วิชา ตร. (PT) ๒๑๗๐๓ ยทุ ธวิธตี ํารวจ
ตาํ ÃÒàÃÂÕ ¹ ËÅÑ¡ÊÙμà ¹¡Ñ àÃÕ¹¹ÒÂÊÔºμíÒÃǨ ÇªÔ Ò μÃ. (PT) òñ÷ðó ÂØ·¸ÇÔ¸ตÕ าํ ÃǨ เอกสารนี้ “໹š ¤ÇÒÁÅѺ¢Í§·Ò§ÃÒª¡ÒÔ หา มมิใหผหู น่งึ ผูใดเผยแพร คัดลอก ถอดความ หรอื แปลสว นหนงึ่ สว นใด หรอื ทง้ั หมดของเอกสารนเ้ี พอื่ การอยา งอน่ื นอกจาก “à¾Íè× ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒͺÃÁ” ของขาราชการตํารวจเทาน้ัน การเปดเผยขอความแกบุคคลอ่ืนที่ไมมีอํานาจหนาที่จะมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา ¡Í§ºÑÞªÒ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ สํา¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨá˧‹ ªÒμÔ ¾.È.òõöô
1
คํานํา หลักสูตรนักเรียนนายสิบตํารวจ (นสต.) เปนหลักสูตรการศึกษาอบรมท่ีมีเปาหมาย เพื่อเสริมสรางใหบุคคลภายนอกผูมีวุฒิประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) หรือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเทา ที่เขารับการฝกอบรมมีความรู ความสามารถ และ ทักษะวิชาชีพตาํ รวจ รวมถึงพัฒนาบุคลิกภาพรางกายใหเหมาะสมสําหรับการปฏิบัติงานตํารวจ ในกลุมสายงานปองกันปราบปราม ตลอดจนเตรียมความพรอมทางดานจิตใจและวุฒิภาวะใหมี จติ สํานกึ ในการใหบ ริการเพอ่ื บําบัดทกุ ขบ ํารุงสขุ ของประชาชนเปน สาํ คญั กองบัญชาการศึกษา ไดรวมกับ ครู อาจารย และครูฝก ในสังกัดกองบังคับการ ฝกอบรมตาํ รวจกลาง และกลมุ งานอาจารย กองบัญชาการศึกษา ศูนยฝกอบรมตํารวจภูธรภาค ๑ - ๙ และกองบัญชาการตาํ รวจตระเวนชายแดน ตลอดจนผูทรงคุณวุฒิจากภายนอก จัดทําตาํ ราเรียน หลกั สตู รนกั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจชดุ นี้ ซงึ่ ประกอบดว ยองคค วามรตู า งๆ ทจ่ี ําเปน ตอ การพฒั นาศกั ยภาพ ของนกั เรยี นนายสบิ ตํารวจใหเ ปน ขา ราชการตาํ รวจทพี่ งึ ประสงคข องประชาชน เพอ่ื ใชส ําหรบั ประกอบ การเรียนการสอนนักเรียนนายสิบตํารวจใหมีความพรอมทั้งดานความรู ความสามารถ กําลังกาย และจติ ใจ จนสามารถเปน ขา ราชการตาํ รวจทป่ี ฏบิ ตั งิ านใหบ รกิ ารสงั คมและประชาชนไดอ ยา งตรงตาม ความตอ งการอยางแทจ รงิ และมคี วามพรอมในการเขาสปู ระชาคมอาเซยี น ขอขอบคุณครู อาจารย ครูฝก และผูทรงคุณวุฒิทุกทาน ที่ไดรวมกันระดมความคิด ใหคาํ ปรึกษา คาํ แนะนาํ ประสบการณที่เปนประโยชน รวมถึงการถายทอดองคความรู ที่เปนประโยชน จนทาํ ใหการจัดทําตาํ ราเรียนหลักสูตรนักเรียนนายสิบตาํ รวจสําเร็จลุลวงไดดวยดี ซ่ึงกองบัญชาการศึกษาหวังเปนอยางย่ิงวาตําราเรียนชุดน้ีคงเปนประโยชนตอการจัดการเรียน การสอนและการจัดการฝกอบรมของครู อาจารย และครูฝก รวมตลอดถึงใชเปนคูมือการปฏิบัติงาน ของขาราชการตํารวจ อันจะสงผลทาํ ใหสํานักงานตํารวจแหงชาติสามารถสรางความเชื่อมั่น ศรัทธา และความผาสุกใหแ กประชาชนไดอ ยา งแทจ ริง พลตํารวจโท ( อภิรตั นยิ มการ ) ผูบ ัญชาการศกึ ษา
1
ÊÒúÑÞ Ë¹ÒŒ ÇÔªÒ Â·Ø ¸Ç¸Ô ตÕ ําÃǨ º··èÕ ñ Â·Ø ¸Ç¸Ô Õ¡ÒÃÃÍ´¾Œ¹Í¹Ñ μÃÒ¢ͧ਌Ò˹Ҍ ·Õè Officer Safety and Survival (O.S.S.) ๑ หวั ขอ ที่ ๑ การเตรยี มรา งกาย จติ ใจ และความพรอ มในการปฏิบัติหนาที่ ๑ หวั ขอ ท่ี ๒ ระดบั การใชกําลัง ๖ หัวขอที่ ๓ อปุ กรณข องเจา หนา ทต่ี ํารวจในการปฏบิ ตั ิหนา ท่ี ๘ หัวขอ ท่ี ๔ การยนื เผชญิ เหตุ และการเผชญิ หนา - คมุ กัน (CONTACT - COVER) ๑๐ หวั ขอ ที่ ๕ การตรวจคน บุคคล และการใสก ุญแจมอื ๑๓ หวั ขอ ท่ี ๖ ยทุ ธวิธีในการจบั กมุ คนรา ย ๒๒ หัวขอท่ี ๗ การปอ งกันตัวดวยอาวธุ ท่ไี มถ ึงตาย ๒๙ หวั ขอที่ ๘ การปอ งกนั เมือ่ ถกู คนรายจ้ดี ว ยอาวุธปน ๓๑ หัวขอที่ ๙ การปองกันกรณีคนรายแยงอาวธุ ปนจากซองพกทเี่ อว ๓๔ หวั ขอที่ ๑๐ การปองกันกรณีคนรา ยใชอ าวธุ มดี ส้ัน ๓๖ º··èÕ ò ¡ÒÃࢌÒμÃǨ¤¹Œ áÅСÒû¯ºÔ Ñμ¡Ô ÒÃã¹ÍÒ¤Òà Building Entry & ôñ Close Quarter Battle (C.Q.B.) ๔๑ หวั ขอ ท่ี ๑ การใชอ าวธุ ปน ทางยทุ ธวธิ ี ๔๓ หวั ขอที่ ๒ การเปด มมุ มองโดยการแบงพนื้ ทเี่ ปน สวนๆ ๔๖ (slice the pie) การแอบดูเรว็ (quick peak) ๕๔ หวั ขอ ที่ ๓ การเขาตรวจคนอาคารของเจาหนา ที่ ๒ นาย และมากกวา ๒ นาย ๖๐ หัวขอ ที่ ๔ การตรวจคน จับกมุ ตามหมายในเคหสถาน ๖๓ หวั ขอ ท่ี ๕ เทคนคิ การใชโ ลก นั กระสนุ หัวขอท่ี ๖ การเขาเผชญิ เหตเุ มอื่ เกดิ ภัยคกุ คามขนั้ สงู º··èÕ ó ¡ÒÃËÂØ´ÂÒ¹¾Ò˹РáÅСÒäǺ¤ÁØ ¼ŒÙ¢ºÑ ¢Õè ¼ÙŒâ´ÂÊÒà ö÷ Vehicle Stop and Occupants Control (V.S.O.C) ๖๗ หวั ขอที่ ๑ หลักการเบอ้ื งตน ๗๔ หวั ขอ ท่ี ๒ การหยดุ ยานพาหนะกรณีท่ัวไป ๗๙ หัวขอ ที่ ๓ ยานพาหนะที่มคี วามเสยี่ ง ๘๓ หวั ขอ ที่ ๔ การตง้ั จุดตรวจ หรอื จุดสกัด
º··Õè ô º·ºÒ·¢Í§¼»ÙŒ ÃÐʺàËμ¤Ø ¹áá First Responder ˹ŒÒ ๑. การปฏบิ ตั ิมาตรฐานสาํ หรับเจาหนาทต่ี ํารวจผเู ผชญิ เหตุคนแรก ù÷ ๒. ขั้นตอนการปฏิบตั ิของเจาหนา ท่ตี าํ รวจผูเผชญิ เหตุคนแรก ๙๗ ๓. แนวทางการปฏบิ ตั ิที่จาํ เปนสําหรบั เจาหนา ท่ตี ํารวจผูเ ผชญิ เหตุ ๙๗ ๑๐๒ หรอื ไปถึงท่ีเกิดเหตุคนแรก ñðù ๑๐๙ º··èÕ õ Â·Ø ¸ÇÔ¸¡Õ ÒÃÃ¡Ñ ÉÒ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀѺؤ¤Åสาํ ¤ÑÞ ๑๑๑ - การรกั ษาความปลอดภยั บุคคลสาํ คญั ñòø - การรักษาความปลอดภยั ในขณะเดินทางดวยเทา ºÃóҹ¡Ø ÃÁ
๑ º··Õè ñ Â·Ø ¸Ç¸Ô Õ¡ÒÃÃÍ´¾Œ¹Í¹Ñ μÃÒ¢ͧà¨ÒŒ ˹Ҍ ·Õè Officer Safety and Survival (O.S.S.) ËÇÑ ¢ÍŒ ·èÕ ñ ¡ÒÃàμÃÂÕ ÁÃÒ‹ §¡Ò ¨Ôμ㨠áÅФÇÒÁ¾ÃÍŒ Á㹡Òû¯ÔºμÑ Ô˹ŒÒ·èÕ ñ. ͧ¤» ÃСͺ¡ÒÃÃÍ´¾¹Œ ÍѹμÃÒ¢ͧ਌Ò˹Ҍ ·èÕ ñ.ñ ¤ÇÒÁÊÁºÃÙ ³¢Í§Ã‹Ò§¡Ò (Physical Fitness) - พละกาํ ลงั และความเขมแข็ง (ไมตอ งการออกซิเจน/Anaerobic) - ความทนทาน (ตองการออกซิเจน/Aerobic) ñ.ò ÂØ·¸ÇÔ¸Õ (Tactics) - ตองฝก ทกั ษะตางๆ ทางกายภาพ (Skill) - การทํางานประสานกัน (Team) - ฝก แกไ ขสถานการณต า งๆ (Scenario) ñ.ó ÍØ»¡Ã³ (Equipment) - มกี ารฝก การใชอปุ กรณท ่นี าํ ไปใชใ นการปฏบิ ัตหิ นาท่ี - อุปกรณท ี่ใชต อ งพรอมในการใชง าน - มีความคุนเคยกับอปุ กรณนน้ั ๆ - จะตอ งดูแลบาํ รุงรักษาและใชงานไดเปน อยา งดี ñ.ô ·¡Ñ ÉÐ㹡ÒÃ㪌ÍÒÇ¸Ø »¹„ (Firearm Skills) - ยึดหลักกฎแหงความปลอดภยั ทุกครัง้ เม่ือใชอาวุธปน - ศกึ ษาระบบปฏบิ ตั กิ าร และแกไ ขเหตขุ ัดขอ งของปนท่ีใช - ฝก ฝนใหเกดิ ความคุนเคย และเกดิ ความแมนยําในการยิงอยเู สมอ - ฝก ทกั ษะในการยงิ ปน แบบตา งๆ ñ.õ ¡ÒûÃѺÊÀÒ¾¨Ôμ㨠(Mental Conditioning) - จะตองเตรียมความพรอม ตระหนักรูวาการถูกทํารายในขณะปฏิบัติ หนา ท่ีน้ัน สามารถเกดิ ไดกับเจาหนาท่ที ุกคนรวมท้ังตวั เราดวย ควรตระหนักรแู ละระมัดระวังอยเู สมอ ไมว า คนรา ยจะเปน ใคร - สรางมโนภาพถึงสถานการณท่ีอาจจะเกิดขึ้นกับเรา หมายถึง การคิด เหตกุ ารณล ว งหนา ไวก อ น และวธิ กี ารแกไ ขเมอ่ื เกดิ เหตกุ ารณน นั้ ขนึ้ เชน ถา พบเหน็ เหตกุ ารณค นทาํ รา ย รางกายซ่งึ กนั และกัน ตํารวจจะเขาไประงับเหตอุ ยางไร - ความเชื่อที่มีผลตอพฤติกรรมแบบ “ชนะ” และ “อยูรอด” จะตองนึก อยูเ สมอวาในการออกไปปฏบิ ัติหนาทีท่ กุ ครง้ั จะตอ งอยรู อดและกลบั บานอยา งปลอดภยั
๒ ¡ÒÃãªËŒ Å¡Ñ ¡®ËÁÒ »ÃСͺ¡Òû¯ºÔ ÑμËÔ ¹ÒŒ ·èÕ ÍÒÞÒ ÁÒμÃÒ ö÷ ÁÒμÃÒ ö÷ ผใู ดกระทําความผิด “ดว ยความจาํ เปน ” (๑) เพราะอยใู นทบ่ี งั คบั หรือภายใตอํานาจซึง่ ไมส ามารถหลีกเลี่ยง หรอื ขดั ขืนได หรอื (๒) เพราะเพอ่ื ใหต นเอง หรอื ผอู น่ื พน จากภยนั ตรายทใี่ กลจ ะถงึ และไมส ามารถหลกี เลย่ี ง ใหพ นโดยวิธอี ่ืนใดได เมอื่ ภยนั ตรายน้นั ตนมิไดกอ ใหเ กิดข้นึ เพราะความผิดของตน ถา การกระทาํ นั้นไมเ ปน การเกนิ สมควรแกเหตุแลว ผูนั้นไมต อ งรบั โทษ ÁÒμÃÒ öø “ผใู ดจาํ ตอ งกระทาํ การใดเพอ่ื ปอ งกนั สทิ ธขิ องตน หรอื ของผอู นื่ ใหพ น จาก ภยนั ตรายซง่ึ เกดิ จากการประทษุ รา ยอนั ละเมดิ ตอ กฎหมาย และเปน ภยนั ตรายทใี่ กลจ ะถงึ ถา ไดก ระทํา พอสมควรแกเหตุ การกระทํานน้ั เปน การปอ งกนั โดยชอบดวยกฎหมาย ผนู ัน้ ไมม คี วามผิด” »ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸Õ¾Ô¨ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ ÁÒμÃÒ øó (ÇÃä·ŒÒÂ) ถา บคุ คลซงึ่ จะถกู จบั ขดั ขวางหรอื จะขดั ขวางการจบั หรอื หลบหนหี รอื พยายามจะหลบหนี ผทู ําการจบั มอี าํ นาจใชว ธิ หี รอื ความปอ งกนั ทงั้ หลายเทา ทเ่ี หมาะแกพ ฤตกิ ารณแ หง เรอื่ งในการจบั ผนู น้ั ÍÒÞÒ ÁÒμÃÒ öù ¼Å¢Í§à¨ŒÒ˹ŒÒ·ãèÕ ªŒ¡Òí Å§Ñ à¡Ô¹ÊÁ¤ÇÃá¡‹àËμØ ÁÒμÃÒ öù ในกรณีท่ีบัญญัติไวในมาตรา ๖๗ และมาตรา ๖๘ นั้น ถาผูกระทาํ ได กระทําไป เกินสมควรแกเหตุ หรือเกินกวากรณีแหงความจําเปน หรือเกินกวากรณีแหงการจาํ ตอง กระทําเพ่ือปอ งกัน ศาลจะลงโทษนอ ยกวาทีก่ ฎหมายกาํ หนดไวสาํ หรบั ความผดิ นั้นเพียงใดกไ็ ด แตถ า การกระทํานน้ั เกดิ ข้นึ จากความตน่ื เตน ความตกใจ หรอื ความกลวั ศาลจะไมล งโทษผกู ระทาํ กไ็ ด ò. ¤ÇÒÁ¼Ô´¾ÅÒ´ ñð »ÃСÒ÷ÁÕè ռŶ§Ö ªÕÇÔμ¢Í§à¨ÒŒ ˹ŒÒ·ÕèตําÃǨ เหตุการณที่เจาหนาท่ีตํารวจเสียชีวิตในการปฏิบัติหนาที่หลายเหตุการณ เปนอุทาหรณและกระตุนใหทุกฝายท่ีเกี่ยวของตองหันมาพิจารณาทบทวนถึงการปฏิบัติหนาท่ีของ เจา หนา ทต่ี าํ รวจ จงึ ขอนาํ เอาสาเหตกุ ารเสยี ชวี ติ และบาดเจบ็ ของเจา หนา ทต่ี าํ รวจทไ่ี ดจ ากการรวบรวม ของสาํ นกั งานสอบสวนกลาง ประเทศสหรฐั อเมรกิ า (เอฟ.บ.ี ไอ.) มาประยกุ ตเ พอ่ื ใหอ ตั ราการบาดเจบ็ และสญู เสยี ชีวิตของเจา หนาทต่ี าํ รวจลดนอ ยลง ความผิดพลาด ๑๐ ประการท่เี ปน ตน เหตทุ ่ที ําใหเจาหนา ทีต่ ํารวจตองเสียชวี ิต ดังนี้ ò.ñ ¨μÔ ã¨·Õàè »¹š ¡Ñ§ÇÅ ในการออกปฏบิ ตั หิ นา ทท่ี กุ ครง้ั ควรตอ งตดั ความกงั วลออกไปจากจติ ใจใหห มด ไมวาจะเปน ปญ หาทางเศรษฐกิจ ปญ หาทางครอบครวั และปญหาอืน่ ๆ ถาอยากมชี วี ิตอยูตองละทิง้ ปญ หาไวท บ่ี า นอยา พกมนั ใสส มองออกไปปฏบิ ตั หิ นา ทดี่ ว ยเดด็ ขาด เนอื่ งจากความวติ กกงั วลหรอื ความ หมกมนุ ครนุ คดิ แตป ญ หา จะบนั่ ทอนประสทิ ธภิ าพในการปฏบิ ตั หิ นา ที่ และสญั ชาตญาณในการระวงั ภยั ใหล ดลง ไมมกี ารต่นื ตัว หรอื สง ผลใหก ารเตรียมพรอมลดลง
๓ ò.ò à¡´Ô ¤ÇÒÁàº×èÍ˹‹ÒÂ㹡Òû¯ÔºμÑ Ô˹ŒÒ·èÕ จากสถติ พิ บวา กวา ๗๐ เปอรเ ซน็ ตท เี่ จา หนา ทอี่ อกปฏบิ ตั หิ นา ทใี่ นสภาวะปกติ แลวพบเหตุการณท่ีไมคาดคิดเกิดข้ึน ซ่ึงทําใหเจาหนาท่ีตํารวจตองใชอาวุธปนในการตอสูกับคนราย เจาหนาท่ีไมไดมีการเตรียมตัวมากอน ดังน้ันความกระตือรือรนในการปฏิบัติหนาท่ีจะชวยใหมีการ เตรยี มความพรอมและต่นื ตัวอยูตลอดเวลา นอกจากนี้ผลจากการสํารวจยังพบอีกดวยวา เจาหนาท่ีตํารวจท่ีมาใหมๆ เรม่ิ ทํางานในปแ รกๆ แมจ ะยงั ไมม ีทกั ษะในการปฏบิ ัติหนา ที่ดเี พียงพอ แตม กั จะไดร บั ความปลอดภัย มากกวาเจาหนาที่ตํารวจที่คร่ําหวอดมานาน โดยเฉพาะเจาหนาท่ีท่ีปฏิบัติหนาท่ีมานานกวา ๕ ปขึ้นไป เปนชวงระยะเวลาที่มีโอกาสไดรับอันตราย อันเปนผลมาจากความเบ่ือหนาย ขาดการ ฝก อบรมเทคนิคใหมๆ และไมม ีความกระตือรอื รนในการปฏบิ ัตหิ นา ทีน่ ั่นเอง ò.ó ¾¡Ñ ¼‹Í¹äÁ‹à¾ÂÕ §¾Í ในการออกปฏิบัตหิ นาทีต่ องยดึ บัญญตั ิ ๓ ขอ คือ อยใู นท่ีอบอนุ , ไมเปยกช้ืน และอยา ใหท องวาง (Stay Warm, Stay Dry and Stay Fed) บญั ญตั ิทั้งสามขอ นีจ้ ะชว ยใหประสาท และรางกายต่นื ตัวอยูตลอดเวลา เพ่มิ ประสิทธิภาพในการปฏิบัติหนาที่ใหส งู ขนึ้ ความออ นเพลยี จากการทาํ งานหนกั หรือพกั ผอ นไมเ พยี งพอ มีผลตอ รา งกาย และอารมณ สรางความกดดันใหแกเจาหนาท่ีจนกระทั่งละเลยตอกฎเกณฑที่เก่ียวกับความปลอดภัย ดังน้ันเมื่อรูสึกเหนื่อยลาจงหยุดพักจะชวยใหรูสึกดีขึ้น เมื่อรูสึกหิวก็หาอาหารรับประทาน แตตอง ไมอ่ิมจนเกินไป เพราะน่ันจะทําใหเกิดอาการงวงนอนติดตามมา หากปฏิบัติไดดังน้ีเมื่อเผชิญกับ ปญ หากส็ ามารถรบั มอื ไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ จงจาํ ไวว า .... การเปน “ÁÍ× ÍÒª¾Õ ” μÍŒ §Ã¢ŒÙ ´Õ ¤ÇÒÁÊÒÁÒö ¢Í§μÑÇàͧáÅÐμŒÍ§ÊÒÁÒö»ÃѺμÇÑ àͧãËŒà¢ÒŒ ¡ÑºÊ¶Ò¹¡Òóä´ÍŒ ÂÒ‹ §¶Ù¡μŒÍ§àËÁÒÐÊÁ ò.ô ¡ÒÃàÅÍ× ¡ãªŒ·èกÕ าํ ºÑ§ จากสถติ พิ บวา ในการยงิ ตอ สกู บั คนรา ยของเจา หนา ทต่ี าํ รวจถงึ ๖๓ เปอรเ ซน็ ต ไมน ยิ มใชท กี่ าํ บงั อาจจะดกู ลา หาญดแี ตถ อื วา เปน การปฏบิ ตั ทิ ไ่ี มฉ ลาดเอาเสยี เลย เมอื่ มกี ารยงิ กนั เกดิ ขน้ึ อยาอยูในทเี่ ปดโลง และอยาอยรู วมกลมุ กนั โดยเฉพาะประตหู รือทางเดนิ อยา หันหลงั ใหผ ูต องสงสัย อยาโผลขึ้นดูคนรายจากดานบนของท่ีกําบัง แตจงมองดูจากดานขางแทน ในการเคลื่อนตัวเขาหา คนรายจะตองเขาทางดานไมถนัดของคนราย จะชวยใหเรามีเวลาในการตอบโตเน่ืองจากคนราย จะตอ งใชเ วลามากขนึ้ ในการเอย้ี วตวั มายงิ ในดา นทตี่ นเองไมถ นดั ในการเขา จบั กมุ จะตอ งมองดทู ม่ี อื และ อาวธุ ของคนรา ยตลอดเวลา ตองเขาทางดา นหลัง หากเปนการดกั ซุมจะตองปลอยใหคนรา ยเดนิ ผา น ไปเสยี กอน จึงจูโ จมเขาทางดานหลัง ò.õ ¤ÇÒÁ¡ÅÒŒ Ẻ⧋æ ถาคุณมีความกระหายอยากที่จะเขาจูโจมจับคนรายอยางแรงกลาเพื่อสราง วีรกรรมใหเปนเกียรติแกวงศตระกูล แตยังไมอยากตองคลุมดวยธงชาติก็จงระงับความกระหายน้ัน
๔ เอาไวกอน หยุดดู ฟง ทบทวน ใหรอบคอบ จะชวยใหมีลมหายใจตอไปไดยืนยาวข้ึน จริงอยู การเสียสละและความกลาหาญถือเปนคุณสมบัติสําคัญของเจาหนาที่ตํารวจทุกนาย แตตองเปน ความกลาหาญทสี่ มเหตุสมผลและผานการไตรตรองอยางรอบคอบแลว ò.ö ¢Ò´ÊÞÑ ªÒμÞÒ³¡ÒÃÃºÑ ÃÙÍŒ ѹμÃÒ จากสถิตขิ อง เอฟ.บี.ไอ. พบวา เจา หนา ท่ีตาํ รวจที่เสยี ชีวิตกวา ๖๐ เปอรเซ็นต ถกู คนรา ยยงิ โดยทไ่ี มม โี อกาสชกั ปน ออกจากซอง เปน การถกู ยงิ โดยไมร ตู วั หรอื กวา จะรตู วั กส็ ายเกนิ ไป อันเปนผลมาจากการขาดสญั ชาตญาณรบั รูอนั ตราย ในสถานการณท่ีดูเหมือนเงียบสงบนั้น อาจเปนอันตรายซอนเรนอยู เพ่ือความปลอดภัยจาํ เปนตองเรียนรูถึงการใชประสาทสัมผัสที่หกหรือลางสังหรณตลอดไปจนถึง ไหวพริบ การสังเกตส่งิ แวดลอ มรอบตัว พฤตกิ รรมท่ีผิดไปจากปกตกิ ็เปน สิง่ ทตี่ องสังเกต เชน ชายเสือ้ ท่ีดึงลงมาปดเอวขางใดขางหน่ึงหรือปลอยชายลงมาคลุมอยางมิดชิด การใสเสื้อคลุมทั้งที่อากาศรอน การเอามือแตะบรเิ วณเอว ตลอดจนถึงการจอ งมองอยางผิดปกติ ò.÷ ¡ÒÃÅÐàÅÂ㹡ÒÃÊѧà¡μ´ÁÙ ×ͧ͢¤¹ÃŒÒ หากมองไมเห็นมือของคนรายไดอยางชัดเจนท้ังสองขาง ขอใหสันนิษฐานไว กอนวาคนรายมีอาวุธอยูในมือ ตองปฏิบัติเชนเดียวกับคนรายที่มีอาวุธ ดวยการสั่งใหเอามือออก จากทีซ่ อนชา ๆ กรณีที่อยูใ นระยะประชดิ ใหจอ งมองตาของคนรา ยเอาไว แววตาจะบง บอกสิง่ ผดิ ปกติ ไดเปน อยางดี ขณะเดียวกนั ก็ตอ งระวังดวยวาคนรา ยอาจจะมีอาวธุ ทส่ี ามารถจะใชส ังหารคุณไดทนั ที ò.ø Å´¤ÇÒÁÃÐÁ´Ñ ÃÐÇ§Ñ àÃÇç à¡¹Ô ä» อีกสาเหตุหน่ึงที่ทาํ ใหเจาหนาที่ตํารวจเสียชีวิต คือ ความชะลาใจลดความ ระมดั ระวงั เรว็ เกนิ ไป เปด ชอ งวา งใหค นรา ยจโู จมไดโ ดยไมอ าจจะปอ งกนั ตวั เองหรอื ตอบโตไ ดท นั ในการ ตอ สู แมว า จะยงิ คนรา ยลม ลงไปแลว กจ็ งอยา ประมาท หรอื ขาดความระมดั ระวงั ในการเคลอื่ นทเี่ ขา หา มีไมนอยที่เจาหนาท่ีตองเสียชีวิต เพราะถูกคนรายที่ตนยิงจนลมลงฉวยโอกาสในตอนที่เจาหนาที่ เคลือ่ นท่เี ขาหายิงสวนออกมา ตองเตือนสติตัวเองอยูเสมอวาคนรายที่แมจะถูกยิงลมลงไปแลวอาจจะ ตอบโตไดเสมอ ในขณะเดียวกัน ก็อยายอมใหคนรายพูดหรือเคลื่อนไหวรางกายสวนใดสวนหนึ่ง จะสงั่ คนรา ยใหห นั หนา ไปทางอนื่ ในทศิ ทางตรงขา มกบั ทเ่ี ราเคลอื่ นที่ จงอยา เชอ่ื ใจคนรา ยทย่ี อมจาํ นน และวางอาวุธปน เพราะคนรายอาจทําใหตายใจและฉวยโอกาส ในขณะที่เราลดความระมัดระวังลง ใชอ าวธุ สาํ รองทซ่ี กุ ซอ นไวม าทาํ รา ย นอกจากนี้ ยงั มคี นรา ยระดบั มสี มองเปน จาํ นวนไมน อ ยมกั มกี ารวาง “ผูชว ย” เอาไว หากเจาหนา ท่ตี ํารวจชะลา ใจ ก็จะเปนเปา ถูกซุม ยิงเสียชีวติ ไดโดยงาย ò.ù ¡ÒÃμÃǨ¤¹Œ áÅÐ㪌¡ÞØ á¨Á×ÍäÁ¶‹ Ù¡μŒÍ§ ในการจบั กมุ ตรวจคน ผตู อ งสงสยั ของเจา หนา ที่ จาํ เปน ตอ งใชค วามระมดั ระวงั เปน พเิ ศษ อยา ชะลา ใจวา เมอื่ เปน เจา หนา ทแ่ี ลว คนรา ยจะยอมจํานนงา ยๆ อนั จะนาํ ไปสคู วามผดิ พลาด ทก่ี อ ใหเกดิ การสูญเสียขึ้น ซ่ึงมีตัวอยางใหเห็นเปน อุทาหรณเ กดิ ขนึ้ อยเู สมอ
๕ เม่ือทําใหผูตองสงสัยหรือคนรายยอมจํานนแลว จงรีบใสกุญแจมือทันที แลวจึงทําการตรวจคนตัวอยางละเอียด ซึ่งเปนกฎเหล็กที่ตองปฏิบัติอยางเขมงวดและเครงครัด โดยเฉพาะอยา งยงิ่ ในระหวา งการปฏบิ ตั หิ นา ทต่ี ามลาํ พงั ไมม เี พอ่ื นรว มทมี สงิ่ ทปี่ ฏบิ ตั แิ ละจดจาํ ใหข น้ึ ใจ คอื ระหวา งเขา ประชดิ ตวั คนรา ยหรอื ผตู อ งสงสยั ตอ งถอื ปน เอาไวแ นบชดิ ลาํ ตวั เพอ่ื ปอ งกนั การถกู คนรา ย ฮึดสูเขาแยงอาวุธปนมาทําราย ตองยึดมั่นและดําเนินการตรวจคนตามระเบียบปฏิบัติอยางเครงครัด ทุกขนั้ ตอนจนเปน นสิ ยั เพือ่ ลดอัตราการเสยี่ งใหนอยท่สี ุด การตรวจคน อาวธุ ตอ งตรวจทกุ จดุ ทอ่ี าจมกี ารซกุ ซอ นเอาไว ไมว า จะเปน ทเี่ อว ทง้ั ดา นหนา ดา นหลงั ดา นขา ง โคนขา ขอ เทา ในรองเทา บทู ในกระเปา เสอื้ ในชดุ ชน้ั ในและกระเปา ถอื สําหรบั คนรา ยหรือผูต อ งสงสยั ท่ีเปน สตรี ขอพงึ ระวังอีกประการคอื อยาตายใจลดความระมดั ระวงั กรณีท่คี นรายหรือ ผูตองสงสัยแสดงอาการยอมจํานนใหตรวจคนแตโดยดี เพราะคนรายบางคนอาจหลอกลอใหเกิด ความตายใจ ลดความระมดั ระวงั ลง เพอื่ รอจงั หวะและโอกาสทจ่ี ะตอ สขู ดั ขนื คนรา ยบางคนจะพยายาม หาคําพูดมากลาวอางเบ่ียงเบนไมใหถูกตรวจคนในจุดท่ีตนเองซุกซอนอาวุธเอาไว เชน กลาวอางวา เจา หนา ทพี่ ยายามลว งเกนิ ทางเพศ เพอ่ื ใหเ จา หนา ทเ่ี กดิ ความอบั อายและอยา ละเลยไมท าํ การตรวจคน จุดที่เรนลับ เชน ที่โคนขา ไมวาจะเกิดอะไรข้ึนจะตองตรวจคนอยางละเอียด อยาละเลยเด็ดขาด อยางไรก็ตาม หากตรวจคนพบอาวุธชิ้นแรกแลว อยาดวนสรุปวาคนรายมีอาวุธเพียงแคนั้น จงตรวจคนตอไปทุกจุดที่คาดวาจะมีอาวุธ เพราะคนรายจํานวนไมนอยที่มักจะมีอาวุธซุกซอนสํารอง เอาไวอกี ò.ñð äÁÁ‹ Õ¡ÒôÙáÅàÍÒã¨ãÊ‹บําÃ§Ø Ã¡Ñ ÉÒÍÒÇØ¸»¹„ »ÃÐจาํ ¡Ò มีเจาหนาที่ตํารวจไมนอยท่ีลืมบรรจุกระสุนเตรียมพรอมเอาไวในตัวปน ใชกระสุนปนท่ีเส่ือมคุณภาพเนื่องจากเก็บรักษาไวไมถูกตองและเกาเก็บ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นใน ลกั ษณะเชนนี้ มีเจาหนา ทต่ี าํ รวจตอ งเสยี ชีวติ สูงถึง ๑๕ เปอรเซ็นต เจา หนา ที่ตํารวจซ่ึงตอ งเสีย่ งชีวติ อยูตลอดเวลา ไมร วู า จะตองเผชิญหนากบั เหตรุ า ยเมอ่ื ไหร เพ่อื ความปลอดภยั ของตนเอง จึงจําเปน ตองดูแลเอาใจใสในอาวุธประจํากาย เครื่องกระสุนและอุปกรณตางๆ ใหอยูในสภาพที่สมบูรณ พรอ มใชงานไดต ลอดเวลา ความผิดพลาดท้ัง ๑๐ ประการ อันเปนสาเหตุใหเจาหนาที่ตํารวจตองเสีย ชีวิตน้ีอาจจะไมใชเรื่องใหมอะไร แตบางทีเจาหนาที่หลายนายอาจจะหลงลืมหรือละเลยไมเครงครัด ซึ่งเปนความเจ็บปวดและเปนเร่ืองเศราเสียใจเปนอยางยิ่งทุกครั้งท่ีไดยินขาวท่ีเจาหนาที่ตํารวจ ท่ตี อ งพลชี ีพในการตอสูกับคนรายทเี่ กดิ ขนึ้ คร้งั แลวคร้งั เลา
๖ ËÇÑ ¢ŒÍ·Õè ò ÃдѺ¡ÒÃãªกŒ ําÅѧ เจาหนาท่ีตํารวจในฐานะผูบังคับใชกฎหมาย ซ่ึงสามารถใชกําลังและอาวุธในการเขา ระงับเหตุหรือคล่ีคลายสถานการณตางๆ ท่ีเกิดขึ้นใหยุติลงโดยเร็ว แตก็ไมใชวาจะใชไดตามอําเภอใจ จะตองรูตัวเองวาจะใชไดเม่ือใด มีความจาํ เปน และอยูภายใตกรอบของกฎหมายหรือไม ดังน้ัน เพื่อใหการใชกําลังของเจาหนาท่ีตาํ รวจอยูภายใตกรอบของกฎหมายและหลักมนุษยธรรม จึงตองมี แนวทางเปน หลกั ในกระบวนการตดั สนิ ใจ เพอ่ื เรยี งลาํ ดบั ขน้ั ตอนความคดิ ใหถ ถี่ ว นกอ นตดั สนิ ใจใชก าํ ลงั กอนจะพลาดพล้ังถูกดําเนินคดีอาญาหรือสอบสวนทางวินัย ซึ่งแนวทางการใชกาํ ลังท่ีวาน้ันจะตอง งายแกการเขาใจ เปนไปตามหลักเหตุผล เม่ือฝกปฏิบัติจนเคยชินก็จะชวยใหการปฏิบัติเปนไป โดยสัญชาตญาณ เพราะแนวทางการปฏิบัติดังกลาวไดถูกเขียนขึ้นจากสามัญสาํ นึกของมนุษย เมอ่ื เผชญิ เหตกุ ารณค บั ขนั เพอื่ บงั คบั การตดั สนิ ใจ “คดิ กอ นทํา” เนอื่ งจากเกยี่ วกบั ความเปน ความตาย และสามารถขยายผลใหเหตกุ ารณนน้ั รุนแรงขึน้ ได ñ. ¤ÇÒÁËÁÒ ระดับการใชกําลัง หมายถึง แนวความคิดหรือกรอบปฏิบัติเก่ียวกับข้ันตอนและ วิธีการใชกําลังและอาวุธของเจาหนาที่ตํารวจ เพื่อใชเปนแนวทางในการริเร่ิมใชกําลังหรืออาวุธใหมี ความเหมาะสมกบั สถานการณ กรอบของกฎหมาย และผลสมั ฤทธใ์ิ นการควบคมุ เหตกุ ารณ ร ะ ดั บ ก า ร ใ ช กํา ลั ง มี ลั ก ษ ณ ะ เ ป น ห ลั ก เ ก ณ ฑ ก า ร ป ฏิ บั ติ ที่ มี ค ว า ม ยื ด ห ยุ น และปรับเปลี่ยนไปไดตามสถานการณ ò. ¤ÇÒÁสํา¤ÞÑ ๒.๑ เจา หนา ทต่ี าํ รวจมคี วามจาํ เปน ในการใชก าํ ลงั หรอื อาวธุ ใหพ อสมควรแกเ หตุ ภายใตก รอบของกฎหมายไมใ หร นุ แรงเกนิ กวา เหตุ เพราะอาจถกู ดาํ เนนิ คดที งั้ ทางแพง อาญา และวนิ ยั ตลอดจนทาํ ใหเสยี ภาพพจนเ กดิ เปนเงอ่ื นไข ใหประชาชนเกลียดชงั ตาํ รวจ ๒.๒ การใชก าํ ลงั ของเจา หนา ทต่ี ํารวจ หากไมถ กู ตอ งตามแนวคดิ ในการแกไ ขปญ หา อาจทาํ ใหเ กดิ เหตกุ ารณร นุ แรง ทําใหเ จา หนา ทตี่ ํารวจ เหยอ่ื หรอื ประชาชนเสยี ชวี ติ บาดเจบ็ โดยไมจ ําเปน ๒.๓ การเขา จดั การกบั เหตกุ ารณค บั ขนั ตา งๆ เชน คนรา ยจต้ี วั ประกนั เพอ่ื หลบหนนี นั้ หากเจา หนาท่ตี ํารวจรเิ รม่ิ ใชกําลงั รนุ แรงทนั ที เชน ใชอ าวธุ ปน ยงิ ทันทอี าจทาํ ใหก ารแกป ญหายากข้นึ ó. ËÅ¡Ñ ¾é¹× °Ò¹ เจาหนาที่ตํารวจตองแสดงตนกอนการใชอาวุธ และตองแจงเตือนใหทราบ ลวงหนาวาจะมีการใชอาวุธ เวนแตการดําเนินการดังกลาวอาจทาํ ใหเจาหนาท่ีตํารวจหรือบุคคลอ่ืน เสี่ยงท่ีจะไดรับอันตรายแกชีวิตหรือแกรางกายหรือเปนท่ีชัดเจนวาไมมีความเหมาะสมหรือจาํ เปน ท่ตี อ งดําเนินการดงั กลา วในสถานการณเชนน้นั ô. ÃдºÑ ¢Í§¡ÒÃãªกŒ าํ Åѧ¢Í§à¨ŒÒ˹Ҍ ·Õèตาํ ÃǨ การใชก าํ ลงั หรอื อาวธุ ของเจา หนา ทตี่ ํารวจใหเ ปน ไปตามสถานการณแ ละพฤตกิ ารณ ของคนรา ย และสภาพแวดลอ มจากเบาไปหาหนกั ซง่ึ สามารถแบง ขนั้ ตอนการตดั สนิ ใจไวใ นการใชก ําลงั เปน ๖ ระดับ ดังนี้
๗ ÃдѺ·Õè ñ ¡ÒûÃÒ¡¯μÇÑ ¢Í§ตําÃǨ เมอื่ ตํารวจไปถงึ ทเี่ กดิ เหตผุ ทู จี่ ะกระทาํ ผดิ บางราย ก็อาจจะลมเลิกการทําผิด หรืออาจใหความรวมมือดวยดีโดยไมตองออกคําสั่ง เชน การจอดรถในท่ี หา มจอด การลักลอบเรี่ยไร การทะเลาะวิวาท ถา คนรา ยยงั ไมห ยุด ใหตาํ รวจใชกาํ ลังระดับตอ ไป ÃдºÑ ·Õè ò ¡ÒÃãªคŒ าํ ʧèÑ ´ÇŒ ÂÇÒ¨Ò ตาํ รวจใชค าํ พดู สงั่ คนรา ยใหย อมเลกิ การกระทาํ ท่ี เปนความผิด หรือการทําราย หากยอมปฏิบัติตามคําส่ังตองไมใชกําลัง ถาไมยอมปฏิบัติตามคําสั่ง ใหใชกาํ ลงั ในระดับเหมาะสม ÃдѺ·Õè ó ¡ÒÃ㪌෤¹Ô¤¡ÒäǺ¤ØÁ´ŒÇ¡ÒÂÀÒ¾ เมื่อคนรายไมปฏิบัติตามคําส่ัง ดวยวาจาแตแรก ตํารวจอาจใชเทคนิคการควบคุมตัวดวยมือเปลา หรือการกดจุด ถาหากขัดขืน ไมยนิ ยอมใหใชก ําลังในระดับทเี่ หมาะสมตอไป ÃдºÑ ·Õè ô ¡ÒÃ㪌෤¹Ô¤μͺâμŒÍÂ‹Ò§ÃØ¹áç คนรายไมปฏิบัติตามคําสั่งและ เขาโจมตีทํารายตํารวจแตไมใชอาวุธ ใหปองกันตนเองไดโดยไมใชอาวุธเชนกัน คือ การชก การเตะ การทมุ การทําใหหมดสติ หรือการใชส ารทาํ ใหเ กิดอาการระคายเคือง ÃдѺ·èÕ õ ¡ÒÃãªÍŒ ÒÇ¸Ø ·äèÕ Á¶‹ §Ö μÒ คนรา ยใชอ าวธุ และอาจทาํ อนั ตรายขนั้ บาดเจบ็ หรือเสียชีวิต และไมหยุดการกระทําหลังจากถูกแจงเตือน ใหเจาหนาท่ีตํารวจพิจารณาตอบโตได ทง้ั ไมใ ชอ าวธุ และใชอ าวธุ ทไี่ มถ งึ ตาย ไดแ ก การใชก ระบอง เครอ่ื งชอ็ ตไฟฟา กระสนุ ยาง ปน ยงิ ตาขา ย หากพจิ ารณาแลวเห็นวา ไมสามารถหยดุ หรือควบคมุ คนรา ยไดใหใ ชกาํ ลังขั้นตอ ไป ÃдѺ·èÕ ö ¡ÒÃ㪌กําÅѧ¢é¹Ñ à´ç´¢Ò´ËÃ×Í¡ÒÃãªÍŒ ÒÇØ¸»¹„ คนรายใชอ าวุธทาํ อันตราย เจา หนา ทตี่ าํ รวจหรอื บคุ คลอนื่ ทเ่ี สย่ี งตอ การไดร บั อนั ตรายแกร า งกายหรอื เสยี ชวี ติ และไมห ยดุ การกระทาํ หลังจากถูกแจงเตือน เจาหนาที่ตํารวจไมสามารถแกไขไดดวยวิธีอ่ืนเพ่ือหยุดย้ังภยันตรายท่ีกําลัง จะเกิดขึ้นภายในเวลาอันจาํ กัดใหใชอ าวธุ ปน ยิงเพอื่ หยุดยง้ั การกระทาํ ของคนรา ย สิ่งจาํ เปนท่ีควรคํานงึ ถึงวา ระดับการใชกาํ ลังของเจา หนา ทีต่ าํ รวจน้ัน ยดึ หลกั กฎหมาย เร่ืองการปองกัน เปนเหตุผลในการตัดสินใจ เน่ืองจากเปนการปองกันตัวเจาหนาท่ีผูปฏิบัติเอง หรือ ผูอื่นใหพนจากภยันตรายซ่ึงเกิดจากการกระทําท่ีฝาฝนกฎหมาย และภยันตรายนั้นใกลจะถึง และได กระทําไปพอสมควรแกเหตุ ซ่ึงในการตัดสินใจจะตองพิจารณาถึง ความรุนแรงของอาวุธ, ปฏิกิริยา และจํานวนคนราย และสิ่งที่สําคัญคํานึงถึงอาวุธของเจาหนาท่ีตํารวจที่มีใชอยูในขณะน้ันดวย เปนเครอื่ งบงชีช้ ัดวา จะใชก าํ ลังในระดับใด และตอ งไมเกนิ กวา เหตุดว ย โดยมติ องเรมิ่ ตนในระดบั ท่ี ๑ เสมอไป อาจจะเริ่มที่ระดับใดกไ็ ด แลว แตในสถานการณทก่ี ลาวมาขางตน คอื อาวุธ ปฏกิ ริ ิยา จาํ นวน คนราย และอาวุธของเจาหนาท่ีท่ีมีใชอยูในขณะนั้น และในทางกลับกันระดับการใชกําลังอาจลดลง ตามลกั ษณะของความรนุ แรงของคนรา ยในเรอ่ื งอาวธุ ปฏกิ ริ ยิ า จาํ นวนคนรา ย และอาวธุ ของเจา หนา ที่
๘ ËÑÇ¢ŒÍ·Õè ó ÍØ»¡Ã³¢Í§à¨ÒŒ ˹Ҍ ·èÕตาํ ÃǨ㹡Òû¯ºÔ ÑμÔ˹ŒÒ·èÕ ñ. à¢Áç ¢Ñ´Â·Ø ¸ÇÔ¸Õ ประกอบอปุ กรณด ังตอ ไปน้ี - ทางดา นมือถนดั ของเจา หนา ท่ี ไดแ ก กุญแจมือ, ซองปน และอาวธุ ปน - ทางดานซายมือของเจาหนาที่ ไดแก ไฟฉาย, ซองแม็กกาซีน, ซองกระบอง และกระบองยืดขยาย, วทิ ย,ุ สเปรยพ ริกไทย รายละเอียดตามรูปท่ี ๓.๑ - ๓.๕ รปู ๓.๑ รูป ๓.๒ รูป ๓.๓ รูป ๓.๔ รปู ๓.๕ - อุปกรณตางๆ ท่ีอยูบนเข็มขัดยุทธวิธี สามารถเปลี่ยนแปลงตําแหนงไดตาม ความเหมาะสมแลวแตความถนดั ของแตละบคุ คล แตใ หส ามารถรูวาอุปกรณอ ยตู รงบรเิ วณไหน - ใหจดจําตําแหนงของอุปกรณตางๆ วาอยูตรงไหน เพ่ือสามารถหยิบใชได โดยอัตโนมตั ิ โดยไมตอ งละสายตามาดทู อี่ ุปกรณ ¢ÍŒ ¤ÇÃÃÐÇ§Ñ ดา นหลงั ของเขม็ ขดั ยทุ ธวธิ ี ไมค วรใสอ ปุ กรณใ ดๆ ไว เนอื่ งจากบรเิ วณ ดานหลังของคนเราจะตรงกับกระดูกสันหลัง ถาใสอุปกรณไวดานหลังเมื่อเกิดอุบัติเหตุลมลง อาจทาํ ใหก ระดูกสนั หลงั ไดรับบาดเจบ็ ได
๙ ò. ÍØ»¡Ã³¾ ÔàÈÉ»ÃÐจาํ öÊÒÂμÃǨ äÁ§Œ Ò‹ Á (อปุ กรณค ้าํ ยนั ) เปน อปุ กรณป ระจํารถยนตส ายตรวจ ไวใ ชใ นกรณตี อ งการ เขาควบคุมความเสย่ี ง (เก่ียวกับบคุ คลท่คี ลุมคลง่ั , บุคคลที่มอี าวุธไม มีด) ทเี่ ปนอนั ตรายตอ เจา หนา ท่ี ในลักษณะนาํ อปุ กรณ เกย่ี ว ดงึ ดนั เพือ่ ทาํ ใหลม เสียการทรงตวั แลว เขาจบั ตามหลักยทุ ธวิธี ตอ ไป û٠Ẻ äÁŒ§‹ÒÁ (Í»Ø ¡Ã³ค้ําÂ¹Ñ ) ÃÙ»¡ÃÐÊ¹Ø ÂÒ§ การใชกระสุนยาง เปนอุปกรณประจาํ รถยนตสายตรวจ ใชเพ่ือยับยั้งภัยคุกคาม ทม่ี ีความเสยี่ งสาํ หรับเจา หนาท่ี เชน มีด…
๑๐ ËÑÇ¢ŒÍ·èÕ ô ¡ÒÃÂ¹× à¼ªÞÔ àËμØ áÅСÒÃ༪ÞÔ Ë¹ÒŒ -¤ÁØŒ ¡¹Ñ (CONTACT - COVER) ñ. ¡ÒÃÂ׹༪ÔÞàËμØ (Ready Stance) เปนการยืนในลักษณะทาเตรียมพรอม เมื่อตํารวจตองเผชิญหนาอยูกับบุคคลตองสงสัยในสถานการณตางๆ ในเบ้ืองตนเรายังไมทราบวา บุคคลตองสงสัยดังกลาวนั้น เปนคนดีหรือคนราย ดังน้ัน เพื่อความปลอดภัยตํารวจจะตองเตรียม พรอมรับมือกับเหตุการณที่จะเกิดขึ้น และไมประมาทโดยเด็ดขาด เพราะบุคคลตองสงสัยอาจจะ กลายเปนคนราย ตอสูขัดขวางการปฏิบัติหนาท่ีหรือวิ่งหลบหนี เราจึงตองพรอมท่ีจะตอสู ปองกันตัวหรือว่ิงไลติดตามจับกุมคนราย การยืนทาเตรียมพรอม จึงเปนทาพื้นฐานท่ีสําคัญ ของทาตางๆ ในยุทธวิธีการตรวจคนจับกุม และในยุทธวิธีการตอสูปองกันตัวดวย โดยมีหลักปฏิบัติ ดงั นี้ ๑.๑ ยนื ในลกั ษณะลําตวั ตรง เทาทงั้ สองขางหางกันประมาณ ๑ ชว งไหล ยอ เขา ท้งั สองขางเล็กนอย เพ่อื เตรยี มพรอมในการเคล่ือนไหวตัวอยา งคลองแคลว ๑.๒ มือทั้งสองขางอยูดานหนาโดยวางไวที่บริเวณแนวเข็มขัด มือทั้งสองขางจะ ประสานกันหรือไมก็ได ทั้งนี้ เพ่ือสําหรับการใชมือและแขนไดอยางรวดเร็ว ในการตอสูปองกันตัว การจบั กุม หรอื การใชอ าวธุ ปน ทพ่ี กอยบู รเิ วณเอว หรือการหยบิ ใชอ ปุ กรณต างๆ ตามความเหมาะสม และจาํ เปน ๑.๓ ยืนหันหนาเขาหาบุคคลตองสงสัย ในระยะหางประมาณสองชวงแขน เพื่อใหม ีระยะหา งเพียงพอที่จะหลบหลกี ปอ งกันตัวจากการจโู จมของบคุ คลตอ งสงสัย หรอื เขาทําการ จับกมุ เมือ่ บคุ คลตอ งสงสยั พยายามหลบหนี ๑.๔ สายตาจบั จอ งอยทู บี่ คุ คลตอ งสงสยั ตลอดเวลาเพอ่ื สงั เกตมอื ของผตู อ งสงสยั สีหนา แววตา อากัปกริ ิยา ทา ที และการโตตอบวาจะมีปฏิกริ ยิ าตอบสนองตอคาํ สงั่ และการปฏบิ ตั ิ หนาท่ีของตํารวจอยางไร ทั้งนี้ เพ่ือจะไดเตรียมพรอมรับมือกับสถานการณนั้นอยางเหมาะสม รายละเอียด ตามรปู ๔.๑ - ๔.๖ รปู ๔.๑ รปู ๔.๒ รปู ๔.๓ รปู ๔.๔ รปู ๔.๕ รูป ๔.๖
๑๑ ทายนื มือระดบั อก (FI Stance) (Empty hand low-ready) ò. ¡ÒÃ༪ÞÔ Ë¹ÒŒ - ¤ŒÁØ ¡¹Ñ (CONTACT - COVER) หมายถงึ หลักการทาง ยุทธวิธีตาํ รวจที่กาํ หนดบทบาท และหนาที่ของตาํ รวจ ๒ ฝายหรือ ๒ คน ท่ีเปนคูตรวจ ในการเขา เผชิญหนากับคนราย โดยแยกหนา ท่ไี ดด ังตอไปนี้ ก. ตํารวจผูเผชิญหนา (CONTACT OFFICER) คือ ตาํ รวจผูทรี่ ับผิดชอบใน การเขาไปเผชิญหนากับคนรายเพ่ือปฏิบัติหนาท่ีตางๆ เชน การสอบถาม การตรวจคนจับกุม และ เปน ผูอ อกคาํ ส่งั บังคบั หรือสั่งใหคนรายทาํ ตาม ข. ตาํ รวจผคู มุ กนั (COVER OFFICER) คอื ตาํ รวจผซู ง่ึ รบั ผดิ ชอบในการรกั ษา ความปลอดภัยใหแกตํารวจผูเผชิญหนา โดยจะคอยเฝาดูอาการกิริยาของคนรายหรือผูตองสงสัย ตลอดเวลา เฝาฟงวิทยุ การพูดวิทยุ เฝาดูเกี่ยวกับพยานวัตถุตางๆ ในตัวผูตองสงสัย และมีหนาที่ ในการปอ งกนั ยบั ยงั้ การหลบหนหี รอื การโจมตขี องคนรา ย และการสงั เกตพน้ื ทโี่ ดยรอบตนเองในระยะ ๓๖๐ องศา ò.ñ ¤ÇÒÁสํา¤ÑÞ เปนหลักการปฏิบัติเพ่ือความปลอดภัยของเจาหนาท่ีตํารวจ ในขณะเขา เผชิญหนากับผูตอ งสงสัยหรือคนรายในรปู แบบตา งๆ โดยสว นมากใชก บั ตํารวจทเ่ี ปนคูตรวจ จาํ นวน ๒ คน ò.ò ËÅ¡Ñ ¡Òþé×¹°Ò¹ - เมอื่ ตาํ รวจจะเขา เผชญิ หนา กบั คนรา ยหรอื ผตู อ งสงสยั ใหต าํ รวจเรมิ่ ตกลง กันวา ใครจะเปนผูเผชญิ หนา และใครจะเปนผูคมุ กนั
๑๒ - ในการเขา เผชญิ หนา กบั ผตู อ งสงสยั ใหต าํ รวจผเู ผชญิ หนา เปน ผอู อกคาํ สงั่ ใหผูตองสงสัยหยุดและเร่ิมปฏิบัติตามภารกิจ เชน การสอบถาม โดยตํารวจผูเผชิญเหตุตองยืนอยู หา งจากผตู อ งสงสยั ประมาณ ๒ ชว งแขน โดยยนื เยอ้ื งกบั ผตู อ งสงสยั ทางดา นซา ยหรอื ดา นขวาเลก็ นอ ย (รปู ๔.๗) - ตํารวจผูคุมกันตองยืนระยะหางเพียงพอท่ีผูตองสงสัยจะไมสามารถเขา แยงปนได โดยระยะหา งแบบหลกั การระยะปลอดภยั และยนื ทาํ มุมในลกั ษณะตัววี แตไ มเ กนิ ตัวแอล (หา มยนื ในลกั ษณะตวั ไอเดด็ ขาด) กบั ตาํ รวจผเู ผชญิ หนา หากเปน คนรา ยสาํ คญั ตาํ รวจผคู มุ กนั อาจตอ ง ยกปนขึ้นเล็งไปทางคนราย สวนตํารวจผูเผชิญหนาไมตองชักอาวุธปนออกจากซองแตอยางใด สว นการเขา หาคนรา ยนน้ั ใหเ ดนิ เยอ้ื งกบั คนรา ย โดยอยา หนั ดา นทพ่ี กอาวธุ ปน เขา ใกลค นรา ย (รปู ๔.๘) - ในกรณีท่ีคนรายหรือผูตองสงสัยขัดขืนตอสู ตํารวจผูเผชิญหนาจะตอง ถอยหลังหรือเคลื่อนท่ีออกใหหางจากตัวผูตองสงสัยหรือคนรายทันที โดยถอยหลังมาตามทิศทาง ทเี่ ขา ไป เพอื่ จะไดไมขวางแนววถิ กี ระสุน หรอื ขัดขวางการใชอ าวุธปน ของตํารวจผคู ุมกนั (รปู ๔.๙) รปู ๔.๗ รูป ๔.๘ รปู ๔.๙ ËÁÒÂàËμØ - เม่ือตํารวจผูเผชิญหนาเขาไปปฏิบัติหนาที่และเปลี่ยนมุมไป เชน เขาคนทาง ขวาแลวเปล่ียนมาคนทางซายใหผูคุมกันยืนหาตําแหนงใหมท่ีเหมาะสมตามหลักแนวการยิงเพ่ือมิให อยูใ นแนววิถีกระสนุ - สําหรับตําแหนงตํารวจผูเผชิญหนา และผูคุมกัน สามารถสับเปล่ียน ตําแหนงระหวางกันไดตามความเหมาะสม เชน ตํารวจผูทําหนาท่ีผูเผชิญหนามาทําหนาที่ผูคุมกัน สวนตาํ รวจที่ทําหนาท่ีผคู ุมกนั มาทําหนา ท่ีผูเ ผชิญหนาก็ได ท้ังน้ตี ามความเหมาะสมและสถานการณ ท่เี กดิ ขึ้น
๑๓ ËÑǢ͌ ·èÕ õ ¡ÒÃμÃǨ¤¹Œ ºØ¤¤Å áÅСÒÃãÊ‹¡ØÞá¨ÁÍ× ñ. ¡ÒÃμÃǨ¤¹Œ º¤Ø ¤Åã¹·èÊÕ Ò¸ÒóР- ป.วอิ าญา มาตรา ๙๓ หา มมใิ หทําการคน บุคคลใดในท่ีสาธารณสถาน เวน แต พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจเปนผูคนในเม่ือมีเหตุอันควรสงสัยวาบุคคลนั้นมีส่ิงของในความ ครอบครองเพอ่ื จะใชใ นการกระทาํ ความผดิ หรอื ซงึ่ ไดม าโดยการกระทําความผดิ หรอื ซงึ่ มไี วเ ปน ความผดิ ·‹Ò¤Œ¹ºØ¤¤Å·èÇÑ ä» - ทาคนบุคคลทั่วไป เปนการปฏิบัติ เพื่อลดภาพการปฏิบัติหนาท่ี ในลักษณะ ผทู ถี่ กู คน (ยงั ไมม คี วามผดิ แตต อ งสงสยั หรอื ตรวจผา นตามสถานท)่ี โดยใชร ปู แบบ ใหบ คุ คลทเี่ จา หนา ท่ี ขอคน กางแขนออกเลก็ นอ ย ยนื สบาย ๆ เจา หนา ทม่ี อื จบั ขอ ศอก ศอกสมั ผสั ไหล แลว ทําการตรวจคน - ในกรณี เจา หนา ที่ ๒ คน ชว ยคน เพราะอาจมพี ฤตกิ ารณท อ่ี าจโตต อบเจา หนา ที่ หรือเปน การชว ยควบคุมในการปฏบิ ัติ - เปน การเพ่มิ บทบาทของคบู ัดดี้
๑๔ ·‹Ò¤Œ¹ºØ¤¤Å·ÑÇè ä» (¨¹·. ò ¤¹) ò. ¡ÒÃμÃǨ¤¹Œ ºØ¤¤Å ·‹Ò·Õè ò ¡ÒÃμÃǨ¤¹Œ ºØ¤¤Åã¹·Ò‹ Â¹× ข้ันตอนท่ี ๑ ใหตํารวจผูทําหนาท่ีผูเผชิญหนาเปนผูตรวจคน สวน ตํารวจผูคุมกันยืนอยูเฉียงไปทางดานหลัง ทํามุมเปนรูปตัววีแตไมเกินตัวแอล กับตํารวจผูเผชิญหนา จากน้ันตํารวจผูเผชิญหนาออกคําส่ังใหผูตองสงสัยหยุดแลวชูมือทั้งสองขางไวเหนือศีรษะ หมุนตัว หันไปดานหลังอยางชาๆ แลวนํามือประสานกันไวเหนือศีรษะหันฝามือหงายข้ึนดานบน แลวเอา หลังมือวางไวบนศีรษะ กางขาออกกวา งๆ (รปู ๕.๑) ขนั้ ตอนที่ ๒ เจาหนาท่ีตํารวจผูเผชิญหนา เดินเขาหาผูตองสงสัยทาง ดานหลัง กรณีตํารวจผูเผชิญหนา อยูเย้ืองไปทางดานขวาของผูตองสงสัย ใหเดินเขาทางดานขวา ของผูตองสงสัย ใชเทาซายเก่ียวเทาขวาของผูตองสงสัยไว แลวใชมือซายจับมือทั้งสองขางของ ผูตองสงสัยไว แขนเหยียดตรง จากนั้นใชมือขวาคนตัวต้ังแตระดับเอวถึงศีรษะ เม่ือจะคนชวงลาง ออกคําส่ังใหผูตองสงสัยยอตัวลง แลวใชมือขวาคนตั้งแตเอวลงไปจนถึงปลายเทาของผูตองสงสัย (รปู ๕.๒) ขน้ั ตอนที่ ๓ กรณีตองการคนอีกดานของผูตองสงสัย ใหผูตรวจคน ทําสลับขางมือและเทากับอีกดานหน่ึง สวนตํารวจผูคุมกันก็เปลี่ยนตําแหนงไปยืนคุมกันอีกดานหน่ึง โดยทาํ มมุ เปน รปู ตวั วแี ตไ มเกินตวั แอล เชนกัน (รูป ๕.๓)
๑๕ รปู ๕.๑ รูป ๕.๒ รูป ๕.๓ ËÁÒÂàËμØ - ในการตรวจคนบุคคลในทายืนนั้น ไมควรใหผูตองสงสัยยืนหันหนายันกําแพง ในลักษณะที่ไมเสียการทรงตัว เพราะทําใหผูตองสงสัยมีหลัก และอาจหันกลับมาใชศอกทําราย ผตู รวจคน ได ·Ò‹ ·èÕ ó ¡ÒÃμÃǨ¤Œ¹ºØ¤¤Åã¹·‹Ò¤Ø¡à¢‹ÒÁ×Í»ÃÐÊÒ¹·ÕÈè ÕÃÉÐ ขน้ั ตอนที่ ๑ ใหต าํ รวจผทู าํ หนา ทผ่ี เู ผชญิ หนา เปน ผตู รวจคน สว นตาํ รวจ ผคู มุ กันยนื อยูเฉยี งไปทางดา นหลงั ทํามมุ เปน รูปตัววีแตไ มเกินตวั แอล กบั ตํารวจผูเผชิญหนา ตํารวจ ผเู ผชญิ หนา ออกคาํ สัง่ ใหผ ูต อ งสงสยั ชมู อื ทั้งสองขา งข้นึ เหนือศรี ษะ หมนุ ตัวหันไปดา นหลังชา ๆ แลว นง่ั คกุ เขาลง นาํ มือทั้งสองขางประสานกนั ไว หันฝา มือหงายขนึ้ ดานบน นาํ หลงั มือมาวางไวบนศรี ษะ จากนัน้ สงั่ ใหนําเทา ไขวทับกนั ไว (รูป ๕.๔) ขน้ั ตอนที่ ๒ เจาหนาที่ตํารวจผูเผชิญหนา เดินเขาหาผูตองสงสัย ทางดา นหลงั กรณตี ํารวจผูเผชญิ หนา อยเู ยอ้ื งไปทางดานขวาของผตู องสงสยั ใหเดนิ เขา ทางดานขวา ของผูตองสงสัย ใชมือซายจับมือทั้งสองขางของผูตองสงสัยไว แขนเหยียดตรง จากน้ันใชมือขวาคน บริเวณลาํ ตวั ตัง้ แตร ะดบั เอวถงึ ศีรษะ และจากเอวไปถงึ ปลายเทา (รูป ๕.๕) ขัน้ ตอนที่ ๓ กรณีตองการคนอีกดานของผูตองสงสัย ใหผูตรวจคน เปล่ียนมือสลับขางกัน สวนตํารวจผูคุมกันก็เปล่ียนตําแหนงไปยืนคุมกันอีกดานหนึ่ง โดยทํามุมเปน รปู ตวั วี แตไ มเกินตัวแอลเชนกนั (รูป ๕.๖) รูป ๕.๔ รปู ๕.๕ รูป ๕.๖
๑๖ ·‹Ò·èÕ ô ¡ÒÃμÃǨ¤¹Œ ºØ¤¤Åã¹·Ò‹ ¹Í¹คว่าํ ˹ŒÒ ข้ันตอนที่ ๑ ใหต าํ รวจผทู าํ หนา ทเ่ี ผชญิ หนา เปน ผตู รวจคน สว นตาํ รวจผคู มุ กนั ยนื อยเู ฉียงไปทางดา นหลงั ทาํ มุมเปนรปู ตัววีแตไมเกนิ ตวั แอล กับตํารวจผเู ผชญิ หนา จากนน้ั ตํารวจ ผูเผชิญหนาออกคําสั่งใหผูตองสงสัยนอนคว่ําหนาลงกับพื้น กางแขน กางเทาออกใหกวาง นํามือ ทงั้ สองขา งเหยยี ดตรงไปดา นบนเหนอื ศรี ษะแลว เอามอื ประสานกนั หนั ฝา มอื ออกไปดา นหนา (รปู ๕.๗) ข้นั ตอนที่ ๒ เจา หนา ทตี่ าํ รวจผเู ผชญิ หนา เดนิ เขา หาผตู อ งสงสยั ทางดา นหลงั กรณตี าํ รวจผเู ผชญิ หนา อยเู ยอื้ งไปทางดา นขวาของผตู อ งสงสยั ออกคาํ สง่ั ใหผ ตู อ งสงสยั พลกิ ตวั ดา นซา ย เจาหนาที่ผูตรวจคน ยอตวั ลงโดยใหเขาวางทบั ท่บี ริเวณเอวของผตู อ งสงสยั ใชมอื ขวากดบริเวณไหลไว แลวใชมือซายตรวจคนบริเวณลําตัวคร่ึงซีกบนโดยเร่ิมต้ังแตเอวถึงศีรษะ สวนการตรวจคนขาชวงลาง และรองเทา สั่งใหผูตองสงสัยคอยๆ งอเขาพับมาดานหลังแลวทําการคน แทนการกมลงไปใกลเทา ของผูตอ งสงสัยเพอื่ ความปลอดภยั (รปู ๕.๘) เมื่อจะตรวจคนลําตัวอีกดานหน่ึงใหผูตรวจคนเดินออมทางปลายเทา และ ปฏิบัติในลักษณะเดียวกันแตสลับขางกัน ตํารวจผูคุมกัน ก็เปล่ียนตําแหนงไปยืนคุมกันอีกดานหนึ่ง (รปู ๕.๙) รปู ๕.๗ รปู ๕.๘ รปู ๕.๙ ò. ¡ÒÃãÊ‹¡ØÞá¨ÁÍ× ºØ¤¤ÅμŒÍ§Ê§ÊÑ ò.ñ ¡ÒèºÑ ¡ÞØ á¨Á×Í - กรณีถือกุญแจมือดวยมือขวา ใหโซหรือบานพับกุญแจมืออยูบริเวณ ฝามือขวาใหหนาเดี่ยวของกุญแจมือ ทั้งดานบนและดานลางหันออกนอกตัว สวนหนาคูของ กญุ แจมือหันเขาหาตัว (รปู ๕.๑๐) - กรณีถือกุญแจมือดวยมือซาย ใหโซหรือบานพับกุญแจมืออยูบริเวณ ฝามือซายใหหนาเดี่ยวของกุญแจมือ ทั้งดานบนและดานลางหันออกนอกตัว สวนหนาคูของ กญุ แจมอื หันเขาหาตัว (รปู ๕.๑๑)
๑๗ รปู ๕.๑๐ รปู ๕.๑๑ ò.ò ¡ÒÃãÊ‹¡ÞØ á¨Á×Í áºº·Õè ñ ËѹËÅѧÁÍ× ª¹¡¹Ñ ข้ันตอนท่ี ๑ ตาํ รวจผตู รวจคน ถอื กญุ แจมอื ดว ยมอื ขวา ออกคาํ สงั่ ใหผ ตู อ ง สงสัยนาํ มอื ท้ังสองขา งมาไวดานหลงั โดยใหหันหลังมือชนกนั นิ้วหัวแมมือตง้ั ขน้ึ ดานบน (รปู ๕.๑๒) ขน้ั ตอนท่ี ๒ ตาํ รวจผตู รวจคน เคลอ่ื นทเ่ี ขา ไปหา ใชม อื ซา ยกาํ รวบนว้ิ หวั แมม อื ทั้งสองขางของผูตอ งสงสยั (รูป ๕.๑๓) ขั้นตอนที่ ๓ ใชกุญแจมือท่ีถือดวยมือขวา ใสเขาที่บริเวณขอมือซายและ ขวาของผูตองสงสัยพรอ มกัน (รูป ๕.๑๔) ขน้ั ตอนที่ ๔ ตรวจสอบการล็อกของกุญแจมือ วากระชับแนนพอดีกับ ขอมือของผูตองสงสัยและอยูในสภาพเรียบรอยปลอดภัยดีหรือไม และกดดับเบ้ิลล็อกท่ีกุญแจดวย เพื่อปอ งกนั ไมใ หก ุญแจเล่ือนเขาออกได รปู ๕.๑๒ รูป ๕.๑๓ รูป ๕.๑๔ รูป ๕.๑๕ ¢ŒÍá¹Ðนํา - อปุ กรณก ญุ แจมอื จะตอ งดแู ลรกั ษาไมใ หเ กดิ สนมิ ไมฝ ด เพอ่ื สะดวกในการใชง าน - เม่อื ใสก ุญแจมอื ผูตองหาหรอื ผตู องสงสยั แลว ในการควบคุมตัวตองระมดั ระวัง อยาเผลอ เพราะผูท่ีถูกควบคุมอาจหาโอกาสหลบหนี โดยอาจทํารายเจาหนาที่ หรือวิ่งหนีขามถนน ซงึ่ อาจถกู รถยนตเฉี่ยวชนไดรับอนั ตรายหรือเสียชีวติ ได
๑๘ Ẻ·èÕ ò Ë¹Ñ Ë¹ÒŒ ÁÍ× à¢ÒŒ ËÒ¡¹Ñ ขนั้ ตอนที่ ๑ ตํารวจผูตรวจคนถือกุญแจมือดวยมือขวา ออกคําส่ังใหผูตองสงสัย นํามือทั้งสองขางมาไวดานหลัง มือเหยียดตรงหันฝามือเขาหากัน หางกันประมาณหนึ่งชวงไหลของ ผตู อ งสงสยั ใหน ้ิวหวั แมมอื ชล้ี งพื้น (รปู ๕.๑๖) ขัน้ ตอนที่ ๒ ตาํ รวจผตู รวจคน เคลอ่ื นทเ่ี ขา หา ใชม อื ซา ยจบั ทฝ่ี า มอื ขวาของผตู อ งสงสยั พรอมกับนํากุญแจมือท่ีถือดวยมือขวา สับใสที่ขอมือขวาของผูตองสงสัยดวยกุญแจมือท่ีอยูดานบน โดยใชน ว้ิ ชี้มอื ซา ยชวยประคองใหหนา เดยี่ วของกญุ แจมือเขา ล็อกใหเ รยี บรอย ใชม อื ขวาจบั กุญแจมอื บดิ งัดข้ึนดานบน เปน การล็อกมือของผูตองสงสัยไปในตวั อีกสว นหน่ึงดวย (รปู ๕.๑๗) ข้นั ตอนที่ ๓ ใชมือซายจับมือซายผูตองสงสัย แลวสับใสกุญแจมืออีกขางหน่ึง บริเวณขอมือซายของผูตองสงสัย โดยใชน้ิวช้ีมือซายชวยประคองใหหนาเด่ียวของกุญแจมือเขาล็อก ใหเรยี บรอย (รูป ๕.๑๗) กรณจี ะเขา ใสก ุญแจมอื ทางดา นซา ย ใหตํารวจผตู รวจคนถอื กุญแจมอื ดวยมอื ซาย แลวทําสลับขา งกันเชนเดยี วกบั การใสก ุญแจมือดว ยมือขวา รปู ๕.๑๖ รปู ๕.๑๗ รปู ๕.๑๘ ดังกลา วขา งตน ËÁÒÂàËμØ ถาตํารวจผูตรวจคนถนัดซาย ก็ใหถือกุญแจมือดวยมือซาย แลวทําตามข้ันตอน
๑๙ Ẻ·èÕ ó ÃÙ»¡ÒÃãÊ¡‹ ÞØ á¨ÁÍ× (·Ò‹ ¹èѧ) - การใสก ุญแจมอื เพิม่ การใสก ุญแจมอื ในทานงั่ ทา นอน โดยใชวิธกี ารใสกญุ แจ วิธีการเดียวกับทายืน และเพ่ิมการใสกุญแจมือ โดยใชเจาหนาท่ี ๒ คน มาชวย (เจาหนาที่คุมกัน เห็นพฤตกิ ารณ ระดบั ภัยคุกคามสูงขนึ้ ) เขามาชว ยในการใสก ญุ แจมอื (เปน การเพม่ิ การทาํ งานของคูบัดดี)้ Ẻ·Õè ô ÃÙ»¡ÒÃãÊ¡‹ ÞØ á¨ÁÍ× (·Ò‹ ¹Í¹)
๒๐ ÃÙ»¡Òû¯ºÔ μÑ Ô ËÅѧãÊ‹¡ØÞá¨ÁÍ× ã¹·Ò‹ ¹Í¹ - การปฎบิ ตั หิ ลงั ใสก ญุ แจมอื ตามหลกั ยทุ ธวธิ ี (การตรวจคน , การนาํ พาขน้ึ , การนาํ สง ดําเนนิ การตามกฎหมาย) Ẻ·Õè õ ¡ÒÃãÊ¡‹ ÞØ á¨Á×Í´ÒŒ ¹Ë¹ÒŒ ÇμÑ ¶Ø»ÃÐʧ¤ เพือ่ ใชใ นการนําพาผูต อ งหา หรือเหตุอนื่ ๆ ทเี่ หน็ สมควร ¢¹éÑ μ͹¡Òû¯ºÔ μÑ Ô ข้ันตอนท่ี ๑ ใหผูถูกใสกุญแจมือ คว่าํ มือลง โดยใหหลังมือชนกัน น้ิวหัวแมมือ ชีล้ งดา นลา ง (ตามรูป) รูป ๑.๑ รปู ๑.๒
๒๑ รปู ๑.๓ ¡ÒÃãÊ‹¡ØÞá¨Á×Í´ŒÒ¹Ë¹ŒÒ ขนั้ ตอนที่ ๒ ผใู สน าํ กญุ แจมอื ใส โดยใหร กู ญุ แจมอื หนั เขา หาตวั ผถู กู ใส แลว ทาํ การ ควบคุมนําพา (ตามรปู ) รูป ๒.๑ รปู ๒.๒ รปู ๒.๓ รปู ๒.๔
๒๒ ËÑÇ¢ŒÍ·Õè ö ÂØ·¸Ç¸Ô ãÕ ¹¡ÒèѺ¡ØÁ¤¹ÃÒŒ  การจับ หมายถึง การท่ีเจาหนาที่ฝายปกครองหรือตํารวจ หรือราษฎร ใชอํานาจตาม กฎหมายจบั ผูก ระทาํ ผิด หรอื สงสยั วากระทาํ ผดิ ทางอาญา หรือจับตามหมายจับ เพื่อนําตัวผูถูกจับไป จดั การตามกฎหมาย ñ. ËÅ¡Ñ ¾é×¹°Ò¹¢Í§¡ÒèºÑ ๑.๑ เปนการปองกันมิใหผูกระทําความผิดหลบหนี หรือตอสูขัดขวางการจับกุม ของตาํ รวจ ๑.๒ เปนมาตรการหนึ่งในการปองกันและรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรพั ยสนิ ของประชาชนท่วั ไป ๑.๓ เจาหนาท่ีตํารวจผูจับกุมตองรูขอมูลพื้นฐาน และพฤติกรรมของคนราย ที่กระทําความผิดใหมากทส่ี ุด ๑.๔ ในการดําเนินการจับกุม เจาพนักงานตํารวจจะตองแจงแกผูที่จะถูกจับนั้น ใหทราบวาเขาจะตองถูกจับ และส่ังใหผูถูกจับไปยังที่ทําการของพนักงานสอบสวนแหงทองที่ท่ีถูกจับ พรอมดวยผูจบั เวน แตส ามารถนําไปทที่ าํ การของพนกั งานสอบสวนผูรบั ผดิ ชอบไดใ นขณะนนั้ ò. ÂØ·¸ÇÔ¸ãÕ ¹¡ÒèºÑ ¡ÁØ ·Ò‹ ·èÕ ñ ·Ò‹ ËÑ¡¢ÍŒ Á×ÍËÃ×ͽ҆ ÁÍ× Ë§Ò¡ÅѺ ข้ันตอนท่ี ๑ เขา ประชดิ ตวั ผถู กู จบั ทางดา นหนา หรอื ดา นขวาของผถู กู จบั แลวมือขวาจับมือขวาของผูถูกจับ โดยใหนิ้วหัวแมมือทาบหลังนิ้วช้ีผูถูกจับ ใหเทาขวาอยูขางหนา (รปู ๖.๑) ข้ันตอนที่ ๒ กาวเทาซายประชิดตัวผูถูกจับ หมุนตัวไปทางขวาพรอม บิดฝามือของผูถูกจับหงายไปทางดานหลัง ใชแขนซายหรือฝามือซายกดบริเวณแขนขวาทอนบนของ ผูถกู จบั (รูป ๖.๒) ขัน้ ตอนท่ี ๓ ออกแรงบังคับใหผูถูกจับนอนคว่าํ หนาลงบนพื้น ถาไม สามารถนําผูถูกจับลงกับพื้นได ใหใชวิธีการหมุนตัวมาทางขวาเพื่อใหผูถูกจับเสียหลักแลวกดลงพ้ืน ใหแขนของผูถูกจับอยูระหวางเขาทั้งสองขางของผูจับ โดยใชเขาขวากดท่ีไหลหรือตนคอของผูถูกจับ เขาซายกดทีห่ ลงั ของผถู กู จบั บังคบั แขนของผถู กู จับใหต ึงและตัง้ ฉากขน้ึ พรอ มบิดขอมือของผูถกู จับไป ทางศีรษะ (รูป ๖.๓)
๒๓ รูป ๖.๑ รูป ๖.๒ รูป ๖.๓ ËÁÒÂàËμØ ในข้ันตอนที่ ๓ ถากดผูถกู จับลงพ้นื ไดแลว ใหแขนของผูถ กู จบั อยูร ะหวางเขา ทัง้ สองขาง ของผูจับ โดยใชเขาขวากดบริเวณไหลหรือตนคอของผูถูกจับ เขาซายต้ังฉากกับพ้ืนชิดกับรักแร ของผูถูกจับ บังคับแขนของผูถูกจับใหตึงและต้ังฉากข้ึน พรอมบิดขอมือของผูถูกจับไปทางศีรษะ เพอื่ บงั คบั ไมใ หผ ถู กู จบั ดน้ิ หรอื ขดั ขนื จากนน้ั ทําการใสก ญุ แจมอื โดยใหใ สท ม่ี อื ขวากอ น แลว จงึ ใสม อื ซา ย พลิกใหผูถูกจับหงายขึ้นแลวน่ังและชวยพยุงใหลุกข้ึนยืน ควบคุมตัวไปอยางใกลชิดและระมัดระวัง ดังปรากฏตามภาพ ·‹Ò·èÕ ò ·Ò‹ ËÑ¡¢ŒÍÁ×Í˧Ò ข้นั ตอนท่ี ๑ ใชม อื ซา ยจบั ทม่ี อื ขวาของผถู กู จบั เทา ซา ยอยขู า งหนา โดยใช นิ้วหัวแมมือกดระหวางน้ิวนางกับนิ้วกอยของผูถูกจับ หมุนฝามือผูถูกจับไปทางซาย โดยใชมือขวา ชวยกดที่หลังมือผูถกู จบั กดในลักษณะหมนุ ตัวชว ยไปทางซาย (รูป ๖.๔) ข้นั ตอนท่ี ๒ กาวเทาซายไปดานหลัง จากน้ันออกแรงกดท่ีหลังมือของ ผูถ ูกจับเพ่ือบังคบั ใหผ ถู กู จับลม ลงนอนหงายลงพืน้ (รูป ๖.๕) ขนั้ ตอนที่ ๓ เดนิ ออ มไปทางศรี ษะผถู กู จบั เพอื่ บงั คบั ใหผ ถู กู จบั ควํา่ หนา ลง โดยจับมือขวาของผูถูกจับอยูและดึงแขนของผูถูกจับใหตึง ใชเขาท้ังสองขางกดหลังของผูถูกจับไว สวนแขนขวาของผถู ูกจับบงั คับใหต ึงแลวต้ังฉากข้ึนพรอ มบดิ ขอมือของผูถ ูกจบั (รปู ๖.๖ และ ๖.๗) รูป ๖.๔ รูป ๖.๕ รปู ๖.๖
๒๔ ËÁÒÂàËμØ - การจบั ในทา หกั ขอ มอื หงาย ใหพ ลกิ มอื ในวงแคบ เพอื่ ใหค นรา ยเจบ็ และบงั คบั ลงไดโ ดยงา ย ซง่ึ หากยกขนึ้ สงู ผถู กู จบั อาจหมุนตัวลอดใตแขน แลวใชมืออีกขางหนึ่งตอบโต ทาํ ใหไม สามารถบังคบั ผถู ูกจบั ลงพื้นได - ระหวางการเดินออมศีรษะเพื่อบังคับใหผูถูกจับ ควา่ํ หนาลงพื้น ผูถูกจับกุมอาจขัดขืนและพยายามจะลุกข้ึน ให ผูจับกุมใชมือซายกดบังคับท่ีหลังมือขวา และนาํ มือขวามาจับ ท่ศี อกของผูถ กู จับแลว กดใหแ ขนเหยยี ดตรง (รูป ๖.๗) ·Ò‹ ·èÕ ó ·‹ÒÊÍ´¤ÅŒÍ§á¢¹ ข้นั ตอนที่ ๑ ในการเขา หาผถู กู จบั ถา เขา ทางดา นไหนใหใ ชม อื ขา งเดยี วกนั จบั ขอมอื ของผูถ ูกจับ สว นมอื อกี ขางของผจู บั ใหจับบรเิ วณขอ ศอกของผูถูกจับ (ตามรูป) ขั้นตอนที่ ๒ ละมอื ทจ่ี บั ขอ ศอก สอดผา นทางดา นหนา แขนผถู กู จบั โดยใช สันมือกดไปบรเิ วณแขนทอนบนของผูถกู จบั (ตามรปู )
๒๕ ขนั้ ตอนที่ ๓ ละมอื ทจ่ี บั ขอ มอื ชว ยกดบรเิ วณแขนทอ นบน โดยออกแรงกด ลงบนแขนทอ นบน เพ่ือใหผ ูถูกจับกม ตวั ลงใหมากท่สี ดุ (ตามรูป) (ตามรูป) ËÁÒÂàËμØ **กรณใี ชผจู ับ ๒ นาย ผเู ขาจับอีก ๑ นาย กจ็ ะปฏบิ ัติเชน เดียวกนั ในทศิ ทางตรงขาม
๒๖ ·‹Ò·èÕ ô ·Ò‹ ËÑ¡¢ÍŒ ÁÍ× ควํา่ ข้นั ตอนท่ี ๑ ผจู บั กมุ ใชม อื ขวาจบั ทขี่ อ มอื ขวาของผถู กู จบั จากทางดา นหลงั ดึงมาทางดา นขวา ใหเทา ขวาอยขู า งหนา (รูป ๖.๑๑) ขั้นตอนที่ ๒ กา วเทา ซา ยไปอยแู นวเดยี วกบั เทา ขวาของผถู กู จบั พรอ มกบั สอดแขนซา ยเขา ทรี่ กั แรข วาของผถู กู จบั กดศอกชดิ ขา งลําตวั ใชม อื ขวากดขอ มอื ขวาของผถู กู จบั ใหค วํา่ ลง (รปู ๖.๑๒) ขั้นตอนท่ี ๓ นาํ มือซายไปชวยกดบังคับท่ีหลังมือขวาของผูถูกจับ โดยให ขอศอกขวาของผูถูกจับแนบชิดติดลําตัวของผูจับกุม โดยใหทอนแขนของผูถูกจับตั้งข้ึน ออกแรงกดที่ หลงั มอื แลวพาผูถกู จบั เคลอ่ื นทไี่ ปตามท่ีตองการ (รปู ๖.๑๓) รปู ๖.๑๑ รูป ๖.๑๒ รปู ๖.๑๓ ¢ŒÍá¹Ðนํา - ถามเี จาหนาทต่ี าํ รวจ ๒ นาย อาจเขา จบั กมุ ผถู ูกจับท้งั มอื ซา ยและขวาก็ได เพอ่ื ความ สะดวกและความปลอดภยั ในการพาเคลอื่ นทีไ่ ป - กรณีท่ีมีผูประทวงหรือน่ังกีดขวางการจราจร ส่ังใหลุกไมยอมลุก เจาหนาท่ีตํารวจ สามารถใชก ารจบั ทา หกั ขอ มอื ควา่ํ พาออกจากพนื้ ที่ดงั กลาวได ·Ò‹ ·èÕ õ ·‹ÒÅç͡ᢹ¡ºÑ ลาํ μÇÑ ขั้นตอนท่ี ๑ ผจู บั กมุ เดนิ เขา ทางดา นหลงั เยอื้ งทางขวาของผถู กู จบั ใหเ ทา ขวา อยูขางหนา แลวใชม ือขวาจบั ขอมอื ขวาของผถู กู จับบดิ ใหฝา มอื หันไปขา งหลงั ขนั้ ตอนท่ี ๒ กา วเทา ซา ยไปอยแู นวเดยี วกบั เทา ขวาของผถู กู จบั ดงึ แขนขวา ของผถู กู จบั ใหตงึ และใหข อศอกของผถู กู จับอยบู ริเวณหนา อกของผจู บั กมุ (รูป ๖.๑๔)
๒๗ ขัน้ ตอนที่ ๓ หักขอมือของผูถูกจับเขาหาตัวผูจับกุม พรอมกับใชแขนซาย สอดเขาไปใตรักแรของผูถูกจับ แลวล็อกหัวไหลใหแนน บังคับพาผูถูกจับใหเดินไปตามที่ตองการ (รปู ๖.๑๕) รูป ๖.๑๔ รูป ๖.๑๕ ËÁÒÂàËμØ - ถาผูถูกจับขัดขืน ใหผูจับกุม หมุนตัวไปทางขวาแลวทิ้งน้ําหนักตัวลงเพ่ือบังคับให ผูถูกจับลงบนพ้ืน - ถากรณีมีเจาหนาที่ตํารวจ ๒ นาย อาจเขาจับล็อกแขนอีกขางหนึ่งของผูถูกจับก็ได แลว ชวยกนั บงั คับพาไป - ในการฝก ควรฝกปฏิบตั ิเขาจบั กมุ ท้งั ทางดา นขวาและทางดานซาย ·‹Ò·èÕ ö ·‹Ò¤Çº¤ÁØ นํา¾Ò ขั้นตอนท่ี ๑ ในการเขาหาผูถูกจับ ถาเขาทางดานไหนใหใชมือขางเดียวกัน จับขอมือของผูถูกจับ สวนมืออีกขา งของผจู บั ใหจับบรเิ วณขอ ศอกของผูถูกจับ (ตามรปู )
๒๘ ขน้ั ตอนท่ี ๒ มือท่ีจับขอศอก ดันไปขางหนา มือที่จับขอมือใหดึงขอมือ เขาหาลาํ ตวั โดยออกแรงสวนกัน (ตามรปู ) ขนั้ ตอนท่ี ๓ หากผูถูกจับ มีการขัดขืนตอสู ใหเพ่ิมแรงกดผูถูกจับลงสูพ้ืน ในลกั ษณะเทคดาวน (ตามรูป) ËÁÒÂàËμØ ** กรณีใชผ ูจับ ๒ นาย ผเู ขา จบั อีก ๑ นาย ก็จะปฏบิ ตั เิ ชนเดียวกนั ในทศิ ทางตรงขาม
๒๙ ËÑǢ͌ ·Õè ÷ ¡Òû‡Í§¡¹Ñ μÑÇ´ÇŒ ÂÍÒÇ¸Ø ·äèÕ Á‹¶Ö§μÒ ñ. ¡ÒÃ㪌¡Ãкͧ ñ.ñ »ÃÐàÀ·¢Í§¡Ãкͧ - กระบองยาว ๒๔ น้ิว ทําจากไมเน้ือแข็ง ลักษณะเปนทอนกลม ตลอดดา มจรดปลาย - กระบองยืดขยาย ผลิตจากเหล็กที่มีคุณภาพสูงความยาวระหวาง ๖ - ๑๐ นว้ิ นํ้าหนักอยูท่ีประมาณ ๔ - ๑๖ ออนซ แตเ มอ่ื ขยายจนสดุ แลว จะวดั ได ๑๖ - ๒๔ นิ้ว ตามขนาดความยาวของกระบอง ñ.ò ÂØ·¸Ç¸Ô ¡Õ ÒÃ㪡Œ Ãкͧ - การใชกระบองตอสูปองกันตัว ควรใชกระบองในลักษณะการปองกัน มากกวา การตที าํ รายเพ่ือภาพพจนท่ดี ขี องตาํ รวจ - หากจําเปนตองใชกระบองตีคนราย ควรมุงจุดตีท่ีอวัยวะสวนของ รางกายเฉพาะท่ีใชในการตอสูขัดขวางการจับกุมเทาน้ัน เชน มือ แขน ขา เปนตน โดยหลีกเล่ียงท่ี จะตีอวยั วะสวนของรางกายที่แตกมบี าดแผลและเลอื ดออกไดง า ย เชน ศีรษะ ใบหนา ลําคอ กระดูก สันหลงั ซง่ึ จะเปน เหมอื นกบั การทาํ รา ยคน - หากจาํ เปน ตอ งตปี อ งกนั ตวั ควรตเี พอื่ ใหห ยดุ การเคลอื่ นไหวทบ่ี รเิ วณขา ทําใหคนรายทรุดตัวลง หรือตีท่ีทอนแขนทํารายกลามเน้ือท่ีจะใชตอสู หรือบริเวณมือหรือขอมือ ซึง่ คนรา ยไมส ามารถใชมือในการตอสูได ·Ò‹ àμÃÂÕ Á¾ÃŒÍÁ ใหผูปฏิบัติยืนในทาเผชิญเหตุ (Ready Stance) ใชมือถนัดจับกระบอง นาํ ออกมาถอื ไวใ นระดับไหล ปลายกระบองชไ้ี ปทางดานหลัง สว นมอื ขางท่ไี มไ ดถือกระบองใหยกขน้ึ ในลักษณะตง้ั การด และใหต าํ รวจออกคําส่ังดว ยวาจา “อยาเขา มา จะใชก ระบอง” (รูป ๗.๑ - ๗.๒) รูป ๗.๑ รูป ๗.๒
๓๐ ลักษณะการตี มี ๒ ลกั ษณะ คือ การตีบน และตลี าง - การตบี น เปน การตใี นลกั ษณะเฉียงลงจากบนลงลาง ๔๕ องศา ทงั้ ดา นซา ยและขวา (รปู ๗.๓ - ๗.๔) รูป ๗.๓ รปู ๗.๔ รปู ๗.๕ - การตลี า ง เปน การตใี นลกั ษณะเชน เดยี วกนั กบั การตบี น แตเ นน ไปทท่ี อ นขาของคนรา ย (รูป ๗.๖ - ๗.๗) รูป ๗.๖ รูป ๗.๗ ò. ¡ÒÃãªÊŒ à»Ã¾ÃÔ¡ä·Â ๒.๑ สถานการณห รือขอบเขตการใช ระดบั การใชก ําลงั ของตํารวจในการจบั กมุ คนรา ย หรอื ควบคมุ สถานการณน นั้ ตาํ รวจตอ งใชเ พ่ือการควบคมุ เหตุการณ หรอื เพอ่ื การจับกุมคนรา ยเทาท่ีจาํ เปน มใิ ชใชเพื่อการลงโทษ ทาํ โทษ แกแ คน หรือทาํ รา ยคนหรอื ประชาชน โดยไมม ีเหตุอนั สมควร ๒.๒ ขั้นตอนการใช ข้นั ตอนที่ ๑ ตํารวจท่ีแตงเคร่ืองแบบ ใหพกซองพรอมใสกระปองบรรจุ สเปรยพริกไทยไวใ นเข็มขดั ขางเอวดา นมอื ท่ีไมถ นัด
๓๑ ข้ันตอนที่ ๒ เม่ือพบเหตุจะใช ใหตาํ รวจตะโกนใหคาํ ส่ังบอกกอน หรือ บอกวา ถาไมหยุด จะใชสเปรยพริกไทย “หยุด ถาไมหยุดจะใชสเปรยพริกไทย” พรอมกับชูกระปอง สเปรยพ ริกไทยไปท่ีคนรา ย เพอื่ บอกคนรา ยและประชาชนขางเคียงใหทราบ ข้นั ตอนที่ ๓ ใหต าํ รวจผฉู ดี ใชม อื ขา งทไ่ี มถ นดั ถอื สเปรยพ รกิ ไทย หา งจาก คนรายประมาณ ๓ - ๕ ฟุต เหนยี่ วไกกระปองสเปรยพ ริกไทยใหสดุ เพอ่ื ฉีดประมาณครึ่งวินาที หรอื จนกวา คนรา ยจะยอมจํานน (ควรฉีดโดยเหน่ียวไก แลว ฉีดคร้ังท่ี ๒ หรือ ๓ ในทนั ที ครัง้ ละครง่ึ วินาท)ี โดยฉีดไปที่ตา ถา คนรา ยสวมแวน ใหฉีดทีห่ นาผาก ขน้ั ตอนท่ี ๔ เมื่อผูถูกฉีดยอมแลว หรือลมลง หรือหยุดวิวาททําราย หามฉดี ใสซ้าํ ใหรีบจับกุม และปฐมพยาบาลตอ ไป ó. ¡Òû°Á¾ÂÒºÒÅ ËÃ×Í¡Òû¯ºÔ ÑμËÔ Åѧ¡ÒÃ㪌 เมอ่ื คนรา ยยอมใหจับ ใหน ําตวั คนรา ยมายังทีโ่ ลง เพอ่ื ใหอากาศพัดผานใหสเปรย พรกิ ไทยบรรเทาอาการแสบรอ นแกคนราย แลวใหค นรา ยใชน ํ้าเยน็ ลา งหนา ตา จมกู ทนั ที และเรยี ก หนว ยปฐมพยาบาล หรอื นําสง โรงพยาบาล ¢ÍŒ á¹Ðนํา - ในการใชกระบองยืดขยาย นักเรียนตองตรวจดูอุปกรณวายังอยูในสภาพที่ใชงาน ไดหรือไม - ในการใชสเปรยพริกไทยควรใชในที่โลงแจง ไมสงผลกระทบตอประชาชนทั่วไป ผฉู ดี ตอ งดูทิศทางลมดวย ควรฉดี อยูเหนอื ลม - หามฉีดสเปรยพริกไทยใสไฟ หลอดไฟฟา หรือตะเกียง เพราะบางรุนอาจติดไฟได ถา ฉดี เขาไฟโดยตรง - ใหถือวา สเปรยพริกไทย เสมือนอาวุธปน ตองเก็บใหพนมือเด็ก ไมนําออกมาขู จ้ี หรอื ฉีดโดยไมมีเหตุอันสมควร ËÑǢ͌ ·Õè ø ¡Òû͇ §¡Ñ¹àÁè×Ͷ¡Ù ¤¹ÃŒÒ¨éÕ´ŒÇÂÍÒÇ¸Ø »„¹ ñ. ¤ÇÒÁËÁÒ การแกปญหาเมอ่ื ถูกคนรายจ้ีดว ยอาวุธปน คือ วิธกี ารทเี่ จา หนาท่ีตาํ รวจใชในการ แกไ ขปญ หาเพอื่ ปอ งกนั ตนเอง เม่อื ถูกคนรายใชอาวุธปนจ้ีในระยะประชดิ ò. ËÅ¡Ñ ¾×é¹°Ò¹¡ÒÃᡌ»˜ÞËÒàÁÍ×è ¶Ù¡¤¹ÃŒÒ¨´Õé ŒÇÂÍÒÇØ¸»¹„ ๒.๑ วิธีการแกปญหาเม่ือถูกคนรายจี้ดวยอาวุธปนน้ีใหใชเฉพาะสถานการณที่ จําเปนเทาน้ัน เชน เม่ือถูกคนรายจี้ หรือจะยิงในระยะประชิด โดยสถานการณขณะนั้น บงช้ีวา ในทนั ทที นั ใดนนั้ คนรา ยจะยงิ เจา หนา ทท่ี ถี่ กู จอี้ ยา งแนน อน จงึ ใหใ ชย ทุ ธวธิ นี ี้ แตถ า หากสามารถตอ รอง หรือยดื ระยะเวลา หรอื มีวธิ ีการแกไ ขปญ หาวิธอี ่นื กใ็ หใ ชว ิธีการเจรจาตอ รองน้ันกอน
๓๒ ๒.๒ กอนท่ีใชยุทธวิธีน้ี ควรพูดจาตอรอง หรือถามคําถามเพื่อใหคนรายไดใช ความคิดและเปนการทาํ ลายสมาธิของคนรายในขณะท่ีจะล่ันไกปน ซ่ึงจะทาํ ใหการตอบสนองตอ เหตุการณข องคนรา ยชา ลง และมีผลใหต ดั สนิ ใจลน่ั ไกปน ชา ลงตามไปดวย ๒.๓ ในการฝกปฏิบัติ หากมีการใชอาวุธปนจริง กอนฝกใหตรวจอาวุธปน เชน เดยี วกบั การฝก ปองกนั คนรายแยงอาวุธปน ó. Â·Ø ¸Ç¸Ô ตÕ าํ ÃǨ㹡ÒÃá¡»Œ Þ˜ ËÒàÁÍè× ¶Ù¡¤¹ÃŒÒ¨´éÕ ŒÇÂÍÒÇØ¸»„¹ ·‹Ò·èÕ ñ ¤¹ÃÒŒ ÂãªÍŒ ÒÇ¸Ø »¹„ ¨´éÕ ÒŒ ¹Ë¹ÒŒ ã¹ÃÐÂлÃЪԴμÇÑ ã¹ÃдѺàÍÇËÃÍ× Ë¹ÒŒ Í¡ ขน้ั ตอนท่ี ๑ เมื่อถกู คนรายจ้ดี วยอาวธุ ปน ทางดานหนา ไมวาจะอยูใน ระดับเอวหรือหนาอก โดยใชมือเดียวหรือสองมือก็ตาม ใหตํารวจยกมือขึ้นในลักษณะยอมแพ อยูระดบั ที่ใกลเ คียงกับแนวปน ยนื แยกเทาหางกนั ในระยะหัวไหล ยอเขาเล็กนอ ย (รปู ๘.๑) ขัน้ ตอนที่ ๒ ใชมือซายตบจับท่ีโครงปนดานบน ดันปากกระบอกปน เฉียงออกแนวลําตัว พรอมกับถอยเทาขวามาดานหลัง เพ่ือใหพนวิถีกระสุน แขนเหยียดตึงกดให แนวลํากลองปนลงพื้น (๘.๒) ขั้นตอนที่ ๓ ใชมือขวาตบจับใตลาํ กลองปน บิดใหลาํ กลองปนเขาหา คนรา ย (๘.๓) ข้นั ตอนที่ ๔ บังคับลํากลองปนใหผานตัวคนรายมาทางดานซายของ ตาํ รวจ กา วเทา ซา ยถอยมาดา นหลงั แลว ปลดปน จากมอื คนรา ย พรอ มกบั ถอยหลงั ออกใหห า งจากคนรา ย ชักอาวุธปน ประจาํ กายออกมาจากซอง ออกคําสั่งใหคนรา ยนอนควาํ่ หนาลงพนื้ (รปู ๘.๔) รปู ๘.๑ รปู ๘.๒ รปู ๘.๓
๓๓ รปู ๘.๔ ·Ò‹ ·èÕ ò ¤¹ÃÒŒ ÂãªÍŒ ÒÇ¸Ø »„¹¨éÕ´ÒŒ ¹Ë¹ŒÒã¹ÃÐÂлÃЪԴμÇÑ ã¹ÃдºÑ ÈÃÕ ÉÐ ข้ันตอนท่ี ๑ เมอื่ ถกู คนรา ยจดี้ ว ยอาวธุ ปน ทางดา นหนา ในระดบั ศรี ษะ โดยใชม อื เดยี วหรอื สองมอื กต็ าม ใหต าํ รวจยกมอื ขน้ึ ในลกั ษณะยอมแพอ ยใู นระดบั ใกลเ คยี งกบั แนวปน ยืนแยกเทาหา งกันในระยะหัวไหล ยอ เขาเลก็ นอ ย (รปู ๘.๕) ขั้นตอนท่ี ๒ ยอตัวลง พรอมกับใชมือท้ังสองขางจับท่ีตัวปน โดยให มือซายจับท่ีทายปนเพ่ือมิใหคนรายดึงปนถอยกลับไปได หงายมือขวาจับใตแนวลาํ กลองปน ดนั ปากกระบอกปนชไี้ ปทางดา นบนแลว บดิ ใหลาํ กลอ งหนั ไปทางขวา แขนเหยยี ดตึง (รปู ๘.๖) รปู ๘.๕ รูป ๘.๖ รปู ๘.๗ รูป ๘.๘ ข้นั ตอนที่ ๓ ใชมือซายกด สวนทายของปนลง มือขวาผลักลาํ กลองปนผานหนา คนรา ย กา วเทาซายถอยมาดา นหลัง แลว ปลดปน ออก จากมอื คนรา ย พรอ มกบั ถอยหลงั ออกใหห า งจากคนรา ย ชักอาวุธปนประจาํ กายออกมาจากซอง ออกคําส่ังให คนรายนอนควํา่ หนาลงพ้นื (รปู ๘.๗ - ๘.๘)
๓๔ ·‹Ò·èÕ ó ¤¹ÃŒÒÂ㪌ÍÒÇ¸Ø »¹„ ¨Õé·Ò§´ŒÒ¹ËÅѧã¹ÃдѺàÍÇ Ë¹ÒŒ Í¡ ËÃÍ× ÈÃÕ ÉÐ ข้ันตอนที่ ๑ พยายามตรวจสอบวา คนรา ยใชป น จอี้ ยใู นระดบั ใด อาจจะ สงั เกตจากกระจกเงาท่ีสะทอนภาพมา(ถาม)ี หรือพยายามถอยหลงั ไปใหรวู า กระบอกปน สมั ผสั อยทู ี่ใด หรือการชาํ เลืองดูดานหลัง เมื่อถูกคนรายจ้ีดวยอาวุธปนทางดานหลัง ดวยมือเดียวหรือสองมือ ใหต ํารวจยกมอื ขนึ้ ในลกั ษณะและใหอ ยใู นระดบั ใกลเ คยี งกบั แนวปน ยนื แยกเทา หา งกนั ในระยะหวั ไหล ยอเขาเล็กนอ ย (รปู ๘.๙) ข้ันตอนที่ ๒ ใชเทาขวาเปนหลักและจุดหมุน เบี่ยงตัวหันกลับหลังโดย การสืบเทาซายเขาหาตัวคนรายพรอมกับใชทอนแขนขวาปดทอนแขนของคนราย เพื่อใหพนจากแนว วิถีกระสุนใชมือซายจับท่ีโครงปนดานบนใหแนน แขนเหยียดตึง หงายมือขวาจับโครงปนดานลาง ใหล ํากลอ งปน ชี้ลงพ้ืน (รปู ๘.๑๐) ขัน้ ตอนท่ี ๓ กาวเทาซายถอยมาดานหลัง พรอมบังคับลาํ กลองปน ใหผานตัวคนรายมาทางดานซายของตาํ รวจ แลวปลดปนออกจากมือคนราย พรอมกับถอยหลังออก ใหหางจากคนราย ชักอาวุธปนประจํากายออกมาจากซอง ออกคาํ ส่ังใหคนรายนอนควํ่าหนาลงพ้ืน (รูป ๘.๑๑) รูป ๘.๙ รปู ๘.๑๐ รปู ๘.๑๑ ËÇÑ ¢ŒÍ·èÕ ù ¡Òû‡Í§¡¹Ñ ¡Ã³¤Õ ¹ÃÒŒ Âá‹§ÍÒÇØ¸»„¹¨Ò¡«Í§¾¡·àÕè ÍÇ เจาหนาท่ีตํารวจจําเปนตองพกอาวุธปนประจํากายอยูตลอดเวลาที่ปฏิบัติหนาที่ โดยตํารวจในเคร่ืองแบบจะพกอาวุธปนไวในซองติดไวกับเข็มขัดท่ีบริเวณเอวดานขวา เนื่องจาก ถนัดขวาเปนสวนใหญ ในการปฏิบัติงานของเจาหนาท่ีตํารวจไมวาจะเปนการตรวจคนผูตองสงสัย การจูโจมเขาจับคนราย หรือแมกระท่ังการเดินตรวจตรา ทามกลางประชาชนในสถานการณตางๆ เหลาน้ีเจาหนาท่ีตํารวจมีโอกาสท่ีจะเผลอ หรือไมทันระวังตัวและอาจถูกแยงปนออกจากซองปนได ซึ่งเปนอันตรายอยางยิ่งหากคนรายไดนําปนน้ันกลับมาทําราย หรือฆาตํารวจ หรือนําปนไปกอเหตุ รายแรงอ่ืนๆ คนรายสามารถเขาแยงปนจากซองท่ีพกอยูท่ีเอวของเจาหนาที่ตํารวจ ทั้งจากดานหนา ดา นหลัง และดา นขาง ซึ่งมยี ุทธวธิ ีในการปองกนั การแยง ปนจากดา นตา งๆ ดงั นี้
๓๕ ñ. àÁ×Íè ¤¹ÃÒŒ Âá§‹ ÍÒÇ¸Ø »„¹¨Ò¡´ŒÒ¹Ë¹ŒÒËÃÍ× ´ŒÒ¹¢ŒÒ§ ขัน้ ตอนท่ี ๑ ทันทีท่ีรูตัว ตํารวจตองรีบใชมือทั้งสองขางกดทับลงไปบนมือของ คนรายอยา งเร็วทันที เพื่อมใิ หค นรายดงึ ดามปน ออกไปจากซองได พรอมกับยอ เขา ท้ังสองลงโดยยืน ปก หลกั ใหเตม็ ฝา เทา ทงั้ สองขาง เพื่อใหย นื ไดม นั่ คง และทําใหแ ขนและศอกของคนรา ยตงึ (รูป ๙.๑) ขัน้ ตอนท่ี ๒ ใชเทาซา ยเปน หลกั มน่ั กาวเทาขวาถอยหลงั ใชศอกขวาตี หรอื กด เขาไปท่ีศอกของคนราย แลวสะบัดสะโพกหมุนไปทางดานหลังอยางแรงและเร็ว โดยสะบัดหมุนไป ใหม ากทสี่ ดุ เทา ท่ีจะทาํ ได (รปู ๙.๒) ขัน้ ตอนที่ ๓ กา วเทา ซา ยถอยหลงั สะบดั สะโพกหมนุ ไปทางซา ยอยา งแรงและเรว็ เพ่อื ใหคนรา ยปลอยอาวุธปนจากมอื (รูป ๙.๓) รูป ๙.๑ รปู ๙.๒ รูป ๙.๓ ò. àÁèÍ× ¤¹ÃÒŒ Âá‹§ÍÒÇ¸Ø »„¹¨Ò¡´ÒŒ ¹ËÅ§Ñ ขน้ั ตอนที่ ๑ เม่ือคนรา ยเขาแยง ปน จากดานหลัง ตํารวจใชม อื ทั้งสองขา งกดทับ ลงไปบนมือของคนรายอยางเร็วทันที เพ่ือมิใหคนรายดึงดามปนออกไปจากซองได พรอมกับยอเขา ทั้งสองลงโดยยืนปก หลักใหเ ตม็ ฝา เทา ทั้งสองขาง เพ่อื ใหย ืนไดม ่ันคง (รูป ๙.๔) ข้ันตอนท่ี ๒ ใชเทาซายเปนหลักม่ัน ใชศอกขวาตีไปท่ีขอศอกของคนรายแลว สะบัดสะโพกหมุนไปทางดานหนาอยางแรงและเร็ว โดยสะบัดหมุนไปใหมากท่ีสุดเทาที่จะทําได เพอ่ื ใหค นรา ยเสียหลกั (รูป ๙.๕) ข้ันตอนท่ี ๓ กา วเทา ซายไปดา นหนา สะบดั สะโพกหมนุ ตัวไปทางขวาอยา งแรง และเร็ว โดยใชศ อกขวา ตไี ปที่ศอกขวาของคนราย เพื่อใหค นรายปลอยมอื จากอาวธุ ปน (รูป ๙.๖)
๓๖ รปู ๙.๔ รปู ๙.๕ รูป ๙.๖ ËÑÇ¢ŒÍ·èÕ ñð ¡Òû‡Í§¡Ñ¹¡Ã³¤Õ ¹ÃŒÒÂ㪌ÍÒÇ¸Ø Á´Õ ʹéÑ เม่ือเจาหนาท่ีตํารวจตกอยูในสถานการณท่ีคนรายมีอาวุธมีดสั้นเปนอาวุธ มุงหวังท่ีจะ ทํารายตํารวจ หรือเพื่อใหหลุดพนจากการจับกุม ในสถานการณเชนน้ีมีความเส่ียงอันตรายและหาก พลาดพลั้งถูกอาวุธมีดของคนรายในที่สําคัญของรางกาย ก็อาจมีอันตรายถึงแกชีวิตได ตํารวจตอง เรียนรูและใชย ทุ ธวิธใี นการปองกนั ตวั จากคนรา ยใชอาวุธมดี สั้น ดังตอ ไปน้ี ñ. ¡Ã³Õ¤¹ÃÒŒ Â㪌Á×Í¢ÇÒ¶Í× Á´Õ ¿˜¹à©ÂÕ §¨Ò¡º¹¢ÇÒŧÁÒŋҧ«ÒŒ  ขั้นตอนที่ ๑ กา วเทา ซา ยประชดิ คนรา ย ใชแ ขนซา ยทอ นลา งรบั ปะทะกบั แขนซา ย ทอนลา งของคนราย (รปู ๑๐.๑) ข้นั ตอนท่ี ๒ ใชแขนขวาทอนลางสอดใตแขนซายทอนลางของคนราย แลวผลัก แขนคนรายไปทางดานขวา (รูป ๑๐.๒) ขั้นตอนที่ ๓ ใชมือซายจับท่ีหัวไหล มือขวาจับท่ีแขนขวาทอนลางของคนราย กา วเทาขวามาดา นหนา พรอ มออกแรงผลกั คนรายอยางแรง (รูป ๑๐.๓) รปู ๑๐.๑ รปู ๑๐.๒ รปู ๑๐.๓
๓๗ ò. ¡Ã³Õ¤¹ÃÒŒ ÂãªÁŒ Í× ¢ÇÒ¶×ÍÁÕ´¿¹˜ à©ÂÕ § ¨Ò¡º¹«ŒÒÂŧÁÒÅÒ‹ §¢ÇÒ ขัน้ ตอนที่ ๑ กาวเทาขวาประชิดคนรายพรอมกับใชแขนขวาทอนลางยกข้ึนรับ ปะทะแขนทอนลางขวาของคนรายไว (รปู ๑๐.๔) ขน้ั ตอนท่ี ๒ กดแขนขวาทอนลางของคนรายใหต่ําลง พรอมกับใชมือซายจับ บริเวณหวั ไหลขวาของคนราย (รูป ๑๐.๕) ขัน้ ตอนท่ี ๓ กา วเทา ซายไปดา นหนา ออกแรงผลักคนรา ยอยางแรง (รปู ๑๐.๖) รูป ๑๐.๔ รูป ๑๐.๕ รปู ๑๐.๖ ó. ¡Ã³Õ¤¹ÃÒŒ Â㪌Á×Í¢ÇÒ¶×ÍÁ´Õ ¿˜¹ÃдºÑ àÍÇ ¨Ò¡´ŒÒ¹¢ÇÒ仫Ҍ  ข้ันตอนท่ี ๑ กาวเทาซายพรอมกับใชแขนซายทอนลางรับปะทะท่ีแขนขวาทอนลาง ของคนราย (รูป ๑๐.๗) ข้ันตอนที่ ๒ ใชสนมือขวากระแทกท่ปี ลายคางของคนรา ย (รูป ๑๐.๘) ขนั้ ตอนท่ี ๓ กา วเทาขวาไปดานหนาออกแรงผลกั คนรายอยางแรง (รปู ๑๐.๙) รูป ๑๐.๗ รูป ๑๐.๘ รูป ๑๐.๙
๓๘ ô. ¡Ã³Õ¤¹ÃÒŒ ÂãªÁŒ ×Í¢ÇÒ¶Í× Á´Õ ¿¹˜ ÃдѺàÍÇ ¨Ò¡´ŒÒ¹«ÒŒ Â仢ÇÒ ขน้ั ตอนที่ ๑ กาวเทาขวาประชิดคนราย พรอมกับใชแขนขวาทอนลางรับปะทะ ท่ีแขนขวาทอ นลางของคนราย (รูป ๑๐.๑๐) ขนั้ ตอนที่ ๒ ใชมอื ซาย ผลกั ดันคนรายตรงหัวไหลข วา (รปู ๑๐.๑๑) ข้นั ตอนที่ ๓ กาวเทาซายไปดานหนาพรอมออกแรงผลักคนรายอยางแรง (รปู ๑๐.๑๒) รปู ๑๐.๑๐ รปู ๑๐.๑๑ รปู ๑๐.๑๒ õ. ¡Ã³¤Õ ¹ÃŒÒÂãªÁŒ Í× ¢ÇÒ¶Í× Á´Õ á·§μç·ÕèÅíÒμÇÑ ´ÒŒ ¹Ë¹ŒÒ ข้ันตอนท่ี ๑ กาวเทาซายไปทางดานซายพรอมกับใชแขนซายทอนลางปดแขน ของคนรายออกมาทางดานขวา (รูป ๑๐.๑๓) ขน้ั ตอนที่ ๒ ใชม อื ท้งั สองขางผลกั ท่หี วั ไหลข องคนรา ย (รปู ๑๐.๑๔) ข้นั ตอนที่ ๓ กา วเทา ซายไปขางหนา ออกแรงผลักคนรายอยา งแรง (รูป ๑๐.๑๕) รปู ๑๐.๑๓ รปู ๑๐.๑๔ รูป ๑๐.๑๕
๓๙ ö. ¡Ã³Õ¤¹ÃÒŒ ÂãªÁŒ Í× ¢ÇÒกาํ Á´Õ ¨ÇŒ §á·§¨Ò¡º¹Å§ÅÒ‹ § ข้นั ตอนท่ี ๑ กา วเทา ซา ยเขา หาคนรา ยพรอ มกบั ยกแขนทง้ั สองขา งไขวข น้ึ รบั ปะทะ แขนลางขวาของคนรายไว พรอมกับยอตวั ลง (รูป ๑๐.๑๖) ขนั้ ตอนท่ี ๒ ใชแขนขวาทอนลางปดแขนของคนรายออกมาทางดานขางขวา ของเจา หนา ทแ่ี ลว ใชม อื ซา ยจับทีห่ ัวไหลของคนรา ย (รูป ๑๐.๑๗) ข้ันตอนท่ี ๓ กาวเทาซายมาดานหนาพรอมออกแรงผลักคนรายอยางแรง (รูป ๑๐.๑๘) รูป ๑๐.๑๖ รูป ๑๐.๑๗ รูป ๑๐.๑๘ ยทุ ธวธิ กี ารปอ งกนั ตวั กรณคี นรา ยใชอ าวธุ มดี ดงั กลา วมาแลว ขา งตน เปน ปอ งกนั ตวั ในระยะประชิด ในลักษณะจวนตัวเทาน้ัน ไมมีวัตถุประสงคในการตอสูเพื่อแยงมีดจากคนราย เพราะในทางปฏิบัติแลวเจาหนาที่ตํารวจไมมีความจําเปนที่จะตองเขาไปเสี่ยง หากปองกันการจูโจม จากคนรายไดแลว ตํารวจหลบหนีออกหางก็ปลอดภัยแลว หรืออาจจะหาอาวุธอ่ืน เชน กระบอง ทอนไม ทอนเหล็ก หรือสิ่งของอื่นคลายกัน ตีปองกันตัวไดโดยงาย หรืออาจจะใชอาวุธปนขูบังคับ คนรา ยก็ได ตามแตส ถานการณและความรนุ แรงที่เกิดขึน้
๔๐
๔๑ º··èÕ ò ¡ÒÃࢌÒμÃǨ¤¹Œ áÅСÒû¯ÔºμÑ ¡Ô ÒÃã¹ÍÒ¤Òà Building Entry & Close Quarter Battle (C.Q.B.) เปนหลักยุทธวิธีของการปฏิบัติการในอาคารท่ีปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงของ เจาหนา ท่ีตํารวจ ËÑǢ͌ ·èÕ ñ ¡ÒÃ㪌ÍÒÇ¸Ø »„¹·Ò§ÂØ·¸ÇÔ¸Õ เปนรูปแบบการฝกเพื่อใชในการตรวจคนภายในอาคารโดยเฉพาะ เพื่อใหเกิดความ ปลอดภัยกบั เจา หนา ทีใ่ นชุดปฏิบัตกิ าร เม่ือมกี ารเคลื่อนท่ใี นทศิ ทางตางๆ ๑. ทาเตรียมใชปน เปนการถือปนพรอมใชโดยถือปนดานหนาสองมือ ระดับเข็มขัด ปากกระบอกเฉียงลงพื้น ทา เตรียมใชปน ทา เตรียมใชปน ๒. ทา พกั ปน เปน การจบั ปน ดว ยมือถนดั ดงึ ปนไวช ดิ ลําตัวทรี่ ะดบั หนาอก ขอ ศอกชดิ ลาํ ตวั ทงั้ สองขา ง หกั ขอ มอื ทถ่ี อื ปน ลง โดยแบนปน วางไวห ลงั มอื ทไี่ มถ นดั ปากกระบอกเฉยี งลงพน้ื ดา นขา ง ทาพกั ปน ทา พักปน
๔๒ ๓. ทา ใชป น เปน ทา ตรวจการและควบคมุ พนื้ ทโี่ ดยพงุ ปน ไปดา นหนา ปากกระบอกปน ชี้ไปทเ่ี ปาหมาย ศูนยปนอยรู ะดบั คางและมองดว ยตาท้งั สองขาง ทาใชปน ทา ใชป น ๔. ทาดึงปน เปนการถือปน จับปนสองมือ ดึงปนชิดลําตัวระดับหนาอก ศอกแนบ ลาํ ตวั ทั้งสองขา ง โดยปนช้ีไปยังเปาหมาย ทาดึงปนชดิ ตัว ทาดงึ ปน ชิดตัว
๔๓ ËÑǢ͌ ·Õè ò ¡ÒÃà»´ ÁÁØ Áͧâ´Â¡ÒÃầ‹ ¾¹é× ·àèÕ »¹š ÊÇ‹ ¹æ (slice the pie) ¡ÒÃáͺ´àÙ ÃÇç (quick peak) ò.ñ ¾×é¹·èàÕ ÊÕÂè §Í¹Ñ μÃÒ พน้ื ทเ่ี สย่ี งอนั ตรายคือ พนื้ ที่ทเ่ี สี่ยงตอการถกู ยิง เชน พ้นื ท่อี ันตราย ๒.๑.๑ ท่เี ปด โลง ๒.๑.๒ ประตูทางเขา ๒.๑.๓ ทางเดนิ ภายในอาคาร ๒.๑.๔ หนาตา ง (ชองบนกาํ แพงหรอื ประตู) ๒.๑.๕ ปลองบนั ได ËÅÑ¡»¯ºÔ μÑ Ô ๑) หลีกเลย่ี งการ หยดุ ชะงัก หรือ รีรอ ในพนื้ ท่ีอันตราย ๒) เคล่อื นท่ีผานพืน้ ที่อนั ตรายอยางรวดเร็วแตราบร่ืน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138