Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนสาระศีลธรรม รวม

แผนการสอนสาระศีลธรรม รวม

Published by srimoun0871859891, 2018-09-20 03:55:00

Description: แผนการสอนสาระศีลธรรม รวม

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวตั ิและความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 1 การทาสังคายนา แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชา สงั คมศกึ ษา ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคม รหสั ส 21101 สาระที่ 1 เรื่อง ศลี ธรรม โดย ช่อื นายศรมี ูล นามสกุล สมบตุ ร ตาแหน่ง ครู ค.ศ. 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ สานักบรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษ สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ 13 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวตั แิ ละความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 1 การทาสังคายนา บนั ทกึ ข้อความ ส่วนราชการ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 อาเภอแม่แจม่ จังหวดั เชยี งใหม่ท่ี วนั ท่ี 10 พฤษภาคม 2561เร่อื ง การเสนอแผนการจดั การเรยี นร้เู พอ่ื ขออนุญาตใช้ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนเรยี น ผอู้ านวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 ข้าพเจา้ …นายศรมี ูล สมบตุ ร… ตาแหนง่ ครู ค.ศ. 2 กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สงั คม ไดจ้ ัดทาการวเิ คราะห์และการออกแบบการเรยี นรู้และจัดทาแผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ า สังคมพนื้ ฐาน รหัสวชิ า ส 21101 ช้นัมัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 ดังรายละเอียดทีแ่ นบมาพรอ้ มนี้จึงเรยี นมาเพอ่ื โปรดทราบและพจิ ารณา ลงชื่อ.......................................................ครูผู้สอนประจาวิชา ( นายศรมี ูล สมบุตร ) …………./………………./…………………..ความเหน็ ของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ สงั คมศึกษา ไดท้ าการตรวจสอบ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1 ชอ่ื วชิ า สงั คมศกึ ษารหัสวิชา ส 21101 ของครู ศรีมลู สมบุตร .แล้ว มคี วามคดิ เห็นดงั นี้ 1. สว่ นประกอบของแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี รายการ มี ไม่มี หมายเหตุ1 คาอธิบายรายวชิ า ( ) ควรปรบั ปรงุ2 ผลการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั3 สาระการเรียนรู้4 เวลาเรียน(จานวน ชัว่ โมง)5 การออกแบบกระบวนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้6 แผนการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้7 รายละเอยี ดแผนการวัดและประเมนิ การเรยี นรู้2. เป็นแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี( ) ดีมาก ( ) ดี ( ) พอใช้ 14 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวตั ิและความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเรื่องที่ 1 การทาสังคายนา 3. กจิ กรรมการเรยี นรู้ได้นาเอากระบวนการเรยี นรู้ ( ) ท่ีเน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญมาใช้ในการจดั กิจกรรมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ( ) ทีย่ ังไม่เน้นผเู้ รียนเป็นสาคญั ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป4. เปน็ แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ท่ี( ) นาไปใช้จริง ( ) ควรปรับปรงุ ก่อนนาไปใช้5. ขอ้ เสนอแนะ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ………………………………………………………… ( นายนกิ ร ไชยบตุ ร ) …………./………………/……………….ความเหน็ ของรองผอู้ านวยการโรงเรยี นกลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการไดท้ าการตรวจสอบ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 ช่ือวชิ า สงั คมพืน้ ฐาน รหสั วชิ า ส 21101 ของ นายศรีมูลสมบตุ ร แลว้ มีความคิดเหน็ ดงั น้ี1. เป็นการวิเคราะห์และออกแบบกระบวนการเรยี นร้ทู ่ี( ) ดมี าก ( ) ดี ( ) พอใช้ ( ) ควรปรับปรุง2. เปน็ การวิเคราะหแ์ ละการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ ที่( ) ท่เี นน้ ผ้เู รียนเป็นสาคัญมาใชใ้ นการจดั กิจกรรมได้อย่างเหมาะสม( ) ท่ียังไมเ่ น้นผ้เู รียนเป็นสาคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาตอ่ ไป3. เป็นการวเิ คราะห์และการออกแบบกระบวนการเรยี นรู้ท่ี( ) นาไปใชจ้ รงิ ( ) ควรปรับปรุงก่อนนาไปใช้4. ขอ้ เสนอแนะ................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. ลงช่ือ ……………………………………………………………. ( นายวเิ ศษ ฟองตา ) …………./…………../……………..ความคิดเหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา 15 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวตั แิ ละความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 1 การทาสังคายนา ( ) อนุญาตให้ใช้ แผนการเรยี นรู้ น้ไี ด้ ( ) ไมอ่ นญุ าต เพราะ................................................................................. ลงชอื่ ……………………………………………………………. ( นางวิลาวลั ย์ ปาลี ) ผูอ้ านวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 16 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวตั ิและความสาคัญของพระพทุ ธศาสนา 1 ชวั่ โมงเร่ืองที่ 1 การทาสังคายนาแผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 1 การทาสงั คายนา1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การสงั คายนา เป็นการรวบรวมเรยี บเรยี งพระธรรมวนิ ยั จดั เป็นหมวดหมู่ ซง่ึ การทาสงั คายนาแต่ละครงั้ลว้ นมสี าเหตขุ องการจดั ทา และมพี ระสงฆซ์ ่งึ เป็นพระเถระชนั้ ผใู้ หญ่เป็นประธาน2 ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ส 1.1 ม.1/1 อธบิ ายการเผยแผ่พระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาทต่ี นนับถอื ส่ปู ระเทศไทย 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) อธบิ ายความหมายและสาเหตใุ นการสงั คายนาได้ 2) บอกขอ้ มูลเกย่ี วกบั พระสงฆผ์ เู้ ป็นประธาน สถานท่ี และผอู้ ุปถมั ภ์ในการสงั คายนาได้3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนร้แู กนกลาง - การสงั คายนา 3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา)4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการสรปุ ลงความเหน็ 2) ทกั ษะการจดั ระเบยี บ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 17 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวตั ิและความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเรื่องที่ 1 การทาสังคายนา6 กิจกรรมการเรยี นรู้ วิธีสอนโดยการจดั การเรียนร้แู บบรว่ มมือ : เทคนิ คกลมุ่ สืบค้น  นกั เรยี นสวดมนตบ์ ชู าพระรตั นตรยั และทาสมาธกิ อ่ นเรยี น นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน คาถามกระต้นุ ความคิดสอ่ื การเรยี นรู้ : ตวั อยา่ งขอ้ ความสนั้ ๆ  นักเรียนคิดว่า การทาสงั คายนามผี ลดตี ่อ พระพทุ ธศาสนาอย่างไร 1. ครขู ออาสาสมคั รนกั เรยี นจานวน 10 คน ออกมายนื เขา้ แถว (ทาใหส้ ามารถรวบรวมพระธรรมคาสงั่ สอนของ หน้าชนั้ เรยี นเพ่อื เลน่ เกมผสู้ อ่ื ข่าว โดยปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี พระพุทธเจา้ ไวเ้ ป็นหมวดหมอู่ ยา่ งถกู ตอ้ ง และมผี ลดี 1) ครแู จกกระดาษซง่ึ มขี อ้ ความสนั้ ๆ ความยาวประมาณ ตอ่ พุทธศาสนิกชนทกุ คนไดศ้ กึ ษาและนาไปปฏบิ ตั )ิ 3-4 บรรทดั ใหแ้ ก่นกั เรยี นคนท่ี 1 ของแถว 2) ใหน้ กั เรยี นคนท่ี 1 ของแถวอ่านขอ้ ความใหค้ นท่ี 2 ฟงั แลว้ ใหค้ นท่ี 2 เกบ็ ใจความสาคญั แลว้ เล่าใหค้ นท่ี 3 ฟงั คนท่ี 3 เกบ็ ใจความสาคญั แลว้ เล่าให้คนท่ี 4 ฟงั ทาเชน่ น้ี ไปเรอ่ื ยๆ จนถงึ คนท่ี 10 3) ใหน้ กั เรยี นคนท่ี 10 ของแถวออกไปเล่าขอ้ ความทไ่ี ดร้ บั การถ่ายทอดมาจากสมาชกิ คนท่ี 1-9 ของกล่มุ ซง่ึ แต่ละคน จะเล่าขอ้ ความแตกต่างกนั ไปไม่เหมอื นกนั จากนนั้ ให้ นกั เรยี นคนท่ี 1 ของแถวอ่านขอ้ ความทไ่ี ดร้ บั จากครู เป็นลาดบั แรก ซง่ึ จะเหน็ ไดว้ า่ มคี วามแตกต่างจากใจความ ทส่ี มาชกิ คนท่ี 10 เล่าหน้าชนั้ เรยี น 2. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจว่า การถ่ายทอดความรดู้ ว้ ยการ บอกเลา่ ขอ้ มลู สบื ต่อๆ กนั ไปหลายๆ ทอดอาจจะทาใหข้ อ้ มลู เปลย่ี นแปลงไปได้ เน่ืองจากสาเหตุหลายประการ เช่นเดยี วกบั พระธรรมวนิ ยั ซง่ึ เป็นคาสอนของพระพุทธเจา้ ทพ่ี ระสงฆ์ สาวกไดร้ บั การถ่ายทอดกนั มาตามลาดบั นนั้ อาจจะมคี วาม แตกต่างกนั จงึ เป็นทม่ี าของการทาสงั คายนา 3. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคดิ 18พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวตั ิและความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองที่ 1 การทาสังคายนาขนั้ สอน คาถามกระตุ้นความคิดสอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ :  ปัจจยั สาคญั ที่ทาให้การสงั คายนาแต่ละครงั้ ประสบความสาเรจ็ ไดอ้ ย่างดีนัน้ คอื อะไร 1. หนังสอื เรยี น พระพุทธศาสนา ม.1 (จะตอ้ งมพี ระสงฆผ์ เู้ ป็นประธาน ผซู้ กั ถาม และผตู้ อบ 2. แบบวดั ฯ ปญั หาเกยี่ วกบั พระวนิ ยั คณะสงฆ์ ผเู้ ขา้ รว่ มสงั คายนา 3. บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ ทแี่ ตกฉานในพระธรรมวนิ ัย มสี ถานทที่ เี่ หมาะสม 4. ใบงานท่ี 1.1 และมผี อู้ ปุ ถมั ภ์ฝ่ายฆราวาส) 5. แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ 1. ครอู ธบิ ายความหมายของการสงั คายนา และลกั ษณะเด่น ของการทาสงั คายนา ทงั้ 10 ครงั้ ใหน้ กั เรยี นฟงั โดยเน้นเฉพาะ ประเดน็ สาคญั 2. ครแู บ่งนกั เรยี นเป็นกลมุ่ กลุม่ ละ 4 คน คละกนั ตาม ความสามารถ คอื เกง่ ปานกลางคอ่ นขา้ งเกง่ ปานกลาง คอ่ นขา้ งอ่อน และออ่ น แลว้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มรว่ มกนั ศกึ ษาความรู้ เรอ่ื ง การทาสงั คายนา จากหนงั สอื เรยี นหรอื บทเรยี น คอมพวิ เตอร์ Smart L.O. LMS Lite และแหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ แลว้ บนั ทกึ ความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาลงใน แบบบนั ทกึ การอ่าน 3. สมาชกิ แต่ละกลุ่มรว่ มกนั ทาใบงานที่ 1.1 เรื่อง การทา สงั คายนา ซง่ึ ประกอบดว้ ยตอนท่ี 1 จานวน 10 หวั ขอ้ ยอ่ ย คอื การสงั คายนาครงั้ ท่ี 1-10 และตอนท่ี 2 จานวน 2 ขอ้ โดยใหโ้ อกาสแกผ่ เู้ รยี นอ่อนไดเ้ ลอื กหวั ขอ้ ย่อยในใบงานก่อน 4. นกั เรยี นแต่ละคนในกลุ่มตอบคาถามตามหวั ขอ้ ย่อยทต่ี น รบั ผดิ ชอบ แลว้ นาคาตอบมาอภปิ รายรว่ มกนั ในกลุ่มจนได้ คาตอบทส่ี มบูรณ์และมคี วามเขา้ ใจชดั เจนตรงกนั 5. ครเู ฉลยคาตอบในใบงานท่ี 1.1 โดยใหแ้ ต่ละกลมุ่ ตรวจ คาตอบและใหค้ ะแนนกนั เองหรอื ผลดั กนั ตรวจระหว่างกลุ่ม ตามความเหมาะสม 6. ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละคนทากจิ กรรมฝึกทกั ษะ : กจิ กรรมท่ี 1 จากแบบวดั ฯ เป็นการบ้าน เสรจ็ แลว้ นาสง่ ครตู ามกาหนดเวลา ทต่ี กลงกนั 7. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุน้ ความคดิขนั้ สรปุสอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ : — ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปสาระสาคญั ของการทาสงั คายนาครงั้ ท่ี 1-10 19 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวัตแิ ละความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเรื่องที่ 1 การทาสังคายนา7 การวดั และประเมินผล วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 (ประเมนิ ตามสภาพจรงิ )ตรวจใบงานท่ี 1.1 ใบงานท่ี 1.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ตรวจแบบบนั ทกึ การอ่าน แบบบนั ทกึ การอ่าน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมนั ่ ในการทางาน8 สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรยี น พระพทุ ธศาสนา ม.1 2) แบบวดั และบนั ทกึ ผลการเรยี นรู้ พระพุทธศาสนา ม.1 3) บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ Smart L.O. LMS Lite พระพทุ ธศาสนา ม.1 บรษิ ทั เพลยเ์ อเบลิ จากดั 4) ตวั อยา่ งขอ้ ความสนั้ ๆ 5) ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง การทาสงั คายนา 8.2 แหล่งการเรยี นรู้  แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ - http://www.aksorn.com/LC/Rel/M1/01 - http://th.wikipedia.orh/wiki/การสงั คายนาพระธรรมวนิ ยั ในศาสนาพุทธ 20 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวตั แิ ละความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 1 การทาสังคายนา เอกสารประกอบการสอน ตวั อย่างข้อความสนั้ ๆ ข้อความท่ี 1 สงั คายนามคี วามหมายวา่ การสวดพรอ้ มกนั หรอื ร่วมกนั สวด ดว้ ยเหตุผลว่า พระสงฆท์ งั้ หลายทา่ น ไดพ้ จิ ารณาประเดน็ ต่างๆ แหง่ พระธรรมวนิ ยั เม่อื ตกลงเหน็ พรอ้ มกนั แลว้ กร็ ่วมสวดพรอ้ มกนั เพ่อื ทรงจาตอ่ ไป เน่อื งจากการน้เี ป็นการรวบรวมหรอื จดั หม่แู หง่ พระธรรมวนิ ยั ใหเ้ ป็นระบบ เพราะฉะนัน้ คาวา่ “สงั คายนา” จงึ มคี วามหมายถงึ “การรอ้ ยกรอง” หรอื “การจดั หมวดหม่”ู พระธรรมวนิ ยั ไดอ้ กี ดว้ ย ข้อความท่ี 2 อรยิ สจั 4 ช่วยใหห้ ลดุ พน้ จากกเิ ลสตณั หา ทาใหเ้ กดิ แสงสว่างแห่งปญั ญา และปญั ญากเ็ ป็นเคร่อื งนาทาง ของชวี ติ ชวี ติ ดาเนินไปตามปญั ญายอ่ มสงบสขุ ไม่เหน็ แก่ตวั จติ ใจกค็ านงึ ถงึ ผอู้ ่นื พรอ้ มจะรบั รคู้ วามสุขความทุกข์ ของเพอ่ื นรว่ มโลก กอ่ ใหเ้ กดิ ความกรณุ าขน้ึ แลว้ บาเพญ็ ทานใหเ้ ป็นประโยชน์สขุ แก่คนทวั่ ๆ ไปรวมทงั้ สตั ว์ ทงั้ หลายดว้ ย ข้อความที่ 3 คิหิสขุ คอื ความสขุ ของชาวบ้าน อนั เป็นความสุขทบ่ี ุคคลทวั่ ไปพงึ มี ไดแ้ ก่ (1) อตั ถสิ ขุ หมายถงึ ความสขุ ทเ่ี กดิ จากการมที รพั ย์ (2) โภคสุข หมายถงึ ความสุขทเ่ี กดิ จากการใชจ้ ่ายทรพั ย์ (3) อนณสุข หมายถงึ ความสุขทเ่ี กดิ จากการไม่มหี น้สี นิ (4) อนวชั ชสขุ หมายถงึ ความสุขทเ่ี กดิ จากการประพฤตใิ นสงิ่ ทไ่ี มม่ โี ทษ ท่ีมา : วทิ ย์ วศิ ทเวทย์ และเสฐยี รพงศ์ วรรณปก. 2552. หนงั สือเรียน รายวิชาพื้นฐาน พระพทุ ธศาสนา ม.1. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 10. กรุงเทพมหานคร : อกั ษรเจรญิ ทศั น์. 21 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวัติและความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเรื่องที่ 1 การทาสังคายนาใบงานท่ี1.1 การทาสงั คายนาตอนที่ 1คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นซ่งึ เป็นสมาชกิ ของกลุ่มเลอื กตอบคาถามเกย่ี วกบั การทาสงั คายนา ครัง้ ท่ี 1-10 ตามประเดน็ ทก่ี าหนด การ สาเหตุ ผเู้ ป็นประธาน จานวน สถานที่ เวลา ผอู้ ปุ ถมั ภ์สงั คายนา และคณะ พระสงฆ์ ท่ีกระทา ท่ีเขา้ ร่วม ครงั้ ที่1234 22 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวตั ิและความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเรื่องที่ 1 การทาสังคายนา การ สาเหตุ ผเู้ ป็นประธาน จานวน สถานที่ เวลา ผอู้ ปุ ถมั ภ์สงั คายนา และคณะ พระสงฆ์ ที่กระทา ที่เขา้ รว่ ม ครงั้ ที่ 5678910 23 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวตั ิและความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองที่ 1 การทาสังคายนาตอนที่ 2คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. การสงั คายนา หมายความวา่ อย่างไร 2. การสงั คายนาทไ่ี ดจ้ ดั ขน้ึ ในประเทศไทย มจี านวนทงั้ สน้ิ กค่ี รงั้ ไดแ้ กค่ รงั้ ทเ่ี ท่าไร และกระทาทใ่ี ดบา้ ง 24 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวัติและความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 1 การทาสังคายนาใบงานที่1.1 การทาสงั คายนาตอนท่ี 1คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นซ่งึ เป็นสมาชกิ ของกลุ่มเลอื กตอบคาถามเกย่ี วกบั การทาสงั คายนา ครงั้ ท่ี 1-10 ตามประเดน็ ทก่ี าหนดการ ผเู้ ป็นประธาน จานวน เวลา และคณะ พระสงฆ์ ที่กระทาสงั คายนา สาเหตุ ท่ีเข้ารว่ ม สถานท่ี ผอู้ ปุ ถมั ภ์ พระมหากสั สปะ หลงั จากที่ครงั้ ท่ี (ประธาน) 500 รปู ถ้าสตั ตบรรณ พระพุทธเจา้ พระเจา้ พระอุบาลตี อบ ใกลก้ รุง ปรนิ ิพพาน อชาตศตั รู1 พระภกิ ษุสุภทั ทะ กลา่ ว ดา้ นพระวนิ ยั ราชคฤห์ 3 เดอื น พระอานนทต์ อบ วาจาในทานองดหู มนิ่ ดา้ นพระธรรม พระพทุ ธองคแ์ ละแสดง ความดใี จเมอื่ ไดข้ า่ วว่า พระพทุ ธเจา้ ปรนิ พิ พาน2 พระวชั ชบี ุตรปฏบิ ตั หิ ยอ่ น พระยสกากณั ฑ- 700 รปู วาลกิ าราม พ.ศ. 100 พระเจา้ ทางวนิ ยั 10 ประการ บุตร (ประธาน) เมอื งเวสาลี กาฬาโศก พระเรวตะเป็น แควน้ วชั ชี ผซู้ กั ถาม และ พระสพั พกา เป็นผตู้ อบดา้ น พระวนิ ยั3 พระนอกศาสนาปลอมเขา้ พระโมคคลั ลบี ุตร 1,000 รปู อโศการาม พ.ศ. 234 พระเจา้ อโศก มาบวชมากขน้ึ ทาให้ ตสิ สเถระ กรงุ ปาฏล-ี มหาราช พระพุทธศาสนามวั หมอง (ประธาน) บุตร4 ตอ้ งการวางรากฐาน พระมหนิ ทเถระ 68,000 รปู ถปู าราม พ.ศ. 238 พระเจา้ พระพุทธศาสนาในลงั กา (ประธาน) เมอื งอนุราธ- เทวานมั - พระอรฏิ ฐะเป็น ปุระ ประเทศ ปิยะตสิ สะ ผสู้ วดวนิ ยั ลงั กา 25 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวัตแิ ละความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 1 การทาสังคายนา การ สาเหตุ ผเู้ ป็นประธาน จานวน สถานท่ี เวลา ผอู้ ปุ ถมั ภ์สงั คายนา และคณะ พระสงฆ์ ท่ีกระทา ท่ีเข้ารว่ ม อาโลกเลณ- พระเจา้ ครงั้ ท่ี สถาน พ.ศ 433 วฏั ฏคา- ไม่ระบุ มตเลณชนบท มณีอภยั5 1. พระสงฆใ์ นลงั กาเหน็ พอ้ ง พระสงฆช์ าว ประเทศลงั กา พ.ศ. 956 ไม่ระบุ พ.ศ. 1587 พระเจา้ ตอ้ งกนั วา่ พระพทุ ธวจนะ ลงั กา 1,000 รปู วดั มหาวหิ าร มหานาม ประเทศ ทถี่ ่ายทอดโดยวธิ ที ่องจา ศรลี งั กา พระเจา้ ประเทศ ปรากรมพาหุ อาจจะขาดตกบกพรอ่ ง ศรลี งั กา มหาราช พระเจา้ ในภายภาคหน้า ตโิ ลกราช 2. สถานการณ์ทางการเมอื ง พระบาท สมเดจ็ ไมส่ งบ เพราะเกดิ ศกึ พระพทุ ธ- ยอดฟ้ าจุฬา- ยดื เย้อื ระหว่างพวกทมฬิ โลกมหาราช กบั ชาวลงั กา รฐั บาลไทย6 พระไตรปิฎกในอนิ เดยี พระพทุ ธ- ไมม่ อี รรถกถา โฆษาจารย์7 ลงั กาขาดคมั ภรี ฎ์ กี า พระกสั สปะเถระ (คมั ภรี ท์ อี่ ธบิ ายอรรถกถา)8 พระไตรปิฎกยงั ขาดตก พระธรรมทนิ น- หลายรอ้ ย วดั โพธาราม พ.ศ. 2020 บกพรอ่ งผดิ เพย้ี น เถระ รปู เชยี งใหม่ และไมค่ รบ ประเทศไทย9 พระผใู้ หญป่ ระพฤติ ไมป่ รากฏ 218 รปู วดั มหาธาตุ พ.ศ. 2331 ยุวราช- ย่อหยอ่ นในพระธรรมวนิ ยั รงั สฤษฎ์ิ กรงุ เทพ- มหานคร ประเทศไทย10 ชาระพระไตรปิฎก และจดั สมเดจ็ พระ ไม่ระบุ วดั มหาธาตุ พ.ศ. 2528 พมิ พใ์ นวโรกาสทพี่ ระบาท สงั ฆราช ยวุ ราช- รงั สฤษฎิ์ สมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั กรุงเทพ- รชั กาลปจั จบุ นั มหานคร ประเทศไทย ทรงพระชนมายุครบ 60 พรรษา ใน พ.ศ.2530 26 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวัตแิ ละความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองที่ 1 การทาสังคายนาตอนที่ 2คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. การสงั คายนา หมายความว่าอยา่ งไร การสงั คายนา หมายถงึ การรวบรวมพระธรรมวนิ ยั ซงึ่ เป็นหลกั คาสอนของพระพุทธเจา้ เพอื่ ตรวจทาน ความถูกต้องตรงกนั และจดั เป็นหมวดหมู่ เพอื่ ใหง้ า่ ยต่อการทอ่ งจา การศกึ ษา และการเผยแผ่ เพราะฉะนนั้ การสงั คายนา จงึ หมายถงึ การรวบรวมจดั หมแู่ ห่งพระธรรมวนิ ยั ใหเ้ ป็นระบบ 2. การสงั คายนาทไ่ี ดจ้ ดั ขน้ึ ในประเทศไทย มจี านวนทงั้ สน้ิ กค่ี รงั้ ไดแ้ กค่ รงั้ ทเ่ี ทา่ ไร และกระทาทใ่ี ดบา้ ง การสงั คายนาทจี่ ดั ขน้ึ ในประเทศไทย มจี านวนทงั้ สน้ิ 3 ครงั้ ไดแ้ ก่ 1) ครงั้ ที่8 ทวี่ ดั โพธาราม จงั หวดั เชยี งใหม่ 2) ครงั้ ที่9 ทวี่ ดั มหาธาตุยวุ ราชรงั สฤษฎิ์ กรงุ เทพมหานคร 3) ครงั้ ที่10 ทวี่ ดั มหาธาตุยุวราชรงั สฤษฎิ์ กรุงเทพมหานคร แบบบนั ทึกการอ่าน 27พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวัตแิ ละความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองที่ 1 การทาสังคายนา ชอ่ื ผแู้ ต่ง นามปากกา ปีทพ่ี มิ พ์ ชอ่ื หนงั สอื พ.ศ. เวลาสานกั พมิ พ์ สถานทพ่ี มิ พ์จานวนหน้า ราคา บาท อ่านวนั ท่ี เดอื น1. สาระสาคญั ของเรอ่ื ง2. วเิ คราะหข์ อ้ คดิ /ประโยชน์ทไ่ี ดจ้ ากเรอ่ื งทอ่ี ่าน3. สงิ่ ทส่ี ามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั4. ขอ้ เสนอแนะของครูลงชอ่ื นกั เรยี น ลงชอ่ื ผปู้ กครอง ( )( ) ลงชอ่ื ครูผสู้ อน ()เกณฑก์ ารให้คะแนน ผลงานมีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานมีความสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 4 คะแนน ผลงานมีข้อบกพร่องเพียงเลก็ น้อย ให้ 3 คะแนน ผลงานมีข้อบกพรอ่ งมาก ให้ 1 คะแนน 28 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวัติและความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 1 การทาสังคายนา แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานรายบคุ คลชอ่ื ชนั้คาชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนนลาดบั ที่ รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 321 การแสดงความคดิ เหน็2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผอู้ น่ื3 การทางานตามหน้าทท่ี ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย4 ความมนี ้าใจ5 การตรงตอ่ เวลา รวม ลงชอ่ื ....................................................ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี ากปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดีปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ 29 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวตั แิ ละความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 1 การทาสังคายนา แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานกล่มุคาชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนนลาดบั ช่ือ-สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี ้าใจ การมี ที่ ของผรู้ บั การประเมิน ความคิดเหน็ ฟังคนอ่ืน ตามที่ได้รบั ส่วนร่วมใน รวม มอบหมาย การปรบั ปรงุ 20 ผลงานกลุ่ม คะแนน 43214321432143214321 ลงชอ่ื ....................................................ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี ากปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดีปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ 30 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวัติและความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 1 การทาสังคายนา แบบประเมิน คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์คาชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนนอนั พึงประสงคด์ ้าน 43211. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเมอ่ื ไดย้ นิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาตไิ ด้ และอธบิ ายความหมายของ เพลงชาติ กษตั ริย์ 1.2 ปฏบิ ตั ติ นตามสทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องนกั เรยี น2. ซ่ือสตั ย์ สจุ ริต 1.3 ใหค้ วามรว่ มมอื ร่วมใจ ในการทางานกบั สมาชกิ ในชนั้ เรยี น3. มีวินัย รบั ผิดชอบ 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทส่ี รา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อ โรงเรยี นและชมุ ชน4. ใฝ่เรยี นรู้ 1.5 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถอื ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ของศาสนา5. อย่อู ย่างพอเพียง 1.6 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทเ่ี กย่ี วกบั สถาบนั พระมหากษตั รยิ ต์ ามทโ่ี รงเรยี น และชมุ ชนจดั ขน้ึ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ทถ่ี ูกตอ้ ง และเป็นจรงิ 2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ทจ่ี ะทาความผดิ ทาตาม สญั ญาทต่ี นให้ไวก้ บั เพอ่ื น พ่อแมห่ รอื ผปู้ กครอง และครู 2.3 ปฏบิ ตั ติ อ่ ผอู้ ่นื ดว้ ยความซอ่ื ตรง 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของครอบครวั และโรงเรยี น มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่างๆ ในชวี ติ ประจาวนั 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ การเรยี นรตู้ ่างๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทกึ ความรอู้ ยา่ งเป็นระบบ 4.3 สรุปความรไู้ ดอ้ ยา่ งมเี หตุผล 5.1 ใชท้ รพั ยส์ นิ ของตนเอง เช่น สงิ่ ของ เคร่อื งใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั คมุ้ คา่ และเกบ็ รกั ษาดแู ลอย่างดี และใชเ้ วลาอยา่ งเหมาะสม 5.2 ใชท้ รพั ยากรของสว่ นรวมอยา่ งประหยดั คมุ้ ค่า และเกบ็ รกั ษาดแู ลอยา่ งดี 5.3 ปฏบิ ตั ติ นและตดั สนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มเี หตุผล 5.4 ไม่เอาเปรยี บผอู้ ่นื และไม่ทาใหผ้ อู้ ่นื เดอื ดรอ้ น พรอ้ มใหอ้ ภยั เมอ่ื ผอู้ ่นื กระทาผดิ พลาด 31 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวัตแิ ละความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเรื่องที่ 1 การทาสังคายนา คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนนอนั พึงประสงคด์ ้าน 4321 5.5 วางแผนการเรยี น การทางานและการใชช้ วี ติ ประจาวนั บนพน้ื ฐานของ ความรู้ ขอ้ มลู ข่าวสาร 5.6 รเู้ ท่าทนั การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั และ ปรบั ตวั อย่รู ว่ มกบั ผอู้ ่นื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข6. ม่งุ มนั ่ ในการ 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ทางาน 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรคเพอ่ื ใหง้ านสาเรจ็ 7.1 มจี ติ สานึกในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย7. รกั ความเป็นไทย 7.2 เหน็ คณุ ค่าและปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รจู้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 อาสาทางาน ช่วยคดิ ชว่ ยทา และแบ่งปนั สงิ่ ของใหผ้ อู้ ่นื 8.3 รจู้ กั ดแู ล รกั ษาทรพั ยส์ มบตั แิ ละสง่ิ แวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น โรงเรยี น ชุมชน 8.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี น ลงชอ่ื ....................................................ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 191 - 108 ดมี ากปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 73 - 90 ดีปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 54 - 72 พอใช้ ต่ากว่า 54 ปรบั ปรงุ 32 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวัตแิ ละความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนา แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอนเรื่องท่ี 1 การทาสังคายนา  ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล (ถ้าม)ี ) ปญั หา/อุปสรรค แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศึกษาหรอื ผทู้ ่ีได้รบั มอบหมายขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 33 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวัตแิ ละความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 2 การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทยแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2 การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา 2 ชวั่ โมง เข้าส่ปู ระเทศไทย1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด พระพุทธศาสนาไดเ้ ผยแผเ่ ขา้ สู่ประเทศไทยในยคุ เถรวาทสมยั พระเจา้ อโศกมหาราช ส่งผลใหพ้ ระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจาชาตไิ ทย2 ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ส 1.1 ม.1/1 อธบิ ายการเผยแผ่พระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาทต่ี นนับถอื สปู่ ระเทศไทย 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - อธบิ ายการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทยในแต่ละยคุ ได้3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง - การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สปู่ ระเทศไทย 3.2 สาระการเรียนร้ทู ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา)4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการสรปุ ลงความเหน็ 2) ทกั ษะการจดั ระเบยี บ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 30 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวตั ิและความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเรื่องท่ี 2 การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย (ชั่วโมงท่ี 1)6 กิจกรรมการเรยี นรู้ วิธีสอนโดยการจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมือ : เทคนิ คการจดั ทีมแข่งขนั นกั เรยี นสวดมนต์บชู าพระรตั นตรยั และทาสมาธกิ ่อนเรยี นทุกชวั่ โมง ชวั่ โมงท่ี 1ขนั้ นาเขา้ ส่บู ทเรียน คาถามกระต้นุ ความคิดสอ่ื การเรยี นรู้ : บตั รภาพ  หลกั ฐานสาคญั ที่แสดงว่า มกี ารเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนาไปในดินแดนต่างๆ นัน้ 1. ครนู าภาพเกย่ี วกบั พระพทุ ธศาสนา มาใหน้ กั เรยี นดู แลว้ ให้ ไดแ้ ก่อะไรบ้าง นกั เรยี นช่วยกนั เลา่ เรอ่ื งราวเกย่ี วกบั ภาพนนั้ ๆ เชน่ (โบราณวตั ถุ โบราณสถาน บนั ทกึ เหตุการณ์ บนั ทกึ - ภาพนนั้ คอื ภาพอะไร การเดนิ ทาง ฯลฯ) - ภาพนนั้ มคี วามเกย่ี วขอ้ งกบั พระพทุ ธศาสนาอย่างไร โดยครคู อยกระตุน้ ใหน้ กั เรยี นทุกคนมสี ่วนรว่ มในการแสดง ความคดิ เหน็ 2. ครอู ธบิ ายเช่อื มโยงใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจว่า ภาพต่างๆ นนั้ เป็นหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การเผยแผ่ พระพุทธศาสนาเขา้ ส่ปู ระเทศไทย 3. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุน้ ความคดิขนั้ สอนสอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ : 5. เอกสารประกอบการสอน คาถามกระตุ้นความคิด 6. ใบงานท่ี 1.2 1. หนงั สอื เรยี น พระพุทธศาสนา ม.1 7. หอ้ งสมดุ 1. เพราะเหตุใด จึงสนั นิษฐานวา่ พระพทุ ธศาสนาได้ 2. แบบวดั ฯ 8. แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ เผยแผเ่ ข้ามาในประเทศไทยก่อน พ.ศ. 500 3. บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ (เพราะมหี ลกั ฐานตา่ งๆ เกยี่ วกบั พระพุทธศาสนา 4. หนังสอื คน้ ควา้ เพมิ่ เตมิ ในดนิ แดนภาคกลางของประเทศไทย เชน่ สถูปเจดยี ์ ธรรมจกั รศลิ ากบั กวางหมอบ พระพทุ ธรูป ซงึ่ เป็น1. นกั เรยี นกลมุ่ เดมิ (จากแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1) รว่ มกนั ศลิ ปกรรมอนิ เดยี สมยั พระเจา้ อโศกมหาราช) ศกึ ษาความรเู้ ร่อื ง การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ ประเทศไทยในแต่ละยุค ดงั น้ี 2. เพราะเหตใุ ด จึงสนั นิษฐานว่า อาณาจกั รไทย 1) ยคุ เถรวาทสมยั พระเจา้ อโศกมหาราช ตอนเหนือเคยได้รบั อิทธิพลจากพระพทุ ธศาสนา 2) ยคุ มหายาน นิกายเถรวาทแบบพกุ าม 3) ยุคเถรวาทแบบพุกาม (มหี ลกั ฐานทางโบราณคดี เชน่ เจดยี ว์ ดั เจด็ ยอด 4) ยคุ เถรวาทแบบลงั กาวงศ์ จงั หวดั เชยี งใหม่ ทสี่ รา้ งขน้ึ โดยเลยี นแบบเจดยี ์ - สมยั สโุ ขทยั - สมยั ลา้ นนา - สมยั อยุธยา พุทธคยาในอนิ เดยี ) - สมยั ธนบุรี - สมยั รตั นโกสนิ ทร์ 31 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวตั แิ ละความสาคัญของพระพทุ ธศาสนา ชวั่ โมงท่ี 2เร่ืองท่ี 2 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย (ชั่วโมงท่ี 1-2) โดยใหน้ กั เรยี นศกึ ษาความรจู้ ากหนงั สอื เรยี นหรอื บทเรยี น คอมพวิ เตอร์ Smart L.O. LMS Lite หนงั สอื คน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ หอ้ งสมดุ และแหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ จากนนั้ บนั ทกึ ความรู้ ทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาลงในแบบบนั ทกึ การอ่าน 2. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ สาระสาคญั เกย่ี วกบั การเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนาเขา้ สปู่ ระเทศไทยในแต่ละยุค 3. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มช่วยกนั ทาใบงานที่ 1.2 เรื่อง การเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนาเข้าส่ปู ระเทศไทย โดยใหส้ มาชกิ แต่ละคน ในกล่มุ หมุนเวยี นกนั ทาหน้าทใ่ี นการตอบคาถามแต่ละขอ้ ในใบงาน ดงั น้ี - สมาชกิ คนท่ี 1 อ่านคาถามและแยกแยะสงิ่ ทเ่ี ป็น ประเดน็ สาคญั ของคาถาม - สมาชกิ คนท่ี 2 วเิ คราะหห์ าแนวทางในการตอบคาถาม หรอื อธบิ ายแนวคาตอบ - สมาชกิ คนท่ี 3 รวบรวมขอ้ มลู และเขยี นคาตอบ - สมาชกิ คนท่ี 4 ตรวจคาตอบ และแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ในส่วน ทย่ี งั ไม่สมบูรณ์ 4. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ผลดั กนั อธบิ ายทบทวนความรใู้ หก้ นั ฟงั สมาชกิ ทเ่ี กง่ ชว่ ยเหลอื สมาชกิ ทเ่ี รยี นอ่อนจนทุกคนมคี วาม เขา้ ใจชดั เจนตรงกนั 5. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคดิ ขอ้ 1 6. ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละกลุม่ ตรวจคาตอบในใบงานท่ี 1.2 ตาม เฉลยทค่ี รแู จกให้ แลว้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มร่วมกนั ทบทวนความรู้ เพอ่ื เตรยี มการแขง่ ขนั ตอบคาถามในชวั่ โมงเรยี นต่อไป 7. ครแู ละนกั เรยี นเตรยี มการแข่งขนั ตอบคาถาม ครจู ดั โต๊ะ แข่งขนั โดยแยกกนั ตามความสามารถโต๊ะละ 4 คน ดงั น้ี - โต๊ะหมายเลข 1 เป็นโต๊ะแขง่ ขนั สาหรบั นกั เรยี นทม่ี ี ความสามารถในระดบั เก่ง - โต๊ะหมายเลข 2 เป็นโต๊ะแขง่ ขนั สาหรบั นกั เรยี นทม่ี ี ความสามารถในระดบั ปานกลางค่อนขา้ งเก่ง - โต๊ะหมายเลข 3 เป็นโต๊ะแขง่ ขนั สาหรบั นกั เรยี นทม่ี ี ความสามารถในระดบั ปานกลางคอ่ นขา้ งอ่อน - โต๊ะหมายเลข 4 เป็นโต๊ะแขง่ ขนั สาหรบั นกั เรยี นทม่ี ี ความสามารถในระดบั อ่อน 32 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวัตแิ ละความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเรื่องท่ี 2 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย (ช่ัวโมงท่ี 2) ในกรณีทน่ี กั เรยี นมจี านวนมาก โต๊ะหมายเลข 1, 2, 3 และ 4 อาจจะซ้ากนั หลายโต๊ะเพอ่ื ใหน้ กั เรยี นทุกคนไดม้ โี อกาส แข่งขนั 8. ครเู รมิ่ การแขง่ ขนั ดงั น้ี 1) ครแู จกซองคาถามใหท้ ุกโต๊ะ ซง่ึ มคี าถามเท่ากบั จานวน นกั เรยี นครคู วรชแ้ี จงใหน้ กั เรยี นทราบวา่ ทกุ คนผลดั กนั เป็นผอู้ ่านคาถาม ขอใหอ้ ่านชา้ ๆ ชดั ๆ ผอู้ ่านคาถามมี หน้าทอ่ี ่านเฉลยและใหค้ ะแนนผูท้ ต่ี อบถกู ตามลาดบั ครู จะตอ้ งมคี าเฉลยทช่ี ดั เจนใส่ซองใหน้ กั เรยี นควบคไู่ ปกบั คาถาม โดยคาถามแต่ละขอ้ นนั้ ครคู วรเป็นผกู้ าหนดเวลา ต่อขอ้ กไ็ ด้ 2) เรม่ิ การแข่งขนั - นกั เรยี นคนท่ี 1 หยบิ ซองคาถาม 1 ซอง เปิดซองอ่าน คาถามแลว้ วางลงกลางโต๊ะ - นกั เรยี นอกี 3 คน แขง่ ขนั กนั ตอบคาถาม โดยเขยี น คาตอบลงในกระดาษคาตอบของตนสง่ ใหค้ นท่ี 1 อ่าน - คนทอ่ี ่านมหี น้าทใ่ี หค้ ะแนนตามใบเฉลย โดยผทู้ ต่ี อบ ถูกจะได้ 2 คะแนน - สมาชกิ ในทมี แขง่ ขนั ผลดั กนั ทาหน้าทอ่ี ่านคาถาม โดยใหท้ ุกคนไดต้ อบคาถามจานวนเท่ากนั - ใหท้ กุ คนรวมคะแนนของตนเอง โดยมสี มาชกิ ทุกคนใน กลมุ่ รบั รองรว่ มกนั วา่ ถกู ตอ้ งอาจจะใหเ้ ซน็ ชอ่ื รบั รอง ดว้ ยกไ็ ด้ - สมาชกิ ทุกคนกลบั เขา้ กลมุ่ แลว้ นาคะแนนมารวมกนั แลว้ หารเฉลย่ี - ครปู ระกาศชมเชยกล่มุ ท่ไี ดค้ ะแนนสงู สดุ เรยี งตามลาดบั 9. ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละคนทากจิ กรรมตามตวั ชว้ี ดั : กจิ กรรม ท่ี 1.2 จากแบบวดั ฯ เป็นการบ้าน เม่อื ทาเสรจ็ แลว้ นาส่งครู ตามกาหนดเวลาทต่ี กลงกนั 10. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุน้ ความคดิ ขอ้ 2 ขนั้ สรปุ สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ : — ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปประเดน็ สาคญั ของการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาเขา้ สปู่ ระเทศไทยในแต่ละยคุ 33 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวตั ิและความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 2 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย7 การวดั และประเมินผล วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์ตรวจใบงานท่ี 1.2 ใบงานท่ี 1.2 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ตรวจแบบบนั ทกึ การอ่านสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบบนั ทกึ การอ่าน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมนั่ ในการ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ทางาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์8 ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรยี น พระพทุ ธศาสนา ม.1 2) แบบวดั และบนั ทกึ ผลการเรยี นรู้ พระพทุ ธศาสนา ม.1 3) บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ Smart L.O. LMS Lite พระพทุ ธศาสนา ม.1 บรษิ ทั เพลยเ์ อเบลิ จากดั 4) หนงั สอื คน้ ควา้ เพมิ่ เตมิ - การศาสนา, กรม. 2525. ประวตั ิพระพทุ ธศาสนาแห่งกรงุ รตั นโกสินทร์ 200 ปี ภาค 1. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พก์ ารศาสนา. 5) เอกสารประกอบการสอน 6) บตั รภาพ 7) ใบงานท่ี 1.2 เร่อื ง การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ ส่ปู ระเทศไทย 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) หอ้ งสมุด 2) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ - http://www.aksorn.com/LC/Rel/M1/02 - http://www.aksorn.com/LC/Rel/M1/03 34 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวัติและความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเรื่องที่ 2 การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย เอกสารประกอบการสอน ตวั อย่างคาถามท่ีใช้ในการแข่งขนั ตอบคาถาม 1. พระพุทธศาสนาในอนิ เดยี ในสมยั กษตั รยิ พ์ ระองคใ์ ดทไ่ี ดร้ บั การทานุบารุงจนมคี วามเจรญิ รุง่ เรอื งอยา่ งมาก ตอบ พระเจา้ อโศกมหาราช 2. ใครคอื พระสมณทตู ทไ่ี ดเ้ ดนิ ทางไปเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาในดนิ แดนสุวรรณภมู ิ ตอบ พระโสณเถระ และพระอุตตรเถระ 3. หลกั ฐานใดทแ่ี สดงวา่ พระพทุ ธศาสนายุคเถรวาทไดเ้ ขา้ มาเผยแผใ่ นดนิ แดนสวุ รรณภมู ิ ตอบ ธรรมจกั รกบั กวางหมอบ, พระปฐมเจดยี ์ 4. หลกั ฐานใดทแ่ี สดงวา่ พระพุทธศาสนานิกายมหายานไดเ้ ขา้ มามอี ทิ ธพิ ลทางภาคใต้ของไทย บรเิ วณจงั หวดั สุราษฎรธ์ านี ตอบ พระโพธสิ ตั วอ์ วโลกเิ ตศวร 5. ศาสนวตั ถุทแ่ี สดงถงึ อทิ ธพิ ลของพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์ต่อการนบั ถอื ศาสนาในประเทศไทยคอื อะไร ตอบ พระปรางคส์ ามยอด จงั หวดั ลพบุรี 6. หลกั ฐานสาคญั ทแ่ี สดงวา่ พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบพกุ ามเฟ่ืองฟูในดนิ แดนแถบทางเหนอื ของไทยคอื อะไร ตอบ เจดยี ว์ ดั เจด็ ยอด จงั หวดั เชยี งใหม่ 7. พระพทุ ธศาสนาในประเทศไทยเป็นพระพุทธศาสนายุคเถรวาทแบบใด ตอบ ลงั กาวงศ์ 8. พระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาทในสมยั สโุ ขทยั เฟ่ืองฟูมากในเมอื งใด ตอบ นครศรธี รรมราช 9. พระมหากษตั รยิ ใ์ นสมยั สโุ ขทยั พระองคใ์ ดโปรดเกลา้ ฯ ใหน้ มิ นต์สมเดจ็ พระมหาเถรสงั ฆราช จากนครศรธี รรมราช มาเทศนาสงั่ สอนประชาชน ตอบ พ่อขนุ รามคาแหงมหาราช 10. พระพุทธศาสนาในสมยั สโุ ขทยั ทร่ี ุ่งเรอื งมากเป็นพระพุทธศาสนานิกายใด แบบใด ตอบ นกิ ายเถรวาท แบบลงั กาวงศ์ 11. หลกั ฐานท่แี สดงถงึ การนบั ถอื พระพทุ ธศาสนาแบบเถรวาทในสมยั สโุ ขทยั ไดแ้ กอ่ ะไรบ้าง ตอบ วดั มหาธาตุ, ไตรภูมพิ ระรว่ ง 12. วรรณคดที างพระพทุ ธศาสนาเรอ่ื ง ไตรภมู พิ ระรว่ ง เป็นบทพระราชนิพนธข์ องพระมหากษตั รยิ ส์ มยั สุโขทยั พระองคใ์ ด ตอบ พระยาลไิ ทย 13. หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรข์ อ้ ใดทย่ี นื ยนั ว่า พระพทุ ธศาสนาในอาณาจกั รลา้ นนาเป็นพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ตอบ พระธาตุดอยสุเทพ, วดั เชยี งมนั่ 14. พระมหากษตั รยิ ส์ มยั อยธุ ยาพระองคใ์ ดทรงสง่ คณะสงฆ์เดนิ ทางไปลงั กาเพ่อื ชว่ ยวางรากฐานและประดษิ ฐาน พระพุทธศาสนาในลงั กาใหม้ นั่ คง ตอบ สมเดจ็ พระเจา้ บรมโกศ 35 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวตั ิและความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองที่ 2 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย 15. เพราะเหตุใด จงึ เรยี กนิกายพระพุทธศาสนาในลงั กาว่า “อุบาลวี งศ์ หรอื สยามวงศ์” ตอบ เพราะพระอุบาลี กบั พระอรยิ มุณีเดนิ ทางจากสยามไปลงั กา เพอื่ ช่วยวางรากฐานและประดษิ ฐาน พระพุทธศาสนาในลงั กา 16. วรรณคดที างพระพุทธศาสนาในสมยั อยธุ ยาไดแ้ กเ่ รอ่ื งใดบา้ ง ตอบ มหาชาตคิ าหลวง, พระมาลยั คาหลวง, กาพยม์ หาชาติ 17. วดั ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราชทรงสรา้ งขน้ึ โดยมพี ระราชประสงคท์ จ่ี ะจาลองใหเ้ หมอื นกบั วดั พระศรสี รรเพชญ์ สมยั อยธุ ยา คอื วดั ใด ตอบ วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม หรอื วดั พระแกว้ 18. พระมหากษตั รยิ ส์ มยั รตั นโกสนิ ทรพ์ ระองคใ์ ดทรงฟ้ืนฟูประเพณวี สิ าขบูชาขน้ึ เป็นครงั้ แรก ตอบ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลยั (รชั กาลที่2) 19. พระมหากษตั รยิ พ์ ระองคใ์ ดในสมยั รตั นโกสนิ ทรท์ ท่ี รงจดั ใหม้ พี ธิ มี าฆบูชาเป็นครงั้ แรก ตอบ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลที่4) 20. คณะสงฆธ์ รรมยุตนิ กิ ายเกดิ ขน้ึ ในสมยั ใด ตอบ เกดิ ข้นึ ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั (รชั กาลที่ 4) 36 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวตั แิ ละความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองที่ 2 การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย บตั รภาพ ภาพธรรมจกั รกบั กวางหมอบ ภาพพระโพธิสตั วอ์ วโลกิเตศวรสาริดภาพเจดียว์ ดั เจด็ ยอด จ. เชียงใหม่ ภาพวดั มหาธาตุ จ. สโุ ขทยัภาพวดั พระศรสี รรเพชญ์ จ. พระนครศรีอยธุ ยา ภาพวดั อรณุ ราชวราราม กรงุ เทพมหานครท่ีมา : วทิ ย์ วศิ ทเวทย์ และเสฐยี รพงษ์ วรรณปก. 2552. หนังสือเรยี น รายวิชาพืน้ ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม.1. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 10. กรุงเทพมหานคร : อกั ษรเจรญิ ทศั น์. 37 2. 4.พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวัตแิ ละความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 2 การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทยใบงานท่ี 1.2 การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเข้าส่ปู ระเทศไทยคาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. พระราชกรณยี กจิ ทส่ี าคญั ของพระเจา้ อโศกมหาราช ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง 2. พระภกิ ษุคณะใดทเ่ี ดนิ ทางมาเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนายงั ดนิ แดนสวุ รรณภูมิ รวมทงั้ ประเทศไทย และมหี ลกั ฐานสาคญั อะไรบา้ ง 3. หลกั ฐานทแ่ี สดงวา่ อาณาจกั รศรวี ชิ ยั นบั ถอื พระพทุ ธศาสนานิกายมหายาน ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง 4. หลกั ฐานสาคญั ทแ่ี สดงวา่ ประชาชนในอาณาจกั รละโว้ (ลพบรุ )ี นบั ถอื พระพทุ ธศาสนานกิ ายมหายาน ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง 5. เพราะเหตุใด พระพทุ ธศาสนานิกายเถรวาทแบบลงั กาวงศจ์ งึ เป็นทเ่ี คารพเสอ่ื มใสในสมยั สุโขทยั 38 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวตั ิและความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 2 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย 6. หลกั ฐานทแ่ี สดงวา่ พระพุทธศาสนาลทั ธลิ งั กาวงศไ์ ดเ้ ขา้ มายงั ดนิ แดนภาคเหนอื ของไทย ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง 7. ในสมยั สมเดจ็ พระเจา้ บรมโกศไดม้ คี วามสมั พนั ธ์ทางดา้ นศาสนากบั ลงั กาอยา่ งไร 8. สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ ทรงมพี ระราชกรณียกจิ ทส่ี าคญั เกย่ี วกบั พระพุทธศาสนาทเ่ี ดน่ ชดั อยา่ งไรบา้ ง 9. พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงมพี ระราชกรณยี กจิ ทแ่ี สดงถงึ การทานุบารุง พระพุทธศาสนาอยา่ งไรบ้าง 10. พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราชทรงมพี ระราชกรณยี กจิ สาคญั ทเ่ี กย่ี วกบั การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาอยา่ งไร 39 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวตั แิ ละความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเรื่องที่ 2 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทยใบงานที่1.2 การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเข้าส่ปู ระเทศไทยคาชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. พระราชกรณยี กจิ ทส่ี าคญั ของพระเจา้ อโศกมหาราช ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง 1) ทรงจดั ใหม้ กี ารสงั คายนาพระธรรมวนิ ยั เป็นครงั้ ที่3 2) ทรงสง่ คณะสมณะทตู ใหเ้ ดนิ ทางไปเผยแผพ่ ระพุทธศาสนายงั ดนิ แดนต่างๆ รวม 9 สาย 2. พระภกิ ษคุ ณะใดทเ่ี ดนิ ทางมาเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนายงั ดนิ แดนสวุ รรณภูมิ รวมทงั้ ประเทศไทย และมหี ลกั ฐานสาคญั อะไรบา้ ง พระโสณเถระและพระอุตตรเถระ หลกั ฐานสาคญั เช่น สถปู เจดยี ์ ธรรมจกั รศลิ ากบั กวางหมอบ เป็นตน้ 3. หลกั ฐานทแ่ี สดงวา่ อาณาจกั รศรวี ชิ ยั นบั ถอื พระพทุ ธศาสนานิกายมหายาน ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง พระโพธสิ ตั วอ์ วโลกเิ ตศวรทาดว้ ยสารดิ เจดยี พ์ ระบรมธาตุไชยา ในจงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี 4. หลกั ฐานสาคญั ทแ่ี สดงวา่ ประชาชนในอาณาจกั รละโว้ (ลพบรุ )ี นบั ถอื พระพุทธศาสนานิกายมหายาน ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง พระปรางคอ์ งคใ์ หญ่ วดั พระศรรี ตั นมหาธาตุ พระปรางคส์ ามยอด จงั หวดั ลพบุรี 5. เพราะเหตใุ ด พระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาทแบบลงั กาวงศจ์ งึ เป็นทเ่ี คารพเสอ่ื มใสในสมยั สโุ ขทยั เพราะพอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช โปรดเกลา้ ฯ ใหน้ ิมนตส์ มเดจ็ พระมหาเถรสงั ฆราช จากนครศรธี รรมราช ซงึ่ นบั ถอื พระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาทแบบลงั กาวงศ์ มาเทศนาสงั่ สอนประชาชนชาวสโุ ขทยั ทาใหช้ าวสุโขทยั มคี วามศรทั ธาเสอื่ มใส 40 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวัตแิ ละความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองที่ 2 การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย 6. หลกั ฐานทแ่ี สดงวา่ พระพทุ ธศาสนาลทั ธลิ งั กาวงศไ์ ดเ้ ขา้ มายงั ดนิ แดนภาคเหนอื ของไทย ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง วดั เชยี งมนั่ พระธาตุดอยสุเทพ วรรณคดที างพระพุทธศาสนา เชน่ มงั คลตั ถทปี นี จกั รวาฬทปี นี และมกี ารสงั คายนา ครงั้ ที่8 ในสมยั พระเจา้ ตโิ ลกราช 7. ในสมยั สมเดจ็ พระเจา้ บรมโกศไดม้ คี วามสมั พนั ธท์ างดา้ นศาสนากบั ลงั กาอย่างไร สง่ พระอุบาลกี บั พระอรยิ มนุ ีพรอ้ มคณะสงฆ์ 15 รปู เดนิ ทางไปวางรากฐานและประดษิ ฐานพระพุทธศาสนา ในลงั กาทาใหเ้ กดิ นกิ ายอุบาลวี งศ์ หรอื สยามวงศ์ 8. สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ ทรงมพี ระราชกรณียกจิ ทส่ี าคญั เกย่ี วกบั พระพุทธศาสนาทเ่ี ด่นชดั อยา่ งไรบา้ ง โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ มโภชวดั พระมหาธาตุ เมอื งนครศรธี รรมราชเป็นศนู ยก์ ลางพระพุทธศาสนาในภาคใต้ และสรา้ งวดั บางยเี่ รอื เหนอื (วดั ราชคฤหว์ รวหิ าร) 9. พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช ทรงมพี ระราชกรณยี กจิ ทแ่ี สดงถงึ การทานุบารุง พระพุทธศาสนาอยา่ งไรบา้ ง ทรงสรา้ งวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ งั คายนาครงั้ ที่9 มกี ารแต่งและแปลคมั ภีร์ ทางพระพทุ ธศาสนา 10. พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราชทรงมพี ระราชกรณยี กจิ สาคญั ทเ่ี กย่ี วกบั การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาอย่างไร ทรงสรา้ งวดั ไทยในต่างประเทศ และประเทศไทยกลายเป็นศนู ยก์ ลางในการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาของโลก 41 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวัติและความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองที่ 2 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทยช่อื หนงั สอื ราคา ช่อื ผแู้ ต่ง แบบบนั ทึกการอ่านสานกั พมิ พ์ สถานทพ่ี มิ พ์จานวนหน้า บาท อ่านวนั ท่ี เดอื น นามปากกา ปีทพ่ี มิ พ์ พ.ศ. เวลา1. สาระสาคญั ของเรอ่ื ง2. วเิ คราะหข์ อ้ คดิ /ประโยชน์ทไ่ี ดจ้ ากเร่อื งทอ่ี า่ น3. สงิ่ ทส่ี ามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั4. ขอ้ เสนอแนะของครูลงชอ่ื นกั เรยี น ลงชอ่ื ผปู้ กครอง ( )( ) ลงชอ่ื ครูผสู้ อน ()เกณฑก์ ารให้คะแนน ผลงานมีข้อบกพรอ่ งเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานมีความสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 4 คะแนน ผลงานมีข้อบกพรอ่ งเพียงเลก็ น้อย ให้ 3 คะแนน ผลงานมีข้อบกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน 42 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวตั ิและความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองที่ 2 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานรายบคุ คลคาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนนลาดบั ช่ือ-สกลุ ความมวี ินัย ความมีน้าใจ การรบั ฟัง การแสดง การตรงต่อ รวม ที่ ของผรู้ บั การประเมิน เอื้อเฟ้ื อ ความคิดเหน็ ความคิดเหน็ เวลา 20 เสียสละ คะแนน 43214321432143214321 ลงชอ่ื ....................................................ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี ากปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดีปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ 43 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวตั แิ ละความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองที่ 2 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานกล่มุชอ่ื กลมุ่ ชนั้คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนนลาดบั ที่ รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 321 การแบง่ หน้าทก่ี นั อย่างเหมาะสม2 ความรว่ มมอื กนั ทางาน3 การแสดงความคดิ เหน็4 การรบั ฟงั ความคดิ เหน็5 ความมนี ้าใจชว่ ยเหลอื กนั รวม ลงชอ่ื ....................................................ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี ากปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดีปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ 44 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวตั ิและความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 2 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย แบบประเมิน คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนนอนั พึงประสงคด์ ้าน 43211. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเม่อื ไดย้ นิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาตไิ ด้ และอธบิ ายความหมายของ เพลงชาติ กษตั ริย์ 1.2 ปฏบิ ตั ติ นตามสทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องนกั เรยี น2. ซื่อสตั ย์ สจุ ริต 1.3 ใหค้ วามรว่ มมอื รว่ มใจ ในการทางานกบั สมาชกิ ในชนั้ เรยี น3. มีวินัย รบั ผิดชอบ 1.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทส่ี รา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อ โรงเรยี นและชมุ ชน4. ใฝ่เรียนรู้ 1.5 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถอื ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ของศาสนา5. อย่อู ย่างพอเพียง 1.6 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทเ่ี กย่ี วกบั สถาบนั พระมหากษตั รยิ ต์ ามทโ่ี รงเรยี น และชุมชนจดั ขน้ึ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ทถ่ี กู ตอ้ ง และเป็นจรงิ 2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสงิ่ ทถ่ี กู ตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ทจ่ี ะทาความผดิ ทาตาม สญั ญาทต่ี นให้ไวก้ บั เพ่อื น พ่อแม่หรอื ผปู้ กครอง และครู 2.3 ปฏบิ ตั ติ อ่ ผอู้ ่นื ดว้ ยความซอ่ื ตรง 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของครอบครวั และโรงเรยี น มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่างๆ ในชวี ติ ประจาวนั 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งการเรยี นรตู้ ่างๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทกึ ความรอู้ ยา่ งเป็นระบบ 4.3 สรุปความรไู้ ดอ้ ยา่ งมเี หตุผล 5.1 ใชท้ รพั ยส์ นิ ของตนเอง เชน่ สง่ิ ของ เครอ่ื งใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั คมุ้ คา่ และเกบ็ รกั ษาดแู ลอยา่ งดี และใชเ้ วลาอยา่ งเหมาะสม 5.2 ใชท้ รพั ยากรของสว่ นรวมอยา่ งประหยดั คมุ้ คา่ และเกบ็ รกั ษาดแู ลอยา่ งดี 5.3 ปฏบิ ตั ติ นและตดั สนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มเี หตุผล 5.4 ไม่เอาเปรยี บผอู้ ่นื และไม่ทาใหผ้ อู้ ่นื เดอื ดรอ้ น พรอ้ มใหอ้ ภยั เมอ่ื ผอู้ ่นื กระทาผดิ พลาด 45 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวตั แิ ละความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองที่ 2 การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนนอนั พึงประสงคด์ ้าน 4321 5.5 วางแผนการเรยี น การทางานและการใชช้ วี ติ ประจาวนั บนพน้ื ฐานของ ความรู้ ขอ้ มลู ข่าวสาร 5.6 รเู้ ท่าทนั การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั และ ปรบั ตวั อย่รู ว่ มกบั ผอู้ ่นื ไดอ้ ย่างมคี วามสุข6. มุ่งมนั ่ ในการ 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ทางาน 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรคเพอ่ื ใหง้ านสาเรจ็ 7.1 มจี ติ สานกึ ในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย7. รกั ความเป็นไทย 7.2 เหน็ คณุ ค่าและปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รจู้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 อาสาทางาน ช่วยคดิ ชว่ ยทา และแบ่งปนั สง่ิ ของใหผ้ อู้ ่นื 8.3 รจู้ กั ดแู ล รกั ษาทรพั ยส์ มบตั แิ ละสง่ิ แวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น โรงเรยี น ชมุ ชน 8.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี น ลงชอ่ื ....................................................ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 191 - 108 ดมี ากปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 73 - 90 ดีปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 54 - 72 พอใช้ ต่ากว่า 54 ปรบั ปรงุ 46 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวัติและความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนา แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอนเรื่องท่ี 2 การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย  ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล (ถ้าม)ี ) ปญั หา/อปุ สรรค แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศึกษาหรอื ผทู้ ่ีได้รบั มอบหมายขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 47 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวตั ิและความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเรื่องที่ 3 ความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสังคมไทยแผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 3 ความสาคญั ของ 1 ชวั่ โมง พระพทุ ธศาสนา ต่อสงั คมไทย1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด พระพุทธศาสนามคี วามสาคญั ตอ่ สงั คมไทย ในฐานะเป็นศาสนาประจาชาตไิ ทย เป็นสถาบนั หลกั ของสงั คมไทย มผี ลตอ่ สภาพแวดลอ้ มทก่ี วา้ งขวาง และครอบคลุมสงั คมไทย2 ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้2.1 ตวั ช้ีวดั ส 1.1 ม.1/2 วเิ คราะหค์ วามสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาทต่ี นนบั ถอื ทม่ี ตี ่อสภาพแวดล้อมในสงั คมไทย รวมทงั้ การพฒั นาตนและครอบครวั2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) วเิ คราะหพ์ ระพทุ ธศาสนาในฐานะเป็นศาสนาประจาชาตไิ ทยได้ 2) วเิ คราะหพ์ ระพทุ ธศาสนาวา่ เป็นสถาบนั หลกั ของสงั คมไทยได้ 3) วเิ คราะหพ์ ระพุทธศาสนาวา่ เป็นสภาพแวดลอ้ มทก่ี วา้ งขวาง และครอบคลมุ สงั คมไทยได้3 สาระการเรยี นรู้3.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทยในฐานะเป็น- ศาสนาประจาชาติ - สถาบนั หลกั ของสงั คมไทย- สภาพแวดลอ้ มทก่ี วา้ งขวางและครอบคลมุ สงั คมไทย3.2 สาระการเรียนร้ทู ้องถิน่(พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา)4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ทกั ษะการพสิ จู น์ความจรงิ4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการวเิ คราะห์4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุง่ มนั่ ในการทางาน 48 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวัติและความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองที่ 3 ความสาคัญของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทย6 กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนแบบ ศนู ยก์ ารเรียน  นกั เรยี นสวดมนตบ์ ชู าพระรตั นตรยั และทาสมาธกิ ่อนเรยี น ขนั้ ท่ี 1 เตรียมการ สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ : — 1. ครจู ดั เตรยี มส่อื อุปกรณ์ และสถานทท่ี ใ่ี ชใ้ นการจดั การเรยี น การสอนในศนู ยก์ ารเรยี น เร่อื ง ความสาคญั ของพระพทุ ธ- ศาสนาต่อสงั คมไทย 2. ครอู ธบิ ายวธิ กี ารจดั การเรยี นการสอนแบบศนู ยก์ ารเรยี น ใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจ และเน้นย้าใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั ติ ามคาสงั่ ในศนู ยก์ ารเรยี นอย่างเครง่ ครดั และช่วยเหลอื กนั ตลอดการ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมขนั้ ที่ 2 เขา้ ส่บู ทเรยี นสอ่ื การเรยี นรู้ : คาถามกระตุ้นความคิด1. เอกสารประกอบการสอน 2. บตั รภาพ  กิจกรรมสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาที่ส่งผลต่อ การปลูกฝังให้ชาวไทยตระหนักในความสาคญั1. ครใู หน้ กั เรยี นดภู าพพทุ ธศาสนิกชนทากจิ กรรมต่างๆ ทาง ของพระพทุ ธศาสนา ได้แกอ่ ะไรบา้ ง พระพทุ ธศาสนาร่วมกนั แลว้ ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี (การฟงั ธรรม การปฏบิ ตั ธิ รรม การเขา้ ร่วมพธิ กี รรม - ภาพดงั กล่าว มคี วามสาคญั อย่างไร ในวนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา) - ภาพดงั กลา่ ว เกย่ี วขอ้ งกบั พระพุทธศาสนาอยา่ งไร2. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจว่า พระพทุ ธศาสนามคี วามสาคญั ต่อสงั คมไทย3. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคดิ4. นกั เรยี นกลมุ่ เดมิ (จากแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1) ร่วมกนั ศกึ ษาความรใู้ นศนู ยก์ ารเรยี น เรอ่ื ง ความสาคญั ของ พระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย โดยหมุนเวยี นเขา้ ศกึ ษาตาม ศนู ยก์ ารเรยี น 3 ศนู ย์ ดงั น้ี - ศนู ยฯ์ ท่ี 1 : พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจาชาตไิ ทย - ศนู ยฯ์ ท่ี 2 : พระพทุ ธศาสนาเป็นสถาบนั หลกั ของสงั คมไทย - ศนู ยฯ์ ท่ี 3 : พระพุทธศาสนาเป็นสภาพแวดลอ้ มท่ี กวา้ งขวาง และครอบคลมุ สงั คมไทย 49 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวตั ิและความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 3 ความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสังคมไทย 5. เม่อื นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ปฏิบตั กิ จิ กรรมภายในศนู ยก์ ารเรยี น เรยี บรอ้ ยแลว้ ใหเ้ ปลย่ี นกลุม่ ไปศกึ ษาความรใู้ นศนู ยก์ ารเรยี น อ่นื ๆ ตามลาดบั สาหรบั นกั เรยี นกลมุ่ ทป่ี ฏบิ ตั กิ จิ กรรมภายใน ศนู ยฯ์ ท่ี 1-3 เสรจ็ เรยี บรอ้ ยก่อนกาหนดใหท้ ากจิ กรรมเสรมิ ในศนู ยฯ์ สารองขนั้ ที่ 3 สรปุ และประเมินผล คาถามกระตุ้นความคิดสอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ : —  นักเรียนคิดวา่ พระพทุ ธศาสนามคี วามสาคญั ต่อวิถีการดาเนินชวี ิตของชาวไทยอย่างไรบา้ ง 1. สมาชกิ แต่ละกลุ่มรว่ มกนั สรุปประเดน็ สาคญั ท่ไี ดจ้ ากการ (พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยใู่ น ศกึ ษาความรเู้ ร่อื ง ความสาคญั ของพระพุทธศาสนาต่อ ดลุ ยพนิ ิจของครผู สู้ อน) สงั คมไทย 2. ครสู มุ่ ตวั แทนกลมุ่ ออกมานาเสนอประเดน็ สาคญั จาก การศกึ ษาความรจู้ ากศนู ยก์ ารเรยี นหน้าชนั้ เรยี น กลมุ่ ละ 1 หวั ขอ้ โดยใหเ้ พอ่ื นกลมุ่ อ่นื ร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เพมิ่ เตมิ ในสว่ นทแ่ี ตกต่างกนั ออกไป 3. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ความสาคญั ของพระพุทธศาสนา ทม่ี ผี ลต่อสภาพแวดลอ้ มในสงั คมไทย 4. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคดิ7 การวดั และประเมินผล เคร่ืองมือ เกณฑ์ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ วิธีการ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมนั่ ในการ ทางาน8 สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรียนรู้ 1) เอกสารประกอบการสอน 2) บตั รภาพ 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ — 50 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวัตแิ ละความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 3 ความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาต่อสังคมไทย เอกสารประกอบการสอน ศนู ยก์ ารเรียน เรอ่ื ง ความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย บตั รคาสงั่ คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมในศนู ยก์ ารเรยี น ดงั น้ี 1. ครแู บ่งนกั เรยี นเป็นกล่มุ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ศกึ ษาความรจู้ ากศนู ยก์ ารเรยี น เร่อื ง ความสาคญั ของ พระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย 3 ศนู ย์ ดงั น้ี - ศนู ยฯ์ ท่ี 1 : พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจาชาติ - ศนู ยฯ์ ท่ี 2 : พระพทุ ธศาสนาเป็นสถาบนั หลกั ของสงั คมไทย - ศนู ยฯ์ ท่ี 3 : พระพทุ ธศาสนาเป็นสภาพแวดลอ้ มทก่ี วา้ งขวางและครอบคลมุ สงั คมไทย 2. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ ปฏบิ ตั ติ นตามขนั้ ตอนต่อไปน้ี 1) ศกึ ษาบตั รเน้อื หา 2) ทาบตั รคาถาม 3) ตรวจคาตอบจากบตั รเฉลย ถ้าไมถ่ กู ต้องใหก้ ลบั ไปศกึ ษาหาความรใู้ นบตั รเน้อื หาใหม่ แลว้ แกไ้ ขใหถ้ ูกต้อง 4) ประชมุ สรปุ ความรู้ 51 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวตั แิ ละความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 3 ความสาคญั ของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทย ศนู ยก์ ารเรยี นร้ทู ่ี 1 พระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจาชาติไทย บตั รเนื้อหา พระพุทธศาสนาอยเู่ คยี งค่กู บั สมั คมไทยมาหลายศตวรรษ ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยจงึ มเี รอ่ื งราวเกย่ี วพนั กบั พระพทุ ธศาสนาอยเู่ สมอ นบั ตงั้ แต่คนไทยสามารถรวมตวั กนั กอ่ ตงั้ อาณาจกั รของตนเองขน้ึ มา พระพทุ ธศาสนาได้ เขา้ มามบี ทบาทตงั้ แต่นนั้ จนถงึ ปจั จบุ นั คนไทยสว่ นใหญ่ยอมรบั นบั ถอื พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจาชาตโิ ดย ไม่เปลย่ี นแปลงไปยดึ ถอื ศาสนาอ่นื ใดเป็นศาสนาประจาชาติ ทงั้ น้เี หตุผลของการนบั ถอื ยอมรบั พระพุทธศาสนาเป็น ศาสนาประจาชาตไิ ทย มดี งั น้ี 1. คนไทยส่วนใหญ่ยอมรบั นับถือ การยอมรบั นบั ถอื พระพทุ ธศาสนาของคนไทยมมี าแต่อดตี สบื เน่อื งจนถงึ ปจั จบุ นั ทงั้ น้ีพระพุทธศาสนา เป็นศาสนาอนั ดบั แรกๆ ทส่ี งั คมรจู้ กั และคนุ้ เคย แมภ้ ายหลงั จะมศี าสนาอ่นื เผยแผเ่ ขา้ มาบ้าง หรอื แมส้ งั คมไทยจะ เปิดกวา้ งใหม้ กี ารเผยแผ่ศาสนาต่างๆ ไดต้ ามใจชอบ แต่ผคู้ นส่วนใหญใ่ นสงั คมไทยประมาณรอ้ ยละ 95 กเ็ ลอื กนบั ถอื พระพุทธศาสนา 2. มีสญั ลกั ษณ์แทนพระพทุ ธศาสนาในสถานท่ีราชการ นอกเหนือจากพระบรมฉายาลกั ษณ์ และธงชาตไิ ทยแลว้ สถานทร่ี าชการซง่ึ เป็นของรฐั ส่วนใหญ่มกั จะมี พระพทุ ธรปู อนั เป็นสญั ลกั ษณ์อยา่ งหน่งึ ของพระพุทธศาสนาประดษิ ฐานไว้ 3. พระมหากษตั ริยท์ รงเป็นพทุ ธมามกะและอคั รศาสนูปถมั ภก พระมหากษตั รยิ ไ์ ทยในอดตี จนถงึ ปจั จุบนั ทุกพระองคท์ รงเป็นพุทธมามกะตามขตั ตยิ ราชประเพณี แมม้ ี การเปลย่ี นแปลงการปกครองจากระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชยม์ าเป็นระบอบประชาธปิ ไตย รฐั ธรรมนูญฉบบั ปจั จบุ นั พุทธศกั ราช 2550 ไดบ้ ญั ญตั ไิ วใ้ นหมวด 2 มาตรา 9 วา่ พระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นพทุ ธมามกะและทรงเป็น อคั รศาสนูปถมั ภกเท่ากบั เป็นการกาหนดใหส้ ถาบนั พระมหากษตั รยิ ม์ พี ระพทุ ธศาสนาอย่เู คยี งครู่ วมทงั้ เป็น หลกั ประกนั ว่า พระประมขุ ของชาตเิ ป็นชาวพทุ ธ นบั ถอื ศาสนาร่วมกบั ประชาชนสว่ นใหญใ่ นประเทศ 4. กาหนดให้วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาเป็นวนั หยดุ ราชการ วนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนาต่างๆ นนั้ ทางราชการไดก้ าหนดใหเ้ ป็นวนั หยุดทวั่ ประเทศ เพ่อื เปิดโอกาส ใหพ้ ทุ ธศาสนกิ ชนไดม้ เี วลาไปปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ อนั ยา้ ใหเ้ หน็ ความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย แมน้ านาชาตทิ วั่ โลกกร็ บั ทราบว่าวนั ดงั กล่าวน้ี ทางราชการและรฐั วสิ าหกจิ ตลอดจนบรษิ ทั เอกชนสว่ นใหญจ่ ะหยดุ ทาการ ทงั้ น้วี นั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาทร่ี าชการกาหนดใหเ้ ป็นวนั หยดุ ไดแ้ ก่ วนั มาฆบชู า วนั วสิ าขบชู า วนั อาสาฬหบชู า วนั เขา้ พรรษา โดยในวนั ดงั กลา่ ว นอกจากทางราชการจะเป็นแกนนาในการจดั ศาสนพธิ ใี นสถานท่ี บางแหง่ แลว้ ยงั รณรงคใ์ หพ้ ุทธศาสนกิ ชนไปปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ ทว่ี ดั และลด ละ เลกิ ความประพฤตเิ สยี หายทงั้ ปวง ท่ีมา : วทิ ย์ วศิ ทเวทย์ และเสฐยี รพงษ์ วรรณปก. 2552. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน พระพทุ ธศาสนา ม.1. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 10. กรุงเทพมหานคร : อกั ษรเจรญิ ทศั น์. 52 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวตั ิและความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองที่ 3 ความสาคญั ของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทย ศนู ยก์ ารเรยี นร้ทู ี่ 1 พระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจาชาติไทย บตั รคาถาม 1. บอกเหตุผลทค่ี นสว่ นใหญใ่ นสงั คมไทยนบั ถอื พระพุทธศาสนาประมาณรอ้ ยละ 95 มาอย่างน้อย 2 ขอ้ 2. ระบุรายละเอยี ดในธงพระพทุ ธศาสนาทป่ี ระดบั คธู่ งชาตไิ ทยในวนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา 3. สถาบนั พระมหากษตั รยิ ม์ สี ว่ นชว่ ยธารงใหพ้ ระพทุ ธศาสนาอยคู่ ชู่ าตไิ ทยไดอ้ ยา่ งไร 4. ประกาศสานกั นายกรฐั มนตรี เรอ่ื ง กาหนดวนั หา้ มขายเครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2552 ประกาศ ณ วนั ท่ี 30 มถิ ุนายน พ.ศ. 2551 โดยหา้ มมใิ หผ้ ใู้ ดขายเคร่อื งด่มื แอลกอฮอลใ์ นวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาวนั ใด 53 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวตั แิ ละความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 3 ความสาคัญของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทย ศนู ยก์ ารเรียนรทู้ ่ี 1 พระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจาชาติไทย บตั รเฉลย 1. บอกเหตุผลทค่ี นสว่ นใหญ่ในสงั คมไทยนบั ถอื พระพุทธศาสนาประมาณรอ้ ยละ 95 มาอยา่ งน้อย 2 ขอ้ 1) พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจาชาตไิ ทย และอย่เู คยี งคกู่ บั สงั คมไทยมาหลายศตวรรษ 2) พระมหากษตั รยิ ไ์ ทยในประวตั ศิ าสตรห์ ลายศตวรรษทรงมพี ระราชกรณียกจิ ในการทานุบารงุ พระพทุ ธศาสนา ทาใหป้ ระชาชนเลอื่ มใสในพระพุทธศาสนาดว้ ย 2. ระบุรายละเอยี ดในธงพระพทุ ธศาสนาทป่ี ระดบั คธู่ งชาตไิ ทยในวนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา ธงพระพทุ ธศาสนา เป็น ธงสเี หลอื ง อนั หมายถงึ พระพุทธศาสนา และมรี ปู ธรรมจกั ร เป็นกงลอ้ อย่กู ลางผนื ธง 3. สถาบนั พระมหากษตั รยิ ม์ สี ่วนชว่ ยธารงใหพ้ ระพทุ ธศาสนาอย่คู ชู่ าตไิ ทยไดอ้ ย่างไร รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทยทุกฉบบั ไดบ้ ญั ญตั วิ า่ พระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นพทุ ธมามกะ และทรงเป็น อคั รศาสนูปถมั ภก จงึ เป็นการกาหนดใหส้ ถาบนั กษตั รยิ ด์ ารงอย่คู ่กู บั สถาบนั ศาสนา ซงึ่ รอ้ ยละ 95 ของคนไทย นบั ถอื พระพุทธศาสนา 4. ประกาศสานกั นายกรฐั มนตรี เรอ่ื ง กาหนดวนั หา้ มขายเคร่อื งดม่ื แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2552 ประกาศ ณ วนั ท่ี 30 มถิ ุนายน พ.ศ. 2551 โดยหา้ มมใิ หผ้ ใู้ ดขายเครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอลใ์ นวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาวนั ใด 1) วนั มาฆบูชา 2) วนั วสิ าขบูชา 3) วนั อาสาฬหบูชา 4) วนั เขา้ พรรษา 54 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวัติและความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเรื่องที่ 3 ความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาต่อสังคมไทย ศนู ยก์ ารเรียนร้ทู ี่ 2 พระพทุ ธศาสนาเป็นสถาบนั หลกั ของสงั คมไทย บตั รเนื้อหา สถาบนั หลกั ของไทยมี 3 สถาบนั ไดแ้ ก่ สถาบนั ชาติ สถาบนั ศาสนา และสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ ทงั้ 3 สถาบนั น้ี ต่างเกอ้ื หนุนคา้ จุนกนั เสมอื นหน่ึงเป็นโครงสรา้ งอนั แขง็ แกรง่ ใหส้ งั คมไทยและชาตไิ ทยดารงอยไู่ ดต้ งั้ แต่อดตี จนถงึ ปจั จบุ นั โดยเฉพาะพระพุทธศาสนาเป็นสถาบนั ทม่ี บี ทบาทอย่างสงู ในการควบคมุ พฤตกิ รรมของผคู้ นในสงั คมไทย ทงั้ น้เี หตุผล ทท่ี าใหส้ ถาบนั พระพุทธศาสนาเป็นหน่งึ ในสถาบนั หลกั ของสงั คมไทย เน่อื งมาจาก 1. พระพทุ ธศาสนาเป็นสถาบนั ค่ชู าติไทย พระพุทธศาสนาไดเ้ ผยแผ่เขา้ มาในดนิ แดนสวุ รรณภมู อิ นั เป็นทต่ี งั้ ของประเทศไทยในปจั จุบนั นบั ตงั้ แต่ พทุ ธศตวรรษท่ี 3 อาณาจกั รชาตไิ ทยต่างๆ ลว้ นสบื ทอดพระพทุ ธศาสนาไวต้ งั้ แต่สมยั สุโขทยั สมยั อยุธยา สมยั ธนบุรี จนมาถงึ สมยั รตั นโกสนิ ทรไ์ วอ้ ย่างมนั่ คง จงึ กลา่ วไดว้ ่า พระพทุ ธศาสนาเป็นสถาบนั คชู่ าตไิ ทย 2. พระมหากษตั ริยไ์ ทยทรงเป็นพทุ ธมามกะ ในประวตั ศิ าสตรข์ องชาตอิ ่นื กษตั รยิ ท์ ป่ี กครองประเทศในแต่ละสมยั มกั จะนบั ถอื ศาสนาต่างกนั แต่พระมหา- กษตั รยิ ไ์ ทยทุกสมยั ลว้ นเป็นพุทธมามกะ โดยราชประเพณี กอ่ นทพ่ี ระมหากษตั รยิ ไ์ ทยทุกพระองคจ์ ะขน้ึ ครองราชย์ จะมี พระราชประเพณใี หอ้ อกผนวชชวั่ คราวเพอ่ื ศกึ ษาหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาและนาหลกั ธรรมมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการ ปกครองประเทศ แมใ้ นกรณที ไ่ี มส่ ามารถออกผนวชก่อนขน้ึ เสวยราชสมบตั กิ ต็ ้องออกผนวชหลงั จากขน้ึ ครองราชยแ์ ลว้ ดงั กรณีพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั รชั กาลปจั จบุ นั เป็นตน้ 3. พระมหากษตั ริยท์ รงเป็นอคั รศาสนูปถมั ภก พระมหากษตั รยิ ไ์ ทยทกุ พระองคท์ รงใหค้ วามสาคญั ในการอุปถมั ภ์พระพทุ ธศาสนา โดยทรงถอื เป็นพระราช- ภารกจิ สาคญั พระราชภารกจิ ทพ่ี ระมหากษตั รยิ ไ์ ทยทรงทานุบารุงพระพทุ ธศาสนา อาทิ ทรงสรา้ งวดั ปฏสิ งั ขรณ์วดั และ ปชู นียสถานต่างๆ ทรงอุปถมั ภก์ ารศกึ ษาพระพทุ ธศาสนา ทรงส่งเสรมิ การปฏบิ ตั ธิ รรมทรงยกย่องพระสงฆผ์ เู้ ชย่ี วชาญ ในพระปรยิ ตั แิ ละเชย่ี วชาญในการปฏบิ ตั ิใหด้ ารงสมณศกั ดติ์ ามความสามารถและความเหมาะสม ทรงสนบั สนุน การสงั คายนา ดงั ทพ่ี ระมหากษตั รยิ บ์ างพระองคไ์ ดท้ รงสนบั สนุนอุปถมั ภ์การสงั คายนา (ดงั ในสมยั รชั กาลท่ี 1 และรชั กาล ท่ี 9 เป็นตน้ ) และทรงวางพระองคเ์ ป็นแบบอยา่ งของชาวพุทธทด่ี ี 4. รฐั บาลไทยส่งเสริมสนับสนุนพระพทุ ธศาสนา เม่อื ประเทศไทยไดเ้ ปลย่ี นแปลงระบอบการปกครองมาเป็นระบอบประชาธปิ ไตย พระราชอานาจและพระราช- ภารกจิ ในการอุปถมั ภบ์ ารงุ พระศาสนาของพระมหากษตั รยิ แ์ ต่เดมิ กถ็ กู มอบหมายใหร้ ฐั บาลทาหน้าทส่ี บื แทนต่อไป เพราะฉะนนั้ รฐั บาลจงึ มหี น้าทโ่ี ดยตรงทจ่ี ะอุปถมั ภพ์ ระพทุ ธศาสนา ทงั้ ดา้ นการศกึ ษาและดา้ นการปฏบิ ตั พิ ระศาสนา โดยกาหนดเป็นนโยบายทแ่ี น่นอนและปฏบิ ตั ใิ หบ้ รรลผุ ลตามนโยบายทก่ี าหนดไว้ ทงั้ น้โี ดยการดาเนินงานผ่านทาง หน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งอาทิ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงวฒั นธรรม กระทรวงมหาดไทยและสานักงานพระพทุ ธศาสนา แหง่ ชาติ เป็นต้น ท่ีมา : วทิ ย์ วศิ ทเวทย์ และเสฐยี รพงษ์ วรรณปก. 2552. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน พระพทุ ธศาสนา ม.1. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 10. กรงุ เทพมหานคร : อกั ษรเจรญิ ทศั น์. 55 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ประวัติและความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเรื่องที่ 3 ความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสังคมไทย ศนู ยก์ ารเรียนร้ทู ี่ 2 พระพทุ ธศาสนาเป็นสถาบนั หลกั ของสงั คมไทย บตั รคาถาม 1. สถาบนั หลกั ตามโครงสรา้ งของสงั คมไทยทม่ี สี ว่ นชว่ ยค้าจุนใหส้ งั คมไทยและชาตไิ ทยดารงอย่มู าจนถงึ ปจั จบุ นั ประกอบดว้ ยสถาบนั ใดบ้าง 2. เหตุผลสาคญั ทท่ี าใหส้ ถาบนั พระพุทธศาสนาเป็นสถาบนั หน่งึ ของสงั คมไทยคอื อะไร 3. “พระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นอคั รศาสนูปถมั ภก” หมายความวา่ อยา่ งไร 4. หน่วยงานของรฐั บาลไทยทม่ี แี นวนโยบายและการดาเนนิ งานทเ่ี กย่ี วกบั การสนบั สนุนส่งเสรมิ พระพุทธศาสนา ไดแ้ ก่หน่วยงานใดบ้าง 56 พระพุทธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวัตแิ ละความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาเร่ืองท่ี 3 ความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสังคมไทย ศนู ยก์ ารเรียนร้ทู ่ี 2 พระพทุ ธศาสนาเป็นสถาบนั หลกั ของสงั คมไทย บตั รเฉลย 1. สถาบนั หลกั ตามโครงสรา้ งของสงั คมไทยทม่ี สี ว่ นชว่ ยค้าจุนใหส้ งั คมไทยและชาตไิ ทยดารงอยมู่ าจนถงึ ปจั จุบนั ประกอบดว้ ยสถาบนั ใดบา้ ง 1) สถาบนั ชาติ 2) สถาบนั ศาสนา 3) สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ 2. เหตุผลสาคญั ทท่ี าใหส้ ถาบนั พระพุทธศาสนาเป็นสถาบนั หน่งึ ของสงั คมไทยคอื อะไร เพราะสถาบนั พระพุทธศาสนามบี ทบาทในการควบคุมพฤตกิ รรม และกาหนดแนวทางการดาเนนิ ชวี ติ ตามหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาของคนในสงั คมไทย 3. “พระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นอคั รศาสนูปถมั ภก” หมายความวา่ อยา่ งไร หมายถงึ พระราชกรณยี กจิ ของพระมหากษตั รยิ ์ทที่ รงใหค้ วามสาคญั ในการอุปถมั ภ์พระพทุ ธศาสนา เพอื่ ใหพ้ ระพทุ ธศาสนาธารงอย่คู ่สู งั คมไทย เชน่ ทางสรา้ งวดั ปฏสิ งั ขรณ์วดั และปชู นยี สถานต่างๆ ทรงอุปถมั ภ์ การศกึ ษาพระพุทธศาสนา ทรงสนบั สนุนการสงั คายนาพระพุทธศาสนา เป็นตน้ 4. หน่วยงานของรฐั บาลไทยทม่ี แี นวนโยบายและการดาเนินงานทเ่ี กย่ี วกบั การสนบั สนุนสง่ เสรมิ พระพทุ ธศาสนา ไดแ้ กห่ น่วยงานใดบ้าง 1) กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 2) กระทรวงวฒั นธรรม 3) กระทรวงมหาดไทย 4) กระทรวงพฒั นาสงั คมและความมนั่ คงของมนุษย์ 5) สานกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ 57 พระพทุ ธศาสนา ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประวตั ิและความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาเรื่องที่ 3 ความสาคญั ของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทย ศนู ยก์ ารเรียนรทู้ ี่ 3 พระพทุ ธศาสนาเป็นสภาพแวดล้อมที่กว้างขวาง และครอบคลมุ สงั คมไทย บตั รเนื้อหา คนไทยส่วนใหญภ่ ายในสงั คมไทยเป็นชาวพุทธโดยกาเนดิ ไม่ตอ้ งมกี ารประกาศเพราะวถิ ชี วี ติ ของคนไทยไดร้ บั การผสมผสานกลมกลนื เป็นอนั หน่งึ อนั เดยี วกบั พระพทุ ธศาสนามาทุกยคุ ทกุ สมยั สภาพแวดลอ้ มรอบตวั ทงั้ ทางกายภาพ และสภาพแวดลอ้ มทางสงั คม สว่ นใหญ่มกั ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากพระพุทธศาสนา หรอื กลา่ วอกี นยั หน่งึ คอื ตงั้ แต่เกดิ จนตาย คนไทยส่วนใหญ่มกั ตอ้ งสมั ผสั กบั พระพทุ ธศาสนามากหรอื น้อยบา้ งตามโอกาส ดงั นนั้ พระพทุ ธศาสนาจงึ เป็น สภาพแวดลอ้ มทก่ี วา้ งขวางและครอบคลุมสงั คมไทยอย่างแทจ้ รงิ ดว้ ยเหตุผลดงั น้ี 1. มีวดั และสานักสงฆ์มากมายทวั่ ประเทศ จากสถติ ิ พ.ศ. 2552 ในประเทศไทยมวี ดั ประมาณ 35,271 วดั และสานกั สงฆอ์ กี จานวนมาก มพี ระภกิ ษุและ สามเณร ประมาณ 322,000 รปู ไมน่ บั พระภกิ ษุสามเณรผบู้ วชชวั่ คราว ทกุ หมบู่ ้านมวี ดั ประจาหมบู่ า้ น แมเ้ มอ่ื จะก่อตงั้ หมบู่ ้านขน้ึ ใหมก่ น็ ยิ มสรา้ งวดั ไวเ้ ป็นสถานทบ่ี าเพญ็ บุญทางพระศาสนาด้วย วดั จงึ นบั เป็น “ศนู ยก์ ลาง” ของสงั คมไทย สว่ นใหญม่ าแต่อดตี ถงึ ปจั จบุ นั 2. มีปชู ยีนสถาน ปชู นียวตั ถมุ ากมาย เหตุทว่ี ดั เป็นสภาพแวดลอ้ มทค่ี รอบคลมุ สงั คมไทยทวั่ ไป จงึ มปี ชู นียสถานและปชู นียวตั ถุสาคญั ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง กบั พระพทุ ธศาสนาประดษิ ฐานเกบ็ รกั ษาอย่มู ากมาย เช่น พระบรมธาตุไชยา พระปฐมเจดยี ์ พระธาตุดอยสเุ ทพ พระพุทธรปู ตู้พระไตรปิฎก วหิ าร เป็นต้น 3. ประเพณีพิธีกรรมต่างๆ ของคนไทย มาจากพระพุทธศาสนาโดยตรง เชน่ ประเพณกี ารอุปสมบท ประเพณวี นั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา ประเพณี ทอดผา้ ป่า ประเพณีทอดกฐนิ และคตบิ างอย่างกน็ าเอาแนวคดิ ทางพระพทุ ธศาสนาไปปรบั ใชใ้ หผ้ สมผสานกลมกลนื เช่น การตงั้ ชอ่ื โกนผมไฟ ขน้ึ บา้ นใหม่ ทาบุญอายุ งานศพ ถ้าไม่มพี ระพุทธศาสนา ประเพณพี ธิ กี รรมเหลา่ น้อี าจเป็นไปใน รปู แบบอ่นื นอกจากน้จี ติ ใจของคนไทยสว่ นใหญ่กอ็ าจขาดการขดั เกลาหรอื มไิ ดถ้ ูกหลอ่ หลอมใหม้ ลี กั ษณะเป็นคนไทย อย่างทเ่ี หน็ เป็นอยใู่ นปจั จุบนั น้ีกไ็ ด้ 4. ลกั ษณะนิ สยั และมารยาทของคนไทยส่วนใหญ่มีรากฐานจากพระพทุ ธศาสนา คนไทยไดร้ บั การยกย่องจากชาวต่างชาตวิ า่ เป็นคนท่มี ลี กั ษณะนิสยั ดงี าม เช่น มคี วามเอ้อื เฟ้ือเผอ่ื แผ่ มนี ้าใจ เมตตากรุณา เกรงใจ พรอ้ มใหอ้ ภยั คนอ่นื เสมอ ยม้ิ แยม้ แจ่มใส เป็นต้น คนไทยมคี าพดู ตดิ ปาก คอื “ไมเ่ ป็นไร” อนั หมายถงึ ไม่ถอื โทษ ไม่อาฆาตมาดรา้ ย ใหอ้ ภยั อยเู่ สมอ ลกั ษณะนสิ ยั เหล่าน้ลี ว้ นหล่อหลอมมาจากพระพทุ ธศาสนา อนั เป็นสภาพแวดลอ้ มทค่ี รอบคลุมสงั คมไทยอย่างกวา้ งขวาง ดว้ ยกริ ยิ ามารยาทนนั้ คนไทยมกี ริ ยิ ามารยาทเรยี บรอ้ ย นุ่มนวล การไหว้ การกราบ มารยาทในการตอ้ นรบั การแต่งกาย ตลอดจนอริ ยิ าบถของคนไทย ลว้ นไดร้ บั การช่นื ชม จากทวั่ โลก ทงั้ น้มี ารยาทเหลา่ น้ีลว้ นมพี น้ื ฐานมาจากหลกั คาสอนทางพระพทุ ธศาสนา เช่น หลกั คารวธรรม หลกั การ ปฏสิ นั ถาร เป็นต้น 58 พระพทุ ธศาสนา ม.1


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook