Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้ท่ี 1 เรื่องความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับไก่ไข่

ใบความรู้ท่ี 1 เรื่องความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับไก่ไข่

Published by jaeababy21, 2018-03-28 05:20:43

Description: unit1

Search

Read the Text Version

ใบความรู้ท่ี 1 ไก่ไขน่ ับเปน็ สัตวเ์ ศรษฐกจิ ทีม่ คี วามสาคัญต่อชวี ติ ประจาวนั ของคนไทย เนื่องจากไขไ่ กเ่ ป็นอาหารที่มีประโยชนแ์ ละนิยมบริโภค สามารถนามาประกอบอาหารไดห้ ลายอยา่ ง และตลาดมีความต้องการสงู ตลอดปี การเลี้ยงไกไ่ ข่ในปจั จบุ ันไดข้ ยายออกไปอย่างกว้างขวางและสามารถยดึ เป็นอาชีพหลักที่ทารายได้ดีพอสมควร (อานนท์. 2542) การเลี้ยงไก่ไข่ในประเทศไทยจงึ มีความคล่องตวั สงูอตุ สาหกรรมการเลยี้ งไก่ไขเ่ จรญิ รุดหน้า สามารถผลิตไข่เพื่อใชบ้ ริโภคภายในประเทศและสง่ ไปจาหนา่ ยยงั ตา่ งประเทศ (ไชยา. 2533) เชอ่ื กันวา่ ไกม่ วี ิวฒั นาการมาจากสตั ว์เล้ือยคลาน โดยแหล่งทม่ี กี ารเลย้ี งไกบ่ รเิ วณแรกของโลกอยู่บริเวณจังหวัดเหอเป่ยข องประเทศจีน เมื่อประมาณ 5,400-5,900 ปี ก่อนคริสตกาล ต้นกาเนิดของพนั ธไุ์ กท่ ี่เลยี้ งกันอยใู่ นปัจจบุ ันเชอ่ื ว่ามกี ารพฒั นามาจากไกป่ า่ สีแดง ซึ่งมีตน้ กาเนิดในปา่ แถบเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ (Crawford, 1990. อา้ งโดย ประสทิ ธิ์. 2551) ส่วนไก่ท่เี ลีย้ งในประเทศไทยในยคุ แรก ๆ เชื่อว่านาเข้ามาจากประเทศจีน และได้มกี ารพัฒนาการเล้ยี งมาโดยลาดับ สาหรับการผลติ ไข่ไก่ของโลก และของประเทศไทยเพมิ่ ขนึ้ อย่างตอ่ เนื่อง รฐั บาลได้เห็นความสาคญั ตลอดจนปัญหาต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ไข่จึงได้จดั ทายทุ ธศาสตร์ไกไ่ ขข่ ้ึนเพอ่ื ใชเ้ ปน็ กรอบทิศทางใหผ้ เู้ กีย่ วข้องนาไปปฏิบตั ิ เพอื่ ให้เกดิ ความมนั่ คงและย่ังยืนแก่ผู้เล้ยี งไกไ่ ข่ทัง้ ระบบ และเป็นประโยชนต์ อ่ ผูบ้ ริโภคตอ่ ไป1. บรรพบรุ ษุ ของสัตว์ปีก ไกเ่ ป็นสตั ว์ประเภทนกมตี ้นตระกูลมาจากสตั วเ์ ลือ้ ยคลาน เพราะลักษณะของสตั ว์ปีกและสตั วเ์ ลือ้ ยคลานทด่ี ารงชวี ติ อยูใ่ นปัจจบุ ันแสดงใหเ้ ห็นความสมั พนั ธ์ของสัตวท์ ้ัง 2 กล่มุ (วีรยทุ ธ์. 2528)สรุปความสมั พันธข์ องสัตวส์ องกล่มุ ไวด้ ังน้ี 1. กะโหลกของสัตว์ปีกและของสตั วเ์ ล้อื ยคลานติดต่อกับสว่ นของกระดกู สันหลงั ปล้องแรกด้วยกระดูกออกซปิ ติ อล คอนดลี (occipital condyle) เพียงปมุ่ เดียว 2. ขากรรไกรล่างของสตั วป์ ีก และสตั วเ์ ลอื้ ยคลานประกอบด้วยกระดูกหลายช้ิน และสว่ นที่ติดกบั สว่ นของกะโหลก คือ กระดูกควาเดรต (quadrate) ท่ีเคล่ือนไหวได้ 3. กระดูกสปีนอย (sphenoid) หอ่ หุ้มสมองด้านข้างแผข่ ยายมาก 4. มีกระดูกคอลัมเมลลา (columella) เพียงช้นิ เดยี วในหูชั้นกลาง สาหรบั สง่ คล่นื เสยี งไปยงัหชู น้ั ใน 5. กระดกู ซโ่ี ครงอนั ซเิ นต (uncinate) ยื่นตอ่ ไปทางด้านทา้ ย 6. กระดกู ขอ้ เท้ายดื ยาวข้นึ และเชอื่ มรวมเป็นชิ้นเดียว 7. กระดกู บางชน้ิ มีลกั ษณะเปน็ โพรงขา้ งใน

8. เกลด็ ทีข่ าของสตั วป์ กี เป็นลกั ษณะเดียวกับเกลด็ ของสัตวเ์ ลื้อยคลาน 9. สัตวท์ ั้งสองกลุ่มไม่มตี ่อมเหง่อื 10. ชอ่ งอกและสมองของนกมลี กั ษณะคล้ายกับของจระเข้ และถงุ ลมมีลักษณะเดยี วกันกับของเต่า 11. ตาของนกมโี ครงสรา้ งท่เี รยี กว่าเพคตนิ (pectin) อยภู่ ายในคลา้ ยกบัสตั วเ์ ลื้อยคลานหลายชนิด 12. สัตว์ทงั้ สองกลุ่มมีเซลลเ์ มด็ เลือดแดงท่มี นี ิวเคลยี ส (nucleus) 13. องคป์ ระกอบของโปรตีนในเลอื ดของนกคล้ายกบั ของเตา่ และจระเข้ 14. สตั วท์ ้ังสองออกลกู เป็นไข่ และมีตมุ่ แขง็ ทป่ี ากสาหรบั ใชเ้ จาะเปลือกไขเ่ ม่ือฟกั นกชนดิ แรกของโลกได้กาเนิดข้ึนเมือ่ 160 ล้านปกี ่อน นกั วิทยาศาสตรไ์ ดพ้ บหลักฐานซากดกึดาบรรพข์ องนกน้ีในชนั้ หินปูนทแี่ ควน้ บาวาเรีย (Bavaria) ประเทศเยอรมัน เมอื่ ปี ค.ศ. 1861เรียกฟอสซิลนี้วา่ อาร์คีออปเทอรกิ ลิโทกราฟริกา (Archaeopteryx lithographica) (ภาพท่ี 1.1)โดยพลดั ตกลงไปในบ่อนา้ และถูกทับถมโดยตะกอน ประมาณว่ามีชวี ิตอยู่ในยุคจูราสสิก (jurassic)มลี กั ษณะก่ึงนกกึง่ สตั ว์เลอื้ ยคลาน มขี นาดใกล้เคียงกับนกพริ าบ หนักประมาณ 200 กรมั กระดกู เป็นโพรง กระดูกลาตวั ส้นั แข็งแรง มีขนปกคลมุ ลาตวั และมขี นงอกออกมาทางดา้ นขา้ งของกระดกู หางปล้องละ 1 คู่ สว่ นหัวและคอไม่มขี น กะโหลกมลี ักษณะคลา้ ยกบั ของไดโนเสาร์ (ภาพท่ี 1.2) โดยตอ่กับกระดกู คอดว้ ยกระดกู เพยี งปุ่มเดยี ว กล่องสมองขนาดใหญ่ มกี ระดูก 14 ชน้ิ ลอ้ มรอบกระบอกตาคลา้ ยกับสตั ว์ปกี ในปัจจุบนั ขากรรไกรมฟี นั กระดกู สนั หลงั มี 50 ปล้อง กระดูกคอมี 10 ปล้องนอ้ ยกว่าสัตวป์ ีกในปจั จุบันและมากกวา่ สตั วเ์ ล้อื ยคลานอยา่ งละ 1 ปล้อง ปีกค่อนข้างยาวแขง็ แรงและมีขนไพรมารี (primary) 10 กา้ น มีขนปีกเซคันดารี (secondary) มากกวา่ สตั วป์ กี ในปัจจบุ นั ปลายปกี มีนวิ้ 3 นิว้ และมีเล็บเคลอ่ื นไหวเปน็ อสิ ระรปู รา่ งยาว และมนี ิว้ เท้า 4 น้ิว น้ิวแรกอยู่ทางดา้ นหลงั ตรงข้ามกับน้ิวอืน่ ซ่ึงใช้สาหรับปีนตน้ ไมแ้ ละกิง่ ไม้ ซึง่ เป็นลกั ษณะของสัตว์ปกี ทีอ่ ยูต่ ามธรรมชาติในปัจจบุ นั ทเี่ วลานอนต้องเกาะกิ่งไมห้ รอื นอนบนคอน (วีรยุทธ์. 2528)

ภาพท่ี 1.1 ฟอสซิลของอารค์ ีออปเทอริก ลโิ ทกราฟริกาในหนิ ปนู ยุคจรู าสสิกในแควน้ บาวาเรีย ทม่ี า: Raab (2009) อา้ งโดย ประสทิ ธิ์ (2551)ความรเู้ บอ้ื งต้นเก่ียวกับไก่ไข่ 3 ภาพท่ี 1.2 ภาพวาดจากจนิ ตนาการของอารค์ ีออปเทอริก ลโิ ทกราฟรกิ า ท่มี า : Raab (2009) อา้ งโดย ประสิทธ์ิ (2551)2. ตน้ กาเนิดของไก่ไข่ที่เลี้ยงในปัจจบุ ัน ต้นกาเนดิ ของพันธไ์ุ กท่ เ่ี ลี้ยงกนั อยใู่ นปัจจบุ นั ยังไมท่ ราบแน่ชัดวา่ มกี ารสบื เชอื้ สายมาจากไก่ปา่ ชนดิ ใด แต่มีการสันนิษฐานวา่ ไกใ่ นปัจจุบันวิวฒั นาการมาจากไกป่ ่าสีแดง ซึง่ มตี ้นกาเนดิ ในปา่ แถบเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ แต่ Jull (1952) กลา่ วว่านักวิทยาศาสตร์หลายทา่ นเช่ือว่าพนั ธุ์ไกใ่ นปจั จุบนันาจะสืบเชอ้ื สายมาจากไกป่ ่า 4 สายพนั ธ์ุ คอื 2.1 ไกป่ ่าสีแดง (Gallus gallus, red junglefowl) (ภาพท่ี 1.3) 2.2 ไกป่ า่ ซีลอน (Gallus lafayetii, Ceylon junglefowl) (ภาพที่ 1.4)

2.3 ไก่ปา่ อนิ เดียหรือไก่ป่าสเี ทา (Gallus sonneratii, grey junglefowl) (ภาพที่ 1.5) 2.4 ไก่ปา่ ชวาหรือไก่ป่าสีเขียว (Gallus varius, green javanese junglefowl) (ภาพท่ี 1.6) พันธไ์ุ กท่ เ่ี ลี้ยงกันอยใู่ นปจั จบุ ันมีชือ่ วทิ ยาศาสตรว์ ่า Gallus domesticus อยใู่ นวงศ์Phasianidae เหล่า Galliforms จาพวก Aves ไก่ป่าท้ัง 4 พนั ธุม์ ีสมรรถภาพการผลติ ดังแสดงในตารางท่ี 1.1 ไกป่ ่าเหล่านไี้ ดผ้ า่ นขบวนการกลายพนั ธุ์ การคัดเลอื กโดยธรรมชาตแิ ละการคัดเลือกโดยมนุษย์ ทม่ี จี ดุ มงุ่ หมายตา่ ง ๆ กัน เชน่ เพอื่ การผลติ เน้ือ การผลติ ไข่ ความสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ หรือเพอ่ื ความสวยงาม ทาใหไ้ ก่มีรูปร่าง สี ขนาด และลกั ษณะอนื่ ๆ ตลอดจนความสามารถในกา รเจรญิ เติบโต การให้เนื้อ การให้ไขแ่ ตกต่างกัน ประเทศสหรัฐอเมรกิ าได้4 ความรู้เบ้อื งตน้ เกยี่ วกับไกไ่ ข่ จัดทามาตรฐานพนั ธุ์ไก่ โดยแบง่ ไก่ออกเปน็ 40 กวา่ พันธุ์ และจาแนกความแตกต่างได้ถึง125 ชนดิ ปจั จุบันไก่พันธ์ุแท้ได้รบั ความสนใจในดา้ นการผลติ ไข่เพ่ือการค้าลดลงไปบา้ ง ยกเว้นพนั ธุ์เล็กฮอร์นขาวหงอนจักร ภาพที่ 1.3 ไกป่ ่าสแี ดง ท่มี า : Blank (2007) อา้ งโดย ประสทิ ธ์ิ (2551)

ภาพท่ี 1.4 ไกป่ ่าซีลอน 5 ท่ีมา : Howman (n.d.) อ้างโดย ประสทิ ธิ์ (2551)ความร้เู บ้อื งตน้ เกย่ี วกบั ไก่ไข่ ภาพท่ี 1.5 ไก่ป่าสเี ทาทม่ี า : Agrawal (2010) อ้างโดย ประสิทธิ์ (2551)

ภาพท่ี 1.6 ไก่ปา่ ชวา ทีม่ า : Marklevitz (2008) อา้ งโดย ประสิทธ์ิ (2551)6 ความรูเ้ บือ้ งตน้ เกี่ยวกบั ไก่ไข่ตารางท่ี 1.1 เปรยี บเทียบสมรรถภาพการผลติ ของไก่ปา่ 4 สายพนั ธ์ุลกั ษณะ ไกป่ ่าสีแดง ไกป่ ่าสเี ทา ไกป่ า่ ซีลอน ไก่ป่าชวาน้าหนักตัวเตม็ วัย- เพศผู้ (กรมั ) 800-1360 790 -1136 790 -1140 454-795 510 - 625 454-795- เพศเมีย (กรัม) 485-740 705-790 2 1-2อายผุ สมพนั ธุ์ (ป)ี 1-2 2 2-4 6 -10 34.5 x 46.3 34.5 x 44.5ขนาดตบั ไข่ (ฟอง) 4-8 4-8 20 -21 21 สีชมพอู อก สีเหลืองออกขาวขนาดไข่ (กว้าง x ยาว,มม.) 34.4 x 45.3 36.5 x 46.0 เหลอื ง มีลายนา้ ตาลระยะเวลาการฟกั (วนั ) 19 -21 20 -21สีเปลอื กไข่ สขี าวหรอื สีขาวหรอื สคี รมี สเี หลอื งออ่ นท่ีมา: Crawford (1990) อา้ งโดย ประสิทธ์ิ (2551)3. พนั ธุแ์ ละลักษณะประจาพันธ์ขุ องไกไ่ ข่ 3.1 ไก่พนั ธแ์ุ ทท้ น่ี ิยมเล้ียงเป็นไก่ไข่

ไกพ่ ันธ์ุแท้ทีน่ ิยมเลยี้ งเปน็ ไกไ่ ข่ในสมยั แรกของอุตสาหกรรมการเลย้ี งไกท่ งั้ ในและตา่ งประเทศไดแ้ ก่ เลก็ ฮอร์นขาวหงอนจักร (Single Comb White Leghorn) โรดไอสแลนดแ์ ดง (Rhode IslandRed) นวิ แฮมเชียร์ (New Hampshire) ออสตราลอร์บ (Australorp) และบารพ์ ลมี ัทร็อค (BarredPlymouth Rock) 3.1.1 เล็กฮอรน์ ขาวหงอนจกั ร ไกพ่ นั ธุ์นี้มีการเรยี กช่ือตามชอ่ื เมอื งลิวอรโ์ น (Livorno)ในประเทศอิตาลี ซ่ึงบางคร้งั เรียกเมอื งนว้ี ่าเลก็ ฮอรน์ (Leghorn) ซึ่งเป็นแหลง่ กาเนดิ ของไกพ่ ันธุน์ ี้เป็นพันธไุ์ กไ่ ข่ท่พี บแพรห่ ลายมากที่สุดในแทบทกุ ประเทศ เปน็ ไกท่ ม่ี ีนสิ ยั ตกใจง่าย มพี ฤตกิ รรมการตอ่ สู้ (ภาพท่ี 1.7) ให้ไข่ดก ไม่มีนสิ ัยในการฟักไข่ เรมิ่ ใหไ้ ขฟ่ องแรกเรว็ จดั วา่ เปน็ ไกพ่ นั ธเุ์ บามปี ระสทิ ธภิ าพการเปล่ยี นอาหารเป็นไขด่ ี ทนทานตอ่ อากาศรอ้ นของประเทศไทยได้ แตป่ ระเทศไทยไม่นิยมเลีย้ งไก่พันธ์นุ ้ีเพื่อการคา้ เพราะคนไทยไม่นิยมบรโิ ภคไข่ไกท่ มี่ เี ปลอื กสขี าว ลักษณะประจาพนั ธุ์ - มขี นาดเล็ก - ขนสขี าว ตุ้มหขู าว หงอนจักรขนาดใหญ่สีแดงสดใส - ให้ไข่เร็ว ใหไ้ ขด่ ก ไขเ่ ปลือกสีขาวความรเู้ บ้ืองต้นเกยี่ วกบั ไกไ่ ข่ 7- มีประสิทธิภาพในการเปลีย่ นอาหารค่อนข้างสูง เพราะมขี นาดเลก็ ทนรอ้ นได้ดีลักษณะการให้ผลผลิตทางเศรษฐกจิ- อายุเมือ่ ให้ไขฟ่ องแรก 4-5 เดอื น- ผลผลิตไข่ 300 ฟอง/ปี- น้าหนกั โตเต็มทีเ่ พศผู้ 2.2-2.9 กก.- นา้ หนกั โตเตม็ ที่เพศเมยี 1.8-2.2 กก.ภาพที่ 1.7 ไกไ่ ขพ่ ันธ์ุเลก็ ฮอรน์ ขาวหงอนจักร ที่มา : ประสทิ ธิ์ (2551)

3.1.2 โร๊ดไอส์แลนด์แดงหรือทเ่ี รียกสัน้ ๆ วา่ ไกโ่ รด๊ เป็นไกพ่ นั ธุ์เกา่ แก่พนั ธห์ุ น่ึง มี อายุกว่า 100 ปี โดยการผสมและคดั เลอื กพันธ์ุมาจากพันธ์มุ าเลยแ์ ดง ไก่เซ่ียงไฮแ้ ดง ไก่เลก็ ฮอร์นสีน้าตาลไกไ่ วยันดอทท์ และไกบ่ ราห์มาส์ ไก่พันธ์ุนเี้ ป็นไก่พนั ธุ์ก่ึงเนื้อกง่ึ ไข่ นิยมเลีย้ งเพอ่ื การผลิตไข่มากกว่าการผลติ เน้อื มีถิ่นกาเนิดทเ่ี มอื งนิวองิ แลนด์ (New England) รัฐแมสซาจเู ซตส์ (Massachusetts)และโรดไอแลนด์ (Rhode Island) สายพันธุ์ยุคแรก ๆ มที ้ังหงอนจกั รและหงอนกุหลาบปนกนั เพราะบรรพบุรุษได้รบั การผสมกบั ไกม่ าเลย์ (Malay) เป็นไก่ท่ีเหมาะกบั เกษตรกรทีเ่ ลยี้ งไกจ่ านวนนอ้ ย ใหไ้ ข่ดกมากท่ีสุดในบรรดาสายพันธุ์ไก่ กง่ึ เน้ือกง่ึ ไข่ดว้ ยกัน มคี วามทนทาน เพศผู้นิสัยดรุ า้ ย ไกพ่ ันธ์นุ บี้ างตระกูลได้รบั การคัดเลือกและปรับปรุงพันธุใ์ หม้ ีไขด่ กมาก และในปจั จบุ นั ฟาร์มบางฟารม์ ของประเทศไทยยังใช้ไก่พันธนุ์ ี้เปน็ พอ่ พนั ธนุ์ าไปผสมกบั แมพ่ ันธ์ุบาร์พลมี ัทร็อคเพอื่ ผลิตไก่ลูกผสมเพื่อการค้าท่ีสามารถแยกเพศตามสขี นเมื่ออายุ 1 วนั (ภาพที่ 1.8)8 ความรู้เบอ้ื งต้นเกีย่ วกบั ไก่ไข่ลกั ษณะประจาพนั ธุ์- มรี ูปร่างคอ่ นขา้ งยาวและลึก เหมอื นส่ีเหลยี่ มยาว- ขนสีน้าตาลแกมแดง- ผิวหนังและแขง้ สเี หลือง ตมุ้ หมู สี แี ดง- เปลือกไข่สีนา้ ตาลลักษณะการให้ผลผลิตทางเศรษฐกจิ- เชอ่ื ง แข็งแรง- สามารถปรบั ตัวเขา้ กบั สภาพแวดล้อมไดด้ ี- น้าหนักโตเต็มที่ เพศผหู้ นกั 3.1-4.0 ก.ก. เพศเมยี หนัก 2.2-4.0 ก.ก.- อายเุ มื่อใหไ้ ข่ฟองแรก 142-190 วนั- ผลผลิตไข่ 199-241 ฟอง/ปี- นา้ หนักตัวเมือ่ ใหไ้ ข่ฟองแรก 1,665-2,009 กรัม- นา้ หนักไข่ 48-62 กรัม

ภาพท่ี 1.8 ไก่ก่งึ เนื้อกงึ่ ไข่พันธ์โุ รดไอแลนดแ์ ดง ทีม่ า : ประสิทธิ์ (2551)ความรเู้ บ้ืองต้นเกีย่ วกับไก่ไข่ 9 3.1.3 นวิ แฮมเชียร์ จัดเปน็ ไกป่ ระเภทกึง่ เนอ้ื กง่ึ ไข่ ใหเ้ นือ้ ดีกวา่ ไข่ มีคุณภาพซากดีมีถ่ินกาเนดิ มาจากเมอื งนวิ แฮมเชียร์ (New Hampshire) โดยปรับปรงุ พันธม์ุ าจากไกโ่ รดไอแลนด์แดงเพือ่ ใหไ้ ข่ดกได้รับการรับรองพันธ์ุเม่อื ปี ค.ศ. 1935 มีการเจรญิ เตบิ โตเร็ว ขนขน้ึ ปกคลมุ ลาตัวเรว็มกี ารใหไ้ ขฟ่ องแรกเรว็ กวา่ ไกโ่ รดไอแลนด์แดง แขง็ แรง ลาตัวกว้าง แตม่ นี สิ ัยฟกั ไข่ เมอื่ โตเต็มท่เี พศผู้และเพศเมียมีนา้ หนัก 3.34 และ 2.55 กิโลกรมั ตามลาดับ (May, 1980) ลกั ษณะทวั่ ไปขนมสี นี ้าตาลอ่อน ผิวหนงั สเี หลอื ง ลักษณะหงอนเป็นแบบหงอนจกั รขนาดกลางถงึ ใหญส่ แี ดง ตุ้มหสู ีแดง (ภาพที่ 1.9) และมเี ปลอื กไข่สนี ้าตาล ภาพท่ี 1.9 ไกก่ ่งึ เน้อื กงึ่ ไขพ่ ันธุ์นิวแฮมเชียร์ ท่ีมา : Scrivener (2008) อา้ งโดย ประสิทธิ์ (2551) 3.1.4 ออสตราลอร์บ ไก่พนั ธ์ุนเ้ี ป็นไก่ก่งึ เน้อื กงึ่ ไข่ พัฒนาขึน้ ในประเทศออสเตรเลี ยพนั ธุ์ด้ังเดมิ มาจากพนั ธ์อุ อปิงตนั ดาของอังกฤษ และในปี ค.ศ.1930-1940 ได้ใช้ไก่พันธ์อุ อสตราลอรบ์ผสมกับไก่พันธ์ุไวทเ์ ลก็ ฮอรน์ เพ่ือผลติ ไก่ลูกผสมท่ใี ห้ไขด่ กช่อื ว่าออสตราไวท์ (Austrawhite) นา้ หนกัตวั เมื่อโตเตม็ ทเี่ พศผ้แู ละเพศเมยี มีนา้ หนกั 3.35 และ 2.55 กโิ ลกรมั ตามลาดบั ลักษณะท่ัวไปขนมีสีดา ลาตัวลึก ลักษณะหงอนเป็นแบบหงอนจักรสแี ดง ตุ้มหูสีแดง

(ภาพที่ 1.10) หนังสขี าว มนี ิสยั ฟกั ไข่ และมีเปลือกไขส่ นี า้ ตาลอ่อน จากการทดลองของหน่วยงานรฐั บาลออสเตรเลยี พบว่าไก่พันธ์นุ ี้สามารถใหไ้ ขส่ งู สุด 364 ฟองใน 365 วนั (May, 1980)10 ความรเู้ บือ้ งตน้ เกีย่ วกบั ไกไ่ ข่ ภาพท่ี 1.10 ไก่ก่ึงเน้อื กึ่งไขพ่ นั ธ์อุ อสตราลอรบ์ ทมี่ า : Scrivener (2008) อา้ งโดย ประสิทธ์ิ (2551) 3.1.5 บารพ์ ลมี ทั รอ็ ค เป็นไก่กง่ึ เนื้อกง่ึ ไขท่ ีม่ ีความนยิ มมากทีส่ ุดในสมัยก่อน เนื่องจากมคี วามทนทาน เช่ือง และมีนสิ ัยฟกั ไข่ เป็นไกท่ ่พี ัฒนาขึน้ ในประเทศสหรฐั อเมรกิ า โดยเปน็ ลกู ผสมของไกพ่ ันธ์โุ ดมนิ ิค (Dominique) ชวา (Java) และโคชนิ (Cochin) นอกจากน้ีอาจมสี ายเลอื ดไก่มาเลย์ และดอรก์ ้งิ (Dorking) ผสมอยดู่ ้วย ได้รบั การรับรองพันธ์เุ มื่อปี ค.ศ. 1869 ลักษณะทว่ั ไปของไกค่ อื หลงั ยาวและกวา้ ง อกเตม็ เม่อื โตเต็มวัยเพศผู้และเพศเมียหนกั3.74 และ 2.95 กิโลกรมั ตามลาดับ ให้ไขแ่ ละเน้ือดี มลี กั ษณะประจาพันธ์ุ คือ ขนลาย เป็นการสลับระหวา่ งสขี าวกับสดี าเป็นลายขวาง มองไกล ๆ เปน็ สีเทา หงอนจักรขนาดกลาง ตุ้มหูแดง (ภาพที่1.11) ผิวหนงั สเี หลือง เปลือกไข่สีน้าตาล (May, 1980)

ภาพท่ี 1.11 ไกก่ งึ่ เนอ้ื กงึ่ ไข่ พันธ์บุ ารพ์ ลมี ทั รอ็ ค ท่มี า : ประสทิ ธิ์ (2551)ความรเู้ บ้ืองต้นเกย่ี วกับไก่ไข่ 113.2 ไกไ่ ข่ลูกผสม ไก่ไขล่ กู ผสมเป็นไก่พันธไุ์ ข่ทมี่ ีการปรบั ปรุงพนั ธุม์ าจากไก่ไข่พนั ธ์ุแท้ และพนั ธกุ์ ่งึ เนื้อก่ึงไข่โดยการผสมพันธุ์ และมกี ารคัดเลือกไก่ท่ีมีรูปร่างเล็ก ใหไ้ ข่เรว็ ไข่ดก แข็งแรง ไม่ตื่นตกใจงา่ ย และกนิ อาหารนอ้ ยเพอื่ ให้ได้ผลตอบแทนสูงสดุ สามารถแบง่ ออกได้ 2 สายพนั ธ์ุตามสขี องเปลือกไข่ ซ่งึ มี 2 สี คือ สายพนั ธุเ์ ปลอื กไขส่ ีขาว และสายพันธเุ์ ปลอื กไขส่ นี า้ ตาล3.2.1 สายพนั ธ์เุ ปลือกไข่สขี าว (ภาพที่ 1.12) เป็นไก่ไขท่ ่เี กิดจากการผสมขา้ มสายพนั ธ์ขุ องไกไ่ ขพ่ ันธ์ุไวท์เล็กฮอร์น 3 หรอื 4 สายทาให้เกิดไก่ไขล่ ูกผสมเพ่ือการค้าพนั ธใุ์ หม่ ๆ ขน้ึ หลายพันธเุ์ ลีย้ งท่ัวไปในปัจจบุ ัน ไดแ้ ก่ พนั ธุ์อซิ าร์ไวท์ แบบคอ็ คไวท์ เชฟเวอรไ์ วท์ ไฮเซก็ ซ์ไวท์ โบแวนไวท์และดีคาลบ์ ไวท์ เลี้ยงในประเทศท่ีนยิ มบริโภคไขท่ ี่มเี ปลือกไขส่ ีขาว เช่น สหรฐั อเมริกา เยอรมนั ญี่ปุ่นและฟลิ ปิ ปนิ ส์ (มานิตย์, 2536) ในประเทศไทยเลี้ยงกันบา้ งเลก็ น้อยเพ่ือผลิตไขส่ ่งโรงแรมทม่ี ีชาวตา่ งประเทศท่ีนยิ มบรโิ ภคไขไ่ ก่เปลือกสขี าวเข้ามาพกัไก่ไข่ลกู ผสมอิซารไ์ วท์ ไกไ่ ขล่ ูกผสมแบบค็อคไวท์ ไก่ไขล่ กู ผสมเชฟเวอร์ไวท์ ไก่ไขล่ ูกผสมไฮเซก็ ซไ์ วท์12 ความร้เู บือ้ งตน้ เกย่ี วกบั ไก่ไข่

ไกไ่ ข่ลูกผสมโบแวนส์ไวท์ ไกไ่ ขล่ กู ผสมดีคาลบ์ ไวท์ ภาพท่ี 1.12 ไกไ่ ข่ลูกผสมสายพันธเ์ุ ปลือกไขส่ ขี าวทีม่ า : van Sambeek (2010) อา้ งโดย ประสทิ ธิ์ (2551) 3.2.2 สายพันธุเ์ ปลอื กไขส่ นี า้ ตาล ไก่ไข่สายพนั ธน์ุ ี้เปน็ ลูกผสมของไกพ่ ันธแ์ุ ท้ตา่ ง ๆได้แก่ โรดไอแลนดแ์ ดง บารพ์ ลมี ทั ร็อค ออสตราลอร์บ และนิวแฮมเชียร์ แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าแต่ละบรษิ ัทใชไ้ กพ่ ันธุ์ใดในการผสมพันธุ์เพือ่ เปน็ การผลิตไกไ่ ข่เพือ่ การคา้ ที่มเี ปลือกไขส่ ีนา้ ตาล เพราะเป็นความลบั ของบริษทั นน้ั ๆ ประเทศที่นิยมบริโภคไขไ่ กท่ ่มี เี ปลอื กไขส่ นี า้ ตาล ไดแ้ ก่ ประเทศสหรฐั อเมรกิ าบางรัฐ เครือจกั รภพองั กฤษ ฝรง่ั เศส ไทย ประเทศในแถบตะวันออกกลาง และประเทศอน่ื ๆ (มานิตย์, 2536) ไกไ่ ขล่ ูกผสมเพอื่ การค้าทม่ี ีเปลือกไข่สนี ้าตาล (ภาพที่ 1.18) ไดแ้ ก่ พนั ธอุ์ ซิ ่าบราวน์เบทาโกเลเยอร์ ไฮไลน์คมั เบอร์ ไฮเซ็กสบ์ ราวน์ เอ. เอ.บราวน์ เชฟเวอร์บราวน์ เชฟเวอร์แบล็คโบแวนส์บราวน์ โบแวนส์แบล็ค แบบคอ็ คบราวน์ และดีคาร์บบราวน์ เปน็ ต้น ไก่ไขล่ ูกผสมอซิ า่ บราวน์ ไกไ่ ขล่ กู ผสมเบทาโกเลเยอร์ความรู้เบ้อื งตน้ เกย่ี วกับไก่ไข่ 13

ไกไ่ ข่ลกู ผสมไฮไลนค์ ัมเบอร์ ไก่ไข่ลูกผสมไฮเซก็ ส์บราวน์ไก่ไขล่ กู ผสม เอ.เอ.บราวน์ไก่ไข่ลกู ผสมเชฟเวอร์บราวน์ ไกไ่ ข่ลกู ผสมเชฟเวอร์แบลค็14 ความรูเ้ บอื้ งต้นเก่ยี วกบั ไกไ่ ข่

ไกไ่ ขล่ ูกผสมโบแวนสบ์ ราวน์ ไกไ่ ข่ลกู ผสมโบแวนสแ์ บล็คไก่ไขล่ ูกผสมแบบค็อคบราวน์ ไก่ไข่ลูกผสม ดีคาลบ์ บราวน์ ภาพที่ 1.13 ไกไ่ ข่ลกู ผสมสายพนั ธเ์ุ ปลือกไขส่ นี ้าตาลที่มา : van Sambeek (2010) อ้างโดย ประสิทธ์ิ (2551) ลกั ษณะของไขท่ ้งั ฟองของไก่ไข่พันธุ์แท้ และพันธลุ์ กู ผสมมีลกั ษณะคล้ายกัน แตกตา่ งกันอยู่บ้างทขี่ นาดของฟองไข่และสขี องเปลอื กไข่ ไก่ไขบ่ างพนั ธ์ุ ท้งั พนั ธแ์ุ ทแ้ ละพนั ธ์ลุ ูกผสมมเี ปลอื กไขส่ ขี าวบางพนั ธม์ุ ีเปลอื กไขส่ นี ้าตาล ลกั ษณะสีของเปลอื กไข่ (ภาพท่ี 1.14) มีผลกับความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภคบางกลุ่ม เชน่ คนไทย คนจนี นยิ มบรโิ ภคไขไ่ ก่ทมี่ เี ปลอื กไข่สีนา้ ตาลไม่นยิ มสีขาว แต่ในบางประเทศกน็ ิยมไข่ไกท่ ่ีมเี ปลอื กสขี าว เชน่ ประเทศในแถบยโุ รปหรอื ในกล่มุ เอเชียบางประเทศความรเู้ บอ้ื งต้นเกี่ยวกบั ไกไ่ ข่ 15

ไข่ไก่เปลือกสีขาว ไข่ไก่เปลอื กสนี ้าตาลภาพที่ 1.14 ลกั ษณะสขี องเปลอื กไข่ ทมี่ า : ประสิทธ์ิ (2551)4. ประวตั ิการเลี้ยงไก่ไขใ่ นประเทศไทย นักวชิ าการเช่อื ว่าพนั ธุ์ไกใ่ นประเทศไทยมผี ูน้ าเข้ามาจากประเทศจนี โดยมาพรอ้ มกบั เรอืสาเภาทม่ี าติดต่อคา้ ขายกบั ประเทศไทย การเล้ียงไกใ่ นสมยั แรก ๆ เปน็ การเล้ยี งแบบปลอ่ ยตามธรรมชาติ ไกอ่ าศัยอยตู่ ามโรงนา ใตถ้ ุนบา้ น หรอื ต้นไม้ พันธ์ุทม่ี ีการเลีย้ งเปน็ ไก่พันธุ์พนื้ เมื อง ไดแ้ ก่ไก่ชน ไกแ่ จ้ (ภาพที่ 1.15) ไกต่ ะเภา และไกอ่ ู อาหารท่ีไกก่ ินเปน็ ขา้ วเปลอื กตกหล่นตามนาโรงนาใต้ยุ้งฉาง หรือกินเศษอาหารท่ีเหลือจากครวั เรอื น เมล็ดหญ้า หนอน และแมลงต่าง ๆ ไกช่ น(เขียวเลาหางขาว) ไก่ชน (ประดหู่ างขาว)16 ความร้เู บือ้ งต้นเกีย่ วกับไกไ่ ข่

ไกแ่ จ้ ภาพท่ี 1.15 พันธไ์ุ ก่ชน และไกแ่ จไ้ ทย ทมี่ า : ประสทิ ธ์ิ (2551) อานนท์ (2542) กลา่ วถึงประวตั ิการเลยี้ งไกใ่ นประเทศไทยต้งั แต่ปี พ.ศ. 2467 เปน็ ตน้ ไปตามลาดบั ดงั ต่อไปน้ี ไก่ไข่พนั ธ์เุ ล็กฮอรน์ เป็นพนั ธ์ุทใ่ี ห้ผลผลิตสงู นาเข้ามาเลยี้ งในประเทศไทยคร้ังแรก เมอื่ ปี พ.ศ.2467 โดยหมอ่ มเจา้ สิทธิพร กฤดากร ซงึ่ ทรงได้รับการยกย่องเป็น บดิ าแหง่การเกษตรแผนใหม่ (ภาพที่ 1.16) ทรงนามาเลยี้ งแบบทันสมยั ท่ฟี ารม์ บางเบดิ จงั หวัดประจวบคีรีขันธ์ (ภาพที่ 1.17) แตไ่ ม่ประสบความสาเร็จเท่าที่ควร เพราะในสมยั นัน้ ยงั ขาดวคั ซีนปอ้ งกนั โรค และยารักษาโรคของไก่ภาพที่ 1.16 หม่อมเจ้าสทิ ธิพร กฤดากร พระบดิ าของการเกษตรแผนใหมข่ องไทย ทีม่ า : วรากรณ์ (2543) อา้ งโดย ประสทิ ธ์ิ (2551)ความรูเ้ บ้อื งต้นเกยี่ วกบั ไกไ่ ข่ 17

ภาพที่ 1.17 ฟารม์ บางเบิด จงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ ทมี่ า : วรรณา และคณะ (2543) อา้ งโดย ประสิทธ์ิ (2551) ปี พ.ศ. 2467 หลวงสุวรรณวาจกกสิกจิ (ภาพท่ี 1.18) ได้เริ่มการเลย้ี งไก่ไข่ ในโรงเรยี นฝึกหดัครูประถมกสิกรรม จังหวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ โดยได้รบั ความชว่ ยเหลอื จากหมอ่ มเจ้าสิทธพิ ร และขยายไปยงั จงั หวดั ต่าง ๆ ทีโ่ รงเรียนประถมกสกิ รรมยา้ ยไปต้งั ทาใหก้ ารเล้ยี งไกเ่ ริม่ เป็นท่สี นใจของคหบดีและประชาชนทั่วไป แตย่ ังไมป่ ระสบความสาเรจ็ จนสามารถยดึ เปน็ อาชีพได้ เพราะยงั ขาดแคลนยาและวัคซนี ป้องกนั โรคเช่นกนั ภาพที่ 1.18 หลวงสวุ รรณวาจกกสิกจิ บดิ าการเลี้ยงไกข่ องไทย ทม่ี า : ปวณี า (2010) อ้างโดย ประสทิ ธิ์ (2551) 18 ความรเู้ บอื้ งตน้ เกย่ี วกบั ไก่ไข่

ปี พ.ศ. 2484 หลวงสุวรรณวาจกกสกิ ิจ ไดท้ ดลองเล้ยี งไกไ่ ขพ่ ันธต์ุ า่ ง ๆ ทแ่ี ผนกวิชาสัตวเ์ ลก็มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ จนประสบความสาเร็จ มีการประกวดไก่ไข่ดกขน้ึ แตต่ อ้ งหยดุ ชะงักไปเนือ่ งจากเกดิ มหาสงครามเอเชียบรู พา ปี พ.ศ. 2492 หลวงสวุ รรณวาจกกสิกิจ ได้สง่ั ไกพ่ ันธ์โุ รดไอแลนด์แดง จากประเทศสหรัฐอเมริกา และไก่พันธุ์ออสตราลอร์บจากประเทศออสเตรเลยี เขา้ มาทดลองเล้ียงเพ่ือเป็นการสง่ เสริมให้เป็นอาชพี ของคนไทย โดยไดร้ ับการสนบั สนนุ จากจอมพล ป. พิบลู สงคราม นายกรัฐมนตรีและจอมพลผนิ ชุนหวัณ รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และประธานกรรมการการส่งเสริมปศุสัตวแ์ หง่ ชาติ รฐั บาลสมยั นน้ั ยังไดใ้ ช้เงินคา่ พรเี มียมขา้ วมาใช้สง่ เสรมิ การเลย้ี งไก่ โดยจัดตงั้ฟารม์ สาธติ การเลย้ี งไกแ่ บบอุตสาหกรรมท่มี หาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ และไดม้ กี ารกอ่ ตั้งสมาคมการเลย้ี งไก่ โดยกรมปศุสตั ว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือส่ งเสริมและสนับสนนุ การเลย้ี งไก่ ต่อมาได้มกี ารจัดประกวดแขง่ ขนั ไกไ่ ขด่ กขน้ึ อีกครง้ั หนึง่ ปี พ.ศ. 2494-2495 องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ไดส้ ง่ ดร.เอฟ เอ็มฟรอนดา (ภาพที่ 1.19) ผู้เชีย่ วชาญการเลยี้ งไก่จากประเทศฟิลิปปินสม์ าอยทู่ ี่หาวทิ ยาลยัเกษตรศาสตร์ และผูเ้ ช่ียวชาญด้านโรคไกม่ าประจาทกี่ รมปศุสตั ว์ เพือ่ ส่งเสรมิ และสนับสนุนการเล้ยี งไก่ของประเทศไทย ในชว่ งนีไ้ ดม้ กี ารทดลองเลี้ยงไก่ลูกผสมท่ีให้ไข่ดก และทนทานต่อสภาพแวดล้อมของประเทศไทย (ภาพที่ 1.20) เช่น พนั ธุ์ออสตราไวท์ ซ่ึงเป็นลูกผสมของไกพ่ นั ธ์ไุ วท์เล็กฮอรน์ กบัออสตราลอร์บ และพันธซุ์ ปุ เปอร์ฮารโ์ ก ลกู ผสมของพอ่ พนั ธโ์ุ รดไอแลนดแ์ ดงกับแมพ่ ันธ์บุ าร์พลมี ทั ร็อคพร้อมกบั ได้มงี านวจิ ัยด้านการเลย้ี งไก่เขา้ มาสนับสนนุ ท้ังดา้ นอาหาร ตฟู้ กั ไข่ขนาดใหญ่อปุ กรณ์ทใ่ี ช้เลยี้ งไกก่ ารเล้ยี ง ไกไ่ ข่ขังกรง ทั้งจากนกั วจิ ัยของมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์และกรมปศุสัตว์ ปัจจบุ ันการเลย้ี งไกไ่ ขข่ องประเทศไทยประสบความสาเร็จได้ผลดี สามารถยึดเปน็ อาชีพหลักท่ีสาคญั อยา่ งหนึ่งของคนไทย ผลติ ไขไ่ ก่ไดพ้ อเพยี งกับการบริโภคภายในประเทศ และส่งออกไปจาหน่ายยงั ต่างประเทศได้ นอกจากน้ียังก่อใหเ้ กิดธรุ กจิ อืน่ ๆ ตามมาอีกหลายชนดิ เชน่ ธรุ กิจอาหารสัตว์ เวชภณั ฑ์และวสั ดุอุปกรณ์เลยี้ งไก่ โรงชาแหละไก่ และโรงฟกั ไข่ เปน็ ต้นความรูเ้ บอ้ื งต้นเกย่ี วกบั ไกไ่ ข่ 19

ภาพท่ี 1.19 ดร. เอฟ เอ็ม ฟรอนดาทมี่ า : Gorgonio (1998) อา้ งโดย ประสิทธิ์ (2551)ไก่ไข่ลกู ผสมพันธอ์ุ อสตราไวท์ ไก่ไข่ลกู ผสมพนั ธุซ์ ปุ เปอรฮ์ ารโ์ กภาพที่ 1.20 ไก่ลูกผสมที่ให้ไข่ดกในระยะแรกๆ ของประเทศไทย ท่ีมา : Scrivener (2008) อ้างโดย ประสทิ ธ์ิ (2551)20 ความรูเ้ บ้ืองตน้ เกี่ยวกบั ไก่ไข่5. สถานการณก์ ารผลติ และตลาดไก่ไข่

5.1 สถานการณไ์ ข่ไกโ่ ลก สถานการณ์ไขไ่ กข่ องโลกดา้ นการผลติ การบริโภค การสง่ ออก และการนาเขา้ ไข่ไก่ของประเทศต่าง ๆ ท่สี าคัญของโลก ในช่วงระหวา่ งปี พ.ศ. 2555 - 2559 มีดงั ต่อไปนี้ 5.1.1 การผลิต ในช่วงปี พ.ศ. 2555 - 2559 ประเทศต่าง ๆ ท่ัวโลกผลติ ไขไ่ กไ่ ด้เฉลี่ยปีละประมาณ1,343 ลา้ นล้านฟอง สาหรับประเทศไทยนบั ไดว้ า่ เปน็ ผผู้ ลิตท่สี าคัญรายหน่ึงของโลก โดยผลิตไดเ้ ปน็อนั ดับท่ี 24 รองจาก จนี สหรฐั อเมรกิ า อนิ เดยี เม็กซโิ ก และญ่ีปุน่ (ตารางที่ 1.2)ตารางที่ 1.2 ปริมาณการผลติ ไข่ไก่ของประเทศตา่ ง ๆประเทศ 2555 2556 2557 หนว่ ย:พนั ล้านฟอง 496 2558 2559จีน 484 490 94 502 509 70 95 95สหรัฐอเมรกิ า 93 93 48 73 75 41 49 49อินเดยี 66 68 14.26 41 40 532 15.10 15.37เมก็ ซโิ ก 48 48 1,296 545 559 1,319 1,343ญ่ีปนุ่ 41 41ไทย* 13.32 13.79อ่นื ๆ 505 518โลก 1,250 1,272ท่มี า : สมาคมผู้ผลติ ผ้คู า้ และสง่ ออกไข่ไก่ (2559) 5.1.2 การบริโภค ในชว่ งปี พ.ศ. 2555 - 2559 การบรโิ ภคไข่ไกข่ องประชากรโลกมีแนวโน้มเพิม่ สงู ข้นึโดยประชากรโลกมกี ารบรโิ ภคไข่ไก่ เฉลี่ยฟองตอ่ คนตอ่ ปี (ตารางที่ 1.3) ซง่ึ ประเทศท่มี ีการบริโภคไขไ่ กม่ ากท่ีสุด 3 อนั ดบั แรก ไดแ้ ก่ เม็กซิโก จีน และสิงคโปร์ความรเู้ บือ้ งตน้ เก่ียวกบั ไก่ไข่ 21ตารางที่ 1.3 ปริมาณการบริโภคไข่ไก่ของประเทศต่าง ๆ หน่วย:ฟอง/คน/ปีประเทศ 2555 2556 2557 2558 2559 430 430เม็กซโิ ก 427 427 428 366 369 338 342จนี 357 360 363สงิ คโปร์ 236 330 334

ญ่ปี ุ่น 331 332 333 335 336 ไทย* 204 210 215 225 227ท่มี า : สมาคมผู้ผลิต ผู้คา้ และส่งออกไขไ่ ก่ (2559) 5.1.3 การสง่ ออก ในชว่ งปี พ.ศ. 2555 - 2559 ประเทศต่าง ๆ มีการสง่ ออกไขไ่ กร่ วมกันเฉลีย่ ปลี ะประมาณ 42 พันลา้ นฟอง (ตารางท่ี 1.4) โดยในปี พ.ศ. 2559 ไทยมกี ารส่งออกไข่ไก่ประมาณ1 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณการส่งออกรวมของโลกตารางที่ 1.4 ปริมาณการส่งออกไข่ไก่ของประเทศตา่ ง ๆ 2558 หน่วย:พันลา้ นฟอง 8.0 2559 สดั สว่ นโลก ประเทศ 2555 2556 2557 9.0 9.0 26% เนเธอรแ์ ลนด์ 7.4 7.3 8.0 4.0 11.0 32% 3.0 4.0 12% ตุรกี 4.3 5.3 7.0 4.0 4.0 11% โปแลนด์ 3.1 3.4 4.0 0.34 4.0 12% เยอรมนั 2.5 2.8 3.0 9.0 0.42 1% มาเลเซยี 2.5 2.8 3.0 34.0 8.0 22% ไทย* 0.27 0.27 0.24 35.0 100% อ่นื ๆ 11.8 10.5 10.0 โลก 31.8 32.2 33.0ท่ีมา : สมาคมผูผ้ ลติ ผคู้ ้าและส่งออกไขไ่ ก่ (2559)22 ความรเู้ บือ้ งตน้ เกย่ี วกบั ไก่ไข่ 5.1.4 การนาเข้า ในช่วงปี พ.ศ. 2555 - 2559 ประเทศต่าง ๆ มกี ารนาเขา้ ไข่ไกร่ วมกนั เฉลย่ี ปลี ะ29.1 พันล้านฟอง ประเทศที่มกี ารนาเขา้ มากท่ีสดุ 5 อนั ดับแรก ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ ตรุ กี โปแลนด์เยอรมัน และมาเลเซีย (ตารางท่ี 1.5)ตารางที่ 1.5 ปรมิ าณการนาเขา้ ไขไ่ ก่ของประเทศต่าง ๆ หน่วย:พันลา้ นฟอง ประเทศ 2555 2556 2557 2558 2559 สดั ส่วนโลก เยอรมัน 7.2 7.1 7.0 7.0 7.0 23% อิรกั 3.3 3.4 4.0 4.0 4.0 12% เนเธอร์แลนด์ 3.0 3.3 4.0 4.0 5.0 15%

ฮอ่ งกง 1.8 1.9 2.0 2.0 2.0 7% สิงคโปร์ 1.3 1.3 1.0 1.0 1.0 5% อ่ืนๆ 12.0 12.0 12.0 12.0 12.0 39% โลก 28.6 29.1 30.0 30.0 31.0 100%ท่ีมา : สมาคมผผู้ ลิต ผู้ค้าและส่งออกไขไ่ ก่ (2559) 5.2 สถานการณ์ไข่ไกข่ องไทย สถานการณไ์ ข่ไก่ของ ไทยด้านการผลติ การบรโิ ภค การส่งออก และการนาเข้าไข่ไก่ของ ไทยในชว่ งระหวา่ งปี พ.ศ. 2559 โดยจงั หวดั ที่มกี ารเล้ียงไก่ไข่มากที่ สดุ ของไทย มดี งั น้ี ฉะเชิงเทรานครนายก ชลบรุ ี อยุธยา และอบุ ลราชธานี 5.2.1) การผลิต ปี 2559 คาดวา่ จะมีปริมาณการผลติ ไข่ไก่ 12,967 .91 ล้านฟอง เพ่ิมข้นึ จาก12,399.74 ล้านฟอง ในปี 2558 รอ้ ยละ 4.58 เนอื่ งจากมกี ารขยายการผลติ ตามความต้องการบรโิ ภคทีเ่ พ่มิ ขนึ้ ตามจานวนประขากร ประกอบกับเกษตรกรมีการจัดการฟาร์มไกไ่ ข่ท่ีมปี ระสิทธภิ าพมากขึน้ทาให้ผลผลติ เพิ่มขึน้ รวมทั้งการเขา้ สู่ประ ชาคมอา เซียนในเดือนธันวาคม 2558 เปน็ โอกาสให้เกษตรกรขยายการเล้ยี ง เพอ่ื รองรับตลาดสง่ ออกทข่ี ยายตวั เพ่มิ ข้นึ ได้ความรู้เบอื้ งต้นเกี่ยวกับไก่ไข่ 23 5.2.2) การตลาด (1) ความต้องการบรโิ ภค ปี 2559 คาดวา่ ปริมาณการบริโภคไข่ไก่จะเพิ่มขึน้ จากปี 2558 เนือ่ งจากภาครัฐและ ภาคเอกชนมกี ารรณรงค์ส่งเสรมิ การบริโภคไขไ่ ก่ ขึง้ เก่ียวกบั คณุ ประโย ชน์ไข่ไก่และปรมิ าณการบริโภคไข่ไก่ ท่เี หมาะกบั ทกุ เพศทุกวัยอย่างต่อเน่อื ง (2) การส่งออก ปี 2559 คาดวา่ การส่งออกไข่ไก่สดและผลติ ภณั ฑจ์ ากไขไ่ กจ่ ะเพิ่มขึ้นเลก็ น้อยเม่อื เทยี บ กบั ปี 2558 เนือ่ งจากการเขา้ สปู่ ระซาคมอาเซยี นไนเดือนธนั วาคม 2558 เป็นโอกาสใหไ้ ทยส่งออกไขไ่ ก่ ไดเ้ พ่ิมข้นึ (3) การนาเข้า ปี 2559 คาดว่าการนาเข้าผลิตภณั ฑจ์ ากไข่ไก่จะทรงตัวหรือเพิม่ ข้ึนเล็กน้อยเน่ืองจาก โรงงาบแปรรูปไขไ่ กภ่ ายในประเทศยังไมส่ ามารถผลติ ผลิตภัณฑ์จากไข่ไก่ประเภทตา่ ง ๆ ได้อย่างเพยี งพอ และอตุ สาหกรรมแปรรปู อาหารเพ่ื อการสง่ ออกบางประเภทยังตอ้ งไขผ้ ลติ ภณั ฑ์จากไข่ไก่จากกล่มุ ประเทศ ท่สี หภาพยุโรปไห้การรับรองไหไ้ ขเ้ ป็นส่วนประกอบได้ (4) ราคา

ปี 2559 คาดวา่ ราคาไขไ่ ก่ที่เกษตรกรขาย ได้เฉลีย่ ท้ังประเทศจะค่อนขา้ งทรงตวัหรอื ปรบั ตัวสงู ขึน้ เลก็ น้อย เนอื่ งจากเกษตรกร สหกรณ์ และภาคเอกชน มี การวางแผนการผลติ ให้สอดคลอ้ งกับความตอ้ งการบรโิ ภค รวมทั้งมีการรณรงคส์ ่งเสรมิ การบริโภคไข่ไก่ ทา ใหค้ วามตอ้ งการบรโิ ภคขยายตวั เพม่ิ ขึ้น 5.2.3) ปัจจัยทม่ี ีผลกระทบต่อการผลติ และการตลาด (1) ปัญหาภัยแล้งในปี 2558 และคาดว่าปี 2559 ปัญหาภยั แลง้ จะรนุ แรงขนึ้ ซึ่ งจะมผี ลกระทบทาไหผ้ ลผลติ พื ชอาหารสตั ว์ไดร้ ับความเสี ยหาย และสง่ ผลให้ราคาวัตถุดบิ อาหารสตั ว์สูงขึน้ โดยเฉพาะข้าวโพดเลย้ี งสตั วซ์ ่ึ งเป็นวัตถุดบิ หลักในอาหารไกไ่ ข่ ทาใหม้ ี ต้นทุนการผลิตเพิม่ ขนึ้ (2) สภาพอากาศทแ่ี ปรปรวน มีผลต่อสขุ ภาพของ ไกไ่ ข่ อาจทาใหม้ ีภูมิ คมุ้ กันลดลงและเป็นโรคได้งา่ ยข้นึ สง่ ผลใหอ้ ัตราการใหไ้ ขล่ ดลงได้ (3) หน่วยงานจากภาครฐั และภาคเอก ชนได้มกี ารรณรงค์สง่ เสริมการบรโิ ภคไข่ไก่อยา่ งต่อเนอ่ื ง โดยมีการจัด กจิ กรรมทีส่ าคัญ ไดแ้ ก่ การจัดงานวันไขโ่ ลกเพือ่ ประ ชาสมั พนั ธ์คณุ ประโย ชน์ไข่ไก่และรณรงค์ส่งเสรมิ การบรโิ ภคไข่ไก่ให้ เพ่มิ ขึน้ ซึ่ งจะสง่ ผลใหผ้ ูบ้ รโิ ภคหนั มาบริโภคไขไ่ กม่ ากขึ้น อย่างไรก็ตามเกษตรกรควรมีการจดั การฟารม์ ทด่ี ีและมกี ารวางแผนก ารผลติเพอ่ื ลดตน้ ทนุ การผลิต และแกไ้ ขปญั หาผลผลติ เกินความตอ้ งการบริโภค24 ความรู้เบ้ืองต้นเกย่ี วกับไก่ไข่ตารางที่ 1.5 แสดงจานวนแมไ่ กไ่ ข่ ปริมาณการผลติ ไขไ่ ก่ ราคาไข่ไก่ และตน้ ทนุ ในการผลติ ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2555 – 2559 ของประเทศไทยชนดิ หน่วย 2555 2556 2557 2558 2559แมพ่ นั ธ์ุ PS (รวมนาเขา้ + ตวั 535,230 621,052 627,342 510,095 814,785*ผลติ ในประเทศ.)แมไ่ กไ่ ข่ A8 ล้านตวั 45.54 48.16 51.26 53.74 -ผลผลิตไข่ไก่ ล้านฟอง 13,320 13,519 14,265 15,103 -เฉล่ยี ล้านฟอง/วนั 37 37.04 39.04 41.38 -การสง่ ออกไขไ่ กส่ ด ล้านฟอง 272.78 274.88 245.27 340.37 -ราคาไขไ่ ก่คละ ** บาท/ฟอง 2.43 3.02 2.87 2.49 2.61**ต้นทนุ ผลติ ไขไ่ ก่ ** บาท/ฟอง 2.58 2.86 2.99 2.8 2.78**ท่ีมา : กรมปศสุ ัตว์ ,สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตร ,กรมการค้าภายใน, กรมศลุ กากร (2559)

แผนภาพท่ี 1.1 แสดงสัดสว่ นของตน้ ทุนในการผลิต 25 ทม่ี า : สมาคมผูผ้ ลิต ผู้ค้าและส่งออกไขไ่ ก่ (2559)ความรู้เบ้อื งต้นเกยี่ วกับไกไ่ ข่