Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การยิงปืนพก

การยิงปืนพก

Published by teaksupara, 2021-03-28 09:17:02

Description: การยิงปืนพก

Search

Read the Text Version

๔๔ ÅѡɳзèÕ õø Ãкº¡ÒÃÂÔ§»¹„ ¢Í§สาํ ¹¡Ñ §Ò¹ตําÃǨáË‹§ªÒμÔ _____________ º··Õè ñ º··ÑÇè ä» _____________ สาํ นกั งานตาํ รวจแหง ชาตมิ นี โยบายทจ่ี ะดาํ เนนิ การฝก อบรมขา ราชการตาํ รวจใหม คี วามรู ความสามารถในการใชอาวุธปนปฏิบัติหนาที่ราชการใหมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เพ่ือใหการฝก อบรมเปน ไปดว ยความเรยี บรอย จงึ กําหนดหลักสตู รการยิงปน ไวเ พื่อถอื ปฏิบตั ิ ดังตอไปน้ี ¢ŒÍ ñ ในระเบยี บนี้ “สนามยิงปน” หมายความวา พ้ืนท่ีท่ีจัดใหมีการฝกยิงที่ประกอบดวย แนวยิง แนวเปา แนวกันกระสุน ในการกําหนดพ้ืนท่ีสนามยิงปนตองคํานึงถึงความปลอดภัยของผูอยูในสนามยิงปน และดานนอกสนามยงิ ปน ในสนามยงิ ปนตองมกี ฎแหงความปลอดภัยแสดงใหผ ใู ชส นามยิงปน ไดเห็น อยางชัดเจน มีพ้ืนท่ีปลอดภัยในการตรวจอาวุธปนกอนเขาใชสนามยิงปน สนามยิงปนแบงออกเปน ๒ ประเภท ไดแ ก ประเภทที่ ๑ สนามยงิ ปน เปด หมายความวา สนามยงิ ปน ทไี่ มม หี ลงั คา มอี าณาเขตทก่ี าํ หนด ไวแนนอน และตองมีความปลอดภัย รวมถึงมุมยิงท่ีปลอดภัยไมมีการแฉลบของกระสุน ขนาดและ ความเหมาะสมของแนวกันกระสนุ ดานหลงั แนวเปา และดานขางเปน สวนหน่งึ ของกระบวนการสราง สนามยิงปน ทีป่ ลอดภยั “พ้ืนที่ปลอดภัย” หมายความวา พ้ืนท่ีที่ใชสําหรับการตรวจอาวุธปนของผูยิงหรือผูที่จะ ใชสนามยิงปนตองปฏิบัติตามกฎแหงความปลอดภัย พ้ืนที่ปลอดภัยตองอยูในทิศทางที่เขาและออก จากกระสุนปน มขี อบเขตท่ีชดั เจน ควรมรี าวหรอื โตะสาํ หรับวางอาวธุ ปน เพ่ือนําอาวธุ ปนเขาและออก จากกระเปา และนําใสใ นซองปน รวมทงั้ ใชสาํ หรบั ตรวจสอบ ถอดช้นิ สว นประกอบ และอปุ กรณอน่ื ๆ ทาํ ความสะอาด ซอ มแซม บํารุงรักษาอาวธุ ปน “แนวยงิ ” หมายความวา แนวทกี่ ําหนดใหผูยิงเขาประจําทีเ่ พื่อยงิ ปน แนวยิงอาจจะทาสี ทพ่ี นื้ เปนเสนตรงยาวตลอดแนวก็ได “แนวเปา ” หมายความวา เขตทก่ี าํ หนดใหจ ดั ตง้ั เปา ปน เพอ่ื ยงิ บรเิ วณหลงั แนวเปา จะตอ ง มีแนวกนั กระสุน “แนวกนั กระสนุ ” หมายความวา สง่ิ ทจี่ ดั ทาํ ขน้ึ หรอื แนวธรรมชาตเิ พอ่ื ปอ งกนั ไมใ หก ระสนุ หลดุ ออกไปภายนอกเขตสนามยิงปน หรอื สะทอนกลับมายงั แนวยิง แนวเปาในสนามยิงปน เปน เขต หวงหามสําหรบั ทกุ คนตลอดเวลา ยกเวนไดรับอนุญาตจากผคู วบคุมการยิงหรือนายสนามยงิ ปน

๔๕ “เขตรอยิง” หมายความวา เขตพ้ืนทท่ี กี่ าํ หนดใหผ ยู ิงรอคอยกอ นเขาแนวยงิ เพือ่ ยงิ “ธงแดง” หมายความวา ธงท่ใี ชสําหรับแสดงใหบคุ คลทวั่ ไปทราบวา ในบริเวณทปี่ กธงแดง ไวเปน สนามยิงปน จะยงิ ปน เปนพ้ืนท่อี นั ตรายหามเขาไปทํากจิ กรรมใดๆ กอ นไดรับอนญุ าต ธงแดงมี ขนาดกวา งไมต ่าํ กวา ๑ เมตร ยาวไมตาํ่ กวา ๑.๕ เมตร การปก ธงแดงควรปก เวน ระยะหางกันประมาณ ๑๐๐ หลา ผนื ธงตองอยูเหนอื ยอดไมใหเห็นเดนชัด “ผูอํานวยการฝก” หมายความวา ผูที่ไดรับการแตงตั้งใหทําหนาที่ควบคุม กํากับดูแล ความเรยี บรอ ยของเจา หนา ทแ่ี ละผเู ขา รบั การฝก รวมทงั้ การระมดั ระวงั อนั ตรายทจี่ ะเกดิ ขนึ้ ตลอดเวลา ท่ีทําการฝก “ผูควบคุมการยงิ ” หมายความวา ผูทีม่ หี นา ที่ควบคมุ กํากบั สง่ั การการยงิ เปน เจา หนา ท่ี มอี ํานาจสงู สดุ ในสนามยิงปน เปนหัวหนาของผคู วบคุมชอ งยิง และควบคมุ การปฏิบัตขิ องทุกคนท่ีอยู ในสนามยงิ ปน ควบคุมกิจกรรมตา งๆ ดูแลในเรือ่ งความยุติธรรม ความถกู ตองใหเ ปนไปตามกฎและ กตกิ าของการยงิ ปนในหลกั สตู รนั้นๆ และดูแลใหเกิดความปลอดภัยสูงสุดในขณะท่ีมกี ารยิงปน “ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ” หมายความวา ผูทีม่ หี นา ทค่ี วบคุมชองยงิ เปน ผูดแู ลผูยงิ ในชองยิงให ปฏิบัตติ ามกฎการยงิ และดแู ลความปลอดภัยในการยิงของผยู งิ อยา งใกลชิด “นายสนาม” หมายความวา นายสนามยิงปน ผมู หี นา ท่คี วบคมุ กาํ กบั ดแู ลวัสดุ ครภุ ณั ฑ ส่ิงกอสราง สภาพสนาม อุปกรณปองกันอันตรายในสนามยิงปนใหเรียบรอย ใชการไดดี และอยูใน สภาพที่ปลอดภัยอยูเสมอ และตองจัดใหมีเจาหนาท่ีสนามทําหนาท่ีตรวจตราดูแลภายในสนาม ตลอดเวลาท่ีเปด ทําการ “เจาหนาที่สนาม” หมายความวา ผูมีหนาที่ชวยเหลือนายสนามยิงปน รวมทั้งมีหนาที่ ตรวจตราดูแลภายในสนามยิงปน “ผูควบคุมอาวุธปน กระสุนปน และเปา” หมายความวา ผูมีหนาท่ีเก็บรักษาอาวุธปน กระสุนปน และเปา ทําบญั ชแี จกจา ยใหก บั ผยู ิงในการฝกยิงปนครั้งนน้ั ๆ “ผบู นั ทกึ ขอ มลู ” หมายความวา ผมู หี นา ทบ่ี นั ทกึ ขอ มลู เกบ็ เรยี บเรยี ง ปอ นขอ มลู และเกบ็ รกั ษาบันทกึ คะแนนทั้งหมด คาํ นวณ ตรวจสอบ และปดประกาศผลคะแนน ดแู ลใหเ ปนไปดว ยความ ถกู ตอง บริสทุ ธ์ิ ยตุ ธิ รรม “ผยู งิ ” หมายความวา บคุ คลทจ่ี ะยงิ ปน มอี าวธุ ปน และกระสนุ ปน พรอ มยงิ จะตอ งรบั ผดิ ชอบ ในความปลอดภยั ตามขอ กําหนดของสนามยิงปน ตลอดเวลา ¢ŒÍ ò หลักสตู รการยิงปนของสาํ นักงานตาํ รวจแหงชาติ ประกอบดวย ๒.๑ หลักสูตรกลาง คือ หลักสูตรการฝกยิงปนที่ใชสําหรับฝกอบรมใหแก ขาราชการตํารวจหรอื บคุ คลท่วั ไป ประกอบดว ย ๒.๑.๑ หลกั สูตรการยงิ ปนพกแบบ เอน็ .อาร.เอ. NATIONAL RIFLE ASSOCIATION (N.R.A.) ประเภทปนพกลูกโมแ ละปนพกกงึ่ อตั โนมตั ิ

๔๖ ๒.๑.๒ หลักสตู รการยิงปนเล็กยาวขั้นพ้นื ฐาน ๒.๑.๓ หลกั สตู รการยงิ ปน พกตอ สแู บบ พ.ี พ.ี ซ.ี PRACTICAL PISTOLS COURSE (P.P.C.) ๒.๑.๔ หลักสูตรการยิงปนพกตอสูแบบสัญชาตญาณ (ไอ.พี.ที.) INSTINCTIVE PISTOLS TRAINING (I.P.T.) ๒.๑.๕ หลกั สูตรการฝกยงิ ปน ลกู ซอง ๒.๑.๖ หลกั สตู รการยงิ ปนพกกึง่ อตั โนมตั ิข้นั พ้นื ฐาน ๒.๑.๗ หลักสูตรการฝกยิงปนเลก็ ยาว (RIFLE) ๒.๒ หลักสตู รการยิงปน ของหนว ยงานในสาํ นักงานตาํ รวจแหงชาติ ๒.๒.๑ หลักสูตรการยิงปนพกขั้นพ้ืนฐาน BASIC SHOOTING COURSE (B.S.C.) ของตํารวจภูธรภาค ๔ ๒.๒.๒ หลกั สตู รการฝก ยงิ ปน พกตอ สขู องตาํ รวจภธู รภาค ๔ COMBAT COURSE OF PROVINCIAL POLICE REGION ๔ ๒.๒.๓ หลักสูตรการฝกยิงปนพกในระบบตอสูและปองกันตัวภายใต สภาวะความกดดันของกองบังคบั การปราบปราม PRESSURED CIRCUMSTANCES HANDGUN DEFENSE (P.H.D.) OF CRIME SUPPRESSION DIVISION ๒.๒.๔ หลกั สตู รการยงิ ปน พกของโรงเรยี นนายรอ ยตาํ รวจ NATIONAL RIFLE ASSOCIATION OF ROYAL POLICE CADET ACADEMY ๒.๒.๕ หลกั สตู รการยงิ ปน พกตอ สู (ซ.ี พ.ี เอส.ซ.ี ) CONTROLLED PAIR SHOOTING COURSE (C.P.S.C.) ของโรงเรยี นนายรอยตาํ รวจ ๒.๒.๖ หลกั สตู รการยงิ ปน เลก็ ยาว (RIFLE) ของโรงเรยี นนายรอ ยตาํ รวจ ๒.๒.๗ หลกั สตู รการยงิ ปน พกลกู โมท างยทุ ธวธิ ี (ท.ี อาร. ซ.ี ) TACTICAL REVOLVER COURSE (T.R.C.) ของโรงเรียนนายรอยตํารวจ ๒.๒.๘ หลกั สตู รการยงิ ปน พกกง่ึ อตั โนมตั ทิ างยทุ ธวธิ ี(ท.ี พ.ี ซ.ี )TACTICAL PISTOL COURSE (T.P.C.) ของโรงเรยี นนายรอยตาํ รวจ ใหกองบัญชาการหรือเทียบเทาจัดการฝกยิงปนตาม ๒.๑ เปนประจําทุกป สวนการฝก ยิงปนตาม ๒.๒ (เวนหลักสูตรยิงปนของนักเรียนนายรอยตํารวจ) หากกองบัญชาการหรือเทียบเทา เห็นวามีความจําเปนจะจัดใหมีการฝกเปนประจําหรือสงขาราชการตํารวจในสังกัดเขาฝกรวมกับ กองบังคับการปราบปรามหรอื ตาํ รวจภธู รภาค ๔ กไ็ ด ¢ÍŒ ó ในหนว ยงานระดบั กองบงั คบั การขน้ึ ไปทมี่ อี าํ นาจหนา ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบเกยี่ วกบั งานปองกันและปราบปรามอาชญากรรมดําเนินการฝกอบรมขาราชการตํารวจทุกคนตามหลักสูตร การยงิ ปน ใดหลกั สตู รหนงึ่ ตามขอ ๒ อยา งนอ ยปล ะ ๑ ครง้ั กระสนุ ปน และเปา ทใ่ี ชใ นการฝก เปน หนา ท่ี ของหวั หนา หนวยงานเปนผดู ําเนนิ การจดั ซ้อื จดั หา โดยใชงบประมาณของหนว ยงาน

๔๗ หนว ยงานอนื่ นอกเหนอื จากวรรคหนง่ึ หากเหน็ วา มคี วามจาํ เปน อาจสง ขา ราชการตาํ รวจ ในสังกดั เขา รวมฝก ยงิ ปนกบั หนว ยงานตามวรรคหน่ึงกไ็ ด ¢ŒÍ ô ใหกองบัญชาการหรือเทียบเทาแตงต้ังคณะกรรมการทดสอบความสามารถของ ขาราชการตํารวจทุกหนวยงานในสังกัดท่ีผานการฝกอบรม เพ่ือพิจารณามอบวุฒิบัตรเคร่ืองหมาย แมน ปน ใหกบั ผยู ิงที่มคี วามสามารถตามหลักเกณฑท่ีหลกั สูตรกําหนด ใหคณะกรรมการท่ีไดแตงตั้งตามวรรคหนึ่งพิจารณามอบวุฒิบัตรเครื่องหมายแมนปน ชัน้ กิตตมิ ศักดต์ิ ามหลกั เกณฑใ นขอ ๖ ได ทง้ั นี้ โดยความเหน็ ชอบของกองบญั ชาการหรอื เทยี บเทา ¢ŒÍ õ กองบญั ชาการหรอื เทยี บเทา ตามขอ ๔ ทมี่ คี วามประสงคจ ะพฒั นาหลกั สตู รกลาง ใหเ สนอไปยงั กองบญั ชาการศึกษามคี วามเห็นเสนอสํานักงานตํารวจแหง ชาติพจิ ารณาอนุมัติ ¢ÍŒ ö สํานักงานตํารวจแหงชาติจะแตงตั้งคณะกรรมการพิจารณามอบวุฒิบัตร เคร่ืองหมายแมนปนชั้นกิตติมศกั ดติ์ ามหลักสตู รกลางใหก บั ผูมีคณุ สมบัติ ดงั นี้ ๖.๑ ขาราชการตํารวจที่ไดรับการแตงต้ังใหเปนเจาหนาที่ควบคุมการทดสอบ ยงิ ปน ของหนวยงานเปนเวลารวมกนั ตั้งแต ๑๐ ปข ้ึนไป ๖.๒ ขาราชการทหารชั้นสัญญาบัตรยศพันตรี นาวาตรี นาวาอากาศตรี ขาราชการพลเรือนประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไป ซึ่งไดทําคุณประโยชนใหแกสถานฝกอบรม การยงิ ปนของสํานักงานตํารวจแหงชาติ ๖.๓ บุคคลผูกระทําคุณประโยชนใหแกสํานักงานตํารวจแหงชาติเปนอยางดี และตองเปนผูประกอบอาชีพสุจริตไมมีประวัติการตองโทษโดยคําพิพากษาถึงท่ีสุดใหจําคุก เวนแต เปนโทษสําหรบั ความผิดทไี่ ดก ระทาํ โดยประมาทหรอื ลหุโทษ ¢ŒÍ ÷ วุฒิบัตรของทุกหลักสูตรใหมีขนาดเปนไปตามความเหมาะสม ออกใหโดย คณะกรรมการตามขอ ๔ และ ๖ หรือผบู ัญชาการตาํ รวจแหง ชาติ มรี ายละเอียดยศ ช่ือตัว ชอื่ สกลุ ของผูไดรับวุฒิบัตร หมายเลขลําดับของผูไดรับวุฒิบัตร ช่ือหลักสูตรการยิงปนท่ีทดสอบ ประเภท และขนาดของอาวธุ ปน สถานทีท่ ี่ทดสอบ ปพ ทุ ธศักราชทที่ ําการยิง ผลคะแนน ¢ŒÍ ø การประดบั เครอ่ื งหมายแมน ปน ของทกุ หลกั สตู รใหเ ปน ไปตามระเบยี บวา ดว ยการ แตงเคร่ืองแบบของสํานกั งานตาํ รวจแหง ชาติ

๔๘ º··èÕ ò ¢ÍŒ º§Ñ ¤Ñºสาํ ËÃºÑ ¼ŒÍÙ ÂÙ‹ã¹Ê¹ÒÁÂ§Ô »„¹ _____________ ¢ÍŒ ñ เพ่ือใหการยิงปนในสนามยิงปนเปนไปดวยความเรียบรอย ปลอดภัย ไมเกิด อุบัติเหตุหรืออันตรายใดๆ ข้ึนจากการยิงปน หรือการทําใหเกิดปนลั่นโดยประมาท บุคคลที่อยูใน สนามยิงปนจะตอ งปฏบิ ตั ติ ามกฎแหงความปลอดภัย ดังตอไปน้ี ๑.๑ พึงระลึกไวเสมอวาอาวุธปนทุกกระบอกมีกระสุนปนบรรจุอยู จึงใหตรวจ ทันทีวาอาวุธปนมีกระสุนปนบรรจุอยูหรือไม ขณะตรวจตองใหน้ิวอยูนอกไกปนและหันปากลํากลอง ปน ไปในทิศทางท่ปี ลอดภยั ๑.๒ การถืออาวุธปนเขาไปในสนามยิงปนจะตองถืออาวุธปนตามหลักปฏิบัติ และตองเลิกบรรจทุ ุกคร้ัง ๑.๓ หามหันปากลํากลองปนเล็งหรือช้ีตรงไปยังบุคคล ส่ิงมีชีวิต หรือสิ่งของ ไมว าอาวธุ ปนกระบอกน้นั จะบรรจกุ ระสนุ ปน อยหู รอื ไมก ต็ าม ๑.๔ หา มวางอาวุธปน ไว ณ สถานทีใ่ ดๆ ทบี่ คุ คลอื่นอาจหยิบเลน ได ๑.๕ หามยิงปนไปยังวัตถุซ่ึงอาจทําใหหัวกระสุนสะทอนหรือแฉลบได เวนแต เปนการยิงเปาในชองยิงท่ีจัดไวสําหรับการยิงปนเทานั้น หามเหน่ียวไกปนเลน เวนแตกระทําในขณะ ตรวจอาวุธปน หรอื ขณะฝก ยิงปน ๑.๖ ตองใชกระสุนปนตามชนิดและขนาดของอาวุธปนน้ันๆ และกอนบรรจุ กระสนุ ปน จะตอ งตรวจลาํ กลองปน จนใหแ นใ จเสยี กอ นวาไมมวี ตั ถใุ ดๆ ขวางอยใู นลํากลองของปน ๑.๗ ใหถือวาคําสั่งของผูอํานวยการฝก ผูควบคุมการยิง ผูควบคุมชองยิง หรือเจาหนาที่ที่ไดสั่งการไปเพื่อใหเกิดความปลอดภัยในสนามยิงปนเปนเสมือนคําส่ังของ ผบู ังคบั บญั ชาทตี่ อ งปฏบิ ตั ิตามโดยเครง ครัด ๑.๘ ไมสงเสียงเอะอะหรือพูดจาหยอกลอ ลอเลียนผูยิง หรือกระทําการ โดยคึกคะนองทางกาย วาจาดว ยประการใดๆ ๑.๙ การยิงเปาใหยิงไดเฉพาะวัสดุหรืออุปกรณที่จัดทําข้ึนเปนเปา โดยเปา ติดต้ัง ณ ตาํ แหนง ท่ีจัดไวสาํ หรับตดิ ตัง้ เปา หา มใชว ัตถุอืน่ ใดวางตง้ั แทนเปา ๑.๑๐ การสง อาวธุ ปน ใหผ อู นื่ ถา เปน อาวธุ ปน พกลกู โมใ หเ ปด ลกู โมไ ว สว นอาวธุ ปนพกก่ึงอัตโนมัติ ปนกลมือ หรือปนเล็กยาวใหนําซองกระสุนปนออกจากตัวปน แลวดึงลําเลื่อน หรอื ลกู เลอ่ื นแลวแตประเภทของปนคา งไว สวนปนลกู ซองยาวใหก ระชากลํากลอง เปดรังเพลิงคางไว แลวสง ดามปนใหปากลํากลอ งปน อยใู นทิศทางชลี้ งพนื้ สนาม

๔๙ ¢ÍŒ ò ผูจะยิงปนในสนามยิงปนนอกจากจะตองปฏิบัติตามกฎแหงความปลอดภัย ในขอ ๑ แลว จะตอ งถือปฏบิ ัติดังตอไปนี้โดยเครงครดั อกี ดว ย ๒.๑ เมอ่ื จะยงิ ปน ในสนามยงิ ปน ตอ งมผี คู วบคมุ การยงิ ดว ยทกุ ครงั้ และใหถ อื วา ผคู วบคมุ การยงิ เปน ผรู บั ผดิ ชอบความปลอดภยั ในเขตสนามยงิ ปน ดงั นน้ั ในขณะฝก ยงิ ปน หรอื ทดสอบ ยิงปนบุคคลใดๆ ในเขตสนามยิงปนตองเชื่อฟงและปฏิบัติตามคําส่ัง คําแนะนําของผูควบคุมการยิง อยา งเครงครดั จะขดั ขืนหรือโตแ ยง ดวยประการใดๆ ไมไ ด หากปรากฏวา ผใู ดไมเ ชอื่ ฟง หรอื ไมป ฏบิ ตั ติ ามคาํ สง่ั คาํ แนะนาํ ของผคู วบคมุ การยิง ผูควบคุมการยิงมีอํานาจสั่งผูน้ันออกไปจากบริเวณสนามยิงปนไดทันที หากยังด้ือดึง ขัดขืน ไมปฏิบัติตามใหนําผูน้ันออกจากสนามยิงปนทันที แลวใหผูอํานวยการฝกรายงานผูบังคับบัญชา ตนสังกัดเพื่อดําเนนิ การทางวินัย หากไมไ ดเ ปนขา ราชการตํารวจกใ็ หดําเนนิ การตามกฎหมาย ๒.๒ ผูที่จะยิงปนกอนที่จะเขาไปในเขตพื้นที่การยิงปน จะตองเขาไปยังพื้นท่ี ปลอดภัยเพอ่ื ตรวจอาวุธปน หรือนําอาวธุ ปน เขา และออกจากกระเปา ปน และนําใสใ นซองปน ๒.๓ ผูยิงจะตองชี้ปากลํากลองปนตรงไปทางเปาตลอดเวลาท่ียิง เวนแตเปน เวลาทีอ่ ยใู นทา ถือปน ตรวจอาวุธปน ๒.๔ หามผูยิงบรรจุกระสุนปนกอนท่ีจะไดรับคําสั่งใหบรรจุกระสุนปนจาก ผคู วบคมุ การยงิ ๒.๕ ขณะท่ีอยูในสนามยิงปนและยังมิไดยิงหรือยิงเสร็จเรียบรอยแลว ใหผูยิง ถอื ปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ ๒.๕.๑ ปนพกลูกโม ใหพลกิ ลูกโมเ ปดออกจากโครงปน ๒.๕.๒ ปนเล็กยาวหรือปนพกกึ่งอัตโนมัติ ใหถอดซองกระสุนปนออก จากตัวปนและดึงลูกเลื่อนหรือกระชากลํากลองมาขางหลังคางไวใหเห็นชองคัดปลอกกระสุนปน เพื่อตรวจวาไมม กี ระสุนปน หลงเหลืออยูในรังเพลงิ ๒.๕.๓ ปนลูกซองยาว ใหกระชากลําเล่ือน เปดรังเพลิง เพื่อเลิกบรรจุ กระสนุ ปน ๒.๕.๔ อาวุธปนยาวท่ีนําเขามาในสนามยิงปน เมื่อไมไดใชยิงตองนํา อาวุธปนยาววางไวท ี่ราวปนเทา นัน้ เมอื่ จะใชยิงจงึ สามารถนําออกมาจากราวปน ได ๒.๖ กอนออกจากสนามยิงปน ใหผูยิงเลิกบรรจุกระสุนปนและตรวจอาวุธปน ใหแ นใ จเสียกอ นวา ไมมกี ระสุนปนบรรจุอยู ๒.๗ เมอื่ ตอ งหยดุ ยงิ ชว่ั คราว ใหผ ยู งิ ลดนกปน หรอื หา มไกปน เลกิ บรรจหุ รอื วาง ปนไวบนท่ีวางปน อยูในลักษณะท่ีปลอดภยั โดยใหปากลํากลองปนชี้ไปยงั แนวเปา ๒.๘ ในขณะท่ีกําลังมีผูยิงปน หามผูใดออกไปอยูขางหนาแนวยิง แนวเปา เวนแตผูควบคมุ การยิงจะสงั่ ใหผยู งิ ทกุ คนหยุดยงิ วางปน เมอ่ื เห็นวาปลอดภัยแลว จงึ สัง่ ใหเขาไปได

๕๐ ๒.๙ ผูที่ยังไมไดรับคําสั่งจากผูควบคุมการยิงใหเขาประจําชองยิง จะตอง อยูเฉพาะในเขตรอยิงบริเวณที่สนามยิงปนไดจัดไวใหเทาน้ัน เวนแตผูควบคุมการยิงและเจาหนาที่ ท่เี กีย่ วของเทานั้นท่ีมสี ิทธเิ ขาไปในแนวยิงได ๒.๑๐ ผูยิงจะตองเขาประจําชองยิงท่ีผูควบคุมการยิงไดจัดใหเทาน้ัน หาม เปลีย่ นแปลงหรอื สลับชอ งยิง เวนแตจ ะไดรับอนุญาตจากผคู วบคุมการยงิ ๒.๑๑ ในกรณีที่มีผูยิงนําอาวุธปนหรือกระสุนปนสวนตัวเขามาในสนามยิงปน เพ่ือใชในการยิง ใหนําอาวุธปนและกระสุนปนดังกลาวไปใหผูควบคุมการยิงหรือเจาหนาท่ีตรวจสอบ ใหเปนไปตามระเบียบ หลักเกณฑ หรือขอกําหนดของสนามยิงปนหรือหลักสูตร หากอาวุธปนและ กระสนุ ปน ไมเปนไปตามระเบียบ หลกั เกณฑ หรอื ขอ กาํ หนดของสนามยงิ ปน หรือหลกั สตู ร ผูค วบคุม การยงิ มอี าํ นาจสั่งหามผยู งิ ใชอ าวุธปน และหรือกระสนุ ปน ดงั กลาวในสนามยงิ ปน ๒.๑๒ เม่อื มีความสงสัยใดๆ เกิดขึน้ ในสนามยงิ ปน ใหผสู งสัยสอบถามผคู วบคุม การยิงได ๒.๑๓ เมื่อผูยิงมีความประสงคจะถอดช้ินสวนของอาวุธปนและอุปกรณอื่นๆ ทาํ ความสะอาด ซอ มแซม บาํ รุงรักษาอาวุธปน จะตอ งกระทําในพนื้ ทป่ี ลอดภยั เทา นั้น ๒.๑๔ หามนาํ เคร่ืองกระสนุ ปนทกุ ชนิดเขาไปยงั พืน้ ทปี่ ลอดภยั โดยเดด็ ขาด ¢ŒÍ ó ระเบียบของสนามยงิ ปน มีดงั ตอ ไปนี้ ๓.๑ หามผูไมเกี่ยวของกับการยิงปนเขาไปอยูในเขตการยิงปน (เขตรอน แนวยิง แนวเปา แนวกนั กระสุน) ของสนามยงิ ปน ในระหวางท่กี าํ ลงั ยงิ ปน อยู เวน แตจ ะไดร บั อนุญาต จากประธานกรรมการทดสอบหรอื ผคู วบคุมการยิงของสนามยงิ ปน ๓.๒ การทดลองหรอื การตรวจสอบอาวธุ ปน หรอื การฝก อบรมหรอื การทดสอบ การยิงปนทุกคร้ัง จะตอ งกระทําภายใตก ารควบคุมและคําแนะนาํ ของผูควบคมุ การยิง ๓.๓ หา มนาํ สัตวทกุ ชนิดเขาไปภายในสนามยิงปน ๓.๔ หามนาํ เครื่องด่มื ที่มีแอลกอฮอลเขา ไปภายในสนามยิงปน ๓.๕ หามผูยิงเสพสุราหรือของมึนเมาทุกชนดิ เขา ไปภายในสนามยิงปน ๓.๖ ผูยิงจะตองสวมใสเคร่ืองปองกันสายตาและเครื่องปองกันเสียงทุกครั้ง เมื่อเขายงิ ปน หรอื ในบริเวณเขตรอคอย ¢ŒÍ ô หลักปฏิบัตสิ าํ หรบั ผูควบคมุ การยิง ผูควบคุมชองยิง มดี งั ตอ ไปนี้ ๔.๑ ตอ งอยปู ระจาํ ที่ ตรวจตราการปฏบิ ตั ทิ งั้ หมดภายในแนวยงิ เขตรอยงิ แนวเปา โดยใกลชดิ ตลอดเวลา ๔.๒ รบั ผดิ ชอบการปฏบิ ตั ติ า งๆ ในแนวยงิ เขตรอยงิ แนวเปา ตลอดจนปอ งกนั และบรรเทาอันตรายตา งๆ ทีอ่ าจจะเกิดขน้ึ ๔.๓ ควบคมุ การยิงใหเ ปน ไปตามระเบยี บ หลักเกณฑ และขอ กําหนด

๕๑ ๔.๔ ตรวจสอบหรอื สง่ั การเจา หนา ทใ่ี หต รวจจนแนใ จวา อาวธุ ปน และกระสนุ ปน สามารถใชย งิ ไดอ ยางปลอดภยั กอ นยงิ ๔.๕ เมอื่ มอี บุ ตั เิ หตหุ รอื อนั ตรายเกดิ ขนึ้ ใหร บี ดาํ เนนิ การระงบั หรอื บรรเทาเหตุ เทาท่ีจะดําเนินการได แลว รีบรายงานใหผูบงั คบั บญั ชาหรือผูอํานวยการฝก ทราบโดยเรว็ ๔.๖ เม่ือมีการจัดฝกอบรมหรือการทดสอบความสามารถยิงปน ใหประธาน กรรมการทดสอบหรือผูควบคุมการยิงกําหนดขอบเขตพื้นท่ีของสนามยิงปนไวใหชัดเจน โดยใหนํา ระเบยี บการฝก ยงิ เปา ดวยกระสุนมาใชโดยอนุโลม

๕๒ º··èÕ ó ¡Òýƒ¡ÂÔ§à»Ò‡ ´ŒÇ¡ÃÐÊ¹Ø ¨Ã§Ô _____________ ¢ŒÍ ñ ขา ราชการตาํ รวจทม่ี อี าํ นาจหนา ทร่ี บั ผดิ ชอบเกยี่ วกบั งานปอ งกนั และปราบปราม อาชญากรรมจําเปนตองฝกยิงดวยกระสุนปนจริงตามระบบและวิธีการยิงท่ีสํานักงานตํารวจแหงชาติ กาํ หนด โดยใหผ บู งั คบั บญั ชาหวั หนา หนว ยงานตงั้ แตก องบงั คบั การขนึ้ ไปพจิ ารณาดาํ เนนิ การฝก ยงิ เปา ดวยกระสนุ จรงิ อยางนอ ยปล ะ ๑ ครั้ง ใหกองบัญชาการศึกษารับผิดชอบในการปรับปรุงการฝกยิงเปาดวยกระสุนจริงใหมีความ ทนั สมยั อยเู สมอ ¢ÍŒ ò อาวุธปนท่ีใชในการฝกยิงใหใชอาวุธปนและกระสุนปนท่ีใชในราชการตํารวจ สวนผูฝกจะใชอาวุธปน กระสุนปนของตนเอง หรืออยางหน่ึงอยางใด จะตองไดรับอนุญาตจาก ผูอ ํานวยการฝกหรอื ผคู วบคมุ การยิง ¢ŒÍ ó กระสนุ ปน และเปา ทใี่ ชใ นการฝก ใหห วั หนา หนว ยงานเปน ผดู าํ เนนิ การจดั ซอ้ื จดั หา โดยใชง บประมาณของหนว ยงาน ¢ŒÍ ô เพ่ือความเปน ระเบยี บเรียบรอ ยในการฝก ยงิ เปา ใหจ ัดขา ราชการตาํ รวจ ดงั น้ี ๔.๑ ผูกาํ กบั การหรือตําแหนงเทียบเทา ขนึ้ ไปเปนผูอ าํ นวยการฝก ๔.๒ สารวัตรหรือตําแหนงเทียบเทาขึ้นไปเปนรองผูอํานวยการฝกและเปน ผูควบคุมการยิง มีหนาที่ควบคุม กํากับดูแลความเรียบรอยของเจาหนาที่ตางๆ และผูเขารับการฝก รวมท้งั การระมดั ระวังอันตรายทจี่ ะเกดิ ขน้ึ ตลอดเวลาท่ีฝก ๔.๓ ผคู วบคมุ อาวุธปน กระสุนปน และเปา ๔.๔ ผคู วบคมุ ชองยงิ และแนวยงิ ๔.๕ ผูบันทกึ ขอมลู ๔.๖ ผูทําหนา ท่อี ่นื ๆ ตามทีผ่ ูอํานวยการฝกจะเห็นเปนการสมควร ¢ŒÍ õ การฝกยงิ เปาดวยอาวุธปน พก ปน เล็กยาว ปนกลมือ ปนลกู ซองยาว ปน ยงิ หรือ เครอื่ งยงิ กระสนุ ชนดิ ระเบดิ หรอื จรวด ณ สนามยงิ ปน ในเขตพน้ื ทใี่ ด อนั อาจกอ ใหเ กดิ อนั ตรายแกบ คุ คล สตั ว สง่ิ ของ หรอื ผทู อี่ ยูบริเวณใกลเ คยี ง ใหผ ูอาํ นวยการฝก ดําเนินการ ดังนี้ ๕.๑ กําหนดเขตการฝกยิงเปาไวใหแนนอน และแจงเจาหนาท่ีฝายปกครอง ทราบวา จะฝก ยงิ ปน ทใ่ี ด เมอ่ื ใด เพอื่ ประกาศใหป ระชาชนในบรเิ วณใกลเ คยี ง สถานทฝี่ ก ทราบลว งหนา อยางนอ ย ๗ วนั ๕.๒ เขตการฝก ยงิ เปา ทกี่ าํ หนดขนึ้ ใหต ดิ ปา ยบอกเขตอนั ตรายและปก ธงแดงไว ใหเห็นเดนชดั บอกเขตอันตรายไว ๓ ดา น คือ ดา นหลังแนวเปาปกธงแดงเปนแถวยาวในแนวตง้ั ฉาก กับแนววิถีกระสุน ดา นซา ยมอื และขวามือปกธงแดงเปนแถวยาวคูข นานไปกบั แนววิถกี ระสนุ ดงั นี้

๕๓ ๕.๒.๑ ระยะยงิ ๖๐๐ หลา ถึง ๑,๐๐๐ หลา ตองกําหนดเขตอนั ตราย เปนทางยาวดา นหลังเปา นับจากแนวยงิ ออกไปอยางนอย ๓,๕๐๐ หลา และเขตอนั ตรายทางดา นซา ย และขวาหา งจากแนววิถีกระสนุ ออกไปขางละ ๕๐๐ หลา ไปจนสุดระยะ ๓,๕๐๐ หลา ถาจาํ เปนจะจดั เจาหนา ทไี่ วคอยระวังอนั ตรายดวยกไ็ ด ๕.๒.๒ ระยะยิง ๖๐๐ หลา ถงึ ๑,๐๐๐ หลา ตองกาํ หนดเขตอนั ตราย เปนทางยาวดานหลังเปา นับจากแนวยิงออกไปอยา งนอย ๓,๕๐๐ หลา และเขตอนั ตรายทางดา นซา ย และขวาหางจากแนววถิ ีกระสนุ ออกไปขางละ ๕๐๐ หลา ไปจนสุดระยะ ๓,๕๐๐ หลา ถา จําเปน จะจดั เจาหนา ท่ีไวค อยระวังอันตรายดวยกไ็ ด ๕.๒.๓ ระยะยงิ เกนิ ๑,๐๐๐ หลา ขน้ึ ไป ใหก าํ หนดเขตอนั ตรายดา นหลงั เปาเพมิ่ ขึ้นทกุ ระยะ ๑๐๐ หลา ตอ ๓๕๐ หลา เขตอันตรายทางดานซา ยและขวาเพ่มิ ข้นึ ทุกๆ ระยะ ๑๐๐ หลา ตอ ๕๐ หลา ๕.๓ ธงแดงท่ีปกบอกเขตอันตรายจะเก็บก็ตอเมื่อไดตรวจตราเก็บกระสุนที่ตก และกระสนุ ท่ไี มร ะเบดิ เรียบรอ ยแลว แตทัง้ น้ีตอ งไมเ กนิ กวา ๗ วัน เพือ่ แสดงใหท ราบวาในเขตการฝก ยิงเปานน้ั หมดอนั ตรายแลว ๕.๔ ถาผูอํานวยการฝกไมสามารถคนหากระสุนที่ไมระเบิดได ก็ใหปกธงแดง บอกเขตอนั ตรายไวจ นกวา จะเกบ็ กระสนุ ทไี่ มร ะเบดิ นนั้ ได ขณะทเี่ กบ็ กระสนุ ทย่ี งั ไมร ะเบดิ ตอ งประกาศ ช้แี จงใหประชาชนในบรเิ วณใกลเคียงนน้ั ทราบทว่ั กนั ๕.๕ ตลอดระยะเวลาทปี่ ก ธงแดงไว หา มประชาชนเขา ไปหรอื นาํ สตั วเ ลยี้ งเขา ไป ในเขตการฝกยงิ เปา ¢ÍŒ ö การฝกยิงเปา ทุกครัง้ ใหผูเขา รับการฝกแตงกายดวยเคร่ืองแบบตลอดเวลาทฝี่ ก ¢ŒÍ ÷ ในระหวางท่ีฝกยิงเปาผูควบคุมการยิงจะตองกําชับใหผูเขารับการฝกปฏิบัติตาม กฎแหง ความปลอดภยั ขอ บงั คบั สาํ หรบั ผอู ยใู นสนามยงิ ปน และระเบยี บของสนามยงิ ปน โดยเครง ครดั ¢ÍŒ ø การฝกยิงเปาในระบบใดหรือวิธีการใด ผูอํานวยการฝกตองใหผูเขารับการฝก ฝกลักษณะทาทาง วิธีการยิง ระเบียบปฏิบัติตางๆ ในการยิงระบบนั้นๆ โดยยังไมใชกระสุนปน เพ่อื ใหเกดิ ความชาํ นาญเสยี กอ น แลวจึงใหย ิงดว ยกระสุนปน ¢ŒÍ ù สนามยงิ ปน ตาํ รวจทกุ แหง ใหแ ตง ตงั้ ขา ราชการตาํ รวจตงั้ แตส ารวตั รหรอื ตาํ แหนง เทยี บเทา ข้ึนไปอยางนอย ๑ คน ทาํ หนา ท่ีเปนนายสนาม มหี นาทคี่ วบคมุ กํากับดูแลวัสดุ ครุภัณฑ สิ่งกอสราง สภาพสนาม อุปกรณปองกันอันตรายภายในสนามใหเรียบรอย ใชการไดดี และอยูใน สภาพทปี่ ลอดภยั อยเู สมอ และตอ งจดั ใหม เี จา หนา ทป่ี ระจาํ สนามทาํ หนา ทต่ี รวจตราดแู ลภายในสนาม ตลอดเวลาที่เปดทาํ การ

๕๔ ÅѡɳзèÕ õø Ãкº¡ÒÃÂ§Ô »¹„ ¢Í§สาํ ¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨá˧‹ ªÒμÔ _____________ º··Õè ô ËÅÑ¡Êμ٠áÒÃÂÔ§»„¹¾¡áºº à͹ç .ÍÒÃ. àÍ. NATIONAL RIFLE ASSOCIATION (N.R.A.) »ÃÐàÀ·»¹„ ¾¡Å¡Ù âÁá‹ Åл„¹¾¡¡§èÖ ÍμÑ â¹ÁμÑ Ô _____________ หลกั สตู รการยงิ ปน พกแบบ เอน็ .อาร. เอ. เปน หลกั สตู รการฝก ยงิ ปน พกทจ่ี ะใชฝ ก ขา ราชการ ตาํ รวจหรอื ผูบงั คบั ใชก ฎหมาย โดยเริม่ จากการยิงชา ยิงเรง ยิงเร็ว และยงิ เปาหนุ เงาคน เพ่อื ใหผ รู บั การฝก ไดเ รยี นรกู ฎแหง ความปลอดภยั การใชอ าวธุ ปน การจบั ปน การเลง็ การลน่ั ไก ทา ทางการยงิ ปน การบรรจกุ ระสุนปน การแกไขปญหาขอขดั ของ กฎ กตกิ า มหี ลักเกณฑ ขั้นตอน และวิธกี ารยิง ดังนี้ ¢ÍŒ ñ อาวธุ ปน ๑.๑ ปน ลูกโม ขนาด .๓๘ น้วิ .๓๕๗ นิว้ หรือ .๔๕ นิว้ มคี วามยาวลาํ กลองปน ไมเกิน ๔ นิ้ว น้ําหนักไกปนแบบงางนกปนไมนอยกวา ๒.๕ ปอนด และน้ําหนักไกปนแบบไมงาง นกปน ไมน อ ยกวา ๕.๕ ปอนด ๑.๒ ปน พกก่ึงอัตโนมตั ิ ขนาด ๙ มลิ ลเิ มตร ๑๐ มลิ ลิเมตร หรือ ๑๑ มิลลเิ มตร มีความยาวลํากลองปนไมเกิน ๕.๕ นิ้ว นํ้าหนักไกปนแบบงางนกปนไมนอยกวา ๓.๕ ปอนด และ น้าํ หนักไกปน แบบไมง า งนกปน ไมน อ ยกวา ๕.๕ ปอนด อาวุธปนทุกประเภทเปนไปตามมาตรฐานของโรงงานผูผลิต ลํากลองปนไมมีการเจาะรู เพ่อื ลดแรงสะบดั ไมต ิดตงั้ เครอ่ื งชว ยเลง็ หรอื อุปกรณเสริมใดๆ ¢ÍŒ ò กระสุนปน ๒.๑ ปน พกลกู โม ใชก ระสนุ ปน ขนาด .๓๘ นว้ิ .๓๕๗ นว้ิ หรอื .๔๕ นว้ิ จาํ นวน ๔๐ นัด ๒.๒ ปนพกกึง่ อตั โนมตั ิ ใชก ระสนุ ปน ขนาด ๙ มลิ ลิเมตร ๑๐ มิลลเิ มตร หรอื ๑๑ มลิ ลิเมตร จาํ นวน ๓๐ นัด ¢ÍŒ ó เปาปน ๓.๑ เปาวงกลม จาํ นวน ๓ แผน ใชส ําหรับข้นั ตอนการยิงชา ยงิ เรง และยิงเรว็ มีขนาดและคา คะแนนตามวงตา งๆ ดังนี้ วง X เสน ผาศนู ยก ลาง ๑.๕ นิว้ มีคา ๑๐ คะแนน วง ๑๐ เสน ผาศูนยกลาง ๓.๕ น้ิว มคี า ๑๐ คะแนน วง ๙ เสนผาศูนยกลาง ๖ น้ิว มคี า ๙ คะแนน วง ๘ เสน ผาศูนยกลาง ๘ นว้ิ มคี า ๘ คะแนน วง ๗ เสน ผา ศนู ยกลาง ๑๒ นิว้ มคี า ๗ คะแนน

๕๕ วง ๖ เสนผาศูนยกลาง ๑๕ นวิ้ มคี า ๖ คะแนน วง ๕ เสน ผา ศูนยก ลาง ๒๐ น้ิว มคี า ๕ คะแนน ๓.๒ เปาหนุ เงาคน จํานวน ๑ แผน มีรูปรา งลกั ษณะคลา ยคนครึ่งตัว มีความสูง ตง้ั แตศ ีรษะถึงเอว ๒๗ นว้ิ มีความกวางตัง้ แตแขนขวาถึงแขนซา ย ๒๔ นวิ้ แขนขวาของเปา หนุ ทาํ ทา ชกั ปน แขนซา ยปลอ ยหอย บริเวณกลางลาํ ตัวมีวงกลมซอ นกัน ๓ วง วงในสดุ มตี วั อักษร X มเี สนผา ศูนยก ลาง ๑.๕ นว้ิ วงกลางมีเสนผาศนู ยกลาง ๓.๕ น้ิว วงนอกสดุ มีเสน ผา ศนู ยกลาง ๖ นิ้ว มพี ้นื ที่ อักษร ต มีคาคะแนน ๑๐ คะแนน และบรเิ วณนอกลาํ ตัวมพี ้ืนทอ่ี ักษร พ มคี า คะแนน ๕ คะแนน พื้นท่ี ท้ังสองมเี สน แบง คะแนน ใชสําหรับขนั้ ตอนการยงิ เปา หุน เงาคน ลักษณะของเปาปนตาม ๓.๑ และ ๓.๒ ตามแบบทายบทนี้ ¢ŒÍ ô ลักษณะของสนาม ๔.๑ สนามตองมีความยาวจากแนวยิงถึงแนวเปา ๒๕ หลา แตละชองยิง หา งกันนับจากจดุ ศูนยกลางของทว่ี างปน ถึงจดุ ศนู ยกลางของทว่ี างปน อกี ตัวหนึ่ง ๑๒๐ เซนตเิ มตร ๔.๒ ที่วางปนเปนโตะหรือแทนใชสําหรับวางอาวุธปนและอุปกรณอื่นๆ มีความกวางไมนอยกวา ๕๐ เซนติเมตร ความยาวไมนอยกวา ๖๐ เซนติเมตร และความสูง ๗๐-๘๐ เซนติเมตร ๔.๓ ระหวางชองยิงมีแผงกั้นปลอกกระสุนปน ถาเปนชนิดตั้งพ้ืน กวาง ๒๐๐ เซนตเิ มตร สงู ๒๐๐ เซนตเิ มตร ถา เปน ชนดิ ตดิ บนทวี่ างปน กวา ง ๑๕๐ เซนตเิ มตร สงู ๑๒๐ เซนตเิ มตร ๔.๔ บนพ้ืนบริเวณแนวยิงมีเสนระยะ ๒๕ หลา อาจจะทาสี กวาง ๒ นิ้ว ยาวตลอดแนวยิง ¢ŒÍ õ ข้ันตอนการฝกและวธิ กี ารยงิ ๕.๑ การยิงปน พกแบบ เอน็ .อาร. เอ. แบงเปน ๒ ภาค ๕.๑.๑ ภาคทฤษฎี เปนการฝกใหรูจักกฎแหงความปลอดภัย การใชอาวุธปน การจับปน การเลง็ การลัน่ ไก ทา ทางการยงิ การบรรจกุ ระสุนปน การเลิกบรรจุ การแกไ ขปญหาขอ ขัดของ กฎ กติกา และวิธีการยงิ ใชเวลาไมน อยกวา ๑๖ ช่ัวโมง ๕.๑.๒ ภาคปฏิบัติ เปนการยิงดวยกระสุนปนหลังจากภาคทฤษฎี แบงการยงิ ออกเปน ๔ ขน้ั ตอน ใชเวลาฝก ไมน อยกวา ๑๖ ชว่ั โมง โดยแบงเปน ๔ ขัน้ ตอน ดังนี้ ขนั้ ตอนที่ ๑ การยงิ ชา กระสุนปนจาํ นวน ๑๐ นัด ยงิ ตอเนอื่ ง จนครบ ๑๐ นบั ภายในเวลา ๕ นาที ขน้ั ตอนที่ ๒ การยงิ เรง กระสุนปน จํานวน ๑๐ นดั แบง เปน ๒ ชุด ชุดละ ๕ นดั ใชเวลายงิ ชดุ ละ ๒๐ วินาที ขน้ั ตอนที่ ๓ การยิงเร็ว กระสุนปนจาํ นวน ๑๐ นัด แบงเปน ๒ ชดุ ชุดละ ๕ นดั ใชเ วลายิงชุดละ ๑๐ วนิ าที ขน้ั ตอนที่ ๔ การยงิ เปา หนุ เงาคน กระสนุ ปน จาํ นวน ๑๐ นัด แบง เปน ๒ ชุด ชดุ ละ ๕ นดั ใชเวลายงิ ชุดละ ๑๒ วินาที

๕๖ ๕.๒ การยิงปนพกแบบ เอ็น.อาร. เอ. มี ๒ ประเภท คอื ประเภทปน พกลูกโม และประเภทปนพกกึ่งอัตโนมัติ มวี ิธีการยิงแตละประเภท ดังน้ี ๕.๒.๑ วธิ ีการยงิ ประเภทปนพกลกู โม ขน้ั ตอนท่ี ๑ การยิงชา ¼ÙŒ¤Çº¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สงั่ “แนวยิงประจําที่” ¼ÂÙŒ Ô§ ยนื ในทา ตรงท่ีระยะ ๒๕ หลา นาํ อาวุธปนทีเ่ ปด ลกู โมปน วางไวบนท่ีวางปน พรอมกระสนุ ปนจาํ นวน ๔๐ นดั ¼ŒÙ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ ส่งั “ตรวจอาวธุ ” ¼ÙŒÂÔ§ กาวเทาขวาไปดานหลังครึ่งกาว ลําตัวหางจากที่วางปน ประมาณ ๑ ฝามือ ยืนทาํ มมุ ประมาณ ๔๕ องศา กบั แนวยงิ ใชม อื จบั อาวุธปน ตรวจสอบอาวธุ ปน วา อยใู นสภาพพรอมใชงานหรอื ไม ในลํากลองปนไมม ีสิง่ ใดอยูภายใน หมุดยดึ ตัวปนและลูกโมไ มหลวม คลอนเสรจ็ แลว วางปนบนทว่ี างปน กลับมายนื ในทา ตรง ¼Ù¤Œ Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สง่ั “๕ นดั บรรจุ” ¼ÂŒÙ Ô§ กาวเทาขวาไปดานหลังครึง่ กา ว ใชม ือจบั อาวุธปน และกระสุนปน จาํ นวน ๕ นัด บรรจุกระสนุ ปน ขณะบรรจุอาวธุ ปนจะตองอยูเ หนอื ท่ีวางปน บรรจเุ สร็จปดลกู โมปน วางอาวุธปนบนท่วี างปน หันดามปนไปทางดานมือทถ่ี นดั ลํากลองปนช้ไี ปยังเปา กลับมายังในทาตรง รอฟง คําส่งั ¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สั่ง “ตอไปเปนการยิงชา กระสุนปน ๑๐ นัด ใชเ วลา ๕ นาที” และสัง่ ตรวจความพรอ มเปนครัง้ สดุ ทายกอนการยงิ “แนวยิง ซายพรอม ขวาพรอ ม ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครงั้ ถา ขดั ขอ งหรอื ไมพ รอ ม แจง ใหผ คู วบคมุ การยงิ ทราบและแกไขใหเรียบรอ ย เมือ่ ผูค วบคมุ การยิงเหน็ วา เรยี บรอ ย ก็ใหส งั่ “เตรยี มตัว ระวัง” และ ใหส ญั ญาณเริ่มยงิ (รวมเวลา ๕ วนิ าทีในการสง่ั ) พรอ มกบั บันทกึ เวลา ¼ÂŒÙ §Ô เมอ่ื ไดย นิ คาํ สงั่ “พรอ ม” ถา ตอ งการยงิ โดยงา งนกปน ใหง า ง นกปนในจังหวะน้ี นวิ้ ช้ีจะตอ งอยูนอกโกรง ไกปน ¼ÂŒÙ §Ô เมอื่ ไดย นิ คาํ สงั่ “เตรยี มตวั ระวงั ” ใหย กอาวธุ ปน ขน้ึ ในระดบั สายตา ลํากลองปนชี้ไปยังเปา แขนเหยียดตึงพรอมกับเล็งศูนยปนใหชัดเจน น้ิวชี้แตะท่ีไกปนแตยัง ไมตองเดินไกปนหรือเพิ่มนํ้าหนกั การเหน่ยี วไกปน ¼ÂŒÙ §Ô เมอื่ ไดย นิ คาํ สงั่ หรอื สญั ญาณใหเ รม่ิ ยงิ โดยเวลาจะหา งจาก คําส่งั “ระวัง” ๒ วินาทีใหเ ร่ิมยงิ ได การยงิ นัดตอ ไปจะงา งนกปน หรือไมงางนกปนกไ็ ด ในข้นั ตอนการ ยงิ ชาสามารถลดปน ในระหวางการยงิ ได ยงิ จาํ นวน ๒ ชดุ ชดุ ละ ๕ นดั ภายในเวลา ๕ นาที เมือ่ ยงิ เสรจ็ ใหเ ลิกบรรจุ วางอาวุธปน ไวบนทว่ี างปน ในลกั ษณะเปดลกู โมป น กลับมายนื ในทา ตรง รอฟงคาํ สัง่ ตอไป

๕๗ ¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô ในระหวา งการยงิ ชา จะเตอื นเวลาผยู งิ เมอื่ เหลอื เวลา ๒ นาที ๑ นาที และ ๓๐ วินาที ใหสญั ญาณ “หยุดยิง” เม่ือครบกาํ หนด ๕ นาที พรอมกับหยดุ เวลาและตรวจสอบ ถา เห็นวา ผยู งิ ปฏบิ ตั ิถูกตอง สั่ง “ตรวจอาวุธ” ¼ÙŒÂÔ§ ตรวจอาวุธปนตามแบบฝกวาไมมีกระสุนปนหลงเหลืออยู เสร็จแลว เปด ลกู โมปน วางอาวธุ ปนบนทีว่ างปน ขัน้ ตอนท่ี ๒ การยิงเรง ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงชา โดยมี สวนท่ีแตกตางกนั ดงั นี้ ๑. ใชเ วลายงิ ชดุ ละ ๒๐ วนิ าที ๒. ในการยิงแตล ะชุดหา มผยู ิงลดปน ลงในขณะยงิ ๓. ในขณะยงิ ผูค วบคุมการยงิ ไมต อ งเตือนเวลา ๔. หลังจากการยิงชุดแรกเสร็จ ใหผูควบคุมการยิงส่ังบรรจุ กระสนุ ชดุ ใหม ข้ันตอนท่ี ๓ การยิงเรว็ ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงเรง โดยมี สวนท่ีแตกตางกนั ทก่ี ารยงิ เร็วใชเ วลายงิ ชดุ ละ ๑๐ วินาที ข้นั ตอนที่ ๔ การยิงเปาหนุ เงาคน ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงเรงและ ยิงเร็วโดยมีสวนท่แี ตกตางกัน ดงั น้ี ๑. หลังจากท่ีผูยิงบรรจุกระสุนเสร็จแลว ใหยืนในทาตรง หันหนา เขาหาแนวเปา หา มจบั อาวุธปนจนกวา จะไดร บั สัญญาณเรม่ิ ยงิ ๒. เมอื่ ผยู งิ ไดร บั สญั ญาณเรม่ิ ยงิ ใหผ ยู งิ จบั อาวธุ ปน และปฏบิ ตั ิ เชนเดยี วกบั การยิงเรงและยงิ เร็ว ๓. ใชเ วลายิงชดุ ละ ๑๒ วนิ าที ๕.๒.๒ วิธกี ารยงิ ประเภทปน พกกง่ึ อัตโนมตั ิ ข้นั ตอนท่ี ๑ การยิงชา ¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สัง่ “แนวยงิ ประจาํ ท่”ี ¼ÂÙŒ Ô§ ยนื ในทา ตรงที่ระยะ ๒๕ หลา นาํ อาวุธปน ทีเ่ ปดลาํ เลื่อน คา งไวว างไวบนที่วางปน พรอมซองกระสนุ ปนและกระสุนปนจํานวน ๓๐ นัด ¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂÔ§ สง่ั “ตรวจอาวุธ” ¼ÙŒÂÔ§ กาวเทาขวาไปดานหลังครึ่งกาว ลําตัวหางจากท่ีวางปน ประมาณ ๑ ฝามือ ยนื ทาํ มุมประมาณ ๔๕ องศา กบั แนวยงิ ใชมือจบั อาวุธปน ตรวจสอบอาวุธปน วา อยใู นสภาพพรอ มใชง านหรอื ไม ในลาํ กลอ งปน ไมม สี งิ่ ใดอยภู ายใน ตรวจสอบซองกระสนุ ปน เสรจ็ แลว วางปน บนท่วี างปน กลบั มายืนในทา ตรง

๕๘ ¼Œ¤Ù Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สั่ง “๕ นัด บรรจ”ุ ¼ÂŒÙ §Ô กา วเทา ขวาไปดา นหลงั ครง่ึ กา ว ใชม อื หยบิ กระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั บรรจกุ ระสนุ ปน ในซองกระสนุ ปน (ถา มซี องกระสนุ ปน จาํ นวน ๒ ซอง ใหบ รรจกุ ระสนุ ปน ในซอง กระสนุ ปน เมอ่ื บรรจเุ สรจ็ ปลดลาํ เลอ่ื นไปดา นหนา ในลกั ษณะพรอ มยงิ นวิ้ อยนู อกโกรง ไกปน ลาํ กลอ งปน ชี้ไปยังเปา จัดทาทางการยิง โดยใหหันขางลําตัวดานมือถนัดเขาหาแนวยิง เทาหางกันประมาณ ๑ ชวงไหล ใชมือที่ถนดั จับอาวธุ ปน มือทไ่ี มถนดั เทา ทเ่ี อว ลวงกระเปา หรอื ใชนิ้วเกย่ี วไวท ข่ี อบกางเกง หา มสว นหนึง่ สว นใดของรา งกายสัมผสั ท่ีวางปน เทาจะตองไมเ หยยี บเสน แนวยิง รอฟง คาํ ส่งั ¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สั่ง “ตอไปเปนการยิงชา กระสุนปน ๑๐ นัด ใชเวลา ๕ นาที” และสง่ั ตรวจความพรอ มเปน ครง้ั สดุ ทายกอ นการยิง “แนวยงิ ซายพรอม ขวาพรอม ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครงั้ ถา ขดั ขอ งหรอื ไมพ รอ ม แจง ใหผ คู วบคมุ การยงิ ทราบและแกไขใหเ รียบรอ ย เมอ่ื ผคู วบคุมการยิงเห็นวาเรยี บรอย กใ็ หส่งั “เตรยี มตัว ระวงั ” และ ใหสญั ญาณเริม่ ยงิ (รวมเวลา ๕ วินาที ในการสง่ั ) พรอมกบั บันทกึ เวลา ¼ÙŒÂÔ§ เม่ือไดยินคําส่ัง “เตรียมตัว” ใหยกอาวุธปนข้ึนในระดับ สายตา ลํากลองปนชี้ไปยังเปา แขนเหยียดตึงพรอมกับเล็งศูนยปนใหชัดเจน นิ้วชี้แตะท่ีไกปนแตยัง ไมต องเดินไกปนหรือเพ่มิ นาํ้ หนักการเหนยี่ วไกปน ¼ÂŒÙ §Ô เมอื่ ไดย นิ คาํ สงั่ หรอื สญั ญาณใหเ รม่ิ ยงิ โดยเวลาจะหา งจาก คาํ สั่ง “ระวงั ” ๒ วนิ าที ใหเ รม่ิ ยิงได ในข้ันตอนการยิงชา สามารถลดปน ในระหวางการยงิ ได ยิงจํานวน ๒ ชุด ชุดละ ๕ นัด ภายในเวลา ๕ นาที เม่ือยิงเสร็จใหเลิกบรรจุโดยปลดซองกระสุนปนออกจาก ตัวปน และวางอาวุธปน บนทวี่ างปน ในลกั ษณะเปด ลาํ เลือ่ นปน คา งไว กลบั มายนื ในทาตรง รอฟงคาํ สั่ง ตอไป ¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô ในระหวา งการยงิ ชา จะเตอื นเวลาผยู งิ เมอื่ เหลอื เวลา ๒ นาที ๑ นาที และ ๓๐ วินาที ใหส ญั ญาณ “หยดุ ยงิ ” เมอื่ ครบกาํ หนด ๕ นาที พรอ มกบั หยดุ เวลาและตรวจสอบ ถา เห็นวาผยู งิ ปฏิบตั ถิ ูกตอง สั่ง “ตรวจอาวุธ” ¼ÙŒÂÔ§ ตรวจอาวุธปนตามแบบฝกวาไมมีกระสุนปนหลงเหลืออยู เสรจ็ แลว เปดลําเลอื่ นปนคางไว วางอาวุธปนบนทีว่ างปน ขน้ั ตอนที่ ๒ การยิงเรง ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงชา โดยมี สว นท่ีแตกตา งกัน ดังน้ี ๑. ใชเวลายงิ ชุดละ ๒๐ วนิ าที ๒. ในการยงิ แตละชุดหา มผยู งิ ลดปน ลงในขณะยิง ๓. ในขณะยงิ ผคู วบคุมการยิงไมตอ งเตือนเวลา ๔. หลงั จากการยงิ ชดุ แรกเสรจ็ ใหผ คู วบคมุ การยงิ สง่ั บรรจกุ ระสนุ ชุดใหญ เสรจ็ แลวใหปฏิบัตติ ามขน้ั ตอนการยิง

๕๙ ข้นั ตอนท่ี ๓ การยิงเรว็ ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงเรง โดยมี สวนที่แตกตางกันที่การยงิ เร็วใชเวลายงิ ชดุ ละ ๑๐ วนิ าที ¢ÍŒ ö กฎการยงิ ปนพกมาตรฐานแบบ เอน็ .อาร.เอ. ๖.๑ กอนยงิ จะตองเขียนยศ ช่ือตัว ชอื่ สกลุ สังกดั และรายละเอยี ดอื่นๆ ตาม ทกี่ าํ หนดลงบนแผน เปา กรณฝี า ฝนถอื เปน โมฆะ ๖.๒ หา มทาํ ตาํ หนิ จดุ เลง็ หรอื เครอ่ื งหมายใดๆ บนแผน เปา กรณฝี า ฝน ถอื เปน โมฆะ ๖.๓ หา มผูย งิ บรรจุกระสนุ ปน กอ นทจี่ ะไดรับคําส่ังใหบรรจุ ๖.๔ ในระหวางยิงท้ังปนพกลูกโมและปนพกก่ึงอัตโนมัติ หากเกิดเหตุขัดของ ทําใหเสียเวลาในการยิงตามกําหนดเวลา ซึ่งมิใชเกิดจากความบกพรองของผูยิง เชน กระสุนปนดาน ปนขัดลาํ เปนตน ใหปฏิบัติดงั น้ี ในการยิงชาใหผูยิงแกไขภายในเวลาที่กําหนด สวนในการยิงเรง ยิงเร็ว และยิงเปาหุนเงาคนใหผูควบคุมชองยิงตรวจสอบเหตุขัดของ หากพบวากระสุนปนดาน ปนขัดลํา ใหผูควบคุมการยิงส่ังใหผูยิงยิงแกไข โดยใหเฉลี่ยเวลาตามข้ันตอนการยิงและตามจํานวนกระสุนปน ทเี่ กิดเหตขุ ดั ของ ๖.๕ หามยิงกอนคําส่ังหรือสัญญาณเร่ิมยิง หรือยิงหลังคําส่ังหรือสัญญาณ หยดุ ยิงหากฝาฝน ใหต ดั คะแนนสงู สุดในชุดยิงน้นั ตามจาํ นวนนดั ทไ่ี ดย งิ ไป ๖.๖ หากปรากฏวาผูใดไมเช่ือฟงคําสั่งหรือไมปฏิบัติตามคําส่ังหรือคําแนะนํา ของผคู วบคุมการยงิ ผคู วบคมุ การยิงมีอาํ นาจส่งั ใหผ ูน้นั ออกไปนอกบรเิ วณสนามยิงปน ไดท นั ที ๖.๗ การตดั สนิ ของผคู วบคุมการยงิ ใหถือเปนอนั ยุติ ¢ÍŒ ÷ การนับคะแนน ๗.๑ เปาวงกลม นับคะแนนตง้ั แต ๕-๑๐ คะแนน สวนวง x ใหนับคะแนนเปน ๑๐ คะแนน ๗.๒ เปา หุน เงาคน บริเวณพืน้ ทอี่ ักษร ต เทา กบั ๑๐ คะแนน และบริเวณพืน้ ท่ี อักษร พ เทากบั ๕ คะแนน ๗.๓ การนับคะแนนใหนับคะแนนตามเสนเขตท่ีแบงไวในเปา รอยกระสุนปน ตอ งตัดเสนแบง เขตเปา ขาดใหถ ือคาคะแนนตามบริเวณคะแนนทส่ี ูงกวา ๗.๔ หา มแตะตองหรือสมั ผัสรอยกระสุนปน บนแผนเปา ตรวจสอบพบถอื เปน โมฆะ ๗.๕ คะแนนเต็มแตละเปาเปน ๑๐๐ คะแนน สําหรบั ปนพกลกู โมคดิ เปน ๔๐๐ คะแนน สวนปนพกกึง่ อัตโนมัติทกุ เปารวม ๓๐๐ คะแนน

๖๐ ๗.๖ กรณรี อยกระสนุ ปนเกนิ อยูใ นเปา ๗.๖.๑ ตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวา ถามีรอย กระสุนปนในเปาของทางซายหรือขวาไมครบ ใหตัดคะแนนของรอยกระสุนปนท่ีไดคะแนนต่ําสุด ที่ปรากฏในเปา ทเ่ี กินออกไป ๗.๖.๒ ถาตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวาแลว ปรากฏวามีรอยกระสุนปนของเปาทางซายและขวาครบ ใหตัดคะแนนสูงสุดของรอยกระสุนปนที่เกิน ออกไป ¢ŒÍ ø เคร่ืองหมายแมน ปน มี ๒ ประเภท แตละประเภทแบงออกเปน ๕ ชน้ั มีลกั ษณะ ดงั นี้ ๘.๑ ประเภทปน พกลกู โม เคร่ืองหมายแมนปนมีลักษณะเปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผา ปลายมุมโคงมน ยกขอบ มีขนาดกวาง ๒.๒ เซนตเิ มตร ยาว ๒.๘ เซนตเิ มตร หนา ๐.๑๕ เซนตเิ มตร ทีม่ ุมทง้ั สดี่ า น ดนุ เปน ลายกนก ตรงกงึ่ กลางเครอ่ื งหมายดนุ เปน รปู พระแสงดาบเขนและโล และมรี ปู จาํ ลองปน พกลกู โม พรอ มกระสนุ ปน ขนาดพองามดนุ นนู พาดทบั อยบู นรปู พระแสงดาบเขนและโลอ กี ชน้ั หนง่ึ ปากกระบอก ปนหนั ออกจากลําตวั ของผทู ี่ประดับเคร่อื งหมาย สขี องเครื่องหมายแตกตา งกัน ดังน้ี ชั้นเย่ียม สีของพื้น ลายกนก รูปจําลองปนพกลูกโมและกระสุนปนเปน สที องบรเิ วณพ้นื ที่ดา นในของรูปพระแสงดาบเขนและโลล งยาสีแดง ชนั้ ท่ี ๑ สีของเครอ่ื งหมายท้ังหมดเปนสที อง ช้นั ที่ ๒ สขี องเครื่องหมายท้งั หมดเปน สีเงนิ ช้นั ที่ ๓ สขี องเครอ่ื งหมายทั้งหมดเปนสีทองแดง เคร่ืองหมายแมนปนช้ันกิตติมศักดิ์มีลักษณะเชนเดียวกับเคร่ืองหมาย แมน ปน ช้ันเย่ยี ม แตกตางทล่ี ายกนกและพ้นื ของเครือ่ งหมายลงยาสีแดง ๘.๒ ประเภทปนพกกง่ึ อตั โนมัติ มลี ักษณะเชนเดยี วกบั เครอื่ งหมายแมนปน ประเภทปนพกลูกโม แตกตา ง ทรี่ ูปจําลองปน และกระสุนปน เปน ปนพกกงึ่ อัตโนมตั แิ ละกระสนุ ปนพกก่งึ อตั โนมัติ ลกั ษณะของเครื่องหมายแมน ปน แตละประเภทตามแบบทา ยบทนี้ ¢ŒÍ ù การเทียบวฒุ ิ ๙.๑ ประเภทปนพกลกู โม ชัน้ เย่ียม ตอ งไดคะแนน ๓๘๐-๔๐๐ คะแนน ชน้ั ท่ี ๑ ตอ งไดค ะแนน ๓๖๐-๓๗๙ คะแนน ช้ันที่ ๒ ตองไดคะแนน ๓๒๐-๓๕๙ คะแนน ชั้นที่ ๓ ตอ งไดคะแนน ๒๘๐-๓๑๙ คะแนน

๖๑ ๙.๒ ประเภทปนพกกึ่งอตั โนมตั ิ ช้ันเยี่ยม ตองไดค ะแนน ๒๘๖-๓๐๐ คะแนน ชั้นที่ ๑ ตองไดค ะแนน ๒๗๐-๒๕๘ คะแนน ชั้นท่ี ๒ ตอ งไดค ะแนน ๒๔๐-๒๖๙ คะแนน ชั้นท่ี ๓ ตอ งไดค ะแนน ๒๑๐-๒๓๙ คะแนน

๖๒ ÀÒ¾à¤ÃèÍ× §ËÁÒÂáÁ¹‹ »¹„ ËÅ¡Ñ ÊÙμáÒÃÂÔ§»„¹¾¡áºº àÍç¹.ÍÒÏ.àÍ. »ÃÐàÀ·»„¹¾¡Å¡Ù âÁ‹ เครอ่ื งหมายแมน ปน ชน้ั เยยี่ ม เปน เครอ่ื งหมายแมน ปน ทองพเิ ศษ เคร่อื งหมายแมนปนช้ันที่ ๑ เปน เครือ่ งหมายแมน ปน ทอง เครอ่ื งหมายแมนปน ชน้ั ที่ ๒ เปน เครื่องหมายแมน ปน เงิน เคร่อื งหมายแมน ปน ชนั้ ท่ี ๓ เปนเครอ่ื งหมายแมน ปนทองแดง เคร่อื งหมายแมน ปนชัน้ กิตติมศักดิ์

๖๓ ÀÒ¾à¤Ã×èͧËÁÒÂáÁ¹‹ »„¹ ËÅÑ¡ÊÙμáÒÃÂÔ§»„¹¾¡áºº àÍç¹.ÍÒÏ.àÍ. »ÃÐàÀ·»„¹¾¡¡§Öè ÍÑμâ¹ÁμÑ Ô เครอ่ื งหมายแมน ปน ชน้ั เยี่ยม เปนเครื่องหมายแมนปน ทองพเิ ศษ เคร่อื งหมายแมนปนชัน้ ท่ี ๑ เปน เคร่ืองหมายแมน ปนทอง เคร่อื งหมายแมนปน ชัน้ ที่ ๒ เปน เครอ่ื งหมายแมน ปน เงนิ เครอื่ งหมายแมนปนชน้ั ที่ ๓ เปน เคร่อื งหมายแมนปนทองแดง เครอ่ื งหมายแมน ปน ช้นั กิตติมศักดิ์

๖๔ ÀÒ¾ÅѡɳÐà»Ò‡ ǧ¡ÅÁáÅÐ໇ÒËØ‹¹à§Ò¤¹ ËÅÑ¡Êμ٠áÒÃÂÔ§»¹„ ¾¡áºº à͹ç .ÍÒÏ.àÍ.

๖๕ ÅѡɳзÕè õø ¡ÒÃÂ§Ô »¹„ ¢Í§สาํ ¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨá˧‹ ªÒμÔ º··èÕ ö ËÅ¡Ñ Êμ٠áÒÃÂÔ§»„¹¾¡μ‹ÍÊٌẺ ¾.Õ ¾.Õ «.Õ PRACTICAL PISTOLS COURSE (P.P.C.) หลักสูตรการยิงปนพกตอสูแบบ พี.พี.ซี. เปนหลักสูตรการยิงปนท่ีจะทําใหผูรับการฝก มีความสามารถในการใชอาวุธปนอยางถูกตองปลอดภัย มีความคลองตัวในการใชอาวุธปนตอสู ปอ งกนั ตวั รจู กั การใชภ ูมปิ ระเทศเปนทก่ี าํ บงั อยา งเหมาะสม โดยมีหลักเกณฑ ขั้นตอน และวธิ ีการยงิ ดังนี้ ¢ÍŒ ñ อาวุธปน ๑.๑ ปนพกลูกโม ขนาด .๓๘ นิ้ว หรือ .๓๕๗ น้ิว มีความยาวลํากลองปน ไมเ กิน ๔ นิ้ว ๑.๒ ปนพกกงึ่ อัตโนมตั ิ ขนาด ๙ มิลลเิ มตร ๑๐ มลิ ลเิ มตร หรือ ๑๑ มลิ ลิเมตร มีความยาวลาํ กลอ งปนไมเกนิ ๕.๕ นิ้ว อาวธุ ปน ทกุ ประเภทเปนไปตามมาตรฐานของโรงงานผผู ลิต ไมตดิ ตัง้ เครื่องชวยเล็งหรือ อุปกรณเสริมใด ๆ ลาํ กลอ งปน ไมม ีการเจาะรเู พอ่ื ลดแรงสะบดั ¢ŒÍ ò กระสุนปน ๒.๑ ปนพกลูกโม ใชก ระสนุ ปนขนาด .๓๘ นว้ิ หรือ .๓๕๗ น้วิ จาํ นวน ๕๐ นดั ๒.๒ ปน พกกงึ่ อตั โนมตั ิ ใชกระสนุ ปนขนาด ๙ มิลลิเมตร ๑๐ มิลลิเมตร หรอื ๑๑ มิลลิเมตร จํานวน ๕๐ นัด ¢ÍŒ ó ซองปน เปน ซองปน ชนดิ พกนอกหมุ โกรง ไกปน สาํ หรบั ใชก บั เครอ่ื งแบบคาดตดิ เขม็ ขดั หา มใชซ องปน คาดตาํ่ กวา แนวเขม็ ขัดชนดิ ผูกติดขา ซองเปลือย หรอื มองเหน็ ลํากลองปน ¢ŒÍ ô เปา ปน เปา หนุ เงาคน จาํ นวน ๑ แผน มรี ปู รา งลกั ษณะคลา ยคนครง่ึ ตวั มคี วามสงู ตง้ั แตศ รี ษะถงึ เอว ๔๑.๕ นิ้ว มคี วามกวา งต้งั แตแ ขนขวาถึงแขนซาย ๒๘.๕ นว้ิ แขนขวาของเปาหุนทาํ ทา ชักปน แขนซา ย ปลอ ยหอ ย บรเิ วณเปา มเี สน แบงคะแนน ๕ คะแนน ๔ คะแนน ๓ คะแนน ๒ คะแนน และ ๐ คะแนน เปน เปา ยงิ ปน ในแบบ P.P.C. โดยเฉพาะตามมาตรฐานของ F.B.I. ลกั ษณะของเปา ปน ตามแบบทา ยบทนี้

๖๖ ¢ŒÍ õ ลักษณะของสนาม ๕.๑ สนามตอ งมรี ะยะยงิ ๖๐ หลา แตล ะชอ งยงิ มรี ะยะหา งกนั ไมน อ ยกวา ๖ หลา แบง ระยะยงิ เปน ๔ ระยะ คือ ๖๐ หลา ๕๐ หลา ๒๕ หลา และ ๗ หลา ๕.๒ ท่ีระยะ ๕๐ หลา และ ๒๕ หลา มีท่ีกําบังสงู ๑๘๐ เซนตเิ มตร ความกวา ง ไมนอยกวา ๓๐ เซนตเิ มตร ¢ŒÍ ö ขั้นตอนการฝก และวิธกี ารยิง ๖.๑ การยิงปน พกตอสูแบบ พี.พี.ซ.ี แบงออกเปน ๒ ภาค ๖.๑.๑ ภาคทฤษฎี เปนการฝกใหรูจักกฎแหงความปลอดภัย การใชอาวุธปน การจับปน การเล็ง การล่ันไก ทาทางการยิง การบรรจุกระสุนปน การเลิกบรรจุ การใชที่กําบัง การแกไขปญ หาขอ ขัดขอ ง ใชเ วลา ๒๐ ชั่วโมง ๖.๑.๒ ภาคปฏิบัติ เปนการฝกยิงดวยกระสุนปนหลังจากการฝก ภาคทฤษฎีแบง การยงิ ออกเปน ๒ ประเภท คอื “ประเภทไมจ ํากดั เวลา” และ “ประเภทจาํ กดั เวลา” ๖.๑.๒.๑ การยิงประเภทไมจํากัดเวลา ใหยิงตามหลักเกณฑ ขั้นตอน และวิธีการยิงเชนเดียวกับการยิงประเภทจํากัดเวลา ฝกยิงครั้งละหลายคน โดยใหเปล่ียน ระยะยงิ พรอ ม ๆ กัน ใชกระสุนปน จาํ นวน ๕๐ นัด ๖.๑.๒.๒ การยงิ ประเภทจาํ กดั เวลา เปน การทดสอบและบนั ทกึ คะแนนเปน หลกั ฐาน ใชกระสนุ ปน จาํ นวน ๕๐ นดั ผูท่ีจะยิงประเภทจํากัดเวลาตองผานการฝกภาคทฤษฎีและตอง ยงิ ปน ประเภทไมจาํ กัดเวลามากอ น โดยไดค ะแนนไมต่ํากวารอ ยละ ๖๐ ¢ÍŒ ÷ การยงิ ปน แบบ พ.ี พ.ี ซ.ี มี ๒ ประเภท คอื ประเภทปน พกลกู โม และประเภทปน พก กึ่งอตั โนมตั ิ มวี ิธีการยิงแตล ะประเภท ดังน้ี ๗.๑ วธิ ีการยิงประเภทปน พกลกู โม ข้ันตอนท่ี ๑ ระยะ ๗ หลา ทา ยิงฉบั พลนั ใชก ระสนุ ปน จํานวน ๑๐ นัด บรรจกุ ระสุนปน คร้งั ละ ๕ นัด จํานวน ๒ ครั้ง ใชเ วลา ๒๕ วนิ าที ยิงโดยไมงา งนกปน ¼ÂÙŒ §Ô ยืนรอฟงคาํ สงั่ ท่แี นวยิงระยะ ๗ หลา อาวธุ ปน อยูในซอง กระสุนปน อยใู นกระเปากางเกงดานขวาจํานวน ๕๐ นดั ¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô ส่ัง “ตรวจอาวุธ” ¼ÙŒÂÔ§ ชักอาวุธปนออกจากซอง ตรวจอาวุธปนตามแบบฝก ตรวจเสร็จ เก็บปนใสซอง ¼ŒÙ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô ส่ัง “๕ นดั บรรจ”ุ ¼ÙŒÂÔ§ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง บรรจุกระสนุ ปนจาํ นวน ๕ นัด ใสล กู โมปน บรรจเุ สร็จเกบ็ ปน ใสซอง ¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สงั่ “ตอ ไปเปน การยงิ ทรี่ ะยะ ๗ หลา ในทา ฉบั พลนั กระสนุ ปน ๑๐นดั ใชเ วลา๒๕วนิ าท”ี และสง่ั ตรวจความพรอ มเปน ครงั้ สดุ ทา ยกอ นการยงิ “แนวยงิ ซา ยพรอ มขวาพรอ ม

๖๗ ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครง้ั ถา ขดั ขอ งหรอื ไมพ รอ ม แจง ใหผ คู วบคมุ การยงิ ทราบและแกไ ขใหเรียบรอ ย เมื่อผูควบคมุ การยงิ เห็นวา เรยี บรอย กใ็ หส่งั “เตรียมตัว ระวัง” และ ใหส ัญญาณเร่ิมยงิ (รวมเวลา ๕ วินาที ในการสง่ั ) พรอมกับบันทึกเวลา ¼ÂŒÙ §Ô เมอื่ ไดร บั สญั ญาณเรมิ่ ยงิ กา วเทา ขา งทถี่ นดั ถอยมาดา นหลงั ประมาณ ครงึ่ กา ว พรอ มใชมือที่ถนดั ชกั อาวุธปนออกจากซอง ยกปนข้ึนในระดบั สายตา ลาํ กลอ งปนชี้ไปยังเปา และใชม ือท่ไี มถนดั ชวยประคองปน โดยใหแ ขนขางท่ถี นัดเหยยี ดตึง สว นแขนขา งทีไ่ มถนัดงอเลก็ นอย ยืนทิ้งนํ้าหนกั ตวั ไปดา นหนา ใชสายตาขา งมือที่จับปนยิงเล็งศนู ยป นใหชัดเจน ยิงจํานวน ๒ ชุด ชดุ ละ ๕ นัด โดยไมง า งนกปน ภายในเวลา ๒๕ วินาที เม่ือยิงเสรจ็ เก็บปน ใสซอง รอฟง คาํ ส่งั ตอ ไป ¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô เมอื่ ครบกาํ หนด ๒๕ วนิ าที ใหส ญั ญาณหยดุ ยงิ พรอ มกบั หยดุ เวลาและตรวจสอบ ถา เหน็ วาผยู งิ ปฏบิ ัติถูกตอ ง สั่ง “เลิกบรรจ”ุ ¼ÙŒÂÔ§ ชักอาวุธปนออกจากซองพรอมกาวเทาขวาไปดานหลังประมาณ ครง่ึ กา วเปด ลกู โม เทปลอกกระสนุ ปน ปด ลกู โม เกบ็ ปน ใสซ อง ถา มกี ระสนุ ปน เหลอื จากการยงิ ใหส ง คนื ผูค วบคุมชอ งยิง ¼ŒÙ¤Çº¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สงั่ “ประจาํ ที่ ๖๐ หลา” ¼ÙŒÂÔ§ เดนิ ไปท่รี ะยะ ๖๐ หลา รอฟงคาํ สงั่ ตอ ไป ข้นั ตอนที่ ๒ มี ๓ ระยะ ๘ ทา ยิง ใชก ระสนุ ปนจํานวน ๔๐ นัด ใช เวลา ๕ นาที ๔๕ วินาที ·ÃèÕ ÐÂÐ öð ËÅÒ ทา นอนยงิ จาํ นวน ๕ นดั เมอื่ ยงิ เสรจ็ เคลอื่ นทไ่ี ปทรี่ ะยะ ๕๐ หลา ·èÃÕ ÐÂÐ õð ËÅÒ ทา นัง่ ราบยิงจาํ นวน ๕ นดั ทา นอนยงิ จํานวน ๕ นดั ทา ยนื ยงิ ดว ยมอื ทไี่ มถ นดั หลงั ทกี่ าํ บงั จาํ นวน ๕ นดั และทา ยนื ยงิ ดว ยมอื ทถ่ี นดั หลงั ทกี่ าํ บงั จาํ นวน ๕ นดั เคลือ่ นทไ่ี ปท่รี ะยะ ๒๕ หลา ·ÃèÕ ÐÂÐ òõ ËÅÒ ทา นั่งคุกเขา ยงิ จาํ นวน ๕ นัด ทายืนยิงดว ยมือท่ีถนดั หลังท่กี ําบงั จํานวน ๕ นัด และในทายนื ยิงดวยมือท่ีไมถนดั หลังที่กําบังจํานวน ๕ นดั ¼ÂŒÙ §Ô ยนื รอฟง คาํ สง่ั ทแ่ี นวยงิ ระยะ ๖๐ หลา อาวธุ ปน อยใู นซอง กระสนุ ปน อยูในกระเปา กางเกงดา นขวาจํานวน ๔๐ นัด ¼ÙŒ¤Çº¤ÁØ ¡ÒÃÂÔ§ ส่งั “ตรวจอาวุธ” ¼ÂŒÙ §Ô ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ตรวจอาวธุ ปน ตามแบบฝก เมอ่ื เสรจ็ เกบ็ ปน ใสซอง ¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สัง่ “๕ นัด บรรจ”ุ ¼ÙÂŒ §Ô ชักอาวุธปนออกจากซอง บรรจุกระสนุ ปนจํานวน ๕ นดั ใสล ูกโมปน บรรจุเสรจ็ เก็บปนใสซ อง

๖๘ ¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สง่ั “ตอ ไปเปน การยงิ ทรี่ ะยะ ๖๐ หลา ๕๐ หลา และ ๒๕ หลา มี ๘ ทา ยงิ กระสนุ ปน จาํ นวน ๔๐ นดั ใชเ วลา ๕ นาที ๔๕ วนิ าท”ี และสงั่ ตรวจความพรอ มเปน ครงั้ สดุ ทา ย กอ นการยงิ “แนวยงิ ซา ยพรอ ม ขวาพรอ ม ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครง้ั ถาขัดของหรือไมพรอม แจงใหผูควบคุมการยิงทราบและแกไขใหเรียบรอย เม่ือผูควบคุมการยิง เห็นวาเรียบรอย ก็ใหส่ัง “เตรียมตัว ระวัง” และใหสัญญาณเร่ิมยิง (รวมเวลา ๕ วินาที ในการสั่ง) พรอมกบั บนั ทกึ เวลา ¼ÙÂŒ Ô§ เมอื่ ไดร บั สญั ญาณเรมิ่ ยงิ ลดตวั ลงในทา คกุ เขา พรอ มกบั ใชม อื ทถี่ นดั ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ลาํ กลอ งปน ชไ้ี ปยงั เปา ใชม อื ทไ่ี มถ นดั เทา พนื้ ทรดุ ตวั ลงในทา นอนควา่ํ งอขาขา ง ทไ่ี มถ นดั เลก็ นอ ย ใชม อื ทไี่ มถ นดั ชว ยประคองปน แขนทง้ั สองขา งเหยยี ดตงึ ใชส ายตาขา งมอื ทจ่ี บั ปน ยงิ เลง็ ศนู ยป น ใหช ดั เจน ยงิ จาํ นวน ๕ นดั โดยงา งนกปน หรอื ไมง า งนกปน กไ็ ด เมอ่ื ยงิ เสรจ็ เอยี งตวั ไปดา นทไ่ี มถ นดั เล็กนอย เลิกบรรจุและบรรจุกระสุนชุดใหมจํานวน ๕ นัด ปดลูกโม และลุกขึ้นยืนเก็บปนใสซอง ใชมือทีถ่ นัดจบั ดามปนพรอมเคลอื่ นทไี่ ปที่ระยะ ๕๐ หลา ¼ÙŒÂ§Ô ทีร่ ะยะ ๕๐ หลา ดา นขวาทีก่ าํ บัง ในแนวยิงนี้ผูย งิ สามารถยิงแบบ งางนกปนหรอื ไมงา งนกปนกไ็ ด ลดตัวลงในทานง่ั ราบ พรอมกับใชม อื ทถ่ี นดั ชักอาวธุ ปน ออกจากซอง ลํากลอ งปน ชไ้ี ปยงั เปา สว นมอื ทีไ่ มถนดั ชว ยประคองปน แขนท้งั สองขางเหยียดตงึ วางอยบู นหวั เขา ยงิ จาํ นวน ๕ นดั เมอื่ ยงิ เสรจ็ ใหเ ลกิ บรรจุ เปด ลกู โม อาวธุ ปน ยงั อยใู นมอื ซา ย ใชม อื ขวาเทา พน้ื หมนุ ตวั ลงในทา นอนควํ่า บรรจุกระสุนปนในทา นอนตะแคงจาํ นวน ๕ นดั ยงิ ในทานอน ยิงจํานวน ๕ นัด เมือ่ ยิงเสร็จใหล ุกข้ึนยืน เลกิ บรรจุและบรรจกุ ระสนุ ชุดใหมจํานวน ๕ นัด จดั ทา ทางในทา ยนื ยงิ หลงั ทก่ี าํ บงั ดา นทไี่ มถ นดั ดว ยมอื ทไ่ี มถ นดั โดยมอื ทไี่ มถ นดั จบั ปน เหยยี ดออกไป ขางที่กําบังดานที่ไมถนัด มือที่ถนัดชวยประคองปน กาวเทาขางที่ถนัดไปดานหนาประมาณครึ่งกาว ลําตวั ตั้งตรง ใชส ายตาขางมือทจี่ บั ปน ยิงเล็งศูนยปน ใหชดั เจน ยิงจํานวน ๕ นดั เมื่อยิงเสร็จเลิกบรรจุและบรรจุกระสุนชุดใหมจํานวน ๕ นัด จัดทาทาง ในทายืน ยิงหลังท่ีกําบังดานที่ถนัดดวยมือที่ถนัด โดยมือท่ีถนัดจับปนเหยียดออกไปขางท่ีกําบัง ดา นทถ่ี นดั มอื ทไี่ มถ นดั ชว ยประคองปน กา วเทา ขา งทไี่ มถ นดั ไปดา นหนา ประมาณครงึ่ กา ว ลาํ ตวั ตงั้ ตรง ใชส ายตาขางมอื ท่จี บั ปนยิงเลง็ ศูนยปนใหช ัดเจน ยิงจาํ นวน ๕ นดั เมอื่ ยงิ เสรจ็ เลกิ บรรจแุ ละบรรจกุ ระสนุ ชดุ ใหมจ าํ นวน ๕ นดั เกบ็ ปน ใสซ อง ใชม ือท่ถี นดั จับดา มปน เคล่อื นที่ไปทร่ี ะยะ ๒๕ หลา ¼ÂŒÙ §Ô ทรี่ ะยะ ๒๕ หลา ดา นขวาทกี่ าํ บงั ในแนวยงิ นผี้ ยู งิ ตอ งยงิ แบบไมง า ง นกปน ลดตัวลงในทาคุกเขาขางท่ีถนัดลงกับพื้น เทาขางที่ไมถนัดอยูดานหนา พรอมกับใชมือท่ีถนัด ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ยกปน ขนึ้ ในระดบั สายตา ลาํ กลอ งปน ชไี้ ปยงั เปา สว นมอื ทไ่ี มถ นดั ชว ยประคอง ปนใชสายตาขางมอื ท่จี บั ปนยงิ เล็งศนู ยปน ใหช ัดเจน ยงิ จํานวน ๕ นดั

๖๙ เม่ือยิงเสร็จลุกขึ้นยืน เลิกบรรจุและบรรจุกระสุนชุดใหมจํานวน ๕ นัด หลังทก่ี ําบงั จัดทา ยิงในทา ยนื ยงิ ดวยมอื ทถี่ นัดหลงั ทกี่ ําบงั ดานท่ถี นดั ใชสายตาขางมอื ที่จับปนยงิ เลง็ ศูนยป นใหชดั เจน ยงิ จาํ นวน ๕ นัด เมื่อยงิ เสรจ็ เลิกบรรจแุ ละบรรจกุ ระสนุ ชดุ ใหมจ ํานวน ๕ นดั หลังที่กําบัง จดั ทายงิ ในทายนื ยงิ ดว ยมือที่ไมถ นัดหลังทีก่ ําบังดานทีไ่ มถนดั ยิงจาํ นวน ๕ นัด เม่ือยิงเสร็จเก็บปน ใสซ อง รอฟง คําสง่ั ตอไป ¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô เมอ่ื ครบกาํ หนด ๕ นาที ๔๕ วินาที ใหส ญั ญาณหยดุ ยงิ พรอมกับหยุดเวลาและตรวจสอบ ถาเห็นวาผูย ิงปฏบิ ัติถกู ตอง สั่ง “เลกิ บรรจ”ุ ¼ÙŒÂÔ§ ชักอาวุธปนออกจากซองพรอมกาวเทาขวาไปดานหลังครึ่งกาว เปดลูกโม เทปลอกกระสุนปน ปดลูกโม เก็บปนใสซอง ถามีกระสุนปนเหลือจากการยิงใหสงคืน ผูควบคมุ ชอ งยิง ¼ÙŒ¤Çº¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô ส่ัง “ตรวจอาวธุ ” ¼ÂŒÙ Ô§ ชกั อาวธุ ปนออกจากซอง ตรวจอาวุธปน ตรวจดอู ุปกรณป น ทกุ ช้ิน อยคู รบ ไมมีกระสนุ ปน หรอื ปลอกกระสนุ ปน อยูในลูกโม ตรวจเสร็จเก็บปน ใสซอง ๗.๒ วิธกี ารยงิ ประเภทปนพกกึ่งอตั โนมัติ ข้นั ตอนท่ี ๑ ระยะ ๗ หลา ทายงิ ฉับพลนั ใชกระสุนปนจํานวน ๑๐ นัด บรรจกุ ระสุนปน ใสซ องกระสนุ ปนซองละ ๕ นัด จาํ นวน ๒ ซอง ใชเ วลา ๒๐ วนิ าที ¼ŒÂÙ Ô§ ยนื รอฟง คาํ สงั่ ทแี่ นวยงิ ระยะ ๗ หลา อาวธุ ปน อยใู นซอง กระสนุ ปน อยูในกระเปากางเกงดานขวาจํานวน ๕๐ นัด ซองกระสุนปนจํานวน ๒ ซอง พกติดเข็มขัดดานมือ ที่ไมถ นัด ¼Œ¤Ù Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สั่ง “ตรวจอาวธุ ” ¼ÂÙŒ Ô§ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ตรวจอาวธุ ปน ตามแบบฝก เมอ่ื เสรจ็ เกบ็ ปน ใสซอง ¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สงั่ “บรรจกุ ระสนุ ปน ใสซ องกระสนุ ปน ซองละ ๕ นดั จาํ นวน ๒ ซอง” ¼ÂÙŒ §Ô ดึงซองกระสุนปน บรรจุกระสุนปน บรรจุเสร็จเก็บซองกระสุนปน ใสซ อง ¼Œ¤Ù Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สั่ง “บรรจุซองกระสุนปน ใสตัวปน ” ¼ÙŒÂÔ§ ชักอาวุธปนออกจากซอง บรรจุซองกระสุนปนใสตัวปนไมตองขึ้น ลําเล่ือนปน เก็บปน ใสซ อง ¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สง่ั “ตอ ไปเปน การยงิ ทร่ี ะยะ ๗ หลา ในทา ฉบั พลนั กระสนุ ปน จาํ นวน ๑๐ นดั ใชเ วลา ๒๐ วนิ าท”ี และสง่ั ตรวจความพรอ มเปน ครงั้ สดุ ทา ยกอ นการยงิ “แนวยงิ ซา ยพรอ ม ขวาพรอ ม ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครงั้ ถา ขดั ขอ งหรอื ไมพ รอ ม แจง ให

๗๐ ผคู วบคมุ การยงิ ทราบและแกไ ขใหเ รยี บรอ ย เมอื่ ผคู วบคมุ การยงิ เหน็ วา เรยี บรอ ย กใ็ หส งั่ “เตรยี มตวั ระวงั ” และใหส ัญญาณเร่ิมยิง (รวมเวลา ๕ วินาที ในการสง่ั ) พรอ มกบั บนั ทกึ เวลา ¼ÂŒÙ §Ô เมอ่ื ไดร บั สญั ญาณเรม่ิ ยงิ กา วเทา ขา งทถ่ี นดั ถอยไปดา นหลงั ประมาณ ครงึ่ กา ว ใชม อื ทถ่ี นดั ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ยกปน ขนึ้ ในระดบั สายตา ลาํ กลอ งปน ชไี้ ปยงั เปา ใชม อื ที่ไมถนัดดึงลําเลื่อนปนเพื่อใหกระสุนเขารังเพลิง ใชมือท่ีไมถนัดชวยประคองปน ใหแขนขางที่ถนัด เหยียดตึง สวนแขนขางที่ไมถนัดงอเล็กนอย ยืนท้ิงนํ้าหนักตัวไปดานหนา ใชสายตาขางมือท่ีจับปน ยิงเล็งศูนยปนใหชัดเจน ยิงจํานวน ๒ ชุด ชุดละ ๕ นัด ภายในเวลา ๒๐ วินาที เมื่อยิงเสร็จปลด ซองกระสุนปนออกจากตัวปน ดึงลําเล่ือนปนเพ่ือตรวจอาวุธปนวาไมมีกระสุนคางในลํากลองปน ปลดลาํ เลื่อนปน ไปดานหนา ลดนกปน เก็บปน ใสซ อง รอฟง คําส่ังตอไป ¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ เมื่อครบกําหนด ๒๐ วินาที ใหสัญญาณหยุดยิง พรอ มกบั หยดุ เวลาและตรวจสอบ ถาเห็นวา ผูยิงปฏบิ ตั ถิ ูกตอ ง สั่ง “ตรวจอาวุธ” ¼ÙÂŒ Ô§ ชักอาวุธปนออกจากซอง ตรวจอาวุธปนตามแบบฝก เมื่อเสร็จ เกบ็ ปน ใสซ อง ¼Œ¤Ù Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô ส่งั “ประจาํ ที่ ๖๐ หลา” ¼ÙŒÂÔ§ เดินไปทีร่ ะยะ ๖๐ หลา รอฟงคําส่งั ตอไป ขั้นตอนท่ี ๒ มี ๓ ระยะ ๘ ทายิง ใชกระสุนปนจํานวน ๔๐ นัด ซองกระสุนปนจาํ นวน ๑ ซอง ใชเวลา ๖ นาที ๔๕ วนิ าที ·èÕÃÐÂÐ öð ËÅÒ ทานอนยิงจาํ นวน ๕ นัด ยงิ เสร็จเคลือ่ นที่ไปท่รี ะยะ ๕๐ หลา ·ÕèÃÐÂÐ õð ËÅÒ ทา นง่ั ราบยิงจาํ นวน ๕ นัด ทา นอนยงิ จาํ นวน ๕ นัด ทา ยนื ยงิ ดว ยมอื ทไ่ี มถ นดั หลงั ทก่ี าํ บงั จาํ นวน ๕ นดั และในทา ยนื ยงิ ดว ยมอื ทถี่ นดั หลงั ทก่ี าํ บงั จาํ นวน ๕ นดั เคล่ือนท่ีไปท่ีระยะ ๒๕ หลา ·èÃÕ ÐÂÐ òõ ËÅÒ ทานงั่ คุกเขายงิ จาํ นวน ๕ นัด ทา ยืนยงิ ดว ยมือที่ถนัด หลังที่กาํ บงั จาํ นวน ๕ นดั และในทา ยืนยิงดวยมอื ทีไ่ มถนดั หลังทกี่ ําบงั จํานวน ๕ นดั ¼ÙŒÂ§Ô ยนื รอฟง คาํ สง่ั ทแ่ี นวยงิ ระยะ ๖๐ หลา อาวธุ ปน อยใู นซอง กระสนุ ปน อยูใ นกระเปา กางเกงดา นขวาจาํ นวน ๔๐ นัด ซองกระสุนปนพกติดเขม็ ขดั ดา นมอื ทไี่ มถนดั ¼¤ŒÙ Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô ส่งั “ตรวจอาวธุ ” ¼ÙŒÂÔ§ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ตรวจอาวธุ ปน ตามแบบฝก เมอื่ เสรจ็ เกบ็ ปน ใสซ อง ¼ŒÙ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ ส่งั “บรรจกุ ระสุนปน ๕ นดั ใสซองกระสนุ ปน” ¼ŒÂÙ Ô§ ดงึ ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั ในซองกระสนุ ปน เม่ือเสร็จเก็บซองกระสนุ ปนใสซอง

๗๑ ¼¤ÙŒ Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สง่ั “บรรจซุ องกระสุนปนใสต ัวปน ” ¼ÙŒÂ§Ô ชักอาวธุ ปน ออกจากซอง บรรจุซองกระสุนปน ใสตัวปน ไมต องข้ึน ลาํ เล่ือนปน เก็บปนใสซ อง ¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สง่ั “ตอ ไปเปน การยงิ ทรี่ ะยะ ๖๐ หลา ๕๐ หลา และ ๒๕ หลา มี ๘ ทา ยงิ กระสนุ ปน จาํ นวน ๔๐ นดั ใชเ วลา ๖ นาที ๔๕ วนิ าท”ี และสง่ั ตรวจความพรอ มเปน ครง้ั สดุ ทา ย กอ นการยงิ “แนวยงิ ซา ยพรอ ม ขวาพรอ ม ทกุ คนพรอ ม” ผคู วบคมุ ชอ งยงิ ตรวจความพรอ มของผยู งิ อกี ครง้ั ถาขดั ขอ งหรือไมพ รอ ม แจง ใหผ ูควบคมุ การยงิ ทราบและแกไ ขใหเ รียบรอ ย เม่ือผูค วบคุมการยงิ เห็นวา เรียบรอ ย ก็ใหสั่ง “เตรียมตัว ระวัง” และใหส ัญญาณเร่มิ ยงิ (รวมเวลา ๕ วนิ าที ในการสัง่ ) พรอ มกับ บันทึกเวลา ¼ŒÙÂÔ§ เมื่อไดรับสัญญาณเร่ิมยิงลดตัวลงในทาคุกเขาพรอมกับใชมือ ที่ถนัดชักอาวุธปนออกจากซอง ยกปนข้ึนในระดับสายตา ลํากลองปนชี้ไปยังเปา ใชมือที่ไมถนัดดึง ลาํ เลอ่ื นปน ใชม อื ทไี่ มถ นดั เทา พน้ื ทรดุ ตวั ลงในทา นอนควาํ่ งอขาขา งทไี่ มถ นดั เลก็ นอ ย ใชม อื ทไี่ มถ นดั ชว ยประคองปน แขนทง้ั สอขา งเหยยี ดตงึ ใชส ายตาขา งมอื ทจ่ี บั ปน ยงิ เลง็ ศนู ยป น ใหช ดั เจน ยงิ จาํ นวน ๕ นดั ยงิ เสรจ็ ปลดซองกระสนุ ปน ปลดลาํ เลอ่ื นปน ไปดา นหนา ลดนกปน วางปน ลงดา นหนา บรรจกุ ระสนุ ชดุ ใหม จาํ นวน ๕ นดั ใสซ องกระสนุ ปน ลกุ ขนึ้ นง่ั คกุ เขา สงู บรรจซุ องกระสนุ ปน ใสต วั ปน ลกุ ขน้ึ ยนื เกบ็ ปน ใสซ อง ใชม ือท่ีถนดั จับดา มปน พรอมเคลอ่ื นที่ไปที่ระยะ ๕๐ หลา ¼ÙŒÂÔ§ เคล่อื นที่ถงึ ระยะ ๕๐ หลา ดา นขวาท่กี าํ บัง ลดตวั ลงในทาน่งั ราบ พรอมกับใชมือที่ถนัดชักอาวุธปนออกจากซอง ลํากลองปนช้ีไปยังเปา ใชมือท่ีไมถนัดดึงลําเลื่อนปน ใชมือท่ีไมถนัดชวยประคองปน แขนทั้งสองขางเหยียดตึงวางอยูบนหัวเขา ใชสายตาขางมือท่ีจับปน ยงิ เลง็ ศนู ยป นใหช ดั เจน ยิงจาํ นวน ๕ นดั เม่อื ยงิ เสร็จใหปลดซองกระสนุ ปน วางปนไวด า นหนา ใชม อื ขวาเทา พนื้ หมนุ ตวั ลงในทา นอนควา่ํ นอนบรรจกุ ระสนุ ปน ในทา นอนตะแคงจาํ นวน ๕ นดั ใสซ องกระสนุ ปน และบรรจุ ซองกระสนุ ปน ใสต วั ปน ปลดลาํ เลอื่ นปน ยงิ ในทา นอน ใชส ายตาขา งมอื ทจี่ บั ปน ยงิ เลง็ ศนู ยป น ใหช ดั เจน ยงิ จํานวน ๕ นดั เม่อื ยงิ เสรจ็ ลุกขน้ึ ยนื ปลดซองกระสนุ ปน เกบ็ ปน ใสซอง อาวุธปน ยงั อยู ในลกั ษณะคา งลาํ เล่ือนปน บรรจกุ ระสนุ ปนจาํ นวน ๕ นดั ใสซ องกระสุนปน ชกั อาวุธปนออกจากซอง บรรจุซองกระสนุ ปนใสต วั ปน ปลดลาํ เล่ือนปนไปดา นหนา จดั ทา ทางในทา ยนื ยงิ หลงั ทกี่ ําบงั ดานท่ีไมถนดั ดวยมือท่ีไมถนัด โดยมือท่ีไมถนัดจับปนเหยียดออกไปขางที่กําบังดานท่ีไมถนัด มือถนัดชวยประคองปน กาวเทาขางท่ีถนัดไปดานหนาประมาณคร่ึงกาว ลําตัวตั้งตรง ใชสายตาขางมือที่จับปนยิงเล็งศูนยปน ใหชัดเจน ยิงจํานวน ๕ นัด เม่ือยิงเสร็จปลดซองกระสนุ ปน เกบ็ ปน ใสซอง อาวุธปนยังอยูในลักษณะ คางลําเล่ือนปน บรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด ใสซองกระสุนปน ชักอาวุธปนออกจากซองปน บรรจซุ องกระสนุ ปน ใสต วั ปน ปลดลาํ เลอ่ื นปน ไปดา นหนา จดั ทา ทางในทา ยนื ยงิ หลงั ทกี่ าํ บงั ดา นทถี่ นดั

๗๒ ดวยมือที่ถนัด โดยมือท่ีถนัดจับปนเหยียดออกไปขางท่ีกําบังดานที่ถนัด มือไมถนัดชวยประคองปน กาวเทาขางที่ไมถนัดไปดานหนาประมาณครึ่งกาว ลําตัวตั้งตรง ใชสายตาขางมือท่ีจับปนยิงเล็ง ศนู ยป นใหชดั เจน ยงิ จํานวน ๕ นัด เม่ือยิงเสร็จปลดซองกระสุนปน ปลดลําเล่ือนปนไปดานหนา ลดนกปน เก็บปนใสซอง บรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด ใสซองกระสุนปน ชักอาวุธปนออกจากซอง บรรจุซองกระสุนปน ใสตวั ปน เกบ็ ปน ใสซ อง ใชมือทถ่ี นดั จับดา มปนเคล่อื นท่ีไปท่รี ะยะ ๒๕ หลา ¼ÙŒÂÔ§ เคล่อื นทีถ่ ึงระยะ ๒๕ หลา ดา นขวาที่กาํ บงั ลดตวั ลงในทาคุกเขา ขางที่ถนัดลงกับพ้ืน กาวเทาขางที่ไมถนัดไปดานหนาประมาณครึ่งกาว พรอมกับใชมือท่ีถนัดชัก อาวุธปนออกจากซอง ลํากลองปนช้ีไปยังเปา ใชมือท่ีไมถนัดดึงลําเลื่อนปน ใชมือที่ไมถนัดชวย ประคองปน ใชสายตาขา งมอื ทจ่ี บั ปน ยงิ เล็งศนู ยป น ใหชดั เจน ยงิ จํานวน ๕ นัด เมื่อยิงเสร็จลุกข้ึนยืนปลดซองกระสุนปน เก็บปนใสซอง อาวุธปนยังอยู ในลกั ษณะคา งลาํ เลื่อนปน และบรรจกุ ระสุนจํานวน ๕ นดั ใสซ องกระสนุ ปน หลงั ที่กําบังชกั อาวุธปน ออกจากซอง บรรจุซองกระสนุ ปน ใสตวั ปน ปลดลาํ เลื่อนปน ไปดานหนา จดั ทา ยงิ ในทายืนยงิ ดว ยมอื ทีถ่ นัดหลงั ทก่ี าํ บังดานทีถ่ นดั ใชส ายตาขางมือท่จี บั ปน ยิงเล็งศูนยป นใหช ดั เจน ยงิ จาํ นวน ๕ นดั เมือ่ ยิงเสร็จปลดซองกระสนุ ปน เก็บปนใสซ อง อาวุธปนยังอยใู นลักษณะ คา งลาํ เลอื่ นปน และบรรจกุ ระสนุ จาํ นวน ๕ นดั ใสซ องกระสนุ ปน หลงั ทกี่ าํ บงั ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง บรรจซุ องกระสนุ ปน ใสต วั ปน ปลดลาํ เลอื่ นปน ไปดา นหนา จดั ทา ยงิ ในทา ยนื ยงิ ดว ยมอื ทไ่ี มถ นดั หลงั ที่ กําบังดานท่ีไมถนดั ใชส ายตาขา งมือทจ่ี ับปนยงิ เลง็ ศนู ยปน ใหช ัดเจน ยงิ จาํ นวน ๕ นดั เม่ือยงิ เสร็จปลดซองกระสุนปน เกบ็ ปน ใสซอง รอฟงคําสัง่ ตอไป ผคู วบคุมการยิง เมือ่ ครบกําหนด ๖ นาที ๔๕ วินาที ใหส ญั ญาณหยุดยิง พรอ มกบั หยุดเวลาและตรวจสอบ ถาเหน็ วาผูย งิ ปฏบิ ตั ิถกู ตอง สัง่ “ตรวจอาวธุ ” ¼ÂŒÙ §Ô ตรวจอาวุธปน ตรวจดูอุปกรณปนทุกช้ินอยูครบ ไมมีกระสุนปน หรือปลอกกระสุนปน อยูใ นลาํ กลอ งปน รวมทงั้ ซองกระสนุ ปนทใ่ี ชทุกซอง เสร็จแลว เก็บปน ใสซ อง ¢ŒÍ ø กฎการยงิ ปน พกตอสูแบบ พี.พี.ซ.ี ๘.๑ กอ นยงิ จะตอ งเขยี นยศ ช่ือตวั ช่ือสกุล สงั กดั และรายละเอยี ดอ่ืน ๆ ตาม ทก่ี ําหนดลงบนแผน เปา กรณีฝา ฝนถอื เปนโมฆะ ๘.๒ หามทําตําหนิ จุดเล็ง หรือเครื่องหมายใด ๆ บนแผนเปา กรณีฝาฝน ถอื เปน โมฆะ ๘.๓ สาํ หรบั ผทู จ่ี ะใชอ าวธุ ปน พกกง่ึ อตั โนมตั ยิ งิ ในหลกั สตู ร พ.ี พ.ี ซ.ี จะตอ งผา น การยงิ ปน พกลูกโมในหลกั สูตร พี.พี.ซี. มากอน โดยมคี ะแนนไมต าํ่ กวา ๑๔๙ คะแนน ๘.๔ หา มผูยิงบรรจุกระสนุ ปน กอนที่จะไดรับคําสงั่ ใหบ รรจุ ๘.๕ หา มยงิ กอ นคาํ สง่ั หรอื สญั ญาณเรม่ิ ยงิ หรอื ยงิ หลงั คาํ สง่ั หรอื สญั ญาณหยดุ ยงิ หากฝา ฝน ใหตดั คะแนนสูงสุดในชดุ ยงิ น้ันตามจาํ นวนนัดทไี่ ดย ิงไป

๗๓ ๘.๖ ใหย งิ ตามลาํ ดบั ทา ทก่ี าํ หนดไว ถา ขา มลาํ ดบั ทา ไปแลว จะยอ นกลบั มายงิ ทา ท่ี ขา มไปไมได ฝา ฝนตดั ๒๕ คะแนน ๘.๗ ยิงทาท่ไี มไดกําหนดไวใ นแบบ พี.พี.ซ.ี ตัดทาละ ๒๕ คะแนน ๘.๘ ผูท่ีปฏบิ ตั ิผดิ ไปจากทาทางท่กี าํ หนดไวทาใด จะตอ งยอ นกลบั ไปทําทา นน้ั ใหถูกตอ ง จึงจะเคล่ือนที่ตอไปได ๘.๙ อนญุ าตใหน าํ กระสนุ เขา ยงิ ครง้ั ละ ๕๐ นดั เทา นน้ั ฝา ฝน การทดสอบชดุ นน้ั เปน โมฆะ ๘.๑๐ กรณีกระสนุ ขาดหายขณะยงิ จะขอเพ่ิมไมไ ด ๘.๑๑ หามบรรจกุ ระสนุ เกนิ กวาครั้งละ ๕ นดั ฝา ฝน ตดั ๓๐ คะแนน ๘.๑๒ ที่ระยะ ๗ หลา และ ๒๕ หลา ใหย ิงแบบไมงางนก หากฝา ฝน ตัดนัดละ ๕ คะแนน ๘.๑๓ ในระหวา งยงิ หากเกดิ เหตขุ ดั ขอ งทาํ ใหเ สยี เวลาในการยงิ ตามกาํ หนดเวลา ซึง่ มิใชเ กดิ จากความบกพรองของผยู งิ เชน กระสุนปน ดา น ปนขดั ลํา เปน ตน ๘.๑๓.๑ ปนพกลูกโม หากพบวากระสุนปนดานใหผูควบคุม การยงิ ส่ังใหผ ูยิงยิงแกไ ข โดยใหเ ฉลยี่ เวลาตามระยะการยิงและตามจาํ นวนกระสนุ ปนนัดที่ดาน ๘.๑๓.๒ ปน พกกงึ่ อตั โนมตั ิ หากพบวา กระสนุ ปน ดา นและมกี ระสนุ ปน ท่ีไมไดยิง ใหผูควบคุมการยิงส่ังใหผูยิงยิงแกไข โดยใหเฉล่ียเวลาตามระยะการยิงและตามจํานวน กระสนุ ปน นดั ทด่ี านและไมไดยงิ ๘.๑๓.๓ กระสนุ ปน ดา นหรอื ชาํ รดุ จะเปลย่ี นใหใ หม และชดเชยเวลาให ๘.๑๓.๓.๑ ทรี่ ะยะ ๗ หลา ชดเชยนดั ละ ๑ วนิ าที ๘.๑๓.๓.๒ ท่รี ะยะอ่นื ๆ ชดเชยใหนดั ละ ๑๕ วนิ าที (กระสุนปนดานจะตองใหเจาหนาที่ทดลองยิงดวยปน กระบอกอนื่ อีก ๑ ครงั้ ถา ดา นจริงจงึ จะชดเชยให) ๘.๑๔ ผทู ยี่ งิ ได ๒๕๐ คะแนนเตม็ หรอื ไดร อ ยเปอรเ ซน็ ต จะตอ งยงิ เขา บรเิ วณพน้ื ที่ ๕ คะแนน ทง้ั ๕๐ นัด และรอยกระสุนปนทป่ี รากฏบนเปา จะตองสามารถมองเหน็ ไดช ดั เจน และจะ ตองไมม กี ารตอเวลาเนือ่ งจากกรณกี ระสนุ ปนดานหรอื ชํารดุ หรืออาวุธปน ขดั ขอ งหรอื ชาํ รดุ ¢ŒÍ ù การนับคะแนน ๙.๑ เปา หนุ เงาคนมตี าํ แหนง บรเิ วณคา ของคะแนน๕คะแนน๔คะแนน๓คะแนน ๒ คะแนน และ ๐ คะแนน การนบั คะแนนใหถ ือตามคะแนนท่รี อยกระสุนปนปรากฏอยใู นเปา โดยมี คะแนนเต็ม ๒๕๐ คะแนน หากนับคะแนนไดเทา ใด ใหคูณดว ย .๔ ผลท่ีไดมเี ศษตั้งแต .๖ ใหป ด เปน ๑ ๙.๒ การนับคะแนนใหนับคะแนนตามเสนเขตที่แบงไวในเปา รอยกระสุนปน ตองตดั เสนแบง เขตเปาขาดใหถ อื คา ตามบริเวณคะแนนท่ีสงู กวา

๗๔ ๙.๓ หามใชอุปกรณอยางใดอยางหน่ึงแตะตองหรือสัมผัสรอยกระสุนปน บนแผนเปา ตรวจสอบพบถือเปนโมฆะ ๙.๔ กรณีรอยกระสนุ ปนเกนิ อยูในเปา ๙.๔.๑ ตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวา ถามีรอย กระสุนปนในเปาของทางซายหรือขวาไมครบ ใหตัดคะแนนของรอยกระสุนปนท่ีไดคะแนนต่ําสุด ที่ปรากฏในเปา ที่เกินออกไป ๙.๔.๒ ถาตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวาแลว ปรากฏวามีรอยกระสุนปนของเปาทางซายและขวาครบ ใหถือวาเปาน้ันเปนโมฆะเนื่องจากจํานวน กระสนุ ปน เกินกวา ทีก่ าํ หนด ¢ÍŒ ñð เครอื่ งหมายแมนปนมี ๒ ประเภท แตละประเภทมี ๒ ชั้น คอื ๑๐.๑ ประเภทปนพกลกู โม ๑๐.๑.๑ เครอ่ื งหมายแมน ปน ชน้ั พ.ี พ.ี ซ.ี ๑๐๐คะแนนเปน รปู ดาวแปดแฉก สที องขนาดเสน ผา ศนู ยก ลาง๓.๕เซนตเิ มตรหนา๐.๑๕เซนตเิ มตรตรงกลางเปน รปู เปา หนุ เงาคนลงยาสดี าํ และมรี ูปปน พกลูกโมสีเงิน ๒ กระบอกไขวทบั สวนลา งของเปาหนุ เงาคนเปนภาพแพรแถบโคง ตามวง สว นลาง และมีอักษร “พ.ี พ.ี ซี. ๑๐๐ คะแนน” จารึกบนภาพแพรแถบ ๑๐.๑.๒ เครอ่ื งหมายแมน ปน ชนั้ คณุ วฒุ ิ พ.ี พ.ี ซ.ี มลี กั ษณะเชน เดยี วกบั เครอ่ื งหมายแมน ปน ชนั้ พ.ี พ.ี ซ.ี ๑๐๐ คะแนน แตกตา งกนั ทเ่ี ครอ่ื งหมายทาํ ดว ยโลหะเปน รปู ดาวแปดแฉก สีเงนิ รปู ปน พกลูกโม ๒ กระบอก เปนสีทอง มอี ักษร “คณุ วุฒิ พ.ี พี.ซี.” จารึกอยูบ นภาพแพรแถบ ๑๐.๒ ประเภทปนพกกง่ึ อตั โนมัติ มีลักษณะเชน เดยี วกบั เคร่อื งหมายแมน ปน ประเภทปน พกลกู โม แตกตา ง ทรี่ ปู ปนเปนปน พกกึ่งอตั โนมัติ ลกั ษณะเครือ่ งหมายแมน ปน แตละประเภทตามแบบทายบทนี้ ¢ŒÍ ññ การเทยี บวุฒิ ๑๑.๑ ไดคะแนน ๒๕๐ คะแนน หรือ ๑๐๐ เปอรเซ็นต ไดเครอ่ื งหมายแมน ปน ชน้ั พ.ี พ.ี ซี. ๑๐๐ คะแนน ๑๑.๒ ไดคะแนน ๑๔๙ - ๒๔๙ คะแนน หรือ ๕๙.๖ - ๙๙.๖ เปอรเซ็นต ไดเ ครอ่ื งหมายแมนปนชน้ั คณุ วุฒิ พ.ี พ.ี ซ.ี

๗๕ ÀÒ¾à¤ÃÍ×è §ËÁÒÂáÁ‹¹»„¹ ËÅÑ¡Êμ٠áÒÃÂÔ§»„¹¾¡μÍ‹ ÊáÙŒ ºº ¾.Õ ¾.Õ «.Õ »ÃÐàÀ·»¹„ ¾¡ÅÙ¡âÁ‹ เครื่องหมายแมนปน ชั้น พี.พี.ซ.ี ๑๐๐ คะแนน เปน เครอ่ื งหมายสที อง เคร่อื งหมายแมนปนชนั้ คณุ วฒุ ิ พ.ี พี.ซี.

๗๖ ÀÒ¾à¤ÃèÍ× §ËÁÒÂáÁ¹‹ »¹„ ËÅ¡Ñ ÊÙμáÒÃÂÔ§»¹„ ¾¡μÍ‹ ÊٌẺ ¾.Õ ¾.Õ «.Õ »ÃÐàÀ·»„¹¾¡¡§èÖ ÍÑμâ¹ÁμÑ Ô เคร่อื งหมายแมน ปนชัน้ พี.พ.ี ซี. ๑๐๐ คะแนน เปนเครือ่ งหมายสีทอง เครอ่ื งหมายแมนปน ชั้นคณุ วุฒิ พี.พี.ซี.

๗๗ ÀÒ¾Å¡Ñ É³Ðà»Ò‡ ˹؋ à§Ò¤¹ËÅ¡Ñ Êμ٠áÒÃÂ§Ô »„¹¾¡μÍ‹ ÊŒÙẺ ¾Õ.¾Õ.«Õ.

๗๘ ÅѡɳзèÕ õø Ãкº¡ÒÃÂÔ§»„¹¢Í§สาํ ¹¡Ñ §Ò¹ตําÃǨá˧‹ ªÒμÔ _____________ º··èÕ ù ËÅ¡Ñ ÊÙμáÒý¡ƒ ÂÔ§»„¹¾¡¡§Öè ÍÑμâ¹ÁμÑ ¢Ô ¹éÑ ¾é×¹°Ò¹ _____________ หลักสูตรการฝกยิงปนพกกึ่งอัตโนมัติข้ันพ้ืนฐานเปนหลักสูตรการฝกทักษะการยิงปน สําหรับผูใชอาวุธปนพกก่ึงอัตโนมัติในการปฏิบัติหนาท่ี ผูรับการฝกมีความจําเปนท่ีจะตองเรียนรู การใชป น พกกงึ่ อตั โนมตั ใิ หเ กดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ ซง่ึ ทาํ ใหส ามารถแกไ ขปญ หาไดอ ยา งรวดเรว็ ถกู ตอ ง มคี วามปลอดภยั ท้ังผูยิง ผูรวมงาน และประชาชน มหี ลกั เกณฑและข้นั ตอนการฝก ดังน้ี ¢ÍŒ ñ อาวุธปน ปน พกกง่ึ อัตโนมัติ ขนาด ๙ มลิ ลเิ มตร ๑๐ มิลลิเมตร หรอื ๑๑ มลิ ลิเมตร มคี วามยาว ลาํ กลอ งปน ไมเกิน ๕.๕ น้ิว พรอมซองกระสนุ ปนจาํ นวน ๒ ซอง อาวุธปนทุกประเภทเปนไปตามมาตรฐานของโรงงานผูผลิต ลํากลองปนไมมีการเจาะรู เพื่อลดแรงสะบดั ไมติดต้ังเคร่อื งชวยเลง็ หรืออุปกรณเ สรมิ ใด ๆ ¢ÍŒ ò กระสนุ ปน กระสนุ ปน ขนาด ๙ มลิ ลเิ มตร ๑๐ มลิ ลเิ มตร หรือ ๑๑ มลิ ลเิ มตร จาํ นวน ๒๐๐ นดั ¢ÍŒ ó ซองปนและซองใสซ องกระสนุ ปน ซองปนชนิดพกนอกหุมโกรงไกปน สําหรับใชกับเคร่ืองแบบคาดติดเข็มขัด หามใช ซองปน คาดต่ํากวาแนวเข็มขดั ชนดิ ผูกติดขา ซองเปลือย หรือมองเห็นลาํ กลอ งปน ซองใสซองกระสนุ ปนเปนซองคู สาํ หรับใสซองกระสุนปนสํารอง ¢ÍŒ ô เปา ปน ๔.๑ เปา หนุ เงาคน จาํ นวน ๑ แผน มรี ปู รา งลกั ษณะคลา ยคนครง่ึ ตวั มคี วามสงู ต้งั แตศรี ษะถึงเอว ๒๗ น้วิ มีความกวา งต้งั แตแ ขนขวาถงึ แขนซา ย ๒๔ น้ิว แขนขวาของเปา หุนทาํ ทา ชกั ปน แขนซา ยปลอยหอ ย บรเิ วณกลางลาํ ตัวมีวงกลมซอนกัน ๓ วง วงในสดุ มตี วั อกั ษร X มีเสน ผาศูนยกลาง ๑.๕ น้ิว วงกลางมีเสนผาศูนยกลาง ๓.๕ น้ิว วงนอกสุดมีเสนผาศูนยกลาง ๖ นิ้ว มพี น้ื ทอ่ี กั ษร ต มคี า คะแนน ๑๐ คะแนน และบรเิ วณนอกลาํ ตวั มพี นื้ ทอี่ กั ษร พ มคี า คะแนน ๕ คะแนน พื้นทที่ งั้ สองมเี สนแบง คะแนน ใชสําหรบั ข้ันตอนการยงิ เปา หุนเงาคน

๗๙ ๔.๒ เปา วงกลมมีเสน ผาศนู ยกลาง ๓ น้วิ ลักษณะของเปา ปนตาม ๔.๑ และ ๔.๒ ตามแบบทา ยบทนี้ ¢ÍŒ õ ลกั ษณะของสนาม สนามตองมีระยะยิงอยางนอย ๒๐ เมตร แตละชองยิงหางกันไมนอยกวา ๔ เมตร มีการกําหนดระยะยงิ ท่ี ๒๐ เมตร ๑๕ เมตร ๑๐ เมตร ๗ เมตร ๕ เมตร และ ๓ เมตร ¢ŒÍ ö ข้นั ตอนการฝกและวธิ กี ารยิง การยงิ ปนพกชนดิ กง่ึ อตั โนมัติ แบงเปน ๒ ภาค ๖.๑ ภาคทฤษฎี เปนการฝกใหรูจักกฎแหงความปลอดภัย การใชอาวุธปน การจับปน การเล็ง การลั่นไก การชักอาวุธปน การบรรจุกระสุนปนหรือการเปล่ียนซองกระสุนปน การเลกิ บรรจุ การแกไขปญ หาขอ ขัดของ กฎ กติกา และวธิ ีการยิง ใชเ วลาไมน อยกวา ๑๖ ช่ัวโมง ๖.๒ ภาคปฏิบัติ เปนการยิงปนโดยการใชกระสุนปน ใชเวลาฝกไมนอยกวา ๒๔ ช่ัวโมง แบงการยิงออกเปน ๗ ข้ันตอน การยิงแตละข้ันตอนเม่ือไดรับสัญญาณเร่ิมยิงหรือ หลังจากชักอาวุธปนออกจากซอง ยกปนข้ึนในระดับสายตา ลํากลองปนชี้ไปยังเปา มือที่จับปน ดนั มอื ไปดา นหนา มอื ทปี่ ระคองปน ดงึ ปน เขา หาตวั แขนทง้ั สองขา งเหยยี ดตงึ ปลดหา มไก เลง็ ศนู ยป น ใหช ดั เจน แลวยิงหรอื ปฏิบัติตามข้นั ตอนตอ ไป การปฏิบตั ิแตละขั้นตอน ดังน้ี ขน้ั ตอนที่ ๑ ยงิ เปาวงกลม กระสนุ ปน จาํ นวน ๓๐ นดั ๑. ผูยิงยืนท่ีระยะ ๓ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน เฉยี งลงตาํ่ ทาํ มมุ ๔๕ องศา กบั ลาํ ตวั ผยู งิ ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั อาวธุ ปน บรรจุ กระสุนพรอมยงิ หามไก เมื่อไดร บั สญั ญาณเริม่ ยิงใหปฏบิ ัตติ าม ๖.๒ ยิงจาํ นวน ๑ นดั ภายในเวลา ๑ นาที เม่อื ยิงเสร็จ หามไก ถอื อาวธุ ปน เฉยี งลงต่าํ ถอื เปนการยิง ๑ ครั้ง ยงิ จํานวน ๕ ครั้ง ๒. ผูยิงยืนที่ระยะ ๕ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน เฉียงลงต่ํา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เมื่อไดรับสัญญาณเร่ิมยิงใหปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๑ นาที เมื่อยิงเสร็จ หา มไก ถืออาวธุ ปน เฉยี งลงตํ่า ถือเปน การยงิ ๑ คร้งั ยิงจํานวน ๕ คร้ัง ๓. ผูยิงยืนท่ีระยะ ๗ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน เฉียงลงต่ํา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เมื่อไดรับสัญญาณเริ่มยิงใหปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๑ นาที เมื่อยิงเสร็จ หา มไก ถืออาวุธปนเฉยี งลงต่ํา ถอื เปนการยิง ๑ ครง้ั ยิงจํานวน ๕ ครง้ั ๔. ผูยิงยืนที่ระยะ ๗ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน เฉียงลงต่ํา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เมื่อไดรับสัญญาณเร่ิมยิงใหปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๓๐ วินาที เมอ่ื ยงิ เสร็จหามไก ถืออาวุธปน เฉียงลงต่ํา ถือเปน การยิง ๑ ครัง้ ยงิ จาํ นวน ๕ คร้ัง

๘๐ ๕. ผูยิงยืนที่ระยะ ๑๐ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน เฉียงลงตํ่า ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไกเม่ือไดรับสัญญาณเริ่มยิงใหปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๑ นาที เมอ่ื ยงิ เสร็จหา มไก ถอื อาวุธปน เฉยี งลงตํ่า ถอื เปนการยงิ ๑ คร้งั ยงิ จํานวน ๕ คร้ัง ๖. ผูยิงยืนที่ระยะ ๑๐ เมตร ในทาพรอมใชอาวุธปน ถืออาวุธปน เฉียงลงตํ่า ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เมอ่ื ไดร บั สัญญาณเร่ิมยงิ ใหป ฏิบตั ิตาม ๖.๒ ยงิ จาํ นวน ๑ นดั ภายในเวลา ๓๐ วนิ าที เม่อื ยงิ เสร็จ หา มไก ถอื อาวุธปนเฉียงลงต่ํา ถือเปน การยงิ ๑ ครง้ั ยิงจาํ นวน ๕ ครงั้ ขน้ั ตอนท่ี ๒ ยงิ เปาหุนเงาคน กระสุนปน จาํ นวน ๓๐ นัด ๑. ผยู งิ ยนื ทร่ี ะยะ ๕ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั อาวธุ ปน บรรจกุ ระสนุ พรอ มยงิ หา มไก เกบ็ ปน ใสซ อง เมอื่ ไดร บั สญั ญาณ เรมิ่ ยงิ ชกั อาวุธปน ออกจากซอง ปฏบิ ตั ติ าม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๓ วนิ าที เมื่อยงิ เสรจ็ หามไก เกบ็ ปน ใสซอง ถอื เปนการยิง ๑ ครง้ั ยงิ จาํ นวน ๕ คร้งั ๒. ผยู งิ ยนื ทรี่ ะยะ ๕ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั อาวธุ ปน บรรจกุ ระสนุ พรอ มยงิ หา มไก เกบ็ ปน ใสซ อง เมอ่ื ไดร บั สญั ญาณ เรม่ิ ยงิ ชกั อาวุธปนออกจากซอง ปฏบิ ัตติ าม ๖.๒ ยงิ จํานวน ๑ นดั ภายในเวลา ๒ วินาที เม่ือยิงเสรจ็ หา มไก เก็บปน ใสซอง ถือเปนการยิง ๑ ครงั้ ยิงจาํ นวน ๕ คร้งั ๓. ผยู งิ ยนื ทร่ี ะยะ ๕ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เมื่อไดรับ สญั ญาณเรมิ่ ยงิ ชกั อาวุธปนออกจากซอง ปฏิบตั ติ าม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นดั ภายในเวลา ๑.๕ วนิ าที เมื่อยิงเสร็จหา มไก เกบ็ ปน ใสซอง ถอื เปน การยิง ๑ ครัง้ ยิงจาํ นวน ๕ ครง้ั ๔. ผยู งิ ยนื ทร่ี ะยะ ๗ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจุกระสุนปน จาํ นวน ๕ นัด อาวธุ ปน บรรจุกระสุนพรอมยิง หา มไก เก็บปนใสซอง เมือ่ ไดร ับ สญั ญาณเริม่ ยิง ชักอาวุธปนออกจากซอง ปฏิบตั ิตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นดั ภายในเวลา ๓ วนิ าที เม่อื ยิงเสรจ็ หามไก เก็บปนใสซอง ถอื เปนการยงิ ๑ ครง้ั ยงิ จํานวน ๕ ครงั้ ๕. ผยู งิ ยนื ทร่ี ะยะ ๗ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั อาวธุ ปน บรรจกุ ระสนุ พรอ มยงิ หา มไก เกบ็ ปน ใสซ อง เมอ่ื ไดร บั สญั ญาณ เรม่ิ ยิง ชกั อาวุธปน ออกจากซอง ปฏบิ ัตติ าม ๖.๒ ยงิ จํานวน ๑ นัด ภายในเวลา ๒ วนิ าที เมือ่ ยงิ เสร็จ หามไก เก็บปนใสซ อง ถอื เปนการยงิ ๑ ครง้ั ยงิ จํานวน ๕ ครัง้ ๖. ผยู งิ ยนื ทร่ี ะยะ ๗ เมตร ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เมื่อไดรับ สญั ญาณเรม่ิ ยงิ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ปฏบิ ตั ติ าม ๖.๒ ยงิ จาํ นวน ๑ นดั ภายในเวลา ๑.๕ วนิ าที เมือ่ ยงิ เสรจ็ หามไก เก็บปน ใสซ อง ถอื เปน การยงิ ๑ คร้ัง ยิงจาํ นวน ๕ ครง้ั

๘๑ ขั้นตอนท่ี ๓ ยิงเปาหุนเงาคน ท่รี ะยะ ๗ เมตร กระสุนปนจาํ นวน ๔๐ นดั ๑. ผูยิงยืนในทาพรอมตอสูดวยมือเปลา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปน ซองละ ๑ นัด จาํ นวน ๒ ซอง อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เกบ็ ปน ใสซอง ซองกระสนุ ปน สํารองอยูในซองใสซองกระสุนปนติดอยูขางลําตัวผูยิง เม่ือไดรับสัญญาณเร่ิมยิง ชักอาวุธปนออก จากซอง ปฏบิ ัตติ าม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด แลว เปลีย่ นซองกระสนุ ปน ยงิ อกี ๑ นดั เปน การยิงแบบ ตอ เนื่อง หามไก เกบ็ ปน ใสซอง ถือเปนการยงิ ๑ คร้งั ยงิ จาํ นวน ๑๐ คร้งั ๒. ผยู งิ ยนื ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน ชนดิ ฝก ซอ มจาํ นวน ๑ นดั และกระสนุ ปน จรงิ จาํ นวน ๑ นดั เมอ่ื บรรจกุ ระสนุ ปน ใสต วั ปน ใชก ระสนุ ปน ชนิดฝกซอมบรรจุใสเขารังเพลิง อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เมื่อได รับสัญญาณเร่ิมยิงชักอาวุธปนออกจากซอง ปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงลักษณะการแกไขเหตุติดขัดของ อาวุธปนในกรณกี ระสุนปน ดา น แลวยงิ จาํ นวน ๑ นัด หามไก เก็บปน ใสซ อง ถือเปนการยิง ๑ ครงั้ ยิงจาํ นวน ๑๐ ครง้ั ๓. ผยู งิ ยนื ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จํานวน ๑ นัด อาวุธปนข้ึนลําเล่ือนปนแตไมไดบรรจุกระสุนปนเขารังเพลิง หามไก เม่ืออาวุธปน ข้ึนลําเลื่อนปนเรียบรอยจึงบรรจุซองกระสุนปนใสตัวปน เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณเร่ิมยิง ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ปฏบิ ตั ติ าม ๖.๒ ยงิ ลกั ษณะการแกไ ขเหตตุ ดิ ขดั ของอาวธุ ปน ในกรณกี ระสนุ ปน ไมบรรจุเขารงั เพลิง แลวยงิ จํานวน ๑ นัด หา มไก เก็บปน ใสซ อง ถือเปนการยิง ๑ ครง้ั ยิงจํานวน ๑๐ ครัง้ ขั้นตอนที่ ๔ ยิงเปาหุน เงาคน ทร่ี ะยะ ๗ เมตร กระสนุ ปนจาํ นวน ๒๐ นัด ๑. ผยู งิ ยนื หนั ดา นขวาเขา หาเปา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั อาวธุ ปน บรรจกุ ระสนุ พรอ มยิง หามไก เก็บปน ใสซอง เมื่อไดร บั สัญญาณเริม่ ยิงใหท ําขวาหัน หันหนาเขาหาเปา ชกั อาวุธปนออกจากซอง ปฏบิ ัติตาม ๖.๒ ยงิ จาํ นวน ๑ นัด เมื่อยิงเสร็จหามไก เกบ็ ปน ใสซอง ถอื เปนการยิง ๑ คร้ัง ยงิ จํานวน ๕ คร้งั ๒. ผยู งิ ยนื หนั ดา นซา ยเขา หาเปา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นัด อาวธุ ปน บรรจุกระสนุ พรอ มยิง หามไก เกบ็ ปนใสซอง เมอื่ ไดร บั สญั ญาณเร่มิ ยิงใหท าํ ซายหัน หันหนา เขา หาเปา ชกั อาวธุ ปนออกจากซอง ปฏิบตั ติ าม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด เม่อื ยิงเสร็จหามไก เกบ็ ปน ใสซ อง ถอื เปน การยิง ๑ ครงั้ ยิงจํานวน ๕ ครัง้ ๓. ผูยิงยืนหันหลังเขาหาเปา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นดั อาวุธปนบรรจกุ ระสุนพรอ มยิง หามไก เกบ็ ปน ใสซ อง เมอื่ ไดร บั สัญญาณเรม่ิ ยงิ ใหท าํ กลบั หลงั หนั ทางขวา หนั หนาเขาหาเปา ชกั อาวธุ ปนออกจากซอง ปฏบิ ตั ติ าม ๖.๒ ยิงจาํ นวน ๑ นดั เม่อื ยิงเสรจ็ หา มไก เก็บปน ใสซ อง ถอื เปนการยิง ๑ ครงั้ ยิงจํานวน ๕ ครง้ั

๘๒ ๔. ผูยิงยืนหันหลังเขาหาเปา ซองกระสุนปนบรรจุกระสุนปนจํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณเริ่มยิงใหทํา กลับหลังหันทางซาย หันหนา เขาหาเปา ชกั อาวุธปน ออกจากซอง ปฏิบตั ิตาม ๖.๒ ยิงจาํ นวน ๑ นัด เมอ่ื ยิงเสร็จหามไกเกบ็ ปน ใสซอง ถือเปนการยงิ ๑ ครงั้ ยิงจาํ นวน ๕ คร้ัง ขัน้ ตอนที่ ๕ ยงิ เปา หนุ เงาคน ทร่ี ะยะ ๑๐ เมตร กระสุนปน จาํ นวน ๒๐ นัด ๑. ผยู งิ ยนื ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จํานวน ๕ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณ เร่ิมยิง ชักอาวุธปนออกจากซอง ยกปนขึ้น ลํากลองปนช้ีไปยังเปา พรอมกาวเทาไปดานหนา แลวนั่งลง มือที่จับปนดันปนไปทางเปา มือท่ีประคองปนดึงปนเขาหาตัว แขนท้ังสองขางเหยียดตึง ปลดหามไก ใชสายตาเล็งศูนยปนใหชัดเจน ยิงจํานวน ๑ นัด เมื่อยิงเสร็จ หามไก เก็บปนใสซอง ลกุ ขึน้ ยนื ถอื เปน การยงิ ๑ ครง้ั ยงิ จาํ นวน ๕ ครงั้ ๒. ผยู งิ ยนื ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จาํ นวน ๕ นดั อาวธุ ปน บรรจุกระสุนพรอ มยิง หา มไก เกบ็ ปนใสซ อง เมือ่ ไดรับสัญญาณเริม่ ยงิ ชักอาวุธปนออกจากซอง ยกปนขึ้น ลํากลองปนชี้ไปยังเปา พรอมกาวเทาไปดานหลัง แลวน่ังลง มอื ทจ่ี บั ปน ดันปน ไปทางเปา มอื ท่ปี ระคองปนดงึ ปนเขา หาตัว แขนทง้ั สองขางเหยยี ดตึง ปลดหามไก ใชสายตาเล็งศูนยปนใหชัดเจน ยิงจํานวน ๑ นัด เมื่อยิงเสร็จ หามไก เก็บปนใสซอง ลุกข้ึนยืน ถอื เปน การยงิ ๑ คร้งั ยงิ จํานวน ๕ ครง้ั ๓. ผยู งิ ยนื ในทา พรอ มตอ สดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสนุ ปน จํานวน ๑๐ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณเริ่มยิง ชักอาวุธปนออกจากซอง ปฏบิ ัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๑ นัด แลวนั่งลง ยิงอกี ๑ นัด เปน การยิงแบบ ตอเนือ่ ง เมือ่ ยิงเสรจ็ หามไก เกบ็ ปนใสซอง ลกุ ขน้ึ ยืน ถือเปน การยิง ๑ ครัง้ ยงิ จาํ นวน ๕ คร้ัง ขน้ั ตอนท่ี ๖ การฝก เดนิ ยงิ ทร่ี ะยะ ๑๕ เมตร ถงึ ๓ เมตร ยงิ เปา หนุ เงาคน กระสนุ ปน จํานวน ๒๐ นัด ¼ŒÂÙ Ô§ ยนื ทีร่ ะยะ ๑๕ เมตร ซองกระสุนปนบรรจกุ ระสนุ ปนซองละ ๑๐ นัด จํานวน ๒ ซอง อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เกบ็ ปนใสซ อง เมือ่ ไดร ับสญั ญาณเร่ิมยงิ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ปฏิบัติตาม ๖.๒ พรอ มเดนิ เขา หาเปา ยิงตามคาํ ส่งั จากระยะ ๑๕ เมตร จนถงึ ๓ เมตร โดยผูควบคุมการยิงอยดู า นหลังผูย งิ การส่ังยงิ ใหส ัง่ ยิงคร้งั ละ ๑ นดั สามารถส่ังยิงได หลายครั้งตามแตผคู วบคุมการยงิ กาํ หนดจนครบจํานวน ๒๐ นดั ขั้นตอนที่ ๗ ใชเปา วงกลม กระสนุ ปน จาํ นวน ๒๐ นัด ¼ÙŒÂÔ§ ยืนที่ระยะ ๗ เมตร ในทาพรอมตอสูดวยมือเปลา ซองกระสุนปน บรรจุกระสุนปนซองละ ๑๐ นัด จํานวน ๒ ซอง อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปน ใสซอง เมื่อไดรับสัญญาณเริ่มยิง ชักอาวุธปนออกจากซอง ปฏิบัติตาม ๖.๒ ยิงจํานวน ๒ นัด เม่อื ยิงเสร็จหา มไก เก็บปนใสซอง ถือเปน การยิง ๑ คร้ัง ยงิ จํานวน ๑๐ ครง้ั

๘๓ ¢ŒÍ ÷ การประเมนิ ผลการฝก แบงการประเมินผลเปน ๘ สถานี ใชกระสุนปนจํานวน ๒๐ นัด เปาหุนเงาคน ผรู ับการประเมนิ ผลการฝกตองมีเกณฑผ านรอ ยละ ๗๐ ข้นึ ไป มดี งั น้ี สถานีที่ ๑ ¼ÙŒÂÔ§ ยนื ทีร่ ะยะ ๓ เมตร ในทา พรอ มตอ สูดว ยมือเปลา ซองกระสุนปนบรรจุกระสนุ ปน จํานวน ๒ นัด อาวุธปนไมบรรจุกระสุนเขารังเพลิง เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณเริ่มยิง ชกั อาวธุ ปนออกจากซองช้ไี ปยังเปาพรอ มดงึ ลาํ เล่อื นปนเพ่ือบรรจกุ ระสนุ ปนเขารังเพลงิ มอื ท่จี บั ปน ดนั ปน ไปทางเปา มอื ท่ีประคองปน ดึงปนเขา หาตวั แขนทง้ั สองขางเหยียดตงึ ใชส ายตาเลง็ ศูนยปน ใหช ัดเจน ยงิ จํานวน ๒ นดั ภายในเวลา ๒.๕ วนิ าที สถานีที่ ๒ ¼ÙŒÂ§Ô ยืนท่รี ะยะ ๕ เมตร ในทาพรอ มใชอาวธุ ปน ถอื อาวธุ ปน เฉยี งลงตํ่า ซองกระสนุ ปน บรรจกุ ระสุนปนจาํ นวน ๒ นัด อาวธุ ปน บรรจุกระสนุ ปนพรอมยิง หา มไก เมอ่ื ไดร บั สัญญาณเรม่ิ ยงิ ปฏบิ ัติตาม ๖.๒ ยิงจาํ นวน ๒ นัด ภายในเวลา ๑.๕ วินาที สถานีที่ ๓ ¼ŒÂÙ Ô§ ยนื ทีร่ ะยะ ๗ เมตร ในทาพรอมตอสดู วยมอื เปลา ซองกระสุนปนบรรจุกระสนุ ปน ซองละ ๑ นดั จาํ นวน ๒ ซอง อาวุธปนไมบ รรจกุ ระสนุ ปน เขา รงั เพลงิ เกบ็ ปนใสซ อง เมื่อไดร บั สญั ญาณเรม่ิ ยงิ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซองชไ้ี ปยงั เปา พรอ มดงึ ลาํ เลอื่ นปน เพอื่ บรรจกุ ระสนุ ปน เขา รงั เพลงิ มอื ทจี่ บั ปน ดนั ปน ไปทางเปา มอื ทป่ี ระคองปน ดงึ ปน เขา หาตวั แขนทงั้ สองขา งเหยยี ดตงึ ใชส ายตาเลง็ ศนู ยปน ใหช ดั เจนยงิ จาํ นวน ๑ นัด แลว เปลย่ี นซองกระสุนปน ยงิ อกี ๑ นดั ภายในเวลา ๒.๕ วินาที สถานีที่ ๔ ¼ÙÂŒ §Ô ยนื ทีร่ ะยะ ๗ เมตร ในทา พรอ มตอสดู ว ยมอื เปลา ซองกระสนุ ปนบรรจกุ ระสนุ ปน ซองละ ๒ นัด จํานวน ๒ ซอง อาวุธปนไมบรรจุกระสุนปนเขารังเพลิง เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับ สญั ญาณเรม่ิ ยงิ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซองชไี้ ปยงั เปา พรอ มดงึ ลาํ เลอื่ นปน เพอื่ บรรจกุ ระสนุ ปน เขา รงั เพลงิ มือทจ่ี ับปนดันปนไปทางเปา มือทปี่ ระคองปน ดงึ ปนเขา หาตัว แขนทัง้ สองขา งเหยียดตึง ใชสายตาเล็ง ศูนยปน ใหชดั เจนยงิ จาํ นวน ๒ นดั แลวเปลี่ยนซองกระสนุ ปน ยิงอีก ๒ นดั ภายในเวลา ๕.๔ วนิ าที สถานที ี่ ๕ ¼ÂŒÙ §Ô ยืนทีร่ ะยะ ๗ เมตร ในทาพรอ มตอสดู วยมือเปลา ซองกระสุนปน บรรจุกระสนุ ปน ชนิดฝกซอมจํานวน ๑ นัด กระสุนปนจริงจํานวน ๑ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เม่ือไดรบั สญั ญาณเริ่มยงิ ชกั อาวธุ ปน ออกจากซอง ปฏิบัตติ าม ๖.๒ ยงิ จาํ นวน ๑ นัด แกไขเหตุตดิ ขดั แลวยงิ อกี ๑ นัด ภายในเวลา ๔ วินาที

๘๔ สถานที ่ี ๖ ¼ÂŒÙ Ô§ ยนื ทรี่ ะยะ ๑๐ เมตร ในทาพรอมตอสูดวยมอื เปลา ซองกระสุนปน บรรจุกระสนุ ปน จํานวน ๒ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับสัญญาณเริ่มยิง ชักอาวุธปนออกจากซองช้ีไปยังเปา กาวเทาไปดานหนาแลวน่ังลง มือที่จับปนดันปนไปทางเปา มอื ทปี่ ระคองปน ดงึ ปน เขา หาตวั แขนทง้ั สองขา งเหยยี ดตงึ ปลดหา มไก ใชส ายตาเลง็ ศนู ยป น ใหช ดั เจน ยิงจํานวน ๒ นดั ภายในเวลา ๓.๕ วินาที สถานีท่ี ๗ ¼ÂŒÙ §Ô ยืนทร่ี ะยะ ๑๐ เมตร ในทา พรอมตอ สูด ว ยมอื เปลา ซองกระสุนปนบรรจุกระสนุ ปน ซองละ ๒ นัด จํานวน ๒ ซอง อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เม่ือไดรับ สญั ญาณเรม่ิ ยิง ชักอาวุธปนออกจากซอง ปฏบิ ตั ิตาม ๖.๒ ยงิ จํานวน ๒ นัด เปลยี่ นซองกระสนุ ปน แลวนง่ั ลงยงิ จํานวน ๒ นัด ภายในเวลา ๖.๘ วนิ าที สถานที ่ี ๘ ¼ÙŒÂÔ§ ยืนทีร่ ะยะ ๒๐ เมตร ในทาพรอ มตอ สูดว ยมือเปลา ซองกระสนุ ปนบรรจกุ ระสนุ ปน จํานวน ๒ นัด อาวุธปนบรรจุกระสุนพรอมยิง หามไก เก็บปนใสซอง เมื่อไดรับสัญญาณเริ่มยิง ชกั อาวุธปน ออกจากซอง ปฏบิ ัตติ าม ๖.๒ ยิงจํานวน ๒ นดั ภายในเวลา ๓.๕ วินาที ¢ŒÍ ø การนับคะแนน ๘.๑ เปา หนุ เงาคนบรเิ วณพนื้ ท่อี กั ษร ต เทากับ ๑๐ คะแนน และบริเวณพน้ื ท่ี อกั ษร พ เทากบั ๕ คะแนน ๘.๒ การนบั คะแนนใหน บั คะแนนตามเสน เขตทแี่ บง ไวใ นเปา กรณรี อยกระสนุ ปน ตดั เสนแบงเขตเปาขาดใหถอื คาคะแนนตามบริเวณคะแนนทส่ี ูงกวา ๘.๓ หา มแตะตอ งหรอื สมั ผสั รอยกระสนุ ปน บนแผน เปา ตรวจสอบพบถอื เปน โมฆะ ๘.๔ การนับคะแนนใหนับคะแนนตามรอยกระสุนปนที่ปรากฏอยูในเปา โดยคะแนนทง้ั สองเปา รวมกัน ๒๐๐ คะแนน ๘.๕ กรณรี อยกระสนุ ปน เกนิ อยใู นเปา ๘.๕.๑ ตรวจสอบรอยกระสุนปนจากเปาทางซายและขวา ถามี รอยกระสนุ ปนในเปา ของทางซายหรอื ขวาไมค รบ ใหตดั คะแนนของรอยกระสนุ ปนทไ่ี ดค ะแนนตํ่าสุด ท่ปี รากฏในเปา ท่ีเกนิ ออกไป ๘.๕.๒ ถา ตรวจสอบรอยกระสนุ ปน จากเปาทางซา ยและขวาแลว ปรากฏวา มรี อยกระสุนปน ของเปาทางซา ยและขวาครบ ใหต ดั คะแนนสงู สดุ ของรอยกระสุนปน ทีเ่ กนิ ออกไป เกณฑการคิดคะแนนคิดจากจํานวนกระสุนปนบนเปาหุนเงาคนหักลบกับจํานวนกระสุน ปน รวมแตล ะสถานีท่ีผดิ กตกิ า คอื การยิงเกนิ เวลาและการยงิ ผดิ วิธหี รอื กฎแหง ความปลอดภัย

๘๕ ¢ŒÍ ù เครื่องหมายแมนปนมีลักษณะเปนรูปสี่เหล่ียมผืนผา ยกขอบ มีขนาดกวาง ๒ เซนติเมตร ยาว ๓ เซนติเมตร หนา ๐.๑๕ เซนติเมตร ที่มุมทัง้ ส่ดี า นดนุ เปนลายกนก ตรงก่ึงกลาง มีรปู ปน พกกึ่งอัตโนมัติสเี งนิ ดนุ นนู ปากกระบอกปนหันออกจากตัวผทู ่ีประดับเคร่ืองหมาย สขี อง เคร่ืองหมายเปน สีทองตามแบบทา ยบทนี้ (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเก่ียวกับคดี ลกั ษณะที่ ๕๘ ระบบการยงิ ปน ของสํานกั งานตํารวจแหงชาติ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันท่ี ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙)

๘๖ ÀÒ¾à¤Ã×èͧËÁÒ¼ٌ¼Ò‹ ¹¡ÒÃͺÃÁËÅ¡Ñ Êμ٠áÒýƒ¡Â§Ô »„¹¾¡¡è§Ö ÍÑμâ¹ÁμÑ ¢Ô Ñé¹¾é¹× °Ò¹

๘๗ ÀÒ¾Å¡Ñ É³Ð໇Òˋعà§Ò¤¹áÅÐà»Ò‡ ǧ¡ÅÁ ËÅ¡Ñ Êμ٠áÒýƒ¡Â§Ô »¹„ ¾¡ ¡§èÖ ÍÑμâ¹ÁμÑ Ô¢Ñé¹¾¹é× °Ò¹

๘๘ Å¡Ñ É³Ð·èÕ õø Ãкº¡ÒÃÂ§Ô »„¹¢Í§สํา¹¡Ñ §Ò¹ตําÃǨá˧‹ ªÒμÔ _____________ º··Õè ññ ËÅ¡Ñ Êμ٠áÒÃÂ§Ô »¹„ ¾¡¢é¹Ñ ¾é×¹°Ò¹ BASIC SHOOTING COURSE (B.S.C.) ¢Í§μíÒÃǨÀ¸Ù ÃÀÒ¤ ô _____________ หลักสูตรการยิงปนพกขั้นพ้ืนฐานของตํารวจภูธรภาค ๔ เปนหลักสูตรท่ีฝกขาราชการ ตํารวจหรือผูบังคับใชกฎหมายใหสามารถใชอาวุธปนยิงดวยมือท่ีถนัด มือท่ีไมถนัด และใชมือทั้งสอง ขา งได โดยเริม่ จากการยงิ ชา ยงิ เรง ยงิ เร็ว และยิงเปาหนุ เงาคน เพือ่ ใหผรู บั การฝกไดเ รยี นรกู ฎแหง ความปลอดภยั การใชอ าวุธปน การจับปน การเลง็ การลน่ั ไก ทาทางการยิงปน การบรรจกุ ระสุนปน การแกไขปญ หาขอ ขดั ของ กฎ กตกิ า มหี ลักเกณฑ ขั้นตอน และวิธกี ารยงิ ดังนี้ ¢ÍŒ ñ อาวธุ ปน ๑.๑ ปน พกลกู โม ขนาด .๓๘ นวิ้ .๓๕๗ นว้ิ หรอื .๔๕ นวิ้ มคี วามยาวลาํ กลอ งปน ไมเกนิ ๔ นว้ิ นํ้าหนกั ไกปนไมนอ ยกวา ๒.๕ ปอนด ๑.๒ ปนพกกง่ึ อัตโนมตั ิ ขนาด ๙ มลิ ลิเมตร ๑๐ มิลลิเมตร หรือ ๑๑ มิลลิเมตร มีความยาวลํากลอ งปนไมเ กนิ ๕.๕ นิ้ว นํ้าหนักไกปนไมน อ ยกวา ๓.๕ ปอนด อาวุธปนทุกประเภทเปนไปตามมาตรฐานของโรงงานผูผลิต ลํากลองปนไมมีการเจาะรู เพื่อลดแรงสะบดั ไมติดตง้ั เคร่ืองชว ยเลง็ หรืออปุ กรณเ สรมิ ใด ๆ เชน ศูนยพ ลาสตกิ เรืองแสง เปน ตน ¢ŒÍ ò กระสนุ ปน ๒.๑ ปน พกลกู โม ใชก ระสนุ ปน ขนาด .๓๘ นว้ิ .๓๕๗ นว้ิ หรอื .๔๕ นวิ้ จาํ นวน ๔๐ นดั ๒.๒ ปนพกกงึ่ อตั โนมัติ ใชก ระสุนปน ขนาด ๙ มิลลเิ มตร ๑๐ มลิ ลเิ มตร หรือ ๑๑ มลิ ลิเมตร จาํ นวน ๓๐ นัด ¢ÍŒ ó เปา ปน ๓.๑ เปา วงกลม จํานวน ๓ แผน ใชสาํ หรับขน้ั ตอนการยิงชา ยงิ เรง และยิงเรว็ มขี นาดและคาคะแนนตามวงตาง ๆ ดงั นี้

๘๙ วง X เสน ผาศูนยกลาง ๑.๕ น้ิว มีคา ๑๐ คะแนน วง ๑๐ เสนผาศูนยก ลาง ๓.๕ นิว้ มีคา ๑๐ คะแนน วง ๙ เสน ผาศนู ยกลาง ๖ นว้ิ มคี า ๙ คะแนน วง ๘ เสน ผา ศูนยกลาง ๘ นิ้ว มคี า ๘ คะแนน วง ๗ เสนผาศูนยก ลาง ๑๒ นิ้ว มีคา ๗ คะแนน วง ๖ เสน ผา ศูนยก ลาง ๑๕ นว้ิ มคี า ๖ คะแนน วง ๕ เสน ผาศนู ยก ลาง ๒๐ น้ิว มคี า ๕ คะแนน ๓.๒ เปา หนุ เงาคน จาํ นวน ๑ แผน มรี ปู รา งลกั ษณะคลา ยคนครงึ่ ตวั มคี วามสงู ตั้งแตศีรษะถึงเอว ๒๗ นิ้ว มีความกวางต้ังแตแขนขวาถึงแขนซาย ๒๔ น้ิว แขนขวาของเปาหุน ทาํ ทาชักปน แขนซา ยปลอ ยหอ ย บริเวณกลางลาํ ตัวมีวงกลมซอ นกัน ๓ วง วงในสดุ มตี วั อกั ษร X มีเสนผาศนู ยก ลาง ๑.๕ นิ้ว วงกลางมีเสน ผา ศนู ยกลาง ๓.๕ นิว้ วงนอกสุดมีเสน ผา ศนู ยก ลาง ๖ นวิ้ มพี นื้ ทอ่ี กั ษร ต มคี า คะแนน ๑๐ คะแนน และบรเิ วณนอกลาํ ตวั มพี นื้ ทอี่ กั ษร พ มคี า คะแนน ๕ คะแนน พน้ื ทท่ี งั้ สองมีเสน แบง คะแนน ใชส ําหรบั ขน้ั ตอนการยิงเปา หุนเงาคน ลกั ษณะของเปา ปนตาม ๓.๑ และ ๓.๒ ตามแบบทา ยบทนี้ ¢ÍŒ ô ลกั ษณะของสนาม ๔.๑ สนามตองมีความยาวจากแนวยิงถึงแนวเปา ๒๕ หลา แตละชองยิง ตองหางจากกันนับจากจุดศูนยกลางของท่ีวางปนถึงจุดศูนยกลางของที่วางปนอีกตัวหนึ่ง ยาว ๑๒๐ เซนติเมตร ๔.๒ ท่ีวางปนเปนโตะหรือแทนใชสําหรับวางอาวุธปนและอุปกรณ อน่ื ๆ มคี วามกวางไมน อยกวา ๕๐ เซนติเมตร ความยาวไมนอ ยกวา ๖๐ เซนตเิ มตร และความสูง ๗๐ – ๘๐ เซนติเมตร ๔.๓ ระหวา งชอ งยิงมีแผงก้นั ปลอกกระสุนปน ถาเปนชนิดต้งั พน้ื กวาง ๒๐๐ เซนตเิ มตร สงู ๒๐๐ เซนตเิ มตร ถาเปนชนดิ ติดบนท่ีวางปน กวาง ๑๕๐ เซนตเิ มตร สงู ๑๒๐ เซนตเิ มตร ๔.๔ บนพืน้ บริเวณแนวยิงมเี สน ระยะ ๒๕ หลา ทาสี กวา ง ๒ น้วิ ยาวตลอด แนวยิง ¢ÍŒ õ ขน้ั ตอนและวธิ กี ารยิง ๕.๑ หลักสตู รการยงิ ปนพกขัน้ พืน้ ฐานของตาํ รวจภูธรภาค ๔ แบง เปน ๒ ภาค ๕.๑.๑ ภาคทฤษฎี เปนการฝกใหรูจักกฎแหงความปลอดภัย การใช อาวธุ ปน การจับปน การเลง็ การลน่ั ไก ทาทางการยงิ การบรรจกุ ระสนุ ปน การเลิกบรรจุ การแกไ ข ปญหาขอ ขัดขอ ง กฎ กติกา และวธิ ีการยงิ ใชเ วลาไมนอยกวา ๑๖ ชัว่ โมง

๙๐ ๕.๑.๒ ภาคปฏบิ ตั เิ ปน การยงิ ดว ยกระสนุ ปน หลงั จากภาคทฤษฎี ใชเ วลา ฝก ไมน อยกวา ๑๖ ชัว่ โมง ๕.๒ หลกั สตู รการยงิ ปน พกขน้ั พนื้ ฐานของตาํ รวจภธู รภาค ๔ มี ๒ ประเภท คอื ประเภทปน พกลูกโม และประเภทปน พกก่งึ อตั โนมัติ มวี ธิ ีการยงิ แตละประเภท ดงั นี้ ๕.๒.๑ วธิ กี ารยงิ ประเภทปนพกลกู โม ข้นั ตอนท่ี ๑ การยงิ ชา มือเดียว ¼Œ¤Ù Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สัง่ “แนวยิงประจําท่”ี ¼ÙŒÂÔ§ ยืนประจําที่ระยะ ๒๕ หลา หลังท่ีวางปนในทาตรง นาํ อาวุธปน ท่ีเปด ลกู โมปนวางบนท่วี างปน พรอมกระสุนปน จาํ นวน ๔๐ นัด ¼¤ŒÙ Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô สัง่ “ตรวจอาวธุ ” ¼ÙŒÂÔ§ กาวเทาขวาไปดานหลังประมาณครึ่งกาว ลําตัวหางจาก ท่วี างปนประมาณ ๑ ฝามอื ยนื ทาํ มุมประมาณ ๔๕ องศา กับแนวยิง ใชม ือจับอาวุธปนตรวจสอบวา อาวธุ ปน อยใู นสภาพพรอ มใชง านหรอื ไม ในลาํ กลอ งปน ไมม สี ง่ิ ใดอยภู ายใน หมดุ ยดึ ตวั ปน และลกู โม ไมหลวมคลอน เสร็จแลวเปด ลกู โมป น วางปนบนที่วางปน กลับมายืนในทา ตรง ¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂÔ§ สง่ั “๕ นัด บรรจุ” ¼ÂŒÙ §Ô กา วเทา ขวาไปดา นหลงั ประมาณครงึ่ กา ว ใชม อื จบั อาวธุ ปน และกระสุนปนจํานวน ๕ นัด บรรจุกระสุนปนในลูกโมปน โดยอาวุธปนจะตองอยูเหนือท่ีวางปน ลํากลองปนช้ไี ปยังเปา เม่ือบรรจุเสร็จปด ลูกโมป น จัดทาทางการยงิ โดยใหหันขา งลําตวั ดา นมือท่ีถนัด เขาหาแนวเปา เทาหางกันประมาณ ๑ ชวงไหล จับอาวุธปนดวยมือที่ถนัด มือที่ไมถนัดเทาที่เอว ลวงกระเปา หรือใชน้ิวเก่ียวไวท่ีขอบกางเกง หามสวนใดสวนหนึ่งของรางกายสัมผัสที่วางปน เทาจะตอ งไมเ หยยี บเสนแนวยิงรอฟงคาํ สงั่ ¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ ส่ัง “ตอไปเปนการยิงชา กระสุนปน ๕ นัด ใชเ วลา ๒ นาท”ี และสงั่ ตรวจความพรอ มเปนครง้ั สดุ ทายกอ นการยิง “แนวยงิ ซา ยพรอ ม ขวาพรอม ทุกคนพรอม” ผูควบคุมชองยิงตรวจความพรอมของผูยิงอีกคร้ัง ถาขัดของหรือไมพรอม แจงให ผูควบคุมการยิงทราบและทําการแกไขใหเรียบรอย เมื่อผูควบคุมการยิงเห็นวาเรียบรอย ก็ใหส่ัง “เตรยี มตวั ระวงั ” และใหสญั ญาณเร่ิมยงิ (รวมเวลา ๕ วนิ าที ในการส่งั ) พรอ มกบั บนั ทกึ เวลา ¼ÙŒÂÔ§ เมอื่ ไดยินคําสัง่ “พรอม” ถางางนกปนยิง ใหงา งนกปน ในจงั หวะนี้ นว้ิ ช้ีจะตอ งอยูนอกโกรงไกปน ¼ÙŒÂÔ§ เม่ือไดยินคําสั่ง “เตรียมตัว ระวัง” ใหยกอาวุธปนข้ึน ลํากลองปนชี้ไปยงั เปา ในระดับสายตา แขนเหยยี ดตึง พรอ มกับใชสายตาเล็งศูนยปนใหชดั เจน น้วิ ชี้ แตะทีไ่ กปน แตยังไมตองเดนิ ไกปนหรอื เพมิ่ น้าํ หนกั การเหนีย่ วไกปน

๙๑ ¼ÙŒÂÔ§ เมื่อไดยินคําสั่งหรือสัญญาณใหเริ่มยิง โดยเวลาจะหาง จากคําสั่ง “ระวัง” ๒ วินาที ใหผูยิงเริ่มยิงได การยิงนัดตอไปจะงางนกปนหรือไมงางนกปนยิงก็ได ในขนั้ ตอนการยิงชาสามารถลดปนในระหวา งการยิงได แตตองอยภู ายในเวลา ๒ นาที เม่ือยงิ เสร็จ ใหเ ลกิ บรรจุ วางอาวธุ ปน บนทว่ี างปน ในลกั ษณะเปด ลกู โมป น กลบั มายนื ในทา ตรง รอฟง คาํ สง่ั ตอ ไป ¼¤ÙŒ Ǻ¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô เม่ือครบกําหนด ๒ นาที ใหสญั ญาณ “หยุดยิง” พรอ มกบั หยดุ เวลาและตรวจสอบ ถาเหน็ วา ผยู งิ ปฏบิ ัติถกู ตอง ใหผูควบคมุ การยิงสัง่ “ตรวจอาวธุ ” ¼ÙŒÂÔ§ ตรวจอาวุธปนตามแบบฝกวาไมมีกระสุนปนหลงเหลืออยู เสรจ็ แลว เปด ลูกโม วางอาวธุ ปน ข้นั ตอนท่ี ๒ การยงิ ชาสองมอื ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนที่ ๑ การยงิ ชา มอื เดยี ว โดยมสี วนทแี่ ตกตางกัน ดังน้ี ๑. หามผยู ิงลดปน ลงในขณะยงิ ๒. ใชม อื ท้งั สองขา งจบั ปน ยิง โดยมือท่จี ับปนดันปนไปทาง ดา นหนา ข้ันตอนที่ ๓ การยิงเรง มอื เดียว ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนท่ี ๑ การยงิ ชามอื เดียว โดยมีสว นท่ีแตกตา งกนั ดงั นี้ ๑. ใชเวลายิงชุดละ ๒๐ วนิ าที ๒. ในการยงิ แตล ะชุด หามผยู งิ ลดปนลงในขณะยิง ๓. ในขณะยงิ ผคู วบคุมการยิงไมตองเตือนเวลา ๔. หลงั จากการยงิ ชดุ แรกเสรจ็ สน้ิ ใหผ คู วบคมุ การยงิ สง่ั บรรจุ กระสุนปนชุดใหม ข้ันตอนที่ ๔ การยิงเรง สองมือ ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับข้ันตอนท่ี ๓ การยงิ เรงมือเดียว โดยมีสว นทีแ่ ตกตา งกนั ที่ใชม อื ทง้ั สองขางในการจับปน ยิง ขน้ั ตอนท่ี ๕ การยิงเร็วมอื เดียว ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนที่ ๔ การยิงเรง สองมือ โดยมสี ว นทีแ่ ตกตางกนั ที่การยิงเร็วใชเวลายิงชดุ ละ ๑๐ วินาที ขนั้ ตอนท่ี ๖ การยงิ เรว็ สองมือ ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับข้ันตอนที่ ๕ การยงิ เรว็ มอื เดียว โดยมีสว นทีแ่ ตกตา งกันทีใ่ ชม อื ท้ังสองขางในการจบั ปน ยงิ ข้นั ตอนที่ ๗ การยิงเปา หุนเงาคนมือเดียว ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับการยิงเรงและ ยงิ เรว็ โดยมีสวนท่แี ตกตา งกัน ดังน้ี

๙๒ ๑. หลังจากที่ผูยิงบรรจุกระสุนปนเสร็จแลวใหยืนในทาตรง หันหนา เขา หาแนวเปา หามจับอาวธุ ปนจนกวา จะไดรบั สญั ญาณเริ่มยงิ ๒. เมอ่ื ผยู งิ ไดรบั สญั ญาณเร่มิ ยิง ใหจ บั อาวธุ ปนและปฏบิ ตั ิ เชน เดยี วกบั การยิงเรงและยิงเร็ว ๓. ใชเวลายิงชุดละ ๑๒ วนิ าที ข้นั ตอนที่ ๘ การยิงเปาหนุ เงาคนสองมอื ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับข้ันตอนท่ี ๗ การยงิ เปา หุนเงาคนมอื เดยี ว โดยมีสว นท่ีแตกตางกันทีใ่ ชม ือท้งั สองขา งในการจบั ปนยิง ๕.๒.๒ วิธกี ารยิงประเภทปน พกกงึ่ อัตโนมัติ ข้นั ตอนท่ี ๑ การยิงชา มอื เดยี ว ¼ŒÙ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂ§Ô ส่ัง “แนวยิงประจาํ ท”่ี ¼ÙŒÂÔ§ ยืนประจําที่ระยะ ๒๕ หลา หลังท่ีวางปนในทาตรง นําอาวุธปนท่ีเปดลําเล่ือนคางไววางปนบนที่วางปน พรอมซองกระสุนปนและกระสุนปนจํานวน ๓๐ นัด ¼¤ÙŒ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สั่ง “ตรวจอาวุธ” ¼ÙŒÂÔ§ กาวเทาขวาไปดานหลังคร่ึงกาว ลําตัวหางจากท่ีวางปน ประมาณ ๑ ฝา มอื ยืนทาํ มมุ ประมาณ ๔๕ องศา กับแนวยงิ ใชม อื จับอาวุธปนตรวจสอบอาวธุ ปน วาอยูในสภาพพรอมใชงานหรือไม ในลํากลองปนไมมีสิ่งใดอยูภายใน ตรวจสอบซองกระสุนปน เสร็จแลววางปนบนท่วี างปน กลบั มายืนในทาตรง ¼Œ¤Ù Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂ§Ô สั่ง “๕ นดั บรรจุ” ¼ÙŒÂÔ§ กาวเทาขวาไปดานหลังประมาณครึ่งกาว ใชมือหยิบ กระสุนปนจํานวน ๕ นัด บรรจุกระสุนปนในซองกระสุนปน (ถามีซองกระสุนปนจํานวน ๒ ซอง ใหบรรจกุ ระสุนปนในซองกระสุนปนซองละ ๕ นดั ) จากนนั้ บรรจุซองกระสนุ ปน ใสในตัวปน โดยอาวธุ ปน จะตอ งอยเู หนอื ทว่ี างปน ลาํ กลอ งปน ชไี้ ปยงั เปา เมอื่ บรรจเุ สรจ็ ปลดลาํ เลอ่ื นปน ไปดา นหนา ในลกั ษณะ พรอมยิง น้ิวอยูนอกโกรงไกปน จัดทาทางการยิงโดยใหหันขางลําตัวดานมือที่ถนัดเขาหาแนวเปา เทาหางกนั ประมาณ ๑ ชว งไหล จบั อาวธุ ปนดว ยมือท่ถี นดั มือที่ไมถ นัดเทา ท่ีเอว ลวงกระเปา หรอื ใชน วิ้ เกยี่ วไวท ข่ี อบกางกาง หา มสว นหนงึ่ สว นใดของรา งกายสมั ผสั ทว่ี างปน เทา จะตอ งไมเ หยยี บเสน แนวยิงรอฟงคาํ สงั่ ¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¡ÒÃÂÔ§ สั่ง “ตอไปเปนการยิงชา กระสุนปน ๕ นัด ใชเวลา ๒ นาท”ี และสัง่ ตรวจความพรอ มเปน ครัง้ สดุ ทายกอ นการยงิ “แนวยงิ ซา ยพรอม ขวาพรอม ทุกคนพรอม” ผูควบคุมชองยิงตรวจความพรอมของผูยิงอีกคร้ัง ถาขัดของหรือไมพรอม แจงให ผูควบคุมการยิงทราบและทําการแกไขใหเรียบรอย เม่ือผูควบคุมการยิงเห็นวาเรียบรอย ก็ใหสั่ง “เตรียมตวั ระวัง” และใหสญั ญาณเรมิ่ ยิง (รวมเวลา ๕ วินาที ในการส่ัง) พรอมกับบนั ทึกเวลา

๙๓ ¼ÙŒÂ§Ô เม่ือไดย ินคาํ สง่ั “เตรียมตวั ” ใหยกอาวุธปน ข้นึ ลํากลองปน ชไ้ี ปยงั เปาในระดบั สายตา แขนเหยยี ดตงึ เล็งศูนยป น ใหช ัดเจน นิว้ ช้ีแตะทไี่ กปน แตย งั ไมตองเดิน ไกปน หรือเพิ่มนํา้ หนกั การเหนยี่ วไกปน ¼ÂŒÙ §Ô เมอื่ ไดย นิ คาํ สง่ั หรอื สญั ญาณใหเ รมิ่ ยงิ โดยเวลาจะหา งจาก คาํ สั่ง “ระวงั ” ๒ วินาที ใหเ ริ่มยิงได ในขั้นตอนการยิงชา สามารถลดปน ในระหวา งการยิงได เมอ่ื ยงิ เสรจ็ สน้ิ ใหเลกิ บรรจุ โดยปลดซองกระสุนปนออกจากอาวธุ ปนและเปด ลาํ เล่อื นปนคา งไว วางอาวุธปน บนทีว่ างปน กลบั มายนื ในทาตรง รอฟง คําสงั่ ตอไป ¼Ù¤Œ Ǻ¤ÁØ ¡ÒÃÂÔ§ เม่อื ครบกําหนด ๒ นาที ใหสัญญาณ “หยุดยิง” พรอมกับหยดุ เวลาและตรวจสอบ ถา เหน็ วา ผูย ิงปฏิบตั ิถูกตอง ใหผ คู วบคมุ การยิงส่ัง “ตรวจอาวุธ” ¼ÙŒÂÔ§ ตรวจอาวุธปนตามแบบฝกวาไมมีกระสุนปนหลงเหลืออยู เปด ลาํ เลอื่ นปน คา งไว วางอาวธุ ปนบนท่ีวางปน ข้นั ตอนท่ี ๒ การยงิ ชาสองมอื ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับข้ันตอนท่ี ๑ การยิงชา มอื เดียว โดยมีสวนท่ีแตกตา งกนั ดงั น้ี ๑. หา มผยู ิงลดปนลงในขณะยิง ๒. ใชมือท้ังสองขางในการจับปนยิง โดยมือที่จับปน ดันปน ไปดานหนา มืออีกขางหน่งึ ประคองปนดึงเขา หาตัว แขนท้ังสองขางเหยยี ดตงึ ขน้ั ตอนท่ี ๓ การยิงเรงมอื เดียว ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนที่ ๑ การยงิ ชามือเดียว โดยมีสวนทแ่ี ตกตางกนั ดงั นี้ ๑. ใชเ วลายิงชุดละ ๒๐ วินาที ๒. ในการยงิ แตละชดุ หา มผยู งิ ลดปน ลงในขณะยิง ๓. ในขณะยงิ ผูค วบคมุ การยิงไมต อ งเตอื นเวลา ๔. หลงั จากการยงิ ชดุ แรกเสรจ็ สนิ้ ใหผ คู วบคมุ การยงิ สงั่ บรรจุ กระสุนปน ชดุ ใหม ขน้ั ตอนท่ี ๔ การยิงเรง สองมอื ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนที่ ๓ การยงิ เรงมือเดยี ว โดยมีสว นทีแ่ ตกตางกันที่ใชม อื ท้งั สองขางในการจบั ปน ยงิ ข้นั ตอนที่ ๕ การยิงเรว็ มอื เดียว ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับขั้นตอนท่ี ๔ การยงิ เรง สองมอื โดยมีสวนทีแ่ ตกตางกันท่ีการยงิ เรว็ ใชเ วลายิงชุดละ ๑๐ วนิ าที ขั้นตอนที่ ๖ การยิงเรว็ สองมอื ใหผูควบคุมการยิงและผูยิงปฏิบัติเชนเดียวกับข้ันตอนที่ ๕ การยิงเร็วมือเดียว โดยมสี วนท่ีแตกตา งกนั ทใี่ ชม ือท้งั สองขางในการจบั ปนยงิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook