Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการนำความร้อนทิ้งกลับมาใช้

คู่มือการนำความร้อนทิ้งกลับมาใช้

Published by Wilawan S, 2022-12-28 08:59:08

Description: คู่มือการนำความร้อนทิ้งกลับมาใช้
Waste Heat Recovery Guide
เทคโนโลยีและแนวทางการนำกลับมาใช้ เกณฑ์ที่เหมาะสมในแต่ละอุตสาหกรรม
----------------
จัดทำโดย กลุ่มวิจัย EnConLab
โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

Search

Read the Text Version

ค่มู ือการนาความรอ้ นทง้ิ กลบั มาใช้ โครงการศกึ ษาศักยภาพและแนวทางการสง่ เสรมิ การนาความร้อนทง้ิ กลับมาใช้ในภาคธรุ กจิ และอตุ สาหกรรมในประเทศไทย ประสทิ ธิภาพของระบบ [20] ประสิทธิภาพของระบบ ORC ควรมีค่าสูงสุดเท่าใด สามารถประเมินได้ด้วยวัฎจักรคาร์โนต์ ของ Heat Engine TL TH ηc=1- ตัวอย่างเช่น แหล่งความรอ้ นอณุ หภูมิ 140 °C แหลง่ รับความรอ้ นอณุ หภูมิ 40°C ηc=1- (227733.1.155++14400) = 24.2% แต่วัฎจักรคาร์โนต์ค่อนข้างอุดมคติ และห่างจากเคร่ืองจักรท่ีทาได้จริง Novikov และ Chambada ได้เสนอการวิเคราะห์แบบ Endorevesible Thermodynamics ซึ่งพิจารณากระบวนการ เป็นแบบ irrersible ซึ่งสอดคล้องกับระบบท่ีเป็นจริง ค่าสัมประสิทธิภาพท่ีหาได้เรียกว่า Chambadal- Novikov efficiency η=1-√TTHL ตารางต่อไปนี้แสดงข้อมลู เปรียบเทียบประสิทธภิ าพของระบบที่ทานายดว้ ยประสิทธภิ าพคาร์โนต์ และ Chambadal-Novikov efficiency และค่าจริง ตารางที่ 2-8 การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของระบบที่ประเมนิ จากคารโ์ นต์ และ แบบ Endorevesible โรงไฟฟ้า TC (°C) TH (°C) ηcarnot ηEnd orevesible ηตรวจวัด 25 565 0.64 0.40 0.36 West thurrpck Coal-fire Plant Candu 25 300 0.48 0.28 0.30 Nuclear Power Plant Larderello 80 250 0.33 0.178 0.16 Geothermal Plant จากตวั อย่างขา้ งตน้ คา่ ประสิทธิภาพ ηEnd orevesible จะเทา่ กบั 12.9% จะเห็นไดว้ า่ สมการข้างต้น ทานายประสทิ ธิภาพระบบ ORC ได้เบื้องตน้ ถ้าทราบอณุ หภมู แิ หลง่ ความรอ้ นและตวั รบั ความรอ้ น ในการ วเิ คราะห์ทว่ั ไปอาจอ้างองิ ขอ้ มูลทวั่ ไปดงั นี้ กลุ่มวจิ ัย EnConLab 2-42 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี

คู่มือการนาความรอ้ นทง้ิ กลบั มาใช้ โครงการศกึ ษาศกั ยภาพและแนวทางการส่งเสรมิ การนาความร้อนทงิ้ กลบั มาใชใ้ นภาคธุรกจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย ตารางท่ี 2-9 ค่าพารามิเตอร์ทว่ั ไปของระบบ ORC [6] พารามิเตอร์ วฏั จกั รกังหัน ORC วฏั จักรกงั หัน ORC (อุณหภูมติ ่า) (อุณหภูมสิ ูง) อณุ หภูมิความร้อนท้ังท่ีมี (Tin) อณุ หภมู ปิ ล่อยที่ (TC) 90 – 150 °C 300 – 500 °C ประสิทธิภาพการผลติ ไฟฟา้ (eff) 40 °C 150 °C ตัวกลางของความร้อนท้ิง โดยรวม 10% โดยรวม 18 – 20% ราคาระบบ (I) สทุ ธิ 10% สทุ ธิ 16 – 17 ไอเสยี ไอน้า ไอเสยี ไอน้า นา้ ร้อน นา้ ร้อน น้ามันร้อน น้ามันร้อน 200,000 บาท/kW 250,000 บาท/kW ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยี (State of the Art) ระบบ ORC เร่ิมแพร่หลายมากข้ึน และในบางการประยุกต์ใช้งาน เช่น ความร้อนใต้พิภพ คอ่ นข้างเป็นทย่ี อมรับและอยูต่ วั แล้ว ขณะท่รี ะบบ Kalina ซง่ึ ปรับปรุงตอ่ ยอดจากระบบ ORC ยงั อยใู่ นข้ึน ทดลอง แม้จะมีการติดต้ังเชิงพาณิชย์แล้ว ทั้งสองระบบต้องมีการศึกษาวิจัยต่อไป ส่วนใหญ่จะมุ่งเพิ่ม ประสทิ ธภิ าพของระบบให้สูงขน้ึ ทั้งในด้านการออกแบบวัฎจักร การเลอื กสารทางาน นอกจากนี้ยังมีการวิจัยท่ีจะให้สารทางาน ทางานในสภาวะวิกฤต (Supercritical หรือ Trans- critical) ซ่ึงจากประสิทธิภาพคาร์โนต์ จะมีค่าสูงขึ้นจากสภาวะอ่ิมตัวท่ัวไป วัฏจักรชนิดนี้เรียกว่า Super Critical Rankine Cycle (SRC) หรือTrans- Critical Rankine Cycle (TSRC) สารทางานที่ใช้เป็น CO2 และน้าหรือสารไฮโดรคาร์บอนด์ เป็นการเปลี่ยนสถานะสารทางานของเหลวเป็นสถานะวิกฤต (Supercritical) ซึ่งประสิทธิภาพของระบบสงู ข้ึน ขอ้ ดขี องระบบ SCR คอื - ใช้ความดนั ระดบั ปานกลาง (73.8 บาร์) - คณุ สมบตั ิทางเทอร์ไมไดนามิกส์แน่นอน - CO2 มใี นธรรมชาติ และต้นทุนไมส่ ูง - ไมก่ ัดกร่อน ไม่ระเบิด บรษิ ทั Echogen ไดผ้ ลิตระบบ SRC โดยใช้ CO2 เป็นสารทางานขนาด 250 kW - 50 kW และ ประสทิ ธภิ าพท่ีทาได้ถงึ รอ้ ยละ 30 [17] กล่มุ วจิ ัย EnConLab 2-43 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

ค่มู อื การนาความร้อนทิ้งกลับมาใช้ โครงการศกึ ษาศกั ยภาพและแนวทางการส่งเสรมิ การนาความร้อนท้งิ กลับมาใชใ้ นภาคธรุ กิจและอุตสาหกรรมในประเทศไทย รปู ท่ี 2-31 การทางานในสภาวะ Supercritrical และ Trans-critrical state [18] เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากความร้อนท้ิงอุณหภูมิต่า ที่น่าสนใจนอกเหนือจากเทคโนโลยี ORC ท่ีได้กล่าวถึงแล้วและอยู่ในความสนใจ ได้แก่เทคโนโลยีเทอร์โมอิเลคทริค เทคโนโลยี Magentocaloric เทคโนโลยีเทอร์โมอคูสติค เทคโนโลยี ORC แบบ Binary กราฟในรูปท่ี 2-32 แสดงเปรียบเทียบถึง ประสทิ ธิภาพท่ีทาไดข้ องเทคโนโลยเี หล่านี้ รปู ที่ 2-32 กราฟเปรยี บเทียบเทคโนโลยกี ารผลติ ไฟฟ้า [17] ในหวั ขอ้ นี้จะไดก้ ล่าวถงึ เทคโนโลยีขา้ งตน้ โดยสังเขป 1. เทอรโ์ มอิเลคทรคิ [18] เทคโนโลยีเทอรโ์ มอเิ ลคทริค เป็นท่ีรจู้ ักกันมานานมาก มกี ารใช้งานในเคร่อื งมอื วดั เชน่ เทอร์ มิสเตอร์ เป็นต้น และใช้ระบายความร้อนในแผงวงจรรวมทมี่ ีนาดเลก็ ไม่สามารถใช้เทคโนโลยีอื่นได้ แต่ใน ด้านการผลิตพลังงานไฟฟ้าในอดีตไม่ได้รับความสนใจนัก เน่ืองจากประสิทธิภาพต่า ค่าประสิทธิภาพเชิง ความร้อนตา่ กวา่ รอ้ ยละ 4 กลมุ่ วิจยั EnConLab 2-44 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี

ค่มู ือการนาความรอ้ นท้ิงกลับมาใช้ โครงการศกึ ษาศกั ยภาพและแนวทางการส่งเสรมิ การนาความรอ้ นท้ิงกลบั มาใชใ้ นภาคธรุ กจิ และอตุ สาหกรรมในประเทศไทย ประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเทอร์โมอิเลคทริคข้ึนกับ 2 ปัจจัย คือ ประสิทธิภาพในการผลิต ไฟฟา้ จากความรอ้ นทีป่ ้อนเขา้ (ηTE) และความสามารถในการถ่ายเทความร้อน (ε ) ดงั สมการ ηth= ηTEε ค่าประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า ηTE ข้ึนกับคุณสมบัติของวัสดุที่ใช้ทาเทอร์โมอิเลคทริค ตามค่า Figure of Merit หรือ ZT ของสาร และค่า ε ข้นึ กบั การออกแบบการถ่ายเทความรอ้ น ปัจจบุ ันมกี ารผลิต สารประเภท Supper lattic ท่ีมคี า่ ZT สูงข้ึนถึง 3 และคา่ ηTE สูงข้ึนถงึ ร้อยละ 20 โครงสร้างของเทอร์โมอิเลคทริคประกอบด้วยสารกึ่งตัวนาเทอร์โมอิเลคทริค และถูกขนาบด้วย เครื่องแลกเปล่ียนความร้อน 2 ด้านคือ ด้านกระแสร้อนและด้านกระแสเย็น เมื่อมีอุณหภูมิแตกต่างเกิด ระหว่างรอยต่อของสารกึ่งตัวนา ที่มีค่า Work function ต่างกันทาให้อิเล็คตรอนท่ีมีพลังงานสูงหลุด ออกมาเกิดความต่างศกั ย์ข้ึนที่รอยต่อทาให้เกดิ กระแสไฟฟ้าไหล รูปที่ 2-33 โครงสร้างของเทอร์โมอเิ ลคทรคิ 2. การใช้อุปกรณแ์ ปลงผันพลงั งานทใ่ี ชส้ นามแม่เหล็ก (Magnetocaloric Energy Conversion)[19] นอกจากเทคโนโลยีเทอร์โมอิเลคทริกแล้ว การผลิตไฟฟ้าโดยใช้อุปกรณ์ที่ใช้สนามแม่เหล็ก หรือ Magnetocaloric Energy Conversion (MEC) เทคโนโลยี MEC (ซ่ึงปจั จบุ นั มีการใชง้ านเฉพาะในตู้เย็นที่ ใช้สนามแม่เหล็ก) เร่ิมได้รับความสนใจในวงวิชาการ สานักงานพลังงานของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ (Swiss Federal Office of Energy – SFOE) ได้ตีพมิ พ์รายงานทส่ี รุปถงึ ความก้าวหน้าของ MEC MEC เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติทางแม่เหล็กแปรตามอุณหภูมิ ดังน้ันเม่ืออุณหภูมิแตกต่างเกิดข้ึน จะ เกิดแรงที่กระทาแต่ละด้านของแกนหมุนไม่เท่ากันและเกิดแรงบิด และได้มีการค้นพบสาร MEC ประเภทอัลลอยด์ท่ีให้ค่า Magnetocaloric effect สูง มีอุณหภูมิทางานท่ีสูงกว่าอุณหภูมิห้องซึ่งมีความ คาดหวังวา่ จะสามารถเพิ่มประสทิ ธิภาพการผลิตไฟฟา้ โดยใช้ MEC ไดส้ งู ข้ึน กลุ่มวิจัย EnConLab 2-45 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบรุ ี

คู่มอื การนาความร้อนทิ้งกลบั มาใช้ โครงการศกึ ษาศักยภาพและแนวทางการสง่ เสรมิ การนาความร้อนท้ิงกลับมาใช้ในภาคธุรกิจและอตุ สาหกรรมในประเทศไทย ประสิทธิภาพทางเทอร์โมไดนามิกส์ของ MEC เพ่ิมข้ึน เมื่ออุณหภูมิแวดล้อมลดลง ที่อุณหภูมิ 30°C ประสทิ ธิภาพประมาณร้อยละ 14 รปู ท่ี 2-34 ปรากฏการณ์ Magneto carloric 3. เทคโนโลยเี ทอรโ์ มอคสู ติก (Thermoacoustic Heat Engine : THE) [17] เทคโนโลยเี ทอร์โมอคูสติกเป็นการเปล่ียนแปลงความร้อนเป็นพลงั งานเสียง ซึ่งอาจจะนาไปใชใ้ น ระบบทาความเยน็ หรอื ไปขับลกู สบู และผลิตกระแสไฟฟ้า ในระบบ stiring cycle ก็ได้ ปรากฏการณ์เทอร์โมอคูสติกท่ีเปลี่ยนแปลงความร้อนเป็นพลังงานเสียงเกิดในวัสดุท่ีมีรูพรุน เรยี กว่า Regenerator หรือ Stack ซง่ึ ถกู ประกอบด้วยเครื่องแลกเปล่ยี นความร้อนทั้งสองด้าน ซง่ึ เช่ือมต่อ กับแหล่งความร้อน เครื่องแลกเปล่ียนความร้อนอุณหภูมิต่า หรือ sink ต่อกับแหล่งความร้อนอุณหภูมิต่า TC และเครื่องแลกเปล่ียนความร้อนอุณหภูมิสูง หรือ Source ต่อกับแหล่งความร้อนอุณหภูมิสูง Th ซึ่งรักษาอุณหภูมิแตกต่าง ∆T ด้วยอุณหภูมิแตกต่าง จะเหนี่ยวนาให้เกิดคล่ืนเสียงในตัวกลาง เกิดการอัด และขยายตัวของของไหลที่เป็นตัวกลาง เทอร์โมอคูสติก มีโครงสร้างท่ีง่ายๆ ไม่มีชิ้นส่วนเคล่ือนท่ีและใช้ ตัวกลางท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม เช่น อากาศ อาร์กอน ฮีเลียม มีขนาดเล็ก และมีความเป็นไปได้ท่ี ประสิทธิภาพเชิงความร้อนจะสูงถึงร้อยละ 30 บริษัท ASTER THERMOACOUSTICS ได้ผลิตเคร่ือง เทอร์โมอคูสติก โดยใช้ส่วนขยายสัญญาณ 3 ชุด สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของเคร่ืองยนต์สันดาปภายใน ได้ถึงร้อยละ 10 และบริษัท HEYCOM ได้สร้างเครื่องต้นแบบขนาด 70 kW มีประสิทธิภาพใกล้เคียง กับวัฎจกั ร Rankine กลุม่ วิจัย EnConLab 2-46 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ี

ค่มู ือการนาความรอ้ นทิ้งกลับมาใช้ โครงการศึกษาศกั ยภาพและแนวทางการสง่ เสรมิ การนาความร้อนทง้ิ กลบั มาใชใ้ นภาคธุรกิจและอตุ สาหกรรมในประเทศไทย รูปท่ี 2-35 โครงสร้างของเทอร์โมอะคสู ติค 2.3.6 การนาความร้อนทง้ิ มาใชใ้ นการปรับอากาศ (Waste heat Recovery for Air Conditioning) หลักการทางาน เทคโนโลยีในการนาความร้อนทิ้งมาใช้เปน็ แหลง่ พลงั งานในการปรบั อากาศมหี ลายเทคโนโลยี อาทิ ระบบดูดซมึ ระบบดดู ซับ การใช้สารดดู ความชื้นและการใชอ้ เี จคเตอร์ เปน็ ตน้ ระบบดูดซมึ Absorption ระบบดูดซบั Adsorption แหลง่ ความร้อนทิง้ การดดู ความชน้ื ระบบปรับอากาศ Heat Source Desiccant Air Conditioning อีเจคเตอร์ Ejector ระบบผสม Hybrid รปู ท่ี 2-36 ผงั แสดงการใชง้ านความรอ้ นทิ้งเพื่อการปรบั อากาศ กลุม่ วจิ ยั EnConLab 2-47 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบรุ ี

คู่มอื การนาความร้อนทงิ้ กลับมาใช้ โครงการศึกษาศกั ยภาพและแนวทางการสง่ เสริมการนาความร้อนทิง้ กลบั มาใชใ้ นภาคธุรกจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย 1. ระบบดูดซมึ [20] ระบบปรับอากาศแบบดูดซึมคล้ายคลึงกับฮีตปั๊มแบบดูดซึมท่ีได้กล่าวถึงแล้วและมีจาหน่าย แพร่หลายแล้ว มีต้ังแต่ขนาดเล็กจนถึงเป็นพันตัน ความร้อนทิ้งจะถูกป้อนให้กับ Generator ความร้อนที่ ใช้อาจมอี ณุ หภูมติ ่ากว่า 100 °C กไ็ ดข้ ึ้นกบั คสู่ ารทางานทีเ่ ลือก ภาระความร้อนที่ปรับอากาศจะเขา้ มาทาง อีเวปเปอร์เรเตอร์ ทาให้สารทางานกลายเป็นไอและมาจับตัวกับสารละลายเข้มข้นใน Absorber ให้ สารละลายเจือจางลงและถกู ปั้มไปรับความรอ้ นใหมท่ ่ี Generator ระบบดดู ซมึ จะมีสมรรถนะสงู กวา่ ระบบ ที่ใช้ความร้อนอื่นๆ ท้ัง 5 ประเภท สาหรับวัฏจักรแบบชั้นเดียว ค่า COP เท่ากับ 0.6-0.8 และแบบ Double effect 2 stage จะเพ่ิมเปน็ 1.2 – 1.3 รปู ที่ 2-37 เครือ่ งทานา้ เยน็ แบบดดู ซึม ตารางที่ 2-10 ค่าสมรรถนะของระบบดูดซมึ ประเภท แหล่งความร้อน ค่า COP ทวั่ ไป Sink effect อุณหภูมิ (C) 0.7 Double effect 85 1.2 Triple effect 130 1.7 220 กลมุ่ วิจัย EnConLab 2-48 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี

คู่มือการนาความร้อนทงิ้ กลับมาใช้ โครงการศกึ ษาศกั ยภาพและแนวทางการสง่ เสรมิ การนาความรอ้ นทง้ิ กลับมาใชใ้ นภาคธรุ กจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย ระบบท่ีเป็นแบบ Double หรือ Mult-effect ความร้อนจะถูกใช้หลายขั้นตอนระดับอุณหภูมิ ตามตัวอย่างในรูปท่ี 2-38 ซ่ึงหมายถึงต้องใช้เครื่องแลกเปล่ียนความร้อนหลายชุด ความซับซ้อนมากข้ึน และราคาสงู ข้ึน ก.Single Effect ข. Double รปู ท่ี 2-38 ระบบ Single และ Double Effects 2. ระบบดูดซบั (Adsorption) [20] ระบบดูดซับมีท้ังแบบท่ีเป็นสารดูดซับ (Solid Adsorption) และเป็นแบบท่ีใช้ปฏิกิริยาเคมี แต่ การทางานใกล้เคียงกัน ระบบจะมี 2 กระบวนการคือการดูดซับ (adsorption) และคาย (desorption หรือ Regeneration) ในการทาความเย็น สารทางานจะระเหยกลายเป็นไอในอีเวปเปอร์เตอร์ และจะถูก ดูดซับด้วยสารดูดซับของแข็งที่มีลักษณะมีรูพรุน ในข้ันตอนการคาย สารดูดซับจะรับความร้อนในที่นี้คือ แหล่งความร้อนทิ้ง สารทางานหลุดออกมาในรูปของเหลวและกลับไประเหยใหม่ในอีเวปเอร์เรเตอร์ สารทางานท่ีใช้มีหลายชนิด เช่น น้า – Zeolite หรือ Methanol – activated carbon ระบบดูดซับมี 2ประเภท คือ ระบบดูดซับท่ีใช้สารดูดซับ และระบบที่ใช้ปฏิกิริยาเคมี ทั้งสองระบบต่างกันท่ีแรงดูดซับใน สารดูดซบั จะใชแ้ รงทางกายภาพ ขณะท่แี บบปฏิกิรยิ าเคมีใช้แรงดึงดดู จากพันธะทางเคมี รปู ที่ 2-39 การทางานของระบบดูดซับ 2-49 กลมุ่ วิจัย EnConLab มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบรุ ี

คู่มือการนาความร้อนทงิ้ กลบั มาใช้ โครงการศึกษาศักยภาพและแนวทางการสง่ เสรมิ การนาความรอ้ นทิง้ กลบั มาใช้ในภาคธรุ กิจและอุตสาหกรรมในประเทศไทย 3. ระบบที่ใช้สารดูดความชน้ื [20] ระบบท่ีใช้สารดูดความชื้นมี 2 แบบ คือ แบบที่ใช้สารดูดความช้ืนของแข็ง (Solid desiccant) และแบบที่ใช้สารดดู ความชนื้ ของเหลว ระบบทีใ่ ชส้ ารดูดความชืน้ ของแข็ง สารดูดความชน้ื ประเภทซลิ ิกา เจล หรอื Activated Alumina หรือ สารที่โครงสร้างโมเลกุลเป็นโครงข่ายจะติดตั้งบนวงล้อที่หมุนได้ (Desiccant Wheel) และบนจาน หมุนมีรูเล็กๆ ให้ลมผ่านได้ ท่อลมท่ีผ่านจานหมุนจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนลดความช้นื อากาศดีจะ ไหลเขา้ และส่วนไลค่ วามช้นื ลมร้อนจะไหลผา่ น เมอื่ อากาศผ่านสว่ นทีล่ มเขา้ สารดูดความชนื้ จะจบั ไอน้าใน อากาศและทาให้อากาศแห้ง เมื่อจานหมุนหมุนเข้าไปในส่วนที่ไล่ความช้ืน ลมร้อนท่ีผลิตจากแหล่งความ ร้อนท้ิงจะไหลผ่านจานหมุนทาให้ความชื้นที่สะสมอยู่ระเหยออกมา หรือ Regeneration สารดูดความช้ืน เพ่อื นากลับไปใชใ้ หม่ในสว่ นลมเขา้ การนาสารดูดความช้ืนของแข็งมาใช้ในงานปรับอากาศจาเป็นจะต้องทางานร่วมกับระบบระเหย น้า (Evaporative Cooling) เน่ืองจากการดูดความชื้นไม่ทาให้อุณหภูมิลดลง แต่กลับมีผลให้อุณหภูมิ อากาศสูงข้ึน ระบบท่ีใชง้ านจะเป็นดังรูปท่ี 2-40 ซงึ่ มกี ารนาลมกลบั ภายในอาคารมาแลกเปลีย่ นกับอากาศ ภายนอก ก่อนนามาผลิตลมร้อนอกี ด้วย ระบบท่ีใช้สารดูดความชื้นของแข็งนี้ค่อนข้างแพร่หลายในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างย่ิงอาคาร ขนาดใหญ่ที่มีการออกแบบให้มีการลดความช้ืนอากาศภายนอกก่อนนาเข้ามาปรับอากาศ จุดอ่อนของ ระบบสารดูดความชื้นกค็ ือมีสว่ นเคลื่อนไหว และอาจมกี ารปนเปือ้ นของอากาศทง้ั สองฝ่ัง รปู ท่ี 2-40 ระบบที่ใชส้ ารดดู ความชื้นของแข็ง 2-50 กล่มุ วจิ ัย EnConLab มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี

คมู่ อื การนาความร้อนท้งิ กลับมาใช้ โครงการศึกษาศกั ยภาพและแนวทางการสง่ เสริมการนาความร้อนทง้ิ กลับมาใช้ในภาคธุรกจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย ระบบท่ีใช้สารดูดความชื้นของเหลว (Liquid Desiccant) ใช้คุณสมบัติของสารละลายประเภท เกลือ เช่น Lithium bromide หรือ Lithium Chloride หรือ Calcium chloride ซ่ึงสามารถจับไอน้า หรือความช้ืนในอากาศได้ โดยท่ีความเข้มข้นจะลดลง และคายความร้อนออกมา ดังน้ัน ระบบท่ีใช้สารดดู ความชื้นเหลวจะมีการสเปรยส์ ารดูดความชน้ื ในอากาศที่ไหลผ่าน ทาใหอ้ ากาศแห้ง และสารดดู ความชื้นที่ เจือจางจะถูกดูดกลับมาให้ความร้อนด้วยความร้อนทิ้งอุณหภูมิต่า ให้มีความเข้มข้นและนากลับมาสเปรย์ ใหม่ อย่างไรก็ตามอากาศที่ผ่านการดูดความช้ืนจะมีอุณหภูมิสูงจาเป็นจะต้องนามาผ่านชุดระเหยน้า (Evaporative Cooling) ให้อากาศแห้งอุณหภูมิต่าลงก่อนนาเข้าปรับอากาศ ระบบท่ีใช้สารดูดความช้ืน เหลวมีสมรรถนะคอ่ นขา้ งสูง สามารถทาค่า COP ไดส้ งู กว่า 0.8 ปจั จบุ ันมีจาหน่ายเชิงพาณิชยแ์ ล้ว แตย่ งั มี จากัดทจี่ ะตอ้ งไม่ให้ไอระเหยของสารดูดความชืน้ ติดไปกบั อากาศและสารดูดความช้ืนเหล่าน้ีไม่เป็นพษิ แต่ มคี ุณสมบัตกิ ดั กร่อนคอ่ นข้างสงู รูปท่ี 2-41 ระบบที่ใชส้ ารดูดความชื้นของเหลว 4. ระบบทีใช้อีเจคเตอร์ (Ejector Refrigeration) [20] ระบบทาความเย็นด้วยอีเจคเตอร์มีข้อดีท่ีมีชิ้นส่วนน้อยชิ้นไม่มีส่วนท่ีเคล่ือนไหว ทนทาน สารทางานที่ใชเ้ ปน็ มติ รกับส่ิงแวดล้อม เช่น นา้ หรอื สารทาความเยน็ อนื่ แต่ยังไม่ได้รบั ความนยิ มเน่ืองจาก สมรรถนะตา่ ปจั จบุ นั มกี ารออกแบบอเี จเตอรไ์ ดด้ ีขนึ้ ทาให้สมรรถนะของระบบสงู ขนึ้ การทางานของระบบที่ใช้อีเจคเตอร์ สารทางานในหม้อต้ม ซ่ึงอาจจะเป็นน้าได้รับความร้อนจาก ความร้อนท้ิงทาให้กลายเป็นไอ และมีความดันสูง ว่ิงผ่านอีเจคเตอร์ในรูป Nozzle ด้วยความเร็วสูงทาให้ บริเวณรูที่ก๊าซจะอีเวปเปอร์เรเตอร์เข้ามาผสมในอีเจคเตอร์มีความดันต่าลง ส่งผลให้การระเหยใน อีเวปเปอร์เรเตอร์เกิดขึ้นที่ความดันต่าลง สารทางานท่ีระเหยจากอีเวปเปอร์เรเตอร์ผสมกับก๊าซความดนั สูงที่ว่ิงผ่านอีเจคเตอร์เข้าควบแน่นในคอนเดนเซอร์ ด้วยความดันท่ีสูงขึ้น จะเห็นว่าในระบบไม่มีส่วนที่ใช้ พลังงานอ่ืน ยกเว้นปั้มหมุนเวียนสารทางานไปยังหม้อต้ม การทางานของระบบอีเจคเตอร์ แสดง ดังรูปที่ 2-42 กลุ่มวจิ ยั EnConLab 2-51 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุรี

คู่มอื การนาความรอ้ นท้ิงกลบั มาใช้ โครงการศึกษาศักยภาพและแนวทางการส่งเสริมการนาความรอ้ นท้ิงกลับมาใชใ้ นภาคธุรกจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย รปู ที่ 2-42 ระบบท่ีใชอ้ เิ จคเตอร์ จากขอ้ มูลการวิจัยพบวา่ สมรรถนะของระบบทใ่ี ช้อีเจคเตอรป์ ัจจุบนั อยู่ที่ 0.2-0.3 5. ระบบผสม เปน็ การผสมระหว่างระบบขา้ งตน้ เชน่ การใชร้ ะบบดดู ซับร่วมกบั สารดูดความชน้ื ของแข็ง ระบบ ดูดซับรว่ มกบั อีเจคเตอร์ เป็นตน้ ประสิทธิภาพของระบบ โดยสรุปเทคโนโลยกี ารนาความร้อนมาใช้ในการปรับอากาศมคี ่าสมรรถนะและระดับอุณหภูมิท่ีใช้ งานได้ เปรียบเทยี บได้ ดงั นี้ ตารางท่ี 2-11 การเปรยี บเทียบสมรรถนะของระบบทาความเย็น ระบบ ระดบั อุณหภูมิทีต่ ้องการ (C) สมรรถนะ (COP) 1 ระบบอดั ไอ (ใช้ไฟฟา้ ) 3-5 2 ระบบเทอร์โมอิเลค็ ตริก (ใช้ไฟฟ้า) 0.5 3 ระบบดูดซมึ 80-300 0.6-0.8 4 ระบบดูดซบั - ทางกายภาพ 80-300 0.3-0.8 - ทางเคมี 80-300 0.1.02 5 ระบบใช้สารดูดความชน้ื 40-80 0.5-1.5 6 ระบบทีใ่ ช้ Efecter 80-150 0.3-0.8 กลมุ่ วจิ ยั EnConLab 2-52 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี

คมู่ อื การนาความรอ้ นทิ้งกลบั มาใช้ โครงการศึกษาศกั ยภาพและแนวทางการสง่ เสรมิ การนาความร้อนท้งิ กลบั มาใช้ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศไทย ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี (State of the Art) ระบบดูดซึมการศึกษาส่วนใหญ่มุ่งไปที่การเพิ่มสมรรถนะ การเลือกคู่สารพลังงานเทคโนโลยี เกี่ยวกับระบบดูดซึมที่น่าสนใจระบบหน่ึงได้แก่ระบบ Thermochemical generator หรือ TCA ซ่ึงมีการ ใช้ LiCl และน้าเป็นสารทางาน ข้อแตกตา่ งจากระบบดูดซึมทัว่ ไป คอื มสี ะสมพลงั งานในรูปผลึกเกลือของ LiCl ซ่ึงเป็นการเปล่ียนเฟส และเม่ือผลึกเปล่ียนเฟสกลับมาเป็นสารละลายก็จะดูดความร้อน จึงสามารถ สะสมพลังงานได้ และด้านบนของชุดแลกเปลี่ยนความร้อนมีส่วนท่ีกระจายสารละลายให้ท่ัวเค รื่อง แลกเปลยี่ นความรอ้ น มีผลใหก้ ารถา่ ยเทความรอ้ นดีขนึ้ ซง่ึ สามารถทาค่า COP ไดถ้ ึง 0.7 [20] รปู ที่ 2-43 ระบบ TCA ในระบบดูดซับงานศึกษาค้นคว้าส่วนใหญ่มุ่งไปท่ีการออกแบบระบบ การออกแบบวัฎจักรใหม่ และการเพ่ิมขั้น การเพ่ิมการถ่ายเทความร้อนของสารทางาน และการเก็บพลังงานความร้อน เช่น จาก แสงอาทิตย์ ด้วยสมรรถนะที่ต่าและขนาดเคร่ืองแลกเปล่ียนความร้อนท่ีใหญ่ทาให้อุปกรณ์มีขนาดใหญ่ ระบบดูดซบั จงึ ต้องมงุ่ ไปในด้านการพฒั นาระบบใหป้ ระสิทธิภาพสงู ข้ึน และราคาไม่สงู ระบบที่ใช้สารดูดความช้ืนของแข็ง มีการศึกษาพบว่าสมรรถนะที่ต่าลงของระบบ Rotary Desiccant Wheel เนื่องมาจากความร้อนในการดูดซึมที่เกิดระหว่างการหมุนของลงล้อ (Ge และคณะ) จงึ มีการพัฒนาระบบ Inter-Cooling Two stage Desiccant Wheel Cooling System หรือ TSDCS ซง่ึ มีผลให้อุณหภูมิท่ีไล่ความช้ืนต่าลง และค่า COP สูงขึ้น จากการศึกษาเปรียบเทียบระบบดังกล่าวท่ีใช้ใน ภูมิอากาศของเมืองเบอร์ลิน เยอรมันนี ต้องการอุณหภูมิไล่ความช้ืนเพียง 55°C และ อุณหภูมิ 85°C สาหรับอณุ หภูมิเซียงไฮเ้ ท่านน้ั ซึง่ ทาใหม้ ีความค้มุ ค่าสูงมากขนึ้ [25] กลุ่มวจิ ัย EnConLab 2-53 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี

คู่มอื การนาความร้อนทิ้งกลบั มาใช้ โครงการศกึ ษาศกั ยภาพและแนวทางการส่งเสริมการนาความร้อนทงิ้ กลบั มาใชใ้ นภาคธรุ กจิ และอตุ สาหกรรมในประเทศไทย รูปท่ี 2-44 ระบบทใี่ ชส้ ารดดู ความชื้นของงแข็งแบบสองข้ัน [21] ระบบท่ีใช้สารดูดความชื้นของเหลว การศึกษาส่วนใหญ่มุ่งไปที่การเพิ่มสมรรถนะระบบด้วยการ ออกแบบสว่ นแลกเปล่ียนความร้อน การสร้างแบบจาลองการถา่ ยเทความร้อนและมวล การทางานร่วมกับ ระบบระเหยน้า แบบ Direct และ Indirect ซึ่งสามารถทาค่า COP ได้ถึง 1.3 การเลือกสารทางานที่ เหมาะสม การศึกษาเทคโนโลยีด้านอีเจ็คเตอร์ประกอบด้วยการพัฒนาแบบจาลองของอีเจ็คเตอร์ ทั้ง เฟสเดียว สองเฟส และในสภาวะไม่อยู่ตัว การออกแบบมิติและขนาดที่เหมาะสม ซ่ึงจากการทดสอบ สามารถทาคา่ COP ไดถ้ งึ 0.4 การเพ่ิมประสิทธิภาพโดยการไม่ใช้ปมั๊ หมนุ เวยี น การใช้แรงโนม้ ถว่ งแทนป๊ัม หมุนเวียน การใช้อีเจ็คเตอร์คู่ (Bi-ejector system) การใช้ฮีทไปป์ร่วมกับกับอีเจ็คเตอร์ซ่ึงมีรายงานว่า สามารถทา COP ได้ถึง 0.3 ท่อี ุณหภูมแิ หล่งความร้อน 100°C และท่นี ่าสนใจที่สุดน่าจะเป็นการทางานใน ภาวะวิกฤต หรือ Transcritical ejector refrigeation system : TERS ซึ่งการถ่ายเทความร้อนเกิดใน สถานะ Supercritical ซ่ึงต่างจากการควบแน่นท่ีความดันคงที่ Yu และคณะ ได้ทาการวิเคราะห์ระบบ TERS ที่ใช้ R 134a อุณหภูมิคอนเดนเซอร์ 60-100°C ความดัน 6-10 MPa ผลการวิเคราะห์พบว่าค่า สมรรถนะอยู่ในช่วง 0.35 ถึง 0.75 ซึ่งสงู กวา่ ระบบอีเจ็คเตอร์ท่ัวไปเกือบเท่าตัว และมกี ารศึกษาที่ใช้ CO2 เป็นสารทางาน Yari และ Sirousazar ได้ออกแบบระบบที่ใช้ CO2 เป็นสารทางาน Internal Heat Exchanger และ Inter cooler ซึง่ พบว่าคา่ COP สงู กว่าระบบอเี จค็ เตอรท์ ั่วไปถึงร้อยละ 26 [22] กลุ่มวิจยั EnConLab 2-54 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุรี

คมู่ อื การนาความร้อนท้ิงกลับมาใช้ โครงการศึกษาศักยภาพและแนวทางการส่งเสริมการนาความรอ้ นทง้ิ กลับมาใชใ้ นภาคธรุ กจิ และอตุ สาหกรรมในประเทศไทย บทที่ 3 การนาความรอ้ นกลบั มาใชใ้ นอตุ สาหกรรมตา่ งประเทศ ปัจจุบันทั่วโลกมีความตระหนักในเร่ืองพลังงาน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทาให้มีการนา ความร้อนทิ้งกลับมาใช้ในหลายๆอุตสาหกรรม ในหัวข้อนี้จะกล่าวถึงการนาความร้อนท้ิงกลับมาใช้ใน หลายๆอตุ สาหกรรม ในสหรัฐอเมริกา ซงึ่ มกี ารศกึ ษาไว้คอ่ นขา้ งสมบูรณ์ ได้แก่ อุตสาหกรรม ดังตอ่ ไปน้ี 1. อุตสาหกรรมซเี มนต์ 2. อตุ สาหกรรมแกว้ และกระจก 3. อตุ สาหกรรมเหลก็ และโลหะ 4. อุตสาหกรรมหลอ่ โลหะ 5. อุตสาหกรรมอาหาร 6. อุตสาหกรรมอื่นๆที่ใช้หมอ้ ไอน้า 7. อุตสาหกรรมผลติ ไฟฟ้า ในแต่ละอุตสาหกรรมจะอธิบายถึงแหล่งความร้อนท้ิงท่ีมีอยู่และเทคโนโลยีมกี ารนากลับมาใช้แล้ว และจะประเมินการใช้พลังงานความร้อนรวมของอุตสาหกรรมนั้นระดับอุณหภูมิที่ปล่อยทิ้ง กรณีมีการนา กลับมาใชแ้ ละไม่มีการนากลับมาใช้ ปรมิ าณความร้อนท้งิ ท่ีมีอยเู่ ทียบกับ 2 ระดบั อุณหภูมิ คอื 150 oC ซง่ึ เป็นการนากลับมาใช้โดยไม่มีปัญหาการกัดกร่อน และที่ระดับ 25 oC ซึ่งเป็นอุณหภูมิแวดล้อม จากน้ันมี การประเมินร้อยละการนากลับมาใช้ได้สูงสุดทางทฤษฏีด้วยค่าประสิทธิภาพคาร์โนต์ และศักยภาพการนา กลับมาใช้สงู สุดทางทฤษฏี การศึกษาในบทน้ี จะทาให้ท่านทราบเทคโนโลยีที่มีการใช้งานแล้วในต่างประเทศ จุดท่ีมีการนา กลับมาใช้และมีศักยภาพสงู ในอตุ สาหกรรมของท่าน 3.1 อตุ สาหกรรมซีเมนต์ (Cement Manufacturing) [1] อุตสาหกรรมซีเมนต์ใช้พลังงานประมาณ 550 TBtu/ปี ในการผลิตปูนซีเมนต์ประมาณ 110 ล้าน ตนั ตอ่ ปี กระบวนการผลติ หลักของอุตสาหกรรมซีเมนต์ ประกอบด้วยขนั้ ตอนการขุดและทาเหมืองวัตถุดิบ หลักคือหินปูนและชอล์ก การโม่และการบดละเอียดวัตถุดิบ เพ่ือเตรียมนาเข้าสู่กระบวนการเผา ขั้นตอน การผลิตปูนเม็ด (clinker production หรือท่ีเรียกว่า pyroprocessing) และการบดปูนเม็ดเพ่ือผสมทา เป็นปูนซีเมนต์ ซึ่งปูนเม็ด (Clinker) เป็นวัตถุของแข็งก้อนกลมที่ออกมาจากเตาเผาปูนและใช้ใน กระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ต่อไป การทาปูนเม็ดในเตาเผาปูนเป็นกระบวนการท่ีใช้พลังงานมากท่ีสุดใน อตุ สาหกรรมซีเมนต์ คดิ เปน็ สัดส่วนการใชพ้ ลงั งานถึง 74% ของพลังงานทใ่ี ชท้ ั้งหมด เตาเผาปนู แบบหมุน (Rotary cement kilns) มลี กั ษณะเปน็ ทอ่ เหลก็ ทีฉ่ าบเคลือบดว้ ยวัสดุทนไฟ (refactory-line) มีความยาวตั้งแต่ 200 – 1000 ฟุต เชื้อเพลิงที่นิยมใช้คือถ่านหิน ในบางเตาเผาอาจใช้ ก๊าซธรรมชาติหรือน้ามัน หรือใช้เช้ือเพลิงเหลือท้ิงอ่ืนๆ โดยวัตถุดิบคือหินปูนและวัตถุดิบอื่นเช่น ดินดาน (Shale) และวตั ถุดบิ ปรับแตง่ คุณสมบตั ิ (Corrective Materials) จะถูกนาเข้าทางด้านบนของเตาเผาและ กลมุ่ วิจัย EnConLab 3-1 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี

คมู่ อื การนาความรอ้ นท้ิงกลับมาใช้ โครงการศึกษาศกั ยภาพและแนวทางการสง่ เสริมการนาความร้อนทงิ้ กลบั มาใชใ้ นภาคธุรกจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย ค่อยๆ ผ่านลงมาในโซนพื้นที่ให้ความร้อนท่ีได้รับความร้อนจากเปลวไฟที่ด้านล่างของเตาเผา เตาเผาปูน แบบหมนุ สามารถแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 2 ประเภทคือ กระบวนการแบบเปยี ก (wet process) และกระบวนการ แบบแห้ง ในกระบวนการแบบเปียก วัตถุดิบจะมีความชื้นประมาณ 30-40% ซึ่งจะต้องการใช้พลังงาน จานวนมากในการระเหยนา้ ออกจากวัตถุดิบ เตาแบบเปียกน้ีมักไม่เปน็ ท่ีนิยมใช้งานแลว้ อาจพบการใช้งาน ได้ไม่เกิน 20% ของกาลังการผลิตเม็ดปูนในสหรัฐอเมริกา กระบวนการแบบที่สองคือ กระบวนการแบบ แหง้ (Dry process) ซง่ึ วตั ถดุ ิบแหง้ ทผ่ี ่านการบดย่อยใหม้ ีขนาดเล็กๆ ที่เหมาะสมแล้ว โดยปกตเิ ตาเผาปูน จะมีลักษณะเป็นข้ันตอนลูกโซ่แบบต่อเน่ือง “Chain section” ซึ่งความร้อนจากก๊าซไอเสียจะถูกดูดซับ ถ่ายเทไปสู่วัตถุดิบ ทั้งน้ีหากปราศจากการนาความร้อนท้ิงกลับมาใช้ ก๊าซไอเสียที่ปล่อยจะมีอุณหภูมิ ประมาณ 450oC ทางเลือกสาหรับการนาความร้อนท้ิงจากก๊าซไอเสีย จะมที ้งั การนาความร้อนท้งิ ไปอนุ่ วัตถุดิบและ การนาไปผลิตไฟฟ้า การอุ่นวัตถุดิบจะกระทาในลักษณะท่ีไหลสวนทางกันของวัตถุดิบและก๊าซไอเสียใน ไซโคลน ดังแสดงในรูปที่ 3-1 ระบบการอุ่นวัตถุดิบท่ีพบใช้งานกันทั่วไปจะประกอบด้วยชุดอุ่น preheat แบบอนุกรม 4 ชุด ซึ่งก๊าซไอเสียที่ปล่อยออกท่ีอุณหภูมิประมาณ 340oC ก๊าซไอเสียมีอุณหภูมิอยู่ในช่วง อุณหภูมิระดับปานกลาง ซ่ึงยังมีโอกาสในการนาความร้อนทิ้งกลับมาใช้ประโยชน์ ข้ันตอนการอุ่น preheat เพ่ิมเติมสามารถกระทาได้อีกในช่วงอุณหภูมิต่า ถ้าใช้ชุดอุ่นแบบ 5-6 สเตท อุณหภูมิของก๊าซ ไอเสียจะสามารถลดลงได้ที่ประมาณ 204-300oC ทั้งนี้ จานวนสเตทขั้นตอนการอุ่นมักจะถูกจากัดด้วย ความยุ่งยากซับซ้อนของการควบคุมกระบวนการและข้อจากัดของโครงสร้าง ก๊าซไอเสียยังสามารถใช้ สาหรับการอบแห้ง (drying) และการอ่นุ เตาเผาท่ีจะป้อนวัตถดุ บิ ที่ใช้ในขั้นตอนการโมบ่ ดวตั ถุดิบได้ด้วย รูปท่ี 3-1 แสดงการอุ่นให้ความรอ้ นเตาปูนซีเมนต์ 3-2 กลุม่ วจิ ัย EnConLab มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุรี

คู่มือการนาความร้อนทงิ้ กลบั มาใช้ โครงการศึกษาศักยภาพและแนวทางการส่งเสริมการนาความรอ้ นท้ิงกลับมาใช้ในภาคธุรกจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย ทางเลอื กอน่ื ๆ นอกเหนือจากการอนุ่ วตั ถุดบิ แล้ว ระบบโคเจนเนอเรชนั่ ก็เป็นทางเลือกหน่งึ ในการ นาความร้อนทิง้ กลับมาใช้ ในปัจจบุ นั ในสหรัฐอเมริกา พบว่ามี 4 โรงงานทใ่ี ชร้ ะบบโคเจนเนอเรชัน่ ทาการ ผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 486 ล้าน kWh ต่อปี (1.66 TBtu/ปี) ระบบท่ีพบเป็นการผลิตไฟฟ้าแบบท่ีใช้ไอน้า อย่างไรก็ตาม มีเทคโนโลยีทางเลือกอ่ืนในการผลิตไฟฟ้าได้อีก รวมทั้ง Organic Rankine cycle และ Kalina Cycle ทก่ี าลงั ไดร้ ับความสนใจในปจั จบุ นั ตอ่ ประสทิ ธภิ าพการผลติ ไฟฟา้ จากก๊าซไอเสียอุณหภูมิต่า ซึ่งสามารถนามาใช้ในการนาความร้อนท้ิงกลับมาใช้จากก๊าซไอเสียจากการเผาไหม้ (เช่น หลังจากผ่าน ขัน้ ตอนการอนุ่ วัตถดุ ิบ) หรือจากขนั้ ตอนการทาใหเ้ มด็ ปูนเย็นตวั (clinker cooler) ในขณะที่การนาความร้อนทิ้งจากเตาเผาซีเมนต์เป็นสิ่งที่มีการปฏิบัติกนั เป็นปกติ แต่ยงั คงมีความ ร้อนท้ิงในช่วงระดับปานกลาง ประมาณ 83 TBtu/ปี ที่ยังไม่ได้มีการนามาใช้งานจากเตาเผาปูนแบบ off- gases ในสหรฐั อมริกา (ดงั แสดงในตารางท่ี 3-1) ซ่ึงความร้อนทิง้ ท่ีสญู เสียน้ีสามารถลดลงได้ดว้ ยการติดตั้ง ชดุ อุน่ อากาศเพิม่ เตมิ หรือการใชเ้ ทคโนโลยีระบบโคเจนเนอเรช่ัน ทางเลือกอื่นๆ ท่ีมีโอกาสสาหรับการเพ่ิมประสิทธิภาพของเตาเผาปูน คือการทา optimizing ความร้อนท้ิงในการทาให้เม็ดปูนเย็นตัว ปูนเม็ดจะถูกปล่อยออกมาจากเตาในลักษณะเม็ดปูนที่ร้อนแดง เพ่ือนาไปทาให้เย็นในข้ันตอนการทาให้เม็ดปูนเย็นตัว (clinker cooler) ซ่ึงข้ันตอนนี้จะทาหน้าท่ี 2 อย่าง คือระบายความร้อนในระหว่างกระบวนการท่ีเม็ดปูนเคล่ือนตัวลงมา ในขณะเดียวกันก็ทาการนาพลังงาน ความร้อนส่วนที่เหลอื ในเม็ดปูนกลับไป ชุดระบายความร้อนเม็ดปูนโดยปกติมักออกแบบให้มีลักษณะเปน็ ตะแกรง (grate-type) การหมุนเวียนอากาศในการระบายความร้อนในเม็ดปูน จะทาการลดอุณหภูมิจาก ประมาณ 1200oC ไปเป็น 100oC ซึง่ อากาศร้อนทปี่ ลอ่ ยออกจากชุดระบายความรอ้ นเม็ดปนู จะถูกนาไปใช้ ในการอุ่นอากาศข้ันที่สองที่จะเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเตาเผา หรืออากาศทุติยภูมิสาหรับการทา precalciner โดยปกติระบบจะสามารถนาความร้อนกลับได้ประมาณ 1-1.3 ล้าน Btu/ตันเม็ดปูน ประสิทธิภาพของการนาความร้อนกลับของชุด ทาให้เม็ดปูนเย็นตัวสามารถเพ่ิมได้ด้วยการลดปริมาตร อากาศส่วนเกิน การควบคุมความลึกของชั้นเม็ดปูนให้เหมาะสม การออกแบบตะแกรงให้เหมาะสมที่สุด (optimizing grate design) การควบคุมอากาศที่กระจายตัวเหนือตะแกรง มาตรการน้ีสามารถประหยัด พลังงานได้เพ่ิมเติม 0.1 ล้าน Btu/ตันเม็ดปูน ในขณะเดียวกัน Organic Rankine Cycles และ Kalina Cycle ก็เป็นโอกาสทางเลือกใหม่ที่เกิดข้ึนสาหรับข้ันตอนการนาความร้อนท้ิงกลับจากการระบายความ ร้อนให้กับเม็ดปูนดว้ ย กล่มุ วจิ ยั EnConLab 3-3 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบรุ ี

คมู่ ือการนาความรอ้ นทิ้งกลบั มาใช้ โครงการศกึ ษาศกั ยภาพและแนวทางการสง่ เสริมการนาความรอ้ นท้ิงกลับมาใช้ในภาคธรุ กิจและอุตสาหกรรมในประเทศไทย ตารางท่ี 3-1 ศักยภาพของงานและความร้อนท้ิงท่ียังไม่ได้นากลับจากก๊าซไอเสียอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ในสหรัฐ อเมริกา แหลง่ ความรอ้ นทงิ้ การใช้ อุณหภมู ิกา๊ ซ ความร้อนทงิ้ ความร้อนท้งิ Carnot ศักยภาพ พลงั งาน (TBtu/ป)ี ท่ี 300 (TBtu/ป)ี ไอเสยี ที่ปลอ่ ย (TBtu/ป)ี ท่ี 150oC Efficiency TBtu/ปี โดยประมาณ 25 oC oC เตาเผาเมด็ ปนู แบบเปยี ก 98.0 338 18.8 9.4 0.5 9.6 เตาเผาเมด็ ปูนแบบแห้ง ไมม่ กี ารอนุ่ อากาศหรอื มี 80.2 449 20.6 12.8 0.6 12.1 precalciner มเี ฉพาะการอนุ่ อากาศ 67.8 338 13.9 7.0 0.5 7.1 มีเฉพาะ precalciner 143.4 338 29.7 15.1 0.5 15.2 รวม 125.8 82.0 44.3 44.0 3.2 อตุ สาหกรรมแกว้ และกระจก (Glass Manufacturing) [1] อุตสาหกรรมแก้วในสหรัฐอเมริกาใช้พลังงานประมาณ 300 TBtu/ปี และบางแห่ง ประมาณกว่า 70% ของพลังงานท่ีใช้ท้ังหมด ถูกใช้ไปในกระบวนการหลอมแก้ว และกระบวนการทาบริสุทธิ์แก้วใหมใ่ น เตาหลอมอุณหภูมิสูง แต่ในการหลอมแก้ว 1 ตัน เตาเผาหลอมแก้วแต่ละประเภทจะมีการใช้พลังงานท่ี ต่างกัน โดยตามทฤษฏีการหลอมแก้ว จะต้องการใช้พลังงานอย่างน้อย 2.2 ล้าน Btu ต่อตันแก้ว อยา่ งไรก็ตาม พบว่าในเตาหลอมบางประเภทต้องการใช้พลงั งานถงึ 20 ล้าน Btu ตอ่ ตันแกว้ ประเภทของเตาหลอมที่มีการใช้งานในกระบวนการหลอมแก้วในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จะ ประกอบไปด้วย เตาแบบเผาตรง (direct-fired furnace) เตาแบบอุ่นอากาศ (Recuperative furnace) เตาแบบรีเจนเนอเรทีฟ (Regenerative furnace) เตาหลอม (Unit Melting) เตาแบบใช้เช้ือเพลิง ออกซิเจน (Oxy-fuel furnace) และเตาแบบใช้เชื้อเพลิงผสม (mixed-fuel furnace) สาหรับในสหรัฐเมริกา พบว่าจานวนเกินกว่า 50%ของเตาในอุตสาหกรรม ใช้เตาเผาประเภทรีเจนเนอเรทีฟท่ีใช้เชื้อเพลิงก๊าซ ธรรมชาตมิ าเผาเป็นเช้ือเพลิง คดิ เป็นจานวนตันของผลิตภัณฑ์แก้วกว่า 90% โดยเตาทีม่ ีประสิทธภิ าพการ ใชง้ านท่ดี ที ่สี ุด จะมปี ระสทิ ธิภาพสงู กว่า 40% และมคี วามรอ้ นสญู เสยี ไปกับก๊าซไอเสยี ออกปล่องประมาณ 30% และมกี ารสญู เสียความรอ้ น ตามผนังของอปุ กรณ์และอืน่ ๆประมาณ 30% เตาแบบอุ่นอากาศ (Recuperator) และเตาแบบรีเจนเนอเรทีฟ (Regenerative) มักพบมีการใช้ งานบ่อยสาหรับการนาความร้อนทิ้งกลับมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมแก้ว การหลอมแก้วจะดาเนิน กระบวนการผลิตท่ีอุณหภูมิสูง มีโอกาสสาหรับการนาความร้อนท้ิงกลับมาในระดับเกรดอุณหภูมิสูง หาก ปราศจากการนาความร้อนท้ิงกลับมาใช้ อุตสาหกรรมแก้วจะมีอุณหภูมิก๊าซไอเสียประมาณ 1315oC ซึ่ง วิธีการนาความร้อนทิ้งกลับมาด้วยเตาแบบอุ่นอากาศและเตาแบบรีเจนเนอเรทีฟ เป็นวิธีท่ีมักพบใช้งาน ทว่ั ไป กล่มุ วจิ ยั EnConLab 3-4 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบรุ ี

คมู่ ือการนาความร้อนทงิ้ กลบั มาใช้ โครงการศึกษาศกั ยภาพและแนวทางการส่งเสรมิ การนาความร้อนท้ิงกลบั มาใช้ในภาคธรุ กจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย เตาหลอมแบบรีเจนเนอเรทีฟจะประกอบไปด้วยห้องท่ีเป็นอิฐ 2 ห้อง ซึ่งห้องทั้งสองส่วนน้ีจะใช้ สลบั กนั ในการดูดซบั ความร้อนจากก๊าซไอเสียร้อนและถ่ายเทความร้อนให้กบั อากาศท่ีจะนาเข้าไปเผาไหม้ ทิศทางการไหลของอากาศจะมีการเปลี่ยนสลับทิศกันในทุกๆ 20 นาที ดังนั้นในช่วงเวลาเดียวกัน อิฐใน ห้องหนึ่งจะใช้ทาหน้าที่ในการรับความร้อนจากก๊าซไอเสียร้อน ในขณะที่อีกห้องหน่ึงจะทาหน้าท่ีในการ ถ่ายเทความร้อนให้กับอากาศ โดยสุดท้าย ก๊าซไอเสียท่ีปล่อยออกจากเตาหลอมแบบรีเจนเนอเรทีฟจะมี อุณหภูมิในช่วงประมาณ 316 –538oC สาหรับเตาหลอมแบบอุ่นอากาศ ซ่ึงเป็นเตาแบบที่มีประสิทธิภาพ ต่ากว่าแบบรีเจนเนอเรทีฟ แต่มีต้นทุนเงินลงทุนต่ากว่า มักนิยมใช้ในโรงงานขนาดเล็ก เตาอุ่นอากาศแบบ โลหะมักจะถูกนาใช้ในการอุ่นอากาศเข้าเผาไหม้แบบทางอ้อม อุณหภูมิอากาศที่อุ่นปกติมักไม่เกิน 800oC โดยก๊าซไอเสียทีป่ ล่อยออกจะถกู ลดอุณหภูมลิ งไปที่ประมาณ 982oC นอกจากการอุ่นอากาศท่ีเข้าเผาไหม้แล้ว วิธีการนาความร้อนทิ้งกลับในอุตสาหกรรมแก้ว จะรวม การอุ่นวัสดุและเศษแก้วที่จะเข้าผลิตแบบเป็น batch และการใช้หม้อไอน้าความร้อนทิ้งสาหรับในการ ผลิตกระแสไฟฟ้า อย่างไรก็ตามระบบแบบน้ี นิยมใช้ในเตาเผาแบบใช้เชื้อเพลิงออกซิเจน ซ่ึงไม่จาเป็นต้อง มีการอนุ่ อากาศทจ่ี ะเข้าเผาไหม้ ท้งั นี้ เตาเผาแบบใช้เช้ือเพลงิ ออกซิเจน จะใชอ้ ากาศที่มปี รมิ าณออกซิเจน เข้มข้นสงู หรือกา๊ ซออกซิเจนบริสทุ ธิ์ใช้ในการเผาไหม้ ซึ่งเตาเผาแบบน้จี ะช่วยประหยัดพลังงานท่ีจะต้องใช้ ในการเพ่ิมอุณหภูมิให้กับไนโตรเจนในอากาศ และเมื่อใช้เช้ือเพลิงออกซิเจน ส่วนรีเจนเนอเรเตอร์ก็ไม่ จาเป็นต้องมีและก๊าซไอเสียจะมีอุณหภูมิสูงกว่าประมาณ 1460oC แม้ว่าเตาแบบนี้จะให้ความร้อนท้ิงท่ีมี อุณหภูมิสูง แต่ปริมาณมวลของก๊าซไอเสียจะมีปรมิ าณน้อยกวา่ ทาให้มีปริมาณความรอ้ นทง้ิ ที่สญู เสียทีต่ ่า กว่าตามสัดสว่ นของเชื้อเพลิงท่ใี ช้ การอุ่นให้ความร้อนแก่วัสดุแบบ batch พบว่ามีการใช้ในโรงงานหนึ่งในสหรัฐ แต่พบใช้เป็นเร่ือง ปกติในยโุ รปซง่ึ จะมคี ่าใช้จ่ายด้านพลังงานท่ีสงู กว่า พบวา่ มีประมาณ 13 แห่ง เฉพาะในเยอรมนั พบ 9 แหง่ ส่ิงทที่ ้าทายสาหรับการอนุ่ ให้ความร้อนแกว่ ัสดุ คือจะตอ้ งทางานกบั วัตถดุ ิบที่มปี ระมาณมากและจะต้องทา ให้อุณหภูมิการอุ่นมีค่าสม่าเสมอท่ัวถึง ฟูลอิดไดซ์เบดและไซโลแบบพิเศษถูกนามาใช้ในการให้ความร้อน ถ่ายเทสม่าเสมอท่ัวทั้งก้อน การปรับปรุงเพ่ือลดต้นทุนและทาให้การใช้งานสะดวกง่ายขึ้น อาจจะเพ่ิม โอกาสสาหรบั การเพิ่มการใช้งานของเคร่ืองอุ่นวสั ดุแบบ batch การวิเคราะห์เตาหลอมแก้วในสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่าการนาความร้อนทิ้งกลับมาใช้สิ่งท่ี ปฏิบัติกันโดยปกติ ที่มีการใช้พลังงาน 43 TBtu ซ่ึงพลังงานความร้อนทิ้งแบบปานกลางและแบบสูง เป็น โอกาสสาหรับการนาความร้อนทิ้งกลับ โดยความร้อนสูญเสียจากเตาแบบรีเจนเนอเรทีฟ มีค่าประมาณ 15 TBtu/ปี ความร้อนสูญเสียจากเตาแบบอุ่นอากาศมีค่าประมาณ 7 TBtu/ปี เตาหลอมแบบใช้ กระแสไฟฟ้ามีค่าการสูญเสีย 9 TBtu/ปี และเตาเผาแบบใช้ออกซิเจน มีค่าประมาณ 3 TBtu/ปี ดังแสดงใน ตารางท่ี 3-2 กล่มุ วจิ ัย EnConLab 3-5 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี

คมู่ อื การนาความรอ้ นทิง้ กลบั มาใช้ โครงการศึกษาศกั ยภาพและแนวทางการสง่ เสรมิ การนาความร้อนทิ้งกลบั มาใช้ในภาคธุรกจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย ตารางท่ี 3-2 ศักยภาพของงานและความร้อนทิ้งที่ยังไม่ได้นากลับจากก๊าซไอเสียอุตสาหกรรมหลอมแก้ว ในสหรฐั อเมริกา การใช้ อุณหภูมกิ า๊ ซไอเสีย ความร้อนท้ิง ความร้อน Carnot ศักยภาพ พลังงาน แหลง่ ความรอ้ นทิ้ง ที่ปลอ่ ย (TBtu/ป)ี ท่ี ท้งิ (TBtu/ป)ี TBtu/ปี โดยประมาณ oC 25oC ท่ี 150oC Efficiency (TBtu/ป)ี เตารเี จนเนอเรทฟี 54.4 427 15.1 6.5 0.6 8.7 เตาอุ่นอากาศ 13.6 982 7.6 5.4 0.8 5.8 เตาแบบใชเ้ ชอ้ื เพลิงออกซเิ จน 12.8 1,427 4.2 2.7 0.8 3.4 เตาแบบใช้ไฟฟา้ 34.9 427 8.6 3.7 0.6 4.9 เตาแบบหลอมโดยตรง 10.1 1,316 7.5 5.8 0.8 6.1 รวม 125.8 43.0 24.1 28.9 3.3 อุตสาหกรรมเหลก็ และโลหะ (Iron and Steel Manufacturing) [1] อุตสาหกรรมเหล็กและโลหะในสหรัฐอเมริกา ใช้พลังงานประมาณ 1900 TBtu/ปี และมีค่าเฉล่ีย Energy Intensity ที 17.4 ล้าน Btu/ตัน อุตสาหกรรมนี้จะใช้เตาที่มีอุณหภูมิสูงหลากหลายชนิด เช่น เตาเผา (sinter) เตาเผาถ่านโค้ก (Coke furnace) เตาหลอมผลิตเหล็กและโลหะ ซึ่งข้ันตอนการใช้ พลังงานของเตาเผาคิดเปน็ การใชพ้ ลังงานประมาณ 58% ของพลงั งานท่ีใช้ในอตุ สาหกรรมทงั้ หมด ในขณะ ที่การนาความร้อนกลับจากก๊าซไอเสียจะมีการปนเปื้อนของส่ิงสกปรกพบได้ในเตาเผาแบบถ่านโค้ก เตาเผาแบบจุดระเบิด (Blast furnace) เตาเผาแบบใช้ออกซิเจน (Basic oxygen furnaces) และเตาเผา อาร์คไฟฟ้า (electric arc furnaces) พบวา่ มีความท้าทายในเชิงเศรษฐศาสตร์สาหรับการนาความร้อนท้ิง กลับ ซึ่งเทคโนโลยีการนาความร้อนท้ิงกลับจากก๊าซท่ีสกปรกมีความเป็นไปได้ แต่การนาไปปฏิบัติใช้งาน ยังมขี ้อจากดั เน่อื งจากตอ้ งการเงินลงทนุ ท่สี งู การศกึ ษาความร้อนสญู เสียในสว่ นโรงงานขนาดใหญ่และโรงงานขนาดเล็ก พบวา่ ในโรงงานขนาด ใหญ่ ความร้อนสูญเสียคิดเป็นประมาณ 54% ของการผลิตวัตถุดิบของสหรัฐอมริกาในปี 1999 การวิเคราะห์กระบวนการกระทาในส่วนทั้งการผลิตแบบใช้ถ่านโค้ก การทาเหล็กด้วยเตาแบบจุดระเบิด การทาเหล็กกล้าแบบใช้เตาเผาแบบใช้ออกซิเจน สาหรับในโรงงานขนาดเล็ก ทาการวิเคราะห์ก๊าซไอเสีย จากเตาเผาแบบอาร์คไฟฟ้า พบว่าความร้อนท้ิงจากกระบวนการนี้มีค่าประมาณ 79 TBtu/ปี คานวณ ณ ระดับ อณุ หภูมิอา้ งอิงที่ 25oC กลุ่มวจิ ยั EnConLab 3-6 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

คูม่ อื การนาความร้อนท้ิงกลบั มาใช้ โครงการศกึ ษาศกั ยภาพและแนวทางการส่งเสรมิ การนาความรอ้ นทิ้งกลบั มาใชใ้ นภาคธุรกิจและอตุ สาหกรรมในประเทศไทย ตารางท่ี 3-3 ศักยภาพของงานและความร้อนท้ิงที่ยังไม่ได้นากลับจากก๊าซไอเสียอุตสาหกรรมเหล็กและโลหะ ในสหรัฐอเมริกา แหล่งความรอ้ นทงิ้ การใช้ อณุ หภมู กิ า๊ ซไอเสีย ความร้อน ความร้อน Carnot ศักยภาพ พลังงาน ทีป่ ล่อย ท้งิ ทิง้ Efficiency (TBtu/ป)ี TBtu/ปี โดยประมาณ oC (TBtu/ปี) (TBtu/ป)ี ท่ี 25 oC ที่ 150 oC เตาเผาแบบโค้ก (Coke 65.5 Oven) เตาโค้กแบบใชแ้ ก๊ส 980 15.8 13.0 0.8 12.1 เตาโคก้ แบบใช้กา๊ ซทงิ้ 200 11.2 10.0 0.4 4.1 เตาเผาแบบ Blast 642.3 furnace Blast furnace ใช้แก๊ส 430 5.3 - 0.19 1.0 Blast Stove Exhaust ไม่นาความรอ้ นท้ิงกลับ 36.2 250 10.6 1.9 0.4 4.6 นาความร้อนทิง้ กลับ 34.1 130 3.2 - 0.3 0.8 เตาเผาแบบใช้ออกซิเจน 49.7 1,700 27.1 26.0 0.8 23.0 (Basic Oxygen Furnace) เ ต า เ ผ า Electric Arc Furnace ไม่นาความร้อนทิง้ กลับ 57.7 1,200 5.8 5.4 0.8 4.6 นาความร้อนท้งิ กลับ 13.3 204 0.2 0.1 0.4 0.1 รวม 828.6 79.1 57.3 49.2 กลุ่มวจิ ัย EnConLab 3-7 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุรี

คมู่ ือการนาความร้อนทง้ิ กลับมาใช้ โครงการศกึ ษาศักยภาพและแนวทางการส่งเสรมิ การนาความรอ้ นทง้ิ กลับมาใช้ในภาคธรุ กจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย 3.3.1 เตาเผาท่ีใช้ผลิตเหลก็ กล้า (Integrated Steel Mills) 3.3.1.1 เตาถา่ นโค้ก (Coke Oven) การผลิตถ่านโค้ก ซึ่งเป็นเช้ือเพลิงท่ีสาคัญสาหรับเตาเผาแบบ blast furnace เป็น กระบวนการหลักของการผลิตเหล็ก ถ่านโค้กจะถูกผลิตในเตาถ่านโค้ก เม่ือถ่านหินถูกทาให้ร้อนใน สภาพแวดล้อมที่มีปริมาณออกซิเจนที่จากัด กระบวนการผลิตถ่านโค้ก สามารถจะทาได้ 2 วิธีการคือ กระบวนการแบบผลพลอยได้ (by product process) และแบบท่ีไม่มีการนากลับ (non-recovery process) ในกระบวนการแบบผลพลอยได้ สารเคมีท่ีเป็นผลพลอยได้ (เช่น ทาร์ แอมโมเนีย และน้ามัน light oil) จะถูกนากลับในเตาถ่านโค้ก ในขณะท่ีก๊าซท่ีเหลือในเตาถ่านโค้ก จะเป็นก๊าซที่สะอาดและ หมุนเวียนนากลับมาใช้ในโรงงานเหล็ก สาหรับกระบวนการแบบไม่มีการนากลับ ก๊าซทุกชนิดท่ีเกิดในเตา ถา่ นโคก้ จะถูกเผาในกระบวนการจนหมด ซง่ึ กระบวนการผลิตที่เป็นท่ีใช้งานกันท่ัวไปคือกระบวนการแบบ ผลพลอยได้ ซ่ึงจะได้กล่าวถงึ ตอ่ ไป กระบวนการผลิตแบบผลพลอยได้ ดังแสดงในรูปท่ี 3-2 จะมีความร้อนสัมผัสท่ีสูญเสียใน 2 ตาแหน่ง คือ (1) ก๊าซจากเตาถ่านโค้กที่ถูกทาให้เย็นในกระบวนการทาความสะอาดก๊าซไอเสีย และ (2) ก๊าซไอเสียทิ้งที่ปล่อยออกจากเตาถ่านโค๊ก กระบวนการผลิตจะประกอบไปด้วยห้องหลายๆ ห้อง แยกโดย ก๊าซไอเสียร้อน ก๊าซจากเตาถ่านโค้กท่ีหมุนเวียนกลับ (Recycled coke oven gas: COG) และบางครั้ง ก๊าซอืน่ ๆ เช่นก๊าซจากเตาแบบจุดระเบิด blast furnace gas จะถูกใชเ้ ปน็ แหล่งเชื้อเพลิงให้กบั ก๊าซไอเสีย และให้ความร้อนไปที่ผนังเตา ที่ซึ่งกระบวนการไพโรไลซีสถ่านหินจะเกิดข้ึน เน่ืองจากถ่านหินจะถูก ไพโรไลซีสในห้องเตาเผา ก๊าซต่างๆ และไอน้า ซ่ึงคิดเป็นประมาณ 8-11% โดยมวลของถ่านหินท่ีป้อนเขา้ ไป จะถูกดึงและปล่อยออกทางท่อท่ีพุ่งข้ึนด้านบน องค์ประกอบของก๊าซจากเตาถ่านโค้กท่ีหมุนเวียนกลบั (COG) ดังแสดงในตารางที่ 3-4 โดยก๊าซ COG นี้จะมีค่าความจุความร้อนอยู่ในช่วงประมาณ 500-700 Btu/scf ซ่ึงสามารถนามาหมุนเวียนสาหรับใช้เป็นเช้ือเพลิง หลังจากกระบวนการทาความสะอาดก๊าซ อย่างเขม้ งวดแลว้ กล่มุ วจิ ัย EnConLab 3-8 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี

คมู่ ือการนาความร้อนทิง้ กลับมาใช้ โครงการศกึ ษาศกั ยภาพและแนวทางการส่งเสริมการนาความรอ้ นทง้ิ กลับมาใชใ้ นภาคธุรกจิ และอตุ สาหกรรมในประเทศไทย รปู ท่ี 3-2 เตาเผาแบบโค้ก (Coke Oven) อุณหภูมิของก๊าซ COG ดิบท่ีออกจากเตามีช่วงอุณหภูมิจาก 649oC ไปจนถึง 982oC ท่ี จุดนี้ ก๊าซ COG จะเป็นแหล่งของพลังงานความร้อนสัมผัส (sensible heat) อย่างไรก็ตามความร้อนนี้ เปน็ ความร้อนที่มักสูญเสียเนื่องจากการมีสาร tars และสารอนื่ ๆ ในองคป์ ระกอบในปริมาณสูง ซึง่ จะเกาะ สะสมอยู่บนพ้ืนผิวแลกเปลี่ยนความร้อน เมื่อออกจากเตา ก๊าซ COG จะถูกทาให้เย็นลงโดยการสเปรย์ แอมโมเนียเหลว ก่อนตามดว้ ยการทาใหเ้ ยน็ ในข้นั แรก (primary cooler) และมเี ทคโนโลยีหลายๆ วธิ กี าร ที่นามาใช้ในการกาจัดสาร tars และองค์ประกอบซัลเฟอร์ แอมโมเนีย และน้ามัน light oil หลังจากการ ทาความสะอาด ก๊าซ COG จะถูกนาไปใชเ้ ป็นเช้ือเพลิงในโรงงาน ในการจัดการแบบนี้ มีเพียงพลงั งานของ สารเคมีใน COG ที่ถูกนากลับมาและหมุนเวียน ในขณะท่ีพลังงานความร้อนสัมผัสจะถูกปล่อยทิ้งไป พลงั งานความร้อนทิ้งท่สี ูญเสียจากก๊าซ COG ทงั้ หมดในสหรัฐอเมริกา คิดเปน็ ประมาณ 16 TBtu/ปี กลมุ่ วจิ ยั EnConLab 3-9 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี

คมู่ อื การนาความร้อนท้งิ กลับมาใช้ โครงการศึกษาศักยภาพและแนวทางการส่งเสริมการนาความร้อนทง้ิ กลบั มาใชใ้ นภาคธุรกิจและอตุ สาหกรรมในประเทศไทย ตารางท่ี 3-4 แสดงองค์ประกอบของกา๊ ซของเตาเผาถ่านโค้ก องคป์ ระกอบ % โดยปริมาตร H2 39-65 CH4 32-42 CxHy 3.0-8.5 CO 4.0-6.5 H2S 3-4 BTX 23-30 PAH nd NH3 6-8 CO2 2-3 แหล่งทมี่ า: IPCC แต่ในขณะที่ในสหรฐั ไม่มกี ารนาความร้อนท้งิ จากก๊าซ COG กลับมาใช้ แต่มีความเป็นไป ได้ในการนาความร้อนท้ิงจากก๊าซ COG มาใช้ ดังตัวอย่างในประเทศญ่ีปุ่น ซึ่งโรงงานในประเทศญี่ปุ่น ประสบความสาเร็จในการนาความร้อนกลับด้วยการใช้สารตัวกลางถ่ายเทความร้อนท่ีมีความดันต่า โดยทั่วไป อุณหภูมิท่ียอมรับได้ของก๊าซ COG ในอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน จะอยู่ที่ประมาณ 450oC แต่ท่ีอุณหภูมิท่ีต่ากว่าอุณหภูมิท่ียอมรับได้นี้ สาร tars จะเกิดการกล่ันตัวและเกิดเป็นเขม่าเกาะอยู่ที่พื้นท่ี ผิวแลกเปลี่ยนความร้อน การทาให้เย็นลงไปท่ีอุณหภูมิ 450oC นี้ สามารถนาความร้อนสัมผัสกลับมาได้ เพียง 1 ใน 3 เท่านั้น และน่าจะไม่พบว่าจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีสาหรับการนาความร้อนกลับจากก๊าซ ดบิ จากเตาถ่านโคก้ สาเหตไุ มเ่ ฉพาะจากการที่การนาความร้อนท้งิ กลับจากก๊าซที่มคี วามสกปรกต้องใช้การ ลงทนุ สงู เท่านนั้ แตก่ ๊าซผลพลอยไดจ้ ากกระบวนการอาจไม่เป็นทตี่ ้องการในอนาคตเน่ืองจากผลของสภาพ ปัญหาสิ่งแวดล้อม มีแนวโน้มท่ีกระบวนการผลิตจะเปลี่ยนจากเตาแบบผลพลอยได้ไปเป็นเตาแบบ กระบวนการไม่นากลับ ซ่ึงกระบวนการแบบไม่นากลับนั้น ก๊าซ COG ท่ีเกิดจะถูกเผาไหม้หมดภายใน กระบวนการ และใช้ร่วมกับหม้อไอน้าความร้อนทิ้ง (waste heat boiler) ในการนาความร้อนสัมผัสท่ีท้ิง ไปในก๊าซไอเสียกลับมาใช้ประโยชน์ แหล่งความรอ้ นสัมผัสท่ีสูญเสยี อื่นๆ ในเตาแบบถา่ นโค้ก คือกา๊ ซเสียจากการเผาไหม้ก๊าซ COG ที่สะอาดท่ีนากลับมาใช้ ซึ่งก๊าซ COG จะถูกนามาใช้เป็นเช้ือเพลิงในการให้ความร้อนกับปลอ่ งซึ่งอยู่ ติดกับผนังเตา การเผาไหม้ก๊าซ COG จะเกิดก๊าซไอเสียร้อนซ่ึงจะปล่อยออกจากเตา และผ่านชุดรีเจน เนอเรเตอร์เพื่อถ่ายเทความร้อนให้กับอากาศที่จะเข้าเผาไหม้ หรือนาไปอุ่นเช้ือเพลิงต่อไป ก๊าซไอเสียท่ี ปล่อยออกจากชุดรีเจนเนอเรเตอร์ ณ จุดน้ี จะมอี ณุ หภูมิประมาณ 200oC ในบางกรณี ปรมิ าณความร้อน ในก๊าซไอเสียจะถูกนากลับมาด้วยการใช้เทคโนโลยีฮีทไปท์ หรือนาไปอุ่นให้ความร้อนกับถ่านหินท่ีจะ ป้อนเขา้ เพือ่ ลดความชน้ื ในถ่านหิน ในกรณีเชน่ น้ี อุณหภูมขิ องก๊าซไอเสียจะลดลงไปทปี่ ระมาณ 60oC ท้ังนี้ ปริมาณความรอ้ นสญู เสยี ในกา๊ ซไอเสียของเตาถ่านโค้กในสหรัฐอเมรกิ ามคี ่าประมาณ 11 TBtu/ปี กลุ่มวจิ ัย EnConLab 3-10 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี

ค่มู อื การนาความรอ้ นทิง้ กลับมาใช้ โครงการศกึ ษาศกั ยภาพและแนวทางการสง่ เสริมการนาความรอ้ นท้งิ กลับมาใชใ้ นภาคธรุ กิจและอตุ สาหกรรมในประเทศไทย 3.3.1.2 เตาเผาแบบ blast furnace เตาเผาแบบ blast furnace เป็นท่นี ยิ มใชง้ านในโรงงานหลอมถลุงเหล็ก ซ่งึ จะเปลี่ยนแร่ เหลก็ (เหล็กออกไซด์ FeO) เป็นเหลก็ ดิบ Fe (pig iron) วัตถดุ ิบจะถกู ป้อนเข้าจากด้านบนของเตา รวมถึง วัตถุที่มีส่วนประกอบของเหล็ก (Lump iron ore, sinter, หรือ pellet) รวมท้ังสารเติมแต่ง flux และ ถ่านหิน ขณะที่อากาศร้อนและเช้ือเพลิงเสริมจะถูกป้อนเข้าทางด้านล่างของเตา ก้อนวัตถุดิบจะเคล่ือนที่ จากบนลงล่างในเตาเผาแบบ blast furnace และจะพบกับกระแสของก๊าซร้อนที่ไหลสวนขึ้นมา อากาศ ร้อนท่ีเข้าเตาเผาจะได้จากการจุดระเบิดของ hot blast stoves หรือท่ีเรียกว่า furnace cowper ใน blast stove เช้ือเพลิงท้ังที่เป็น blast furnace gas (BFG) และ COG จะถูกเผาไหม้ ความร้อนที่ได้จาก การเผาไหม้ก๊าซไอเสีย จะถูกถ่ายเทให้กับก้อนอิฐ checkerwork regenerator เมื่อรีเจนเนอร์เรเตอร์มี อุณหภูมิท่ีเหมาะสม อากาศจะถูกทาให้ไหลกลับทิศ และอากาศเย็นจะถูกดึงผ่านชุดรีเจนเนอร์เรเตอร์ เพ่ือให้อากาศเย็นมารับความร้อนเพื่อเพ่ิมอุณหภูมิ อากาศท่ีถูกอุ่นให้ร้อนแล้วจะถูกนาไปเข้าเตาเผาเพ่ือ เผาไหมต้ อ่ ไป การทางานของระบบเตาเผาแบบน้ี จะมหี ลักการทางานเหมือนอุปกรณ์รเี จนเนอเรเตอร์ที่ใช้ ในการนาความรอ้ นทง้ิ กลบั มาใช้ประโยชน์ อยา่ งไรก็ตาม ในกรณีเตาแบบน้ี รีเจนเนอร์เรเตอร์ไม่ใชอ่ ุปกรณ์ ที่ทาหน้าท่ีนาความร้อนทิ้งกลับ แต่เป็นกลไกหน่ีงสาหรับการถ่ายเทความร้อนจาก stove ให้กับ hot blast โดยแหล่งของความร้อนท้ิง off-gas ใน blast furnace น้ีจะรวมท้ังก๊าซท้ิงจาก hot blast sotve และ BFG ทีอ่ อกมาจาก blast furnace ความร้อนสัมผัสจาก BFG ในสหรัฐอเมริกามีประมาณ 5 TBtu/ปี BFG ประกอบด้วย องค์ประกอบเป็นก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ CO ประมาณ 20-28% ก๊าซไฮโดรเจน H2 ประมาณ 1-5% และท่ีเหลือเป็นสารประกอบเฉื่อย (50-55% เป็นก๊าซไนโ ตรเจน และ 17-25% เป็นก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์) และมีอีกเล็กน้อยเป็น ฝุ่น สารประกอบซัลเฟอร์ไซยาไนด์ และสารปนเปื้อนอื่นๆ สาหรับเตาเผา blast furnace แบบเก่าๆ จะให้ก๊าซไอเสียท่ีปล่อยออกที่อุณหภูมิสูงประมาณ 400oC แต่ ในขณะที่เตาเผารุ่นใหมจ่ ะถกู ออกแบบใหม้ ีประสิทธภิ าพการถ่ายเทความร้อนดีกวา่ ทาใหก้ า๊ ซร้อนท่ีปล่อย ออกมามีอุณหภูมิอยู่ในช่วงท่ีต่า ในหลายๆ โรงงานท่ีมีการนาก๊าซ BFG กลับมาใช้สาหรับเป็นเช้ือเพลิงใน การให้ความร้อนอากาศในเตา หรือมาใช้ในการอุ่นเตาใหร้ ้อน การให้ความรอ้ นเตาเผาถ่านโค้ก นามาผลติ ไฟฟ้า และผลิตไอน้า เนื่องจากความร้อนในก๊าซมีประมาณ 80 -90 Btu/scf จึงมักถูกนาไปผสมกับ เช้ือเพลงิ อ่ืน เชน่ กา๊ ซธรรมชาติ หรอื COG กอ่ นนาไปใช้งาน โดยก๊าซ COG, BFG จะต้องผา่ นการทาความ สะอาดให้ได้ก๊าซที่สะอาดก่อนนาไปใช้เป็นเช้ือเพลิง และความร้อนสัมผัสที่มีอยู่ในก๊าซจะมีปริมาณน้อยท่ี สามารถนากลบั มาได้ ในบางกรณี blast furnace ท่ีทางานที่ความดันสูงเพียงพอ (2.5 ความดันบรรยากาศ หรือสูงกว่า) สามารถนาไปใช้กับ top pressure recovery turbine (TRT) ในการนาพลังงานท่ีอยู่ในรูป ความดนั ใน BFG กลบั มาใช้ได้ แตก่ ๊าซจะต้องถูกทาความสะอาดก่อนสง่ เขา้ ไปใน TRT ซง่ึ ปกติจะใชว้ ธิ กี าร ทาความสะอาดก๊าซแบบเปียก (wet cleaning) อันส่งให้ความร้อนสัมผัสในก๊าซจะต้องสูญเสียไป ทางเลือกในการทาความสะอาดก๊าซแบบอื่นคือการทาความสะอาดแบบแห้ง (dry-cleaning) ซึ่งจะทาให้ อุณหภูมิของก๊าซท่ีไปเข้า TRT สามารถเพิ่มข้ึนได้ถึงประมาณ 120oC เทคโนโลยี Dry-type TRT เป็น เทคโนโลยีท่มี ีการผลิตในเชิงพาณิชย์แลว้ อย่างไรก็ตามยงั มรี าคาทสี่ ูงมาก (ต้องการเงินลงทุนเพม่ิ $28/ตนั จากระบบเดิมท่ใี ช่ $20/ตัน) สง่ ผลใหเ้ ทคโนโลยนี ี้ ยังไม่เป็นท่ีแพรห่ ลายใชง้ านในสหรฐั กลุ่มวจิ ัย EnConLab 3-11 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี

คู่มอื การนาความร้อนทง้ิ กลับมาใช้ โครงการศกึ ษาศักยภาพและแนวทางการสง่ เสริมการนาความร้อนท้ิงกลับมาใช้ในภาคธรุ กิจและอตุ สาหกรรมในประเทศไทย ทางเลือกอื่นสาหรับการนาความร้อนกลับมาใช้จากก๊าซเผาไหม้ท่ีปล่อยออกจาก hot blast stoves ซ่ึงมีอุณหภูมิประมาณ 250oC และเป็นก๊าซที่ค่อนข้างสะอาดและเหมาะสมสาหรับอุปกรณ์ การนาความร้อนทิ้งกลับ ทาใหใ้ นทางปฏิบตั ิมักพบว่ามีการใชง้ านกนั เปน็ ปกติ ความร้อนทนี่ ากลับสามารถ นาไปใช้อุ่นอากาศที่จะใช้เผาไหม้ หรือนาไปอุ่นเชื้อเพลิง อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนที่ใช้ มีตั้งแต่รีเจน เนอเรเตอร์แบบหมุน (rotary regenerator) ชุดแลกเปล่ียนความร้อนแบบเพลท และระบบที่ใช้การ หมุนเวียนสารตัวกลางเชงิ ความร้อน ทั้งนี้การนาความร้อนกลับมาจากเตาเผาแบบน้ี โดยท่ัวไปจะให้ความ รอ้ น 73,000 Btu/ตันเหลก็ ดบิ (pig iron) หรือ 69,000 Btu/ตนั เหล็กกลา้ 3.3.1.3 เตาเผาแบบใช้ออกซิเจน Basic Oxygen furnace เตาเผาแบบใช้ออกซิเจน (BOF) ใช้ออกซิเจนในการออกซิไดซ์สารปนเป้ือนในเหล็กดิบ เช่นธาตุคาร์บอน ซิลิกอน ฟอสฟอรัส ซัลเฟอร์ และแมงกานีส กระบวนการทางานเป็นแบบก่ึงอัตโนมัติ (semi-continuous) โดยโลหะรอ้ นและเศษเหลก็ จะถูกนาเข้าไปในเตาเผา และฉีดออกซิเจนเข้าไป รวมท้ัง สารเติมแต่งที่เพ่ิมเข้าไปเพ่ือควบคุมการกัดกร่อน และทาให้โลหะบริสุทธ์ิและเกาะตัว ซ่ึงอุณหภูมิที่ ต้องการในการหลอมโลหะจะเพ่ิมด้วยปฏิกิริยาการออกซิเดช่ันคายความร้อน (exothermic oxidation) ดังน้ัน จึงไม่ต้องการแหล่งพลังงานภายนอก พลังงานที่ใช้ไนเตาแบบ BOF จะใช้เฉพาะสาหรับให้พลังงาน กับอปุ กรณป์ ระกอบระบบเทา่ นั้น ก๊าซที่ได้จากเตา BOF จะปล่อยออกมาท่ีอุณหภูมิสูง คิดเป็นปริมาณพลังงานความร้อน ท้ิง 27 TBtu/ปี ในประเทศสหรัฐอเมริกา ก๊าซ BOF จะมีความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์สูง และเหมือนก๊าซจากเตาเผาถ่านโค้ก และ blast furnace gas ท่ีก๊าซ BOF มีโอกาสที่จะนาเอากลับ พลังงานเคมีและพลังงานความร้อนสัมผัสได้ ความท้าทายของเทคโนโลยีนี้ในการนาความร้อนทิ้งกลับมา ใช้คอื ต้นทนุ สูงและปญั หาในการบารงุ รักษาอุปกรณ์ อันเกดิ จากปัญหาความสกปรกของก๊าซไอเสีย ซึ่งการ ปนเป้ือน จะรวมถึงปัญหาการกาจัดเหลก็ ออกไซด์ โลหะหนัก SOx, NOx และฟลูออไรด์ โดยองค์ประกอบ ของก๊าซไอเสียจากเตาเผาแบบใชอ้ อกซิเจน BOF ดงั แสดงในตารางท่ี 3-5 ตารางที่ 3-5 แสดงองค์ประกอบของกา๊ ซของเตาเผา BOF องค์ประกอบ % โดยปริมาตร ชว่ ง เฉลยี่ CO 55-80 72.5 H2 2-10 3.3 CO2 10-18 16.2 N2+Ar 8-26 8 แหลง่ ทม่ี า: IPCC, 233 กลมุ่ วิจยั EnConLab 3-12 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี

คมู่ อื การนาความร้อนท้ิงกลับมาใช้ โครงการศึกษาศกั ยภาพและแนวทางการส่งเสริมการนาความรอ้ นท้งิ กลบั มาใช้ในภาคธรุ กิจและอุตสาหกรรมในประเทศไทย โดยทั่วไปในทางปฏิบัติในสหรัฐอเมริกา จะใช้วิธีการเผาท้ิง (Flare) ก๊าซ BOF อย่างไรก็ ตามในประเทศยุโรปและญปี่ ุ่น มกี ารใชง้ านเทคโนโลยีการนาความร้อนกลับเชิงพาณิชย์ วิธกี ารทีใ่ ช้ในการ นาความรอ้ นทงิ้ กลับมี 2 วิธีการหลกั คอื การเผาไหม้แบบเปดิ (Open combustion) และการเผาไหม้แบบ จากัด (suppresd combustion) ในการเผาไหม้แบบ “Open combustion system” อากาศจะถูก นาเขา้ ไปในทอ่ กา๊ ซ BOF เพื่อเผาไหมก้ ๊าซคารบ์ อนมอนนอกไซด์ ความร้อนท่เี กดิ ขนึ้ จะถูกนากลบั ด้วยหม้อ ไอน้าความร้อนทิ้ง สาหรับการเผาไหม้แบบ “Suppressed combustion” จะมีการติดต้ังแผ่นสเกิร์ตก้ัน ท่ีปากทางเข้าเพื่อลดอากาศที่กรองผ่านเข้าไปเผาไหม้ และลดการเผาไหม้ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ เม่ือ ก๊าซทไี่ ดถ้ ูกทาความสะอาดจะถูกรวบรวมและนาไปใช้เป็นเช้ือเพลงิ ต่อไป นอกจากน้ี มีความเป็นไปได้ที่จะ นากลับทั้งก๊าซและความร้อนสัมผัสในก๊าซ ด้วยการรวมเอาระบบหม้อไอน้ากับระบบการเผาไหม้แบบ จากัดรวมกัน ซ่ึงจะสามารถนาความร้อนกลับได้ประมาณ 169,000 Btu/ตันเหล็กกล้าดิบ โดยมีต้นทุน ค่าใช้จา่ ยสาหรับระบบนป้ี ระมาณ $22ต่อตนั เหลก็ กล้าดบิ 3.3.2 เตาเผาแบบอาร์คไฟฟ้า (Electric Arc Furnaces) อุตสาหกรรมผลิตเหล็กกล้ามีการพัฒนาการผลิตในแบบที่มีการหมุนเวียนเศษเหล็กมาทา การหลอมด้วยเตาหลอมไฟฟ้า ซึ่งคิดเป็นประมาณ 46% ของการผลิตเหล็กกล้าในสหรัฐอเมริกา เตาเผา แบบอาร์คไฟฟ้า (Electric Arc Furnace: EAF) ถูกใช้ในการหลอมเหลวเศษเหล็กฝอยชิ้นเล็กๆ ซึ่งถูกตัด ออกจากโรงงานผลิตชิ้นงานเหล็กหรือโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เหล็ก และเศษเหล็กที่ผ่านการใช้งานแล้ว เตาเผาแบบนี้จะถูกเคลือบด้วยสารทนความร้อน (refractory line) และครอบด้วยหลังคา retractable roof ซ่ึงจะมีขั้วคาร์บอนอิเลคโทรดอยู่ด้านล่าง วัตถุดิบจะถูกนาเข้า (ทั้งเศษเหล็กท่ีถลุงด้วยการลด ออกซิเจนโดยตรง direct reduce iron, เศษเหล็กร้อนในรูป hot briquetted iron และเศษเหลก็ ดบิ เย็น cold pig iron) จะถูกป้อนเข้าใต้หลังคา สารเติมแต่งFluxes และ สารอัลลอยด์จะถูกเติมเพื่อช่วยในการ ควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ หลังจากน้ัน ข้ัวอิเล็กโทรดจะถูกจุ่มลงไปเหนือเศษวัสดุประมาณ 1 น้ิว และให้ ความร้อนสาหรับการหลอมเหลวเศษเหล็ก ระหว่างกระบวนการหลอมเหลวในเตาหลอม ก๊าซหลากหลาย ชนิดและเศษอนุภาคโลหะจะถูกปล่อยออกมา รวมท้ังก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ (CO), ซัลเฟอร์ออกไซด์ (SOx), ไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ออกไซด์ของโลหะอ่ืนๆ และสารประกอบอินทรีย์ที่ระเหยได้อ่ืนๆ (Volatile organic compound: VOCs) และมลภาวะอื่นๆ โดยอุณหภูมิของก๊าซ Off-gas ที่จุดภาระ โหลดสูงสุดอยู่ในช่วงประมาณ 1,370 – 1,925oC ความร้อนสูญเสียในก๊าซไอเสีย คิดเป็นประมาณ 20% ของพลังงานท่ีใช้ ซง่ึ พลังงานท่ีสญู เสียนี้ ครง่ึ หนึ่งจะสูญเสียเน่ืองจากพลังงานเคมีในก๊าซ ในขณะที่อีกครึ่ง จะสูญเสียในรูปความร้อนสัมผัสในก๊าซไอเสีย ความร้อนสัมผัสท่ีสูญเสียผ่านก๊าซไอเสีย มีประมาณ 6 TBtu/ปี นอกจากน้ี ประมาณ 8-10% ของพลงั งานอีกประมาณ 6 TBtu/ปี เป็นการสญู เสยี ไปท่ีน้าระบาย ความรอ้ น หรอื “jacket cooling water” ของ EAF ด้วย วธิ กี ารนาความรอ้ นทิง้ กลบั มาใช้ ท่ีเป็นทีน่ ยิ มใช้งานทัว่ ไปในยโุ รปและญ่ีปนุ่ ในชว่ ง 30 ปที ่ี ผ่านมา คือการนามาอุ่นเศษเหล็ก และพบว่ามีการนาไปใช้เพ่ิมขึ้นในสหรัฐอเมริกา การใช้ก๊าซ Off-gas เพ่อื อุ่นใหค้ วามร้อนเศษเหล็กสามารถประหยัดพลังงานทใ่ี ช้ทั้งหมดของเตา EAF ไดป้ ระมาณ 5-10% การ ออกแบบเริ่มแรกสาหรับการอุ่นเศษเหล็ก จะต้องติดตั้งระบบท่อในการดึง Off-gas ไปยังถังท่ีป้อนเศษ เหล็ก ดังแสดงในรูปท่ี 3-3 ความท้าทายหน่ึงของระบบนี้ คือการขนส่งเศษเหล็กที่อุ่นแล้วที่มีลักษณะของ เศษที่ไม่ใช้โลหะเหล็กท่ีเกิดการเผาไหม้บางส่วน (semi-burned non-scrap material) เช่น พลาสติก กลุม่ วิจยั EnConLab 3-13 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี

ค่มู ือการนาความร้อนทงิ้ กลบั มาใช้ โครงการศกึ ษาศักยภาพและแนวทางการสง่ เสรมิ การนาความร้อนทง้ิ กลบั มาใชใ้ นภาคธุรกจิ และอตุ สาหกรรมในประเทศไทย รวมถึงการเกิดไอระเหยของสารระเหยที่จะก่อให้เกิดกลิ่นและปัญหาสิ่งแวดล้อม ทางเลือกท่ีใช้สาหรับ ระบบการอุ่นถังป้อนเศษวัตถุดิบรวมถึงกระบวนการ Consteel เตา Fuchs shaft และ Twin sheel furnace จะมคี า่ ใชจ้ ่ายทัง้ สิ้นในชว่ งระหว่าง $4.4 - $6/ตนั กระบวนการที่กลา่ วมานี้ ได้มกี ารติดตั้งแลว้ ใน หลายๆ โรงงานในสหรัฐอเมริกา สาหรับกระบวนการ Consteel เป็นการป้อนเศษเหล็กอย่างต่อเน่ืองโดยใช้ สายพานลาเลยี งเศษเหล็ก ระบบปอ้ นเศษเหล็ก และชุดอุ่นใหค้ วามร้อน สาหรับชุดอ่นุ ให้ความรอ้ นเศษเหล็ก จะเปน็ ช่องอุโมงค์ที่มีการฉาบด้วยสารทนไฟ กา๊ ซ Off-gas จะไหลในทิศทางท่ีสวนทางกับการไหลของเศษ เหล็ก อากาศจะถูกนาเข้าไปที่ชุดอุ่นให้ความร้อน เพ่ือเผาไหม้ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นผลใหท้ ้ังความร้อนในสารเคมีและความรอ้ นสมั ผสั ในก๊าซไอเสียจะถูกใชไ้ ป หลังจากหัวเผา ในบางครั้งอาจจะมีการติดตั้งหัวเผาเพ่ือเผาไหม้ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์และ องค์ประกอบก๊าซอื่นท่ีหลงเหลืออยู่ สาหรับ Fuch shaft furnace จะเป็นเพลาท่ีต่ออยู่เหนือหลังคาเตา อาร์ค วตั ถดุ ิบเศษเหล็กจะถูกโหลดผ่านถังใน 3 ข้ันตอน ถงั จะถกู ฉาบด้วยสารเคลือบทนไฟ และออกแบบ ให้มีการปิด seal ท่ีป้องกันการรั่วไหลของไอระเหย เศษเหล็กจะถูกทาให้ร้อนเพิ่มด้วยการใช้หัวเผาที่ใช้ ออกซิเจนเป็นเชื้อเพลิง นอกเหนือจากน้ี หัวเผาในข้ันหลัง (afterburner) จะถูกติดต้ังเพ่ือทาให้การเผา ไหม้กา๊ ซคาร์บอนมอนนอกไซดท์ ้ังหมดสามารถเผาไหม้ไดส้ มบูรณ์ ประโยชน์ของระบบน้ี คือ ระบบปอ้ นทา หนา้ ท่เี หมอื นตัวกรองฝ่นุ ทจ่ี ะจบั ฝนุ่ ไดป้ ระมาณ 40% และนากลับไปยังเตาเผา ทาใหส้ ามารถเพ่ิมปริมาณ ผลผลิตได้เพมิ่ ขนึ้ เลก็ นอ้ ย รปู ที่ 3-3 ระบบการเตรียมเศษเหล็กแบบใชถ้ ังปอ้ นเศษเหล็ก ประโยชน์และข้อเสียเปรียบของระบบการอุ่นให้ความร้อนเศษเหล็กข้ึนอยู่กับการทางาน เฉพาะ ในบางกรณีสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและเพ่ิมผลผลิตได้ แต่ในบางกรณีก็เป็นการยากที่จะ ดูแลรักษาระบบได้ เตาแบบ EAF มกี ารเพม่ิ ประสิทธิภาพข้นึ เร่อื ยๆ และช่วยลดเวลาการทางาน ระบบการ เตรียมเศษเหล็กอาจลดผลผลิตและอาจเป็นไปได้ท่ีจะเพิ่มภาระการดูแลซ่อมบารุง ในบางกรณีการอุ่นให้ ความรอ้ นเศษเหล็กอาจทาให้ประหยัดพลังงานได้ถงึ คร่งึ หนง่ึ เม่ือสามารถลดเวลาการทางานได้หนึง่ ในสาม ของเวลาทางาน กลมุ่ วิจยั EnConLab 3-14 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี

คูม่ ือการนาความรอ้ นทิ้งกลับมาใช้ โครงการศกึ ษาศกั ยภาพและแนวทางการสง่ เสรมิ การนาความรอ้ นท้ิงกลับมาใช้ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศไทย 3.3.3 ความรอ้ นทง้ิ จากผลิตภัณฑข์ องแขง็ (Waste Heat from Solid Streams) นอกเหนือจากความร้อนทิ้งจากก๊าซ Off-gas ความร้อนทิ้งจากของแข็งและน้าระบาย ความร้อนก็เป็นแหล่งพลังงานความร้อนท้ิงเพิ่มเติมของความร้อนสัมผัสท่ีสูญเสียด้วย ผลิตภัณฑ์ของแข็ง และผลิตภณั ฑผ์ ลพลอยได้ รวมถึง ถ่านโคก้ และเชื้อเพลงิ ผลพลอยได้ (BF), เศษตะกรนั (slag), ตะกรันของ ผลติ ภณั ฑ์ผลพลอยได้ (BOF slag) เหลก็ หล่อ และแทง่ เหล็กกลา้ ร้อนแดง กเ็ ป็นแหล่งความรอ้ นทงิ้ ทีส่ าคัญ โดยde Beer, et al ได้ทาการวิเคราะห์ความร้อนท้งิ ท่ีสูญเสยี จากส่ิงเหล่านี้ ดงั แสดงในตารางที่ 3-6 แม้วา่ ความร้อนทิ้งท่ีสูญเสยี ไปกบั ของแข็งเหลา่ นี้ มักจะยากต่อการนากลบั มาใช้ แตป่ ริมาณความรอ้ นสญู เสียก็มี ปริมาณท่ีสูง คิดเป็นประมาณ 500 TBtu/ปี ความร้อนสัมผัสท่ีสูญเสียจากถ่านโค้กสามารถนากลับมาได้ ด้วยการใช้ coke dry quenching (CDQ) แทนท่ีจะนากลับแบบเปียก โดยระบบ CDQ จะเอาเศษถ่าน โค้กด้วยถังเก็บท่ีออกแบบมาเฉพาะ และนามาปล่อยลงในภาชนะ CDQ ก๊าซเฉื่อยเช่นก๊าซไนโตรเจนจะ ไหลผ่านเหนือถ่านโค้กและนากลับความร้อนสัมผัสจากถ่านโค้ก ก๊าซร้อนนี้จะผ่านไปเข้าหม้อไอน้าความ ร้อนท้ิงต่อไป พลังงานท่ีสามารถประหยัดได้จากระบบแบบนี้ ประมาณ 0.7-1.0 ล้าน Btu/ตันถ่านโค้ก เน่ืองจากค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงระบบน้ี มีต้นทุนที่สูงถึง $70/ตันถ่านโค้ก ดังน้ันทาให้ระบบน้ี มีการ ติดตั้งใช้งานน้อย นอกจากนี้ยังมีความพยายามที่จะนาความร้อนกลับจากการไหลของของแข็งร้อนผ่าน หมอ้ ไอน้าแบบแผ่รังสี (radiat heat boiler) สาหรบั ของแข็ง BF และ BOF slag แต่ไมป่ ระสบความสาเร็จ แต่สาหรับการนาความร้อนท้ิงจากเหล็กหล่อ พบว่ามีการใช้งานเชิงพาณิชย์ในบางแห่งในประเทศญี่ปุ่น และเยอรมันนี ทางเลือกอื่นสาหรับการนาความร้อนกลับมาจากเหล็กหล่อร้อนท่ีนาออกมาจากเตา ที่ซึ่ง แผ่นเหล็กถูกนาออกมาจากเตาอุ่นให้ความร้อน ยังมีความร้อนท่ีแผ่นเหล็กอยู่ ความเป็นไปได้ของการนา ความร้อนกลบั จากแผ่นเหล็กรอ้ นข้ึนอยกู่ ับระยะทางระหว่างเตาหลอ่ กบั โรงรดี เหลก็ รอ้ น Hot charging มี การทากันในบางโรงงานในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม มักพบว่ามีการใช้งานในสัดส่วนท่ีไม่มากนัก ประมาณ 10-15% ของปริมาณการผลิต เน่ืองจากอุปสรรคด้านการขนส่ง เช่น ขนาดกาลังการผลิตและ ความต้องการที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างโรงหล่อกับโรงรีดเหล็กร้อน Hot charging สามารถประหยัด พลังงานได้ประมาณ 0.5 ล้าน Btu/ตันเหล็ก นอกจากนี้ สาหรับความร้อนสัมผัสที่สูญเสียจากแท่งเหล็ก ร้อนสามารถนากลับมาได้บางส่วนโดยการใช้น้าระบายความร้อน ท้ังนี้ อุณหภูมิสุดท้ายของน้าระบาย ความร้อนที่อย่ใู นช่วงอุณหภูมิตา่ คืออณุ หภูมิประมาณ 80oC สามารถนามาใช้ประโยชน์โดยการเพ่ิมระดับ upgraded ด้วยฮตี ป๊มั สาหรับนาไปใชง้ านในกระบวนการอืน่ ๆ ได้ กล่มุ วจิ ัย EnConLab 3-15 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี

คู่มอื การนาความรอ้ นท้งิ กลับมาใช้ โครงการศกึ ษาศักยภาพและแนวทางการส่งเสริมการนาความรอ้ นทิ้งกลบั มาใชใ้ นภาคธรุ กจิ และอตุ สาหกรรมในประเทศไทย ตารางท่ี 3-6 ความรอ้ นสมั ผัสทส่ี ูญเสยี จากผลติ ภัณฑ์ของแขง็ ในกระบวนการผลิตเหลก็ /เหลก็ กลา้ อุณหภูมิ ความ การผลิต เทคโนโลยีการนา ขนั้ ตอนของการพัฒนา ความร้อน แหล่งความ สูงสดุ a ร้อน เหลก็ ทม่ี ี ความรอ้ นกลบั เทคโนโลยี ทง้ิ รอ้ นท้ิง สัมผสั การบังคบั (TBtu/ป)ี (Btu/to ใช้งาน n)a ถ่านโค้กรอ้ น 1,100 oC 0.21 56.47b Dry coke เชิงพาณชิ ย์ แตไ่ มเ่ ปน็ ที่ 12 quenching ใชง้ านกว้างขวางใน US เศษตะกรัน 1,300 oC 0.34 56.47b หม้อไอนา้ แบบแผ่ พฒั นาต้นแบบ, แต่วจิ ยั 19 BF slag รงั สี (RHB) R&D หยดุ ตงั้ แต่ 1980s เศษตะกรนั 1,500 oC 0.02 56.47b หมอ้ ไอนา้ แบบแผ่ พัฒนาต้นแบบ, แต่วจิ ยั 1 BOF slag รังสี (RHB) R&D หยดุ ต้งั แต่ 1980s เหล็กหล่อ 1,600 oC 1.20 104.58b RHB ใชร้ ่วมกบั ฮีต RHB มกี ารใชเ้ ชงิ 125 ไปท์, slab cooler พาณิชย์ แตไ่ ม่ใชใ้ น US, boiler, hot Hot charging ม%ี การ charging ใช้งานน้อยในการผลติ แท่งเหล็ก 900 oC 4.76 104.58b สเปรยน์ ้าและใชฮ้ ีต เชงิ พาณชิ ย์ แตไ่ มเ่ ป็นท่ี 497 ร้อน ปม๊ั ใช้งานกวา้ งขวางใน US รวม - 654 หมายเหตุ : a พัฒนาจาก de Beer, p.189 b ข้อมูลอ้างอิงจากปริมาณการผลิตเหล็กท่ีโรงงานเหล็กขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา (USGS mineral Yearbook, 2005) c ข้อมลู อา้ งอิงจากปริมาณการผลิตเหล็กทง้ั หมดในสหรฐั อเมรกิ า กล่มุ วิจยั EnConLab 3-16 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบรุ ี

คมู่ อื การนาความรอ้ นทง้ิ กลบั มาใช้ โครงการศกึ ษาศักยภาพและแนวทางการสง่ เสริมการนาความรอ้ นท้ิงกลับมาใช้ในภาคธุรกจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย 3.4 อตุ สาหกรรมการหลอ่ โลหะ (Metal Casting) [1] กระบวนการหล่อโลหะจะเก่ียวข้องกับการเทโลหะหลอมเหลวลงไปท่ีแม่พิมพ์เพ่ือผลิตผลิตภัณฑ์ โลหะ เช่น ช้ินส่วนเครื่องยนต์ ช้ินส่วนมอเตอร์ ยานยนต์ โครงสร้างและโลหะที่ใช้สาหรับอุปกรณ์ เคร่ืองใช้ไฟฟ้าต่างๆ ท่อและวาล์วต่างๆ กระบวนการหล่อโลหะเป็นการผลิตท่ีใช้อุณหภูมิสูงค่อนข้างมาก และมักพบว่าเตาเผาที่ใช้ให้ความร้อนและหลอมเหลวท่ีใช้ไม่มีประสิทธิภาพ ในปี 2002 อุตสาหกรรมนี้ใช้ พลังงานประมาณ 257 TBtu/ปี และกระบวนการหลอมเหลว เป็นข้ันตอนท่ีมีค่าใช้จ่ายประมาณ 55% ของต้นทุนค่าพลังงานท้ังหมด เตาหลอมที่ใช้ในอุตสาหกรรมมีหลากหลายชนิด ต้ังแต่ reverberatory furnace, เตาหลอมควิ โปลา (Cupola furnace) เตาอนิ ดักชนั่ ไฟฟา้ (Electric induction furnace) และ เตาอาร์คไฟฟ้า (electric arc furnace) นอกจากน้ี ยังมีเตาที่ใช้อุ่นรักษาอุณหภูมิและเตาอบใหค้ วามร้อน (holding and heat treating furnace) เม่ือพิจารณาถึงประเภทการผลิตที่มีมากและมีศักยภาพสูง จะ วิเคราะห์กระบวนการหล่อโลหะเฉพาะอุตสาหกรรมการหล่ออะลูมิเนียมและการหล่อเหล็ก เนื่องจาก ปริมาณผลิตภัณฑ์ทั้งสองประเภทนี้ คดิ เปน็ สัดสว่ นมากกวา่ 80% ของพลงั งานท้ังหมดที่ใชใ้ นอุตสาหกรรม หล่อโลหะ ความร้อนท้ิงของก๊าซไอเสียจากกระบวนการหลอมโดยการเผาไหม้เช้ือเพลิง โดยประมาณ ณ จุดอ้างอิงท่อี ุณหภูมิ 25oC คิดเปน็ ประมาณ 33 TBtu/ปี ดงั แสดงในตารางท่ี 3-7 ตารางที่ 3-7 ศักยภาพของงานและความร้อนท้ิงทย่ี ังไม่ได้นากลับจากกา๊ ซไอเสียในอุตสาหกรรมการหล่อโลหะ ในสหรัฐอเมรกิ า แหล่งความร้อนทิ้ง ก า ร ใ ช้ อณุ หภมู กิ า๊ ซไอเสีย ความร้ อน ความร้อนท้ิง Carnot ศกั ยภาพ พลงั งาน ทปี่ ลอ่ ย ทิ้ง (TBtu/ป)ี (TBtu/ปี ) ที่ Efficiency (TBtu/ป)ี การหล่ออะลูมเิ นยี ม TBtu/ปี ที่ 25 oC 150 oC เตาหล่อโลหะ โดยประมาณ oC 0.8 9.9 Reverberatory 19.0 12.5 8.5 0.2 0.0 เตาหล่อโลหะ Stack 1,150 Melter 1.1 0.2 - 0.7 4.8 เตาหล่อเหล็กคิวโปลา 121 0.4 0.5 46.7 19.3 15.3 2.2 7.1 ไม่นาความร้อนท้ิงกลบั 7.8 900 0.8 0.2 นาความร้อนทง้ิ กลบั 74.6 204 32.8 24.0 รวม กล่มุ วิจัย EnConLab 3-17 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

คูม่ ือการนาความร้อนทงิ้ กลบั มาใช้ โครงการศกึ ษาศกั ยภาพและแนวทางการสง่ เสรมิ การนาความร้อนทิ้งกลบั มาใช้ในภาคธรุ กจิ และอตุ สาหกรรมในประเทศไทย รปู ที่ 3-4 แสดงตัวอย่างรูปแบบโหลดรายเดอื นสาหรับการใชเ้ ช้ือเพลงิ ก๊าซธรรมชาติท่ีโรงงานหล่อ แห่งหน่งึ ใน Midwest ความเป็นไปได้ในเชิงเศรษฐศาสตร์ เป็นอุปสรรคหลักของการนาความร้อนทิ้งกลับใน อุตสาหกรรมหล่อโลหะ มากกว่าความเป็นไปได้เชิงเทคนิค ปัญหาอุปสรรคในการนาความร้อนทิ้งมีตั้งแต่ ความไม่มีประสิทธิภาพของเตาหลอม สภาพการทางานแบบเดิม “status quo” โรงงานท่ีมีขนาดเตา เล็กๆ มีจานวนมาก และความถดถอยของกาไรของธุรกิจอุตสาหกรรมหล่อโลหะท่ีลดลงเรื่อยๆ เนื่องจาก อุตสาหกรรมหล่อโลหะส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ข้อจากัดด้านเศรษฐศาสตร์ของการปรับปรุง เทคโนโลยีอยู่ท่ีความต้องการระยะเวลาคืนทุนสั้นๆ ในระยะเวลา 1-3 ปี ดังน้ัน การลงทุนในส่วนของการ นาความร้อนทงิ้ กลับมาใช้ประโยชน์ บ่อยคร้ังจงึ ไมเ่ ปน็ ทีส่ นใจในการปฏบิ ตั ิ แนวทางการนาความร้อนทิ้งท่มี กี ารปฏบิ ัตกิ ันโดยส่วนใหญ่ จึงเป็นการนาความร้อนท้ิงมา อุ่นช้ินงานวัตถุดิบท่ีจะเข้ากระบวนการและการนามาอุ่นอากาศที่จะเข้าเผาไหม้ หรือนาไปเพิ่มอุณหภูมิให้ พ้ืนท่ีใช้งาน หรือตัวอย่างทางเลือกอื่นที่น่าสนใจที่มีการปฏิบัติในโรงงานแห่งหน่ึง คือ การใช้ความร้อนท้ิง ไประเหยน้าทิ้ง เพ่ือลดค่าใช้จ่ายในการบาบัดน้าเสีย ซึ่งเบ้ืองต้นโรงงานมีค่าใช้จ่ายในการกาจัดน้าเสียที่ ประมาณ $22,000 ต่อปี สาหรับการกาจัดน้าเสีย 48,000 แกลลอนน้าเสียซึ่งประกอบไปด้วยน้า 90% และน้ามัน 10% โดยพบว่าการนาความร้อนท้ิงจากก๊าซไอเสียจากเตาแบบ reverberatory furnace ไปใชใ้ นการระเหยนา้ ออกจากนา้ เสยี ทาให้สามารถช่วยประหยัดต้นทนุ ค่ากาจัดนา้ เสียได้ 3.4.1 การหล่ออะลูมิเนียม โรงงานหล่ออะลูมิเนียม มีการใช้พลังงานคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 34% ของพลังงานที่ใช้ใน อุตสาหกรรมหล่อโลหะทั้งหมด คิดเป็นการใช้พลังงาน 60-100 ล้าน Btu ต่อตันช้ินงานหล่อ เตาหลอมท่ี ใช้ มีตั้งแต่ reverberatory furnace, ชุดหลอมแบบปล่อง stack melters, เตาแบบเบ้าหลอม (crucible furnace) และเตาแบบอินดักชัน (Induction furnace) สาหรับเตาหลอมแบบ reverberatory เป็นเตาหลอมท่ีมีการใช้งานกันท่ัวไปสาหรับโรงหล่อ อะลูมิเนียมที่มีกาลังการผลิตขนาดใหญ่ คิดเป็นปริมาณ 90% ของผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมในสหรัฐอเมริกา เตาแบบ reverberatory furnace มีอุณหภูมิก๊าซไอเสียประมาณ 1,090oC-1,316oC และมีประสิทธิภาพ กล่มุ วจิ ยั EnConLab 3-18 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

คมู่ อื การนาความร้อนท้ิงกลบั มาใช้ โครงการศกึ ษาศกั ยภาพและแนวทางการส่งเสรมิ การนาความรอ้ นทิ้งกลับมาใช้ในภาคธรุ กจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย เชิงความร้อนประมาณ 30-35% สาหรับทางเลือกท่ีมีประสิทธิภาพมากกว่า คือเตาแบบ stack melter ซ่ึงมีการปิด seal ได้ดีกว่า และใช้ก๊าซไอเสียร้อนในการอุ่นช้ินงานวัตถุดิบโลหะท่ีจะป้อน ทาให้มี ประสิทธิภาพท่ี 40-45% อุณหภูมิของก๊าซไอเสียท่ีปล่อยออกปล่อง stack melter จะอยู่ในช่วงประมาณ 120-204oC แม้ว่า stack melter จะมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า แต่พบว่ามีการใช้งานเพียง 5-15% ของ กระบวนการผลิตอะลูมิเนียมเท่าน้ัน ปัญหาอุปสรรค คือ (1) มีต้นทุนค่าดูแลซ่อมบารุงที่สูงกว่า เน่ืองจาก การป้อนวัตถุดิบจะป้อนเข้าจากทางด้านบนของ stack melter ให้ไหลตกลงมายังด้านล่าง ซึ่งเป็นสาเหตุ ท่ีทาให้เกิดการเสียดสีเกิดการสกึ หรอของวัสดุทนไฟท่ีเคลือบผนังเตาได้มากกว่า นอกจากนี้ ยังต้องการใช้ แรงงานและค่าใช้จ่ายวัสดุทนไฟที่เพ่ิมมากกว่าที่ต้องใช้ทาให้เป็นข้อจากัดทางด้านการเงินและลดผล ประหยัดที่ได้จากการมีประสิทธิภาพท่ีสูงกว่าไป (2) ความต้องการใช้วัตถุดิบคุณภาพดี โรงงานมักไม่ สามารถใช้วัตถุดิบท่ีด้อยคุณภาพราคาถูกได้ อย่างไรก็ตาม ราคาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติท่ีเพ่ิมสูงขึ้นและ การออกแบบปรบั ปรุงประสทิ ธิภาพของ stack melter อาจชว่ ยเพิม่ ประสิทธิผลด้านตน้ ทุนใหล้ ดลงได้ ทางเลือกอื่นสาหรับการนาความร้อนท้ิงกลับมาใช้คือเครื่องอุ่นอากาศ ซ่ึงมีศักยภาพในการ ประหยัดการใช้พลังงานได้มากกว่า 30% เครื่องอุ่นอากาศส่วนใหญ่เหมาะสมสาหรับเตาแบบ reverberatory furnace มากกว่าแบบ stack melter ซึ่งมีอุณหภูมิก๊าซไอเสียที่ต่า ถ้าเตาแบบ reverberatory furnace ท้ังหมดติดตั้งเครื่องอุ่นอากาศ จะทาให้สามารถประหยัดพลังงานที่สามารถ เทียบเคียงได้กับการติดตั้ง stack melter โดยเตาหล่ออะลูมิเนียมแบบ reverberatory furnace จะมี การสญู เสียพลงั งานความร้อนไปกบั ก๊าซไอเสียประมาณ 13 TBtu/ปี 3.4.2 การหล่อเหล็ก การหล่อเหล็ก มีการใช้พลังงานคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของพลังงานท่ีใช้ในอุตสาหกรรม หล่อโลหะทั้งหมด เตาหลอมที่ใช้ มีต้ังแต่ เตาอินดักชั่น (Induction furnace) เตาอาร์คไฟฟ้า (electric arc furnace) และเตาคิวโปลา (Cupola furnace) ซึ่งในสหรัฐอเมริกามีการใช้เตาแบบคิวโปลาประมาณ 70 เตา คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของกาลังการหลอมโลหะทั้งหมดของอุตสาหกรรม ประสิทธิภาพของเตาแบบ คิวโปลาไดม้ กี ารพัฒนาปรับปรุงเม่ือเร็วๆ นี้ เตาควิ โปลาแบบเก่า ทม่ี ปี ระสิทธภิ าพตา่ จะมีอัตราการใชพ้ ลังงาน จาเพาะที่ประมาณ 5 ล้าน Btu/ตัน ในขณะท่ีเตารุ่นใหม่ที่มีการออกแบบให้มีประสิทธิภาพ จะสามารถทาได้ ที่ 3.4 ล้าน Btu/ตัน อ้างอิงจากการวิเคราะห์ประสิทธิภาพพลังงานของเตาคิวโปลา โดย Kuttner, LLC ของ Port Washington พบว่าโดยปกติเตาคิวโปลาแบบที่มีประสิทธิภาพต่า จะมีการสูญเสียความร้อนไปใน ก๊าซไอเสียประมาณ 50% แตส่ าหรับเตาควิ โปลารนุ่ ใหม่ท่มี ปี ระสิทธภิ าพสูง ท่มี กี ารออกแบบใชช้ ดุ อุ่นอากาศ สาหรับการอุ่นให้ความร้อนอากาศ จะสามารถลดความร้อนสูญเสียที่ปล่อยออกไปกับก๊าซไอเสียได้เหลือท่ี 37% อุณหภูมิของก๊าซไอเสียจากเตาคิวโปลา จะอยู่ในช่วงประมาณ 816-982oC ในขณะที่อุณหภูมิที่ออก จากชุดอุ่นอากาศจะประมาณ 204oC ทั้งนี้ เตาหลอมเหล็กคิวโปลาในอุตสาหกรรมโรงหล่อเหล็กจะมีความ รอ้ นสญู เสียไปกับกา๊ ซไอเสยี ทั้งส้ินประมาณ 20 TBtu/ปี กลุ่มวิจัย EnConLab 3-19 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี

คู่มอื การนาความร้อนท้ิงกลับมาใช้ โครงการศกึ ษาศักยภาพและแนวทางการส่งเสริมการนาความรอ้ นทิง้ กลับมาใช้ในภาคธุรกจิ และอตุ สาหกรรมในประเทศไทย 3.5 อุตสาหกรรมอาหาร [23] 3.5.1 แหล่งความร้อนในอตุ สาหกรรมอาหารและเคร่ืองดื่ม แหล่งความร้อนท้ิงในอุตสาหกรรมอาหารมีทั้งท่ีมาจากหนว่ ยการผลิตท่ัวไปของอุตสาหกรรมและ หนว่ ยการผลิตที่เฉพาะ หน่วยการผลติ ท่ัวไปของอุตสาหกรรมเช่น หม้อไอนา้ เคร่ืองอดั อากาศ แหล่งผลิต ไฟฟา้ ท้งั หมดนป้ี ล่อยความร้อนทิ้งสูส่ ง่ิ แวดล้อมในรูปของกา๊ ซร้อน ซง่ึ ไม่ควรจะมองข้ามการนาความร้อน เหลา่ น้ีกลบั มาใช้ วธิ กี ารท่ัวไปในการนาความรอ้ นกลับมาใช้ เชน่ การอนุ่ นา้ ปอ้ นดว้ ยก๊าซไอเสีย เป็นตน้ สาหรับหน่วยการผลิตเฉพาะ น้ันหมายความรวมถึงอุปกรณ์ร่วมอื่นๆ ที่ใช้ในการผลิตอาหารและ เคร่ืองด่ืม เช่น เตาอบ เครื่องทาความเย็น เครื่อง pasteuriser เครื่องอบแห้ง เป็นต้น ซึ่งอุปกรณ์เหลา่ นี้ จะปล่อยความร้อนใหก้ ับสงิ่ แวดลอ้ ม เช่น ก๊าซไอเสยี จากการอบและทอดอาหาร Electric motors, 7% Drying/separation, 7% Refrigeration, 7% Low temperature processes, 64% Other uses, 15% Low temperature processes Other uses Refrigeration Electric motors Drying/separation รูปที่ 3-5 รายละเอยี ดการใชพ้ ลังงานในแตล่ ะระบบ กลมุ่ วิจัย EnConLab 3-20 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี

คู่มอื การนาความร้อนทิง้ กลับมาใช้ โครงการศึกษาศักยภาพและแนวทางการส่งเสรมิ การนาความรอ้ นทง้ิ กลบั มาใชใ้ นภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศไทย 1. หน่วยการผลติ ทวั่ ไป เครื่องอัดอากาศเป็นส่วนประกอบที่สาคัญของระบบอุตสาหกรรมท่ีมีการใช้พลังงานไฟฟ้าสูง พลั ง ง า น ที่ ป้ อน เ ข้ า ค อม เ พร ส เ ซ อร์ จ ะสู ญ เ สี ย ใ น รู ป แ บ บ ข อง ค ว า ม ร้ อน ที่ ป ล่ อย ออ ก จ า ก ม อ เ ต อ ร์ คอมเพรสเซอร์และระบบระบายความร้อน ความร้อนท่ีระบายท้ิงออกท่ีอุณหภูมิ 600C สาหรับระบบ ระบายความร้อนด้วยน้า และ 30-400C สาหรับระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ความร้อนทิ้งเหล่านี้ สามารถกลบั มาใช้งานสาหรับระบบความรอ้ นภายในอาคาร (Space Heating) (ถา้ ม)ี หม้อไอน้าในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นอุปกรณ์ท่ีมีการใช้พลังงานความร้อนค่อนข้างมาก โดยทา หน้าที่ในการผลิตไอน้าส่งไปยังระบบต่างๆ ในพ้ืนท่ีท่ีต้องการ ก๊าซไอเสียจากหม้อน้าเป็นแหล่งความร้อน ท้ิง โดยปกตมิ าตรฐานอุณหภูมิไอเสียอยู่ที่ 2000 C เครือ่ งอีโคโนไมเซอร์ (Economizer) เครื่องอนุ่ อากาศ (Air pre-heater) และ เครื่องอีโคโนไมเซอรแบบควบแน่น (Condensing economizer) เป็นอุปกรณ์ที่ นาความรอ้ นทิ้งในกา๊ ซกลับมาใชป้ ระโยชน์ที่ใช้กันอยา่ งแพร่หลาย แตอ่ ยา่ งไรก็ตามในโรงงานอุตสาหกรรม ขนาดเลก็ ยงั พบว่ามีการปลอ่ ยก๊าซไอเสียจากหม้อไอน้าทง้ิ โดยตรง หน่วยการผลิตความร้อนอื่นๆ ที่พบมากในอุตสาหกรรมรวมถึงระบบ น้าคอนเดนเสท (Condensate Return System) และระบบนา้ หลอ่ เย็นซ่งึ อุณหภูมิทป่ี ล่อยท้ิงอยใู่ นช่วง 60-900C 2. หน่วยการผลติ เฉพาะ หน่วยการผลิตเฉพาะน้ีปล่อยความร้อนทิ้งออกมาได้หลายรูปแบบ เช่น ก๊าซ ไอน้า ของเหลว ในอุตสาหกรรมการทาอาหาร เตาอบหรือเครื่องทอดเป็นอุปกรณ์สาคัญท่ีปล่อยความร้อนทิ้งออกสู่ สิ่งแวดล้อม เตาอบผลิตก๊าซไอเสียท่ีอุณหภูมิ 150-2500C สาหรับหม้อทอดโดยทั่วไปปล่อยก๊าซไอเสียท่ี อุณหภูมิประมาณ 2000C การนาความร้อนทิ้งกลับมาใช้เป็นประโยชน์อย่างมาก เช่น ใช้ทาความร้อน ภายในพ้ืนท่ี หรือการอุ่นอากาศเข้าเผาไหม้ แต่ยังพบว่าโดยทั่วไปมีการปล่อยความร้อนทิ้งออกสู่ สิ่งแวดลอ้ มทางปล่องไอเสยี สาหรับอุตสาหกรรมอบแห้งอาหารมีหน่วยการผลิตที่หลากหลาย เช่น เครื่องอบแห้งแบบพ่น กระจาย (spray dryer) ใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ประเภทผง เช่น กาแฟ หรือเคร่ืองอบแห้งแบบถาด (Tray Drying) ท่ีใช้ในการอบผลไม้ โดยปกติเคร่ืองอบแห้งจะปล่อยไอเสีย/ไอน้าท้ิงที่อุณหภูมิสูงกว่า 160 0C ขึ้นไป สาหรับเคร่ืองอบแห้งแบบพ่นจาเป็นต้องพิจารณาอุปกรณ์การนาไอเสียทิ้งกลับมาใช้เป็นพิเศษ เน่ืองจาก ไอเสยี ที่ปลอ่ ยออกมาจากเครอ่ื งจะมีสิง่ ปนเปอ้ื นออกมาด้วย ในอุตสาหกรรมเคร่ืองด่ืม กระบวนการระเหยเป็นกระบวนการพบมากที่สุดในการผลิต เครื่องด่ืมไม่ว่าจะเป็นเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มท่ีไม่มีแอลกอฮอล์ผสม (Soft Drinks) หรือประเภท น้าผลไม้ แหล่งความร้อนท่ีเห็นได้ชดั เจนจากกระบวนการดังกลา่ วคือ ไอนา้ จากกระบวนการระเหยจะถูก ส่งออกทางปล่อง ซึ่งการนาความร้อนจากกระบวนการนี้ไปใช้ประโยชน์เป็นเรื่องยากเนื่องจากมีอุปสรรค ในความดันไอน้าท่ีปล่อยทิ้งสูงกว่าบรรยากาศเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในกรณีน้ีระบบปั๊มความร้อนสามารถ นาความร้อนทง้ิ ในส่วนน้แี ละความรอ้ นแฝงท่มี ีอย่ไู ปใชง้ าน ในเคร่ืองทาความเย็นใช้ที่ใช้เก็บรักษาอาหารระหว่างการผลิตและการขนส่ง ความร้อนจะถูก ปล่อยออกมาจากส่วนคอนเดนเซอร์ โดยน้าระบายความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 600C จะถูกส่งไปยังหอ ผึ่งน้า การนาความร้อนท้ิงท่ีได้จากกระบวนการน้ีไปใช้ประโยชน์จะช่วยลดต้นทุนในโรงงาน แต่อย่างไรก็ กลุ่มวิจัย EnConLab 3-21 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี

คู่มือการนาความรอ้ นท้งิ กลับมาใช้ โครงการศึกษาศักยภาพและแนวทางการสง่ เสริมการนาความรอ้ นทิง้ กลบั มาใชใ้ นภาคธุรกจิ และอตุ สาหกรรมในประเทศไทย ตามหากคอนเดนเซอร์มีอุณหภูมิสูงแสดงว่า ระบบทาความเย็นมีประสิทธิภาพต่าดังนั้นต้องมีการดูแล รกั ษาอย่างสมา่ เสมอ กระบวนการพลาสเจอร์ไรเซชัน (Pasteurisations) เป็นขั้นตอนหนึ่งการผลิตนม(และในการผลิต เบยี ร)์ ซึง่ กระบวนการนี้ใช้พลังงานมาก กระบวนการนาความร้อนกลับมาใช้เป็นการแลกเปลี่ยนความร้อน ปกตโิ ดยให้ความรอ้ นกบั นมจนมีอณุ หภมู ปิ ระมาณ 700C กอ่ นจะระบายความร้อนเพื่อลดอุณหภูมิลง โดยท่ัวไปความร้อนทิ้งจากอุตสาหกรรมอาหารและเคร่ืองดื่มจะอยู่รูปของไอน้า ก๊าซร้อนและ ของเหลวท้ิง ดงั แสดงในตารางที่ 3-8 ตารางท่ี 3-8 สรุปแหลง่ ความรอ้ นและรูปแบบการปลอ่ ยความรอ้ นท้ิง แหล่งความร้อน ก๊าซรอ้ น ประเภท ไอนา้ x ของเหลว Air Compressor x x Boiler x x Distillation x x x Drying x x x Evaporation x x Kilns x x Ovens x Pasteurisers x x x Process Cooling x x Process Heating x x Refrigeration x x Sterilisation x Ventilation Washing x กล่มุ วจิ ัย EnConLab 3-22 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี

คูม่ ือการนาความรอ้ นท้ิงกลบั มาใช้ โครงการศกึ ษาศักยภาพและแนวทางการสง่ เสริมการนาความรอ้ นทงิ้ กลบั มาใชใ้ นภาคธุรกจิ และอตุ สาหกรรมในประเทศไทย 3.5.2 ศกั ยภาพการใชค้ วามรอ้ นทิง้ วิธีการนาความร้อนท้ิงกลับมาใช้มีต้ังแต่แบบง่ายๆ เช่น แลกเปลี่ยนและใช้ตรงนั้น จนถึงข้ัน การนามาผลิตไฟฟ้าหรือผลิตความเย็น โดยทั่วไปการนาความร้อนกลับมาใช้จะเกิดผลประหยัดได้มาก ดังนั้นควรมีการสารวจความร้อนทิ้งท้ังโรงงานเพื่อให้ทราบความต้องการใช้และปริมาณที่มีการปล่อยทิ้ง การแลกเปล่ียนความรอ้ นโดยนาความร้อนนก้ี ลับไปใชใ้ นกระบวนการที่ปลอ่ ยความร้อนนั้นออกมาหรือใน ระบบท่ีอยู่บริเวณใกล้เคียงจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของ การส่งผ่านทางท่อหรืออุปกรณ์เสริมต่ างๆ ในระบบ การนาความร้อนกลับมาใช้โดยวิธกี ารใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น ฮีตปั๊ม หรือระบบทาความเยน็ จาเป็นต้องใช้เงินลงทุนในส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายอุปกรณ์สูงขึ้น แต่แหล่งรับความร้อนที่อยู่ภายนอกโรงานก็ เป็นอีกทางเลือกหน่ึงในการนาความร้อนทิ้งจากแหลง่ อื่นๆ มาใช้ แต่อย่างไรก็ตามการดาเนินการดังกลา่ ว จาเป็นต้องพจิ ารณาคา่ ใชจ้ ่ายในการลงทนุ Low การใช้โดยตรง ณ จุดที่ปล่อย ใช้ในกระบวนการผลติ เดยี วกนั Low Heat sink in same process Direct re-use into heat sink การแลกเปลีย่ นผา่ นเครื่อง ใช้ในบรเิ วณใกล้เคยี ง แลกเปลยี่ นความรอ้ น Nearby heat sink Heat Transfer via Heat Exchanger to Heat Sink การลงทุน การลงทุน ฮตี ป๊มั Heat Pump, การผลติ ใช้ ณ จุดห่างจากจุดกาเนดิ มาก High ไฟฟา้ ORC Electricity Heat sink significant Generation by ORC, ระบบ distance from source ดูดซึม Absorption High Refrigeration การส่งใหบ้ ริษัทอ่ืนนอกรัว้ โรงงาน Secondary Enterprise, Over the fence heat sink รปู ที่ 3-6 แผนผังแสดงคา่ ใชจ้ ่ายการลงทุนในแต่ละประเภทโครงการ กลุ่มวจิ ยั EnConLab 3-23 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

คูม่ อื การนาความรอ้ นท้งิ กลบั มาใช้ โครงการศึกษาศกั ยภาพและแนวทางการสง่ เสริมการนาความรอ้ นท้ิงกลับมาใชใ้ นภาคธุรกจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย 1. แหล่งรบั ความร้อนในอตุ สาหกรรมอาหาร เครื่องด่ืม แหล่งรับความร้อน (Heat Sink) เป็นแหล่งที่ต้องการใช้ความร้อน ซึ่งสามารถนาความร้อนจาก แหล่งความร้อนมาใช้ได้ ตวั อย่างของแหลง่ รบั ความรอ้ น เชน่  เครื่องอบและเตาอบมีการนาความร้อนกลับมาใช้ประโยชน์โดยตรงหรือผ่าน เคร่อื งแลกเปลยี่ นความรอ้ น  ระบบทาความเย็นแบบดูดซึมใช้พลังงานความร้อนในการทางาน ซ่ึงสามารถนา ความรอ้ นทิง้ มาใช้ในประโยชนไ์ ด้เป็นการประหยดั พลงั งาน ความร้อนจากการระเหยของน้า (Evaporative system) นอกจากจะเป็นการช่วยระบายความ ร้อนแล้ว ความร้อนดังกล่าวยังสามารถนาไปใช้ประโยชน์โดยผ่านแหล่งรับความร้อนทั่วไป เช่น เคร่ืองทา ความร้อนในอาคาร ระบบจ่ายน้าร้อน ระบบอนุ่ อากาศ/นา้ ก่อนเขา้ หม้อไอน้า เป็นตน้ 2. การทางานเปน็ รอบ (Batch processing) การพจิ ารณาการนาความร้อนท้ิงของกระบวนการท่ีทางานเป็นรอบในการผลิตอาหาร เครื่องด่ืม ปัญหาหนึ่งพบ คือ ตารางเวลาการผลิตความร้อนและความต้องการใช้ความร้อนไม่ตรงกัน ซึ่งบ่อยคร้ัง พบว่ามกี ารเปล่ียนแปลงเพื่อใหส้ ามารถใช้ประโยชน์จากความร้อนทิ้งในการดาเนนิ งานของหนว่ ยอน่ื ๆ การ กระทาดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อกระบวนการผลิตโดยรวม ระบบเก็บสะสมพลังงานเป็นทางเลือก หนงึ่ ในการจัดการปญั หาน้ี ระบบนชี้ ่วยเกบ็ ความรอ้ นทิง้ ในชว่ งเวลาทีแ่ ตกต่างกัน แต่มีข้อเสยี คือ คา่ ใช้จ่าย สูงและมกั จะมีการสญู เสยี ความรอ้ นออกไปภายนอก ทาใหอ้ ณุ หภูมคิ วามรอ้ นท้งิ ลดลง การนาความร้อนท้ิงในระบบกระบวนที่ทางานเป็นรอบกลับมาใช้มีความเป็นไปได้ท่ีจะประสบ ความสาเร็จหากเป็นการดาเนินการภายในกระบวนการผลติ เดียวกัน 3.5.3 เทคโนโลยีระบบความรอ้ นทง้ิ ระบบการนาความร้อนทิ้งกลับมาใช้ พารามิเตอร์ท่ีสาคัญคือ ระบบการแลกเปล่ียนความ ร้อน รวมไปถึง ค่าความจุความร้อน ความหนืด ความหนาแน่นของของไหล และ ช่วงระยะเวลาการ เปลย่ี นแปลง (fluid phase) และความดนั การกดั กรอ่ น การร่ัวไหล การปนเปื้อน และความดนั ตกคร่อม 3.5.3.1 อปุ กรณแ์ ลกเปลี่ยนความรอ้ น (Heat Exchanger) คือ เครื่องมือท่ีใช้สาหรับถ่ายเทความร้อนจากของไหลชนิดหนึ่งไปยังของไหลอีกชนิดหนึ่ง โดยทข่ี องไหลไม่จาเป็นต้องผสมกัน ในอุตสาหกรรมใช้เคร่อื งแลกเปลี่ยนความร้อนสาหรับเพ่ิมอุณหภูมิ ลด อุณหภูมิ หรือหมุนเวียนความร้อนกลับมาใชใ้ หม่ เคร่ืองแลกเปล่ียนความรอ้ นมีด้วยกันหลายแบบ จาแนก ตามสารทใี่ ช้ในการแลกเปลี่ยนความร้อนแบ่งไดเ้ ปน็ 3 แบบ  แบบ Gas-Gas heat exchanger  แบบ Gas-liquid heat exchanger  แบบ Liquid-liquid heat exchanger กลมุ่ วิจัย EnConLab 3-24 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ี

คมู่ ือการนาความร้อนทงิ้ กลบั มาใช้ โครงการศกึ ษาศักยภาพและแนวทางการสง่ เสริมการนาความรอ้ นทง้ิ กลบั มาใช้ในภาคธรุ กจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย 3.5.3.2 ฮตี ปมั๊ (Heat Pump) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายเทความร้อนอุณหภูมิต่าจากแหล่งหน่ึง (Heat Source) มาทา ให้รอ้ นขนึ้ แลว้ ส่งไปยังแหล่งรบั ความรอ้ น (Heat Sink) โดยใชอ้ ุปกรณเ์ ดยี วกบั เครื่องปรบั อากาศ หลักการทางาน 1) Evaporator ดึงความร้อนจากภายนอกเข้าสู่วงจรป๊ัมความร้อน โดยสารทาความเย็นที่ ความดันตา่ และอณุ หภมู ติ ่ากวา่ อณุ หภมู ภิ ายนอกจะดึงความร้อนจากภายนอกและเปล่ยี นสถานะเปน็ ไอ 2) Compressor เพ่ิมความดันให้สารทาความเย็นในสถานะได้ที่อุณหภูมิต่าให้มีความดัน และอณุ หภูมิสงู กว่าภายนอกและส่งต่อไปท่ีคอนเดนเซอร์ 3) Condenser ระบายความร้อนจากสารทาความเย็นที่ความดันและอุณหภูมิสูงกว่า ภายนอก ทาให้สารทาความเย็นเปล่ียนสถานะเป็นของเหลวทคี่ วามดันสงู ไหลต่อไปยัง expansion valve 4) Expansion valve ลดความดันของสารทาความเยน็ เพ่ือปอ้ นให้กบั evaporator รูปที่ 3-7 วฏั จกั รการทางานของฮีตป๊มั กลุม่ วจิ ัย EnConLab 3-25 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

ค่มู ือการนาความร้อนทิง้ กลับมาใช้ โครงการศกึ ษาศักยภาพและแนวทางการส่งเสรมิ การนาความร้อนทิง้ กลบั มาใช้ในภาคธุรกจิ และอตุ สาหกรรมในประเทศไทย 3.5.3.3 การผลติ กระแสไฟฟ้า (Electricity Generation) 1. Thermoelectric unit หลักการทางานเหมือนกัน Thermocouple ที่ใช้ความวัดความแตกต่างของอุณหภูมิด้าน ร้อนกบั ด้านเย็นบนสารก่งึ ตวั นาที่ผลิตกระแสไฟฟ้า เมอื่ มคี วามแตกตา่ งของอณุ หภูมิ รปู ท่ี 3-8 โครงสรา้ งของ Thermoelectric 2. วฏั จักรแรนคิน (Rankine cycle) ทางานบนหลักการของการให้ความร้อนกบั ของเหลวจนกลายเป็นไอน้า ท่มี ีอุณหภูมิและ ความดันสูงไอน้า ที่มีอุณหภูมิ และความดันสูงจะเข้าเครื่องกังหันไอน้า ใช้ในการผลักใบกังหันให้หมุนขับ เพลาของเคร่อื งกาเนดิ ไฟฟา้ ผลติ ไฟฟา้ ออกมา 3. Kalina cycle พัฒนามาจาก Rankine cycle เหมาะสาหรับการใช้ในระบบท่ีใช้ความร้อนต่า โดยใช้ แอมโมเนียผสมกับน้าเปน็ สารทางาน ทาให้มีจุดเดือดต่า องค์ประกอบพ้ืนฐานของระบบเหมือน Rankine cycle 4. ระบบทาความเย็นแบบดดู ซมึ (Absorption refrigeration System) เปนระบบทาความเย็นที่อาศัยพลังงานความรอนในการขับเคร่ืองทาความเย็นใหทางาน โดยความรอนท่ีปอนใหมักจะอยูในรูปของไอน้าร้อน หรือกาซรอนซ่ึงเปนพลังงานคุณภาพต่า ทางานบน หลักการเดียวกับ absorption heat pump แต่ในส่วนของเครื่องอัด (Compressor) ในระบบดูดซึมจะ เปน็ เครือ่ งอัดชนดิ ความร้อน (Thermal Compressor) ซึง่ ใช้พลังงานความร้อนในการขับเคลอื่ นระบบ ซง่ึ มีองคป์ ระกอบเป็นเครื่องดดู ซึมความร้อน (Absorber) และอปุ กรณใ์ ห้ความรอ้ น (Generator) กลมุ่ วิจยั EnConLab 3-26 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี

คู่มือการนาความร้อนทงิ้ กลับมาใช้ โครงการศึกษาศักยภาพและแนวทางการสง่ เสริมการนาความร้อนท้ิงกลบั มาใชใ้ นภาคธรุ กจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย บทที่ 4 แหล่งความร้อนในภาคอุตสาหกรรมและธรุ กิจของไทย 4.1 แหล่งความร้อนท้ิงในภาคอุตสาหกรรมและธรุ กจิ จากการเข้าสัมภาษณ์เก่ยี วกับกระบวนการผลติ ในแตล่ ะอตุ สาหกรรม เคร่อื งจกั รอปุ กรณ์ท่มี ีความ ร้อนทง้ิ จากการสารวจของคณะผวู้ ิจัยพบว่ามีแหลง่ ความร้อนทิ้งท่ีมคี วามสาคัญที่พบในอุตสาหกรรมต่างๆ ไดแ้ ก่ 1. อุตสาหกรรมหล่อโลหะ 2. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี 3. อุตสาหกรรมซเี มนต์ 4. อุตสาหกรรมเหล็ก 5. อตุ สาหกรรมแก้วและกระจก 6. อตุ สาหกรรมเซรามิก 7. อุตสาหกรรมสิ่งทอ 8. อุตสาหกรรมผลติ ไฟฟ้า 9. อุตสาหกรรมกระดาษ 10. อุตสาหกรรมอาหาร 11. อุตสาหกรรมนา้ ตาล 12. อาคารธุรกิจ กลมุ่ วจิ ัย EnConLab 4-1 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ี

คมู่ ือการนาความร้อนทงิ้ กลับมาใช้ โครงการศกึ ษาศกั ยภาพและแนวทางการส่งเสรมิ การนาความร้อนท้งิ กลบั มาใชใ้ นภาคธรุ กิจและอุตสาหกรรมในประเทศไทย 4.1.1 อตุ สาหกรรมหลอ่ โลหะ รูปท่ี 4-1 การใช้พลงั งานในอุตสาหกรรมหลอ่ โลหะ ลักษณะการใชพ้ ลงั งาน อุตสาหกรรมหล่อโลหะ ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทการหลอมอลูมิเนียมซ่ึงจะให้เตาหลอมประเภท หัวเผาไหม้ท่ีใช้เชื้อเพลิงเป็น NG หรือ LPG ซ่ึงอุณหภูมิในเตาอยู่ท่ีประมาณ 800-900°C ซึ่งส่วนใหญ่จะ ปล่อยทิ้งออกทางปล่องระบายความร้อน แต่มีบางแห่งมีการใช้หัวเผาไหม้แบบ Regenerative Burner แตย่ ังไมแ่ พรห่ ลายเน่ืองจากยังมรี าคาสงู กว่าแบบปกติอยูป่ ระมาณ 3 เทา่ แหล่งความร้อนทง้ิ กา๊ ซไอเสยี จากเตาหลอม และกระบวนการที่มคี วามร้อนทงิ้ อีกจุดหนง่ึ คือ กระบวนการอบช้นิ งาน ก่อนเข้าเครื่องฉีดอลูมิเนียม (Extruder) ซ่ึงอุณหภูมิท่ีใช้อยู่ที่ประมาณ 400-500°C ดังนั้นสาหรับ อุตสาหกรรมหล่ออลูมิเนียมมคี วามร้อนทง้ิ ที่น่าสนใจอยู่ 2 จุดคือ ทเ่ี ตาหลอมและเตาอบก่อนเข้าเคร่ืองฉีด อลมู ิเนียมซึง่ เทคโนโลยที ีน่ ่าสนใจคอื เตาหลอมแบบ Regenerative Burner ในส่วนของอุตสาหกรรมหล่อ โลหะทเี่ ปน็ เหล็กส่วนใหญ่จะใช้เตาหลอมไฟฟ้าเปน็ แบบ IF (Induction Furnace) ซงึ่ จะไม่มีความร้อนท้ิง จากการเผาไหม้ และมีจุดปล่อยความร้อนทิ้งอยู่ที่เตาปรับคุณภาพช้ินงานซึ่งมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 400 °C ขึ้นไป ส่วนใหญ่ปล่อยท้ิงออกทางปล่องระบายความร้อน ดังน้ันจึงจุดทีมีความร้อนท้ิงที่น่าสนใจ และควรนาความร้อนทิ้งมาใช้ในการอุ่นวัตถุดิบต่อไป และในอุตสาหกรรมหล่อทองเหลืองจะใช้เตาหลอม ไฟฟ้าเป็นแบบ IF (Induction Furnace) เช่นเดียวกันกับเหล็ก โดยความร้อนท้ิงท่ีน่าสนใจอยู่ที่การอบ ชิ้นงานกอ่ นฉีดใหเ้ ปน็ เส้นเพ่ือนาไปปมั๊ ขนึ้ รูป ศกั ยภาพการนากลบั มาใช้ - อตุ สาหกรรมหลอ่ โลหะ แหลง่ ความรอ้ น ระดับอุณหภมู ิ แหลง่ รบั ความร้อน เทคโนโลยที ใ่ี ช้ 1.กา๊ ซไอเสยี จากเตาหลอม ตา่ 1.อากาศเตาเผาไหม้ Regenerator 2.นา้ ระบายความร้อน 3.กา๊ ซไอเสียจากเตาอบ ตา่ 2.วัตถดุ ิบทใ่ี ช้ Heat Exchanger กลาง 3.ผลติ ไฟฟา้ Direct Contact ORC กลุ่มวจิ ัย EnConLab 4-2 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุรี

คู่มอื การนาความร้อนท้ิงกลบั มาใช้ โครงการศกึ ษาศกั ยภาพและแนวทางการส่งเสรมิ การนาความร้อนท้ิงกลบั มาใชใ้ นภาคธรุ กจิ และอตุ สาหกรรมในประเทศไทย 4.1.2 อุตสาหกรรมเหล็ก Flash ≈ 98-102 C Condensate ≈ 100 C ≈ 1,000-1,450 C ≈ 1,000-1,100 C Air Pre Heat ≈ 100-250 C Air Annealing ≈ 800 C 1 2 3 เศษ EAF เครอ่ื งหลอ่ เหล็กแทง่ อนุ่ ช้ินงาน รี รอ้ น รี เย็น ลิตภั เหล็ก แบบตอ่ เนอ่ื ง เหลก็ แบน กอ่ นรี รี เย็น NG ลิตภั เชื้อเพลงิ รี รอ้ น อตุ สาหกรรมเหลก็ ขัน้ กลาง อตุ สาหกรรมเหลก็ ขัน้ ปลายรี ร้อน อุตสาหกรรมเหล็กขนั้ ปลายรี เยน็ รปู ที่ 4-2 การใช้พลังงานในอุตสาหกรรมเหลก็ ลกั ษณะการใช้พลังงาน อุตสาหกรรมเหล็ก และเหล็กกล้าในประเป็นไทยมีกระบวนการผลิตที่คล้ายคลึงกัน โดยแบ่งเป็น การหลอม การรีดร้อน รีดเย็น และการชุบ สาหรับการหลอมน้ันจะได้ผลิตภัณฑ์เป็นเหล็กแผ่นหรือ เหล็กแท่ง โดยในประเทศไทยใช้เตาหลอมแบบ เตาอาร์คไฟฟ้า (Electric Arc Furnace) หรือเตา เหน่ียวนาไฟฟ้า (Induction Furnace) วัตถุดิบหลักที่นามาหลอมเป็นเศษเหล็กรีไซเคิล อุณหภูมิท่ีใช้งาน ในเตาหลอมอยู่ทป่ี ระมาณ 1,500-1,750°C แหลง่ ความรอ้ นทงิ้ มีไอเสียท่ีปล่อยทิ้งจากการหลอมตรงจุดปลายปล่องที่อุณหภูมิสูงถึง 700-1,000°C โดยโรงงาน บางแห่งมีการก่อสร้างอิฐรังผ้ึงไว้สะสมพลังงานความร้อนเพื่อแลกเปลี่ยนกับ อากาศดีก่อนที่จะเข้า หัวเผาไหม้ ซ่ึงสามารถเพ่ิมอุณหภูมิอากาศก่อนเข้าหัวเผาไหม้ได้ประมาณ 300-400 °C หรือทาการปล่อยท้งิ โดยผ่านเคร่ืองดักจับฝุ่นก่อนจะปล่อยท้ิงโดยไม่ได้นากลบั มาใชป้ ระโยชน์ ที่จุดปลายปล่องยังคงมีอุณหภมู ิ ปลอ่ ยทิง้ ประมาณ 200-300°C ถือวา่ ยังมศี ักยภาพในการนากลบั มาใช้ อาจนามาอุ่นนา้ เพื่อให้ได้นา้ ร้อนใช้ งานในกระบวนการผลิต ในส่วนของโรงงานรีดร้อนความร้อนท่ีมีการปล่อยท้ิงจะอยู่ท่ีจุด เตาอุ่นชิ้นงาน (Reheating Furnace) อณุ หภูมทิ ใ่ี ช้ในการอุ่นเหล็กแท่งอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,400°C โดยอณุ หภูมิทป่ี ลอ่ ยทิ้งจากเตา อนุ่ ชิ้นงานมคี า่ สูงถึง 700-900°C ซึง่ ถอื ว่ามีศกั ยภาพในการนาความร้อนท้ิงกลับมาใช้ ในส่วนของโรงงานรีดเย็นความร้อนท่ีมีศักยภาพในการนากลับมาใช้คือจุดที่เตาอบอ่าน (Annealing) โดยก๊าซไอเสียมีอุณหภูมิสูงถึง 600-850°C สามารถติดตั้งเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบ Recuperator ใหก้ ับหัวเผาในเตาอบออ่ น สามารถแลกเปลยี่ นความร้อนกบั อากาศกลับมาใช้ในหัวเผาไหม้ ได้ที่อุณหภูมิประมาณ 250-300°C กลมุ่ วิจัย EnConLab 4-3 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบรุ ี

คูม่ อื การนาความรอ้ นทิง้ กลับมาใช้ โครงการศกึ ษาศักยภาพและแนวทางการสง่ เสริมการนาความร้อนทิ้งกลับมาใชใ้ นภาคธรุ กิจและอตุ สาหกรรมในประเทศไทย ศกั ยภาพการนากลบั มาใช้ - อุตสาหกรรมเหลก็ (หลอมเหล็ก) แหลง่ ความร้อน ระดบั อุณหภมู ิ แหล่งรบั ความรอ้ น เทคโนโลยีทใ่ี ช้ 1.เตาหลอม 1.เตาหลอม ECO ARC - ก๊าซไอเสยี สูง - วตั ถุดบิ Regenerator - นา้ ระบายความร้อนเตา ตา่ - อากาศเข้าเผาไหม้ 2.เตาปรุงนา้ เหล็ก Regenerator - กา๊ ซไอเสยี 2.เตาปรงุ น้าเหลก็ OXY – burner สูง - อากาศเข้าเผาไหม้ ORC 3.ผลิตไฟฟา้ - อุตสาหกรรมเหล็ก (รดี ร้อน) แหล่งความร้อน ระดบั แหลง่ รบั ความร้อน เทคโนโลยที ใี่ ช้ อณุ หภูมิ 1.เตาเผาอนุ่ (Reheating 1.เตาเผาอ่นุ Regenerator Furnace) สูง - อากาศเขา้ เผาไหม้ OXY - burner - ก๊าซไอเสยี ที่ปล่อยท้ิง ตา่ - วตั ถุดบิ ORC - น้าระบายความรอ้ นเตา 2.ผลิตไฟฟา้ - อุตสาหกรรมเหล็ก (รีดเยน็ และชุบ) แหล่งความร้อน ระดบั อุณหภมู ิ แหล่งรบั ความรอ้ น เทคโนโลยีทีใ่ ช้ 1.บอ่ ชบุ ตา่ 1.บอ่ ชุบ Heat Exchanger - นา้ ชุบท่ีล้างทงิ้ - นา้ ป้อนหมอ้ ไอน้า ORC 2.เตาอบอ่อน สงู - น้ารอ้ นอุณหภมู ติ ่า - ก๊าซไอเสีย ตา่ 2.เตาอบออ่ น 3.ลมร้อนทเ่ี ปา่ แหง้ ตา่ - อากาศเขา้ เผาไหม้ 4.คอนเดนเสททท่ี ง้ิ 3.หมอ้ ไอนา้ 5.หม้อไอนา้ ตา่ - น้าป้อนหม้อไอน้า - ก๊าซไอเสยี ตา่ - อากาศเข้าเผาไหม้ - นา้ ระบายหมอ้ ไอนา้ 4.ผลติ ไฟฟา้ กลุ่มวจิ ยั EnConLab 4-4 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ี

คู่มอื การนาความรอ้ นทิง้ กลบั มาใช้ โครงการศึกษาศกั ยภาพและแนวทางการส่งเสริมการนาความร้อนทิง้ กลบั มาใชใ้ นภาคธุรกจิ และอตุ สาหกรรมในประเทศไทย 4.1.3 อตุ สาหกรรม ลติ ไฟฟา้ รูปท่ี 4-3 การใช้พลังงานในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟา้ ลักษณะการใช้พลงั งาน ในโรงไฟฟ้ากังหันไอน้า จะใช้เช้ือเพลิงป้อนให้หม้อไอน้า เพ่ือผลิตไอน้า ในกรณีกังหันก๊าซจะเข้า เผาไหมใ้ นห้องเผาไหม้ แหล่งความรอ้ นทิ้ง อุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า ความร้อนทิ้งท่ีปล่อยออกมานั้นมีจานวนน้อย เน่ืองจากโรงไฟฟ้าได้ถูก ออกแบบให้สามารถผลิตพลังไฟฟ้าได้สูงที่สุดเท่าท่ีจะทาได้ รวมถึงการนาความร้อนท่ีปล่อยท้ิงกลับมาใช้ งานอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าแบบ Combined Cycle จะมีก๊าซไอเสียจาก Gas Turbine อุณหภูมิประมาณ 550-590°C และถูกนากลับมาใช้งานต้มน้าหม้อไอน้าแบบ (Heat Recovery Steam Generator) จากอณุ หภูมิ 40-100°C เปน็ 470-570°C เพ่อื นาไปผลติ ไฟฟ้าแบบ Steam Turbine โดยก๊าซไอเสยี หลงั จากอ่นุ หมอ้ ไอนา้ ปล่อยทง้ิ ท่ีอุณหภูมิประมาณ 100-140°C ซ่งึ กา๊ ซไอเสียท่ีปล่อยทงิ้ นี้ไม่ สามารถจะนากลบั มาใช้งานในกระบวนการผลิตได้ เน่อื งจากในกระบวนการผลติ ต้องการอุณหภูมิท่สี ูงกว่า ที่ก๊าซไอเสียปล่อยท้ิง จึงถือว่าไม่มีศักยภาพในการนากลับมาใช้ในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า ส่วนน้า คอนเดนเสทได้มีการนากลับมาใช้งานในการอุ่นน้าป้อนหม้อไอน้ารวมถึงการนาความร้อนจาก น้าโบลว์ดาวน์กลับมาใช้งานด้วยเช่นกัน ปัจจุบันผู้ผลิตไฟฟ้ารายหน่ึงได้มีแผนในการนาน้าร้อนท้ิงจาก คอนเดนเสท ท่ีอุณหภมู ิ 39°C มาผลติ ไฟฟ้าโดยใช้เทคโนโลยี Micro Hydro Turbine ศกั ยภาพการนากลับมาใช้ - อตุ สาหกรรมผลติ ไฟฟ้า แหลง่ ความรอ้ น ระดบั อุณหภมู ิ แหล่งรับความร้อน เทคโนโลยี 1.ก๊าซไอเสยี ทปี่ ล่อยท้งิ กลาง 1.อุ่นนา้ ป้อนหมอ้ ไอน้า Heat Exchanger 2.น้าระบายความรอ้ น ตา่ 2.อนุ่ อากาศหม้อไอนา้ Heat Exchanger 3.ผลติ ความเยน็ Absorption chiller 4.ผลิตไฟฟ้า ORC กลุ่มวิจัย EnConLab 4-5 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี

คู่มือการนาความร้อนท้ิงกลับมาใช้ โครงการศกึ ษาศกั ยภาพและแนวทางการสง่ เสรมิ การนาความรอ้ นทิง้ กลับมาใชใ้ นภาคธรุ กจิ และอตุ สาหกรรมในประเทศไทย 4.1.4 อตุ สาหกรรมปิโตรเคมี รปู ที่ 4-4 การใช้พลังงานในอุตสาหกรรมปโิ ตรเคมี ลักษณะการใช้พลงั งาน อุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะมีกระบวนผลิตท่ีซับซ้อนมาก ทาให้ยากต่อการปรับปรุงระบบ และ โรงงานปโิ ตรเคมีขนาดใหญจ่ ะมีการปรับปรุงทุกๆ 3-4 ปี โดยมอี ปุ กรณห์ ลักในการผลิตคือ Heater เพ่อื ใช้ เพ่มิ อณุ หภูมิ และหอกล่นั ใช้สาหรับแยกสารเคมีต่างๆ ซง่ึ แหล่งความร้อนหลกั เป็นไอน้า แหล่งความรอ้ นทงิ้ อุณหภูมคิ วามร้อนท้งิ ส่วนใหญ่จะอยู่ในชว่ ง 100-200°C โดยมจี ุดปล่อยความรอ้ นทง้ิ ท่ีน่าสนใจอยู่ 3 จดุ ได้แก่ 1. ปล่อยออกทางปล่องระบายความรอ้ น 2. ปล่อยออกทางชอ่ งระบายความร้อนด้านบนของกระบวนการผลิต (Fin Fan) 3. ตัวผลิตภัณฑ์ เพราะผลิตภัณฑ์หรือสารเคมีที่เพ่ิงออกจากกระบวนการผลิตจะมีอุณหภูมิอยู่ท่ี ประมาณ 100°C ข้นึ ไป ซ่ึงเทคโนโลยีในการนาความร้อนท้ิงที่น่าสนใจได้แก่ การนาความร้อนทิ้งจากแหล่งดังกล่าวมาอุ่น วตั ถุดิบ การใช้ระบบ Recuperator แลกเปล่ียนความร้อนให้อากาศท่ีจะเข้าเผาไหม้ การใช้ Waste Heat Boiler และการผลิตไฟฟ้า กลมุ่ วิจยั EnConLab 4-6 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี

คู่มือการนาความร้อนทิ้งกลบั มาใช้ โครงการศึกษาศักยภาพและแนวทางการสง่ เสริมการนาความร้อนท้ิงกลบั มาใช้ในภาคธรุ กจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย ศกั ยภาพการนากลบั มาใช้ - อุตสาหกรรมปโิ ตรเคมีและการกลั่น แหล่งความร้อน ระดบั อุณหภูมิ แหล่งรับความรอ้ น เทคโนโลยที ่ีใช้ 1.เตา ตา่ 1.ทาความรอ้ นวตั ถุ Heat Exchanger 2.คอนเดนเสทน้าท้งิ ตา่ 2.อ่นุ นา้ ป้อนหมอ้ ไอนา้ ORC 3.น้ารอ้ นท่ปี ล่อยท้ิง ตา่ 3.ผลติ ไฟฟา้ 4.อากาศที่ปลอ่ ยทง้ิ ตา่ 5.กา๊ ซไอเสยี หมอ้ ไอน้า ตา่ 6.น้าระบายหมอ้ ไอนา้ ตา่ กล่มุ วิจัย EnConLab 4-7 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบรุ ี

คู่มือการนาความร้อนทง้ิ กลบั มาใช้ โครงการศึกษาศักยภาพและแนวทางการสง่ เสรมิ การนาความรอ้ นทง้ิ กลบั มาใชใ้ นภาคธุรกจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย 4.1.5 อุตสาหกรรมปูนซเี มนต รูปท่ี 4-5 การใช้พลงั งานในอุตสาหกรรมปนู ซเิ มนต์ ลักษณะการใช้พลงั งาน อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์มีกระบวนการผลิตคล้ายคลึงกัน มีการใช้เช้ือเพลิงประเภทถ่านหิน บดละเอยี ด ป้อนเขา้ ไปท่ีเตาเผา และ Precalciner เพ่อื เผาวตั ถุดิบให้เกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี แคลเซียมออกไซด์ แตกตวั และคาร์บอนไดออกไซดห์ ลดุ ออกมา แหล่งความร้อนทงิ้ ความร้อนท้ิงท่ีน่าสนใจมี 2 จุดได้แก่ ความร้อนทิ้งบริเวณปล่องความร้อนทิ้งหลังจากอุ่นวัตถุดิบ แล้ว (Precalciner) โดยมีอุณหภูมิความรอ้ นท้ิงประมาณ 300-400°C ส่วนใหญ่จะนาความรอ้ นท้ิงจากจดุ น้ีไปผลิตไฟฟ้า และก๊าซร้อนท่ีเหลือจากการผลิตไฟฟ้าจะนาไปอุ่นวตั ถุดิบกับถ่านหนิ ได้อีก ส่วนความร้อน ทิ้งอีกจุดท่ีน่าสนใจคือกระบวนการลดความร้อนของเม็ดปูน ( Clinker Cooler) ซึ่งเป็นการลดอุณหภูมิ ของเม็ดปูนหลังจากผ่านเตาเผา (Rolling Kiln) แล้ว โดยใช้พัดลมขนาดใหญ่เป่าลมเข้าโดยตรง โดย อุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศร้อนที่ได้ประมาณ 400°C หลังจากนั้นนาอากาศร้อนท่ีได้ไปเข้า Waste Heat Boiler เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไป และคาดว่าในอนาคตจะมีการผลิตไฟฟ้าจากความร้อนทิ้งกระจาย เพิม่ เติม ไปยังโรงงานขนาดเล็กอย่างรวดเร็ว ศักยภาพการนากลบั มาใช้ - อุตสาหกรรมซเี มนต์ แหลง่ ความรอ้ น ระดับอุณหภมู ิ แหล่งรบั ความร้อน เทคโนโลยที ี่ใช้ 1.กา๊ ซไอเสยี จาก Precalciner กลาง 1.วตั ถุดิบ Direct contact 2.ก๊าซไอเสียจาก Clinker กลาง 2.ผลติ ไฟฟา้ ORC - cooler กลุม่ วจิ ัย EnConLab 4-8 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบรุ ี

คูม่ อื การนาความร้อนท้ิงกลบั มาใช้ โครงการศกึ ษาศกั ยภาพและแนวทางการส่งเสริมการนาความรอ้ นทงิ้ กลับมาใชใ้ นภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศไทย 4.1.6 อตุ สาหกรรมแกว้ และกระจก รูปท่ี 4-6 การใช้พลงั งานในอุตสาหกรรมแก้วและกระจก ลักษณะการใช้พลังงาน โรงงานที่เข้าสารวจมี 2 ประเภท คือ อุตสาหกรรมแก้วและกระจก กระบวนการผลิตแก้วและ กระจก มีความคล้ายคลึงกัน โดยเครื่องจักรอุปกรณ์หลักท่ีมีความร้อนท้ิงท่ีน่าสนใจได้แก่ เตาหลอม โดย จะใชเ้ ชอื้ เพลงิ เป็นหลัก และมอี ุณหภูมทิ างานภายในเตาประมาณ 1,500°C แหลง่ ความร้อนท้ิง โรงงานส่วนใหญ่จะใช้เตาหลอมประเภท Regenerative Burner และก๊าซเสียที่ได้จะปล่อยทิ้ง ทางปลอ่ งระบายความร้อน โดยมีอุณหภมู ิประมาณ 500-600°C และมหี วั เผาที่จุดเลย้ี งใหค้ วามร้อนรางน้า แก้วอีกจดุ แต่การรวบรวมทาไดย้ าก ศักยภาพการนากลับมาใช้ - อตุ สาหกรรมแกว้ และกระจก แหลง่ ความร้อน ระดับอุณหภูมิ แหลง่ รับความรอ้ น เทคโนโลยีทใี่ ช้ 1.ก๊าซไอเสยี จากเตาหลอม สงู 1.อนุ่ อากาศเผาไหม้ Regenerator Heat Exchanger 2.กา๊ ซไอเสยี จากเตาอบแกว้ สงู 2.อนุ่ วัตถดุ ิบ Heat Exchanger ORC 3.ลมร้อนจากการระบายความ ตา่ 3.ผลิตไฟฟ้า ร้อน กลมุ่ วจิ ยั EnConLab 4-9 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี

คู่มอื การนาความร้อนท้ิงกลับมาใช้ โครงการศกึ ษาศักยภาพและแนวทางการส่งเสรมิ การนาความร้อนท้งิ กลับมาใช้ในภาคธุรกจิ และอุตสาหกรรมในประเทศไทย 4.1.7 อตุ สาหกรรมเซรามกิ รปู ที่ 4-7 การใช้พลังงานในอุตสาหกรรมเซรามิก ลกั ษณะการใช้พลงั งาน อุตสาหกรรมเซรามิก เคร่ืองจักรอุปกรณ์ที่มีความร้อนทิ้งที่น่าสนใจได้แก่ เตาเผาต่างๆ ได้แก่ เตาเผาเคลอื บ อุณหภูมใิ นเตาประมาณ 1,200°C เตาพ่นฝอยอบแหง้ อณุ หภูมใิ นเตาประมาณ 570°C แหลง่ ความรอ้ นทิ้ง ไดแ้ ก่ ก๊าซไอเสยี จากเตาอบ ซง่ึ สามารถนาไปผ่าน Heat Exchanger แล้วนาความร้อนท้ิงกลับไป อุ่นวัตถุดิบได้ซ่ึงอุณหภูมิท่ีใช้ในการอุ่นวัตถุดิบอยู่ท่ีประมาณ 120°C แต่ต้องระวังเรื่องการกัดกร่อนของ สารเคมีที่ปนเป้ือน หรือนาความร้อนทิ้งจากเตามาอบช้ินงานโดยสร้างห้องหรือเตาเพ่ิมขึ้นมาแต่อาจต้อง พจิ ารณาเร่อื งเงนิ ลงทนุ ต่างๆด้วย เชน่ การเดนิ ระบบทอ่ ตา่ งๆ ศกั ยภาพการนากลับมาใช้ - อตุ สาหกรรมเซรามิก แหลง่ ความร้อน ระดับอุณหภูมิ แหล่งรับความรอ้ น เทคโนโลยที ีใ่ ช้ 1.ก๊าซร้อนจากเตาพ่นฝอย ตา่ 1.อุ่นวัตถุดิบ Heat Exchanger อบแห้ง 2.ก๊าซร้อนจากเตาอบ ตา่ 2.อุ่นอากาศเข้าเผาใหม่ OXY-burner 3.ก๊าซไอเสียจากเตาอบ ตา่ -กลาง 4.อากาศระบายความร้อน 3.อุ่นตัวกลางในการผลิต Regenerative Burners ชิ้นงาน ตา่ ไฟฟ้า ORC กลมุ่ วจิ ยั EnConLab 4-10 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี

ค่มู อื การนาความรอ้ นท้ิงกลบั มาใช้ โครงการศกึ ษาศักยภาพและแนวทางการส่งเสรมิ การนาความรอ้ นทงิ้ กลบั มาใชใ้ นภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศไทย 4.1.8 อุตสาหกรรมสง่ิ ทอ รปู ท่ี 4-8 การใช้พลังงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ลักษณะการใช้พลงั งาน อตุ สาหกรรมสง่ิ ทอมีกระบวนการผลติ ท่ีใช้ไอน้าจากหม้อไอน้าเป็นหลัก ซึ่งมีบางแห่งมีการใช้หม้อ นา้ มันร้อนควบคู่กนั ดว้ ย ไอนา้ ทผ่ี ลิตใช้ในการต้มน้าย้อม ให้มีอุณหภมู ติ ามโปรแกรมการยอ้ ม แหลง่ ความร้อนทิ้ง เคร่ืองจักรอุปกรณ์ที่มีความร้อนท้ิงท่ีน่าสนใจได้แก่ หม้อไอน้า อุณหภูมิไอเสียปล่อยทิ้งท่ีปล่อง ไอเสียประมาณ 200°C สาหรับโรงงานท่ีใช้หม้อน้ามันร้อน จะมีอุณหภูมิไอเสียปล่อยท้ิงท่ีปล่องไอเสีย ประมาณ 300°C โดยความร้อนทิ้งส่วนนี้สามารถนากลับมาอุ่นอากาศก่อนเข้าเผาไหม้ได้ เตาอบผ้า ซึ่งอุณหภูมิใช้งานภายในเตาประมาณ 120-140°C และอุณหภูมิก๊าซร้อนที่ปล่อยทิ้งประมาณ 70-80°C โดยประมาณ เครื่องย้อมผ้า อุณหภูมิน้าย้อม ขณะใช้งานอยู่ที่ประมาณ 130-140°C และน้าระบาย ความร้อน อณุ หภูมิ 60-70°C ซงึ่ อาจใช้ Heat Exchanger ในการแลกเปลี่ยนความร้อนไปใชง้ านตอ่ ไปได้ ศักยภาพการนากลบั มาใช้ - อุตสาหกรรมสง่ิ ทอ แหลง่ ความรอ้ น ระดับอุณหภมู ิ แหล่งรบั ความรอ้ น เทคโนโลยที ใ่ี ช้ 1.นา้ รอ้ นทีท่ ิ้งจากเครือ่ งย้อม ตา่ 1.น้าท่ใี ชย้ อ้ ม Heat Exchanger 2.นา้ ระบายความร้อน ตา่ 2.อากาศเข้าอบ Heat Exchanger 3.คอนเดนเสททง้ิ ตา่ 3.นา้ ปอ้ นหม้อไอน้า Heat Exchanger 4.อากาศร้อนจากเคร่อื งอบ ตา่ 4.ผลิตไฟฟา้ ORC 5.กา๊ ซไอเสยี หมอ้ ไอนา้ ตา่ -กลาง 6.น้าระบายหมอ้ ไอนา้ ตา่ กล่มุ วจิ ยั EnConLab 4-11 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook