการน่ังพิจารณาและในการท�ำค�ำวินิจฉัย ต้องประกอบด้วย ตุลาการไม่น้อยกว่า ๗ คน และตุลาการซ่ึงมิได้ร่วมในการพิจารณาในเน้ือหาคดีใด ย่อมไม่มีอ�ำนาจในการท�ำ ค�ำวินิจฉัยน้ัน หากมีปัญหาว่าตุลาการคนใดร่วมในการพิจารณาในเน้ือหาคดีน้ันหรือไม่ ให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัย กอ่ นทจี่ ะด�ำเนนิ กระบวนพิจารณาต่อไป เวน้ แต่การไม่รว่ มท�ำคำ� วนิ ิจฉัยจะท�ำใหม้ อี งค์คณะเหลอื ไมถ่ ึงเจด็ คน 25
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ ในการท�ำค�ำวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗๕ วรรคสาม และสรรคส่ี ก�ำหนดให้องค์คณะอาจมอบหมายให้ตุลาการคนหน่ึงคนใด เป็นผู้จัดท�ำค�ำวินิจฉัยตามมติของศาลก็ได้ และค�ำวินิจฉัยของศาลให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน ๓๐ วัน นบั แตว่ ันทม่ี ีค�ำวนิ ิจฉยั ในส่วนของผลของค�ำวินิจฉัย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของ ศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗๖ ก�ำหนดให้ ค�ำวินิจฉัยของศาลให้มีผลในวันอ่าน และในกรณีที่ ศาลมีค�ำวินิจฉัยท่ีมีคู่กรณี ถ้าคู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงหรือท้ังสองฝ่าย แล้วแต่กรณี ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาให้ ศาลบันทึกไว้และให้ถือว่าค�ำวินิจฉัยนั้นได้อ่านโดยชอบแล้ว หรือในกรณีท่ีศาลมีค�ำวินิจฉัยคดีที่ไม่มีผู้ถูกร้องให้ ศาลแจ้งค�ำวินิจฉัยของศาลแก่ผู้ร้องหรือผู้มีหนังสือขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัย และให้ถือว่าวันท่ีศาลลงมติซ่ึงเป็น วนั ทป่ี รากฏในคำ� วนิ ิจฉยั เปน็ วนั อา่ น ในกรณีที่ศาลมีค�ำวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของเง่ือนไข การตราพระราชก�ำหนด (รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๓) การพิจารณาวินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาล จะใชบ้ งั คบั แกค่ ดใี ดขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู หรอื ไม่ (รฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๑๒) การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั กรณที ผ่ี ถู้ กู ละเมดิ สิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ร้องขอว่าการกระท�ำน้ันขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ (รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๓) หรอื การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมาย ตามทผ่ี ตู้ รวจการแผน่ ดนิ เป็นผู้เสนอ (รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๓๑ (๑)) ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบงานธุรการของศาลจัดท�ำประกาศ ผลแห่งค�ำวินิจฉัยของศาลส่งไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยเร็ว ส่วนการแจ้งให้คู่กรณีมาฟังค�ำวินิจฉัยและ การอ่านค�ำวินิจฉัยของศาลและการแจ้งค�ำวินิจฉัย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามข้อก�ำหนดของ ศาลรฐั ธรรมนญู นอกจากน้ี ในกรณีท่ีศาลมีค�ำส่ังไม่รับค�ำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยและจ�ำหน่ายคดี ค�ำสั่งดังกล่าว จะต้องประกอบด้วยความเป็นมาโดยย่อของคดี เหตุผลในการมีค�ำสั่ง ความเห็นประกอบ และบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิง และเมื่อจัดท�ำค�ำส่ังเสร็จแล้วให้แจ้งคู่กรณีทราบ พร้อมปิดประกาศไว้ ณ ที่ท�ำการศาลไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน ทั้งน้ี ค�ำส่ังของศาลดังกล่าวให้มีผลในวันท่ีศาลลงมติซ่ึงเป็นวันท่ีปรากฏในค�ำสั่ง ทง้ั นี้ เป็นไปตามพระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยวธิ ีพจิ ารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗๗ 26
ศาลรฐั ธรรมนญู แผนภาพท่ี ๑ กระบวนพจิ ารณาคดขี องศาลรฐั ธรรมนญู ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณา ของศาลรัฐธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ ผูร้ ้อง คำ� รอ้ ง สำ� นกั งานศาลรัฐธรรมนูญส่งเรื่องให้คณะตุลาการหรือศาลภายใน หนงั สอื (มาตรา ๗ และมาตรา ๔๑ ๒ วัน นบั แตว่ ันท่ไี ดร้ ับคำ� ร้อง (มาตรา ๔๙ วรรคสอง) (มาตรา ๔๑ วรรคสอง) วรรคสอง) ศาลแตง่ ตง้ั คณะตลุ าการ กรณีไม่แตง่ ต้งั คณะตลุ าการ ศาลรบั ไว้พิจารณา ไม่นอ้ ยกวา่ ๓ คน เป็นผู้พจิ ารณา ไมน่ อ้ ยกวา่ ๓ คน เป็นผูพ้ ิจารณา (มาตรา ๕๐) (มาตรา ๔๙ วรรคหนง่ึ ) (มาตรา ๔๙ วรรคห้า) ตรวจและมีค�ำสั่งภายใน ๕ วัน ศาลพิจารณาและมีค�ำส่งั ภายใน ๕ วัน ไมต่ อ้ งตาม ต้องตาม นับแต่วนั ที่ไดร้ บั เร่ืองจากหนว่ ยงาน นบั แต่วันที่หนว่ ยงานทรี่ บั ผดิ ชอบงานธรุ การ หลักเกณฑ์ หลักเกณฑ์ ทรี่ บั ผดิ ชอบงานธรุ การ (มาตรา ๔๙ วรรคสอง ของศาลได้รบั คำ� ร้อง (มาตรา ๔๙ วรรคหา้ ) ค�ำสง่ั รับค�ำร้อง เห็นควรสง่ั ไม่รับคำ� รอ้ ง ค�ำสัง่ ไมร่ บั คำ� รอ้ ง คำ� สัง่ รับ คำ� ส่ัง ด�ำเนินการ ศาลพจิ ารณาภายใน ๕ วนั นบั แตว่ ันทไี่ ด้รับ คำ� รอ้ ง ไม่รับค�ำรอ้ ง ตอ่ ไป เรอื่ งจากคณะตุลาการ (มาตรา ๔๙ วรรคสาม) เหน็ พอ้ งด้วยกับ คำ� สั่ง จัดท�ำคำ� สั่ง และแจง้ คู่กรณที ราบ คดมี ีผูถ้ กู รอ้ ง คดีไม่มผี ู้ถูกร้อง ความเห็นไม่รับค�ำรอ้ ง ไม่รบั ค�ำรอ้ ง พรอ้ มปิดประกาศไว้ ณ ท่ีท�ำการศาล คดีไมม่ ีผู้ถูกร้อง คดีมผี ูถ้ ูกรอ้ ง ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๕ วนั (มาตรา ๔๙ วรรคสาม ประกอบมาตรา ๗๗ วรรคสอง) สง่ ส�ำเนาคำ� ร้องแกผ่ ถู้ กู ร้อง หรือมีค�ำส่งั แจง้ ให้ผูถ้ ูกรอ้ งมารับสำ� เนาคำ� รอ้ งภายในระยะเวลาที่ศาลก�ำหนด เพ่อื ใหย้ ื่นคำ� ชีแ้ จงแกข้ อ้ กลา่ วหาภายใน ๑๕ วนั นบั แต่วันท่ีไดร้ ับสำ� เนาคำ� ร้อง หรอื ภายในระยะเวลาท่ศี าลกำ� หนด (มาตรา ๕๔ วรรคหนึง่ และวรรคสอง) ในการด�ำเนนิ กระบวนพิจารณา หากศาลเห็นว่าคดีใดเปน็ ปัญหาขอ้ กฎหมาย หรือมีพยานหลักฐานเพยี งพอทจี่ ะ พิจารณาวนิ จิ ฉยั ได้ ศาลอาจประชุมปรึกษาเพ่ือพจิ ารณาและวินจิ ฉยั โดยไมท่ �ำการไต่สวนหรือยุติการไต่สวนก็ได้ (มาตรา ๕๘ วรรคหน่ึง) กรณีศาล กรณีศาล ท�ำการไตส่ วน ไมท่ �ำการไตส่ วน 27
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ แผนภาพที่ ๑ กระบวนพจิ ารณาคดขี องศาลรฐั ธรรมนญู ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณา ของศาลรฐั ธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ (ต่อ) กรณีศาล สง่ ส�ำเนาประกาศใหแ้ ก่คกู่ รณี ค่กู รณีจะอา้ งตนเอง กรณศี าล ทำ� การไตส่ วน ไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน กอ่ นวดั นัด บุคคล และหลกั ฐานอน่ื ไมท่ �ำการไตส่ วน เปน็ พยานหลักฐานได้ ศาลประกาศก�ำหนด (มาตรา ๕๙ วรรคสอง) (มาตรา ๖๐ วรรคหน่งึ ) ศาลอาจกำ� หนดใหม้ กี ารตรวจ วนั นดั ไตส่ วนคร้งั แรก ปดิ ประกาศไว้ ณ ท่ที ำ� การศาล พยานหลักฐานกอ่ นกไ็ ด้ (มาตรา ๕๙ (มาตรา ๕๙ วรรคสอง) แต่ตอ้ งแจ้งคู่กรณที ราบล่วงหน้า วรรคสอง) ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๕ วัน กอ่ นวดั นดั ตรวจพยานหลกั ฐาน (มาตรา ๖๑) หากคกู่ รณีจะยื่นบัญชรี ะบพุ ยานเพม่ิ เติม ต้องย่ืนเสยี กอ่ นวนั ท่ศี าลกำ� หนด วา่ จะมคี ำ� วินิจฉยั ไมน่ อ้ ยกว่า ๗ วนั (มาตรา ๖๐ วรรคสาม) กำ� หนดวันนดั ไต่สวนคร้ังตอ่ ไป เห็นว่า ศาลออกน่ังพจิ ารณาและไตส่ วนพยาน (มาตรา ๕๙ วรรคสอง) ควรไตส่ วนตอ่ ไป (มาตรา ๖๒ และมาตรา ๖๓) แจง้ คู่กรณที ราบ และปิดประกาศ เหน็ วา่ มพี ยานหลกั ฐานเพยี งพอ ศาลประชุมปรกึ ษา (มาตรา ๕๙ วรรคสอง) ที่จะพจิ ารณาวนิ จิ ฉัยได้ เพื่อพิจารณาวนิ ิจฉยั คดไี ม่มีผู้ถกู รอ้ ง จึงยุตกิ ารไตส่ วน คดมี ีผถู้ ูกร้อง (มาตรา ๕๘ วรรคหน่งึ ) ศาลแจ้งให้มาฟงั และ องคค์ ณะอาจมอบหมาย ตุลาการซ่ึงเป็นองค์คณะทุกคนต้องท�ำความเห็นสว่ นตน อา่ นคำ� วินิจฉยั ให้ตลุ าการคนหนงึ่ คนใดเป็น เปน็ หนงั สือ พรอ้ มแถลงดว้ ยวาจาต่อที่ประชมุ ผ้จู ัดทำ� ค�ำวนิ จิ ฉัยตามมติ (มาตรา ๗๕ วรรคหนง่ึ ) (มาตรา ๗๖ วรรคหา้ ) ศาลแจ้งคำ� วนิ จิ ฉัยแก่ ของศาลกไ็ ด้ ผรู้ ้องหรอื ผู้มีหนังสอื (มาตรา ๗๕ วรรคสาม) ขอให้ศาลพจิ ารณา มมี ติ ใหท้ ี่ประชมุ ปรกึ ษาหารือร่วมกนั กอ่ นแลว้ จึงลงมติ วนิ ิจฉยั (มาตรา ๗๕ วรรคหนงึ่ ) (มาตรา ๗๖ วรรคสาม) คำ� วนิ จิ ฉยั ของศาลให้มผี ลในวนั อา่ น (มาตรา ๗๖ วรรคหนึง่ ) ค�ำวินิจฉยั ของศาลใหม้ ีผลใน ในกรณีทีศ่ าลมคี ำ� วนิ จิ ฉัยคดตี าม วันทศ่ี าลลงมติซ่งึ เปน็ วันทีป่ รากฏในคำ� วนิ ิจฉยั เป็น รัฐธรรมนญู มาตรา ๑๗๓ มาตรา ๒๑๒ มาตรา ๒๑๓ หรือมาตรา วนั อา่ น (มาตรา ๗๖ วรรคสาม) ๒๓๑ (๑) ให้หนว่ ยงานท่ี รับผดิ ชอบงานธรุ การของศาล จดั ท�ำประกาศผลแหง่ ค�ำวินิจฉัย ของศาลส่งไปประกาศใน ราชกจิ จานเุ บกษาโดยเรว็ (มาตรา ๗๖ วรรคส)ี่ 28
ศาลรัฐธรรมนูญ ๓ สำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๐ วรรคสาม บัญญัติว่า “ให้น�ำความใน มาตรา ๑๘๘ มาตรา ๑๙๐ มาตรา ๑๙๑ และมาตรา ๑๙๓ มาใช้บังคับแก่ศาลรัฐธรรมนูญด้วยโดยอนุโลม” ประกอบกับมาตรา ๑๙๓ บัญญัติว่า “ให้แต่ละศาล ยกเว้นศาลทหาร มีหน่วยงานที่รับผิดชอบงานธุรการ ทมี่ คี วามเป็นอิสระในการบรหิ ารงานบุคคล การงบประมาณ และการด�ำเนนิ การอนื่ โดยให้มีหวั หน้าหนว่ ยงานคนหน่ึง เปน็ ผูบ้ ังคับบญั ชาขนึ้ ตรงตอ่ ประธานของแต่ละศาล ทงั้ นี้ตามทก่ี ฎหมายบญั ญัติ” ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจึงมีอิสระในการบริหารงานบุคคล การงบประมาณ และการด�ำเนินการอ่ืน ท้ังน้ี ตามที่กฎหมายบัญญัติ และตามพระราชบัญญัติส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓ ให้มีส�ำนักงาน ศาลรัฐธรรมนูญเป็นส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญมีฐานะเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ บรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ๓.๑ อ�ำนาจหนา้ ท่ีของส�ำนกั งานศาลรฐั ธรรมนญู พระราชบัญญตั สิ �ำนกั งานศาลรฐั ธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๔๒ กำ� หนดใหส้ ำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนูญเป็นสว่ นราชการ ทเี่ ปน็ หนว่ ยงานอสิ ระ มฐี านะเปน็ กรมตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ มอี ำ� นาจหนา้ ทต่ี ามมาตรา ๔ ดังน้ี “มาตรา ๔ สำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู มีอำ� นาจหนา้ ที่ดังตอ่ ไปนี้ (๑) รับผิดชอบงานธุรการของศาลรฐั ธรรมนญู (๒) ศกึ ษาและรวบรวมขอ้ มลู คำ� สงั่ และคำ� วนิ จิ ฉยั ตา่ ง ๆ เกย่ี วกบั งานของคณะตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู และ ตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู (๓) สนับสนนุ ให้มกี ารศกึ ษาวิจยั และเผยแพร่กิจการของศาลรัฐธรรมนญู (๔) ปฏิบัติการอ่นื ตามทค่ี ณะตุลาการศาลรัฐธรรมนญู มอบหมาย” ๓.๒ โครงสรา้ งส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ โครงสร้างและหน้าที่ความรับผิดชอบของส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญตามประกาศศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการแบ่งส่วนราชการภายในและอ�ำนาจหน้าที่ของส่วนราชการในสังกัดส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๕ (ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา เลม่ ที่ ๑๒๙ ตอนท่ี ๓๖ ลงวันท่ี ๒๑ เมษายน ๒๕๕๕) ประกอบด้วย (๑) กลมุ่ งานผู้เชยี่ วชาญ (๒) กลมุ่ งานตรวจสอบภายใน (๓) สำ� นักประธานศาลรัฐธรรมนญู (๔) ส�ำนักบริหารกลาง (๕) ส�ำนักคดี ๑ (๖) ส�ำนักคดี ๒ (๗) ส�ำนักคดี ๓ (๘) ส�ำนกั คดี ๔ 29
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ (๙) ส�ำนกั คดี ๕ (๑๐) ส�ำนกั พฒั นาระบบบรหิ าร (๑๑) สำ� นักเทคโนโลยีสารสนเทศและประชาสัมพนั ธ์ (๑๒) สถาบันรัฐธรรมนูญศึกษา แผนภาพท่ี ๒ โครงสรา้ งและการแบง่ สว่ นราชการภายในสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๒ ศาลรฐั ธรรมนูญ รวม ๑๖๙ อัตรา ๑ ตลุ าการ ๑๑ ศาลรฐั ธรรมนูญ ทปี่ รึกษา ส�ำนกั คดี ๑ ส�ำนกั งานศาลรัฐธรรมนญู ๑ ๑๑ ๕ เลขาธกิ าร ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนญู ส�ำนักคดี ๒ ๙ ๔ ๑๑ ผู้ทรงคุณวุฒิ/ผ้เู ช่ยี วชาญ ด้านคดี รองเลขาธกิ าร ส�ำนักคดี ๓ ส�ำนักงานศาลรฐั ธรรมนญู ๕ ๑๐ ๙ ผูท้ รงคุณวุฒิ/ผเู้ ชยี่ วชาญ ส�ำนักคดี ๔ ดา้ นบริหาร ส�ำนักประธานศาลรฐั ธรรมนญู ๑๕ ๒๒ ๓ ส�ำนักคดี ๕ ส�ำนกั บริหารกลาง กลุม่ งานผู้เชยี่ วชาญ ๑๖ ๓ ส�ำนกั พัฒนาระบบบรหิ าร กลุ่มงานตรวจสอบภายใน ๑๗ ส�ำนักเทคโนโลยี สารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ๒๑ สถาบนั รัฐธรรมนญู ศกึ ษา 30
ศาลรฐั ธรรมนญู สว่ นราชการภายในสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู มฐี านะและอำ� นาจหนา้ ที่ ดงั น้ี (๑) กลุม่ งานผเู้ ชีย่ วชาญ มีอำ� นาจหน้าท่ี ดังนี้ (ก) ตรวจสอบ และกล่ันกรองสรุปย่อค�ำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและบรรทัดฐานค�ำวินิจฉัยของ ศาลรฐั ธรรมนญู (ข) วิเคราะห์ ตรวจสอบ และกลั่นกรองค�ำแถลงการณ์และให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีรัฐธรรมนูญ ตามท่ีได้รบั มอบหมาย (ค) คน้ ควา้ วเิ คราะห์ ใหค้ วามเหน็ และจดั ทำ� เอกสารทางวชิ าการในสว่ นทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั งานคดรี ฐั ธรรมนญู การบรหิ ารงานของศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นักงานศาลรฐั ธรรมนูญหรืองานอ่ืนใดตามทไ่ี ด้รับมอบหมาย (ง) วเิ คราะห์ผลกระทบท่เี กดิ ขึน้ จากผลแห่งคำ� วนิ ิจฉยั ของศาลรฐั ธรรมนูญตามที่ได้รับมอบหมาย (จ) ให้การสนับสนุนและให้ค�ำแนะน�ำในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับงานด้านบริหารท่ัวไปของส�ำนักงาน ศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดข้ึนจากการบริหารงานดังกล่าวและผลกระทบอ่ืน ท่ีอาจเกิดขึ้น ตามทไ่ี ด้รับมอบหมาย (ฉ) ใหค้ �ำปรกึ ษาและแนะน�ำเกย่ี วกับระบบงานของศาลรัฐธรรมนูญ และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนูญ (ช) ศึกษาวิเคราะห์กฎหมาย ระเบียบ ค�ำสั่ง และข้อบังคับ รวมท้ังนโยบายท่ีมีผลกระทบต่อ ศาลรฐั ธรรมนญู และส�ำนักงานศาลรฐั ธรรมนญู ตามทไ่ี ด้รบั มอบหมาย (ซ) ใหค้ �ำปรึกษา ตรวจสอบ กลน่ั กรอง การยกรา่ งกฎหมาย ระเบียบ คำ� สั่ง และขอ้ บงั คับท่ีเกย่ี วข้องกับ การบรหิ ารงานของศาลรฐั ธรรมนูญและส�ำนกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ตามที่ไดร้ บั มอบหมาย (ฌ) ปฏบิ ตั ิหน้าทีอ่ ่นื ๆ ตามทไี่ ดร้ บั มอบหมาย กลุ่มงานผู้เชี่ยวชาญมีผู้อ�ำนวยการกลุ่มงานเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการ ปฏบิ ัตริ าชการในฐานะหวั หน้าสว่ นราชการระดับกองหรอื สูงกว่ากอง มอี ำ� นาจหน้าท่ใี นการสนับสนุนการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ของทป่ี รกึ ษาส�ำนักงานศาลรฐั ธรรมนญู ผเู้ ช่ียวชาญดา้ นคดแี ละวชิ าการ และผ้เู ชยี่ วชาญดา้ นการบรหิ าร (๒) กลุม่ งานตรวจสอบภายใน มอี �ำนาจหนา้ ที่ ดงั นี้ (ก) ศึกษา วิเคราะห์และพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบภายใน เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพ ของหน่วยรบั ตรวจ (ข) ตรวจสอบด้านการเงินและการบญั ชีของสำ� นักงานศาลรฐั ธรรมนญู (ค) ดำ� เนนิ การตรวจสอบและประเมนิ ระบบควบคมุ ภายในและการบรหิ ารความเสยี่ งของหนว่ ยรบั ตรวจ (ง) ปฏิบัตหิ น้าที่อ่นื ๆ ตามที่ไดร้ บั มอบหมาย 31
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ (๓) ส�ำนกั ประธานศาลรฐั ธรรมนญู มผี อู้ �ำนวยการสำ� นกั เป็นผู้บงั คบั บัญชาขา้ ราชการและรบั ผดิ ชอบในการ ปฏบิ ัติราชการในฐานะหัวหนา้ ส่วนราชการที่สูงกว่ากอง มีอำ� นาจหนา้ ท่ี ดังนี้ (ก) เสนอความเหน็ เพอ่ื ประกอบการพจิ ารณาสงั่ การของประธานศาลรฐั ธรรมนญู ในการกำ� หนดนโยบาย การบริหารงานของศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ รวมท้ังติดตามผลการด�ำเนินงานตามนโยบายของ ประธานศาลรัฐธรรมนญู (ข) สนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะผู้สนับสนุนการปฏิบัติงานของประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (ค) ประสานงานคณะรฐั มนตรี รฐั สภา และหนว่ ยงานในกระบวนการยตุ ธิ รรม รวมทงั้ องคก์ รและสถาบนั ต่าง ๆ เพอื่ ใหก้ ารบริหารงานของศาลรฐั ธรรมนูญด�ำเนนิ ไปดว้ ยความเรยี บร้อย (ง) ดำ� เนนิ การเกีย่ วกบั การต้อนรับ และอ�ำนวยความสะดวกใหแ้ กก่ ารเยอื นของอาคันตุกะต่างประเทศ (จ) ปฏบิ ตั ิหน้าท่อี นื่ ๆ ตามที่ได้รบั มอบหมาย (๔) สำ� นกั บรหิ ารกลาง มผี อู้ ำ� นวยการสำ� นกั เปน็ ผบู้ งั คบั บญั ชาขา้ ราชการและรบั ผดิ ชอบในการปฏบิ ตั ริ าชการ ในฐานะหัวหน้าสว่ นราชการที่สงู กว่ากอง มอี �ำนาจหนา้ ที่ ดงั น้ี (ก) ด�ำเนินการเก่ียวกับงานสารบรรณและงานธุรการท่ัวไปของศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงาน ศาลรัฐธรรมนูญ (ข) สนบั สนนุ การปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ของประธานศาลรฐั ธรรมนญู ตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู ผบู้ รหิ ารสำ� นกั งาน ศาลรฐั ธรรมนญู และการรกั ษาความปลอดภยั ประธานศาลรฐั ธรรมนญู ตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู และผบู้ รหิ ารสำ� นกั งาน ศาลรัฐธรรมนญู (ค) ดำ� เนนิ การเกย่ี วกบั งานการเงนิ งานบญั ชี งานพสั ดขุ องศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู และควบคมุ การใชจ้ า่ ยงบประมาณ (ง) บ�ำรุงรักษาอาคารสถานท่ีและยานพาหนะของศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และ ด�ำเนินการจัดท�ำแผนแม่บทการรักษาความปลอดภัยอาคาร สถานท่ี บุคคล และเอกสารของศาลรัฐธรรมนูญและ ส�ำนักงานศาลรฐั ธรรมนญู (จ) ด�ำเนินการทางด้านนิติการที่เกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึง การศกึ ษา วเิ คราะห์ สนบั สนนุ และพฒั นาการจดั ทำ� กฎหมายเกย่ี วกบั การบรหิ ารงานของศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งาน ศาลรัฐธรรมนญู (ฉ) ปฏิบัติราชการท่ัวไปของส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ซ่ึงมิได้ก�ำหนดให้เป็นอ�ำนาจหน้าที่ของ ส่วนราชการใดโดยเฉพาะ (ช) ปฏบิ ัตหิ น้าท่อี น่ื ๆ ตามท่ไี ดร้ ับมอบหมาย 32
ศาลรฐั ธรรมนญู (๕ - ๘) ส�ำนักคดี ๑ - ๔ มีผู้อ�ำนวยการส�ำนักเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติ ราชการในฐานะหวั หนา้ ส่วนราชการที่สูงกวา่ กอง มีอำ� นาจหน้าท่ี ดังน้ี (ก) ด�ำเนินงานด้านกฎหมายเพื่อสนับสนุนการพิจารณารับค�ำร้องของตุลาการประจ�ำคดี รวมถึงปฏิบัติ หนา้ ทเ่ี ป็นฝ่ายเลขานกุ ารของตลุ าการประจ�ำคดี (ข) ดำ� เนนิ งานดา้ นกฎหมายเพอ่ื สนบั สนนุ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั คดรี ฐั ธรรมนญู รวมทง้ั เปน็ หนว่ ยงานผรู้ บั ผิดชอบคดีตามท่ีได้รับมอบหมาย (ค) ปฏิบตั หิ น้าทีเ่ ป็นหน่วยงานทางดา้ นคดแี ละวชิ าการประจำ� ตุลาการศาลรฐั ธรรมนญู (ง) ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะหแ์ ละจัดทำ� เอกสารทางวชิ าการและคู่มอื ปฏิบัติงานในสว่ นทเี่ กี่ยวข้องกบั งานคดีรัฐธรรมนูญ (จ) ใหค้ ำ� แนะนำ� ค�ำปรึกษา หรือความคดิ เหน็ ในเชิงวชิ าการเก่ยี วกบั งานคดีรัฐธรรมนูญ (ฉ) ปฏบิ ตั ิหนา้ ทอ่ี น่ื ๆ ตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย (๙) ส�ำนักคดี ๕ มีผู้อ�ำนวยการส�ำนักเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการใน ฐานะหวั หน้าส่วนราชการที่สูงกว่ากอง มีอำ� นาจหนา้ ท่ี ดงั นี้ (ก) ตรวจสอบ กลน่ั กรอง วเิ คราะห์ เสนอแนะผลกระทบและจดั ทำ� ความเหน็ ในสำ� นวนคดขี องสำ� นกั คดี ผรู้ ับผดิ ชอบเสนอต่อคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (ข) ศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ และเสนอแนะแนวทางการพัฒนาค�ำวินิจฉัย และจัดท�ำบรรทัดฐาน ค�ำวนิ ิจฉยั ของศาลรัฐธรรมนูญ (ค) ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และศึกษาเปรียบเทียบคดีรัฐธรรมนูญของไทยและต่างประเทศ เพื่อพัฒนา กระบวนการพิจารณาคดรี ัฐธรรมนูญและระบบงานคดรี ัฐธรรมนูญ (ง) ตรวจสอบ ติดตาม และดำ� เนินการเพ่อื ให้มกี ารปฏิบตั ติ ามค�ำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนญู (จ) ตรวจสอบ กลน่ั กรอง และใหค้ ำ� ปรกึ ษาเกย่ี วกบั การจดั ทำ� คมู่ อื การปฏบิ ตั งิ าน และเอกสารทางวชิ าการ ที่เกีย่ วกับกระบวนการวินิจฉัยคดรี ฐั ธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญ (ฉ) ด�ำเนินการเก่ียวกับกระบวนการรับค�ำร้องท่ีเข้ามาสู่ศาลรัฐธรรมนูญ และด�ำเนินการในส่วน ที่เก่ยี วข้องกบั การจา่ ยส�ำนวน การเก็บรกั ษาสำ� นวน รวมถึงการประกาศราชกจิ จานุเบกษา (ช) งานเลขานุการการประชุมคณะตุลาการศาลรฐั ธรรมนูญ (เชิงคดี) (ซ) ปฏบิ ตั ริ าชการทวั่ ไปของสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ซง่ึ มไิ ดก้ ำ� หนดใหเ้ ปน็ อำ� นาจหนา้ ทขี่ องสำ� นกั คดี โดยเฉพาะ (ฌ) ปฏบิ ตั หิ น้าทอี่ ่ืน ๆ ตามท่ไี ด้รับมอบหมาย 33
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ (๑๐) สำ� นกั พฒั นาระบบบรหิ าร มผี อู้ ำ� นวยการสำ� นกั เปน็ ผบู้ งั คบั บญั ชาขา้ ราชการและรบั ผดิ ชอบในการปฏบิ ตั ิ ราชการในฐานะหัวหน้าส่วนราชการที่สงู กวา่ กอง มีอ�ำนาจหน้าที่ ดังน้ี (ก) ศกึ ษา วเิ คราะหเ์ พอื่ จดั วางระบบการบรหิ ารการพฒั นาศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู และด�ำเนินการเกี่ยวกับการจัดท�ำแผนยุทธศาสตร์ของศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ การพัฒนา โครงสร้างการบริหารราชการและการก�ำหนดอ�ำนาจหน้าที่ของส่วนราชการภายในส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และ การพัฒนาระบบงานทัว่ ไป เพอ่ื เสนอตอ่ คณะตลุ าการศาลรัฐธรรมนูญ (ข) ดำ� เนนิ กระบวนการจดั ทำ� งบประมาณรายจา่ ยประจำ� ปขี องศาลรฐั ธรรมนญู สำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู รวมทง้ั ตดิ ตามและประเมนิ ผลการใชจ้ า่ ยงบประมาณของศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ใหเ้ ปน็ ไปตาม นโยบายและแผนยุทธศาสตร์ของศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเสนอต่อคณะตุลาการ ศาลรัฐธรรมนญู (ค) ด�ำเนินกระบวนการเก่ียวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลของศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงาน ศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงศึกษา วิเคราะห์ และเสนอแนะแนวนโยบายในการก�ำหนดแผนอัตราก�ำลัง การสร้างระบบ ความม่ันคงของทรัพยากรบุคคลและแนวทางในการพัฒนาบุคลากรของส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญต่อคณะตุลาการ ศาลรฐั ธรรมนญู และส�ำนกั งานศาลรัฐธรรมนูญ (ง) ด�ำเนินการเกี่ยวกับกระบวนการทางวินัย การอุทธรณ์ การร้องทุกข์ของบุคลากรของส�ำนักงาน ศาลรฐั ธรรมนูญ (จ) ปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีอ่นื ๆ ตามท่ไี ด้รับมอบหมาย (๑๑) ส�ำนักเทคโนโลยีสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ มีผู้อ�ำนวยการส�ำนักเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการปฏิบตั ริ าชการในฐานะหัวหน้าสว่ นราชการทสี่ ูงกว่ากอง มีอำ� นาจหน้าท่ี ดงั น้ี (ก) ด�ำเนินการเก่ียวกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ทงั้ ในดา้ นการจดั หา ควบคมุ และบำ� รงุ รกั ษาระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ เพอื่ สนบั สนนุ การบรหิ ารงานของศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนูญ (ข) ด�ำเนินการเก่ียวกับการจัดท�ำฐานข้อมูลค�ำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไทยและต่างประเทศ รวมถึงฐานข้อมูลรัฐธรรมนูญไทยและต่างประเทศ และฐานข้อมูลกฎหมายที่เก่ียวข้องกับภารกิจของศาลรัฐธรรมนูญ และส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และบคุ ลากรในสงั กดั ส�ำนกั งานศาลรฐั ธรรมนญู (ค) ด�ำเนินการเกี่ยวกับการคัดเลือก จัดหา และให้บริการระบบทรัพยากรสารนิเทศด้านกฎหมาย รัฐธรรมนูญ กฎหมายมหาชน และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงาน ศาลรฐั ธรรมนูญ (ง) ด�ำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรักษาเอกสาร และส่ิงของที่ส�ำคัญท่ีเกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญ และสำ� นกั งานศาลรัฐธรรมนญู เพ่อื จดั เก็บไวใ้ นพพิ ิธภัณฑแ์ ละหอจดหมายเหตศุ าลรัฐธรรมนูญ 34
ศาลรัฐธรรมนูญ (จ) ด�ำเนินการเกีย่ วกับการประชาสมั พนั ธ์ เพื่อเผยแพรค่ วามรเู้ กยี่ วกับคดีรฐั ธรรมนูญ ศาลรฐั ธรรมนูญ และการคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละเสรภี าพของประชาชน รวมถงึ การเสรมิ สรา้ งภาพลกั ษณแ์ ละความเชอื่ มนั่ ตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู (ฉ) ปฏิบตั ิหน้าทีอ่ น่ื ๆ ตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย (๑๒) สถาบันรัฐธรรมนูญศึกษา มีผู้อ�ำนวยการสถาบันเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการ ปฏบิ ตั ริ าชการในฐานะหัวหนา้ ส่วนราชการท่ีสงู กวา่ กอง มอี ำ� นาจหนา้ ทีด่ ังนี้ (ก) ศึกษา วิเคราะห์ เพื่อก�ำหนดประเด็นในการวิจัยที่มีความเก่ียวข้องกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ คดีรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญ เพ่ือพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ คดีรัฐธรรมนูญ และ ศาลรัฐธรรมนูญ (ข) จดั ท�ำเอกสารทางวิชาการทเ่ี กี่ยวข้องกบั กฎหมายรฐั ธรรมนญู ศาลรฐั ธรรมนญู และกฎหมายอ่นื ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณะ ท้ังในรูปแบบ ภาษาไทยและภาษาตา่ งประเทศ (ค) ด�ำเนินการเก่ียวกับการประสานความร่วมมือกับศาลรัฐธรรมนูญต่างประเทศ หน่วยงานยุติธรรม ระหวา่ งประเทศ หรอื องคก์ รระหวา่ งประเทศ รวมถงึ การสรา้ งเครอื ขา่ ยพนั ธมติ รความรว่ มมอื ทางวชิ าการและการสง่ เสรมิ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งประเทศ (ง) ด�ำเนินการเก่ียวกับหลักสูตรการฝึกอบรมเก่ียวกับรัฐธรรมนูญ กฎหมายมหาชน ศาลรัฐธรรมนูญ การพัฒนาประชาธิปไตย และการส่งเสริมหลักนิติธรรม รวมถึงการด�ำเนินเก่ียวกับกระบวนการจัดการศึกษา ตามหลกั สูตรดังกล่าว (จ) ด�ำเนินการเก่ียวกับการจัดการสัมมนาทางวิชาการเพ่ือเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ คดีรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญ โดยความร่วมมือระหว่างศาลรัฐธรรมนูญ ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญและ หน่วยงานอืน่ (ฉ) ด�ำเนินการเกี่ยวกับการสร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและประสานงานกับหน่วยงาน ในกระบวนการยุติธรรมหรอื หนว่ ยงานอื่นในภูมภิ าค ในภารกิจของศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นักงานศาลรฐั ธรรมนญู (ช) ปฏิบัติหนา้ ทอี่ ื่น ๆ ตามท่ไี ด้รับมอบหมาย ๓.๓ แผนยทุ ธศาสตร์ศาลรฐั ธรรมนูญ ศาลรฐั ธรรมนญู ไดม้ แี ผนยทุ ธศาสตรศ์ าลรฐั ธรรมนญู เปน็ กรอบทศิ ทางการบรหิ ารราชการของศาลรฐั ธรรมนญู และส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพ่ือพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการด�ำเนินงานการอ�ำนวยความยุติธรรมในภารกิจ ของศาลรฐั ธรรมนญู ตามทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ้ นรฐั ธรรมนญู ตลอดจนการพฒั นาหลกั นติ ธิ รรมในสงั คมไทย การสรา้ งบรรทดั ฐาน การปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ การคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละเสรภี าพของประชาชน และการรกั ษาไวซ้ ง่ึ ประโยชนส์ าธารณะอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยแผนยทุ ธศาสตร์ มรี ายละเอยี ดดงั นี้ 35
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ แผนยุทธศาสตรศ์ าลรัฐธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ การจดั ทำ� แผนยทุ ธศาสตรศ์ าลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ มงุ่ เนน้ ใหส้ ำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู มกี รอบ ทศิ ทางในการปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งเตม็ ศกั ยภาพและประสทิ ธภิ าพ สามารถสนองตอ่ วสิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ เปา้ หมาย วตั ถปุ ระสงค์ ของศาลรฐั ธรรมนญู และเจตนารมณต์ ามรฐั ธรรมนญู ตลอดจนภารกจิ หลกั ของศาลรฐั ธรรมนญู สำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู และสภาพแวดลอ้ มทเ่ี ปลยี่ นแปลงไป รวมไปถงึ การเสนอทศิ ทางและเปา้ หมายเพอ่ื ยกระดบั ศาลรฐั ธรรมนญู ใหเ้ ปน็ องคก์ ร ทม่ี ขี ดี สมรรถนะสงู (High Performance Organization) นอกจากนไี้ ดน้ ำ� เสนอทศิ ทางและเปา้ หมายเพอ่ื ยกระดบั ศาลรฐั ธรรมนญู ใหเ้ ปน็ องคก์ รทม่ี ขี ดี สมรรถนะสงู (High Performance Organization) โดยด�ำเนินการวิเคราะห์และเปรียบเทียบการด�ำเนินงานตามภารกิจด้านต่าง ๆ ของ สำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู กบั หนว่ ยงานภายในประเทศหรอื ตา่ งประเทศ โดยใชก้ ารเทยี บวดั ผลการดำ� เนนิ งาน ประสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธผิ ล หรอื สมรรถนะขององคก์ ร โดยใชห้ ลกั Benchmark และวเิ คราะหห์ าชอ่ งวา่ ง (GAP Analysis) ของผลการ ดำ� เนนิ งาน ประสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธผิ ล หรอื สมรรถนะ เพอ่ื ระบทุ ศิ ทางและเปา้ หมายในการยกระดบั ศาลรฐั ธรรมนญู ใหเ้ ปน็ องคก์ รทมี่ ขี ดี สมรรถนะสงู (High Performance Organization) จากกรอบแนวคดิ ในการจดั ทำ� แผนยทุ ธศาสตรท์ กี่ ลา่ วมาขา้ งตน้ นำ� มาสกู่ ารจดั ทำ� แผนยทุ ธศาสตรศ์ าลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ รายละเอยี ดดงั น้ี 36
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182