Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผน

แผน

Published by peasocial, 2021-04-08 02:38:58

Description: แผน

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรยี นรู้ ม.4รายวิชาสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม นายเจษฎา กนั ทวงค์ ตาแหนง่ ครผู ชู้ ่วย

แผนการจดั การเรยี นรู้ สาระที่ 3 เศรษฐศาสตร์ จำนวน 2 ช่วั โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ผสู้ อน นายเจษฎา กันทวงค์ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เศรษฐศาสตร์เบ้ืองต้น เรือ่ ง ความสำคัญและเปา้ หมายของเศรษฐศาสตร์ ชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 4 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ส 3.1 เขา้ ใจและสามารถบรหิ ารจัดการทรัพยากรในการผลติ และการบริโภค การใช้ ทรัพยากรทมี่ อี ยู่อยา่ งจำกดั ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมท้งั เข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพยี งเพื่อการ ดำรงชวี ติ อย่างมดี ุลยภาพ ตวั ช้ีวัด ส 3.1 ม.4-6/1 อภปิ รายการกำหนดราคาและค่าจ้างในระบบเศรษฐกจิ สาระการเรียนรู้ 1) ความหมาย ความสำคัญของวิชาเศรษฐศาสตร์ 2) ขอบขา่ ยและเป้าหมายของการศกึ ษาวชิ าเศรษฐศาสตร์ 3) ปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐศาสตร์ สาระสำคญั การกำหนดราคาและค่าจ้างในระบบเศรษฐกจิ ได้อย่างเหมาะสมน้นั ผู้ทเ่ี กย่ี วขอ้ งจะตอ้ งมคี วามรพู้ ืน้ ฐาน เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์เบ้ืองตน้ เพือ่ จะไดน้ ำไปเป็นแนวทางในการตดั สนิ ใจในการผลิตและบริโภคให้ได้ประโยชน์ สงู สดุ จุดประสงค์ 1. อธบิ ายความหมาย ความสำคญั ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ได้ 2. อธิบายขอบขา่ ย เปา้ หมายของการศึกษาวชิ าเศรษฐศาสตร์ได้ 3. อธิบายปญั หาพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ได้ สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการวิเคราะห์ 2) ทักษะการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ 2. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 1)กระบวนการทำงานกลมุ่ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. มุง่ มัน่ ในการทำงาน กจิ กรรมการเรียนรู้ ชว่ั โมงท่ี 1 1. ใหน้ กั เรียนเลา่ พฤติกรรมของตนเองในชีวิตประจำวนั ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั เศรษฐศาสตร์ ซึ่งนกั เรียนสามารถ ตอบไดห้ ลากหลาย เชน่ การซือ้ สงิ่ ของเครื่องใชส้ ่วนตวั อาหารการกิน เคร่อื งใชภ้ ายในบ้าน อุปกรณก์ ารเรียน ยารกั ษาโรค การเดนิ ทางด้วยรถยนต์ รถไฟ จกั รยานยนต์ จกั รยาน

2. ครูอธิบายเชื่อมโยงให้นักเรียนเหน็ วา่ เศรษฐศาสตรเ์ ป็นเรื่องทเ่ี กีย่ วข้องกบั ชีวิตประจำวนั ของทกุ คน ไม่ ว่าจะเปน็ วยั เดก็ วยั นักเรียน วัยทำงานก็ตอ้ งรู้จกั ตดั สินใจในการบรโิ ภคอย่างถูกต้อง ใหเ้ กดิ ความพอใจและเกดิ ประโยชนม์ ากทีส่ ุด ครแู ละนักเรียนชว่ ยกนั สรปุ ความหมายของเศรษฐศาสตร์ 3. ครอู ธิบายและยกตวั อย่างประกอบ ใหน้ ักเรยี นเหน็ ความสำคัญของวิชาเศรษฐศาสตร์ เช่น - ช่วยในการตัดสนิ ใจของประชาชน - ช่วยสร้างความเข้าใจใหก้ ับประชาชนเก่ยี วกบั นโยบายของรัฐ - ช่วยสรา้ งองคค์ วามรใู้ นการบริหารงาน - ชว่ ยสร้างประโยชน์ให้เกิดกับประเทศชาติ 4. ครูแบง่ นกั เรียนเปน็ กลุม่ กลมุ่ ละ 4 คน คละกันตามความสามารถ คือ เกง่ ปานกลาง (ค่อนข้างเก่ง) ปานกลาง (ค่อนข้างออ่ น) และออ่ น 5. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ศกึ ษาความร้รู ว่ มกันเร่อื ง ความสำคญั และเป้าหมายของเศรษฐศาสตร์ จากหนังสือเรยี น 1) ความหมาย และความสำคญั ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ 2) ขอบขา่ ยของการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ - จำแนกตามเน้ือหาของวิชาเศรษฐศาสตร์ - จำแนกตามการวิเคราะหป์ ญั หา 3) เป้าหมายของวิชาเศรษฐศาสตร์ 4) ปญั หาพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ 6. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มมอื กันทำใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง ความสำคญั และเป้าหมายของเศรษฐศาสตร์ โดย แบง่ หน้าท่กี ัน ดงั น้ี - สมาชิกคนที่ 1 มีหน้าที่อ่านคำส่งั คำถาม แยกแยะประเด็นให้ชัดเจน - สมาชกิ คนที่ 2 ฟงั ขั้นตอน รวบรวมข้อมูล หาแนวทางเสนอแนะในการตอบคำถาม - สมาชกิ คนท่ี 3 ตอบคำถามในใบงาน - สมาชกิ คนท่ี 4 ตรวจสอบความถูกต้อง 7. สมาชิกแตล่ ะคนในกลมุ่ หมุนเวยี นเปลี่ยนหน้าที่กันในการตอบคำถามในแต่ละขอ้ จนครบแปดขอ้ ส่วนใน ขอ้ ที่เกา้ นน้ั ให้ทกุ คนชว่ ยกนั ตอบ ชวั่ โมงที่ 2 1. ครสู นทนากับนกั เรยี นถึงความกา้ วหนา้ ในการทำใบงานของแต่ละกลุม่ สมาชกิ กลุม่ ใดสงสัยเรื่องใดครูจะ ช่วยอธบิ ายเพ่ิมเติมจนมีความเข้าใจกระจา่ งชดั 2. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มผลดั กนั เฉลยคำตอบจากใบงาน กลุม่ ละ 1 ขอ้ โดยใหก้ ลุ่มอ่ืนทม่ี ผี ลงานแตกต่าง ออกไปไดน้ ำเสนอเพม่ิ เตมิ ครเู ปน็ ผู้ตรวจสอบความถกู ต้อง 3. นกั เรียนกลุ่มเดิมร่วมมือกนั ทำใบงานที่ 1.2 เรื่อง วเิ คราะห์ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ 4. ครแู ละนักเรียนช่วยกันเฉลยคำตอบในใบงานท่ี 1.2 โดยครอู ธิบายเพมิ่ เตมิ และเช่อื มโยงให้นักเรียน เข้าใจว่า การวิเคราะห์ข้อความในใบงานที่ 1.2 นั้น แสดงให้เห็นถงึ ปัญหาพ้ืนฐานทางเศรษฐศาสตร์ ซ่ึง ประกอบด้วย ผลิตสินคา้ อะไร จะผลติ อยา่ งไร จะผลิตเพอ่ื ใคร 5. ครแู ละนักเรียนชว่ ยกนั สรปุ ความหมาย ความสำคญั ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ ขอบข่าย เป้าหมาย ของ การศกึ ษาวชิ าเศรษฐศาสตร์ ปญั หาพ้ืนฐานทางเศรษฐศาสตร์

สื่อ อปุ กรณแ์ ละแหล่งการเรยี นรู้ 1. สือ่ การเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรียน เศรษฐศาสตร์ ม. 4- ม.6 2) หนงั สือค้นคว้าเพม่ิ เตมิ (1) นราทพิ ย์ ชตุ วิ งศ์และชลดา จามรกลุ . พื้นฐานเศรษฐศาสตรจ์ ุลภาค. กรงุ เทพมหานคร : คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, 2541. (2) พอพนั ธ์ อุยยานนท.์ พฒั นาการเศรษฐกจิ ไทย ในประมวลสาระชุดวิชาไทยศึกษา หน่วยท่ี 3 สาขาวชิ าศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช. นนทบรุ ี : โรงพิมพ์ มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช, 2546. (3) รัตนา สายคณติ . การพฒั นาเศรษฐกิจ ในเอกสารการสอนชดุ วิชาสงั คมศกึ ษา 3 : เศรษฐศาสตร์สำหรับครู หน่วยที่ 14 สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัย-ธรรมาธริ าช. นนทบรุ ี :โรงพิมพม์ หาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช,2546. (4) รัตนา สายคณติ และคณะ. พน้ื ฐานเศรษฐศาสตร์มหภาค. กรุงเทพมหานคร : คณะ เศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, 2540. (5) วนั รักษ์ มิง่ มณนี าคนิ . หลกั เศรษฐศาสตร์มหภาค. พมิ พค์ รั้งที่ 14. กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,2550. 3) ใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง ความสำคัญและเปา้ หมายของเศรษฐศาสตร์ 4) ใบงานท่ี 1.2 เรือ่ ง วิเคราะห์ปัญหาพน้ื ฐานทางเศรษฐกจิ 5) ใบงานท่ี 2.1 เร่อื ง กจิ กรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ 2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) ห้องสมดุ 2) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ http://www.mof.go.th http://www.idis.ru.ac.th http://www.mfa.go.th/business/1092.php http://www.itd.or.th/th/comment/reply/354 การวดั และการประเมินผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วิธกี าร ใบงานที่ 1.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ใบงานท่ี 1.2 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.1 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.2 สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ

บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ รายวิชา สังคมศกึ ษา รหัสวิชา ส31103 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่……..เร่ือง………………….…….……………..…………..……………..เวลา ……คาบ 1. จำนวนนกั เรียนทใ่ี ช้สอน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่.ี ..........................จำนวน.................คน 2. ผลการสอน 2.1) ความเหมาะสมของระยะเวลา  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรบั ปรงุ 2.2) ความเหมาะสมของเนอื้ หา  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรบั ปรุง 2.3) ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรียนการสอน  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรบั ปรุง 2.4) ความเหมาะสมของสื่อการสอนทใี่ ช้  ดีมาก  ดี  พอใช้  ตอ้ งปรบั ปรุง 2.5) พฤตกิ รรม/การมีสว่ นรว่ มของนกั เรียน  ดีมาก  ดี  พอใช้  ตอ้ งปรบั ปรงุ 2.6) ผลการปฏิบัติกิจกรรม/ใบกิจกรรม การทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี น 2.6.1) การประเมนิ ด้านความรูค้ วามเขา้ ใจโดยใช้แบบประเมินสรปุ ความคิดรวบยอดพบว่ามีนกั เรยี นร้อยละ ..……….. ผา่ นเกณฑ์การประเมิน และมีนกั เรยี นรอ้ ยละ ……….....ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ 2.6.2) การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการของผู้เรียนผลการประเมินโดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการ ทำงานพบว่ามีนักเรียนรอ้ ยละ..….….. ผ่านเกณฑ์การประเมิน และมีนกั เรยี นรอ้ ยละ …...……ไม่ผา่ นเกณฑ์การ ประเมนิ 2.6.3) การประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ผลการประเมินโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมพบว่ามี นักเรยี นร้อยละ ..……….. ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน และมีนกั เรยี นร้อยละ ……....…ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน 3. ปัญหาและอปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………….................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………...…………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… 4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… …………………………………………………………………………................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… ลงชือ่ ………..…………………. ผู้สอน/ผบู้ นั ทกึ ลงช่อื .....................................ผู้บรหิ าร ( นายเจษฎา กนั ทวงค์ ) ( นายศฤงคาร ใจปนั ทา ) ครผู ู้ช่วย ผ้อู ำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 21 …………/…………./………… …………/…………./…………

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ลำดับ ชื่อ – ความรว่ มมอื การแสดง การรับฟัง การต้ังใจ การร่วม รวม ท่ี สกลุ 4321 ความคิดเห็น ความคิดเหน็ ทำงาน ปรับปรุง 20 ของผรู้ บั ผลงานกลมุ่ คะแนน การ 4321 4321 4321 4321 ประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน 4 ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ดีมาก = 3 ............../.................../................ ดี = 2 พอใช้ = 1 หมายเหตุ ครอู าจใช้วธิ ีการมอบหมายใหห้ ัวหน้ากลุ่ม ปรับปรงุ = เป็นผู้ประเมิน หรอื ให้ตวั แทนกลุ่มผลัดกนั ประเมนิ หรือใหม้ กี ารประเมินโดยเพ่อื น โดยตัวนกั เรยี นเอง เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ตามความเหมาะสมก็ได้ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 17 – 20 ดีมาก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5–8 ปรบั ปรงุ

แผนการจัดการเรียนรู้ สาระท่ี 3 เศรษฐศาสตร์ จำนวน 2 ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ผสู้ อน นายเจษฎา กันทวงค์ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เศรษฐศาสตร์เบอื้ งตน้ เรื่อง กิจกรรมทางด้านเศรษฐศาสตร์ ช้ัน มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 3.1 เขา้ ใจและสามารถบรหิ ารจัดการทรพั ยากรในการผลิตและการบริโภค การใช้ ทรพั ยากรท่ีมอี ย่อู ย่างจำกดั ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพและคมุ้ คา่ รวมท้ังเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงเพือ่ การ ดำรงชีวติ อยา่ งมีดุลยภาพ ตวั ชว้ี ัด ส 3.1 ม.4-6/1 อภิปรายการกำหนดราคาและค่าจ้างในระบบเศรษฐกิจ สาระการเรยี นรู้ 1) กจิ กรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ - การผลิต - การบริโภค - การกระจายรายได้ - การแลกเปล่ียน 2) เศรษฐศาสตร์กับการดำเนินชีวิต สาระสำคญั การกำหนดราคาและคา่ จ้างในระบบเศรษฐกจิ ได้อย่างเหมาะสมนั้นผ้ทู ่ีเก่ียวขอ้ งจะต้องมคี วามรพู้ นื้ ฐาน เกี่ยวกบั เศรษฐศาสตรเ์ บ้อื งต้น เพ่อื จะได้นำไปเปน็ แนวทางในการตัดสินใจในการผลิตและบรโิ ภคให้ได้ประโยชน์ สงู สดุ จดุ ประสงค์ 1. อธบิ ายกจิ กรรมทางด้านเศรษฐศาสตร์ได้ 2. วิเคราะห์การดำเนนิ ชีวิตประจำวนั ตามหลักเศรษฐศาสตรไ์ ด้ สมรรถนะสำคญั 1. ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการวิเคราะห์ 2) ทกั ษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 2. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 1)กระบวนการทำงานกลุ่ม คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝ่เรยี นรู้ 2. มุ่งมน่ั ในการทำงาน กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชว่ั โมงที่ 1-2 1. ครูให้นกั เรียนรวมกลุม่ กันกลมุ่ ละ 7 คน หรือตามความเหมาะสม แขง่ ขนั กนั นำภาพที่ครูแจกให้จำนวน กลุ่มละ 10 ภาพ ไปติดใตข้ ้อความ การผลิต การบรโิ ภค กลุ่มใดตดิ เสรจ็ ก่อน และถกู ต้อง กลุม่ นนั้ เป็นฝา่ ยชนะ ตัวอยา่ งภาพที่ครูแจกให้ เช่น

- ภาพโรงงานอุตสาหกรรม - ภาพรถยนต์มีผู้โดยสารเต็มคันรถ - ภาพหา้ งสรรพสนิ คา้ - ภาพโรงพยาบาลมีแพทย์รกั ษาคนไข้ - ภาพอาคารประเภทตา่ ง ๆ - ภาพรา้ นอาหารมีคนน่ังกนิ อาหาร 2. ครูให้นักเรยี นกลุ่มผ้ชู นะในการแข่งขัน ลำดับที่ 1- 3 ร่วมกันอธิบายความเชอ่ื มโยงของภาพกบั หวั ข้อการ ผลติ การบริโภค พร้อมแสดงเหตุผลประกอบ 3. ครอู ธบิ ายความรูใ้ หน้ ักเรียนเข้าใจว่า กิจกรรมทางด้านเศรษฐศาสตรจ์ ะเปน็ เร่อื งเก่ยี วกบั การผลิต การ บริโภค การกระจายรายได้ และการแลกเปลย่ี น 4. นักเรียนแตล่ ะกลุ่ม ร่วมกนั ศึกษาหาความรู้เร่ือง กิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจ จากหนงั สือเรียน และ หนังสอื อ่านเพมิ่ เตมิ 5. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ทำใบงานท่ี 2.1 เร่อื ง กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ โดยอภิปรายร่วมกันถงึ ประเด็นสำคญั ของใบงานในแตล่ ะตอนกอ่ นเขียนคำตอบ 6. สมาชกิ ในแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันตรวจสอบ ความถูกตอ้ งของใบงาน 7. ครูและนกั เรยี นช่วยกนั ตรวจใบงานที่ 2.1 ตอนที่ 1 8. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ นำเสนอผลงานในใบงานที่ 2.1 ตอนที่ 2 ดังนี้ - กลมุ่ ท่ี 1 นำเสนอผลงาน กลุ่มที่ 2 แสดงความคิดเหน็ เพม่ิ เตมิ - กล่มุ ที่ 2 นำเสนอผลงาน กลุ่มที่ 3 แสดงความคดิ เห็นเพม่ิ เตมิ - กลมุ่ ที่ 3 นำเสนอผลงาน กล่มุ ที่ 4 แสดงความคดิ เหน็ เพ่ิมเติม - กลุ่มที่ 4 นำเสนอผลงาน กลุม่ ท่ี 5 แสดงความคิดเห็นเพมิ่ เตมิ - กลมุ่ ที่ 5 นำเสนอผลงาน กลมุ่ ท่ี 1 แสดงความคิดเห็นเพ่ิมเติม 9. ครูและนกั เรียนช่วยกนั สรปุ ความรเู้ กี่ยวกบั กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ ซงึ่ ประกอบด้วย การผลติ การบรโิ ภค การกระจายรายได้ การแลกเปลย่ี น 10. ครูอธบิ ายความรเู้ พม่ิ เติมเก่ียวกบั เศรษฐศาสตร์ วา่ เป็นเรือ่ งท่ีเกีย่ วข้องกับชีวติ ประจำวนั ของทุกคน พร้อมยกตัวอย่างประกอบ 11. ครมู อบหมายให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มมอื กันจัดทำแผน่ พับ เรือ่ ง เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น โดยให้ ครอบคลมุ หวั ข้อ ดงั นี้ 1) ความสำคัญของวชิ าเศรษฐศาสตร์ 2) ขอบข่าย และเป้าหมายของการศกึ ษาวิชาเศรษฐศาสตร์ 3) ปัญหาพน้ื ฐานทางเศรษฐศาสตร์ 4) กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 ส่อื อปุ กรณ์และแหล่งการเรยี นรู้ 1. สอื่ การเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรียน เศรษฐศาสตร์ ม. 4- ม.6 2) หนังสอื คน้ ควา้ เพม่ิ เติม (1) นราทิพย์ ชตุ วิ งศ์และชลดา จามรกลุ . พื้นฐานเศรษฐศาสตรจ์ ุลภาค. กรงุ เทพมหานคร : คณะเศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2541.

(2) พอพนั ธ์ อุยยานนท์. พฒั นาการเศรษฐกจิ ไทย ในประมวลสาระชุดวชิ าไทยศึกษา หนว่ ยที่ 3 สาขาวิชาศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช. นนทบรุ ี : โรงพมิ พ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2546. (3) รัตนา สายคณติ . การพัฒนาเศรษฐกิจ ในเอกสารการสอนชุดวิชาสงั คมศึกษา 3 : เศรษฐศาสตร์สำหรับครู หน่วยที่ 14 สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัย-ธรรมาธริ าช. นนทบรุ ี :โรงพิมพ์มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช,2546. (4) รัตนา สายคณติ และคณะ. พน้ื ฐานเศรษฐศาสตร์มหภาค. กรุงเทพมหานคร : คณะ เศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั , 2540. (5) วนั รกั ษ์ ม่ิงมณีนาคิน. หลกั เศรษฐศาสตร์มหภาค. พิมพค์ รงั้ ท่ี 14. กรุงเทพมหานคร : มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์,2550. 3) ใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง ความสำคัญและเปา้ หมายของเศรษฐศาสตร์ 4) ใบงานท่ี 1.2 เร่ือง วิเคราะห์ปญั หาพนื้ ฐานทางเศรษฐกจิ 5) ใบงานท่ี 2.1 เร่ือง กิจกรรมทางด้านเศรษฐศาสตร์ 2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งสมุด 2) แหล่งข้อมลู สารสนเทศ http://www.mof.go.th http://www.idis.ru.ac.th http://www.mfa.go.th/business/1092.php http://www.itd.or.th/th/comment/reply/354 การวัดและการประเมนิ ผล เครือ่ งมือ เกณฑ์ วธิ ีการ ใบงานที่ 2.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.1 ประเมินแผ่นพบั เรอ่ื ง เศรษฐศาสตร์เบ้ืองตน้ แบบประเมนิ แผ่นพบั เร่ืองเศรษฐศาสตร์เบ้ืองต้น ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ แบบทดสอบหลงั เรยี น ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ รายวิชา สังคมศกึ ษา รหัสวิชา ส31103 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่……..เร่ือง………………….…….……………..…………..……………..เวลา ……คาบ 1. จำนวนนกั เรียนที่ใช้สอน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่.ี ..........................จำนวน.................คน 2. ผลการสอน 2.1) ความเหมาะสมของระยะเวลา  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรบั ปรงุ 2.2) ความเหมาะสมของเนอื้ หา  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรับปรงุ 2.3) ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรียนการสอน  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรบั ปรุง 2.4) ความเหมาะสมของสื่อการสอนทใี่ ช้  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรับปรุง 2.5) พฤตกิ รรม/การมีสว่ นรว่ มของนกั เรียน  ดีมาก  ดี  พอใช้  ตอ้ งปรบั ปรุง 2.6) ผลการปฏบิ ัติกิจกรรม/ใบกิจกรรม การทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี น 2.6.1) การประเมนิ ดา้ นความรูค้ วามเขา้ ใจโดยใช้แบบประเมินสรปุ ความคิดรวบยอดพบว่ามนี ักเรียนร้อยละ ..……….. ผา่ นเกณฑ์การประเมิน และมีนกั เรยี นรอ้ ยละ ……….....ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ 2.6.2) การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการของผู้เรียนผลการประเมนิ โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการ ทำงานพบวา่ มีนักเรยี นรอ้ ยละ..….….. ผ่านเกณฑ์การประเมิน และมีนกั เรยี นรอ้ ยละ …...……ไม่ผา่ นเกณฑก์ าร ประเมนิ 2.6.3) การประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ผลการประเมินโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมพบว่ามี นักเรยี นร้อยละ ..……….. ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน และมีนกั เรยี นร้อยละ ……....…ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน 3. ปัญหาและอปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………….................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………...…………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… 4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… …………………………………………………………………………................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… ลงชือ่ ………..…………………. ผู้สอน/ผบู้ นั ทกึ ลงช่ือ .....................................ผ้บู รหิ าร ( นายเจษฎา กนั ทวงค์ ) ( นายศฤงคาร ใจปนั ทา ) ครผู ู้ช่วย ผ้อู ำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 21 …………/…………./………… …………/…………./…………

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ลำดับ ชื่อ – ความรว่ มมอื การแสดง การรับฟัง การต้ังใจ การร่วม รวม ท่ี สกลุ 4321 ความคิดเห็น ความคิดเหน็ ทำงาน ปรับปรุง 20 ของผรู้ บั ผลงานกลมุ่ คะแนน การ 4321 4321 4321 4321 ประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน 4 ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ดีมาก = 3 ............../.................../................ ดี = 2 พอใช้ = 1 หมายเหตุ ครอู าจใช้วธิ ีการมอบหมายใหห้ ัวหน้ากลุ่ม ปรับปรงุ = เป็นผู้ประเมิน หรอื ให้ตวั แทนกลุ่มผลัดกนั ประเมนิ หรือใหม้ กี ารประเมินโดยเพ่อื น โดยตัวนกั เรยี นเอง เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ตามความเหมาะสมก็ได้ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 17 – 20 ดีมาก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5–8 ปรบั ปรงุ

แผนการจัดการเรยี นรู้ สาระท่ี 3 เศรษฐศาสตร์ จำนวน 2 ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ผู้สอน นายเจษฎา กนั ทวงค์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ระบบเศรษฐกิจในโลกปจั จุบนั เรอื่ ง หนว่ ยเศรษฐกิจและระบบเศรษฐกจิ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 3.1 เขา้ ใจและสามารถบรหิ ารจัดการทรัพยากรในการผลติ และการบรโิ ภค การใช้ ทรพั ยากรทีม่ ีอยอู่ ยา่ งจำกดั ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพและคุ้มค่า รวมท้งั เข้าใจหลกั การของเศรษฐกิจพอเพียงเพอ่ื การ ดำรงชีวติ อยา่ งมีดลุ ยภาพ ตวั ชีว้ ัด ส 3.1 ม.4-6/1 อภปิ รายการกำหนดราคาและค่าจ้างในระบบเศรษฐกิจ สาระการเรียนรู้ 1) ระบบเศรษฐกจิ ของโลกในปัจจุบนั ผลดแี ละผลเสียของระบบเศรษฐกจิ แบบต่าง ๆ สาระสำคัญ ระบบเศรษฐกจิ แบบตา่ ง ๆ ลว้ นมที ้งั ผลดีและผลเสียแตกต่างกัน และมีผลตอ่ การกำหนดราคา และคา่ จ้าง จุดประสงค์ 1. อธบิ ายประเภทของระบบเศรษฐกิจของโลกในปัจจบุ ันได้ 2 วิเคราะหผ์ ลดแี ละผลเสยี ของระบบเศรษฐกจิ แบบตา่ ง ๆได้ สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการวิเคราะห์ 2) ทกั ษะการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ 2. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 1)กระบวนการทำงานกลุม่ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน กิจกรรมการเรียนรู้ ช่วั โมงที่ 1 1. ครูนำภาพกิจกรรมต่าง ๆ ทีเ่ ปน็ กิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจ มาให้นกั เรียนดู เช่น - การซื้อขายสินคา้ ในตลาดสด ตลาดนดั ในห้างสรรพสินค้า - ช่างเสริมสวยกำลังเสริมสวยให้แกล่ ูกค้า 2. ครูให้นักเรยี นชว่ ยกันแสดงความคิดเหน็ ในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี - ใครเปน็ ผบู้ รโิ ภค - ถ้านักเรียนเป็นส่วนหน่ึงของผู้บรโิ ภคในภาพ นักเรียนจะปฏบิ ตั ิอยา่ งไร อธิบายเหตุผล - ใครเปน็ ผู้ผลติ - ผู้ผลติ ในภาพนนั้ จะต้องดำเนินงานอยา่ งไร จงึ จะเกดิ ผลดีท่ีสดุ

3. ครชู ่วยอธิบายสรุปให้นกั เรียนเข้าใจว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเปน็ กจิ กรรมทเี่ ก่ยี วข้องกับการ ผลติ การบริโภค การแลกเปลยี่ น การแจกจ่ายสินคา้ และบริการไปยังผ้บู รโิ ภค จะตอ้ งดำเนนิ การอย่างประหยัดและ ตอบสนองความตอ้ งการของประชาชนในสงั คมให้ไดม้ ากทีส่ ุด ผู้ดำเนนิ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ เรยี กว่า หน่วย เศรษฐกจิ 4. ครอู ธบิ ายให้นักเรียนเข้าใจ ในเร่ืองตอ่ ไปนี้ 1) หน่วยเศรษฐกิจ - ประเภทของหน่วยเศรษฐกจิ - ความสมั พันธข์ องหน่วยเศรษฐกจิ 2) ระบบเศรษฐกจิ - ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม (Capitalism) - ระบบเศรษฐกิจแบบสงั คมนยิ ม (Socialism) - ระบบเศรษฐกิจแบบผสม (Mixed economy) 5. ครแู บง่ นักเรยี นเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลางคอ่ นข้างเก่ง ปานกลาง ค่อนข้างออ่ น และออ่ น โดยแบ่งกลุ่มไวล้ ว่ งหนา้ ใหน้ กั เรยี นแต่ละคนในกลมุ่ มหี มายเลข 1,2,3,4 เรียกกลุ่มนี้ว่า กลุ่มบ้าน ( Home Groups ) 6. สมาชกิ แตล่ ะหมายเลขของกลุ่มบ้านแยกยา้ ยกันไป หากลมุ่ สมาชกิ ใหม่ทม่ี ีหมายเลขเหมอื นกนั หมายเลข 1 ไปรวมกบั หมายเลข 1 หมายเลข 2 ไปรวมกบั หมายเลข 2 หมายเลข 3 ไปรวม กบั หมายเลข 3 หมายเลข 4 ไปรวมกบั หมายเลข 4 เรยี กกลมุ่ ใหมว่ า่ กลุม่ ผเู้ ชย่ี วชาญ (Expert Groups) สมาชิกกลมุ่ ผเู้ ชี่ยวชาญแตล่ ะหมายเลข อาจมีจำนวนมากในกรณที ่ีนกั เรียนในหอ้ งมีจำนวนมาก ดังน้ัน ครูอาจให้ สมาชกิ ที่มีหมายเลขเดยี วกันแยกออกเป็น 2 กลมุ่ ยอ่ ย เชน่ หมายเลข 1 มี 2 กลมุ่ คอื - กลมุ่ หมายเลข 1 มี 2 กลุ่ม กลุม่ คือ กลุ่ม 1 ก และกลุ่ม 1 ข - กลมุ่ หมายเลข 2 มี 2 กลุ่ม กลมุ่ คอื กลุ่ม 2 ก และกลุ่ม 2 ข - กลมุ่ หมายเลข 3 มี 2 กลุ่ม กลมุ่ คือ กลุ่ม 3 ก และกลมุ่ 3 ข เปน็ ต้น 7. สมาชกิ กลมุ่ ผ้เู ชี่ยวชาญ (Expert Groups) แต่ละหมายเลขรว่ มกันศึกษาหาความรู้ และช่วยกันทำ ใบ งาน ดงั น้ี - กลุ่มหมายเลข 1 ศึกษาความรเู้ รือ่ ง หนว่ ยเศรษฐกิจ และทำใบงานท่ี 1.1 เรือ่ ง หน่วยเศรษฐกิจ - กลุ่มหมายเลข 2 ศึกษาความรเู้ รอ่ื ง ระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ มและทำใบงานที่ 1.2 เรื่องระบบ เศรษฐกจิ แบบทุนนิยม - กล่มุ หมายเลข 3 ศกึ ษาความรเู้ ร่ือง ระบบเศรษฐกจิ แบบสังคมนยิ ม และทำใบงานที่ 1.3 เร่ือง ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนยิ ม - กล่มุ หมายเลข 4 ศกึ ษาความรูเ้ ร่ือง ระบบเศรษฐกจิ แบบผสม และทำใบงานท่ี 1.4 เรอื่ ง ระบบ เศรษฐกิจแบบผสม ชว่ั โมงที่ 2 1. ครสู นทนาและซักถามนักเรยี นถงึ ความรทู้ นี่ กั เรยี นแต่ละกลุ่มได้ศกึ ษาและทำใบงานว่ากลุ่มใดมปี ัญหาท่ี สงสัยในเรอ่ื งใด ครูอธบิ ายเพิ่มเติมจนนกั เรยี นมีความเขา้ ใจชัดเจน 2. นกั เรยี นกลมุ่ ผู้เชี่ยวชาญ (Expert Groups ) แตล่ ะหมายเลขชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของการทำ ใบงานทต่ี นรบั ผดิ ชอบ 3. สมาชกิ กลุ่มผเู้ ชย่ี วชาญแต่ละหมายเลขกลบั ไปยงั กล่มุ เดมิ ท่ีเรียกวา่ กล่มุ บา้ น ( Home Groups) แลว้ ให้ แตล่ ะหมายเลขผลดั กันอธบิ ายความรู้จากใบงานที่ตนรับผิดชอบใหส้ มาชกิ หมายเลขอน่ื ฟังกรณถี ้ามีสมาชกิ คนใด สงสัยใหซ้ กั ถามจนมีความเขา้ ใจตรงกัน

4. ครูส่มุ เรยี กตัวแทนแต่ละกลุ่มออกไปเฉลยคำตอบในใบงานหน้าช้นั เรยี น เรยี งตามลำดับต้งั แต่ ใบงานท่ี 1.1 - 1.4 โดยใหก้ ลุ่มอื่นที่มผี ลงานแตกตา่ งกันไปไดเ้ สนอเพ่ิมเติม 5. ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกันสรุปประเดน็ สำคญั ของความรใู้ นเรอื่ ง หนว่ ยเศรษฐกิจ และระบบเศรษฐกิจ ประเภทต่าง ๆ ตลอดจนข้อดีและข้อจำกดั ของระบบเศรษฐกิจแต่ละประเภท สือ่ อปุ กรณแ์ ละแหล่งการเรยี นรู้ 1. ส่อื การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรียน เศรษฐศาสตร์ ม. 4- ม.6 2) หนงั สอื คน้ ควา้ เพม่ิ เติม (1) นราทพิ ย์ ชตุ วิ งศ์และชลดา จามรกลุ . พ้ืนฐานเศรษฐศาสตร์จุลภาค. กรุงเทพมหานคร : คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2541. (2) พอพนั ธ์ อยุ ยานนท.์ พัฒนาการเศรษฐกจิ ไทย ในประมวลสาระชุดวิชาไทยศกึ ษา หน่วยที่ 3 สาขาวชิ าศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. นนทบรุ ี : โรงพมิ พ์ มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช, 2546. (3) รัตนา สายคณติ . การพัฒนาเศรษฐกิจ ในเอกสารการสอนชุดวชิ าสังคมศึกษา 3 : เศรษฐศาสตร์สำหรบั ครู หนว่ ยท่ี 14 สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสุโขทัย-ธรรมาธริ าช. นนทบรุ ี :โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช,2546. (4) รตั นา สายคณิต และคณะ. พน้ื ฐานเศรษฐศาสตร์มหภาค. กรุงเทพมหานคร : คณะ เศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , 2540. (5) วันรกั ษ์ มง่ิ มณนี าคนิ . หลกั เศรษฐศาสตร์มหภาค. พมิ พ์ครงั้ ที่ 14. กรุงเทพมหานคร : มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์,2550. 3) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง ความสำคัญและเปา้ หมายของเศรษฐศาสตร์ 4) ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง วเิ คราะหป์ ัญหาพ้ืนฐานทางเศรษฐกิจ 5) ใบงานท่ี 2.1 เร่อื ง กจิ กรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ 2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ http://www.mof.go.th http://www.idis.ru.ac.th http://www.mfa.go.th/business/1092.php http://www.itd.or.th/th/comment/reply/354

การวดั และการประเมนิ ผล เคร่อื งมือ เกณฑ์ วิธีการ ใบงานท่ี 1.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานท่ี 1.2 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.2 ใบงานที่ 1.3 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.3 ใบงานที่ 1.4 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.4 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ รายวิชา สังคมศกึ ษา รหัสวิชา ส31103 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่……..เร่ือง………………….…….……………..…………..……………..เวลา ……คาบ 1. จำนวนนกั เรียนทใ่ี ช้สอน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่.ี ..........................จำนวน.................คน 2. ผลการสอน 2.1) ความเหมาะสมของระยะเวลา  ดีมาก  ดี  พอใช้  ตอ้ งปรับปรงุ 2.2) ความเหมาะสมของเนอื้ หา  ดีมาก  ดี  พอใช้  ตอ้ งปรบั ปรุง 2.3) ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรียนการสอน  ดีมาก  ดี  พอใช้  ตอ้ งปรบั ปรงุ 2.4) ความเหมาะสมของสื่อการสอนทใี่ ช้  ดีมาก  ดี  พอใช้  ตอ้ งปรับปรุง 2.5) พฤตกิ รรม/การมีสว่ นรว่ มของนกั เรียน  ดีมาก  ดี  พอใช้  ตอ้ งปรับปรุง 2.6) ผลการปฏิบัติกิจกรรม/ใบกิจกรรม การทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี น 2.6.1) การประเมนิ ด้านความรูค้ วามเขา้ ใจโดยใช้แบบประเมินสรปุ ความคิดรวบยอดพบว่ามีนักเรยี นร้อยละ ..……….. ผา่ นเกณฑ์การประเมิน และมีนกั เรยี นรอ้ ยละ ……….....ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ 2.6.2) การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการของผู้เรียนผลการประเมินโดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการ ทำงานพบวา่ มีนักเรียนรอ้ ยละ..….….. ผ่านเกณฑ์การประเมิน และมีนกั เรยี นรอ้ ยละ …...……ไมผ่ ่านเกณฑ์การ ประเมนิ 2.6.3) การประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ผลการประเมินโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมพบว่ามี นักเรยี นร้อยละ ..……….. ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน และมีนกั เรยี นร้อยละ ……....…ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมิน 3. ปัญหาและอปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………….................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………...…………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… 4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… …………………………………………………………………………................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… ลงชือ่ ………..…………………. ผู้สอน/ผบู้ นั ทกึ ลงช่อื .....................................ผู้บรหิ าร ( นายเจษฎา กนั ทวงค์ ) ( นายศฤงคาร ใจปนั ทา ) ครผู ู้ช่วย ผ้อู ำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 21 …………/…………./………… …………/…………./…………

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ลำดับ ชื่อ – ความรว่ มมอื การแสดง การรับฟัง การต้ังใจ การร่วม รวม ท่ี สกลุ 4321 ความคิดเห็น ความคิดเหน็ ทำงาน ปรับปรุง 20 ของผรู้ บั ผลงานกลมุ่ คะแนน การ 4321 4321 4321 4321 ประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน 4 ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ดีมาก = 3 ............../.................../................ ดี = 2 พอใช้ = 1 หมายเหตุ ครอู าจใช้วธิ ีการมอบหมายใหห้ ัวหน้ากลุ่ม ปรับปรงุ = เป็นผู้ประเมิน หรอื ให้ตวั แทนกลุ่มผลัดกนั ประเมนิ หรือใหม้ กี ารประเมินโดยเพ่อื น โดยตัวนกั เรยี นเอง เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ตามความเหมาะสมก็ได้ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 17 – 20 ดีมาก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5–8 ปรบั ปรงุ

แผนการจดั การเรียนรู้ สาระที่ 3 เศรษฐศาสตร์ จำนวน 4 ชวั่ โมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ผู้สอน นายเจษฎา กนั ทวงค์ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 ระบบเศรษฐกิจในโลกปจั จุบนั เรือ่ ง ตลาดและการกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 3.1 เขา้ ใจและสามารถบรหิ ารจดั การทรพั ยากรในการผลิตและการบริโภค การใช้ ทรัพยากรท่ีมีอยู่อยา่ งจำกัดได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพและคุม้ คา่ รวมทัง้ เข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพยี งเพื่อการ ดำรงชวี ิตอยา่ งมดี ุลยภาพ ตวั ชว้ี ัด ส 3.1 ม.4-6/1 อภิปรายการกำหนดราคาและคา่ จ้างในระบบเศรษฐกิจ สาระการเรียนรู้ 1) ตลาดและประเภทของตลาด ขอ้ ดแี ละขอ้ เสียของตลาดประเภทต่างๆ 2) การกำหนดราคาตามอปุ สงคแ์ ละอุปทาน การกำหนดราคาในเชิงกลยุทธ์ที่มีในสงั คมไทย 3) การกำหนดค่าจ้าง กฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง และอัตราค่าจ้างแรงงานในสงั คมไทย 4) บทบาทของรัฐในการแทรกแซงราคาและการควบคุมราคาเพอ่ื การแจกจ่ายและจัดสรรในทางเศรษฐกิจ สาระสำคญั ตลาดแต่ละประเภทต่างกม็ ีทง้ั ขอ้ ดีและข้อเสียแตกต่างกนั ซึ่งการกำหนดราคาในตลาดเสรีน้ัน มปี จั จยั สำคญั หลายประการ จุดประสงค์ 1. วเิ คราะหข์ อ้ ดแี ละขอ้ เสียของตลาดประเภทต่างๆ ได้ 2. อธบิ ายการกำหนดราคาตามอุปสงค์ อปุ ทาน การกำหนดราคา ค่าจ้าง และกฎหมายท่ีเกย่ี วข้องได้ 3. อธบิ ายบทบาทของรฐั ในการแทรกแซงราคาและควบคุมราคาได้ สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ - ทกั ษะการคดิ อย่างมีวิจารณญาณ - ทกั ษะการคดิ แก้ปัญหา 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ - กระบวนการทำงานกลมุ่ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1 1 ครูให้นกั เรียนช่วยกันยกตัวอยา่ งตลาดสินค้าในท้องถ่ินทน่ี กั เรียนรู้จักซงึ่ อาจเปน็ ตลาดสินคา้ ในท้องถิ่นท่ี นกั เรียนมภี มู ิลำเนา หรือตลาดสนิ ค้าในจังหวัดตา่ ง ๆ ที่นักเรยี นเคยไปซือ้ ของหรอื เทีย่ ว และใหช้ ่วยกนั วเิ คราะห์ ความสำคัญของตลาด

2. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรียนเข้าใจว่า ตลาดมีความหมาย 2 นยั คอื ตลาดสนิ ค้าที่ผ้ซู ื้อผขู้ ายมาติดตอ่ ซอ้ื ขายกนั และหมายถงึ การตดิ ต่อกันระหวา่ งผู้ซือ้ และผูข้ ายในทางใดทางหนึ่งหรือหลายทาง ครูอธบิ ายเกี่ยวกับเรื่อง ตลาดใน ระบบเศรษฐกจิ ในประเดน็ ต่อไปน้ี 1) ความสำคัญของตลาดในระบบเศรษฐกิจ 2) ขนาดของตลาด 3) คนกลางในตลาด 4) ประเภทของตลาด 3. ครูแบ่งนักเรยี นเป็นกลมุ่ กลุม่ ละ 4 คน คละกันตามความสามารถ คอื เกง่ ปานกลางคอ่ นข้างเก่ง ปาน กลางค่อนขา้ งอ่อน และ อ่อน และให้แต่ละกลุ่มศึกษาความรู้เพมิ่ เติมเก่ียวกับเร่อื ง ตลาดในระบบเศรษฐกิจ จาก หนงั สือเรียน 4. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกันทำใบงานท่ี 2.1 เรอื่ ง ตลาดในระบบเศรษฐกจิ โดยใหแ้ ต่ละคนปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี ดงั น้ี - สมาชิกคนท่ี 1 มหี นา้ ท่อี ่านคำถามและแยกแยะประเดน็ ทโ่ี จทย์กำหนด - สมาชิกคนที่ 2 วเิ คราะห์หาแนวทางตอบคำถามอธบิ ายใหไ้ ด้มาซึ่งแนวคำตอบ - สมาชิกคนท่ี 3 รวมรวมข้อมลู และเขียนคำตอบ - สมาชิกคนท่ี 4 สรปุ ขั้นตอนท้งั หมด ตรวจคำตอบ 5. สมาชกิ แตล่ ะกลุม่ เรม่ิ ทำแบบฝกึ หัดจากคำถามขอ้ ที่ 1 โดยสมาชิกคนที่ 1 เรม่ิ ปฏิบตั ิหนา้ ทีอ่ ่านคำถาม และแยกแยะประเด็นที่โจทย์กำหนด หรอื ส่ิงทเี่ ป็นประเด็นสำคัญของคำถาม เมื่อถงึ คำถามหรอื โจทย์ข้อท่ี 2 ก็เล่ือน ใหส้ มาชิกคนท่ี 2 เลื่อนข้นึ มาทำหนา้ ทแี่ ทนคนที่ 1 สมาชิกคนท่ี 3 เลอ่ื นขน้ึ มาทำหน้าท่แี ทนสมาชิกคนที่ 2 สมาชิก คนท่ี 4 เล่ือนขนึ้ มาทำหนา้ ที่แทนสมาชิกคนท่ี 3 สมาชิกคนที่ 1 กลับมาทำหนา้ ทีแ่ ทนสมาชกิ คนท่ี 4 หมนุ เวยี น เปลย่ี นหนา้ ทก่ี นั ไปเรื่อย ๆ จนครบคำถาม ซ่ึงรวมแลว้ สมาชิกทุกคนจะไดท้ ำหน้าท่ีทุกบทบาทสมาชิกทกุ คนรว่ มมือ กันทำแบบฝึกหัด หรือตอบคำถามทกี่ ำหนดไวจ้ นเสร็จเรียบรอ้ ย มีการพึ่งพาอาศยั กนั ช่วยเหลือกัน และมกี าร อธิบายใหก้ นั จนเข้าใจ จนสมาชิกทุกคนสามารถทำแบบฝกึ หัดไดค้ รบทกุ คน 6. ครแู ละนักเรยี นชว่ ยกนั เฉลยคำตอบในใบงานท่ี 2.1 จากนัน้ ชว่ ยกนั สรุปประเด็นสำคญั เกย่ี วกบั เร่อื ง ตลาดในระบบเศรษฐกิจ ชวั่ โมงที่ 2 1. ครตู ง้ั คำถามใหน้ กั เรียนตอบ ดงั นี้ - นกั เรียนจะตัดสินใจซ้อื สินค้านนั้ จะตอ้ งคำนงึ ถึงเรือ่ งใดบ้าง - นกั เรียนคิดวา่ ก่อนท่ผี ูผ้ ลติ จะผลติ สินคา้ และบรกิ ารน้นั มีหลกั ในการตดั สินใจผลติ อยา่ งไร 2. ครอู ธิบายให้นกั เรยี นเขา้ ใจเร่ือง การกำหนดราคาตามอปุ สงคแ์ ละอปุ ทาน ในประเดน็ ต่อไปน้ี - ความหมายของอปุ สงค์และอุปทาน - ปัจจัยทมี่ ีผลต่อการกำหนดอปุ สงค์ - ปจั จัยทม่ี ีผลตอ่ การกำหนดอปุ ทาน 3. ครูใหน้ กั เรยี นกลมุ่ เดมิ จับคู่กนั เป็น 2 คู่ ศกึ ษาหาความร้เู พ่มิ เตมิ จากหนังสอื เรยี น และจากหนงั สืออา่ น เพมิ่ เติม จากนัน้ รว่ มมือกนั ทำใบงานที่ 2.2 เรอ่ื ง การกำหนดราคา 4. นักเรียนทงั้ 2 คู่ ของแต่ละกลมุ่ ผลัดกันเฉลยคำตอบใบงานท่ี 2.2 และตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 5. ครแู ละนักเรียนช่วยกันเฉลยคำตอบในใบงานที่ 2.2 และสรุปประเด็นสำคัญ

ชัว่ โมงท่ี 3 1. ครทู บทวนความรขู้ องนักเรยี นเกย่ี วกบั เรอ่ื ง การกำหนดราคาตามอุปสงคแ์ ละอปุ ทาน โดยให้นักเรยี น ช่วยกนั เลา่ ถงึ ปจั จยั สำคัญท่มี ผี ลต่อการกำหนดอปุ สงค์ และอุปทาน 2. ครอู ธิบายความรู้ให้แกน่ กั เรยี นในหัวข้อเร่อื ง ตอ่ ไปนี้ 1) หลกั เกณฑ์ในการกำหนดราคาตามอุปสงค์และอปุ ทาน 2) การเปล่ยี นแปลงของราคาดุลยภาพและปริมาณดลุ ยภาพ 3) ขอ้ ดแี ละขอ้ เสยี ของการกำหนดราคาตามอปุ สงค์และอุปทาน 4) การกำหนดราคาในเชิงกลยทุ ธท์ ม่ี ีในสงั คมไทย 5) ข้อดี – ข้อเสียของการกำหนดราคาเชิงกลยุทธ์ในสงั คมไทย 6) บทบาทของรัฐในการแทรกแซงราคาและการควบคมุ ราคาเพือ่ การแจกจา่ ยและจดั สรรในทางเศรษฐกิจ 7) การกำหนดค่าจ้าง อัตราค่าจ้างแรงงานในสังคมไทยและกฎหมายทเี่ กย่ี วข้อง 3. นกั เรียนศกึ ษาความรเู้ พิม่ เตมิ จากหนงั สอื เรยี น หนังสอื อ่านเพิ่มเติม และแหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ 4. นักเรยี นกลุ่มเดมิ แตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั ต้งั คำถามจากความรทู้ ่ีได้จากฟงั ครอู ธบิ ายและจากการศกึ ษา ความรู้ เพ่มิ เติมโดยตงั้ คำถามกลมุ่ ละ 10 ข้อ 5. นักเรยี นแต่ละกล่มุ จบั สลากหมายเลขกลุ่ม แลว้ ผลัดกนั ถามคำถามกล่มุ อนื่ ดังน้ี - กลุม่ หมายเลข 1 เปน็ ฝ่ายถาม กลุม่ หมายเลข 2 เปน็ ฝ่ายตอบ - กลมุ่ หมายเลข 2 เปน็ ฝา่ ยถาม กลุ่มหมายเลข 3 เป็นฝา่ ยตอบ - กลุ่มหมายเลข 3 เป็นฝ่ายถาม กลุ่มหมายเลข 4 เป็นฝ่ายตอบ - กลุ่มหมายเลข 4 เปน็ ฝ่ายถาม กลุ่มหมายเลข 5 เป็นฝา่ ยตอบ - กลมุ่ หมายเลข 5 เป็นฝา่ ยถาม กลมุ่ หมายเลข 1 เป็นฝ่ายตอบ กลุ่มทีม่ หี นา้ ทถี่ ามจะต้องเป็นผู้เฉลยคำตอบโดยมีครูเปน็ ผูต้ รวจสอบความถกู ตอ้ ง 6. ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มไปทบทวนความรู้จากหนังสอื เรียน และหนงั สอื อา่ นเพิ่มเตมิ เพ่อื เตรียมการแขง่ ขันตอบปญั หาในช่ัวโมงต่อไป ชวั่ โมงท่ี 4 1. นักเรยี นและครูช่วยกนั จัดสถานท่ีสำหรบั การแข่งขนั ตอบปญั หา ดงั น้ี - โตะ๊ หมายเลข 1 เปน็ โตะ๊ แข่งขนั สำหรบั ผเู้ รยี นที่มคี วามสามารถในระดบั เก่ง - โต๊ะหมายเลข 2 เป็นโต๊ะแข่งขนั สำหรบั ผ้เู รียนทม่ี คี วามสามารถในระดบั ปานกลาง (คอ่ นข้างเกง่ ) - โต๊ะหมายเลข 3 เป็นโตะ๊ แขง่ ขันสำหรับผ้เู รยี นท่มี คี วามสามารถในระดบั ปานกลาง (คอ่ นข้างอ่อน) - โตะ๊ หมายเลข 4 เป็นโตะ๊ แขง่ ขันสำหรับผเู้ รยี นทมี่ ีความสามารถในระดับอ่อน โต๊ะหมายเลข 1 โตะ๊ หมายเลข 2 โตะ๊ หมายเลข 3 โตะ๊ หมายเลข 4 12 3 4 12 3 4 12 3 4

ในกรณที ีม่ ีผู้เรียนจำนวนมาก โตะ๊ หมายเลข 1, 2, 3, 4 อาจจะซ้ำกนั หลายโตะ๊ เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รยี นทกุ คนไดม้ ี โอกาสแข่งขัน 2. การจดั การแขง่ ขัน มีการจัดโตะ๊ แข่งขันที่มีตวั แทนแตล่ ะกลมุ่ ซึง่ มที ้ังเกง่ ปานกลาง (ค่อนขา้ งเก่ง) ปานกลาง (ค่อนขา้ งออ่ น) อ่อน ครูจะจัดโต๊ะแข่งขันโดยกำหนดให้ผูเ้ รยี นแต่ละกล่มุ ซึง่ มีความสามารถแตกตา่ ง กนั แยกยา้ ยกันไปแข่งขนั ในโต๊ะทีจ่ ัดไว้ตามความสามารถ ตัวอย่างเช่น นกั เรยี นที่เกง่ ของแต่ละกลุม่ จะมาแข่งขนั ใน โต๊ะทจ่ี ัดไว้สำหรับคนเก่ง นักเรยี นทมี่ คี วามสามารถ อยู่ในระดับปานกลาง (ค่อนขา้ งเก่ง) ของแต่ละกลุ่มก็จะมา แข่งขนั กนั ในโต๊ะทีจ่ ดั ไวส้ ำหรับคนท่มี ี ความสามารถปานกลาง (ค่อนข้างเก่ง) นักเรยี นทม่ี ีความสามารถอยู่ในระดับ ปานกลาง (ค่อนขา้ งออ่ น) ของแต่ละกลุ่มกจ็ ะมาแขง่ ขันกนั ในโตะ๊ ท่ีจดั ไว้ สำหรบั คนที่มีความสามารถอยู่ในระดับ ปานกลาง (คอ่ นข้างอ่อน) ผเู้ รยี นทม่ี ีความสามารถอย่ใู นระดับอ่อนของแต่ละกล่มุ ก็จะเขา้ ไปแขง่ ขนั กนั ในโตะ๊ ทจ่ี ัด ไว้สำหรับคนท่ีมคี วามสามารถอยู่ในระดบั ออ่ น 3. การดำเนินการแขง่ ขนั ควรปฏบิ ตั ิตามข้ันตอน ดังน้ี 1) ครแู จกซองคำถามให้ทุกโต๊ะ ซง่ึ มคี ำถามเท่ากับจำนวนนักเรยี น ซงึ่ ถา้ มีเวลามากอาจจะมี คำถามเปน็ 2 หรอื 3 เท่าของจำนวนนกั เรียน โดยตอบเป็น 2 หรอื 3 รอบก็ได้ ครคู วรชี้แจง ใหน้ กั เรยี นทราบวา่ ทกุ คนจะผลัดกนั เปน็ ผู้อา่ นคำถาม ขอให้อ่านชา้ ๆ ชัดๆ ผู้อา่ นคำถามจะ มีหนา้ ทอี่ ่านคำเฉลย และใหค้ ะแนนผู้ท่ีตอบถกู ตามลำดับ ดงั นน้ั ครูจะตอ้ งมีคำเฉลยทชี่ ดั เจน ใสซ่ องใหน้ ักเรียนควบคู่ไปกับคำถาม อาจจะเรมิ่ ข้นึ จากคำถามง่ายๆ ไปถึงยากก็ได้ คำถาม แต่ละข้อนั้นครอู าจจะเป็นผ้กู ำหนดเวลาต่อข้อกไ็ ด้ 2) เริ่มการแข่งขนั - นักเรยี นคนที่ 1 หยบิ ซองคำถาม 1 ซอง เปิดอ่านคำถาม แล้ววางลงกลางโต๊ะ - นกั เรยี นอกี 3 คน แข่งขันกนั ตอบคำถาม โดยเขยี นคำตอบลงในกระดาษคำตอบของตนสง่ ให้ คนอ่านคนท่ี 1 - คนทีอ่ า่ นคำถามทำหนา้ ท่ีใหค้ ะแนน ผู้ท่ีตอบถูกได้ 2 คะแนน ผู้ทตี่ อบผิดได้ 0 คะแนน - สมาชกิ ในทมี แข่งขันจะผลดั กันทำหนา้ ที่อ่านคำถามจนคำถามหมดโดยให้ทกุ คนไดต้ อบคำถาม จำนวนเทา่ กนั - ใหท้ กุ คนรวมคะแนนของตนเอง โดยมสี มาชิกทุกคนในกล่มุ รับรองร่วมกันว่าถูกต้อง อาจจะให้ เซ็นช่ือรับรองด้วยก็ได้ และอาจจะมกี ารคิดคะแนนในรูปของโบนสั ได้ เชน่ ผู้ที่ได้คะแนนสูงสดุ ในแต่ละโตะ๊ จะได้โบนัส 10 คะแนน ผทู้ ไี่ ดค้ ะแนนรองอนั ดับ 1 ไดโ้ บนสั 8 คะแนน ผ้ทู ไี่ ด้คะแนนรองอนั ดับ 2 ได้โบนัส 6 คะแนน ผู้ท่ไี ด้คะแนนรองอันดับ 3 ไดโ้ บนสั 4 คะแนน (ผสู้ อนอาจจะออกแบบการแขง่ ขันเปน็ อย่างอื่น) 3) การให้คะแนนทมี ผชู้ นะ ผู้ที่ไปทำการแขง่ ขันจะกลับเขา้ กลุ่มเดมิ นำคะแนนการแขง่ ขนั แต่ละ คนมารวมกันเป็นคะแนนของทีม ทีมทีไ่ ดค้ ะแนนสงู สุดจะได้รบั รางวัล คอื คำชมเชย หรือการประกาศชมเชยบน ป้ายนิเทศ

4. ครมู อบหมายใหน้ กั เรียนทำรายงานสรุปเรื่อง ระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจบุ ัน โดยมีขอบข่ายดงั นี้ 1) การเปรยี บเทยี บผลดีและผลเสยี ของระบบเศรษฐกจิ แบบตา่ ง ๆ 2) การเปรยี บเทียบข้อดแี ละขอ้ เสียของตลาดประเภทตา่ ง ๆ 3) การกำหนดราคาตามอุปสงค์และอุปทาน 4) บทบาทของรัฐในการแทรกแซงราคาและการควบคมุ ราคาเพื่อการแจกจ่าย ส่อื อุปกรณ์และแหล่งการเรยี นรู้ 1. สอื่ การเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรียน เศรษฐศาสตร์ ม. 4- ม.6 2) หนงั สือคน้ คว้าเพม่ิ เติม (1) นราทิพย์ ชตุ ิวงศ์และชลดา จามรกลุ . พ้นื ฐานเศรษฐศาสตร์จุลภาค. กรุงเทพมหานคร : คณะเศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย, 2541. (2) พอพันธ์ อุยยานนท.์ พัฒนาการเศรษฐกิจไทย ในประมวลสาระชุดวชิ าไทยศึกษา หนว่ ยท่ี 3 สาขาวชิ าศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช. นนทบุรี : โรงพิมพ์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช, 2546. (3) รัตนา สายคณติ . การพฒั นาเศรษฐกิจ ในเอกสารการสอนชุดวิชาสงั คมศึกษา 3 : เศรษฐศาสตร์สำหรบั ครู หนว่ ยท่ี 14 สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั -ธรรมาธริ าช. นนทบรุ ี :โรงพมิ พ์มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช,2546. (4) รตั นา สายคณติ และคณะ. พ้ืนฐานเศรษฐศาสตร์มหภาค. กรุงเทพมหานคร : คณะ เศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2540. (5) วันรักษ์ มงิ่ มณนี าคิน. หลกั เศรษฐศาสตร์มหภาค. พิมพค์ รัง้ ท่ี 14. กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,2550. 3) ใบงานที่ 1.1 เร่อื ง ความสำคัญและเปา้ หมายของเศรษฐศาสตร์ 4) ใบงานท่ี 1.2 เร่อื ง วเิ คราะห์ปญั หาพนื้ ฐานทางเศรษฐกจิ 5) ใบงานที่ 2.1 เรอ่ื ง กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ 2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องสมดุ 2) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ http://www.mof.go.th http://www.idis.ru.ac.th http://www.mfa.go.th/business/1092.php http://www.itd.or.th/th/comment/reply/354

การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 2.1 ใบงานท่ี 2.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.2 ใบงานที่ 2.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินรายงานสรุป เรอื่ ง ระบบเศรษฐกิจในโลก แบบประเมนิ รายงานสรปุ เร่ือง ระบบเศรษฐกจิ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ปัจจบุ นั ในโลกปัจจุบนั ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ รายวิชา สังคมศกึ ษา รหัสวิชา ส31103 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่……..เร่ือง………………….…….……………..…………..……………..เวลา ……คาบ 1. จำนวนนกั เรียนที่ใช้สอน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่.ี ..........................จำนวน.................คน 2. ผลการสอน 2.1) ความเหมาะสมของระยะเวลา  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรบั ปรงุ 2.2) ความเหมาะสมของเนอื้ หา  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรับปรงุ 2.3) ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรียนการสอน  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรบั ปรุง 2.4) ความเหมาะสมของสื่อการสอนทใี่ ช้  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรับปรุง 2.5) พฤตกิ รรม/การมีสว่ นรว่ มของนกั เรียน  ดมี าก  ดี  พอใช้  ตอ้ งปรบั ปรุง 2.6) ผลการปฏบิ ัติกิจกรรม/ใบกิจกรรม การทดสอบก่อนเรียนและหลังเรยี น 2.6.1) การประเมินดา้ นความรคู้ วามเขา้ ใจโดยใช้แบบประเมินสรปุ ความคิดรวบยอดพบว่ามนี ักเรียนร้อยละ ..……….. ผา่ นเกณฑ์การประเมิน และมีนกั เรยี นรอ้ ยละ ……….....ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ 2.6.2) การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการของผเู้ รียนผลการประเมนิ โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการ ทำงานพบวา่ มีนักเรยี นรอ้ ยละ..….….. ผ่านเกณฑ์การประเมิน และมีนกั เรยี นรอ้ ยละ …...……ไม่ผา่ นเกณฑก์ าร ประเมนิ 2.6.3) การประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ผลการประเมินโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมพบว่ามี นักเรยี นร้อยละ ..……….. ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน และมนี กั เรยี นร้อยละ ……....…ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน 3. ปัญหาและอปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………….................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………...…………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… 4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… …………………………………………………………………………................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… ลงชือ่ ………..…………………. ผู้สอน/ผบู้ นั ทกึ ลงช่ือ .....................................ผ้บู รหิ าร ( นายเจษฎา กนั ทวงค์ ) ( นายศฤงคาร ใจปนั ทา ) ครผู ู้ช่วย ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 21 …………/…………./………… …………/…………./…………

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ลำดับ ชื่อ – ความรว่ มมอื การแสดง การรับฟัง การต้ังใจ การร่วม รวม ท่ี สกลุ 4321 ความคิดเห็น ความคิดเหน็ ทำงาน ปรับปรุง 20 ของผรู้ บั ผลงานกลมุ่ คะแนน การ 4321 4321 4321 4321 ประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน 4 ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ดีมาก = 3 ............../.................../................ ดี = 2 พอใช้ = 1 หมายเหตุ ครอู าจใช้วธิ ีการมอบหมายใหห้ ัวหน้ากลุ่ม ปรับปรงุ = เป็นผู้ประเมิน หรอื ให้ตวั แทนกลุ่มผลัดกนั ประเมนิ หรือใหม้ กี ารประเมินโดยเพ่อื น โดยตัวนกั เรยี นเอง เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ตามความเหมาะสมก็ได้ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 17 – 20 ดีมาก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5–8 ปรบั ปรงุ

แผนการจดั การเรยี นรู้ สาระท่ี 3 เศรษฐศาสตร์ จำนวน 3 ช่ัวโมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ผู้สอน นายเจษฎา กันทวงค์ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 เศรษฐกิจพอเพยี งกบั การพฒั นาเศรษฐกจิ ของไทย เรอื่ ง การพัฒนาเศรษฐกิจของไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ส 3.1 เข้าใจและสามารถบริหารจดั การทรัพยากรในการผลิตและการบริโภค การใช้ ทรัพยากรทม่ี อี ยูอ่ ยา่ งจำกัดไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพและคุ้มคา่ รวมทัง้ เข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงเพอ่ื การ ดำรงชวี ติ อยา่ งมดี ลุ ยภาพ ตัวช้ีวัด ส 3.1 ม.4-6/2 ตระหนักถึงความสำคญั ของปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงที่มตี อ่ เศรษฐกิจ สังคมของประเทศ สาระการเรยี นรู้ 1) ปัญหาการพัฒนาประเทศทีผ่ ่านมา โดยการศึกษาวเิ คราะห์แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมฉบับท่ีผา่ นมา 2) การพัฒนาประเทศทน่ี ำปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาใช้ในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับ ปัจจุบนั สาระสำคัญ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มคี วามสำคญั ตอ่ การนำไปใชใ้ นการแกป้ ญั หาและการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ จุดประสงค์ 1. วเิ คราะหส์ าระสำคัญของแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติฉบบั ต่าง ๆ ได้ 2. วเิ คราะหป์ ัญหาการพฒั นาประเทศทผ่ี ่านมาได้ 3. วิเคราะหแ์ ผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมฉบับปัจจบุ ันที่แสดงถึงเศรษฐกจิ พอเพียงได้ สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ - ทกั ษะการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ 2. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - กระบวนการทำงานกล่มุ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. มุง่ มัน่ ในการทำงาน 3. ขยัน อดทน กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชัว่ โมงท่ี 1 1. ใหน้ กั เรยี นเล่าประสบการณ์ความร้เู ดิมของนักเรียนท่เี คยเรียนประวตั ศิ าสตรส์ มยั สุโขทยั และสมัยอยุธยา เปน็ ราชธานี ว่าสภาพเศรษฐกิจในสมัยนนั้ มีลกั ษณะเปน็ อยา่ งไร ซึ่งนกั เรียนสามารถตอบได้หลากหลาย เช่น - อาชพี สว่ นใหญ่ของประชากรคือการเพาะปลูกพืชเพ่ือการดำรงชวี ิต - ผลติ สง่ิ ของต่าง ๆ ประเภทหัตถกรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชพี - ส่งสินคา้ ที่ผลติ เหลือใชไ้ ปขายยังตา่ งประเทศ

- การค้าขายกับต่างประเทศมีความเจรญิ รุง่ เรืองในสมัยอยุธยามากกว่าสมัยสุโขทยั ฯลฯ 2. ครอู ธิบายเช่ือมโยงความรู้ให้นกั เรยี นมีความเข้าใจเกย่ี วกับโครงสรา้ งเศรษฐกิจไทยกอ่ นการใช้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ พ.ศ. 2398-2504 เปรียบเทยี บกบั โครงสรา้ งเศรษฐกิจไทย ตามแผนพฒั นา เศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาตใิ นภาพรวม 3. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุม่ ละ 4 คน คละกันตามความสามารถ คอื เก่ง ปานกลาง (คอ่ นข้างเก่ง) ปานกลาง (ค่อนข้างอ่อน) และออ่ น 4. นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกันศกึ ษาความรเู้ รื่อง โครงสรา้ งเศรษฐกิจไทย จากหนงั สอื เรยี น และรว่ มกัน อภิปรายถึงประเดน็ สำคัญของเรอ่ื งท่ศี ึกษาจนมคี วามเข้าใจกระจา่ งชดั เจน 5. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ แบ่งออกเป็น 2 คู่ ให้แต่ละคู่ช่วยกันทำใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง โครงสร้าง เศรษฐกจิ ไทย ดงั น้ี - คู่ที่ 1 ทำใบงานที่ 1.1 ตอนท่ี 1 - คูท่ ี่ 2 ทำใบงานท่ี 1.1 ตอนท่ี 2 6. นกั เรยี นแตล่ ะคูช่ ว่ ยกันทบทวนผลงานท่รี ว่ มกันทำและตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากนัน้ ให้นกั เรียนแตล่ ะ ค่ผู ลัดกนั เล่าความรจู้ ากการทำใบงานในสว่ นทีค่ ขู่ องตนรับผดิ ชอบ และใหผ้ ู้ท่ยี งั ไม่เขา้ ใจไดซ้ กั ถามจนเขา้ ใจกระจ่าง ชัดเจน ถา้ ยงั ไม่เข้าใจให้ถามครผู ู้สอน 7. ครูและนักเรียนช่วยกันเฉลยคำตอบในใบงานท่ี 1.1 เรื่อง โครงสรา้ งเศรษฐกิจไทย และชว่ ยกันสรปุ โครงสรา้ งเศรษฐกิจไทยก่อนการใช้แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาตแิ ละโครงสร้างเศรษฐกจิ ไทยตาม แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ชว่ั โมงท่ี 2-3 1. ครนู ำขา่ วหรือขอ้ มลู เก่ยี วกบั สภาพเศรษฐกจิ ของไทยในปัจจบุ ัน เช่น - สินคา้ ดา้ นพืชผักผลไม้ของไทยเปน็ ท่ตี ้องการของประเทศในยุโรป และเอเชีย ทำใหเ้ กษตรกรไทย เพ่มิ การผลติ มากข้นึ - สนิ คา้ สง่ ออกท่ีทำรายไดใ้ ห้แกป่ ระเทศไทยจำนวนมาก ได้แก่ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ อปุ กรณ์และ สว่ นประกอบรถยนต์ อญั มณแี ละเคร่อื งประดับ แผงวงจรไฟฟา้ นำ้ มันสำเร็จรูป ขา้ ว เหล็ก เหล็กกลา้ และ ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑย์ าง 2. ครูต้งั คำถามถามนกั เรยี นในประเดน็ ตอ่ ไปนี้ - ข่าวท่ีนำเสนอน้ันสง่ ผลดีต่อเศรษฐกิจของไทยอย่างไรบา้ ง - ปญั หาท่ีคาดวา่ จะเกดิ ขึน้ มอี ะไรบา้ ง และมีแนวทางปอ้ งกันแกไ้ ขอยา่ งไร - มวี ธิ กี ารท่ีจะพัฒนากิจกรรมตา่ ง ๆ ในข่าวขอ้ ท่ี 1 อย่างไรบา้ ง เพ่อื ใหส้ ่งผลดีต่อสภาพความ เป็นอย่ขู องประชาชน และประเทศชาติ 3. ครูอธบิ ายให้นักเรียนเข้าใจวา่ ผลดที ่ีเกดิ ขึน้ จากขอ้ มลู ขา่ วสารในข้อ 1 น้นั เนื่องจากการพัฒนาประเทศ ตามแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ เริ่มจากแผนฉบับท่ี 1- ฉบบั ที่ 10 ซง่ึ เป็นแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และ สังคมแหง่ ชาติในปจั จุบนั ครูอธิบายสาระสำคญั ในหวั ขอ้ ต่อไปน้ี - จดุ เด่นและปัญหาสำคญั ทเ่ี กิดขนึ้ ในชว่ งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ต้งั แต่ ฉบบั ที่ 1-10 - ปจั จัยสำคญั ของการพัฒนาเศรษฐกจิ - เครือ่ งชี้วัดการเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจ 4. ครใู ห้นกั เรยี นกล่มุ เดิมในชัว่ โมงท่ี 1 ศึกษาความรู้เพม่ิ เตมิ เก่ยี วกับแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคม แหง่ ชาติ จากหนังสอื เรยี น และจากแหลง่ การเรียนรู้ต่าง ๆ

5. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภปิ รายประเด็นสำคญั ของหวั ข้อทีศ่ กึ ษาและช่วยกันทำใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง การพัฒนาเศรษฐกจิ ของประเทศ ดังนี้ - สมาชิกคนทห่ี นึง่ ของกล่มุ เขยี นคำตอบในหัวขอ้ ของใบงานขอ้ ทีห่ นึ่ง แลว้ ส่งต่อให้สมาชิก คนทีส่ องของกลุ่ม - สมาชกิ คนที่สองของกลมุ่ อ่านคำตอบของสมาชกิ คนที่หนึง่ ตรวจสอบความถกู ต้องหรือเขยี น คำตอบเพม่ิ เติม และทำใบงานในข้อต่อไป - สมาชิกคนต่อไปอ่านคำตอบของสมาชกิ ทเี่ ขียนไว้ แลว้ ตรวจสอบความถกู ตอ้ งหรอื เขียน คำตอบเพิ่มเติม และทำใบงานในข้อตอ่ ไป - สมาชกิ แต่ละคนในกลุม่ จะได้มีโอกาสอา่ นและเขียนคำตอบหมนุ เวยี นไปเรือ่ ย ๆ จนเสรจ็ 6. นกั เรียนแต่ละกลุ่มช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง ความสมบรู ณข์ องใบงานท่ี 1.2 7. ครูให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ผลัดกันเฉลยคำตอบในใบงานซ่งึ อาจจะเป็นหวั ขอ้ ละ 1-2 กลุ่ม หมนุ เวียนกนั ไป แล้วให้กลุ่มอืน่ ชว่ ยเพิม่ เตมิ ในสว่ นที่แตกต่างกนั ไป โดยมคี รเู ป็นผู้ตรวจสอบความถูกตอ้ ง 8. ครูและนักเรียนช่วยกนั สรุปการพัฒนาประเทศ ตามแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแต่ละฉบบั และผลทไ่ี ด้รบั ส่ือ อปุ กรณแ์ ละแหล่งการเรยี นรู้ 1. สื่อการเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรยี น เศรษฐศาสตร์ ม. 4- ม.6 2) หนังสือค้นคว้าเพม่ิ เติม (1) นราทิพย์ ชุตวิ งศ์และชลดา จามรกุล. พน้ื ฐานเศรษฐศาสตรจ์ ุลภาค. กรุงเทพมหานคร : คณะเศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั , 2541. (2) พอพนั ธ์ อุยยานนท์. พัฒนาการเศรษฐกิจไทย ในประมวลสาระชดุ วชิ าไทยศกึ ษา หนว่ ยท่ี 3 สาขาวิชาศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. นนทบุรี : โรงพมิ พ์ มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช, 2546. (3) รตั นา สายคณิต. การพัฒนาเศรษฐกิจ ในเอกสารการสอนชุดวชิ าสงั คมศึกษา 3 : เศรษฐศาสตร์สำหรับครู หน่วยท่ี 14 สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัย-ธรรมาธริ าช. นนทบรุ ี :โรงพมิ พ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช,2546. (4) รตั นา สายคณิต และคณะ. พื้นฐานเศรษฐศาสตรม์ หภาค. กรุงเทพมหานคร : คณะ เศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, 2540. (5) วนั รักษ์ ม่ิงมณีนาคนิ . หลักเศรษฐศาสตรม์ หภาค. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 14. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์,2550. 3) ใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง ความสำคญั และเปา้ หมายของเศรษฐศาสตร์ 4) ใบงานที่ 1.2 เรอื่ ง วิเคราะห์ปัญหาพน้ื ฐานทางเศรษฐกิจ 5) ใบงานที่ 2.1 เรอ่ื ง กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ 2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมดุ

2) แหล่งข้อมลู สารสนเทศ http://www.mof.go.th http://www.idis.ru.ac.th http://www.mfa.go.th/business/1092.php http://www.itd.or.th/th/comment/reply/354 การวดั และการประเมินผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วิธกี าร ใบงานที่ 1.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.1 ใบงานที่ 1.2 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.2 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่

บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ รายวิชา สังคมศกึ ษา รหัสวิชา ส31103 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่……..เร่ือง………………….…….……………..…………..……………..เวลา ……คาบ 1. จำนวนนกั เรียนที่ใช้สอน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่.ี ..........................จำนวน.................คน 2. ผลการสอน 2.1) ความเหมาะสมของระยะเวลา  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรบั ปรงุ 2.2) ความเหมาะสมของเนอื้ หา  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรับปรงุ 2.3) ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรียนการสอน  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรบั ปรุง 2.4) ความเหมาะสมของสื่อการสอนทใี่ ช้  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรับปรุง 2.5) พฤตกิ รรม/การมีสว่ นรว่ มของนกั เรียน  ดีมาก  ดี  พอใช้  ตอ้ งปรบั ปรุง 2.6) ผลการปฏบิ ัติกิจกรรม/ใบกิจกรรม การทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี น 2.6.1) การประเมนิ ดา้ นความรูค้ วามเขา้ ใจโดยใช้แบบประเมินสรปุ ความคิดรวบยอดพบว่ามนี ักเรียนร้อยละ ..……….. ผา่ นเกณฑ์การประเมิน และมีนกั เรยี นรอ้ ยละ ……….....ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ 2.6.2) การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการของผู้เรียนผลการประเมนิ โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการ ทำงานพบวา่ มีนักเรยี นรอ้ ยละ..….….. ผ่านเกณฑ์การประเมิน และมีนกั เรยี นรอ้ ยละ …...……ไม่ผา่ นเกณฑก์ าร ประเมนิ 2.6.3) การประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ผลการประเมินโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมพบว่ามี นักเรยี นร้อยละ ..……….. ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน และมีนกั เรยี นร้อยละ ……....…ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน 3. ปัญหาและอปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………….................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………...…………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… 4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… …………………………………………………………………………................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… ลงชือ่ ………..…………………. ผู้สอน/ผบู้ นั ทกึ ลงช่ือ .....................................ผ้บู รหิ าร ( นายเจษฎา กนั ทวงค์ ) ( นายศฤงคาร ใจปนั ทา ) ครผู ู้ช่วย ผ้อู ำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 21 …………/…………./………… …………/…………./…………

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ลำดับ ชื่อ – ความรว่ มมอื การแสดง การรับฟัง การต้ังใจ การร่วม รวม ท่ี สกลุ 4321 ความคิดเห็น ความคิดเหน็ ทำงาน ปรับปรุง 20 ของผรู้ บั ผลงานกลมุ่ คะแนน การ 4321 4321 4321 4321 ประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน 4 ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ดีมาก = 3 ............../.................../................ ดี = 2 พอใช้ = 1 หมายเหตุ ครอู าจใช้วธิ ีการมอบหมายใหห้ ัวหน้ากลุ่ม ปรับปรงุ = เป็นผู้ประเมิน หรอื ให้ตวั แทนกลุ่มผลัดกนั ประเมนิ หรือใหม้ กี ารประเมินโดยเพ่อื น โดยตัวนกั เรยี นเอง เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ตามความเหมาะสมก็ได้ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 17 – 20 ดีมาก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5–8 ปรบั ปรงุ

แผนการจดั การเรยี นรู้ สาระที่ 3 เศรษฐศาสตร์ จำนวน 3 ช่วั โมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 เศรษฐกจิ พอเพียงกับการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย ผูส้ อน นายเจษฎา กนั ทวงค์ เรอ่ื ง การนำหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มาใชใ้ นการวางแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม ชั้น มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ส 3.1 เขา้ ใจและสามารถบริหารจดั การทรัพยากรในการผลิตและการบรโิ ภค การใช้ ทรัพยากรทมี่ อี ยูอ่ ยา่ งจำกดั ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพและคมุ้ ค่า รวมทงั้ เข้าใจหลกั การของเศรษฐกิจพอเพยี งเพือ่ การ ดำรงชีวติ อยา่ งมีดุลยภาพ ตวั ช้ีวัด ส 3.1 ม.4-6/2 ตระหนักถึงความสำคัญของปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งทีม่ ตี อ่ เศรษฐกจิ สังคมของประเทศ สาระการเรยี นรู้ 1) การประยกุ ต์ใชเ้ ศรษฐกิจพอเพยี งในการดำเนนิ ชีวติ ของตนเองและครอบครวั 2) การประยกุ ต์ใช้เศรษฐกจิ พอเพียงในภาคเกษตร อุตสาหกรรม การค้าและบรกิ าร สาระสำคญั การนำหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาใชใ้ นการวางแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ของประเทศ ทำให้ทกุ ภาคสว่ นนำไปประยุกต์ใชใ้ นการดำเนนิ ชวี ิตของตนเอง ครอบครวั ภาคเกษตร อุตสาหกรรม การค้าและบริการ จุดประสงค์ 1. วเิ คราะหแ์ นวทางการประยกุ ต์ใชเ้ ศรษฐกิจพอเพยี ง ในการดำเนินชวี ติ ของตนเองและ ครอบครัวได้ 2. วิเคราะหแ์ นวทางการประยกุ ตใ์ ช้เศรษฐกิจพอเพียง ในภาคเกษตร อตุ สาหกรรม การค้าและการบรกิ ารได้ สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ - ทักษะการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ - ทักษะการคิดแก้ปัญหา 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ - กระบวนการทำงานกลมุ่ - กระบวนการปฏบิ ตั ิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรยี นรู้ 2. มุง่ มน่ั ในการทำงาน 3. มวี ินยั 4. มีความซอื่ สัตย์สจุ รติ 5. ขยัน อดทน 6. พอประมาณ

กิจกรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงที่ 1 ข้ันที่ 1 ขัน้ สร้างคณุ คา่ และประสบการณ์ของสิง่ ที่เรียน ( พัฒนาสมองซกี ขวา ) 1.1 ให้นักเรียนรวมกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน นั่งล้อมวงผลดั กันเลา่ ความประทับใจในกจิ กรรม หรือการกระทำของกลมุ่ บุคคลท่ีแสดงว่าได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งไปประยกุ ตใ์ ช้ เช่น ชาวบ้านชุมชนถ้ำน้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวดั แมฮ่ ่องสอน ได้รวมตวั กนั จัดชมุ ชนให้สะอาด ร่มร่นื นา่ อยู่ อนรุ ักษส์ ภาพแวดล้อม ป่าไม้ ถำ้ ให้คงสภาพเป็นธรรมชาติ แบง่ ปันการประกอบอาชีพ มีรายไดจ้ ากการบรกิ าร นกั ทอ่ งเที่ยว พาน่งั แพชมถำ้ ผลัดกันเปน็ มัคคุเทศกน์ ำเทยี่ ว มีการให้เชา่ ตะเกียง หรือโคมไฟ หรอื ไฟฉายสำหรับส่องดูความงามภายในถำ้ มกี ารแบง่ เวรกนั ทำ หน้าท่ดี ูแลความปลอดภยั ของนักท่องเทีย่ ว การทำความสะอาดบรเิ วณสถานที่ โดยมีคณะกรรมการชมุ ชนเป็นผูว้ างแผนการทำกิจกรรม และหน้าทต่ี ่าง ๆ อกี ทัง้ ใหค้ วามยุติธรรมในการแบง่ รายไดใ้ หแ้ ก่ชาวบา้ น ชาวบา้ นทับสะแก อำเภอทบั สะแก จงั หวดั ประจวบคีรีขันธ์ รวมกลมุ่ กัน ประกอบอาชพี แปรรปู สนิ ค้าจากมะพรา้ ว เช่น มะพรา้ วอบ กะทสิ ดจากมะพร้าว มะพร้าวแก้ว วนุ้ มะพร้าว เครือ่ งใช้เครือ่ งประดับจากกาบมะพรา้ ว กะลามะพร้าว เคร่ืองเรอื นจากตน้ มะพร้าว ให้ทกุ ครัวเรอื นมรี ายได้อยา่ งสมำ่ เสมอและมอี าชพี ท่ี มัน่ คง ฯลฯ 1.2 นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั สรุปประเดน็ สำคัญจากการเลา่ ประสบการณข์ องสมาชกิ ในกล่มุ ขั้นที่ 2 ขั้นวิเคราะห์ประสบการณ์ (พัฒนาสมองซีกซา้ ย) 2.1 ครูและนกั เรียนช่วยกันคัดเลือกกจิ กรรมหรอื การกระทำของกล่มุ บคุ คล หรอื ชุมชนที่นา่ สนใจ และแสดงถึงการนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาประยุกตใ์ ช้อยา่ งชัดเจน 2.2 นกั เรียนและครรู ว่ มกนั อภปิ รายถงึ เหตผุ ลของการคดั เลือกกจิ กรรมหรือการกระทำของกลุ่ม บุคคลหรอื ชุมชน ในข้อ 2.1 ซง่ึ นักเรียนอาจเชอื่ มโยงใหเ้ ข้ากบั ทางสายกลาง เกีย่ วกบั ความพอประมาณ มีเหตผุ ล มี ภูมิคุม้ กันในตวั ทด่ี ี ภายใต้เง่อื นไขความรู้ เง่ือนไข คุณธรรม ขนั้ ท่ี 3 ข้นั ปรับประสบการณ์เปน็ ความคิดรวบยอด (พัฒนาสมองซกี ขวา) 3.1 ครูให้นักเรยี นศกึ ษาความรู้ร่วมกันในเรอ่ื งกรอบแนวคดิ ของหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3.2 นักเรยี นนำขอ้ มูลความรทู้ ไี่ ดม้ าเช่อื มโยงกับความรเู้ ดิม แล้วรว่ มกนั สรปุ เปน็ ความคดิ รวบยอด ถึงแนวทางการนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใชใ้ นการวางแผนพัฒนาเศรษฐกจิ ของประเทศ

ชวั่ โมงท่ี 2-3 (กิจกรรมต่อเนื่องจากช่ัวโมงที่ 1) ขนั้ ที่ 4 ขนั้ พัฒนาความคดิ รวบยอด ( พัฒนาสมองซีกซา้ ย) 4.1 นกั เรยี นรวมกลุ่มตามความสมัครใจ กล่มุ ละ 5-7 คน ศกึ ษาความรูเ้ รือ่ ง การพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จากหนงั สือเรียน และแหลง่ การเรยี นรู้ 4.2 นักเรียนแตล่ ะกลุม่ นำความรทู้ ไี่ ดศ้ กึ ษามาในข้อ 4.1 มาอภปิ รายร่วมกันถึงประเดน็ สำคัญ ข้นั ที่ 5 ขน้ั ลงมือปฏิบัติจากกรอบแนวคดิ ท่กี ำหนด (พัฒนาสมองซีกซ้าย) 5.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มนำความรูแ้ ละผลการคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์มาเปน็ พ้ืนฐานในการหา ขอ้ มูลขา่ วสารจากแหล่งการเรยี นรูต้ า่ ง ๆ ตามหัวข้อทก่ี ำหนดในใบงาน โดยแบ่งกนั รับผิดชอบ ดงั น้ี - กลมุ่ ที่ 1-2 ทำใบงานท่ี 2.1 เรอื่ ง เศรษฐกจิ พอเพยี งสำหรับประชาชน - กลุม่ ท่ี 3-4 ทำใบงานท่ี 2.2 เรื่อง เศรษฐกิจพอเพยี งสำหรับเกษตรกร - กลมุ่ ที่ 5-6 ทำใบงานที่ 2.3 เรือ่ ง เศรษฐกจิ พอเพยี งสำหรับภาคอตุ สาหกรรม การค้า และการบริการ 5.2 นกั เรยี นแต่ละกลุ่มชว่ ยกันวิเคราะหข์ ้อมูล แลว้ ตอบคำถามตามหัวขอ้ ทก่ี ำหนดใหใ้ นใบงานและ ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 5.3 นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลงานต่อช้นั เรยี นและให้กลมุ่ อืน่ แสดงความคดิ เห็นเพมิ่ เตมิ โดยมีครูเปน็ ผชู้ ว่ ยช้แี นะ และตรวจสอบความถูกต้อง ขั้นที่ 6 ข้ันสรา้ งช้นิ งานเพื่อสะทอ้ นความเป็นตนเอง (พฒั นาสมองซีกขวา) 6.1 ครมู อบหมายชนิ้ งานให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั จัดป้ายนเิ ทศ เรอ่ื ง ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติของประเทศโดยใหค้ รอบคลมุ ประเด็นตอ่ ไปนี้ 1. การวิเคราะห์ผลดีและปญั หาที่เกดิ ข้นึ เมือ่ สน้ิ สุดแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ แต่ ละฉบบั 2. การวิเคราะห์แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมท่ีสอดคลอ้ งกับหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3. การเสนอแนวทางการประยกุ ตใ์ ช้เศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชวี ิตของตนเองและ ครอบครัว 4. การเสนอแนวทางการประยกุ ตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจพอเพยี งในภาคเกษตร อุตสาหกรรม การคา้ และบรกิ าร 6.2 นกั เรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มมือกนั วางแผนและหาข้อมลู / ข่าวสาร จากแหล่งการเรียนรูต้ า่ ง ๆ มา จัดป้ายนเิ ทศตามประเดน็ ที่กำหนดในขอ้ 6.1 และร่วมมือกนั ทำงานตามหน้าทท่ี ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ข้ันที่ 7 ขั้นวเิ คราะห์คณุ ค่าและการประยุกตใ์ ช้ ( พฒั นาสมองซกี ซา้ ย ) 7.1 นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั วิเคราะห์ผลงานของตน ชว่ ยกันแก้ไขปัญหาท่ีเกดิ ขึ้น ปรับปรงุ และ พัฒนางานจนมีความถกู ตอ้ งสมบรู ณ์

ขน้ั ที่ 8 ข้ันแลกเปลีย่ นประสบการณ์เรยี นรู้กับผอู้ ่นื (พฒั นาสมองซีกขวา) 8.1 นักเรียนแตล่ ะกลุม่ นำเสนอผลงานปา้ ยนเิ ทศ โดยใหก้ ล่มุ อืน่ หมนุ เวยี นกนั มาชม และให้ ขอ้ คิดเหน็ หรอื ข้อเสนอแนะในแต่ละงาน 8.2 ครแู ละนักเรียนชว่ ยกันสรุปขอ้ คดิ ทีไ่ ดจ้ ากการศึกษาความรู้ เรือ่ ง เศรษฐกิจพอเพยี งกับการ พัฒนาเศรษฐกจิ ของไทย สือ่ อปุ กรณแ์ ละแหล่งการเรยี นรู้ 1. ส่ือการเรยี นรู้ 1) หนังสือเรียน เศรษฐศาสตร์ ม. 4- ม.6 2) หนังสือคน้ ควา้ เพ่มิ เติม (1) นราทิพย์ ชตุ วิ งศแ์ ละชลดา จามรกลุ . พน้ื ฐานเศรษฐศาสตร์จุลภาค. กรงุ เทพมหานคร : คณะเศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, 2541. (2) พอพันธ์ อุยยานนท.์ พฒั นาการเศรษฐกจิ ไทย ในประมวลสาระชดุ วิชาไทยศกึ ษา หนว่ ยที่ 3 สาขาวชิ าศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช. นนทบรุ ี : โรงพมิ พ์ มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช, 2546. (3) รัตนา สายคณติ . การพฒั นาเศรษฐกิจ ในเอกสารการสอนชุดวชิ าสงั คมศกึ ษา 3 : เศรษฐศาสตร์สำหรับครู หนว่ ยที่ 14 สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั -ธรรมาธริ าช. นนทบรุ ี :โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช,2546. (4) รัตนา สายคณิต และคณะ. พนื้ ฐานเศรษฐศาสตร์มหภาค. กรงุ เทพมหานคร : คณะ เศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2540. (5) วนั รกั ษ์ มง่ิ มณนี าคิน. หลกั เศรษฐศาสตรม์ หภาค. พมิ พค์ ร้ังท่ี 14. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,2550. 3) ใบงานที่ 1.1 เรอื่ ง ความสำคญั และเปา้ หมายของเศรษฐศาสตร์ 4) ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง วิเคราะหป์ ญั หาพนื้ ฐานทางเศรษฐกจิ 5) ใบงานที่ 2.1 เรื่อง กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ 2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมดุ 2) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ http://www.mof.go.th http://www.idis.ru.ac.th http://www.mfa.go.th/business/1092.php http://www.itd.or.th/th/comment/reply/354

การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 2.1 ใบงานที่ 2.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.3 ใบงานที่ 2.2 ช่ัวโมงท่ี 1 ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ใบงานที่ 2.3 ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินป้ายนิเทศ เรื่อง ปรัชญาของเศรษฐกิจ แบบประเมินป้ายนเิ ทศ เรอ่ื ง ปรชั ญาเศรษฐกิจ พอเพียงมคี วามสำคญั ตอ่ การพฒั นาเศรษฐกิจและ พอเพียงมีความสำคญั ตอ่ การพัฒนาเศรษฐกจิ สงั คมของประเทศ และสงั คมของประเทศ สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่

บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ รายวิชา สังคมศกึ ษา รหัสวิชา ส31103 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่……..เร่ือง………………….…….……………..…………..……………..เวลา ……คาบ 1. จำนวนนกั เรียนทใ่ี ช้สอน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่.ี ..........................จำนวน.................คน 2. ผลการสอน 2.1) ความเหมาะสมของระยะเวลา  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรบั ปรงุ 2.2) ความเหมาะสมของเนอื้ หา  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรบั ปรุง 2.3) ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรียนการสอน  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรบั ปรุง 2.4) ความเหมาะสมของสื่อการสอนทใี่ ช้  ดีมาก  ดี  พอใช้  ตอ้ งปรบั ปรุง 2.5) พฤตกิ รรม/การมีสว่ นรว่ มของนกั เรียน  ดีมาก  ดี  พอใช้  ตอ้ งปรบั ปรงุ 2.6) ผลการปฏิบัติกิจกรรม/ใบกิจกรรม การทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี น 2.6.1) การประเมนิ ด้านความรูค้ วามเขา้ ใจโดยใช้แบบประเมินสรปุ ความคิดรวบยอดพบว่ามีนกั เรยี นร้อยละ ..……….. ผา่ นเกณฑ์การประเมิน และมีนกั เรยี นรอ้ ยละ ……….....ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ 2.6.2) การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการของผู้เรียนผลการประเมินโดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการ ทำงานพบว่ามีนักเรียนรอ้ ยละ..….….. ผ่านเกณฑ์การประเมิน และมีนกั เรยี นรอ้ ยละ …...……ไม่ผา่ นเกณฑ์การ ประเมนิ 2.6.3) การประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ผลการประเมินโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมพบว่ามี นักเรยี นร้อยละ ..……….. ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน และมีนกั เรยี นร้อยละ ……....…ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน 3. ปัญหาและอปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………….................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………...…………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… 4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… …………………………………………………………………………................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… ลงชือ่ ………..…………………. ผู้สอน/ผบู้ นั ทกึ ลงช่อื .....................................ผู้บรหิ าร ( นายเจษฎา กนั ทวงค์ ) ( นายศฤงคาร ใจปนั ทา ) ครผู ู้ช่วย ผ้อู ำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 21 …………/…………./………… …………/…………./…………

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ลำดับ ชื่อ – ความรว่ มมอื การแสดง การรับฟัง การต้ังใจ การร่วม รวม ท่ี สกลุ 4321 ความคิดเห็น ความคิดเหน็ ทำงาน ปรับปรุง 20 ของผรู้ บั ผลงานกลมุ่ คะแนน การ 4321 4321 4321 4321 ประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน 4 ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ดีมาก = 3 ............../.................../................ ดี = 2 พอใช้ = 1 หมายเหตุ ครอู าจใช้วธิ ีการมอบหมายใหห้ ัวหน้ากลุ่ม ปรับปรงุ = เป็นผู้ประเมิน หรอื ให้ตวั แทนกลุ่มผลัดกนั ประเมนิ หรือใหม้ กี ารประเมินโดยเพ่อื น โดยตัวนกั เรยี นเอง เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ตามความเหมาะสมก็ได้ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 17 – 20 ดีมาก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5–8 ปรบั ปรงุ

แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สาระที่ 5 ภูมิศาสตร์ จำนวน 2 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4 เคร่อื งมือทางภูมศิ าสตรแ์ ละภมู ิสารสนเทศศาสตร์ ผสู้ อน นายเจษฎา กันทวงค์ เร่อื ง เครอ่ื งมอื ทางภูมศิ าสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 5.1 เข้าใจลกั ษณะของโลกทางกายภาพ และความสมั พนั ธ์ของสรรพสิ่งซึง่ มีผลต่อ กันและกันในระบบของธรรมชาติ ใชแ้ ผนทีแ่ ละเครอ่ื งมือทางภมู ศิ าสตร์ ในการคน้ หาวเิ คราะห์สรปุ และใช้ข้อมูลภูมิ สารสนเทศอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตัวชี้วัด ส 5.1 ม.4-6/1 ใชเ้ คร่ืองมอื ทางภูมศิ าสตรใ์ นการรวบรวม วิเคราะห์ และนำเสนอข้อมลู ภูมิสารสนเทศอยา่ งมี ประสิทธิภาพ ม.4-6/3 วิเคราะหก์ ารเปลย่ี นแปลงของพื้นทซ่ี ่ึงได้รับอิทธพิ ลจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ในประเทศไทย และทวีปต่างๆ สาระการเรียนรู้ 1) เครอ่ื งมือทางภมู ศิ าสตรท์ ่ีให้ขอ้ มูล และขา่ วสารภูมิลักษณ์ ภูมอิ ากาศ และภูมสิ ังคมของไทย และภมู ิภาค ตา่ ง ๆ ทัว่ โลก สาระสำคญั การเลือกใชเ้ คร่อื งมือทางภูมิศาสตรป์ ระเภทต่าง ๆ ในการรวบรวมขอ้ มูลอยา่ งเหมาะสมย่อมทำให้ไดข้ ้อมลู สารสนเทศอยา่ งมีประสิทธภิ าพ จุดประสงค์ 1. อธบิ ายวิธีใช้และใช้เครือ่ งมอื ทางภมู ิศาสตรป์ ระเภทตา่ งๆ ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง สมรรถนะสำคญั 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดวเิ คราะห์ - ทกั ษะการให้เหตผุ ล 2) ทกั ษะกระบวนการคดิ อย่างมีวิจารณญาณ - ทกั ษะการรวบรวมข้อมลู - ทกั ษะการจัดกลุ่ม - ทักษะการเชื่อมโยง - ทักษะการสรปุ ลงความเหน็ 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 1) กระบวนการปฏบิ ตั ิ 2) กระบวนการทำงานกลมุ่ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน 3. มวี ินัย

กิจกรรมการเรยี นรู้ ชัว่ โมงท่ี 1-2 1. ครูสนทนาทบทวนความรเู้ ดิมของนกั เรียนเก่ียวกบั เครือ่ งมอื ทางภูมิศาสตร์ โดยให้นักเรียนตอบคำถาม ตอ่ ไปน้ี 1) ถ้าเราตอ้ งการเดินทางไปท่องเทีย่ วในจังหวดั ตา่ งๆ ทางภาคเหนือของประเทศไทย เราควร ศึกษาความรเู้ กย่ี วกบั การเดนิ ทาง สถานท่ีท่องเที่ยว สภาพภมู ปิ ระเทศ จะตอ้ งใช้เครื่องมอื ทางภูมิศาสตร์อะไรบ้าง และประโยชน์ทีไ่ ด้รับจากเครื่องมือดังกล่าวคืออะไร 2) ถ้าเราตอ้ งการศกึ ษาภูมิประเทศของประเทศในทวปี ตา่ งๆ อยา่ งละเอียด ควรจะใชเ้ ครือ่ งมอื ทาง ภมู ศิ าสตร์อะไรบ้าง และคาดวา่ ผลทจี่ ะได้รับคอื อะไร 2. นักเรียนแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 5-7 คน ตามความสมคั รใจ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ศึกษาขอ้ มูลความรู้เรอื่ ง เคร่อื งมือ ทางภูมิศาสตร์ จากหนงั สือเรียน หรือหนงั สือค้นคว้าเพม่ิ เติม หรือแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ ตามความเหมาะสม ใน หัวข้อต่อไปนี้ 1) แผนที่ - ความหมายของแผนที่ - ชนิดของแผนท่ี - องค์ประกอบของแผนท่ี - การอ่านแผนที่ - ประโยชน์ของแผนท่ี 2) ลกู โลกจำลอง - รปู ทรงของโลก - ขอ้ มลู ที่แสดงบนลูกโลกจำลอง 3) รปู ถ่ายทางอากาศ - ประเภทของรูปถา่ ยทางอากาศ - หลักการแปลความหมายจากรูปถา่ ยทางอากาศ - ประโยชนข์ องรูปถ่ายทางอากาศ 4) ภาพจากดาวเทียม - ชนิดของดาวเทียม - การแปลความหมายจากภาพถา่ ยดาวเทียม - ประโยชน์ของขอ้ มลู จากดาวเทยี ม 3. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ นำความรทู้ ี่ไดศ้ ึกษามารว่ มกันตอบคำถามในใบงานที่ 1.1 เร่ือง เคร่ืองมอื ทางภูมิศาสตร์ 4. ครูและนกั เรียนช่วยกนั เฉลยคำตอบในใบงานที่ 1.1 แล้วร่วมกันสรปุ สาระสำคัญเรอ่ื ง เครือ่ งมือทางภมู ศิ าสตร์ 5. นักเรยี นชว่ ยกันวิเคราะหค์ ณุ ค่า และความสำคัญของเคร่อื งมอื ทางภมู ิศาสตร์ท่ีมตี ่อการดำเนินชวี ิตของมนุษย์ 6. ครมู อบหมายให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ สืบคน้ ข้อมลู ขา่ วสารเกีย่ วกบั ภมู ิอากาศในประเทศไทย หรือภูมภิ าคต่างๆ ในโลก ในชว่ งเวลา 1 เดือน โดยใชเ้ ครอ่ื งมือทางภูมิศาสตร์ตา่ งๆ ตามความเหมาะสม 7. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ เลอื กและตดั สนิ ใจใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตรม์ าประกอบการสืบค้นข้อมูล

8. สมาชกิ แต่ละกล่มุ แบ่งหนา้ ท่ีกนั สืบค้นขอ้ มลู เกย่ี วกับภมู ิอากาศในประเทศไทย หรือภมู ิภาคต่างๆ ในโลก แลว้ นำเสนอตามหวั ขอ้ ทก่ี ำหนดในใบงานที่ 1.2 เรอื่ ง การใช้เครื่องมือทางภมู ิศาสตรส์ บื คน้ ข้อมลู ภูมอิ ากาศ 9. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตัวแทนออกมานำเสนอผลงานจากการสืบค้นขอ้ มูลตามหวั ข้อในใบงานที่ 1.2 ที่ หนา้ ชั้นเรยี นโดยให้นกั เรยี นทเี่ ปน็ กล่มุ ผฟู้ งั ชว่ ยกันแสดงความคิดเหน็ เพม่ิ เตมิ ครูเปน็ ผู้ตรวจสอบความถกู ต้อง สอื่ อปุ กรณ์และแหลง่ การเรียนรู้ 1. ส่ือการเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรยี น ภูมศิ าสตร์ ม.4-ม.6 2) หนงั สอื คน้ ควา้ เพม่ิ เติม (1) แผนที่ทหาร กระทรวงกลาโหม, กรม. แผนท่ีประเทศไทย. มปท., มปป. (2) ทรงกต ทศานนท.์ หลักการรับร้จู ากระยะไกล. เอกสารประกอบการสอนวชิ า 106601. นครราชสีมา : สำนักวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีสุรนารี, 2550. (3) พรทิพย์ กาญจนสนุ ทร. แผนที่และการแปลตีความแผนท่.ี กรุงเทพมหานคร : ภาควิชา ภมู ศิ าสตร์ คณะสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์, 2541. (4) สญั ญา สราภิรมย.์ ระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร.์ เอกสารประกอบการสอนวิชา 10611. นครราชสมี า : สำนกั วิชาวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยสี ุรนารี, 2550. 3) เครอื่ งมอื ทางภูมศิ าสตร์ ไดแ้ ก่ แผนท่ี ลูกโลกจำลอง รปู ถา่ ยทางอากาศ ภาพจากดาวเทยี ม 4) ใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง เครื่องมอื ทางภมู ิศาสตร์ 5) ใบงานที่ 1.2 เรื่อง การใช้เครื่องมอื ทางภมู ศิ าสตรส์ บื ค้นขอ้ มูลภูมอิ ากาศ 2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ www.thaigoodview.com/node/59898 th.wikipedia.org/wiki/ระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์ en.wikipedia.org/wiki/Geographic_information_system การวดั และการประเมนิ ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์ วธิ กี าร ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.1 ใบงานท่ี 1.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.2 แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมนิ การนำเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ

บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ รายวิชา สังคมศกึ ษา รหัสวิชา ส31103 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่……..เร่ือง………………….…….……………..…………..……………..เวลา ……คาบ 1. จำนวนนกั เรียนทใ่ี ช้สอน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่.ี ..........................จำนวน.................คน 2. ผลการสอน 2.1) ความเหมาะสมของระยะเวลา  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรบั ปรงุ 2.2) ความเหมาะสมของเนอื้ หา  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรับปรงุ 2.3) ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรียนการสอน  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรบั ปรุง 2.4) ความเหมาะสมของสื่อการสอนทใี่ ช้  ดีมาก  ดี  พอใช้  ตอ้ งปรบั ปรุง 2.5) พฤตกิ รรม/การมีสว่ นรว่ มของนกั เรียน  ดีมาก  ดี  พอใช้  ตอ้ งปรบั ปรุง 2.6) ผลการปฏิบัติกิจกรรม/ใบกิจกรรม การทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี น 2.6.1) การประเมนิ ด้านความรูค้ วามเขา้ ใจโดยใช้แบบประเมินสรปุ ความคิดรวบยอดพบว่ามนี ักเรียนร้อยละ ..……….. ผา่ นเกณฑ์การประเมิน และมีนกั เรยี นรอ้ ยละ ……….....ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ 2.6.2) การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการของผู้เรียนผลการประเมินโดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการ ทำงานพบว่ามีนักเรียนรอ้ ยละ..….….. ผ่านเกณฑ์การประเมิน และมีนกั เรยี นรอ้ ยละ …...……ไม่ผา่ นเกณฑ์การ ประเมนิ 2.6.3) การประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ผลการประเมินโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมพบว่ามี นักเรยี นร้อยละ ..……….. ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน และมีนกั เรยี นร้อยละ ……....…ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน 3. ปัญหาและอปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………….................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………...…………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… 4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… …………………………………………………………………………................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… ลงชือ่ ………..…………………. ผู้สอน/ผบู้ นั ทกึ ลงช่อื .....................................ผ้บู ริหาร ( นายเจษฎา กนั ทวงค์ ) ( นายศฤงคาร ใจปนั ทา ) ครผู ู้ช่วย ผ้อู ำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 21 …………/…………./………… …………/…………./…………

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ลำดับ ชื่อ – ความรว่ มมอื การแสดง การรับฟัง การต้ังใจ การร่วม รวม ท่ี สกลุ 4321 ความคิดเห็น ความคิดเหน็ ทำงาน ปรับปรุง 20 ของผรู้ บั ผลงานกลมุ่ คะแนน การ 4321 4321 4321 4321 ประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน 4 ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ดีมาก = 3 ............../.................../................ ดี = 2 พอใช้ = 1 หมายเหตุ ครอู าจใช้วธิ ีการมอบหมายใหห้ ัวหน้ากลุ่ม ปรับปรงุ = เป็นผู้ประเมิน หรอื ให้ตวั แทนกลุ่มผลัดกนั ประเมนิ หรือใหม้ กี ารประเมินโดยเพ่อื น โดยตัวนกั เรยี นเอง เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ตามความเหมาะสมก็ได้ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 17 – 20 ดีมาก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5–8 ปรบั ปรงุ

แผนการจดั การเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม สาระที่ 5 ภูมศิ าสตร์ จำนวน 2 ชัว่ โมง หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 4 เคร่อื งมือทางภมู ศิ าสตร์และภมู สิ ารสนเทศศาสตร์ ผสู้ อน นายเจษฎา กนั ทวงค์ เรอ่ื ง ภูมสิ ารสนเทศศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 5.1 เขา้ ใจลกั ษณะของโลกทางกายภาพ และความสัมพนั ธข์ องสรรพสงิ่ ซงึ่ มีผลตอ่ กนั และกนั ในระบบของธรรมชาติ ใชแ้ ผนท่ีและเครือ่ งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ ในการคน้ หาวิเคราะหส์ รุป และใช้ขอ้ มูลภูมิ สารสนเทศอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ตัวช้วี ัด ส 5.1 ม.4-6/1 ใชเ้ คร่อื งมอื ทางภูมศิ าสตรใ์ นการรวบรวม วิเคราะห์ และนำเสนอข้อมูลภมู สิ ารสนเทศอยา่ งมี ประสิทธิภาพ สาระการเรยี นรู้ 1) เคร่ืองมอื ทางภูมิศาสตรท์ ี่ใหข้ ้อมูล และข่าวสารภมู ลิ กั ษณ์ ภูมอิ ากาศ และภูมิสังคมของไทย และภูมภิ าค ต่างๆ ทว่ั โลก สาระสำคญั ภมู ิสารสนเทศศาสตร์ ซ่งึ ประกอบด้วย ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ การรบั รูจ้ ากระยะไกล และระบบ กำหนดตำแหนง่ บนโลก ทำใหไ้ ด้ข้อมูลสำคัญอันเป็นประโยชน์ตอ่ การนำไปวางแผนตดั สินใจในเร่อื งต่างๆ อยา่ งมี ประสิทธภิ าพ จดุ ประสงค์ 1. อธบิ ายเก่ียวกบั ภมู สิ ารสนเทศศาสตรไ์ ด้ สมรรถนะสำคญั 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ - ทกั ษะการให้เหตผุ ล 2) ทกั ษะกระบวนการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ - ทักษะการรวบรวมขอ้ มลู - ทักษะการจัดกลมุ่ - ทักษะการเชื่อมโยง - ทักษะการสรปุ ลงความเห็น 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ 1) กระบวนการปฏบิ ตั ิ 2) กระบวนการทำงานกลุม่ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 3. มีวินยั

กิจกรรมการเรียนรู้ ชัว่ โมงที่ 1-2 1. ครนู ำขา่ วเกี่ยวกบั นโยบายของรฐั บาลท่ีมกี ารสนบั สนนุ ประชาชนในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื บางพ้ืนท่ที ่ี สามารถปลกู ยางพาราได้ (หรือข่าวทม่ี ีความเก่ยี วข้องจากการใชข้ อ้ มูลสารสนเทศตามความเหมาะสม) จากการใช้ ข้อมลู สารสนเทศทำใหร้ ูว้ ่า พืน้ ท่ดี ังกลา่ วมสี ภาพภูมอิ ากาศ และดินเหมาะสมกับการปลูกยางพารา แลว้ ครูให้ นกั เรยี นช่วยกันยกตวั อย่างการนำระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์มาใชใ้ นหน่วยงานต่างๆ 2. นักเรยี นร่วมกนั วเิ คราะหป์ ระโยชนข์ องระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ตอ่ การดำเนนิ ชีวิตของมนษุ ย์ แลว้ ครู อธิบายความรเู้ กีย่ วกับภูมิสารสนเทศศาสตร์ ให้นักเรียนฟงั ในหัวข้อตอ่ ไปน้ี 1) ระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ 2) การรบั รู้จากระยะไกล 3) ระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก 3. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ (กลมุ่ เดมิ จากแผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1) ศกึ ษาความร้เู ร่อื ง ภมู สิ ารสนเทศศาสตร์ จากหนังสอื เรียน หรือหนงั สือคน้ ควา้ เพิ่มเตมิ ตามความเหมาะสม 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มชว่ ยกันทำใบงานท่ี 2.1 เรอื่ ง ระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์ เสรจ็ แลว้ นกั เรียนและครู ชว่ ยกนั เฉลยคำตอบในใบงานที่ 2.1 5. ครูมอบหมายให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ สืบคน้ ขอ้ มลู ทางภมู ิศาสตร์เกีย่ วกับภัยธรรมชาติทเี่ กดิ ขึน้ ในบรเิ วณ ต่างๆ ของโลกในรอบเดือน แลว้ นำมาตอบคำถามตามหวั ขอ้ ทีก่ ำหนดในใบงานท่ี 2.2 เร่อื ง วิเคราะหข์ ้อมลู ทาง ภมู ศิ าสตร์ 6. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลงานท่ีหน้าชั้นเรียน แล้วใหก้ ลุม่ อืน่ ท่ีเป็นผู้ฟงั ช่วยกนั แสดงความ คดิ เหน็ เพิ่มเติม ดังน้ี - กลมุ่ ที่ 1 นำเสนอผลงาน กลุ่มท่ี 2 แสดงความคดิ เหน็ เพม่ิ เตมิ - กลมุ่ ที่ 2 นำเสนอผลงาน กลุ่มที่ 3 แสดงความคิดเหน็ เพิม่ เตมิ - กลุ่มท่ี 3 นำเสนอผลงาน กลมุ่ ที่ 4 แสดงความคิดเหน็ เพิม่ เติม - กลมุ่ ท่ี 4 นำเสนอผลงาน กลมุ่ ที่ 5 แสดงความคิดเหน็ เพิ่มเตมิ - กล่มุ ที่ 5 นำเสนอผลงาน กลุ่มที่ 1 แสดงความคดิ เหน็ เพิ่มเตมิ 7. ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกันสรปุ วธิ กี ารสบื คน้ ข้อมูลทางภมู ิศาสตร์ แล้วนำมาวเิ คราะห์อยา่ งถกู ต้อง และผลที่ ได้รบั 8. ครูใหน้ ักเรียนทำป้ายนเิ ทศ เรอ่ื ง เครือ่ งมือทางภูมิศาสตรแ์ ละภมู ิสารสนเทศศาสตร์ โดยใหค้ รอบคลุม ประเด็นทกี่ ำหนด ดงั นี้ 1) การนำเสนอข้อมลู ภูมิสารสนเทศภมู ิศาสตร์ 2) การวิเคราะหข์ ้อมลู ภมู ิสารสนเทศภมู ิศาสตร์ 3) การวเิ คราะห์ประโยชน์ของระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ 4) การจัดระบบของขอ้ มลู บนป้ายนเิ ทศ

สอ่ื อุปกรณแ์ ละแหลง่ การเรียนรู้ 1. ส่ือการเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี น ภูมิศาสตร์ ม.4-ม.6 2) หนังสือคน้ ควา้ เพมิ่ เติม (1) แผนที่ทหาร กระทรวงกลาโหม, กรม. แผนที่ประเทศไทย. มปท., มปป. (2) ทรงกต ทศานนท์. หลักการรับรู้จากระยะไกล. เอกสารประกอบการสอนวชิ า 106601. นครราชสมี า : สำนักวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีสุรนารี, 2550. (3) พรทพิ ย์ กาญจนสุนทร. แผนท่ีและการแปลตีความแผนท.่ี กรุงเทพมหานคร : ภาควิชา ภูมศิ าสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2541. (4) สญั ญา สราภริ มย์. ระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์. เอกสารประกอบการสอนวิชา 10611. นครราชสมี า : สำนักวิชาวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีสรุ นารี, 2550. 3) เครอื่ งมือทางภมู ศิ าสตร์ ได้แก่ แผนที่ ลกู โลกจำลอง รูปถา่ ยทางอากาศ ภาพจากดาวเทยี ม 4) ใบงานท่ี 1.1 เร่ือง เคร่อื งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ 5) ใบงานท่ี 1.2 เร่ือง การใชเ้ ครือ่ งมอื ทางภมู ิศาสตรส์ บื คน้ ข้อมูลภูมอิ ากาศ 2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ www.thaigoodview.com/node/59898 th.wikipedia.org/wiki/ระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร์ en.wikipedia.org/wiki/Geographic_information_system การวัดและการประเมินผล เครื่องมอื เกณฑ์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ วิธกี าร ใบงานที่ 2.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 2.1 ใบงานที่ 2.2 ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.2 แบบประเมินปา้ ยนเิ ทศ เรอ่ื ง เคร่ืองมือทาง ประเมนิ ป้ายนเิ ทศ เรอ่ื ง เครอ่ื งมือทางภมู ศิ าสตร์ ภมู ิศาสตร์และภูมสิ ารสนเทศ-ศาสตร์ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ และภูมิสารสนเทศ-ศาสตร์ แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมนิ การนำเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่

บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ รายวิชา สังคมศกึ ษา รหัสวิชา ส31103 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่……..เร่ือง………………….…….……………..…………..……………..เวลา ……คาบ 1. จำนวนนกั เรียนทใ่ี ช้สอน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่.ี ..........................จำนวน.................คน 2. ผลการสอน 2.1) ความเหมาะสมของระยะเวลา  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรับปรุง 2.2) ความเหมาะสมของเนอื้ หา  ดีมาก  ดี  พอใช้  ตอ้ งปรบั ปรงุ 2.3) ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรียนการสอน  ดมี าก  ดี  พอใช้  ต้องปรับปรุง 2.4) ความเหมาะสมของสื่อการสอนทใี่ ช้  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรบั ปรงุ 2.5) พฤตกิ รรม/การมีสว่ นรว่ มของนกั เรียน  ดีมาก  ดี  พอใช้  ต้องปรับปรุง 2.6) ผลการปฏิบัติกิจกรรม/ใบกิจกรรม การทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรียน 2.6.1) การประเมนิ ด้านความรูค้ วามเขา้ ใจโดยใช้แบบประเมินสรุปความคิดรวบยอดพบว่ามีนักเรยี นร้อยละ ..……….. ผา่ นเกณฑ์การประเมิน และมีนกั เรยี นรอ้ ยละ ……….....ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมนิ 2.6.2) การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการของผเู้ รยี นผลการประเมินโดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการ ทำงานพบว่ามีนักเรียนรอ้ ยละ..….….. ผ่านเกณฑ์การประเมิน และมีนกั เรียนรอ้ ยละ …...……ไมผ่ ่านเกณฑก์ าร ประเมนิ 2.6.3) การประเมินด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ผลการประเมินโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมพบว่ามี นักเรยี นร้อยละ ..……….. ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน และมีนกั เรยี นรอ้ ยละ ……....…ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ 3. ปัญหาและอปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………….................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………...…………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… 4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… …………………………………………………………………………................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………...………………………………………… ลงชือ่ ………..…………………. ผู้สอน/ผบู้ นั ทกึ ลงชอ่ื .....................................ผบู้ รหิ าร ( นายเจษฎา กนั ทวงค์ ) ( นายศฤงคาร ใจปนั ทา ) ครผู ู้ช่วย ผอู้ ำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 …………/…………./………… …………/…………./…………

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ลำดับ ชื่อ – ความรว่ มมอื การแสดง การรับฟัง การต้ังใจ การร่วม รวม ท่ี สกลุ 4321 ความคิดเห็น ความคิดเหน็ ทำงาน ปรับปรุง 20 ของผรู้ บั ผลงานกลมุ่ คะแนน การ 4321 4321 4321 4321 ประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน 4 ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ดีมาก = 3 ............../.................../................ ดี = 2 พอใช้ = 1 หมายเหตุ ครอู าจใช้วธิ ีการมอบหมายใหห้ ัวหน้ากลุ่ม ปรับปรงุ = เป็นผู้ประเมิน หรอื ให้ตวั แทนกลุ่มผลัดกนั ประเมนิ หรือใหม้ กี ารประเมินโดยเพ่อื น โดยตัวนกั เรยี นเอง เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ตามความเหมาะสมก็ได้ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 17 – 20 ดีมาก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5–8 ปรบั ปรงุ

แผนการจัดการเรยี นรู้ สาระท่ี 5 ภมู ิศาสตร์ จำนวน 6 ช่วั โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 ปฏสิ ัมพนั ธ์เชิงภูมิศาสตร์ ผู้สอน นายเจษฎา กันทวงค์ เรือ่ ง ความรู้ทว่ั ไปเก่ียวกับโลก และปฏิสัมพันธ์เชงิ ภูมศิ าสตร์ของโลก ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ส 5.1 เขา้ ใจลักษณะของโลกทางกายภาพ และความสมั พันธข์ องสรรพสงิ่ ซงึ่ มีผลต่อ กนั และกันในระบบของธรรมชาติ ใชแ้ ผนทแี่ ละเคร่อื งมอื ทางภูมิศาสตร์ ในการค้นหาวิเคราะห์สรปุ และใชข้ ้อมูลภูมิ สารสนเทศอยา่ งมีประสิทธิภาพ ตวั ช้วี ัด ส 5.1 ม.4-6/1 ใช้เครอื่ งมอื ทางภมู ิศาสตรใ์ นการรวบรวม วเิ คราะห์ และนำเสนอข้อมูลภูมิสารสนเทศอยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ ม.4-6/3 วเิ คราะหก์ ารเปลี่ยนแปลงของพนื้ ทีซ่ ึง่ ไดร้ ับอทิ ธพิ ลจากปัจจัยทางภูมศิ าสตร์ในประเทศไทย และทวปี ตา่ งๆ สาระการเรยี นรู้ 1) เครอ่ื งมอื ทางภูมศิ าสตร์ท่ีใหข้ อ้ มลู และข่าวสารภมู ิลกั ษณ์ ภูมิอากาศ และภูมิสงั คมของไทย และภมู ิภาค ตา่ งๆ ของโลก 2) การเปลย่ี นแปลงของพื้นทีซ่ ึ่งได้รับอทิ ธพิ ลจากปัจจยั ทางภมู ิศาสตรใ์ นประเทศไทยและทวปี ตา่ งๆ เชน่ การเคล่ือนตัวของแผน่ เปลอื กโลก สาระสำคญั อทิ ธพิ ลจากปัจจยั ทางภูมิศาสตร์สง่ ผลต่อการเปล่ียนแปลงพ้ืนทีใ่ นประเทศไทย และทวีปต่างๆ ของโลก ซ่งึ มี ผลต่อวิถกี ารดำรงชีวิตของมนุษย์ จดุ ประสงค์ 1. อธบิ ายสณั ฐานและโครงสร้างของโลก และสว่ นประกอบของเปลอื กโลกได้ 2. วิเคราะหป์ รากฏการณอ์ ันเกยี่ วข้องกบั ส่วนตา่ ง ๆ ของโลก และผลกระทบต่อวถิ ีการดำรงชีวิตของมนุษยไ์ ด้ สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ - ทกั ษะการใหเ้ หตผุ ล 2) ทักษะกระบวนการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ - ทักษะการรวบรวมขอ้ มูล - ทักษะการจัดกลุ่ม - ทักษะการเช่ือมโยง - ทักษะการสรปุ ลงความเห็น 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) กระบวนการทำงานกลุ่ม

คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ม่งุ มั่นในการทำงาน 3. มวี นิ ัย กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชว่ั โมงท่ี 1 1. ครนู ำภาพถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม แผนทโี่ ลก และลกู โลก มาให้นักเรยี นดู แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั วเิ คราะหว์ ่า นกั เรยี นมคี วามรเู้ กยี่ วกบั โลกในประเดน็ ใดบ้าง ซ่ึงนกั เรยี นสามารถตอบได้อยา่ งหลากหลาย เช่น - โลกมีรูปทรงสณั ฐานเกือบเป็นทรงกลม - โลกเปน็ ส่วนหน่งึ ของระบบสุริยะ - โลกประกอบด้วยแกนโลก เนอ้ื โลก และเปลือกโลก ฯลฯ 2. ครูอธิบายใหน้ กั เรยี นเข้าใจความร้ทู ั่วไปเกีย่ วกับโลก ในหวั ข้อตอ่ ไปน้ี - สณั ฐานและโครงสร้างของโลก - ส่วนประกอบของเปลือกโลก 3. นกั เรียนจบั คูก่ ันศกึ ษาความร้ทู ัว่ ไปเกี่ยวกบั โลกเพ่ิมเตมิ จากหนงั สือเรียน หรอื หนงั สอื ค้นคว้าเพ่มิ เติม หรอื แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ ตามความเหมาะสม แล้วนำมาอภิปรายประเด็นสำคญั 4. นักเรยี นแตล่ ะคูช่ ว่ ยกนั ทำใบงานท่ี 1.1 เรือ่ ง ความรู้ท่ัวไปเกีย่ วกับโลก และช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง 5. ครแู ละนกั เรยี นช่วยกนั เฉลยคำตอบในใบงานท่ี 1.1 และชว่ ยกันสรปุ ความรทู้ ั่วไปเกีย่ วกับสณั ฐานและโครงสรา้ ง ของโลก และสว่ นประกอบของเปลอื กโลก ชว่ั โมงท่ี 2-3 1. ครูนำภาพเก่ียวกบั ภูมศิ าสตร์ของโลกมาตดิ บนกระดาน หรอื ป้ายนิเทศทห่ี นา้ ชัน้ เรียน ตัวอย่างภาพ เช่น - ภาพบรรยากาศและทอ้ งฟา้ - ภาพการเกดิ กลางวันและกลางคนื - ภาพการละลายของธารนำ้ แขง็ และภูเขาน้ำแขง็ - ภาพพายหุ มนุ - ภาพไฟปา่ - ภาพการเกิดข้างขึ้นข้างแรม - ภาพช้นั ต่างๆ ของหนิ 2. ครแู บง่ นกั เรยี นเป็นกล่มุ กลมุ่ ละ 4 คน คละกันตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลางคอ่ นขา้ งเก่ง ปานกลาง ค่อนข้างอ่อน และออ่ น ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุม่ รว่ มกันวเิ คราะหภ์ าพในข้อ 1 วา่ ภาพดงั กล่าวให้ขอ้ คิดเกย่ี วกบั สภาพของโลก ในปัจจบุ ันอยา่ งไรบ้าง แลว้ ให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอความคิดเหน็ ทห่ี นา้ ชนั้ เรยี น 3. ครอู ธิบายเช่อื มโยงใหน้ ักเรียนเขา้ ใจว่า การดำเนนิ ชีวติ ของมนุษย์ทัง้ ในประเทศ และในสว่ นตา่ งๆ ของ โลกจะสมั พนั ธ์กับปรากฏการณ์ เกี่ยวขอ้ งกบั สว่ นตา่ งๆ ของโลกท้ัง 4 ประการ ไดแ้ ก่ 1) ปรากฏการณ์จากบรรยากาศและทอ้ งฟา้ 2) ปรากฏการณ์จากธรณีภาค


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook