คมู ือการจัดการเรียนรสู ทิ ธิมนุษยชนศึกษา • ระดับประถมศกึ ษาตอนตน หนวยการเรยี นรทู ี่ 1 ครอบครวั ของฉัน กจิ กรรมที่ 4 วิถปี ระชาธปิ ไตยในครอบครัว กิจกรรมท่ี 4.2 การมีสวนรว มในการตัดสนิ ใจ เวลา 1 ชัว่ โมง มาตรฐานการเรยี นรู / ตวั ชว้ี ัด ส 2.2 ป1/3 มสี ว นรว มในการตดั สนิ ใจและทาํ กจิ กรรมในครอบครวั และโรงเรยี นตามกระบวนการ ประชาธิปไตย จดุ ประสงค เพื่อใหนกั เรยี น 1. เขาใจ เหน็ ความสาํ คญั ของกระบวนการประชาธปิ ไตยในครอบครัว 2. มีสว นรวมในการตัดสนิ ใจและทาํ กิจกรรมในครอบครวั ตามกระบวนการประชาธิปไตย ขั้นตอนการดําเนินกจิ กรรม 1. ครูใหนักเรียนเลือกภาพการแตงกายไปในสถานท่ีตางๆ ใหสัมพันธกับสถานท่ีที่ไปทํากิจกรรม พรอมกบั บอกเหตุผล 2. นักเรยี นชวยกนั ตอบคาํ ถามตอไปน้ี 2.1 นักเรียนเคยเห็นคนทแ่ี ตง กายไมเ หมาะสมไปในสถานท่ีตา งๆ หรอื ไมอยางไร 2.2 นกั เรียนรสู ึกอยางไรกับคนทแี่ ตง กายไมเ หมาะสมไปในสถานทต่ี า งๆ 2.3 นักเรียนมีสวนรวมในการเลือกเส้ือผา เครื่องแตงกายในการไปทํากิจกรรมตางๆ ดวย ตนเองหรือไมอ ยา งไร 2.4 ถานักเรียนมีสวนรวมในการเลือกเสื้อผา เคร่ืองแตงกายดวยตนเอง นักเรียนมีหลัก ในการเลอื กอยางไร 3. ครูและนักเรียนชวยกันสรุปเชื่อมโยงใหเห็นถึงความสําคัญของการมีสวนรวมในการตัดสินใจ และทํากจิ กรรมในครอบครัวตามกระบวนการประชาธิปไตย 4. นกั เรียนเลอื กเขา กลุมตามความสมัครใจเปน 2 กลุม คือ กลุมทมี่ สี ว นรวมในการตัดสนิ ใจ และ กลุมที่ไมมีสวนรวมในการตัดสินใจ ใหแตละกลุมรวมกันวิเคราะหตามสถานการณที่กําหนดในใบกิจกรรมท่ี 4.2.1 เรื่อง การมสี วนรว มในการตัดสนิ ใจ 50
คูมือการจดั การเรยี นรูสทิ ธิมนษุ ยชนศึกษา • ระดบั ประถมศึกษาตอนตน 5. นกั เรยี นแตล ะกลมุ ชวยกนั เลา ถึงผลจากการวเิ คราะหตามใบกจิ กรรมที่ 4.2.1 6. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปถึงการมีสวนรวมในการตัดสินใจและทํากิจกรรมในครอบครัว ตามกระบวนการประชาธิปไตยและตามอนุสัญญาสิทธิเด็กวา เราทุกคนมีสิทธิในการดํารงชีวิต และมีชีวิต อยอู ยา งมเี สรีภาพและความปลอดภยั สอ่ื /แหลง การเรียนรู 1. ภาพการแตงกายไปในสถานท่ีตา งๆ 2. ใบกิจกรรมท่ี 4.2.1 เรอ่ื ง การมีสว นรว มในการตัดสนิ ใจ การวัดประเมินผล 1. การมสี วนรว มในกิจกรรม 2. การใชเ หตผุ ลในการตอบคําถาม 3. การแสดงความคดิ เห็น ขอ เสนอแนะ ครูควรเนนย้ําถึงการแตงกายท่ีถูกตองตามกาลเทศะ ทั้งน้ีเพ่ือเปนการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมอันดงี ามแลว ยังแสดงถึงการเคารพตอ บุคคล และสถานท่ีดว ย อภธิ านศัพท “การมีสวนรวม” หมายถึง การเปดโอกาสใหประชาชนไดมีสวนรวมในการคิดริเร่ิม รวมกําหนด นโยบาย รวมวางแผน ตัดสนิ ใจและปฏบิ ตั ติ ามแผน 51
คมู ือการจัดการเรียนรสู ทิ ธมิ นษุ ยชนศกึ ษา • ระดับประถมศึกษาตอนตน ใบกจิ กรรมที่ 4.2.1 เรอื่ ง การมีสว นรวมในการตัดสนิ ใจ คําช้แี จง ใหนักเรยี นเลอื กเขา กลุมตามความสมัครใจ และรวมกนั วเิ คราะหส ถานการณตามท่กี ําหนด กลุมท่ี 1 มสี ว นรวมในการตดั สนิ ใจ กลุมท่ี 2 ไมม ีสว นรว มในการตดั สินใจ สถานการณ ในชีวิตประจําวัน นักเรียนมีสวนรวมในการตัดสินใจเลือกเส้ือผาเครื่องแตงกายที่จะไปเท่ียวกับ สมาชกิ ในครอบครวั หรือไม อยา งไร 52
คูมือการจัดการเรยี นรสู ทิ ธมิ นษุ ยชนศึกษา • ระดบั ประถมศกึ ษาตอนตน หนวยการเรียนรูท่ี 1 ครอบครวั ของฉนั กิจกรรมที่ 4 วิถีประชาธิปไตยในครอบครัว กิจกรรมท่ี 4.3 การทาํ กิจกรรมรวมกันในครอบครวั เวลา 1 ช่วั โมง มาตรฐานการเรียนรู / ตวั ชวี้ ัด ส 2.2 ป1/3 มสี ว นรว มในการตดั สนิ ใจและทาํ กจิ กรรมในครอบครวั และโรงเรยี นตามกระบวนการ ประชาธิปไตย จุดประสงค เพอ่ื ใหน กั เรยี น 1. เขา ใจ เห็นความสาํ คัญของกระบวนการประชาธปิ ไตยในครอบครวั 2. มสี วนรวมในการตดั สินใจและทาํ กจิ กรรมในครอบครวั ตามกระบวนการประชาธิปไตย ข้ันตอนการดาํ เนินกิจกรรม 1. ครตู ดิ บตั รขอ ความแลว ใหน กั เรยี นเลอื กเขา กลมุ ตามขอ ความทน่ี กั เรยี นเคยประสบมา “ใครเคย มปี ระสบการณร วมในเหตุการณทีม่ คี ําพูดเหลา นบ้ี า ง” 1.1 ลกู ไมต อ ง เดีย๋ วพอกับแมทําเอง 1.2 มา เดีย๋ วแมทาํ ใหเ ร็วกวา 1.3 ลกู ไมต อ งไปสวนสัตวก บั เพ่อื น เด๋ียวพอพาไปเอง ปลอดภัยกวา 2. ครูใหนกั เรยี นเลา ถงึ ความรสู ึกเม่อื ไดยนิ คาํ พดู เหลา นน้ั 3. นักเรียนดูภาพการมีสวนรวมในกิจกรรมของครอบครัว 3 ภาพ เชน ชวยลดนํ้าตนไม ชวยกวาดบา น พรอมกบั ใหเลาถงึ ประสบการณแ ละความรสู กึ ทีไ่ ดรวมกิจกรรมเหลานั้น 4. นักเรียนเลาถึงความรูสึกของบุคคลที่มีสวนรวมในการทํากิจกรรมในครอบครัว 2 ประเภท ทแี่ ตกตา งกนั ตามขอ 1 ไมม สี ว นรว มในการทาํ กจิ กรรมในครอบครวั และ ขอ 3 มสี ว นรว มในการทาํ กจิ กรรม ในครอบครวั 5. นกั เรยี นแบง กลมุ ตามความสมคั รใจ ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ อา นสถานการณจ าํ ลองในใบกจิ กรรม ท่ี 4.3.1 เรอ่ื งการทํากจิ กรรมรวมกันในครอบครวั แลวรวมกนั ตอบคาํ ถามตามประเด็นทีก่ ําหนด 53
คมู อื การจดั การเรียนรูส ิทธิมนษุ ยชนศกึ ษา • ระดับประถมศึกษาตอนตน 6. นกั เรียนชว ยกันยกตวั อยา งกจิ กรรมท่ีสมาชกิ ในครอบครวั ไดม สี วนรว มในการทาํ กิจกรรม 7. นักเรียนชวยกันสรุปขอคิดท่ีไดจากบทเรียนและเช่ือมโยงถึงความสําคัญของการมีสวนรวม ในการทํากิจกรรมของครอบครัว และสอดคลองกับสิทธิเด็กเร่ืองการมีสวนรวมวา เด็กทุกคนมีสิทธิในการ แสดงความคิดเห็น แสดงออก ไดรับการตอบสนองจากผูใหญและมีสวนรวมในการตัดสินใจในเรื่องตางๆ ท่ีมีผลกระทบตอ ตนเอง ส่ือ/แหลงเรียนรู 1. บัตรขอความ 3 ขอ ความ 2. ภาพการมสี วนรว มในกิจกรรมของครอบครัวจํานวน 3 ภาพ 3. ใบกจิ กรรมที่ 4.3.1 เรื่องการทาํ กจิ กรรมรวมกนั ในครอบครัว การวดั ประเมินผล 1. การมีสวนรว มในกจิ กรรม 2. การใชเ หตุผลในการตอบคาํ ถาม 3. การนําเสนอผลงาน 4. การแสดงความคดิ เหน็ ขอ เสนอแนะ ควรจัดกิจกรรมใหนักเรียนรูสึกวาตัวเองไดรับการยอมรับและเคารพในความคิดเห็นของเด็ก จากผูใหญ จะเปนการหลอหลอมใหเด็กไดเติบโตเปนผูใหญท่ีมีเหตุผล มีกาลเทศะ รูวาอะไรควรไมควร เคารพสิทธขิ องตนเองและผูอ ืน่ ซ่ึงการจัดกจิ กรรมการมสี ว นรวมจะชว ยลดชองวา งทางสังคมได ความรูสําหรับครู การทํากิจกรรมรวมกันในครอบครัว หมายถึง การใชเวลาที่มีคุณภาพของครอบครัว คือ เวลาท่ี สมาชิกในครอบครัวไดอยูรวมกัน และมีการเรียนรูซ่ึงกันและกันอยางเอาใจใส เปนพ้ืนฐานสําคัญตอ พัฒนาการและความอยูดีมีสุขของลูก พอแมสามารถชวยลูกใหเรียนรูถึงชีวิตในสังคมเพื่อใหลูกเติบโตเปน ผใู หญท ี่สมบรู ณ การทพี่ อ แมอ ยพู รอมหนา ในครอบครัว เดก็ จะเรยี นรคู วามสมั พนั ธ การแบง ปน และเรียนรู ที่จะรกั ผูอ ่ืน 54
คมู ือการจัดการเรียนรสู ทิ ธมิ นษุ ยชนศกึ ษา • ระดบั ประถมศกึ ษาตอนตน บัตรขอ ความ ลูกไมตอ ง เดีย๋ วพอกบั แมท าํ เอง มา เดี๋ยวแมท าํ ใหเ ร็วกวา ลกู ไมต องไปสวนสัตวกบั เพ่ือน เดยี๋ วพอ พาไปเอง ปลอดภยั กวา 55
