เอกสารประกอบการบริหารจัดการหลกั สูตรปริญญาตรี สายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัตกิ าร หลักสตู รเทคโนโลยบี ณั ฑิต (ทล.บ.) อาชีวศึกษาบัณฑติ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ
สารบัญ หนา้ เร่ือง 1 26 1. พระราชบัญญตั ิการอาชีวศึกษา พ.ศ.2551 (26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.2551) 31 2. กฎกระทรวง การรวมสถานศึกษาอาชีวศกึ ษาเพ่ือจัดต้ังสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ.2555 37 (13 มถิ ุนายน พ.ศ.2555) 41 3. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การต้ังส่วนราชการในสถาบันการอาชีวศึกษาภาค ตะวนั ออก สังกดั สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา (22 ตุลาคม พ.ศ.2556) 48 4. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง กรอบคุณวุฒิอาชีวศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2562 (13 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ.2562) 66 5. ประกาศคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เรื่อง เกณฑ์มาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาระดับ ปรญิ ญาตรสี ายเทคโนโลยหี รอื สายปฏิบัติการ พ.ศ.2562 (8 มนี าคม พ.ศ.2562) 74 6. ระเบยี บกระทรวงศึกษาธิการ ว่าดว้ ย การจดั การศกึ ษาและการประเมินผลการศึกษาระดับ ปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการของสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ.2556 87 (28 พฤศจิกายน พ.ศ.2556) 98 7. ประกาศสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เรื่อง วิธีการปฏิบัติในการบริหาร 105 หลกั สูตรระดบั ปริญญาตรสี ายเทคโนโลยีหรอื สายปฏิบัตกิ าร (10 เมษายน พ.ศ.2560) 130 8. ประกาศสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการ 134 ตรวจสอบรายละเอียดของหลักสูตร และประเมินความพร้อมและศักยภาพของสถาบัน (10 เมษายน พ.ศ.2560) 140 9. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรี พ.ศ.2558 (7 ตลุ าคม พ.ศ.2558) 148 10. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง แนวทางการบริหารเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร ระดบั อุดมศึกษา พ.ศ.2558 (7 ตุลาคม พ.ศ.2558) 11. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง มาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรีสาขาเทคโนโลยี พ.ศ.2560 (20 มกราคม พ.ศ.2560) 12. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง มาตรฐานการอุดมศึกษา พ.ศ.2561 (20 กรกฎาคม พ.ศ.2561) 13. ประกาศคณะกรรมการการอุดมศึกษา เร่ือง แนวทางการนามาตรฐานการอุดมศึกษาสู่ การปฏิบตั ิ พ.ศ.2561 (12 พฤศจกิ ายน พ.ศ.2561) 14. ประ กาศ สถา บันก ารอา ชีว ศึ กษา ภ าค ตะวั นออก ที่ 02/ 255 9 ว่ าด้ว ย การเบิกจ่ายค่าตอบแทนการสอนระดับปริญญาตรีนอกเวลาราชการ พ.ศ.2559 (15 กรกฎาคม พ.ศ.2559) 15. ระเบียบสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก ว่าด้วย การเก็บเงินบารุงการศึกษา ค่าลงทะเบียน ค่าธรรมเนียมการศึกษา และค่าสนับสนุนการจัดการศึกษา ระดับปริญญาตรี พ.ศ.2557 (10 กรกฎาคม พ.ศ.2557) ก
สาขาวชิ าสถาบนั การอาชีวศึกษา ลาดบั รหัสสาขาวิชา ช่ือสาขาวิชา (ภาษาไทย) ชอ่ื สาขาวิชา (ภาษาอังกฤษ) Automotive Technology 1 4101 เทคโนโลยยี านยนต์ Mold and Die Technology Welding Technology 2 4102 เทคโนโลยีแมพ่ ิมพ์ Electrical Technology Electronics Technology 3 4103 เทคโนโลยีการเชอ่ื ม Construction Technology 4 4104 เทคโนโลยีไฟฟ้า Architectural Technology Energy Technology 5 4105 เทคโนโลยีอิเลก็ ทรอนิกส์ Civil Technology Rubber Technology 6 4106 เทคโนโลยกี ารกอ่ สร้าง Petrochemical Technology Computer Technology 7 4107 เทคโนโลยอี ตุ สาหกรรมเคร่ืองเรอื นและตกแต่งภายใน Marine Technology Mechanical Technology 8 4108 เทคโนโลยีสถาปตั ยกรรม Mechanical Technology Production Technology 9 4113 เทคโนโลยพี ลงั งาน Marine Technology Accounting 10 4121 เทคโนโลยีโยธา Marketing Business Computer 11 4122 เทคโนโลยียาง Logistics Management Office Management 12 4124 เทคโนโลยีปิโตรเคมี Fine Arts Product Design 13 4128 เทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ Computer Graphics 14 4132 เทคโนโลยเี คร่ืองกลเรอื 15 4134 เทคโนโลยเี ครอ่ื งกล 16 4139 เทคโนโลยเี คร่อื งกล 17 4140 เทคโนโลยีการผลติ 18 4141 เทคโนโลยีเครื่องกลเรือ 19 4201 การบัญชี 20 4202 การตลาด 21 4204 คอมพวิ เตอร์ธุรกจิ 22 4214 การจดั การโลจสิ ติกส์ 23 4216 การจัดการสานักงาน 24 4301 วจิ ิตรศิลป์ 25 4302 การออกแบบผลติ ภณั ฑ์ 26 4308 คอมพวิ เตอร์กราฟกิ
ลาดับ รหสั สาขาวิชา ชอ่ื สาขาวชิ า (ภาษาไทย) ช่ือสาขาวิชา (ภาษาองั กฤษ) 27 4311 ออกแบบรูปพรรณอัญมณแี ละเครื่องประดับ Gems and Jewelry Design Royal Goldsmiths 28 4311 ออกแบบรปู พรรณอญั มณแี ละเคร่ืองประดับอญั มณี Digital Graphic Fashion Design Technology 29 4315 ชา่ งทองหลวง Food and Nutrition. Technology 30 4320 ดจิ ติ อลกราฟกิ Food and Nutrition Management 31 4403 เทคโนโลยีการออกแบบแฟช่ัน Plant Production Technology 32 4404 เทคโนโลยอี าหารและโภชนาการ Animal Production Technology 33 4406 การจดั การงานคหกรรม Aquaculture Technology 34 4502 เทคโนโลยีการผลติ พืช Aquatic Animals Processing Technology 35 4503 เทคโนโลยกี ารผลิตสัตว์ Hotel and Hospitality Tourism 36 4504 เทคโนโลยีสัตวรักษ์ Information Technology 37 4601 เทคโนโลยีเพาะเล้ยี งสัตว์นา้ 38 4602 เทคโนโลยีแปรรปู สตั ว์นา้ 39 4701 การโรงแรม 40 4702 การทอ่ งเที่ยว 41 4901 เทคโนโลยสี ารสนเทศ อา้ งอิง : โปรแกรม ศธ.02 ออนไลน์ https://std2018.vec.go.th ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 หมายเหตุ : หากมกี ารปรบั ปรุง/พฒั นาหลกั สูตร ในชื่อสาขาวิชาทแ่ี ตกตา่ งไปจากน้ี จะต้องดาเนินการแจง้ สานกั มาตรฐานการอาชวี ศึกษาและวชิ าชพี (สมอ.) เพ่อื ขอรหสั สาขาวิชา
1 (1) พระราชบัญญัติ การอาชีวศกึ ษา พ.ศ.2551 ณ วันท่ี 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2551
เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๓ ก หนา ๑ 2 ราชกจิ จานุเบกษา ๕ มนี าคม ๒๕๕๑ พระราชบญั ญตั ิ การอาชีวศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๑ ภูมิพลอดลุ ยเดช ป.ร. ใหไว ณ วนั ที่ ๒๖ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๕๑ เปนปท ่ี ๖๓ ในรัชกาลปจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกลา ฯ ใหประกาศวา โดยท่เี ปนการสมควรมีกฎหมายวา ดว ยการอาชวี ศกึ ษา พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย บญั ญัติใหกระทําไดโ ดยอาศยั อํานาจตามบทบัญญัตแิ หง กฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา ฯ ใหตราพระราชบัญญัติขึ้นไวโดยคําแนะนําและยินยอมของ สภานติ ิบญั ญัตแิ หง ชาติ ดังตอ ไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบญั ญัตินีเ้ รียกวา “พระราชบญั ญตั ิการอาชีวศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๑” มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ใหใชบังคับตั้งแตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เปน ตน ไป
เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๓ ก หนา ๒ 3 ราชกิจจานเุ บกษา ๕ มีนาคม ๒๕๕๑ มาตรา ๓ พระราชบญั ญัติน้ไี มใ ชบ งั คบั กบั การจัดการอาชีวศึกษาและการฝกอบรมวิชาชีพ ซงึ่ ดาํ เนนิ การโดยหนว ยงานของรัฐตามกฎหมายอืน่ มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้ “การอาชีวศึกษา” หมายความวา กระบวนการศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากําลังคนในดาน วชิ าชีพระดบั ฝมือ ระดับเทคนคิ และระดับเทคโนโลยี “การฝกอบรมวชิ าชีพ” หมายความวา การเพิม่ พนู ความรูและการฝก ทักษะอาชพี ระยะส้ันหรือ ระยะยาว ท้ังในและนอกสถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบันการอาชีวศึกษา ซ่ึงจัดข้ึนเปนโครงการ หรือสําหรบั กลมุ เปาหมายเฉพาะภายใตหลักสูตรทีค่ ณะกรรมการการอาชีวศึกษากําหนด “สถาบัน” หมายความวา สถาบันการอาชีวศึกษาของรัฐท่ีจัดต้ังข้ึนเพ่ือดําเนินการจัดการ อาชวี ศกึ ษาและการฝก อบรมวิชาชีพตามพระราชบญั ญตั ินี้ “สถานประกอบการ” หมายความวา สถานประกอบการท่ีรวมมือกับสถานศึกษาอาชีวศึกษา หรอื สถาบนั การอาชีวศึกษาในสังกัดสาํ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเพ่ือจัดการอาชีวศึกษาและ การฝก อบรมวชิ าชพี ท้งั นี้ ตามหลกั เกณฑทีค่ ณะกรรมการการอาชวี ศึกษากําหนด “มาตรฐานการอาชีวศึกษา” หมายความวา ขอกําหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะ คุณภาพและ มาตรฐานในการจัดการอาชีวศึกษาที่พึงประสงค เพ่ือใชเปนเกณฑในการสงเสริม การกํากับดูแล การตรวจสอบ การประเมินผล และการประกันคณุ ภาพการจัดการอาชีวศึกษา “กองทนุ ” หมายความวา กองทุนเพ่ือพัฒนาการอาชวี ศกึ ษาและการฝกอบรมวิชาชพี “คณะกรรมการการอาชีวศึกษา” หมายความวา คณะกรรมการการอาชีวศึกษาตามกฎหมาย วา ดว ยระเบยี บบรหิ ารราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ “รัฐมนตรี” หมายความวา รัฐมนตรีผูรักษาการตามพระราชบัญญตั นิ ี้ มาตรา ๕ ใหรัฐมนตรวี าการกระทรวงศึกษาธกิ ารรกั ษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และใหมี อํานาจออกกฎกระทรวงและประกาศเพอื่ ปฏบิ ตั ิการตามพระราชบญั ญัติน้ี กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมอ่ื ไดประกาศในราชกิจจานเุ บกษาแลวใหใชบ งั คบั ได
เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๓ ก หนา ๓ 4 ราชกจิ จานุเบกษา ๕ มนี าคม ๒๕๕๑ หมวด ๑ บทท่ัวไป มาตรา ๖ การจัดการอาชีวศึกษาและการฝกอบรมวิชาชีพตองเปนการจัดการศึกษาในดาน วชิ าชพี ทสี่ อดคลอ งกบั แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหง ชาตแิ ละแผนการศึกษาแหง ชาติ เพื่อผลิตและ พัฒนากาํ ลงั คนในดา นวิชาชีพระดบั ฝม ือ ระดับเทคนิค และระดบั เทคโนโลยี รวมท้ังเปนการยกระดับ การศึกษาวิชาชีพใหสูงขึ้นเพ่ือใหสอดคลองกับความตองการของตลาดแรงงาน โดยนําความรูในทาง ทฤษฎอี ันเปนสากลและภูมิปญญาไทยมาพัฒนาผูรับการศึกษาใหมีความรูความสามารถในทางปฏิบัติ และมสี มรรถนะจนสามารถนําไปประกอบอาชีพในลักษณะผปู ฏบิ ตั หิ รอื ประกอบอาชีพโดยอิสระได มาตรา ๗ การจัดการอาชีวศึกษาและการฝกอบรมวิชาชีพใหจัดไดในสถานศึกษา อาชีวศึกษาและสถาบันตามที่บัญญตั ิไวใ นพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา ๘ การจดั การอาชวี ศกึ ษาและการฝกอบรมวิชาชพี ใหจัดได โดยรูปแบบ ดังตอไปนี้ (๑) การศึกษาในระบบ เปนการจัดการศึกษาวิชาชีพที่เนนการศึกษาในสถานศึกษา อาชีวศึกษาหรือสถาบันเปนหลัก โดยมีการกําหนดจุดมุงหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลา การวัดและการประเมนิ ผลท่เี ปนเงอ่ื นไขของการสาํ เร็จการศึกษาทแ่ี นน อน (๒) การศึกษานอกระบบ เปนการจัดการศึกษาวิชาชีพที่มีความยืดหยุนในการกําหนด จุดมุงหมาย รูปแบบ วธิ ีการศึกษา ระยะเวลา การวัดและการประเมินผลท่ีเปนเงื่อนไขของการสําเร็จ การศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะตองมีความเหมาะสมและสอดคลองกับสภาพปญหาและ ความตองการของบุคคลแตล ะกลมุ (๓) การศึกษาระบบทวิภาคี เปนการจัดการศึกษาวิชาชีพท่ีเกิดจากขอตกลงระหวาง สถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบันกบั สถานประกอบการ รัฐวสิ าหกิจ หรือหนวยงานของรัฐ ในเร่ือง การจัดหลักสูตร การเรียนการสอน การวัดและการประเมินผล โดยผูเรียนใชเวลาสวนหนึ่งใน สถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบัน และเรียนภาคปฏิบัติในสถานประกอบการ รัฐวิสาหกิจ หรอื หนวยงานของรฐั
