ชุดการเรียนรู้ทางไกล คร้ังที่ /18 เรื่อง µ¦ºn°µ¦
o°¤¼¨°¸n วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การจดั การอาชพี รหสั วชิ า 3001 -2001 สาขาวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศ ประเภทวชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศ หลกั สูตรระดับ ประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้นั สูง (ปวส.) ตามหลกั สูตร สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา พุทธศกั ราช 2557 ประทีป ผลจันทรง์ าม เพื่อการจดั ทาเน้ือหาและพฒั นาส่ือการสอนอาชีพและวชิ าชีพ สาหรับการศึกษาทางไกลหรอื เรยี นฝึกงานในสถานประกอบการด้วยตนเอง วทิ ยาลัยเทคนคิ ระยอง สถาบนั การอาชีวศกึ ษาภาคตะวนั ออก สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
สารบัญ 1. รายละเอียดหลกั สูตรรายวชิ า 1 2. ใบวเิ คราะห์หวั ขอ้ เร่ือง 4 3. แผนภมู ิปะการัง 6 4. โครงการจดั การเรียนรู้ 8 5. แผนการจดั การเรียนรู้ 12 6. เน้ือหา (ใบความรู้) 19 7. ส่ือประกอบการสอน 38 8. แบบทดสอบก่อนเรียน 105 9. แบบทดสอบหลงั เรียน 111 10. เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 116 11. เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน 118 12. แบบประเมินพฤติกรรมรายบุคคล 120 13. แบบบนั ทึกหลงั การเรียนรู้ 122
1 1.รายละเอียดหลกั สูตรรายวชิ า
2 ช่ือวชิ า.เทคโนโลยสี ารสนเทศเพือ่ การจดั การอาชพี คาอธิบายรายวชิ า รหัสวชิ า300– แผ่นที่ 1 สาขาวชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศ คาอธิบายรายวชิ า ( เดมิ ) 1. รหัสและช่ือวชิ า 3000–0203. วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเบอื้ งต้น 2. ระดบั รายวชิ า ระดบั ช้นั ปวส. ปี ท่ี 1 3. เวลาศึกษา 72 ชว่ั โมงตลอด 18 สัปดาห์ ทฤษฎี 2 ชว่ั โมง ปฏิบตั ิ 2 ชว่ั โมงต่อสปั ดาห์ 4. จานวนหน่วยกติ 3 หน่วยกิต 5. จุดประสงค์รายวชิ า 1. เเขา้ ใจเก่ยี วกบั คอมพวิ เตอร์ ระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์และสารสนเทศรจดั การสารสนเทศ 2. สามารถสบื ค้น จัดเก็บ คน้ คนื สง่ ผ่าน จดั ดำเนนิ การข้อมูลสารสนเทศ นำเสนอและสือ่ สารข้อมูล ส 3. มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและความรับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจดั การอาชพี 6. สมรรถนะรายวชิ า 1. แสดงความรเู้ กี่ยวกบั หลักการและกระบวนการสบื ค้น จัดดำเนนิ การและสอ่ื สารขอ้ มลู ฯ 2. ใชค้ อมพวิ เตอรในการสืบค้นและสอื่ สารขอ้ มลู สารสนเทศผา่ นระบบ เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 3. จัดเก็บ ค้นคนื สง่ ผ่านและจดั ดำเนินการขอ้ มูลสารสนเทศตามลักษณะงานอาชพี 4. นำเสนอและสื่อสารขอ้ มลู สารสนเทศในงานอาชพี โดยประยุกต์ใชโ้ ปรแกรมสำเรจ็ รปู 7. คาอธิบายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏิบัติเก่ยี วกบั คอมพวิ เตอรแ์ ละอุปกรณโ์ ทรคมนาคม ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ และ สารสนเทศ การสบื ค้นข้อมูลสารสนเทศ การจดั เก็บ คน้ คืน ส่งผ่านและจัดดำเนนิ การขอ้ มูล สารสนเทศ การประยุกตใ์ ชโ้ ปรแกรมสำเรจ็ รปู ในการนำเสนอและสอ่ื สารข้อมลู สารสนเทศ ตามลกั ษณะงานอาชพี
3 ชื่อวชิ า.ทคโนโลยีสารสนเทศเพอ่ื การจดั การอาชีพ คาอธิบายรายวชิ า แผ่นท่ี 2 รหสั วชิ า3001–2001 สาขาวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศ คาอธิบายรายวชิ า ( เดมิ ) ศกึ ษาและปฏิบัตเิ กย่ี วกบั คอมพิวเตอร์และอปุ กรณ์โทรคมนาคม ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ และ สารสนเทศ การสบื ค้นข้อมูลสารสนเทศ การจัดเก็บ คน้ คนื ส่งผ่านและจัดดำเนินการขอ้ มลู สารสนเทศ การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสำเรจ็ รูปในการนำเสนอและสื่อสารข้อมลู สารสนเทศ ขอ้ มลู สารสนเทศเพ่ือพฒั นางานอาชีพดว้ ยคอมพวิ เตอร์ คาอธิบายรายวชิ า ( ปรับปรุง ) ศึกษาเกยี่ วกบั พ้ืนฐานเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร ขอ้ มลู และการจดั การฐานขอ้ มลู การส่ือสารขอ้ มลู เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ เทคโนโลยซี อฟตแ์ วร์ ระบบปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยเี ครือขา่ ย เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั อินเตอร์เน็ต การสืบคน้ ขอ้ มูล ตามลักษณะงานอาชีพ ศกึ ษาและปฏิบตั ิเกย่ี วกบั งานทดสอบโปรแกรมการจดั การฐานขอ้ มูล MS-ACCESS งานประกอบ ไมโครคอมพวิ เตอร์PC งานทดสอบโปรแกรม MS-Word งานทดสอบโปรแกรม MS-Power Point งานทดสอบโปรแกรม MS-Excel งานติดต้งั และทดสอบระบบปฏิบตั ิการ Linux งานติดต้งั และ ทดสอบระบบปฏิบตั ิการ Windows XP งานทดสอบระบบเครือขายวนิ โดว์ งานทดสอบสาย UTP งาน ทดสอบสอบ Switching HUB งานทดสอบระบบเครือขายอินเทอร์เน็ต งานทดสอบ IP Address งาน ทดสอบการใชง้ าน Browser งานทดสอบการใช้ e-Mail งานทดสอบการสืบคน้ มูลผา่ นเครือข่าย อินเทอร์เน็ต
4 2. ใบวิเคราะห์หวั ขอ้ เร่ือง
5 ชื่อวชิ า.เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจดั การอาชพี ใบวเิ คราะห์หัวข้อเรื่อง รหัสวชิ า300– สาขาวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศ แผ่นท่ี 1 แหล่งข้อมูล หวั ข้อเรื่อง ( Topic ) ABCDE 1. พ้ืนฐานเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร 2. ขอ้ มูลและการจดั การฐานขอ้ มลู /// / 3. การส่ือสารขอ้ มลู 4. เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ / //// 5. เทคโนโลยซี อฟตแ์ วร์ 6. ระบบปฏิบตั ิการคอมพิวเตอร์ / //// 7. ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย 8. เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั อินเตอร์เน็ต / //// 9. การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศเพอ่ื พฒั นางานอาชีพดว้ ยเครือข่าย อินเตอร์เน็ต / //// / //// / //// / //// / //// หมายเหตุ A : คาอธิบายรายวชิ า B : ประสบการณ์ของผู้สอน C : ผู้เช่ียวชาญ D : ผู้ชานาญงาน E : เอกสาร / ตารา
6 3. แผนภมู ิปะการงั
9.1 การสบคนขอมลสารสนเทศบนอนเทอร์เน็ต 1.1 เทคโนโลยสารสนเทศ 2.1 ขอมลและสารสนเทศ 9.2 เทคนคการสบคนขอมล 1.2 วฒนาการเทคโนโลยสารสนเทศและการสอสาร 2.2 ฐานขอมลและการจดการฐานขอมล 9.3 เวบ็ ไซต์ทเกยวของเพอประโยชน์ในการศกษา 9. การสบคนขอมลสารสนเทศเพอพฒนา 1. พนฐานเทคโนโลย 2. ขอมลและการจดการ 3.1 รปแบบของการสอสารขอมล งานอาชพดวยเครอขายอนเตอรเ์ น็ต สารสนเทศและการสอสาร ฐานขอมล 3.2 ชนดของสญญาณ อเล็กทรอนกส์ 3.3 รหสทใชแทนขอมลในการสอสาร 8. เทคโนโลยสารสนเทศกบ วชา เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจดั การอาชพีี 3. การสอสารขอมล 3.4 ระบบการสอสารอเลก็ ทรอนกส์ อนเตอร์เนต็ รหสั 3001–2001สาขาวิชาเทคโนโลยสารสนเทศ 3.5 ทศทางของการสอสารขอมล 3.6 สอและอปกรณร์ บสงขอมล 8.1 เครอขายอนเตอรเ์ นต็ 7. ความรพนฐานของ 4. เทคโนโลยคอมพวเตอร์ 4.1 คอมพวเตอรแ์ ละฮารด์ แวร์ 8.2 การบรการเครอขายอนเตอร์เน็ต เทคโนโลยเครอขาย 5. เทคโนโลยซอฟต์แวร์ 4.2 องคป์ ระกอบพนฐานของเครอง คอมพวเตอร์ 8.3 โพรโตคอล TCP/IP 6. ระบบปฏบตการ (Transmission Control คอมพวเตอร์ 4.3 ประเภทของคอมพวเตอร์ Protocol/Internet Protocol) 4.4 เทคโนโลยคอมพวเตอรส์ วนบคคล 4.5 แนะนาการเลอกซออปกรณ์คอมพวเตอร์ 8.5 การเชอมตอเขากบอนเตอรเ์ นต็ 4.6 คอมพวเตอรก์ บเครอขาย 8.6 การใชงานและบรการตางๆ บนเครอขาย อนเตอรเ์ นต็ Control (MAC) Method) 7.1 เปาหมายของเครอขายคอมพวเตอร์ 5.1 ซอฟตแ์ วรค์ อมพวเตอร์ 7.2 ประเภทระบบเครอขายคอมพวเตอร์ 8.7 การประยกตใ์ ชอนเตอรเ์ นต็ 5.2 ภาษาคอมพวเตอร์ 8.8 เครอขายอนทราเน็ต 7.3 ระบบเครอขายLAN (Local Area Network) 5.3 แนวทางการพฒนาซอฟตแ์ วร์ 7.4 สอทใชในการสงขอมล 6.1 ระบบปฏบตการ 6.2 ระบบปฏบตการ UNIX และ Linux 5.4 ซอฟตแ์ วรป์ ระยกต์ 7.5 อปกรณ์ทใชในการเชอมตอบนระบบเครอขาย 6.3 ระบบปฏบตการวนโดว์ (ตอนท่ 1 การใชงานโปรแกรม MS Word) 7.6 วธควบคมการเขาใชงานสอกลาง (Media Access Control 6.4 ระบบปฏบต Windows mobile 5.4 ซอฟตแ์ วรป์ ระยกต์ (ตอนท่ 2 การใชงานโปรแกรม MS Power Point ) (MAC) Method) 7.7 มาตรฐานระบบเครอขายแบบ LAN ชนดตางๆ 5.4 ซอฟตแ์ วรป์ ระยกต์ 7.8 โปรโตคอลของระบบเครอขาย (Network Protocol) (ตอนท่ 3 การใชงานโปรแกรมไมโครซอฟท์ MS Excel ) 7
8 4. โครงการจดั การเรียนรู้
9 โครงการสอนทางไกล วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชีพ รหสั วชิ า 3001–2001 สาขาวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศ หลกั สูตรระดับ ประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้นั สูง (ปวส.) ตามหลกั สูตร สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา พทุ ธศกั ราช 2557 สอนคร้ังที่ หน่วยการ รายการสอน หมายเหตุ 1 เรียนท่ี 2 1. พนื้ ฐานเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร 3 1 1.1 เทคโนโลยสี ารสนเทศ 2 1.2 วฒั นาการเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร 4 3 5 2. ข้อมูลและการจัดการฐานข้อมูล 3 2.1 ขอ้ มลู และสารสนเทศ 6 4 2.2 ฐานขอ้ มูลและการจดั การฐานขอ้ มูล 7 4 3. การสื่อสารข้อมูล 5 3.1 รูปแบบของการสื่อสารขอ้ มูล 3.2 ชนิดของสัญญาณ อิเล็กทรอนิกส์ 3.3 รหสั ท่ีใชแ้ ทนขอ้ มลู ในการสื่อสาร 3.4 ระบบการส่ือสารอิเลก็ ทรอนิกส์ 3.5 ทิศทางของการส่ือสารขอ้ มลู 3.6 ส่ือและอุปกรณ์รับส่งขอ้ มลู 4. เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ 4.1 คอมพิวเตอร์และฮาร์ดแวร์ 4.2 องคป์ ระกอบพ้ืนฐานของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ 4.3 ประเภทของคอมพิวเตอร์ 4.4 เทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ส่วนบุคคล 4.5 แนะนาการเลือกซ้ืออุปกรณ์คอมพวิ เตอร์ 4.6 คอมพวิ เตอร์กบั เครือขา่ ย 5. เทคโนโลยซี อฟต์แวร์ 5.1 ซอฟตแ์ วร์คอมพิวเตอร์
10 สอนคร้ังท่ี หน่วยการ รายการสอน หมายเหตุ เรียนที่ 8 5.2 ภาษาคอมพวิ เตอร์ 9 5 5.3 แนวทางการพฒั นาซอฟตแ์ วร์ 10 5 5.4 ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ 11 5 (ตอนที่ 1 การใชง้ านโปรแกรม MS Word) 12 6 5.4 ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ 13 (ตอนท่ี 2 การใชง้ านโปรแกรม MS Power Point ) 14 6 5.4 ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ 6 (ตอนท่ี 3 การใชง้ านโปรแกรมไมโครซอฟท์ MS 15 7 Excel ) 6. ระบบปฏิบตั กิ ารคอมพวิ เตอร์ 16 7 6.1 ระบบปฏิบตั ิการ 6.2 ระบบปฏิบตั ิการ UNIX และ Linux 8 6.3 ระบบปฏิบตั ิการวนิ โดว์ 6.4 ระบบปฏิบตั ิ Windows mobile 7. ความรู้พนื้ ฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย 7.1 เป้ าหมายของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 7.2 ประเภทระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 7.3 ระบบเครือข่ายLAN (Local Area Network) 7.4 สื่อที่ใชใ้ นการส่งขอ้ มูล 7.5 อุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเช่ือมตอ่ บนระบบเครือขา่ ย 7.6 วธิ ีควบคุมการเขา้ ใชง้ านสื่อกลาง (Media Access Control (MAC) Method) 7.7 มาตรฐานระบบเครือข่ายแบบ LAN ชนิดตา่ งๆ 7.8 โปรโตคอลของระบบเครือข่าย (Network Protocol) 8. เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั อนิ เตอร์เน็ต 8.1 เครือขา่ ยอินเตอร์เน็ต 8.2 การบริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ต 8.3 โพรโตคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
สอนคร้ังท่ี หน่วยการ รายการสอน 11 เรียนที่ 8.4 ระบบชื่อโดเมน (Domain Name System) หมายเหตุ 17 8 8.5 การเช่ือมต่อเขา้ กบั อินเตอร์เน็ต 8.6 การใชง้ านและบริการตา่ งๆ บนเครือข่าย อินเตอร์เน็ตControl (MAC) Method) 8.7 การประยกุ ตใ์ ชอ้ ินเตอร์เน็ต 8.8 เครือขา่ ยอินทราเน็ต 18 9 9. การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศเพอื่ พฒั นางานอาชีพด้วย เครือข่ายอินเตอร์เน็ต 9.1 การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ต 9.2 เทคนิคการสืบคน้ ขอ้ มูล 9.3 เวบ็ ไซตท์ ี่เกี่ยวขอ้ งเพอ่ื ประโยชน์ในการศึกษา
12 5. แผนการจดั การเรียนรู้
13 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังที่ 3 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจดั การอาชพี หน่วยท่ี 3 ช่ือหน่วย การส่ือสาขอ้ มูล ชั่วโมงรวม 2 ช.ม. ชื่อเร่ือง การส่ือสาข้อมูล ตอนท่ี 2 จานวน 2 ช่ัวโมง 1.จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. จำแนกชนิดของทิศทางของการสื่อสารขอ้ มลู ไดอ้ ย่ำงถกู ตอ้ ง 2. จำแนกส่ือนาสญั ญาณไดอ้ ย่ำงถกู ตอ้ ง 3. อธบิ ำยกำรทำงำนของอุปกรณ์รับส่งขอ้ มูลไดอ้ ยำ่ งถกู ตอ้ ง 2. หวั ข้อสาระการเรียนรู้ 1. ทิศทางของการสื่อสารขอ้ มลู 2. สื่อและอุปกรณ์รับส่งขอ้ มลู 3. สาระสาคญั การเรียนรู้ กำรสอ่ื สำรขอ้ มลู จะมลี กั ษณะตำมสญั ญำณไฟฟ้ำคอื กำรส่อื สำรแบบอนำลอ็ กและกำร ส่อื สำรแบบดจิ ติ อล ซง่ึ กำรส่อื สำรทงั้ สองแบบสำมำรถส่อื สำรรว่ มกนั ได้ โดยกำรออกแบบตำม ลกั ษณะของกำรใชง้ ำน เป็นกำรผสมผสำนระหว่ำงแบบดจิ ติ อลและแบบอนำลอ็ กเพ่อื ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ ำพสงู สุดต่อระบบกำรส่อื สำรขอ้ มลู 4. เนือ้ หาสาระ บทที่ 3 การสื่อสารข้อมูล 3.4 ระบบการสื่อสารอิเลก็ ทรอนิกส์ 3.5 ทิศทางของการสื่อสารขอ้ มูล 3.6 ส่ือและอุปกรณ์รับส่งขอ้ มลู อา้ งอิงจากเอกสารประกอบการเรียนรู้ของ ประทีป ผลจนั ทร์งาม. วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเบอื้ งต้น .เอกสารประกอบการเรียนรู้.อดั สาเนา. เอกสารการพมิ พว์ ทิ ยาลยั เทคนิคบา้ นค่าย. 2555. 5. กจิ กรรมการเรียนการสอน กจิ กรรมครู กจิ กรรมนักเรียน ข้นั เตรียม ข้นั เตรียม
14 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังท่ี 3 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การจัดการอาชีพ หน่วยที่ 3 ชื่อหน่วย การส่ือสาขอ้ มูล ช่ัวโมงรวม 2 ช.ม. 1. จดั เตรียมส่ือที่ใชป้ ระกอบการเรียนรู้ให้ 1. เตรียมตวั และเอกสาร หรือวสั ดุ เครื่องมือที่ พร้อม สาหรับการเรียนการสอน ( ตามรายการ จาเป็นตอ้ งใชใ้ นการเรียนรู้ ในหวั ขอ้ ท่ี สื่อการเรียนรู้ เลือกสื่อการเรียนรู้ได้ 2. ใหค้ วามร่วมมือกบั ครูในการตรวจสอบรายชื่อ ตามความเหมาะสม ) เขา้ เรียน 2. ตรวจสอบรายชื่อนกั เรียนที่เขา้ เรียน 3. ถา้ เรียนรู้ผา่ นระบบ e-Learning ใหเ้ ขา้ สู่ระบบ เพอ่ื เตรียมความพร้อมในการเรียนรู้ ข้นั สนใจปัญหา (Motivation) ข้นั สนใจปัญหา (Motivation) 1. ใหผ้ เู้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน โดย 1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน 2. ร่วมสนทนาและแสดงความคิดเห็น ใชเ้ วลา 30 นาที และครูตรวจคาตอบหลงั จาก เสร็จสิ้นการทดสอบ เพื่อแจง้ ผลการทดสอบให้ นกั เรียนทราบหลงั เรียนจบบทเรียน 2. ใชส้ ื่อช่วยสอน นาเขา้ สู่บทเรียนดว้ ยภาพ แบบจาลอง ของตวั อยา่ ง หรือสิ่งท่ีจะช่วยดึงดูด ความสนใจ หรือคาถาม หมายเหตุ หากเรียนรู้จากสื่อวดี ีทศั น์ ข้นั ศึกษาข้อมูล (Information) ทางไกลผา่ นดาวเทียม หรือผา่ นอินเทอร์เน็ต 1. ผเู้ รียนเร่ิมเรียนรู้เน้ือหา หรือฝึกปฏิบตั ิงาน ตอ้ งทาการทดสอบก่อนเรียนใหแ้ ลว้ เสร็จก่อน การเรียนรู้ จากสื่อฯ ท่ีทาการออกอากาศ จากการฉายวดี ีทศั น์ในรูปแบบ DVD หรือ ส่ือวีดี ทศั น์ทางไกลผา่ นดาวเทียม หรืออินเทอร์เน็ต ข้ันศึกษาข้อมูล (Information) (60 นาท)ี หรือแบบออฟไลน์ 1. ใหผ้ เู้ รียนเริ่มเรียนรู้เน้ือหา หรือฝึก 2. ผเู้ รียนไดส้ อบถามหรือขอ้ สงสยั จากการ ปฏิบตั ิงาน จากการฉายวดี ีทศั นใ์ นรูปแบบ เรียนรู้เน้ือหา DVD หรือ สื่อวดี ีทศั น์ทางไกลผา่ นดาวเทียม หรืออินเทอร์เน็ต หรือแบบออฟไลน์ ข้นั พยายาม (Application) 2. ใหผ้ เู้ รียนไดส้ อบถามหรือขอ้ สงสยั จาก การเรียนรู้เน้ือหา ข้นั พยายาม (Application) (30 นาท)ี
15 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังที่ 3 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การจัดการอาชีพ หน่วยที่ 3 ชื่อหน่วย การสื่อสาขอ้ มลู ช่ัวโมงรวม 2 ช.ม. 1. หลงั การเรียนรู้เน้ือหาเสร็จสิ้น ใหผ้ เู้ รียน 1. หลงั การเรียนรู้เน้ือหาเสร็จสิ้นผเู้ รียนทา ทาแบบทดสอบหลงั เรียนหรือแบบฝึกปฏิบตั ิ แบบทดสอบหลงั เรียนหรือแบบฝึกปฏิบตั ิ 2. หรือใหผ้ เู้ รียนทาแบบทดสอบบน 2. หรือทาแบบทดสอบบนออนไลน์ และ ออนไลน์ และสามารถตรวจคาตอบไดท้ นั ที สามารถตรวจคาตอบทนั ที ข้นั สาเร็จผล (Progress) ข้นั สาเร็จผล (Progress) 1. ประเมินผลการปฏิบตั ิงานหรือ 1. รับผลการทดสอบ แบบทดสอบของผเู้ รียนหลงั ข้นั พยายามโดย 2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปสาระสาคญั เทียบกบั วตั ถุประสงคก์ ารเรียนท่ีต้งั ไว้ 3. นกั เรียนสอบถามขอ้ สงสยั 2. ผสู้ อนแจง้ ผลคะแนนการปฏิบตั ิงานหรือ 4. ฟังและปฏิบตั ิตามที่ครูแนะนา การทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนใหผ้ เู้ รียน 5. ผเู้ รียนที่มีคะแนนทดสอบหลงั การเรียนที่ไม่ ทราบ เพื่อเปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน ผา่ นเกณฑข์ ้นั ต่า ปฏิบตั ิตามขอ้ แนะนาตามเกณฑ์ ของตน การประเมินผล และคาแนะนาของครูผสู้ อน 3. ผสู้ อนแจง้ ให้ผเู้ รียนที่มีคะแนนหลงั เรียน ท่ีไมผ่ า่ นเกณฑข์ ้นั ต่า ปฏิบตั ิตามขอ้ แนะนาตาม เกณฑก์ ารประเมินผล 4. ผสู้ อนสรุปสาระสาคญั และตอบขอ้ สงสัย พร้อมแนะนาสิ่งท่ีเกี่ยวขอ้ งในการเรียนรู้คร้ังน้ี และแนะนาการเรียนรู้ในคร้ังต่อไป 6. ส่ือการเรียนการสอน สื่อการเรียนรู้ ใหค้ รูผสู้ อนและผเู้ รียนเลือกใชส้ ื่อประกอบการเรียนการสอนตามสภาพความ พร้อมของของตนเอง ดงั น้ี 6.1 ส่ือโสตทศั น์ 1) วดี ีทศั นใ์ นรูปแบบ DVD เร่ือง การสื่อสาขอ้ มูล ตอนท่ี 2 สาหรับผเู้ รียน ท่ีเรียนรู้จาก การฉายวดี ีทศั น์ 2) วดี ีทศั น์ทางไกลผา่ นดาวเทียม วงั ไกลกงั วล ตามตารางการออกอากาศ การส่ือสาขอ้ มูล ตอนที่ 2 สาหรับผเู้ รียนท่ีเรียนรู้ทางไกลผา่ นดาวเทียม
16 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังที่ 3 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การจัดการอาชพี หน่วยที่ 3 ช่ือหน่วย การส่ือสาขอ้ มลู ชั่วโมงรวม 2 ช.ม. 6.2 โสตทศั น์อปุ กรณ์ 1) เครื่องเล่น DVD พร้อม TV ที่มีช่องรับสญั ญาณ AV (AV IN) สาหรับผเู้ รียน ที่เรียนรู้ จากการฉายวดี ีทศั น์ 2) เคร่ืองรับสญั ญาณดาวเทียม ที่รับสัญญาณจากมูลนิธิการศึกษาทางไกลผา่ นดาวเทียมวงั ไกลกงั วล พร้อม TV ท่ีมีช่องรับสัญญาณ AV (AV IN) สาหรับผเู้ รียนท่ีเรียนรู้ทางไกลผา่ น ดาวเทียม 6.3 สื่อสิ่งพมิ พ์ 1) สาเนาสื่อโปรแกรมนาเสนอ PowerPoint เรื่อง การสื่อสาขอ้ มลู ตอนที่ 2 2) เอกสารประกอบการเรียนรู้ เช่น ใบความรู้ แบบทดสอบฯลฯ 6.4 สื่อบทเรียนอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 1) เครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ และเขา้ เวบ็ ไซต์ url: http://edltv.vec.go.th 2) เคร่ืองคอมพิวเตอร์พร้อมติดต้งั ระบบ edltv เพ่ือพฒั นาอาชีพ แบบออฟไลน์ สามารถเขา้ ใช้ งานและเรียนรู้ไดโ้ ดยตรง
17 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังท่ี 3 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ การจัดการอาชพี หน่วยท่ี 3 ช่ือหน่วย การส่ือสาขอ้ มลู ช่ัวโมงรวม 2 ช.ม. 7. การวดั ผลและประเมนิ ผล 7.1 ก่อนเรียนรู้ วธิ ีการวดั ผล - ทดสอบก่อนเรียนรู้ เคร่ืองมือวดั - แบบทดสอบก่อนเรียนรู้ 7.2 ระหว่างเรียนรู้ วธิ ีการวดั ผล - ประเมินพฤติกรรมรายบุคคล เครื่องมือวดั - แบบประเมินพฤติกรรมรายบุคคล 7.3 หลงั เรียน วธิ ีการวดั ผล - ทดสอบหลงั เรียนรู้ เคร่ืองมือวดั - แบบทดสอบหลงั เรียนรู้ 8. เกณฑ์การประเมินผล 8.1 เกณฑ์การวดั ผลสัมฤทธ์จิ ากแบบทดสอบและใบมอบงานมเี กณฑ์ดงั นี้ ร้อยละ 80-100 หมายถึง ผลการเรียนรู้ดีมาก ร้อยละ 70-79 หมายถึง ผลการเรียนรู้ดี ร้อยละ 60-69 หมายถึง ผลการเรียนรู้ปานกลาง ร้อยละ 50-59 หมายถึง ผลการเรียนรู้ผา่ นเกณฑข์ ้นั ต่า (ควรปรับปรุงดว้ ยการศึกษาทบทวน) ต่ากวา่ ร้อยละ 50 หมายถึง ผลการเรียนไมผ่ า่ นเกณฑ(์ ตอ้ งปรับปรุงและ เรียนซ่อมเสริมควรทดสอบการประเมินจนกวา่ จะผ่านข้นั ต่า) 8.2เกณฑ์การประเมนิ พฤตกิ รรมรายบุคคล 8-10 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมดี 5-7 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมพอใช้ ต่ากวา่ 5 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมท่ีตอ้ งปรับปรุง 8.3 เกณฑ์การตดั สิน
18 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังท่ี 3 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการจัดการอาชพี หน่วยที่ 3 ช่ือหน่วย การสื่อสาขอ้ มูล ชั่วโมงรวม 2 ช.ม. 2 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั ปฏิบตั ิสม่าเสมอ 1 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั ปฏิบตั ิบางคร้ัง 0 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั ไมป่ ฏิบตั ิ 8.4 เกณฑ์การประเมนิ 8 - 10 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมดี 5 - 7 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมพอใช้ ต่ากวา่ 5 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมที่ตอ้ งปรับปรุง 9. แหล่งการเรียนรู้เพม่ิ เติม - ประทีป ผลจนั ทร์งาม. วิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศเบือ้ งต้น .เอกสารประกอบการเรียนรู้. อดั สาเนา. เอกสารการพิมพว์ ทิ ยาลยั เทคนิคบา้ นคา่ ย. 2555. - สืบคน้ ขอ้ มูลจากแหล่งขอ้ มลู อื่นๆ ผา่ นเครือขายอินเทอร์เน็ต
19 6. เน้ือหา (ใบความรู้)
20 บทเรยี นท่ี 3 เรอื่ ง พืน้ ฐานการส่ือสารขอ้ มลู จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายรปู แบบการสอ่ื สารขอ้ มลู ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 2. แบ่งชนิดของสญั ญาณอเิ ลก็ ทรอนิกสไ์ ดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 3. จาแนกระบบการสอ่ื สารขอ้ มลู ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 4. อธบิ ายระบบการสอ่ื สารแบบอนาลอ็ กและการสอ่ื สารแบบดจิ ติ อลไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 5. จาแนกประเภททศิ ทางการส่อื สารขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 6. อธบิ ายการใชง้ านส่อื และอุปกรณ์รบั ส่งขอ้ มลู แต่ละชนิดไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง หวั ข้อเนื้อหา 1. บทนา 2. รปู แบบของการสอ่ื สารขอ้ มลู 3. ชนิดของสญั ญาณ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 4. รหสั ทใ่ี ชแ้ ทนขอ้ มลู ในการส่อื สาร 5. ระบบการสอ่ื สารอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 6. ทศิ ทางของการสอ่ื สารขอ้ มลู 7. ส่อื และอุปกรณ์รบั ส่งขอ้ มลู 8. สรปุ
21 บทเรียนท่ี 3 การส่ือสารข้อมลู ( Data Communication ) 3.5 ระบบสื่อสารอิเลก็ ทรอนิกส์ 3.5.1 การมอดเู ลต (Modulation) เป็นการผสมสญั ญาณของขอ้ มลู เขา้ ไปกบั สญั ญาณอกี สญั ญาณหน่งึ เรยี กว่า คล่นื พาห์ (carrier) ซง่ึ สญั ญาณน้มี คี วามถท่ี เ่ี หมาะกบั ชอ่ งสญั ญาณนนั้ ๆ เพ่อื ใหข้ อ้ มลู ทส่ี ่งเขา้ ไปใน ชอ่ งสญั ญาณเดนิ ทางไดไ้ กลมากขน้ึ การเลอื กวธิ มี อดเู ลตขน้ึ อยกู่ บั ปจั จยั หลายประการ เช่น ชนิด ของสญั ญาณ แบนดว์ ดิ ท์ ประสทิ ธภิ าพของระบบทต่ี อ้ งการ และความตา้ นทานต่อสญั ญาณรบกวน เป็นตน้ รปู ท่ี 3.6 รปู แบบของการสอ่ื สารในการรบั สง่ สญั ญาณ จากรปู ท่ี 2.6 แสดงรปู แบบของการส่อื สารในการรบั สง่ สญั ญาณอยา่ งง่าย โดยคล่นื พาหผ์ สม สญั ญาณขอ้ มลู ทต่ี วั มอดเู ลต (Modulator) แลว้ สง่ ไปทเ่ี ครอ่ื งส่ง จากเครอ่ื งส่งไปยงั เครอ่ื งรบั จะเป็น ชอ่ งสญั ญาณสาหรบั ลาเลยี งสญั ญาณผสมน้ี สญั ญาณผสมจากเครอ่ื งรบั จะไปเขา้ ตวั ดมี อดเู ลต (Demodulate) เพ่อื แยกสญั ญาณขอ้ มลู ออกมา 3.5.2 ระบบส่ือสารอนาลอ็ ก การสื่อสารอนาลอ็ ก เป็นระบบทอ่ี อกแบบใหส้ ่งขอ้ มลู สญั ญาณอนาลอ็ ก เช่น สญั ญาณเสยี ง แต่ไดม้ กี ารพฒั นาจนประยกุ ตใ์ หส้ ามารถส่งขา่ วสารไดด้ ว้ ยในปจั จบุ นั ปญั หาสาคญั สาหรบั การส่อื สารอนาลอ็ กกค็ อื เรอ่ื งสญั ญาณรบกวน แต่เน่อื งจากสญั ญาณในธรรมชาตทิ งั้ หมดเป็น
22 สญั ญาณ อนาลอ็ ก จงึ ยงั คงเหน็ การพฒั นาของการสอ่ื สารแบบอนาลอ็ กในปจั จุบนั เช่น การมอดเู ลต แอมพลจิ ดู (Amplitude Modulation หรอื AM) การมอดเู ลตความถ่ี (Frequency Modulation หรอื FM ) 3.5.3 ระบบสื่อสารดิจิตอล ในยคุ ทเ่ี รม่ิ มกี ารรบั สง่ ขอ้ มลู ระบบต่างๆ ทางานแบบอนาลอ็ กทงั้ หมด ต่อมาเมอ่ื เทคโนโลยี ทางดา้ นดจิ ติ อลไดก้ า้ วหน้าขน้ึ มา จงึ ไดเ้ รมิ่ มกี ารนาเทคโนโลยดี จิ ติ อลเขา้ ไปทดแทนแบบอนาลอ็ ก เดมิ ทงั้ การนาไปทดแทนทงั้ หมด เชน่ สรา้ งโครงขา่ ยชนิดใหม่ หรอื นาไปทดแทนบางส่วน เช่น โมเดม็ ทงั้ น้เี น่อื งจากขอ้ ดขี องสญั ญาณแบบดจิ ติ อลนนั่ เอง เช่น 1. ใหค้ ุณภาพการรบั ส่งขอ้ มลู ทเ่ี ท่ากนั หรอื ดกี ว่าอนาลอ็ ก 2. งา่ ยต่อการบารงุ รกั ษา 3. เพม่ิ เตมิ ปรบั ปรงุ หรอื เปลย่ี นแปลงความสามารถหรอื บรกิ ารของระบบไดง้ ่าย 4. มคี วามเรว็ ในการรบั ส่งขอ้ มลู สงู ทนต่อสญั ญาณรบกวนไดด้ ี 3.5.4 รปู แบบของการส่งผา่ นข้อมลู ดิจิตอล รปู แบบของสายสง่ สญั ญาณส่อื สารอาจประกอบดว้ ยสายสง่ ตงั้ แต่หน่งึ สายขน้ึ ไป ซง่ึ ทาให้ เกดิ ช่องทางการสง่ ขอ้ มลู ไดม้ ากกว่าหน่งึ ชอ่ งทาง รปู แบบของการสง่ ผา่ นขอ้ มลู สามารถแบ่งไดเ้ ป็น 2 รปู แบบคอื 1. การส่งผา่ นข้อมลู แบบขนาน (Parallel Transimission) ในรปู แบบการสง่ ผ่านขอ้ มลู ในลกั ษณะน้ที ุกบติ ทแ่ี ทนขอ้ มลู หน่งึ ตวั อกั ษร จะถกู ส่งผ่านไปตามสายสง่ หลายๆ สายขนานกนั ไป ดงั นนั้ ทุกบติ จะเดนิ ทางถงึ ผรู้ บั พรอ้ มๆ กนั และจานวนสายส่งเพอ่ื ใหเ้ กดิ ชอ่ งทางการส่งจะตอ้ งมี จานวนเท่ากบั จานวนบติ ทเ่ี ขา้ รหสั แทนตวั อกั ษรในแต่ละระบบ เชน่ การส่งผ่านขอ้ มลู ทเ่ี ขา้ รหสั แบบ ASCII กจ็ าเป็นตอ้ งใชช้ ่องทางการส่ง 8 ช่องทาง จงึ จะทาใหท้ กุ บติ วง่ิ ผ่านสายส่งขนานกนั ไปไดด้ งั รปู
23 ตน้ ทาง ปลายทาง รปู ท่ี 3.7 การส่งขอ้ มลู แบบขนาน จากรปู แสดงใหเ้ หน็ ว่าทกุ บติ ทเ่ี ขา้ รหสั ตวั อกั ษรตวั หน่งึ ๆ จะเดนิ ทางขนานกนั ไป โดยเรมิ่ จากตน้ ทางผ่านสายสง่ สญั ญาณทม่ี อี ยดู่ ว้ ยกนั 8 เสน้ ไปยงั ปลายทาง ดงั นนั้ ปลายทางจะไดร้ บั ทุก บติ ของตวั อกั ษรพรอ้ มๆ กนั การสง่ ผ่าน ขอ้ มลู แบบขนานน้ี ส่วนมากจะใชใ้ นการสง่ ผา่ นขอ้ มลู ใน ระยะใกล้ อนั ไดแ้ ก่การเคล่อื นยา้ ยขอ้ มลู ระหวา่ งเครอ่ื งคอมพวิ เตอรก์ บั อุปกรณ์รอบขา้ งของมนั เช่น ระหว่างเครอ่ื งคอมพวิ เตอรก์ บั เครอ่ื งพมิ พ์ เพราะสามารถทาไดด้ ว้ ยความเรว็ สงู และถา้ นาไปใชใ้ น ระยะไกลๆ จะตอ้ งเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยสงู เน่อื งจากตอ้ งใชส้ ายสง่ เท่ากบั จานวนบติ ทใ่ี ชเ้ ขา้ รหสั แทนขอ้ มลู ตวั อกั ษร 2. การส่งผา่ นข้อมลู แบบอนุกรม (Serial Transimission) รปู แบบการสง่ ผ่านขอ้ มลู ใน ลกั ษณะน้ที กุ บติ ทเ่ี ขา้ รหสั แทนขอ้ มลู หน่งึ ตวั อกั ษรจะถูกสง่ ผา่ นไปตามสายส่งเรยี งลาดบั กนั ไปทลี ะ บติ ในสายสง่ เพยี งเสน้ เดยี ว ดงั รปู
ตน้ ทาง 24 ปลายทาง รปู ท่ี 3.8 การสง่ ขอ้ มลู แบบอนุกรม จากรปู ตวั อกั ษรจะประกอบดว้ ย 8 บติ เรยี งเป็นลาดบั ขอ้ มลู จะถกู สง่ ออกมาทลี ะบติ ระหวา่ ง ตน้ ทาง และปลายทาง และปลายทางจะรวบรวมบติ เหลา่ น้ที ลี ะบติ จนครบ 8 บติ เป็น 1 ตวั อกั ษร จะ เหน็ ว่าการส่งขอ้ มลู แบบน้ีจะชา้ กว่าแบบขนาน แต่คา่ ใชจ้ า่ ยจะถกู กว่าแบบขนาน ซง่ึ เหมาะสาหรบั การส่งระยะทางไกลๆ โดยทวั่ ไปแลว้ การสง่ ขอ้ มลู นนั้ จะประกอบไปดว้ ยกลุ่มของตวั อกั ษร ดงั นนั้ ในการสง่ ขอ้ มลู แบบอนุกรมน้ีจงึ เกดิ ปญั หาขน้ึ ว่า แลว้ ตน้ ทางและปลายทางจะทราบไดอ้ ยา่ งไรว่า จะแบง่ แต่ละ ตวั อกั ษรตรงบติ ใด จงึ เกดิ วธิ กี ารส่อื สารขอ้ มลู ขน้ึ 2 แบบคอื การสอ่ื สารแบบอะซงิ โคนสั (Asynchronous Transmission) และการส่อื สารแบบซงิ โคนสั (Synchronous Transmission 2.1 การส่ือสารแบบอะซิงโคนัส (Asynchronous Transmission) การส่อื สาร แบบอะซงิ โคนสั หรอื เรยี กอกี อยา่ งหน่งึ ว่าเป็น การส่อื สารแบบระบจุ ุดเรมิ่ ตน้ และจดุ สน้ิ สุด (Start- Stop Transmission) ลกั ษณะของสญั ญาณทใ่ี ชใ้ นการตดิ ต่อสอ่ื สารกนั จะประกอบไปดว้ ย บติ เรมิ่ ตน้ (start bit) บติ ของขอ้ มลู ทส่ี ่อื สาร (transmission data) จานวน 8 บติ บติ ตรวจขอ้ ผดิ พลาด(parity bit) และบติ สน้ิ สุด (stop bit) สาหรบั บติ ตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดจะใชห้ รอื ไมใ่ ชก้ ไ็ ด้ ดงั นนั้ สญั ญาณจงึ ตอ้ งประกอบดว้ ยส่วนประกอบอยา่ งน้อย 3 สว่ น ดงั รปู
25 รปู ท่ี 3.9 การสอ่ื สารแบบอะซงิ โคนสั ทไ่ี มไ่ ดใ้ ชพ้ ารตี บ้ี ติ รปู ท่ี 3.10 การสอ่ื สารแบบอะซงิ โคนสั ทใ่ี ชพ้ ารตี บ้ี ติ จากรปู จะเหน็ ว่าขณะทไ่ี ม่มขี อ้ มลู ส่งออกมาสถานะของการส่งจะเป็นแบบว่าง (Idle) ซง่ึ จะมี ระดบั ของสญั ญาณเป็น 1 ตลอดเวลา เพอ่ื ความแน่ใจว่าปลายทาง หรอื ฝา่ ยรบั ยงั คงตดิ ต่อกบั ตน้ ทาง หรอื ฝา่ ยสง่ อยู่ เมอ่ื เรม่ิ จะสง่ ขอ้ มลู สญั ญาณของอะซงิ โคนสั จะเป็น 0 หน่งึ ช่วงสญั ญาณนาฬกิ า ซง่ึ บติ น้เี ราเรยี กวา่ บติ เรมิ่ ตน้ ตามหลงั ของบติ เรม่ิ ตน้ จะเป็นบติ ขอ้ มูลสาหรบั 1 ตวั อกั ษร ตามหลงั บติ ขอ้ มลู กจ็ ะเป็นบติ ตรวจขอ้ ผดิ พลาด แลว้ จะตามดว้ ยบติ สน้ิ สุด ถา้ ไมใ่ ช่บติ ตรวจขอ้ ผดิ พลาด ตามหลงั บติ ขอ้ มลู กจ็ ะเป็นบติ สน้ิ สุดเลย หลงั จากนนั้ ถา้ ไมม่ ขี อ้ มลู สง่ ออกมาสญั ญาณจะกลบั ไปอยทู่ ่ี สถานะแบบวา่ งอกี เพอ่ื รอการสง่ ขอ้ มลู ต่อไป จะเหน็ ว่าการสอ่ื สารแบบอะซงิ โคนสั น้ี มลี กั ษณะเป็นไปทลี ะตวั อกั ษร และสญั ญาณทส่ี ่งออก มา มบี างสว่ นเป็นบติ เรมิ่ ต้น บติ สน้ิ สดุ และบติ ตรวจขอ้ ผดิ พลาด ทาใหค้ วามเรว็ ในการสง่ ขอ้ มลู ต่อ วนิ าทนี ้อยลงไป เน่อื งจากตอ้ ง สญู เสยี ชอ่ งทางการสอ่ื สารใหก้ บั บติ เรม่ิ ตน้ บติ สน้ิ สุด และบติ ตรวจ ขอ้ ผดิ พลาด (ถา้ มใี ช)้ ตลอดเวลา การส่อื สาร แบบอะซงิ โคนสั น้ีมกั ใชใ้ นการตดิ ต่อระหวา่ ง คอมพวิ เตอรก์ บั อุปกรณ์รอบขา้ ง 2.2 การส่ือสารแบบซิงโคนัส (Synchronous Transmission) การส่อื สารแบบซงิ โคนสั จะทาการจดั กลุ่มของขอ้ มลู เป็นกลุ่มๆ และทาการส่งขอ้ มลู ทงั้ กลมุ่ ไปพรอ้ มกนั ในทเี ดยี ว เรา เรยี กกลุ่มของขอ้ มลู น้วี ่า บลอ็ กของขอ้ มลู (Block of Data) ซง่ึ ตวั อกั ษรตวั แรก และตวั ถดั ไปทอ่ี ยใู่ น บลอ็ กเดยี วกนั จะไมม่ อี ะไรมาคนั่ เหมอื นอยา่ งแบบอะซงิ โคนสั ทต่ี อ้ งใชบ้ ติ เรม่ิ ตน้ และบติ สน้ิ สุดคนั่ ทุกๆ ตวั อกั ษร แต่จะมขี อ้ มลู เรม่ิ ตน้ ซง่ึ เป็นลกั ษณะของบติ พเิ ศษทส่ี ่งมาเพ่อื ใหร้ วู้ า่ นนั้ คอื จดุ เรมิ่ ตน้ ของกลุม่ ตวั อกั ษรทก่ี าลงั ส่งเรยี งกนั เขา้ มา เช่น อกั ขระซงิ (SYN character) โดยทอ่ี กั ขระซงิ มี รปู แบบบติ คอื 00010110 ตวั อยา่ งของการส่งแสดงไดด้ งั รปู
26 รปู ท่ี 3.11 จากรปู เมอ่ื ลายทางตรวจพบอกั ขระซงิ หรอื 00010110 แลว้ จะทราบไดท้ นั ทวี ่าบติ ทต่ี ามมา คอื บติ ตวั อกั ษรแต่ละตวั แตก่ ารใชอ้ กั ขระซงิ เพยี งตวั เดยี วอาจเกดิ ขอ้ ผดิ พลาดได้ เช่น ถา้ เราส่ง ตวั อกั ษร b และตวั อกั ษร a ตดิ ต่อกนั ไป ซง่ึ ตวั อกั ษร b มรี ปู แบบบติ คอื 01100010 และตวั อกั ษร a มรี ปู แบบบติ คอื 01100001 การสง่ จะแสดงไดด้ งั รปู รปู ท่ี 3.12 จะเหน็ ว่าเครอ่ื งปลายทางจะตรวจพบอกั ขระซงิ ระหวา่ งบติ ของตวั อกั ษร b และตวั อกั ษร a ทาใหเ้ ขา้ ใจว่าบติ ต่อไปจะเป็นบติ ของกลมุ่ ขอ้ มลู ซง่ึ จะทาใหก้ ารรบั ขอ้ มลู นนั้ เกดิ ผดิ พลาดขน้ึ ได้ ดงั นนั้ จงึ แกป้ ญั หาดว้ ยการใชอ้ กั ขระซงิ 2 ตวั ต่อกนั เป็นลกั ษณะของบติ พเิ ศษทบ่ี อกใหท้ ราบว่าเป็น จดุ เรม่ิ ตน้ บติ ของกลุ่มขอ้ มลู ตวั อยา่ งของการใชอ้ กั ขระซงิ 2 ตวั ในการส่อื สารแบบซงิ โคนสั และการ ตดั แถวของบติ ขอ้ มลู ออกเป็นกลุม่ ทลี ะ 8 บติ เพ่อื แทนขอ้ มลู แสดงไดด้ งั รปู รปู ท่ี 3.13 แสดงตวั อยา่ งการใชอ้ กั ขระซงิ 2 ตวั ในการสอ่ื สารแบบซงิ โคนสั
27 รปู ท่ี 3.14 การส่งผ่านขอ้ มลู แบบซงิ โคนสั รปู ท่ี 3.15 การสง่ ผ่านขอ้ มลู แบบอะซงิ โคนสั จากรปู ท่ี 2.14 แสดงใหเ้ หน็ วา่ การส่งผา่ นขอ้ มลู แบบซงิ โคนสั นนั้ ส่วนมากแลว้ ตลอดทาง ของสายสง่ จะใชส้ ่งผ่านขอ้ มลู เตม็ ตลอดทงั้ สาย สว่ นรปู ท่ี 2.15 แสดงใหเ้ หน็ ว่าการสง่ ผา่ นขอ้ มลู แบบอะซงิ โคนสั นนั้ สายส่งจะขาดความต่อเน่อื งของสญั ญาณขอ้ มลู ทส่ี ง่ ผ่าน หรอื ถา้ มสี ญั ญาณขอ้ มลู ทส่ี ง่ ผ่านต่อเน่อื งกนั เตม็ ตลอดทงั้ สายแลว้ กจ็ ะสญู เสยี ช่องทางในการสง่ ไปกบั การส่งบติ เรม่ิ ตน้ และ บติ สน้ิ สุดของแต่ละตวั อกั ษร 3.6 ทิศทางของการส่ือสารข้อมูล สามารถแบ่งทศิ ทางการสอ่ื สารของขอ้ มลู ไดเ้ ป็น 3 แบบ คอื 1. แบบทิศทางเดียว (Simplex) เป็นทศิ ทางการสอ่ื สารขอ้ มลู แบบทข่ี อ้ มลู จะถกู สง่ จาก ทศิ ทางหน่งึ ไปยงั อกี ทศิ ทางโดยไมส่ ามารถส่งขอ้ มลู ยอ้ นกลบั มาได้ เชน่ ระบบวทิ ยุ หรอื โทรทศั น์ รปู ท่ี 3.16 2. แบบกึ่งสองทิศทาง (Half Duplex) เป็นทศิ ทางการสอ่ื สารขอ้ มลู แบบทข่ี อ้ มลู สามารถ สง่ กลบั กนั ได้ 2 ทศิ ทาง แต่จะไมส่ ามารถส่งพรอ้ มกนั ได้ โดยตอ้ งผลดั กนั ส่งครงั้ ละทศิ ทางเทา่ นนั้ เช่น วทิ ยสุ ่อื สารแบบผลดั กนั พดู
28 รปู ท่ี 3.17 3. แบบสองทิศทาง (Full Duplex) เป็นทศิ ทางการสอ่ื สารขอ้ มลู แบบทข่ี อ้ มลู สามารถส่ง พรอ้ ม ๆ กนั ไดท้ งั้ 2 ทศิ ทาง ในเวลาเดยี วกนั เชน่ ระบบโทรศพั ท์ รปู ท่ี 3.18 3.7 ส่ือและอปุ กรณ์รบั ส่งข้อมลู ในระบบเครอื ขา่ ยจะตอ้ งมสี ่อื ทใ่ี ชใ้ นการเช่อื มต่อสถานงี านต่างๆ ในเครอื ขา่ ยเขา้ ดว้ ยกนั เพ่อื สง่ ขอ้ มลู ซง่ึ ส่อื เหลา่ น้จี ะมหี ลายแบบใหเ้ ลอื กใช้ โดยแต่ละแบบเองกจ็ ะมจี ดุ เดน่ จดุ ดอ้ ยแตกต่าง กนั ออกไปตามแต่ว่าจะพจิ ารณาโดยยดึ ราคา หรอื ศกั ยภาพเป็นเกณฑ์ สอ่ื ทใ่ี ชใ้ นการส่งขอ้ มลู (Transmission media) แบง่ ไดเ้ ป็น 3 ประเภทคอื 1. ประเภทมสี าย ไดแ้ ก่ สายคไู่ ขว้ (Wire pair หรอื Twisied pair หรอื สายโทรศพั ท)์ , สาย โคแอกเชยี ล(Coaxial Cables), เสน้ ใยแกว้ นาแสง หรอื ไฟเบอรอ์ อฟตกิ ส์ (Fiber optics) 2. ประเภทไมม่ สี าย ไดแ้ ก่ ไมโครเวฟ (Microwave) ดาวเทยี ม (Satellite Tranmission) ระบบอ่นื ๆ ไดแ้ ก่ ระบบวทิ ยุ (Radio Transmission), ระบบอนิ ฟาเรด (Infrared Transmission) และ ระบบโทรศพั ทเ์ คลอ่ื นท่ี (Cellular Transmission) 2.7.1 ประเภทมีสาย 1. สายค่ตู ีเกลียว (Twisted-Pair Cable) เป็นสายทม่ี รี าคาถูกทส่ี ุด ประกอบดว้ ยสาย ทองแดงทม่ี ฉี นวนหุม้ 2 เสน้ นามาพนั กนั เป็นเกลยี ว จะใชก้ นั แพรห่ ลายในระบบโทรศพั ท์ ความเรว็ ในการส่งขอ้ มลู 10 Mbps สง่ ไดใ้ นระยะทาง 1 mile สายค่ตู เี กลยี วสามารถแบ่งไดเ้ ป็น 2 ชนดิ คอื
29 1.1 สายคตู่ เี กลยี วแบบไมม่ ชี ลิ ด์ (Unshielded Twisted-Pair : UTP) เป็นสาย เคเบลิ ทถ่ี ูกรบกวนจากภายนอกไดง้ า่ ย แต่กม็ คี วามยดื หยนุ่ ในการใชง้ านสูงและราคาไมแ่ พง รปู ท่ี 3.19 แสดงสายค่ตู เี กลยี วแบบไม่มชี ลิ ด์ 1.2 สายค่ตู เี กลยี วแบบมชี ลิ ด์ (Shielded Twisted-Pair : STP) เป็นสายทม่ี ี ปลอกหุม้ อกี รอบเพอ่ื ป้องกนั สญั ญาณรบกวนจากภายนอก จงึ ทาใหส้ ายเคเบลิ ชนิดน้สี ามารถใชใ้ น การเชอ่ื มต่อในระยะไกลไดม้ ากขน้ึ แต่ราคาแพงกว่าแบบ UTP รปู ท่ี 3.20 แสดงสายค่ตู เี กลยี วแบบมชี ลิ ด์ ข้อดีและข้อเสียของสายค่ตู ีเกลียว ข้อดี 1.ราคาถูก 2.มคี วามยดื หยุ่นในการใชง้ าน 3.ตดิ ตงั้ งา่ ยและมนี ้าหนกั เบา ข้อเสีย 1.ถูกรบกวนจากสญั ญาณภายนอกไดง้ า่ ย 2. ระยะทางจากดั
30 เป็นสายทม่ี รี าคาถกู ทส่ี ุด สายค่บู ดิ เกลยี วแบบไม่มชี ลี ต์ (UTP) ซง่ึ ใชใ้ นการเดนิ สายโทรศพั ทแ์ ละใชใ้ นระบบเครอื ขา่ ยระยะใกลส้ ว่ นมาก ส่วน สายบดิ เกลยี วแบบมชี ลี ต์ (STP) จะมี ฉนวนโลหะหุม้ อยภู่ ายนอก ทาใหส้ ามารถป้องกนั สญั ญาณรบกวนไดด้ ขี น้ึ ตวั อยา่ งเช่นระบบ สายโทรศพั ท์ สายค่บู ดิ เกลยี วตามมาตรฐาน EIA/ITA-568 สามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 5 ประเภทคอื 1. Category 1 เป็นสาย UTP ทใ่ี ชใ้ นระบบสายโทรศพั ทแ์ บบดงั้ เดมิ เหมาะสาหรบั สง่ สญั ญาณเสยี งไมเ่ หมาะกบั การส่งขอ้ มลู 2. Category 2 เป็นสาย UTP ซง่ึ เหมาะกบั การสง่ ขอ้ มลู ไดส้ งู ถงึ 4 เมกะบติ ต่อวนิ าที 3. Category 3 เป็นสาย ซง่ึ สามารถส่งขอ้ มลู ไดส้ งู สดุ ถงึ 10 เมกะบติ ต่อวนิ าที มกี าร ใชง้ านมากในระบบ token ring แบบ 4 Mbits/sec และ 10 Base-T 4. Category 4 เป็นสาย ซง่ึ สามารถสง่ ขอ้ มลู ไดส้ งู สุดท่ี 16 เมกะบติ ต่อวนิ าที มใี ชใ้ น ระบบ token ring แบบ 16 Mbits/sec 5. Category 5 เป็นสาย ทเ่ี หมาะกบั การส่งขอ้ มลู ไดถ้ งึ 100 เมกะบติ ต่อวนิ าที มใี ชใ้ น ระบบเครอื ขา่ ยความเรว็ สงู รนุ่ ใหม่ ๆ เช่น Fast Ethernet และ ATM (Asynchronous Transfer Mode) 2. สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable) สายโคแอกเชยี ลเป็นสายสญั ญาณอกี แบบหน่งึ จะประกอบดว้ ยลวดทองแดงอยตู่ รงกลาง หุม้ ดว้ ยฉนวนพลาสตกิ 1 ชนั้ แลว้ จงึ หมุ้ ดว้ ยทองแดงทถ่ี กั เป็นแผน่ แลว้ หมุ้ ภายนอกอกี ชนั้ หน่ึงดว้ ยฉนวน สามารถป้องกนั การรบกวนของคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า และสญั ญาณรบกวนอ่นื ๆ ใชใ้ นระบบโทรทศั น์ ความเรว็ ในการสง่ ขอ้ มลู 350 Mbps ส่งไดใ้ น ระยะทาง 2-3 mile เป็นสายส่อื สารทส่ี ามารถสง่ ขอ้ มลู ไกลกวา่ สายแบบคบู่ ดิ เกลยี ว แต่มขี อ้ เสยี คอื ราคาสงู กวา่ สายโคแอกจะสามารถสง่ ขอ้ มลู ไดท้ งั้ แบบเบสแบนดแ์ ละบรอดแบรนด์ พบการใชง้ าน ไดม้ ากจากสายเคเบลิ ทวี ี Coaxial Cable เป็นสายเคเบลิ ทน่ี ยิ มใชใ้ นระบบเครอื ขา่ ย เน่อื งจากมี ราคาถูก น้าหนกั เบา มคี วามอ่อนตวั และงา่ ยในการเดนิ สาย มตี าขา่ ยถกั เพอ่ื คอยป้องกนั สญั ญาณ รบกวน รปู ท่ี 3.21 แสดงสายสญั ญาณ Coaxial แบบ Thinnet
31 สายแบบบาง (Thinnet) เป็นสายโคแอค็ เชยี ลทม่ี คี วามอ่อนตวั และมคี วามหนาประมาณ 0.64 เซนตเิ มตร มคี วามตา้ นทานกระแสไฟฟ้าประมาณ 50 โอหม์ ระยะทางทส่ี ามารถใชส้ ายไดอ้ ยู่ ในช่วงระหว่าง 185 เมตร (607 ft.) รปู ท่ี 3.22 แสดงสายสญั ญาณ Coaxial แบบ Thickne สายแบบหนา (Thicknet) เป็นสายโคแอค็ เชยี ลทม่ี ขี นาดของแกนทองแดง ทใ่ี ชใ้ นการ นาสญั ญานขนาดใหญ่กวา่ Thinnet โดยมเี สน้ ผา่ ศูนยก์ ลางประมาณ 1.27 เซนตเิ มตร ทาใหส้ ามารถ ส่งขอ้ มลู ไดไ้ กลกว่าสายแบบบาง ระยะทางทส่ี ามารถใชส้ ายไดอ้ ยใู่ นช่วงระหวา่ ง 500 เมตร (1,640 ft.) ข้อดีและข้อเสียของสายโคแอกเชียล ข้อดี 1. ราคาถกู 2. มคี วามยดื หยนุ่ ในการใชง้ าน 3. ตดิ ตงั้ งา่ ย และมนี ้าหนกั เบา ข้อเสีย 1. ถูกรบกวนจากสญั ญาณภายนอกไดง้ า่ ย 2. ระยะทางจากดั 3. สายใยแก้วนาแสง (Fiber Optic Cable) ประกอบดว้ ยเสน้ ใยทท่ี ามาจากใยแกว้ 2 ชนิด ชนดิ หน่งึ จะอย่ทู แ่ี กนกลาง ส่วนอกี ชนิดหน่งึ อยทู่ ด่ี า้ นนอก ซง่ึ ใยแกว้ ทงั้ สองจะมดี ชั นกี าร สะทอ้ นแสงต่างกนั ทาใหแ้ สงซง่ึ ถกู สง่ ออกมาจากปลายดา้ นหน่งึ สามารถส่งผ่านไปอกี ดา้ นหน่งึ ได้ ใชส้ าหรบั ส่งขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการความเรว็ สงู มขี อ้ มลู ทต่ี อ้ งการส่งเป็นจานวนมาก และอยใู่ น สภาพแวดลอ้ มทม่ี สี ญั ญาณไฟฟ้ารบกวนมาก ความเรว็ ในการสง่ ขอ้ มลู 1 Gbps ระยะทางในการส่ง ขอ้ มลู 20-30 mile
32 รปู ท่ี 3.23 สายใยแกว้ นา ข้อดีข้อเสียของสายใยแก้วนาแสง ข้อดี 1. สง่ ขอ้ มลู ดว้ ยความเรว็ สงู 2. ไมม่ กี ารรบกวนทางแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า 3. ส่งขอ้ มลู ไดใ้ นปรมิ าณมาก ข้อเสีย 1. มรี าคาแพงกว่าสายสง่ ขอ้ มลู แบบสายคตู่ เี กลยี วและโคแอกเชยี ล 2. ตอ้ งใชค้ วามชานาญในการตดิ ตงั้ 3. มคี า่ ใชจ้ า่ ยในการตดิ ตงั้ สูงกวา่ สายค่ตู เี กลยี วและโคแอกเชยี ล
33 ตารางท่ี 3.1 เปรยี บเทยี บการใชง้ านสายเคเบลิ ชนดิ ต่าง ตารางของสายนาสญั ญาณชนิดต่างๆ สายนา ราคา การติดตงั้ สญั ญาณ ระยะทา สญั ญาณ ง รบกวน สญั ญาณ 185 m น้อยกวา่ UTP Coaxial น้อยกว่า STP งา่ ย 10 500 m น้อยกว่า UTP Thinnet Mbp/Typical Coaxial มากกว่า STP งา่ ย 10 Thicknet น้อยกวา่ Fiber Mbp/Typical Optic (STP) มากกวา่ UTP งา่ ย 16 100 m น้อยกวา่ UTP Shielded น้อยกวา่ Mbp/Typical Typical Twisted-Pair Thicknet up to 500 Mbps (UTP) 10 Unshielded ต่า งา่ ย Mbp/Typical 100 m สงู Twisted-Pair up to 100 Typical Mbps Fiber-Opic สงู ยาก 100 10 km ไมม่ ี Mbp/Typical 2.7.2 ประเภทไม่มีสาย 1. ระบบไมโครเวฟ (Microwave System) กลไกของการสอ่ื สารและรบั สญั ญาณของ ไมโครเวฟใชจ้ านสะทอ้ นรปู พาลาโบลา เป็นระบบทใ่ี ชว้ ธิ สี ่งสญั ญาณทม่ี คี วามถส่ี งู กว่าคลน่ื วทิ ยเุ ป็น ทอดๆ จากสถานีหน่งึ ไปยงั อกี สถานหี น่งึ และสญั ญาณของไมโครเวฟจะเดนิ ทางเป็นเสน้ ตรง ดงั นนั้ สถานจี ะตอ้ งพยายามอยใู่ นทส่ี งู ๆ สถานีหน่งึ ๆ จะ ครอบคลุมพน้ื ทท่ี ร่ี บั สญั ญาณได้ 30-50 กม. ความเรว็ ในการส่งขอ้ มลู 200-300 Mbps ระยะทาง 20-30 mile และยงั ขน้ึ อยกู่ บั ความสงู ของเสา สญั ญาณดว้ ย
34 รปู ท่ี 4.15 ระบบไมโครเวฟ ข้อดีและข้อเสียของระบบไมโครเวฟ ข้อดี 1. ใชใ้ นพน้ื ทซ่ี ง่ึ การเดนิ สายกระทาไดไ้ มส่ ะดวก 2. ราคาถกู กวา่ สายใยแกว้ นาแสงและดาวเทยี ม 3. ตดิ ตงั้ งา่ ยกว่าสายใยแกว้ นาแสงและดาวเทยี ม 4. อตั ราการสง่ ขอ้ มลู สงู ข้อเสีย สญั ญาณจะถูกรบกวนไดง้ า่ ยจากคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า จากธรรมชาติ เชน่ พายุ หรอื ฟ้าผ่า 2. ระบบดาวเทียม (Satellite System) ใชห้ ลกั การคลา้ ยกบั ระบบไมโครเวฟ ในส่วน ของการยงิ สญั ญาณจากแต่ละสถานีต่อกนั ไปยงั จดุ หมายทต่ี อ้ งการ โดยอาศยั ดาวเทยี มทโ่ี คจรอยู่ รอบโลก ขนั้ ตอนในการสง่ สญั ญาณมี ทงั้ หมด 3 ขนั้ ตอนคอื 2.1 สถานีตน้ ทางจะสง่ สญั ญาณขน้ึ ไปยงั ดาวเทยี ม เรยี กวา่ สญั ญาณเช่อื มต่อขาขน้ึ (Up-Link) 2.2 ดาวเทยี มจะตรวจสอบตาแหน่งสถานีปลายทาง หากอยนู่ อกเหนือขอบเขต สญั ญาณจะส่งต่อไปยงั ดาวเทยี มทค่ี รอบคลุมสถานีปลายทางนนั้ 2.3 หากยใู่ นขอบเขตพน้ื ทท่ี ค่ี รอบคลุมจะทาการส่งสญั ญาณไปยงั สถานลี ายทาง เรยี กว่าสญั ญาณเชอ่ื มต่อขาลง (Down-Link) อตั ราเรว็ ในการส่ง 1-2 Mbps รปู ท่ี 4.16 ระบบดาวเทยี ม
35 ข้อดีและข้อเสียของระบบดาวเทียม ข้อดี 1. ส่งสญั ญาณครอบคลุมไปยงั ทุกจดุ ของโลกได้ 2. ค่าใชจ้ า่ ยในการใหบ้ รกิ ารส่งขอ้ มขู องระบบดาวเทยี มไมข่ น้ึ อยกู่ บั ระยะทางทห่ี ่างกนั ของ สถานพี น้ื ดนิ ข้อเสีย มเี วลาหน่วง (Delay Time) ในการส่งสญั ญาณ 3. ระบบวิทยุ (Radio Transmission) จะใชค้ ล่นื วทิ ยใุ นการสง่ ผ่านขอ้ มลู ระหวา่ ง คอมพวิ เตอร์ จะมปี ญั หากบั การขออนุใชค้ ลน่ื ความถ่ี 4. ระบบอินฟราเรด (Infrared Transmission) ใชเ้ ทคโนโลยเี ช่นเดยี วกบั remote control ของเครอ่ื งรบั โทรทศั น์ จะมขี อ้ จากดั ทต่ี อ้ งใชง้ านเป็นเสน้ ตรง ระหว่างเครอ่ื งรบั และ เครอ่ื งส่ง รวมทงั้ ไมอ่ าจมสี งิ่ กดี ขวางดว้ ย 5. โทรศพั ทเ์ คลื่อนท่ี (Cellular Transmission) จะอาศยั การสง่ สญั ญาณของ โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นทใ่ี นการส่งผา่ นขอ้ มลู 3.8 สรปุ การส่อื สารขอ้ มลู จะมลี กั ษณะตามสญั ญาณไฟฟ้าคอื การส่อื สารแบบอนาลอ็ กและการ ส่อื สารแบบดจิ ติ อล ซง่ึ การส่อื สารทงั้ สองแบบสามารถสอ่ื สารรว่ มกนั ได้ โดยการออกแบบตาม ลกั ษณะของการใชง้ าน เป็นการผสมผสานระหว่างแบบดจิ ติ อลและแบบอนาลอ็ กเพ่อื ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สุดต่อระบบการส่อื สารขอ้ มลู
36 แบบฝึ กหดั 1. ใหอ้ ธบิ ายรปู แบบการสอ่ื สารขอ้ มลู อยา่ งพอสงั เขป …………………………………………………………………………………………………………… …………….……………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ….………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………….…… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………….……………… …………………………………………………………………………………………………………… 2. แบ่งชนิดของสญั ญาณอเิ ลก็ ทรอนิกสม์ กี ่ชี นิดอะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………………… …………….……………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ….………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………….…… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………….……………… …………………………………………………………………………………………………………… 3. จาแนกระบบการส่อื สารขอ้ มลู มกี แ่ี บบอะไรบา้ งพรอ้ มอธบิ ายแต่ละแบบ …………………………………………………………………………………………………………… …………….……………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ….………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………….…… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………….……………… …………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………….……………………………
37 4. อธบิ ายระบบการส่อื สารแบบอนาลอ็ กและการสอ่ื สารแบบดจิ ติ อลพอสงั เขป …………………………………………………………………………………………………………… …………….……………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ….………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………….…… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………….……………… …………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………….…………………………… 5. จาแนกประเภททศิ ทางการสอ่ื สารขอ้ มลู ไดก้ แ่ี บบอะไรบา้ งพรอ้ มอธบิ ายแต่ละประเภท …………………………………………………………………………………………………………… …………….……………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ….………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………….…… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………….……………… …………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………….…………………………… 6. อธบิ ายการใชง้ านสอ่ื และอุปกรณ์รบั ส่งขอ้ มลู แต่ละชนดิ พอสงั เขป …………………………………………………………………………………………………………… …………….……………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ….………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………….…… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………….……………… …………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………….……………………………
38 7. ส่ือประกอบการสอน
39 ครงั้ ท่ี 4 หน่วยท่ี 3 การส่ือสารขอ้ มลู ตอนที่ 2
40 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายทิศทางการส่ือสารขอ้ มลู ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 2. จาํ แนกทิศทางการส่ือสารขอ้ มลู ไดถ้ กู ตอ้ ง 3. จําแนกส่ือและอุปกรณร์ บั ส่งขอ้ มลู ไดอ้ ย่าง ถกู ตอ้ ง หวั ขอ้ การเรียน 1. สื่อและอุปกรณร์ บั ส่งขอ้ มลู
41 ความคิดรวบยอด การสื่อสารขอ้ มูลจะมีลกั ษณะตามสญั ญาณไฟฟ้ า คือ การสื่อสารแบบอนาล็อกและการสื่อสารแบบ ดิจิตอล ซึ่งการส่ือสารทงั้ สองแบบสามารถสื่อสาร ร่วมกนั ได้ โดยการออกแบบตามลกั ษณะของการใช้ งาน เป็ นการผสมผสานระหว่างแบบดิจิตอลและแบบ อนาล็อกเพ่ือใหเ้ กิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อระบบการ ส่ือสารขอ้ มลู 1. สื่อและอุปกรณร์ บั ส่งขอ้ มลู
42 Transmission Media Overview Type Of Media Cable Media Wireless Media Media Comparison สื่อส่งขอ้ มลู หมายถึง ส่ือ (Media) ท่ีเป็ นตวั กลางและอนุญาตใหข้ อ้ มูล/สารสนเทศ ผ่านจากจุดส่งถึงผู้รับในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือระหว่าง คอมพิวเตอรใ์ นระบบเครือข่ายหน่ึงไปยงั อีกเครือข่ายหนึ่ง ปริมาณของ ขอ้ มูลที่ช่องทางการส่ือสารสามารถนําไปไดน้ ้ัน เรียกว่า ความจุของ ช่องทางการสื่อสาร หรือ แบนดว์ ิดธ์ (Bandwidth) ซึ่งนบั เป็ นจาํ นวนบิต (Bits) ต่อ 1 วินาที (bits per second : bps)
43 ส่ือส่งขอ้ มลู พ้ืนฐาน การส่ือสารขอ้ มลู ผ่านโทรศพั ท์ (on-line) การส่ือสารขอ้ มูลผ่านส่ือบนั ทึก (off-line) Type of Media ประเภทของตวั กลาง อุปกรณแ์ ม่เหล็ก (Magnetic Media) Magnetic Tape / Magnetic Disc ตวั กลางใชส้ าย (Cable Media) Telephone Line / Twisted pair / Coaxial Cable / Fiber Optic ตวั กลางไรส้ าย (Wireless Media) Microwave / Satellite / Radio Link / . . .
44 Magnetic Media ส่ืออุปกรณแ์ ม่เหล็ก เทปแม่เหล็ก [ Magnetic Type ] จานแม่เหล็ก [ Magnetic Disc ] Magnetic Media ส่ืออุปกรณแ์ ม่เหล็ก เป็ นการส่งขอ้ มูลโดยการบนั ทึกขอ้ มูลลงบนเทปแม่เหล็ก หรือจานแม่เหล็ก แลว้ นําส่ือเหล่าน้ีส่งไปยงั ปลายทางซ่ึง จะอ่านขอ้ มูลกลบั เขา้ มาส่คู อมพิวเตอรอ์ ีกครง้ั เ ป็ น วิ ธี ง่ า ย ๆ แ ล ะ มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ดี พ อ ส ม ค ว ร โดยเฉพาะกบั งานที่มีความตอ้ งการส่งขอ้ มูลเป็ นจาํ นวน มากๆ หรืองานที่พิจารณาถึงค่าใชจ้ ่ายส่งต่อบิตเป็ น ปัจจยั หลกั คือเป็ นวิธีที่ประหยดั ค่าใชจ้ ่ายที่สดุ เหมาะสมกบั งานลกั ษณะออฟไลน์ (Offline)
45 Cable Media สายเคเบ้ิล สายเคเบ้ิล (Cable Media) ถือเป็ นสื่อ พ้ืนฐานในการส่งขอ้ มลู คณุ ภาพและราคาของ สายเคเบ้ิลข้ึนอยู่กบั กาํ ลงั ส่งขอ้ มูลว่ามากนอ้ ย เพียงใด รวมถึงระยะทางในการใชง้ าน สายเคเบ้ิล Cable Media ชนิดของสายเคเบ้ิลโดยทวั่ ไป สายเคเบ้ิลโทรศพั ท์ เป็นสายเคเบลิ สาํ หรับสง่ สญั ญาญไฟฟ้ าของระบบส่ือสาร ระบบโทรศพั ท์ และระบบควบคุม เคเบ้ลิ น้ีหุม้ ดว้ ย ฉนวนพวี ซี ี หรือพอี ี หรือครอสลงิ ดโ์ พลี เอตทิลนี เคเบ้ลิ โทรศพั ทใ์ ชเ้ ป็นเคเบ้ลิ สง่ สญั ญาณในขา่ ยสายโทรศพั ท์ และระบบ PABX ประกอบดว้ ย ตวั นําเป็นลวดทองแดงเปลือย มี เสน้ ผา่ ศูนยก์ ลาง 0.6 หรือ 0.8 มม.หุม้ ดว้ ยฉนวนพอี ี ทุก 4 แกนจะ ถูก ตเี กลยี ว และมเี กลยี วแกนทง้ั หมดภายในอกี คร้ังแกนเคเบ้ลิ จะถูกพนั รอบ ดว้ ยเทปอะลูมิน่ัมจะทาํ หนา้ ท่เี ป็นซลี ตลอดความยาวสาย เปลือกนอกสุด ของเคเบ้ลิ เป็นฉนวนพวี ซี ี
46 สายเคเบ้ิล Cable Media ชนิดของสายเคเบ้ิลบนเครือข่าย TWISTED PAIR CABLE COAXIAL CABLE FIBER OPTICAL CABLE Twisted Pair สายค่ตู ีเกลียว
47 สายค่ตู ีเกลียว Twisted Pair คณุ สมบตั ิสายค่ตู ีเกลียว เป็ นสายที่ประกอบดว้ ยสายทองแดง 2 เสน้ หรือมากว่า นํามาพนั ระหว่างกนั ใหเ้ ป็ นเกลียว เพื่อลดการรบกวน จากสนามแม่เหล็กไฟฟ้ า(Crosstalk) จากค่สู าย ข ้า ง เ คี ย ง ภ า ย ใ น เ ค เ บิ ล เ ดี ย ว ก ัน ห รื อ จ า ก ภ า ย น อ ก เนื่องจากสายคู่ตีเกลียวยอมใหส้ ญั ญาณไฟฟ้ าความถ่ี สงู ถึง 105 Hz หรือ 106 Hz ผ่านได้ สายค่ตู ีเกลียว Twisted Pair คณุ สมบตั ิสายค่ตู ีเกลียว ส่งขอ้ มูลไดท้ ง้ั แบบ Analog หรือ Digital แต่ไม่ สามารถส่งขอ้ มลู ท่ีมีความเร็วสงู มากไดแ้ ละส่งไดร้ ะยะทาง ไดไ้ ม่ไกล สายเกลียวคู่ 1 คู่ จะแทนการส่ือสารได้ 1 ช่องทางการ ส่ือสาร (Channel) สายเกลียวคู่ สามารถส่งขอ้ มูลใน อตั ราเร็วสงู สดุ ไดต้ ามอุปกรณเ์ ครือข่ายท่ีเชื่อมต่ออยู่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126