Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่มที่ 1 เซลล์

เล่มที่ 1 เซลล์

Published by pid_33, 2022-08-24 06:27:47

Description: เล่มที่ 1 เซลล์

Search

Read the Text Version

48 เฉลยชุดการเรียนรทู้ ่ี 1 เซลล์ เซลล์

49 เฉลย แบบทดสอบกอ่ นเรียน เรื่อง เซลล์ของสง่ิ มีชวี ิตและการดารงชวี ติ ของพชื ชุดท่ี 1 เซลล์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 1. ง 2. ง 3. ค 4. ค 5. ค 6. ข 7. ก 8. ง 9. ง 10. ก เซลล์

50 แนวคาตอบ กิจกรรมที่ 1 เร่อื ง ลักษณะของเซลล์ คาถามก่อนทากิจกรรม 1. ปญั หาของการทากจิ กรรมนค้ี อื อะไร เซลล์แตล่ ะชนดิ มรี ปู ร่าง ลักษณะเหมือนหรือแตกตา่ งกันอยา่ งไร 2. สมมติฐาน เซลล์แต่ละชนิดจะมีรูปร่าง ลักษณะท่ีแตกต่างกนั ตามหน้าที่ของเซลล์ 3. เซลลช์ นดิ ใดมองเหน็ ได้ด้วยตาเปลา่ เซลล์ไขไ่ ก่ บนั ทึกผลกิจกรรม 1. เกณฑ์ในการจาแนกประเภทของเซลล์ มนี วิ เคลียสหรอื ไม่มีนวิ เคลียส , รูปร่าง 2. แผนผงั การจาแนกประเภทของเซลล์ พิจารณาตามคาตอบจากขอ้ 1 คาถามหลังทากิจกรรม 1. เซลล์ทีน่ กั เรยี นสงั เกตมลี กั ษณะและรปู ร่างตา่ งกันหรอื ไม่ อยา่ งไร มรี ูปร่างตา่ งกนั บางชนิดกลม บางชนิดเหล่ียม บางชนิดรปู ทรงไมแ่ นน่ อน บางเซลล์มขี นาดใหญ่ สามารถมองเหน็ ดว้ ยตาเปลา่ บางเซลล์มขี นาดเล็กจนตาเปล่ามองไมเ่ ห็น บางเซลล์สามารถเคล่ือนท่ไี ด้ 2. เซลลท์ ี่ศกึ ษาเปน็ เซลลเ์ หมือนกนั แต่ทาไมเซลล์เหล่านั้นจงึ มลี กั ษณะรปู ร่างต่างกนั เซลล์มรี ปู ร่างลกั ษณะแตกต่างกันตามหนา้ ที่ และประโยชน์ในการดารงชวี ติ สรุปผลกิจกรรม เซลลแ์ ต่ละชนดิ มขี นาดแตกต่างกันออกไปตง้ั แตข่ นาดเล็กจนตาเปล่ามองไมเ่ ห็น เช่น เซลลอ์ สุจิ และขนาดใหญจ่ นสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เชน่ เซลลไ์ ขไ่ ก่ เซลลแ์ ต่ละชนดิ มีรปู รา่ งแตกตา่ งกนั ตามหนา้ ที่ และประโยชนใ์ นการดารงชวี ิต เซลล์

51 แนวคาตอบ กิจกรรมที่ 2 เร่อื ง เซลล์พชื และเซลลส์ ตั ว์ คาถามก่อนทากจิ กรรม 1. ปัญหาของการทากจิ กรรมนีค้ ืออะไร เซลลพ์ ชื และเซลล์สัตวม์ สี ว่ นประกอบเหมอื นหรอื แตกตา่ งกันหรอื ไม่ 2. สมมติฐาน เซลลพ์ ืชและเซลลส์ ัตว์มีทั้งส่วนประกอบท่เี หมือนกันและแตกตา่ งกนั บนั ทกึ ผลกจิ กรรม เซลล์ทน่ี ามาศึกษา ภาพของเซลล์ สว่ นประกอบ เซลล์เยอ่ื หอม มีนิวเคลยี ส ไม่พบคลอโรพลาสต์ เซลลเ์ ย่อื บุข้างแก้ม มีนิวเคลยี ส ไมพ่ บคลอโรพลาสต์ เซลลส์ าหรา่ ยหางกระรอก มีคลอโรพลาสต์ มีนิวเคลยี ส เซลล์

52 คาถามหลงั ทากิจกรรม 1. จากการสังเกตเซลล์ดว้ ยกล้องจุลทรรศน์ ใหน้ กั เรียนเปรยี บเทยี บเซลล์ของพชื และสัตว์ ดังนี้ ส่วนประกอบ เซลล์พชื เซลลส์ ัตว์ 1 รปู รา่ ง 2 ผนงั เซลล์ O/ สีเ่ หล่ยี ม O กลมรี O ส่ีเหลย่ี ม O/ กลมรี 3 เยอ่ื หมุ้ เซลล์ O/ มี O ไมม่ ี O มี O/ ไม่มี 4 ไซโทพลาซมึ O/ มี O ไมม่ ี O/ มี O ไม่มี 5 คลอโรพลาสต์ O/ มี O ไมม่ ี O/ มี O ไม่มี 6 นวิ เคลยี ส O/ มี O ไม่มี O มี O/ ไม่มี O/ มี O ไมม่ ี O/ มี O ไมม่ ี 2. เซลล์เยอื่ บขุ ้างแก้มเซลลเ์ ยอื่ หอมและเซลล์สาหร่ายหางกระรอก มรี ูปรา่ ง ลักษณะ ส่วนประกอบ ท่ีเหมือนหรือแตกตา่ งกนั อย่างไร เซลล์เยอื่ หอมและเซลล์สาหร่ายหางกระรอก มีรปู รา่ งคอ่ นข้างเหลี่ยม พบผนังเซลล์ ไซโทพลาซึม นิวเคลยี ส และคลอโรพลาสต์ ส่วนเซลล์เยื่อบขุ ้างแก้ม มรี ปู ร่างคอ่ นขา้ งกลม พบเยือ่ หมุ้ เซลล์ ไซโทพลาซมึ และนวิ เคลียส ไม่พบผนังเซลล์ และคลอโรพลาสต์ 3. รูปร่าง ลักษณะ ส่วนประกอบของเซลลพ์ ืชคล้ายคลงึ กนั หรอื ไม่ อยา่ งไร เซลล์พชื คอื เซลลส์ าหร่ายหางกระรอกและเซลล์เยอื่ หอม มรี ปู ร่างลักษณะเปน็ สเ่ี หล่ยี มเหมอื นกัน มีส่วนประกอบเหมอื นกนั คอื ผนงั เซลล์ เยือ่ หุ้มเซลล์ ไซโทพลาซมึ นิวเคลียส สว่ นคลอโรพลาสต์ พบในเซลล์สาหรา่ ยหางกระรอก แต่เซลลเ์ ยอื่ หอมไม่พบ 4. โครงสรา้ งพ้ืนฐานของเซลล์พชื และเซลล์สัตวม์ ีอะไรบ้างท่ีเหมือนกัน โครงสรา้ งพ้นื ฐานของเซลลท์ ี่เหมือนกนั คอื เย่ือห้มุ เซลล์ ไซโทพลาซมึ และนิวเคลยี ส สรุปผลกจิ กรรม เซลลเ์ ยอ่ื บุข้างแก้มมรี ปู ร่างกลมรี ส่วนเซลล์เย่อื หอม และเซลล์สาหรา่ ยหางกระรอก มรี ปู รา่ ง เป็นสีเ่ หลีย่ ม เซลล์ทั้งสามชนดิ มองเหน็ เย่ือหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม และนิวเคลียส เซลล์สาหรา่ ย หางกระรอก และเซลล์เยอ่ื หอมมผี นังเซลล์ เซลล์สาหรา่ ยหางกระรอกเหน็ รุงควตั ถุสเี ขียวอยูใ่ นเซลล์ เซลล์

53 แนวคาตอบ กิจกรรมที่ 3 เรอื่ ง สงิ่ มชี ีวิตเซลล์เดียวและสงิ่ มชี วี ติ หลายเซลล์ คาถามกอ่ นทากจิ กรรม 1. ปัญหาของการทากิจกรรมน้คี อื อะไร สง่ิ มีชวี ติ เซลล์เดยี วเหมอื นหรอื ต่างจากสิ่งมีชวี ติ หลายเซลลห์ รือไม่ อย่างไร 2. สมมตฐิ าน สิง่ มีชีวิตเซลลเ์ ดียวตา่ งจากสิ่งมีชีวติ หลายเซลล์ คอื จานวนเซลล์ บนั ทกึ ผลกิจกรรม ท่ี ชือ่ ส่งิ มชี ีวิต รปู ภาพ 1 พารามีเซยี ม 2 ไฮดรา 3 พลานาเรยี 4 อะมีบา เซลล์

54 คาถามหลงั ทากจิ กรรม 1. จากการศึกษาเซลล์ด้วยกลอ้ งจลุ ทรรศน์ เซลล์ของสิ่งมชี วี ติ แต่ละชนดิ เหมอื นหรือ ต่างกนั อยา่ งไร เซลล์ของสง่ิ มชี วี ิตแต่ละชนดิ มีรูปร่างไม่เหมือนกัน เซลลพ์ ารามีเซยี มและอะมีบา มเี ซลลเ์ ดียว สว่ นไฮดราและพลานาเรยี มหี ลายเซลล์ 2. สิ่งมีชวี ติ เซลลเ์ ดยี วต่างจากสง่ิ มีชวี ิตหลายเซลล์อยา่ งไร ตา่ งกันที่จานวนเซลล์ 3. สิง่ มีชวี ิตเซลลเ์ ดยี วมีลักษณะอย่างไร สง่ิ มชี วี ติ เซลล์เดยี ว คือ สิ่งมชี ีวิตท่ีประกอบดว้ ยเซลลเ์ พยี ง 1 เซลล์ แต่สามารถดารงชวี ติ เช่น กินอาหาร ขับถ่าย เคลอื่ นที่ เปน็ ต้น ได้ดว้ ยเซลลเ์ พียงเซลล์เดยี ว 4. ส่งิ มีชวี ิตหลายเซลลม์ ีลักษณะอย่างไร สง่ิ มีชีวติ หลายเซลล์ คอื ส่งิ มชี ีวิตท่ีประกอบด้วยเซลลม์ ากกว่า 1 เซลล์ เซลล์จะมีรูปร่าง และหน้าที่แตกต่างกัน แตม่ กี ารทางานประสานกนั ของเซลล์ท้ังหมดทปี่ ระกอบกันเป็นรปู ร่าง ทาให้ส่ิงมีชวี ติ นนั้ ๆ สามารถดารงชวี ติ อยู่ได้ สรปุ ผลกจิ กรรม เซลล์ของส่ิงมีชีวติ แต่ละชนิด มีรูปรา่ งไม่เหมอื นกัน พารามเี ซยี มและอะมีบา เป็นสิง่ มีชีวติ เซลล์เดียว ส่วนไฮดราและพลานาเรยี เป็นสง่ิ มชี ีวิตหลายเซลล์ ส่งิ มีชีวิตเซลล์เดียวต่างจากสิง่ มชี วี ติ หลายเซลล์ ที่จานวนเซลล์ สิ่งมีชีวติ เซลล์เดียว คือ สง่ิ มชี ีวติ ทปี่ ระกอบดว้ ยเซลล์เพยี ง 1 เซลล์ แตส่ ามารถดารงชวี ติ เช่น กินอาหาร ขับถ่าย เคล่อื นที่ เปน็ ต้น ได้ดว้ ยเซลลเ์ พียงเซลล์เดยี ว สง่ิ มชี ีวิตหลายเซลล์ คือ สง่ิ มชี วี ติ ท่ีประกอบดว้ ยเซลลม์ ากกว่า 1 เซลล์ เซลล์จะมีรูปร่าง และหนา้ ท่ีแตกต่างกัน แตม่ กี ารทางานประสานกันของเซลล์ทง้ั หมดที่ประกอบกันเป็นรปู ร่าง ทาให้สงิ่ มีชีวิตน้นั ๆ สามารถดารงชวี ติ อยู่ได้ เซลล์

55 แนวคาตอบ กจิ กรรมที่ 4 เรอื่ ง สว่ นประกอบและหน้าท่ขี องสว่ นประกอบของเซลล์ คาถามกอ่ นทากิจกรรม 1. ปญั หาของการทากจิ กรรมนคี้ อื อะไร เซลลพ์ ชื และเซลล์สัตว์มีสว่ นประกอบอะไรบ้าง และสว่ นประกอบแต่ละสว่ นทาหนา้ ที่อย่างไร 2. สมมตฐิ าน เซลลพ์ ชื และเซลล์สัตว์ มสี ่วนประกอบท่ีสาคญั คอื เย่ือหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซมึ และ นิวเคลยี ส บันทึกผลกจิ กรรม 1. สว่ นประกอบของเซลล์พชื และเซลลส์ ัตว์ 1. เยื่อห้มุ เซลล์ 2. นวิ เคลียส 3. กอลจิบอดี 4. ไมโทคอนเดรีย 5. ผนังเซลล์ 2. หนา้ ท่ขี องส่วนประกอบของเซลล์ เยือ่ หมุ้ เซลล์ เปน็ เยื่อบางๆลอ้ มรอบไซโทโทพลาซมึ พบในเซลล์ทกุ ชนิด มคี ณุ สมบัติยอมให้ สารบางชนดิ ผ่านเข้าออก นิวเคลยี ส มีเยือ่ ห้มุ 2 ช้นั ทาหนา้ ที่ควบคุมการทางานต่างของเซลล์ ภายในบรรจุ สาร พันธกุ รรมไว้ ภายในนวิ เคลยี สจะมีดีเอน็ เอ(DNA) กับโปรตนี หลายชนิดทเ่ี กาะตวั อยกู่ บั ดีเอน็ เอ โดย ในดเี อน็ เอก็จะมียนี (Gene)ต่างๆ โดยขดตัวกนั เป็นโครโมโซม กอลจบิ อดี เป็นกลมุ่ ถุงลมแบนขนาดใหญ่ บรเิ วณตรงขอบโปง่ พองใหญ่ข้นึ ทาหนา้ ท่ี เกบ็ สะสมสารที่เซลล์สรา้ งขึ้น กอ่ นที่จะปล่อยออกนอกเซลล์ ซึ่งสารส่วนใหญเ่ ปน็ สารโปรตนี เซลล์

56 ไมโทคอนเดรยี มรี ปู รา่ งลักษณะกลม ท่อนสั้น ท่อนยาว หรอื กลมรคี ล้ายรูปไข่ เป็นแหลง่ สร้างพลงั งานใหแ้ ก่เซลล์ โดยกระบวนการหายใจระดับเซลล์ ผนงั เซลล์ เป็นสว่ นทอ่ี ยู่รอบนอกของเซลล์ ประกอบด้วยสาร เซลลโู ลส ลิกนนิ เพกทิน โปรตนี ผนังเซลลจ์ งึ มคี วามแข็งแรงมาก ส่วนเซลล์สัตว์ไมม่ ผี นังเซลล์ มหี นา้ ท่ีปอ้ งกัน และให้ความ แขง็ แรงแก่เซลล์ ทาใหเ้ ซลล์คงรปู อยูไ่ ด้ คาถามหลงั ทากจิ กรรม นาตัวอกั ษรหน้าขอ้ ความด้านขวา มาใสท่ ี่ชอ่ งว่างหน้าข้อความทางด้านซา้ ย ท่มี ีความสมั พันธก์ ัน ...ค...1.1 กอลจบิ อดี ก. ป้องกันและให้ความแขง็ แรงแกเ่ ซลล์ทาใหเ้ ซลลค์ งรูปอยูไ่ ด้ ...ก...1.2 ผนังเซลล์ ข. เปน็ เยื่อเลือกผ่าน ควบคุมการลาเลียงของสารผ่านเข้าออกเซลล์ ..ญ....1.3 คลอโรพลาสต์ ค. สร้างอะโครโซมทส่ี ่วนหวั ของสเปริ ม์ ทาหนา้ ท่เี จาะไขเ่ มอ่ื เกดิ ...ช...1.4 ไมโทคอนเดรยี ...จ...1.5 เอนโดพลาซึม การปฏสิ นธิ ...ข...1.6 เยอ่ื หุ้มเซลล์ ง. สะสมน้า ของเหลวหรืออาหาร และทาหนา้ ที่ขับถา่ ยของเหลว ...ฎ...1.7 นิวเคลยี ส ...ง...1.8 แวคิวโอล ออกจากเซลล์ จ. ควบคมุ การลาเลยี งสารระหว่างนิวเคลยี สกบั ไซโทพลาสซมึ ช. แหล่งสรา้ งพลงั งานให้แกเ่ ซลล์ ญ. แหลง่ เกบ็ สะสมโปรตีน หรือเก็บสะสมแป้ง ไม่มใี นเซลลส์ ัตว์ ฎ. เป็นศูนย์กลางควบคุมการทางานของเซลล์ สรุปผลกจิ กรรม เซลลท์ กุ ชนดิ จะประกอบดว้ ยโครงสรา้ งหรอื ส่วนประกอบท่ีทาให้เซลล์ 1 เซลล์สามารถ ดารงชีวิตอยูไ่ ด้ เซลลจ์ ะประกอบโครงสรา้ งพนื้ ฐาน คือ ผนังเซลล์ ซง่ึ พบเฉพาะในเซลลพ์ ชื เย่ือหุม้ เซลล์ ไซโทพลาซมึ ซึง่ เป็นทอ่ี ยขู่ องอวัยวะขอเซลล์ แวควิ โอ และนวิ เคลียส เซลล์

57 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง เซลลข์ องส่งิ มชี ีวิตและการดารงชวี ติ ของพชื ชุดท่ี 1 เซลล์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 1. ก 2. ค 3. ง 4. ง 5. ง 6. ค 7. ข 8. ก 9. ค 10. ง เซลล์

บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2551). ตัวชวี้ ัดและสาระการเรยี นรแู้ กนกลางกล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์. กรงเทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. ถนดั ศรีบญุ เรือง และคณะ. (ม.ป.พ.). ส่อื การเรยี นรู้ รายวิชาพ้ืนฐานกลุ่มสระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ชดุ สมั ฤทธ์ิมาตรฐาน หลกั สตู รแกนกลางฯ วทิ ยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1. กรุงเทพฯ : อกั ษรเจริญทศั น์ อจท.จากัด. ยุพา วรยศ และคณะ. (ม.ป.พ.). หนังสือเรียนรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พ.ศ.2551 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 เลม่ 1. กรงุ เทพฯ : อกั ษรเจริญทัศน์ อจท.จากัด. ________. (2554). หนงั สอื เรยี นรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1 เลม่ 1. กรุงเทพฯ : อกั ษรเจริญทศั น์ อจท.จากัด. สถาบนั พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ. (2554). หนังสอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1. กรุงเทพฯ: บริษทั พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ. ________. (2556). หนงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1. กรุงเทพฯ : บริษทั พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ. ________. (2556). ชุดกิจกรรมพัฒนาการคดิ เสรมิ สร้างสมรรถนะสาคัญ และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผเู้ รยี น วิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 เลม่ 1. กรุงเทพฯ : บรษิ ัทพฒั นาคุณภาพวิชาการ. สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี หนังสอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ 1 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 เล่ม 1. กรุงเทพฯ : คุรุสภาลาดพรา้ ว. ________. (2553). ค่มู ือครูรายวชิ าชวี วิทยาเพม่ิ เตมิ เลม่ 1. กรงุ เทพฯ: สกสค. http://www.kontrolrider.com. ไมโทคอนเดรีย คืออะไร (ออนไลน)์ . เขา้ ถึงเมื่อวนั ทสี่ ืบคน้ ขอ้ มูล 9 สงิ หาคม 2556. เซลล์

ประวตั ิผจู้ ัดทา ชอื่ นางสาวกติ ติมา สนั ตะกิจ วัน เดือน ปเี กิด 5 เมษายน 2519 การศกึ ษา พ.ศ. 2557 ศึกษาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขา การบริหารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั กรงุ เทพธนบรุ ี การทางาน พ.ศ. 2540 ครุศาสตรบณั ฑิต วิชาเอก วิทยาศาสตร์ทั่วไป มหาวทิ ยาลัยราชภัฎเพชรบุรี ครู วทิ ยฐานะ ครูชานาญการพเิ ศษ โรงเรยี นเทศบาล 4 บา้ นบอ่ แขม (เรอื นพริ้งอาสาสงเคราะห์) เทศบาลเมืองชะอา จังหวัดเพชรบรุ ี เซลล์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook