ออกสู่โลกภายนอก FAR AWAY นักเขียน ปัณฑารีย์ ปินตาเรือน
ตื่นมาเช้านี้..06:00น. เช้าที่เงียบสงัดเต็มไปด้วยกลิ่นไอหมอกหน้าหนาวที่บ้าน ฉัน หน้าหนาวปีนี้เป็นปีที่หนาวที่สุดสำหรับตัวฉัน เป็นเช้าวันจันทร์ อาทิตย์สุดท้ายของ การไปโรงเรียนและพบปะกับเพื่อน ๆ บรรยากาศที่แสนจะอบอุ่น ตื่นมาอาบน้ำแต่ง ตัวทานกับข้าวฝีมือคุณแม่และขับรถฝ่ากับไอหมอกเพื่อไปโรงเรียน ถึงโรงเรียน เพื่อน ๆ ต่างพร้อมหน้ากัน มีทั้งเสียงหัวเราะเสียงพูดคุยที่เต็มไปด้วยความสุข ของ ชีวิตเด็กมอ 6 อาทิตย์สุดท้ายแบบพวกเรา อาทิตย์สุดท้ายของการเรียนการสอน ฉันและเพื่อนๆต่างคนต่างเริ่มคิดคำนึง ถึงการไปเรียนต่อเป็นชีวิตมอ 6 ที่ทุรนทุรายมาก เป็นอาทิตย์สุดท้ายที่ต้องส่งงาน ทั้งหมดทุกรายวิชาของการเรียนต้องเครียทุกอย่างให้เรียบร้อยดิ้นรนเพื่อให้ตัวเอง นั้นจบตามเพื่อนคนอื่นๆเขา หลังจากเครียทุกอย่างเสร็จฉันและเพื่อนสนิทของฉันอีก 3 คน ฉันและเพื่อน สนิทกันแบบมากของมาก แบบบอกไม่ถูกเลยแหละนะ เมื่อต้อง จบและแยกย้ายกันไปเรียนต่อ ก็เป็นเรื่องธรรมดาต่างพากันติดเพื่อน และนั่นเป็น เหตุที่ทำให้พวกเราเลือกไปเรียนด้วยกันโดยไม่ได้คิดคำนึงถึงเรื่องอื่น ๆ ที่จะตามมา เลย สิ่งที่ฉันและเพื่อนสนิททั้ง 3 เลือกไปเรียนคือ…ผู้ช่วยพยาบาล สารธารณะสุข ที่ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร ส่วนตัวฉันนั้นอยู่จังหวัดแม่ฮ่องสอน อาศัยอยู่ในอำเภอเล็ก ๆ ของจังหวัดถ้าทียบกับระยะทางแล้วนั้นสำหรับตัวฉันคิดว่า ไกลพอสมควรเลยแหละ จากเด็กบ้านนอกคอกนาแบบพวกเรา และเมื่อพูดถึง จังหวัดแม่ฮ่องสอนทุกคนก็ต้องนึกขึ้นได้ว่าเป็นเด็กดอยแน่ ๆ!!! เมื่อมาถึงวันที่จบมอ 6 ของพวกเรา ได้วุฒิจบการศึกษาเป็นที่เรียบร้อยนั่นบ่งบอกได้ว่าพวกเราจบแล้ว จริง ๆ กับชีวิตเด็กมัธยมตัวเล็ก ๆ 01
เมื่อฉันสมัครลงเรียนเป็นที่เรียบร้อย กำหนดการเรียนของฉันต้องเริ่มขึ้น เร็วกว่าคนอื่นๆที่พวกเขาเรียนมหาลัย เตรียมตัวเตรียมใจและเตรียมความพร้อม กับการไกลบ้านครั้งนี้เพื่อไปเรียนตามความฝันของตัวเอง ในใจตอนนั้นได้แต่คิด ว่าเมื่อไหร่จะถึงวันนั้นวันที่ได้ออกเดินทางจากบ้านไปเรียนและใช้ชีวิตอยู่กับ เพื่อนในทุกๆวัน ชีวิตที่ไม่ได้อยู่บ้านอีก ไม่มีคุณแม่มาปลุกตอนเช้าๆก่อนไปเรียน วันหยุดก็ไม่มีใครมารบกวนไม่มีใครมาปลุกให้ไปทำงานช่วยนั่นนี่ ฉันดีใจที่ต้อง ออกจากบ้านไปไกลบ้านและใช้ชีวิตแบบอิสระโดยที่ไม่มีใครตามบ่นฉันอีก ใช่ฉัน ดีใจมาก พอถึงวันที่ต้องไปแล้วจริง ๆ พ่อและแม่ของฉันได้เดินทางไปส่งถึงที่ พักในจังหวัดสมุทรสาคร ไปพร้อมกันกับครอบครัวของเพื่อนสนิทของฉัน เดิน ทางโดยรถตู้ออกเดินทางจากบ้านในตอนเย็นของวันเสาร์ ไปถึงที่หมายในวัน อาทิตย์ โดยที่พ่อแม่ไม่ได้อยู่ค้างด้วยไปถึงก็ขนของเข้าหอพักและพ่อแม่ก็ออก เดินทางเพื่อกลับบ้านต่อในทันที ฉันและเพื่อนวางของทั่วห้องพักไปหมดพากัน จ้องหน้ากันไปๆมาๆ มองหน้าก็รู้ใจ พากันยิ้นและกอดกันพูดว่าได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วย กันแล้วสินะ หลังจากนั้นพวกเราทั้ง 4 คน ป้อน ไอ่เพื่อนคนนี้ก็บ้าๆ บอ ๆ ของ มัน หัวเราะได้ทุกสถานการณ์เป็นคนตุ้ยนุ้ยของแก๊งเรา เพื่อนทุกคนชอบจับเล่น พุงของมันมาก ส่วน นุช เพื่อนคนนี้ของฉันเซ่อๆซ่าๆ ตามประสาของมัน เป็นคน ที่ยอมคนไม่ค่อยพูดเยอะไม่เถียงใคร ใคร 02
ว่ายังไงมันก็ตามน้ำไปไม่ถืออะไรเยอะ และ กิ้ฟ เพื่อนฉันคนนี้แหละเป็นคนที่ชอบงอลของ แก๊งเลย อะไรที่ไม่ได้ดั่งใจนางคนนี้ก็จะเงียบไปเลยจ้า ไม่ยอมพูดอะไรกับใครหรือส่วน มากก็คุยแค่กับไอ่นุชนั่นแหละถ้ามันได้งอลอะไรใครมานะไม่มีใครที่จะกล้าคุยกับมันหรอก หน้ามันดุ ฮ่าๆๆ แต่ถึงมันจะขี้งอลยังไงทุกวันนี้ปัจจุบันพวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกัน และอีก คนจะเป็นใครที่ไหมไม่ได้หรอกนอกจากตัวฉันเองไม่มีไรให้พูดถึงตัวเองหรอกฮ่าๆๆ ส่วน เราอะหรอ เป็นคนใจร้อนแต่ก็ไม่ได้โวยอะไรใส่ใครงอลใครโมโหใครก็เก็บไว้เองไม่พูด แต่ ไอ่กิ้ฟ คนนี้แหละมันรู้ใจเรา มันบอกว่าเราอะงอลอะไรใครถึงไม่ได้บอกคนอื่นก็ดูออกอยู่ดี เพราะ อาการมันออกทางสีหน้า ปากบอกไม่งอลสีหน้ามาก่อนอย่างแรกเลย นี่แหละคือนิสัย ของพวกเราทั้งแก๊ง และความที่อยู่ร่วมกันนิสัยต่างกันออกไปใครมันจะรู้ว่าการอยู่ร่วมกัน นั้นมันไม่ง่ายเลยในหลาย ๆ เรื่อง การที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในหอพักเล็กๆด้วยกันถึง 4 คน ใช่ เลยมันต้องลำบาก การทะเลาะกันงอลกันเริ่มเกิดขึ้นบ่อยครั้งถึงจะเป็นแค่เรื่องที่เล็กๆ น้อยๆก็ยังเอามาหาเรื่องกันได้ คนหนึ่งเก็บห้องคนหนึ่งทำห้องรก และไอ่กิ้ฟคนเนี่ยแหละ มันเป็นคนเจ้าระเบียบแทบจะเก็บห้องทำความสะอาดห้องล้างห้องน้ำทุกเย็นเวลาเลิกจาก เรียนมา ส่วนไอ่ป้อนอะ มันเป็นคนที่ไม่ค่อยสนเรื่องห้องรกหรอก มันนี่แหละตัวทำรกเลย แรก ๆ อาจจะพากันทนได้นะหลัง ๆ มาต่างคนต่างบ่นใส่กันวันละหลายๆรอบจนเกิดเป็น เรื่องที่ต้องทะเลาะกัน 2 คนพวกมันไม่คุยกันไปสักระยะหนึ่งจนถึงเย็นวันหนึ่งไอ่กิ้ฟทำ กับข้าวโดยที่ไม่ทำเผื่อไอ่ป้อนเลย จนป้อนโมโห พูดขึ้นมาว่า “ถ้าอยู่ด้วยกันละมันทำให้มึงกับกูทะเลาะกันเกลียดกันได้ขนาดนี้ กูจะแยกไปเอง”ส่วนฉันกับไอ่นุชอะหรอได้แต่นั่งเงียบกินข้าวแทบไม่อร่อยฮ่าๆ จนกิ้ฟพูดต่อว่า “ถ้ามึงแน่ มึงไปเหอะ” จนป้อนโกรธรุนแรงและเดินออกจากห้องไป ไปไหนโดยที่ไม่มีใครรู้ ทุกคนที่อยู่ในห้องพา กันเงียบโดยที่ไม่รู้จะทำยังไง 03
กิ้ฟก็ได้แต่พูดและบ่นให้พวกเราฟัง “ถ้าป้อนมันจะไปเพราะเรื่องแค่นี้ ปล่อยมันไปเหอะ แทนที่จะปรับตัว ทำตัวให้ดี ช่วยกันทำนั่นนี่ด้วยกัน แต่นี่อะไรเราทำกับข้าวแต่มันกลับ มานอนเล่นโทรศัพท์โดยที่ไม่พูดไม่จาอะไรกับใคร พอถึงเวลากินจะลุกมากินแค่นี้ ทำ แบบนี้มันใช่หรอวะ” พอบ่น ๆ เสร็จต่างพากันเงียบจนไอ่นุช แชท มาหาเราทั้งที่อยู่ด้วยกันแต่ไม่กล้าที่จะคุย กันเพราะสถานการณ์ในห้องตอนนั้นมันเงียบมากและกิ้ฟมันก็หง๋อย ๆ ไป นุชถาม “เราควรทำไงวะมึง” เรา: กูว่าเราต้องพูดละแหละมึงยิ่งไม่พูดก็ไม่มีไรดีขึ้น จนพวกเรา 2 คนตัดสินใจที่จะไปพูดเกลี้ยกล่อมให้กิ้ฟกับป้อนมันใจเย็นลง โดยให้นุชไป คุยกับกิ้ฟ และเราออกห้องไปตามหาป้อนข้างล่างหอพักเพื่อไปพูดให้มันใจเย็นและกลับ ขึ้นห้องไปคุยกัน พูดคุยจนป้อนมันยอมกลับขึ้นห้องไป พอไปถึงห้องเท่านั้นแหละ กิ้ฟพูดขึ้นมาว่า “มึงจะเอาไง” เรากับนุช เห้ย! ที่ตกลงกันมันไม่ใช่แบบนี้ปะวะมึง กิ้ฟพูดต่อ “มึงจะดีกับกูได้ยังแล้วหัวเราฮ่าๆๆ” เรากับนุชถอนหายใจฮวบฮ้าบบเลยฮ่าๆ โล่งอกไปที คิดว่าต้องมาตบตีกันซ้ะแล้ว ป้อนพูดขึ้น “หายแล้วววว ไหนล่ะข้าว” พูดไปด้วยหัวเราะไปด้วย 04
จากที่พวกมันสองคนทะเลาะกันคราวนี้ พวกเราทั้ง 4 ได้คุยกันมากขึ้นและพูดคุยกันตรงๆว่าเราแต่ละคน ควรที่จะปรับกันตรงไหนต่างคนต่างยอมรับในคำพูดของเพื่อนและยอมปรับกันไปทีละนิด อยู่ด้วยกันจนถึง วันที่พวกเราทั้ง 4 เรียนจบภาคทฤษฏี 3 เดือน ของการใช้ชีวิตที่อยู่นอกบ้านไกลบ้าน อยู่กับเพื่อนโดยที่ ไม่มีพ่อแม่มาบ่น นุชพูดขึ้นมา “เป็นไงล่ะมึงชีวิตที่ไม่มีแม่มาบ่น” สนุกพอยังฮ่าๆ หลังจากเรียนจบภาคทฤษฏี 3 เดือน พวกเราทั้ง 4 ยังต้องไปฝึกงานกันต่อที่โรงพยาบาล และต้องย้ายหอพัก การฝึกงานปฏิบัติจริงลงพื้นที่จริงรอบนี้ ใช้เวลาอีก 3 เดือน หนักกว่าเรียน หลายเท่าพูดถึงความหนักหน่วงแล้วทำให้อยากกลับบ้านเลยทีเดียว กลัวการที่จะฝึกงานกลัวว่าจะ เหนื่อยแค่ไหน หนักหน่วงแค่ไหนกัน “คิดในใจพึมพำอยู่คนเดียว ชีวิตทำงานจะสนุกเหมือนตอนเรียนไหมนะ” โรงพยาบาลที่พวกเราฝึกงาน อยู่ใน กรุงเทพมหานคร แน่นอนสิ ฉันและเพื่อนต้องหาทางขน ของย้ายของมากันเอง หารถรับจ้างมาส่งเองทุรนทุรายพากันมาฮ่าๆ ของพะรุงพะรังเยอะแยะไป หมด หอใหม่พวกเราก่อนที่จะได้มาอยู่เราและกิ้ฟ ได้ให้นุชกับป้อนมาหาหอพักก่อนเป็นตัวแทนของ แก๊งมาหาหอพัก โดยเดินทางจากสมุทรสาครมาในกรุงเทพเป็นการนั่งรถเมล์ครั้งแรกของเพื่อนฉัน ฮ่าๆๆๆ เพราะถ้าหากนั่งรถแท้กซี่ก็จะแพงไปและอีกอย่างคือพวกเราต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด นุช และป้อนได้เดินทางมาหาหอพักกับเพื่อนของเราอีกแก๊งหนึ่งเป็นเพื่อนที่อยู่จังหวัดเดียวกันแต่อยู่ กันคนละอำเภอ พวกเรามารู้จักกันได้เพราะวันปฐมนิเทศรับน้องของสาขาเราก่อนเข้าเรียนภาค ทฤษฏี หอพักที่หาได้และเราตกลงกันว่าจะเอาหอนี้ เป็นหอที่สร้างขึ้นใหม่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์แต่มี บางห้องที่เจ้าของหอเขาเปิดให้จองแล้ว พวกเราก็จองกันไว้ก่อน หอพักของพวกเราตั้งอยู่ในซอย ใกล้ๆกับโรงพยาบาลที่เราฝึกงานซึ่งไม่ได้ไกลมากนักสามารถเดินทางได้ง่ายเวลาเข้างาน เดินไป ก็ได้ไม่จำเป็นต้องนั่งวินมอเตอร์ไซต์ แต่บริเวณหอพักพวกเรานั้นไม่ค่อยปลอดภัยมากนัก แต่เรา ฝึกงานก็ไม่ได้เลิกกันเย็นหรือมืดค่ำมากเพราะเป็นแค่เด็กฝึกงาน 05
เมื่อถึงวันที่ย้ายเข้ามาอยู่ พากันขนของระหว่างทางมานุชกับป้อนก็ยังไม่ ค่อยรู้ทางหรือจำทางได้สักเท่าไรเพราะเคยมาแค่ครั้งเดียวคือตอนที่มาหา หอพักกับอีกแก๊ง พากันนั่งโม้มาตลอดทางชวนลุงคนขับคุยนั่นนี่บ้าง พอใกล้ ถึงเท่านั้นแหละแย้งกันใหญ่เลย ใช่ซอยนี้แหละๆ ใช่หรอวะ? เออถูกแหละ! นุชกับป้อน พากันพึมพำๆอยู่สองคน ส่วนเรากับกิ้ฟนั่งเงียบอย่างเดียวเพราะ ยังไม่เคยมาเลยพูดโม้ด้วยไม่ได้ฮ่าๆๆๆ! “ป้อน ทางนี้แหละนุช ถูกแล้วๆไม่หลงหรอกหน่าไว้ใจกูเหอะฮ่าๆๆ” “แล้วเข้าซอยไหนต่ออะมึง ใช่ซอยนี้ป้าว ลุงคะทางเข้ามันจะเป็นหลุมเป็นบ่อ หน่อยๆนะคะ” นุชบอกคุณลุงคนขับรถขนของ เรากับกิ้ฟแอบกระซิบกันเบาๆ เรา: กิ้ฟๆมึงว่าที่เราอยู่มันจะสภาพเป็นยังไง ว่ะ? มึงว่ามันจะโอเคปลอดภัยปะ นี่แค่ทางเข้าทำไมมันดูน่ากลัวยังไม่รู้ ถนน เป็นหลุมเป็นบ่อไปอี้กก! หน้าตาคนแถวนี้ก็ดูน่ากลัว กิ้ฟ: มึง นั่นไงชื่อโรงพยาบาลที่เราจะมาฝึกงานอะ เอ้ะ! ทำไมโรงพยาบาลมัน เป็นตึกแถวเก่าๆแบบนั้นล่ะ? เรา: เออคิดหมือนกัน เอาจริงพึ่งเคยเห็นโรงพยาบาลเป็นตึกแถวก็ที่นี่แหละ ฮ่าๆๆ ป้อน: ไม่แปลกหรอกพวกมึง ก็เพราะโรงพยาบาลที่เรามาอยู่อะมันคือ สาขา แรกของในเครือ 06
พวกเราเริ่มคิดและมองหน้ากัน โรงพยาบาลก็ว่าน่ากลัวแล้วนะนี่ยังมาเป็นโรง พยาบาลตึกแถวเก่า ๆ อีก น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม ชีวิตฝึกงานพวกเราจะรอด ป่ะว่ะ? นุช: เอาหน่าอีกแค่ 3 เดือนเท่านั้นกับการฝึกงานภาคปฏิบัติ ก็จะจบหลักสูตรละ พอจบเราก็ค่อยกลับไปสมัครงานที่โรงพยาบาลแถวบ้านเรา เรา: เออๆ ทนเอาเดี๋ยวก็จบ เมื่อถึงหอพักพวกเราก็รีบพากันขนของลงจากรถและค่อย ๆ ช่วยกันทยอยขน ของเข้าห้อง ทีละนิดของเยอะจัดเลยแหละ กว่าจะพากันขนเข้าห้องจัดห้องเสร็จ หมดเวลาพักผ่อนไปอีกหนึ่งวัน สภาพห้องก็ถือว่าดีพอสมควรเป็นห้องแอร์ เดือนละ 3900บาท ก็หารกัน 4 คน ทั้งค่าน้ำค่าไฟ มีแอร์ก็จริงไม่ค่อยจะเปิด กันหรอกกลัวมันเปลืองไฟและไม่มีเงินฮ่าๆๆ ภายในห้องมีแค่เตียงเดียว คือ เตียงใหญ่ 5 ฟุต นอนได้แค่ 2 คนเท่านั้น เอาล่ะสลับกันนอนคนละเดือนวนไป อีก 2 คนปูที่นอน นอนข้างล่างเตียง อีก 2 คนก็นอนบนเตียงสลับวนกันไป ถึง จะทุลักทุเลหน่อย ๆ แต่พวกเราก็มีความสุขและพวกเราทั้ง 4 ได้ตั้งเงื่อนไข ของห้องกันไว้ว่า เราจะแบ่งเวรกันทำกับข้าวเป็นเวรละ 2 คนต่อวัน ล้างจาน 1 คน ทีละวันสลับกันไป ห้องน้ำล้างอาทิตย์ละครั้งโดยจะมีเวร ส่วนการทำความ สะอาดห้องพวกเราต้องช่วยกันดูแลไม่ทำห้องรกเกะกะ ใครทำรกที่ไหนคนนั้นก็ ต้องเก็บ 07
นี่เป็นกฏของห้องหากพวกเราจะอยู่ร่วมกัน ครั้งนี้จึงต้องมีการตั้งกฏขึ้นเพื่อไม่ให้เราเกิด ปัญหากัน เหมือนครั้งก่อนๆที่เคยผ่านมา ทุกคนต่างรับทราบและยอมรับในการตั้งกฏเกณฑ์ ร่วมกัน ถือว่าเป็นที่เข้าใจร่วมกัน และเมื่อจัดห้องจัดที่นอนตั้งกฏของห้องทำไรเสร็จ เรียบร้อยทุกคนหมดสภาพหัวฟูพอใครพอมันฮ่าๆๆ สำหรับพรุ่งนี้ก็ยังเป็นวันหยุดอีกหนึ่งวัน ที่จะเหลือเวลาให้พวกเราทั้ง 4 พักผ่อน เตรียมตัวเตรียมใจก่อนเข้าฝึกงานภาคปฏิบัติอย่าง จริงจัง เช้าวันรุ่งขึ้น..พวกเราพากันตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 และตื่นเวลานี้ในทุกๆวันเพื่อต่อคิวกัน อาบน้ำใครตื่นก่อนก็ได้อาบก่อนเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา แต่งตัวทำผมวันแรกของการ ฝึกงานก็จะพากันตื่นเต้นหน่อยๆ กิ้ฟ: พวกมึงงง! ตื่นนนน! วันนี้วันแรกอย่าให้ได้เสียเราต้องทำตัวดีเข้าไว้ฮ่าๆๆ ป้อน: เออมึง พวกมึงไปอาบก่อนเลยนะ กูขอเป็นคนสุดท้ายเอง กูง่วง! ป้อนผู้ที่นอนดึกและยอมอาบน้ำเป็นคนสุดท้ายของทุกๆเช้า เพราะความง่วงของนางฮ่าๆๆๆ! เมื่อทุกคนอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อย พวกเราและเพื่อนข้างห้องอีกแก๊งก็พากันเดินไป โรงพยาบาลและได้เข้าไปหาฝ่ายบุคคล เพื่อรายงานตัวเข้าฝึกงานเป็นวันที่เริ่มต้นวันแรก โดยมีหัวหน้าฝ่ายการพยาบาลเป็นผู้พาทัวร์ทุกๆแผนก และชี้แจงในส่วนต่างๆของการฝึกว่า ใครคนไหนจะได้ฝึกแผนกไหนโดยทางโรงพยาบาลจับคู่ให้ ในการฝึกครั้งนี้แต่ละแผนกก็จะ มีคู่ฝึกของตัวเองร่วมด้วย พวกเราทั้ง 4 ไม่มีใครที่ได้อยู่คู่กันเลยและนี่คือความตื่นเต้นที่จะ เริ่มขึ้นฮ่าๆๆๆ เพราะไม่มีคนสนิทอยู่ด้วยและต้องร่วมเรียนรู้กับคู่ฝึกงานของตนเองที่พวก เรายังไม่ค่อยสนิทกัน แต่การฝึกงานภาคปฏิบัติของพวกเราในเวลาทั้งหมด 3 เดือน มันก็ ผ่านไปด้วยดีพี่ๆที่สอนงานให้พวกเราก็ใจดี เป็นกันเอง แต่กับบางคนก็มีดุกันบ้าง เพราะ พวกเราคงทำงานได้ไม่ทันใจของพวกพี่ๆเค้า เราก็ต้องเข้าใจว่าการทำงานในโรงพยาบาลนั้น มันต้องว่องไว คล่องแคล่ว และต้องมีสติอยู่เสมอในการช่วยเหลือผู้ป่วย 08
ทุกๆเย็นเวลาเลิกงานมา บางคนเลิกก่อน บางคนเลิกงานช้า แต่พวก เราไม่เคยมีใครที่จะหนีกลับห้องก่อนเลยทั้งๆที่ มีกุญแจห้องทุกคน พวกเรา คนใดนหนึ่งเมื่อเลิกงานแล้วก็จะนั่งรอกันข้างล่างตึกเพื่อเดินทางกลับหอไป พร้อมๆกัน ระหว่างทางเดินกลับหอพวกเราก็มักจะซื้อกับข้าวไปด้วยต่างคน ต่างซื้อ พอถึงหอก็แบ่งกันและทานด้วยกัน หลังเลิกงานในทุกๆวันของเรา ต่างพากันเล่าสู่กันฟัง แผนกเราได้ฝึกนั่นนี่ แผนกเราเป็นแบบนี้ๆ พูดคุย กันในทุกๆเย็น การอยู่ไกลบ้านของฉันกับเพื่อนครั้งนี้มันทำให้ได้เรียนรู้ทั้งนิสัย ใจคอของคน แม้ว่าเราจะสนิทกันมากแค่ไหนแต่ทั้งนี้ทุกคนก็ย่อมมีนิสัยที่ แตกต่างกันไปและต้องทำความเข้าใจยอมรับข้อเสียของกันและกัน การที่ เราคิดว่าออกมาใช้ชีวิตข้างนอกมันจะสนุก แท้ที่จริงแล้วมันทำให้เราได้ ฝึกฝนตนเอง ความอดทน จากที่อยู่บ้านเคยสบายเมื่อออกมาใช้ชีวิตข้าง นอกแล้วเราก็ต้องเอาตัวให้รอดในทุกสถานการณ์ ยิ่งอยู่กับคนหมู่มากเราก็ ต้องคิดคำนึงเสมอ ใจเขาใจเรา… 09
..ออกสู่โลกภายนอก.. far away
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: