สวารตั สาวร แพทยเ ชียงใหมเพอ่ื ชมุ ชน Chiang Mai Veterinary Journal for Community (CVJC) ปที่ 4 ฉบับท่ี 1 เดือนมกราคม-มถิ นุ ายน 2560 ISSN 2408-1949 CONTENT สารบัญ บอกอ. บอกเลา ขา วสารงานบริการวิชาการ 2 สวัสดีผูอานทุกทาน วารสารสัตวแพทยเชียงใหมเพ่ือชุมชนฉบับนี้ พระบิดาแหงการโคนมไทย 4 เปนฉบับพิเศษ จัดทําในวาระรําลึกถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระปรมินทร การเลย้ี งโคนม อาชพี พระราชทาน 8 มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ทเ่ี ปน ประโยชนอ เนกอนนั ต ตอ วงการสตั วแพทยใ นประเทศไทย โดย... ผศ.น.สพ.ดร.ขวญั ชาย เครอื สุคนธ์ 10 โดยมีทั้งอาชีพการเลี้ยงโคนมและการเลี้ยงปลานิลท่ีทางคณะสัตวแพทยศาสตร 13 ไดใชงานวิจัยเขาไปชวยในการดูแลจนไดผลผลิตที่มากข้ึน นอกจากน้ียังมีอาจารย “ปลานิล” กับ “สตั วแพทย” 15 ทไ่ี ดรับทุนเลาเรยี นหลวงหรอื ท่เี รียกวา “ทุนอานนั ทมหิดล” โดยหลังจากไดร บั ทนุ โดย... ผศ.น.สพ.ดร.ฎิลก วงศ์เสถยี ร 18 ก็ไดเขามาพัฒนาวงการสัตวแพทยและประเทศชาติ ตามวัตถุประสงคท่ีทางมูลนิธิ 21 อานันทมหิดลไดตั้งไว ทั้งหมดท่ีกลาวมาถือวาเปนเพียงโครงการบางสวนที่ ทนุ อานันทมหิดล คณะสัตวแพทยศาสตร มช. สมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไดท รงดําริไว ซง่ึ ยงั มีโครงการอีกมากมาย โดย... อ.สพ.ญ.ดร.ทตั ตวรรณ แกว้ สาคร 24 ทมี่ คี วามเกย่ี วขอ งในชวี ติ ประจาํ วนั ของเราอกี เชน เดยี วกบั คาํ สอนของพระองคท า น ทนุ อานันทมหดิ ล กบั การเดินตามพระราชดําริ 26 ทีส่ ามารถนาํ ไปประยกุ ตใ ชในชีวิตประจาํ วนั ได โดย... ผศ.สพ.ญ.ดร.ศิริพร เพยี รสุขมณี 29 ในชว งเดอื นธนั วาคมกบั งานประชมุ วชิ าการสขุ ภาพสตั วภ าคเหนอื ป 2559 โรคไขหดั แมว… ภัยรายใกลตัวแมวเหมยี ว กไ็ ดร บั ความสนใจจากสตั วแพทย ผนู าํ เสนอผลงาน นกั ศกึ ษา และเกษตรกรผเู ลยี้ งสตั ว โดย... สพ.ญ.สโรชา อัครกิจวิรฬุ ห์ เพื่อรับความรูเก่ียวกับโรค การจัดการ และวิชาการใหม โดยทางคณะผูจัดงาน ขอขอบคุณผสู นบั สนุนทกุ หา งรา นทท่ี ําใหงานลลุ วงไปดว ยดี เมอื่ สุนัขเปนโรคตบั โดย... อ.น.สพ.ดร.วสนั ต์ ตง้ั โภคานนท์ ทายนี้ทางคณะสัตวแพทยศาสตร ขอสัญญาวาจะยึดมั่นแนวทาง การปฏิบัติงานของพระองคทาน เพื่อพัฒนาสังคมและประเทศชาติใหเปนไปตาม การผาตัดปลา ปณธิ านของพระองคตอไปครับ โดย... ผศ.น.สพ.ดร.ฎิลก วงศ์เสถียร นายสตั วแพทย กิตตกิ ร บญุ ศรี การตรวจทางเซลลวิทยาและจลุ พยาธิวิทยา บรรณาธิการ สําหรบั วินจิ ฉยั เน้อื งอกในสุนขั โดย... สพ.ญ.สราลี ศรวี รกลุ กระเพาะเปนกรด เพราะอาหารขน เยอะเกินไป โดย... น.สพ.ธนทั เอนกนันท์ การทาํ บลอ็ กพพิ ิธภณั ฑท างพยาธิวิทยา โดย... ศุภโชค เทพวงศ์ คณะผูจดั ทํา บรรณาธิการ กองบรรณาธิการ อ.น.สพ.ดร.วรี พงศ ต้งั จิตเจริญ นายธนะพันธุ การคนซ่อื น.สพ.กติ ติกร บุญศรี อ.สพ.ญ.ดร.สรุ รี ตั น หนมู ี นางสาวนนั ทภคั นนั ธิ ทีป่ รกึ ษา รศ.น.สพ.ดร.กฤษฎากรณ พรงิ้ เพราะ อ.น.สพ.ดร.รักธรรม เมฆไตรรัตน คณบดี รองบรรณาธิการ ผศ.น.สพ.ดร.วีระศกั ด์ิ ปญญาพรวิทยา อ.สพ.ญ.ดร.วรางคณา ไชยซาววงศ ออกแบบปกและออกแบบเว็บไซต หัวหนา ศูนยบริการสขุ ภาพสตั ว รศ.น.สพ.ดร.กรกฎ งานวงศพาณิชย ผศ.น.สพ.ดร.ฉัตรโชติ ทติ าราม นายธรนนิ ทร เจริญสุข ผูแทนคณบดีฝายวจิ ยั อ.น.สพ.ดร.สหสั ชัย ตัง้ ตรงทรัพย ผศ.น.สพ.ดร.ฎิลก วงศเสถียร ผชู วยบรรณาธกิ าร นางสาวเดอื นนภา ตาอินทุ ผอ.โรงพยาบาลสตั วเล็ก ผศ.น.สพ.ดร.อนชุ า สธนวงศ ผศ.น.สพ.ภานวุ ฒั น แยม สกลุ ผอ.โรงพยาบาลสัตวใ หญ ผศ.สพ.ญ.ดร.วาสนา ไชยศรี นายธรี ะพงศ โปธา ผอ.หนวยชนั สตู รโรคสัตว อ.สพ.ญ.ดร.นิยดา ทิตาราม นางสาวไพรินทร คณุ เศษ ผจก.หอ งปฏิบตั ิการกลาง
ข่าวสาร งานบรกิ ารวชิ าการ ในชว งครง่ึ ปห ลงั ของ พ.ศ. 2559 คณะสตั วแพทยศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม ไดจ ดั กจิ กรรมการบรกิ ารวชิ าการเพอื่ ชมุ ชนตา ง ๆ มากมาย ใหแ กหนว ยงานท้ังภายในและตางประเทศ ทง้ั ในรปู แบบการจดั ประชมุ อบรม สัมมนา และการบรกิ ารสขุ ภาพสตั ว กิจกรรมภายในประเทศ เราไดจ ดั การประชมุ อบรม สัมมนา และฝก อบรมเชงิ ปฏิบตั ิการจาํ นวนกวา 13 ครัง้ ในหลากหลายสาขาวิชา อาทิเชน ดานคลินิกมา มีการอบรมใหแกอาสาสมัครอาชาบําบัดที่ปฏิบัติงานกับเด็กพิเศษ โดยใชมาของคณะสัตวแพทยศาสตร และวิทยากร ท้งั จากคณะสตั วแพทยศาสตรและคณะเทคนิคการแพทย ซึ่งเปนประโยชนตอกลุมเด็กพิเศษและครอบครวั เปน อยางมาก สาํ หรับในวงการมา กฬี า เราไดจัดฝกอบรมใหความรูแกผูปฏิบัติงานเก่ียวกับมากีฬา ในการดูแลเลี้ยงมา โรงเรือนและการจัดการและโปรแกรมการดูแลสุขภาพและกีบมา สขุ ภาพฟนและภาวะทพุ โภชนาการจากการจัดการทไ่ี มถ ูกตอ งและปญหาที่พบบอ ยในมา กฬี า ดานคลินิกชาง เร่ิมตนดวยการจัดประชุมวิชาการชางแหงชาติ ประจําป 2559 ในเดือนสิงหาคม ซ่ึงเปนกิจกรรมท่ีจัดข้ึนทุกป ในการตดิ ตามสถานการณด า นวชิ าการเกยี่ วกบั ชา งของประเทศไทย ถอื วา เปน งานใหญง านหนง่ึ ทรี่ วบรวมนกั วชิ าการและบคุ ลากรทท่ี าํ งานเกยี่ วกบั ชา ง มาพบปะ และประชุมรวมกัน ซ่ึงทําใหเกิดกิจกรรมท่ีตามมาภายหลังคือ การจัดเสวนาวิชาการชางและสัตวปาคร้ังที่ 1/2560 ในเดือนตุลาคม และจัดฝกอบรมเชิงปฏิบัติการเร่ือง การพัฒนาศักยภาพการวางยาสลบชางดวยยาสลบในกลุม Opioids ในเดือนพฤศจิกายน อันเปนประโยชน แกส ตั วแพทยผปู ฏิบตั งิ านดา นชางและสตั วปาเปน อยา งยง่ิ และเนอื่ งจากในป 2559 มกี ารระบาดของโรคปากและเทา เปอ ยทง้ั ในสกุ รและโคนมในบา นเราคอ นขา งมาก งานบรกิ ารวชิ าการจงึ ไดจ ดั สมั มนา ใหความรูและคอยเฝาระวังอยางตอเนื่องใหแกกลุมเกษตรกรผูเลี้ยงสุกรและโคนม รวมทั้งนักวิชาการท่ีเกี่ยวของมาต้ังแตเดือนกรกฎาคม เร่ือง ลวงลึก รจู ริง การระบาดโรคปากและเทาเปอยในสุกร ครั้งท่ี 2 ในเดอื นสงิ หาคม เรือ่ ง โรคปากเทา เปอ ยในสกุ ร ปะทะ โรคพอี ารอ ารเ อส และกอนส้ินป 2559 เดือนธันวาคม ไดจัดอบรมเรื่อง การจัดการดานสุขภาพเพ่ือลดปญหาลูกโคทองเสียและแนวทางในการปองกันโรคปาก และเทาเปอยเขามายังฟารมโคนม อีกหนึ่งในงานบริการวิชาการที่มีความสําคัญอยางมาก คือ การใหบริการตรวจวินิจฉัยทางหองปฏิบัติการซ่ึงเราไดมีการพัฒนางานนี้ มาอยางตอเนื่อง โดยไดจัดใหมีการฝกอบรมเชิงปฏิบัติการ แกบุคลากรของคณะ ฯ ใหมีความรูความเขาใจเก่ียวกับมาตรฐานทางหองปฏิบัติการ ที่ควรจะเปนสําหรับงานบริการวิชาการในหัวขอเร่ือง “การประยุกตใชขอกําหนด ISO 17025:2005 สําหรับจุลชีววิทยา” ในเดือนสิงหาคม และรวมจดั การประชมุ วชิ าการสาธารณสุขของมหาวิทยาลยั เชยี งใหม ครัง้ ท่ี 1 ในเดือนกรกฎาคม 2559 2 วารสารสัตวแพทยเ ชียงใหมเพ่ือชุมชน ปที ่ี 4 ฉบับท่ี 1
ทงั้ นี้ highlight ในชว งสนิ้ ป คณะสตั วแพทยศาสตรไ ดจ ดั ใหม กี ารประชมุ วชิ าการสขุ ภาพสตั วภ าคเหนอื ประจาํ ป 2559 ซง่ึ ในปน จ้ี ดั เปน ปท ่ี 9 โดยมีสโลแกนหลักของงานคือ จากนักวิชาการสูชุมชน “Academics to the Community” อันเปนการนําไปสูการถายทอดองคความรู จากนักวชิ าการ ดานสัตวแพทยถ งึ เกษตรกร ผูเลย้ี งสตั ว ประชาชนทัว่ ไป นักวิชาการดานอน่ื ๆ และ ชมุ ชนในทีส่ ุด สําหรับดานการตางประเทศน้ัน คณะ สัตวแพทยศาสตร มีกิจกรรมการใหบริการทางดาน วิชาการแกหนวยงานตางประเทศอยางตอเนื่อง และสมา่ํ เสมอ ในปน ้ี จงึ ไดม กี ารจดั ฝก อบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร ฝกอบรมทางคลินิกในโรคชางและสัตวปาในประเทศ เขตรอนใหแกนักศึกษาและอาจารยจากมหาวิทยาลัย ไอโอวา ประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือนมิถุนายน การฝก อบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารนานาชาติ เรอ่ื ง การจดั การ สขุ ภาพ ระบบสบื พนั ธแุ ละผสมพนั ธชุ า งเอเชยี ป 2559 ในเดอื น กรกฎคม การอบรมเชงิ ปฏิบัติการ นานาชาติ เร่ือง Application of Rapid Methods in Food Processing ในเดอื นกนั ยายน และการประชมุ เชิงปฏิบัติการนานาชาติ เร่ือง Veterinary Public Health Education : Building Veterinary Service Capacity for ASEAN Public Goods ในเดือนพฤศจิกายน โดยมชี าวตา งชาตเิ ปน ผเู ขา รว ม กิจกรรมเหลานี้ จาํ นวนรวมกวา 70 คน และอีกหน่ึงงานบริการวิชาการที่เราไดดําเนินการเกี่ยวกับการจัดการปญหาสุนัขในเขตมหาวิทยาลัยเชียงใหมอยางมีสวนรวมจากชุมชน อยา งยงั่ ยืน หรือมีช่ือเรียกส้นั ๆ วา “ห(มา) ซีเอ็มยูโปรเจค” เปน โครงการทส่ี รางความเขา ใจเกยี่ วกับอยรู วมกนั ระหวางสุนขั ชมุ ชนและคนในชุมชน อยา งเปนระเบยี บเรียบรอ ย ปลอดภยั โดยไดม กี ารดูแลสขุ ภาพสนุ ขั ทเี่ ขา รวมโครงการ โดยการข้นึ ทะเบยี นประวัตสิ ัตว ฝง ไมโครชิพ ตรวจสขุ ภาพ ฉดี วัคซนี ปองกนั โรคพิษสนุ ขั บา กําจัดเหบ็ หมดั ทาํ หมัน รักษาสขุ ภาพเบ้อื งตน ปรบั พฤติกรรม สวมปลอกคอระบพุ ฤตกิ รรม เปน ตน งานบริการวิชาการ คณะสัตวแพทยศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม มีความต้ังใจในการสรางสรรค ผลงานและจะจัดกิจกรรมที่เปนประโยชนตอชุมชน ในมหาวทิ ยาลยั เอง ชมุ ชนรอบนอกทง้ั ในและตา งประเทศ อยางตอเนื่องตอไปใหสมดังปณิธานของลูกชาง มช. ทีจ่ ะทาํ งานเพอ่ื สงั คมนั่นเอง วารสารสตั วแพทยเ ชียงใหมเพือ่ ชุมชน ปที ่ี 4 ฉบบั ที่ 1 3
พการระเลบี้ยดิ งโาคแนหม่งอกาาชรพี โพครนะรมาชไททานย ผศ.น.สพ.ดร.ขวัญชาย เครอื สคุ นธ์ คณบดคี ณะสตั วแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ การเลี้ยงโคนมในประเทศไทยเร่ิมเมื่อไหรไมมีหลักฐาน ของพระองคมีอาชีพท่ีสามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวใหมีชีวิต ปรากฏชัด โดยสมัยหลังสงครามโลกคร้ังท่ี 2 พบมีชาวอินเดียและ ความเปนอยูที่ดีและมีความสุข ทรงไดรับการนอมเกลาฯ ถวาย ชาวปากีสถาน ท่ีอาศัยในเขตรอบๆพระนครไดมีการเลี้ยงโคนม พระราชสมญั ญาวา “พระบดิ าแหง การโคนมไทย” ทรงรเิ รม่ิ และทมุ เท ที่เปนสายพันธุโคนมอินเดียเพ่ือรีดนมไวบริโภคและขายภายในชุมชน ทําทุกอยางในการสงเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนมใหคงอยูอยางย่ังยืน ปจ จบุ นั ประเทศไทยมกี ารเลย้ี งโคนมกระจายอยทู กุ ภมู ภิ าคของประเทศ ซึ่งเห็นไดจากพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติมาตลอดระยะเวลา ในป 2558 มโี คนมทง้ั หมด 509,524 ตวั เปน แมโ คใหผ ลผลติ 286,296 ตวั หลายสบิ ปท ผ่ี า นมา โดยมปี ระวตั คิ วามเปน มาคอื ระหวา งเสดจ็ ประพาสยโุ รป จากทงั้ หมด 16,248 ฟารม (กรมปศสุ ตั ว. 2558) อยา งเปน ทางการเพอ่ื เจริญสมั พันธไมตรีกับนานาชาตใิ นป พ.ศ. 2503 ในการเสด็จประทับแรมท่ีประเทศเดนมารก ไดทอดพระเนตรกิจการ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โคนมและทรงสนพระทยั ในการเลยี้ งโคนมเปน อยา งมาก ทรงเลง็ เหน็ วา มหติ ลาธเิ บศรามาธบิ ดี จกั รนี ฤบดนิ ทรสยามนิ ทราธริ าช บรมนาถบพติ ร เปนอาชีพที่สามารถชวยเหลือเกษตรกรใหมีอาชีพม่ันคงเปนหลักได ไดพระราชทานอาชีพการเล้ียงโคนมใหกับคนไทยเพื่อใหพสกนิกร 4 วารสารสตั วแพทยเชยี งใหมเ พ่ือชุมชน ปที ี่ 4 ฉบบั ที่ 1
หลงั นวิ ัตกิ ลบั ไทยทรงมีพระราชกรณยี กจิ เพอื่ สนับสนนุ การเล้ยี งโคนม ในประเทศไทย ไดทรงประกอบพิธีเปดฟารมโคนมและศูนยฝกอบรม การเลี้ยงโคนมไทย-เดนมารก อยา งเปน ทางการเมอ่ื วนั ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2505 นบั เปนวันท่มี ีความสาํ คัญในประวตั ศิ าสตรก ารเล้ยี งโคนม ในประเทศไทย และรฐั บาลไทยไดก าํ หนดใหว นั ท่ี 17 มกราคม ของทกุ ป เปน “วนั โคนมแหง ชาต”ิ นอกจากนพ้ี ระองคท รงพระราชทานแนวทาง ในการสรา งความมนั่ คงในอาชพี ใหก บั เกษตรกรผเู ลยี้ งโคนมโดยการรวม กลมุ เปน สหกรณ และไดม กี ารจดั ตงั้ สหกรณโ คนมแหง แรกในประเทศไทย เมอ่ื วนั ที่ 15 เมษายน พ.ศ.2514 คณะสัตวแพทยศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม เปนคณะ สัตวแพทยศาสตรแหงแรกในภาคเหนือไดเร่ิมกอตั้งข้ึนเม่ือ วันที่ 2 สงิ หาคม พ.ศ. 2537 เพอ่ื สนองตอบความตอ งการบคุ ลากรดา นสตั วแพทย หน่ึงในพันธกิจหลักคือการใหบริการวิชาการแกสังคมและมีสวนรวม ในการพัฒนาชุมชนใหเขมแข็งตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ป พ.ศ. 2558 ในภาคเหนอื มจี าํ นวนโคนม 73.330 ตวั (14% ของประเทศ) โดยสองจังหวัดที่มีประชากรโคนมมากสุดในภาคเหนือคือ เชียงใหม 40,187 ตัว (1,198 ฟารม) และลําพูน 19,486 ตัว (493 ฟารม) โรงพยาบาลสตั วท อ งถน่ิ คณะสตั วแพทยศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม ตงั้ อยทู อ่ี าํ เภอแมอ อน จงั หวดั เชยี งใหม ไดด าํ เนนิ การใหบ รกิ ารสขุ ภาพสตั ว โดยเฉพาะโคนมเพราะตงั้ อยใู นพนื้ ทม่ี กี ารเลย้ี งโคนมหนาแนน นอกจาก การใหบ รกิ ารตรวจรกั ษาโคนมแลว ยงั เปน โรงพยาบาลเพอ่ื การเรยี นการสอน ท่ีนักศึกษาสัตวแพทยจะไดเรียนและมีประสบการณตรงกับปญหา ทเี่ กดิ ขนึ้ จรงิ ๆในฟารม ของเกษตรกรและไดท าํ การวจิ ยั เพอ่ื แกไ ขปญ หา ท่เี กดิ ข้นึ วารสารสตั วแพทยเชียงใหมเพอ่ื ชมุ ชน ปที ่ี 4 ฉบับท่ี 1 5
คณะสัตวแพทยศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหมและ โรงพยาบาลสัตวทองถ่ินไดรวมทํางานกับเกษตรกรผูเลี้ยงโคนม สหกรณโคนม มาอยางยาวนานและตอเนื่อง เพ่ือท่ีจะทําใหโคนม ของเกษตรกรมีสุขภาพดี ฟารมโคนมมีประสิทธิภาพการผลิต นํ้านมดิบที่ดีและมีคุณภาพที่จะทําใหผูบริโภคมีความมั่นใจ ในการสนับสนุนผลิตภัณฑนมจากฟารมโคนมของเกษตรกรไทย นอกจากจะทําใหการเล้ียงโคนมเปนอาชีพที่มีความย่ังยืนและ สหกรณโคนมมีความเจริญเติบโตกาวหนาแลว ยังเปนการสรางสังคม ประเทศใหมคี วามม่นั คงและเขมแขง็ อีกดวย 6 วารสารสัตวแพทยเ ชียงใหมเ พอ่ื ชมุ ชน ปีที่ 4 ฉบบั ท่ี 1
วารสารสตั วแพทยเ ชียงใหมเพื่อชุมชน ปีที่ 4 ฉบบั ท่ี 1 7
“ปลานลิ ” กับ “สัตวแพทย์” ผศ.น.สพ.ดร.ฎิลก วงศเ์ สถยี ร คลนิ กิ สัตวน์ ํา ภาควชิ าคลนิ ิกสตั วบ์ ริโภค คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไปรษณยี ์อเิ ล็กทรอนกิ ส:์ [email protected] ปจ จบุ นั “ปลานลิ ” เปน ปลาทไ่ี ดร บั ความนยิ มในการบรโิ ภค พันธุปลาเพื่อประโยชนแกพสกนิกรจนกลายเปนอาชีพหนึ่งท่ีสราง กันอยางแพรหลายและมีความสําคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีถิ่นกําเนิด รายไดใหแกเกษตรกรในประเทศไทยเปนอยางมาก และสามารถ อยทู ท่ี วปี แอฟรกิ าเขา มาสปู ระเทศไทยครง้ั แรกโดยสมเดจ็ พระจกั รพรรดิ เลยี้ งกนั ไดแ ทบทุกภมู ภิ าคของประเทศ เนอื่ งจากเปน ปลาท่ีเลี้ยงงา ย อะกฮิ โิ ตะ ทลู เกลา ถวายพระบาทสมเดจ็ พระเจา อยหู วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดช โตเร็ว แพรพันธุไดรวดเร็ว ทนโรคและสามารถปรับตัวใหเขากับ เมอ่ื วันท่ี 25 มนี าคม พ.ศ. 2508 และไดท รงเลี้ยงและพระราชทาน ส่งิ แวดลอมไดดี รูปท่ี 1 แสดงรูปแบบการเล้ียงปลานลิ ในบอดนิ (ซา ย) กระชังในบอ ดนิ (กลาง) และกระชังริมแมน้าํ (ขวา) เม่ือมีการเลี้ยงปลานิลกันมากย่ิงขึ้น เกษตรกรจึงจําเปน ที่จะตองมีความรูความเขาใจในการเล้ียงและการจัดการที่ถูกตอง อยา งเปน ระบบ ดงั นน้ั “สตั วแพทย” สามารถมบี ทบาทหนา ทท่ี จี่ ะเขา มา มสี ว นชว ยในเรอื่ งการดแู ลสขุ ภาพและการปอ งกนั โรคเพอ่ื ลดความสญู เสยี หรือปญหาที่จะเกิดข้ึนรวมกับวิชาชีพอื่นๆได โดยการใหความรู แกเกษตรกรและศึกษาวิจัยเพ่อื นาํ ไปสกู ารแกปญหาท่แี ทจ รงิ รปู ที่ 2 แสดงการเย่ียมฟารม เพื่อใหค วามรแู ละพดู คยุ กบั เกษตรกรผเู ล้ียง ปลานลิ ถงึ ปญหาตา งๆ ทีเ่ กิดข้ึน ในสวนของคณะสัตวแพทยศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม ไดม บี ทบาทและหนา ทท่ี เี่ กย่ี วขอ งเพอ่ื ชว ยเหลอื แกเ กษตรกรผเู ลย้ี งปลานลิ ทางภาคเหนอื มาเปน ระยะเวลานาน โดยมนี กั ศกึ ษาทจ่ี ะเขา เยยี่ มศกึ ษา 8 วารสารสัตวแพทยเ ชยี งใหมเ พ่ือชุมชน ปีที่ 4 ฉบับท่ี 1
ระบบการเล้ียงและการจัดการฟารมปลานิล เพ่ือสอบถามขอมูล การฝกปฏิบัติตางๆ เพ่ือเพ่ิมพูนความรู ประสบการณและสามารถ แลว นาํ มาสรปุ วเิ คราะหแ ละวางแผนแกป ญ หาใหก บั เกษตรกร รวมทง้ั นาํ ไปประยุกตใ ชไดอ ยางถกู ตอ งเหมาะสม รปู ที่ 3 แสดงนกั ศึกษาเขา เยย่ี มฟารม และสอบถามขอมูลกับเกษตรกรผเู ล้ียงปลานลิ (ซา ย และ ตรงกลาง) และเก็บตัวอยางนา้ํ เพอื่ นาํ มาตรวจวเิ คราะหทางหอ งปฏบิ ตั ิการ (ขวา) นอกจากน้ี อาจารย บุคลากรและนกั ศึกษายงั ไดม ีสว นชวย ปจจัยท่ีมีผลตอการเกิดโรค วิธีการติดตอของเช้ือลักษณะของ แกไ ขปญ หาใหก บั เกษตรกรผเู ลย้ี งปลานลิ ดว ยงานบรกิ ารทางวชิ าการ เชอ้ื กอ โรค ปญ หาคณุ ภาพนาํ้ และสง่ิ แวดลอ มทม่ี ผี ลกระทบตอ การเลยี้ ง เชน การตรวจวินิจฉัยโรค การตรวจวิเคราะหคุณภาพน้ํา และ วิธีการตรวจวินิจฉัยโรค แนวทางในการใชยาปฏิชีวนะ-สารเคมี การศกึ ษาวจิ ยั ทเี่ กยี่ วขอ งกบั ปลานลิ ไดแ ก สถานการณข องโรคทส่ี าํ คญั และวคั ซนี ในการรักษาและควบคมุ ปอ งกนั โรค เปน ตน รปู ท่ี 4 แสดงการปฏิบัตกิ ารตางๆ เพ่ือทาํ การตรวจวินจิ ฉยั โรคในปลานลิ อยางไรก็ตาม เพื่อใหอาชีพการเล้ียงปลานิลมีความย่ังยืน ตลอดไป นอกเหนือจากความรูและประสบการณท่ีถูกตอง ในการเลี้ยง งานวิจัยตางๆ มากมายท่ีจัดทําข้ึนเพ่ือจะชวยลด ความสูญเสียและแกไขปญหาท่ีเกิดขึ้นไดน้ัน เกษตรกรควรเห็นถึง ความสําคัญและตระหนักถึงการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและ การใชน า้ํ อยางคมุ คา ดวยเชนกนั ... วารสารสัตวแพทยเ ชียงใหมเ พ่อื ชุมชน ปที ี่ 4 ฉบบั ที่ 1 9
ทุนอานนั ทมหิดล คณะสตั วแพทยศาสตร์ มช. มลู นธิ อิ านนั ทมหดิ ลนี้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา อยหู วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา โปรดกระหมอ มใหต ง้ั ขน้ึ ดว ยทรงสนพระราชหฤทยั พฒั นาสภาพความเปน อยขู องประชาชน ทรงเขา พระราชหฤทยั ดวี า ในการพฒั นาประเทศจาํ เปน ตอ งมผี เู ชย่ี วชาญวชิ าการขน้ั สงู สาขาตา งๆ วธิ กี ารหนงึ่ ทจ่ี ะสรา งผเู ชยี่ วชาญคอื การสง ผมู คี วามสามารถออกไปศกึ ษาหาความรู ณ ประเทศทเี่ ปน แหลง วทิ ยาการแขนงตา งๆ ทจี่ าํ เปน ตอ การพฒั นาประเทศ จงึ ทรงพระราชดาํ รทิ ่ีจะสงเสริมและสนับสนนุ ใหนกั ศึกษาผูแสดงความสามารถยอดเยีย่ ม ไดม ีโอกาสไปศกึ ษา วิชาความรูใหถึงข้ันสูงสุดในประเทศที่พัฒนาแลว ดวยทรงพระราชดําริวาเมื่อไดศึกษาถึงข้ันสูงสุดแลว จะเห็นวาศาสตรตางๆ น้ัน มคี วามสมั พันธก ัน และสามารถนาํ มาใชใ หเ ปน ประโยชนแกเ พื่อนมนุษยแ ละประเทศชาติได ดวยเหตุผลดงั กลาว จึงทรงพระกรณุ าโปรดเกลาโปรดกระหมอมใหตัง้ ทุนเพ่อื การนเี้ มื่อ พ.ศ. 2498 พระราชทานนามทนุ วา \"อานันทมหิดล\" เพ่ือเปนพระบรมราชานุสรณในสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดนิ ทร โดยมีวัตถปุ ระสงคในการ 1. สง เสรมิ และสนบั สนนุ การศกึ ษาชน้ั สงู ดว ยการพระราชทานทนุ ใหผ สู าํ เรจ็ การศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาบณั ฑติ ในประเทศไทย ผมู ี คณุ สมบตั ดิ เี ดน ทง้ั ดา นวชิ าการและคณุ ธรรม ไปศกึ ษาตอ ในสาขาวชิ าอนั จะเปน ประโยชนต อ วงวชิ าการ แลว นาํ กลบั มาถา ยทอดแกช นรนุ หลงั ตลอดจนชว ยในการพฒั นาประเทศ ผไู ดร บั พระราชทานทุนควรกลับมาทาํ งานรบั ใชช าตบิ านเมอื ง แตไ มผกู มัดวา ตองรับราชการ 2. พระราชทานทุนชวยเหลือในการประกอบอาชีพ หรือเพ่ือคนควาแกผูไดรับพระราชทานทุนท่ีสําเร็จการศึกษากลับมา ทาํ งานในประเทศไทย ที่มีความสามารถดเี ย่ียม มคี ณุ ธรรมและความประพฤติดเี ปนกรณีๆ ไป 3. จัดต้ังสถาบันคนควาทางวิชาการ เพื่อเปดโอกาสใหผูไดรับพระราชทานทุนท่ี สําเร็จการศึกษาและกลับมาทํางาน ในประเทศไทย ไดท ําการคน ควาทางวชิ าการตอ ไป 4. รว มมือกบั สถาบนั อืน่ ทีม่ ีวตั ถุประสงคค ลา ยคลึงกนั เพือ่ ใหก ารสนับสนุนทางวิชาการกวางขวางทัว่ ถงึ ยิ่งขึน้ ปจจบุ นั การพระราชทานทนุ แยกเปนแผนกตางๆดังน้ี 1. แผนกแพทยศาสตร ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา โปรดกระหมอ มใหต้ังขนึ้ เมื่อแรกตั้งทุน 2. แผนกวทิ ยาศาสตร 3. แผนกวิศวกรรมศาสตร 4. แผนกเกษตรศาสตร 5. แผนกธรรมศาสตร 6. แผนกอกั ษรศาสตร 7. แผนกทนั ตแพทยศาสตร 8. แผนกสตั วแพทยศาสตร ซง่ึ ทรงโปรดเกลาโปรดกระหมอ มใหต้งั ขนึ้ เมอื่ วันท่ี 20 กรกฏาคม พ.ศ. 2537 คณะสัตวแพทยศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม มีผูไดรับทันอานันทมหิดล เพื่อสืบทอดปณิธานของทุนในการนําความรู ความสามารถท่ีไดจากการศึกษานํามาพัฒนาประเทศชาติ จํานวน 2 ทาน โดยทานแรก คือ อ.สพ.ญ.ดร. ทัตตวรรณ แกวสาคร ปจ จบุ นั ดาํ รงตาํ แหนง ผอู าํ นวยการศนู ยส ตั วท ดลอง และเปน อาจารยป ระจาํ ภาควชิ าชวี ศาสตรแ ละสตั วแพทยส าธารณสขุ คณะสตั วแพทยศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม สาํ หรบั อกี ทา นคอื ผศ.สพ.ญ.ดร.ศริ พิ ร เพยี รสขุ มณี ปจ จบุ นั ดาํ รงตาํ แหนง รองคณบดดี า นพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา และเปน อาจารยประจาํ ภาควิชาคลนิ ิกสัตวเ ลยี้ งและสตั วปา คณะสตั วแพทยศาสตร มหาวิทยาลยั เชยี งใหม ในอากาสพเิ ศษเพอ่ื นอ มราํ ลกึ ถงึ พระคณุ ของพระเจา อยหู วั ปรมนิ ทรภมู พิ ลอดลุ ยเดช ทางกองบรรณาธกิ ารจงึ เชญิ ผไู ดร บั ทนุ อานนั ทมหดิ ลทง้ั สองทา น เขยี นบทความเพอื่ เทอดพระเกยี รตฯิ อนั จะเปน แนวทางในการปฏบิ ตั ิ เพอ่ื พฒั นาประเทศดงั ปณธิ านของทนุ 10 วารสารสัตวแพทยเชียงใหมเพือ่ ชุมชน ปที ี่ 4 ฉบับท่ี 1
อ.สพ.ญ.ดร.ทัตตวรรณ แก้วสาคร ผู้อาํ นวยการศูนย์สัตว์ทดลอง มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ขา พเจา นางสาว ทตั ตวรรณ แกว สาคร ผไู ดร บั พระราชทานทนุ มลู นธิ อิ านนั ทมหดิ ล แผนกสตั วแพทยศาสตร ปพ ทุ ธศกั ราช 2543 มคี วามภมู ใิ จ ท่ีไดรับพระราชทานโอกาสใหไปศึกษาตอ ระดับปริญญาเอก ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อนําความรูและประสบการณท่ีไดมาปฏิบัติหนาที่ ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม ในปจจุบัน ขาพเจามีความต้ังใจที่จะปฏิบัติราชการอยางสุจริต ยึดม่ันในคุณธรรมดังท่ีไดถือปฏิบัติมาโดยตลอด ในโอกาสนข้ี ออญั เชญิ พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชฯ ซง่ึ ไดพ ระราชทานในโอกาสวนั ขา ราชการพลเรอื น เม่ือวันที่ 1 เมษายน 2533 มาเพ่ือชวยเตือนใจทุกทาน ใหรวมกันปฏิบัติหนาท่ีของตนอยางเต็มความสามารถ เพ่ือใหบานเมืองไทยของเรา อยูเย็นเปนสขุ ตามพระราชประสงค “ ในการปฏบิ ตั ิราชการนนั้ ขอใหทําหนาที่เพือ่ หนาท่ี อยานึกถึงบําเหน็จรางวัล หรอื ผลประโยชนใหมาก ขอใหถอื วาการทาํ หนา ท่ไี ดสมบูรณเ ปน ทั้งรางวัล ”และประโยชนอยางประเสริฐจะทําใหบ านเมอื งไทยของเราอยูเยน็ เปนสขุ และมั่นคง พระราชทานเนอื่ งในโอกาสวนั ขาราชการพลเรือน 1 เมษายน 2533 วารสารสตั วแพทยเ ชยี งใหมเ พื่อชุมชน ปีท่ี 4 ฉบบั ท่ี 1 11
12 วารสารสตั วแพทยเ ชียงใหมเพ่อื ชุมชน ปีท่ี 4 ฉบับท่ี 1
“ ”ทุนอานนั ทมหดิ ล กับการเดนิ ตามพระราชดําริ ในชว งระยะเวลาทป่ี ระชาชนชาวไทยทง้ั ประเทศอยใู นภาวะ ผศ.สพ.ญ.ดร.ศิริพร เพียรสขุ มณี แหงความเศราและอาลัยรวมกันอยูนี้ สิ่งหน่ึงที่ทุกๆทานไดเห็นก็คือ การรวบรวม รอยเรียง และถายทอดพระราชจริยวัตรอันงดงาม รองคณบดีด้านพัฒนาคุณภาพการศึกษา พระมหากรุณาธิคุณ รวมไปถึงพระราชกรณียกิจที่พระบาทสมเด็จ พระเจาอยหู ัวภมู ิพลอดุลยเดชฯ ไดทรงสรา งและพัฒนาเพือ่ ยกระดับ คณะสตั วแพทยศาตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ความเปน อยขู องประชาชนในแผน ดนิ ทพ่ี ระองคไ ดค รองอยมู าถงึ 70 ป จากส่ือในทุกๆชองทางอยางมากมาย และเชื่อวาหลายคนไดรับ ทนุ อานนั ทมหดิ ล (ปจ จบุ นั คอื มลู นธิ อิ านนั ทมหดิ ล) เปน ทนุ แรงบันดาลใจอยากท่ีจะดําเนินตามรอยพระบาทเพื่อสรางสรรค ทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา อยหู วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดชทรงจดั ตงั้ ขนึ้ เพอ่ื เปน สงิ่ ทเี่ ปน ประโยชนแ กป ระเทศ ผเู ขยี นเองกเ็ ปน พสกนกิ รคนหนง่ึ ทไ่ี ดร บั พระบรมราชานุสรณในพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวอานันทมหิดล พระมหากรุณาธคิ ณุ อยางหาทสี่ ดุ มิไดทไี่ ดร บั คดั เลือกเปนนกั เรียนทุน มีวัตถุประสงคเพื่อพัฒนาทักษะความเชี่ยวชาญตางๆท่ีจําเปนตอการ อานนั ทมหดิ ล สาขาสตั วแพทยศาสตร เพอ่ื ศกึ ษาตอ ในระดบั ปรญิ ญาเอก พฒั นาประเทศ ทง้ั ดว ยการสนบั สนนุ การศกึ ษาตอ หรอื การสนบั สนนุ ทนุ วจิ ยั ณ สหราชอาณาจักร ในชว งป พ.ศ. 2547-2551 และพฒั นาตา งๆ พระบาทสมเดจ็ พระเจา อยหู วั ทา นทรงใหค วามสาํ คญั กบั การสรา งคนดว ยการศกึ ษาเปน อยา งยง่ิ ตวั ผเู ขยี นนอกจากจะไดร บั พระราชทานทนุ อานนั ทมหดิ ลเพอื่ ศกึ ษาตอ แลว ยงั ไดร บั ทนุ การศกึ ษา วิจัยเพิ่มเติมหลังการศึกษาตอในเร่ืองการดูแลสวัสดิภาพมาท่ีอยูใน ความดแู ลของสถานปฏบิ ตั ธิ รรมถาํ้ ปา อาชาทอง จ.เชยี งราย หรอื ทหี่ ลายทา น รูจักกันในช่ือของ unseen พระขี่มาบิณฑบาต นั่นเอง โครงการ มีการดําเนินการตอเน่ืองมากกวา 2 ป และเจาของพื้นที่สามารถ วารสารสัตวแพทยเ ชียงใหมเ พ่อื ชุมชน ปีท่ี 4 ฉบบั ที่ 1 13
ยกระดบั สขุ ภาพมา ขนึ้ ไดด ว ยตวั เองอยา งเปน ทนี่ า พอใจ จากทไ่ี มม หี ญา ใหมากินก็สามารถปลูกหญาทําแปลงหญาไดเอง จากที่ไมมีระบบ ปองกันโรคก็สามารถสรางกองทุนดูแลมาและติดตอประสานงาน กบั หนวยงานเพ่ือใหม าทาํ วคั ซนี แกม าในพื้นทไ่ี ด การศกึ ษาตอเปน การเรยี นรูโดยตรง แตการปฏบิ ตั ิงานจรงิ แสงสอ งนาํ ทางใหเ ดนิ ไปในเสน ทางนแี้ ละทาํ ใหเ กดิ ความมนั่ ใจวา ไดเ ดนิ ในพื้นท่ีเปนการศึกษาเพ่ิมเติมตลอดชีวิต ผูเขียนไดเรียนรูส่ิงตางๆ มาถูกทางแลว ดังนั้น นอกจากพระมหากรุณาธิคุณในเร่ืองของ มากมายจากการทําโครงการในพื้นท่ีจังหวัดเชียงรายน้ี โครงการนี้ ทนุ การศกึ ษากด็ ี ทุนในการจัดทาํ โครงการก็ดี ผูเขียนยงั ไดป ระโยชน จะไมใชโครงการในพ้ืนท่ีครั้งแรกของผูเขียนและถึงแมโครงการ จากการนําเอาหลักการทรงงานเขา มาปรบั ใชอกี ดว ย ท่ีเคยทํามากอนหนาเหลานั้นจะบรรลุวัตถุประสงคท้ังหมดแตผูเขียน ยังคงเห็นชองวางท่ีจะทําใหเกิดความย่ังยืนอยูทุกคร้ัง แตสําหรับ ถึงวันน้ี พระองคทานจะไดเสด็จกลับสูสวรรคาลัยแลว โครงการนี้ ผูเขียนไดศึกษาและมีการนอมนําเอาหลักการทรงงาน แตพ ระมหากรณุ าธคิ ณุ และองคค วามรตู า งๆทพี่ ระองคไ ดถ า ยทอดไวใ ห มาฝกใช และทายที่สุดผูเขียนเริ่มเขาใจถึงแกนของหลักการทรงงาน จะยังคงเปนเสมือนผูแทนพระองคท่ีทําใหพวกเราไดรูสึกเหมือนวา ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา อยหู วั ฯ ทจ่ี ะทาํ ใหเ กดิ ความยง่ั ยนื สง่ิ นเี้ ปน เหมอื น พระองคท า นยงั ไมไ ดจ ากไปไหน ผเู ขยี นรสู กึ วา ตนเองโชคดที ไ่ี ดม โี อกาส ไดเรียนรูจากส่ิงท่ีพระองคทานไดพระราชทานเปนมรดกแกคนไทย อยางมากมาย ส่ิงท่ีผูเขียนไดทําน้ันยังไมไดแมเศษเสี้ยวของ พระราชกรณียกิจท่ีทรงทํา แตผูเขียนจะเดินหนาตอไปในเสนทางน้ี ทั้งในฐานะนักเรียนทุนอานันทมหิดลและในฐานะพสกนิกรคนหนึ่ง เพอื่ ใหเ กดิ ประโยชนเ ปน สาธารณะตอ ประชาชนคนไทย และเพอ่ื สนอง ตอ พระราชปณธิ านของพระบาทสมเดจ็ พระเจา อยหู วั ฯ ทท่ี รงทาํ ทกุ อยา ง เพื่อประชาชนของพระองค 14 วารสารสัตวแพทยเชยี งใหมเพ่อื ชมุ ชน ปที ี่ 4 ฉบบั ท่ี 1
โรคไข้หดั แมว... ภยั ร้ายใกลต้ วั แมวเหมยี ว สพ.ญ.สโรชา อคั รกิจวิรุฬห์ หน่วยคลนิ กิ โรคแมว โรงพยาบาลสัตว์เลก็ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ไปรษณีย์อเิ ล็กทรอนิกส:์ [email protected] โรคไขห ัดแมวเกิดจากเช้ือไวรัส ชื่อ พารโ วไวรสั ซึ่งเปนเชอ้ื รูปที่ 1 แสดงถึงลักษณะแมวท่ีติดเช้อื ไขห ดั แมว และมอี าการปวย ชนิดเดยี วกันกับโรคลาํ ไสอ กั เสบในสนุ ัข แตต า งสายพันธุ ดวยเหตุผล นี้ จงึ ทาํ ใหแ มวสามารถตดิ โรคจากสนุ ขั ลาํ ไสอ กั เสบ และกลายเปน โรค รูปที่ 2 แสดงถงึ แมวปวยทต่ี ดิ โรคไขหดั แมว และมีอาการอาเจยี น ไขหัดแมวได (รปู ท่ี 1) ถา ยเหลวปนเลอื ด แมแมวท่ีติดโรคไขหัดขณะตั้งทอง จะทําใหลูกมีโอกาส วารสารสตั วแพทยเชียงใหมเ พอ่ื ชมุ ชน ปที ี่ 4 ฉบบั ที่ 1 15 คลอดกอนกําหนด หรือแทงได ข้ึนอยูกับระยะของการต้ังทอง สวนลูกแมวแรกเกิดท่ีมีการติดเช้ือน้ีและคลอดออกมาได โดยเฉพาะ อายุนอยกวา 10 วัน จะทําใหลูกแมวมีอาการทางประสาท เดินเซ ทรงตวั ไมดี และตาบอด โรคไขห ดั แมวนเ้ี ปน โรคตดิ ตอ ทม่ี กี ารระบาดอยา งรนุ แรงมาก และแมวทตี่ ดิ เชอ้ื กม็ โี อกาสเสยี ชวี ติ สงู การทาํ วคั ซนี ปอ งกนั โรคไขห ดั แมวอยา งครบถว น เปน ปจ จยั ทสี่ าํ คญั และจะชว ยปอ งกนั แมวจากโรค ท่รี นุ แรงชนดิ นี้ได อาการแสดงของแมวที่ตดิ โรคไขหัดแมว ซึม เบ่ืออาหาร และออนแรงอยางมาก ซ่ึงเปนอาการ ทมี่ ักพบเปน อยางแรก อาเจียน ทองเสีย และรางกายมีภาวะขาดน้ําฉับพลัน ซงึ่ เปน ภาวะคอ นขา งรนุ แรง การอาเจยี นมกั จะเปน อาการเรม่ิ แรกของ การเปนโรคนี้มากกวาอาการทองเสียและมักเปนอาการที่เกิดขึ้นใน แมวโรคไขห ัดเกอื บทกุ ตวั แตอาการทองเสีย เปนอาการที่อาจไมเกดิ ในแมวทีเ่ ปนโรคนที้ กุ ตัว และไมไดเปนอาการทเ่ี กิดเริ่มแรกในการติด เช้อื นี้ (รูปที่ 2) มีไข ชวงแรกของการติดเชื้อ อาจมีอาการมีไข ซึ่งบงบอก วา เร่มิ มกี ารติดเชือ้ ในกระแสเลอื ด แตเม่ือเขา สรู ะยะทา ยของการเปน โรค อณุ หภูมิรางกายจะต่าํ ลงกวา ปกติอยางมาก และเสยี ชีวิตในเวลา อนั รวดเรว็ (รูปท่ี 3) ลูกแมวแรกคลอดท่ีมีการติดโรคไขหัดจากแมแมว ลูกแมว จะมีอาการปกติ แตเมื่อ อายุได 3-4 สัปดาห หลังคลอดจะเร่ิม ออกอาการทางประสาทใหเห็น ไดแก เดินกาวขาแบบผิดปกติอาขา ในการกาวเดนิ กวางผิดปกติ หวั สน่ั กะระยะไมคอ ยถกู
โรคนม้ี กั เกดิ ในแมวอายุ 3-5 เดอื นเปน สว นใหญ แตก ส็ ามารถ ไขหัดแมว เปนชนิดเดียวกับเชื้อไวรัสลําไสอักเสบในสุนัข ดังน้ัน พบในชวงอายุอ่ืนไดเชนกัน ในแมวท่ีไมไดทําวัคซีนไขหัดแมว ในปจ จบุ นั นจี้ งึ ไดม กี ารใชช ดุ ตรวจลาํ ไสอ กั เสบในสนุ ขั มาตรวจโรคไขห ดั อยางสมบูรณ หรอื ไมไ ดทําวัคซนี มาเลย ในแมวได โดยตรวจจากอุจจาระของแมวปวย ซ่ึงมีความแมนยํา คอ นขา งสงู แตในบางกรณีอาจเกิดผลบวกเทียมไดจ ากการทาํ วัคซีน โรคไขหัดแมวนี้สามารถทําใหเกิดอัตราการเสียชวี ิตสูงมาก ไขหัดแมวท่ีเปนเช้ือเปน และสามารถเกิดผลลบเทียมไดถาตรวจ ชดุ ตรวจในชวงแรกของการติดเชอื้ นน่ั คือชว ง 1-3 วนั หลงั การติดเช้ือ (รูปท่ี 4) 1 2 A รูปที่ 3 แมวทป่ี ว ยดวยโรคไขห ดั แมว ระยะรนุ แรง ติดเชอื้ ในกระแสเลอื ด B มีอุณหภูมริ า งกายตํา่ มาก ตองใชแผน ใหค วามรอ นเสรมิ หรือเพมิ่ ความอบอุนใหรางกาย รูปที่ 4 ชดุ ตรวจไขห ัดแมว ทีใ่ หผลบวกจากชอ งท่ี 1 โดยขนึ้ 2 ขีด แสดงถงึ วา แมวตวั นีป้ ว ยดวยโรคไขห ัดแมวโดยดรู วมกบั อาการ การวนิ จิ ฉยั โรค ถงึ แมขีดท่ี 2 คอนขางจะจาง แตถาข้ึนขีดก็ถือวาเปนผลบวก สว นชอ งท่ี 2 ทข่ี ้นึ 2 ขดี แสดงถงึ ผลบวกตอเช้อื ไวรสั ในทางเดนิ อาหาร การตรวจวินิจฉัยทางโลหิตวิทยา หรือการตรวจเลือด แตเปน เชอ้ื อกี ตวั ทอ่ี อ นกําลงั กวา เชอื้ ไขห ดั แมวในชอ งสีนา้ํ เงิน โดยสว นใหญจ ะพบวา เมด็ เลอื ดแดง เมด็ เลอื ดขาว และเกลด็ เลอื ดตาํ่ ลง อยางมาก และเม็ดเลือดขาวมักจะต่ําลงทสี่ ดุ ในชวง 4-6 วนั หลงั จาก ซง่ึ แสดงถึงแมวปว ยตวั น้ี ติดเชื้อไวรัสท้งั 2 ชนิด การติดเชื้อไขหัดแมว การใชชุดตรวจไขหัดแมว ในปจจุบันนี้ยังไมมี และ รปู B คือรูปภาพ แมวปว ยตดิ เชื้อไขห ัดแมว ชุดตรวจสําหรบั ไขห ัดแมวโดยตรง แตดงั ทีก่ ลาวไปตอนตน เช้อื ไวรสั 16 วารสารสตั วแพทยเ ชียงใหมเพอ่ื ชุมชน ปีท่ี 4 ฉบบั ที่ 1
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจโรคไขหัดแมวไดโดยตรงจาก รูปที่ 5 แมวทต่ี ิดเชอื้ โรคไขห ดั แมว แตทาํ การรกั ษาอยา งเต็มที่ใกลช ิด การวินิจฉัยเชิงลึกทางหองปฏิบัติการตางๆ ซึ่งเหมาะกับการวินิจฉัย และอาการเรมิ่ ฟน ตวั มแี รง และเร่ิมกินอาหารได ยืนยันการเปนโรคไขหัดในแมว และเหมาะสมกับการชวยวางแผน การปอ งกนั โรคในผูท่เี ล้ยี งแมวรายฝูง 2 เดือนข้ึนไป และกระตุนดวยวัคซีนไขหัด ทุก 4 สัปดาห จนอายุ ครบ 16 สัปดาห หลังจากนั้นใหกระตุนดวยวัคซีนไขหัดแมวทุกป การรักษาเนนการรักษาตามอาการ เชน การใหสารน้ํา เพ่ือคงระดับภูมิคุมกันในรางกายแมว การทําวัคซีนไมตอเน่ือง อยา งเพยี งพอ และปรบั สมดลุ เกลอื แรใ นรา งกายใหเ หมาะสม ปอ งกนั สามารถทาํ ใหต ิดโรคไขห ดั แมวได การตดิ เชอ้ื แทรกซอนโดยการใชย าปฏิชวี นะ ลดความเครียดของแมว เพื่อใหรางกายแมวปวยสามารถตอตานเชื้อไวรัสไขหัดแมวไดดวย ลูกแมวท่ีเกิดจากแมแมวท่ีไดรับวัคซีนปองกันไขหัดแมว ภูมคิ ุมกนั ของตัวเอง มาอยา งสมบรู ณแ ลว สามารถไดร บั ภมู คิ มุ กนั โรคไขห ดั แมวจากแมแ มว จนถึงอายุ 12-16 สัปดาห ดังน้ัน จึงเปนเหตุผลวาทําไมจึงตองทํา การใหสารน้ําอยางเพียงพอ เปนปจจัยสําคัญมาก เพราะ วัคซีนไขหัดแมวใหครบและจบท่ีอายุ 16 สัปดาหใหได เพราะถาทํา แมวปว ยจะมอี าการอาเจยี น ซง่ึ จะทาํ ใหร า งกายสญู เสยี นา้ํ มาก นอกจากน้ี วคั ซนี จบเรว็ กวา 16 สปั ดาห จะยังคงมีภมู คิ มุ กันของแมแ มวสง มาอยู การใหเ กลอื แรท ข่ี าดไป ไมส มดลุ ตอ งรบี แกไ ขโดยดว น เพราะอาจเปน และภมู คิ มุ กนั ของแมแ มวนจ้ี ะทาํ การหกั ลา งภมู คิ มุ กนั จากวคั ซนี ทาํ ให สาเหตุของการเสียชีวิตไดสูง เกลือแรที่กลาวไดแก โพแทสเซียม ภมู คิ มุ กนั ตอ โรคไขห ดั แมวกระตนุ ไดไ มส งู เทา ทจ่ี ะสามารถปอ งกนั โรคได ฟอสฟอรัส โซเดียม แมกนีเซียมเปนตน สําหรับการใหสารอาหาร ทางหลอดเลือดในแมวที่ไมสามารถกินอาหารเองได หรือใหอาหาร เชื้อไวรัสไขหัดแมวน้ี มีความแข็งแรงและทนทานตอ ทางปาก เมอื่ แมวปว ยเรม่ิ ทจี่ ะพอรบั อาหารได ใหเ รว็ ทสี่ ดุ ทจี่ ะสามารถ ส่ิงแวดลอม สามารถคงอยูตามสิ่งแวดลอมไดนานเปนป นอกจาก ทําได เพราะการขาดอาหารนานๆ จะทําใหรางกายแมวทรุดโทรม การฆา เชอ้ื ดว ยนา้ํ ยาทถ่ี กู ตอ งและถกู วธิ ี เชน นาํ้ ยาฟอกขาว หรอื ไฮเตอร และทําใหภูมิคุมกันยิ่งแยลงไป แตการเริ่มตนใหอาหาร ควรคอยๆ ซกั ผาขาว ในอัตราสวน น้ํายา 1 สว น ผสมนา้ํ 20 สว น แลวทําการ ใหปริมาณอยางพอดี ควรใหทีละนอยๆ แตบอยๆกอน ไมควร ราดทําความสะอาดฆาเชอื้ และสิง่ ของเครอ่ื งใชทแ่ี มวปวยเคยสมั ผสั ทาํ การใหป รมิ าณทเ่ี ยอะในทเี ดยี ว เพราะทางเดนิ อาหารยงั ทาํ งานไมด ี หลังจากปวยมา ถาใหในปริมาณเยอะเกินไปในชวงแรกๆ อาจทําให ในผูที่เล้ียงแมวเปนรายฝูง ควรมีการทําวัคซีนใหครบถวน แมวปวยย่ิงมีอาการอาเจียน และอาการทรุดลงได และมกี ารกกั กนั แมวใหมท จ่ี ะเขา ฝงู เพอื่ สงั เกตอาการไวก อ นประมาณ 1 สปั ดาห ถา แมวมสี ขุ ภาพแขง็ แรงดี ไมม อี าการปว ย จงึ สามารถนาํ เขา การใหยาลดอาเจียน และ ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร มารวมฝงู ได และควรแยกแมวทม่ี แี นวโนม ปว ยออกจากแมวปกติ หรอื ในชว งทแ่ี มวปว ยมอี าการอาเจยี น และยงั กนิ อาหารไมไ ด หรอื ยงั รบั อาหาร แมวท่ีภูมิคุมกันยังไมแข็งแรง เชน ลูกแมว และ แมวอายุนอย และ ไมไดดีเทาที่ควร การใหยาปฏิชีวนะ เปนปจจัยที่สําคัญอีกอยางหนึ่ง แยกทําการเลีย้ งใหเปนสดั สวน เพ่ือปองกนั การแพรก ระจายของโรค โดยเฉพาะอยางย่ิงแมวปวยท่ีมีโอกาสเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด หรือติดเช้ือแทรกซอน เนื่องจากไวรัสไขหัดแมวทําลายสวนของผนัง บรรณานุกรม ทางเดินอาหารอยางรุนแรง ซ่ึงทําใหงายตอการติดเชื้อแทรกซอน เขา กระแสเลอื ดจากทางเดนิ อาหารไดง า ย และนอกจากนก้ี ารทแี่ มวปว ย Jacquie R., 2006. Problem-based feline medicine, Elsevier, United Kingdom. มภี าวะเมด็ เลอื ดขาวตาํ่ จากการตดิ เชอื้ ไวรสั บง บอกถงึ การมภี มู ติ า นทาน ในรางกายแยมาก ย่ิงเปนปจจัยท่ีสําคัญท่ีจะทําใหเกิดการติดเช้ือ John R. A., 2006. Feline internal medicine, Elsevier, United แทรกซอนท่ีรุนแรงไดงาย การใหยาปฏิชีวนะ ควรใหยาปฏิชีวนะ Kingdom. ทสี่ ามารถคุมการตดิ เชอ้ื แบคทเี รียไดอยา งครอบคลุม Gary D. N., Sharon F. G., Mitchell A. C., Larry P. T., 2011. การพยากรณโรค The feline patient, fourth edition, Blackwell, Singapore. ในแมวโตท่ีติดโรคไขหัด หากไดรับการรักษาที่เต็มที่ อยา งใกลชิด มีโอกาสรอดชีวิตจากโรคไขห ดั ไดส งู กวาลกู แมวเดก็ มาก (รูปที่ 5) แมวปวยท่ีมีเม็ดเลือดขาวตํ่ามาก ย่ิงมีโอกาสเสียชีวิต จากโรคไขห ดั แมวไดม าก โดยเฉพาะอยา งยงิ่ แมวปว ยทม่ี เี มด็ เลอื ดขาว ตา่ํ กวา 500 cells/ul ยิง่ มโี อกาสรอดชีวิตไดต า่ํ มาก การปอ งกนั การทําวัคซีนปองกันโรคไขหัดแมว เปนปจจัยสําคัญ ในการปอ งกนั โรคไขห ดั แมว แตต อ งทาํ วคั ซนี อยา งถกู ตอ ง จงึ มภี มู คิ มุ กนั ท่ีสูงเพียงพอตอการปองกันโรค การทําวัคซีน ควรเร่ิมทําตอนอายุ วารสารสัตวแพทยเชยี งใหมเ พอ่ื ชุมชน ปที ่ี 4 ฉบบั ท่ี 1 17
เม่ือสุนัขเปน็ โรคตับ ตบั เปน อวยั วะสาํ คญั ทอ่ี ยใู นชอ งทอ ง ผวิ ดา นบนของตบั อ.น.สพ.ดร.วสันต์ ตั้งโภคานนท์ ชิดกับกระบังลม ผิวดานลางสัมผัสกับกระเพาะอาหารและลําไสเล็ก (อว. สพ. สาขาอายุรศาสตร)์ สวนตน มีหนาท่ี ไดแก 1. สังเคราะหเอนไซม โปรตีน และสาร เมตาโบไลท 2. กําจัดแอมโมเนีย และของเสียท่ีอยูในกระแสโลหิต ภาควชิ าชีวศาสตร์ทางสัตวแพทย์และสตั วแพทยส์ าธารณสขุ 3. ผลิตสารท่ีชวยการแข็งตัวของเลือด และ 4. ขจัดพิษของยา และสารพิษที่อยูในกระแสโลหติ คณะสตั วแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ เม่ือสุนัขเร่ิมปวยเปนโรคตับอาการที่แสดงอาจไมเดนชัด ไปรษณยี อ์ เิ ล็คทรอนิค: [email protected] เชน เบ่ืออาหาร นํ้าหนักลด อาเจียน ทองเสีย ด่ืมนํ้าหรือปสสาวะ บอยกวาปกติ โรคตับระยะแรก พบวาตับเกิดการอักเสบ บวมและ ภาวะดีซาน เกิดจากการท่ีตับทํางานไดลดลง มีการสะสม ขยายใหญ เม่ือโรคดําเนินตอไปเซลลตับท่ีเส่ือมสลาย และเซลลตับ ของนา้ํ ดใี นกระแสโลหติ และในเนอ้ื เย่ือ รวมถึงเยอ่ื บุตาขาว เยือ่ เมือก ท่ีตายจะถูกแทนท่ีดวยเน้ือเยื่อแผลเปนและเนื้อเยื่อพังผืด จนทําให ชุม เหงือก ลิ้น และดานในของใบหู ทําใหเน้ือเยื่อเหลานี้มีสีเหลือง เนอ้ื ตบั มคี วามแนน และเนอ้ื ตบั แขง็ เราจงึ เรยี กภาวะนว้ี า ภาวะตบั แขง็ นํ้าดีจะถูกขับออกมากับปสสาวะทําใหปสสาวะมีสีนํ้าตาลเขม (รปู ท่ี 1) ซึง่ เน้ือเย่ือตับทีเ่ กิดการแขง็ ตัวแลวจะไมสามารถกลบั มาเปน สาเหตอุ นื่ ๆ ทท่ี าํ ใหเ กดิ ภาวะดซี า น ไดแ กภ าวะเลอื ดจางเมด็ เลอื ดแดงแตก เนอื้ เย่ือตบั ทปี่ กติได แบบเฉยี บพลนั และภาวะถงุ น้ําดีอุดตนั การฟนฟูสภาพของเซลลตับจะเกิดไดมากหรือนอยขึ้นกับ ความผิดปกติของสมองจากตับ เกิดจากระดับแอมโมเนีย สาเหตขุ องการทาํ ลายเซลลต บั เซลลต บั สามารถฟน ฟู และสมานตนเอง และสารพษิ ในกระแสโลหติ สงู ขนึ้ กระบวนการสรา งและสลายโปรตนี จากการถูกทําลาย และสามารถกลับเขาสูภาวะปกติได หากไดรับ จะทําใหเกิดแอมโมเนีย ซ่ึงแอมโมเนียจะถูกกําจัดออกจากกระแส การรักษาทเ่ี หมาะสมในระยะเร่มิ แรกกอ นที่จะเกิดภาวะตับแขง็ หาก โลหติ โดยตบั หากตบั ทาํ งานไดน อ ยลงจะเกดิ การสะสมของแอมโมเนยี เซลลต บั ถกู ทาํ ลายไปมากกวา รอ ยละแปดสบิ อาจนาํ ไปสภู าวะตบั วาย จนถึงระดับท่ีเปนพิษ และสงผลกระทบตอการทํางานของสมอง ซึ่งสุนัขจะแสดงอาการดีซาน มีความผิดปกติของสมองจากตับ ซงึ่ สุนัขมกั แสดงอาการเดินโซเซ เดินไมประสานกนั มอี าการออ นแรง ทอ งมานน้าํ เลอื ดออกงาย และบวมนา้ํ เปนระยะๆ มีความงุนงงสับสน เอาหัวดันผนังกรงหรือกําแพง น้าํ ลายไหลยืด พฤติกรรมเปลี่ยนไป และอาจไมรูส กึ ตวั อาการเหลาน้ี อาจจะเกิดข้ึนและหายไดเอง ในระยะสุดทายสุนัขอาจแสดงอาการ ชกั และหมดสติ อาการอาจจะรุนแรงมากขึ้นหลังจากไดร ับอาหารทม่ี ี สวนประกอบของโปรตนี สูง ภาวะทองมานน้ํา เกิดจากการสะสมของของเหลวภายใน ชองทอง ทําใหชองทองบวมขยายใหญ (รูปที่ 2 และ 3) ในสุนัข ทเี่ ปน โรคตบั มกั เกดิ จากระดบั ของโปรตนี ในซรี มั่ ทล่ี ดลง และความดนั ของหลอดเลอื ดที่ไปสูตบั เพ่ิมสูงข้นึ รปู ที่ 1 แสดงลกั ษณะเนอื้ เย่อื ตบั ในภาวะตับแข็ง มเี นื้อเยื่อพังผืดแทรก รปู ที่ 2 แสดงภาวะทอ งมานน้าํ ชองทองบวมขยายใหญ 18 วารสารสตั วแพทยเชียงใหมเพ่อื ชมุ ชน ปที ี่ 4 ฉบบั ที่ 1
รปู ที่ 3 แสดงลักษณะของของเหลวทส่ี ะสมภายในชองทอ งในภาวะ การใชยากลุมท่ีมคี วามเปน พิษตอตบั เชน ยาปฏิชวี นะ ยาตา นเชอ้ื รา ทอ งมานนํ้า ยาถายพยาธิ ยาแกปวดลดอักเสบ ยาลดอาการชัก และยากลุม คอรติโคสเตียรอยด พบวาเกิดจากการใชยาดังกลาวเกินขนาดหรือ สาเหตุทที่ าํ ใหเกดิ โรคตับในสุนขั ไดแ ก เช้ือโรค สารเคมี ยา ใชยาตอเนื่องเปนระยะเวลานาน สาเหตุอนื่ ๆ ทีท่ าํ ใหเ กดิ ภาวะดซี าน และสารพิษที่สามารถสรางความเสียหายแกเซลลตับ โรคท่ีมักทําให ไดแก การอุดกั้นการไหลของน้ําดีจากน่ิวในถุงนํ้าดีและในทอนํ้าดี ตบั ไดร บั บาดเจบ็ ไดแ ก โรคตบั อกั เสบและตดิ เชอ้ื โรคฉห่ี นู และมกั พบ ทาํ ใหน าํ้ ดที ไ่ี หลยอ นกลบั ไปทตี่ บั สง ผลทาํ ลายเนอ้ื ตบั จนเปน ตบั แขง็ ได โรคตับรวมกับการติดโรคพยาธิหนอนหัวใจ กลุมอาการคุชชิง พยาธใิ บไมใ นตับ มะเร็ง และตับออ นอักเสบ โรคเบาหวาน มะเร็งที่แพรกระจายไปยังเน้ือเยื่อตับเปนสาเหตุหลัก ท่ีทําใหเกิดภาวะตับวายในสุนัข การไดรับสารพิษจากยาฆาแมลง การวินิจฉัย เนื่องจากสุนัขท่ีปวยเปนโรคตับอาการเร่ิมตน สารตะก่ัว สารหนู และสารพิษจากเช้ือรา เชน อะฟลาท็อกซิน มักไมจําเพาะ ดังนั้นจึงตองทําการตรวจเพ่ิมเติมเพ่ือการวินิจฉัยโรค ท่ีแมนยําขึ้น โดยการตรวจเลือด ตรวจการเปล่ียนแปลงของรูปราง ขนาดของตับหรือขนาดของหลอดเลือดท่ีมาเล้ียงตับดวยคลื่นเสียง ความถี่สูง การถายภาพดวยรังสีเอ็กซ หรือการถายภาพรังสีสวนตัด อาศยั คอมพวิ เตอร และการตดั เนอ้ื เย่ือตับไปตรวจทางจุลพยาธวิ ทิ ยา การพยากรณโรค การท่ีจะบอกไดวาเซลลตับที่ถูกทําลายจะสามารถ ฟนฟูและซอมแซมตัวเองไดหรือไมน้ัน ข้ึนกับระยะเวลาที่สุนัขปวย ระดับความเสียหายที่เซลลตับถูกทําลาย หรือเปนโรคที่สามารถ ทาํ การผา ตดั เพอื่ ทาํ การรกั ษา หรอื สามารถทาํ การรกั ษาดว ยยาไดห รอื ไม หากสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อเมื่อควบคุมการติดเชื้อไดตับก็จะ กลบั มาทาํ งานไดต ามปกติ หากสาเหตเุ กดิ จากการไดร บั ยาหรอื สารพษิ เมื่อหยุดยาหรือหยุดการไดรับสารพิษตับก็จะกลับมาทํางานได ภาวะถุงน้ําดอี ุดตัน หรอื มะเรง็ ตบั สามารถผา ตัดแกไขได (รูปที่ 4) รูปท่ี 4 แสดงการผา ตดั ตับ และการเกบ็ เน้อื เยื่อตบั ไปตรวจทางจุลพยาธิวิทยา วารสารสัตวแพทยเ ชียงใหมเ พื่อชมุ ชน ปที ่ี 4 ฉบบั ท่ี 1 19
นอกจากการรักษาโรคตับแลวยังจําเปนตองควบคุมและ Morgan, R. V. (2008). Handbook of small animal practice ปอ งกนั ภาวะแทรกซอ นตา ง ๆ เชน ภาวะความผดิ ปกตขิ องสมองจากตบั (5th ed.). St. Louis, Mo.: Saunders/Elsevier. และภาวะเลือดไหล ซ่ึงตองมีการควบคุมอาหารโดยใหอาหารท่ีมี โปรตนี ตา่ํ ลดระดบั แอมโมเนยี ในกระแสโลหติ รกั ษาระดบั สารทก่ี ระตนุ Nelson, R. W., & Couto, C. G. (2014). Small animal internal ใหเ กดิ การแขง็ ตวั ของเลอื ด ปอ งกนั การเกดิ ภาวะชกั ปรบั สมดลุ กรดดา ง medicine (Fifth edition. ed.). St. Louis, MO: Elsevier/ และสมดลุ ของอเี ลก็ โตรไลต การใหย าลดกรดเพอื่ ปอ งกนั การเกดิ แผลหลมุ Mosby. ในกระเพาะอาหารและลาํ ไสเ ลก็ สว นตน การใหผ ลติ ภณั ฑเ สรมิ อาหาร เชน S-Adensosylmethionine (SAMe) และ milk thistle Taylor, S. M. (2016). Small animal clinical techniques (Second จะชวยฟนฟูสภาพเซลลตับและชวยรักษาการทํางานของเซลลตับ edition. ed.). St. Louis, Missouri: Elsevier. ใหเ ปนปกติ Tilley, L. P., & Smith, F. W. K. (2016). Blackwell's five-minute บรรณานกุ รม veterinary consult. Canine and feline (Sixth edition. ed.). Ames, Iowa, USA: John Wiley and Sons, Inc. Eldredge, D., & Carlson, D. G. (2007). Dog owner's home veterinary handbook (4th ed.). Hoboken, N.J.: Wiley. Kirk, R. W. (2009). Kirk's current veterinary therapy (pp. volumes). St. Louis, Mo.: Elsevier Saunders. 20 วารสารสตั วแพทยเ ชยี งใหมเพื่อชุมชน ปที ่ี 4 ฉบับที่ 1
¡ÒüèÒμ´Ñ »ÅÒ ผศ.น.สพ.ดร.ฎลิ ก วงศเ์ สถียร คลินิกสตั วน์ า้ํ ภาควิชาคลินกิ สตั วบ์ รโิ ภค คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไปรษณียอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์: [email protected] หลายคนอาจมีคําถามและขอสงสัย “การผาตัดปลา” การผาตัดปลาสามารถทําไดทั้งในน้ําและบนบก ซึ่งจําเปน จะทําไดจริงเหรอ จะทําไปทําไม จะทําตอนไหน จะทําไดยังไง ท่ีจะตองอาศัยความชํานาญและหลักการท่ีถูกตอง อาจพิจารณา และจะเหมือนในสัตวชนิดอื่นหรือไม? ซ่ึงโดยหลักการจริงๆแลวการ ทําในกรณีเชน แกไขการบาดเจ็บ (รูปท่ี 2) ผาตัดกอนเนื้อท่ีผิวหนัง ผาตัดก็เปนวิธีการหนึ่งในการรักษาโรคหรือแกปญหาความผิดปกติ (รูปท่ี 3) และอวัยวะภายใน (รูปที่ 4) รวมท้ังสิ่งแปลกปลอม ท่ีเกิดข้นึ (รปู ท่ี 1) โดยอาจพจิ ารณาทํารว มกบั การรักษาดวยยาและ ภายในชองทอง หรือแมกระทั่งเพื่อการศึกษา วิจัยและการตรวจ สารเคมตี างๆ หรือบางกรณจี ะตองทําการผา ตดั เทานัน้ จึงจะเปน ทาง วนิ ิจฉัยโรค เลอื กของวธิ กี ารรกั ษาทใ่ี หผลดีที่สดุ A B รปู ที่ 2 แสดงการแกไ ขการบาดเจ็บที่เกิดขึน้ ทคี่ รบี ของปลาคารพ ขณะที่ปลาอยใู นนาํ้ รปู ท่ี 1 แสดงลักษณะของปลาทอง (A) และปลาคารพ (B) มีกอ นเน้ือทผี่ วิ หนัง วารสารสัตวแพทยเ ชียงใหมเ พอื่ ชุมชน ปที ี่ 4 ฉบบั ท่ี 1 21
A B รูปท่ี 3 แสดงการผา ตัดกอนเนื้อทผ่ี ิวหนังของปลาคารพในนา้ํ (A) และปลาทองบนบก (B) AB รปู ที่ 4 แสดงการผา ตดั กอ นเน้ือที่อวยั วะภายในของปลาคารพ บนบก (A) และการเยบ็ ปดแผลหลงั จากเอากอนเนือ้ ออก (B) โดยหลักการ ข้ันตอน และวิธีการผาตัดปลาจะมีความ ควบคุมคุณภาพน้ําใหเหมาะสม ซึ่งหากไมมีการติดเชื้อแทรกซอน คลา ยคลงึ กบั ในสตั วช นดิ อน่ื แตเ ครอ่ื งมอื และอปุ กรณอ าจมคี วามแตกตา ง ภายหลงั การผา ตดั โดยทวั่ ไปแลว แผลจะหายเปน ปกตภิ ายในระยะเวลา จากสตั วบ ก สง่ิ ทสี่ าํ คญั ทจ่ี ะตอ งคาํ นงึ ถงึ ในระหวา งการผา ตดั ปลาคอื 2-4 สัปดาห (รปู 5 และ 6) ขน้ึ อยูก บั อุณหภูมขิ องนา้ํ คุณภาพของนํา้ จะตองรักษาความชุมชื้นท่ีผิวหนัง ครีบ และเหงือกตลอดเวลา ลกั ษณะของแผลผาตัด และการดแู ลหลังการผา ตัด เม่ือทําการผาตัดเปนท่ีเรียบรอยแลวจะมีการใหยาปฏิชีวนะและ AB รูปท่ี 5 แสดงตาํ แหนงกอ นเนือ้ ท่ีผิวหนังของปลาทองกอนทําการผา ตดั (A) และลักษณะของแผลภายหลงั ทําการผาตดั ไปแลว 2 สัปดาห (B) 22 วารสารสตั วแพทยเชยี งใหมเพอ่ื ชมุ ชน ปที ี่ 4 ฉบับที่ 1
AB รปู ท่ี 6 แสดงลักษณะการเยบ็ ปด แผลผา ตัดของปลาคารพ (A) และลักษณะของแผลภายหลงั ทําการผา ตดั ไปแลว 4 สปั ดาห (B) ดงั นน้ั สรปุ แลว “การผา ตดั ปลา” สามารถทาํ ไดจ รงิ !! บรรณานกุ รม ซึ่งเปนวิธีการรักษาอยางหนึ่ง สามารถทําไดโดยมีข้ันตอน และวธิ กี ารท่ีไมแ ตกตา งจากสตั วช นดิ อน่ื ๆมากนกั อยา งไรกต็ าม ฎลิ ก วงศเ สถยี ร. 2548. เนอื้ งอกอณั ฑะในปลาคารพ : รายงานสตั วป ว ย. จะตอ งอาศยั ผทู ม่ี คี วามรคู วามชาํ นาญประสบการณแ ละหลกั การ เชียงใหมสัตวแพทยสาร 3, หนา 55-63. ท่ีถกู ตองดวยเชน กัน ฎิลก วงศเสถียร. 2549. ไฟโบรมาในปลาทอง : รายงานสัตวปวย. เชยี งใหมส ัตวแพทยสาร 4(2), หนา 157-163. Wildgoose WH. BSAVA Manual of Ornamental Fish. 2nd (ed). British Small Animal Veterinary Association. England. 2001. วารสารสัตวแพทยเชียงใหมเ พอื่ ชมุ ชน ปที ่ี 4 ฉบบั ท่ี 1 23
การตรวจทางเซลล์วทิ ยาและจุลพยาธิวิทยา สาํ หรบั วนิ ิจฉัยเนอ้ื งอกในสนุ ัข สพ.ญ.สราลี ศรีวรกลุ หนว่ ยชันสูตรโรคสตั ว์ ศูนยบ์ รกิ ารสุขภาพสตั ว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ไปรษณียอ์ เิ ล็กทรอนิกส์ [email protected] เมื่อสุนัขของทานไดรับการตรวจวินิจฉัยวาเปนเน้ืองอกหรือ การตรวจทางเซลลว ทิ ยาวนิ จิ ฉยั (Cytology) เปน วธิ กี ารตรวจ มะเรง็ เคยตง้ั คาํ ถามในใจหรอื เคยสงสยั กนั หรอื ไมว า วธิ กี ารตรวจวนิ จิ ฉยั โดยอาศัยการเก็บตัวอยางเซลลจากกอนเนื้อและทําการยอมสี เน้อื งอกนนั้ จะตรวจไดอ ยางไร วนั น้เี ราจะมาเลาสูกนั ฟง เพอื่ ดลู กั ษณะโครงสรา งของเซลลภ ายใตก ลอ งจลุ ทรรศน จดั เปน วธิ กี ารตรวจ ทส่ี ะดวกรวดเรว็ และใหผ ลยนื ยนั ไดบ างรอยโรคขน้ึ อยกู บั ลกั ษณะเทคนคิ “เนื้องอก” หรือ “มะเร็ง” จัดเปนโรคหรือความผิดปกติ วธิ กี ารเกบ็ ตวั อยา ง และประสบการณใ นการวนิ จิ ฉยั โดยวธิ กี ารดงั กลา วน้ี อยางหน่ึงของเซลล ซึ่งโดยมากจะมีลักษณะที่จะพบไดชัดเจนคือ สามารถเกบ็ ตวั อยางได 4 วิธี ไดแ ก Fine needle aspiration (FNA), การพบกอนเน้ือ (Mass) ตามรางกายหรือภายในอวัยวะภายในตางๆ Impression smear, Swab และ Scraping ซ่ึงหลังจาก โดยมักพบวากอนเนื้อดังกลาวมีขนาดที่ใหญข้ึนแปรผันตามระยะเวลา ทําการเก็บตัวอยางเรียบรอยแลวก็จะนําแผนสไลดตัวอยาง ซึ่งกอนเนื้อมักสงผลใหสัตวมีการแสดงอาการผิดปกติอ่ืนๆ รวมดวย ไปยอ มดว ยสี Modified Wright Giemsa หรอื Diff-Quick® และสอ งดู เชน ซมึ เบอื่ อาหาร อาเจยี น เยอ่ื เมอื กซดี โลหติ จางหรอื ขบั ถา ยผดิ ปกติ ภายใตก ลอ งจลุ ทรรศน เปน ตน โดยสว นใหญแ ลว เจา ของมกั จะสงั เกตเหน็ ความผดิ ปกตดิ งั กลา ว ก็ตอเมื่อกอนเน้ือเหลานั้นไดเจริญเติบโตมาระยะหน่ึง กอนเน้ือท่ีพบ รูปที่ 1 แสดงเซลลว ิทยา (Cytology) ของมะเร็ง Mast cell tumor สามารถแบงไดเปน เนื้องอกธรรมดา (Benign tumor) ไมรายแรง ทต่ี รวจวนิ ิจฉยั โดยเกบ็ ตัวอยา งดว ยวธิ ี Fine needle aspiration เนอ้ื งอกชนดิ ดงั กลา วจะเกดิ ขนึ้ เมอ่ื รา งกายมกี ารสรา งเซลลใ หมเ พมิ่ ขน้ึ มา โดยไมจ าํ เปน อยา งคอ ยเปน คอ ยไป เกดิ ขน้ึ เฉพาะทแี่ ละมกั ไมแ พรก ระจาย จากกอนเนื้อบรเิ วณผวิ หนังของสุนัข ไปยงั เนอื้ เยอ่ื ใกลเ คยี งหรอื อวยั วะอนื่ ๆ และอกี ชนดิ คอื เนอ้ื รา ยหรอื มะเรง็ (Malignant tumor) มกี ารสรา งเซลลใหมเ พ่มิ จาํ นวนและเจริญเตบิ โต รูปที่ 2 แสดงเซลลว ิทยาเน้อื งอก Transmissible venereal tumor อยางผิดปกติและรวดเร็วโดยไมมีการควบคุมและมักลุกลาม (TVT) จากการเก็บตัวอยา งบริเวณชอ งคลอดสนุ ขั (Vaginal cytology) ไปเนอ้ื เยอ่ื ขา งเคยี งหรอื อวยั วะอน่ื ๆ ได และทาํ ใหม ะเรง็ มคี วามรนุ แรง ของโรคทมี่ ากกวา เนอ้ื งอกธรรมดา ดงั นน้ั การตรวจวนิ จิ ฉยั กรณที พี่ บวา สุนัขมีกอนเนือ้ ซงึ่ ยังไมท ราบวาเปนเนอ้ื งอกหรอื มะเร็งนน้ั จาํ เปน ตอ ง อาศยั การตรวจวนิ จิ ฉยั ทถ่ี กู ตอ ง เพอ่ื เปน การพยากรณโ รค วางแผนการรกั ษา และประเมินโอกาสในการหายหรือกลับมาเกิดใหมของกอนเนื้อ ดังกลาวนน่ั เอง สาํ หรบั วธิ กี ารตรวจวนิ จิ ฉยั เบอื้ งตน ทส่ี ามารถทาํ ไดม หี ลายวธิ ี เชน การตรวจวเิ คราะหทางโลหติ วิทยา (Hematology) เปน การตรวจ เพื่อประเมินสุขภาพทั่วไปของสัตว โดยสามารถแบงการตรวจเปน 2 ประเภทหลักๆคือ (1) การตรวจความสมบูรณของเม็ดเลือด (Complete blood count; CBC) เพ่ือตรวจหาคา เม็ดเลือดตางๆ เชน เม็ดเลอื ดแดง (Red blood cell) เมด็ เลอื ดขาว (White blood cell) และเกล็ดเลอื ด (Platelet) เปนตน และ (2) คา เคมใี นเลือด (Blood chemistry) จะใชตรวจเพ่ือประเมินการทํางานของอวัยวะตางๆ เชน คาตับ หรือคาไต เปนตน ซง่ึ การเกิดเนื้องอกหรือมะเร็งบางชนิด มกั จะทาํ ใหค า เลอื ดมกี ารเปลย่ี นแปลงไป ดงั นน้ั เพอื่ เปน การเฝา ระวงั และ เปน การตรวจสขุ ภาพสนุ ขั ของทา น แนะนาํ ใหน าํ สนุ ขั ไปพบสตั วแพทย เพอ่ื ตรวจสขุ ภาพอยา งนอยปล ะ 1 ครง้ั 24 วารสารสตั วแพทยเ ชยี งใหมเพือ่ ชมุ ชน ปที ่ี 4 ฉบับท่ี 1
การตรวจทางจลุ พยาธวิ ทิ ยา (Histopathology) เปน วธิ กี าร ดวยวิธอี ิมมูนฮสิ โตเคมี (Immunohistochemistry; IHC) เพอ่ื วนิ ิจฉยั ตรวจวนิ จิ ฉยั ทแี่ นะนาํ เนอ่ื งจากใหผ ลการตรวจทแี่ มน ยาํ โดยการตรวจ ชนิดเน้ืองอกหรือมะเร็งไดโดยอาศัยการติดสีของเนื้อเยื่อที่จําเพาะ วิธีดังกลาวจะตองเก็บตัวอยางกอนเน้ือดวยวิธีการ Biopsy และเก็บ ตอ เซลลเ นอ้ื งอกหรอื มะเรง็ (Immunohistochemical markers) หรอื ในกระปองพลาสติกที่บรรจุนํ้ายาฟอรมาลิน (10% Formalin) เก็บไวเปนสไลดถาวรได เพอ่ื รกั ษาสภาพของชนิ้ เนอ้ื จากนน้ั กส็ ง ตวั อยา งชนิ้ เนอ้ื ไปยงั หอ งปฏบิ ตั ิ การเพื่อทาํ การตัดช้นิ เนอื้ ทําสไลดแ ละยอมสี H&E เบอ้ื งตน จากนนั้ นําตัวอยางมาสองดูโครงสรางภายใตกลองจุลทรรศน นอกจากนี้ ตวั อยา งชนิ้ เนอ้ื จากวธิ ดี งั กลา วสามารถนาํ ไปยอ มสพี เิ ศษ เชน การยอ มสี รปู ท่ี 3 แสดงจุลพยาธิวิทยา (Histopathology) ของเน้ืองอก Fibroma, รูปท่ี 4 แสดงจุลพยาธิวิทยา (Histopathology) ของมะเรง็ Localized Dog, Vulva. 40x. A. H&E. B. Masson Trichrome. histiocytic sarcoma, multinucleated giant cells. H&E. 40x. Srivorakul et al., 2017 บรรณานุกรม จลุ ินทร สําราญ. พยาธวิ ิทยาเนือ้ งอก. [Internet]. 2553. Available from: http://www.med.nu.ac.th/pathology/408501/ book54/Neoplasia%20advance.pdf Chaleow Salakij. Atlas of clinical pathology in dogs and cats. [Bangkok: Kasetsart University; 2008. 84 p. Meuten DJ, editor. Tumors in Domestic Animals. 4 edition. Ames, Iowa: Wiley-Blackwell; 2002. 800 p. Srivorakul S, Boonsri K, Veschmanus T., Boonthong P, O' Sullivan, Prigproa. 2016. Localized Histiocytic Sarcoma in Captive Capybara (Hydrochoerus hydrochaeris). The Thai Journal of Veterinary Medicine. Inpress. วารสารสตั วแพทยเ ชยี งใหมเพอ่ื ชุมชน ปที ี่ 4 ฉบับที่ 1 25
กระเพาะเปนกรด เพราะอาหารขน เยอะเกินไป น.สพ.ธนัท เอนกนนั ท์ โรงพยาบาลสัตวท์ ้องถน่ิ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไปรษณยี ์อเิ ล็กทรอนิกส์: [email protected] เมือ่ พดู ถงึ อาหารขนทเี่ กษตรกรผเู ลยี้ งโคนมใชก ันประจํานั้น หรือการตัดอาหารหยาบใหมีขนาดเล็กเกินไป (ความยาวนอยกวา แนนอนวาเปนส่ิงที่เกิดประโยชนตอโคของทาน เพราะเปนการเสริม 3 เซนติเมตร) ในกรณีขางตนจะสงผลใหกระบวนการบดยอยอาหาร คุณคาทางอาหารของส่ิงที่โคกินเขาไปในแตละวัน แตทวาหลายครั้ง หรอื การเคย้ี วอาหารของโคลดลง แลว ทาํ ใหก ารหลงั่ นาํ้ ลายลดตามลงไปดว ย อาหารขนถูกนํามาใชในแงของการเรงผลผลิตท้ังในเรื่องคุณภาพ ซงึ่ ในตวั นาํ้ ลายนนั้ มสี ารเคมที ส่ี ามารถชว ยปรบั สมดลุ ความเปน กรดดา ง และปริมาณน้ํานม ซ่ึงหมายถึงการใชอาหารขนกันอยาง พร่ําเพรื่อ ในกระเพาะหมักไดโดยในน้ําลายมีความเปนดางจะชวยทําให จนเกนิ ความจาํ เปน และกลายเปน วา สงิ่ ทตี่ ามมากลบั ใหโ ทษเสยี อยา งนนั้ ลดความเปนกรดในกระเพาะหมักได หากมีการหลั่งน้ําลายออกมา ทีนี้เราลองมาดูกันวาจะเกิดอะไรขึ้นเม่ือเราใหอาหารขนแกโค นอยเกินไป จะเทากับวากระเพาะหมักไมไดรับการปรับสมดุล มากเกนิ ไป ความเปน กรดดางทดี่ ี และจะเกิดปญหาขึน้ มาไดใ นทสี่ ุด อาหารขนท่มี ากเกินความพอดี เรารไู ดอยา งไรวา โคเกดิ กระเพาะเปน กรด ? เม่ือโคของทานกินอาหารขนเขาไปเปนจํานวนมาก เบอื้ งตน เราสามารถสังเกตอาการผิดปกติเหลาน้ีได ผลกระทบที่ตามมาคือทําใหเกิดความเปนกรดในกระเพาะหมักข้ึน หรอื ทเ่ี รียกวา “กระเพาะเปนกรด” ซ่ึงหมายถึง ภาวะทก่ี ระเพาะหมัก กินอาหารหยาบลดลง หรอื แทบไมก ิน ของโค มคี วามเปน กรดสงู เนอ่ื งจากการไดร บั อาหารจาํ พวกคารโ บไฮเดรต ไมพ บการเคย้ี วเอื้อง (แปงและน้ําตาล) มากเกินไป ซ่ึงคารโบไฮเดรตน้ีจะพบมาก อาหารไมย อย กระเพาะหมักขยายใหญ ในอาหารขน เชน เมล็ดธัญพืช ผลไม กากน้ําตาล หรือแมแต แสดงอาการจุกเสยี ดทอ ง เชน กดั ฟน เตะทองตัวเอง อาหารเม็ดสําเร็จรูป โดยอาหารเหลาน้ีมีโครงสรางท่ีเปนเย่ือใยตํ่า หรอื หันไปมองทอ งตวั เองบอ ยๆ ถูกหมักยอยไดงายและเร็ว และเมื่อหมักยอยแลวจะไดกรดแลคติก ทอ งเสีย ถา ยเหลว อาจพบเศษอาหารทไ่ี มย อยในอจุ จาระ ออกมาเปนจํานวนมาก ซ่ึงกรด แลคติกนี้เองที่เปนตัวการทําให ในรายทีม่ อี าการขน้ั รุนแรง โคจะลม ตัวลงนอน ความเปนกรดในกระเพาะหมักสูงขึ้น สงผลใหตัวกระเพาะเอง และหากไมไดรบั การรกั ษาอาจเสยี ชีวิตในท่สี ดุ ทํางานผดิ ปกตใิ นท่สี ุด ทงั้ นท้ี ั้งน้ันการพบเหน็ อาการขา งตน ไมไ ดแ ปลวา โคของเรา มีสาเหตุอื่นอีกหรอื ไม ? กาํ ลงั เกดิ ภาวะกระเพาะเปน กรดไปเสยี ทเี ดยี ว ความผดิ ปกตทิ คี่ ลา ยคลงึ กับกลุมอาการดังกลาว อาจเปนไปไดวาโคของเรากําลังมีปญหา นอกจากการไดร บั อาหารขน ในปรมิ าณทมี่ ากแลว การจดั การ จากโรคอื่นๆ อยู ซึ่งในทางปฏิบัติที่ถูกตองที่สุดคือ โคควรไดรับ อาหารหยาบท่ไี มถ กู ตอง ก็มีสว นทําใหเกิดกระเพาะเปนกรดไดเ ชนกนั การวนิ ิจฉยั โรคจากสัตวแพทยเ พื่อหาสาเหตุทแี่ ทจ รงิ ของโรค โดยสาเหตมุ าจากการทโ่ี คไดร บั อาหารหยาบไมเ พยี งพอตอ ความตอ งการ 26 วารสารสตั วแพทยเชยี งใหมเ พ่ือชุมชน ปที ี่ 4 ฉบับท่ี 1
ภาพแสดง : อจุ จาระเหลว มีผลกระทบอืน่ ทีต่ ามมาหรอื ไม ? ภาพแสดง : การนอนของโคท่ผี ดิ ปกติ นอกเหนือจากอาการทางคลินิกท่ีสังเกตเห็นไดชัดแลว เรามีวิธปี อ งกนั ไมใ หเ กิดกรดเกนิ ในกระเพาะ ส่ิงท่ีเกิดตามมาเม่ือมีภาวะกรดเกินในกระเพาะหมักยังมีมากกวาน้ัน และทําใหเกิดปญ หาในอีกหลายๆ ดาน ตัวอยางเชน ไดอ ยา งไร ? โคจะกินอาหารหยาบไดลดลง อีกทั้งการยอยสลายเย่ือใย ตอนนเ้ี ราทราบกนั ดแี ลว วา สาเหตขุ องภาวะกรดเกนิ ในกระเพาะ และการนําไปใชประโยชนโดยจุลินทรียในกระเพาะหมักยังลดลงไป เกิดจากการจัดการอาหารท่ีไมถูกตอง ดังนั้นการปองกันสามารถ ดวย ผลท่ตี ามมาคือสารอาหารท่โี คควรจะไดร บั จากจุลนิ ทรยี จะลดลง กระทาํ ไดไ มย าก เพยี งแคเ ราจาํ กดั การกนิ อาหารขน นน่ั คอื โคควรไดร บั นนั่ หมายถงึ สารตงั้ ตน ในการผลติ นา้ํ นมลดลง ทาํ ใหอ งคป ระกอบนาํ้ นม อาหารขนแตพอดี ซึ่งปริมาณอาหารขนที่เหมาะสมนั้น ในปจจุบัน ทง้ั โปรตนี และไขมนั ลดลง และยงั รวมถงึ ปริมาณนํา้ นมทล่ี ดลงอีกดวย วิธกี ารทเี่ ปนทีน่ ยิ มกัน คือ คาํ นวณจากปริมาณนํา้ นมตอ วัน โดยจะให อาหารขน เปนครง่ึ หนึ่งของปรมิ าณนํ้านมท่ีรดี ไดในวันนั้น ตัวอยางเชน เมอ่ื สภาวะความเปน กรดในกระเพาะหมกั สงู จะสง ผลกระทบ รีดนมจากโคตวั หนึง่ รวมกนั ในวันนนั้ ได 10 ลติ ร อาหารขนทโ่ี คตวั นนั้ ตอสมดุลของจุลินทรียท่ีอยูในน้ันดวย สิ่งท่ีจะตามมาคือการตาย จะไดรับคือ 5 กิโลกรัมตอวัน แลวแบงเปนมื้อใหกิน นอกจากน้ัน ของจุลินทรียจํานวนมาก ซึ่งจะทําใหเกิดการปลอยสารพิษ อาหารหยาบที่ใหก็ตองมีปริมาณที่มากพอตอความตองการของโค เขาสูกระแสเลือด และสารพิษดังกลาวมีผลกระทบไปยังโครงสราง ดว ยเชนกนั ของกบี โค ทาํ ใหเ กิดปญหากีบอกั เสบและโคเจ็บขาได เมอื่ โคปว ย หรอื อยใู นภาวะทไ่ี มป กติ สภาพรา งกายจะยา่ํ แย ตามลงไปดวย ทําใหโคไมมีความสมบูรณพอท่ีจะใหผลผลิต ไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ หากมองในเชงิ ธรุ กจิ จะเทา กบั วา เกดิ การสญู เสยี ทรพั ยากรไปโดยเปลา ประโยชน เพราะใชต น ทนุ อาหารไปเปน จาํ นวนมาก แตกลับไดผ ลตอบแทนในจาํ นวนทีน่ อ ยลง แลว ทาํ อยางไรเมอื่ เกิดปญั หา ? เบื้องตนควรลดอาหารขนลง และเนนใหกินอาหารหยาบ เปนหลัก สวนตอมาคือการลดความเปนกรดในกระเพาะหมัก ดว ยการใชโ ซเดยี มไบคารบ อเนต (“โซดาทาํ ขนม” หรอื “เบคกงิ้ โซดา” ไมใช “ผงฟู”) ละลายน้ําใหกินโดยใชขนาดความเขมขน 250 กรัม ตอน้ํา 5 ลิตร ตอน้ําหนักโคประมาณ 400 กิโลกรัม และถาหากให โซเดียมไบคารบอเนตเรียบรอยแลว อาการไมดีข้ึนหรือแยลง ควรรีบ ปรกึ ษาสัตวแพทยใหม าทําการแกไ ข รักษา โดยทันที วารสารสตั วแพทยเชยี งใหมเพอ่ื ชมุ ชน ปที ี่ 4 ฉบบั ท่ี 1 27
บรรณานกุ รม Peter D. 2015. Grain overload in ruminants, The merck veterinary manual. Merck Sharp & Dohme Corp., Andrews A.H., Blowey R.W., Boyd H., Edddy R.G.1992. USA. Bovine medicine, Disease and husbandry of cattle. Blackwell scientific publications. London. Hall M. B. 2002. Rumen acidosis : Feeding considerations. Pages 51 – 61 in Proc. 12th Int. Symp. on Lameness in Ruminants. J. K. Shearer, Orlando, FL. 28 วารสารสัตวแพทยเชยี งใหมเ พื่อชมุ ชน ปีท่ี 4 ฉบับท่ี 1
การทําบลอ็ กพิพิธภณั ฑท างพยาธวิ ิทยา พิพิธภัณฑทางพยาธิวิทยาเปนการนําเสนอลักษณะรอยโรค ศุภโชค เทพวงศ์ ทางพยาธวิ ทิ ยาทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั รา งกายสตั วแ ตล ะชนดิ ซง่ึ รอยโรคดงั กลา ว พนกั งานบรกิ ารฝีมือ (ดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย)ี อาจสงผลใหเกิดการเจ็บปวย หรือเสียชีวิตกับตัวสัตว รวมทั้งโรค ทพี่ บไดย ากและโรคทพี่ บไดบ อ ยในอดตี ซง่ึ รอยโรคดงั กลา วเปน ประโยชน คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ สําหรับการเรียนรขู องนักศกึ ษาสัตวแพทย และผูสนใจทวั่ ไป เพอื่ เปน ไปรษณยี อ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ [email protected] แนวทางการรกั ษา และแนวทางการปอ งกนั โรค โดยหนงึ่ ในงานทอ่ี ยใู น พพิ ธิ ภณั ฑด งั กลา ว คอื การการทาํ บลอ็ กรอยโรคทเี่ กดิ ขน้ึ ภายในอวยั วะตา งๆ 2 วัดขนาดตัวอยางเพ่ือนาํ ไปตดั แผนอะครลิ ิค ท่ีแชในน้ํายาฟอรมาลีน หรือท่ีเรียกกันวา “บล็อกพิพิธภัณฑ ทางพยาธิวทิ ยา” 3 นําแผนอะคริลิคมาแลวตัดตามขนาดท่ีวัดไวโดยเริ่มจาก งานพยาธวิ ทิ ยา คณะสตั วแพทยศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม ตวั ขอบกอ น ไดดําเนินการผาชันสูตรซาก เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคในสัตว ซ่ึงจากการ ผา ซากพบรอยโรคทนี่ า สนใจในสตั วห ลากหลายชนดิ และงานพยาธวิ ทิ ยา 4 จากน้ันใชไฟจากตะเกียงแอลกอฮอลลนอะคริลิคใหออนตัว คณะสตั วแพทยศาสตร มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหมไ ดเ กบ็ ตวั อยา งดงั กลา วไว และนาํ มาทําบล็อกพิพิธภัณฑทางพยาธิวทิ ยา โดยมวี ิธกี ารทําดังน้ี จากนั้นนําไปดดั กบั ตวั เขาฉากทเ่ี ตรียมไว จนครบท้ังสี่ดาน เตรยี มอปุ กรณ ไดแ ก แผน อะครลิ กิ ขนาด 3 มม. เสน อะครลิ คิ ขนาด 3 มม. เลื่อยมือหรือเล่ือยไฟฟา เคร่ืองเจียรไฟฟา ไมบรรทัด หรือตลบั เมตร ตัวเขา มุมฉาก ตะเกียงแอลกอฮอล ไฟแช็ค นํา้ ยาเชื่อม อะคริลิค (Dichloromethane) กระบอกฉีดยาแบบแกว สวานไฟฟา และสารละลายฟอรมาลนี 10% ขน้ั ตอนการทาํ บล็อกพิพธิ ภัณฑทางพยาธวิ ิทยา 1 เตรียมตัวอยาง นําตัวอยางออกมาแชน้ําสะอาดแลวซับนํ้า ใหแ หง วารสารสัตวแพทยเชยี งใหมเ พ่อื ชมุ ชน ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 29
5 จากนน้ั ใชเสนอะคริลิคและใชน ํ้ายาเช่อื มมมุ ดานในใหต ดิ กนั 8 เชอ่ื มประกบฝาดา นทหี่ นงึ่ หลงั จากเดนิ นาํ้ ยาเชอื่ มแลว ใหท งิ้ ไว โดยท้ิงไวประมาณ 10 นาที 10 นาที 9 ใชส วา นเจาะรเู พอ่ื จะเตมิ สารละลายฟอรม าลนี 10% ใสเ ขา ไป 6 เจียขอบสว นเกินออกใหเรียบรอ ย 7 เตรียมแผนอะคริลิคจํานวน 2 แผน เพ่ือจะนํามาเปนฝา 10 นําตัวอยางท่ีมีรอยโรคใสเขาไปในกลอง เช่ือมประกบฝา ประกบดา นขา ง โดยลอกแถบกาวออกใหเ รยี บรอ ยกอ นเชอ่ื ม ดา นท่ี 2 หลังจากใชน้ํายาเช่ือมแลวท้ิงไว 10 นาที 30 วารสารสัตวแพทยเชียงใหมเพอ่ื ชมุ ชน ปที ่ี 4 ฉบับท่ี 1
11 ใชเ ล่ือยตัดแตง ขอบ 12 ใชห ินเจียเจยี ตกแตงขอบเขารปู ใหส วยงาม 14 บลอ็ กพพิ ิธภัณฑท างพยาธิวิทยาที่เสร็จสมบูรณ 13 เติมสารละลายฟอรม าลีน 10% ลงไปจนเตม็ แลว ใชเทปใส ปด รูไวเพือ่ กนั ฟอรมาลีนรวั่ ออกมา วารสารสัตวแพทยเ ชียงใหมเ พอื่ ชมุ ชน ปที ี่ 4 ฉบับท่ี 1 31
32 วารสารสตั วแพทยเ ชียงใหมเพ่อื ชุมชน ปีท่ี 4 ฉบับท่ี 1
วารสารสตั วแพทยเ ชยี งใหมเ พ่ือชุมชน ปีที่ 4 ฉบบั ที่ 1 33
34 วารสารสตั วแพทยเ ชียงใหมเพ่อื ชุมชน ปีท่ี 4 ฉบับท่ี 1
Search
Read the Text Version
- 1 - 36
Pages: