ป.3 วิทยาศาสตร์ มาตรฐานที่ 3

ว 3.1 ป.3/1 การเคลอื่ นทข่ี องดวงอาทติ ย์ เดก็ ๆ ทราบหรอื ไมว่ ่า ภาพใดเปน็ ชว่ งเช้า ภาพใดเปน็ ชว่ งหวั คา่ ............................................. .............................................  เดก็ ๆ สงั เกตเหน็ ดวงอาทติ ย์ เวลาใดบา้ ง ตอนเชา้ ตอนเยน็ ตอนกลางคนื ตอนกลางวนั เดก็ ๆ เขยี นลกู ศร พรอ้ มระบเุ วลา รปู แบบการข้ึนและตกของดวงอาทติ ย์ 06.00 น. 14.00 น. 12.00 น. 8.00 น. 18.00 น. 10.00 น. 16.00 น. .......................... .......................... .......................... ....................... ........................ .......................... .......................... จดุ ทเ่ี ดก็ ๆยนื ต่าลง / อกี ดา้ นหนง่ึ / กลางคนื / ขนึ้ จาดขอบฟา้ / เทย่ี งวนั ดวงอาทติ ย.์ ..........................ทางดา้ นหนึ่ง และเคลือ่ นทีข่ ึ้นสงู ท่สี ุดในเวลา.......................... จากน้นั ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนท่ี...........................จนกระท่งั ลบั ขอบฟา้ ..............................ทุกวนั ชื่อ-นามสกลุ ........................................................................ชนั้ .......................เลขท่.ี ............... T AUN Class

การเคลอ่ื นทข่ี องดวงอาทติ ย์ เฉลย เดก็ ๆ ทราบหรอื ไมว่ ่า ภาพใดเปน็ ชว่ งเชา้ ภาพใดเปน็ ชว่ งหวั คา่ ชว่ งเชา้ ชว่ งหวั คา่  เดก็ ๆ สงั เกตเหน็ ดวงอาทติ ย์ เวลาใดบา้ ง  ตอนเชา้ ตอนเยน็ ตอนกลางคนื ตอนกลางวนั เดก็ ๆ เขยี นลกู ศร พรอ้ มระบเุ วลา รปู แบบการขึ้นและตกของดวงอาทติ ย์ 06.00 น. 14.00 น. 12.00 น. 8.00 น. 18.00 น. 10.00 น. 16.00 น. 12.00 น. 10.00 น. 14.00 น. 08.00 น. 16.00 น. 06.00 น. 18.00 น. จดุ ทเี่ ดก็ ๆยนื ต่าลง / อกี ดา้ นหนงึ่ / กลางคนื / ขนึ้ จากขอบฟา้ / เทย่ี งวนั ดวงอาทติ ย์ (ขึ้นจากขอบฟา้ ) ทางด้านหน่ึง และเคล่ือนทีข่ ึ้นสูงทสี่ ุดในเวลา (เทย่ี งวัน) จากน้ันดวงอาทติ ย์จะเคลอ่ื นท่ี (ต่าลง) จนกระทัง่ ลบั ขอบฟ้า (อีกดา้ นหนง่ึ ) ทกุ วนั ช่อื -นามสกุล ........................................................................ชนั้ .......................เลขที.่ ............... T AUN Class

ว 3.1 ป.3/2 กลางวนั กลางคนื เมอ่ื ฉายแสงจากไฟฉายใหส้ อ่ งไปยงั ลกู บอลพลาสตกิ ดา้ น A  เด็กๆคดิ วา่ ไฟฉายเปรียบเหมือนสง่ิ ใด โลก ดวงอาทติ ย์ B  เดก็ ๆคิดวา่ ลกู บอลพลาสติกเปรียบเหมือนสิ่งใด โลก ดวงจนั ทร์ แบบจา่ ลองกลางวนั และกลางคนื  ด้านท่แี สงจากไฟฉายส่องสว่าง เปน็ เวลากลางวัน หรือกลางคนื กลางวัน กลางคืน  ด้านทีไ่ มไ่ ด้รบั แสงจากไฟฉาย เป็นเวลา เม่อื ดา้ น A ไดร้ ับแสงสว่างจากไฟฉาย กลางวนั หรอื กลางคนื ดา้ น B จะได้รบั แสงสวา่ งดว้ ยหรือไม่ กลางคืน กลางวัน B สวา่ ง B ไม่สวา่ ง เมอ่ื ฉายแสงจากไฟฉายใหส้ อ่ งไปยงั ลกู บอลพลาสตกิ ด้าน A การทดลอง ดา้ นทส่ี วา่ ง ดา้ นทม่ี ดื ด้าน A ดา้ น B ด้าน A ดา้ น B 1. เม่ือสอ่ งไฟฉายไปยังลูกบอลพลาสติกดา้ น A 2. เมอื่ หมนุ ลกู บอลพลาสติกใหด้ ้าน B ทีเ่ คย มืดในทศิ ตะวนั ตกมาทางทศิ ตะวนั ออก สรปุ ดา้ นทไี่ ม่ได้รบั แสง การหมนุ รอบตวั เอง ดา้ นทีไ่ ดร้ ับแสง จากดวงอาทิตย์ ของโลก ขณะทโี่ คจร จากดวงอาทติ ย์ รอบดวงอาทติ ย์ ชอ่ื -นามสกุล ........................................................................ชัน้ .......................เลขที่................ T AUN Class

กลางวนั กลางคนื เฉลย เมอ่ื ฉายแสงจากไฟฉายใหส้ อ่ งไปยงั ลกู บอลพลาสตกิ ดา้ น A  เดก็ ๆคิดว่า ไฟฉายเปรยี บเหมือนสิ่งใด โลก ดวงอาทิตย์  เด็กๆคดิ ว่าลกู บอลพลาสติกเปรียบเหมอื นส่งิ ใด B  โลก ดวงจันทร์ แบบจา่ ลองกลางวนั และกลางคนื  ด้านที่แสงจากไฟฉายสอ่ งสว่าง เป็นเวลากลางวัน หรือกลางคนื กลางคืน กลางวัน  ด้านทีไ่ มไ่ ดร้ บั แสงจากไฟฉาย เป็นเวลา เมอ่ื ดา้ น A ได้รับแสงสวา่ งจากไฟฉาย กลางวนั หรือกลางคืน ดา้ น B จะได้รับ แสงสว่าง  กลางคืน กลางวัน B สวา่ ง B ไมส่ ว่าง เมอ่ื ฉายแสงจากไฟฉายใหส้ อ่ งไปยงั ลกู บอลพลาสตกิ ดา้ น A การทดลอง ด้านทสี่ วา่ ง ด้านทมี่ ดื ดา้ น A ด้าน B ดา้ น A ดา้ น B 1. เมือ่ สอ่ งไฟฉายไปยงั ลกู บอลพลาสติกดา้ น A 2. เมอ่ื หมนุ ลูกบอลพลาสตกิ ใหด้ ้าน B ทเี่ คย   มดื ในทิศตะวนั ตกมาทางทศิ ตะวันออก   สรปุ ดา้ นที่ไมไ่ ด้รับแสง การหมนุ รอบตวั เอง ด้านท่ีไดร้ ับแสง จากดวงอาทิตย์ ของโลก ขณะทโี่ คจร จากดวงอาทติ ย์ กลางคนื รอบดวงอาทิตย์ กลางวนั ช่ือ-นามสกุล ........................................................................ช้ัน.......................เลขท.่ี ............... T AUN Class

การกา่ หนดทศิ ว 3.1 ป.3/2 1. ดา้ นท่มี องเห็นดวงอาทติ ย์ปรากฏขึ้นจากขอบฟา้ กา่ หนดเปน็ ทศิ ......................................... 2. ดา้ นทีม่ องเห็นดวงอาทติ ย์ปรากฏลบั ขอบฟ้ากา่ หนดเป็นทิศ .............................................. ................ 3. จากภาพเม่อื ดา้ นขวามอื เป็นทิศตะวันออก และดา้ นซา้ ยมอื เปน็ ทิศตะวันตก ด้านหน้าและ ตะวนั ตก ด้านหลงั จะเปน็ ทศิ ใด .................และ................. ตะวนั ออก ................ เลา้ ไก่ ทศิ เหนือ บา้ น เลา้ หมู ตน้ แอปเปล้ิ ต้นมะนาว สระนา่้ 4. ถา้ ต้องการเดินทางจากบ้านไปเล้าไก่ จะตอ้ งเดนิ ทางไปทางทศิ ใด .................................... 5. ถ้าต้องการเดินทางจากบา้ นไปทต่ี ้นแอปเปิล้ จะต้องเดนิ ทางไปทางทิศใด ....................... 6. ถ้าตอ้ งการเดนิ ทางจากสระน่้าไปที่ต้นมะนาวตอ่ ด้วยเล้าหมู จะตอ้ งเดนิ ทางไปทาง ทศิ ใดบ้าง ................................................................................................................................. ชื่อ-นามสกลุ ........................................................................ชั้น.......................เลขท.ี่ ............... T AUN Class

การกา่ หนดทศิ เฉลย 1. ด้านท่มี องเห็นดวงอาทติ ยป์ รากฏขึ้นจากขอบฟ้ากา่ หนดเปน็ ทศิ ทิศตะวันออก 2. ดา้ นท่ีมองเห็นดวงอาทติ ยป์ รากฏลบั ขอบฟา้ ก่าหนดเปน็ ทศิ ทิศตะวันตก ทศิ เหนอื 3. จากภาพเมือ่ ด้านขวามือเป็นทศิ ตะวนั ออกและ ดา้ นซา้ ยมือเป็นทศิ ตะวนั ตก ด้านหน้าและ ตะวนั ตก ด้านหลงั จะเป็นทศิ ใด ทิศเหนอื และ ทศิ ใต้ ตะวนั ออก ทศิ ใต้ เลา้ ไก่ ทิศเหนอื บา้ น เลา้ หมู ตน้ แอปเปลิ้ ต้นมะนาว สระน้า่ 4. ถ้าต้องการเดนิ ทางจากบา้ นไปเล้าไก่ จะต้องเดินทางไปทางทศิ ใด ทศิ ตะวันตก 5. ถา้ ตอ้ งการเดนิ ทางจากบา้ นไปท่ตี ้นแอปเปล้ิ จะต้องเดินทางไปทางทิศใด ทศิ ตะวนั ออก 6. ถา้ ตอ้ งการเดนิ ทางจากสระน้่าไปท่ีตน้ มะนาว ต่อด้วยเล้าหมู จะต้องเดนิ ทางไปทาง ทศิ ใดบ้าง ไปตน้ มะนาวทางทศิ ตะวันตก และไปเล้าหมูทางทิศเหนือ ชือ่ -นามสกลุ ........................................................................ชน้ั .......................เลขที่................ T AUN Class

แบบจา่ ลอง เรอื่ ง ทศิ ว 3.1 ป.3/2 เดก็ ๆ สรา้ งแบบจา่ ลองการเกดิ ทศิ กนั เลยจา้ ฐานแบบจ่าลองทศิ เดก็ ๆ ตดั ตวั การต์ นู ทาวกาว และตดิ ลงไปทต่ี รงกลางฐานแบบจา่ ลองทศิ พรอ้ มตดิ ชอ่ื ทศิ ทม่ี ือของตวั การต์ นู T AUN Class

แบบจา่ ลอง เรอื่ ง ทศิ ว 3.1 ป.3/2 เดก็ ๆ สรา้ งแบบจา่ ลองการเกดิ ทศิ กนั เลยจา้ ตวั การ์ตนู ตดิ ฐาน พบั ลงทากาวตดิ ฐาน พับลงทากาวตดิ ฐาน พบั ลงทากาวติดฐาน พบั ลงทากาวตดิ ฐาน ทิศตะวันออก ทิศตะวนั ตก ทิศเหนือ ทศิ ใต้ T AUN Class

แบบจา่ ลอง เรอื่ ง ทศิ ว 3.1 ป.3/2 เดก็ ๆ สรา้ งแบบจา่ ลองการเกดิ ทศิ กนั เลยจา้ ฐานแบบจ่าลองทศิ เดก็ ๆ ตดั ตวั การต์ นู ทาวกาว และตดิ ลงไปทต่ี รงกลางฐานแบบจา่ ลองทศิ พรอ้ มตดิ ชอ่ื ทศิ ทม่ี ือของตวั การต์ นู T AUN Class

แบบจา่ ลอง เรอื่ ง ทศิ ว 3.1 ป.3/2 เดก็ ๆ สรา้ งแบบจา่ ลองการเกดิ ทศิ กนั เลยจา้ ฐานแบบจ่าลองทิศ เดก็ ๆ วาดภาพทศิ ทง้ั 4 ดา้ น ตดั ตวั การต์ นู ทาวกาว และตดิ ลง ตรงกลางฐานแบบจา่ ลองทศิ พรอ้ มตดิ ชอ่ื ทศิ ทม่ี อื ของตวั การต์ นู T AUN Class

แบบจา่ ลอง เรอื่ ง ทศิ เฉลย ตวั อยา่ ง แบบจา่ ลองทศิ T AUN Class

ว 3.1 ป.3/3 ดวงอาทติ ยม์ คี วามสา่ คญั ตอ่ สง่ิ มชี วี ติ บนโลกอยา่ งไร เดก็ ๆ เลอื ก และโยงเสน้ ตามหวั ขอ้ ไดเ้ ลย (ตอบไดม้ ากกว่า 1 ขอ้ ) ทา่ ให้พืชเจริญเตบิ โต ทา่ ใหเ้ รามองเหน็ สง่ิ ต่างๆได้ ท่าให้อาหารไม่เนา่ เสีย ประโยชนข์ องดวงอาทติ ย์ ท่าให้เสื้อผ้าแห้ง ทา่ ให้อากาศรอ้ นแหง้ ท่าใหอ้ บอนุ่ เดก็ ๆ วาดภาพประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั จากดวงอาทติ ย์ ชื่อ-นามสกลุ ........................................................................ชั้น.......................เลขที่................ T AUN Class

เฉลย ดวงอาทติ ยม์ คี วามสา่ คญั ตอ่ สง่ิ มชี วี ติ บนโลกอยา่ งไร เดก็ ๆ เลอื ก และโยงเสน้ ตามหวั ขอ้ ไดเ้ ลย (ตอบไดม้ ากกว่า 1 ขอ้ ) ทา่ ใหพ้ ชื เจรญิ เตบิ โต ท่าให้เรามองเหน็ สิง่ ตา่ งๆได้ ท่าใหอ้ าหารไมเ่ น่าเสีย ประโยชนข์ องดวงอาทติ ย์ ทา่ ใหเ้ ส้ือผา้ แหง้ ทา่ ใหอ้ ากาศร้อนแห้ง ท่าให้อบอุน่ เดก็ ๆ วาดภาพประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั จากดวงอาทิตย์ เด็กๆ วาดภาพประโยชนข์ องดวงอาทิตย์ตามประสบการณ์ ชอ่ื -นามสกลุ ........................................................................ช้ัน.......................เลขท่ี................ T AUN Class

สว่ นประกอบของอากาศ ว 3.2 ป.3/1 1. แกส๊ ...................................... % 2. แกส๊ ..................................... % 3. แกส๊ ..................................... % เดก็ วงกลมเลอื กคา่ ตอบทถ่ี กู ตอ้ ง และเขยี นอธบิ ายใหส้ มบรู ณ์ 4. อากาศอยใู่ นสถานะใด ( ของแขง็ / ของเหลว / แก๊ส ) 5. สว่ นประกอบสา่ คญั ของอากาศโดยท่ัวไปไดแ้ กส่ ิง่ ใดบ้าง ( ออกซเิ จน / คารบ์ อนไดออกไซต์ / ไฮโดเจน / ไนโตรเจน / แกส๊ โอโซน ) 6. แก๊สชนิดใดทมี่ ปี รมิ าณมากทสี่ ดุ ในอากาศโดยทัว่ ไป ( ออกซเิ จน / คารบ์ อนไดออกไซต์ / ไนโตรเจน / แก๊สโอโซน ) 7. พืชและสัตว์ต้องการแกส๊ ชนดิ ใดใชใ้ นการหายใจ ( ออกซเิ จน / คาร์บอนไดออกไซต์ / ไนโตรเจน ) 8. แกส๊ คาร์บอนไดออกไซดจ์ ่าเป็นส่าหรับสิง่ มชี ีวติ ใด ในเรอ่ื งใด .................................................. 9. แก๊สชนิดใดเปน็ ของเสยี จากการหายใจของพชื และสตั ว์ ( ออกซิเจน / คาร์บอนไดออกไซต์ / ไนโตรเจน ) 10. อากาศประกอบด้วยส่วนประกอบทีเ่ ป็นแกส๊ ท้ังหมดหรือไม่ อย่างไร ( ใช่ / ไม่ ) ........................................................................................................................................................... สรปุ อากาศ โดยท่วั ไปไม่มีสี ไมม่ กี ลน่ิ ประกอบด้วย ............................................................. ................................................................................................................................................................ ช่ือ-นามสกุล ........................................................................ชัน้ .......................เลขท่.ี ............... T AUN Class

สว่ นประกอบของอากาศ เฉลย 1. แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซต์ 1 % 2. แกส๊ ออกซเิ จน 21 % 3. แกส๊ ไนโตรเจน 78 % เดก็ วงกลมเลอื กคา่ ตอบทถี่ กู ตอ้ ง และเขยี นอธบิ ายใหส้ มบรู ณ์ 4. อากาศอยู่ในสถานะใด ( ของแขง็ / ของเหลว / แก๊ส ) 5. ส่วนประกอบสา่ คญั ของอากาศโดยท่วั ไปไดแ้ กส่ ง่ิ ใดบ้าง ( ออกซิเจน / คารบ์ อนไดออกไซต์ / ไฮโดเจน / ไนโตรเจน / แก๊สโอโซน ) 6. แกส๊ ชนดิ ใดทมี่ ีปรมิ าณมากที่สุดในอากาศโดยทว่ั ไป ( ออกซเิ จน / คาร์บอนไดออกไซต์ / ไนโตรเจน / แกส๊ โอโซน ) 7. พชื และสัตว์ตอ้ งการแก๊สชนดิ ใดใช้ในการหายใจ ( ออกซเิ จน / คาร์บอนไดออกไซต์ / ไนโตรเจน ) 8. แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จา่ เปน็ สา่ หรับสงิ่ มีชวี ิตใด ในเรอื่ งใด พชื ใช้ในการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง 9. แกส๊ ชนิดใดเป็นของเสียจากการหายใจของพืชและสตั ว์ ( ออกซเิ จน / คารบ์ อนไดออกไซต์ / ไนโตรเจน ) 10. อากาศประกอบดว้ ยส่วนประกอบทเ่ี ปน็ แก๊สท้ังหมดหรือไม่ อย่างไร ( ใช่ / ไม่ ) เพราะมฝี ุ่นละอองและสิง่ มชี ีวติ ขนาดเล็ก ๆ ลอ่ งลอยอยูใ่ นอากาศด้วยเชน่ กัน สรปุ อากาศ โดยทว่ั ไปไม่มีสี ไมม่ กี ลิ่น ประกอบดว้ ย แกส๊ ไนโตรเจน แกส๊ ออกซิเจน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แกส๊ อืน่ ๆ รวมทัง้ ไอน้่า และฝุ่นละออง ช่อื -นามสกุล ........................................................................ชนั้ .......................เลขท่.ี ............... T AUN Class

ว 3.2 ป.3/2 เดก็ ๆ โยงเสน้ สรา้ งแผนภาพความคดิ ความสา่ คญั ของอากาศจากตวั เลอื กทก่ี า่ หนดให้ ชว่ ยให้เกดิ การ ช่วยปรับอณุ หภมู ิ น่าพาฝุ่นละออง เป็นตวั กลาง สงิ่ มีชีวิตใช้ใน ทา่ ให้เชื้อโรค ชว่ ยห่อหมุ้ โลก ป้องกนั ชว่ ยในการสรา้ ง ลุกไหมข้ อง ของโลกใหเ้ หมาะ กระจายไปท่ีตา่ งๆ ในการเคลอ่ื นที่ การหายใจ ฟุ้งกระจาย รงั สีจากดวงอาทติ ยท์ ี่ อาหารของพืช เชอื้ เพลิง กบั การด่ารงชวี ิต ของเสยี ง สอ่ งมายงั โลก ความสา่ คญั ของอากาศ ช่ือ-นามสกุล ........................................................................ชั้น.......................เลขท.่ี ............... T AUN Class

เฉลย เดก็ ๆ โยงเสน้ สร้างแผนภาพความคดิ ความสา่ คญั ของอากาศจากตวั เลอื กทก่ี า่ หนดให้ ชว่ ยให้เกิดการ ช่วยปรบั อุณหภูมิ นา่ พาฝุ่นละออง เป็นตวั กลาง สิง่ มีชีวิตใชใ้ น ท่าใหเ้ ชอ้ื โรค ช่วยหอ่ หมุ้ โลก ปอ้ งกนั ช่วยในการสรา้ ง ลุกไหมข้ อง ของโลกให้เหมาะ กระจายไปทต่ี ่างๆ ในการเคลื่อนที่ การหายใจ ฟ้งุ กระจาย รงั สีจากดวงอาทิตย์ท่ี อาหารของพืช เชื้อเพลงิ กับการดา่ รงชีวิต ของเสียง ส่องมายงั โลก ชว่ ยให้เกดิ การลกุ ไหม้ของ ช่วยปรบั อุณหภูมิของโลก เชอ้ื เพลงิ ให้เหมาะกับการดา่ รงชีวติ เป็นตัวกลาง ความสา่ คญั ของอากาศ สิ่งมีชีวติ ใชใ้ นการหายใจ ในการเคล่อื นทขี่ องเสยี ง ช่วยห่อหุ้มโลก ปอ้ งกนั รังสี ช่วยในการสร้างอาหารของพืช จากดวงอาทติ ย์ท่สี อ่ งมายังโลก ชอื่ -นามสกลุ ........................................................................ช้ัน.......................เลขท่.ี ............... T AUN Class

เฉลย แบบจา่ ลองชน้ั บรรยากาศ ชชน้ััน้ ชทท้นั ี่่ี ท54่ี 12 T AUN Class

ว 3.2 ป.3/2 เดก็ ๆ สรา้ งแบบจา่ ลองชนั้ บรรยากาศอยา่ งงา่ ย ช้นั ที่ 1 ช้นั ท่ี 5 T AUN Class

ชั้น ่ที 3 ช้นั ที่ 4 ช้นั ท่ี 2 T AUN Class

ว 3.2 ป.3/2 เดก็ ๆ สรา้ งแบบจา่ ลองชนั้ บรรยากาศอยา่ งงา่ ย ช้นั ที่ 1 ช้นั ท่ี 5 T AUN Class

เฉลย ชั้น ่ที 3 ชัน้ ท่ี 4 ชน้ั ที่ 2 T AUN Class

ว 3.2 ป.3/2 T AUN Class

ลม ว 3.2 ป.3/3 เดก็ ๆ ชว่ ยกนั ตอบคา่ ถามเรอ่ื ง ลม กนั หนอ่ ยนะจะ๊ 1. อากาศเคล่อื นที่ได้หรือไม่ .................... 3. เม่อื อุณหภมู ิของอากาศในบริเวณ 2. อากาศเคล่ือนที่อยา่ งไร ....................... ต่างๆ ไมเ่ ทา่ กนั จะท่าใหเ้ กิดสิ่งใด ...................................................................... ...................................................................... เมฆ ลม ฝน 4. เวลาใดท่อี ุณหภมู ขิ องอากาศสงู สดุ เชา้ กลางวนั เยน็ 5. ลมเกิดข้นึ ได้อย่างไร 6. เด็กๆ วาดลูกศรการเคลอื่ นท่ี อากาศจากอุณหภูมิต่าไปอุณหภูมสิ งู ของอากาศทที่ ่าให้เกดิ ลม อากาศจากอณุ หภมู สิ ูงไปอณุ หภมู ิต่า อุณหภูมิสูง อณุ หภูมิตา่ 7. ปจั จัยใดทท่ี า่ ให้อากาศเคลือ่ นที่ 9. ขอ้ ใดกลา่ วถูกตอ้ งเกย่ี วกับการเกิดลมบก (ความช้นื ) (ความดัน) (อณุ หภูม)ิ ลมบกเกดิ ในเวลากลางวนั 8. การแลน่ เรอื ออกจากฝั่งหรอื เข้าฝั่ง ลมบกพัดจากฝัง่ ออกสทู่ ะเล ตอ้ งอาศัยลมอะไร ลมเหนือ—ลมใต้ ลมบก—ลมทะเล 10. ขอ้ ใดไม่ใช่ประโยชนท์ เ่ี กิดจากลม ทา่ ใหเ้ กิดพายุหมุน ผลิตกระแสไฟฟ้า T AUN Class

ลม เฉลย 1. อากาศเคล่ือนทไ่ี ดห้ รือไม่ ได้ 3. เมือ่ อณุ หภมู ิของอากาศในบริเวณ 2. อากาศเคล่ือนทอี่ ย่างไร เมอื่ อากาศ ต่างๆ ไม่เทา่ กนั จะท่าให้เกิดสิ่งใด ได้รับความร้อนจะลอยตวั สูงขน้ึ อากาศ เย็นทอี่ ยู่รอบ ๆ กจ็ ะเคล่ือนทีเ่ ขา้ มาแทน เมฆ ลม ฝน 4. เวลาใดท่อี ณุ หภมู ขิ องอากาศสงู สดุ เชา้ เท่ียง เย็น 5. ลมเกิดขน้ึ ได้อย่างไร 6. เด็กๆ วาดลูกศรการเคลือ่ นที่ อากาศจากอุณหภมู ติ ่าไปอณุ หภมู ิสูง ของอากาศทที่ า่ ใหเ้ กิดลม อากาศจากอุณหภมู ิสงู ไปอุณหภมู ิต่า อุณหภมู ิสูง อณุ หภมู ิต่า 7. ปจั จัยใดทท่ี ่าให้อากาศเคลือ่ นที่ 9. ขอ้ ใดกล่าวถกู ตอ้ งเก่ียวกับการเกดิ ลมบก (ความช้นื ) (ความดนั ) (อณุ หภูมิ) ลมบกเกดิ ในเวลากลางวนั 8. การแล่นเรอื ออกจากฝั่งหรอื เข้าฝั่ง ลมบกพัดจากฝง่ั ออกสู่ทะเล ตอ้ งอาศยั ลมอะไร ลมเหนือ—ลมใต้ ลมบก—ลมทะเล 10. ข้อใดคือประโยชน์ที่เกิดจากลม ทา่ ใหเ้ กิดพายุหมุน ผลติ กระแสไฟฟา้ T AUN Class

สือ่ 3D ลมบก ลมทะเล สว่ นที่ 1 นา่ ขอ้ ความเตมิ ลงในชอ่ งวา่ งใหต้ รงกบั ภาพ ว 3.2 ป.3/3 อากาศร้อนจากบนบก/ อากาศเยน็ จากบนบก/ อากาศร้อนจากทะเล /อากาศเยน็ จากทะเล T AUN Class ลมบก ลมทะเล ชื่อ-นามสกลุ ..........................................................................ชั้น.......................เลขท.่ี ...........

ทากาวบริเวณ ้นี ิตด ักบส่วน ่ที 1 ว 3.2 ป.3/3 ทากาวบริเวณ ้นี ิตด ักบส่วนท่ี 1 สื่อ 3D ลมบก ลมทะเล สว่ นท่ี 2 เดก็ ๆ เตมิ คา่ ตอบ เกย่ี วกบั ลมบก ลมทะเล T AUN Class ลมบก 1. ลมบก เกิดขนึ้ ในเวลา ............................................. 2. ลมพัดจาก ................................................................. 3. ชาวประมง ................................................................ เกดิ จาก 4. อากาศเหนือ .....................................................อากาศจึงขยายตัวลอย สงู ข้ึน อากาศเหนือ.................................เคลือ่ นไปแทนท่ี จึงเกดิ ลมพดั จาก............................................................................................................. ลมทะเล 1. ลมทะเล เกิดขนึ้ ในเวลา ............................................. 2. ลมพดั จาก ................................................................. 3. ชาวประมง ................................................................ เกดิ จาก 4. อากาศเหนอื .....................................................อากาศจงึ ขยายตวั ลอย สงู ข้นึ อากาศเหนือ.................................เคล่ือนไปแทนที่ จงึ เกิดลมพัด จาก.............................................................................................................

ส่ือ 3D ลมบก ลมทะเล สว่ นท่ี 1 นา่ ขอ้ ความเตมิ ลงในชอ่ งวา่ งใหต้ รงกบั ภาพ เฉลย อากาศร้อนจากบนบก/ อากาศเย็นจากบนบก/ อากาศรอ้ นจากทะเล/ อากาศเย็นจากทะเล T AUN Class ลมบก อากาศร้อนจากทะเล อากาศเย็นจากบนบก ลมทะเล อากาศรอ้ นจากบนบก อากาศเยน็ จากทะเล ช่อื -นามสกุล ..........................................................................ชั้น.......................เลขท.ี่ ...........

ส่อื 3D ลมบก ลมทะเล สว่ นที่ 2 เดก็ ๆ เตมิ คา่ ตอบ เกย่ี วกบั ลมบก ลมทะเล เฉลย ลมบก T AUN Class ทากาวบริเวณ ้นี ิตด ักบส่วน ่ที 1 1. ลมบก เกิดขน้ึ ในเวลา กลางคืน 2. ลมพัดจาก พืน้ ดินบนบกออกส่ทู ะเล 3. ชาวประมง ออกเรอื หาปลา เกดิ จาก 4. อากาศเหนือ พืน้ น้่ามคี วามร้อน อากาศจงึ ขยายตัวลอยสงู ขน้ึ อากาศเหนือ พื้นดนิ บนบกเยน็ กว่า เคลื่อนไปแทนที่ จึงเกดิ ลมพดั จาก พืน้ ดนิ บนบกไปส่พู ืน้ น่า้ ทะเล ลมทะเล ทากาวบริเวณ ้นี ิตด ักบส่วนท่ี 1 1. ลมทะเล เกิดข้ึนในเวลา กลางวนั 2. ลมพดั จาก ทะเลเขา้ หาฝัง่ บนบก 3. ชาวประมง กลับเข้าฝ่ังบนบก เกดิ จาก 4. อากาศเหนือ พ้ืนดนิ บนบกมคี วามร้อน อากาศจึงขยายตวั ลอย สงู ขน้ึ อากาศเหนือ พื้นน้า่ เยน็ กว่า เคลื่อนไปแทนท่ี จึงเกดิ ลมพดั จาก พน้ื นา้่ ทะเลเข้าส่พู ืน้ ดินบนบก

ประโยชนแ์ ละโทษของ ลม ว 3.2 ป.3/4 เดก็ ๆ จบั คกู่ บั เพอื่ นและมาสรา้ งกลอ่ งความรู้ ประโยชนแ์ ละโทษของลมกนั นะจะ๊ เดก็ ๆสามารถเขยี นเพ่ิมเตมิ จากประสบการณข์ องตนเองได้ ตวั อย่าง ลมช่วยระบายอากาศท่า ให้เรือใบแล่นได้ เปน็ แหลง่ พลังงานทดแทนนา่ มาผลิตกระแสไฟฟ้า ประโยชน์ ของลม ทากาว T AUN Class

ประโยชนแ์ ละโทษของ ลม ว 3.2 ป.3/4 เดก็ ๆ จบั คกู่ บั เพอ่ื นและมาสรา้ งกลอ่ งความรู้ ประโยชนแ์ ละโทษของลมกนั นะจะ๊ เด็กๆสามารถเขยี นเพิม่ เตมิ จากประสบการณข์ องตนเองได้ ตัวอย่าง ลมท่ีมีความเรว็ ลม แรงมาก ท่าให้เกดิ อันตรายตอ่ มนษุ ย์ สามารถพัดท่าลายส่งิ ของและทรพั ยส์ ินตา่ ง ๆ เสยี หายได้ โทษของ ลม ทากาว T AUN Class