คมู ือการจัดการเรยี นรสู ทิ ธิมนษุ ยชนศกึ ษา • ระดับประถมศกึ ษาตอนตน ใบกจิ กรรมที่ 4.3.1 เรอ่ื ง ทํากจิ กรรมรว มกนั ในครอบครัว คําชีแ้ จง อานบทสนทนาแลวตอบคาํ ถามตามประเด็นทกี่ ําหนด ขณะรับประทานอาหารตอนเยน็ คณุ พอไดแจง ใหทกุ คนเตรียมวางแผนวา จะไปเทย่ี วหรอื ทาํ อะไรในชว งวนั หยุดยาวสดุ สปั ดาห น้ี วนั น้ี คณุ พอ ถามพวกเราวา พอ อาทติ ยน ้ีเรามวี ันหยดุ ยาวติดตอ กันถึง 4 วัน ลองคิดดวู า เราจะทาํ อะไรกนั ดี ไปขอนแกน นะคะหนอู ยากไปดไู ดโนเสาร คะ จิบ๊ จอบ ผมอยากอยบู า นครบั ผมอยากปลกู ผักสวนครวั เพ่อื นบอกวา ผักสวนครวั ปลกู งาย ไมมีสารพิษ ผมอยากลองบางครับ พอ อา ว !วนั หยุดทั้งที จอ บอยากอยบู านเหรอ แลวแมล ะ แมวา จะชวนพอ และลกู ๆ ไปสดู อากาศบรสิ ุทธทิ ีว่ ังนาํ้ เขยี ว แม 56
คูมือการจัดการเรยี นรูส ทิ ธิมนุษยชนศกึ ษา • ระดบั ประถมศึกษาตอนตน พอ อา ว ! เหน็ ไมต รงกันเลย ทําไงดีละ แตวาพอยงั ไมไดบ อกแผนของพอ เลยนะ ซึง่ พอ กข็ อไมใชสิทธจิ์ ะ จะตามใจพวกเรา ดไี หม พอ จา แมจา หนวู า ปลูกตน ไม ปลกู เมอ่ื ไรกไ็ ด จิ๊บ พจ่ี อ บนะ ไปเทย่ี วกนั เถอะ นะ นะ นะ จอบจา เอาง้มี ้ยั เราไปเทีย่ วกนั กอ น พอกลับมา แม แมจะชว ยจอบปลูกผัก คงไมชา ไปนะ พอ พอเห็นดวยนะ เพราะโอกาสดีๆ ท่ีเราจะไดหยุดหลายวัน แบบนี้มีไมบอยนัก เราจะไดเ ท่ยี วแบบสบายๆ ไมเหนอื่ ยมาก ซ่งึ ถาจิ๊บอยากไปดูสวนสัตว แลวมาสูดอากาศบริสทุ ธิ์ หลายๆ วันท่โี คราช จอบวา ไง จอ บ ตกลงครบั ถาทุกคนเหน็ ดวย ผมจาํ ไดวา เพ่ือนผมบอกวา ที่วงั นา้ํ เขียวก็มี แปลงปลูกผกั ธรรมชาติ ปลอดสารพษิ ผมขอไปดูดวยนะครบั เรยี บเรียงโดย : วัธนยี ว รรณ อรุ าสขุ ตอบคําถามตามประเด็นทก่ี าํ หนด 1. การทาํ กิจกรรมรว มกนั ของครอบครวั นแี้ สดงถงึ การมสี ว นรว มอยา งไร 2. นักเรยี นมีสวนรว มในกิจกรรมของครอบครวั หรอื ไม อยางไร ยกตัวอยาง 57
คูมอื การจัดการเรยี นรูสิทธิมนษุ ยชนศกึ ษา • ระดบั ประถมศกึ ษาตอนตน หนว ยการเรียนรูที่ 1 ครอบครัวของฉัน กิจกรรมท่ี 5 การปฏบิ ัติตนเปนสมาชกิ ทด่ี ขี องครอบครัว เวลา 1 ชว่ั โมง กจิ กรรมที่ 5.1 อยอู ยางไรใจเปน สขุ มาตรฐานการเรยี นรู / ตัวชวี้ ดั ส 2.2 ป1/1 บอกประโยชนและปฏิบัติตนเปนสมาชิกทดี่ ขี องครอบครัวและโรงเรยี น จุดประสงค เพือ่ ใหน กั เรยี น 1. เขา ใจและเหน็ คุณคาของการปฏิบตั ติ นเปน สมาชิกที่ดีของครอบครวั 2. วิเคราะหแนวทางการปฏิบตั ติ นในการอยูร วมกบั ผูอน่ื ไดอ ยางมีความสขุ ขั้นตอนการดาํ เนนิ กิจกรรม 1. นกั เรียนทาํ กิจกรรม “พับๆ ฉกี ๆ” โดยปฏิบัตติ ามคาํ บอกของครู ดงั นี้ 1.1 แจกกระดาษ A 4 คนละ 1 แผน 1.2 หลับตาแลว ปฏบิ ัตติ ามคําสั่ง หา มถามขณะทาํ กจิ กรรม 1.3 พบั ครงึ่ กระดาษแลวฉีกมมุ ขอบลางออก 1.4 พับครง่ึ อกี ครั้งแลวฉกี มุมขวาบนออก 1.5 พบั คร่งึ อีกครง้ั แลว ฉกี มมุ ซายลางออก 2. นกั เรียนดูผลงานจากการปฏิบตั ิตามคาํ ส่งั พรอ มกบั ถามนักเรยี น ดงั น้ี 2.1. คาํ สัง่ ที่ใหปฏิบัติแตล ะขอ ยากหรืองาย 2.2. คาํ สง่ั ใหป ฏบิ ัติเหมือนกัน แตทําไมผลงานออกมาจงึ แตกตา งกนั 2.3. ครอู ธบิ ายสรปุ เชอื่ มโยงใหเ หน็ ความสาํ คญั ของการอยรู ว มกนั อยา งมคี วามสขุ บนความคดิ ทเ่ี หมอื นและตา งกนั 3. นักเรียนทเี่ ปน เพอื่ นสนทิ กนั 3 คูอ อกมาเลนเกม “ความเหมอื น ความแตกตา ง” โดยฟงคาํ ถาม และเขยี นคําตอบในกระดาษ ดงั นี้ 3.1 สที ชี่ อบ 3.2 กฬี าท่ชี อบ 3.3 อาหารทีช่ อบ 58
คมู ือการจดั การเรยี นรูส ิทธมิ นุษยชนศกึ ษา • ระดับประถมศึกษาตอนตน 4. ครูและนักเรียนสรุปเพื่อเชื่อมโยงใหเห็นวา การอยูรวมกันอยางมีความสุขบนความชอบ ที่เหมือนและแตกตา งกัน 5. นักเรียนรวมกันยกตัวอยางการปฏิบัติตนเปนสมาชิกท่ีดีของครอบครัวที่ทําใหสมาชิกใน ครอบครวั อยรู วมกันไดอยางมีความสุข 6. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ แนวทางการปฏบิ ตั ติ นเปน สมาชกิ ทดี่ ขี องครอบครวั เพอ่ื การอยรู ว ม กนั อยางมคี วามสุข ส่ือ/แหลง การเรยี นรู 1. กระดาษ A 4 การวดั ประเมินผล 1. การมีสว นรวมในกิจกรรม 2. การใชเ หตผุ ลในการตอบคําถาม 3. การแสดงความคดิ เห็น ขอเสนอแนะ ครูควรจัดกิจกรรมใหนักเรียนเขาใจถึงความแตกตางระหวางบุคคลทั้งทางรางกาย อารมณ ความคิด ความเชื่อ และสตปิ ญญา ซ่ึงจะเปนพนื้ ฐานของการสรางความเขาใจท่ดี ีและการอยูร ว มกันอยางมี ความสขุ อภิธานศัพท - 59
คูมือการจดั การเรยี นรูส ิทธิมนษุ ยชนศึกษา • ระดบั ประถมศึกษาตอนตน หนวยการเรียนรทู ่ี 1 ครอบครวั ของฉนั กจิ กรรมท่ี 5 การปฏบิ ัตติ นเปน สมาชกิ ที่ดีของครอบครวั เวลา 1 ช่ัวโมง กจิ กรรมที่ 5.2 ครอบครวั มสี ุข มาตรฐานการเรียนรู / ตวั ชีว้ ดั ส 2.2 ป1/1 บอกประโยชนแ ละปฏิบตั ิตนเปน สมาชิกทด่ี ีของครอบครัวและโรงเรียน จุดประสงค เพือ่ ใหนกั เรยี น 1. เขาใจและเหน็ ความสําคญั ของการปฏบิ ัติตนเปน สมาชกิ ท่ีดขี องครอบครัว 2. เสนอแนวทางการปฏบิ ัตติ นเปนสมาชกิ ในครอบครัวท่ีมคี วามสุข ข้ันตอนการดําเนินกจิ กรรม 1. นกั เรียนดูภาพครอบครวั ทมี่ ีความสขุ และครอบครวั ท่ีมีปญ หา ครอบครัวละ 3 ภาพ พรอมกบั ใหเ ลาเร่อื งสัน้ ๆ จากภาพ 2. นักเรียนรวมตอบคาํ ถาม ดังน้ี 2.1 สง่ิ ท่บี ง บอกวา ครอบครัวนั้นมคี วามสุขหรอื มปี ญ หาคอื อะไร 2.2 นกั เรยี นอยากอยูในครอบครัวแบบไหน เพราะเหตใุ ด 3. แบง กลมุ นกั เรยี นตามความเหมาะสม ใหแตละกลมุ แสดงบทบาทสมมติเรอ่ื ง ครอบครัวมสี ขุ 4. สมาชิกแตละกลุมประชุมและซักซอมการแสดงบทบาทสมมติตามท่ีไดรับมอบหมาย โดยครู เปน ผูใหคาํ แนะนาํ 5. สมาชกิ แตละกลุมแสดงสถานการณบทบาทสมมติ 6. ครูและนกั เรยี นรว มกนั ประเมนิ ผล รว มแสดงความคิดเหน็ และใหข อเสนอแนะเพมิ่ เติม 7. นักเรียนวาดภาพระบายสีครอบครัวตามจินตนาการพรอมตั้งชื่อภาพ และนําผลงานติดที่ปาย นเิ ทศ 8. นกั เรยี นและครรู ว มกนั สรปุ ความสาํ คญั และแนวทางการปฏบิ ตั ติ นเปน สมาชกิ ทด่ี ขี องครอบครวั ซ่งึ จะสง ผลตอการอยูรว มกันอยา งมีความสุข 60
คมู ือการจัดการเรียนรูส ิทธิมนษุ ยชนศกึ ษา • ระดับประถมศึกษาตอนตน สือ่ /แหลง เรียนรู 1. ภาพครอบครวั ทม่ี คี วามสขุ กับครอบครวั ที่ทะเลาะเบาะแวง การวดั ประเมนิ ผล 1. การมีสว นรวมในกิจกรรม 2. การใชเหตผุ ลในการตอบคําถาม 3. การแสดงบทบาทสมมติ 4. การแสดงความคิดเห็น ขอ เสนอแนะ 1. การจัดกิจกรรมใหนักเรียนไดแสดงกรอบความคิดตามจินตนาการดวยการวาดภาพระบายสี เปน กจิ กรรมท่เี หมาะกบั วยั ของนกั เรยี น ทําใหท ราบถึงแนวคิดและมโนภาพเกี่ยวกบั ครอบครวั ของนักเรยี น 2. การจัดกิจกรรมใหนักเรียนเขาใจถึงความสําคัญของครอบครัววา คนเราจะอยูคนเดียวไมได ตอ งมกี ารพงึ่ พาอาศยั ซง่ึ กนั และกนั เมอ่ื จาํ เปน ตอ งอยรู ว มกนั กบั คนจาํ นวนมาก เราจงึ ตอ งรจู กั การปฏบิ ตั ติ น ใหถ ูกตอ งเหมาะสมกบั การเปน สมาชิกท่ีดีของครอบครัวหรือสังคมน้ัน อภิธานศัพท - 61
คมู ือการจดั การเรียนรูสทิ ธิมนษุ ยชนศึกษา • ระดับประถมศกึ ษาตอนตน หนวยการเรยี นรูที่ 1 ครอบครัวของฉนั กิจกรรมที่ 5 การปฏิบัติตนเปนสมาชกิ ท่ีดขี องครอบครัว กจิ กรรมที่ 5.3 พดู จาภาษาดอกไม เวลา 1 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรยี นรู / ตวั ช้วี ดั ส 2.2 ป1/1 บอกประโยชนแ ละปฏบิ ตั ิตนเปน สมาชกิ ทด่ี ขี องครอบครวั และโรงเรยี น จดุ ประสงค เพ่ือใหน ักเรียน 1. เขา ใจและเหน็ ความสําคัญของการพูดดว ยถอยคาํ ทสี่ ภุ าพและไพเราะกับสมาชกิ ในครอบครัว 2. วิเคราะหผ ลของการพดู ดวยถอยคําที่สุภาพและไพเราะกับสมาชิกในครอบครวั 3. ปฏบิ ัติตนเปน ผูม วี าจาและใชถอ ยคําท่สี ภุ าพและไพเราะกับผูอนื่ ขัน้ ตอนการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม 1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการใชคําพูดท่ีสุภาพไพเราะ พรอมกับชวนสนทนาวาการพูด ดวยถอ ยคําท่ีสภุ าพและไพเราะ จะทําใหผ ูอื่นรูสึกอยางไร 2. ครูเลานิทานเรื่อง “ปูพูดไพเราะ” แลวรวมสนทนากับนักเรียนวา ขอคิดท่ีไดจากการฟง นิทานเรื่อง ปพู ูดไพเราะ 3. นักเรียนดูภาพท่ีส่ือความหมายถึงการพูดจาสุภาพ หรือคลิปวิดีโอเร่ือง “เด็กดีตองพูดดี” เพ่ือฝกใหน ักเรียนไดเรยี นรูวา การพดู จาสภุ าพและไพเราะน้นั มีวิธีพดู กับใคร อยา งไร 4. ครูสมุ นักเรยี นเลา ประสบการณการพดู จาไพเราะในสถานการณตา งๆ ใหเ พ่อื นฟง 5. นักเรียนตอบคําถามกระตุนความคิดวา ถานักเรียนพูดจาดวยถอยคําที่สุภาพและไพเราะจะ เกดิ ผลอยา งไร และถา นกั เรยี นพดู จาดว ยถอยคาํ ท่ไี มส ภุ าพ ไมไพเราะ จะเกดิ ผลอยางไร 6. นกั เรียนทําใบกจิ กรรมที่ 5.3.1 เร่อื ง พูดจาไพเราะ 7. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความสําคัญของการพูดจาสุภาพและไพเราะ เพื่อการอยูรวมกัน อยา งมีความสขุ และยังเปนการรกั ษาวัฒนธรรมอันดีงามของไทย 62
คูมอื การจดั การเรียนรสู ทิ ธิมนุษยชนศกึ ษา • ระดบั ประถมศึกษาตอนตน สื่อ/แหลงการเรยี นรู 1. นิทานเรื่อง ปพู ูดไพเราะ โดยสบื คนจากระบบออนไลน 2. คลปิ วิดโี อเรอื่ ง เดก็ ดตี องพดู ดี โดยสืบคนจากระบบออนไลน 3. ใบกิจกรรมท่ี 5.3.1 เรื่อง พูดจาไพเราะ การวัดประเมินผล 1. การมสี วนรวมในกิจกรรม 2. การใชเหตผุ ลในการตอบคําถาม 3. การตรวจใบกจิ กรรมท่ี 5.3.1 ขอ เสนอแนะ การจดั กจิ กรรมทนี่ กั เรยี นไดฝ ก การใชค าํ พดู ทสี่ ภุ าพและไพเราะในสถานการณต า งๆ เปน การฝก ให นักเรียนไดใชคําพูดที่สุภาพถูกตองเหมาะสมและนําไปใชในการดําเนินชีวิตเพื่อการอยูรวมกันอยาง มคี วามสุข อภธิ านศพั ท พูดจาภาษาดอกไม หมายถึง การพูดทีเ่ ขาองคประกอบ ดังน้ี 1. เปนคําสุภาพ คือพดู ดวยภาษาทสี่ ุภาพ มคี วามไพเราะในถอยคํา 2. พูดแลวมีประโยชน คอื มีประโยชนต อผูฟ งในการนําไปคิดหรือปฏิบตั ใิ นทางสรา งสรรค 3. พูดดวยจติ ทม่ี ีเมตตา คือพูดดว ยจติ ใจทม่ี คี วามปรารถนาดีตอผูฟ ง มีความจริงใจตอ ผฟู ง 4. พูดไดถกู กาลเทศะ คอื พดู ในสถานทีเ่ หมาะสม และในเวลาที่เหมาะสม 63
คูมือการจดั การเรียนรสู ิทธมิ นษุ ยชนศึกษา • ระดับประถมศึกษาตอนตน ใบกิจกรรมท่ี 5.3.1 เรื่องการพดู จาไพเราะ คําช้แี จง ใหน กั เรยี นระบายสี ในชอ งบทสนทนาทเ่ี ปนคําตอบตอไปน้ใี หถูกตอ ง 1. นกั เรยี นพบคณุ ครตู อนเชา : ................................คณุ ครู สวัสดี ลากอน 2. นักเรยี น : ผมขอ................................ข้นึ หอ งเรียนกอ นนะคะ/ครบั ตัว อนญุ าต 3. นกั เรียน : ……………….คะ /ครบั ขอบคุณ ขอบใจ 64
คมู ือการจัดการเรยี นรูสิทธิมนษุ ยชนศกึ ษา • ระดบั ประถมศกึ ษาตอนตน หนว ยการเรียนรทู ่ี 2 โรงเรียนของเรา 65
คูมอื การจัดการเรียนรูสิทธมิ นุษยชนศึกษา • ระดบั ประถมศกึ ษาตอนตน หนวยการเรยี นรูท ี่ 2 โรงเรียนของเรา กิจกรรมท่ี 1 ใครเปน ใครในโรงเรียน เวลา 1 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรยี นรู / ตวั ช้ีวดั ส 2.2 ป2/1 อธิบายความสัมพันธของตนเองและสมาชิกในครอบครัวในฐานะเปนสวนหน่ึง ของชุมชน จุดประสงค เพ่ือใหนกั เรียน 1. เขา ใจและเห็นความสาํ คญั ของการเปน สมาชิกในโรงเรยี น 2. วเิ คราะหบทบาทหนาท่ขี องสมาชิกในโรงเรียน ข้นั ตอนการดาํ เนินกิจกรรม 1. ครสู รา งบรรยากาศดว ยการสนทนากับนกั เรียนวา “เม่อื เชา นักเรียนมาโรงเรียน นกั เรียนพบใครบา ง คนเหลานน้ั กําลังทําอะไร อยา งไร” 2. นกั เรียนรวมกนั สรุปวา บคุ คลทีอ่ ยูภายในโรงเรยี นมใี ครบาง ครชู ว ยเพิม่ เตมิ คําตอบใหส มบรู ณ 3. นกั เรยี นแบง กลมุ ตามความเหมาะสมโดยใหมีจํานวนกลมุ เทากบั ตามคาํ ตอบในขอ 2 4. ตัวแทนสมาชิกแตละกลุมเลือกหยิบสลากบทบาทของบุคคลที่กลุมตองดําเนินกิจกรรมการ สังเกตและสัมภาษณบ ุคคลตามสลากที่หยบิ ไดตามประเด็น ดงั น้ี 4.1 บุคคลภายในโรงเรยี นท่กี ลมุ รับผิดชอบในการศกึ ษาขอมลู คอื ใคร 4.2 บทบาทหนา ทข่ี องบคุ คลน้นั ทาํ อะไร อยางไร 4.3 ถา โรงเรียนไมมีบุคคลตามท่กี ลุมศึกษาจะเกดิ ปญหาและผลกระทบหรือไม อยา งไร 4.4 นักเรยี นควรปฏบิ ตั ิตนอยา งไรกบั บคุ คลนน้ั ๆในฐานะสมาชิกที่ดขี องโรงเรยี น 5. ตัวแทนสมาชกิ แตล ะกลุม นําเสนอผลงาน สมาชิกกลมุ อืน่ รวมแสดงความคดิ เห็น 6. ครูและนักเรยี นรวมกันสรุปขอ คิดท่ีไดจากกจิ กรรมวา โรงเรยี นประกอบดวยบคุ คลตา งๆ ที่มา อยูร ว มกนั ทุกคนตางมบี ทบาทหนาทแี่ ละความรบั ผิดชอบ ทุกคนตองทําหนา ท่ขี องตนใหด ที ี่สดุ 7. นักเรียนอานใบความรูที่ 1.1 เรื่อง พระบรมราโชวาท พรอมกันและชวยกันสรุปความรู เร่อื งหนา ท่ีวา มีความหมายวาอะไร และจะตอ งปฏบิ ตั อิ ยางไร 8. นกั เรยี นทกุ คนนาํ ความรทู ไ่ี ดจ ากการนาํ เสนอผลงานของแตล ะกลมุ มาสรปุ เปน แผนผงั ความคดิ ในใบกจิ กรรมท่ี 1.1 เรื่อง ใครทาํ อะไรในโรงเรยี น 66
คมู ือการจัดการเรยี นรสู ทิ ธมิ นษุ ยชนศกึ ษา • ระดับประถมศกึ ษาตอนตน 9. ครอู ธบิ ายสรปุ เชอื่ มโยงกบั ชวี ติ จรงิ วา ในชวี ติ จรงิ เราทกุ คนจะมบี ทบาททแ่ี ตกตา งกนั ไป คาํ วา “บทบาท” หมายถงึ การทาํ หนาท่ีตามทสี งั คมกําหนด เชน เมื่ออยโู รงเรียน เราตองปฏิบตั ิตนเปนสมาชกิ ที่ ดีของสังคม ซ่งึ จะมผี ลตอ การสรางวินยั ในสังคมดว ย ส่ือ/แหลง การเรียนรู 1. ใบความรูท่ี 1.1 เรอ่ื ง พระบรมราโชวาท 2. ใบกิจกรรมท่ี 1.1 เรื่อง ใครทําอะไรในโรงเรียน การวดั ประเมนิ ผล 1. การมีสวนรวมในกิจกรรม 2. การใชเ หตผุ ลในการตอบคําถาม 3. การแสดงความคดิ เหน็ 4. การนําเสนอผลงาน 5. การประเมินความสามารถในการอา น 6. การประเมินการสรปุ ความรูเปนแผนผงั ความคิด ขอเสนอแนะ ครูควรนําสภาพแวดลอมภายในโรงเรียนมาชวยในการจัดกิจกรรมการเรียนรูเพ่ือเสริม ประสบการณต รงใหนักเรยี น อภธิ านศัพท 1. สทิ ธิ หมายถงึ ประโยชนห รอื อาํ นาจของบคุ คลทก่ี ฎหมายรบั รองและคมุ ครองมใิ หม กี ารละเมดิ รวมทงั้ บงั คับการใหเปนไปตามสทิ ธใิ นกรณที ี่มกี ารละเมิดดวย 2. บทบาท หมายถงึ การปฏิบัติตามสทิ ธิ หนาทีอ่ นั เน่ืองมาจากสถานภาพของบคุ คล เนอ่ื งจาก บุคคลมีหลายสถานภาพในคนคนเดียว ฉะนั้นบทบาทของบุคคลจึงตองปฏิบัติไปตามสถานภาพ ในสถานการณตามสถานภาพนน้ั ๆ 3. หนา ท่ี หมายถงึ กิจทตี่ อ งทาํ หรือควรทํา เปน สิง่ ทีก่ าํ หนดใหทํา หรือหามมใิ หกระทาํ ถา ทําก็ จะกอ ใหเกดิ ผลดี เกดิ ประโยชนตอ ตนเอง ครอบครวั หรือสังคมสวนรวม 67
คูมอื การจดั การเรียนรสู ทิ ธมิ นษุ ยชนศกึ ษา • ระดับประถมศึกษาตอนตน ใบความรทู ่ี 1.1 เร่อื ง พระบรมราโชวาท “ทุกคนตางมีหนาท่ี แตก็ไมไดหมายความวา ทําเฉพาะหนาที่นั้นเพราะวาถาคนใดทําหนาที่ เฉพาะของตัว โดยไมม องดคู นอนื่ งานก็ ดาํ เนนิ ไปไมไ ด เพราะเหตวุ างานทุกงาน จะตอ งพาดพงิ กัน จะตอง เก่ียวโยงกัน ฉะนนั้ แตละคนจะตอ งรูถึงงานของผอู ืน่ แลว ชว ยกนั ทาํ ” พระราชดํารัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแกคณะบุคคล ตาง ๆ ในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลยั วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๓ 68
คูม ือการจัดการเรียนรสู ทิ ธมิ นุษยชนศกึ ษา • ระดบั ประถมศึกษาตอนตน ใบกิจกรรมท่ี 1.1 เร่อื ง ใครทําอะไรในโรงเรียน คาํ ชี้แจง ใหนกั เรยี นนาํ ความรทู ไ่ี ดจากการนําเสนอผลงานของแตละกลมุ มาสรปุ เปน แผนผงั ความคดิ 69
คมู อื การจัดการเรียนรูสทิ ธมิ นษุ ยชนศึกษา • ระดบั ประถมศึกษาตอนตน หนว ยการเรยี นรทู ี่ 2 โรงเรียนของเรา กจิ กรรมที่ 2 สมาชิกทด่ี ีของโรงเรยี น มาตรฐานการเรียนรู / ตัวช้วี ัด ส 2.2 ป2/1 อธิบายความสัมพันธของตนเองและสมาชิกในครอบครัวในฐานะเปนสวนหน่ึงของ ชุมชน จุดประสงค เพอ่ื ใหน กั เรียน 1. เขา ใจบทบาทหนา ท่ีของสมาชิกในโรงเรียน 2. เห็นความสําคญั ของการปฏบิ ัติตามบทบาทหนาท่ีของสมาชิกในโรงเรยี น ข้ันตอนการดําเนนิ กจิ กรรม 1. นกั เรียนแบงกลุมตามความเหมาะสม แลว ใหนงั่ เปนกลมุ 2. ครแู จกหมวกกระดาษใหส มาชกิ ทกุ คน ซ่งึ หมวกแตล ะใบจะมีลกั ษณะทแี่ ตกตา งกนั ดังนี้ 2.1 หมวกกระดาษแบบท่ี 1 มีสัญลักษณรูปพระอาทิตย 2.2 หมวกกระดาษแบบท่ี 2 มีสญั ลักษณร ูปพระจนั ทรติดอยู 2.3 หมวกกระดาษแบบท่ี 3 และ 4 มสี ัญลกั ษณรปู ดาวติดอยู 3. ครูชี้แจงกติกาการปฏิบัติกิจกรรมเพื่อสรางความเขาใจในใบกิจกรรมที่ 2.1 เรื่อง กติกาการ ปฏิบัติกจิ กรรม ดงั น้ี 3.1 สมาชกิ ของแตล ะกลมุ สวมหมวกสญั ลกั ษณร ปู พระอาทติ ย 1 คน สวมหมวกรปู สญั ลกั ษณ พระจนั ทร 1 คน และสวมหมวกสญั ลักษณร ปู ดาว 2 คน 3.2 สมาชิกภายในกลุมมีหนาทีแ่ ตกตา งกันตามสัญลกั ษณรูปของหมวก ดังนี้ 3.2.1 นกั เรยี นทสี่ วมหมวกสญั ลกั ษณร ปู พระอาทติ ย มหี นา ทไ่ี ปเรยี นรวู ธิ กี ารพบั กระดาษ เปนรปู หนาสนุ ขั จิง้ จอกจากครู แลวนํามาสอนสมาชิกคนอน่ื ๆ ภายในกลุม 3.2.2 นกั เรยี นทสี่ วมหมวกสญั ลกั ษณร ปู พระจนั ทร มหี นา ทอ่ี าํ นวยความสะดวกใหส มาชกิ ภายในกลุม ดวยการเดินไปรับกระดาษที่จะนําไปพับมาใหเพ่ือนๆ ในกลุม และนํากระดาษที่พับเสร็จ เรยี บรอยแลว ไปสงครู 3.2.3 นกั เรยี นทส่ี วมหมวกสญั ลกั ษณร ปู ดาว มหี นา ทเ่ี รยี นรวู ธิ กี ารพบั กระดาษเปน รปู หนา สุนัขจิ้งจอกจากนักเรียนที่สวมหมวกรูปพระอาทิตย และมีหนาที่พับกระดาษใหสําเร็จตามจํานวน ทีค่ รกู าํ หนด 70
คูม อื การจัดการเรียนรสู ิทธมิ นษุ ยชนศึกษา • ระดับประถมศึกษาตอนตน 4. นกั เรยี นแตล ะกลมุ ปฏบิ ตั ิหนา ทข่ี องตนตามสญั ลักษณรปู ของหมวก โดยมภี ารกิจ คอื ตองพบั กระดาษเปนรูปหนาสุนัขจิ้งจอก จํานวน 10 ชิ้น กลุมท่ีพับไดถูกตองและสงกอนเปนกลุมแรก กลุมน้ัน จะเปนผูชนะ กลุมใดท่ีไมปฏิบัติตามกติกา เชน ทําหนาท่ีแทนกัน หรือ ทําหนาที่แทนสมาชิกคนอ่ืน จะถกู ตัดสทิ ธอ์ิ อกจากการแขง ขัน 5. ครกู ลา วชน่ื ชมกลมุ ทช่ี นะการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมแลว อธบิ ายสรปุ เชอื่ มโยงกบั ชวี ติ จรงิ วา ในชวี ติ จรงิ เราทุกคนตางมีบทบาทหนาท่ีเปรียบเหมือนหมวกท่ีสวมอยูมีสัญลักษณรูปแตกตางกัน ไมวาจะเปนบาน โรงเรียน หรือชุมชน ทุกคนจะมีบทบาทที่แตกตางกันไป คําวา “บทบาท” หมายถึง การทําหนาท่ีสังคม กาํ หนด เชน เมอื่ อยูโรงเรียน เราเปน นักเรยี น มหี นาทีท่ ีส่ าํ คญั คือการต้งั ใจเรียน เปนตน ส่อื /แหลง การเรียนรู 1. หมวกกระดาษที่มสี ัญลกั ษณรูปพระอาทิตย พระจันทร ดาวติดอยู 2. กระดาษ 3. ใบกิจกรรมที่ 2.1 เรื่องกติกาการปฏิบัตกิ ิจกรรม การวัดและประเมินผล 1. สงั เกตการมสี ว นรว มในกจิ กรรม 2. การใชเหตุผลในการตอบคาํ ถาม 3. การประดษิ ฐหมวกกระดาษท่พี บั เปน รปู หนาสุนัขจิ้งจอก ขอเสนอแนะ 1. ครสู ามารถปรับเปลย่ี นกิจกรรมหรือวิธกี ารไดตามบริบทและความเหมาะสม เพือ่ ใหนกั เรยี นได รบั ความรู และมีความเขา ใจตรงตามจุดประสงค 2. ครูควรเนนย้ําใหนักเรียนเขาใจวาทุกคนมีบทบาทที่แตกตางกันไปในแตละสังคม ซึ่งในแตละ บทบาทกจ็ ะมสี ทิ ธทิ ่แี ตกตา งกนั ออกไป ดงั นัน้ การสอนใหนกั เรียนเขา ใจบทบาทหนาที่ของตน จึงเปนเร่อื งที่ สาํ คญั อยา งยงิ่ เพราะจะทาํ ใหนักเรียนรบั รถู ึงสิทธขิ องตนเองในสงั คม และรจู กั เคารพในสทิ ธขิ องผอู นื่ อภธิ านศพั ท - 71
คูมือการจดั การเรยี นรูส ิทธิมนุษยชนศึกษา • ระดับประถมศกึ ษาตอนตน ใบกจิ กรรมที่ 2.1 เรอ่ื ง กติกาการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 1. สมาชิกของแตละกลุมสวมหมวกสัญลักษณรูปพระอาทิตย 1 คน สวมหมวกรูปสัญลักษณ พระจนั ทร 1 คน และสวมหมวกสัญลกั ษณรูปดาว 2 คน 2. สมาชิกภายในกลุมมีหนา ทแ่ี ตกตา งกนั ตามสัญลักษณร ูปของหมวก ดงั น้ี 2.1 นักเรียนทสี่ วมหมวกสัญลกั ษณร ปู พระอาทิตย มหี นาทไี่ ปเรยี นรวู ิธกี ารพับกระดาษเปน รูป หนาสุนัขจง้ิ จอกจากครู แลวนาํ มาสอนสมาชกิ คนอื่นๆ ภายในกลุม 2.2 นักเรียนท่ีสวมหมวกสัญลักษณรูปพระจันทร มีหนาที่อํานวยความสะดวกใหสมาชิก ภายในกลุม ดวยการเดินไปรับกระดาษที่จะนําไปพับมาใหเพ่ือนๆ ในกลุม และนํากระดาษที่พับเสร็จ เรยี บรอยแลว ไปสงครู 2.3 นกั เรียนทีส่ วมหมวกสัญลกั ษณร ูปดาว มหี นา ท่เี รียนรวู ธิ กี ารพบั กระดาษเปน รูปหนาสุนขั จ้งิ จอกจากนักเรียนที่สวมหมวกรูปพระอาทิตย และมหี นา ทีพ่ ับกระดาษใหสาํ เรจ็ ตามจํานวนทคี่ รกู ําหนด 72
คมู ือการจดั การเรียนรูสิทธิมนษุ ยชนศกึ ษา • ระดบั ประถมศึกษาตอนตน ตัวอยา งภาพกจิ กรรม 73
คูม ือการจัดการเรียนรสู ทิ ธิมนุษยชนศึกษา • ระดบั ประถมศกึ ษาตอนตน หนว ยการเรียนรูท ่ี 2 โรงเรยี นของเรา กิจกรรมที่ 3 กฎ ระเบียบของหองเรียน มาตรฐานการเรยี นรู / ตัวช้ีวัด ส 2.1 ป2/1 ปฏบิ ัตติ นตามขอตกลง กติกา กฎระเบยี บและหนาทที่ ่ีตองปฏิบตั ใิ นชวี ิตประจําวัน จดุ ประสงค เพื่อใหนักเรยี น 1. เขาใจและเหน็ ความสําคญั ของกฎระเบียบของหอ งเรยี น 2. ปฏิบัตติ นตามกฎระเบียบของหอ งเรยี น ขั้นตอนการดาํ เนนิ กจิ กรรม 1. นักเรียนดูภาพท่ีส่ือถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบในหองเรียน เชน ภาพการชวยกัน ทาํ ความสะอาดหอ งเรยี นตามตารางเวรประจาํ วนั เปน ตน จากนน้ั ใชค าํ ถามกระตนุ ความคดิ เพอ่ื ใหน กั เรยี น รว มกนั แสดงความคิดเหน็ วา 1.1 นกั เรียนรูห รือไม วาคนในภาพกําลังทาํ งานอะไรอยู 1.2 ทาํ ไมพวกเขาจงึ ตอ งชว ยกันทํางานน้นั 1.3 ถา พวกเขาไมช วยกันทาํ งานน้นั จะมผี ลอยางไร 2. ครูสรุปเช่ือมโยงวา การชวยกันทําความสะอาดหองเรียน ถือเปนการทําตามกฎระเบียบของ หองเรียน ซ่ึงเปนกฎระเบียบท่ีเกิดจากการยอมรับของคนในสังคมและยังแสดงถึงการเคารพกฎและกติกา ของสังคมท่ีเราอยู ดังน้ันทุกคนจึงมีสวนรวมในการสรางกฎระเบียบในหองเรียน เพื่อการอยูรวมกัน อยา งมคี วามสุข 3. นักเรียนรวมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นในหัวขอ “กฎระเบียบท่ีอยากใหมีในหองเรียน” และใชส ทิ ธดิ ว ยการยกมอื แสดงถงึ การยอมรบั โดยครแู ละนกั เรยี นเปน ผรู วบรวมและนบั คะแนนกฎระเบยี บ ทน่ี ักเรียนเสนอทไ่ี ดค ะแนนสูงเปนลาํ ดบั ท่ี 1 ถึง 5 นาํ มาใชเปน กฎระเบยี บในหอ งเรยี น 4. นักเรียนเขากลุม กลุมละ 4-6 คนตามความสมัครใจ เพ่ือจัดทําแผนปายขอความและภาพ ประกอบแสดงกฎระเบียบของหอ งเรียน ตามขนาดทีเ่ หมาะสมกบั งบประมาณและสถานทต่ี ดิ ตงั้ 74
คูมือการจัดการเรียนรูสทิ ธิมนุษยชนศกึ ษา • ระดบั ประถมศึกษาตอนตน 5. ตวั แทนสมาชกิ แตละกลุมรว มประชมุ วางแผนการดาํ เนนิ งานรวมกนั ดังน้ี 5.1 จัดแบง หวั ขอกฎระเบยี บของหอ งเรยี นทแ่ี ตละกลุม ตอ งรับผิดชอบ 5.2 กําหนดสถานทที่ น่ี ําแผนปายขอความและภาพประกอบกฎระเบยี บหองเรยี นไปติดตง้ั 6. นักเรียนแตละกลุม รวมกันประเมนิ ผลตามแบบประเมนิ ท่ีรวมกันจัดทาํ ข้ึน สอ่ื /แหลง การเรียนรู 1. ภาพท่ีสื่อถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบในหองเรียน เชน ภาพการชวยกันทําความสะอาด หองเรยี นตามตารางเวรประจําวนั การวดั และประเมนิ ผล 1. การมีสวนรวมในกจิ กรรม 2. การใชเหตุผลในการตอบคาํ ถาม 3. การแสดงความคดิ เหน็ 4. การประเมินผลงานการประดษิ ฐแ ผนปา ยแสดงกฎระเบียบของหองเรียน ขอเสนอแนะ 1. ครูสามารถปรับเปล่ียนกิจกรรมหรือวิธีการไดตามบริบทและความเหมาะสม เพ่ือใหนักเรียน ไดร ับความรู และมีความเขา ใจตรงตามจุดประสงค 2. ครูควรสงเสริมใหทุกคนมีสวนรวมในการแสดงความคิดเห็นตอกฎระเบียบของหองเรียน และมีสวนรวมในการสรางกฎระเบียบน้ันเพ่ือใหนักเรียนตระหนักถึงกฎ ระเบียบที่ชวย ใหเราเคารพใน สิทธิของตนเองและผูอ่ืน ทําใหสังคมท่ีเราอยูเกิดการพัฒนาและเปล่ียนแปลงไปในทิศทางที่ดีข้ึน เพราะ กฎระเบยี บคอื กรอบทีท่ ําใหท ุกคนในสังคมอยรู วมกันอยางสนั ติสุข อภิธานศัพท 1. กฎ หมายถงึ ขอ บงั คบั ทอี่ ยใู นความเปน จรงิ เพอื่ ไมใ หเ กดิ ความเสยี หายตอ ชวี ติ และทรพั ยส นิ 2. ระเบยี บ หมายถึง แบบแผนทวี่ างไวเ ปน แนวปฏิบัตเิ พอ่ื ควบคุมใหเปนไปในทิศทางเดียวกนั 75
คมู ือการจัดการเรยี นรูส ทิ ธิมนษุ ยชนศกึ ษา • ระดับประถมศึกษาตอนตน ตัวอยา งภาพกิจกรรมการปฏิัติตามกฎระเบยี บของหอ งเรยี น 76
คมู อื การจดั การเรียนรูสทิ ธมิ นุษยชนศึกษา • ระดับประถมศึกษาตอนตน หนวยการเรียนรทู ่ี 2 โรงเรียนของเรา กจิ กรรมที่ 4 กระบวนการประชาธิปไตย กจิ กรรมที่ 4.1 ประชาธปิ ไตยเลือกผนู ํา เวลา 1 ช่ัวโมง มาตรฐานการเรยี นรู / ตัวชี้วดั ส 2.1 ป2/3 แสดงพฤติกรรมในการยอมรับความคิด ความเชื่อและการปฏิบัติของบุคคลอื่น ทแี่ ตกตางกนั โดยปราศจากอคติ จดุ ประสงค เพอื่ ใหนักเรยี น 1. เขาใจและเห็นความสําคัญของการใชสิทธิเลือกผนู าํ ในโรงเรยี น 2. ปฏิบัติตนตามสทิ ธบิ ทบาทหนาทกี่ ารใชส ทิ ธเิ ลอื กผูนาํ ในโรงเรยี น ขั้นตอนการดาํ เนินกิจกรรม 1. นักเรียนดภู าพบุคคลจํานวน 3 ภาพแลว ชวนสนทนาดวยคําถามวา บคุ คลตามภาพ มบี ทบาทและความสาํ คญั อยา งไร 1.1 ภาพการประชมุ สภานกั เรียน 1.2 ภาพผอู ํานวยการ/ครูใหญข องโรงเรยี น 1.3 ภาพครูประจําช้ันของนักเรยี น 1.4 ภาพหวั หนา หอ ง 2. ครูสรุปเชื่อมโยงใหเห็นถึงบทบาทและความสําคัญของผูนําพรอมกับแจกไมเซียมซีท่ีติดธง มแี ผน ขอความเล็ก ๆ ซึง่ นกั เรยี นเขยี นคุณลักษณะของผนู าํ ตามความคิดของนักเรียนคนละ 1 ขอ แลวนาํ ไป ใสร วมกนั ในกระบอกเซยี มซี 3. นักเรียนเวียนกันหยิบธงเซียมซีคนละ 1 ธงพรอมกับอานขอความในธงเซียมซีใหเพื่อนฟง พรอ มบอกเหตุผลสั้น ๆ วาคุณลักษณะนั้น ๆ สาํ คญั อยา งไรจนครบทกุ คน 4. ครสู รุปคุณลักษณะของผูน าํ เพื่อเชือ่ มโยงถงึ การเลือกหวั หนาหอง 5. นักเรียนเสนอช่อื นักเรยี นท่ีมีความเหมาะสมในการทําหนาทห่ี ัวหนา หอง 6. นักเรียนที่ไดรับการเสนอช่ือแตละคนพูดหาเสียง โดยอธิบายถึงคุณลักษณะของตนเอง ทีเ่ หมาะสมกบั การไดร บั การเลอื กต้งั เปนหัวหนาหอง 77
คูม ือการจัดการเรยี นรสู ิทธิมนุษยชนศกึ ษา • ระดบั ประถมศกึ ษาตอนตน 7. ครูจาํ ลองสถานการณคูหาการเลอื กต้งั โดยใหน ักเรยี นทกุ คนใชสทิ ธิเลือกหวั หนาหอ ง 8. นักเรยี นที่ทําหนาทเ่ี ปน กรรมการกลางตรวจนับคะแนนและประกาศผลการเลือกต้งั 9. ผชู นะการเลอื กตั้งกลา วขอบคณุ และยืนยันความพรอ มในการทาํ หนาที่หวั หนาหองท่ดี ี 10. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปขอคิดและเชื่อมโยงใหเห็นความสําคัญของการเลือกผูนํา ในหองเรียนตามกระบวนการประชาธิปไตย สื่อ/แหลง การเรียนรู 1. ภาพประกอบการเรียน 2. ธงเซยี มซพี รอ มกระบอกเซียมซี 3. บตั รเลือกตงั้ 4. คูหาเลอื กตง้ั การวดั ประเมนิ ผล 1. การมีสวนรวมในกิจกรรม 2. การใชเ หตผุ ลในการตอบคาํ ถาม 3. การแสดงความคดิ เหน็ ขอเสนอแนะ การจัดกิจกรรมการเรียนรูใหนักเรียนไดเรียนรูจากประสบการณดวยการจําลองสถานการณ การใชสิทธิเลือกต้ังในคูหาการเลือกตั้ง จะชวยใหนักเรียนไดเรียนรูจากประสบการณตรงได (Experiential Learning) อภธิ านศัพท 1. กระบวนการประชาธปิ ไตย คอื วธิ กี ารปกครองซง่ึ ไดร บั ความยนิ ยอมพรอ มใจของประชาชนสว น ใหญซึ่งแสดงออกในรูปของการเลือกต้ัง การอภิปราย การออกเสียงประชามติ การเสนอรางกฎหมายของ ประชาชน 2. ผนู าํ หมายถงึ คอื บคุ คลทส่ี ามารถชกั จงู หรอื ชน้ี าํ บคุ คลอนื่ ใหป ฏบิ ตั งิ านสาํ เรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงค ที่วางไวไดอยา งมปี ระสทิ ธผิ ลและประสิทธภิ าพ 3. ผูตาม หมายถึง บุคคลท่ีเปนผูปฏิบัติงานรวมกับบุคลอื่นในองคการ และใหการสนับสนุน ชวยเหลอื ผนู ําในการบรรลจุ ดุ มงุ หมายขององคการ 78
คมู ือการจัดการเรียนรสู ทิ ธมิ นษุ ยชนศกึ ษา • ระดบั ประถมศกึ ษาตอนตน ภาพประกอบการสอน ตัวอยางคุณลกั ษณะผนู ําทเ่ี ขยี นในธงเซยี มซี 1. มีความคิดริเร่มิ 2. มมี นษุ ยสมั พนั ธ 3. กลาตัดสนิ ใจ 4. มีเหตุผล 5. มีบคุ ลกิ ดี 6. มคี วามอดทน 7. เสยี สละ 8. เปนคนนา เช่ือถือ 9. มคี วามยุตธิ รรม 10. แสวงหาความรแู ละขอมูลทแี่ ปลกใหม 79
คมู อื การจดั การเรยี นรูสิทธมิ นุษยชนศึกษา • ระดับประถมศึกษาตอนตน หนวยการเรยี นรูที่ 2 โรงเรยี นของเรา กิจกรรมที่ 4 กระบวนการประชาธปิ ไตย กจิ กรรมท่ี 4.2 การเลอื กผูนาํ ในหองเรยี น เวลา 1 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรยี นรู / ตัวชี้วดั ส 2.1 ป2/3 แสดงพฤติกรรมในการยอมรับความคิด ความเชื่อและการปฏิบัติของบุคคลอื่นท่ี แตกตางกนั โดยปราศจากอคติ จุดประสงค เพอื่ ใหนักเรยี น 1. เขาใจและเห็นความสําคัญของการใชสิทธเิ ลอื กหวั หนาหอ ง 2. ปฏิบัตติ นตามสทิ ธบิ ทบาทหนาท่ขี องการใชส ทิ ธเิ ลอื กหวั หนา หอ ง ขน้ั ตอนการดาํ เนนิ กจิ กรรม 1. นกั เรียนดภู าพแลวตอบคาํ ถามตามความคิดของนกั เรียนวา เปน ภาพเก่ียวกบั อะไร 2. ครูสรปุ เชอ่ื มโยงวา วันนเี้ ราจะเรียนเรื่องการใชสทิ ธใิ นฐานะสมาชกิ ของหองเรียน ทีจ่ ะใชสทิ ธิ ของเราในการเลอื กหวั หนาหอ ง และปฏิบัติตามหนา ทเ่ี พื่อใหห องเรียนมีคณุ ภาพ 3. ครูใชคําถามกระตุนความคิดเพอ่ื ใหนกั เรยี นรวมกนั แสดงความคิดเหน็ วา 3.1 หวั หนาหองมีความหมายวาอยา งไร 3.2 ใครสามารถเปน หวั หนาหอ งไดบางและบคุ คลคนน้นั ควรมีคุณลกั ษณะอยางไร 4. ครูสรุปเชื่อมโยงใหเห็นถึงบทบาทหนาท่ีและความสําคัญของการเปนหัวหนาหองพรอมกับ ใหนกั เรียนอา นใบความรูที่ 4.2.1 เรื่องความหมายของหวั หนาหอง พรอ มกัน 5. ครูจําลองสถานการณการรับสมัครผูเขารวมสมัครแขงขันตําแหนง “หัวหนาหองคนเกง” ตามความสมคั รใจ 6. ผูเขารวมสมัครแขงขันตําแหนงหัวหนาหองแนะนําตนเอง ดวยการนําเสนอขอดีและวิสัยทัศน ของตนเองใหเ พ่ือนๆ ในหองฟง 7. ครชู แี้ จงกตกิ าในใบกจิ กรรมที่ 4.2.1 เรอ่ื ง กตกิ าการเลอื ก “หวั หนา หอ งคนเกง ” และใหน กั เรยี น ใชส ทิ ธเ์ิ ลือกต้งั 8. ครูและนกั เรยี นรวมกนั นบั คะแนน และรวมกันแสดงความยนิ ดกี ับหัวหนาหองคนเกง 9. นกั เรยี นสรปุ นาํ เสนอผลงานท่หี ลากหลายในหัวขอ “คุณลักษณะของความเปนหัวหนาหองที่ดี” ในกระดาษสขี นาด เอ 4 พรอมกับใหบรรยายใตภาพ ดังนี้ 80
คมู ือการจัดการเรยี นรูสิทธิมนษุ ยชนศกึ ษา • ระดบั ประถมศกึ ษาตอนตน 9.1 นักเรยี นมีความรูสึกอยางไรกบั กิจกรรมการเลือกหัวหนา หอ งในวันนี้ 9.2 นกั เรยี นมสี ิทธิในกิจกรรมน้ี เทา ๆ กันกับเพื่อนทุกคนในหอ งหรอื ไม อยางไร 10. นักเรียนรวมกันนําผลงานท่ีหลากหลายจัดแสดงที่ปายนิเทศของหองเรียนหรือโรงเรียน โดยครูเนนยา้ํ ถงึ การเรยี นรูและการทาํ หนาทผี่ ูน ําในฐานะหวั หนา หอ งเรียนตามกระบวนการประชาธปิ ไตย สอื่ /แหลงการเรียนรู 1. ภาพการใชส ทิ ธเิ ลอื กต้ัง 2. ใบความรูท ี่ 4.2.1 เรื่องความหมายของหัวหนา หอง 3. ใบกิจกรรมที่ 4.2.1 เร่อื งกตกิ าการเลอื กหวั หนา หองคนเกง การวดั และประเมนิ ผล 1. การมีสวนรวมในกิจกรรม 2. การใชเ หตผุ ลในการตอบคําถาม 3. การแสดงความคดิ เห็น 4. การนําเสนอผลงาน 5. การประเมินผลงาน ขอเสนอแนะ 1. ครูควรบริหารจัดการและควบคุมเวลาในการดําเนินกิจกรรมในแตละชวงใหเหมาะสมเพ่ือให นกั เรยี นไดรบั ความรู และมคี วามเขา ใจตรงตามจุดประสงค 2. ครคู วรอธบิ ายขอ เสยี ของบตั รเสยี ซง่ึ จะสง ผลอยา งไรตอ กจิ กรรมการเลอื กผนู าํ เพอ่ื ใหน กั เรยี น เกดิ ความตระหนักและเหน็ คุณคาของคะแนนเสยี ง 3. การสอนใหนักเรียนไดเรียนรูเก่ียวกับการเลือกตัวแทน นอกจากจะเปนการสงเสริม ประชาธิปไตยในโรงเรียน ยังเปนการสงเสริมความรูในเรื่องสิทธิมนุษยชน ท้ังในเร่ืองของการใชสิทธิท่ีเรามี ในการเลอื กตวั แทน และในเรอื่ งของการเคารพสทิ ธขิ องผอู น่ื เชน ยอมรบั ผลคะแนน ซงึ่ มาจากเสยี งสว นใหญ ท่ีทุกคนในหองไดมีสวนรวม รวมทั้งรูจักใชเหตุผลในการพิจารณาส่ิงตางๆ ตามความเหมาะสม ปฏิบัติตาม หนา ทีข่ องตนเองตามข้นั ตอนการการใชสทิ ธเิ ลือกตง้ั อภธิ านศัพท - 81
คมู อื การจดั การเรยี นรูสทิ ธมิ นุษยชนศึกษา • ระดบั ประถมศึกษาตอนตน ภาพประกอบการสอน ตัวอยา งกิจกรรมการเลือกตงั้ 82
คูมือการจัดการเรียนรูส ิทธมิ นษุ ยชนศึกษา • ระดบั ประถมศกึ ษาตอนตน ใบความรทู ่ี 4.2.1 เรื่อง ความหมายของหวั หนาหอง หวั หนา หอง คอื ผทู ท่ี ําหนาท่ีประสานงานระหวา งนกั เรยี นในหองกบั ครู เปนผดู ูแลความเรยี บรอย หวั หนาหอ งตองมคี วามรับผิดชอบ ตง้ั ใจปฏิบตั หิ นา ท่ี และไมใ ชสิทธิทต่ี นมใี นการเอารัดเอาเปรยี บผูอ ืน่ ทุกคนสามารถไดรับเลือกใหเปนหัวหนาหองได การเลือกหัวหนาหองโดยสวนมากจะใชวิธีการ แบบประชาธิปไตย คือใหสิทธิทุกคนในการเลือกหัวหนาหองอยางเทาเทียมกัน ไมมีการแบงแยก ทุกคน มสี ิทธิ ท่จี ะรว มกจิ กรรม และมีเสรีภาพท่จี ะเลือกใครก็ไดตามสทิ ธิทเ่ี รามี 83
คมู ือการจัดการเรียนรูสทิ ธิมนุษยชนศึกษา • ระดบั ประถมศึกษาตอนตน ใบกจิ กรรมที่ 4.2.1 เรื่อง กตกิ าการเลือก “หัวหนา หอ งคนเกง” กติกาการเลือก “หัวหนาหอ งคนเกง ” 1. ครแู จกบตั รคะแนน ซง่ึ เปน กระดาษขนาดเลก็ ทพี่ บั ครง่ึ ใหน กั เรยี นเขยี นชอ่ื เพอื่ นทอ่ี ยากให เปนผูน าํ คนเกง 1 ช่ือ จากนน้ั พบั เก็บใสก ลอ งรบั บตั รเลือกต้งั 2. นักเรียนเลือกไดเพียงชื่อเดียว ถาพบวามีบัตรท่ีเลือก 2 ช่ือ หรือมากกวาน้ันจะถือวา เปนบตั รเสยี บตั รของนักเรียนจะไมถกู นาํ ไปรวมกับคะแนนของเพอื่ นๆ ในหอง 3. ผเู ขารวมสมคั รแขง ขันตําแหนง “หวั หนาหองคนเกง” มีสทิ ธิลงคะแนน 4. เม่ือนักเรียนเลือกเขียนชื่อผูสมัคร 1 ช่ือในบัตรคะแนนเรียบรอยแลว ใหนําบัตรคะแนน ใสใ นกลอ งที่จดั เตรียมไว 5. นักเรียนอาสาสมัครจํานวน 3 คน เปนกรรมการนับคะแนนที่เพื่อนๆ เขียนช่ือไวในกลอง แลวประกาศช่ือผูทีไ่ ดรบั การคัดเลอื กเปนหัวหนาหอ ง 84
คมู ือการจัดการเรียนรูสทิ ธิมนษุ ยชนศึกษา • ระดับประถมศึกษาตอนตน หนวยการเรียนรทู ่ี 2 โรงเรยี นของเรา กจิ กรรมที่ 5 การยอมรับความคิดท่ีแตกตาง กิจกรรมท่ี 5.1 เขา ใจกนั มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ชว้ี ัด ส 2.1 ป2/3 แสดงพฤติกรรมในการยอมรับความคิด ความเชื่อและการปฏิบัติของบุคคลอ่ืน ที่แตกตา งกนั โดยปราศจากอคติ จุดประสงค 1. เขา ใจและเห็นความสาํ คญั ของการยอมรบั ความคิด ความเชอื่ และการปฏบิ ตั ิของบคุ คล อืน่ ทีแ่ ตกตา งกนั โดยปราศจากอคติ 2. แสดงพฤตกิ รรมในการยอมรบั ความคิดของบุคคลอนื่ ท่แี ตกตางโดยปราศจากอคติ ข้ันตอการดาํ เนินกิจกรรม 1. ครวู างแจกันดอกไมหลายสี หลายแบบบนโตะ นกั เรยี นแตละกลมุ แลวใหน ักเรียนเลอื ก นั่งประจาํ โตะตามประเภทแจกันดอกไมทชี่ อบ 2. นักเรียนบอกเหตุผลที่เลือกแจกันดอกไมโดยครูอธิบายสรุปเช่ือมโยงใหเห็นถึงความชอบ ท่ีไมเ หมือนกนั ของแตละบคุ คล 3. นักเรียนเลอื กจบั คกู บั เพ่อื นสนทิ 1 คนแลวรับกระดาษสคี นละ 2 ใบ 3.1 กระดาษสชี มพู เขียนส่งิ ท่อี ยากทําเพื่อใหเพื่อนพอใจ 1 อยา ง 3.2 กระดาษสีเขยี ว เขียนสง่ิ ทอ่ี ยากใหเพ่อื นทาํ ใหเ รา 1 อยา ง 4. ครูสุมนกั เรียน 3-5 คู อานขอ ความในกระดาษท้งั 2 ใบใหเพอื่ นฟง พรอ มบอกเหตุผล 5. ครูอธิบายเชื่อมโยงใหเห็นวา การบอกความรูสึกถึงความชอบ ไมชอบใหเพ่ือนฟง ก็เปน แนวทางหนึง่ ท่ที าํ ใหเ ราเขา ใจกัน ยอมรบั ความแตกตางทางความคดิ ของกนั และกนั ได 6. นักเรยี นแบงกลุมตามความเหมาะสม แลว ใหนกั เรียนแตล ะกลุมรว มกันอภิปรายวาถา นักเรียน พบเพ่อื นทม่ี ีความคิด ความเช่ือ และความสามารถที่แตกตา งกับเรานกั เรียนจะมวี ธิ ีปฏิบัติตอเพอื่ นอยา งไร 85
คมู ือการจดั การเรียนรสู ิทธมิ นษุ ยชนศึกษา • ระดับประถมศึกษาตอนตน 7. นักเรียนแตละกลุมเลาถึงวิธีการปฏิบัติตอบุคคลอ่ืนที่แตกตางโดยปราศจากอคติ โดยครูให ขอ เสนอแนะเพมิ่ เตมิ 8. นักเรียนและครูรว มกันสรปุ ถงึ การยอมรับความคดิ ความเชอ่ื ที่แตกตา งของบคุ คลอน่ื ก็ชว ยใหเ รา อยูร ว มกนั อยา งมีความสุขได ส่ือ/แหลงการเรียนรู 1. แจกันดอกไมห ลายสี หลายแบบ 2. กระดาษสีชมพู และสีเขียว การวัดประเมินผล 1. การมีสวนรวมในกจิ กรรม 2. การใชเหตุผลในการตอบคําถาม 3. การแสดงความคิดเห็น ขอ เสนอแนะ การจัดกิจกรรมการเรียนรูโดยใหนักเรียนไดเขียนส่ิงท่ีเปนความรูสึกเปนกิจกรรมที่ดีควร ฝก ใหท าํ เปน ประจาํ เพราะนอกจากจะเปน การฝก การเขยี นแลว ยงั ชว ยใหน กั เรยี นไดบ อกความรสู กึ ทแี่ ทจ รงิ แทนการดู ซง่ึ บางครั้งนักเรียนอาจไมก ลา ทจ่ี ะแสดงออกทางวาจา อภิธานศัพท การยอมรับความคิด ความเชื่อท่ีแตกตาง หมายถึง การยอมรับในความแตกตางเปนเรื่องสําคัญ การที่เรามีความคิดความเชื่อบางอยางไมไดหมายความวาทุกคนจะเชื่อเหมือนเรา การพูดคุยแลกเปล่ียน เปนไปเพื่อความเขาใจ ไมใชการเอาชนะ หรือใชความมีอํานาจเหนือกวาบีบคั้นอีกฝาย หรือทําใหเขา แปลกประหลาด เด็กที่โตมาในครอบครัวที่แสดงความเห็นได พูดคุย และใหโอกาสเลือกการตัดสินใจ จะสามารถใชทกั ษะน้ีในการอยูร ว มกับคนอนื่ ในสังคม 86
คูม ือการจัดการเรยี นรูส ิทธมิ นุษยชนศึกษา • ระดบั ประถมศกึ ษาตอนตน หนวยการเรยี นรูที่ 2 โรงเรยี นของเรา กิจกรรมที่ 5 การยอมรบั ความคิดทีแ่ ตกตา ง กจิ กรรมที่ 5.2 คดิ ตา งอยางสรา งสรรค มาตรฐานการเรียนรู/ ตวั ช้ีวดั ส 2.1 ป2/3 แสดงพฤติกรรมในการยอมรบั ความคิด ความเชอื่ และการปฏิบัตขิ องบุคคลอื่น ทีแ่ ตกตา งกนั โดยปราศจากอคติ จุดประสงค 1. เขาใจและเห็นความสําคัญของการยอมรับความคิด ความเช่ือและการปฏิบัติของบุคคลอ่ืน ทีแ่ ตกตางกันโดยปราศจากอคติ 2. แสดงพฤตกิ รรมในการยอมรับความคดิ ของบคุ คลอ่ืนทีแ่ ตกตา งโดยปราศจากอคติ ขน้ั ตอนการดําเนินกิจกรรม 1. ครตู ดิ บตั รคําวา “ สิทธิสว นบคุ คล” แลว ถามนักเรยี นวา 1.1 เคยไดยินคําวา สิทธสิ วนบุคคล หรอื ไม อยางไร 1.2 นักเรียนคดิ วา นกั เรยี นมีสิทธิสว นบุคคลหรือไม 2. นักเรยี นดภู าพ 2 ภาพบนกระดาน แลว ใหน ักเรียน 2.1 เลอื กวา นักเรียนชอบภาพใด เพราะเหตุใด 2.2 นกั เรยี นสามารถตดั สนิ ไดหรือไมวา ภาพใดมีความสวยงามมากกวากัน 3. ครูสรุปเช่ือมโยงใหนักเรียนเห็นวา ภาพทั้ง 2 ภาพ มีความสวยงามแตกตางกันไปแลวแต ความชอบของแตละบุคคล ซึ่งนักเรียนเองก็ตองยอมรับในความเห็น หรือความชอบที่แตกตางกัน ของเพอ่ื นคนอื่นๆ 4. ใหน ักเรียนบอกกจิ กรรมทีน่ กั เรียนชอบทํามากท่สี ดุ ในวนั หยุด คนละ 1 กจิ กรรม เชน 4.1 ชอบปน จกั รยาน 4.2 ชอบไปใหอาหารปลาท่ีวดั 4.3 ชอบดโู ทรทศั น 87
คูม ือการจดั การเรยี นรูส ทิ ธิมนุษยชนศกึ ษา • ระดับประถมศึกษาตอนตน 4.4 ชอบปน ตกุ ตาดินเหนยี ว 4.5 ชอบเตะฟตุ บอลกบั เพอ่ื นๆ แลวครูอธิบายเสริมใหนักเรียนเห็นวา คนเรายอมมีความชอบที่แตกตางกัน ซ่ึงหากเรายอมรับ ผทู ่ีแตกตา งจากเราได เรากจ็ ะสามารถอยูร ว มกันในสงั คมไดอยางมีความสุข 5. นักเรียนแบงกลุมตามความเหมาะสม ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปรายตามประเด็น ท่กี ําหนดในใบกิจกรรมท่ี 5.2.1 เรอื่ ง การยอมรบั ความแตกตา งระหวา งบคุ คล โดยครูอธบิ ายขอควรปฏิบัติ เพือ่ หลกี เลี่ยงความขดั แยง ในการอยูร วมกัน ดังน้ี 5.1 ไมแ สดงกริ ยิ ารงั เกียจ หรอื ดถู กู ผอู ื่นที่คดิ เชอ่ื หรอื ปฏิบตั ไิ มเ หมอื นเรา 5.2 ยอมรับในความสามารถทแ่ี ตกตางทั้งตัวเราและผอู ่นื 5.3 ไมพูดจาหรือแสดงอาการรังเกียจผูอ่ืนในเรื่องรูปราง หนาตา สีผิว สีผมท่ีเปนส่ิงท่ีติดตัว มาแตก ําเนิด 6. นักเรียนจบั คกู ับเพื่อนสนิท และรว มกันสาํ รวจตวั เองและเพอ่ื นตามประเด็นทกี่ ําหนด ดงั น้ี 6.1 รูปรางหนา ตา 6.2 ความสามารถเฉพาะตัว 6.3 ความคดิ เหน็ ตอเรอื่ งตา ง ๆ เชน อาหารที่ชอบ กีฬาทีช่ อบ 7. ครูสุมนักเรียน 2-3 คู ออกมาสรุปผลการสํารวจ เพ่ือเปนการแลกเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติ ของนักเรยี น 8. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปถึงการยอมรับความคิด ความเช่ือและการปฏิบัติของบุคคลอื่น ที่แตกตางกันโดยปราศจากอคติ ที่เราทุกคนมีสิทธิท่ีจะตกลงใจของพวกเราเอง คิดในสิ่งท่ีเราชอบ พูดในสิ่งท่ี เราคดิ และแบงปนความคิดความเขา ใจกบั ผูอน่ื สือ่ /แหลงการเรยี นรู 1. บตั รคาํ “สิทธิสว นบคุ คล” 2. ภาพประกอบการสอน 3. ใบกิจกรรมท่ี 5.2.1 เรอ่ื ง การยอมรับความแตกตางระหวางบคุ คล 88
คูมือการจัดการเรียนรูสทิ ธิมนษุ ยชนศึกษา • ระดับประถมศกึ ษาตอนตน การวัดประเมนิ ผล 1. การมสี ว นรวมในกจิ กรรม 2. การใชเหตผุ ลในการตอบคาํ ถาม 3. การแสดงความคดิ เห็น ขอ เสนอแนะ การจัดกิจกรรมการเรียนรูเร่ืองคิดตางอยางสรางสรรค เปนการสงเสริมทักษะการคิดโดยเนน การคิดสรางสรรคไดอยางดี ซึ่งเปนทักษะการคิดในศตวรรษที่ 21 และยังเปนการฝกใหนักเรียน กลา แสดงออกทางความคิดทถ่ี ูกตองเหมาะสม โดยมีครูใหคําแนะนาํ ได อภิธานศพั ท คดิ ตางอยางสรา งสรรค หมายถึง การคิดที่ไมยึดตดิ อยเู พยี งในกรอบ หลกี เล่ยี งการมองโลกเพียง แคแงมุมเดียวคือสิ่งที่ทุกคนในสังคมควรสงเสริมและควรเคารพสิทธิของการแสดงออกที่แตกตาง ของกันและกันความตางกอใหเกิดความหลากหลายและเปนท่ีมาของความสรางสรรค ความแตกตาง อยางมีมารยาทการเคารพผูอื่น และไมดูถูกในความคิดเห็นท่ีแตกตางกัน คิดไดตามนี้ก็จะชวยสรางสรรค สังคมของเราใหน าอยขู ้ึน 89
คูมอื การจัดการเรยี นรูสิทธิมนษุ ยชนศกึ ษา • ระดับประถมศึกษาตอนตน ใบกจิ กรรมท่ี 5.2.1 เรื่อง การยอมรับความแตกตางระหวางบุคคล คาํ ชี้แจง ใหน กั เรยี นแตละกลมุ รวมกนั อภิปรายสถานการณต ามประเดน็ ท่ีกาํ หนด นักเรียนพบเพ่ือนที่มีความคิด ความเชื่อ และความสามารถที่แตกตางกันกับเรา นักเรียนจะมีวิธี ปฏิบัตติ อเพ่อื นอยา งไร แลวใหน ักเรียนบันทกึ ผลสรุป บนั ทึกผลสรปุ ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................ 90
คูมอื การจัดการเรยี นรูสิทธิมนษุ ยชนศึกษา • ระดับประถมศกึ ษาตอนตน หนวยการเรียนรทู ่ี 2 โรงเรยี นของเรา กิจกรรมท่ี 6 การเคารพสิทธิ กิจกรรมท่ี 6.1 คณุ ครขู องฉัน เวลา 1 ช่วั โมง มาตรฐานการเรยี นรู / ตัวชี้วัด ส 2.1 ป2/4 เคารพสทิ ธิ เสรีภาพของผูอ น่ื จดุ ประสงค เพ่ือใหนกั เรียน 1. เขา ใจและเหน็ ความสําคญั ของการเคารพสทิ ธิของตนเองและผูอน่ื 2. ปฏบิ ัตติ นเปนผูเ คารพในสิทธิของตนเองและสิทธขิ องผูอน่ื ขัน้ ตอนการดาํ เนินกิจกรรม 1. ครแู นะนาํ ตนเองใหน กั เรยี นรจู กั เชน ชอ่ื นามสกลุ วชิ าทสี่ อน และวธิ กี ารดแู ลนกั เรยี น เปน ตน พรอมกบั ชวนสนทนาถึงสิทธบิ ทบาทหนา ท่ขี องครู ดว ยคําถาม ดงั น้ี 1.1 ถาเลือกอาชพี ในอนาคตได นักเรียนอยากเลือกเปน ครหู รอื ไม เพราะเหตใุ ด 1.2 การเปนครูมีบทบาทหนา ทีอ่ ยางไร 1.3 ถา นักเรียนด้อื ไมเ ชอ่ื ฟง ครมู ีสทิ ธทิ ่จี ะลงโทษนกั เรยี น หรือดุนกั เรยี นหรือไม 2. นักเรียนดภู าพประกอบการเรียน จากนัน้ รวมกันตอบคําถามกระตนุ ความคิด 2.1 นักเรียนคิดวาเด็กคนทถ่ี ูกลงโทษมคี วามสขุ หรอื ไม 2.2 เด็กนักเรียนผมยาว ครูมสี ิทธิทจี่ ะลงโทษไดหรือไม เพราะเหตใุ ด 2.3 ถานกั เรียนไมอยากถูกลงโทษแบบนี้ นกั เรียนจะมีแนวทางการแกปญ หาอยา งไร 3. นกั เรยี นรว มกนั สรปุ แนวทางการแกป ญ หาตามแนวความคดิ ของนกั เรยี น โดยครใู หน กั เรยี นอา น ใบความรูท่ี 5.1 เร่ืองระเบียบกระทรวงศึกษาธิการวาดวยการลงโทษนักเรียน พ.ศ. 2548 และระเบียบ ขอตกลงของโรงเรยี น 4. นกั เรยี นรับกระดาษแผน เลก็ จํานวน 3 แผน โดยกระดาษแตล ะแผนมสี ีไมเหมือนกัน 5. นกั เรยี นรวมกนั วเิ คราะหต ามประเด็นท่กี ําหนด 5.1 “นกั เรยี นมีสทิ ธิอะไรบางในโรงเรยี น” ใหน กั เรยี นเขียนตอบ ในกระดาษ แผนท่ี 1 แลว นาํ ไปใสก ลอ งท่ีครจู ดั เตรียมไว 91
คมู อื การจัดการเรยี นรสู ิทธมิ นุษยชนศึกษา • ระดบั ประถมศกึ ษาตอนตน 5.2 “ถา โตขนึ้ นกั เรยี นไดเ ปน ครใู นโรงเรยี น จะสอนเดก็ อยา งไร” ใหเ ขยี นตอบ ในกระดาษแผน ท่ี 2 แลว นําไปใสกลอ งทคี่ รจู ดั เตรยี มไว 5.3 “นักเรยี นไมชอบใหค รูสอนนกั เรียนแบบไหน” ใหเขียนตอบ ในกระดาษแผนที่ 3 แลวนาํ ไปใสกลอ งท่ีครูจัดเตรยี มไว 6. ครเู ลอื กกระดาษขอ ความภายในกลองและอานขอความในกระดาษใหน ักเรยี นฟง 7. ครแู ละนักเรยี นรว มกันสรุปอภปิ รายในหวั ขอ “คุณครูของฉัน” เพื่อสรปุ แนวคิดสําคัญจากการ ทาํ กิจกรรมน้ี เปนการแสดงถงึ การเคารพสทิ ธิของตนเองและผูอนื่ ท่ีอยรู วมกันในสงั คม สื่อ/แหลง การเรียนรู 1. ภาพการลงโทษนกั เรียน 2. ใบความรูท่ี 5.1 เร่ืองระเบยี บกระทรวงศึกษาธกิ ารวาดวยการลงโทษนกั เรยี น พ.ศ. 2548 การวัดประเมนิ ผล 1. การมีสวนรว มในกจิ กรรม 2. การใชเหตุผลในการตอบคําถาม 3. การแสดงความคิดเหน็ ขอเสนอแนะ 1. ครคู วรใชภ าษาทเ่ี ขา ใจไดง า ย เกยี่ วกบั ความหมายของคาํ วา การเคารพสทิ ธแิ ละควรยกตวั อยา ง กํากับ เพื่อใหนักเรียนนําความคิดรวบยอดไปใชในประกอบการวิเคราะหแสดงความคิดเห็นในการ ทาํ กจิ กรรม 2. ครูสามารถปรับเปลี่ยนกิจกรรมหรือวิธีการไดตามบริบทและความเหมาะสม เพ่ือใหนักเรียน ไดรับความรู และความเขา ใจตรงตามจุดประสงค 3. ครูควรนาํ ความคิดเหน็ ของนักเรียนมาประยกุ ตใช หรอื ปรบั ใชในการจดั การเรียนรู เพราะการ แสดงความคิดเห็นของนักเรียน นอกจากจะเปนการสงเสริมปฏิญญาสากลวาดวยสิทธิมนุษยชนขอที่ 19 คือ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและขอมูลขาวสาร ยังเปนผลสะทอนถึงครูวานักเรียนมองครูอยางไร และนกั เรียนตองปฏิบตั ิอยางไรเพ่อื เปนการเคารพสทิ ธิของกนั และกนั อภิธานศพั ท - 92
คมู อื การจัดการเรียนรูส ิทธิมนุษยชนศึกษา • ระดบั ประถมศึกษาตอนตน ภาพประกอบการเรียน 93
คมู อื การจัดการเรียนรสู ทิ ธิมนุษยชนศกึ ษา • ระดบั ประถมศกึ ษาตอนตน ใบความรูที่ 5.1 เรือ่ ง ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธิการวาดว ยการลงโทษนักเรียน พ.ศ. 2548 ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธกิ ารวา ดว ยการลงโทษนักเรยี น พ.ศ. 2548 ซ่งึ อาศัยอาํ นาจตามมาตรา 6 และมาตรา 65 แหงพระราชบญั ญัติคมุ ครองเด็ก พ.ศ. 2546 ท่หี า มลงโทษดวยวธิ กี ารรุนแรงตอ รางกายและ จติ ใจตัวอยา งเชน ตีดวยไมเ รียว ตามขา นอง กน ตบหนา ตบหัว เอาสนั ไมบรรทดั ตหี ัว หยกิ ฯลฯ 94
คูมอื การจัดการเรียนรูสทิ ธมิ นุษยชนศึกษา • ระดบั ประถมศกึ ษาตอนตน หนวยการเรียนรูที่ 2 โรงเรียนของเรา กิจกรรมท่ี 6 การเคารพสทิ ธิ กจิ กรรมท่ี 6.2 สิทธฉิ ัน สิทธิเธอ เวลา 1 ช่ัวโมง มาตรฐานการเรยี นรู / ตัวช้ีวดั ส 2.1 ป2/4 เคารพสทิ ธิ เสรภี าพของผูอ่ืน จุดประสงค เพื่อใหนักเรียน 1. เขา ใจและเหน็ ความสาํ คัญของการเคารพสทิ ธขิ องตนเองและผูอน่ื 2. ปฏบิ ัตติ นเปน ผเู คารพในสิทธิของตนเองและสทิ ธิของผูอืน่ ข้นั ตอนการดําเนนิ กิจกรรม 1. ครใู หนักเรียนแสดงบทบาทสมมตโิ ดยซักซอมกบั นกั เรยี นจาํ นวน 3 คนตามสถานการณจ ําลอง 1.1 นกั เรียนคนที่ 1 และคนท่ี 2 ยืนเขา แถวสง งานครู 1.2 นักเรยี นคนท่ี 3 ลุกจากท่ีนัง่ แลว เดนิ มายืนเหนา คนท่ี 1 เพื่อสง งานครู 1.3 นกั เรยี นคนที่ 2 แสดงความไมพอใจที่ถกู เพ่ือนเดินเขามาแซงควิ 2. ครูใหน ักเรยี นทถ่ี กู เพ่ือนแซงควิ และนักเรียนทเ่ี ดนิ ไปแซงควิ บอกความรูส ึก 3. ครอู ธบิ ายสรปุ เชอ่ื มโยงถึงการเคารพสทิ ธิของตนเองและผอู นื่ 4. นกั เรยี นเรยี นรเู รอื่ ง การเคารพสทิ ธขิ องตนเองและผอู น่ื ผา นการเลน เกม “บงิ โก” ในใบกจิ กรรม ท่ี 6.2.1 เรอ่ื ง กติกาการเลน เกม “บงิ โก” 5. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปถึงสิทธิท่ีเราทุกคนเกิดมาอยางอิสระ เราทุกคนมีความคิด และมีความเขาใจเปนของเราเอง เราทุกคนควรไดรับการปฏิบัติในทางเดียวกัน การเคารพสิทธิของตนเอง และผูอืน่ จึงเปนการปฏบิ ัติตามหลักสิทธิมนษุ ยชน ส่ือ/แหลง การเรียนรู 1. ใบกิจกรรมท่ี 6.2.1 เรอ่ื ง กตกิ าการเลนเกม “บิงโก” 2. ตารางบิงโก สิทธฉิ ัน สทิ ธิเธอ 3. ภาพประกอบการเลน บงิ โก สทิ ธิฉัน สิทธเิ ธอ 95
คมู อื การจัดการเรยี นรูส ิทธิมนษุ ยชนศกึ ษา • ระดบั ประถมศกึ ษาตอนตน การวัดประเมนิ ผล 1. การมสี ว นรว มในกิจกรรม 2. การใชเ หตุผลในการตอบคาํ ถาม 3. การแสดงความคิดเห็น ขอเสนอแนะ ครูควรเสริมความรูเรื่องการเคารพสิทธิของตนเองและผูอื่น เพื่อใหนักเรียนเขาใจวา ทุกคนมี สทิ ธิมนษุ ยชน เมือ่ มีสทิ ธิ กต็ องมหี นาท่ี คอื หนาท่ีทจี่ ะไมไ ปละมดิ สทิ ธผิ อู น่ื ไมไปรังแก ดถู กู หรือทํารา ยผอู ่ืน ตอ งใหเกยี รติ มีน้ําใจตอ กัน รจู กั ชวยเหลอื แบงปนกัน กจ็ ะทําใหเ ราอยรู วมกนั อยางมีความสุข 96
คูม อื การจดั การเรียนรสู ิทธิมนุษยชนศกึ ษา • ระดบั ประถมศึกษาตอนตน ใบกจิ กรรมท่ี 6.2.1 กตกิ าการเลนเกม “บงิ โก” เรอื่ ง สทิ ธิฉนั สิทธเิ ธอ กตกิ าการเลนเกม “บงิ โก” 1. ครูตดิ ตารางบตั รคํา เร่อื ง การเคารพสิทธขิ องตนเองและผูอ่ืน บนกระดาน 2. นักเรียนแบงกลุมตามความเหมาะสม ใหแตละกลุมรับตารางคําบิงโก กลุมละ 1 แผน (แตล ะกลมุ จะไดต ารางภาพบงิ โกไมเหมือนกัน) 3. ใหแตละกลมุ จับสลากหรอื ตกลงกันวา กลมุ ใดจะเปนกลมุ ท่ีเลน เกมเปน อนั ดบั 1 2 และ 3 ตามลาํ ดบั 4. ใหนักเรียนกลุมที่ 1 เลือกคําบนกระดานพรอมบอกวาเกี่ยวกับการเคารพสิทธิของตนเอง และผอู น่ื อยางไร 5. ครูอธิบายเพ่ิมเติมและเฉลยคําตอบ พรอมกับใหกลุมท่ีตอบไดถูกตองไดคะแนนในชองที่ ตรงกับภาพในตางรางบิงโกของกลุม 6. นักเรียนกลุมถัดไปเลือกบัตรคําพรอมกับบอกวาเก่ียวกับการเคารพสิทธิของตนเองและผู อ่นื อยางไร ตามลาํ ดับ 7. นกั เรยี นกลมุ ทสี่ ามารถทาํ คะแนนโดยเรยี งบตั รคาํ ในตารางภาพบงิ โก ทงั้ แนวตง้ั แนวนอน และแนวทแยงไดค รบ 4 บัตรคาํ ใหส มาชิกในกลมุ นน้ั พดู พรอมกนั วา “บิงโก” แสดงถงึ การเปนกลมุ ทช่ี นะการแขงขนั 97
คมู อื การจดั การเรียนรูสิทธิมนษุ ยชนศกึ ษา • ระดับประถมศกึ ษาตอนตน เดก็ หยิบของเลน ตารางบตั รเกม “บิงโก” สิทธฉิ นั สิทธเิ ธอ เดก็ ถกู บังคบั ใหอ าน โดยไมขออนุญาต นายจางใชแ รงงานเดก็ ครูใชไ มเรียวอนั ใหญ หนังสอื สอบเขา ป.1 ตนี ักเรยี นท่ยี ืนกอดอก เดก็ พกิ ารเรียนรว มกับ เดก็ ถกู กักขงั อยใู นบา น เด็กไมไดเ รียนหนงั สอื เด็กถูกแซงควิ ซ้อื อาหาร เด็กปกติ ยืนเกาะรวั้ โรงเรยี น ในโรงอาหาร เด็กรา งกายซูบผอม เดก็ เลนอยา งสนกุ สนาน เดก็ ฉีดวัคซนี ปอ งกนั โรค เด็กเรียนหนงั สอื ใน เพราะขาดอาหาร ทส่ี วนสาธารณะ โรงเรียน เด็กอยใู นครอบครัวที่ เด็กถกู บงั คับใหเ ดนิ ขาย เด็กกําลังหดั รองเพลง เดก็ ชวยปลูกตน ไม อบอนุ พวงมาลยั ทส่ี แี่ ยก ฝก ซอ มกีฬา ใหช มุ ชน หมายเหตุ นกั เรยี นแตล ะกลมุ จะไดบ ัตรคาํ ประกอบการเลนเกมบิงโก ท่มี ภี าพในแตละชอ งสลับกนั 98
คูมือการจดั การเรยี นรสู ทิ ธมิ นษุ ยชนศึกษา • ระดับประถมศึกษาตอนตน หนว ยการเรียนรทู ่ี 2 โรงเรยี นของเรา กจิ กรรมท่ี 6 การเคารพสิทธิ กจิ กรรมที่ 6.3 ยืนใหป ลอดภัย เวลา 1 ชั่วโมง มาตรฐานการเรียนรู / ตัวชี้วดั ส 2.1 ป2/4 เคารพสิทธิ เสรภี าพของผอู นื่ จดุ ประสงค เพื่อใหนักเรยี น 1. เขาใจและเห็นความสาํ คญั ของการเคารพสิทธิของตนเองและผอู น่ื 2. ปฏิบัติตนเปนผูเ คารพในสิทธิของตนเองและสิทธขิ องผอู น่ื ข้นั ตอนการดาํ เนินกจิ กรรม 1. ครูใหนักเรียนเลนเกม “ยืนใหปลอดภัย โดยนักเรียนแบงกลุมเปน 4 กลุมตามความสมัครใจ ใหนักเรียนแตละกลุมมีสมาชิกจํานวนเทากัน (ถามีสมาชิกคนใดเขากลุมไมไดใหจัดสมาชิกคนน้ัน เปนกรรมการกลาง) 2. นกั เรียนแตละกลุมศึกษาใบกิจกรรมท่ี 6.3.1 เร่อื งกติกาการเลนเกมยืนใหปลอดภยั 3. นักเรยี นทุกกลมุ รวมเลน เกมยนื ใหปลอดภัย 4. นักเรยี นแตละกลมุ รวมตอบคําถามตามประเด็นตอไปนี้ 4.1 การยนื บนกระดาษในรอบที่ 1 2 และ 3 นกั เรียนรสู กึ อยางไร 4.2 กลมุ ทีไ่ มส ามารถยนื ใหปลอดภัยบนกระดาษที่พบั คร่งึ หน่ึงทุกรอบ เปนเพราะอะไร 4.3 กลุมท่ีสามารถยืนใหปลอดภัยบนกระดาษท่ีพับคร่ึงหนึ่งไดครบทุกคนจนเปนกลุมผูชนะ รสู กึ อยา งไร 4.4 นักเรียนคิดวา เพื่อนที่มีความเสียสละใหกลุมสามารถทํากิจกรรมไดสําเร็จคือใคร และ คน ๆ นัน้ รูส ึกอยางไร 4.5 นกั เรยี นรสู กึ อดึ อดั หรอื ไม ขณะทที่ กุ คนตอ งยนื ใหป ลอดภยั บนกระดาษทมี่ พี น้ื ทเี่ หลอื นอ ย ลงทกุ ที 4.6 นักเรียนไดขอ คิดอยางไรกบั การรวมกจิ กรรมน้ี 99
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162