Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore My life story

My life story

Published by taetaphone, 2022-06-25 21:23:04

Description: My life story

Search

Read the Text Version

OSNELTM&ITOFHYEREONYLY ธีรเมธ ตรัยศิริเจริญ (เต้) คณะนิติศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 รหัส 6440129034

CONTENT MY LIFE JOURNEY...................................5 MY INFLUENTIAL PEOPLE..................13 MY GREAT TEACHER...........................19 MY SELF-CAPITAL................................22 MY LOCAL WISDOM.............................24

CONTENT 27.................MY GLOBAL KNOWLEDGE 33....................MY PERSONAL MISSION STATEMENT 35...................PERSONAL AND FAMILY WELLNESS 39..................................MY LIFE LEGACY

PREF ACE หนังสือเล่มนี้คือหนังสือที่จะบอกเล่าความเป็นตัวตนและความคิดของผู้จัดทำ ดังนั้นแล้ว ในโอกาสนี้ที่ได้ทำเรื่องราวการใช้ชีวิตของฉัน (MY LIFE STORY) นี้ขึ้นมา ข้าพเจ้าก็ตั้งใจและมี ความหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะสามารถที่จะเป็นแนวทางให้กับผู้ใดก็ตามที่ได้อ่านหนังสือเล่ม นี้ได้มีแนวทางเป็นของตัวเอง ขอขอบคุณอาจารย์วีระพงษ์ ประสงค์จีน ที่ได้มอบหมายงานนี้ขึ้นมาให้ผู้จัดทำได้มี โอกาสได้นำเสนอชีวิตและความคิดของตัวเอง และก็ขอขอบคุณอีกครั้งที่ทำให้ผู้จัดทำได้ เรียนรู้ที่จะรู้จักกับตัวเอง ได้เห็นมุมมองใหม่ๆและได้ให้ประสบการณ์ที่ดีกับผู้จัดทำ และขอขอบคุณทุกๆคนที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตของผู้จัดทำ ที่ได้หล่อหลอมให้ผู้จัดทำได้ เป็นตัวเองในวันนี้ และเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่ที่จะทำให้หนังสือเล่มนี้สมบูรณ์ ขอขอบคุณอย่างแท้จริง

My Lif-e0 J1o-urney WHERE IT ALL BEGINS

เรื่องเด่นใน วัยอนุบาล 1. เคยเดินนำขบวนพาเหรดวัยประถม 2. เคยฉี่แตกตอนนอนกลางวัน 555 3. ไม่กินข้าวโรงเรียน กินแต่หมูหยองคลุกข้าว 4. เอายางลบก้อนเท่าถั่วเขียวไปใช้จนโดนบ่น 5. เคยโดนทุเรียนทอดจิ้มตา 6. ไปเที่ยวเกาะครั้งแรก ประทับใจจนทุกวันนี้ ส่วนใหญ่เรื่องในวัยอนุบาลจะจำไม่ค่อยได้

เรื่องเด่นในวัย ประถมศึกษา 1. เคยแข่งวิชาการได้ที่ 2 ของโรงเรียน 2 .เคยขึ้นร้องเพลงของโรงเรียนสอ นร้องเพลงอยู่ประมาณ 3-4 ครั้ง 3. ไปต่างประเทศครั้งแรก ไปฮ่องกง 4. ไปเที่ยวเกาะกูดกับพนักงานในบริษัทของพ่อ ชอบทะเลมานับแต่นั้น 5. เคยสอบได้มีคะแนนรวมเป็นที่สองของสายชั้นดรงเรียนประถม 6. เคยโดนเพื่อนแกล้งแล้วเพื่อนคนอื่นมาช่วยโดยการมานั่งคุยกันแล้วขอโทษกัน 7. กลับกันกับข้อที่แล้ว เคยไปพูดคำหยาบใส่เพื่อนแล้วโดนเพื่อนต่อยแขนช้ำ พอพ่อเห็นก็ตามไปโรงเรียน เพื่อที่จะหาคนทำ ทีนี้พอครูรู้เรื่องก็ได้เข้าห้องปกครองเลยจ้า แต่สุดท้ายก็สนิทกับคนต่อยนะ 8. เล่นบัดดี้แลกของขวัญ แล้วทีนี้จับได้คนที่ชอบ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง (เขิน555) สุดท้ายซื้อสีให้กล่องหนึ่ง กับ เอาหนังสือความรู้ที่มีอยู่ไปให้ ทุกวันนี้ หนังสือไม่มีขายแล้วแอบเสียดาย แล้วคนที่ชอบก็ไปเรียนสถาปนิก เรียบร้อย หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ 9. เป็นลูกรักลูกลำเอียงมากกว่าเพื่อนคนอื่นในห้องเพราะย่าเป็นเพื่อนครูใหญ่โรงเรียนคริสต์ เส้นโตกว่าคนอื่น เค้า ก็จะใช้ชีวิตง่ายกว่าคนอื่นหน่อย ยอมรับกันตรงๆ ส่วนตัวคิดถึงวัยประถมมากกว่ามัธยม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามรู้สึกว่ามีอะไรให้น่าจดจำมากกว่า

เรื่องเด่นในวัยมัธย มศึกษาตอนต้น 1.เปิดมาวันแรกก็พบว่า ตอนเข้าเรียนมัธยมโรงเรียนใหม่ เพื่อนเกินครึ่งห้องมาจากโรงเรียนเดียวกัน ส่วนเรา เป็นส่วนน้อย ในช่วงแรกของเทอมก็จะไม่ค่อยมีใคร แ ต่พอเวลาผ่านไปจนกระทั่งทุกวันนี้ก็พบว่าตัวเองได้ เพื่อนจากที่นี่ไปเยอะเหมือนกัน ต่างจากวันแรกลิบลับที่เข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้เลย 2.โดยเฉพาะตอนม.1นี่แหละ โดนจับกลุ่มไปอยู่กับกลุ่มบ๊วยประจำ การเรียนก็แย่ลง อยู่อันดับรั้งท้าย ชอบ โดนเรียกไปพบครูบ่อยๆ เป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิตเท่าไหร่ 3.พอมาม.2เริ่มีเพื่อนมากขึ้น กลายเป็นเด็กหลังห้อง เรียนเอาพอผ่านๆ ใช้ชีวิตเหลวไหลมากขึ้นแต่ก็ยอมรับ ว่าเป็นช่วงมัธยมต้นที่มีความสุขที่สุด เหมือนได้ยอมรับตัวเอง 4.เป็นครั้งแรกที่เริ่มติดเกม เพราะเล่นตามเพื่อนๆ และพอบ้านรวยกว่าคนอื่นก็ชอบเติมเกม ก็เติมเกมหนัก กว่าชาวบ้านเค้าเป็นพันเป็นหมื่น ทุกวันนี้ก็ติดนิสัยชอบเติมเกม คิดว่าถ้าเก็บเงินมาตั้งแต่ตอนนั้นคงจะซื้อ รถยนต์ได้เลย 5.เคยเล่นพิเรนทร์ไปยืนบนขอบปูนแล้วลื่นหัวฟาดเสาปูนหัวแตกต่อหน้าเพื่อนๆ รู้สึกว่าชอบเจ็บตัวบ่อย แปลกๆ เหมือนจะซุ่มซ่ามกว่าคนอื่นเค้า

6. ชอบมีปัญหากับพ่อ เหมือนว่าพอเปลี่ยนจากเด็กเรียนไปเป็นเด็กหลังห้องก็เรืิ่มบ่นเริ่มว่ามากขึ้น เป็นช่วงที่ เริ่มจะไม่ลงรอยกับพ่อแล้วก็บานปลายมาเรื่อยๆ จนทุกวันนี้ถึงเริ่มจะรู้สึกว่าความสัมพันธ์ดีขึ้นบ้างแต่ก็รู้สึกว่า เป็นความสัมพันธ์แปลกๆที่ไม่เหมือนเดิม 7.พอมาม.3 เพื่อนๆก็เริ่มมีเป้าหมายอยากไปเรียนต่อที่อื่น แต่เราไม่มี เรารู้สึกว่าจะที่ไหนก็ได้ สุดท้ายก็ต่อที่เดิม พร้อมกับคนที่เหลืออยู่แต่ที่ชอบที่สุดก็คือตอนจะขึ้นม.ปลายก็พบว่ามีเพื่อนๆจากโรงเรียนเก่าจะย้ายตามมา ด้วยก็รู้สึกแฮปปี้ 8.จากที่เคยเป็นเด็กเรียนชอบวิทย์ตอนประถม พอมาเจอโลกความจริงตอนมัธยมก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นไม่ ชอบวิทย์ไปเลย รู้สึกไม่สนุกเหมือนตอนแรก น่าจะเป็นที่ระบบการศึกษาของโรงเรียนรัฐบาลด้วยที่ทำให้เรา เกลียดการเรียนแบบกดดันแบบนี้ ทำให้ชอบเรียนพวกภาษาไทย อังกฤษ สังคมแทน เป็นจุดเริ่มต้นสายศิลป์ 9. เป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกที่ว่าเราใช้ชีวิตแบบออโต้ไพลอท แทบไม่ได้ใช้ความคิดตัวเองเท่าไหร่ ชอบปล่อย ตัวปล่อยใจไปตามกระแสแล้วปรับตัวตามมากกว่า เหมือนจะเป็นคนอดทนทางกายภาพมากกว่าอดทนทาง อารมณ์ แม้ว่าม.ต้นจะอิสระไม่เท่าม.ปลายก็ยังรู้สึกว่าความสดใสของเด็กม.ต้นนั้นทำให้ชีวิตกระชุ่มกระชวยกว่าม.ปลาย

เรื่องเด่นในวัยมัธย มศึกษาตอนปลาย 1. ความประทับใจครั้งแรกคือ เทพี่รหัสตั้งแต่เริ่มม.4 เพราะไม่รู้จะเข้าหายังไง (เหมือนว่าจะเป็นช่วงแรกๆ ที่รู้สึกว่าเราไม่ค่อยอยากเข้าหาคนอื่น) สุดท้ายพอเค้านัดกินชาบูรวมส่ายกันเค้าก็เทเราแทน5555 ไม่รู้ ว่าเค้าลืมหรือเค้าแกล้งแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ 2. ประเดิมเทอมแรกด้วยฟิสิกส์เคมีชีวะ จากที่เกลียดวิทย์อยู่แล้วก็ยิ่งเกลียดเข้าไปอีก ผลการเรียนย่ำแย่แต่ เกรดก็ไม่หลุด3-3.5-4 แต่ก็มีช่วงหนึ่งที่อยากเป็นหมอ วิศวะ เลยตั้งใจเรียนอยู่พักนึงแต่ก็ไม่ไหว แต่พอมาคิด ทีหลังรู้สึกว่าเป็นเพราะเราไม่จริงจัง ยึดมั่นในอีโก้ว่าตัวเอ งเก่งเกินไป เลยติดนิสัยประมาทชอบคิดว่าตัวเองเก่ง สุดท้ายก็ไม่ได้อย่างที่คิด ทุกวันนี้นิสัยก็เป็๋นแบบนี้อยู่ถึงจะรู้ตัวตลิดแต่ก็แก้ไขอะไรไม่ค่อยได้ 3.ที่ชัดเจนที่สุดในความทรงจำคือเคยไปทัศนศึกษาที่สวนน้ำตอนม.4แล้วพอกำลังจะกลับก็ไปกระโดดน้ำทิ้ง ทวน สุดท้าย หัวกระแทกสระ คอหัก เข้าโรงบาลครึ่งปี พักฟื้นอีก 1 ปี การเรียนไม่ต่อเนื่อง เพื่อนๆหาย เหมือนจะเป็นจุดที่ทำให้เข้าใจหลายๆอย่างในชีวิตว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่จีรังยั่งยืน เป็นช่วงที่ใกล้ชิดความตาย ที่สุด เป็นช่วงที่ได้เห็นความรักมากที่สุดจากตนรอบข้าง เหมือนจะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตแต่ก็พบว่าพอหายดี ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม ที่ได้มาก็เหมือนจะเป็นแค่ความรู้สึกความคิดที่ปลงอยู่ตลอดเวลาว่าอะไรจะเกิดก็เกิด ขึ้นได้ ก็เลยเหมือนจะยิ่งห่าามกว่าเดิม สุดท้ายสิ่งที่เป็นเศษซากความทรงจำอีกอย่างก็คือกระดูกคอที่ไม่ตรง เพราะตอนพักฟื้นชอบก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงมาทุกวันนี้ รู้เลยว่าโทรศัพท์นี่คือตัวการ ทำลายชีวิตเลย แต่ก็ขาดไม่ได้ เข้าขั้นเสพติด

4.ผลพวงจากการคอหักคือช่วงปิดเทอมต้องไปตามผลการเรียนให้ทันเพื่อน เป็นช่วงที่เราใช้ชีวิตคนเดียวอย่าง แท้ทรู เป็น SOLE SURVIVOR แต่ก็ด้วยนิสัยขี้เกียจกับทำอะไรด้วยตัวเองไม่เป็น ก็เลยรู้สึกว่าชอบปล่อยปะละเลย ไม่ชอบไปตามงาน สุดท้ายอาจารย์ก็ช่วย คือให้เกรดมาฟรีๆเลยก็มี บางคนก็ให้สอบบ้างหรือทำงานเกก็บ คะแนนบ้าง สรุปเกรดเทอมนะั้นได้3กว่า ก็ไม่แย่เท่าไหร่ แต่ก็มีส่วนเป็นผลให้ยื่นพอร์ตโครงการช้างเผือกของ โรงเรียนเข้าวิศวะไม่ได้ พอยื่นรอบธรรมดาก็ไม่ติด เลยมูฟมานิติแทน 5.ผลพวงอีกอย่างก็คือ เราไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนมานานมาก ทำให้รู้สึกเหมือนตามหลังเพื่อนอยู่ตลอด เค้า ทำอะไรกันเราก็ตามไม่ทัน ส่วนตัวคิดว่าเป็นผลทำให้ออโต้ไพลอทหนักขึ้น เริ่มรู้สึกไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวมาก ขึ้น ติดเกมมากขึ้นมีปัญหากับพ่อบ่อยขึ้น เป็นช่วง บวกกับเป็นช่วงค้นหาตัวตนกับสอบเข้า ก็ยิ่งเครียด กดดัน ขึ้นไปอีก 6.พอขึ้นม.5ก็เริ่มเปิดใจเข้าสังคมด้วยความมั่นใจมากขึ้นหลังจากเป็นSOLE SURVIVORมาครึ่งปี ก้เป็นช่วงที่รู้สึกว่าหา เพื่อนได้มากที่สุด ได้ทำกิจกรรมมากที่สุด แต่ก็ยังตามไม่ทันกิจกรรมบางอย่างอยู่ดีเหมือนว่าเราโดนทิ้งไว้ข้าง หลังแต่ก็ไม่ได้คิดมาก เพราะเข้าใจความรู้สึกความคิดคนมากขึ้น เป็นตัวเองดีที่สุด 7.สุดท้ายช่วงสอบเข้า ก็เพราะความที่เป็นตอนจะสอบเข้า หลังจากที่ยื่นพอร์ตไม่ติดและรู้ตัวว่าสอบสายวิทย์ไม่ ได้แน่เพราะเตรียมตัวมาไม่ดีพอ ก็ลยมานั่งทบทวนว่าตัวเองเหลืออะไรที่จะใช้ได้ สุดท้ายด้วยความที่ได้วิชาสาย ศิลป์ก็ลเยทุ่มสุดตัวมาเข้านิติศาสตร์ ด้วยความเป็นวิชาชีพที่แม้ในภายภาคหน้าจะไม่ได้เป็นนักกฎหมายเต็มตัว ก็ยังพอมีความรู้ติดตัวอยู่ไม่มากก็น้อย เป็นวิชาอเนกประสงค์ จึงรู้สึกคุ้มค่าที่จะเรียน สุดท้ายก็ได้ติดนิติจุฬา

เรื่องเด่นในวัย มหาวิทยาลัย หลังสอบติดได้ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจเป็น พิเศษ น่าจะเป็นเพราะโควิดและอยู่แต่กับ บ้านด้วย คงต้องรอดูต่อไปในอนาคต

My Influ-e0n 2tia- l People WHO ARE MY INSPIRATION

คนที่ 1 ชื ่อ โก้ ด้วยความที่เป็นคนแรกที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง เขาคนนั้นก็คือพ่อของผม ทุก คนเรียกเขาว่าโก้ เขาเป็นคนที่ตัวไม่สูง รูปร่างตัวอ้วนใหญ่ และมีใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม ทุกคนก็จะจำใบหน้าของเค้าได้ เขาคนนี้มีอิทธิพลต่อชีวิตของผมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม เขาคือ พ่อที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เกิด เขาเป็นที่สนุกสนานเฮฮาแต่เมื่อถึงเวลาก็เป็นคนที่จริงจัง พร้อมที่จะช่วยเหลือทุกคน และเขาเป็นคนที่สู้ชีวิตมาก ด้วยความที่เป็นลูกคนโตสุดของ ครอบครัวแล้ว เขาย่อมต้องแบกรับภาระต่างๆอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการดูแลน้องๆ และการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับครอบครัว เขาได้เลี้ยงดูน้องๆของเขาและเป็นแรงผลักดัน ให้น้องๆของเขาก้าวเดินต่อไปสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ เขาคือคนที่ปิดทองหลังพระ อย่างแท้จริง แม้ทุกวันนี้เขาจะเหลือตาเพียงข้างเดียว เขาก็ยอมแพ้ต่อโชคชะตาและคอย ช่วยเหลือทุกคนอยู่เบื้องหลัง

คนที่ 2 ชื่อ กุ๊ก ต่อมาคนที่สอง ก็คือแม่ของผม ชื่อกุ๊ก เธอคนนี้ไม่ใช่แม่แท้ๆของผม แต่ก็อยู่กับผมมา นานกว่าแม่แท้ๆของผมเสียอีก แม้จะเป็นค นที่ไม่ค่อยมีบทบาทและความสามารถมาก เหมือนกับคนอื่นๆในครอบครัว แต่ก็เป็นคนที่มีความพยายาม เมื่อไม่มีความรู้ทางวิชาการ ก็ใช้ความรู้ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ คือเป็นชาวสวนที่ทำอาหารเก่ง เมื่อมีโอกาสก็จะหมั่น เรียนรู้ที่จะทำขนม และก็ยังช่วยพ่อของผมทำงานที่ร้านอีกด้วย จนทุกวันนี้แม้จะยังไม่ ก้าวหน้าแต่ก็มีร้านขนมเป็นของตัวเองแล้ว และในอนาคตก็อาจจะขยายต่อไปได้อีก

คนที่ 3 ชื่อ ตังย่า คนที่สามนี้คือน้องสาวของผม ตังย่ากับผมอายุห่างกันเกือบสิบปี เป็นน้องคนเล็กที่น่ารัก และผมก็รักตังย่ามาก ตังย่ากับผมจะต่างกันตรงที่ในวัยเด็กผมนั้นไม่มีใคร มีแต่หนังสือ และครอบครัวเล็กๆเป็นเพื่อน ในทุกวันนี้ครอบครัวของเราขยายขึ้นมาก และก็มีเด็กๆอยู่ กันเต็มไปหมด ซึ่งต่างกับผมที่เป็นพี่คนโตสุดของบ้าน ตังย่าเป็นน้องคนเล็กสุด มักตาม ใครเขาไม่ค่อยทันและชอบโดนทิ้งท้ายอยู่บ่อยๆ แต่ก็เป้นคนที่ไม่ค่อยแสดงออกถึงความ ต้องการเหมือนเด็กวัยเดียวกัน เป็นเด็กที่ชอบเก็บความรู้สึกไว้ข้างในและไม่บอกใครออก มา เป็นเด็กที่ผมเป็นห่วงและรักที่สุด เป็นคนที่ทำให้ผมมีความใส่ใจต่อคนรอบข้าง

คนที่ 4 ชื่อ ย่าเพ็ญ คนๆคนนี้คือย่าของผม เป็นคนวางรากฐานให้กับครอบครัว และเลี้ยงดูพ่อของผมและ พวกเรามา ในชีวิตวัยเด็กของย่านั้นลำบากมากไม่เหมือนปัจจุบัน ต้องคอยทำงานรับจ้าง เพื่เลี้ยงปากท้อง และเมื่อย่าได้มาเจอกับคุณปู่ ก็เหมือนกับเปลี่ยนโลกทั้งใบของย่า ปู่ เป็นคนขยันและฉลาด ปู่รู้ว่าจังหวัดของเรามีของดีคือพลอย และปู่ก็ลงทุนกับมันจน ร่ำรวย แต่อยู่มาวันหนึ่งปู่ก้ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันทำให้ธุรกิจพลอยต้องล้มเลิก อย่างไม่เป็นท่า แต่คุณย่าก็ไม่สิ้นหวังและยังคอยเลี้ยงดูลูกๆของพวกเธอตลอดมา กล้า พูดได้เต็มปากว่ามีทุกวันนี้ได้เพราะย่า

และคนที่ 5 ชื่อ ป้าตุ๋ย และคนสุดท้ายนี้จะต่างจากคนอื่นก็ตรงที่ไม่ใช่ครอบครัวของเราโดยแท้ แต่เป็นคนที่มี อิทธิพลต่อชีวิตผมมากที่สุด เป็นที่มาของนิสัยและการใช้ชีวิตของผมเลยก็ว่าได้ ป้าตุ๋ยคน นี้จริงๆแล้วคือคนที่ย่าจ้างมาเป็นแม่บ้าน แต่ก็เป็นเหมือนกับพี่เลี้ยงผมในตอนที่ทุกคน ต่างทำงานของตัวเอง ดังนั้นในช่วงเด็กของผมจึงจะอยู่กับป้าตุ๋ยแทบทั้งหมด ผมชอบอ่าน หนังสือก็เพราะป้าตุ๋ย เป็นคนง่ายๆก็เพราะป้าตุ๋ย และชอบทำอาหารเหมือนป้าตุ๋ยด้วย เป็นคนที่สำคัญที่สุดไม่ต่างจากคนในครอบครัวคนอื่นๆเลยแม้แต่น้อย

My Gre-a0t 3T-eacher WHOM I RESPECT

คุณครูใน ดวงใจ ครูผู้สร้างแรงบันดา ลใจช่วงชั้นอนุบาล ชื่อ ครูบัว เป็นครูในวัยก่อนขึ้นชั้นประถมคนเดียวในใจ ตอนเด็กๆนั้นครุบัวเป็นครูที่เอาใจใส่ นักเรียนมาก มีอยู่หลายๆครั้งที่ครูบัวช่วยเหลือผม มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมเคยโดนเพื่อนเอาขนมทิ่ม ตาจนเป็นแผลในตา ครูบัวก็มาเคลียร์ปัญหาให้ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เคยอยากได้ของเล่นในเทศกาล โรงเรียน ครูบัวก็ซื้อให้ เป้นครูที่ใจดีคนหนึ่งทีเดียว ครูผู้สร้างแรงบันดาลใจช่วงชั้นประถมศึกษา ชื่อ ครูนก เป้นครูตอน ม.6 เป็นครูวิทย์คนหนึ่งที่ผมชอบในการสอนของเขา และยังเป็นครู ประจำชั้นอีกด้วย เป็นครูที่ถึงแม้จะตีเด็กก็ไม่ได้ตีอย่างไร้เหตุผลและก็เป็นครูที่เด็กๆชอบอีก ด้วย เป็นคนที่ทำให้ผมสอบติดโรงเรียนมัธยมใหญ่ๆได้ และเป็นคนที่คอยให้กำลังใจตลอดมา

ครูผู้สร้างแรงบันดาลใจช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ชื่อ ครูอติพร เป็นครูตอนม.1 และเกษียณไปตอนอยู่ม.2เป็นครูที่ทำให้ชีวิตในตอนม.1ของผมยัง คงที่จะมีความสุขอยู่ได้ในวันที่ถูกทิ้งท้ายไว้ เป็นครูที่ทำให้ผมกล้าแสดงออก และรู้จักที่จะปรับ ตัวเข้าหากับคนอื่น ชีวิตมัธยมของผมจะมีความสุขขนาดนี้ได้ต้องขอบคุรครูอติพร ครูผู้สร้างแรงบันดาลใจช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ชื่อ ครูกานต์ชนก เป็นครูที่ปรึกษาตอนม.4 ในช่วงที่ผมประสบอุบัติเหตุต้องเข้าโรงพยาบาล ครึ่งปีนั้น ครูกานต์ชนกก็เป็นครูที่คอยจัดการเรื่องการเรียนการสอนของผมให้ ทำให้ผมยัง สามารถที่จะติดตามการเรียนได้ทันในช่วงที่ถูกทิ้งห่างอีกครั้ง เป็นครูอีกคนนึงที่ผมชื่นชมมากๆ ครูผู้สร้างแรงบันดาลใจช่วงชั้นมหาวิทยาลัย ในขณะนี้ยอมรับว่าอยู่เพียงปี 1 ยังไม่มีอาจารย์ท่านใดที่ชื่นชมเป็นพิเศษ หากได้เรียนรู้ต่อไป อาจจะได้พบเจอเข้าในซักวัน

My Se- l0f- 4C-apital ME

ฉั น ฉันคือธีรเมธ ตรัยศิริเจริญ ฉันไม่ได้มีฐานะยา กจนกว่าคนอื่นและอาจจะยังมีฐานะดีกว่าคน อื่นเสียด้วยซ้ำ ครอบครัวของฉันก็เป็นครอบครัวที่ดี อาจจะใหญ่ไปหน่อยแต่ก็มีความสุข ถ้าถามว่าอะไรคือดีของฉัน ฉันคงพูดได้ไม่เต็มปากว่าฉันมีจุดดีอะไรเป็นพิเศษ แต่ถ้าให้ เลือกก็คงเป็นความสามารถในการไหลไปตามสภาพแวดล้อมที่ฉันมี ฉันเชื่อว่าฉันสามารถ ปรับตัวเข้ากับอะไรก็ได้อย่างรวดเร็วถ้าพยายามมากพอ และฉันก็มีลูกบ้าที่ชอบทำสิ่ง แปลกๆที่คนอื่นไม่กล้าทำกัน ฉันภาคภูมิใจในความสามารถเหล่านี้เพราะมันทำให้ฉันมาถึง จุดๆนี้ได้ และนั่นก็คือตัวฉันเอง แม้จะไม่มีอะไรเด่นออกมาแต่ก็เป็นจุดที่ฉันยอมรับ

My Loc- a0l5W- isdom WHERE I COME FROM

บ้านเกิดเ มืองนอน ที่จันทบุรีที่นี้เป็นจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์ในหลายๆด้าน และเป็นที่ๆฉันเติบโตขึ้นมา อย่าง น้อยฉันก็อธิบายได้ว่าจังหวัดของฉันมีดีอะไร ที่นี่เป็นจังหวัดที่มีทั้งทะเลและภูเขา มีแม่น้ำ และมีดินที่มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์จากภูเขาไฟ มันทำให้ที่นี่เป็นเมืองผลไม้เป็นเมืองแห่งการ ทำสวน นอกจากนี้ก็ยังมีพลอยที่เป็นจุดขายของจังหวัดเรา และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ สำคัญอีกด้วย เพราะความหลากหลายในธรรมชาติของเรา ดังนั้นหากจะอยู่ที่นี่ทั้งชีวิตและ ไม่ออกไปไหนเลยก็สามารถที่จะทำได้และยังสามารถที่จะมีชีวิตที่สงบสุขอีกด้วย และด้วย ความที่ฉันเป็นคนคริสต์และก็มีเชื้อสายจีนปนมาอยู่บ้างก็ทำให้ฉันได้มีโอกาสที่จะได้เห็น ทุกซอกทุกมุมของจังหวัดมากขึ้นไปอีก ฉันได้เห็นความผูกพันของสมาชิกชาวคริสต์และ ชาวจีนมาตลอด ทำให้เห็นวัฒนธรรมของที่นี่ของชาวคริสต์ที่หาดูไม่ได้ที่ไหนและวิถีชีวิต ของชาวไทยเชื้อสายจีนที่แทรกซึมอยู่ในท้องถิ่นนี้

น้ำตกเขาสอยดาว สะพานแหลมสิงห์ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล เมืองผลไม้

My Globa- l0K 6n-owledge THE WORLD BENEATH OUR FEET

ในโลกอันกว้างใหญ่นี้ฉันได้เห็นและได้รับรู้ถึงสิ่งต่างๆมากมาย ผ่านหนังสือที่ฉันเคยอ่าน ผ่าน ดวงตาที่ฉันเคยเห็น ผ่านโลกทั้งใบด้วยใจของเรา ฉันรู้ว่าโลกนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เวลาและไม่เคยหยุดนิ่ง สรรพสิ่งใดก็ตามย่อมต้องแปรสภาพไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นในช่วง ที่ยังมีโอกาสนี้ในฐานะมนุษย์ที่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อตระหนักรับรู้ ได้มีอารมณ์และความรู้สึก ได้ จินตนาการถึงสิ่งที่เห็นได้และเห็นไม่ได้ ได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองและเพื่อผู้อื่น ได้ระลึกถึงความดีความ ถูต้องและความชั่วช้าสามานย์ และเพื่อชื่นชมความเป็นไปของสรรพสิ่งดังนั้นจึงจะขอใช้เวลาที่มีอยู่ ในการเผชิญหน้าและใช้ชีวิตอย่างเปี่ยมคุณค่าและสิ้นสุดลงจากไปด้วยความสงบ ทิ้งไว้ซึ่งสิ่งที่จะ เป็นตัวแทนชีวิตของเราไว้เบื้องหลังให้คนรุ่นต่อไปได้ชื่นชม ในความสามารถที่ฉันมีนั้นแม้จะยังไม่เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม แต่ฉันก็จะพยายามเพิ่มเติมความรู้ ให้กับสมอง เพื่อที่จะได้มีโอกาสและได้สัมผัสถึงความจริงนี้ และบนโลกปัจจุบันที่กำลังก้าวหน้า ไปนี้ฉันก็ขอที่จะเรียนรู้ถึงความเป็นไปของสังคมเพื่อที่จะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่มหาชนทั่ว โลกนี้เอง

วิชาช ีวิต ความเข้าใจโลกและจักรวาล ? - ทุกสิ่งดำเนินไปข้างหน้าและไม่มีวันหวนกลับ เหมือนกับสายน้ำที่ไหลไปโดยไม่มีวันหยุดนิ่ง ความเข้าใจชีวิต ? - ชีวิตเรามีชีวิตเดียว ถึงแม้จะไม่อยู่จีรัง แต่เราก็เป็นเรา ใช้เวลาเพื่อรับรู้และเข้าใจในสรรพสิ่งและ สิ้นสุดลงด้วยความสงบ ความทุกข์คืออะไร ? - สิ่งที่คนๆหนึ่งไม่พึงปราถนา ไม่เป็นที่ต้องการ เป็นสาเหตุของความรู้สึกและความคิดด้านลบทั้ง ปวง ความสุขคืออะไร ? - สิ่งที่คนๆหนึ่งปราถนา พยายามที่จะไขว่คว้า เป็นสาเหตุของความรู้สึกและความคิดด้านบวก สำหรับนิสิตแล้ว SUFFICIENCY SKILLS อยู่อย่างไรให้พอเพียง - ใช้เท่าที่พอ หาเท่าที่ได้ รู้จักเพิ่มเติมพัฒนาสิ่งที่มีอยู่อย่างสม่ำเสมอ

วิชาทั่วไป ภาษาและการสื่อสารเป็นอย่างไร ? PORTFOLIO การสร้างประวัติชีวิต ? - สื่อสารไทย อังกฤษได้ กำลังเรียนญี่ปุ่น - ผลงานเรายังไม่มีอะไร ต้องสร้างขึ้นมาอีก การคิดวิเคราะห์ ? ทักษะดิจิทัลเป็นอย่างไร ? - รู้สึกว่าตกลง ต้องพัฒนา - กลางๆไม่เด่นอะไร เป้าหมายการเรียนรู้ตลอดชีวิต ? ทักษะผู้ประกอบการเป็นอย่างไร ? - เรียนรู้เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง หาประโยชน์ให้ตัวเอง การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด - สามารถบริหารงานได้ถ้ามีใจพยายามพอ PERSONALISED LEARNING การเรียนรู้ส่วนตน ตอบโจทย์ชีวิต? - ต้องการความพยายามมากขึ้น เพื่อชีวิตที่มีทางเลือกมากขึ้น

ทักษะ อาชีพ เป้าหมายอาช ีพของนิสิต - มีอาชีพที่รายได้ดี ยั่งยืน และเราชอบที่จะทำ ทักษะอาชีพเฉพาะอย่าง มีครบไหม คณะที่เรียนตอบโจทย์หรือไม่ ? ตอบโจทย์ แต่เรายังต้องไขว่หาความรู้อีกมาก ความสอดคล้องกับงานที่ตลาดต้องการในปัจจุบัน ? - ล้นตลาด จึงต้องหาทางออกอื่นๆด้วย มุมมองอาชีพอิสระ ? - ทำงานทั่วๆไป เช่น งานธุรกิจส่วนตัว จริยธรรมวิชาชีพ ? - ซื่อสัตย์ ทำเพื่อสังคม

วิชาศตวร รษที่ 21 ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ? - โลกกำลังก้าวหน้า ต้อง เปิดรับสิ่งใหม่ๆอยู่ตลอด AI ปัญญาประดิษฐ์? - สิ่งที่จะพัฒนาโลก ต้องติดตาม GLOBAL CITIZENS พลเมืองโลก? - กำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันด้านความคิด TRANSFORMATION การเปลี่ยนโฉมใหม่ การปรับตัวในกระแสการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน? - จะอยู่กับที่ไม่ได้อีกแล้ว ต้องหมั่นเพิ่มเติมให้ตัวเองมีสกิลและความรู้ที่หลากหลาย

My PeSrtsao-t0neam7l-eMnitssion DEEP IN MIND, WHO I AM

ในใจมันบ อกเราว่า \"ฉันเป็นนักกฎหมายสิ่งแวดล้อมใช้ ความรู้ทางกฎหมายและวิชาชีพใน การส่งเสริมดูแลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มีความอุดมสมบูรณ์ตาม อย่างที่ควรจะเป็น เพื่อรักษาไว้ให้คนรุ่นต่อไปได้ชื่นชม” ที่ฉันกล่าวเช่นนี้ก็เพราะฉันอยากที่จะรักษาธรรมชาติไว้ให้กับคนรุ่นหลัง อยากที่จะทิ้ง มรดกไว้ให้เป็นที่สืบไป และธรรมชาติของเราก็คือสิ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรามาตั้งแต่ กำเนิดของโลก ดังนั้นสิ่งๆนี้ที่เป็นความสวยงามที่มีมาแต่แรกอย่างแท้จริงนี้จึงสมควรที่จะ เก็บไว้ในฐานะสมบัติของโลกสืบไป อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อตัวเราในวันหน้า

PersoWn-ea0llln8&e-Fsasmily WHAT DO WE HAVE

ตัวฉันที่มี เป้าหมาย ถ้ามองในมุมกลับกัน ฉันเองก็เป็นคนอ้วน สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เหนื่อยง่าย ที่มีความตั้งใจที่จะ ผอมลง หุ่นดีขึ้น ไม่เจ็บป่วยง่าย ฉันเองเชื่อว่าตัวเองมีความรู้ แต่ไม่ขยันที่ะจะหาความรู้ใหม่ๆ ใช้ความรู้ชุดเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ก็ตั้งใจที่จะหมั่นแสวงหาความรู้ใหม่ๆมาพัฒนาสมองและความคิด ไม่หยุดอยู่กับที่ ฉันเป็นคนที่อารมณ์ไม่ค่อยจะมั่นคง บางทีก็รู้สึกเศร้า บางทีก็มีความสุข และฉันก็มีเป้าหมายที่จะเป็นคนอารมณ์มั่นคง ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ไม่ใช้ความรู้สึกตัวเองไป ทำร้ายความรู้สึกใคร และสามารถที่จะปกป้องความรู้สึกตัวเองได้ ถึงแม้ฉันจะเป็นคนไม่ค่อยเข้าสังคม แต่คุยง่าย ไม่ยึดติด แต่ต่อไปฉันจะเข้าสังคมมากขึ้น สามารถพูดคุยได้อย่างคล่องแคล่วมีวาทศิลป์ มีมิตรสหายที่ดี มี คนรัก มีครอบครัว

ตอนนี้ฉันไม่ยึดถืออะไร เชื่อในตัวเอง เชื่อในความเป็นไปของสรรพสิ่ง แต่ก็จะพยายามมีหลักการในการดำเนินชีวิต ไม่ใช้ชีวิตอย่างเสเพลเถลไถล แม้จะไม่นับถือในหลัก ของศาสนาใดเป็นหลัก แต่ก็สามารถที่จะค้นหาความสงบในจิตใจและเป็นคนดีได้ ในตอนนี้ยังไม่มีแผนการในหัว ฉันก็จะตามหาความมุ่งมั่น ความฝัน และความสามารถในการพัฒนาตนเองและปรับตัวต่อ สถานการณ์ต่างๆได้อย่างเต็มที่ ขณะนี้ฉันมีฐานะการเงินปานกลาง แต่มักที่จะใช้ฟุ่มเฟือยอย่างไม่รู้คุณค่า ฉันจึงต้องรู้จักวางแผนการใช้เงิน สามารถที่จะบริหารจัดการเงินของตัวเอง และสามารถที่จะหา รายได้ด้วยตัวเองได้

และไม่ว่าสภาพแวดล้อมทีฉันอยู่จะเป็นสภาพแวดล้อมปกติ ไม่มีสิ่งใดมาฉุดรั้งเรา เพียงแต่เป็น สภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างเดียวดาย ดังนั้นฉันจะไขว่คว้าหาสภาพแวดล้อมที่มีผู้คนที่จะเป็นมิตรกับเรา และที่เราพร้อมจะผูกพันด้วย เป็นที่ๆเรามีคุณค่าและมีคุณค่าต่อเรา และท้ายที่สุดฉันใช้ชีวิตพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นหลัก มักจะเสพติดโซเชียลมีเดียจนขาดไม่ได้ และ มักจะเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ ฉันจึงจะใช้ชีวิตในโลกความเป็นจริงมากขึ้น พักจาก โทรศัพท์มือถือและสื่อออนไลน์ต่างๆให้น้อยลง อยู่กับตัวเองมากขึ้น แต่ก็ไม่หยุดที่จะพัฒนา ความสามารถทางเทคโนโลยีให้มากขึ้น จะเห็นได้ว่าฉันเองก็เป็นคนที่มีข้อเสียเหมือนกับมนุษย์ทั่วๆไป ฉันเชื่อว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ และฉันเองก็ยังเชื่อว่าคนเราถ้ามีความพยายามมากพอ เราก็จะเป็นอะไรก็ได้ และฉันเองก็จะเป็น คนกลุ่มนั้นให้ได้ ที่สร้างทางเดินให้กับตัวเองและทางเดินให้กับคนอื่นๆ เป็นสิ่งที่มีคุณค่าสืบไป

My Li-f0e9Le- gacy WHERE IT ALL ENDS

ในบั้นปลา ยของเรา เมื่อได้ใช้ชีวิตของฉันที่ผ่านมาอย่างเต็มที่ หลั งจากอายุ70แล้วก็คงอยากที่จะใช้ชีวิตอย่าง สงบกับคนที่เรารัก มีเพื่อนที่ยังแข็งแรงที่เรายังคงแวะเวียนหากันอยู่ เป็นความสัมพันธ์ที่ แน่นแฟ้น และมีร่างกายที่ยังแข็งแรง อาจจะทำอะไรห่ามๆไม่ได้เหมือนสมัยยังหนุ่มๆแต่ก็ พอใจกับสิ่งที่มี และก็คงจะไม่หวังอะไรมากในบั้นปลายชีวิต ขอแค่เราไม่สร้างภาระและหนี้ ให้กับใคร สามารถที่จะเป็นที่พึ่งพาให้กับตัวเองและเป็นผู้สูงอายุที่เป็นแบบอย่างที่ดีได้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

THANK YOU!

For Contact [email protected] TAETAE G0 ME.T.TAETAE


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook