38ตัวอยา งที่ 16จากสถานการณท่ี 10 ในขอความที่ 375“ไมร จู ักระวงั เลย น่เี ปน ของทแ่ี มซื้อใหพว่ี นั เกดิ นะ” (ผพู ูดกลา วตาํ หนนิ อ งสาวของตนที่ทํานาฬิกาตกทาํ ใหห นา ปด นาฬกิ าแตก)จากตวั อยา งท่ี 16 ผูพูดกลาวหาผูฟงอยางตรงไปตรงมาโดยการใชประโยคบอกเลา วาผูฟงไมมีความระมัดระวังจนทําของของตนเสียหาย ในกลวิธีนี้ผูพูดมักจะใชประโยคบอกเลาที่เปนการกลาวหาผูกระทําอยางตรงไปตรงมาและมีความชดั เจน ซึง่ ผวู ิจัยเหน็ วา ในกลวิธผี ฟู งสามารถทราบไดอยา งชัดเจนวา ผพู ดู กาํ ลงั รสู กึ อยา งไรกับสิ่งที่ผฟู ง ไดกระทาํ ผดิ ลงไป อีกทั้งในกลวธิ นี จี้ ะเห็นไดว าผพู ดู มีการคาํ นึงถงึ เรอ่ื งการคุกคามหนาและทาํ ใหผูอ่ืนเสยี หนานอ ยกวา ในกลวิธที ่ี 3.1 ท้ังน้อี าจขน้ึ อยกู บั ปจ จัยท่ีเกดิ ขึน้ ในสถานการณนัน้ ๆ เชน ความสนิทสนมของผพู ูดและผฟู งกลวิธยี อ ยที่ 3.3 การกลา วเตอื น ในกลวิธีนีเ้ ปน กลวธิ ที ่ีผูพูดคาดหวังถึงความเปนไปไดท ่ีจะใหมีบทลงโทษเพื่อเปน การตักเตือนผกู ระทําผิด สังเกตไดจ ากผูพูดจะกลาวในเชิงตักเตอื นซ่ึงผพู ดู คาดหวงั วาจะทาํ ใหผฟู งรสู กึ สาํ นึกในความผิดท่ีเกดิ ขน้ึ โดยมีขอสงั เกตวาผูพ ดู จะใชถ อ ยคํา เชน “ถา...” ในการสรางเงื่อนไข ดังตวั อยางตอ ไปน้ีตวั อยา งท่ี 17จากสถานการณที่ 5 ในขอความที่ 185“อม้ั ทาํ ดนิ สอเราหายเหรอ ถาทําหายอีกคราวหนาเราไมใหยืมแลวนะ” (ผูพ ูดกลา วตําหนผิ ฟู ง ที่ยมืดนิ สอของตนไปแลว ทาํ หาย) จากตวั อยางที่ 17 ผูพดู ไดกลาวเตือนผฟู งวา หากมีเหตกุ ารณแบบเดมิ อีกผูพูดจะไมใหผ ูฟงยืมดินสอของตนเองอีกตอ ไปตัวอยา งท่ี 18จากสถานการณท ่ี 12 ในขอ ความท่ี 441“คณุ แอน ผมจะใหโ อกาสคุณแกตวั คราวน้ีผมเห็นวา เปน คร้ังแรก ถาคราวหนาคุณยังมาชาอีก ผมจะลงทณั ฑบนเอาไว” (ผูพูดกลาวตําหนิเลขาของตนที่มาประชุมชาจนทําใหลูกครั้งตองเสียเวลาคอย) ในขอ ความที่ขดี เสน ใตน ีผ้ ูพดู ไดกลา วเตือนผูฟ ง วา หากมีเหตกุ ารณแบบเดิมอกี ผูฟ ง จะตอ งไดรบั โทษในสิ่งทต่ี นไดท ําลงไป
39ตวั อยางที่ 19จากสถานการณที่ 12 ในขอ ความที่ 458“ทําไมคุณไมรักษาเวลาเลย คุณทําแบบนี้บริษัทเราเสียหายนะครับ คราวหนาอยาใหอ ยาใหเกิดเรือ่ งแบบนข้ี ึ้นอกี นะครบั ” (ผูพูดกลาวตําหนิเลขาของตนที่มาประชุมชาจนทําใหลูกครั้งตองเสียเวลาคอย)ในขอ ความท่ีขดี เสนใตนี้ผูพ ูดไดก ลา วเตือนผฟู ง ในเชิงขมขู วาอยา ใหเกดิ เหตกุ ารณแบบเดิมอีกในคราวตอ ไปในกลวธิ นี ี้ การกลาวเตือนของผูพ ดู ผพู ดู มักจะใชการสรา งเงอื่ นไขโดยมกั ปรากฏคําวา “ถา...”และอาจเปน การพดู ในเชิงขม ขูผ ฟู ง อกี ทั้งในกลวธิ ีนผ้ี พู ูดคาดหวังวา ผฟู งจะรสู กึ ละอายแกใจและไมกลากระทําความผิดอีก4. การกลา วตําหนิผูกระทําผดิกลวธิ ียอ ยท่ี 4.1 การกลา วตําหนผิ ูกระทาํ ความผิดท่ีมกี ารตกแตง ถอ ยคาํ โดยการใหค าํ แนะนาํ หรอื เสนอทางเลือก ในกลวิธีน้ีผพู ดู จะกลาวแสดงออกถึงสิง่ ทต่ี นไมเ หน็ ดวยในการกระทํานน้ั ๆ และคาดหวงั วาผูถกู กลา วหาจะแสดงความรบั ผิดชอบตอ การกระทาํ ทีเ่ กดิ ขนึ้ โดยผูกลา วตาํ หนิมักจะพดู ตําหนใิ นกลวธิ ีนี้โดยการพดู ใหค าํ แนะนาํ เพอื่ เปนการเสนอทางเลือกใหแ กผฟู ง อกี ทงั้ ผพู ดู มกั จะใชคําวา “ควรจะ”“นา จะ” โดยท่ีผูพูดไมไดกลาวชเี้ ฉพาะเจาะจงไปที่พฤตกิ รรมหรอื ทตี่ วั ผกู ระทําผิด อีกท้งั ผวู จิ ัยต้งัขอ สงั เกตวา ในกลวธิ ีท่ี 4 น้ีการตาํ หนิในลกั ษณะน้มี ักเกดิ ข้นึ ในสถานการณที่เกดิ จากการละเมดิ กฎขอบังคับหรือมารยาททางสังคม ดังตัวอยางตอไปนี้ตัวอยา งที่ 20จากสถานการณท ี่2 ในขอความท่ี 57“บอยไปสบู ทอี่ น่ื ไดไ หม มนั เหมน็ รบกวนคนอน่ื ” (ผูพ ดู กลา วตาํ หนิเพ่อื นของตนทสี่ บู บหุ ร่ใี นกลุมเพ่ือนท่นี ง่ั คยุ กันอยู โดยการเสนอทางเลอื ก) ในขอความทข่ี ดี เสน ใตนี้ผพู ดู ไดกลาวตาํ หนผิ ฟู งโดยการเสนอทางเลือกโดยใชประโยคคําถามในการลดความรุนแรงของสถานการณแทนที่จะใชประโยคคําสั่งตวั อยา งท่ี 21จากสถานการณท ี่4 ในขอ ความที่ 142“เออ พวกคุณ ชวยเงียบเสยี งลงหนอ ยนมี่ นั หอ งสมุดนะคะไวอา นหนงั สือนะ ถาจะคุยเสียงดังควรจะไปคุยขางนอกดีกวา รบกวนพวกเราอา นหนงั สอื อะ ” (ผพู ดู กลา วตาํ หนกิ ลมุ นกั ศกึ ษาท่คี ุยกันเสยี งดงั ใน
40หอ งสมดุ โดยการเสนอทางเลอื ก) ในขอความทขี่ ดี เสนใตน ้ีผพู ูดไดก ลา วตําหนิผูฟง โดยการกลาวแนะนาํ วา หากผฟู ง ยังตองการจะคุยกนั ก็ใหอ อกไปคยุ กนั ขา งนอก โดยปรากฏคําวา “ควรจะ” ทแ่ี สดงถึงการแนะนําผูฟงแทนที่การใชประโยคคําสั่งเพื่อเปนการลดความรุนแรงของสถานการณตวั อยางที่ 22จากสถานการณท่ี9 ในขอความท่ี 327“วิกก้ี ต่นื ไดแ ลว เชา แลว คราวหลงั หดั ตน่ื เองซะบา งนะโตปา นนแ้ี ลว ” (ผูพ ดู กลาวตําหนิลูกของตนท่ีนอนตน่ื สาย โดยพดู ในเชงิ ใหค าํ แนะนาํ ) ในขอ ความท่ีขดี เสนใตน ี้ผูพดู ไดกลาวตาํ หนิผฟู ง โดยการกลาวแนะนําเชิงพูดสั่งสอน เพื่อลดความรุนแรงของสถานการณ วา ในครั้งตอ ไปนัน้ ผฟู ง ควรจะหัดตนื่นอนเองไดแลวเพราะวา ผฟู ง โตแลวควรมคี วามรับผดิ ชอบตอ ตนเองจากตัวอยาง ถึงแมว ากลวิธที ่ี 4 กลวธิ กี ารกลาวตาํ หนจิ ะเปนกลวิธีท่มี คี วามรนุ แรงมากที่สุด แตผูพ ูดก็ยงั เลือกทจี่ ะใชถ อยคําเพื่อลดความรนุ แรงของสถานการณและเพอื่ หลกี เลี่ยงการคกุ คามหนา ทงั้ของผพู ูดและผฟู ง ซง่ึ จากผลการวิจัยพบวาผพู ูดมกั จะใชป ระโยคบอกเลา ในการพดู เพอ่ื เสนอแนะหรอืใหคาํ แนะนําตอ ผฟู งกลวิธยี อ ยท่ี 4.2 การกลา วตําหนิผูกระทําความผดิ โดยการกลา วตําหนิพฤติกรรมหรือตาํ หนทิ ่ตี วั บคุ คลของผกู ระทําผดิในกลวธิ นี ี้จะสงั เกตไดจากการทผี่ พู ดู กลา วตาํ หนิไปทพ่ี ฤติกรรม หรือตาํ หนไิ ปทตี่ วั บคุ คลของของผฟู ง เชน การตําหนิท่พี ฤติกรรมของผูฟง วา เปนการกระทาํ ท่ขี าดความรบั ผิดชอบตอ สังคม ซึง่ สวนใหญจะพบในสถานการณที่เกิดจากการละเมิดกฎขอบังคับหรือมารยาททางสังคม เชนเดียวกับกลวิธีที่4.1 แตจะแตกตางกันตรงท่ีความรสู ึกของผพู ูดทีจ่ ะมองไปถึงพฤตกิ รรมของผูกระทาํ ผดิ วา ไมเหมาะสมและกลาวตาํ หนิไปที่พฤตกิ รรมของผฟู ง แทนท่ีจะกลาวเสนอทางเลอื กหรอื ใหค าํ แนะนําเชน เดยี วกบั ในกลวธิ ที ี่ 4.1 หรือหากเปนในกรณีที่ตําหนไิ ปท่ตี วั บุคคลของผูกระทําความผดิ ผูพูดจะกลาวอยา งชัดเจนถึงการกระทําผิดในตัวบุคคล เชน การกลาวหาวาบุคคลนั้น ๆ ไมมีความรับผิดชอบในฐานะที่เปนสมาชิกในสังคม และในกลวธิ นี ีอ้ าจพบถอยทีไ่ มสุภาพ หรอื คําดารวมอยูดว ย เชน “ไอเ ลว” “ไอบา ”หรอื “ไอเ วร” ดงั ตวั อยางตอไปน้ีตวั อยา งที่ 23จากสถานการณท ่ี4 ในขอความท่ี 155“ขอโทษที น่ีหอ งสมดุ สงเสยี งดงั รบกวนสมาธิคนอ่ืนอยางนี้เคาเรียกไมม มี ารยาท” ผูพดู กลาวตาํ หนิกลมุ นกั ศกึ ษาทีค่ ยุ กันเสยี งดังในหองสมดุ โดยระบุถึงพฤตกิ รรม) ในขอ ความทขี่ ดี เสน ใตน ้ีผูพดู ได
41กลา วตําหนผิ ูฟง โดยการกลา วตําหนิถงึ พฤตกิ รรมของผูฟ ง วาสงเสยี งรบกวนผูอ่ืนและมีพฤตกิ รรมทไี่ รมารยาทซึ่งแสดงออกถึงการไมรูจักรับผิดชอบตอสังคมสวนรวมตวั อยางท่ี 24จากสถานการณท ี่ 4 ในขอ ความที่ 157“นีค่ ุณ สมบตั ิผดู ีมีไหมไมมีมารยาท” ” ผูพ ูดกลา วตําหนิกลุมนักศึกษาทีค่ ุยกนั เสยี งดังในหองสมดุ โดยระบถุ งึ พฤตกิ รรม) ในขอความท่ีขดี เสนใตนผ้ี ูพดู ไดกลา วตาํ หนิผูฟง โดยการกลาวตําหนิถงึ พฤตกิ รรมของผูฟง วาไมมีมารยาทขาดสมบัติผูดี จากตวั อยางในกลวธิ นี ี้ ผูพดู จะกลาวตาํ หนิผูฟงโดยการกลา วถงึ พฤติกรรมทไ่ี มเ หมาะสมและไมมีความรับผิดชอบในเหตุการณที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากความประมาทเลินเลอของตัวผ ูกระทาํ แลวสงผลตอตัวผูพูดโดยตรงหรือพฤติกรรมนั้นเปนพฤติกรรมที่ขาดมารยาททางสังคมและขาดความรับผิดชอบตอ สงั คมสว นรวมตวั อยา งที่ 25จากสถานการณท ่ี 2 ในขอ ความที่ 76“เฮย บอย ไปสบู ไกล ๆ ไป กูยังเรียนไมจบเลย ยังไมอยากตายเรว็ ไปเสย่ี งตายคนเดยี วเหอะไอบ อยบา ”(ผพู ดู กลาวตําหนิเพอื่ นของตนที่สบู บุหรใ่ี นกลมุ เพื่อนทีน่ งั่ คยุ กันอยู) โดยการระบุไปท่ตี ัวผฟู งวา เปนคนไมดีและเปนคนที่ไมมีความรับผิดชอบตอสังคมสูบบุหรี่ในที่สาธารณะทําใหคนอื่นรําคาญใจและตําหนิโดยการพูดในเชิงไลโดยใชคําพูดที่คอนขางรุนแรงและมีคําตอทายวาเปนคนบาเปนคนไมดี คือ“ใหไปเสีย่ งตายคนเดียวเหอะไอบ า”แทนทจ่ี ะกลา ว “ไปสูบทีอ่ นื่ ”เพราะทําใหคนอื่นรําคาญใจตวั อยา งที่ 26จากสถานการณท่ี 12 ในขอ ความที่ 468“คุณแอนครบั คุณไมมีความรับผิดชอบเลย ถา มีเหตฉุ ุกเฉินคณุ นาจะบอกผมกอ นผมจะไมวาคุณเลย” (ผูพูดกลาวตําหนิเลขาของตน) โดยระบุไปทตี่ ัวผูฟง วา เปน คนท่ไี มม คี วามรบั ผดิ ชอบทําใหเ กดิ ความเสยี หายตอ สว นรวมกลาวโดยสรุป คือ การแสดงวัจนกรรมการตําหนิของนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตรสามารถจําแนกได4 กลวธิ ใี หญ 8 กลวิธียอย ดังแผนภูมทิ ่ี 1
42แผนภมู ทิ ี่ 1 กลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนิ การแสดงวัจนกรรมการตําหนิ การไมก ลา ว การกลา ว การกลา วหา การกลา วตาํ หนิ ตาํ หนอิ อกมา แสดงออกถงึ ผกู ระทาํ ผดิ ผูก ระทําผิดอยา งชัดแจง หรอื ความราํ คาญใจ บอกเปน นัย หรือไมเ ห็นดว ย -การกลา วหาอยา ง - การกลา วตาํ หนิ - การแสดงความ ไมตรงไปตรงมา ทีม่ กี ารตกแตง ราํ คาญใจหรอื ไม - การกลา วหาอยา ง ถอยคําโดยการให เหน็ ดว ย ตรงไปตรงมา คาํ แนะนาํ หรือ - การกลา วถงึ - การกลา วเตือน เสนอทางเลือก ผลลัพธทต่ี ามมา - การกลา ว ตาํ หนพิ ฤติกรรม หรอื ตวั บคุ คลของ ผก ระทําผดิ
43ตารางท่ี 1 กลวิธีแสดงวจั นกรรมการตาํ หนิและลักษณะสาํ คญั ทีพ่ บ กลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิ กลวธิ ยี อ ย ลกั ษณะสาํ คญั ทพ่ี บ1. การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัด ไมพ บกลวธิ ียอ ยแจง หรอื บอกเปนนยั - ผูพดู ไมไดกลาวทีแ่ สดงออกในเชงิ 2.1 การแสดงความรําคาญใจหรือไม ตําหนติ เี ตียนผกู ระทาํ ผิด2. การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญ เหน็ ดว ย - ผพู ดู มกั เล่ียงทีจ่ ะกลาวถึงสิ่งทีผ่ ูฟงใจหรอื ไมเ หน็ ดวย กระทําผดิ ลงไป 2.3 การกลา วถงึ ผลลพั ธท ่ีตามมา - อาจทาํ ใหผฟู ง ไมร ตู ัววา ตนกระทาํ ผดิ3. การกลาวหาผูกระทําผิด 3.1 การกลาวหาอยา งไมต รงไปตรงมา - ผูพ ูดมกั ใชถ อยคาํ ท่แี สดงถงึ อาการ4. การกลาวตาํ หนผิ กู ระทําผดิ 3.2 การกลาวหาอยางตรงไปตรงมา เบือ่ หนาย ราํ คาญใจ 3.3 การกลาวเตือน - มักพบคาํ วา “เซง็ ” “เบอ่ื ” หรอื “ไม 4.1 การกลาวตําหนิที่มีการตกแตง นาเลย” ถอยคาํ เพ่อื ลดความรุนแรงของ สถานการณ - ผพู ดู ใชถอ ยคําท่เี ปนการเชอ่ื มถึง ผลลัพธที่ตามมาจากการกระทําผิด 4.2 การกลาวตําหนิพฤติกรรมหรอื ตาํ หนิที่ตัวบุคคลของผกู ระทาํ ผดิ - ผพู ดู มักจะใชป ระโยคคําถามหรือพูด โดยการใหข อมลู บางสวน - มักพบคําวา “รบกวน” “ชว ย” หรอื พดู ในเชงิ ขอรอ ง - ผูพดู พูดกลาวหาผูฟงวากระทาํ ความผิดน้นั อยา งตรงไปตรงมา - ผูพ ดู กลาวในเชงิ ตักเตอื นพูดถงึ บทลงโทษในการกระทาํ ความผิดน้นั - ผูพูดมกั จะพดู ในเชงิ ใหค าํ แนะนาํ หรือเสนอทางเลือก - มกั พบคําวา “ควรจะ” “นา จะ” มักพบในสถานการณท ่ีเกี่ยวของกับ ขอ บงั คบั หรอื มารยาททางสังคม - ผพู ดู มกั จะพูดตําหนิโดยเนนที่ พฤติกรรมหรือทตี่ วั บุคลของผกู ระทาํ ผดิ - มักพบในสถานการณที่เกยี่ วขอ งกับ ขอ บังคบั หรือมารยาททางสังคม
44 4.1.2 ความถ่ใี นการปรากฏของกลวธิ แี สดงวัจนกรรมการตําหนิ หลังจากการวิเคราะหก ลวธิ แี สดงวัจนกรรมการตําหนิแลว ในขนั้ ตอนตอ ไปผูวจิ ัยไดแจงนบัอตั ราการใชก ลวิธแี สดงวจั นกรรมการตําหนิ โดยแจงนบั ทุกครัง้ ที่พบการใชก ลวธิ ี ถงึ แมวา ในขอ ความนน้ั ๆ จะพบการใชกลวธิ มี ากกวา 1 ครงั้ กต็ าม ซง่ึ ผลจากการแจงนบั วจั นกรรมการตาํ หนิท้งั สน้ิ 460ขอความ ผูวิจัยพบอัตราการปรากฏการใชกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิ 4 กลวิธี รวม 637 กลวิธีตารางท่ี 2 ความถี่ในการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิ ความถี่ในการปรากฏ กลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนิ จาํ นวนคร้ังท่ี จาํ นวน ปรากฏ เปอรเ ซนตท ่ีกลวธิ ที ี่ 1 การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจง หรือบอกเปน นยั ปรากฏ 15 2.35กลวธิ ที ี่ 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไม 140 21.97เหน็ ดว ยกลวิธีท่ี 3 การกลา วหาผกู ระทําผิด 305 47.89กลวธิ ที ี่ 4 การกลา วตําหนิผกู ระทาํ ผิด 177 27.79รวม 637 100
45แผนภมู ิท่ี 2 เปอรเซ็นตการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิกลวธิ ีที่ 1 การไมกลา วตาํ หนิออกมาอยางชัดแจง หรือบอกเปน นัยกลวธิ ีที่ 2 การกลาวแสดงออกถงึ ความรําคาญใจหรือไมเหน็ ดว ยกลวธิ ที ่ี 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวธิ ีท่ี 4 การกลา วตาํ หนิผกู ระทําผดิจากตารางและแผนภูมิทกี่ ลาวมาแลวจะเห็นไดว า กลวธิ ีแสดงวจั นกรรมการตําหนทิ ี่นิยมใชม ากท่สี ดุคอื การกลาวหาผกู ระทาํ ผดิ คิดเปน 47.89% รองลงมาคอื กลวิธีการกลาวตําหนิ คดิ เปน 27.79% และกลวิธีการแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวย 21.97% สว นกลวธิ กี ารไมก ลา วตาํ หนิออกมาอยา งชดั แจงหรือบอกเปน นยั เปน ลาํ ดบั สุดทา ย คดิ เปน 2.35% นอกจากนใ้ี นแตล ะกลวธิ ยี กเวน กลวธิ ีการบอกเปนนัยกลวิธที ่ี 1 นนั้ สามารถจาํ แนกเปน กลวธิ ยี อ ย ๆ ไดอีก ดงั นน้ั ผวู ิจัยจึงไดแ ยกแยะกลวธิ ียอยทอ่ี ยูในกลวิธีแตล ะกลวธิ ี ดังตอไปน้ีกลวธิ ที ี่ 2 การกลา วแสดงออกถงึ ความไมพ อใจหรอื ไมเ หน็ ดว ยในกลวธิ นี พ้ี บจาํ นวนการปรากฏจากการแสดงวจั นกรรมการตาํ หนทิ ง้ั สน้ิ 637 ครัง้ พบกลวิธีการกลาวแสดงออกถึงความมาพอใจหรือไมเห็นดวย 140 ครั้ง เปนกลวิธีการแสดงความรําคาญใจ 108ครั้ง และกลวธิ ีการกลาวถึงผลลัพธทีต่ ามมา 32 ครั้ง ดังปรากฏในรายละเอียดในตารางที่ 3 แผนภมู ทิ ่ี 3ดงั ตอไปน้ี
46ตารางท่ี 3 แสดงความถี่การปรากฏของกลวิธีท่ี 2 การกลาวแสดงออกถึงความไมพอใจ ความถี่ในการปรากฏ หรอื ไมเ หน็ ดว ย จํานวนครั้งที่ปรากฏ จํานวนเปอรเ ซนตท ป่ี รากฏกลวิธียอยที่ 2.1 การแสดงความรําคาญใจ 108 77.14กลวธิ ยี อ ยที่ 2.2 การกลา วถึงผลลพั ธท ี่ตามมา 32 22.86รวม 140 100แผนภูมิท่ี 3 แสดงความถี่การปรากฏของกลวิธที ่ี 2 80 70 60 50 40 30 20 10 0 กลวิธยี อ ยที่ 2.1กลวธิ ยี อยที่ 2.2กลวิธียอยท่ี 2.1 การแสดงความราํ คาญใจกลวิธยี อ ยที่ 2.2 การกลางถึงผลลพั ธท ี่จะตามมา จากตารางจะเห็นไดวา กลวธิ ยี อยที่ 2.1 การแสดงความรําคาญใจ มีผูนิยมเลอื กใชม ากกวา กลวธิ ีที่ 2.2 คือกลวธิ ีการกลา วถงึ ผลลัพธทีต่ ามมาคอื 77.14 % และ 22.86 % ตามลาํ ดบั
47กลวิธีที่ 3 การกลาวหาผูกระทําผิด ในกลวธิ นี พ้ี บจาํ นวนการปรากฏจากการแสดงวจั นกรรมการตาํ หนทิ ง้ั สน้ิ 637 ครง้ั พบกลวธิ ีการกลา วหาผูกระทาํ ผดิ รวมท้ังหมด 305 ครั้ง เปนกลวิธีการกลาวหาอยางไมตรงไปตรงมา 199 ครง้ักลวิธีการกลาวหาอยางตรงไปตรงมา 76 คร้ัง และกลวิธกี ารกลาวเตอื น 30 ครงั้ ดังปรากฏในรายละเอียดในตารางที่ 4แผนภูมิที่ 4 ดังตอ ไปนี้ตารางท่ี 4 แสดงความถี่การปรากฏของกลวิธีที่ 3การกลา วหาผูกระทาํ ผิด ความถี่ในการปรากฏ จํานวนครั้งที่ปรากฏ จาํ นวนเปอรเ ซนตทป่ี รากฏกลวธิ ยี อ ยท่ี 3.1 การกลาวหาอยางไมตรงไปตรงมา 199 65.25กลวิธียอยที่ 3.2 การกลาวหาอยางตรงไปตรงมา 75 24.6กลวิวิธยี อยท่ี 3.3 การกลา วเตอื น 30 9.84รวม 305 100
48แผนภูมิท่ี 4 แสดงความถี่การปรากฏของกลวิธีท่ี 3 70 60 50 40 30 20 10 0 กลวธิ ยี อ ยที่ 3.1 กลวิธียอ ยท่ี3.2กลวิธยี อ ยที่ 3.3กลวิธียอยที่ 3.1 การกลาวหาอยางไมตรงไปตรงมากลวธิ ียอ ยที่ 3.2 การกลา วหาอยา งตรงไปตรงมากลวิธียอ ยที่ 3.3 การกลาวเตือนจากตารางกลวธิ ยี อ ยที่ 3.1กลวิธีการกลาวหาอยางไมตรงไปตรงมา มผี ูนิยมเลือกใชมากทีส่ ุดถึง 65.24 %สวนกลวิธีที3่ .2 คือกลวิธีการกลาวหาอยางตรงไปตรงมามีผูนิยมใชรองลงมาคือ 24.6 % และกลวิธีการกลาวเตอื นเปน กลวธิ ีท่มี ีผนู ิยมใชน อยทส่ี ดุ 9.84 % นอกจากน้ีผูวจิ ัยยังพบวากลวิธยี อ ยท่ี 3.1 นน้ั เปนกลวธิ กี ารแสดงวัจนกรรมการตาํ หนทิ ีม่ ีผูนยิ มเลือกใชมากท่สี ุดในทุก ๆ กรณีกลา วคอื ทัง้ ในสถานการณท่ีผูพูดมสี ถานภาพเทา กันกับผฟู ง ตํา่ กวา และสูงกวาผฟู งและในกลวธิ ีนผ้ี พู ดู มกั พดู โดยการใชประโยคคําถามหรือใชกลวิธีที่ทําใหประโยคมีความสุภาพประกอบในการพูดกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวิธีที่ 4 การกลา วตาํ หนิผกู ระทําผดิ ในกลวธิ นี พ้ี บจาํ นวนการปรากฏจากการแสดงวจั นกรรมการตาํ หนทิ ง้ั สน้ิ 637 คร้งั พบกลวธิ ีการกลาวตําหนิกระทําผิดรวมทั้งหมด 177 คร้งั เปนกลวธิ กี ารกลา วตําหนิทม่ี ีการตกแตง ถอ ยคําเพ่อื ลดความรุนแรงของสถานการณ 146 คร้งั กลวิธกี ารกลาวตําหนทิ ีพ่ ฤติกรรมของผูกระทําผดิ 27 ครั้ง และกลวธิ ีการกลา วตาํ หนิทต่ี ัวผกู ระทําผิด 4 ครั้ง ดังปรากฏในรายละเอียดในตารางที่ 5 แผนภูมิท่ี 5ดงั ตอ ไปนี้
49ตารางท่ี 5 แสดงความถี่การปรากฏของกลวธิ ีท่ี 4 การกลาวตําหนผิ กู ระทาํ ผดิ ความถี่ในการปรากฏ จํานวนคร้ังท่ี จาํ นวนเปอรเ ซนตท ่ีกลวิธียอ ยที่ 4.1 การกลาวตําหนทิ ่มี ีการตกแตง ถอยคําโดยการใหค าํ แนะนาํ หรอื เสนอทางเลอื ก ปรากฏ ปรากฏ 146 82.5กลวธิ ียอ ยที่ 4.2 การกลาวตาํ หนิพฤติกรรมหรอื ท่ตี ัวบุคคล 31 17.5ของผูกระทาํ ผิด 177 100 รวมแผนภมู ิที่ 5 แสดงความถี่การปรากฏของกลวิธีที่ 4 90 80 70 60 50 40 30 20 10 0 กลวิธียอ ยท่ี 4.1 กลวธิ ียอยที่4.2กลวธิ ยี อยท่ี 4.1 การกลา วตาํ หนิท่มี กี ารตกแตง ถอยคาํ โดยการใหคาํ แนะนาํ หรอื เสนอทางเลอื กกลวธิ ยี อยที่ 4.2 การกลาวตําหนทิ พี่ ฤตกิ รรมหรอื ตวั บคุ คลของผูก ระทําผิด จากตารางกลวิธียอ ยท่ี 4.1กลวธิ กี ารตาํ หนทิ ม่ี กี ารตกแตง ถอยคําเพื่อลดความรุนแรงของสถานการณ มีผูนิยมเลือกใชม ากที่สดุ ถงึ 82.5 % สวนกลวธิ ีที4่ .2 คอื กลวธิ ีการกลา วตําหนพิ ฤตกิ รรมหรอื ท่ตี ัวบุคคลของผูกระทําผดิ มีผูน ิยมใชร องลงมาคือ 17.5% จากผลการวจิ ยั ที่พบนั้นกลวธิ ีการตําหนิ
50ที่มีการตกแตง ถอยคําโดยการใหคําแนะนําหรือเสนอทางเลือก มผี ูน ิยมใชม ากที่สุดอาจเปนเพราะผพู ดูไมต อ งการกลาวตําหนผิ ฟู ง ทีพ่ ฤติกรรมหรือกลาวตาํ หนทิ ต่ี ัวบุคคลของผูกระทาํ ผดิ โดยตรงเพราะผูพูดไมตองการคุกคามหนาของผูฟงมากนักถงึ แมว าพฤติกรรมน้นั ๆ จะเปนพฤติกรรมทม่ี คี วามผดิ ก็ตามผูพดู จงึ นิยมเลือกใชกลวธิ ที ี่ 4.1 มากที่สดุ4.2 ความถ่ใี นการปรากฏของกลวธิ แี สดงวัจนกรรมการตาํ หนิตามสถานภาพของผพู ูดและผฟู ง4.2.1 ความถ่ใี นการปรากฏของกลวธิ แี สดงวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณท่ีผพู ดู กบั ผฟู ง มีสถานภาพเทากันจากการวิเคราะหพบวาจํานวนการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณที่ผพู ดู กบั ผฟู ง มสี ถานภาพเทากนั น้นั พบการปรากฏของกลวธิ ีการแสดงวัจนกรรมการตําหนิทง้ั หมด 211ครง้ั เปนกลวิธกี ารไมก ลา วตาํ หนอิ อกมาอยา งชดั แจง หรอื บอกเปนนัยนอ ยทสี่ ุด 8 คร้งั กลวธิ กี ารกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวย 43 คร้ัง กลวธิ กี ารกลา วตําหนผิ กู ระทาํ ผิด 47 ครัง้ และกลวิธกี ารกลา วหาผูกระทําผดิ มากท่สี ดุ 113 ครั้ง ดังปรากฏในรายละเอียดในตารางที่ 6 แผนภมู ิที่ 6ดังตอ ไปนี้ตารางท่ี 6 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณท่ีผพู ูดกบัผูฟง มีสถานภาพเทา กันกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ ความถี่ในการปรากฏ ท่ผี ูพ ูดกบั ผฟู งมีสถานภาพเทากัน จํานวนครั้งที่ จาํ นวนเปอรเ ซนตท ่ี ปรากฏ ปรากฏกลวธิ ที ่ี 1 การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจงหรือบอกเปน นยั 8 3.79กลวธิ ีท่ี 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็น 43 20.38ดว ยกลวธิ ที ี่ 3 การกลาวหาผูกระทาํ ผิด 113 53.55กลวธิ ที ่ี 4 การกลาวตาํ หนิผกู ระทําผดิ 47 22.28รวม 211 100
51แผนภมู ิท่ี 6 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนิในสถานการณทผี่ ูพ ดู กับ ผูฟง มีสถานภาพเทากัน 60 50 40 30 20 10 0 กลวธิ ีที่ 1 กลวธิ ีที่ 2 กลวธิ ที ี่ 3 กลวธิ ที ี่ 4กลวธิ ที ่ี 1 การไมกลา วตาํ หนิออกมาอยางชดั แจงหรือบอกเปน นัยกลวิธที ่ี 2 การกลา วแสดงออกถงึ ความราํ คาญใจหรอื ไมเห็นดวยกลวิธที ่ี 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวิธีที่ 4 การกลาวตาํ หนผิ กู ระทําผิด จากตารางและแผนภมู ทิ ่ี 6 จะเหน็ ไดว า จาํ นวนการปรากฎของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตําหนใิ นสถานการณท ีผ่ ูพูดกับผูฟงมสี ถานภาพเทากันทนี่ ยิ มใชมากท่ีสุด คือ การกลา วหาผูก ระทาํ ผดิคดิ เปน 53.55% รองลงมาคอื กลวธิ กี ารกลา วกลาวตาํ หนิผูก ระทาํ ผิดและกลวิธีการกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวยคิดเปน 21.81% และ 20.38% ตามลําดับ สวนกลวิธีการไมก ลา วตาํ หนิออกมาอยา งชดั แจง หรอื บอกเปน นัยเปน กลวธิ ที ีม่ ผี นู ิยมใชน อยท่ีสุด 3.79% นอกจากผูว จิ ยั จะวิเคราะหก ารปรากฏของกลวธิ แี สดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณท ี่ผพู ูดกบั ผูฟงมสี ถานภาพเทากันแลว ผวู ิจัยยงั ไดค ํานึงถึงปจจยั เรือ่ งระยะหา งทางสังคม ความสนิทสนมคุนเคยระหวา งผูพดู และผฟู ง มาใชว ิเคราะหก ารเลอื กใชกลวธิ กี ารแสดงการตาํ หนิในครั้งนี้ดว ยซง่ึ ผวู จิ ยัไดจ าํ แนกเปน สถานการณท ่ีผพู ดู และผฟู งมีความสนทิ สนมกันและไมม คี วามสนทิ สนมกัน ดังมีรายละเอียดดงั ตอ ไปนี้
52 4.2.1.1 ความถ่ีในการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณท่ีผูพดู กบัผฟู งมีสถานภาพเทากันและมีความสนทิ สนมกัน จากการวิเคราะหผูวิจัยพบรายละเอียดการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณท ่ผี พู ดู กับผฟู ง มสี ถานภาพเทากนั และมีความสนิทสนมกนั รวมทงั้ หมด 110 คร้ัง เปน กลวธิ ีการไมกลา วตาํ หนอิ อกมาอยางชดั แจง หรือบอกเปน นัยนอ ยที่สดุ 2 ครั้ง กลวธิ กี ารกลา วแสดงออกถงึความรําคาญใจหรือไมเห็นดวย 24 คร้งั กลวธิ กี ารกลาวตําหนผิ ูก ระทําผดิ 34 ครงั้ และกลวิธีการกลาวหาผกู ระทําผดิ มากท่สี ุด 50 ครั้ง ดังปรากฏในรายละเอียดในตารางที่ 7 แผนภมู ทิ ี่ 7ดงั ตอไปนี้ตารางท่ี 7 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวิธีการแสดงวจั นกรรมการตาํ หนิในสถานการณท ่ผี พู ูดกบั ผูฟงมีสถานภาพเทากันและมีความสนิทสนมกันกลวธิ กี ารแสดงวัจนกรรมการตําหนใิ นสถานการณท ผ่ี ูพูดกับ ความถี่ในการปรากฏผูฟงมีสถานภาพเทากันและมีความสนิทสนมกัน จํานวนครั้งท่ี จาํ นวนเปอรเ ซนตกลวธิ ีท่ี 1 การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจงหรือ ปรากฏ ที่ปรากฏบอกเปน นยั 2 1.82กลวิธีท่ี 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวย 24 21.81กลวธิ ที ่ี 3 การกลาวหาผูกระทําผิด 50 45.46กลวธิ ที ่ี 4 การกลา วตําหนิผกู ระทาํ ผิด 34 30.91รวม 110 100
53แผนภูมิที่ 7 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณท ่ีผพู ดู กับ ผูฟงมีสถานภาพเทากันและมีความสนิทสนมกัน 50 45 40 35 30 25 20 15 10 5 0 กลวิธที ่ี 1 กลวิธที ี่ 2 กลวธิ ที ่ี 3 กลวิธที ่ี 4กลวธิ ที ี่ 1 การไมก ลา วตําหนิออกมาอยา งชดั แจงหรอื บอกเปน นัยกลวธิ ีท่ี 2 การกลา วแสดงออกถงึ ความรําคาญใจหรอื ไมเห็นดวยกลวธิ ีที่ 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวธิ ีท่ี 4 การกลา วตาํ หนิผูกระทาํ ผดิ จากตารางและแผนภมู ทิ ี่ 7 จะเหน็ ไดว า จาํ นวนการปรากฎของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนิในสถานการณท ี่ผพู ดู กับผูฟ ง มสี ถานภาพเทากันและมีความสนิทสนมกนั ทน่ี ิยมใชมากท่ีสุด คือการกลาวหาผูกระทาํ ผดิ คิดเปน 45.46% รองลงมาคือกลวธิ ีการกลาวกลาวตําหนผิ กู ระทาํ ผดิ และกลวธิ ีการกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวยคิดเปน 30.91% และ 21.81% ตามลําดับ สว นกลวิธกี ารไมก ลา วตําหนอิ อกมาอยางชดั แจง หรือบอกเปน นยั เปน กลวธิ ที ี่มผี ูนิยมใชนอ ยที่สดุ 1.82% 4.2.1.2 ความถ่ใี นการปรากฏของกลวธิ ีแสดงวัจนกรรมการตาํ หนิในสถานการณทีผ่ พู ดู กับผฟู ง มีสถานภาพเทากนั และไมมีความสนิทสนมกัน จากการวิเคราะหผูวิจัยพบรายละเอียดการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณท ีผ่ พู ูดกับผฟู ง มสี ถานภาพเทา กนั และไมม คี วามสนิทสนมกนั รวมทัง้ หมด 101 คร้งั เปนกลวิธีการไมกลา วตําหนอิ อกมาอยา งชัดแจง หรอื บอกเปน นยั นอ ยทสี่ ุด 6 ครัง้ กลวิธีการกลา วแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวย 19 ครง้ั กลวธิ กี ารกลา วตาํ หนผิ กู ระทําผดิ 13 คร้งั
54และกลวิธกี ารกลาวหาผกู ระทําผิดมากทสี่ ุด 63 ครั้ง ดังปรากฏในรายละเอียดในตารางที่ 8 แผนภูมทิ ่ี 8ดังตอไปน้ีตารางท่ี 8 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ ท่ผี ูพดู กบั ผฟู ง มีสถานภาพเทากันและไมม ีความสนทิ สนมกนักลวิธกี ารแสดงวจั นกรรมการตําหนใิ นสถานการณทผ่ี ูพ ูดกบั ความถี่ในการปรากฏผูฟงมีสถานภาพเทากันและไมมีความสนิทสนมกัน จํานวนครง้ั ท่ี จาํ นวนเปอรเ ซนตกลวิธที ่ี 1 การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจงหรือบอกเปน ปรากฏ ที่ปรากฏนยั 6 5.94กลวิธที ี่ 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวย 19 18.81กลวิธีท่ี 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิ 63 62.37กลวธิ ที ี่ 4 การกลาวตําหนผิ ูกระทําผิด 13 12.88รวม 101 100
55แผนภูมทิ ี่ 8 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ ที่ผูพูดกับผูฟง มสี ถานภาพเทา กันและไมม คี วามสนิทสนมกัน 70 60 50 40 30 20 10 0 กลวิธีที่ 1 กลวธิ ที ่ี 2 กลวิธที ่ี 3 กลวิธที ่ี 4กลวิธที ่ี 1 การไมกลา วตาํ หนอิ อกมาอยางชัดแจงหรือบอกเปนนยักลวธิ ที ี่ 2 การกลา วแสดงออกถึงความราํ คาญใจหรือไมเหน็ ดว ยกลวิธที ่ี 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวธิ ีท่ี 4 การกลา วตาํ หนิผูกระทาํ ผิด จากตารางและแผนภมู ิที่ 7 จะเหน็ ไดว า จาํ นวนการปรากฎของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณทีผ่ ูพดู กับผฟู งมีสถานภาพเทากนั และไมมีความสนทิ สนมกันท่ีนยิ มใชมากทีส่ ุดคือ การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิ คิดเปน 62.37% รองลงมาคือกลวิธีการกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเ หน็ ดว ยและกลวธิ ีการกลา วตําหนผิ กู ระทําผิดคดิ เปน 18.81% และ 12.88% ตามลําดบั สวนกลวิธกี ารไมกลา วตําหนิออกมาอยางชัดแจง หรือบอกเปนนยั เปนกลวธิ ีท่มี ีผนู ยิ มใชน อ ยท่ีสดุ 5.94% 4.2.2 ความถใี่ นการปรากฏของกลวธิ แี สดงวจั นกรรมการตาํ หนิในสถานการณทผ่ี พู ดู มีสถานภาพตํ่ากวา กบั ผฟู ง จากการวิเคราะหพบวาจํานวนการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณที่ผูพดู มีสถานภาพตา่ํ กวากบั ผูฟงนนั้ พบการปรากฏของกลวธิ ีการแสดงวจั นกรรมการตาํ หนทิ ง้ั หมด 185คร้ัง เปน กลวิธีการไมกลาวตาํ หนิออกมาอยา งชัดแจง หรอื บอกเปน นยั นอ ยทส่ี ดุ 3 ครง้ั กลวธิ ีการกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวย 38 ครง้ั กลวิธีการกลา วตาํ หนิผกู ระทาํ ผดิ 35 คร้งั
56และกลวิธกี ารกลา วหาผูกระทําผดิ มากท่ีสดุ 109 ครั้ง ดังปรากฏในรายละเอียดในตารางที่ 9 แผนภมู ิท่ี 9ดงั ตอไปนี้ตารางท่ี 9 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ ที่ผูพดู มีสถานภาพต่ํากวา กับผฟู งกลวิธีการแสดงวจั นกรรมการตําหนิในสถานการณท่ีผพู ูดมี ความถี่ในการปรากฏสถานภาพต่ํากวา กบั ผูฟง จาํ นวนครั้งที่ จาํ นวนเปอรเ ซนตท ่ีกลวิธที ี่ 1 การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจงหรือบอก ปรากฏ ปรากฏเปน นยั 3 1.63กลวธิ ีท่ี 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็น 38 20.55ดว ยกลวิธที ี่ 3 การกลา วหาผูก ระทําผดิ 109 58.91กลวธิ ที ่ี 4 การกลาวตาํ หนิผกู ระทาํ ผิด 35 18.91รวม 185 100
57แผนภมู ิที่ 9 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ ทผี่ พู ูดมีสถานภาพต่ํากวากับผฟู ง 60 50 40 30 20 10 0 กลวธิ ีท่ี 1 กลวิธีที่ 2 กลวิธีท่ี 3 กลวธิ ีที่ 4กลวิธที ี่ 1 การไมกลา วตําหนิออกมาอยา งชดั แจงหรือบอกเปน นัยกลวธิ ที ี่ 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเ ห็นดวยกลวธิ ีท่ี 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวธิ ีท่ี 4 การกลาวตาํ หนิผกู ระทําผิด จากตารางและแผนภูมทิ ี่ 9 จะเหน็ ไดว า จาํ นวนการปรากฎของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตําหนิในสถานการณทีผ่ พู ดู มสี ถานภาพต่ํากวากบั ผฟู งท่นี ิยมใชมากที่สดุ คอื การกลาวหาผกู ระทาํ ผดิคดิ เปน 58.91% รองลงมาคือกลวิธีการกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวยคิดเปน20.55% กลวิธีการกลา วตําหนผิ ูกระทาํ ผดิ 18.91% และกลวธิ ีไมก ลาวตาํ หนอิ อกมาอยางชัดแจง หรือบอกเปนนัยมีจํานวนการปรากฏ 1.63% ตามลําดับ 4.2.2.1 ความถ่ใี นการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณท ผ่ี ูพ ูดมีสถานภาพต่ํากวา ผูฟ ง และมคี วามสนทิ สนมกนั จากการวิเคราะหผูวิจัยพบรายละเอียดการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณทผี่ พู ูดมสี ถานภาพตํ่ากวาผฟู ง และมีความสนิทสนมกนั รวมท้ังหมด 101 คร้งั เปนกลวิธีการไมกลา วตําหนอิ อกมาอยางชดั แจง หรือบอกเปน นัยนอ ยทส่ี ุด 2 ครง้ั กลวธิ ีการกลา วตําหนิผูกระทําผดิ19 ครั้ง กลวิธีการกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวย 23 ครัง้ และกลวธิ กี ารกลา วหาผกู ระทาํ ผิดมากทีส่ ุด 57 ครั้ง ดังปรากฏในรายละเอียดในตารางที่ 10 แผนภมู ิที1่ 0 ดงั ตอไปนี้
58ตารางท่ี 10 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ ทผ่ี ูพูดมีสถานภาพตาํ่ กวาผฟู ง และมคี วามสนทิ สนมกันกลวธิ ีการแสดงวัจนกรรมการตําหนใิ นสถานการณท ่ผี ูพูดมี ความถี่ในการปรากฏสถานภาพตา่ํ กวาผฟู งและมีความสนิทสนมกัน จํานวนครงั้ ท่ี จาํ นวนเปอรเ ซนตกลวธิ ีท่ี 1 การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจง ปรากฏ ที่ปรากฏหรอื บอกเปน นยั 2 1.99กลวธิ ีท่ี 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็น 23 22.77ดว ยกลวิธีที่ 3 การกลา วหาผูก ระทําผิด 57 56.43กลวิธีที่ 4 การกลาวตําหนผิ ูกระทาํ ผิด 19 18.81รวม 101 100
59แผนภมู ทิ ่ี 10 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ ท่ีผูพูดมสี ถานภาพตาํ่ กวา ผฟู งและมีความสนทิ สนมกัน 60 50 40 30 20 10 0 กลวธิ ที ่ี 1 กลวธิ ที ่ี 2 กลวิธีที่ 3 กลวิธีท่ี 4กลวธิ ีท่ี 1 การไมก ลาวตาํ หนอิ อกมาอยางชัดแจง หรือบอกเปนนยักลวธิ ที ี่ 2 การกลา วแสดงออกถึงความรําคาญใจหรอื ไมเห็นดว ยกลวิธีที่ 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวิธีท่ี 4 การกลาวตาํ หนผิ กู ระทาํ ผดิ จากตารางและแผนภูมิท่ี 10 จะเหน็ ไดว า จาํ นวนการปรากฎของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนิในสถานการณท่ีผพู ดู มสี ถานภาพตํา่ กวาผฟู ง และมคี วามสนิทสนมกนั ที่นิยมใชมากที่สุด คอื การกลาวหาผกู ระทําผดิ คิดเปน 56.43% รองลงมาคือกลวิธีการกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเหน็ ดว ยคดิ เปน 22.77% และกลวธิ กี ารกลาวตาํ หนิ คิดเปน 18.81%ตามลาํ สว นกลวิธกี ารไมกลา วตาํ หนิออกมาอยางชดั แจง หรอื บอกเปน นยั เปน กลวธิ ที ม่ี ีผนู ิยมใชน อ ยที่สุด 1.99% 4.2.2.2 ความถี่ในการปรากฏของกลวิธแี สดงวจั นกรรมการตําหนใิ นสถานการณที่ผูพูดมีสถานภาพตา่ํ กวาผูฟ งและไมม คี วามสนิทสนมกัน จากการวิเคราะหผูวิจัยพบรายละเอียดการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณทีผ่ ูพูดมสี ถานภาพต่าํ กวาผูฟงและไมม คี วามสนิทสนมกนั รวมท้ังหมด 85 คร้งั เปน กลวธิ ีการไมก ลาวตําหนิออกมาอยางชดั แจง หรือบอกเปนนัยนอ ยท่ีสดุ 2 ครงั้ กลวิธีการกลา วแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวย 15 ครั้ง กลวิธกี ารกลาวตําหนิผูกระทาํ ผดิ 16 คร้ัง และกลวธิ กี ารกลาวหาผูก ระทาํ ผิดมากทีส่ ดุ 52 ครั้ง ดังปรากฏในรายละเอียดในตารางที่ 11 แผนภมู ิท่ี 11ดังตอ ไปนี้
60ตารางท่ี 11 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ ทผ่ี พู ดู มีสถานภาพต่ํากวาผูฟงและไมม ีความสนิทสนมกนักลวธิ ีการแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณท่ผี พู ูดมี ความถี่ในการปรากฏสถานภาพตํา่ กวา ผูฟง และไมม คี วามสนิทสนมกัน จาํ นวนคร้ังท่ี จาํ นวนเปอรเ ซนตกลวธิ ที ่ี 1 การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจง ปรากฏ ที่ปรากฏหรอื บอกเปน นยั 2 2.36กลวธิ ีที่ 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวย 15 17.64กลวิธีท่ี 3 การกลา วหาผูกระทาํ ผดิ 52 61.18กลวธิ ที ่ี 4 การกลาวตําหนิผกู ระทาํ ผดิ 16 18.82รวม 85 100
61แผนภมู ิที่ 11 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ ท่ผี พู ดู มสี ถานภาพตา่ํ กวา ผูฟง และไมมคี วามสนิทสนมกัน 70 60 50 40 30 20 10 0 กลวิธที ่ี 1 กลวิธที ่ี 2 กลวธิ ีที่ 3 กลวธิ ีท่ี 4กลวิธีท่ี 1 การไมก ลาวตําหนอิ อกมาอยา งชัดแจงหรอื บอกเปนนยักลวธิ ที ี่ 2 การกลา วแสดงออกถงึ ความราํ คาญใจหรอื ไมเ หน็ ดวยกลวิธีที่ 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวธิ ที ่ี 4 การกลา วตําหนิผกู ระทาํ ผิด จากตารางและแผนภูมิที่ 11 จะเหน็ ไดว า จาํ นวนการปรากฎของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนิในสถานการณท ่ผี พู ูดมีสถานภาพตาํ่ กวา ผฟู งและมีความสนทิ สนมกันที่นยิ มใชมากที่สดุ คือ การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิ คดิ เปน 61.18% รองลงมาคือกลวธิ ีกลา วตําหนิผูกระทาํ ผิดและกลวธิ ีการกลา วแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวยคดิ เปน 17.64% และ 18.82% ตามลาํ ดบั สวนกลวิธีการไมกลา วตําหนิออกมาอยา งชัดแจง หรอื บอกเปน นยั เปน กลวธิ ที ่ีมผี ูน ยิ มใชน อ ยท่ีสดุ 2.36% 4.2.3 ความถใ่ี นการปรากฏของกลวิธแี สดงวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณทผี่ พู ูดมีสถานภาพสูงกวาผูฟง จากการวิเคราะหพบวาจํานวนการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณที่ผพู ดู มีสถานภาพสงู กวาผฟู งนน้ั พบการปรากฏของกลวิธกี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนทิ ง้ั หมด 240ครั้ง เปน กลวิธกี ารไมกลาวตาํ หนิออกมาอยา งชัดแจง หรือบอกเปนนยั นอยทส่ี ุด 3 ครัง้ กลวธิ กี ารกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวย 59 ครั้ง กลวธิ กี ารกลา วหาผูกระทาํ ผดิ 83 คร้งั
62และกลวิธกี ารกลาวตําหนิผูก ระทาํ ผิดมากทสี่ ุด 95 ครั้ง ดังปรากฏในรายละเอียดในตารางที่ 12 แผนภูมิที่ 12 ดังตอไปน้ีตารางท่ี 12 แสดงจํานวนการปรากฏของกลวิธีการแสดงวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณ ทีผ่ ูพดู มสี ถานภาพสูงกวา ผฟู ง กลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ ความถี่ในการปรากฏ ทผี่ พู ูดมีสถานภาพสูงกวาผฟู ง จํานวนครั้งที่ จาํ นวนเปอรเ ซนตท ่ีกลวธิ ีท่ี 1 การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจง ปรากฏ ปรากฏหรอื บอกเปน นยั 3 1.26กลวธิ ที ่ี 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจ 59 24.58หรอื ไมเ หน็ ดว ยกลวธิ ที ี่ 3 การกลา วหาผูกระทําผิด 83 34.58กลวธิ ที ี่ 4 การกลา วตาํ หนผิ ูก ระทําผดิ 95 39.58รวม 240 100
63แผนภมู ทิ ี่ 12 แสดงจํานวนการปรากฏของกลวิธีการแสดงวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณ ทผ่ี พู ดู มีสถานภาพสงู กวาผฟู ง 40 35 30 25 20 15 10 5 0 กลวธิ ีท่ี 1 กลวธิ ที ี่ 2 กลวธิ ที ี่ 3 กลวิธีที่ 4กลวธิ ีที่ 1 การไมกลาวตําหนอิ อกมาอยางชัดแจงหรอื บอกเปนนัยกลวธิ ที ี่ 2 การกลา วแสดงออกถึงความรําคาญใจหรอื ไมเหน็ ดว ยกลวิธีท่ี 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวธิ ีที่ 4 การกลาวตําหนผิ กู ระทาํ ผดิ จากตารางและแผนภูมทิ ี่ 12 จะเหน็ ไดว า จาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนิในสถานการณทผี่ พู ูดมสี ถานภาพสงู กวา ผูฟง ทีน่ ยิ มใชม ากท่สี ดุ คอื การกลา วตําหนผิ ูกระทาํผดิ คิดเปน 39.58% รองลงมาคอื กลวธิ กี ารกลาวหาผกู ระทําผิด 34.58%และกลวธิ กี ารกลา วแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวยคิดเปน 24.58% สวนกลวิธีการกลา วตําหนิผูกระทาํ ผิดและกลวิธไี มกลาวตําหนอิ อกมาอยา งชัดแจง หรอื บอกเปน นัยมจี ํานวนการปรากฏนอยทสี่ ดุ คือ 1.26% 4.2.3.1 ความถ่ใี นการปรากฏของกลวิธแี สดงวัจนกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณท ่ีผพู ูดมีสถานภาพสงู กวา ผฟู ง และมคี วามสนิทสนมกนั จากการวิเคราะหผูวิจัยพบรายละเอียดการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณท ีผ่ ูพดู มีสถานภาพสงู กวา ผูฟ งและมีความสนิทสนมกันรวมทง้ั หมด 117 คร้งั เปน กลวธิ ีการไมกลาวตําหนอิ อกมาอยางชัดแจง หรอื บอกเปนนัยนอ ยท่ีสุด 1 ครง้ั กลวธิ ีการกลาวแสดงออกถึงความราํ คาญใจหรอื ไมเ หน็ ดว ย 30 ครง้ั กลวิธกี ารกลา วหาผูก ระทําผดิ 37 ครั้ง สวนกลวิธกี ารกลาวตาํ หนิผูกระผิดไดร ับความนิยมมากทสี่ ดุ 49 ครั้ง ดังปรากฏในรายละเอียดในตารางที่ 13แผนภูมทิ ี1่ 3 ดงั ตอ ไปน้ี
64ตารางท่ี 13 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ ที่ผูพูดมสี ถานภาพสูงกวา ผฟู ง และมคี วามสนทิ สนมกันกลวธิ ีการแสดงวจั นกรรมการตาํ หนิในสถานการณที่ผูพ ดู มี ความถี่ในการปรากฏสถานภาพสูงกวาผูฟงและมีความสนิทสนมกัน จํานวนครงั้ ที่ จาํ นวนเปอรเ ซนตกลวธิ ีที่ 1 การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจง ปรากฏ ที่ปรากฏหรอื บอกเปน นัย 1 0.85กลวธิ ีท่ี 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็น 30 25.64ดว ยกลวธิ ีท่ี 3 การกลาวหาผกู ระทาํ ผิด 37 31.62กลวิธีท่ี 4 การกลา วตาํ หนผิ ูกระทําผิด 49 41.89รวม 117 100
65แผนภูมิที่ 13 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ ที่ผพู ูดมีสถานภาพสงู กวา ผฟู ง และมีความสนิทสนมกัน 45 40 35 30 25 20 15 10 5 0 กลวิธที ี่ 1 กลวธิ ที ี่ 2 กลวธิ ีที่ 3 กลวิธที ่ี 4กลวธิ ที ี่ 1 การไมกลา วตาํ หนอิ อกมาอยางชัดแจงหรอื บอกเปน นัยกลวธิ ีที่ 2 การกลาวแสดงออกถึงความราํ คาญใจหรือไมเห็นดว ยกลวธิ ีที่ 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวธิ ที ี่ 4 การกลา วตําหนิผกู ระทาํ ผิด จากตารางและแผนภูมิที่ 10 จะเหน็ ไดว า จาํ นวนการปรากฎของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนิในสถานการณท่ีผูพดู มีสถานภาพสูงกวาผฟู ง และมคี วามสนิทสนมกนั ท่ีนยิ มใชมากทส่ี ดุ คือ การกลาวตําหนิผูก ระทาํ ผิด คดิ เปน 41.89% รองลงมาคอื กลวิธีการกลา วหาผูกระทําผิด คิดเปน 31.62%กลวิธีการกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวยคิดเปน 25.64% และกลวิธกี ารไมก ลาวตําหนอิ อกมาอยางชัดแจง หรือบอกเปนนยั เปนกลวิธที ม่ี ีผนู ิยมใชนอยทส่ี ดุ 0.85% 4.2.3.2 ความถใ่ี นการปรากฏของกลวิธีแสดงวจั นกรรมการตําหนใิ นสถานการณท ผี่ พู ูดมีสถานภาพสูงกวาผูฟงและไมมีความสนทิ สนมกนั จากการวิเคราะหผูวิจัยพบรายละเอียดการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณท่ีผพู ดู มีสถานภาพสูงกวาผฟู ง และไมม ีความสนิทสนมกันรวมทัง้ หมด 123 ครง้ั เปน กลวธิ ีการไมกลา วตําหนิออกมาอยางชดั แจง หรือบอกเปน นยั นอ ยทสี่ ุด 2 คร้ัง กลวธิ กี ารกลาวแสดงออกถงึความรําคาญใจหรือไมเห็นดวย 29 ครั้ง สวนกลวธิ ีการกลา วหาผกู ระทําผิดและกลวธิ กี ารกลาวตาํ หนิมีจํานวนการปรากฏเทากัน คือ 46 ครั้ง ดังปรากฏในรายละเอียดในตารางที่ 14แผนภมู ิท่ี 14 ดงั ตอไปนี้
66ตารางท่ี 14 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ ที่ผูพ ดู มสี ถานภาพสงู กวาผฟู ง และไมม ีความสนิทสนมกนักลวธิ ีการแสดงวัจนกรรมการตําหนใิ นสถานการณท่ผี ูพูดมี ความถี่ในการปรากฏสถานภาพสูงกวาผูฟงและไมมีความสนิทสนมกัน จาํ นวนคร้ังท่ี จาํ นวนเปอรเ ซนตกลวธิ ที ี่ 1 การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจง ปรากฏ ที่ปรากฏหรอื บอกเปน นยั 2 1.62กลวธิ ีที่ 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวย 29 23.58กลวิธีท่ี 3 การกลาวหาผกู ระทําผิด 46 37.4กลวธิ ที ่ี 4 การกลา วตําหนผิ กู ระทาํ ผดิ 46 37.4รวม 123 100
67แผนภูมิท่ี 14 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ ที่ผูพดู มสี ถานภาพสูงกวาผฟู งและไมม ีความสนิทสนมกนั 40 35 30 25 20 15 10 5 0 กลวิธที ่ี 1 กลวิธที ่ี 2 กลวิธีที่ 3 กลวธิ ีท่ี 4กลวธิ ีที่ 1 การไมก ลา วตาํ หนิออกมาอยา งชดั แจงหรอื บอกเปนนัยกลวธิ ีที่ 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเ ห็นดวยกลวิธที ี่ 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวิธีท่ี 4 การกลาวตาํ หนผิ กู ระทาํ ผิด จากตารางและแผนภมู ิที่ 11 จะเหน็ ไดว า จาํ นวนการปรากฎของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตําหนิในสถานการณท ผี่ พู ดู มสี ถานภาพสูงกวา ผฟู ง และไมมีความสนิทสนมกันทีน่ ยิ มใช คือ การกลาวหาผูก ระทาํ ผิดและการกลาวตําหนผิ กู ระทาํ ผดิ คิดเปน 37.4% เทา ๆ กัน รองลงมาคือกลวิธีการกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวย คิดเปน 23.58% สวนกลวธิ กี ารไมก ลา วตําหนิออกมาอยา งชัดแจง หรือบอกเปน นยั เปนกลวิธีท่ีมผี นู ิยมใชน อยท่สี ดุ 1.62%
68แผนภมู ทิ ี่ 15 แสดงการเปรียบเทียบจํานวนการปรากฏของวัจนกรรมการตําหนิในสถานการณ ทผ่ี ูพูดและผฟู ง มีสถานภาพแตกตางกัน605040 กลวิธที ่ี1 กลวิธีที่230 กลวธิ ีท่ี3 กลวธิ ีที่420100 ต่าํ กวา สงู กวา เทากนักลวิธที ี่ 1 การไมก ลาวตาํ หนอิ อกมาอยางชดั แจง หรอื บอกเปน นยักลวธิ ีท่ี 2 การกลา วแสดงออกถึงความราํ คาญใจหรือไมเห็นดวยกลวธิ ที ี่ 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวิธีที่ 4 การกลาวตําหนิผูกระทาํ ผดิจากแผนภูมทิ ี่ 15 จะเหน็ ไดวาการเลอื กใชก ลวธิ กี ารไมกลาวตําหนอิ อกมาอยา งชดั แจง หรือบอกเปนนัยเปน กลวธิ ีการท่ถี กู เลือกใชน อ ยท่สี ุดเปน ลําดบั ท่ี 4 ในทุกกรณี สวนกลวิธีที่2 กลวธิ ีการกลา วแสดงออกถึงความราํ คาญใจหรอื ไมเหน็ ดว ย ถูกเลอื กใชเ ปน ลําดบั ท่ี 3 ในกรณีท่ีผพู ูดมสี ถานภาพเทากันและสงู กวา ผฟู ง และพบวา มขี อ แตกตา งกนั ในการเลือกใชก ลวิธีที่ 3 และ 4 ในสถานการณท่ีผูพ ดูมสี ถานภาพเทากนั กบั ผูฟงและสถานการณท ี่ผูพูดมีสถานภาพตํ่ากวาผูฟ ง นั้น กลวธิ ที ่ี 3 กลวิธีการกลาวหาผกู ระทําผิดจะเปน กลวธิ ีที่นิยมใชมากทส่ี ุด สว นในสถานการณทผ่ี พู ูดมีสถานภาพสงู กวาผฟู งนน้ั กลวธิ ที ่ี 3 กลบั ถกู เลือกใชเ ปน ลาํ ดับที่ 2 สวนกลวธิ กี ารกลา วตําหนผิ กู ระทาํ ผดิ ไดร ับความนยิ มเปนลาํ ดบั แรกในสถานการณทผี่ พู ูดมสี ถานภาพสงู กวา ผฟู ง และไดรบั ความนยิ มเปน ลาํ ดับที่ 3 ในสถานการณทีผ่ ูพูดและผฟู ง มสี ถานภาพเทา กนั และผพู ูดมสี ถานภาพตา่ํ กวาผูฟง
69แผนภูมิที่ 16 แสดงการเปรียบเทียบการใชกลวิธีการแสดงวัจนกรรมการตําหนิตามความสนิทสนม คุนเคยระหวางคูส นทนาในสถานการณทีผ่ พู ูดมสี ถานภาพเทา กนั กับผูฟ ง70 กลวิธที ่ี160 กลวิธที ่ี250 กลวธิ ีท่ี340 กลวิธีท่ี43020 ไมส นทิ สนม10 0 สนิทสนมกลวธิ ีท่ี 1 การไมกลา วตาํ หนิออกมาอยางชดั แจง หรอื บอกเปนนัยกลวิธีที่ 2 การกลา วแสดงออกถงึ ความรําคาญใจหรอื ไมเ หน็ ดว ยกลวธิ ที ี่ 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวธิ ีที่ 4 การกลาวตําหนผิ กู ระทําผิด จากแผนภมู ิที่ 16 ผวู จิ ยั พบขอ สงั เกต คือ การเลอื กใชก ลวธิ ีที่ 3 กลวิธกี ารกลา วหาผกู ระทาํ ผดิเปน กลวิธีทน่ี ยิ มใชมากท่สี ดุ ในท้งั 2 กรณีแตใ นสถานการณท ผี่ พู ดู และผูฟงไมม ีความสนทิ สนมกนั จะไดรบั ความนยิ มมากกวาในกรณีแรก และกลวธิ ที ่ี 4 กลวิธกี ารกลาวตําหนิผกู ระทําผิดในกรณีท่ผี ูพูดและผฟู ง ไมม คี วามสนิทสนมกันจะไดร บั ความนยิ มนอยกวากรณีทมี่ คี วามสนทิ สนมกัน และในกลวธิ ีท่ี 1แทบจะไมไดร ับความนยิ มเลยในกรณที ี่ผูพูดและผฟู งมคี วามสนิทสนมกนั ซงึ่ อาจเปน ไปไดวา ในกรณีทผี่ ูพ ูดและผฟู ง มีสถานภาพเทา กนั และมคี วามสนทิ สนมกนั น้ัน ผพู ูดอาจไมจําเปน ตองคํานึงถึงความสุภาพหรือหนาของผูฟงมากนัก
70แผนภมู ิที่ 17 เแสดงการเปรียบเทียบการใชกลวิธีการแสดงวัจนกรรมการตําหนิ ตามความสนิทสนมคุนเคยระหวางคูสนทนาในสถานการณท ่ีผพู ดู มีสถานภาพตํ่ากวาผฟู ง70 กลวธิ ที ี่160 กลวิธีที่250 กลวิธีที่340 กลวิธที ่ี43020 ไมสนิทสนม10 0 สนิทสนมกลวิธที ี่ 1 การไมกลาวตําหนอิ อกมาอยางชดั แจงหรือบอกเปนนยักลวิธีที่ 2 การกลา วแสดงออกถึงความราํ คาญใจหรอื ไมเห็นดวยกลวิธีท่ี 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวิธที ่ี 4 การกลา วตาํ หนผิ ูกระทาํ ผิด จากแผนภมู ทิ ี่ 17 น้นั จะเหน็ ไดวา กลวธิ ที ่ี 3 กลวิธกี ารกลาวหาผกู ระทาํ ผดิ เปน กลวิธที น่ี ิยมใชมากทีส่ ดุ และผูว ิจัยพบขอสังเกตในกรณีน้ีวา ในกลวิธีท่ี 2 กลวิธีการกลาวแสดงออกถึงความไมพอใจหรือไมเหน็ ดวยนน้ั กลบั ไดร บั ความนิยมมากกวา เมื่ออยูในสถานการณท ่ีผูพ ูดมีความสนิทสนมกันท้งั ๆทใ่ี นกลวิธีที่ 2 นี้เปน กลวธิ ที ่มี คี วามสุภาพมากกวา กลวิธีที่ 4 อาจเปนเพราะในกรณนี ้ผี ูพดู ถงึ แมจ ะมีความสนิทสนมกับผูฟงแตกย็ ังคํานึงวา ตนน้ันมีอาํ นาจหรอื สถานภาพตาํ่ กวา ผฟู งจะมีความเกรงใจผูฟงโดยไมกลาท่ีจะตาํ หนิหรือกลา วหา จงึ เลอื กกลา วเพียงแคแสดงออกถงึ ความไมพ อใจหรอื ไมเ หน็ ดว ยเทา น้นั
71แผนภมู ทิ ่ี 18 แสดงการเปรียบเทียบการใชกลวิธีการแสดงวัจนกรรมการตําหนิ ตามความสนทิ สนมคนุ เคยระหวา งคูส นทนาในสถานการณที่ผูพดู มีสถานภาพ สงู กวา ผูฟง45 กลวิธที ่ี140 กลวธิ ีที่235 กลวิธที ่ี330 กลวธิ ที ี่42520 ไมส นทิ สนม1510 5 0 สนทิ สนมกลวิธที ่ี 1 การไมก ลาวตําหนอิ อกมาอยา งชดั แจง หรือบอกเปนนัยกลวิธที ่ี 2 การกลา วแสดงออกถงึ ความรําคาญใจหรอื ไมเ ห็นดวยกลวธิ ที ่ี 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวธิ ีที่ 4 การกลาวตาํ หนิผกู ระทาํ ผิด จากแผนภมู ิท่ี 18 พบวากลวิธีที่ 4 กลวิธกี ารกลา วตําหนิผูก ระทําผิดเปน กลวิธที ไี่ ดรบั ความนิยมมากทีส่ ุดในสถานการณที่ผพู ดู และผูฟ งมีความสนทิ สนมกัน แตจาํ นวนการปรากฏในสถานการณทผ่ี ูพดู และผูฟ ง ไมมคี วามสนทิ สนมกันนัน้ มจี ํานวนการปรากฏทเ่ี ทา กนั ระหวา ง กลวธิ ีท่ี 3และกลวิธที ่ี 4สวนในกลวธิ ีที่ 1ไดรับความนิยมในจาํ นวนที่ใกลเคียงกนั4.3 การปรากฏของกลวิธแี สดงวัจนกรรมการตาํ หนใิ นกลุมตัวอยางผูพดู เพศชายและเพศหญงิ ผูวิจัยไดวิเคราะหเปรียบเทียบความแตกตางในการปรากฏของวัจนกรรมการตําหนิระหวางเพศหญงิ และเพศชาย มีรายละเอยี ดดงั น้ี 4.3.1 ความถใี่ นการปรากฏของกลวิธแี สดงวจั นกรรมการตําหนใิ นกลุมตัวอยางผพู ดู เพศชายจากการวิเคราะหผูวิจัยพบรายละเอียดการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิในกลุมตัวอยางผูพ ดู เพศชายรวมท้งั หมด 302 คร้งั เปนกลวิธีการไมกลาวตาํ หนิออกมาอยา งชัดแจง หรอืบอกเปนนัยนอ ยทส่ี ุด 5 ครัง้ กลวิธกี ารกลาวแสดงออกถงึ ความรําคาญใจหรอื ไมเหน็ ดวย 56ครั้ง กลวิธี
72การกลา วหาผกู ระทําผดิ 141 ครง้ั และกลวธิ ีการกลา วตําหนิ 100 ครั้ง ดังปรากฏในรายละเอียดในตารางท่ี 16 แผนภูมิที่ 18 ดงั ตอไปนี้ตารางท่ี 15 แสดงจํานวนการปรากฏของกลวิธีการแสดงวัจนกรรมการตําหนิในกลุมตัวอยาง ผพู ูดเพศชาย กลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นกลมุ ความถี่ในการปรากฏ ตวั อยางผูพดู เพศชาย จาํ นวนคร้งั ท่ี จาํ นวนเปอรเ ซนตท ่ีกลวิธีที่ 1 การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจงหรือ ปรากฏ ปรากฏบอกเปน นยั 5 1.66กลวิธที ี่ 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไม 56 18.54เหน็ ดว ยกลวธิ ที ี่ 3 การกลา วหาผูก ระทําผิด 141 46.68กลวิธีที่ 4 การกลา วตําหนิผูกระทําผิด 100 33.11รวม 302 100
73แผนภูมิที1่ 9 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นกลมุ ตวั อยา ง ผพู ูดเพศชาย 50 45 40 35 30 25 20 15 10 5 0 กลวิธที ี่ 1 กลวธิ ที ่ี 2 กลวิธที ี่ 3 กลวธิ ที ่ี 4กลวธิ ีที่ 1 การไมก ลา วตําหนอิ อกมาอยา งชัดแจงหรือบอกเปนนัยกลวธิ ีท่ี 2 การกลาวแสดงออกถงึ ความรําคาญใจหรือไมเ หน็ ดวยกลวิธีที่ 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวธิ ที ี่ 4 การกลา วตําหนิผูกระทําผิด จากตารางท่ี 15และแผนภมู ิที่ 19 จะเหน็ ไดว า จาํ นวนการปรากฎของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตําหนิในกลุมตวั อยา งผพู ูดเพศชาย คอื การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิ 46.68% รองลงมาเปนกลวิธีการกลา วตําหนผิ กู ระทาํ ผิด 33.11% สวนกลวิธีการกลา วแสดงออกถงึ ความราํ คาญใจหรือไมเ ห็นดวย เปนลําดับที่ 3 คดิ เปน 18.54% และกลวิธกี ารไมกลาวตาํ หนอิ อกมาอยา งชดั แจง หรอื บอกเปนนัยเปน กลวิธีทีม่ ีผูนยิ มใชนอ ยทีส่ ุด 1.66% 4.3.2ความถใ่ี นการปรากฏของกลวิธแี สดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นกลมุ ตัวอยางผูพูดเพศหญงิจากการวิเคราะหผูวิจัยพบรายละเอียดการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิในกลมุ ตัวอยางผูพูดเพศหญงิ รวมท้งั หมด 336 คร้งั เปนกลวธิ กี ารไมกลา วตาํ หนอิ อกมาอยางชดั แจง หรือบอกเปน นยั นอ ยท่ีสดุ 11 ครั้ง กลวิธกี ารกลา วแสดงออกถงึ ความราํ คาญใจหรือไมเ ห็นดวย 84คร้งั กลวธิ ีการกลาวหาผกู ระทาํ ผดิ 164 คร้ัง และกลวิธีการกลา วตาํ หนิ 77 ครั้ง ดังปรากฏในรายละเอียดในตารางที่ 15 แผนภูมทิ ี่ 17 ดงั ตอ ไปนี้
74ตารางท่ี 16 แสดงจํานวนการปรากฏของกลวิธีการแสดงวัจนกรรมการตําหนิในกลุมตัวอยาง ผพู ูดเพศหญิง กลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นกลมุ ความถี่ในการปรากฏ ตัวอยา งผพู ูดเพศหญงิ จาํ นวนครง้ั ที่ จาํ นวนเปอรเ ซนตท ่ีกลวิธที ี่ 1 การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจง ปรากฏ ปรากฏหรอื บอกเปน นยั 11 3.28กลวิธีที่ 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจ 84 25หรอื ไมเ หน็ ดว ยกลวธิ ที ่ี 3 การกลา วหาผูกระทาํ ผิด 164 48.8กลวธิ ที ่ี 4 การกลาวตําหนผิ กู ระทาํ ผดิ 77 22.92รวม 336 100
75แผนภูมทิ ี่ 20 แสดงจาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นกลมุ ตวั อยา ง ผพู ดู เพศหญิง 50 45 40 35 30 25 20 15 10 5 0 กลวิธที ่ี 1 กลวธิ ที ่ี 2 กลวธิ ที ่ี 3 กลวธิ ที ่ี 4กลวธิ ีท่ี 1 การไมกลา วตําหนอิ อกมาอยา งชัดแจงหรือบอกเปน นัยกลวธิ ที ี่ 2 การกลา วแสดงออกถึงความราํ คาญใจหรือไมเห็นดวยกลวธิ ีท่ี 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวธิ ที ่ี 4 การกลา วตําหนผิ กู ระทําผิด จากตารางท่ี 16และแผนภูมทิ ่ี 20 จะเหน็ ไดว า จาํ นวนการปรากฎของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตําหนใิ นกลุม ตวั อยา งผพู ูดเพศหญงิ คือ การกลา วหาผูก ระทําผิด 48.8% รองลงมาเปนกลวิธีการกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวย คิดเปน 25% กลวิธีการกลาวตําหนผิ ูก ระทําผิดเปนลาํ ดบั ท3่ี คดิ เปน 22.92% สว นกลวิธกี ารไมก ลาวตําหนอิ อกมาอยางชดั แจง หรอื บอกเปน นัยเปนกลวธิ ีที่มีผนู ิยมใชน อ ยท่ีสุด 3.28%
76แผนภูมิท่ี 21 แสดงการเปรียบเทียบจํานวนการปรากฏของวัจนกรรมการตําหนิในกลุมตัวอยาง ผพู ูดเพศชายและเพศหญงิ 50 เพศหญิง 40 เพศชาย 30 20 10 0 กลวิธที ่ี 1 กลวิธีท่ี 2 กลวิธีท่ี 3 กลวธิ ที ่ี 4กลวธิ ที ี่ 1 การไมก ลา วตําหนิออกมาอยางชัดแจงหรือบอกเปน นัยกลวธิ ีท่ี 2 การกลาวแสดงออกถงึ ความราํ คาญใจหรอื ไมเห็นดวยกลวิธีท่ี 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวธิ ที ่ี 4 การกลา วตาํ หนิผูกระทําผิด จากแผนภมู ทิ ี่ 21 กลวธิ ที ี่ 3 กลวธิ กี ารกลาวหาผกู ระทาํ ผดิ เปนกลวิธีทนี่ ิยมใชมากทส่ี ดุ เปนลาํ ดบั ท่ี 1 ทง้ั 2 กลมุ แตในกลวธิ ที ี่ 2 กลวิธกี ารกลาวแสดงออกถงึ ความรําคาญใจหรอื ไมเห็นดวย นั้นเพศหญงิ จะมีแนวโนมในการเลอื กใชกลวธิ ีท่ี 2 มากกวาเพศชาย สว นในกลวธิ ีท่ี 4 กลวธิ กี ารกลาวตําหนผิ ูกระทําผิด เพศชายมแี นวโนมในการเลือกใชก ลวิธที ี่ 4 สูงกวาเพศหญงิ และในกลวิธีท่ี 1 กลวิธีการไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจง หรือบอกเปนนัย ไดรับความนิยมเปนลําดับสุดทายและมีจํานวนการปรากฏที่ใกลเคียงกันทั้ง 2 กลุม ซึ่งเปนไปตามแนวคิดของ Labov ทีก่ ลา ววา เพศหญิงมักจะใชภาษาที่คํานึงถึงความสุภาพมากกวาเพศชาย
774.4 การปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิในกลุมตวั อยา งผพู ูดเพศชายและเพศหญงิ ในสถานการณทผ่ี ูพ ูดและผฟู ง มีสถานภาพแตกตางกัน 4.4.1 แสดงการเปรียบเทยี บความถใี่ นการปรากฏของกลวิธแี สดงวจั นกรรมการตําหนิในสถานการณที่ผูพูดกบั ผฟู ง มสี ถานภาพเทา กันในกลุม ตัวอยางเพศชายและเพศหญิงตารางท่1ี 7 การเปรียบเทียบความถี่ในการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิ ในสถานการณท ่ผี ูพูดกบั ผฟู ง มีสถานภาพเทา กันในกลุมตัวอยา งเพศชายและเพศหญงิ ความถี่ในการปรากฏกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ เพศชาย เพศหญงิทีผ่ ูพดู กับผูฟง มสี ถานภาพเทากัน จาํ นวน เปอรเ ซน็ ต จาํ นวน เปอรเ ซน็ ตกลวธิ ที ี่ 1 การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจง ครง้ั ครั้งหรอื บอกเปน นยั 2 1.94 6 5.55กลวธิ ีที่ 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจ 18 16.51 26 24.08หรอื ไมเ หน็ ดว ยกลวิธีท่ี 3 การกลา วหาผูกระทําผิด 53 52.43 59 54.63กลวธิ ีที่ 4 การกลา วตาํ หนผิ กู ระทําผิด 30 29.12 17 15.74รวม 103 100 108 100
78แผนภูมิท่2ี 2 แสดงการเปรียบเทียบจํานวนการปรากฏของกลวิธีการแสดงวัจนกรรมการตําหนิ ในสถานการณท ี่ผพู ดู กบั ผูฟ ง มีสถานภาพเทากันในกลมุ ตวั อยา งเพศชายและเพศหญิง 60 เพศชาย 50 เพศหญิง 40 30 20 10 0 กลวธิ ีท่ี 1 กลวธิ ีท่ี 2 กลวธิ ีที่ 3 กลวธิ ที ี่ 4กลวธิ ีที่ 1 การไมก ลา วตําหนิออกมาอยางชดั แจง หรอื บอกเปนนยักลวธิ ีที่ 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเ หน็ ดวยกลวธิ ที ่ี 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวธิ ที ่ี 4 การกลา วตาํ หนิผูกระทาํ ผิด จากตารางที่ 17และแผนภูมทิ ี่ 22 จะเหน็ ไดว า จาํ นวนการปรากฎของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณท ่ผี พู ดู กับผูฟงมสี ถานภาพเทากันในการเปรียบเทยี บกลมุ ตัวอยา งเพศชายและเพศหญงิ นน้ั พบวาในกลวธิ ีท่ีแสดงถงึ ความสภุ าพดังเชน ในกลวธิ ีที่ 1และกลวิธีที่ 2 นน้ั เพศหญงิ มีความนิยมใชก ลวธิ ีท่ี 1 กลวธิ ีที่ 2 และกลวธิ ที ี่ 3 มากกวาเพศชาย และกลวิธีที่สามารถเห็นความแตกตางในการเลือกใชกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตําหนิไดม ากทสี่ ุดกค็ ือกลวธิ ที ี่ 4 ซ่งึ เพศชายนน้ั เลือกใชกลวธิ นี ม้ี ากกวา เพศหญงิ และกลวิธีท่ี 4 นีย้ งั เปนกลวธิ ีท่ีมคี วามรนุ แรงในการกลาวตําหนมิ ากทส่ี ุดดว ย
79 4.4.2 แสดงการเปรยี บเทียบความถใ่ี นการปรากฏของกลวธิ แี สดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณที่ผูพดู มีสถานภาพตาํ่ กวาผฟู งในกลมุ ตัวอยา งเพศชายและเพศหญงิตารางท่1ี 8 แสดงการเปรียบเทียบความถี่ในการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิใน สถานการณที่ผูพ ดู มีสถานภาพตา่ํ กวา ผฟู งในกลุมตัวอยางเพศชายและเพศหญิง ความถี่ในการปรากฏกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ เพศชาย เพศหญงิท่ผี ูพดู มสี ถานภาพตํ่ากวา ผูฟง จาํ นวน เปอรเ ซน็ ต จาํ นวน เปอรเ ซน็ ตกลวธิ ที ี่ 1 การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจง ครง้ั คร้งัหรอื บอกเปน นยั 2 2.36 2 1.98กลวธิ ที ี่ 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรอื ไมเ หน็ ดว ย 17 20 31 30.69กลวิธที ่ี 3 การกลา วหาผูกระทาํ ผิด 46 54.11 53 52.48กลวิธที ี่ 4 การกลาวตาํ หนิผกู ระทําผิด 20 23.53 15 14.85รวม 85 100 101 100
80แผนภมู ทิ ี่ 23 แสดงการเปรียบเทียบจํานวนการปรากฏของกลวิธีการแสดงวัจนกรรมการตําหนิใน สถานการณท่ีผูพ ูดมีสถานภาพต่าํ กวาผฟู ง ในกลุมตัวอยา งเพศชายและเพศหญิง 60 เพศชาย 50 เพศหญิง 40 30 20 10 0 กลวธิ ที ่ี 1 กลวิธที ี่ 2 กลวิธีที่ 3 กลวธิ ีท่ี 4กลวิธีท่ี 1 การไมก ลา วตําหนิออกมาอยา งชัดแจงหรือบอกเปนนัยกลวิธที ่ี 2 การกลาวแสดงออกถึงความราํ คาญใจหรอื ไมเ ห็นดว ยกลวธิ ที ี่ 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวธิ ีท่ี 4 การกลาวตําหนผิ กู ระทาํ ผิด จากตารางที่ 18และแผนภมู ทิ ี่ 23 จะเหน็ ไดว า จาํ นวนการปรากฎของกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณท ผี่ พู ดู มสี ถานภาพต่าํ กวาผูฟง ในการเปรียบเทียบกลุม ตัวอยางเพศชายและเพศหญิงนน้ั พบวา ในกลวธิ ีที่ 1 เพศชายและเพศหญิงมีการเลือกใชก ลวิธนี ีใ้ นจาํ นวนที่ใกลเ คียงกันสว นกลวธิ ีที่ 2 นนั้ เหน็ ไดชัดเจนวา เพศหญงิ เลือกใชกลวิธที ี่ 2 น้มี ากกวาเพศชาย สว นกลวธิ ีท่ี 3 น้นัมีความใกลเคียงกัน และที่เห็นไดชัดเจนถึงความแตกตางในการเลือกใชกลวิธีในการแสดงการตําหนิคือกลวิธีที่ 4 ซึง่ เพศชายนัน้ จะเลือกใชก ลวิธีที่ 4 มากกวาเพศหญิง
814.4.3 แสดงการเปรยี บเทียบความถใี่ นการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนใิ นสถานการณทผ่ี ูพดู มสี ถานภาพสูงกวาผฟู ง ในกลมุ ตวั อยา งเพศชายและเพศหญงิตารางท่ี 19 แสดงการเปรียบเทียบความถี่ในการปรากฏของกลวิธีแสดงวัจนกรรมการตําหนิใน สถานการณทีผ่ พู ูดมีสถานภาพสงู กวา ผูฟง ในกลุมตวั อยางเพศชายและเพศหญงิ ความถี่ในการปรากฏกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นสถานการณ เพศชาย เพศหญงิท่ีผูพ ูดมสี ถานภาพสงู กวาผฟู ง จาํ นวน เปอรเ ซน็ ต จาํ นวน เปอรเ ซน็ ตกลวิธีที่ 1 การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจง คร้ัง ครงั้หรอื บอกเปน นยั 1 0.88 2 1.59กลวิธที ี่ 2 การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจ 35 30.7 43 34.13หรอื ไมเ หน็ ดว ยกลวิธีที่ 3 การกลาวหาผกู ระทาํ ผดิ 28 24.56 36 28.58กลวธิ ีท่ี 4 การกลา วตําหนิผูกระทําผดิ 50 43.86 45 35.7รวม 114 100 126 100
82แผนภูมทิ ่ี 24 แสดงการเปรียบเทียบจํานวนการปรากฏของกลวิธีการแสดงวัจนกรรมการตําหนิใน สถานการณท ีผ่ พู ูดมสี ถานภาพสงู กวาผูฟ ง ในกลมุ ตวั อยา งเพศชายและเพศหญิง 45 เพศชาย 40 เพศหญิง 35 30 25 20 15 10 5 0 กลวธิ ีท่ี 1 กลวธิ ที ่ี 2 กลวธิ ีท่ี 3 กลวธิ ที ี่ 4กลวิธีท่ี 1 การไมกลาวตําหนอิ อกมาอยางชดั แจงหรือบอกเปนนยักลวิธที ่ี 2 การกลา วแสดงออกถงึ ความรําคาญใจหรอื ไมเ ห็นดวยกลวธิ ีท่ี 3 การกลา วหาผกู ระทาํ ผดิกลวิธีที่ 4 การกลาวตาํ หนิผกู ระทําผิด จากตารางที่ 20 และแผนภมู ทิ ี่ 24 จะเหน็ ไดว า จาํ นวนการปรากฏของกลวธิ กี ารแสดงวัจนกรรมการตําหนใิ นสถานการณท ผี่ พู ูดมีสถานภาพสูงกวา ผฟู งในการเปรยี บเทียบกลุมตวั อยา งเพศชายและเพศหญิงน้นั พบวาในกลวธิ ที ่ี 1 เพศชายและเพศหญิงมกี ารเลอื กใชกลวธิ นี ใี้ นจํานวนทใ่ี กลเ คยี งกัน สวนกลวิธที ี่ 2 นัน้ เหน็ ไดชดั เจนวาเพศหญิงเลือกใชก ลวธิ ีที่ 2 นีม้ ากกวา เพศชาย สวนกลวิธที ี่ 3 นนั้ก็เชนเดยี วกันกลา วคือเพศหญงิ เลอื กใชก ลวธิ ที ี่ 3มากกวาเพศชาย และที่เห็นไดชัดเจนถึงความแตกตางในการเลอื กใชกลวิธใี นการแสดงการตาํ หนคิ ือกลวิธที ่ี 4 ซ่งึ เพศชายนั้นจะเลอื กใชกลวธิ ที ่ี 4 มากกวาเพศหญงิ
83ขอ วจิ ารณ จากผลการวจิ ัยจากตารางและแผนภูมิท่ี 2 แสดงการแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นกลมุ ตวั อยา งนิสิตมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตรน น้ั พบวา กลวิธแี สดงวจั นกรรมการตาํ หนิทน่ี ิยมใชมากที่สดุ คอืการกลาวหาผูกระทําผิดรองลงมาคือ กลวิธีการกลาวตําหนิ และกลวิธีการแสดงออกถึงความรําคาญใจหรอื ไมเห็นดวย สว นกลวธิ ีการไมกลาวตําหนอิ อกมาอยา งชดั แจง หรอื บอกเปน นัยเปนลําดับสุดทา ย ในความเหน็ ของผูวจิ ยั นั้นเหตุที่กลุม ตัวอยางเลอื กใชกลวธิ ีที่ 3 และ 4 ในจาํ นวนทม่ี ากกวา ในกลวธิ ที ่ี 1และ 2 นั้นอาจเปน เพราะวา กลวิธีท่ี 1 และ 2 น้ันเปนกลวิธที อ่ี าจทาํ ใหผูฟงไมเขาใจถงึ เจตนาของผูพูดไดอยางชัดเจนถึงแมวาจะเปนกลวิธีที่มีความรุนแรงนอยกวาและมีความสุภาพมากกวาก็ตาม อีกทั้งผูวิจัยยังพบวาถงึ แมว า ผพู ูดจะเลอื กใชกลวธิ ที ่ี 3 และ 4 มากกวากต็ ามแตใ นการเลอื กใชกลวธิ ียอ ยของท้ังในกลวธิ ที ่ี 3 และ 4 จากตารางและแผนภูมทิ ี่ 4 พบวา กลุม ตัวอยา งเลอื กใชก ลวิธยี อ ยท่ี 3.1 กลวิธีการกลาวหาผูกระทําผิดอยางไมตรงไปตรงมามากกวากลวิธียอยที่ 3.2 กลวธิ กี ารกลาวหาผกู ระทาํ ผดิ อยางตรงไปตรงมา และเปนไปในทางเดียวกัน ในการเลือกใชกลวิธี 4 กลุมตวั อยา งเลือกใชกลวธิ ีที่ 4.1กลวิธกี ารกลาวตาํ หนผิ ูกระทาํ ผิดแบบที่มกี ารตกแตงถอยคําเพือ่ ลดความรนุ แรงของสถานการณมากกวากลวิธยี อ ยท่ี 4.2 การกลาวตาํ หนทิ ่ีพฤตกิ รรมหรอื ทต่ี ัวบคุ คลของผกู ระทาํ ผดิ เหลือซง่ึ มคี วามตรงไปตรงมาและมีความรุนแรงมากกวา ซึ่งจากผลการวิจัยแสดงใหเห็นวาแมวาผูพูดจะตองการกลาวตําหนผิ ูฟงกต็ ามผูพดู จะเลือกกลวธิ ีทที่ ําใหผฟู งเสียหนา ใหนอยทส่ี ดุ และผพู ูดจะเลือกกลวิธที ่ีผูพ ดูสามารถบอกถึงความรูสึกนึกของตนออกไปใหผูฟงสามารถเขาใจไดดวยโดยที่ไมออมคอมจนผูฟงไมสามารถเขาใจไดหรือเขาใจไดไมชัดเจนสาํ หรับปจจยั ทเ่ี ก่ยี วของกับสถานภาพและระยะหา งทางสงั คมน้นั จากผลการวิจัยพบวา เมอ่ื ผูพูดมีสถานภาพสงู กวาผูฟง ผพู ดู จะเลือกใชก ลวิธีท่มี คี วามสุภาพนอยทสี่ ดุ ในจํานวนเปอรเซนตท ่ีสงูท่สี ดุ เมอ่ื อยใู นสถานการณท ่ผี ูพูดมีสถานภาพสงู กวา ผฟู ง ท้ังน้อี าจเปนเพราะในกลวธิ ีนีเ้ ปน กลวิธีทผี่ ูพ ูดสามารถพูดในสิ่งทตี่ นคิดไดโดยไมตอ งคํานงึ ถึงเรื่องหนาของผูฟ งและเร่อื งความสุภาพเทาใดนักเทา ใดนกั เพราะตนนั้นมอี าํ นาจหรอื สถานภาพสงู กวา ผฟู ง อีกทง้ั จากผลการวจิ ัยยงั พบขอ สงั เกตในอกี กรณีหน่งึ คอื ในสถานการณท่ีผูพูดและผฟู งมสี ถานภาพเทา กนั และตํ่ากวาผฟู งนัน้ กลวิธีที่ 3 เปน กลวธิ ีท่ีไดรับความนิยมมากที่สุดทั้ง 2 สถานการณที่ไดก ลา วไปขางตนซงึ่ สาํ หรับในกลวธิ ที ี่ 3 การกลา วหาผกู ระทําผิด นี้ตามแนวคดิ ของ Anna Trosbrog (1995) กลวิธีนเี้ ปน กลวธิ ีทมี่ คี วามรนุ แรงในลําดับที่ 3ซ่งึ จากผลการวิจัยพบวา เหตุที่กลมุ ตัวอยา งเลือกกลวิธนี ้มี ากที่สุดเพราะเปนกลวธิ ที ไี่ มออมคอ มและไมรนุ แรงจนเกินไปสามารถทําใหผูฟ ง เขาใจถงึ ความตอ งการของผูพดู ไดดีกวา ใน กลวธิ ที ี่ 1 และ กลวธิ ีท่ี2 ถึงแมวาจะเปนกลวิธีที่สามารถแสดงถึงระดับความสุภาพที่มากกวา แตก็เปนกลวิธีที่มีความออมคอม
84เกินไปจงึ เปน ผลทําใหก ลุม ตวั อยา งเลือกกลวธิ ที ่ี 3 มากที่สดุ ในสถานการณท ่ีผูพดู และผูฟงมีสถานภาพต่ํากวา และเทากนั กบั ผฟู ง อีกท้งั หากดจู ากผลรวมของการเลอื กใชกลวธิ ีในการแสดงวจั นกรรมการตําหนิในกลุมตัวอยางของนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตรแลวจะพบวากลวิธีที่ไดรับความนิยมมากท่สี ดุ ก็คอื กลวิธีท่ี 3 การกลาวหาผกู ระทําผดิ หากมองในอกี กรณีหนึง่ ก็อาจเปนไปไดวา กลุมตัวอยา งที่ผูวิจัยเลอื กเก็บขอ มูลนั้นอาจกลุมอายทุ ่อี ยใู นชวงของวยั รุน ตอนปลายที่มีอายุ 20-25 ป จึงมีความคิดที่มีความเปน ตวั ของตวั เองซงึ่ มวี ธิ กี ารพูดท่ไี มอ อ มคอ มจนเกนิ ไปในลกั ษณะของคนรนุ ใหม จึงเลือกใชกลวิธีท่ี 3 นี้เปนสว นใหญ หากผูวิจยั เกบ็ ขอมลู กลมุ ตวั อยางในชวงอายทุ ีแ่ ตกตางกันออกไป อาจพบขอมลู ท่แี ตกตา งออกไปจากนี้ และอาจไดข อมลู ทสี่ ามารถอธิบายไดว าปจ จยั ดานอายุนั้นมผี ลตอการเลือกใชกลวิธีนีก้ ารแสดงวจั นกรรมการตําหนใิ นกลมุ ชวงอายุตา ง ๆ กนั กเ็ ปนได สวนในเรอื่ งของความสนิทสนมคุน เคยระหวางคสู นทนานัน้ ผูว ิจัยเห็นวา ปจจัยในดานนต้ี อ งพจิ ารณารว มกันกับปจจยั อ่นื ๆดวย เชน ปจ จยั ดา นสถานภาพทางสงั คมท่ีแตกตา งกนั หรือแมแ ตเรื่องของนํ้าหนกั ความผิดซึง่ ผูวจิ ยัไมไ ดน ํามาวิเคราะหรวมดว ยในงานวจิ ยั ชิ้นน้ี จากผลการวิจัยพบวา ย่ิงผพู ูดมีความสนทิ สนมกบั ผฟู งและมสี ถานภาพสูงกวา ผูฟงผพู ูดน้ันมักจะคาํ นงึ ถงึ เรอื่ งความสภุ าพหรือเรอ่ื งหนา ของผพู ดู และผฟู งนอ ยกวา ในการแสดงวจั นกรรมตาํ หนจิ ากแผนภมู ทิ ่ี 18 เปอรเ ซ็นตข องการเลอื กในกลธิ ที ี่ 4 การกลา วตาํ หนิผูกระทาํ ผดิ ในสถานการณท่ผี ูพ ดู และผูฟ งมีความสนิทสนมกนั มจี ํานวนสงู เปนลาํ ดับท่ี 1ในทางตรงกันขา ม เมอื่ อยูในสถานการณทผี่ พู ดู มสี ถานภาพตาํ่ กวา ผฟู ง อกี ทัง้ ยงั มคี วามสนิทสนมกบั ผูฟง จากแผนภูมิที่ 17 กลวิธีที่ 3 การกลาวหาผกู ระทาํ ผิดเปนกลวิธที ี่ไดรับความนยิ มมากทีส่ ุดแตผ วู ิจยั พบขอ สังเกตวาในกรณนี ี้ในกลวิธีที่ 2 กลวธิ กี ารกลา วแสดงออกถงึ ความไมพ อใจหรอื ไมเ หน็ ดว ยนน้ั กลบั ไดร บั ความนิยมมากกวากลวิธีท่ี 4 อาจเปน เพราะในกรณนี ีผ้ พู ดู ถงึ แมจ ะมีความสนิทสนมกับผฟู งแตก ็ยงั คํานงึ วาตนนัน้ มอี ํานาจหรือสถานภาพต่าํ กวาผูฟ ง จะมคี วามเกรงใจผูฟงโดยไมก ลาทจี่ ะตําหนิหรือกลา วหา จึงเลอื กกลา วเพยี งแคแสดงออกถงึ ความไมพ อใจหรอื ไมเ หน็ ดว ยเทา นนั้ สาํ หรบั ปจ จัยในเร่ืองเพศ จากผลการวจิ ยั พบวา จากแผนภูมทิ ่ี 21 กลวิธีท่ี 3 กลวธิ กี ารกลา วหาผกู ระทําผดิ เปน กลวิธที นี่ ยิ มใชม ากทส่ี ุดเปน ลําดบั ที่ 1 ทงั้ 2 กลมุ แตใ นกลวิธที ่ี 2 กลวิธีการกลาวแสดงออกถงึ ความรําคาญใจหรือไมเ หน็ ดว ย นัน้ เพศหญิงจะมแี นวโนมในการเลอื กใชก ลวิธีท่ี 2มากกวา เพศชาย สว นในกลวธิ ีที่ 4 กลวิธีการกลาวตาํ หนิผกู ระทําผิด เพศชายมีแนวโนม ในการเลือกใชกลวิธีที่ 4 สูงกวาเพศหญิง และในกลวิธที ่ี 1 กลวธิ กี ารไมก ลาวตาํ หนิออกมาอยางชัดแจง หรือบอกเปนนัย ไดรับความนิยมเปนลําดับสุดทายและมีจํานวนการปรากฏที่ใกลเคียงกันทั้ง 2 กลุม ซ่งึ เปนไปตามแนวคดิ ของ William Labov (1966) ท่ีกลา ววา เพศหญิงมักจะใชภาษาที่คํานึงถึงความสุภาพมากกวาเพศชาย ซงึ่ จากแผนภูมทิ ่ี 21 นั้น จํานวนการปรากฏที่สามารถเห็นไดชัดเจนถึงความแตกตาง คือ การ
85เปรียบเทียบระหวางเพศชายและเพศหญิงในกลวิธีที่ 2 และ กลวธิ ีท่ี 4 ซ่งึ กลวธิ ที ่ี 2 เปนกลวธิ ที ่ีคํานงึ ถงึความสุภาพมากกวากลวิธีที่ 4 จงึ ปรากฏจํานวนในการเลือกใชกลวิธที ่ี 2 ในเพศหญิงสูงกวาเพศชายในทางตรงกันขามในกลวิธีที่ 4 เปนกลวธิ ีทีม่ กี ารคํานงึ ถึงความสุภาพนอ ยทสี่ ดุ ในจํานวนกลวธิ ีที่พบทง้ั หมด จึงปรากฏจํานวนในการเลือกใชกลวิธีที่ 4 ในเพศชายมีจํานวนสูงกวาเพศหญิง อีกทั้งจากกการเปรียบเทียบการเลือกใชกลวิธีในการแสดงวัจนกรรมการตําหนิในกลุมตัวอยางเพศชายและเพศหญิงในสถานการณที่ผูพูดและผฟู ง มสี ถานภาพแตกตางกนั 3 ลกั ษณะ กลา วคอื ผพู ดู และผฟู ง มีสถานภาพเทากนั ผพู ูดมีสถานภาพตํ่ากวาผฟู ง ผพู ูดมสี ถานภาพสูงกวาผูฟ ง ผูวิจัยยังพบขอสงั เกตในรูปแบบเดียวกนั น้ใี นการเลอื กใชว จั นกรรมการตาํ หนใิ นกลวิธีที่ 2 และกลวิธที ่ี 4 น้เี ชน เดยี วกันในทั้ง 3 ลักษณะกลา วคอื กลวธิ ที ี่ 3 กลวิธีการกลา วหาผูกระทําผิดเปนกลวธิ ีทนี่ ิยมใชม ากทีส่ ุดเปนลาํ ดับท่ี 1 ทัง้ 2 กลมุแตใ นกลวิธที ่ี 2 กลวธิ กี ารกลา วแสดงออกถงึ ความราํ คาญใจหรอื ไมเ หน็ ดว ย นน้ั เพศหญงิ จะมแี นวโนมในการเลือกใชกลวิธีที่ 2 มากกวา เพศชาย สวนในกลวธิ ที ี่ 4 กลวธิ ีการกลาวตําหนผิ กู ระทาํ ผดิ เพศชายมีแนวโนม ในการเลอื กใชก ลวิธที ่ี 4 สูงกวา เพศหญิง
86 บทท่ี 5 สรปุ ผลการวิจยั และขอเสนอแนะ5.1 สรปุ และอภปิ รายผลการวิจัย กลวิธีการแสดงวัจนกรรมการตําหนิของนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตรในงานวิจัยชิ้นพบวามี4 กลวธิ ใี หญ แบง เปน 8 กลวิธียอ ย กลา วคือ กลวธิ ีที่ 1. การไมกลาวตําหนิออกมาอยางชัดแจง หรือบอกเปนนัย กลวธิ ที ี่ 2. การกลาวแสดงออกถึงความรําคาญใจหรือไมเห็นดวย กลวธิ ยี อ ยที่ 2.1 การแสดงความรําคาญใจ กลวิธียอ ยที่ 2.2 การกลาวถึงผลลัพธที่จะตามมาจากการกระทําผิด กลวิธที ี่ 3. การกลาวหาผกู ระทาํ ผิด กลวิธยี อยท่ี 3.1 การกลาวหาผูกระทําผิดอยางไมตรงไปตรงมา กลวิธยี อยท่ี 3.2 การกลาวหาผูกระทําผิดอยางตรงไปตรงมา กลวิธยี อ ยที่ 3.3 การกลาวเตอื นผกู ระทําผดิ กลวิธที ี่ 4. การกลาวตาํ หนิผกู ระทาํ ผดิ กลวิธยี อ ยท่ี 4.1 การกลา วตําหนผิ ูกระทาํ ความผิดทม่ี กี ารตกแตง โดยการใหค าํ แนะนาํ หรอืเสนอทางเลอื ก กลวิธยี อยที่ 4.2 การกลา วตาํ หนผิ ูก ระทําความผดิ โดยกลาวตอวาพฤตกิ รรมและตัวบุคคลของผกู ระทําผดิ จากผลการวิจัยพบวา กลวิธีท่ี 3 เปนกลวธิ ที ่ไี ดรบั ความนยิ มมากทีส่ ดุ และกลวธิ ยี อยท่ี 3.1 เปนกลวธิ ียอยท่ีนยิ มใชม ากท่สี ดุ 199 ครั้งของจํานวนกลวิธีที่พบทั้งหมด 647 คร้ัง และกลวธิ ยี อยที่ 4.1 เปนกลวธิ ที ไ่ี ดรบั ความนิยมมากเปนลําดับท่ี 2 คอื 146 ครั้งของจํานวนกลวิธีที่พบทั้งหมด 6 47 ครั้ง จะเห็นไดวาแมว า ผูพูดจะไมไ ดเ ลือกใชก ลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนทิ ่มี ีความสุภาพมากกวาอยา งในกลวิธีท่ี 1 หรือกลวิธีท่ี 2 แตผ พู ดู ก็ยงั คงเลอื กใชกลวิธที ่ีทําใหผฟู ง รสู ึกเสยี หนา ใหนอยทส่ี ุดโดยการเลือกใชกลวิธีการกลาวหาผูกระทําผิดอยางไมตรงไปตรงมา โดยการใชประโยคคําถาม หรือพูดเพียงใหขอ มลู บางสว นแกผฟู ง ซ่ึงบางครัง้ อาจปรากฏถอ ยคาํ ทแี่ สดงถึงความสุภาพและใหเกียรตผิ ฟู ง เชน คําวา“กรุณา” หรือ “รบกวน” เปน การเกรน่ิ นําท้งั ๆ ทผี่ ฟู ง น้ันกระทําผิดหรือทาํ สง่ิ ที่ไมถ ูกตอง กระนนั้ ผูพดู ก็
87ยงั ตองใหเ กยี รติผูฟง ซง่ึ เปนการรกั ษาหนา ทง้ั ของตนเองและคสู นทนา หรือแมแตใ นกรณที ผี่ พู ดู เลอื กใชกลวธิ กี ารแสดงวจั นกรรมการตาํ หนใิ นกลวธิ ที ่ี 4 กลวธิ ีการกลา วตําหนผิ ูกระทําผิดก็ตามผูพ ูดยงั คงมีความตองการเลือกใชกลวิธีที่ 4.1 มากที่สุดในจํานวนการปรากฏของการเลือกใชกลวิธีที่ 4 คอื 146 ของจํานวนการปรากฏของกลวิธีที่ 4 ที่พบทั้งหมด 177 ครง้ั ซ่งึ กลวิธที ่ี 4.1 นถ้ี ือเปน กลวิธีท่ีมคี วามสภุ าพมากทีส่ ุดในจํานวนกลวธิ ียอ ยของกลวิธที ่ี4 ซงึ่ ในกลวิธีนี้เปน กลวิธที ผ่ี ูพูดกลาวตาํ หนผิ พู ดู ฟงโดยใชถอยคาํ ในเชงิ การแนะนํา และเสนอทางเลอื กอน่ื ใหแ กผูฟง โดยการหลกี เลีย่ งท่ีจะกลา วตาํ หนโิ ดยการช้ีความผดิ ไปท่ีพฤตกิ รรมหรอื ตัวผกู ระทาํ ผิด ซึ่งเปนตามหลกั การความสภุ าพเชิงลบ ( Negativepoliteness ) คือ การใชภ าษาเพือ่ ใหผูฟงรูสึกวาตนเองไมไดถ กู บงั คบั และไดร ับความเคารพจากผอู ื่นเชน การกลา วขอโทษ การกลา วเพ่อื เสนอทางเลอื ก เปนตน กลา วคอื คอื ผูพูดน้ันพยายามท่ีจะรักษาท้งัของตนเองและคูสนทนาเชนกัน การเลอื กใชกลวธิ ีการแสดงการตําหนขิ องสถานการณท ่ีผพู ูดและผูฟ ง มีสถานภาพแตกตางกนัจากแผนภมู ทิ ี่ 15 พบวา ในสถานการณท ่ผี ูพูดและผฟู ง มสี ถานภาพเทากัน และตํ่ากวา ผฟู ง นนั้ ผพู ูดจะเลือกใชกลวิธที ี่ 3 คอื กลวิธกี ารกลาวหาผกู ระทาํ ผดิ มากเปนลําดับที่ 1 และมักเลอื กใชก ลวธิ ยี อ ยที่ 3.1กลวธิ ีการกลาวหาผกู ระทําผิดอยางไมต รงไปตรงมามากกวา กลวิธยี อ ยท่ี 3.2 กลวิธีการกลาวหาผูก ระทาํผดิ อยา งตรงไปตรงมา สว นในสถานการณท่ผี พู ูดมีสถานภาพสงู กวา ผูฟง ผูพดู เลอื กใชก ลวธิ ที ี่ 4 มากเปน ลาํ ดบั ที่ 1 และเลอื กใชก ลวิธยี อ ยท่ี 4.1 มากกวา กลวธิ ยี อยที่ 4.2 เหลอื นอกจากน้กี ลวิธที ี่ 1 การไมกลา วตาํ หนิออกมาอยางชดั แจง หรือบอกเปนนยั เปน กลวธิ ที ่ไี ดรับความนิยมนอยที่สดุ ถึงแมวาจะเปนกลวิธที ่ีมีความสภุ าพมากทส่ี ุดกต็ ามอาจเปน เพราะในกลวธิ ีนีเ้ ปนกลวิธีทผ่ี พู ูดไมส มารถบอกถึงส่งิ ท่ีตนตอ งการจะสอื่ สารไดอยา งชัดเจนจึงไมไดรับความนิยม จากงานวจิ ยั จะเห็นไดว า ยิ่งผูพดู มีอํานาจหรือสถานภาพทางสังคมสูงกวาผฟู ง มากผพู ูดจะมีการคํานงึ ถงึ หนาของผฟู งนอยลง ในขณะทย่ี ิง่ ผูพูดมีอํานาจหรือสถานภาพทางสังคมตํ่ากวา ผฟู ง ผพู ดู ก็มีแนวโนม ท่ีจะคํานงึ ถึงหนาทงั้ ของตนเองและคูสนทนามากขึ้น สว นความสนทิ สนมคนุ เคยระหวา งผพู ดู และผูฟ งนั้นผวู ิจยั พบขอ สังเกตวาเมือ่ ผูฟง ยงิ่ มีความสนทิ สนมคนุ เคยกับผูฟ ง ผูพดู มกั จะใชก ลวธิ กี ารตําหนิท่ีมีความรนุ แรง มากกวา โดยที่ผพู ดู จะคาํ นึงถึงเรอ่ื งหนาระหวางผพู ดู และผฟู ง นอ ยกวาในสถานการณท่ีผูพูดและผฟู งไมมีความสนทิ สนมกันแตท้ังนีท้ ้ังนน้ั การท่ีผพู ดู จะเลือกใชก ลวธิ ีใดนน้ั ผพู ูดจะตอ งพจิ ารณาจากสถานภาพและความสนทิ สนมคนุ เคยระหวา งผูพดู และผฟู งอีกทง้ั ผูพ ดู จะตอ งพิจารณาความรนุ แรงของสถานการณทเี่ กิดขึน้ ณขณะนน้ั ควบคกู ันไปดวยจะพจิ ารณาถึงปจจัยอยางหน่ึงอยางใดเพียงอยา งเดียวนั้นไมเ พียงพอในการตัดสินวาปจจัยใดจะมีผลตอการแสดงวัจนกรรมการตําหนิของนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร นอกจากน้เี ร่อื งปจ จัยดา นเพศทีม่ ผี ลตอ การแสดงวจั นกรรมการตําหนิของนสิ ติมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตรนนั้ ผูวจิ ยั พบขอ สงั เกตวา เพศหญงิ เลือกใชกลวธิ กี ารตาํ หนทิ ่มี คี วามรุนแรง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131