5 เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๓ ก หนา ๔ ๕ มีนาคม ๒๕๕๑ ราชกิจจานุเบกษา เพอื่ ประโยชนใ นการผลติ และพฒั นากาํ ลงั คน สถานศกึ ษาอาชีวศึกษาหรือสถาบันสามารถจัด การศกึ ษาตามวรรคหนง่ึ ในหลายรปู แบบรวมกนั กไ็ ด ทง้ั นี้ สถานศกึ ษาอาชีวศึกษาหรือสถาบันนั้นตอง มงุ เนนการจัดการศกึ ษาระบบทวิภาคีเปน สําคัญ มาตรา ๙ การจัดการอาชีวศึกษาและการฝกอบรมวิชาชีพตามมาตรา ๖ มาตรา ๗ และ มาตรา ๘ ใหจัดตามหลกั สตู รทค่ี ณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษากาํ หนด ดังตอไปน้ี (๑) ประกาศนียบัตรวิชาชพี (๒) ประกาศนียบัตรวิชาชพี ช้ันสงู (๓) ปรญิ ญาตรสี ายเทคโนโลยหี รอื สายปฏิบัตกิ าร คณะกรรมการการอาชีวศึกษาอาจกําหนดหลักสูตรที่จัดขึ้นเพื่อความรู หรือทักษะในการ ประกอบอาชีพหรอื การศกึ ษาตอ ซึง่ จัดข้นึ เปนโครงการหรอื สาํ หรบั กลมุ เปา หมายเฉพาะได มาตรา ๑๐ เพ่ือใหบ รรลวุ ัตถุประสงคตามมาตรา ๖ การจดั การอาชีวศกึ ษาและการฝกอบรม วิชาชพี ตองคาํ นึงถงึ (๑) การมีเอกภาพดา นนโยบายและมีความหลากหลายในทางปฏิบัติโดยมีการกระจายอํานาจ จากสว นกลางไปสูส ถานศึกษาอาชีวศึกษาและสถาบัน (๒) การศึกษาในดานวิชาชีพสําหรับประชาชนวัยเรียนและวัยทํางานตามความถนัดและ ความสนใจอยา งทว่ั ถงึ และตอเน่ืองจนถึงระดบั ปริญญาตรี (๓) การมีสวนรวมของชุมชน สังคม และสถานประกอบการในการกําหนดนโยบาย การผลิตและพฒั นากาํ ลงั คน รวมท้งั การกาํ หนดมาตรฐานการอาชวี ศกึ ษา (๔) การศึกษาท่ีมีความยืดหยุน หลากหลาย และมีระบบเทียบโอนผลการเรียนและระบบ เทียบประสบการณก ารทาํ งานของบคุ คลเพ่ือเขา รบั การศกึ ษาและการฝกอบรมวิชาชพี อยางตอเนอ่ื ง (๕) การมีระบบจูงใจใหสถานประกอบการมีสวนรวมในการจัดการอาชีวศึกษาและ การฝกอบรมวิชาชพี (๖) การระดมทรพั ยากรท้งั จากภาครัฐและเอกชนในการจัดการอาชีวศึกษาและการฝกอบรม วชิ าชพี โดยคาํ นงึ ถงึ การประสานประโยชนอยางทั่วถงึ และเปน ธรรม (๗) การมรี ะบบการพัฒนาครูและคณาจารยของการอาชีวศึกษาอยางตอเนื่อง เพื่อใหทันตอ ความเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี
6 เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๓ ก หนา ๕ ๕ มนี าคม ๒๕๕๑ ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๑๑ นอกจากอาํ นาจหนา ทีต่ ามกฎหมายวาดวยการศกึ ษาแหงชาติและกฎหมายวาดวย ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ ใหคณะกรรมการการอาชีวศึกษามีอํานาจหนาที่ ดงั ตอ ไปนี้ (๑) พจิ ารณาเสนอแนะนโยบาย เปาหมายการผลิตและแผนการพัฒนากําลังคนดานวิชาชีพ ตอ รฐั มนตรี (๒) กาํ หนดหลักเกณฑการจัดตั้ง การรวม และการแยกสถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบัน ตามมาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔ (๓) กําหนดหลักเกณฑในการรับเขาสมทบ การยกเลิกการสมทบ และการควบคุมดูแล สถานศกึ ษาอน่ื หรอื สถานประกอบการ (๔) กําหนดหลักเกณฑเกี่ยวกับลักษณะของสถานประกอบการท่ีจะเขารวมจัดการ อาชีวศึกษาและการฝกอบรมวิชาชีพ หลักสูตรการอาชีวศึกษาและการฝกอบรมวิชาชีพในสถาน ประกอบการ ตลอดจนหลักเกณฑการฝก งาน และการเทียบโอนผลการเรียนหรือประสบการณทํางาน ในสถานประกอบการ เพ่ือขอรบั คณุ วุฒกิ ารศกึ ษาจากสถานศกึ ษาอาชวี ศกึ ษาหรือสถาบนั (๕) กําหนดหลักเกณฑเกี่ยวกับการกํากับดูแลและการใหการรับรองมาตรฐานสถานศึกษา อาชีวศึกษา สถาบนั และสถานประกอบการใหสอดคลองกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ และแผนการศึกษาแหงชาติ (๖) กาํ หนดหลักเกณฑแ ละเง่ือนไขเก่ียวกับการไดรับสิทธิประโยชนและการเชิดชูเกียรติแก สถานประกอบการ สมาคมวิชาชีพ หรือองคกรอื่น ตลอดจนการสงเสริมความรวมมือในการจัดการ อาชวี ศกึ ษาและการฝกอบรมวิชาชีพระหวางสถานศึกษาอาชวี ศึกษา สถาบนั และสถานประกอบการ (๗) กําหนดหลักเกณฑในการแตงต้ัง การทดสอบ การฝกอบรมและการออกใบรับรอง การเปน ครูฝกในสถานประกอบการตามมาตรา ๕๕ (๘) เสนอแนะเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณและการกําหนดนโยบายในการระดมทุน ทรัพยากร รายได หรอื การจดั ตั้งกองทนุ อ่นื ตอ รัฐมนตรี (๙) สงเสริม สนับสนุน กํากับ และดูแลระบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา อาชีวศกึ ษา สถาบนั หรอื สถานประกอบการเพอื่ พัฒนาคณุ ภาพและมาตรฐานการอาชวี ศึกษา
7 เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๓ ก หนา ๖ ๕ มีนาคม ๒๕๕๑ ราชกิจจานเุ บกษา (๑๐) แตงต้ังคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือบุคคลหน่ึงบุคคลใดเพ่ือกระทําการใด อนั อยใู นอํานาจหนา ท่ขี องคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (๑๑) ออกขอ บงั คับ ระเบียบ และประกาศคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเพ่ือปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัตนิ ้ี (๑๒) ปฏบิ ตั กิ ารอนื่ ตามพระราชบญั ญตั นิ ห้ี รือตามท่ีคณะรัฐมนตรมี อบหมาย หมวด ๒ สถานศกึ ษาอาชวี ศกึ ษา มาตรา ๑๒ เพือ่ ประโยชนใ นการพัฒนาการอาชีวศึกษาและการฝกอบรมวิชาชีพเฉพาะดาน หากสถานศึกษาอาชีวศึกษาแหงใดมีความเช่ียวชาญหรือมีประสบการณเฉพาะดานในสาขาวิชาชีพ ใหคณะกรรมการการอาชีวศึกษาสงเสริมและสนับสนุนสถานศึกษาอาชีวศึกษาน้ันเพื่อใหสามารถ จัดการอาชีวศึกษาและการฝกอบรมวิชาชีพไดอยางตอเนื่อง และไดรับการพัฒนาใหทันตอการ เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี หมวด ๓ สถาบนั การอาชวี ศึกษา สวนท่ี ๑ การจัดต้ัง มาตรา ๑๓ สถานศึกษาอาชีวศึกษาสามารถรวมกันเปนสถาบนั ได การรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาเพ่ือจัดตั้งเปนสถาบันใหกระทําไดโดยคําแนะนําของ คณะกรรมการการอาชวี ศึกษา และคํานงึ ถงึ การประสานความรวมมือใหเกิดประโยชนสูงสุดในการใช ทรัพยากรรว มกัน ทั้งนี้ ใหเ ปนไปตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง ในการดําเนินการตามวรรคสอง ถามีความเหมาะสมหรือมีความจําเปนจะแยกสถานศึกษา อาชีวศกึ ษาสวนหน่ึงสว นใดมารวมกับสถานศกึ ษาอาชีวศึกษาอกี แหง หนงึ่ เพอื่ จัดตัง้ เปนสถาบันกไ็ ด
8 เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๓ ก หนา ๗ ๕ มนี าคม ๒๕๕๑ ราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๑๔ ในกรณีท่ีมีความเหมาะสมหรือมีความจําเปน จะจัดตั้งสถาบันเพ่ือดําเนินการ จัดการอาชีวศึกษาและการฝกอบรมวิชาชีพตามพระราชบัญญัติน้ีก็ได ทั้งนี้ โดยใหออกเปน กฎกระทรวง มาตรา ๑๕ ใหสถาบนั ตามมาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔ เปน นิตบิ ุคคลและเปนสวนราชการ ในสงั กดั สาํ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ในการแบงสวนราชการของสถาบันตามวรรคหน่ึง ใหเปนไปตามหลักเกณฑที่กําหนดใน กฎกระทรวง สว นที่ ๒ การดําเนินการ มาตรา ๑๖ ใหสถาบันตามมาตรา ๑๕ เปนสถาบันอุดมศึกษาดานวิชาชีพและเทคโนโลยี มีวัตถุประสงคใหการศึกษา สงเสริมวิชาการและวิชาชีพช้ันสูงที่ชํานาญการปฏิบัติการสอน การวิจัย การถายทอดวทิ ยาการและเทคโนโลยี ทะนุบาํ รงุ ศาสนา ศิลปะและวฒั นธรรม และอนุรักษสิ่งแวดลอม รวมทัง้ ใหบรกิ ารวชิ าการและวชิ าชีพแกสงั คม มาตรา ๑๗ สถาบันอาจแบง สว นราชการ ดงั ตอไปน้ี (๑) สาํ นกั งานผูอํานวยการสถาบนั (๒) วทิ ยาลยั (๓) สํานัก (๔) ศนู ย สถาบันอาจใหม ีสว นราชการท่ีเรียกช่ืออยางอื่นที่มีฐานะเทียบเทาวิทยาลัยเพ่ือดําเนินการตาม วัตถปุ ระสงคใ นมาตรา ๑๖ เปน สวนราชการของสถาบนั อีกก็ได สาํ นักงานผอู ํานวยการสถาบนั อาจแบงสวนราชการเปนฝา ยหรอื หนวยงานท่ีเรียกชื่ออยางอ่ืนท่ี มฐี านะเทียบเทา ฝา ย วทิ ยาลยั อาจแบงสวนราชการเปน คณะวิชา ภาควชิ า แผนก หรือหนวยงานท่ีเรียกชื่ออยางอื่น ทมี่ ีฐานะเทยี บเทาคณะวิชาหรือภาควิชา
9 เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๓ ก หนา ๘ ๕ มนี าคม ๒๕๕๑ ราชกิจจานุเบกษา สํานัก หรือศูนย อาจแบงสวนราชการเปนแผนกหรือหนวยงานที่เรียกช่ืออยางอื่นท่ีมีฐานะ เทยี บเทาแผนก มาตรา ๑๘ การจัดต้ัง การรวม และการยุบเลิกสํานักงานผูอํานวยการสถาบันวิทยาลัย สํานัก ศูนยหรือหนวยงานที่เรียกชื่ออยางอ่ืนท่ีมีฐานะเทียบเทาวิทยาลัย ใหทําเปนประกาศ กระทรวงศึกษาธิการและประกาศในราชกจิ จานุเบกษา การแบงสวนราชการภายในสํานักงานผูอํานวยการสถาบัน วิทยาลัย สํานัก ศูนย หรือ หนวยงานทีเ่ รียกชอ่ื อยา งอื่นที่มีฐานะเทยี บเทาวทิ ยาลัย ใหทําเปน ขอ บังคับของสถาบัน มาตรา ๑๙ ภายใตขอบวัตถุประสงคตามมาตรา ๑๖ สถาบันจะรับสถานศึกษาอื่นหรือ สถานประกอบการเขาสมทบในสถาบันเพ่ือประโยชนในการวิจัยและพัฒนามาตรฐานการอาชีวศึกษา และการฝกอบรมวิชาชีพได และมีอํานาจใหประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง หรือปรญิ ญาตรแี กผ ูท่ศี ึกษาจากสถานศึกษาหรอื สถานประกอบการ และสําเร็จการศกึ ษาตามหลักเกณฑ ของสถาบนั ได การรบั เขาสมทบ และการยกเลกิ การเขา สมทบของสถานศึกษาอื่นหรอื สถานประกอบการตาม วรรคหน่ึง ใหเปน ไปตามขอบงั คบั ของสถาบนั และประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา การควบคุมสถานศึกษาอ่ืนหรือสถานประกอบการท่ีเขาสมทบในสถาบันใหเปนไปตาม ขอ บังคับของสถาบนั มาตรา ๒๐ นอกจากเงนิ ท่กี ําหนดไวในงบประมาณแผน ดนิ สถาบันอาจมรี ายไดด งั ตอไปนี้ (๑) เงนิ ผลประโยชน คา ธรรมเนียม คาปรบั และคา บริการตา ง ๆ ของสถาบนั (๒) เงินและทรัพยสินซ่งึ มผี อู ทุ ิศใหแกส ถาบนั (๓) รายไดห รอื ผลประโยชนท่ีไดจ ากการลงทุนและจากทรพั ยส ินของสถาบัน (๔) รายไดหรือผลประโยชนท่ีไดจากการใชที่ราชพัสดุ ซึ่งสถาบันปกครอง ดูแล หรอื ใชประโยชน (๕) เงินอุดหนุนจากราชการสวนทองถิ่นหรือเอกชน หรือองคกรระหวางประเทศ หรอื เงินอุดหนนุ อืน่ ทสี่ ถาบนั ไดร บั เพื่อใชใ นการดําเนนิ กิจการของสถาบนั (๖) รายไดหรอื ผลประโยชนอ่ืน
10 เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๓ ก หนา ๙ ๕ มนี าคม ๒๕๕๑ ราชกจิ จานุเบกษา ใหส ถาบันมอี าํ นาจในการปกครอง ดแู ล บํารงุ รักษา ใช และจดั หาผลประโยชนจากทรพั ยส นิ ของสถาบนั ท้ังทเ่ี ปน ท่ีราชพัสดตุ ามกฎหมายวา ดว ยที่ราชพัสดุและทีเ่ ปนทรัพยส นิ อน่ื รวมทง้ั การจดั หา รายไดจากการใหบรกิ ารและการจดั เกบ็ คาธรรมเนยี มการศกึ ษาของสวนราชการในสถาบนั บรรดารายไดแ ละผลประโยชนของสถาบนั เบยี้ ปรบั ทเี่ กดิ จากการดาํ เนนิ การตามวัตถุประสงค ของสถาบัน เบยี้ ปรบั ทเี่ กดิ จากการผิดสญั ญาลาศึกษา และเบีย้ ปรบั ท่ีเกิดจากการผิดสัญญาซื้อทรัพยสิน หรือสัญญาจางทําของท่ีดําเนินการโดยใชเงินงบประมาณแผนดิน ไมเปนรายไดที่ตองนําสงคลัง ตามกฎหมายวาดว ยเงนิ คงคลัง และกฎหมายวาดวยวธิ ีการงบประมาณ มาตรา ๒๑ บรรดาอสังหารมิ ทรัพยท่สี ถาบันไดมาโดยมีผูอุทิศใหห รือไดม า โดยการซ้ือหรือ การแลกเปลย่ี นจากเงินและทรัพยสนิ ซ่ึงมีผอู ทุ ิศใหแกสถาบนั ตงั้ แตวันท่ีพระราชบัญญัติน้ีมีผลใชบังคับ ไมถอื เปน ทีร่ าชพสั ดแุ ละใหเปน กรรมสทิ ธิ์ของสถาบนั มาตรา ๒๒ บรรดารายไดแ ละทรพั ยส ินของสถาบันจะตองจัดการเพ่ือประโยชนตามวัตถุประสงค ของสถาบันตามมาตรา ๑๖ เงินและทรัพยสินซ่ึงมีผูอุทิศใหแกสถาบัน จะตองจัดการตามเงื่อนไขที่ผูอุทิศไดกําหนดไว และจะตอ งเปนไปตามวตั ถปุ ระสงคข องสถาบัน แตถามีความจําเปนตองเปลี่ยนแปลงเง่ือนไขดังกลาว สถาบันตองไดร บั ความยินยอมจากผูอุทิศใหหรือทายาท หากไมมีทายาทหรือทายาทไมปรากฏจะตอง ไดร ับอนุมตั จิ ากสภาสถาบัน สว นที่ ๓ สภาสถาบนั และผูบ รหิ ารสถาบนั มาตรา ๒๓ ใหมีคณะกรรมการสภาสถาบันในสถาบันแตละแหง จํานวนไมเกินสิบส่ีคน ประกอบดวย (๑) นายกสภาสถาบนั ซง่ึ รฐั มนตรีแตงต้งั โดยคําแนะนาํ ของคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา (๒) กรรมการสภาสถาบนั โดยตําแหนง ไดแก ผูอํานวยการสถาบนั (๓) กรรมการสภาสถาบันจํานวนสี่คน ซึ่งเลือกจากบุคคลที่สํานักงานคณะกรรมการการ อาชวี ศึกษาเสนอ
11 เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๓ ก หนา ๑๐ ๕ มนี าคม ๒๕๕๑ ราชกิจจานเุ บกษา (๔) กรรมการสภาสถาบันจาํ นวนสคี่ น ซึง่ เลือกจากผูดํารงตําแหนงผูบริหารสถาบันจํานวน สองคน และครหู รอื คณาจารยป ระจาํ ทมี่ ไิ ดเปนผูบรหิ ารจํานวนสองคน (๕) กรรมการสภาสถาบันผูทรงคุณวุฒิจํานวนสี่คน ซึ่งรัฐมนตรีแตงต้ังจากบุคคลภายนอก สถาบันโดยคําแนะนําของกรรมการสภาสถาบันตาม (๓) และ (๔) ในจํานวนนี้จะตองเปน ผู ท ร ง คุ ณ วุ ฒิ จ า ก ภ า ค เ อ ก ช น จํ า น ว น ห น่ึ ง ค น แ ล ะ จ า ก อ ง ค ก ร ป ก ค ร อ ง ส ว น ท อ ง ถ่ิ น ที่ ส ถ า บั น หรอื สถานศกึ ษาในสงั กดั สถาบันนน้ั ตั้งอยูจาํ นวนหนึ่งคน คุณสมบัติของผูดํารงตําแหนงนายกสภาสถาบัน กรรมการสภาสถาบันตาม (๓) และ กรรมการสภาสถาบันผูทรงคุณวุฒิตาม (๕) หลักเกณฑ และวิธีการเลือกหรือสรรหากรรมการสภา สถาบันตาม (๓) (๔) และ (๕) ใหเปนไปตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวง ใหสภาสถาบันแตงต้ังรองผูอํานวยการสถาบันคนหนึ่งเปนเลขานุการคณะกรรมการสภา สถาบันโดยคาํ แนะนาํ ของผอู ํานวยการสถาบนั มาตรา ๒๔ นายกสภาสถาบนั และกรรมการสภาสถาบันตามมาตรา ๒๓ (๓) (๔) และ (๕) มวี าระการดาํ รงตาํ แหนงคราวละสีป่ และจะแตง ตั้งหรืออาจไดร บั เลือกใหมอีกได นอกจากการพนจากตําแหนงตามวาระตามวรรคหนึ่ง นายกสภาสถาบันและกรรมการสภา สถาบนั ตามมาตรา ๒๓ (๓) (๔) และ (๕) พนจากตาํ แหนง เมื่อ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ขาดคุณสมบตั ิของการเปนนายกสภาสถาบนั หรือกรรมการสภาสถาบนั ในประเภทนน้ั (๔) ไดรบั โทษจําคุกโดยคาํ พพิ ากษาถงึ ท่สี ุดใหจาํ คกุ (๕) สภาสถาบนั มีมตใิ หออกเพราะมคี วามประพฤติเสื่อมเสีย บกพรองตอหนาที่หรือหยอน ความสามารถ (๖) เปนบคุ คลลมละลาย (๗) เปน คนไรค วามสามารถหรือคนเสมือนไรค วามสามารถ การพนจากตาํ แหนง ตาม (๕) ตองเปนไปตามมติสองในสามของจาํ นวนกรรมการสภาสถาบัน เทา ท่มี ีอยู
12 เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๓ ก หนา ๑๑ ๕ มีนาคม ๒๕๕๑ ราชกิจจานเุ บกษา ในกรณที ีต่ ําแหนง นายกสภาสถาบันหรือกรรมการสภาสถาบันวางลง ไมวาดวยเหตุใดและยัง มิไดดําเนินการใหไดมาซึ่งนายกสภาสถาบันหรือกรรมการสภาสถาบันแทนตําแหนงที่วาง ใหสภา สถาบนั ประกอบดว ยกรรมการสภาสถาบันเทาทม่ี ีอยู ในกรณีที่นายกสภาสถาบันหรือกรรมการสภาสถาบันตามมาตรา ๒๓ (๓) (๔) หรือ (๕) พน จากตาํ แหนงกอ นครบวาระและไดมีการแตงตั้งหรือไดมีการเลือกผูดํารงตําแหนงแทนแลว ใหผูซึ่ง ไดรับการแตงต้งั หรอื ไดรบั เลือกอยูในตําแหนงเทากับวาระที่เหลืออยูของผูซ่ึงตนแทน แตถาวาระการ ดาํ รงตําแหนง เหลืออยูนอ ยกวาเกา สิบวันจะไมดําเนินการใหมีผดู าํ รงตาํ แหนง แทนก็ได ในกรณีท่ีนายกสภาสถาบันหรือกรรมการสภาสถาบันตามมาตรา ๒๓ (๓) (๔) และ (๕) พนจากตําแหนงตามวาระ แตยังมิไดแตงตั้งนายกสภาสถาบันหรือกรรมการสภาสถาบันผูทรงคุณวุฒิ หรือยังมิไดเลือกกรรมการสภาสถาบันอื่นขึ้นใหม ใหนายกสภาสถาบันหรือกรรมการสภาสถาบัน ซง่ึ พน จากตาํ แหนง ปฏิบตั หิ นา ทตี่ อไปจนกวา จะไดม นี ายกสภาสถาบนั หรือกรรมการสภาสถาบนั ใหมแลว ใหมีการดําเนินการใหไดมาซ่ึงนายกสภาสถาบันหรือกรรมการสภาสถาบันตามมาตรา ๒๓ (๓) (๔) และ (๕) ภายในเกา สิบวันนบั แตว ันท่ผี ูนน้ั พนจากตาํ แหนง มาตรา ๒๕ สภาสถาบนั มีอํานาจและหนาท่คี วบคมุ ดูแลกิจการทั่วไปของสถาบัน และโดยเฉพาะ ใหมอี าํ นาจและหนา ที่ ดงั ตอไปน้ี (๑) อนุมัติแผนพัฒนาของสถาบันเก่ียวกับการอาชีวศึกษาและการฝกอบรมวิชาชีพของ สถาบันใหสอดคลอ งกับนโยบายการศึกษาของชาติ (๒) ออกขอบังคับ ระเบยี บ และประกาศของสถาบนั เกี่ยวกับการดําเนินการของสถาบนั (๓) พิจารณาการจัดต้ัง การรวม และการยุบเลิกสวนราชการของสถาบันตามมาตรา ๑๗ รวมทั้งการแบง หนว ยงานภายในของสว นราชการดงั กลาว (๔) อนมุ ตั กิ ารรับสถานศึกษาอ่ืนหรอื สถานประกอบการเขาสมทบและการยกเลิกการสมทบ ของสถานศกึ ษาอน่ื หรือสถานประกอบการดังกลาว (๕) พิจารณาใหความเห็นชอบหลักสูตรการศึกษาของสถาบันใหสอดคลองกับมาตรฐานที่ คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษากําหนด (๖) อนมุ ตั กิ ารใหป รญิ ญา ประกาศนียบตั รวชิ าชีพชั้นสงู และประกาศนยี บตั รวิชาชพี
13 เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๓ ก หนา ๑๒ ๕ มนี าคม ๒๕๕๑ ราชกิจจานุเบกษา (๗) พิจารณาและใหความเหน็ ชอบในการเขารว มดาํ เนินการจดั ตัง้ ศนู ยวจิ ยั หองทดลองหรือ หอ งปฏบิ ัตกิ ารเพ่อื พัฒนาการอาชวี ศกึ ษาและการฝกอบรมวิชาชพี กับสถานประกอบการหรือภาคเอกชน ตามมาตรา ๕๓ (๘) กํากับมาตรฐานการศึกษา ควบคุมคุณภาพ ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการจัด การศึกษาของสถาบันใหเปน ไปตามมาตรฐานการอาชวี ศึกษาทกุ ระดับ (๙) พิจารณาใหค วามเห็นเก่ยี วกบั การแตงตงั้ และถอดถอนศาสตราจารยและศาสตราจารยพิเศษ (๑๐) พจิ ารณาเสนอแนะตอรัฐมนตรีเพอ่ื แตง ต้ังหรือถอดถอนผอู าํ นวยการสถาบัน (๑๑) แตงตั้งและถอดถอนรองผอู าํ นวยการสถาบัน ผูชว ยผูอาํ นวยการสถาบัน และอาจารยพเิ ศษ (๑๒) แตงตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือบุคคลใดบุคคลหน่ึงเพ่ือพิจารณาและ เสนอความเหน็ ในเรอื่ งหนง่ึ เรื่องใด หรอื เพ่อื มอบหมายใหปฏิบัติการอยางหนึ่งอยางใดอันอยูในอํานาจ และหนาท่ขี องสภาสถาบัน (๑๓) กําหนดนโยบายเก่ียวกับการจัดหารายได ออกขอบังคับและวางระเบียบเก่ียวกับ การบรหิ ารการเงินและทรพั ยส นิ ของสถาบนั (๑๔) ใหความเหน็ ชอบในการกาํ หนดตรา เคร่ืองหมาย หรอื สัญลกั ษณข องสถาบนั (๑๕) ปฏบิ ตั ิหนาท่อี ่ืนที่เกี่ยวของกบั สถาบนั ทม่ี ิไดร ะบใุ หเ ปนอาํ นาจหนาท่ีของผใู ดโดยเฉพาะ มาตรา ๒๖ การประชมุ สภาสถาบัน ใหเปนไปตามขอบังคับของสถาบัน มาตรา ๒๗ ใหมีผูอํานวยการสถาบันเปนผูบังคับบัญชาและรับผิดชอบการบริหารงานของ สถาบัน และใหมีรองผูอํานวยการสถาบันอยางนอยหน่ึงคน กับทั้งอาจมีผูชวยผูอํานวยการสถาบัน หนึ่งคนหรือหลายคนก็ได ทั้งน้ี ตามจํานวนที่สภาสถาบันกําหนดเพ่ือทําหนาที่และรับผิดชอบตามที่ ผอู ํานวยการสถาบนั มอบหมาย มาตรา ๒๘ ใหสภาสถาบันสรรหาบุคคลท่ีมีคุณสมบัติตามมาตรา ๓๐ เสนอรัฐมนตรี แตงตั้งใหดํารงตําแหนงผูอํานวยการสถาบัน ทั้งน้ี ใหคํานึงถึงการมีสวนรวมของคณาจารยและ ขา ราชการของสถาบนั ใหสภาสถาบันแตงตั้งรองผูอํานวยการสถาบันและผูชวยผูอํานวยการสถาบัน โดยคําแนะนํา ของผูอาํ นวยการสถาบนั จากครูหรอื คณาจารยผ มู ีคณุ สมบตั ติ ามมาตรา ๓๐
14 เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๓ ก หนา ๑๓ ๕ มีนาคม ๒๕๕๑ ราชกิจจานุเบกษา หลกั เกณฑและวิธีการสรรหาบุคคลเพื่อแตงต้ังใหเปนผูอํานวยการสถาบัน รองผูอํานวยการ สถาบัน และผชู วยผูอาํ นวยการสถาบนั ใหเปนไปตามขอบังคบั ของสถาบัน มาตรา ๒๙ ผูอาํ นวยการสถาบันมีวาระการดํารงตําแหนงคราวละส่ีป และอาจไดรับแตงต้ัง ใหมอีกได แตจะดํารงตําแหนง เกนิ สองวาระตดิ ตอกันมไิ ด นอกจากการพน จากตําแหนงตามวาระตามวรรคหนึ่ง ผอู ํานวยการสถาบนั พน จากตําแหนง เม่ือ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) สภาสถาบันมีมติใหออกดวยคะแนนเสียงสองในสามของจํานวนกรรมการสภาสถาบัน เทา ทมี่ ีอยู เพราะมคี วามประพฤตเิ สือ่ มเสยี บกพรอ งตอ หนาทห่ี รือหยอนความสามารถ (๔) ถูกลงโทษทางวินัยอยางรายแรง หรือถูกส่ังใหออกจากราชการเพราะเหตุมีมลทิน หรอื มัวหมองในกรณที ถี่ ูกสอบสวนทางวนิ ยั อยา งรา ยแรง (๕) ไดรับโทษจาํ คุกโดยคาํ พพิ ากษาถึงท่สี ดุ ใหจ ําคกุ (๖) เปน บคุ คลลมละลาย (๗) เปนคนไรความสามารถหรอื คนเสมอื นไรความสามารถ เม่อื ผอู าํ นวยการสถาบันพนจากตําแหนง ใหรองผูอํานวยการสถาบันหรือผูชวยผูอํานวยการ สถาบันพนจากตําแหนงดวย และใหมีการแตงตั้งผูอํานวยการสถาบันภายในเกาสิบวันนับแตวันท่ี ผูอาํ นวยการสถาบนั พนจากตําแหนง มาตรา ๓๐ ผอู าํ นวยการสถาบันและรองผอู ํานวยการสถาบันตอ งมีคุณสมบตั ดิ ังตอไปนี้ (๑) สําเร็จการศกึ ษาไมต ่ํากวา ช้ันปรญิ ญาเอกหรือเทียบเทาจากสถาบันอุดมศึกษา และไดทํา การสอนหรือมีประสบการณดานบริหารมาแลวไมนอยกวาสองปในสถานศึกษาอาชีวศึกษา สถาบัน หรือสถาบันอุดมศึกษาอ่ืน หรือเคยดํารงตําแหนงกรรมการสภาสถาบันอุดมศึกษาอื่นมาแลวรวมเปน เวลาไมนอยกวา สองป หรอื (๒) ไดรับปริญญาชั้นใดชั้นหน่ึงหรือเทียบเทาจากสถาบันอุดมศึกษา และไดทําการสอน หรือมีประสบการณดานการบริหารมาแลวไมนอยกวาสี่ปในสถานศึกษาอาชีวศึกษา สถาบัน หรือ สถาบันอุดมศึกษาอ่ืน หรือเคยดํารงตําแหนงกรรมการสภาสถาบันอุดมศึกษาอ่ืนมาแลวเปนเวลา ไมนอ ยกวาสปี่
15 เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๓ ก หนา ๑๔ ๕ มีนาคม ๒๕๕๑ ราชกจิ จานุเบกษา ผชู วยผอู าํ นวยการสถาบันตองสําเร็จการศึกษาระดับปริญญาหรือเทียบเทาจากสถาบันอุดมศึกษา รวมทงั้ มีคุณสมบตั แิ ละไมมลี ักษณะตอ งหา มตามทก่ี าํ หนดในขอ บงั คับของสถาบนั มาตรา ๓๑ ผอู าํ นวยการสถาบันเปน ผแู ทนของสถาบนั ในกิจการทั่วไป และใหมีอํานาจและ หนาที่ ดังตอไปน้ี (๑) บรหิ ารกิจการของสถาบันใหเปนไปตามกฎหมาย ขอบังคับ ระเบียบ และประกาศของ ทางราชการและของสถาบนั จรรยาบรรณวชิ าชพี รวมทงั้ นโยบายและวัตถปุ ระสงคของสถาบนั (๒) ควบคุมดูแลบุคลากร การเงิน การพัสดุ สถานท่ี และทรัพยสินอ่ืนของสถาบัน ใหเปน ไปตามกฎหมาย ขอ บงั คบั ระเบียบ และประกาศ ของทางราชการและของสถาบัน (๓) จดั ทาํ แผนการดําเนนิ งาน แผนพฒั นาของสถาบัน งบประมาณประจําป และตลอดจน ตดิ ตามการประเมนิ ผลการดาํ เนนิ งานของสถาบนั (๔) เสนอรายงานประจาํ ปเกีย่ วกับกจิ การดา นตาง ๆ ของสถาบันตอสภาสถาบัน (๕) ปฏิบัติหนาที่อื่นตามกฎหมาย ขอบังคับ ระเบียบ และประกาศของทางราชการและ ของสถาบนั หรอื ตามท่ีสภาสถาบนั มอบหมาย มาตรา ๓๒ ในกรณที ผี่ ูด ํารงตําแหนงผอู ํานวยการสถาบันไมอยูหรือไมอาจปฏิบัติราชการได ใหรองผูอํานวยการสถาบันเปนผูรักษาราชการแทน ถามีรองผูอํานวยการสถาบันหลายคน ใหรองผอู ํานวยการสถาบนั ซึง่ ผอู ํานวยการสถาบนั มอบหมายเปนผูร กั ษาราชการแทน หากผูอํานวยการ สถาบนั มไิ ดม อบหมาย ใหร องผูอํานวยการสถาบนั ซงึ่ มอี าวโุ สสูงสุดเปนผรู กั ษาราชการแทน ในกรณที ี่ไมม ผี ดู ํารงตําแหนง ผูอาํ นวยการสถาบัน หรือไมมีผูรักษาราชการแทนผูอํานวยการ สถาบนั ตามวรรคหนง่ึ หรอื มีแตไมอ าจปฏบิ ัตริ าชการได ใหนายกสภาสถาบันแตงตั้งผูมีคุณสมบัติตาม มาตรา ๓๐ เปนผรู กั ษาราชการแทนผูอาํ นวยการสถาบัน ใหผ รู ักษาราชการแทนตามวรรคหนง่ึ หรือวรรคสองมีอํานาจและหนา ทีเ่ ชนเดยี วกบั ผูซึง่ ตนแทน ในกรณีท่ีกฎหมาย ขอบังคับ ระเบียบ คําสั่ง มติคณะรัฐมนตรี มติคณะกรรมการ ตามกฎหมาย หรอื มคี าํ ส่ังของผูบ งั คบั บัญชาแตงต้งั ใหผูดาํ รงตาํ แหนงน้ันเปนกรรมการหรือใหมีอํานาจ และหนาที่อยางใด ก็ใหผูรักษาราชการแทนทําหนาที่กรรมการหรือมีอํานาจและหนาที่อยางนั้น ในระหวา งรกั ษาราชการแทนดว ย
เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๓ ก หนา ๑๕ 16 ราชกจิ จานุเบกษา ๕ มีนาคม ๒๕๕๑ มาตรา ๓๓ ใหรองผอู าํ นวยการสถาบันคนหนึ่งทําหนาท่ีเปนผูบังคับบัญชา และรับผิดชอบ งานของสาํ นกั งานผูอํานวยการสถาบนั วิทยาลัย สํานัก ศูนย หรือหนวยงานที่เรียกชื่ออยางอื่นท่ีมีฐานะเทียบเทาวิทยาลัย ใหมีผูอํานวยการเปนผูบังคับบัญชาและรับผิดชอบงานของวิทยาลัย สํานัก ศูนย หรือหนวยงาน ทเ่ี รยี กชือ่ อยางอ่นื ที่มฐี านะเทยี บเทาวิทยาลัยนน้ั ส ว น ร า ช ก า ร ต า ม ว ร ร ค ส อ ง จ ะ ใ ห มี ร อ ง ผู อํ า น ว ย ก า ร เ พ่ื อ ทํ า ห น า ท่ี ต า ม ที่ ผู อํ า น ว ย ก า ร สว นราชการน้นั มอบหมายก็ได มาตรา ๓๔ ใหตําแหนงผูอํานวยการวิทยาลัย ผูอํานวยการสํานัก ผูอํานวยการศูนย ผูอาํ นวยการหนวยงานท่เี รียกชื่ออยางอื่นทมี่ ีฐานะเทียบเทาวทิ ยาลัย และรองผอู ํานวยการของตําแหนงดังกลาว เปน ตาํ แหนงผบู ริหารสถานศกึ ษาหรือบคุ ลากรทางการศกึ ษา แลว แตก รณี ตามกฎหมายวาดวยระเบียบ ขา ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา มาตรา ๓๕ ใหตําแหนงผูอํานวยการสถาบันและตําแหนงรองผูอํานวยการสถาบันเปน ตําแหนงทเ่ี ทยี บเทาตําแหนงอธิการบดีและตําแหนงรองอธิการบดีในหนวยงานการศึกษาที่สอนระดับ ปริญญาตามกฎหมายวา ดวยระเบยี บขา ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา มาตรา ๓๖ ผดู าํ รงตาํ แหนงผูอํานวยการสถาบัน รองผูอํานวยการสถาบัน ผูชวยผูอํานวยการ สถาบนั ผอู ํานวยการวิทยาลัย ผอู าํ นวยการสาํ นกั ผูอํานวยการศูนย และผูอํานวยการหนวยงานท่ีเรียกช่ือ อยางอน่ื ทมี่ ีฐานะเทียบเทา วิทยาลัย จะดาํ รงตําแหนงดังกลา วเกนิ หน่งึ ตําแหนง ในขณะเดียวกันมไิ ด ผูดาํ รงตําแหนง ตามวรรคหนึ่งจะรกั ษาราชการแทนตําแหนงอื่นอีกหน่ึงตําแหนงได ทั้งน้ี ตองไมเกิน หนงึ่ รอ ยแปดสิบวนั มาตรา ๓๗ ในวิทยาลัยแตละแหงใหมีคณะกรรมการวิทยาลัยคณะหนึ่งมีหนาที่ในการ สง เสริม สนับสนนุ ใหคําปรึกษาและขอเสนอแนะในการจัดการอาชีวศึกษาและการฝกอบรมวิชาชีพ เพ่อื พฒั นาแนวทางการดาํ เนนิ งานของวทิ ยาลยั ประกอบดวยผูแทนครูหรือคณาจารย ผูแทนผูปกครอง ผูแทนองคกรชุมชน ผูแทนองคกรปกครองสวนทองถ่ิน ผูแทนศิษยเกาของวิทยาลัยแหงน้ัน ผแู ทนพระภกิ ษสุ งฆ ผูแทนองคก รศาสนาอืน่ ในพน้ื ท่ี และผูท รงคุณวุฒิ
เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๓ ก หนา ๑๖ 17 ราชกจิ จานเุ บกษา ๕ มีนาคม ๒๕๕๑ นอกจากกรรมการตามวรรคหนงึ่ แลว คณะกรรมการวิทยาลัยอาจมีผูแทนสถานประกอบการ ดานธุรกิจ การพาณชิ ย การเกษตร หรืออตุ สาหกรรม ผูแทนหอการคาจังหวัด และผูแทนองคกรดาน อาชีวศกึ ษาในพ้นื ที่ เปนกรรมการเพมิ่ ข้ึนได ในกรณีที่วทิ ยาลัยใดไมอาจมีผูแทนประเภทใดประเภทหน่ึงตามที่ไดกําหนดไวในวรรคหน่ึง ใหคณะกรรมการวทิ ยาลัยของวทิ ยาลัยนน้ั ประกอบดว ยกรรมการเทา ท่มี ีอยู จาํ นวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑการสรรหา การเลอื กประธานกรรมการและกรรมการ การประชุม วาระการดํารงตําแหนงและการพนจากตําแหนงของคณะกรรมการวิทยาลัย ใหเปนไป ตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง สวนที่ ๔ ตาํ แหนง ทางวชิ าการ มาตรา ๓๘ คณาจารยประจําซง่ึ สอนชน้ั ปริญญาในสถาบนั มีตาํ แหนง ทางวชิ าการ ดงั ตอ ไปน้ี (๑) ศาสตราจารย (๒) รองศาสตราจารย (๓) ผชู ว ยศาสตราจารย (๔) อาจารย คุณสมบัติ หลักเกณฑและวิธีการแตงต้ังและถอดถอนคณาจารยประจําตามวรรคหน่ึง ใหเ ปน ไปตามกฎหมายวา ดว ยระเบียบขาราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา ศาสตราจารยน ัน้ จะไดท รงพระกรุณาโปรดเกลา ฯ แตงตั้งโดยคาํ แนะนาํ ของสภาสถาบัน มาตรา ๓๙ ศาสตราจารยพิเศษนน้ั จะไดท รงพระกรณุ าโปรดเกลา ฯ แตงตั้ง จากผูซึ่งเปน หรือเคยเปน อาจารยพเิ ศษในวิชาทีผ่ นู ้ันมคี วามชาํ นาญเปน พเิ ศษโดยคาํ แนะนําของสภาสถาบัน คุณสมบัติและหลักเกณฑในการแตงตั้งศาสตราจารยพิเศษ ใหเปนไปตามขอบังคับของ สถาบนั
18 เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๓ ก หนา ๑๗ ๕ มนี าคม ๒๕๕๑ ราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๔๐ สภาสถาบันอาจแตงต้ังผูซึง่ มีคุณสมบัติเหมาะสมและมิไดเปนคณาจารยประจํา ของสถาบนั เปน รองศาสตราจารยพ เิ ศษ ผูช วยศาสตราจารยพเิ ศษ หรืออาจารยพ เิ ศษได คุณสมบัติ หลักเกณฑและวิธีการแตงต้ังรองศาสตราจารยพิเศษ ผูชวยศาสตราจารยพิเศษ และอาจารยพเิ ศษตามวรรคหน่งึ ใหเ ปนไปตามขอบังคับของสถาบนั มาตรา ๔๑ ใหผูเปน ศาสตราจารย ศาสตราจารยพิเศษ รองศาสตราจารย รองศาสตราจารย พิเศษ ผูชวยศาสตราจารย หรือผูชวยศาสตราจารยพิเศษ มีสิทธิใชตําแหนงทางวิชาการดังกลาว เปน คาํ นําหนานามเพือ่ แสดงวทิ ยฐานะไดตลอดไป การใชค าํ นําหนา นามตามวรรคหนงึ่ ใหใ ชอ ักษรยอ ดงั ตอ ไปน้ี ศาสตราจารย ใชอ กั ษรยอ ศ. ศาสตราจารยพิเศษ ใชอ กั ษรยอ ศ. (พเิ ศษ) รองศาสตราจารย ใชอ กั ษรยอ รศ. รองศาสตราจารยพ ิเศษ ใชอกั ษรยอ รศ. (พิเศษ) ผูช วยศาสตราจารย ใชอ ักษรยอ ผศ. ผูชว ยศาสตราจารยพ เิ ศษ ใชอกั ษรยอ ผศ. (พเิ ศษ) สว นท่ี ๕ ปรญิ ญาและเคร่ืองหมายวิทยฐานะ มาตรา ๔๒ สถาบนั มอี าํ นาจใหป รญิ ญาตรใี นสาขาวิชาท่ีมีการสอนในสถาบนั ได การเรยี กชื่อปรญิ ญาในสาขาวชิ า และการใชอ ักษรยอ สําหรับสาขาวิชาน้ันใหต ราเปนพระราชกฤษฎีกา มาตรา ๔๓ สภาสถาบันโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการอาชีวศึกษาอาจออก ขอบังคับกําหนดใหผูสําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีไดรับปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหน่ึงหรือ ปรญิ ญาตรเี กียรตินยิ มอนั ดับสองได มาตรา ๔๔ สภาสถาบันอาจออกขอบังคับกําหนดใหมีประกาศนียบัตรออกใหแกผูสําเร็จ การศกึ ษาเฉพาะวชิ าได
19 เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๓ ก หนา ๑๘ ๕ มนี าคม ๒๕๕๑ ราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๔๕ สถาบันมีอํานาจใหปรญิ ญากติ ตมิ ศกั ดแิ์ กบ ุคคลซึ่งสภาสถาบันเห็นวาทรงคุณวุฒิ สมควรแกปริญญาน้ัน แตจะใหปริญญาดงั กลาวแกค ณาจารยประจํา ผูดํารงตําแหนงตาง ๆ ในสถาบัน นายกสภาสถาบันหรอื กรรมการสภาสถาบนั ในขณะดํารงตาํ แหนง นน้ั มไิ ด สาขาของปรญิ ญากิตติมศักดิ์ และหลกั เกณฑก ารใหป รญิ ญากิตติมศกั ด์ิใหเปนไปตามขอบังคับ ของสถาบัน มาตรา ๔๖ สภาสถาบันอาจกําหนดใหมีครุยวิทยฐานะหรือเข็มวิทยฐานะเปนเคร่ืองหมาย แสดงวิทยฐานะของผูไดรับปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูงและประกาศนียบัตรวิชาชีพได และอาจกาํ หนดใหมคี รุยประจําตําแหนงกรรมการสภาสถาบัน ครุยประจําตําแหนงผูบริหาร หรือครุย ประจําตาํ แหนง คณาจารยข องสถาบนั ได การกําหนดลักษณะ ชนิด ประเภท และสวนประกอบของครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจําตําแหนง ใหต ราเปนพระราชกฤษฎกี า ครุยวิทยฐานะ เขม็ วิทยฐานะ และครุยประจําตําแหนงจะใชในโอกาสใด โดยมีเงื่อนไขอยางใด ใหเ ปน ไปตามขอบังคบั ของสถาบนั มาตรา ๔๗ สภาสถาบนั อาจกําหนดใหมีตรา สัญลักษณ เครื่องหมายของสถาบัน เครื่องแบบ เครื่องหมาย หรือเคร่ืองแตงกายของนักศึกษาได โดยทําเปนขอบังคับของสถาบันและประกาศใน ราชกิจจานเุ บกษา การใชตรา สัญลักษณ เคร่ืองหมายของสถาบันเพื่อการคาหรือการใชสิ่งดังกลาวท่ีมิใชเพื่อ ประโยชนข องสถาบนั ตามวรรคหน่ึง ตอ งไดรบั อนญุ าตเปน หนงั สอื จากสถาบนั หมวด ๔ ความรว มมอื ในการจัดการอาชวี ศึกษาและการฝก อบรมวชิ าชพี มาตรา ๔๘ เพ่ือประโยชนในการพัฒนามาตรฐานการอาชีวศึกษาของชาติ ใหสํานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ดาํ เนนิ การประสาน สงเสริม และสนับสนุนการจัดการอาชีวศึกษาของ สถานศึกษาเอกชน ใหสามารถจัดการอาชวี ศึกษาสอดคลองกบั นโยบายและมาตรฐานการอาชีวศึกษา
20 เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๓ ก หนา ๑๙ ๕ มีนาคม ๒๕๕๑ ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๔๙ สถานศึกษาอาชีวศึกษาของเอกชนอาจเขารวมเปนเครือขายของสถาบัน เพื่อประโยชนในการรวมมือทางวิชาการ การสรางคุณภาพการอาชีวศึกษาเอกชน ใหสอดคลองกับ ระบบมาตรฐานการอาชีวศึกษาของชาติ เพื่อสามารถใชทรัพยากรรวมกันใหเกิดประโยชนสูงสุด ทงั้ นี้ ตามทกี่ าํ หนดในกฎกระทรวง มาตรา ๕๐ สถาบันตองจัดระบบการจัดการใหเอื้ออํานวยแกผูมีประสบการณ ผูผานการ ฝกอบรมจากสถานประกอบการท่ีไดรับการรับรอง ผูเรียนท่ีสะสมผลการเรียนไว และผูท่ีผานการ ฝกอบรมตามกฎหมายวา ดว ยการสง เสริมการพัฒนาฝม อื แรงงาน ใหส ามารถเทียบโอนผลการเรียนหรือ ประสบการณดานวิชาชีพเพ่ือใหไดคุณวุฒิการศึกษาในหลักสูตรตาง ๆ ได ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ ท่คี ณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษากาํ หนด มาตรา ๕๑ ในการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีที่เปนความรวมมือระหวางสถานศึกษา อาชวี ศกึ ษาหรือสถาบัน และสถานประกอบการ ใหเปน ไปตามขอ ตกลงระหวางสถานศกึ ษาอาชีวศึกษา หรอื สถาบัน และสถานประกอบการ มาตรา ๕๒ สถานประกอบการใดที่ประสงคจะดําเนินการจัดการอาชีวศึกษา และการ ฝกอบรมวิชาชีพตามพระราชบัญญัตินี้ ใหยื่นคําขอตอเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเพ่ือให ไดรับการรับรองประโยชนตามกฎหมาย ท้ังน้ี ใหถือวาไมเปนการขัดหรือแยงกับการจัดการศึกษา ขั้นพื้นฐานรปู แบบศูนยก ารเรียนตามกฎหมายวาดว ยการศึกษาแหง ชาติ การย่ืนคาํ ขอและการพจิ ารณาใหเ ปนไปตามหลกั เกณฑ และวิธีการทีก่ าํ หนดในกฎกระทรวง การจัดการอาชีวศึกษาในสถานประกอบการใหจัดการสอนตามหลักสูตรการอาชีวศึกษาและ การฝก อบรมวชิ าชีพ หรือจดั การสอนตามหลักสูตรทส่ี ถานประกอบการรวมกับสถานศึกษาอาชีวศึกษา หรือสถาบนั จัดทาํ ขึ้นโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา หลักเกณฑ และวิธีการดําเนินการตามวรรคสาม ใหเปนไปตามท่ีคณะกรรมการการ อาชวี ศึกษากําหนด มาตรา ๕๓ สถานประกอบการหรือภาคเอกชนอาจเขารวมดําเนินการจัดตั้งศูนยวิจัย หองทดลองหรือหองปฏิบัติการเพ่ือพัฒนาการอาชีวศึกษาและการฝกอบรมวิชาชีพ ในสถานศึกษา อาชีวศึกษาหรือสถาบันของรัฐหรือเอกชนไดตามความตกลงของสถานศึกษาหรือสถาบันและสถาน ประกอบการน้ัน ทั้งน้ี เพือ่ ประโยชนดานความรวมมือในการพัฒนากําลังคน การวิจัยและพัฒนาเพ่ือ
21 เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๓ ก หนา ๒๐ ๕ มนี าคม ๒๕๕๑ ราชกิจจานุเบกษา เสริมสรา งมาตรฐานการอาชวี ศึกษาและเพ่ิมพนู ประสบการณของครู คณาจารย บุคลากรทางการศึกษา ในสถานศกึ ษาหรือสถาบนั ใหทันตอความเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยี ร า ย ไ ด แ ล ะ ท รั พ ย สิ น ที่ เ กิ ด จ า ก ก า ร ดํ า เ นิ น ก า ร ข อ ง ส ถ า น ป ร ะ ก อ บ ก า ร ต า ม ว ร ร ค ห น่ึ ง ใหเปนรายไดของสถานศกึ ษาหรอื สถาบนั นัน้ หลักเกณฑและวธิ ีการในการเขารวมดําเนินการของสถานประกอบการ หรือภาคเอกชนตาม วรรคหน่งึ ใหเปนไปตามขอบังคบั ของสถาบนั มาตรา ๕๔ สถานประกอบการ สมาคมวิชาชีพ หรือองคกรอื่นที่ใหความรวมมือในการ จดั การอาชีวศกึ ษาและการฝก อบรมวชิ าชีพ อาจไดรบั สทิ ธิและประโยชน ดงั ตอไปน้ี (๑) การสนบั สนุนดานวิชาการและทรัพยากรตามสมควรแกกรณี (๒) การเชดิ ชเู กยี รติแกส ถานประกอบการ สมาคมวชิ าชีพ หรอื องคกรอื่น ทใ่ี หความรวมมือ ในการจดั การอาชีวศึกษาและการฝก อบรมวชิ าชีพ มาตรา ๕๕ ครูฝกในสถานประกอบการตามมาตรา ๕๒ และมาตรา ๕๓ ตองมีคุณสมบัติ อยางใดอยา งหน่ึง ดังตอ ไปนี้ (๑) เปนผูสําเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาและผานการศึกษาหรือฝกอบรมวิชาการศึกษา ดานอาชีพ (๒) เปนผูชํานาญการดานอาชีพโดยสําเร็จการศึกษาวิชาชีพไมตํ่ากวาระดับประกาศนียบัตร วิชาชีพ หรือผานการทดสอบมาตรฐานฝมือแรงงานแหงชาติ หรือมาตรฐานอ่ืนตามที่คณะกรรมการ การอาชวี ศึกษากําหนด (๓) เปนผูเชี่ยวชาญดานอาชีพเฉพาะสาขาซ่ึงสําเร็จการศึกษาวิชาชีพไมต่ํากวาระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพท่ีมีประสบการณในสาขาอาชีพน้ันไมนอยกวาหาป หรือสําเร็จการศึกษาวิชาชีพ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงที่มีประสบการณในสาขาอาชีพน้ันไมนอยกวาสามป หรือผูผานการ ทดสอบมาตรฐานฝม อื แรงงานแหงชาติและมปี ระสบการณในการทํางานในสาขาอาชีพนัน้ ไมนอยกวา หา ป (๔) เปนผูมีประสบการณและประสบความสําเร็จในอาชีพเฉพาะสาขา มีผลงานเปนที่ ยอมรับในสังคมและทอ งถิน่ และสามารถถา ยทอดความรไู ด หลักเกณฑในการแตงต้ัง การทดสอบ การฝกอบรม และการออกใบรับรองการเปนครูฝก ในสถานประกอบการ ใหเปน ไปตามหลักเกณฑท่คี ณะกรรมการการอาชีวศึกษากาํ หนด
เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๓ ก หนา ๒๑ 22 ราชกจิ จานเุ บกษา ๕ มนี าคม ๒๕๕๑ หมวด ๕ การเงนิ และทรพั ยากร มาตรา ๕๖ ใหจัดต้ังกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งในสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เรียกวา “กองทุนเพ่ือพัฒนาการอาชีวศึกษาและการฝกอบรมวิชาชีพ” มีวัตถุประสงคเพ่ือสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษา การพัฒนา บุคลากร และความรวมมอื ในการจัดการอาชีวศกึ ษา ประกอบดว ย (๑) เงินหรือทรัพยสินอ่ืนท่ีสถานประกอบการหรือเอกชนมอบใหแกกองทุน หรือท่ีมีผู บรจิ าคหรอื อุทศิ ใหแ กก องทนุ (๒) เงินท่ีไดร ับจากตางประเทศ รฐั บาลตางประเทศ หรอื องคการระหวา งประเทศ (๓) ดอกผลและผลประโยชนท เ่ี กิดจากกองทนุ (๔) รายไดหรือผลประโยชนอ่ืนของกองทุน มาตรา ๕๗ เงินกองทุนใหใ ชจายได ดังตอไปนี้ (๑) การดําเนินงานและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพเคร่ืองมือ อุปกรณ อาคารสถานท่ี หลักสูตร กิจกรรม มาตรฐานสถานศึกษาและรูปแบบการศึกษาที่สอดคลองกับมาตรฐานการศึกษา แหงชาติ และการพัฒนาบุคลากร รวมถึงนักเรียนและนักศึกษาของสถานศึกษาอาชีวศึกษา สถาบัน สถานประกอบการ และครฝู กในสถานประกอบการ ตลอดจนความรวมมอื ระหวางหนวยงานดงั กลา ว (๒) การใหกูยมื แกผ ูสําเร็จการศึกษาอาชวี ศกึ ษาเพื่อใชจ า ยในการประกอบอาชพี โดยอสิ ระ (๓) เปน คา ใชจา ยทจี่ ําเปนในการดําเนนิ การตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี การเบิกจายเงินกองทุนตามวรรคหนึ่ง ใหเปนไปตามระเบียบที่สํานักงานคณะกรรมการ การอาชวี ศกึ ษากาํ หนด หมวด ๖ บทกาํ หนดโทษ มาตรา ๕๘ ผูใดใชครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ ครุยประจําตําแหนง เครื่องแบบ เครือ่ งหมาย หรือเคร่ืองแตงกายของนักศึกษาหรือสิ่งใดท่ีเลียนแบบสิ่งดังกลาว โดยไมมีสิทธิที่จะใช
23 เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๓ ก หนา ๒๒ ๕ มนี าคม ๒๕๕๑ ราชกจิ จานุเบกษา หรือแสดงดว ยประการใด ๆ วาตนมีตําแหนงใดในสถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบันการอาชีวศึกษา หรือมีปรญิ ญา ประกาศนียบตั รวิชาชพี ชัน้ สูง หรือประกาศนยี บัตรวชิ าชีพของสถานศึกษาหรือสถาบัน โดยทตี่ นไมม สี ิทธิ ถา ไดกระทําเพอ่ื ใหบ คุ คลอ่นื เชื่อวาตนมสี ิทธิท่ีจะใช หรือมีตําแหนงหรือวิทยฐานะ เชน นัน้ ตอ งระวางโทษจําคกุ ไมเ กนิ หกเดอื น หรอื ปรบั ไมเกินหาหมื่นบาท หรอื ทั้งจําทัง้ ปรบั มาตรา ๕๙ ผูใดกระทําการดังตอไปน้ี ตอ งระวางโทษจําคกุ ไมเกินหนงึ่ ป หรือปรับไมเกิน หน่ึงแสนบาท หรือท้งั จําทั้งปรับ (๑) ปลอม หรือทําเลียนแบบซึ่งตรา สัญลักษณ หรือเครื่องหมายของสถาบันไมวาจะทํา เปน สใี ดหรอื ทําดว ยวธิ ใี ด ๆ (๒) ใชต รา สญั ลกั ษณ หรอื เครื่องหมายของสถาบันปลอมหรอื ซง่ึ ทําเลยี นแบบ หรือ (๓) ใช หรือทาํ ใหปรากฏซง่ึ ตรา สัญลักษณ เครื่องหมายของสถาบันที่วัตถุหรือสินคาใด ๆ โดยไมไ ดร ับอนุญาต ถา ผกู ระทาํ ความผดิ ตาม (๑) เปนผูกระทาํ ความผิดตาม (๒) ดวย ใหลงโทษเฉพาะความผิด ตาม (๒) แตกระทงเดยี ว ความผิดตาม (๓) เปน ความผดิ อันยอมความได บทเฉพาะกาล มาตรา ๖๐ ใหสถานศึกษาอาชีวศึกษาที่ตั้งขึ้นกอนวันที่พระราชบัญญัติน้ีใชบังคับเปน สถานศึกษาอาชวี ศึกษาตามพระราชบัญญตั ิน้ี มาตรา ๖๑ ใหผ ูด าํ รงตําแหนงผอู ํานวยการ หัวหนาหนวยงานท่ีเรียกชื่ออยางอ่ืนที่มีฐานะ เทียบเทาวทิ ยาลยั รวมท้งั ผูดาํ รงตําแหนง รองหรอื ผูชว ยของผดู าํ รงตาํ แหนงดงั กลาว ของสถานศึกษาใน สงั กัดสาํ นักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษาตามพระราชบัญญัติ ระเบยี บบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ อยูในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับ ดํารงตําแหนงผูอํานวยการ หัวหนาหนวยงานท่ี เรียกชื่ออยางอ่ืนที่มีฐานะเทียบเทาวิทยาลัย หรือผูดํารงตําแหนงรองหรือผูชวยของตําแหนงดังกลาว ตามพระราชบัญญตั ิน้ี
24 เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๓ ก หนา ๒๓ ๕ มนี าคม ๒๕๕๑ ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๖๒ ในระหวางที่ยังมิไดตราพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ขอบังคับ ระเบียบ และประกาศ เพ่ือปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติน้ี ใหนําพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ขอบังคับ ระเบียบ หรือประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ระเบียบสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และขอ บังคบั หรอื ระเบยี บของสถานศกึ ษาอาชวี ศึกษา ทใ่ี ชอยูในวันที่พระราชบัญญัติน้ีใชบังคับมาใชบังคับ โดยอนุโลม มาตรา ๖๓ ในระหวางท่ียังมิไดมีการแตงตั้งผูอํานวยการสถาบันตามมาตรา ๒๘ ใหเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาตามกฎหมายวาดวยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ ทําหนาที่รักษาการในตําแหนงผูอํานวยการสถาบันเปนการช่ัวคราวจนกวาจะไดมีการแตงต้ัง ผูดํารงตําแหนง ผูอํานวยการสถาบนั ตามพระราชบญั ญตั นิ ซ้ี ่ึงตองไมเกินหนึ่งรอยแปดสิบวันนับแตวันท่ี รักษาการดงั กลา ว ผูรับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สรุ ยุทธ จลุ านนท นายกรฐั มนตรี
25 เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๓ ก หนา ๒๔ ๕ มนี าคม ๒๕๕๑ ราชกจิ จานเุ บกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยท่ีกฎหมายวาดวยการศึกษาแหงชาติ ไดบัญญตั ใิ หม คี ณะกรรมการการอาชวี ศึกษาเพือ่ ควบคมุ ดแู ลการจัดการอาชวี ศกึ ษา รวมทั้งการดําเนินการจัดการ อาชีวศกึ ษาและการฝกอบรมวิชาชพี ใหเ ปน ไปตามกฎหมายวาดวยการอาชีวศึกษา ซ่ึงการจัดการอาชีวศึกษาและ การฝกอบรมวิชาชีพน้ันถือเปนกระบวนการผลิตและพัฒนากําลังคนเพ่ือเพ่ิมผลผลิตและสงเสริมการพัฒนา เศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศใหไดระดับมาตรฐานสากล ทําใหประชาชนสามารถประกอบอาชีพ โดยอิสระและพง่ึ ตนเองได นอกจากน้ี สมควรกําหนดใหมีสถาบันการอาชวี ศกึ ษาซง่ึ เปนสถานศึกษาของรัฐท่ีจัด การศึกษาระดับปริญญาและเปนนิติบุคคลในสังกัดสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยมีการจัดการ อาชีวศึกษาท่ีดําเนินการอยางเปนเอกภาพในดานนโยบายและมีการกระจายอํานาจไปสูระดับปฏิบัติ เพ่ือให การจัดการอาชวี ศึกษาและการฝกอบรมวิชาชพี ในทกุ ระดบั มีคุณภาพและประสิทธิภาพเกิดผลสําเร็จแกประชาชน โดยเฉพาะนักเรียนและนักศึกษา อันจะเปนการสอดคลองกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ และแผนการศกึ ษาแหงชาติ จึงจําเปนตองตราพระราชบัญญัตินี้
26 (2) กฎกระทรวง การรวมสถานศึกษาอาชีวศกึ ษาเพือ่ จดั ต้ังสถาบนั การอาชวี ศกึ ษา พ.ศ.2555 ณ วันที่ 13 มถิ นุ ายน พ.ศ.2555
เลม่ ๑๒๙ ตอนท่ี ๕๖ ก หนา้ ๑๘ 27 ราชกิจจานเุ บกษา ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ กฎกระทรวง การรวมสถานศกึ ษาอาชีวศกึ ษาเพื่อจดั ตงั้ สถาบนั การอาชวี ศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๕ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหน่ึง และมาตรา ๑๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ การอาชวี ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๑ อันเปน็ กฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพ ของบุคคล ซ่ึงมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศกึ ษาธิการโดยคาํ แนะนาํ ของคณะกรรมการการอาชวี ศึกษาออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปน้ี ใหจ้ ัดต้ังสถาบนั การอาชวี ศึกษา ประกอบดว้ ยสว่ นราชการ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง ๑ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคนนทบุรี วิทยาลัยเทคนคิ ปทมุ ธานี วิทยาลัยเทคนคิ ธญั บุรี วทิ ยาลยั การอาชีวศึกษาปทุมธานี วิทยาลัยเทคนิคสระบรุ ี วิทยาลัยอาชวี ศึกษาสระบรุ ี วิทยาลยั เทคนคิ พระนครศรีอยุธยา วิทยาลัยเทคนิคอุตสาหกรรมยานยนต์ วทิ ยาลยั เทคโนโลยแี ละอตุ สาหกรรมการตอ่ เรือพระนครศรีอยุธยา และวทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาพระนครศรอี ยธุ ยา (๒) สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง ๒ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคชัยนาท วิทยาลัย เทคนิคลพบรุ ี วิทยาลยั อาชีวศึกษาลพบุรี วิทยาลัยเทคนิคสิงห์บุรี วิทยาลัยเทคนิคสิงห์บุรี แห่งท่ี ๒ วิทยาลยั อาชีวศกึ ษาสิงหบ์ รุ ี และวทิ ยาลยั เทคนิคอ่างทอง (๓) สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง ๓ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา วิทยาลยั เทคนิคจุฬาภรณ์ (ลาดขวาง) วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาฉะเชิงเทรา วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี ฉะเชงิ เทรา วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ วิทยาลัยเทคนิคนครนายก วิทยาลัยการอาชีพนครนายก วทิ ยาลัยเทคนิคปราจนี บุรี วิทยาลยั เทคนคิ บูรพาปราจนี และวทิ ยาลัยเทคนิคสระแก้ว (๔) สถาบนั การอาชวี ศกึ ษาภาคกลาง ๔ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม วิทยาลัย อาชีวศึกษานครปฐม วิทยาลัยเทคนิคกาญจนบุรี วิทยาลัยอาชีวศึกษากาญจนบุรี วิทยาลัยการอาชีพ กาญจนบุรี วิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี และวทิ ยาลัยเทคนิคโพธาราม
28 เล่ม ๑๒๙ ตอนท่ี ๕๖ ก หนา้ ๑๙ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ ราชกิจจานุเบกษา (๕) สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง ๕ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม วิทยาลัยเทคนิคเพชรบุรี วิทยาลัยอาชีวศึกษาเพชรบุรี วิทยาลัยการอาชีพ วงั ไกลกงั วล วิทยาลัยเทคนิคประจวบครี ขี ันธ์ และวิทยาลยั การอาชีพบางสะพาน (๖) สถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ ๑ ประกอบด้วย วทิ ยาลยั เทคนิคสุราษฎร์ธานี วิทยาลัย อาชีวศกึ ษาสุราษฎร์ธานี วทิ ยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช วทิ ยาลัยเทคนิคสิชล วิทยาลัยเทคนิคทุ่งสง วิทยาลยั เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือนครศรีธรรมราช วิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช วิทยาลัยศิลปหัตถกรรมนครศรีธรรมราช วิทยาลัยการอาชีพนครศรีธรรมราช วิทยาลัยเทคนิคชุมพร และวทิ ยาลัยเทคนคิ พัทลงุ (๗) สถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ ๒ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคระนอง วิทยาลัย เทคนคิ พงั งา วิทยาลยั เทคนคิ ภูเกต็ วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเกต็ วทิ ยาลยั เทคนิคกระบี่ วทิ ยาลัยเทคนิคตรัง และวิทยาลัยการอาชพี ตรงั (๘) สถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ ๓ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคปัตตานี วิทยาลัย อาชีวศึกษาปัตตานี วิทยาลัยการอาชีพปัตตานี วิทยาลัยประมงปัตตานี วิทยาลัยเทคนิคยะลา วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษายะลา วทิ ยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาสงขลา และวทิ ยาลัยเทคนิคสตูล (๙) สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี วิทยาลัย เทคนิคสัตหีบ วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) วทิ ยาลัยเทคนิคระยอง วทิ ยาลัยเทคนิคมาบตาพุด วิทยาลัยเทคนิคบ้านค่าย วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี และวทิ ยาลัยเทคนิคตราด (๑๐) สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๑ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคหนองคาย วิทยาลัยอาชีวศึกษาหนองคาย วิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือหนองคาย วิทยาลัย เทคนิคบึงกาฬ วิทยาลัยเทคนิคหนองบัวลําภู วิทยาลัยเทคนิคเลย วิทยาลัยอาชีวศึกษาเลย วทิ ยาลยั เทคนคิ อดุ รธานี วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาอดุ รธานี และวิทยาลยั เทคนคิ กาญจนาภิเษกอุดรธานี (๑๑) สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคสกลนคร วิทยาลยั เทคโนโลยแี ละการจัดการนครพนม วิทยาลัยเทคนิคบ้านแพง และวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินี มกุ ดาหาร (๑๒) สถาบันการอาชวี ศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๓ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคกาฬสินธ์ุ วิทยาลัยเทคนิคมหาสารคาม วิทยาลัยอาชีวศึกษามหาสารคาม วิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น วิทยาลัย อาชวี ศกึ ษาขอนแกน่ วิทยาลัยการอาชพี ขอนแก่น วิทยาลัยเทคนิคร้อยเอ็ด วิทยาลัยอาชีวศึกษาร้อยเอ็ด และวทิ ยาลัยการอาชีพรอ้ ยเอ็ด (๑๓) สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๔ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิค อุบลราชธานี วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี วิทยาลัยเทคนิคเดชอุดม วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ วิทยาลยั การอาชีพศรีสะเกษ วิทยาลัยเทคนคิ ยโสธร และวทิ ยาลยั เทคนิคอาํ นาจเจรญิ
29 เลม่ ๑๒๙ ตอนที่ ๕๖ ก หนา้ ๒๐ ๒๗ มถิ นุ ายน ๒๕๕๕ ราชกิจจานเุ บกษา (๑๔) สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๕ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิค นครราชสีมา วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษานครราชสมี า วทิ ยาลัยเทคนิคหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ วิทยาลัยเทคนิค สรุ นารี วทิ ยาลัยเทคนิคชยั ภมู ิ วิทยาลยั เทคนคิ บรุ ีรมั ย์ วิทยาลัยเทคนิคคเู มอื ง วทิ ยาลัยเทคนิคสุรินทร์ และวทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาสุรนิ ทร์ (๑๕) สถาบันการอาชวี ศึกษาภาคเหนือ ๑ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่ วิทยาลัย อาชีวศกึ ษาเชียงใหม่ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ วิทยาลัยเทคนิคลําพูน วิทยาลัยเทคนิคลําปาง วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาลําปาง และวทิ ยาลยั การอาชพี นวมนิ ทราชินีแม่ฮ่องสอน (๑๖) สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคเหนือ ๒ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคเชียงราย วิทยาลัย อาชวี ศึกษาเชยี งราย วทิ ยาลยั เทคนคิ กาญจนาภิเษกเชียงราย วิทยาลัยเทคนิคพะเยา วิทยาลัยเกษตร และเทคโนโลยีพะเยา วิทยาลัยเทคนิคน่าน วิทยาลัยเทคนิคแพร่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่ และวทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีแพร่ (๑๗) สถาบันการอาชวี ศกึ ษาภาคเหนอื ๓ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก วิทยาลัย อาชวี ศึกษาพิษณุโลก วิทยาลยั พณิชยการบึงพระพิษณุโลก วิทยาลัยเทคนิคเพชรบูรณ์ วิทยาลัยเทคนิคสุโขทัย วิทยาลยั อาชวี ศึกษาสุโขทัย วิทยาลัยเทคนิคอตุ รดติ ถ์ และวิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาอุตรดิตถ์ (๑๘) สถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ ๔ ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคนครสวรรค์ วิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์ วิทยาลัยการอาชีพนครสวรรค์ วิทยาลัยเทคนิคกําแพงเพชร วิทยาลยั เทคนิคพิจิตร และวิทยาลยั เทคนคิ อทุ ัยธานี (๑๙) สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกมหานคร วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง วิทยาลัยเทคนิคดุสิต วทิ ยาลัยเทคนคิ ราชสิทธาราม วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา วิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี วิทยาลัยพณิชยการ อนิ ทราชยั วทิ ยาลัยพณชิ ยการบางนา วิทยาลัยพณชิ ยการเชตพุ น วิทยาลัยพณิชยการธนบุรี กาญจนาภิเษก วิทยาลยั ช่างทองหลวง และวิทยาลยั การอาชีพกาญจนาภิเษกหนองจอก ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี ๑๓ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ศาสตราจารยส์ ชุ าติ ธาดาธาํ รงเวช รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
30 เลม่ ๑๒๙ ตอนท่ี ๕๖ ก หนา้ ๒๑ ๒๗ มถิ ุนายน ๒๕๕๕ ราชกิจจานเุ บกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยท่ีมาตรา ๑๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ การอาชีวศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๑ บัญญตั ใิ หก้ ารรวมสถานศึกษาอาชวี ศกึ ษาเพือ่ จัดตงั้ เป็นสถาบันการอาชีวศึกษา ใหก้ ระทําได้โดยคําแนะนําของคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และคํานึงถึงการประสานความร่วมมือให้เกิด ประโยชน์สงู สดุ ในการใชท้ รพั ยากรรว่ มกัน ท้ังนี้ ให้เป็นไปตามท่ีกําหนดในกฎกระทรวง จึงจําเป็นต้องออก กฎกระทรวงนี้
31 (3) ประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ เร่อื ง การต้งั สว่ นราชการในสถาบันการอาชีวศกึ ษาภาคตะวันออก สังกัดสานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ณ วนั ท่ี 22 ตลุ าคม พ.ศ.2556
32 เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๑๖๒ ง หน้า ๔๐ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ เรอ่ื ง การจัดตง้ั ส่วนราชการในสถาบันการอาชวี ศกึ ษาภาคตะวันออก สังกัดสาํ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๑ และมตทิ ป่ี ระชมุ สภาสถาบนั การอาชีวศึกษาภาคตะวันออก ในการประชุม คร้ังที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศกึ ษาธิการออกประกาศไว้ ดงั ต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก สํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีภารกจิ เกยี่ วกบั การจดั การศึกษา ส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพช้ันสูงที่ชํานาญการปฏิบัติการสอน การวิจัย การถา่ ยทอดวทิ ยาการและเทคโนโลยี ทะนุบํารุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม และอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม รวมทั้งใหบ้ ริการและวิชาชพี แกส่ งั คม โดยมีอํานาจหน้าทแ่ี ละความรบั ผดิ ชอบ ดังนี้ (ก) จดั การศึกษาและการฝกึ อบรมวชิ าชีพเพื่อผลิตและพัฒนากําลังคนในด้านวิชาชีพ ระดับฝมี อื ระดบั เทคนิค ระดับปรญิ ญาสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ รวมท้ังส่งเสริมวิชาการและ วิชาชีพช้นั สูงมีความชาํ นาญในการสอน (ข) ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยพัฒนามาตรฐานการอาชีวศึกษา การถ่ายทอด วิทยาการและเทคโนโลยี การทะนุบํารุงศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม ให้บริการ วชิ าการและวชิ าชพี แก่สังคม (ค) จดั ทาํ ขอ้ เสนอแนะ แนวนโยบาย แผนพัฒนาสถาบนั ใหส้ อดคล้องกับมาตรฐาน การอาชวี ศึกษา มาตรฐานวิชาชพี และหลักสูตรการอาชวี ศกึ ษาของสถาบนั (ง) สง่ เสริม ประสานความร่วมมอื ระหวา่ งสถานศึกษาอาชีวศกึ ษาหรอื สถาบันการศกึ ษา อาชวี ศกึ ษาเอกชน สถานประกอบการ ภาคเอกชนหรือหน่วยงานของรัฐในการเข้าร่วมเป็นเครือข่ายของ สถาบันเพื่อประโยชน์ทางวิชาการ การวิจัยพัฒนาการอาชีวศึกษาและการจัดการอาชีวศึกษาและ การฝึกอบรมวชิ าชพี (จ) ดําเนินการเกย่ี วกบั การเสนอจัดตงั้ งบประมาณ การจัดหารายได้ การบริหารงาน งบประมาณการเงนิ และทรพั ยส์ ินของสถาบนั (ฉ) ดําเนินการเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพมาตรฐานการอาชีวศึกษา การติดตาม ตรวจสอบการประเมินผลการบริหารจัดการของสถาบันให้สอดคล้องกับนโยบาย แผนพัฒนา และ มาตรฐานการอาชวี ศึกษา (ช) ดาํ เนินงานเกี่ยวกับงานเลขานุการสภาสถาบันและดําเนินการตามที่สภาสถาบัน มอบหมาย (ซ) ปฏิบัติงานอื่นใดตามที่กฎหมายกาํ หนดใหเ้ ปน็ อาํ นาจหนา้ ทีแ่ ละความรับผิดชอบของ สภาสถาบันหรอื ตามทส่ี ํานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษามอบหมาย
33 เลม่ ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๖๒ ง หน้า ๔๑ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๒ ใหจ้ ดั ตงั้ ส่วนราชการในสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก สํานักงานคณะกรรมการ การอาชีวศึกษา ดงั ต่อไปน้ี (๑) สาํ นักงานผู้อาํ นวยการสถาบนั (๒) สํานักพัฒนายทุ ธศาสตร์และความรว่ มมอื อาชีวศกึ ษา (๓) สาํ นักพัฒนากิจการนักศึกษาและกจิ การพิเศษ (๔) ศูนยว์ ิจยั และพฒั นาการอาชวี ศกึ ษา (๕) อาชีวศกึ ษาบณั ฑิต (๖) วิทยาลยั เทคนิคชลบุรี (๗) วทิ ยาลัยเทคนคิ สัตหบี (๘) วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาชลบุรี (๙) วิทยาลยั อาชีวศกึ ษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) (๑๐) วทิ ยาลัยเทคนคิ ระยอง (๑๑) วิทยาลยั เทคนิคมาบตาพดุ (๑๒) วิทยาลัยเทคนคิ บ้านค่าย (๑๓) วิทยาลยั เทคนิคจนั ทบรุ ี (๑๔) วิทยาลยั เทคนิคตราด ข้อ ๓ สว่ นราชการของสถาบันการอาชีวศกึ ษาภาคตะวันออก มีอํานาจหน้าที่ดังตอ่ ไปน้ี (๑) สํานักงานผอู้ ํานวยการสถาบัน มอี ํานาจหนา้ ท่ดี งั ต่อไปน้ี (ก) งานช่วยอาํ นวยการและงานเลขานุการของสถาบนั งานการประชมุ อ่ืน ๆ ของสถาบนั (ข) ประสานงานกับหนว่ ยงานต่าง ๆ ท้ังภายในและภายนอกสถาบัน (ค) ดาํ เนินการเกย่ี วกับการบริหารงานทวั่ ไป งานสารบรรณ งานวเิ ทศสัมพันธ์ งานการตลาด เผยแพรแ่ ละประชาสัมพันธก์ จิ การสถาบัน (ง) ดาํ เนนิ การเกี่ยวกบั การบรหิ ารงานการเงนิ การบญั ชี การพสั ดุ อาคารสถานท่ี งบประมาณ และทรพั ยส์ ินของสถาบัน (จ) ดาํ เนินการเก่ียวกับการบรหิ ารงานบุคลากร ส่งเสริมวินยั และระบบคณุ ธรรมของบคุ ลากร (ฉ) ดําเนนิ การเกีย่ วกบั งานกฎหมาย นติ ิกรรม สญั ญา งานเกี่ยวกับความรับผิดทางแพ่ง ทางอาญา งานคดปี กครอง และงานคดอี นื่ ท่อี ย่ใู นหน้าที่ของสถาบัน (ช) ปฏบิ ตั งิ านอ่นื ที่ไมไ่ ด้กาํ หนดให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการใดในสถาบัน รวมทั้งส่งเสริม การดําเนินงานของวทิ ยาลยั และหนว่ ยงานในสถาบัน (ซ) ปฏบิ ตั ิงานหรือสนับสนนุ การปฏิบัติงานร่วมกับหนว่ ยงานอื่นท่ีเก่ียวข้องหรอื ไดร้ ับมอบหมาย (๒) สาํ นกั พัฒนายุทธศาสตร์และความรว่ มมอื อาชีวศึกษา มอี าํ นาจหนา้ ท่ีดังตอ่ ไปนี้ (ก) จัดทําแผนพัฒนาของสถาบันเกี่ยวกับการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพ ใหส้ อดคลอ้ งกบั นโยบายการศึกษาของชาติ
34 เลม่ ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๖๒ ง หน้า ๔๒ ๒๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๖ ราชกจิ จานเุ บกษา (ข) ศึกษาและวางแผนการผลติ เพ่ือพัฒนาคุณภาพกําลังคนสู่มาตรฐานสากลบนพื้นฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ค) ศึกษา วิเคราะห์ ประเมินผลข้อมูลสารสนเทศ เพ่ือการวางแผนยุทธศาสตร์ และ ความรว่ มมอื อาชีวศึกษา ให้มีความสามารถในการจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพ แข่งขันสู่ การพัฒนาเศรษฐกิจและคณุ ภาพชวี ิตที่ดี (ง) ประสาน ส่งเสริม สนับสนุนการจัดอาชีวศึกษาโดยความร่วมมือกับสถานศึกษาเอกชน สถานประกอบการให้สามารถจัดการอาชีวศึกษาสอดคล้องกับนโยบายและมาตรฐานการอาชีวศึกษา เพื่อใช้ทรัพยากรร่วมกันใหเ้ กิดประโยชน์สงู สุด (จ) จัดใหม้ ที ุนและแหลง่ ทนุ เพ่ือพฒั นาการอาชีวศึกษา และการสร้างเครือข่ายเชิงการตลาด การธุรกิจร่วมกบั ทกุ ภาคสว่ น และการส่งเสริมการบริหารจดั การและการพฒั นาปรับปรงุ วิทยาลัยและสถาบัน (ฉ) การติดตาม ประเมิน และการรายงานผลการจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพ ดาํ เนนิ การตามตัวชีว้ ัดและมาตรฐานการอาชีวศึกษา (ช) ดาํ เนินการเกย่ี วกบั การติดตาม ประเมิน และการรายงานผลการจัดการอาชีวศึกษา และการฝกึ อบรมวชิ าชีพ ดําเนนิ การตามคํารับรองการปฏิบตั ริ าชการ และมาตรฐานการอาชวี ศกึ ษา (ซ) ปฏบิ ตั งิ านหรือสนบั สนุนการปฏิบตั ิงานร่วมกบั หน่วยงานอนื่ ทเี่ กยี่ วขอ้ งหรอื ไดร้ บั มอบหมาย (๓) สาํ นกั พัฒนากิจการนักศึกษาและกจิ การพเิ ศษ มีอาํ นาจหน้าที่ดงั ตอ่ ไปน้ี (ก) ประสานเก่ียวกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ รวมท้ังโครงการพิเศษอื่น ๆ ทสี่ ถาบันกําหนด หรือสํานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษากําหนดให้สถาบันดําเนนิ การ (ข) ประสาน ส่งเสริม สนับสนุนเกี่ยวกับงานด้านการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การอนรุ กั ษส์ ่ิงแวดล้อม งานโครงการ กจิ กรรมเกี่ยวกับการพัฒนาการเสริมสร้างคุณภาพ และการส่งเสริม ความประพฤติผเู้ รยี น (ค) ส่งเสริม สนับสนุน และดําเนินการเก่ียวกับการพัฒนาความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และภมู ปิ ัญญาไทย (ง) ส่งเสริมและประสานงานการจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพสําหรับ กลุ่มพเิ ศษอื่น ๆ (จ) สง่ เสริม สนบั สนนุ ทุนทางปญั ญา ทนุ มนษุ ย์ และคลังสมองการอาชวี ศกึ ษา (ฉ) ปฏิบัติงานหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานอ่ืนที่เก่ียวข้องหรือท่ีได้รับ มอบหมาย (๔) ศนู ยว์ ิจัยและพัฒนาการอาชีวศึกษา มีอาํ นาจหน้าท่ีดงั ตอ่ ไปนี้ (ก) ส่งเสริม สนบั สนนุ การศึกษา การวิจัย การทดลอง โดยประสานความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อร่วมดําเนินการจัดตั้งศูนย์วิจัย ห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ เพื่อพัฒนา การอาชีวศกึ ษาและการฝึกอบรมวชิ าชีพ (ข) สรา้ งเครือข่ายความร่วมมอื การวิจัยทั้งในและต่างประเทศ เพอื่ ความเป็นเลศิ ทางวิชาการ (ค) ปฏบิ ตั งิ านสนับสนนุ การปฏิบตั งิ านร่วมกับหน่วยงานอื่นท่ีเกี่ยวขอ้ งหรือทไ่ี ด้รับมอบหมาย
35 เลม่ ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๖๒ ง หนา้ ๔๓ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ราชกิจจานเุ บกษา (๕) อาชวี ศึกษาบณั ฑิต มีอาํ นาจหนา้ ทีด่ ังตอ่ ไปนี้ (ก) การกาํ กับ ดแู ล ควบคุม และการจัดการเรยี นการสอนในระดับปริญญาตรี สายเทคโนโลยี หรอื สายปฏบิ ัตกิ ารในสาขาวชิ าต่าง ๆ (ข) ส่งเสริมวชิ าการและวชิ าชีพชัน้ สูงทเ่ี นน้ การปฏบิ ตั ิการสอน การวิจัย ถ่ายทอดวิทยาการ และเทคโนโลยี (ค) ทะนบุ ํารุงศาสนา ศลิ ปะ วัฒนธรรม และอนุรกั ษส์ ิ่งแวดล้อม (ง) ส่งเสริมและประสานงานให้คณาจารย์ ได้รับการฝึกอบรมและพัฒนาด้านวิชาการ ส่งเสริมความก้าวหน้าและพัฒนาให้มีตําแหน่งทางวิชาการ การวิเคราะห์วิจัยและพัฒนาส่ิงประดิษฐ์ทาง การอาชีวศกึ ษา การพฒั นาเทคโนโลยแี ละนวัตกรรมท่เี ป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอน และการฝึกอบรม วิชาชพี รวมทงั้ การถา่ ยทอดวิทยาการแก่ชุมชนและสงั คม (จ) ดําเนินการและประสานเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ มาตรฐานการอาชวี ศึกษา และมาตรฐานวิชาชพี การเทียบโอนผลการเรยี นหรอื ประสบการณด์ ้านวิชาชีพ และการประกันคุณภาพการศึกษา รวมทั้งการให้คําปรึกษา แนะนํา นิเทศ ติดตาม ประเมินผล และรายงานผล (ฉ) ประสานการใช้ทรัพยากรของส่วนราชการสังกัดสถาบันและเครือข่าย เพ่ือพัฒนาผู้เรียน ใหม้ ีสมรรถนะสอดคล้องกบั หลักสูตรการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ มาตรฐานการอาชีวศึกษา และมาตรฐาน วชิ าชีพ (ช) ปฏิบัติงานหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานอ่ืนที่เกี่ยวข้องหรือท่ีได้รับ มอบหมาย (๖) วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี วิทยาลัย อาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) วิทยาลัยเทคนิคระยอง วิทยาลัยเทคนิคมาบตาพุด วทิ ยาลัยเทคนคิ บา้ นค่าย วิทยาลยั เทคนคิ จันทบุรี และวิทยาลยั เทคนิคตราด มอี าํ นาจหนา้ ทีด่ งั ตอ่ ไปน้ี (ก) จัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษาและฝึกอบรมวิชาชีพ เพื่อผลิตและพัฒนากําลังคน ในด้านวชิ าชีพระดบั ฝีมอื และระดบั เทคนิค ให้มีสมรรถนะสอดคลอ้ งกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามหลักสูตรมาตรฐานการอาชีวศึกษาและมาตรฐานวิชาชีพ รวมทั้งสอดคล้องกับความต้องการของ ตลาดแรงงานทั้งภายในและตา่ งประเทศ (ข) ประสานความร่วมมอื กบั หนว่ ยงานของภาครัฐและเอกชน ชมุ ชน สังคม สถานประกอบการ ในการจดั การอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวชิ าชีพ ให้มีความรู้ ความสามารถในทางปฏิบัติและมีสมรรถนะ จนสามารถนาํ ไปประกอบอาชีพในลักษณะผู้ปฏิบัติหรือประกอบอาชีพอิสระได้ รวมทั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้ ด้วยตนเอง การใหบ้ ริการทางวชิ าการแก่ชุมชนและสังคม (ค) ดาํ เนินการพฒั นาครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาให้มีการศึกษาวิจัย และพัฒนาผู้เรียน ให้มีความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมและส่ิงประดิษฐ์อาชีวศึกษา เป็นศูนย์การเรียนรู้ ดว้ ยตนเอง รวมทง้ั การให้บรกิ ารทางวิชาการและวิชาชีพแก่ชุมชนและสังคม
36 เล่ม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๖๒ ง หน้า ๔๔ ๒๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๖ ราชกจิ จานุเบกษา (ง) ปฏิบัติงานหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานอื่นท่ีเกี่ยวข้องหรือที่ได้รับ มอบหมาย ท้งั นี้ ต้งั แต่วนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เป็นตน้ ไป ประกาศ ณ วนั ท่ี ๒๒ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๖ จาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
37 (4) ประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เรอ่ื ง กรอบคุณวุฒิอาชีวศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.2562 ณ วันที่ 13 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ.2562
38 เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๕๖ ง หน้า ๙ ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา ประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ เรื่อง กรอบคณุ วฒุ อิ าชวี ศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2562 ตามท่ีมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ กาหนดให้มีคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนา มาตรฐานและหลกั สตู รการอาชีวศกึ ษาทุกระดับ ท่ีสอดคล้องกับแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนการศึกษาแห่งชาติ และโดยที่ได้มีการประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ และคณะรฐั มนตรี ในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๐ ได้เห็นชอบกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง ซ่ึงกระทรวงศึกษาธิการได้กาหนดให้ใช้กรอบคุณวุฒิแห่งชาติดงั กล่าว พร้อมทั้งมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑ แล้ว จึงสมควรปรบั ปรงุ กรอบมาตรฐานคุณวฒุ อิ าชีวศกึ ษาแหง่ ชาติ และมาตรฐานคณุ วฒุ ิ อาชีวศึกษาในแต่ละระดับการศึกษาให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนการศึกษาแห่งชาติ กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ และมาตรฐานการศกึ ษาของชาติ ดงั กล่าว อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๘ วรรคหน่ึง และมาตรา ๑๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยคาแนะนาของคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ในการประชมุ คร้ังที่ 8/2561 เม่ือวันที่ 27 ธันวาคม 2561 จึงออกประกาศไว้ ดงั ต่อไปน้ี ๑. ประกาศน้ีเรียกว่า “ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง กรอบคุณวุฒิอาชีวศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2562” ๒. ประกาศน้ีให้ใชบ้ งั คับต้งั แต่วนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ตน้ ไป ให้ใช้ประกาศน้ีสาหรับการกาหนดเป้าหมายของการจัดการศึกษาเพื่อใหผ้ ู้สาเร็จการศึกษา ทุกระดบั คณุ วุฒิและสาขาวชิ ามีคุณภาพตามกรอบคุณวุฒิอาชวี ศึกษาแหง่ ชาติ ๓. ใหย้ กเลกิ ๓.๑ ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กรอบมาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ ลงวนั ที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ๓.๒ ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง มาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาระดับประกาศนียบัตร วิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ ลงวันท่ี ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ๓.๓ ประกาศกระทรวงศึกษาธกิ าร เรือ่ ง มาตรฐานคณุ วฒุ ิอาชวี ศกึ ษาระดับประกาศนียบตั ร วชิ าชีพชั้นสงู พ.ศ. ๒๕๕๖ ลงวนั ที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ๓.๔ ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง มาตรฐานคุณวุฒอิ าชีวศึกษาระดับปริญญาตรี สายเทคโนโลยหี รือสายปฏิบัตกิ าร พ.ศ. ๒๕๕๖ ลงวนั ท่ี ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖
39 เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๕๖ ง หน้า ๑๐ ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ราชกจิ จานุเบกษา 3.5 ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กรอบคุณวุฒิการศึกษาวิชาชีพระดับปริญญาตรี สายเทคโนโลยหี รือสายปฏบิ ัติการ พ.ศ. ๒๕๕๖ ลงวันท่ี ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕6 ๓.๖ ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง กรอบคุณวุฒิการศึกษาวิชาชีพระดับปริญญาตรี สายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ สาขาวิชาเทคโนโลยีเครื่องกลเรือ พ.ศ. ๒๕๕๖ ลงวันท่ี ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ๔. วัตถุประสงค์ เพื่อกาหนดเกณฑ์มาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาแต่ละระดับ สาหรับใช้เป็น แนวทางในการพัฒนาหลักสูตรหรอื ปรับปรงุ หลกั สูตรฐานสมรรถนะตามกรอบคณุ วุฒแิ ห่งชาติ มาตรฐานอาชพี หรือตามความต้องการของสถานประกอบการและตลาดแรงงาน การพัฒนาการจัดการเรียนการสอน การพัฒนาคุณภาพการจัดการอาชีวศึกษา และเพื่อประโยชน์ต่อการรับรองหลักสูตรและคุณวุฒิ การศกึ ษาของผู้สาเรจ็ การศึกษา ๕. กรอบคุณวฒุ ิอาชวี ศึกษาแห่งชาติ ประกอบด้วย ๕.๑ ระดบั คุณวฒุ ิอาชีวศึกษา ได้แก่ (๑) ระดบั ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ (๒) ระดบั ประกาศนยี บัตรวิชาชพี ช้นั สงู (๓) ระดบั ปรญิ ญาตรีสายเทคโนโลยหี รอื สายปฏิบตั กิ าร ๕.๒ คุณภาพของผู้สาเร็จการศึกษาทุกระดับคุณวุฒิอาชีวศึกษา ประเภทวิชาและ สาขาวิชาต้องครอบคลุมอยา่ งน้อย ๔ ดา้ น คอื (๑) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ หมายถึง ความเป็น ผู้มีคุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพ เจตคติและกิจนิสัยท่ีดี ภูมิใจและรักษาเอกลักษณ์ ของชาติไทย เคารพกฎหมาย เคารพสิทธิของผู้อื่น มีความรับผิดชอบตามบทบาทหน้าท่ีของตนเอง ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีจิตสาธารณะและมีจิตสานึกรักษ์ สง่ิ แวดล้อม (๒) ด้านความรู้ หมายถึง ความรเู้ กย่ี วกบั ข้อเทจ็ จรงิ หลกั การ ทฤษฎี และแนวปฏบิ ตั ิ ต่าง ๆ ที่เกยี่ วขอ้ งกบั สาขาวชิ าทเ่ี รียนหรอื ทางาน โดยเน้นความรู้เชิงทฤษฎีและหรอื ข้อเทจ็ จริงเป็นหลัก (๓) ด้านทักษะ หมายถึง ความสามารถปฏิบตั งิ านซึ่งบุคคลน้ันควรทาไดเ้ มือ่ ไดร้ ับ มอบหมาย โดยสามารถเลือกใช้วิธีการจัดการและแก้ปัญหาการทางานด้วยทักษะด้านกระบวนการคิด ท่ีเกี่ยวข้องกับการใช้ตรรกะ ทักษะการหยั่งรู้และความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต ห รือทักษะการปฏิบัติหรือวิธีปฏิบัติที่มีความคล่องแ คล่ วและความชานาญใน การปฏิบัติตามเกณฑ์ มาตรฐานคุณวฒุ ิอาชวี ศกึ ษาแตล่ ะระดับ (๔) ด้านความสามารถในการประยุกต์ใช้และความรับผิดชอบ หมายถึง ความสามารถของบุคคลที่เกิดจากกระบวนการเรียนรู้ การใช้ความรู้ ทักษะทางสังคมในการทางาน หรือการศึกษาอบรมเพ่ือการพัฒนาวิชาชีพของบุคคล ซึ่งประกอบไปด้วยความสามารถในการสื่อสาร ภาวะผู้นา ความรับผิดชอบและความเป็นอิสระในการดาเนินการต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง เช่น ความสามารถ ในการตดั สินใจ และความรบั ผิดชอบต่อตนเองและผ้อู นื่
40 เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๕๖ ง หน้า ๑๑ ๖ มนี าคม ๒๕๖๒ ราชกจิ จานุเบกษา ๕.๓ ระดับคุณวุฒิอาชีวศึกษาของผู้สาเร็จการศึกษาแต่ละระดับ จะต้องมีมาตรฐาน การศึกษาครอบคลุมคุณภาพของผู้สาเร็จการศึกษาในแต่ละด้าน ตามข้อ 5.2 ซ่ึงคณะกรรมการ การอาชีวศกึ ษากาหนดไวใ้ นเกณฑ์มาตรฐานคุณวฒุ อิ าชวี ศกึ ษาแตล่ ะระดับ ๕.๔ รูปแบบการจัดการศึกษา โครงสร้างหลักสูตร ชื่อคุณวุฒิ จานวนหน่วยกิต ระยะเวลาในการศึกษา และการเทียบโอนผลการเรียน ต้องเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานคุณวุฒิ อาชวี ศึกษาแตล่ ะระดับ ตามทคี่ ณะกรรมการการอาชวี ศึกษากาหนด 6. ให้คณะกรรมการการอาชีวศึกษาใช้กรอบคุณวุฒิอาชีวศึกษาแห่งชาตินี้เป็นหลัก ในการกาหนดเกณฑ์มาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาแต่ละระดับ และให้ทาเป็นประกาศคณะกรร มการ การอาชวี ศึกษา 7. เกณฑ์มาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาแต่ละระดับและคุณภาพของผู้สาเร็จการศึกษา ทกุ ประเภทวชิ าและสาขาวชิ า ต้องเปน็ ไปตามกรอบคุณวฒุ ิอาชวี ศกึ ษาแหง่ ชาติ ๘. ให้สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สถาบันการอาชีวศึกษา และสถานศึกษา ใช้เกณฑ์มาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาแต่ละระดับ เป็นแนวทางในการพัฒนาหรือปรับปรุงหลักสูตร การจดั การเรียนการสอน และการพัฒนาคุณภาพการจัดการอาชีวศกึ ษา ๙. ให้สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สถาบันการอาชีวศึกษา และสถานศึกษา จัดให้มีการประเมินการประกนั คณุ ภาพของหลกั สูตรและการจดั การเรียนการสอน เพื่อนาไปส่กู ารพฒั นา หลักสูตรหรือการปรับปรุงหลักสูตรที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างต่อเน่ือง อย่างน้อยทุก ๕ ปี สาหรับ หลักสูตรท่ีเปิดสอนอยู่ก่อนแล้ว ต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับประกาศนี้ภายใน ๓ ปี นับแต่วันท่ี ประกาศน้ใี ช้บงั คับ ๑๐. ให้สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเผยแพร่หลักสูตรแต่ละระดับและสาขาวิชา ท่ีดาเนินการได้ตามเกณฑ์มาตรฐานคณุ วฒุ อิ าชีวศึกษาแตล่ ะระดับ 11. ใหส้ านักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา หนว่ ยงานตน้ สงั กัดหรอื หน่วยงานทกี่ ากบั ดูแล สถานศึกษา มีหน้าท่ีกากับ ดูแล ติดตามและประเมินผลการจัดการอาชีวศึกษาเพ่ือให้มีคุณภาพ และไดม้ าตรฐาน ๑๒. ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามประกาศนี้ได้ หรือมีความจาเป็นต้องปฏิบัตินอกเหนือ จากที่กาหนดไว้ในประกาศน้ี ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการการอาชีวศึกษาท่ีจะพิจารณาวนิ ิจฉัย และให้ถือเปน็ ท่ีสดุ ประกาศ ณ วนั ที่ 13 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖2 ธรี ะเกียรติ เจรญิ เศรษฐศิลป์ รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธกิ าร
41 (5) ประกาศคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เร่อื ง เกณฑ์มาตรฐานคุณวุฒอิ าชวี ศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรสี ายเทคโนโลยหี รอื สาย ปฏิบตั ิการ พ.ศ.2562 ณ วันที่ 8 มนี าคม พ.ศ.2562
42 หน้า ๒๕ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๓๐ ง ราชกจิ จานุเบกษา ประกาศคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เร่อื ง เกณฑ์มาตรฐานคุณวฒุ อิ าชวี ศกึ ษาระดับปรญิ ญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่ออนุวัติใหเ้ ปน็ ไปตามประกาศกระทรวงศึกษาธกิ าร เร่ือง กรอบคณุ วุฒิอาชวี ศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ จึงสมควรกาหนดเกณฑ์มาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาระดับปริญญาตรีสายเทคโนโลยี หรือสายปฏิบัติการ เพื่อให้สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สถาบันการอาชีวศึกษา และสถานศึกษาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาหรือปรับปรุงหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน และ การพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา ให้สามารถผลิตผู้สาเร็จการศึกษาที่มีคุณภาพ และเพ่ือประโยชน์ ตอ่ การรับรองมาตรฐานคุณวุฒผิ ูส้ าเร็จการศึกษา อาศัยอานาจตามความในข้อ ๖ แห่งประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง กรอบคุณวุฒิ อาชีวศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๖๑ เม่ือวันท่ี ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ จงึ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปน้ี ขอ้ ๑ ประกาศนีเ้ รยี กว่า “ประกาศคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เร่ือง เกณฑ์มาตรฐาน คณุ วฒุ ิอาชวี ศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรสี ายเทคโนโลยหี รอื สายปฏบิ ัตกิ าร พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๒ ประกาศน้ีให้ใช้บังคบั ตงั้ แตว่ ันถัดจากวันประกาศเปน็ ต้นไป ให้ใช้ประกาศน้ีสาหรับหลักสูตรระดับปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ ทกุ สาขาวิชาทจ่ี ะเปิดใหม่และหลกั สตู รเกา่ ทจ่ี ะปรบั ปรุงใหม่ของสถาบนั การอาชวี ศกึ ษา ข้อ ๓ ช่ือคณุ วฒุ กิ ารศกึ ษา “ปริญญาเทคโนโลยีบัณฑิต” ใชอ้ กั ษรย่อ “ทล.บ.” ขอ้ ๔ คุณวุฒิอาชีวศึกษาระดับปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ กาหนดให้ ผูส้ าเร็จการศึกษามีคณุ ภาพครอบคลุมอย่างนอ้ ย ๔ ด้าน คอื (๑) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ได้แก่ มีคุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพ เจตคติและกิจนิสัยท่ีดี ภูมิใจและรักษาเอกลักษณ์ของชาติไทย เคารพกฎหมาย เคารพสิทธิของผู้อ่ืน มีความรับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่ของตนเองตามระบอบประชาธิปไตย อนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุข มีจิตสาธารณะและมีจติ สานึกรกั ษ์สิง่ แวดล้อม (๒) ด้านความรู้ ได้แก่ ความรู้ทางทฤษฎีและเทคโนโลยีเฉพาะทางอย่างกวา้ งขวางและเปน็ ระบบ ในการพฒั นางานอาชพี (๓) ด้านทักษะ ได้แก่ ทักษะในการคิด วิเคราะห์ วิจารณ์ และเปรียบเทียบปัญหา ทกั ษะการเรยี นรู้ตลอดชีวิต
43 หน้า ๒๖ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๑๓๐ ง ราชกิจจานุเบกษา (๔) ด้านความสามารถในการประยุกต์ใช้และความรับผิดชอบ ได้แก่ ความสามารถ ในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สามารถริเริ่ม ปรับปรุง วางแผนกลยุทธ์ ในการแกป้ ญั หาท่ีซับซ้อนและเป็นนามธรรมในการปฏบิ ตั ิงาน รวมทั้งวางแผนการบรหิ ารและการจดั การ ในสาขาอาชีพ ขอ้ ๕ วัตถุประสงค์ของการจัดการอาชีวศึกษาระดับปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือ สายปฏิบัติการเป็นการจัดการศึกษาด้านวิชาชีพและยกระดับการศึกษาวิชาชีพของบุคคลให้สูงข้ึน สอดคลอ้ งกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ เปน็ ไปตามกรอบคุณวุฒแิ หง่ ชาติ มาตรฐานการศึกษาของชาติ และกรอบคุณวุฒิอาชีวศึกษาแห่งชาติ โดยเน้นการเรียนรู้สู่การปฏิบัติ เพื่อพัฒนาสมรรถนะกาลังคนระดับเทคโนโลยี รวมทั้งคุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพ และกิจนิสัยที่เหมาะสมในการทางาน ให้สอดคล้องกับความต้องการกาลังคนของตลาดแรงงาน ชุมชน สงั คม และสามารถประกอบอาชีพอสิ ระได้ ข้อ ๖ การจัดการศึกษาในระบบและระบบทวิภาคี ให้ใช้ระบบทวิภาค โดยกาหนดให้ ๑ ปีการศึกษาแบ่งเป็น ๒ ภาคเรียน และใน ๑ ภาคเรียน มีระยะเวลาจัดการศึกษารวมการวัดผล ๑๘ สปั ดาห์ สาหรับการจัดการศึกษาในรูปแบบอ่ืน สถาบันการอาชีวศึกษาหรือสถานศึกษา จะต้องแสดงรายละเอียดเก่ียวกับระบบการศึกษาน้ันให้ชัดเจน ประกอบด้วยการแบ่งภาคเรียน ระยะเวลาการศึกษาในแต่ละภาคเรียน การคิดหน่วยกิตรายวิชา รวมท้ังการเทียบเคียงหน่วยกิต ระบบดังกลา่ วกับระบบทวิภาค ขอ้ ๗ การคิดหน่วยกิต (๑) รายวิชาทฤษฎีที่ใช้เวลาในการบรรยายหรืออภิปราย ๑ ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือ ๑๘ ช่ัวโมงตอ่ ภาคเรียน รวมเวลาการวัดผล มีคา่ เทา่ กับ ๑ หนว่ ยกิต (๒) รายวิชาปฏิบัติที่ใช้เวลาในการทดลองหรือฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ ๒ ช่ัวโมง ตอ่ สปั ดาห์ หรอื ๓๖ ชวั่ โมงตอ่ ภาคเรียน รวมเวลาการวดั ผล มคี า่ เทา่ กบั ๑ หน่วยกิต (๓) รายวิชาปฏิบัติท่ีใช้เวลาในการฝึกปฏิบัติในโรงฝึกงานหรือภาคสนาม ๓ ชั่วโมง ตอ่ สัปดาห์ หรือ ๕๔ ชั่วโมงต่อภาคเรียน รวมเวลาการวัดผล มคี า่ เทา่ กบั ๑ หนว่ ยกิต (๔) การฝึกอาชีพในการศึกษาระบบทวิภาคี ที่ใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๕๔ ช่ัวโมงต่อภาคเรียน รวมเวลาการวัดผล มีคา่ เท่ากบั ๑ หนว่ ยกติ (๕) การฝึกประสบการณ์สมรรถนะวิชาชีพในสถานประกอบการ ท่ีใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๕๔ ชว่ั โมงต่อภาคเรยี น รวมเวลาการวดั ผล มีคา่ เทา่ กับ ๑ หน่วยกติ (๖) การทาโครงงานพัฒนาสมรรถนะวิชาชีพ ที่ใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๕๔ ช่ัวโมงต่อภาคเรียน รวมเวลาการวดั ผล มีคา่ เทา่ กบั ๑ หนว่ ยกติ
44 หน้า ๒๗ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๑๓๐ ง ราชกจิ จานุเบกษา ข้อ ๘ จานวนหน่วยกิตรวมและระยะเวลาการศึกษา ให้มีจานวนหน่วยกิตรวมระหว่าง ๗๒ – ๘๒ หน่วยกิต ใช้ระยะเวลาการศึกษา ๔ ภาคเรียน ท้ังนี้ ให้เรียนได้ไม่เกิน ๘ ภาคเรียน สาหรับการลงทะเบียนเรียนแบบเต็มเวลา และไม่เกิน ๑๒ ภาคเรียน สาหรับการลงทะเบียนเรียน แบบไมเ่ ต็มเวลา กรณีหลักสูตรสาขาวิชาท่ีมีความจาเป็นต้องกาหนดจานวนหน่วยกิตรวมและระยะเวลา การศกึ ษาเกินกวา่ ท่ีกาหนด ใหน้ าเสนอขออนมุ ัตติ อ่ คณะกรรมการการอาชีวศึกษาเปน็ กรณไี ป ขอ้ ๙ โครงสร้างหลักสูตร (๑) หมวดวิชาศึกษาทั่วไป ประกอบด้วยกลุ่มวิชาเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะในการปรับตัว และดาเนินชีวิตในสังคมสมัยใหม่ เห็นคุณค่าของตนเองและการพัฒนาตน มีความใฝ่รู้ แสวงหา และพัฒนาความรู้ใหม่ มีความสามารถในการใชเ้ หตุผล การคิดวเิ คราะห์ การแก้ปัญหาและการจัดการ มีทักษะในการส่ือสาร การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการทางานร่วมกับผู้อื่น มีคุณธรรม จริยธรรม มนุษยสัมพันธ์ รวมถึงความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม รวมไมน่ ้อยกวา่ ๑๘ หนว่ ยกิต การจัดวิชาในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป สามารถทาได้ในลักษณะเป็นรายวิชาหรือลักษณะบูรณาการ ให้ครอบคลุมกลุ่มวิชาภาษาไทย กลุ่มวิชาภาษาต่างประเทศ กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ กลุ่มวิชาสังคมศาสตร์ กลุ่มวิชามนุษยศาสตร์ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของหมวด วชิ าศึกษาทั่วไป ทั้งน้ี จานวนหน่วยกิตรวมของหมวดวิชาศึกษาทั่วไปเมื่อนับรวมกับรายวิชาท่ีได้ศึกษามาแล้ว ในระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชพี ช้ันสงู ตอ้ งไม่นอ้ ยกว่า ๓๐ หน่วยกติ (๒) หมวดวิชาเฉพาะ ประกอบด้วยกลุ่มวิชาท่ีพัฒนาผู้เรียนให้เกิดทักษะวิชาชีพ มีความสามารถ ในการคิด วิเคราะห์ วางแผน จัดการ ประเมินผล แก้ปัญหา ควบคุมงาน สอนงาน และพฒั นางาน โดยบูรณาการความรู้และทักษะในการปฏิบัติงานด้วยความรับผิดชอบและความปลอดภัยเพื่อประยุกต์ สู่อาชีพ รวมไม่น้อยกว่า ๔๘ หน่วยกิต โดยเป็นวิชาทางปฏิบัติการไม่น้อยกว่า ๑๘ หน่วยกิต และทางทฤษฎไี ม่น้อยกว่า ๑๘ หน่วยกิต ประกอบดว้ ย ๓ กลุ่ม ดงั นี้ (ก) วชิ าเฉพาะพ้นื ฐาน ไม่นอ้ ยกวา่ ๑๘ หนว่ ยกิต ประกอบด้วย กลุ่มวิชาพื้นฐานทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ไม่น้อยกว่า ๖ หนว่ ยกิต และวชิ าพน้ื ฐานทางเทคโนโลยี ไมน่ ้อยกว่า ๑๒ หนว่ ยกติ ท้ังนี้ จานวนหน่วยกิตรวมของวิชาพื้นฐานเทคโนโลยีเม่ือนับรวมกับรายวิชาที่ได้ศึกษา มาแล้วจากหลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชพี ชน้ั สงู ตอ้ งไม่นอ้ ยกว่า ๑๘ หนว่ ยกิต (ข) วิชาเฉพาะด้าน ไม่นอ้ ยกวา่ ๒๑ หน่วยกิต - กลุม่ วชิ าเทคโนโลยีเฉพาะสาขา ไมน่ ้อยกวา่ ๑๘ หนว่ ยกิต - กลุ่มวชิ าโครงงาน ไมน่ ้อยกว่า ๓ หน่วยกิต
45 หน้า ๒๘ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๑๓๐ ง ราชกิจจานุเบกษา (ค) ฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชพี /บูรณาการการเรยี นรรู้ ว่ มการทางาน ไม่น้อยกว่า ๓ หนว่ ยกิต ท้ังน้ี ในกรณที จี่ ัดการศกึ ษาระบบทวิภาคอี าจยกเวน้ การฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชพี ได้ (๓) หมวดวิชาเลือกเสรี ประกอบด้วยรายวิชาท่ีเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกเรียนรายวิชาใด ๆ ตามความถนัดหรือความสนใจ จากหลักสูตรระดับปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ ในสถาบนั การอาชวี ศึกษา เพ่ือการประกอบอาชพี หรือการศึกษาต่อ รวมไมน่ ้อยกวา่ ๖ หนว่ ยกิต ขอ้ ๑๐ การจัดอัตราส่วนของเวลาการเรียนรู้ภาคทฤษฎีต่อภาคปฏิบัติในหมวดวิชาเฉพาะ ประมาณ ๔๐ ต่อ ๖๐ ทง้ั นี้ ขน้ึ อยู่กบั ลักษณะหรอื กระบวนการจัดการเรียนรขู้ องแต่ละสาขาวิชา ข้อ ๑๑ การยกเว้นการเรียนรายวิชา สามารถทาได้โดยการเทียบโอนผลการเรียนเข้าสู่หน่วยกิต ตามหลักสูตร ตามระเบียบสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาว่าด้วยการจัดการศึกษาและ การประเมนิ ผลการเรยี นตามหลักสตู รปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบตั กิ าร ขอ้ ๑๒ คุณสมบัติผู้เรียน เป็นผู้สาเร็จการศึกษาระดับประกาศนยี บัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ในสาขาวชิ าที่ตรงกับสาขาวิชาทจ่ี ะเข้าศกึ ษา ขอ้ ๑๓ คณาจารย์และบุคลากรสนับสนุนการเรียนการสอน ให้เป็นไปตามประกาศ กระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง มาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรีสาขาหรือสาขาวิชาท่ีเก่ียวข้อง ท่ีมีผล ใช้บงั คบั ในปจั จุบนั ขอ้ ๑๔ การเรยี กชื่อปริญญา ใชช้ ือ่ ปรญิ ญาตามพระราชกฤษฎีกาว่าดว้ ยปรญิ ญาในสาขาวิชา อักษรย่อสาหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจาตาแหน่งของสถาบัน การอาชวี ศกึ ษา ข้อ ๑๕ การพัฒนาคุณภาพการจัดการอาชีวศึกษาและการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน ระดับปรญิ ญาตรสี ายเทคโนโลยีหรอื สายปฏิบัติการ (๑) สถาบันการอาชีวศึกษาต้องให้ความสาคัญกับการฝึกอาชีพในการศึกษาระบบทวิภาคี โดยร่วมมือกับสถานประกอบการในการจัดการเรียนการสอนตามหลักเกณฑ์ท่ีคณะกรรมการ การอาชีวศึกษากาหนด (๒) สถาบันการอาชีวศึกษาต้องจัดเตรียมความพร้อมในด้านอาคารสถานที่ ครุภัณฑ์ คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาให้เหมาะสม สอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอนในแต่ละ ลกั ษณะการผลติ และการพฒั นาผเู้ รียน (๓) สถาบันการอาชีวศึกษาต้องกาหนดวิธีการพัฒนาคุณภาพการจัดการอาชีวศึกษาและ การจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาคุณลักษณะให้ตรงตามศักยภาพของผู้เรียน และระดับคุณวุฒิของ แต่ละประเภทวิชาและสาขาวิชา (๔) สถาบันการอาชีวศึกษาต้องจัดการเรียนการสอนที่เน้นการเรียนรู้สู่การปฏิบัติ โดยให้ ผู้เรยี นจัดทาโครงงานพัฒนาสมรรถนะวิชาชีพท่ีสอดคลอ้ งกับสาขาวิชาที่เรยี น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158