Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่มที่ 5_การออกแบบกิจกรรมแนะแนว

เล่มที่ 5_การออกแบบกิจกรรมแนะแนว

Published by waleewan, 2020-06-14 21:44:27

Description: เล่มที่ 5_การออกแบบกิจกรรมแนะแนว

Search

Read the Text Version

40 ต้นไม้จริยธรรม อธิบายว่า ถ้าต้องการเข้าใจ อธิบาย ทำนาย และพัฒนาพฤติกรรมชนิดใด จะต้อง ใช้จิตลักษณะบางประการท่ีเก่ียวข้องร่วมด้วยเสมอ ฉะนั้น ในการส่งเสริมให้บุคคลมีทักษะชีวิต จึงต้องเน้นการพัฒนาจิตลกั ษณะในการนำชวี ิต และทักษะการจัดการชีวติ ดว้ ย กล่าวโดยสรุป การจัดกิจกรรมแนะแนวในชั้นเรียนต้องคำนึงถึงหลักการสำคัญ 2 ประการ ได้แก่ 1) สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเป็นผู้เรียนท่ีมีคุณลักษณะเอ้ือต่อการเรียนรู้ มคี ณุ ลกั ษณะทด่ี ขี องเยาวชน และครองชวี ติ ไดอ้ ยา่ งมคี ณุ ภาพ 2) การจดั กจิ กรรมแนะแนวในชนั้ เรยี น ต้องใช้หลักการทางจิตวทิ ยาทีเ่ ก่ียวข้องกับสิง่ ทีจ่ ะพฒั นา 4.2 วธิ กี ารและเทคนิคการจดั ประสบการณ์ในกจิ กรรมแนะแนวกลุม่ ในชั้นเรยี น ในหวั ขอ้ นจี้ ะเนน้ สง่ิ สำคญั 2 เรอ่ื ง ไดแ้ ก่ วธิ กี ารจดั ประสบการณใ์ นกจิ กรรมแนะแนวกลมุ่ ในชัน้ เรียน และเทคนคิ การจดั ประสบการณ์ในกิจกรรมแนะแนวกลุ่มในชั้นเรยี น 4.2.1 วธิ กี ารจดั ประสบการณใ์ นกจิ กรรมแนะแนวกลมุ่ ในชนั้ เรยี น ในการจดั กจิ กรรม แนะแนวในชั้นเรียน มีกระบวนการสำคัญที่เก่ียวข้อง 2 ประการ ได้แก่ การกำหนดวิธีการเรียนรู้ กับข้นั ตอนการจัดกจิ กรรมแนะแนว มรี ายละเอียด ดังน ี้ 4.2.1.1 การกำหนดวิธีการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะชีวิตมุ่งให้ผู้รับบริการ มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านต่าง ๆ ได้แก่ มีความสามารถ มีความชำนาญหรือมีความคล่องตัว ในการจดั การพัฒนาตนเองในเรื่องตา่ ง ๆ ดวงเดือน พันธมุ นาวิน (2527 : 125-127) เนน้ ว่า บคุ คล ท่ีจะมีความพร้อมท่ีจะแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ควรได้รับการสนับสนุนหรือช่วยเหลือในเรื่องสำคัญ 3 อย่างตอ่ เน่ืองกัน ไดแ้ ก ่ 1) ความรู้เชิงประเมินค่า (Cognitive Component) หมายถึง การทบี่ คุ คลมคี วามรใู้ นเรอื่ งทศ่ี กึ ษาหรอื ฝกึ ฝนอยใู่ นแงด่ มี ปี ระโยชนม์ ากหรอื นอ้ ย ความรเู้ ชงิ ประเมนิ คา่ จดั เปน็ องคป์ ระกอบทส่ี ำคญั ในการเกดิ เจตคติ ถา้ บคุ คลมคี วามรเู้ ชงิ ประเมนิ คา่ ตอ่ สงิ่ ทเ่ี รยี นไมส่ มบรู ณ์ หรอื อาจมคี วามผิดพลาดจะทำให้เกิดความลำเอยี งข้ึนได ้ 2) ความรู้สึกพอใจ (Affective Component) เป็นความรู้สึก ของบุคคลที่แสดงออกในเชิงชอบ/ไม่ชอบ พอใจ/ไม่พอใจ ต่อส่ิงท่ีเผชิญอยู่ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น โดยอัตโนมัตแิ ละสอดคล้องกับความรูส้ ึกประเมนิ คา่ ในส่งิ เดียวกนั นนั้ และ 3) ความพร้อมกระทำ (Action Tendency Component) เป็นความสามารถท่ีจะแสดงออก ซ่ึงพฤติกรรมเชิงส่งเสริมในส่ิงที่ตนพอใจ พร้อมท่ีจะเพิกเฉย หรือทำลายสิ่งที่ตนไม่ชอบ ไม่พอใจ ลักษณะดังกล่าวจะปรากฏออกเป็นพฤติกรรมขึ้นอยู่กับ จติ ลกั ษณะและสถานการณ ์ การออกแบบกิจกรรมแนะแนวทเ่ี น้นการพัฒนาทกั ษะสำหรบั ผู้เรยี น

41 กล่าวโดยสรุป การส่งเสริมให้บุคคลมีทักษะในเร่ืองใดเร่ืองหน่ึงย่อมต้องมีความรู้สึก หรืออารมณ์เข้าไปเป็นส่วนประกอบเสมอ ฉะน้ัน วิธีการจัดประสบการณ์สำหรับกิจกรรมแนะแนว ในช้ันเรียนที่เน้นการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมดังกล่าวจึงต้องอาศัยกระบวนการพัฒนาจิตลักษณะ ในการนำชวี ติ และทกั ษะการจดั การชวี ิตด้วย ดังรายละเอยี ดต่อไปนี ้ 1. วิธีการที่เน้นกระบวนการพัฒนาจิตลักษณะในการนำชีวิตจะต้องจัดโอกาสให้ผู้รับ บริการได้รับรู้ประสบการณ์โดยผ่านประสาทสัมผัสด้านต่าง ๆ ผู้รับบริการมีโอกาสประเมินคุณค่า ของประสบการณ์ เกดิ ความตอ้ งการกระทำหรอื เปล่ียนแปลง เป็นการเตรียมความพร้อมปฏิบัติ หรือ มีส่วนร่วมในกิจกรรม 2. กระบวนการพัฒนาทักษะหรือความสามารถในการจัดการชีวิตเป็นวิธีการจัด การฝกึ ทักษะอย่างเปน็ ระบบ ได้แก่ การรับร้เู ป้าหมายโดยรวมของสิ่งท่ตี อ้ งการพฒั นา การวิเคราะห์ ทักษะย่อย การสังเกต (เช่ือมโยงเหตุ-ผล) การฝึกทักษะย่อยตามลำดับ การทบทวนการฝึก และการประเมินผล 4.2.1.2 ข้ันตอนการจัดกิจกรรมแนะแนวในชั้นเรียน การจัดกิจกรรม แนะแนวในช้ันเรียนท่ีเน้นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมย่อมต้องมีการฝึกปฏิบัติ โดยยึดผู้รับบริการ เปน็ สำคญั ในการจดั กจิ กรรมหรอื จดั ประสบการณเ์ รยี นรู้ มนี กั วชิ าการไดเ้ สนอแนวคดิ ทส่ี ำคญั ไว้ ไดแ้ ก่ โคลบ็ (Kolb’s Learning Cycle, cited in Thorpe, S. & Clifford, J., 2003 : 15) ได้เสนอวงจร การเรียนรู้ว่า การเรียนรู้จะเกิดข้ึนได้เร่ิมจาก 1) โอกาสท่ีผู้เรียนมีโอกาสรับรู้ประสบการณ์ 2) ผู้เรียนได้วิเคราะห์แนวคิด 3) ผู้เรียนได้มีโอกาสสรุปแนวคิดหรือองค์ความรู้ และ 4) ผู้เรียน มโี อกาสนำความรไู้ ปใช้ในโอกาสตา่ ง ๆ ต่อมา ฮอนาย และมัมฟอร์ด (Honey and Mumford cited in Thorpe, S. & Clifford, J., 2003 : 16) ไดป้ รับวงจรแหง่ การเรยี นรเู้ ดมิ เปน็ 1) ระยะประสบการณ์ (Activist) 2) ระยะสะท้อนความคดิ (Reflector) 3) ระยะสรปุ องคค์ วามรู้ (Theorist) และ 4) การประยุกตใ์ ช้ ในสถานการตา่ ง ๆ (Pragmatist) นอกจากน้ัน สุมณฑา พรหมบุญ (2540 : 16) ได้เสนอรูปแบบการเรียนรู ้ แบบมีส่วนร่วม ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1) ข้ันประสบการณ์ตรง (Experience) 2) ขั้นอภิปราย/สะท้อน (Discussion/Reflection) 3) ข้ันสรุปองค์ความรู้ (Theorist) และ 4) ขั้นทดลอง/ประยุกต์ (Experimentation/Application) จะเห็นว่านักวิชาการด้านการเรียนรู้มีความคิดเห็นสอดคล้องกันว่า กระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ (Experiential Learning) ดังกล่าว จะเน้นให้โอกาส ผู้เรียนมีส่วนร่วมทุกข้ันตอน เร่ิมจากการรับรู้ประสบการณ์ การอภิปรายและสะท้อนความคิดเห็น จากประสบการณ์ การสรุปองค์ความรู้ การฝึกหัดและการประยุกต์ใช้ ผู้เขียนจึงเห็นว่าควรขยาย ขั้นทดลองแยกออกจากการประยุกต์ใช้ เนื่องจากการทดลองหรือการฝึกหัดเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิด การเปล่ียนแปลงพฤติกรรม จึงได้ปรับขยายข้ันตอนการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ นอกจากน้ัน การประยุกต์ใช้ได้ปรับขยายเป็นข้ันประยุกต์ใช้และพัฒนา ซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้รับบริการสามารถ การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวทเ่ี น้นการพฒั นาทักษะสำหรบั ผเู้ รียน

42 นำแนวคิด หลักการ วิธีการ หรือองค์ความรู้ที่เกิดข้ึนกับตนเองไปใช้ได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ และยังสามารถปรับขยายขั้นตอนหรือสิ่งท่ีได้เรียนรู้ให้กว้างขวางหรือมีคุณภาพมากย่ิงขึ้นต่อไป จงึ เสนอกระบวนการเรียนร้เู ชงิ ประสบการณ์ที่ปรับขยายแล้วตามภาพท่ี 4.1 ขนั้ ประสบการณ์ (Experience) ขั้นทดลอง/ฝกึ ทกั ษะ ข้ันประยุกตใ์ ชแ้ ละพัฒนา ขนั้ อภิปราย/สะท้อน (Experimentation) (Application & (Discussion/Reflection) Development) ขั้นความคดิ รวบยอด (Concept Formation) ภาพท่ี 4.1 กระบวนการเรียนรูเ้ ชิงประสบการณ ์ กระบวนการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ (Experienrial Learning) จากภาพดังกล่าว มรี ายละเอยี ด ดังน้ี 1. ขั้นประสบการณ์ (Experience) การเรียนรู้ในข้ันนี้ เป็นการให้โอกาสผู้เรียน ได้รับรู้ทางกาย ทางจิต-อารมณ์ และสภาพแวดล้อมเชิงประจักษ์เป็นสิ่งที่เก่ียวข้องกับส่ิงที่เรียนรู้ โดยการสังเกต พิจารณาคุณค่าผ่านสื่อต่าง ๆ ท้ังทางตรงหรือทางอ้อม รวมท้ังร่วมทดลองหรือ ปฏิบตั ิการต่าง ๆ ซ่งึ มีผลตอ่ อารมณ์และความรู้สกึ สนใจใฝร่ ู้ต่อไป 2. ข้ันอภปิ ราย/สะท้อน (Discussion/Reflection) การเรียนรูใ้ นขน้ั น้ี เป็นการจัด ใหผ้ เู้ รยี นไดแ้ ลกเปลย่ี นความรสู้ กึ ความคดิ วเิ คราะหห์ รอื เสนอผลลพั ธจ์ ากสถานการณต์ า่ ง ๆ ทไี่ ดร้ บั รู้ ในขนั้ ประสบการณ์ โดยมกี ารกำหนดประเดน็ ตา่ ง ๆ ในการอภปิ รายไวใ้ นขน้ั นใ้ี หช้ ดั เจน โดยสอดคลอ้ ง กับวตั ถุประสงคท์ ี่เรยี นรู ้ 3. ขั้นความคิดรวบยอด (Concept Formation) การเรียนรู้ในขั้นนี้ ส่งเสริม ใหผ้ เู้ รยี นสรปุ ผลการเชอ่ื มโยงความสมั พนั ธข์ องสง่ิ ทไ่ี ดเ้ รยี นรใู้ นขน้ั ตน้ ระหวา่ งเหตแุ ละผล หรอื ระหวา่ ง องค์ประกอบต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องเป็นองค์ความรู้ หรือเป็นหลักการที่ใช้อธิบายเร่ืองราว กรณี หรอื สถานการณอ์ ่นื ๆ ในทำนองเดยี วกนั การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวทเ่ี น้นการพัฒนาทักษะสำหรับผ้เู รียน

43 4. ขน้ั ทดลอง/ฝกึ ทกั ษะ (Experimentation) การเรยี นรใู้ นขนั้ นี้ เปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รยี น ได้ตรวจสอบตนเองจากหลักการหรือองค์ความรู้ที่สรุปมาก่อนหรือทดลองตามหลักการซ้ำ หรือ ฝกึ ทกั ษะเพิ่มความชำนาญ รวมทงั้ การประเมนิ พฤติกรรมตนเองว่าสามารถพัฒนาไดใ้ นระดับตา่ ง ๆ 5. ขั้นประยุกต์ใช้และการพัฒนา (Application & Development) การเรียนร ู้ ในขั้นนี้ เป็นการสนับสนุนให้ผู้เรียนได้ประยุกต์องค์ความรู้ ความคิด หรือข้อสรุปนำสู่ชีวิตประจำวัน พัฒนาให้มีความสามารถเพ่ิมขึ้น รวมท้ังประเมินผลความก้าวหน้าของตน รวมทั้งการพัฒนาแนวคิด และวิธกี ารให้มคี ณุ ภาพมากขน้ึ กลา่ วโดยสรุป การออกแบบกิจกรรมแนะแนวในช้ันเรยี น ควรยึดหลักการทางจติ วทิ ยา ที่ต้องคำนึงถึงลักษณะเฉพาะและความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้รับบริการ และหลักการเรียนร ู้ โดยเน้นผู้เรียนมีส่วนร่วมเรียนรู้ โดยสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ท่ีเน้นการพัฒนานักเรียน โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมแนะแนวในช้ันเรียนท่ีเน้น การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมด้านต่าง ๆ ต้องจัดให้มีการพัฒนาจิตลักษณะและทักษะ เพ่ือให้ ผู้รับบริการได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในทางที่ดีย่อมต้องอาศัยจิตลักษณะเป็นองค์ประกอบสำคัญ ในการพัฒนาพฤติกรรมด้วย สำหรับกระบวนการเรียนรู้ในแต่ละกิจกรรม ควรใช้กระบวนการเรียนรู้ เชงิ ประสบการณ์ 5 ข้นั ตอน ซงึ่ เปน็ วิธกี ารที่เหมาะสมกบั การจัดกจิ กรรมแนะแนวในชัน้ เรยี นดงั กล่าว มาข้างตน้ 4.2.2 เทคนิคการจัดประสบการณ์ในกิจกรรมแนะแนวในช้ันเรียน การออกแบบ กจิ กรรมแนะแนวในชนั้ เรยี นตอ้ งคำนงึ ถงึ การตอบสนองความตอ้ งการตามวยั และลกั ษณะความแตกตา่ ง ระหว่างบุคคลของผู้เรียน โดยเลือกเทคนิคต่าง ๆ ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้อย่างเหมาะสม เทคนิค การเรียนรู้ท่ีดีมักมีความน่าสนใจ จูงใจให้เข้าร่วมปฏิบัติการ ง่ายต่อความเข้าใจ เอ้ือต่อการค้นพบ ข้อมูลใหม่ ส่งเสริมความกระตือรือร้น ช่วยฝึกความสามารถ ความชำนาญ เสริมสร้างความสัมพันธ์ ระหว่างบุคคล เสริมสร้างอารมณ์ พัฒนาความคิดและสติปัญญา เทคนิคการเรียนรู้ที่เหมาะสม อาจชว่ ยเออื้ ประโยชนต์ อ่ การเรยี นรอู้ ยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ หรอื อาจใชเ้ ทคนคิ บางอยา่ งรว่ มกนั เพอ่ื ใหก้ ารจดั กิจกรรมบรรลุวตั ถปุ ระสงคก์ ไ็ ด ้ ต่อไปขอเสนอตัวอย่างเทคนิคการเรียนรู้ต่าง ๆ ทางการศึกษาและจิตวิทยาท่ีอาจเลือก นำมาใช้ในการจัดกิจกรรมแนะแนวในชั้นเรียนโดยเสนอลักษณะของกิจกรรมไว้เป็นแนวทาง จัดกิจกรรมและพฤติกรรมที่คาดหวังเพ่ือแสดงถึงผลที่จะเกิดแก่ผู้รับบริการเม่ือนำไปใช้ในการ จดั กจิ กรรมแนะแนวในชัน้ เรียนในสถานการณ์ต่าง ๆ ดงั น ้ี การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวที่เนน้ การพฒั นาทกั ษะสำหรับผู้เรียน

44 ตารางที่ 4.1 เทคนิคการเรียนรู้ท่ีนำมาใช้จดั กิจกรรมแนะแนวกลุ่มในชัน้ เรยี น เทคนิคการเรยี นร ู้ ลักษณะของกจิ กรรม พฤตกิ รรมทค่ี าดหวงั 1. การอภิปราย แสดงความคดิ เห็นตอ่ สิ่งท่ีเรยี นรู้ - การคดิ วิเคราะห์ 2. การอภปิ รายกลมุ่ หรือส่ิงที่เผชญิ อยูใ่ นประเด็นต่าง ๆ - การถ่ายทอดความคิด อย่างอสิ ระ - การนำเสนอความคิดท่หี ลากหลาย แสดงความคดิ เห็นและแลกเปลี่ยน - การคิดวเิ คราะห ์ ความคิดเห็นในกล่มุ ทีร่ ่วมอภิปราย - การรับฟงั ความคิดเหน็ ผู้อื่น ในแง่มมุ ทแ่ี ตกตา่ งกันอยา่ งอสิ ระ - การถา่ ยทอดความคดิ - การเปรยี บเทยี บหรอื เชอื่ มโยงความคดิ 3. การทายปรศิ นา แก้ปญั หาโจทย์ตามเงอื่ นไข - การคดิ วิเคราะห ์ - การเชื่อมโยงเหต-ุ ผล 4. การสืบคน้ ด้วยตนเอง สบื คน้ แสวงหาขอ้ มลู เพื่อประกอบ - การสังเกตและสรปุ ข้อมลู ความคดิ การตดั สนิ ใจหรือสร้างองคค์ วามร ู้ - การสังเกต - การรวบรวมข้อมลู 5. การเลน่ เกม ร่วมปฏิบตั กิ จิ กรรมที่มกี ติกาท้าทาย - การสรุปองคค์ วามร้ ู ความอยากรู้ อยากลอง - การคิดวิเคราะห์ - การตดั สินใจ 6. การแสดงบทบาท ทดลองรวมบทบาทตา่ ง ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง - การกลา้ ลอง 7. บทสนทนา ในชวี ติ แล้วสะทอ้ นความรสู้ ึกนึกคดิ - การผ่อนคลายอารมณ์ ทแี่ ทจ้ ริงของตน - การเรียนรคู้ วามคดิ ความรูส้ ึกของตน การกำหนดบทสนทนาของบคุ คล และคนอ่นื ที่เกย่ี วข้องกันซง่ึ มีเปา้ หมายท่ชี ดั เจน - การเข้าใจและยอมรับผู้อื่น - การส่ือสารเชงิ สร้างสรรค ์ 8. บทละคร การจัดการแสดงตามบทที่สรา้ งข้ึน - การคิดวิเคราะห์ อยา่ งมีเป้าหมาย - การสรปุ ความคดิ - การกล้าแสดงออก - การสรา้ งแรงบันดาลใจ - การเรยี นรดู้ ว้ ยความเพลิดเพลิน การออกแบบกิจกรรมแนะแนวท่เี นน้ การพัฒนาทักษะสำหรบั ผเู้ รียน

45 ตารางท่ี 4.1 (ตอ่ ) เทคนคิ การเรียนรู้ ลักษณะของกจิ กรรม พฤติกรรมท่คี าดหวัง 9. การโตว้ าที จัดญตั ติหรอื ประเด็นท่ีขัดแย้งกนั - กลา้ แสดงความคดิ อยา่ งอสิ ระ และใช้ทมี เสนอและทมี คา้ นในเวลา - สามารถใช้ภาษาและเหตผุ ล ที่กำหนด ที่นา่ เชื่อถือ 10. การฝึกหัด ใชแ้ บบฝึกทก่ี ำหนดเป้าหมายได้ - มีความสามารถตามเปา้ หมาย อยา่ งชดั เจน เชน่ การฝกึ ทกั ษะ ทก่ี ำหนดไว้ การสือ่ สารสรา้ งสรรค ์ 11. การใช้เครื่องมอื ใชแ้ บบสอบถาม แบบสำรวจ - สามารถประเมนิ ตนเองดา้ นตา่ ง ๆ แบบสอบถาม แบบประเมนิ หรือแบบทดสอบ ประกอบความเขา้ ใจตน แบบประเมิน ท่ไี ดจ้ ัดทำอยา่ งมีเปา้ หมาย หรือแบบทดสอบ และอา้ งองิ แนวคิดที่น่าเชือ่ ถอื ได ้ 12. การแบ่งกลุ่มรว่ มคดิ จดั กลุ่มวางแผนร่วมกันทำงาน - สามารถทำงานรว่ มกับผ้อู ่ืน รว่ มวางแผน และ ตามโจทย์ท่จี ดั ไวอ้ ย่างมเี ป้าหมาย - สามารถคิดวางแผนและดำเนินงาน ร่วมทำงานตามโจทย ์ ชัดเจน ให้บรรลุผลสำเรจ็ 13. การทดลอง การทดลองสวมบทบาทของ - เขา้ ใจความคิดและความรสู้ กึ เปลี่ยนบทบาท บุคคลอื่น ๆ ตามโจทย ์ ของผ้อู ่ืน 14. การซ้อมบท การฝกึ หดั ดำเนนิ ชวี ติ ในแตล่ ะบทบาท - เขา้ ใจความคิด ความรู้สกึ ทตี่ นอาจจะต้องเกย่ี วขอ้ งในอนาคต ของผูท้ ่ีเก่ียวข้อง เช่น ทดลองตง้ั ครรภ์ ทดลองเรอ่ื งเด็ก - ตระหนักรู้หน้าท่ีหรือสำนกึ คุณ 15. มมุ สนทนา เปดิ พนื้ ทใ่ี นชน้ั เรยี นหรอื ในสถานศกึ ษา - เลอื กแสวงหาความรู้ท่ีตนสนใจ ใหผ้ ู้เรียนมโี อกาสพบบคุ คล - เรยี นร้จู ากแหล่งเรยี นรูร้ อบตวั หรอื วิทยากรท่ีมคี วามเชย่ี วชาญ ดา้ นใดดา้ นหนง่ึ โดยอสิ ระ 16. การวาดภาพ สร้างบรรยากาศการจดั การเรียนร้ ู - การบำบัดด้วยศิลปะ ให้ถา่ ยทอดจินตนาการในเร่อื งที่ - สามารถถา่ ยทอดความคดิ เกยี่ วข้องกับตน หรือจนิ ตนาการออกมา - การผอ่ นคลาย การออกแบบกิจกรรมแนะแนวทเ่ี นน้ การพฒั นาทกั ษะสำหรบั ผู้เรียน

46 ตารางที่ 4.1 (ต่อ) เทคนคิ การเรยี นร้ ู ลกั ษณะของกิจกรรม พฤติกรรมทคี่ าดหวัง 17. การแตง่ เรื่อง กำหนดเร่ืองหรือโจทย์ใหผ้ ู้เรยี น - สามารถถา่ ยทอดออกมาผ่านขอ้ เขยี น แต่งเรอ่ื งตามความคิด ความเข้าใจ - ความคิดสร้างสรรค์ ประสบการณห์ รือความคดิ - พิจารณาตัวแบบทด่ี ี สรา้ งสรรคข์ องตน 18. การเลา่ เรอื่ ง เปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รยี นถา่ ยทอดความคดิ - ใช้โอกาสเออื้ ประโยชนท์ างความคดิ หรอื ประสบการณท์ ม่ี ปี ระโยชนต์ อ่ ตน หรือตวั อย่างอนั ดแี ก่ผอู้ น่ื และผอู้ ื่น 19. การเรยี นรู้จาก เลือกตัวแบบทดี่ ีในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง - สามารถสงั เกตและเลียนแบบ การสังเกตตัวแบบ ตามวัตถปุ ระสงค์ใหผ้ ู้เรียนได้สงั เกต พฤติกรรมอันพึงประสงค์ 20. การเรยี นรชู้ ีวิต จัดใหผ้ ้เู รยี นมโี อกาสเรียนร้ ู - สามารถสงั เกต มคี วามเขา้ ใจ ด้วยการร่วม ตามวตั ถปุ ระสงคใ์ นสถานการณจ์ ริง อยา่ งแท้จริง ในวถิ ีชวี ิต โดยมีเวลาตอ่ เนือ่ งกนั ใช้ชวี ติ รว่ มด้วย - มเี จตคติทีด่ ีตอ่ เรอ่ื งท่เี รียนร ู้ กับแหล่งเรยี นนนั้ 21. ปฏิบตั กิ ารจิตอาสา จัดโอกาสและสถานท่ใี หผ้ ู้เรียน - สามารถปรับเปลยี่ นเจตคติ หรอื จิตสาธารณะ ไดป้ ฏิบัตงิ านจริงด้านจติ อาสา ตอ่ เรือ่ งท่ีเรียนรู้ในสถานการณจ์ รงิ หรือจิตสาธารณะ - ฝึกทกั ษะการมีจติ อาสา หรอื จติ สาธารณะ 22. การจินตนาการ จดั ทำโจทย์ทม่ี ุ่งให้ผู้เรยี น - ความคิดสรา้ งสรรค์ คิดสรา้ งสรรค ์ 23. การทดลองงาน จดั หาโอกาส สถานปฏบิ ตั ิงาน - พฒั นาทกั ษะการทำงาน หรอื สถานประกอบการให้ผเู้ รยี น - เรยี นรลู้ กั ษณะของงาน ไดเ้ รยี นรู้จากผู้ชำนาญการ 24. การแสดงผล จดั ใหม้ ีการแสดงผลการเรียนรู้ - สามารถรายงานผลงานพัฒนา การเรยี นรทู้ างอาชพี ดา้ นอาชีพทีส่ นใจโดยในระยะใด ทางดา้ นอาชพี ทต่ี นสนใจผา่ นการเรยี นรู้ ดว้ ย Portfolios ระยะหนงึ่ โดยถา่ ยทอดลง Portfolios เพมิ่ ความชำนาญ แสดงวา่ ตนมศี กั ยภาพ ระดบั หน่งึ 25. การใชส้ ถานการณ์ จดั สถานการณ์จำลองเพือ่ เรยี นรู้ - กล้าแสดงออก จำลอง ดา้ นใดดา้ นหน่งึ ในห้องเรียน - ฝึกความเชือ่ มั่นในตนนำไปส ู่ การเห็นคณุ ค่าแหง่ ตน การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวท่เี นน้ การพัฒนาทักษะสำหรับผู้เรยี น

47 ตารางท่ี 4.1 (ตอ่ ) เทคนคิ การเรยี นรู้ ลกั ษณะของกจิ กรรม พฤตกิ รรมท่คี าดหวัง 26. ทอ่ งโลกอาชพี จัดใหม้ ีการศกึ ษาดงู านในสถานท ่ี - เขา้ ใจบทบาทหน้าทแ่ี ละคณุ ลักษณะ ทมี่ บี ุคคลผทู้ ำงานหลากหลายอาชีพ ของบคุ คลผมู้ ีอาชพี หลากหลาย - มเี จตคติท่ดี ีทางอาชีพ 27. เปดิ ตลาดความคดิ จัดโอกาสใหผ้ เู้ รียนใชพ้ นื้ ที่ในโรงเรยี น - กลา้ แสดงออก แสดงความคดิ ตามจดุ ประสงคเ์ ปน็ กลมุ่ - วางแผนจัดการ 28. นิทานสอนใจ แลว้ ให้แต่ละกลมุ่ เดนิ ชมผลงาน - รับและให้ Feedback 29. Buddy ผหู้ วังดี ทมี่ ีเจา้ ของแนะนำ แลว้ ใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั ซึง่ กันและกนั อยา่ งสรา้ งสรรค์ เลอื กนทิ านทีต่ วั ละคร มีพฤติกรรม - คดิ วิเคราะห์และไดแ้ รงบันดาลใจ ท่เี ปน็ ตวั แบบท่ีดี ในการฝึกหดั พฒั นาพฤติกรรมของตน ให้เลือก Buddy คู่กรณไี ม่รตู้ วั - มีเจตคตทิ ่ีดีตอ่ การชว่ ยเหลือ แลว้ ปฏิบตั ทิ ีด่ ตี ่อกนั เกอ้ื กูลต่อกนั - มีทกั ษะการเอาใจใสแ่ ละดแู ลผ้อู ื่น 30. การแขง่ ขนั ทกั ษะชวี ติ จัดเวทีการแข่งขันทกั ษะการเรยี นรู้ - พัฒนาทกั ษะที่กำหนดไว้ ดา้ นตา่ ง ๆ หรอื ทกั ษะทางอาชีพโดยตั้งกฎเกณฑ์ - สามารถคิดวเิ คราะห์ - สามารถสืบคน้ หาสาเหตุ หรือเงอ่ื นไขการแขง่ ขันท่ีชัดเจน - สามารถพัฒนาทกั ษะ 31. การใชส้ อ่ื อา้ งอิงคลิปเร่อื งราวต่าง ๆ หรือ ตามวัตถุประสงคข์ องกจิ กรรม ในรูปแบบต่าง ๆ ใชข้ ่าวสารท่ีเผยแพร่ในทสี่ าธารณะ - มีความสามารถในการปรับตัว - หรอื มีโอกาสเตรยี มความพร้อม 32. การเข้าคา่ ยเพื่อ จัดกิจกรรมการฝกึ หดั ความสามารถ ก่อนเปลีย่ นผ่านเข้าส่สู ถานภาพใหม ่ พัฒนาทกั ษะชีวติ ดา้ นพัฒนาบคุ ลกิ ภาพ หรือฝกึ ทักษะ ดา้ นตา่ ง ๆ การเรยี นหรอื ทักษะอาชีพในระยะ - เพ่ือจงู ใจให้เขา้ รว่ มกจิ กรรม หรือส่งเสริมความผอ่ นคลายอารมณ ์ เวลาหน่งึ 33. การเรยี นรู ้ จดั ทำโครงการประจำปหี รอื ประจำ ผ่านโครงการพเิ ศษ ภาคการศึกษา หรอื โครงการพิเศษ สำหรบั นกั เรยี นบางกลมุ่ เชน่ ในวาระ ทนี่ กั เรยี นจะจบการศกึ ษา หรอื เข้าเรียนใหม่ 34. การใช้เพลงดนตรี นำเพลง แต่งเพลง หรือเสยี งดนตรี ประกอบการดำเนนิ กิจกรรม การออกแบบกิจกรรมแนะแนวที่เน้นการพัฒนาทกั ษะสำหรบั ผู้เรียน

48 ตารางท่ี 4.1 (ตอ่ ) เทคนคิ การเรยี นรู ้ ลกั ษณะของกิจกรรม พฤติกรรมท่ีคาดหวัง - เขา้ ใจขอบข่ายบทบาททางอาชีพ 35. การจดั ศนู ยก์ ารเรยี นรู้ มีการจัดจำลองสถานการณ์ - เปลย่ี นแปลงเจตคตทิ างอาชีพ ทางอาชพี ตา่ ง ๆ ให้ผ้เู รยี นมีโอกาสเข้าเรียนร ู้ - มแี รงจูงใจใหแ้ สวงหาความร ู้ ลกั ษณะทางอาชพี ต่าง ๆ ทางอาชีพในสถานการณจ์ ริงต่อไป 36. เสียงเตอื น จดั กิจกรรมให้ผู้รับบรกิ ารดูคลิป ฟัง - คิดวิเคราะห์ คิดวจิ ารณญาณ - การแสวงหาความเปน็ จรงิ ต่อไป หรอื อา่ นคำเตอื นหรอื ขอ้ เตอื นใจใหค้ ดิ - สามารถสอนตนและควบคมุ ตนได ้ ในมมุ มองต่าง ๆ ก่อนตดั สินใจเลือก - สามารถแยกแยะเหตุ-ผล คณุ -โทษ อาชีพต่าง ๆ ของการสอ่ื สารดว้ ยวธิ ีการตา่ ง ๆ ได้ - เลือกวธิ ีการส่ือสารเชงิ สรา้ งสรรคไ์ ด ้ 37. การกำกบั ดูแลตนเอง ฝึกกำหนดเปา้ หมายและวิธกี าร - สามารถแสดงออกไดอ้ ย่างเหมาะสม - แยกแยะผลทเี่ กดิ จากการไม่กลา้ พฒั นาพฤตกิ รรมของตน แสดงออกหรอื การแสดงออกแบบ 38. การวิเคราะห์ จดั สถานการณ์การสื่อสารแบบตา่ ง ๆ กา้ วรา้ วได้ - สามารถผอ่ นคลายความเครียด การตดิ ต่อส่อื สาร ให้มีโอกาสเผชญิ ดว้ ยตัวเอง อยา่ งเหมาะสมดว้ ยตนเอง ระหว่างบุคคล - สามารถคดิ ไดห้ ลายทศิ ทาง อย่างรอบคอบ 39. การฝึกกล้าแสดงออก จัดสถานการณ์ใหไ้ ดแ้ สดงตน - ควบคุมตนใหเ้ กดิ ความสงบ อยา่ งเหมาะสม ในบทบาทตา่ ง ๆ หรือดจู ากตัวแบบ เพิม่ ความพรอ้ มในการเรยี นรู ้ 40. การฝกึ ผอ่ นคลาย มีวิธกี ารต่าง ๆ ให้ทดลอง เชน่ - เข้าใจและยอมรับผอู้ ื่นได้ - มคี วามรูส้ กึ อบอุ่นทมี่ ีเพ่อื นรว่ มคดิ ความเครยี ด ผ่อนคลายกล้ามเน้อื หายใจระดบั ลกึ รว่ มทำงาน - เรียนรูก้ ารจัดการความขัดแยง้ ในกลุ่ม การออกกำลังกาย ฯลฯ 41. การคดิ แบบหมวก 6 ใบ ฝกึ คดิ ตามขอบข่ายหมวก 6 ใบ ของเดอโบโน ไดแ้ ก่ สีฟ้า สขี าว สดี ำ สีแดง สเี ขยี ว และสเี หลอื ง 42. การฝึกสมาธ ิ การฝึกจติ ให้สงบดว้ ยวิธกี ารตา่ ง ๆ 43. กลมุ่ สมั พนั ธ ์ การดำเนินงานเป็นกลุ่มซงึ่ มีบทบาท ที่แตกต่างกนั การออกแบบกิจกรรมแนะแนวทีเ่ นน้ การพัฒนาทักษะสำหรบั ผู้เรยี น

49 เทคนิคต่าง ๆ ดังกล่าวมีผลต่อพฤติกรรมคาดหวังที่แตกต่างกัน ผู้ออกแบบกิจกรรม แนะแนวในช้ันเรียนอาจใช้เทคนิคเดียว หรือนำหลายเทคนิคมาประกอบกันตามวัตถุประสงค์ก็ได้ ในการพัฒนากิจกรรมแนะแนวในช้ันเรียนควรมีการประเมินว่าแต่ละเทคนิคช่วยส่งเสริมพัฒนาการ ผู้เรยี นได้เพยี งใด แล้วพฒั นาปรับขยายกิจกรรมตอ่ ไป 4.3 การจัดทำแผนกจิ กรรมแนะแนวกล่มุ ในชน้ั เรียน การจัดทำแผนกิจกรรมแนะแนวกลุ่มในช้ันเรียน เป็นกระบวนการที่สำคัญต่อการให้ บรกิ ารแนะแนวกลมุ่ ในชน้ั เรยี น ซงึ่ ตอ้ งประมวลผลขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ งอยา่ งเปน็ ระบบและมคี ณุ ภาพ มขี ้ันตอนสำคัญ ดังนี้ 4.3.1 ศกึ ษาหาขอ้ มลู พน้ื ฐานทจ่ี ำเปน็ แลว้ จดั ทำเปน็ กรอบแนวคดิ เกย่ี วกบั สาระสำคญั ในการจัดทำแผนกิจกรรมต่อไป ได้แก่ 1) ศึกษาเป้าหมายของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไข (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2542 ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การแนะแนวโดยเน้นความรคู้ ่คู ุณธรรม การบูรณาการความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข 2) ศึกษา หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ทีม่ ุง่ พฒั นาผู้เรยี นให้เปน็ มนษุ ย์ทส่ี มบรู ณ์ โดยองค์รวม มีความรู้ คุณธรรม จิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก มีความรู ้ และทักษะพื้นฐาน และเจตคติที่ดีต่อการศึกษา การประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต เน้นสมรรถนะ 5 และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ 8 ประการ 3) ศึกษาแผนยุทธศาสตร์การแนะแนว ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555- 2559) ที่เน้นให้ผู้เรียนรู้จัก เข้าใจ รักและเห็นคุณค่าตนและผู้อ่ืน สามารถวางแผนชีวิตเก่ียวกับ การพัฒนาท้ัง 3 ขอบข่าย และปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุขและพอเพียง 4) ศึกษาลักษณะ เฉพาะของท้องถิ่นทั้งด้านกายภาพ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ 5) ศึกษาความเปล่ียนแปลง โดยรวมของโลก ซงึ่ ระบไุ ว้เป็นทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 เนน้ ทักษะท่สี ำคญั หลายประการ ได้แก่ ทักษะการเรียนพื้นฐาน ทักษะการคิดวิจารณญาณและการแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ ทักษะข้าม วฒั นธรรม การทำงานเปน็ ทมี และผนู้ ำสำคญั คอื ทกั ษะการสอ่ื สาร และการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ และประการสุดท้าย 6) ศึกษาปัญหาความต้องการที่สอดคล้องกับธรรมชาติ และวัยของผู้รับบริการ ในบรบิ ทของสงั คม วิทยาการ และสภาพแวดลอ้ มในโลกทก่ี ำลังเปล่ียนแปลงไป 4.3.2 เลือกทักษะสำคัญที่จำเป็นหรือต้องการพัฒนาโดยสอดคล้องกับกรอบแนวคิด เก่ียวกับสาระสำคัญข้างต้นในขอบข่ายการพัฒนาส่วนตัว การพัฒนาทางการศึกษาและการพัฒนา ทางอาชีพ เชน่ การพัฒนาอัตมโนทัศน์ การพฒั นาทักษะการเรียนหรือการพฒั นาวฒุ ิภาวะทางอาชพี เป็นต้น 4.3.3 กำหนดสัดส่วนกิจกรรมแนะแนวครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน ตามระดับชั้นเรียน (ตามตัวอยา่ ง) การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวที่เนน้ การพัฒนาทักษะสำหรบั ผ้เู รยี น

50 ตารางที่ 4.2 ตัวอย่างการกำหนดสัดส่วนกิจกรรมแนะแนวในช้ันเรียน การพัฒนาส่วนตัว และสังคม การพัฒนาทางการศึกษา และการพัฒนาทางอาชีพ ระดับมัธยมศึกษา สำหรบั ปีการศึกษา.......... ภาคการ ึศกษา 2 ภาคการ ึศกษา 1 ขอบขา่ ย ม.1 ม.2 ม.3 ม.4 ม.5 ม.6 การพฒั นาสว่ นตวั และสงั คม 7 8 4 7 8 4 การพฒั นาทางการศึกษา 7 6 6 7 6 6 4 4 8 4 4 8 การพฒั นาทางอาชพี 7 8 4 7 8 4 การพัฒนาส่วนตัวและสงั คม 7 6 6 7 6 6 การพัฒนาทางการศกึ ษา 4 4 8 4 4 8 36 36 36 36 36 36 การพัฒนาทางอาชพี รวม หมายเหตุ : สถานศึกษาที่จัดเวลาสำหรับกิจกรรมแนะแนวในช้ันเรียน 18 สัปดาห์/ภาคเรียน รวม 36 ช่ัวโมง/ปี จากตัวอย่างน้ี เป็นผลมาจากการตกลงร่วมกันระหว่างผู้มีความรับผิดชอบจัดกิจกรรม แนะแนวในช้ันเรียนแต่ละระดับชั้น ซ่ึงให้น้ำหนักหรือจัดสัดส่วนแตกต่างกันตามลักษณะความจำเป็น หรือความจำเป็นตามความสามารถในการรับรู้ของผู้รับบริการ เช่น ผู้รับบริการอยู่ในระดับ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 เพ่ิงจะเปลี่ยนระดับการเรียนรู้จากระดับประถมศึกษาไปสู่การศึกษาระดับ มัธยมศึกษา จึงมีความจำเป็นต้องปรับตัวในด้านการเรียนรู้มากกว่าการพัฒนาทางอาชีพ หรือผู้รับ บริการอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 6 เป็นช่วงจะจบประโยคการศึกษา จำเป็นต้อง ตระหนกั ถงึ แผนการเรยี นตอ่ อนั เกยี่ วขอ้ งกบั การวางแผนอาชพี ตอ่ ไป จงึ ควรเนน้ นำ้ หนกั ดา้ นการพฒั นา ทางอาชพี มากกว่าระดบั ชนั้ อนื่ เป็นตน้ 4.3.4 กำหนดวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมแนะแนวในชั้นเรียน โดยพิจารณา เลือกทักษะสำคัญ (ตามข้อ 4.3.2) ท่ีครอบคลุมท้ังการพัฒนาส่วนตัวและสังคม การพัฒนาทาง การศึกษา และการพัฒนาทางอาชีพ แล้วจัดทำเป็นหน่วยกิจกรรมหรือโปรแกรมแนะแนวแต่ละเร่ือง ซ่ึงอาจจะมีกิจกรรมย่อย ๆ หลายกิจกรรมภายในเวลาท่ีเหมาะสม แล้วแบ่งเป็นคาบ/ชั่วโมง ดงั ตัวอยา่ ง การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวที่เน้นการพัฒนาทักษะสำหรบั ผู้เรยี น

51 ตารางท่ี 4.3 ตัวอย่างการออกแบบหน่วยกิจกรรมแนะแนวกลุ่มในชั้นเรียน ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 1 ปกี ารศึกษา รวม 36 ชั่วโมง การพัฒนาสว่ นตัวและสังคม การพฒั นาทางการศึกษา การพัฒนาทางอาชีพ หน่วยกิจกรรมท่ี 1 หน่วยกิจกรรมที่ 1 หนว่ ยกิจกรรมที่ 1 ยอมรับ-ปรับตัว คน้ หาความถนดั ทุกอาชีพมีคุณคา่ 3 ช่ัวโมง 3 ชัว่ โมง 2 ชว่ั โมง หนว่ ยกจิ กรรมที่ 2 หน่วยกิจกรรมที่ 2 หนว่ ยกิจกรรมที่ 2 คุณค่าแหง่ ตน ทักษะการเผชญิ ปญั หา รักษ์อาชีพท้องถนิ่ 4 ชวั่ โมง ทางการเรียน (AQ) 2 ชั่วโมง 4 ชัว่ โมง หน่วยกิจกรรมท่ี 3 หน่วยกจิ กรรมท่ี 3 หนว่ ยกิจกรรมท่ี 3 มลู ค่าเพ่ิมทางอาชพี รทู้ นั อารมณ์ นิสัยรักการอ่าน 2 ช่วั โมง 3 ช่ัวโมง 3 ชว่ั โมง หน่วยกจิ กรรมที่ 4 หน่วยกจิ กรรมที่ 4 หน่วยกิจกรรมท่ี 4 ผ้ปู ระสบความสำเรจ็ สื่อสารสร้างสรรค ์ ร้จู กั วัฒนธรรม 2 ช่ัวโมง 4 ชว่ั โมง และภมู ิปญั ญาท้องถ่ิน รวม 18 ช่ัวโมง 4 ช่วั โมง รวม 14 ช่ัวโมง รวม 14 ช่ัวโมง รวมท้งั สิน้ 36 ช่ัวโมง จากตัวอย่างนี้ เป็นการออกแบบหน่วยกิจกรรมแนะแนวในช้ันเรียนของผู้รับบริการ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ซ่ึงกำหนดคาบ/ช่ัวโมงตามสัดส่วนที่ตกลงกันไว้แล้ว โดยจัดการพัฒนา ส่วนตัวและสังคม 4 หน่วยกิจกรรม รวม 14 ชั่วโมง การพัฒนาทางการศึกษา 4 หน่วยกิจกรรม รวม 14 ชั่วโมง และการพัฒนาทางอาชพี 4 หนว่ ยกิจกรรม รวม 8 ชว่ั โมง ในแตล่ ะหนว่ ยกจิ กรรม จะมีจำนวนคาบ/ชั่วโมง ระหว่าง 2-4 ชั่วโมง เพ่ือเปิดโอกาสให้ผู้รับบริการ การตระหนักในคุณค่า ทบทวนตรวจสอบและวางแผนพัฒนาหรือเปล่ียนแปลง และพร้อมปฏิบัติหรือลงมือฝึกหัดพัฒนา เพื่อเพิ่มความสามารถหรอื ความชำนาญ การออกแบบกิจกรรมแนะแนวทเี่ นน้ การพฒั นาทกั ษะสำหรับผเู้ รียน

52 ตารางท่ี 4.4 ตัวอย่างการออกแบบหน่วยกิจกรรมแนะแนวกลุ่มในช้ันเรียน ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 1 ปีการศกึ ษารวม 36 ชว่ั โมง การพัฒนาสว่ นตวั และสังคม การพฒั นาทางการศกึ ษา การพัฒนาทางอาชีพ หนว่ ยกิจกรรมท่ี 1 หน่วยกิจกรรมท่ี 1 หน่วยกจิ กรรมท่ี 1 รู้ทันตน คน้ หาความถนัด อาชีพอาเซยี น (เขา้ ใจ-ยอมรับ-ปรับตัว) 3 ชัว่ โมง 3 ชั่วโมง 2 ชว่ั โมง หน่วยกิจกรรมที่ 2 หน่วยกจิ กรรมท่ี 2 หน่วยกจิ กรรมท่ี 2 จดั การอารมณเ์ สีย ทักษะการเผชญิ ปัญหา อาชพี ทเี่ หมาะกับฉนั ทางการเรียน (AQ) 3 ช่วั โมง 3 ชวั่ โมง 2 ช่วั โมง หนว่ ยกิจกรรมที่ 3 หนว่ ยกจิ กรรมท่ี 3 หนว่ ยกิจกรรมที่ 3 รว่ มด้วยช่วยกันลดความรนุ แรง อ่านเพือ่ ประโยชน์แหง่ ตน (จติ อาสา) คา่ นยิ มในงานทีส่ นใจ 2 ช่ัวโมง 3 ชัว่ โมง หนว่ ยกจิ กรรมท่ี 4 หน่วยกจิ กรรมท่ี 4 2 ชั่วโมง ซ่ือกนิ ไมห่ มด-คดกินไม่นาน รู้จกั -วฒั นธรรม หน่วยกิจกรรมที่ 4 และการอยู่อยา่ งพอดี และภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น ภูมิใจอาชีพท้องถิน่ 5 ชั่วโมง 3 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง หนว่ ยกิจกรรมท่ี 5 - - สอื่ สารสร้างสรรค์ รวม 8 ชั่วโมง (ปฏิเสธการกระทำทเ่ี ปน็ โทษ) 3 ชั่วโมง รวม 16 ช่วั โมง รวม 12 ชัว่ โมง รวมทัง้ สิน้ 36 ชว่ั โมง การออกแบบกิจกรรมแนะแนวที่เน้นการพัฒนาทกั ษะสำหรบั ผ้เู รยี น

53 จากตัวอย่างนี้ เป็นการออกแบบหน่วยกิจกรรมแนะแนวในชั้นเรียนของผู้รับบริการ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ซ่ึงกำหนดคาบ/ชั่วโมงตามสัดส่วนที่ตกลงกันไว้แล้ว โดยจัดการพัฒนา ส่วนตัวและสังคม 5 หน่วยกิจกรรม รวม 16 ช่ัวโมง การพัฒนาทางการศึกษา 4 หน่วยกิจกรรม รวม 12 ช่ัวโมง และจัดให้มีการพัฒนาทางอาชีพ 4 หน่วยกิจกรรม รวม 8 ช่ัวโมง ท้ังน้ีเน่ืองด้วย ลักษณะและธรรมชาตขิ องผรู้ บั บรกิ ารวยั นตี้ อ้ งการเวลาและสาระสำคญั เกยี่ วกบั การปรบั ตน เกยี่ วกบั การรจู้ กั ตน เข้าใจอารมณ์ และจัดการอารมณ์ของตนอันเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะส่งผลต่อการพัฒนา ทางการศกึ ษาและการพฒั นาทางอาชพี ท่มี คี ณุ ภาพตอ่ ไป ตารางที่ 4.5 ตัวอย่างการออกแบบหน่วยกิจกรรมแนะแนวกลุ่มในชั้นเรียน ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 1 ปีการศกึ ษารวม 36 ชว่ั โมง การพฒั นาสว่ นตัวและสงั คม การพฒั นาทางการศกึ ษา การพฒั นาทางอาชีพ หน่วยกิจกรรมท่ี 1 หน่วยกิจกรรมท่ี 1 หนว่ ยกิจกรรมท่ี 1 ส่ือการสรา้ งสรรค์ พัฒนาการเรยี น ข้อมูลอาชพี ทสี่ นใจ 2 ชัว่ โมง 3 ชว่ั โมง 3 ชั่วโมง หน่วยกจิ กรรมที่ 2 หนว่ ยกิจกรรมท่ี 2 หนว่ ยกิจกรรมที่ 2 คุณธรรมคนอยทู่ ่ี วางแผนการเรียน บุคลกิ ภาพท่เี หมาะสมกบั งาน การรบั ผิดชอบ 2 ชัว่ โมง 3 ชัว่ โมง 3 ชว่ั โมง หนว่ ยกจิ กรรมท่ี 3 หนว่ ยกิจกรรมที่ 3 หนว่ ยกิจกรรมที่ 3 การเปลย่ี นแปลงสำคัญ ทกั ษะการคิดแกป้ ัญหา วนิ ัยการทำงาน 2 ช่ัวโมง 3 ช่ัวโมง 2 ชวั่ โมง หนว่ ยกจิ กรรมที่ 4 หนว่ ยกจิ กรรมที่ 4 หนว่ ยกจิ กรรมท่ี 4 การตดั สินใจ การอยอู่ ย่างพอดี ค่านยิ มทางการเรียน 3 ชวั่ โมง 2 ชว่ั โมง 3 ชัว่ โมง การออกแบบกิจกรรมแนะแนวทเี่ นน้ การพฒั นาทกั ษะสำหรบั ผเู้ รยี น

54 การพฒั นาส่วนตัวและสังคม การพัฒนาทางการศึกษา การพฒั นาทางอาชีพ - - หน่วยกิจกรรมท่ี 5 รวม 8 ชัว่ โมง รวม 12 ชวั่ โมง การเลอื กอาชพี และเทคนิค รวมท้ังสิ้น 36 ชว่ั โมง ความสำเรจ็ 5 ชว่ั โมง รวม 16 ชว่ั โมง จากตัวอย่างน้ี เป็นการออกแบบหน่วยกิจกรรมแนะแนวในช้ันเรียนของผู้รับบริการ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ซึ่งกำหนดคาบ/ช่ัวโมงตามสัดส่วนท่ีตกลงกันไว้แล้ว โดยจัดการพัฒนา ส่วนตัวและสังคม 4 หน่วยกิจกรรม รวม 8 ชั่วโมง การพัฒนาทางการศึกษา 4 หน่วยกิจกรรม รวม 12 ช่ัวโมง และการพัฒนาทางอาชีพ 5 หน่วยกิจกรรม รวม 16 ชั่วโมง ทั้งนี้ได้พิจารณาว่า ผู้รับบริการอยู่ในระดับชั้นที่ต้องเตรียมตัวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเรียนและอาชีพ จึงจัดให ้ มีเวลาและสาระดา้ นอาชีพมากกวา่ ด้านอนื่ ๆ อย่างไรก็ตาม การออกแบบหน่วยกิจกรรมแนะแนวในช้ันเรียนของสถานศึกษาใด ๆ ควรพิจารณาเรือ่ งท่เี หมาะสมกับความต้องการตามวัย หรอื ระดับช้นั ทศี่ กึ ษาและควรคำนงึ ถงึ ลกั ษณะ เฉพาะหรือความจำเป็นของผู้รับบริการ รวมทั้งสภาพแวดล้อมหรือการเปล่ียนแปลงทางการศึกษา และโลกอาชีพท่ีเกี่ยวข้องด้วย เพ่ือให้การออกแบบกิจกรรมแนะแนวในชั้นเรียนสามารถสนองตอบ ความตอ้ งการของผรู้ บั บรกิ าร ทางสถานศกึ ษาจงึ ควรมกี ารพจิ ารณาจดั ทำรว่ มกนั เพอ่ื ใหผ้ รู้ บั บรกิ ารแตล่ ะ ระดับช้นั ไดป้ ระโยชนส์ ูงสดุ และจัดกิจกรรมไม่ซำ้ ซอ้ นกัน 4.3.5 การออกแบบการเรียนรู้สำหรับกิจกรรมแนะแนวในช้ันเรียนท่ีเน้นทักษะชีวิต ในแต่ละหน่วยกิจกรรม ควรคำนึงถึงระยะการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมของ ผ้รู บั บริการตามแนวทางจิตวทิ ยา 3 ระยะ ดังน ี้ ระยะที่ 1 การตระหนักรู้ในคณุ คา่ หรือเสรมิ สรา้ งเจตคต ิ ระยะท่ี 2 การทบทวนตรวจสอบตนและวางแผนพัฒนาตน ระยะที่ 3 การฝกึ ทักษะเพมิ่ ความชำนาญ การตระหนักรู้ในคุณค่าหรือเสริมสร้างเจตคติ เป็นการจัดบรรยากาศ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ให้ผู้รับบริการตระหนักในความสำคัญหรือคุณค่าของสิ่งที่กำลังเรียนรู้ เช่น การจะส่งเสริมให้ผู้รับบริการมีความเชื่อมั่นในตน ผู้จัดกิจกรรมอาจเสนอสถานการณ์ที่มีทั้งบุคคล ท่ีเช่ือมั่นตน และไม่เชื่อมั่นในตน พร้อมทั้งสภาพผลท่ีเกิดขึ้นแก่บุคคลเหล่านั้น โดยให้ผู้รับบริการ พิจารณาเปรียบเทียบผล และระบุความรู้สึกหรือความต้องการของตนได้ ซ่ึงผู้จัดกิจกรรมอาจจะเน้น ในข้ันการเรียนรู้เชงิ ประสบการณใ์ นขนั้ ประสบการณ ์ การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวที่เน้นการพฒั นาทกั ษะสำหรบั ผ้เู รยี น

55 การทบทวนตรวจสอบตนและวางแผนพัฒนาตน เป็นการจัดประสบการณ์ ให้ผู้รับบริการได้ตรวจสอบตนด้านต่าง ๆ เก่ียวกับส่ิงที่กำลังเรียนรู้เพ่ือกำหนดว่าตนต้องการอยู่ใน สภาพใด โดยต้องมีการวางแผนเพ่ือการเปลี่ยนแปลง ซ่ึงผู้จัดกิจกรรมอาจจะเน้นในขั้นการเรียนร ู้ เชิงประสบการณ์ ในขนั้ ทดลอง/ฝึกทกั ษะ การฝึกทักษะเพิ่มความชำนาญ เป็นการจัดประสบการณ์เพ่ือให้ผู้รับบริการ ได้ฝึกหรือทดลองปฏิบัติตามแผนท่ีตนต้องการหรือกำหนดไว้ ทำให้การฝึกทักษะชีวิตมีทิศทาง ที่ชัดเจนโดยจัดให้มีข้ันตอนการฝึกหัดหรือทดลองตามหลักการสำคัญท่ีเกี่ยวข้อง ผู้จัดกิจกรรม อาจจะเนน้ ในขนั้ การเรยี นรู้เชิงประสบการณใ์ นขน้ั ประยุกต์ใช้และพัฒนา การออกแบบนีไ้ ด้เสนอตัวอยา่ งไว้ เพ่อื ความเข้าใจกอ่ นการจัดทำแผนกิจกรรม 4.3.6 หลังจากการออกแบบตามระยะการเรียนรู้ทักษะชีวิต 3 ระยะแล้ว จัดการ ออกแบบขนั้ ตอนการจัดกิจกรรมตามวิธกี ารเรยี นรู้ 5 ขน้ั ตอน (ตามตัวอย่าง) การออกแบบกิจกรรมแนะแนวทเ่ี น้นการพฒั นาทกั ษะสำหรบั ผเู้ รียน

56 การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวท่เี นน้ การพฒั นาทกั ษะสำหรับผู้เรียน ตัวอย่างการออกแบบหน่วยกิจกรรมแนะแนวกลมุ่ ในชน้ั เรยี นเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต สำหรบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 การพฒั นาสว่ นตัวและสังคม หน่วยกิจกรรมที่ 5 : ปฏเิ สธความเสีย่ ง เวลา 3 ช่วั โมง โดยวิเคราะห์ปญั หาและความจำเปน็ สภาพปัญหา ผลลพั ธ์การเรียนรู ้ จติ ลักษณะและทกั ษะสำคญั วตั ถุประสงค์ แนวคิดสำคัญ เทคนิค และความจำเปน็ (ผลลพั ธ์ที่คาดหวัง) ท่ตี ้องการพัฒนา เกรงใจในสง่ิ ทไ่ี มค่ วรเกรง อาจทำใหม้ ีภัยมาถึงตน 1. ตระหนักรใู้ นคณุ ค่าของ 1. วิเคราะห์ปญั หา 1. วเิ คราะห์ปญั หาจาก 1. การเกรงใจในสิ่งท่ีเลือก กิจกรรมท่ี 1 : เลือกทีจ่ ะรบั การเกรงใจท่เี หมาะสม 2. เปรียบเทยี บขอ้ มลู ความเกรงใจ อาจนำภยั มาสตู่ น - กรณีศกึ ษา ขาดการวเิ คราะห ์ 2. ระบผุ ลจากความเกรงใจ 3. เชือ่ วา่ ตนปอ้ งกนั ได ้ 2. เปรียบเทยี บผลของ 2. การเกรงใจในสิง่ ทีค่ วรเกรง - แผนผงั ความคดิ ลกั ษณะจติ ใจของตน 3. เสนอแนวคิดในการปอ้ งกนั 4. เสนอแนวคดิ การแสดง พฤติกรรมเกรงใจ/ไม่เกรงใจ ย่อมพน้ ภยั - คลบิ ภยั ในเครอ่ื งด่ืม และไมม่ โี อกาสพฒั นาตน 3. เสนอแนวคดิ การแสดง 3. มติ รภาพมิได้เกิดจาก จากเพ่ือน ความเสยี่ งจากความเกรงใจ พฤติกรรมความเกรงใจ พฤตกิ รรมทเ่ี หมาะสม การตามใจ ขาดทกั ษะการปฏเิ สธ ทีเ่ หมาะสม 4. การปฏเิ สธท่ีเหมาะสม จงึ อยใู่ นภาวะเสย่ี ง ไมท่ ำลายสมั พนั ธภาพ ระหวา่ งบุคคล 1. เขา้ ใจลักษณะจิตใจตน และ 1. ตระหนกั รภู้ าวะใจตน 1. สำรวจลักษณะจติ ใจตน 1. การสำรวจตนทำใหร้ ้ ู กิจกรรมท่ี 2 : ดูแลใจตนเอง 2. วางแผนพัฒนาตนโดยเลือก 2. เช่อื ว่าสามารถพัฒนา 2. วเิ คราะหผ์ ล จดุ ออ่ นของตน - แบบสำรวจตนเกรงใจ ทจี่ ะเกรงใจได้เหมาะสม จติ ใจตนใหเ้ ข้มแขง็ ได ้ 3. วางแผนการพฒั นาเร่ือง 2. ผูท้ ร่ี ู้จุดออ่ นตนมีโอกาส - แบบฝกึ หัดการเกรงใจ ปรับตนสคู่ วามแขง็ แรง ทเ่ี หมาะสม 3. วางแผนพัฒนาตน การลดความเกรงใจ 3. การเลอื กปฏเิ สธเปน็ สิทธิ ในบคุ คล 4. ผทู้ ่มี ีความมน่ั คงในเหตุผล ท่ถี กู ต้องยอ่ มปลอดภยั 1. เชอื่ ว่าตนสามารถปฏเิ สธได ้ 1. ยอมรบั วา่ ตนมสี ทิ ธจิ ะปอ้ งกนั 1. วเิ คราะห์ผลการปฏิเสธ 1. หลกั การปฏเิ สธประกอบดว้ ย กิจกรรมท่ี 3 : ฝึกหดั ไวใ้ ห้มั่นคง 2. สามารถปฏิเสธภาวะเส่ยี งได ้ ตนเองจากความเส่ยี ง ทีเ่ หมาะสม การบอกความรสู้ ึก - ใบความรู้ “หลกั การปฏิเสธ” 2. เชื่อว่าจะพฒั นาตนได ้ 2. เลือกปฏิเสธ บอกความจำเปน็ - สถานการณฝ์ กึ ทกั ษะการปฏเิ สธ 3. สามารถปฏเิ สธความเสี่ยง 3. ฝกึ การแสดงการยนื ยัน หรือผลที่จะตามมา ต่าง ๆ ได้ ความม่นั คง 2. การฝกึ ช่วยใหเ้ กดิ ความม่ันใจและชำนาญ

57 การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวท่เี นน้ การพฒั นาทกั ษะสำหรบั ผ้เู รยี น ตวั อยา่ งการร่างแผนการจดั กจิ กรรมแนะแนวกลุ่มในช้ันเรยี นเพอื่ พฒั นาทักษะชีวิตตามหลักการเรยี นรู้เชงิ ประสบการณ์ (Experiential Learning) หนว่ ยกิจกรรมท่ี 5 : ปฏเิ สธความเส่ียง กิจกรรม ข้ันประสบการณ ์ ข้ันอภปิ ราย/สะทอ้ น ขน้ั ความคิด ข้ันทดลอง/ฝึกทักษะ ขั้นประยกุ ตใ์ ช้และพฒั นา เครือ่ งมอื และการประเมนิ กจิ กรรมที่ 1 : 1. ครทู ักทาย รวบยอด เลอื กทจ่ี ะรบั 2. ชวนศกึ ษากรณี “ความเกรงใจ” ประเดน็ อภปิ ราย สรุปแนวคิดสำคญั - เสนอแนวคิดทำ Mind- - ถามวา่ จะปฏบิ ตั ติ นเกย่ี วกบั 1. กรณศี กึ ษา “ความเกรงใจ” กจิ กรรมท่ี 2 : 3. แบง่ กลุ่มอภิปราย และผลของ mapping ความเกรงใจ ความเกรงใจอยา่ งไร 2. กระดาษเขยี น ดแู ลใจตนเอง - เรือ่ งนมี้ ีใครเก่ียวขอ้ ง ความเกรงใจ ทเ่ี หมาะสมและ จงึ จะเหมาะสม (Mind-mapping) 1. ครทู ักทาย - มปี ญั หาเกิดขึ้นหรือไม่ ไมเ่ หมาะสม - จดั การความคดิ และ 3. คลปิ ภยั จากเครอ่ื งดมื่ 2. ทบทวนว่ามเี หตกุ ารณ์ ปญั หาคอื อะไร - นำเสนอแลกเปลยี่ นกับ เกี่ยวกบั เกรงใจไหม เปน็ ปัญหาของใคร ความเข้าใจผดิ ในการ 4. ประเมินจากการแสดง 3. ทำแบบสำรวจตน กลุม่ อ่ืน รกั ษามติ รภาพอย่างไร ความคดิ เห็นและผลงาน - ผลที่ตามมาของคน “เกรงใจ” ทไี่ ม่เกรงใจจะเปน็ อยา่ งไร - เหตใุ ดเขาจงึ ไดร้ บั ผลน ้ี - ความเกรงใจให้ผลอยา่ งไร ประเด็นอภิปราย สรุปผลของ - แลกเปลี่ยนแนวคดิ และ - อภิปรายการแสดง 1. แบบสำรวจตน “เกรงใจ” สเไพหดทิฤตค้ ธตุใะกิ กิดแารจรนรตงึ นมเดั ปเเสทปน็ นิ า่น็เใชใจอดน่เยป น่าน็ ้ันงขไ รอ งใคร กเแกสลาานรระอสพวสำาฒั รงงิ่ นวแทจาผบ่ี ตนกน พแรลอ่ ะง ประสบการณ์เกยี่ วกบั ความมน่ั คงดว้ ยเหตผุ ล 2. แบบฝกึ หดั รกั ษาความมน่ั คง - ความเกรงใจ ทเ่ี หมาะสม ของใจตน - ยกตัวอยา่ งการรักษาสิทธิ - ทำแบบฝกึ หัดบันทึก 3. ประเมนิ จากการอภปิ ราย - ตนในวฒั นธรรมแบบไทย ความมน่ั คงของใจในรอบ - 1 สัปดาห์ต่อไป - ตอ้ งการจะปรับปรงุ ตน อย่างไร เพราะอะไร

กจิ กรรม 58ขัน้ ประสบการณ ์ขนั้ อภิปราย/สะทอ้ น ขั้นความคดิ ขัน้ ทดลอง/ฝึกทกั ษะ ข้ันประยุกตใ์ ช้และพฒั นา เครอ่ื งมือและการประเมนิ รวบยอด การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวท่เี นน้ การพฒั นาทกั ษะสำหรับผู้เรียน กจิ กรรมท่ี 3 : 1. ครทู ักทาย ประเดน็ อภปิ ราย สรุปแนวคดิ สำคญั - เสนอตัวอยา่ งหรอื - รว่ มกนั เสนอแนวทางใหม่ ๆ 1. หลักการปฏิเสธ ฝกึ หดั ไวใ้ หม้ น่ั คง 2. แลกเปลยี่ นประสบการณ์ ตอ่ การฝึกหัดปฏเิ สธ ประสบการณ์ ในการปฏิเสธผ่านการทำ 2. สถานการณท์ ี่จะฝกึ ปฏิเสธ 1 สปั ดาห์ที่ฝกึ หัด - รูส้ ึกอยา่ งไรในการฝกึ Mind-mapping 3. กระดาษเขยี น Mind-mapping 3. พจิ ารณาหลักการปฏิเสธ ปฏิเสธ - ฝกึ ทกั ษะการปฏิเสธ 4. ประเมนิ จากการฝกึ หดั ร่วมกันแล้วแลกเปลยี่ น - มนั่ ใจจะให้ผลอย่างไร แนวทางท่ที ำใหไ้ มต่ กเปน็ ความคิด - มเี ทคนิคอะไรนอกเหนอื เหยื่อความเกรงใจ 4. สาธติ การปฏิเสธ 5. ฝกึ ปฏเิ สธตามสถานการณ์ จากตวั อย่างอีก และให้ feedback เชงิ บวก

59 ตวั อยา่ งการจัดทำแผนการจดั กิจกรรมแนะแนวกล่มุ ในช้นั เรียนเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต ตัวอยา่ ง รูปแบบของแผนการจัดกจิ กรรมแนะแนวกลุ่มในชั้นเรยี นเพือ่ พฒั นาทกั ษะชีวติ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท.่ี ......... ❑ ทกั ษะการพฒั นาชวี ติ สว่ นตนและสงั คม ❑ ทกั ษะการเรยี นรู้ ❑ ทกั ษะพน้ื ฐานทางการงานอาชพี หน่วยกจิ กรรมท่.ี ......... ชือ่ ...................................................... กิจกรรมที่............................................................................... เวลา.............................................. จุดประสงค์เพ่ือ 1) .................................................................................................................... 2) .................................................................................................................... 3) .................................................................................................................... แนวคดิ สำคญั (Concept)........................................................................................................... ....................................................................................................................................................... สอื่ /อปุ กรณ์การเรียนร.ู้ ................................................................................................................. วธิ ดี ำเนนิ กจิ กรรม ขั้นประสบการณ์ 1) .............................................................................................. 2) .............................................................................................. ขน้ั อภปิ ราย/สะทอ้ น................................................................................................ ขั้นความคิดรวบยอด................................................................................................ ขนั้ ทดลอง/ฝกึ หดั ทักษะ (เพ่ิมความชำนาญ)........................................................... ขนั้ ประยกุ ต์ใชแ้ ละพฒั นา........................................................................................ การวดั และประเมินผล 1) .............................................................................................. 2) .............................................................................................. บนั ทึกหลังการดำเนินกจิ กรรม 1) .............................................................................................. 2) .............................................................................................. ข้อเสนอแนะ.................................................................................................................................. การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวท่ีเนน้ การพฒั นาทักษะสำหรับผเู้ รียน

60 ตวั อยา่ ง แผนการจัดกิจกรรมแนะแนวกลมุ่ ในช้ันเรียนเพอื่ พัฒนาทักษะชีวิต ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ❑ ทกั ษะการพฒั นาชวี ติ สว่ นตนและสงั คม ❑ ทกั ษะการเรยี นรู้ ❑ ทกั ษะพนื้ ฐานทางการงานอาชพี หน่วยกิจกรรมที่ 5 : ปฏเิ สธความเส่ียง กิจกรรมที่ 1 เลือกท่ีจะรับ เวลา 50 นาที จดุ ประสงคเ์ พอ่ื 1) วเิ คราะห์ปญั หาจากความเกรงใจกัน 2) เปรยี บเทยี บผลจากพฤตกิ รรมเกรงใจและไมเ่ กรงใจ 3) เสนอแนวคดิ การแสดงความเกรงใจในเหตุการณท์ ่เี หมาะสม แนวคิดสำคัญ (Concept) 1. ความเกรงใจในสิง่ ที่เสย่ี งอาจนำภัยมาสู่ตน 2. การเกรงใจในส่ิงท่คี วรเกรงใจย่อมพน้ ภยั 3. มิตรภาพมิได้เกิดข้ึนจากการตามใจ 4. การปฏิเสธทเ่ี หมาะสมไม่ทำลายความสัมพันธ ์ ส่อื /อุปกรณก์ ารเรียนรู้ 1. กรณศี ึกษา “ความเกรงใจ” 2. กระดาษ A4 ใชเ้ ขยี นแผนผงั ความคดิ องคป์ ระกอบในการเกรงใจ 3. คลปิ เร่ืองภัยจากเครอ่ื งด่มื ที่เพ่อื นมอบให้ วิธดี ำเนินกจิ กรรม ขัน้ ประสบการณ์ 1) ครทู กั ทายนกั เรยี น ชวนคยุ เรอื่ งของความเสยี่ ง ใหน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งภาวะเสย่ี ง 2) ครูชักชวนว่าวันน้ีจะลองเลือกพิจารณาความเส่ียงจากคนใกล้ชิด โดยให้อ่าน หรือแสดงบทบาทสมมติ กรณีศึกษา “ความเกรงใจ” แล้วแบ่งกลุ่มอภิปราย ตามประเดน็ ท่กี ำหนดไว้ หรอื อาจมีประเดน็ เพ่มิ เตมิ จากนกั เรยี นอีกกไ็ ด้ ข้ันอภิปราย/สะท้อน 3) ครใู หน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ละ 3 คน รว่ มกนั อภปิ รายตามประเดน็ (3.1) เรอ่ื งนมี้ ใี ครเกยี่ วขอ้ งบา้ ง (3.2) มปี ญั หาเกดิ ขน้ึ หรอื ไม่ ปญั หาคอื อะไร เปน็ ปญั หาของใคร (3.3) ทง้ั 2 คน มพี ฤตกิ รรมตา่ งกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร (3.4) ผลกรรมท่ีตามมาของทง้ั 2 คน เหมือนกันหรอื ต่างกนั อยา่ งไร (3.5) เหตุใดจึงทำให้เขาไดร้ บั ผลกรรมเชน่ นน้ั (3.6) ความเกรงใจกนั มผี ลดหี รอื ผลเสียอย่างไร การออกแบบกิจกรรมแนะแนวทเี่ นน้ การพัฒนาทักษะสำหรบั ผูเ้ รยี น

61 (3.7) ความเกรงใจจะช่วยรกั ษามิตรภาพไวใ้ ชห่ รือไม่ อยา่ งไร (3.8) การปฏิเสธทีไ่ ม่ทำลายสมั พนั ธภาพเปน็ ไปไดห้ รือไม่ 4) ใหน้ กั เรยี นแต่ละกล่มุ สรปุ แนวคดิ ของตน ขัน้ ความคดิ รวบยอด 5) ครูและนักเรียนชว่ ยกนั สรุปแนวคดิ สำคญั ดงั น้ ี (5.1) การเกรงใจในส่ิงท่เี สย่ี ง....................................ทำให้ → ...................... (5.2) การเกรงใจในสง่ิ ทค่ี วรเกรงยอ่ ม.......................ทำให้ → ...................... (5.3) มิตรภาพทด่ี ไี ม่ไดเ้ กดิ จากการตามใจ ซึง่ ทำให้ → ................................ (5.4) การปฏิเสธที่ไมท่ ำลายสัมพนั ธภาพทำได้โดย.................. → ................ ขัน้ ทดลอง/ฝกึ ทกั ษะ (เพิม่ ความชำนาญ) 6) ครแู จกกระดาษ A4 กลมุ่ ละ 1 แผน่ พรอ้ มปากกาเคมี ใหเ้ สนอแนวคดิ การเกรงใจ ในเหตุการณ์ใดบ้างท่ีเหมาะสมและเหตุการณ์ใดบ้างที่ไม่เหมาะสม โดยทำ เป็นแผนผังความคดิ หรอื ตารางแยกความคิดก็ได ้ 7) ครูใหน้ กั เรยี นนำเสนอแนวคิดของกลุ่ม ขน้ั ประยุกต์ใชแ้ ละพัฒนา 8) ครูถามนกั เรยี นวา่ ตอ่ ไปน้ีจะคิดอย่างไรในเรอ่ื งความเกรงใจ 9) ครใู หน้ กั เรยี นชว่ ยกนั สรปุ วา่ ความคดิ เกา่ ๆ หรอื การเขา้ ใจผดิ ในเรอ่ื งการรกั ษา มิตรภาพ อะไรบ้างทเ่ี ราควรเปลี่ยนใหม่ เพือ่ ความปลอดภยั ของตน การวดั และประเมนิ ผล 1) ประเมินความคดิ ความเชอ่ื ในเรื่องความเกรงใจของนกั เรยี น จากการอภิปรายระหวา่ งเรียน 2) สังเกตผลงานการเสนอแนวคิดของกลุ่ม แล้วประเมินผล ด้วยการให้ Feedback เชิงบวก บนั ทึกหลงั การดำเนินกจิ กรรม 1) .............................................................................................. 2) .............................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ................................................................................................................................. การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวท่ีเน้นการพฒั นาทักษะสำหรับผ้เู รียน

62 ตวั อยา่ ง แผนการจัดกิจกรรมแนะแนวกล่มุ ในชน้ั เรียนเพอ่ื พฒั นาทักษะชวี ติ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ❑ ทกั ษะการพฒั นาชวี ติ สว่ นตนและสงั คม ❑ ทกั ษะการเรยี นรู้ ❑ ทกั ษะพนื้ ฐานทางการงานอาชพี หน่วยกจิ กรรมท่ี 5 : ปฏิเสธความเส่ยี ง กิจกรรมที่ 2 ดูแลใจตนเอง เวลา 50 นาที จุดประสงคเ์ พ่ือ 1) สำรวจใจตนในเรอ่ื งความเกรงใจกนั 2) วิเคราะหผ์ ลจากการสำรวจตน 3) วางแผนการพัฒนาเร่อื งการเกรงใจทเ่ี หมาะสม แนวคดิ สำคัญ (Concept) 1. การสำรวจตนในเรอ่ื งความเกรงใจทำให้รจู้ ดุ ออ่ นของตน 2. ผทู้ ีร่ ูจ้ ดุ ออ่ นของตนมโี อกาสปรับเปลย่ี นไปส่คู วามเข้มแข็ง 3. การเลือกปฏเิ สธเปน็ สิทธสิ ว่ นบคุ คล 4. ผูท้ ่มี คี วามมั่นคงในหลักการ/เหตผุ ลทีถ่ กู ตอ้ งยอ่ มปลอดภยั สอื่ /อุปกรณก์ ารเรยี นรู้ 1. แบบสำรวจความเกรงใจ 2. แบบฝึกหัดใชค้ วามเกรงใจใหเ้ หมาะสม วธิ ีดำเนินกจิ กรรม ขัน้ ประสบการณ์ 1) ครูทักทายนักเรียน ชวนทบทวนเรื่องความเกรงใจในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีเรือ่ งนี้เกิดข้ึนกับตนหรอื ไม่ แลว้ จัดการอย่างไร 2) ครูชักชวนให้ตรวจสอบตนเอง เม่ือเผชิญเร่ืองที่เก่ียวข้องกับความเกรงใจ หรอื เรื่องการปฏเิ สธความเสย่ี ง โดยแจกแบบสำรวจความเกรงใจ ข้ันอภิปราย/สะท้อน 3) ครใู หน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ละ 3 คน รว่ มกนั อภปิ รายตามประเดน็ (3.1) จากการทำแบบสำรวจไดค้ ะแนนเทา่ ใด พฤตกิ รรมเกย่ี วกบั ความเกรงใจ อย่ใู นระดบั ใด ดี พอใช้ หรือปรับปรงุ (3.2) เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น โปรดระบุความคิดและความมั่นคงทางจิตใจ ของตนเอง (3.3) เรามีสิทธิหรือไม่ท่ีจะตัดสินใจ และเราจะแสดงออกอย่างไร เพื่อรักษา มิตรภาพทงั้ ๆ ท่เี ราไม่ปรารถนาจะทำตามเพอื่ น (3.4) อยากปรับปรุงตนอย่างไรให้มีความมั่นคงที่จะทำตามแนวคิดของตน ทเ่ี ลอื กแลว้ ว่าเหมาะสม การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวท่เี นน้ การพฒั นาทกั ษะสำหรับผเู้ รยี น

63 ข้ันความคิดรวบยอด 4) ครแู ละนักเรยี นช่วยกันสรุปแนวคิดสำคญั ดังน ี้ (4.1) การสำรวจตนเพอ่ื ให้รู้จดุ ออ่ นของตนชว่ ยให.้ ......................................... (4.2) ผ้ใู ดทรี่ ้จู ดุ ออ่ นของตนจะ........................................................................ (4.3) การปฏเิ สธเป็นสทิ ธสิ ว่ นบุคคลหรือไม่.................................................... (4.4) การวางแผนปรบั ปรงุ ความมั่นใจในตนจะ............................................... ขัน้ ทดลอง/ฝึกทักษะ (เพิม่ ความชำนาญ) 5) นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ปรกึ ษาหารอื เพอ่ื หาแนวทางปรบั ปรงุ ตนเองใหม้ คี วามมนั่ ใจ ที่จะรกั ษาสทิ ธิของตนโดยปราศจากความเสย่ี ง แลว้ ใหเ้ ล่าสูเ่ พือ่ นฟงั 6) นักเรียนยกตัวอย่างพฤติกรรมการรักษาสิทธิโดยปฏิเสธความเส่ียงจาก ประสบการณ์ของตน 7) ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ เพื่อยืนยนั หลักการจากความคิดรวบยอด ขัน้ ประยกุ ต์ใช้และพฒั นา 8) ครูชวนให้นักเรียนคิดว่าการฝึกรักษาสิทธิของตนหรือฝึกความมั่นคง ในหลักการท่ดี ี มีประโยชน์อย่างไร 9) ครูชวนให้นักเรียนสรุปว่า ผู้ท่ีมีความมั่นคงในหลักการ/เหตุผลที่ถูกต้อง จะเป็นอย่างไร 10) ให้นักเรียนทำแบบฝกึ หดั เรอื่ งนี้โดยการบนั ทึกพฤติกรรมการรักษาความมัน่ คง ทางใจของตนในรอบ 1 สปั ดาห ์ การวัดและประเมนิ ผล 1) สังเกตผลจากการทำแบบสำรวจ แล้วประเมินภาพรวม ของนักเรียนทั้งชัน้ เรียน 2) ประเมินผลจากการทำแบบบันทึกในรอบ 1 สัปดาห์ ว่าอยู่ ในระดบั ด/ี พอใจ/ปรบั ปรงุ กค่ี น/คิดเป็น % บนั ทกึ หลงั การดำเนินกจิ กรรม 1) .............................................................................................. 2) .............................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ................................................................................................................................. การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวท่เี น้นการพฒั นาทกั ษะสำหรบั ผูเ้ รียน

64 ตัวอย่าง แผนการจดั กิจกรรมแนะแนวกลุม่ ในชั้นเรยี นเพือ่ พัฒนาทักษะชีวิต ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ❑ ทกั ษะการพฒั นาชวี ติ สว่ นตนและสงั คม ❑ ทกั ษะการเรยี นรู้ ❑ ทกั ษะพน้ื ฐานทางการงานอาชพี หน่วยกิจกรรมที่ 5 : ปฏเิ สธความเส่ยี ง กจิ กรรมท่ี 3 ฝกึ หัดไว้ใหม้ ่ันคง เวลา 50 นาท ี จุดประสงค์เพ่อื 1) วเิ คราะห์ผลการปฏิเสธอย่างเหมาะสม 2) เลอื กปฏิเสธความเสี่ยงอยา่ งเหมาะสม 3) ฝกึ การแสดงการยนื ยนั ความม่ันคงหรอื หลกี เลย่ี งความเสย่ี ง แนวคดิ สำคัญ (Concept) 1. หลักการปฏิเสธประกอบด้วย การบอกความรู้สึก บอก ความจำเปน็ หรอื บอกผลทีจ่ ะตามมา การชักชวนใหเ้ ข้าใจ/ เหน็ ใจ และการยนื ยนั ท่จี ะทำตามใจท่ีม่งุ ม่นั ให้ได้ 2. การฝกึ บอ่ ย ๆ จะชว่ ยทำใหผ้ อู้ น่ื เขา้ ใจตน และเกดิ ความมน่ั ใจ ในการปฏิเสธ สอื่ /อุปกรณก์ ารเรยี นรู้ 1. ใบความรู้ “หลกั การปฏเิ สธ” 2. ใบงาน : สถานการณ์ที่จะฝกึ ปฏเิ สธ วิธดี ำเนินกจิ กรรม ข้ันประสบการณ์ 1) ครทู กั ทายนกั เรยี น ชกั ชวนทบทวนการทำแบบฝกึ หดั ในรอบ 1 สปั ดาหท์ ผ่ี า่ นมา 2) ครูชวนให้นักเรียนฝึกทักษะการปฏิเสธโดยแบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 3-5 คน จบั สลากสถานการณเ์ พือ่ ฝกึ การปฏเิ สธ 3) ครูชวนให้นักเรียนอาสาสมัคร 3-5 คน มาสาธิตการปฏิเสธ โดยให้ทุกคน อ่านใบความรู้ “หลกั การปฏิเสธ” กอ่ น 4) ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกนั วเิ คราะหห์ ลกั การปฏเิ สธทกี่ ลมุ่ สาธติ แสดง แลว้ ชว่ ยกนั เพมิ่ เตมิ ใหเ้ ขม้ แข็งและมนั่ ใจ 5) ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมาฝึกตามสถานการณ์ที่จับได้และสรปุ 6) ครูให้ Feedback เชิงบวก การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวทเ่ี นน้ การพฒั นาทักษะสำหรับผเู้ รียน

65 ขั้นอภปิ ราย/สะทอ้ น 7) ครูชวนให้นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายตามประเด็นต่อไปน ้ี (7.1) นกั เรยี นรสู้ ึกอยา่ งไรจากการแสดง ยากหรืองา่ ยอยา่ งไร (7.2) ถ้าเรามีความมน่ั ใจในหลักการที่ทำใหต้ นไม่เส่ียงจะเกดิ ผลอยา่ งไร (7.3) มีเทคนิคอะไรนอกเหนือจากนี้ ท่ีจะทำให้เราพ้นจากการถูกชักชวนไป ในทางเสี่ยง (เทคนิคการพดู และท่าทาง) ข้ันความคดิ รวบยอด 8) ครแู ละนักเรยี นช่วยกนั สรปุ แนวคดิ สำคญั ดงั น้ ี (8.1) หลกั การปฏเิ สธท่สี ำคญั ทำไดโ้ ดย........................................................... (8.2) การฝกึ หัดการปฏเิ สธจะ......................................................................... (8.3) ผู้ทม่ี คี วามเข้มแขง็ และม่นั คงจะ.............................................................. (8.4) การเกรงใจเป็นสิ่งท่ดี ีจงึ ควร................................................................... ข้นั ทดลอง/ฝึกทกั ษะ (เพิม่ ความชำนาญ) 9) ครูชวนให้นักเรียนเสนอตัวอย่างหรือประสบการณ์ที่ตนปฏิเสธ/ไม่เกรงใจ ในสงิ่ ทเ่ี สยี่ งแลว้ ไดผ้ ลด ี 10) ครชู วนใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั เสนอแนวทางการไมต่ กเปน็ เหยอ่ื ของผทู้ ไี่ มป่ ระสงคด์ ี 11) ครชู วนใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั เสนอเทคนคิ วธิ กี ารชกั ชวนไปในทางเสยี่ งแบบใหม่ ๆ ท่ีคาดไม่ถงึ ขัน้ ประยกุ ตใ์ ชแ้ ละพฒั นา 12) ครูช่วยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปว่า เราจะแสดงออกอย่างไรเม่ือถูก ชักชวนหรือชักจูงไปในทางเสี่ยง โดยเขียนข้อสรุปเป็น Mind-mapping แล้วแลกเปลย่ี นกัน และสง่ เสริมให้ฝึกใชบ้ ่อย ๆ การวัดและประเมนิ ผล 1) สังเกตผลการฝึกทกั ษะปฏเิ สธ แลว้ ประเมนิ ว่านกั เรียนเขา้ ใจ และทำได้เหมาะสมเพียงใด 2) ประเมินความรู้สึกม่ันใจในการเคารพสิทธิตนและการแสดง ทา่ ทีส่ือสารที่ชวนใหค้ นรว่ มมอื /หรือเขา้ ใจตน 3) ประเมินความตระหนักรู้ว่าตนควรดูแลตนให้ปลอดภัย ได้ดว้ ยวิธีการตา่ ง ๆ จากการทำ Mind-mapping บันทกึ หลังการดำเนนิ กิจกรรม 1) .............................................................................................. 2) .............................................................................................. ข้อเสนอแนะ................................................................................................................................. การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวท่ีเนน้ การพฒั นาทักษะสำหรบั ผเู้ รียน

66 4.4 การประเมนิ ผลการจดั กจิ กรรมแนะแนวกลมุ่ ในชนั้ เรยี น และตวั อยา่ งการออกแบบ หน่วยกจิ กรรมกลมุ่ ในชนั้ เรยี นแยกตามระดบั ช้นั เรยี น 4.4.1 การประเมินผลการจัดกจิ กรรมแนะแนวกลมุ่ ในชน้ั เรียน การประเมินผลการจัดกิจกรรมแนะแนวกลุ่มในช้ันเรียน เป็นภารกิจสำคัญ อีกประการหน่ึง ท่ีส่งผลต่อการปรับปรุงและพัฒนา โดยเน้นการเปล่ียนแปลงทางความคิด อารมณ์ ความรู้สึก และทักษะชีวิตของผู้รับบริการ ความเหมาะสมของการออกแบบกิจกรรม เทคนิควิธี บรรยากาศที่เอ้ือต่อการเรียนรู้หรือส่ือการเรียนรู้ว่ามีความเหมาะสมเพียงใด เพ่ือการนำผลไปใช้ เปน็ แนวทางปรบั ปรงุ หรือปรับขยายกจิ กรรมแนะแนวในช้นั เรยี นต่อไป จากจุดประสงค์หลายประการดังกล่าว จึงมีวิธีการประเมินผลหลากหลายวิธี โดยเฉพาะวิธีการที่จะได้ข้อมูลเก่ียวกับ 1) ความเช่ือ ความคิดที่เปล่ียนแปลงไป 2) ความรู้สึก และเจตคติ 3) ความสามารถหรอื ทกั ษะชวี ติ ทพ่ี ฒั นากา้ วหนา้ หรอื ไม่ 4) ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ความเหมาะสม ของการออกแบบและเลือกใช้สื่อการเรียนรู้ เป็นต้น และ 5) แนวคิดในการปรับปรุงหรือปรับขยาย กิจกรรมต่อไป การประเมินผลดังกล่าวอาจใช้วิธีการสังเกต สัมภาษณ์ การรายงานตนเอง หรือการประเมินผลการฝึกหัดพัฒนาตน เป็นต้น จากการศึกษาแนวการจัดกิจกรรมแนะแนวตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน, 2555 : 2-3, 54) ไดร้ ะบุการประเมนิ ผลไว้ 2 ลักษณะ ไดแ้ ก่ ลักษณะท่ี 1 ประเมินเพอ่ื พัฒนาผเู้ รยี นเปน็ การประเมินรายกิจกรรม โดยติดตามผลการพัฒนา ของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ซ่ึงอาจมีผู้เรียนและผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการประเมินด้วยก็ได้ ลักษณะท่ี 2 ประเมินเพ่ือต้องการตัดสินผลการเรียน โดยมีเกณฑ์การตัดสิน 2 ระดับ ได้แก่ ผ่าน และไม่ผา่ น เกณฑ์การตัดสินผ่าน หมายถึง มีจำนวนเวลาท่ีเข้าร่วมกิจกรรม มีการปฏิบัติ กจิ กรรม หรอื มีผลงานหรือคณุ ลักษณะครบตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากำหนด เกณฑก์ ารตดั สนิ ไมผ่ า่ น หมายถงึ มจี ำนวนเวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมไมค่ รบตามเกณฑ์ ไม่ปฏิบตั กิ จิ กรรม ขาดผลงานหรอื คุณลักษณะไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากำหนด 4.4.2 ตัวอย่างการออกแบบหน่วยกิจกรรมกลุ่มในชัน้ เรยี นแยกตามระดับชนั้ เรยี น ในแต่ละสถานศึกษาต้องการจัดกิจกรรมแนะแนวกลุ่มในช้ันเรียนที่มีคุณภาพ ควรให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามระดับช้ัน ควรมีการดำเนินการประชุมครูผู้รับผิดชอบ ทุกชั้นเรียนร่วมกัน เพื่อการวางแผนพัฒนาทักษะชีวิตท่ีครอบคลุม 3 ขอบข่ายของบริการแนะแนว โดยไมซ่ ำ้ ซอ้ นกัน ดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน ้ี การออกแบบกิจกรรมแนะแนวท่ีเนน้ การพฒั นาทกั ษะสำหรบั ผเู้ รยี น

ตารางที่ 4.6 ตวั อย่างการออกแบบหน่วยกิจกรรมแนะแนวกลุ่มในชั้นเรยี นแยกตามระดบั ชั้นเรยี น สำหรบั การพัฒนาทกั ษะชวี ติ ส่วนตนและสงั คม 67 ม.1 (7+7) ม.2 (8+8) ม.3 (4+4) ม.4 (7+7) ม.5 (8+8) ม.6 (4+4) การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวท่เี นน้ การพฒั นาทกั ษะสำหรบั ผ้เู รยี น ห นว่ ยการภเารยคี นเรรียทู้ นี่ ท1่ี 1 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรียทู้ น่ี ท1ี่ 1 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ น่ี ท1่ี 1 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ นี่ ท1่ี 1 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรียทู้ นี่ ท1ี่ 1 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรียทู้ น่ี ท1่ี 1 ชม.) : (3 : (3 : (2 : (3 : (3 : (2 แนะนำตวั รทู้ ันตน (การเปลยี่ นแปลง สื่อสารสรา้ งสรรค์ สอื่ สารสร้างสรรค์ การรักสรา้ งโลก การเตรยี มตวั สชู้ ีวติ เน้นบุคลิกภาพและการยอมรบั ตามวัย) เน้นอา่ นตนออก บอกตนได้ เน้นการถ่ายทอดความคิดเห็น เน้นความรักที่ยงิ่ ใหญเ่ ปน็ ผู้ให้- แห่งความรับผิดชอบ ตน-การปรบั ตวั เนน้ ความเข้าใจ ยอมรับ-ปรบั ตัว ใหค้ นอ่นื รูจ้ กั ไดเ้ รว็ ต่อปญั หาอยา่ งใชป้ ัญญา ความรักที่คบั แคบมุ่งครอบครอง เนน้ ความรับผิดชอบต่อหน้าท่ ี ห นสว่ รย้ากงคาณุรเรคยี า่ นแรหทู้ ง่ ต่ี 2น : (4 ชม.) ห นรวู่จ้ ยักกเขาา้รใเจร ยี นรทู้ ่ี 2 : (3 ชม.) ห นคว่ ณุ ยภกาาพรเขรอยี งนครนทู้ อ่ี 2ยูท่ : ี ่(2 ชม.) ห นกว่ ายรกใชาเ้ รงเนิรยแี นละรเทู้ ว่ีล2าท: (่มี 4คี ชุณมค.่า) ห นคว่ ดิ ยกก่อานรทเรำยี คนือรรทู้ บั ี่ ผ2ดิ :ช(อ3บช ม.) ห นตว่ อ้ ยนกราบั รคเรวยี านมรผทู้ ิด่ีห2ว:ัง-(ส2มชหมว.งั) เน้นความภาคภูมิใจตน เนน้ จดั การกบั อารมณเ์ สยี -เครยี ด ความรับผดิ ชอบ เน้นความพอเพียงและรกั ษ์โลก เนน้ พจิ ารณาผลทจี่ ะตามมา เน้นการเข้าใจความจรงิ และมจี ติ สาธารณะ เน้นบทบาทหน้าท่ขี องตน ยอ่ มกำหนดเหตุท่ีดีได ้ และการเตรียมรบั ความเปน็ จริง เพิ่มคุณคา่ ชวี ติ และสังคม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 : (2 ชม.) และการปฏิบัติตามหน้าท่ี รว่ มด้วยชว่ ยกันลดความ ด้วยความเตม็ ใจ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 : (2 ชม.) รนุ แรง (เนน้ จติ อาสา) - เตอื นภัยใกล้ตวั เนน้ ดว้ ยช่วยกนั ลดความรุนแรง เน้นความคดิ ทร่ี อบคอบ (เนน้ จิตอาสา) และความเชือ่ ที่ถูกตอ้ ง ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ น่ี ท3ี่ 2 ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ น่ี ท4ี่ 2 ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ นี่ ท3่ี 2 ห นว่ ยการภเารยคี นเรรียทู้ น่ี ท3ี่ 2 ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ นี่ ท4ี่ 2 ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ น่ี ท3ี่ 2 รทู้ นั อารมณ์ : (3 ชม.) : (3 ชม.) : (2 ชม.) : (3 ชม.) : (3 ชม.) การบริหารเวลา : (2 ชม.) ซื่อกนิ ไมห่ มด-คดกนิ ไม่นาน ชว่ งเปลีย่ นแปลงสำคญั จดั การอารมณ์อย่างฉลาด ทางออกของชวี ิต เน้น EQ และการพัฒนา เน้นความซ่ือสตั ย์ต่อคน ต่องาน (จบ ม.ตน้ ) เนน้ การพิจารณา เนน้ เหตุและการแกไ้ ขปรบั ตัว เน้นการแกป้ ญั หาชวี ติ เน้นความรับผิดชอบชีวติ ปัจจบุ ันและวางแผนอนาคต เกิดไดก้ ็แกไ้ ด้ ห นสว่ ่อื ยสกาารรสเรรา้ยี งนสรรทู้ รี่ค4 ์ : (4 ชม.) ห นสว่ ่อื ยสกาารรสเรรา้ยี งนสรรทู้ รี่ค5์ : (3 ชม.) ห นคว่ วยากมาพรอเรดยี ีแนลระทู้ ชี่ว่ 4ยร: กั(2ษ์โชลมก.) ห นกว่ ายรกเลาือรกเรคยี บนเรพทู้ ่ือี่ น4ท:ี่ด(ี 4 ชม.) ห นกว่ ายรกใหาค้รเณุ รยีคน่าร ทู้ ี่ 5 : (3 ชม.) ห นกว่ อ่ ยนกจาารกเรฝยี านกรคทู้วาี่ 4ม: (2 ชม.) เน้นติดตอ่ เพอื่ แจง้ เนน้ ตดิ ต่ออยา่ งม่งุ ม่ัน ปฏิเสธ เน้นการใช้จา่ ยพอดีและยง่ั ยนื และการรกั ษามิตรภาพ เน้นค่านิยมทม่ี ปี ระโยชน์ (จติ สาธารณะ) ติดต่อเพอื่ เขา้ ใจ ความคิดและการกระทำ เนน้ การเปน็ เพอ่ื นท่ปี รึกษา- ติดตอ่ เพ่อื รว่ มมอื ร่วมใจ ทใี่ ห้โทษ ชกั จูงกนั ทำดี ความหมายของเพอื่ นแท ้ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 : (2 ชม.) (จติ อาสา) ความรกั และปรารถนาดตี อ่ กนั หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 : (2 ชม.) เน้นเทคนคิ การเปน็ เพื่อน ความเปน็ อยูอ่ ย่างพอดี ทป่ี รกึ ษา (ความเขา้ ใจปัญหา) เนน้ ความคิดที่เป็นเหตุ-ผล พอเหมาะ พอดี (ความพอเพียง) * ผลการประชมุ ร่วมกำหนดสดั สว่ น และออกแบบหนว่ ยการเรียนรูง้ านแนะแนว โรงเรียนศรยี านุสรณ์ จังหวดั จนั ทบรุ ี (2556)

ตารางท่ี 4.7 ตัวอย่างการออกแบบหน่วยกจิ กรรมแนะแนวกลุ่มในช้ันเรียนแยกตามระดบั ชนั้ เรยี น สำหรบั การพฒั นาทกั ษะการเรียนร ู้ 68 ม.1 (7+7) ม.2 (6+6) ม.3 (6+6) ม.4 (7+7) ม.5 (6+6) ม.6 (6+6) การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวท่เี นน้ การพฒั นาทกั ษะสำหรับผู้เรียน ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ น่ี ท1ี่ 1 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ นี่ ท1่ี 1 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรียทู้ นี่ ท1ี่ 1 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ น่ี ท1่ี 1 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรียทู้ นี่ ท1่ี 1 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ น่ี ท1ี่ 1 ชม.) : (3 คน้ หาความถนดั : (3 : (3 : (4 : (3 : (3 เข้าใจและตระหนกั รู ้ การพัฒนาดา้ นการเรยี น การเรียนรูอ้ ยา่ งเขา้ ใจ รจู้ กั ตนเอง รูจ้ ักตนเองเพอื่ มุ่งส่ ู ถึงภยั ธรรมชาติในทอ้ งถิ่น เนน้ พหุปญั ญา เน้นความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง เนน้ เข้าใจยอมรบั ความสามารถ การศกึ ษาทเ่ี ก่ียวกับอาชพี เนน้ ลักษณะ สาเหต ุ แผนการเรยี นกบั แผนการศกึ ษาตอ่ เนน้ ความสัมพนั ธข์ อง และผลกระทบ ในอนาคตท่ีตนสนใจ บคุ ลิกภาพกบั สงิ่ ท่จี ะเรยี นรู้ ห นมว่ ีทยักกษาะรกเรายี รนเผรชทู้ ญิ่ี 2 : (4 ชม.) ห นทว่ ักยษกะากราเรรยีเผนชรญิทู้ ่ีป2ญั :ห(3าแชลมะ.) ห นปว่ ลยกู กฝางั รใเหรยน้ี นักรเรทู้ ีย่ี น2ใ:ฝ(่ร3ู้ ชม.) ห นเปว่ า้ยหกมาราเยรใยี นนกราทู้ รี่เ2รีย:น( 3 ชม.) ห นทว่ กั ยษกะากราเรรยีเรนียรนทู้ ี่ก2าร: อ(3่านชม.) ห นใฝว่ ่รยู้กใาฝร่เรเรยี ยี นน รทู้ ี่ 2 : (3 ชม.) ภัยธรรมชาติ วาตภัย อทุ กภยั ฝา่ ฟนั อปุ สรรคทางการเรยี น ใฝ่เรยี น เน้นการวางแผนและกำหนด จบั ใจความ และถ่ายทอดความร้ ู เน้นแสวงหาความร้เู กย่ี วกบั อัคคภี ยั แผน่ ดินไหว (AQ) เนน้ การวางแผนการเรียน เปา้ หมายในการเรียนรขู้ องตน การศกึ ษาต่อ เน้นความสามารถในการ รักษาชวี ติ ให้รอดปลอดภัย ห นว่ ยการภเารยคี นเรรียทู้ นี่ ท3่ี 2 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ นี่ ท3่ี 2 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ นี่ ท3่ี 2 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรียทู้ น่ี ท3่ี 2 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ นี่ ท3่ี 2 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรียทู้ นี่ ท3ี่ 2 ชม.) : (3 : (3 : (3 : (4 : (3 : (3 วธิ กี ารเรยี นทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ นสิ ัยรักการอา่ น เพ่ือสิทธิ ทกั ษะการคิดแกป้ ัญหา ใสใ่ จ ใฝเ่ รียนร้ ู การใช้เทคโนโลยีในทาง โลกกว้างทางการศกึ ษา เนน้ วิธีการเรียนให้ประสบ และประโยชนข์ องตน เนน้ ด้านปัญหาการเรยี น เน้นการสร้างนสิ ยั การเรยี นรู้ การศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ เน้นเปา้ หมาย ทิศทาง ความสำเรจ็ การคดิ การสรุป เนน้ การอ่านทีล่ ะเอยี ดรอบคอบ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ และสรา้ งสรรค ์ ความตอ่ เนื่อง วธิ ีการเรียน การประยุกต์ - เวลาน้อย ระดับการศกึ ษา ความสามารถ การนำเสนอความร้ ู - คุณภาพดี ทางการเรยี นรู ้ - ประหยัดเงิน ห นว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 : (4 ชม.) ห นแว่สยวกงหาราเครวยี านมรรทู้ ทู้ ี่ 4ี่มี : (3 ชม.) ห นคว่ า่ ยนกยิ ามรทเรายี งนการรทู้ เ่ีร4ียน: ( 3 ชม.) ห นเรว่ ยี ยนกราู้ตราเรมยี หนนรททู้ า่ี 4ง : (3 ชม.) ห นรว่ะยบกบากราเรรยีรบันสรทู้ม่ีคั 4ร: (3 ชม.) ห นวว่ายงแกผานรเกรายี รนศรึกทู้ ษ่ี 4าต:อ่ ( 3 ชม.) ความสำคญั กับท้องถิ่น เนน้ พิจารณาขอ้ มูล ตวั อย่าง แหง่ ความสำเรจ็ Admissions (มีนสิ ยั ใฝ่รู้ อย่างชาญฉลาด มนี สิ ยั ใฝ่รู้ ใฝเ่ รียน เน้นวฒั นธรรมท้องถ่นิ - สำเร็จ เนน้ ทกั ษะการตัง้ คำถาม ความตอ้ งการกอ่ นตดั สนิ ใจ เน้นอิทธิบาท 4 ในการเรียน ใฝเ่ รียน) ท่คี วรอนุรกั ษ์ ประวัติศาสตร์ เนน้ การทดสอบตนเอง - เหมาะสม และภูมปิ ัญญาทอ้ งถิน่ (พฒั นาตนเอง) - ประหยัด

ตารางที่ 4.8 ตวั อยา่ งการออกแบบหนว่ ยกจิ กรรมแนะแนวกลมุ่ ในชนั้ เรยี นแยกตามระดบั ชนั้ เรยี น สำหรบั การพฒั นาทกั ษะพนื้ ฐานทางการงานอาชพี 69 ม.1 (4+4) ม.2 (4+4) ม.3 (8+8) ม.4 (4+4) ม.5 (4+4) ม.6 (8+8) การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวท่เี นน้ การพฒั นาทกั ษะสำหรบั ผ้เู รยี น ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ น่ี ท1่ี 1 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรียทู้ น่ี ท1ี่ 1 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ นี่ ท1ี่ 1 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ น่ี ท1่ี 1 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ น่ี ท1่ี 1 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ น่ี ท1ี่ 1 ชม.) : (2 : (2 : (3 : (2 : (2 : (3 แสวงหาข้อมลู ทางอาชีพ ข้อมูลอาชพี ต่าง ๆ ในอาเซยี น ผเู้ รยี นสามารถคน้ หา รวบรวม อาชีพของฉัน การรบั รู้กลุ่มอาชพี เพอื่ ทกั ษะการประกอบอาชพี อสิ ระ เน้นเจตคติท่ีดีตอ่ อาชพี สุจริต อาชีพท่ีนกั เรียนสนใจในอนาคต ขอ้ มลู เกยี่ วกบั อาชพี ท่ีเลือก เน้นรับรตู้ นเองเก่ยี วกบั อาชพี การตัดสินใจทางอาชีพ และสนใจทีเ่ หมาะสมกบั ตนเอง ท่ีสนใจ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 : (3 ชม.) โลกกว้างทางอาชีพ เนน้ ทศิ ทาง ความกา้ วหนา้ ความตอ่ เนอื่ ง ห นบว่ ทยบกาาทรหเรนยี ้านทร่ีขทู้ อ่ี 2งน:กั (2เรยีชนม .) ห นอว่ ายชกพี าทรีส่เรอยี ดนครลทู้ ้อ่ี ง2ก:ับ(2 ชม.) ห นเรว่ ียยนกราบู้ รเุครลยี กินภราทู้ พี่ 2ทีเ่:ห(ม3าชะมส.ม) ห นเรว่ ยี ยนกราู้สรู่อเรายี ชนพี รใทู้ น่ี ฝ2ัน: (2 ชม.) ห นอว่ ายชกพี าไรหเนรยีใชน่เรรทู้า ่ี 2 : (2 ชม.) ห นเปว่ ิดยกปารระเตรสูยี ูอ่นารชทู้ พี ี่ 3อา:เ(ซ2ยี นชม .) ในการส่งเสริมอาชีพประมง บคุ ลกิ ภาพของตนเอง กับอาชีพ เน้นเตรยี มความพร้อมสู่อาชพี เนน้ การรวบรวมขอ้ มลู ต่าง ๆ เนน้ ทักษะท่ีจำเปน็ ในการเข้าสู่ ในอนาคตของตน (ดา้ นขอ้ มูล) (กระบวนการตัดสินใจ อาชพี อาเซียน (สื่อสาร ภาษา หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 : (2 ชม.) และฝึกการตดั สินใจเลอื กอาชพี ) ความเข้าใจในวัฒนธรรม) ปลูกฝงั วนิ ัยในการทำงาน เน้นตรงตอ่ เวลา ม่งุ ม่นั ให้งานสำเรจ็ ห นว่ ยการภเารยคี นเรรียทู้ นี่ ท3่ี 2 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ นี่ ท3่ี 2 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ น่ี ท4่ี 2 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรียทู้ นี่ ท3่ี 2 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรยี ทู้ นี่ ท3ี่ 2 ชม.) ห นว่ ยการภเารยคี นเรรียทู้ น่ี ท4่ี 2 ชม.) : (2 : (2 : (3 : (2 : (4 : (3 ความสร้างสรรคท์ างอาชีพ พิจารณาค่านยิ มของตน เน้นพฒั นาความสามารถใน อาชีพกับอาเซียน คุณคา่ ภมู ปิ ญั ญาและ ทกั ษะการทำงาน เนน้ ความคดิ สร้างสรรค์ ท่ีเกี่ยวข้องกบั งานท่ีสนใจ การแสวงหาขอ้ มลู เกย่ี วกบั อาชพี เน้นการพัฒนาคุณลกั ษณะ อาชีพทอ้ งถ่นิ ท่ปี ระสบความสำเร็จ เพอื่ นำมาประกอบการตดั สนิ ใจ ของตนเขา้ สอู่ าชพี ในระดบั สากล เน้นกระบวนการคิดให้รจู้ ัก เนน้ ความรอบรู้ รอบคอบ เห็นคณุ คา่ อนุรกั ษแ์ ละพฒั นา กฎระเบยี บ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 : (3 ชม.) อาชพี ในทอ้ งถนิ่ ให้เทา่ ทนั หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 : (3 ชม.) เลอื กอาชีพ กับภาวะการเปลยี่ นแปลง หนทางสู่ความสำเรจ็ เน้นบุคคลท่ีประสบความสำเร็จ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 : (2 ชม.) หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 : (2 ชม.) หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 : (2 ชม.) หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 : (2 ชม.) ของโลกในศตวรรษที่ 21 จากความมงุ่ ม่ัน อดทน ศกึ ษาคณุ ลักษณะของ อาชพี ในท้องถ่นิ เทคนคิ การประกอบอาชีพ รู้จักอาชีพท้องถ่ิน ผู้ประสบความสำเร็จทางอาชพี เน้นการตระหนกั รคู้ ณุ คา่ ให้ประสบความสำเร็จ (กา้ วหน้า ในจงั หวดั จนั ทบรุ ี ตราด เน้น - การศึกษาประวัตชิ วี ิต ของตนเอง สขุ เหมาะสม เรียนร้อู นรุ กั ษ์อาชพี ทอ้ งถ่นิ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 : (2 ชม.) อาชพี การสมั ภาษณ ์ ในจังหวัดจนั ทบรุ ี ตราด เปิดประตูสอู่ าชพี อาเซียน - การไปสัมผัสสถานทจี่ ริง เนน้ ทกั ษะทีจ่ ำเปน็ ในการเขา้ สู่ อาชีพอาเซยี น (สอ่ื สาร ภาษา ความเข้าใจในวฒั นธรรม)

0 5 บทที ่ บทบาทผจู ดั กิจกรรมแนะแนวกลมุ ในชั้นเรียน เพื่อพฒั นาทักษะชีวิต และปจ จัยความสำเร็จในการจดั กิจกรรมแนะแนวกลุมในช้ันเรียนเพื่อพฒั นาทักษะชีวิต ในการจดั กจิ กรรมแนะแนวกลมุ่ ในชน้ั เรยี นเพอื่ พฒั นาทกั ษะชวี ติ ใหป้ ระสบความสำเรจ็ นน้ั ต้องอาศัยองค์ประกอบสำคัญ 2 ประการ ได้แก่ บทบาทผู้จัดกิจกรรมแนะแนวกลุ่มในช้ันเรียน เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต และปัจจัยความสำเร็จในการจัดกิจกรรมแนะแนวกลุ่มในชั้นเรียนเพื่อพัฒนา ทกั ษะชวี ติ โดยขอเสนอแนวคิดสำคัญ ดงั นี้ 5.1 บทบาทผ้จู ดั กิจกรรมแนะแนวกลุ่มในชนั้ เรยี นเพอื่ พฒั นาทักษะชีวิต ผู้จัดกิจกรรมแนะแนวกลุ่มในชั้นเรียน ต้องเป็นผู้ท่ีมีความรู้ความเข้าใจในการจัดบริการ แนะแนว และการปรกึ ษาเชิงจติ วิทยาในสถานศกึ ษา โดยมีบทบาทสำคญั ดงั นี้ 5.1.1 เป็นผู้ทำความกระจ่างในหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และจัดทำแผนการ ใหบ้ รกิ ารแนะแนวและการปรกึ ษาเชงิ จติ วิทยาในสถานศกึ ษา 5.1.2 เป็นผู้วิเคราะห์ปัญหาของผู้เรียน รวมทั้งความจำเป็นในการพัฒนาทักษะ และจัดทำสัดส่วนกิจกรรมตามกำหนดเวลาให้ครบทุกช้ันเรียน โดยใช้วิธีการประชุมร่วมกัน เพื่อร่วมกันรับผดิ ชอบ 5.1.3 เป็นผู้ออกแบบกิจกรรมแนะแนวกลุ่มในช้ันเรียน และจัดทำแผนกิจกรรม ใหค้ รบทงั้ 2 ภาคการศึกษา หรือ 1 ปกี ารศึกษา 5.1.4 เป็นผู้จัดกิจกรรมแนะแนวกลุ่มในชั้นเรียน โดยเลือกเทคนิควิธีท่ีเหมาะสม สามารถสร้างบรรยากาศจูงใจผู้เรียน จัดการประเมินผล พัฒนากิจกรรมแนะแนวกลุ่มในชั้นเรียน ใหเ้ หมาะสมกับผู้เรียน และเกิดประโยชนส์ งู สดุ ต่อผูเ้ รยี น 5.1.5 เป็นผู้ติดตามให้บริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาแก่ผู้เรียนท่ีมี ความตอ้ งการใช้บรกิ ารตอ่ เนือ่ งเฉพาะรายหรือเฉพาะกล่มุ การออกแบบกิจกรรมแนะแนวทเ่ี นน้ การพัฒนาทักษะสำหรบั ผ้เู รียน

71 5.1.6 เป็นผู้ศึกษาวิจัย สร้างนวัตกรรมและสื่อทางการแนะแนวท่ีเป็นประโยชน ์ ตอ่ วชิ าชีพตอ่ ไป รวมทงั้ การเปน็ วทิ ยากร ในกรณีที่สถานศึกษาขาดครูที่มีความรู้ความเข้าใจงานบริการแนะแนวและการปรึกษา เชงิ จิตวทิ ยา อาจดำเนนิ การ ดงั น้ ี 1) จัดการอบรมการพฒั นาทักษะชีวติ จากผ้เู ช่ยี วชาญ 2) ขอความอนุเคราะห์ใช้กิจกรรมแนะแนวกลุ่มในชั้นเรียนท่ีได้จัดทำแล้วอย่างมี คณุ ภาพจากเครอื ขา่ ยต่าง ๆ 3) จัดประชุมสัมมนาเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิตในสถานศึกษา โดยใช้วิทยากรท่ีมีความรู้ ความสามารถในสถานศกึ ษาเดยี วกัน 4) เลือกกิจกรรมหรือสื่อทางการแนะแนวที่เน้นทักษะชีวิต จากสื่อที่มีเผยแพร่ทั่วไป ทีม่ ีคณุ ภาพเพอ่ื ประยุกต์ใช ้ 5.2 ปจั จยั ความสำเรจ็ ในการจดั กจิ กรรมแนะแนวกลมุ่ ในชน้ั เรยี นเพอื่ พฒั นาทกั ษะชวี ติ ผู้เขียนขอเสนอภาพแสดงความสัมพันธ์ของปัจจัยย่อยต่าง ๆ ท่ีสำคัญต่อความสำเร็จ ในการจัดกิจกรรมแนะแนวกลุ่มในช้นั เรียนเพอ่ื พัฒนาทักษะชวี ติ ดังน้ ี การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวทเี่ นน้ การพฒั นาทกั ษะสำหรบั ผูเ้ รยี น

72 ปจั จยั ความสำเรจ็ ของการพฒั นาทกั ษะ ชวี ติ สำหรบั นักเรียน ตามขอบขา่ ยบริการ แนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยา การพัฒนาทักษะ การพัฒนาทักษะ การพฒั นาทักษะ ชวี ิตส่วนตน การเรยี นร ู้ พ้นื ฐานการงานอาชีพ และสังคม ศกึ ษาแนวคิด หลกั การ เทคนคิ วธิ ีการ และกระบวนการดำเนนิ กิจกรรม เพื่อพฒั นาทกั ษะชวี ติ ออกแบบและจัดทำแผนกจิ กรรม ตามระดบั ชน้ั ครบทง้ั 3 ขอบขา่ ย บทบาทครู ทดลองใช ้ ผปู้ กครองและเครือขา่ ย ผูจ้ ดั กจิ กรรม ผเู้ รยี นมีสว่ นร่วมปฏบิ ัติ ในชมุ ชนเป็นส่ิงแวดลอ้ ม จดั กระบวนการ การพัฒนาทักษะชวี ิต ที่ด ี สถานศึกษาจดั สภาพแวดลอ้ ม สง่ เสรมิ การพัฒนาทักษะชีวติ ตดิ ตาม ประเมนิ ผล ปรบั ปรุง พฒั นา และส่งเสรมิ การพัฒนาอย่างตอ่ เนื่อง ทุกระดบั ชน้ั ภาพที่ 5.1 ปจั จยั ความสำเร็จของการพฒั นาทักษะชีวิตสำหรับนกั เรียน ตามขอบขา่ ยบรกิ าร แนะแนวและการปรกึ ษาเชงิ จติ วิทยา การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวทเี่ น้นการพฒั นาทักษะสำหรับผเู้ รยี น

73 จากภาพที่ 5.1 แสดงถึงปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญ 5 ประการ ได้แก่ 1) การศึกษา แนวคดิ หลกั การ การเลอื กเทคนคิ วธิ ที เี่ หมาะสมกบั การพฒั นาทกั ษะชวี ติ อยา่ งชดั เจน 2) การออกแบบ และการจัดทำแผนกิจกรรมเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิตครบทุกระดับชั้น ครอบคลุม 3 ขอบข่าย ได้แก่ ทักษะการพัฒนาชีวิตส่วนตนและสังคม ทักษะการเรียนรู้ และทักษะพ้ืนฐานทางการงานอาชีพ 3) การใหโ้ อกาสผเู้ รยี นมสี ว่ นรว่ มปฏบิ ตั กิ ารฝกึ หดั ทกั ษะชวี ติ ตน โดยมคี รผู จู้ ดั กจิ กรรมเปน็ ผดู้ ำเนนิ การ และควบคุมในขณะท่ีผู้ปกครองและเครือข่ายชุมชนเป็นสิ่งแวดล้อมท่ีดีในการพัฒนาพฤติกรรมผู้เรียน 4) การจัดสภาพแวดล้อมในสถานศึกษาเพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะชีวิต และ 5) การติดตาม ประเมินผล และการส่งเสริมการพัฒนาทักษะชีวิตทุกด้านอย่างต่อเน่ือง เป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริม ความสำเรจ็ บทสรปุ การออกแบบกิจกรรมแนะแนวเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต ในขอบข่ายของบริการแนะแนว และการปรกึ ษาเชงิ จติ วทิ ยาในสถานศกึ ษา สำหรบั นกั เรยี นระดบั มธั ยมศกึ ษา เปน็ ความสามารถทีฝ่ ึกหัดได้ ซง่ึ ความสามารถนเี้ ปน็ สมรรถนะทส่ี ำคญั ของนกั วชิ าชพี แนะแนวและการปรกึ ษาเชงิ จติ วทิ ยาในสถานศกึ ษา ซ่ึงผู้ที่สนใจสามารถพัฒนาตนได้โดย 1) ทบทวนกระบวนการช่วยเหลือผู้เรียนตามแนวทางแนะแนว และการปรกึ ษาเชงิ จิตวทิ ยา 2) ทำความเข้าใจกบั ทกั ษะชวี ิต องค์ประกอบ และขอบขา่ ยของบริการ แนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยา 3) ศึกษาตัวแปรท่ีเก่ียวข้องกับทักษะชีวิต ท้ังด้านจิตลักษณะ ในการนำชีวิตและความสามารถในการจัดการชีวิต 4) ศึกษาแนวทางการพัฒนาจิตลักษณะ และแนวทางพัฒนาความสามารถในการจัดการชวี ติ 5) จดั ทำหน่วยกิจกรรมแนะแนวกลุ่มในช้นั เรยี น และแผนการจัดกิจกรรม ตลอดจนการประเมินผลกิจกรรมท่ีเหมาะสม 6) ควรมีการติดตาม และพัฒนากิจกรรมให้เหมาะสมและมีคุณภาพย่ิงขึ้นอย่างต่อเน่ือง และ 7) ปัจจัยความสำเร็จ ของการพัฒนาทักษะชีวิตผ่านกิจกรรมแนะแนวกลุ่มในช้ันเรียน ขึ้นอยู่กับความใส่ใจพัฒนา คุณภาพชีวิตผู้เรียน ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมในสถานศึกษาให้เหมาะแก่การพัฒนาทักษะชีวิต ผูเ้ รียนอยา่ งต่อเน่อื ง การออกแบบกิจกรรมแนะแนวทเ่ี น้นการพฒั นาทกั ษะสำหรบั ผูเ้ รียน

บรรณานกุ รม กรกฎา นักคิ้ม. (2554). เอกสารคำสอนรายวิชา 01167311 หลักการแนะแนว. หมวดวิชา จติ วทิ ยาการศกึ ษาและการแนะแนว. กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.์ . (2555). การแนะแนวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการพัฒนาผู้เรียน. กรงุ เทพมหานคร : วสิ ตา้ อินเตอร์ปร้ินท.์ กรมสุขภาพจิต. (2542). คู่มือกลุ่มบำบัดเพ่ือเสริมสร้างทักษะชีวิต สำหรับนักเรียนท่ีมีพฤติกรรม ใช้สารเสพติด. กรงุ เทพมหานคร : กรมสขุ ภาพจิต. กญุ ชรี ค้าขาย. (2544). “หน่วยที่ 13 หลักการและแนวคิดเกี่ยวกบั กจิ กรรมแนะแนวด้านอาชพี ”. บณั ฑิตวทิ ยา. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช. คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2555). คู่มือแนะแนวโครงการยกระดับคุณภาพคร ู และผู้บริการสถานศึกษาท้ังระบบ ปีงบประมาณ 2553-2555. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. เทพ สงวนกติ ตพิ นั ธ.์ุ (2545). ทกั ษะชวี ติ (Life Skills) ทกั ษะเพอื่ ความสขุ และความสำเรจ็ ของชวี ติ . กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . นิรนาท แสนสา. (2556). “การแนะแนวกับการพัฒนาผู้เรียน เพ่ือก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน”. เอกสารการประชมุ ใหญ่สามัญประจำปี 2556. สมาคมแนะแนวแหง่ ประเทศไทย. ไพฑูรย์ สินลารัตน์. (2558). ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ต้องก้าวให้พ้นกับดักของตะวันตก. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์แห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั . เรียม ศรีทอง. (2557). “ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกิจกรรมแนะแนว”. เอกสารการสอน ชุดวิชา กจิ กรรมและเครอ่ื งมอื แนะแนว (ฉบบั ปรบั ปรงุ ครง้ั ท่ี 1). หนว่ ยที่ 1 สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร.์ นนทบรุ ี : มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช. ลัดดาวรรณ ณ ระนอง. (2544). “หลักการและแนวคิดเก่ียวกับกิจกรรมแนะแนวด้านส่วนตัว และสังคม”. บณั ฑติ วทิ ยาลัย. นนทบรุ ี : มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. วิภา เกตเุ ทพา. (2555). “การจัดกจิ กรรมแนะแนว”. เอกสารการประชมุ ใหญส่ ามัญประจำปี 2555. สมาคมแนะแนวแห่งประเทศไทย. วิจารณ์ พานิช. (2555). วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษท่ ี 21. กรุงเทพมหานคร : ตถาตา พับลิเคชน่ั . การออกแบบกิจกรรมแนะแนวทเี่ นน้ การพฒั นาทักษะสำหรบั ผเู้ รียน

75 สำนกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. (2556). การเสรมิ สรา้ ง “ทกั ษะชวี ติ ” ตามจดุ เนน้ การพฒั นา คุณภาพผู้เรียน ระดับประถมศึกษา-มัธยมศึกษา. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ ์ ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกดั . สมร ทองดี และปราณี รามสูต. (2545). “หน่วยท่ี 9 การพัฒนาเคร่อื งมือและกิจกรรมแนะแนว”. ในประมวลสาระ ชุดวิชาการพัฒนาเคร่ืองมือและกิจกรรมแนะแนว. นนทบุรี : สาขา วิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช. สุมณฑา พรหมบุญ. (2540). ทฤษฎีการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม. กรุงเทพมหานคร : สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาต.ิ แสวง ทวีคูณ และคณะ. (2546). รายงานการวิจัย เร่ือง ผลของการพัฒนาจิตและทักษะต่อ พฤตกิ รรมการปลกู ฝงั วนิ ยั แกน่ กั เรยี นของคร.ู สำนกั งานคณะกรรมการการวจิ ยั แหง่ ชาต.ิ อาภา ถนดั ชา่ ง และเรยี ม ศรที อง. (2545). “กจิ กรรมพฒั นานกั เรยี น”. เอกสารการประชมุ ใหญส่ ามญั ประจำปี 2545. สมาคมแนะแนวแหง่ ประเทศไทย. Campbell, C.A., Dahire, C.A. (1997). The National Standards : Sharing the Vision. The American School Counselor Association. Gazda, G.M. (1984). Group Counseling : A Developmental Approach. 3nd ed. Boston : Allyn & Bacon. Schmidt, J.J. (1996). Counseling in Schools : Essential Services and Comprehensive Programs. 2rd ed. Boston : Allyn & Bacon. Thorpe, S. & Clifford, J. (2003). The Coaching Handbook : An Action Kit for Trainers. Managers. London : British Library Cataloging-In-Publication Pata. การออกแบบกิจกรรมแนะแนวที่เนน้ การพัฒนาทักษะสำหรับผูเ้ รียน

คณะผูจัดทำ ที่ปรึกษา เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน หวั หน้าศนู ยพ์ ฒั นาการนิเทศและเร่งรัดคุณภาพ นายกมล รอดคล้าย การศึกษาข้ันพน้ื ฐาน นายภาสกร พงษ์สทิ ธากร ประธานพัฒนาหลักสูตรกลมุ่ แนะแนวโครงการ รองศาสตราจารยน์ งลกั ษณ์ ประเสรฐิ ยกระดบั คณุ ภาพครู ทงั้ ระบบตามแผนปฏิบตั ิการ ไทยเข้มแขง็ ของคณะครุศาสตร์ สมาคมแนะแนวแหง่ ประเทศไทย จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั และศนู ย์เครือขา่ ย ท่ัวประเทศ พ.ศ. 2553-2555 ดร.กมล รอดคล้าย นายกสมาคมแนะแนวแหง่ ประเทศไทย รองศาสตราจารยน์ งลกั ษณ์ ประเสรฐิ ทป่ี รึกษาสมาคมแนะแนวแหง่ ประเทศไทย รองศาสตราจารย์ ดร.เรยี ม ศรที อง ทปี่ รกึ ษาสมาคมแนะแนวแหง่ ประเทศไทย ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.นิรนาท แสนสา อุปนายกฝ่ายวชิ าการ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์กรกฎา นักค้ิม อปุ นายกฝ่ายกจิ กรรม ดร.สมศกั ดิ์ สดี ากุลฤทธิ์ ประธานภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื อาจารย์วไิ ลวรรณ ใจแก้ว กรรมการกลาง อาจารยก์ าญจนา ภู่วรวรรณ กรรมการกลาง อาจารย์ธญั สมร คเชนทร์เดชา ผชู้ ว่ ยนายทะเบียน ผูช้ ่วยศาสตราจารยเ์ จษฎา บุญมาโฮม กรรมการ อาจารย์ปิยพรรณ พนู ทรพั ย์ เลขาธิการ อาจารยพ์ ชั นีพร สมานมิตร สาราณียกร การออกแบบกิจกรรมแนะแนวที่เนน้ การพฒั นาทักษะสำหรับผเู้ รยี น

คณะผู้เขยี น/ผ้เู รียบเรียง 77 รองศาสตราจารย์ ดร.เรียม ศรที อง ขา้ ราชการบำนาญ ดร.สมศกั ด์ิ สดี ากลุ ฤทธ์ิ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย รองศาสตราจารย์ ดร.นริ นาท แสนสา สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช บรรณาธิการ รองศาสตราจารยน์ งลกั ษณ์ ประเสรฐิ อาจารย์วิไลวรรณ ใจแก้ว อาจารย์ธญั สมร คเชนทร์เดชา อาจารยพ์ ชั นีพร สมานมิตร การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวที่เน้นการพัฒนาทกั ษะสำหรับผู้เรียน

แนะนำผเู ขียน ชือ่ รองศาสตราจารย์ ดร.เรยี ม ศรีทอง วฒุ ิการศึกษา - กศ.บ. การมธั ยมศกึ ษา (เคม-ี คณติ ) มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร - กศ.ม. การแนะแนว มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ ประสานมติ ร การงาน - Ph.D. Education (Guidance and Counseling) University Kebangsaan ประสบการณ์ ปัจจุบัน Malaysia (UKM) ประเทศมาเลเซีย ข้าราชการบำนาญ มหาวิทยาลยั ราชภัฏพระนคร และนกั วชิ าการอิสระ - อดีตหวั หน้าศูนยส์ นเทศแนะแนวการศึกษาและอาชีพ - หัวหนา้ ภาควชิ าจิตวิทยาและการแนะแนว - รองคณบดฝี ่ายวชิ าการ วิทยาลัยการฝกึ หดั ครู มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนคร - ท่ปี รึกษาคณะกรรมการบรหิ ารสมาคมแนะแนวแห่งประเทศไทย - อาจารยพ์ เิ ศษ ดา้ นจติ วทิ ยาการปรกึ ษา และจติ วทิ ยาการเรยี นรขู้ องมหาวทิ ยาลยั ตา่ ง ๆ - ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแนะแนวและจติ วทิ ยาการปรกึ ษา - วิทยากรดา้ นการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวทิ ยา - อาสาสมคั รมลู นิธพิ ทุ ธฉือจีไ้ ต้หวัน ในประเทศไทย การออกแบบกิจกรรมแนะแนวทีเ่ น้นการพฒั นาทักษะสำหรับผ้เู รยี น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook