Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่มที่ 4 การสืบพันธุ์และการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช

เล่มที่ 4 การสืบพันธุ์และการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช

Published by pid_33, 2022-08-26 04:05:42

Description: เล่มที่ 4 การสืบพันธุ์และการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช

Search

Read the Text Version

ชดุ การเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้ปญั หาเป็นฐาน เรือ่ ง เซลลข์ องสิง่ มีชวี ิตและการดารงชีวติ ของพชื กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 กติ ติมา สนั ตะกิจ โรงเรยี นเทศบาล 4 บา้ นบอ่ แขม (เรือนพรง้ิ อาสาสงเคราะห)์ เทศบาลเมอื งชะอา จงั หวดั เพชรบุรี

คานา ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่องเซลล์ของส่ิงมีชีวิตและการดารงชีวิต ของพืช กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 จัดทาขน้ึ เพ่อื พัฒนาการการเรียนรู้ ทางด้านวทิ ยาศาสตรข์ องผเู้ รยี น ซง่ึ ผูเ้ รียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง เสริมสร้างศักยภาพให้ผู้เรียน ได้เรียนรู้ตามความสามารถ โดยเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ และความแตกต่างระหว่างบุคคล ซึ่งสอดคลอ้ งกบั หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิตและการดารงชีวิต ของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 มีท้ังหมด 5 ชุด ประกอบดว้ ย ชดุ ที่ 1 เซลล์ ชดุ ท่ี 2 กระบวนการลาเลียงสารของพชื ชุดท่ี 3 กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ชดุ ท่ี 4 การสบื พนั ธุแ์ ละการตอบสนองของพชื ตอ่ สิ่งเร้า ชดุ ท่ี 5 พชื กับเทคโนโลยีชวี ภาพ ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่า ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ือง เซลล์ ของส่ิงมีชีวิตและการดารงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 จะทาให้นักเรียนได้รับความรู้และประสบการณ์การเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ มากข้ึน และสามารถนาความรู้ท่ีได้รับไปพัฒนาคุณภาพการเรียนวิทยาศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพ ยง่ิ ขึน้ นางสาวกติ ตมิ า สันตะกิจ ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ การสบื พนั ธ์ุและการตอบสนองของพืชตอ่ สงิ่ เรา้

สารบญั คานา หนา้ คาแนะนาการใช้ชุดการเรยี นรู้ คาแนะนาการใชช้ ดุ การเรยี นรู้สาหรบั ครู 1 คาแนะนาการใชช้ ดุ การเรยี นรู้สาหรบั ผเู้ รยี น 2 มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั 3 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 4 ผังมโนทศั น์ 5 แบบทดสอบกอ่ นเรียน 6 พชื ใช้ส่วนประกอบใดในการสืบพนั ธุ์ 7 การสืบพนั ธุข์ องพืช 11 ชนิดของดอก 12 กิจกรรมท่ี 1 สว่ นประกอบของดอกไม้ 14 กจิ กรรมที่ 2 การขยายพนั ธ์พุ ืช 15 การตอบสนองของพชื ตอ่ สง่ิ เรา้ 17 กิจกรรมท่ี 3 การตอบสนองของพืชต่อส่งิ เรา้ 19 แบบทดสอบหลงั เรียน 21 แบบบนั ทกึ ผลการประเมนิ ก่อนเรียนและหลังเรียน 23 เกณฑ์การประเมินแบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี น 27 แบบประเมนิ กจิ กรรมกลมุ่ 26 เกณฑก์ ารประเมนิ กจิ กรรมกลมุ่ 28 แบบบนั ทึกการประเมนิ กิจกรรม 29 เกณฑ์การประเมินกจิ กรรม 31 แบบประเมนิ ดา้ นคณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ 33 เกณฑ์การประเมนิ ด้านคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ 34 แบบประเมนิ สมรรถนะผเู้ รียนรายบุคคล 35 แบบบันทึกการประเมนิ สมรรถนะผ้เู รียน 36 เฉลยชุดการเรยี นรทู้ ี่ 4 การสบื พนั ธุ์และการตอบสนองของพชื ตอ่ สิ่งเรา้ 37 บรรณานกุ รม 38 ประวัติผู้จัดทา การสบื พนั ธแ์ุ ละการตอบสนองของพืชตอ่ สิ่งเรา้

1 คาแนะนาการใชช้ ดุ การเรียนรู้ ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ืองเซลล์ของสิ่งมีชีวิต และการดารงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยม ศึกษาปีที่ 1 จัดทาข้ึนตามขั้นตอนการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้สืบเสาะหาความรู้และสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยเน้นการใช้ คาถามและทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ใหผ้ ู้เรียนได้คิดและลงมือปฏิบัติ โดยครู เป็นผู้กาหนดสถานการณ์ปัญหา ให้ผู้เรยี นเกดิ การคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ การหาเหตุผล เพื่อนาไปส่กู ารแกป้ ญั หาได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ เป็นการสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้กับ ผู้เรียน ทาใหส้ ามารถเรียนรูไ้ ดด้ ว้ ยตนเองอยา่ งต่อเน่ือง ความคงอยู่ของความรู้จะนาน ขน้ึ ลกั ษณะของการเรียนรู้โดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน ประกอบด้วย 1. ใชป้ ัญหาสอดคลอ้ งกับสถานการณ์จริงเป็นส่งิ กระตุน้ หรอื เร่ิมต้นในการแสวงหา ความรู้ 2. บูรณาการความรู้ในสาขาต่างๆท่ีเกีย่ วข้องกับปัญหานน้ั ๆ 3. เน้นกระบวนการคิดอย่างมีเหตุผลเป็นระบบ 4. เรียนเปน็ กลมุ่ ยอ่ ย โดยมีผสู้ อนเป็นผสู้ นบั สนนุ และกระตนุ้ ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต และการดารงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยม ศกึ ษาปีท่ี 1 ชดุ นี้มีข้นั ตอนการเรียนรู้ ดังน้ี ขั้นท่ี 1 ทดสอบกอ่ นเรยี น ขั้นที่ 2 ศึกษาเรยี นรูจ้ ากใบความรู้ ขนั้ ที่ 3 ปฏิบตั กิ ิจกรรมกลุ่มตามใบงาน การสืบพนั ธแุ์ ละการตอบสนองของพชื ต่อสิง่ เร้า

2 คาแนะนาการใชช้ ุดการเรียนร้สู าหรบั ผ้สู อน เมอื่ ผสู้ อนนาชดุ การเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต และการดารงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษา ปีท่ี 1 ชุดนี้ ไปใช้ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ควรปฏบิ ัตดิ งั นี้ 1. ทดสอบความร้กู ่อนเรียนของผเู้ รยี น เพอ่ื วดั ความร้พู ้ืนฐานของผู้เรยี นแต่ละคน 2. จดั กจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใชช้ ดุ การเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ือง เซลล์ ของสิ่งมีชีวิตและการดารงชีวิตของพืช กลุ่มสาระเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 ชุดท่ี 4 การสืบพนั ธ์แุ ละการตอบสนองของพืชต่อสงิ่ เรา้ ควบคู่กบั แผนการจดั การเรียนรู้ 3. ขณะปฏิบตั ิกิจกรรมควรแนะนาผูเ้ รยี นอย่างใกลช้ ิด 4. เมอ่ื ผเู้ รียนปฏิบัติกิจกรรมเรยี บร้อยแลว้ ใหช้ ่วยกนั ตรวจสอบคาตอบจากแบบเฉลย 5. ใหผ้ เู้ รียนซักถามเนือ้ หาที่ไมเ่ ขา้ ใจ แล้วผู้สอนอธิบายคามร้เู พิ่มเติม 6. ทดสอบความเขา้ ใจของผูเ้ รยี น โดยใช้แบบทดสอบหลังเรียน 7. ใช้ชุดการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาคามรู้และทักษะให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และซ่อมเสริมความรู้ ดว้ ยตนเอง การสืบพันธแุ์ ละการตอบสนองของพชื ต่อสง่ิ เร้า

3 คาแนะนาการใชช้ ดุ การเรยี นรู้สาหรบั ผู้เรียน ก่อนที่ผู้เรียนจะนาชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ืองเซลล์ ของสิ่งมีชีวิตและการดารงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ชุดนี้ไปศึกษาเรียนรู้ ผู้เรียนควรทาความเข้าใจเกี่ยวกับข้ันตอนการใช้ชุด การเรียนรู้อย่างละเอียดเพ่ือจะได้ปฏิบัติได้ถูกต้อง โดยทาตามคาแนะนาและปฏิบัติตาม ขน้ั ตอน ดงั น้ี 1. อ่านคาชี้แจงในการใช้ชุดการเรียนรู้ให้เข้าใจ ศึกษาตัวช้ีวัด จุดประสงค์การเรียนรู้ กอ่ นศกึ ษาเรียนรู้ 2. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน โดยใช้เวลา 10 นาที เพือ่ วดั ความรู้พ้ืนฐานของผู้เรยี น 3. ผู้เรยี นทากิจกรรมตามชดุ การเรยี นรูเ้ ป็นกลุ่ม โดยปฏบิ ตั ดิ งั นี้ ข้ันที่ 1 นาเสนอสถานการณ์ปัญหา ข้นั ที่ 2 ระบุและวเิ คราะห์ปัญหา ขั้นที่ 3 ต้ังสมมตฐิ านการแกป้ ัญหา ขั้นท่ี 4 แสวงหาความรแู้ ละรวบรวมขอ้ มูล ขน้ั ท่ี 5 อภปิ รายและสรุปภายในกลุ่มยอ่ ย ขั้นท่ี 6 แลกเปล่ียนความรู้ในช้ันเรยี น ขั้นที่ 7 ประเมนิ ผลการเรียนรู้ 3. เมือ่ ผู้เรียนปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเรียบร้อยแลว้ ช่วยกนั ตรวจสอบจากแบบเฉลยกจิ กรรม 5. ในการทากิจกรรมตามชุดการเรียนรู้ ไม่ควรเปิดเฉลยดูก่อน ขอให้มีความซ่ือสัตย์ ต่อตนเองใหม้ ากทสี่ ดุ 6. เม่ือศึกษาเรียนรู้และทากิจกรรมตามที่กาหนดแล้ว ให้ทาแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อประเมนิ ความเข้าใจและความก้าวหน้าของตนเองในการเรียนรู้ การสบื พันธุแ์ ละการตอบสนองของพชื ตอ่ ส่ิงเร้า

4 มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ดั มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 สมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียง สารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ี ของอวัยวะต่าง ๆ ของพชื ที่ทางานสมั พันธ์กนั รวมท้งั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตวั ช้ีวดั ว 1.2 ม.1/11 อธิบายการสืบพันธ์ุแบบอาศยั เพศ และ ไม่อาศยั เพศของพชื ดอก ว 1.2 ม.1/12 อธิบายลกั ษณะโครงสรา้ งของดอกทีม่ ีสว่ น ทาใหเ้ กิดการถ่าย เรณูรวมทั้งบรรยาย การปฏิสนธขิ องพชื ดอก การเกดิ ผลและเมลด็ การกระจาย เมล็ด และการงอกของเมลด็ ว 1.2 ม.1/13 ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของสตั ว์ที่ชว่ ยในการ ถา่ ยเรณูของพชื ดอก โดยการไม่ทาลายชวี ิต ของสตั ว์ที่ชว่ ยในการถา่ ยเรณู การสบื พันธุแ์ ละการตอบสนองของพชื ตอ่ สง่ิ เร้า

5 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) 1. ผู้เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจโครงสรา้ งของดอกทเ่ี กี่ยวข้องกับการสบื พนั ธ์ุ ของพชื 2. ผเู้ รยี นมีความรู้ความเขา้ ใจการสบื พนั ธ์แุ บบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ ของพชื 3. ผเู้ รียนมีความรู้ความเข้าใจการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพชื ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) 1. ระบุปญั หาและสมมติฐานของกจิ กรรมได้ 2. ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการทดลองตามขัน้ ตอนที่กาหนดให้ได้ 3. นาเสนอผลการอภปิ รายหลังการปฏบิ ัติกิจกรรมได้ ด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ (A) 1. มีวินัย 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน 4. มีความรอบคอบ 5. มเี จตคติทด่ี ีต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ การสืบพันธแุ์ ละการตอบสนองของพชื ตอ่ สงิ่ เรา้

6 ผงั มโนทัศน์ เซลล์ของสง่ิ มชี ีวติ และกระบวนการดารงชวี ติ ของพืช ความหมายและหน้าท่ขี องเซลล์ การศึกษาเซลลด์ ้วยกลอ้ งจลุ ทรรศน์ เซลล์ ขนาดและรปู ร่างของเซลล์ ส่วนประกอบของเซลล์ กระบวนการ การแพร่และการออสโมซิส ลาเลยี งสาร การลาเลียงนา้ และอาหารของพชื โครงสรา้ งระบบลาเลยี งของพืช ของพืช การบวนการ พชื สังเคราะหแ์ สงอยา่ งไร สังเคราะห์ดว้ ยแสง ปจั จัยทใ่ี ช้ในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง การสบื พันธุ์ โครงสรา้ งของดอกท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การสืบพนั ธุ์ และการตอบสนอง การสบื พันธุแ์ บบอาศยั เพศของพืช ของพืชตอ่ ส่ิงเรา้ การสืบพนั ธุ์แบบไม่อาศัยเพศของพชื การตอบสนองต่อส่งิ เร้าของพืช พืชกบั เทคโนโลยีชวี ภาพ เทคโนโลยีชีวภาพการขยายพันธ์ุพืช เทคโนโลยชี ีวภาพการปรับปรุงพันธุ์ และเพม่ิ ผลผลติ พชื ประโยชน์ของเทคโนโลยีชีวภาพ การสืบพนั ธุแ์ ละการตอบสนองของพชื ตอ่ สงิ่ เรา้

7 แบบทดสอบก่อนเรียน ชดุ การเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรโ์ ดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน เร่อื ง เซลล์ของสิง่ มชี ีวติ และการดารงชวี ติ ของพชื ชุดท่ี 4 การสบื พันธุ์และการตอบสนองของพชื ต่อสิ่งเรา้ กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเขียนเครื่องหมาย × ขอ้ ที่ถูกต้องลงในกระดาษคาตอบ 1. ละอองเรณจู ะพบทีส่ ว่ นใดของดอกไม้ ก. เกสรตัวผู้ ข. เกสรตวั เมีย ค. กลบี ดอก ง. กลบี เลยี้ ง 2. ดอกครบส่วนและดอกสมบูรณเ์ พศทกุ ชนิดจะมสี ่วนประกอบใดทเ่ี หมอื นทุกดอก ก. กลบี เลีย้ ง กลีบดอก ข. เกสรตวั ผู้ เกสรตัวเมีย ค. กลีบดอก เกสรตวั ผู้ เกสรตัวเมยี ง. กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรตัวผู้ เกสรตัวเมีย 3. ขอ้ ตอ่ ไปนี้เป็นการสืบพนั ธแุ์ บบไมอ่ าศยั เพศยกเว้นข้อใด ก. การต่อกง่ิ ข. การปกั ชา ค. การแตกหน่อ ง. การเพาะเมลด็ 4. การปฏิสนธิของพชื เกดิ ข้ึนเมอ่ื ใด ก. อนภุ าคเมอ่ื ละอองเรณตู กลงบนยอดเกสรตัวเมยี ข. เม่ือนิวเคลียสในละอองเรณูผสมกบั ออวุลในรังไข่ ค. เม่อื ละอองเรณูงอกหลอดแทงลงไปในเกสรตวั เมยี ง. เม่อื นวิ เคลียสในละอองเรณผู สมกบั เซลลไ์ ข่ในออวุล การสบื พนั ธ์ุและการตอบสนองของพชื ตอ่ สง่ิ เร้า

8 5. เนอ้ื ของผลไม้ทเี่ รากินสว่ นมากเปน็ สว่ นใดของเกสรตวั เมยี ก. ไข่ ข. รังไข่ ค. ออวลุ ง. ยอดเกสรตัวเมยี 6. พืชชนดิ ใดท่ีมีการตอบสนองต่อการเปลีย่ นแปลงอุณหภมู ิ ก. สน ข. ดอกบวั ค. ไมยราบ ง. ดอกทานตะวัน 7. พฤติกรรมใดเปน็ การตอบสนองของพืชตอ่ แสงสว่าง ก. การท่ีรากพืชชอนไชไปในดนิ ข. การผลัดใบของพืชในเขตหนาว ค. การหุบหรอื บานของดอกบางชนดิ ง. การงอกของเมลด็ ในบริเวณที่ส่ิงแวดล้อมเหมาะสม 8. ข้อใดเป็นการขยายพนั ธพุ์ ชื ที่สามารถคดั เลือกพันธ์ใุ หม่ที่ดไี ดค้ ร้งั ละมากๆ ก. การติดตา ข. การปกั ชา ค. การตอนกงิ่ ง. การเพาะเลยี้ งเนื้อเย่ือ การสบื พันธแุ์ ละการตอบสนองของพชื ตอ่ สิ่งเรา้

9 9. ขอ้ เสียของการขยายพนั ธุ์พชื แบบไมอ่ าศัยเพศคอื ขอ้ ใด ก. อายุสั้น ข. ดูแลรักษายาก ค. ให้ผลผลิตเหมือนตน้ พอ่ ต้นแม่ ง. การเจริญเติบโตและออกดอกผลช้า 10. วิธีใดเป็นการสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศ ก. การตอนกง่ิ ข. การแตกหนอ่ ค. การเพาะเมล็ด ง. การเพาะเลี้ยงเนอ้ื เย่อื ทากันไดห้ รือเปลา่ ค่ะ การสบื พันธ์แุ ละการตอบสนองของพชื ต่อส่งิ เรา้

10 พชื มกี ารสบื พนั ธุอ์ ยา่ งไรนะ ไปเรียนรกู้ นั ค่ะ โครงสร้างใดของดอกท่ีเกี่ยวข้องกับการสบื พันธุพ์ ืช พืชสืบพนั ธ์แุ บบอาศัยเพศอยา่ งไร พืชสบื พนั ธุ์แบบไมอ่ าศยั เพศได้หรือไม่ พืชตอบสนองต่อสงิ่ เร้าอย่างไร ไปเรยี นรกู้ นั เลย การสืบพันธุ์และการตอบสนองของพชื ต่อส่งิ เรา้

11 พืชใชส้ ว่ นประกอบใดในการสบื พนั ธุ์ ดอกของพชื คอื อวัยวะทีใ่ ชใ้ นการสบื พนั ธ์ขุ องพชื ส่วนประกอบของดอกไม้ 1. กลบี เลยี้ ง อยู่ชั้นนอกสุดของดอก ส่วนใหญ่มีสีเขียวทาหน้าท่ีหุ้มและปอู งกนั ดอกตูม พืชบางชนดิ มี กลีบเล้ยี งแยก บางชนิดมกี ลีบเลี้ยงเช่ือมต่อกัน 2. กลีบดอก อยถู่ ดั จากชั้นของกลบี เลีย้ งเขา้ ไป ลกั ษณะบางกวา่ กลบี เล้ียง มสี สี ันสวยงามเพอ่ื ชว่ ย ลอ่ แมลงมาผสมเกสร พืชบางชนดิ มีกลบี ดอกแยก บางชนิดมกี ลบี ดอกเชื่อมตอ่ กนั 3. เกสรตวั ผู้ เปน็ อวัยวะสบื พันธขุ์ องพชื ทีส่ ร้างเซลล์สบื พนั ธ์เุ พศผู้ อยูถ่ ัดจากวงกลบี ดอกเขา้ ไป เกสร ตวั ผู้แต่ละอันมโี ครงสรา้ งประกอบด้วย 2 ส่วน คอื อบั เรณู ซงึ่ ภายในมถี ุงอับเรณู และก้านเกสรตัวผู้ 4. เกสรตัวเมีย ประกอบดว้ ยยอดเกสรตัวเมยี มักมเี มือกเหนยี วเพือ่ คอยดกั ละอองเรณู และกา้ นชู เกสรตัวเมีย เกสรตัวเมยี จัดเป็นวงในสุดของดอกไม้ มีรังไข่ ภายในรังไขม่ ีออวุล รงั ไขท่ าหนา้ ทส่ี ร้างไข่ หรือเซลลส์ บื พนั ธเุ์ พศเมยี สว่ นประกอบของดอก อับละอองเรณู กลบี ดอก กา้ นชูเกสรตวั ผู้ ยอดเกสรตัวเมยี กา้ นชูเกสรตัวเมีย รังไข่ ออวลุ กลีบเลยี้ ง ฐานรองดอก การสืบพนั ธ์ุและการตอบสนองต่อสิง่ เรา้ ของพืช

12 การสบื พนั ธุ์ของพืช การสืบพนั ธุ์ คอื การสรา้ งชวี ิตใหม่จากสิง่ มีชีวิตเดิม เพอ่ื ดารงเผา่ พันธ์ุ เป็นกระบวนการที่ทาให้ สงิ่ มชี ีวิตอยู่ได้อย่างต่อเนอื่ ง การสืบพันธุ์ของพชื แบง่ เป็น 2 แบบ การสบื พนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศของพืช เกิดขึ้นใน คอื การสืบพันธแ์ุ บบอาศัยเพศ และการ อวัยวะสืบพันธ์ุ ต้องมีการผสมระหว่างเซลลส์ ืบพันธุ์ สบื พนั ธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ เพศผู้ (ละอองเรณู) กบั เซลล์สืบพันธ์ุเพศเมีย (ไข่) ซง่ึ จะเรียกว่าการปฏิสนธิ โดยมีขน้ั ตอน ดังนี้ ขน้ั ตอนท่ี 1 การถ่ายละออกเรณู โดยละออง เรณูในเกสรตัวผู้ ไปตกลงบนยอดเกสรตัวเมีย ข้นั ตอนท่ี 2 ละอองเรณู ขนั้ ตอนท่ี 3 สเปริ ์มนวิ เคลยี ส 1 ตัว ผสมกับไข่กลายเป็นไซโกต สรา้ งหลอดไปยงั รงั ไข่ สเปิร์มอีกตวั เข้าผสมกับโพลานิวเคลยี ส กลายเปน็ เอนโดสเปิรม์ ภายในหลอดมีสเปริ ม์ 2 ตวั 1. ละอองเรณูตกบนยอดเกสรตวั เมีย 2. ละอองเรณเู ร่ิมงอก 3. ละอองเรณูงอกเป็นหลอดยาว ละอองเรณู รงั ไข่ เซลลไ์ ขท่ ไี่ ด้รับ ออวุล การปฏสิ นธิ เซลล์ไข่ หลังจากการปฏิสนธิ - ยอดและกา้ นชเู กสรตัวเมียจะเหย่ียวลง กลีบเล้ยี ง กลบี ดอก เกสรตัวผู้ และเกสรตวั เมยี กจ็ ะแห้งแลว้ ร่วงหลุดไป - รงั ไข่จะเจริญกลายเป็นผล - ออวุล หรือไขจ่ ะเจริญไปเปน็ เมลด็ ซงึ่ ภายในเมล็ดจะเกบ็ ต้นออ่ น และอาหารสะสมไวภ้ ายใน เพ่อื เกิดเป็นต้นใหม่ การสบื พันธแ์ุ ละการตอบสนองตอ่ สงิ่ เร้าของพชื

13 การสืบพันธแุ์ บบไมอ่ าศยั เพศของพชื เป็นการนาส่วนต่างๆของพืชต้นเดิมไปสร้างเปน็ พชื ตน้ ใหม่ท่มี ีลักษณะเหมอื นต้นเดมิ โดยไม่ตอ้ งใช้เซลล์สืบพนั ธุ์ ซง่ึ ทาไดห้ ลายวิธี ดังนี้ การปกั ชา คอื การนาสว่ นของพืชพันธ์ุดีทีต่ อ้ งการขยายพันธุ์ มาตดั แล้วปักชาลงในวัสดเุ พาะ ชา เพอื่ ให้ได้พืชต้นใหม่ ส่วนต่างๆของพืชที่ใชป้ กั ชา เชน่ ก่ิง ใบ ราก แตจ่ ะใช้ส่วนใดขึน้ อย่กู ับชนิด ของพชื การปักชาตน้ ลน้ิ มงั กร การปักชาต้นมะลิ การปักชาตน้ ชะอม การตอนกงิ่ คอื การขยายพนั ธ์ุพืชโดยทาใหก้ ่งิ พืชเกดิ รากขณะที่ยังอย่บู นตน้ เมื่อกงิ่ ออกรากแล้วจงึ ตัดไปปลกู โดยตน้ ใหม่จะมลี กั ษณะเหมอื นเดมิ การตอนกิ่งมะนาว การตอนก่งิ ไผ่ การตอนกง่ิ มะละกอ การตอนกงิ่ ชะอม การทาบกง่ิ คือ การขยายพนั ธโุ์ ดยเปล่ยี นพันธ์พุ ืช โดยการนาก่งิ พนั ธ์ดุ ไี ปต่อกับต้นตอ เพ่อื ให้ได้พชื หลายพนั ธ์ุ ในตน้ เดยี ว การทาบกิง่ ลลี าวดี การทาบก่ิงนอ้ ยหนา่ การตดิ ตา คือ การใช้ตาของกง่ิ พันธุด์ ไี ปติดบนต้นตอ ทแ่ี ขง็ แรง การติดตากุหลาบ การสืบพันธ์แุ ละการตอบสนองของพืชต่อสง่ิ เรา้

14 ชนดิ ของดอก 1. ดอกครบส่วน คอื ดอกไม้ที่มีส่วนประกอบของดอกครบทง้ั 4 ส่วนในดอกเดยี วกนั คือ มีกลบี เลยี้ ง กลีบดอก เกสรตวั ผู้ และเกสรตัวเมยี เชน่ ชบา พู่ระหง กหุ ลาบ มะเขอื ดอกชบา ดอกพู่ระหง ดอกกุหลาบ ดอกมะเขอื 2. ดอกไมค่ รบสว่ น คอื ดอกไม้ทมี่ ีสว่ นประกอบของดอกไมค่ รบทั้ง 4 ส่วน ในดอกเดียวกัน อาจมสี ว่ นใดสว่ นหนึ่งขาดไป เช่น ดอกหนา้ วัวและดอกจาปาขาดกลีบเล้ียง ดอกตาลึงไมม่ เี กสร ตวั ผหู้ รือตวั เมีย ดอกบานเยน็ ขาดกลีบดอก ดอกหนา้ วัว ดอกจาปา ดอกตาลึงตัวผู้ ดอกตาลึงตัวเมีย ดอกบานเย็น 3. ดอกสมบรู ณ์เพศ คือ ดอกทีม่ ที ั้งเกสรตวั ผแู้ ละเกสรตวั เมยี ในดอกเดียวกัน เชน่ ดอกพรกิ ดอกบานบุรี ดอกขา้ ว ดอกบัว ดอกพริก ดอกบานบุรี ดอกข้าว ดอกบวั 4. ดอกไม่สมบูรณ์เพศ คือ ดอกทม่ี แี ต่เกสรตัวผู้หรือเกสรตวั เมยี เพยี งอยา่ งเดยี ว เชน่ ดอกฟกั ทอง ดอกมะละกอ ดอกมะเดือ่ ดอกฟกั ทองตัวผู้ ดอกฟกั ทองตวั เมีย ดอกมะละกอตวั ผู้ ดอกมะละกอตัวเมีย การสบื พนั ธแ์ุ ละการตอบสนองของพืชตอ่ ส่ิงเร้า

15 กจิ กรรมที่ 1 สว่ นประกอบของดอกไม้ จุดประสงค์ 1. ศึกษาทดลองและสรุปเกีย่ วกบั สว่ นประกอบของดอกไมไ้ ด้ 2. อธิบายส่วนประกอบและหน้าทีข่ องส่วนประกอบของดอกไม้ได้ สือ่ การเรียนรู้ 1. ดอกชบา ดอกมะละกอตวั ผู้และตวั เมยี 2. แว่นขยาย 1 อัน 3. กล้องจลุ ทรรศน์ 1 กล้อง 4. สไลด์ กระจกปิดสไลด์ 5. แท่งแก้ว เขม็ หมุด ใบมดี 6. นา้ กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. สงั เกตส่วนประกอบของดอกไม้ ทีละสว่ น เปรยี บเทียบกัน แล้ววาดภาพ 2. ใช้ใบมดี ผ่าคร่งึ เกสรตัวเมียตามยาว ใช้แวน่ ขยายสังเกตรงั ไข่ และไขอ่ อ่ น แล้ววาดภาพ 3. ใช้เขม็ หมุดเขย่ี อับละอองเรณลู งบนสไลด์ หยดนา้ 1 หยด แล้วใชแ้ ท่งแกว้ ขย้อี ับเรณใู ห้ แตกออก นากระจกปิดสไลด์ปิด นาไปสงั เกตดูดว้ ยกลอ้ งจุลทรรศน์ แล้ววาดภาพ คาถามก่อนทากิจกรรม 1. ปัญหาของการทากจิ กรรมน้ีคืออะไร ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... 2. สมมตฐิ าน ....................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... บนั ทึกผลกจิ กรรม ชนดิ ของดอกไม้ กลีบเลยี้ ง ภาพส่วนประกอบที่สงั เกต เกสรตวั เมยี กลบี ดอก เกสรตัวผู้ ดอกชบา ดอกมะละกอตวั ผู้ ดอกมะละกอตัวเมยี การสืบพนั ธ์ุและการตอบสนองของพืชต่อสิ่งเร้า

16 คาถามหลังทากิจกรรม 1. ดอกไม้แต่ละชนิดมสี ่วนประกอบเหมือนกันหรอื ไมอ่ ย่างไร ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... 2. ดอกมะละกอตัวผกู้ ับดอกมะละกอตวั เมยี มสี ว่ นประกอบเหมอื นหรือตา่ งกนั อย่างไร ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... 3. ละอองเรณมู ีลักษณะอย่างไร ภาพละอองเรณู 4. ยกตวั อย่างดอกของพชื ทน่ี กั เรียนรู้จัก 4.1 ดอกครบสว่ น............................................................................................................................ 4.2 ดอกไมค่ รบส่วน........................................................................................................................ 4.3 ดอกสมบรู ณ์เพศ....................................................................................................................... 4.4 ดอกไม่สมบรู ณเ์ พศ................................................................................................................... สรุปผลกจิ กรรม ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... การสบื พนั ธุ์และการตอบสนองของพืชต่อส่งิ เรา้

17 กิจกรรมท่ี 2 การขยายพนั ธ์ุพืช จดุ ประสงค์ 1. ศึกษาเรยี นรเู้ พ่อื อธิบายวิธีการสืบพนั ธ์ขุ องพชื ได้ 2. เปรียบเทียบการสืบพันธแุ์ บบอาศยั เพศและไมอ่ าศยั เพศของพชื สอ่ื การเรยี นรู้ 1. ภาพพืชทก่ี าหนดให้ 2. ตน้ โกสน 1 ตน้ 3. มดี 4. ขยุ มะพรา้ ว 1 ถุง 5. เชือกฟางยาว 1 ฟตุ 2 เส้น กิจกรรมการเรียนรู้ 1. นักเรียนดูภาพพืช 9 ชนดิ แล้วบอกว่าพชื แต่ละชนดิ คอื อะไร และมีการสบื พันธอุ์ ยา่ งไร 2. นกั เรยี นทดลองขยายพนั ธพ์ุ ชื ดว้ ยการตอนก่ิง (อาจตอนกงิ่ พชื ชนดิ อ่ืนทีม่ ี แทนตน้ โกสนได)้ โดยเลือกก่ิงตน้ โกสนทไ่ี ม่แกไ่ ม่ออ่ นจนเกนิ ไป 3. ใชม้ ดี คว่นั เปลอื กรอบก่งิ ดา้ นล่างและดา้ นบน ห่างกันประมาณ 2 เซนติเมตร ลอกเปลือก กิ่งโกสนออก 4. หุ้มด้วยขุยมะพร้าว (เตรยี มขยุ มะพร้าวโดยนาขยุ มะพรา้ วแชน่ า้ ไว้ 1 คืน บีบนา้ ออก แลว้ ใส่ในถุงพลาสติกเล็ก ๆ มัดปากถุงให้แน่น) ใช้เชือกมดั ถุงขุยมะพร้าวด้านบนและดา้ นลา่ งใหแ้ น่น 4. สังเกตการงอกของรากเปน็ เวลา 1 เดือน แล้วสามารถตัดก่งิ ตอนโกสนไปปลกู ได้ คาถามก่อนทากิจกรรม 1. ปัญหาของการทากจิ กรรมนี้คอื อะไร ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... 2. สมมตฐิ าน ....................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... การสบื พนั ธ์ุและการตอบสนองของพชื ต่อสง่ิ เร้า

18 บันทกึ ผลกิจกรรม ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ . ........................... ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ ............................ คาถามหลงั ทากจิ กรรม 1. พชื แต่ละชนดิ สบื พนั ธเุ์ หมือนกันหรือไม่ อยา่ งไร .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 2. หลังจากผ่านไป 1 เดอื นมสี ิง่ ใดเกิดข้ึนกับกิง่ โกสน .......................................................................................................................................................... 3. เพราะเหตใุ ดจงึ ตอ้ งปอกเปลอื กกิง่ โกสนออก .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 4. การตอนก่ิงตน้ โกสนเป็นการขยายพันธพุ์ ชื วิธีใด .......................................................................................................................................................... 5. การขยายพนั ธุ์พืชแบบอาศัยเพศและไม่อาศยั เพศเหมือนหรือตา่ งกนั อยา่ งไร .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... สรุปผลกิจกรรม .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... การสบื พันธ์แุ ละการตอบสนองของพชื ตอ่ ส่งิ เร้า

19 การตอบสนองของพืชตอ่ สงิ่ เรา้ การตอบสนองตอ่ ส่ิงเรา้ หมายถงึ การกระทาตา่ ง ๆ ของส่งิ มชี วี ิตทช่ี ว่ ยให้สิง่ มีชวี ติ ดารงชีวิตอยู่ใน สภาพแวดล้อมนัน้ ๆได้ การตอบสนองของพืชตอ่ ส่งิ เร้า การตอบสนองตอ่ สิ่งเร้าภายใน ส่ิงเร้าภายใน ท่ีมีผลต่อการแสดงพฤติกรรมการตอบสนองของพืช คือ ฮอร์โมน ซึ่ง ฮอร์โมนจะควบคุมการเจรญิ เติบโตของพชื ดว้ ย ฮอร์โมนพืชชนิดหนึ่ง คือ ออกซิน (Auxin) ออก ซินจะถูกผลิตโดยเซลล์ที่อยู่บริเวณปลายรากและปลายยอดพืช ซึ่งจะกระตุ้นการเจริญเติบโตของ ยอดพชื แตจ่ ะยับยัง้ การเจริญของราก ออกซิน จะถูกกระตุ้นจากส่ิงเร้าภายนอก คือ แสงและแรงดึงดูดของโลก 2 กรณี ดังนี้ การตอบสนองของพืชต่อแสง เม่ือพืชได้รับความเข้มของแสงไม่เท่ากันทุกด้าน พืชจะโค้ง หรือเอียงยอดไปทางท่มี ีความเขม้ ข้นของแสงมากกวา่ เสมอ การตอบสนองของพืชตอ่ แรงโนม้ ถว่ งของโลก รากพืชจะเจรญิ ไปในทิศทางเดียว กับ แรงโน้มถว่ งของโลก สว่ นลาตน้ จะเจรญิ ไปในทศิ ทางตรงข้ามกับแรงโนม้ ถ่วงของโลก การตอบสนองต่อสิ่งเรา้ ภายนอก ส่งิ เร้าภายนอก ได้แก่ แสง อุณหภมู ิ น้า และการสมั ผัส ซึ่งสิ่งเรา้ เหลา่ นจี้ ะไปกระต้นุ ให้ ฮอรโ์ มนท่ีเก่ียวขอ้ งกับการเจริญเตบิ โตของพชื กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ในปริมาณทีไ่ ม่เทา่ กนั โดยพชื มีการตอบสนองตอ่ สงิ่ เรา้ ต่าง ๆ ดังน้ี การตอบสนองตอ่ แสง พืชสว่ นใหญ่จะมกี ารตอบสนองตอ่ แสง โดยเฉพาะพชื ท่ีไดร้ บั ความเข้ม ของแสงไมเ่ ท่ากนั ทุกด้าน พชื จะโคง้ ไปทางที่มคี วามเขม้ ขน้ ของแสงมากกว่า ดอกทานตะวนั หันไปทางดวงอาทิตย์ ตน้ ออ่ นพืชโคง้ ไปทางที่มีแสง การสบื พันธ์แุ ละการตอบสนองของพืชต่อสิง่ เรา้

20 การตอบสนองของพชื ต่อสิ่งเรา้ การตอบสนองตอ่ อุณหภมู ิ ชนิดของพืชตามระดับความสูงของภูเขาน้ันแสดงให้เห็นถึงการ ตอบสนองตอ่ อุณหภูมิได้ชดั เจน เชน่ ภเู ขาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ ประเทศไทย บริเวณความสูงประมาณ 900 เมตร อากาศจะค่อนข้างเย็น กว่าบริเวณเชิงเขา สภาพปุาเป็นปุาดิบแล้ง ซึ่งประกอบด้วยไม้สูงใหญ่ จาพวกไมย้ าง กระบก ขึน้ ปกคลมุ พนื้ ดิน เมอื่ ขน้ึ สู่ระดับ 1,000 เมตร สภาพ อากาศค่อนข้างเย็น ปาุ สว่ นใหญ่เป็นปุาดิบเขา ต้นไมส้ ว่ นใหญช่ อบอากาศเย็น เช่น จาปปี ุา บนยอดเขาซง่ึ สงู ประมาณ 1,200 เมตรข้ึนไป อากาศเย็นตลอดปี สภาพปุาจะเปลี่ยนไปโดยส้ินเชิง โดยต้นไม้ส่วนใหญ่เป็นสน นอกจากนี้ยังมี พวกพชื จับแมลง เช่น หยาดน้าคา้ ง หมอ้ ขา้ วหม้อแกงลิง เป็นตน้ การตอบสนองต่อนา้ การตอบสนองของพชื ต่อปรมิ าณน้า สังเกตไดจ้ ากพชื ทเี่ จริญเติบโตใน บรเิ วณที่แห้งแล้ง เชน่ พชื ในทะเลทราย ซึ่งบริเวณทะเลทรายในแตล่ ะปีจะมี ฝนตกเฉล่ยี นอ้ ยกวา่ 250 มิลลเิ มตรตอ่ ปี ดังน้นั พชื ทข่ี ้ึนในทะเลทรายจะตอ้ ง มกี ารปรบั ตัวเพื่อตอบสนองตอ่ ปริมาณนา้ ทม่ี ีน้อย โดยพชื บางชนดิ จะลด ขนาดของใบหรือเปลย่ี นให้อยู่ในรูปของหนามเพื่อลดการสูญเสียน้า การตอบสนองตอ่ การสมั ผสั ต้นหมอ้ ข้าวหมอ้ แกงลงิ ตน้ ไมยราบ การตอบสนองต่อการสัมผัสของพืชมีหลายรูปแบบ เชน่ ใบไมยราบเมื่อถูกสัมผัส ใบจะหุบ เน่ืองจากท่ีโคนของ ใบมีดต่อมรับสัมผัส เมื่อถูกกระตุ้นจะส่งความรู้สึกไปยังใบ ทาให้ใบหุบได้ หรือต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง เม่ือแมลงตกลง ไปฝาใบจะปดิ ทนั ที หรือต้นกาบหอยแครง เมื่อแมลงมาสัมผัส ในส่วนของใบท่ีมีลักษณะคล้ายฝา ฝาน้ันจะถูกปิดเข้าหากัน ทาใหแ้ มลงไมส่ ามารถหลดุ รอดออกมาได้ ที่มา : http://www.trueplookpanya.com การสืบพันธแ์ุ ละการตอบสนองของพชื ตอ่ ส่งิ เร้า

21 กจิ กรรมที่ 3 การตอบสนองของพืชต่อสิง่ เร้า จุดประสงค์ 1. ทาการทดลองเพอ่ื ศกึ ษาการตอบสนองของพืชจากส่ิงทีก่ าหนดให้ได้ 2. อธิบายการตอบสนองของพชื ต่อสิง่ เร้าได้ สือ่ การเรียนรู้ 1. เมลด็ ถวั่ เขียว 20 เมล็ด 2. กระปอ๋ งขนาดเท่ากัน 2 กระป๋อง 3. ดนิ 4. กลอ่ งทบึ ทมี่ ีชอ่ ง 1 ใบ กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ปลกู ถว่ั เขยี วใสใ่ นกระป๋อง 2 กระป๋อง กระป๋องละ 10 เมลด็ จนถวั เขียวมใี บแท้ 2-3 ใบ 2. ใชก้ ล่องทบึ ทีเ่ ตรียมไวค้ รอบกระถางต้นถัว่ เขียวไว้ 1 กระปอ๋ ง สว่ นอีกกระปอ๋ งปล่อยให้ เจรญิ เตบิ โตตามปกติ 3. สังเกตการทดลอง 3-5 วัน แลว้ บันทึกผลการทดลอง คาถามก่อนทากจิ กรรม 1. ปัญหาของการทากิจกรรมน้ีคอื อะไร ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... 2. สมมตฐิ าน ....................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... บนั ทึกผลกจิ กรรม ผลการสงั เกตต้นถั่วเขยี ว ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... การสืบพันธ์ุและการตอบสนองของพืชตอ่ ส่ิงเรา้

คาถามหลังทากจิ กรรม 22 ชว่ ยกนั คิดนะเดก็ ๆ 1. ลาต้นของตน้ ถ่วั เขียวท้ัง 2 กระปอ๋ ง ทีม่ ีกล่องทบึ ครอบและไม่มกี ล่องทบึ ครอบ มีลักษณะเหมอื น หรอื ตา่ งกนั อย่างไร ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... 2. เพราะเหตใุ ดต้นถ่ัวเขยี วทมี่ ีกล่องทบึ ครอบตน้ จงึ โผล่ออกนอกชอ่ งทีเ่ จาะ ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... 3. ถ้าเปลย่ี นตน้ ถ่วั เขยี วเป็นพืชชนิดอนื่ ผลการทดลองจะเหมอื นกนั หรือไม่ อย่างไร ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... สรปุ ผลกิจกรรม ................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. การสบื พนั ธุ์และการตอบสนองของพชื ต่อส่ิงเรา้

23 แบบทดสอบหลังเรียน ชดุ การเรยี นร้วู ิทยาศาสตรโ์ ดยใช้ปญั หาเป็นฐาน เรื่อง เซลลข์ องสิ่งมชี วี ติ และการดารงชีวติ ของพืช ชดุ ท่ี 4 การสืบพนั ธ์ุและการตอบสนองของพชื ต่อสงิ่ เรา้ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี คาชี้แจง ให้นักเรยี นเขียนเคร่ืองหมาย × ข้อที่ถูกต้องลงในกระดาษคาตอบ 1. พชื ชนดิ ใดทีม่ กี ารตอบสนองตอ่ การเปล่ยี นแปลงอุณหภมู ิ ก. สน ข. ดอกบัว ค. ไมยราบ ง. ดอกทานตะวัน 2. พฤตกิ รรมใดเปน็ การตอบสนองของพชื ตอ่ แสงสวา่ ง ก. การทรี่ ากพืชชอนไชไปในดนิ ข. การผลดั ใบของพชื ในเขตหนาว ค. การหุบหรอื บานของดอกบางชนดิ ง. การงอกของเมลด็ ในบริเวณที่สิง่ แวดล้อมเหมาะสม 3. เนือ้ ของผลไมท้ เ่ี รากินส่วนมากเป็นสว่ นใดของเกสรตวั เมยี ก. ไข่ ข. รังไข่ ค. ออวลุ ง. ยอดเกสรตวั เมีย 4. ขอ้ ใดเปน็ การขยายพนั ธ์พุ ืชท่ีสามารถคดั เลือกพนั ธุ์ใหม่ทีด่ ไี ด้ครง้ั ละมากๆ ก. การตดิ ตา ข. การปักชา ค. การตอนก่ิง ง. การเพาะเล้ยี งเนื้อเย่ือ การสืบพันธแ์ุ ละการตอบสนองของพชื ตอ่ สงิ่ เรา้

24 5. ละอองเรณูจะพบทส่ี ว่ นใดของดอกไม้ ก. เกสรตัวผู้ ข. เกสรตัวเมีย ค. กลบี ดอก ง. กลีบเลย้ี ง 6. ดอกครบสว่ นและดอกสมบรู ณเ์ พศทุกชนิดจะมีสว่ นประกอบใดที่เหมือนทกุ ดอก ก. กลีบเล้ยี ง กลีบดอก ข. เกสรตัวผู้ เกสรตวั เมีย ค. กลีบดอก เกสรตวั ผู้ เกสรตัวเมยี ง. กลีบเล้ยี ง กลีบดอก เกสรตวั ผู้ เกสรตัวเมยี 7. ข้อเสยี ของการขยายพันธุ์พืชแบบไม่อาศยั เพศคือข้อใด ก. อายสุ น้ั ข. ดูแลรกั ษายาก ค. ให้ผลผลิตเหมอื นตน้ พ่อต้นแม่ ง. การเจรญิ เติบโตและออกดอกผลช้า 8. วธิ ีใดเป็นการสืบพันธุแ์ บบอาศัยเพศ ก. การตอนกง่ิ ข. การแตกหนอ่ ค. การเพาะเมลด็ ง. การเพาะเลีย้ งเนอ้ื เย่ือ การสืบพนั ธุแ์ ละการตอบสนองของพชื ต่อส่งิ เรา้

25 9. ข้อตอ่ ไปนี้เป็นการสบื พันธ์แุ บบไมอ่ าศยั เพศยกเว้นขอ้ ใด ก. การตอ่ ก่ิง ข. การปกั ชา ค. การแตกหนอ่ ง. การเพาะเมลด็ 10. การปฏิสนธขิ องพืชเกดิ ขึ้นเมื่อใด ก. อนุภาคเมอ่ื ละอองเรณตู กลงบนยอดเกสรตัวเมยี ข. เมื่อนิวเคลียสในละอองเรณผู สมกับออวุลในรังไข่ ค. เมอ่ื ละอองเรณงู อกหลอดทางลงไปในเกสรตวั เมยี ง. เม่ือนวิ เคลยี สในละอองเรณูผสมกบั เซลล์ไข่ในออวุล เธอทาได้หรอื เปล่า สบายมากจะ้ การสบื พันธ์ุและการตอบสนองของพชื ตอ่ สิ่งเรา้

26 แบบบันทกึ ผลการประเมินกอ่ นเรียนและหลงั เรียน ชดุ การเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้ปญั หาเป็นฐาน เรือ่ ง เซลล์ของสิง่ มีชีวิตและการดารงชวี ิตของพืช ชุดที่ 4 การสบื พันธแ์ุ ละการตอบสนองของพืชตอ่ ส่งิ เร้า กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 การประเมิน เลขที่ ชอ่ื - นามสกลุ ก่อนเรียน ผล หลงั เรียน ผล หมายเหตุ การประเมนิ การประเมิน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 การสืบพนั ธแุ์ ละการตอบสนองของพืชตอ่ ส่งิ เร้า

27 เกณฑ์การประเมนิ แบบทดสอบก่อนเรยี น และหลงั เรยี น 6 - 10 คะแนน หมายถงึ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน ต่ากวา่ 6 คะแนน หมายถงึ ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ระดบั คุณภาพ 9 - 10 คะแนน หมายถงึ ดีมาก 7 - 8 คะแนน หมายถงึ พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน หมายถึง ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ การสืบพันธ์แุ ละการตอบสนองของพชื ต่อส่งิ เรา้

28 แบบประเมินกจิ กรรมกลุม่ กลมุ่ ท่.ี ........................................................ เร่อื ง............................................................................... คาช้แี จง ให้ผูป้ ระเมินใส่เครอื่ งหมาย ลงในช่อองวา่ งตามความเปน็ จริง ท่ี รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 32 1 ความร่วมมอื กนั ภายในกลุ่ม 2 ความสนใจและความตั้งใจในการทางาน 3 การนาเสนอผลงาน 4 ทกั ษะการแกป้ ัญหา 5 ความคดิ ริเร่มิ สรา้ งสรรค์ รวมคะแนน 20 คะแนน เกณฑ์ทใ่ี ชใ้ นการประเมนิ 4 คะแนน หมายถงึ ดมี าก ดี 3 คะแนน หมายถงึ พอใช้ ปรบั ปรุง 2 คะแนน หมายถึง 1 คะแนน หมายถึง ระดับคณุ ภาพ ไดร้ ะดับคณุ ภาพ 4 หมายถึง ดีมาก ได้ระดบั คุณภาพ 3 หมายถงึ ดี คะแนนรวม 16 - 20 คะแนน ได้ระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถงึ พอใช้ คะแนนรวม 11 - 15 คะแนน ไดร้ ะดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง คะแนนรวม 6 - 10 คะแนน คะแนนรวม 1 - 5 คะแนน การสืบพนั ธุแ์ ละการตอบสนองของพืชตอ่ สิ่งเร้า

29 เกณฑก์ ารประเมนิ กจิ กรรมกล่มุ ประเดน็ การ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ 4 คะแนน 0 คแนน 3 คะแนน 2 คะแนน ส่วนน้อย ไมป่ ฏิบัติ หน้าที่ของตนตามที่ 1 ความรว่ มมือกนั ทุกคนปฏิบตั หิ น้าที่ สว่ นใหญป่ ฏิบตั ิ บางส่วนปฏบิ ัติ ไดร้ ับมอบหมาย ไมช่ ว่ ยเหลอื เพอ่ื น ภายในกลุ่ม ของตนเองตามท่ี หนา้ ทขี่ องตนตามที่ หนา้ ท่ขี องตนตามที่ และไม่ยอมรับฟงั ความคดิ เห็นของ ได้รับมอบหมาย ไดร้ ับมอบหมาย ได้รับมอบหมาย ผู้อ่นื และช่วยเหลอื เพื่อน และชว่ ยเหลอื เพ่อื น และช่วยเหลือเพื่อน มกี ารวางแผน การทางานอยา่ งเปน็ ในกลมุ่ เป็นอยา่ งดี ในกลมุ่ ยอมรบั ฟงั ในกลุ่ม ยอมรบั ฟงั ขั้นตอนนอ้ ยมาก ผนู้ ากลมุ่ สามารถ มีความรับผดิ ชอบ ความคิดเห็นของ ความคิดเห็นของ ดาเนินงานตาม บทบาท มภี าวะเปน็ ยอมรบั ฟงั ความ ผู้อ่นื เป็นส่วนใหญ่ ผู้อื่นบ้างเล็กน้อย ผนู้ า สมาชกิ ในกลุ่ม ปฏิบัติตามหนา้ ที่ คดิ เห็นของผอู้ ืน่ และมกี ารปรึกษา หารอื ในกลุม่ นอ้ ย ทุกคร้ัง 2 กระบวนการ มีการวางแผน มกี ารวางแผน มกี ารวางแผน ทางานของกล่มุ การทางานอย่างเป็น การทางานอยา่ ง การทางานอยา่ งเป็น ขนั้ ตอนทกุ ครั้ง เป็นขั้นตอนสว่ น ขั้นตอนบา้ ง ผนู้ ากลุม่ สามารถ ใหญ่ ผูน้ ากล่มุ ผู้นากลมุ่ สามารถ ดาเนินงานตาม สามารถดาเนินงาน ดาเนินงานตาม บทบาทและหน้าท่ี ตามบทบาท มีภาวะ บทบาท มีภาวะเปน็ มภี าวะเปน็ ผนู้ า เป็นผนู้ า สมาชิกใน ผู้นา สมาชิกในกลมุ่ สมาชิกในกลมุ่ ปฏิบตั ิ กลุ่มปฏบิ ตั ิตาม ปฏิบตั ติ ามหน้าที่ ตามหน้าที่ มีการ หน้าทีแ่ ละส่วนใหญ่ และมกี ารปรึกษา ปรกึ ษาหารือ ในกล่มุ มกี ารปรึกษาหารือ หารอื ในกลมุ่ บา้ ง เป็นอย่างดี ในกลมุ่ เลก็ น้อย 3 การนาเสนอ การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน ผลงาน หนา้ ชนั้ เรียนชดั เจน หนา้ ชั้นเรยี นชดั เจน หน้าชน้ั เรียนไมค่ อ่ ย หนา้ ชน้ั เรียนขาด เข้าใจงา่ ย นาเสนอ เขา้ ใจง่าย นาเสนอ ชัดเจน มที า่ ทาง ชัดเจน มที ่าทาง ด้วยความมั่นใจ ได้ทกุ คน มคี วาม เขนิ อาย บางสว่ น เขนิ อาย สว่ นน้อย ทุกคนมีความภูมิใจ ภมู ิใจในผลงาน มีความภมู ใิ จใน มีความภูมิใจใน ในผลงานของตน ของตน และสมาชกิ ผลงานของตน ผลงานของตน และสมาชกิ ในกลุ่ม ในกลมุ่ ยินดนี าเสนอ และสมาชิกในกล่มุ และสมาชกิ ในกลมุ่ ยนิ ดีนาเสนอและ และแลกเปลยี่ น ไม่ค่อยเตม็ ใจ ไม่เตม็ ใจนาเสนอ แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ เรยี นรู้ผลงานกบั นาเสนอ และแลกเปลย่ี น ผลงานกับกลุม่ อนื่ ๆ กลุ่มอื่น ๆ และแลกเปลี่ยน เรียนรู้ผลงานกับ เรยี นรู้ผลงานกบั กลมุ่ อืน่ ๆ กลมุ่ อ่ืน ๆ การสืบพนั ธุแ์ ละการตอบสนองของพชื ตอ่ ส่งิ เรา้

30 เกณฑก์ ารประเมินกจิ กรรมกลมุ่ ประเด็นการ ระดบั คุณภาพ ประเมิน ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ 4 คะแนน 0 คแนน 3 คะแนน 2 คะแนน ทางานสาเร็จ ใช้ 4 ทกั ษะในการ ทางานสาเร็จลลุ ว่ ง ไป ทางานสาเรจ็ ลลุ ว่ ง ไป ทางานสาเรจ็ ใช้ ทักษะกระบวนการ วิทยาศาสตร์ในการ แกป้ ัญหา ดว้ ยดี ใช้ทักษะ ด้วยดี ใชท้ ักษะ ทกั ษะกระบวนการ ทากจิ กรรมการ ทดลอง แก้ไขปัญหา กระบวนการ กระบวนการ วิทยาศาสตรใ์ นการ ทเ่ี กดิ ข้ึนไม่ไดเ้ ลย วิทยาศาสตร์ ในการ วทิ ยาศาสตร์ ในการ ทากิจกรรมการ ทากิจกรรม การ ทากจิ กรรม การ ทดลอง แกไ้ ขปญั หา ทดลอง แกไ้ ขปัญหาที่ ทดลอง แกไ้ ขปัญหา ท่ี ท่ีเกิดขึ้น ไดบ้ ้าง เกิดข้นึ ไดท้ ุกคร้งั เกิดขน้ึ ได้บางครงั้ เลก็ น้อย 5 ความคดิ มกี ารตกแตง่ ชน้ิ งาน ท่ี มีการตกแต่งชิน้ งาน ท่ี มกี ารตกแตง่ ช้ินงาน มกี ารตกแตง่ ชน้ิ งาน รเิ ริม่ มีความแปลกใหม่ ไม่ มคี วามแปลกใหม่ แต่ เลยี นแบบผ้อู น่ื เลียนแบบผอู้ ่ืน สรา้ งสรรค์ ซ้าใคร มีรปู แบบ ดดั แปลงมาจากผ้อู ่นื บางส่วน รูปแบบ ทัง้ หมดรปู แบบไม่ นา่ สนใจ ชดั เจนใน เนื้อหาส่วนใหญช่ ดั เจน นา่ สนใจบา้ ง ไม่ค่อย นา่ สนใจ ไม่ชดั เจน เน้ือหา เข้าใจง่าย และ ในเน้อื หา เข้าใจง่าย ชัดเจนในเนอ้ื หา ในเนอ้ื หา เข้าใจ ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ ง เข้าใจยาก และ ยาก และถูกต้อง ถกู ตอ้ งบ้างเล็กน้อย นอ้ ยมาก การสืบพนั ธ์แุ ละการตอบสนองของพชื ตอ่ สิง่ เร้า

31 แบบบันทึกการประเมนิ กิจกรรม ประเด็นการประเมนิ เลขท่ี ช่อื -สกลุ ค้นคว้าขอ้ มลู จากแหล่งเรยี นรอู้ ่นื รวม สรุปผล การประเมนิ การแลกเปลีย่ นเรียนรกู้ ับเพอ่ื น ความสนใจและความตัง้ ใจ ความถกู ตอ้ งและสมเหตุสมผลของ การตอบคาถาม ความสมบรู ณค์ รบถว้ นของใบงาน 4 4 4 4 4 20 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 การสบื พนั ธ์แุ ละการตอบสนองของพืชตอ่ สิง่ เร้า

32 เกณฑ์การประเมินกิจกรรม แบบประเมินกจิ กรรมผู้เรียน ใช้ประเมินแบบฝึกกิจกรรมผู้เรยี นทเ่ี กดิ ข้ึนในระหวา่ ง ดาเนินกจิ กรรมการเรียนการสอน โดยครผู สู้ อนเป็นผบู้ ันทึกเหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ทีเ่ กิดขน้ึ ของผ้เู รียน เม่อื สิน้ สุดการเรยี นในแตล่ ะแผนการจัดการเรยี นรู้ โดยใช้เกณฑก์ ารประเมนิ ดงั น้ี เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบรบู ริค (Scoring rubrics) แบ่งเปน็ 4 ระดับ โดยเกณฑ์ การประเมินดงั น้ี เกณฑท์ ่ใี ช้ในการประเมิน 4 คะแนน หมายถงึ ดมี าก 3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง ระดับคณุ ภาพ ไดร้ ะดับคณุ ภาพ 4 หมายถงึ ดมี าก ได้ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถงึ ดี คะแนนรวม 16 - 20 คะแนน ได้ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้ คะแนนรวม 11 - 15 คะแนน ไดร้ ะดบั คณุ ภาพ 1 หมายถึง ปรบั ปรงุ คะแนนรวม 6 - 10 คะแนน คะแนนรวม 1 - 5 คะแนน การสบื พนั ธแ์ุ ละการตอบสนองของพชื ต่อส่งิ เร้า

33 แบบบนั ทึกการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คาชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมการทางาน การปฏบิ ัติงานของผเู้ รียนว่ามีการปฏิบัตหิ รอื ไม่ ถ้ามีการปฏิบตั ิในรายการใดให้ขีด ถ้าไมม่ ีใหเ้ ว้นว่าง คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยม เลขที่ ชอ่ื -สกุล ระดบั คุณภาพรวม สรปุ ผล การประเมิน มีเจตคตทิ ีด่ ีต่อการเรียน วิทยาศาสตร์ มคี วามรอบคอบ มงุ่ มั่นการทางาน ใฝ่เรียนรู้ มวี ินัย 3 3 3 3 3 15 ผา่ น / ไม่ผ่าน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 การสบื พนั ธุ์และการตอบสนองของพชื ต่อสิง่ เร้า

34 แบบบนั ทกึ การประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ ม เลขที่ ช่ือ-สกลุ รวม ระดบั คุณภาพ สรุปผล การประเมิน มีเจตคติท่ีดีตอ่ การเรียน วิทยาศาสตร์ มคี วามรอบคอบ มงุ่ มัน่ การทางาน ใฝ่เรียนรู้ มีวินัย 3 3 3 3 3 15 ผา่ น / ไมผ่ ่าน 21 22 23 24 ระดบั คะแนน เกณฑ์การประเมิน ดเี ยยี่ ม ดี 13 - 15 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถงึ ผ่าน 10 - 12 คะแนน ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ ไมผ่ ่าน 7-9 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 1 หมายถงึ ต่ากวา่ 7 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 0 หมายถึง การสืบพันธแุ์ ละการตอบสนองของพืชต่อสิ่งเร้า

35 เกณฑ์การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รายการประเมิน 3 (ดี) เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1 (ต้องปรับปรุง) 1. มีวินยั 2 (พอใช้) - สมุดงาน ชิน้ งาน - สมุดงาน ชนิ้ งาน 2. ใฝเุ รยี นรู้ สะอาดเรียบรอ้ ย - สมดุ งาน ชน้ิ งาน ไมค่ อ่ ยเรยี บรอ้ ย ส่วนใหญส่ ะอาดเรียบร้อย - ปฏิบตั ิตนอย่ใู นข้อตกลง 3. มุง่ มนั่ ในการ - ปฏิบตั ิตนตามขอ้ ตกลง ทางาน ทก่ี าหนดให้ร่วมกันทุก - ปฏบิ ตั ิตนอยู่ในขอ้ ตกลง ทีก่ าหนดรว่ มกัน 4. มีความรอบคอบ ครงั้ ทกี่ าหนดใหเ้ ปน็ บางคร้ัง เป็นบางคร้งั ตอ้ งอาศยั การแนะนา 5. เจตคติท่ีดี - ต้งั ใจเรยี น - ตัง้ ใจเรียน - ต้ังใจเรียนแต่ขาด ต่อการเรียน มคี วามกระตือรอื ร้น มคี วามกระตือรอื รน้ ความกระตอื รอื ร้น วิทยาศาสตร์ ในการเรียน เป็นบางครงั้ - ไม่ค่อยรับผิดชอบ งานทีไ่ ด้รับมอบหมาย - ทางานท่ีได้รบั มอบหมาย - ทางานทไี่ ด้รบั มอบหมาย - ไมส่ นใจซกั ถามปญั หา เป็นอยา่ งดี เปน็ สว่ นใหญ่ ขอ้ สงสัย - สนใจซักถามปญั หาขอ้ - ไม่สนใจซักถามปญั หา - ไมส่ ง่ งาน สงสยั ข้อสงสัย - ไม่มีการตดิ ต่อช้แี จง - ส่งงานตามเวลาท่กี าหนด - ส่งงานช้ากว่ากาหนด - ไม่มกี ารวางแผน - รบั ผดิ ชอบในงานทีไ่ ดร้ บั - ปฏิบตั งิ านโดยตอ้ งอาศัย การดาเนินงาน มอบหมาย การช้ีแนะ คาแนะนา - การทางานไมม่ ีขัน้ ตอน - ปฏบิ ตั ิจนเป็นนิสยั และการตักเตือน มีความผดิ พลาดตอ้ งแกไ้ ข - มีการวางแผนการ - มีการวางแผนการ ดาเนินงาน การทางานไม่ - ไม่จดั เรียงลาดับ ดาเนินงานเป็นระบบ ครบทุกข้ันตอน และ ความสาคญั - การทางานมคี รบทกุ ผดิ พลาดบ้าง - จัดเรยี งลาดับ - ไมม่ ีความสนใจ ขนั้ ตอน ตัดขั้นตอน ความสาคัญกอ่ น-หลังได้ ในการเรยี น ทีไ่ ม่สาคัญออก เปน็ สดั ส่วน - จัดเรยี งลาดับ - สังเกตไดว้ า่ ไม่มีความสขุ ความสาคญั กอ่ น-หลัง - มคี วามสนใจในบางเรือ่ ง ในบางเรื่องขณะเรยี น ถกู ตอ้ งครบถว้ น - สงั เกตไดว้ า่ มีความสุข - มีความสนใจขณะเรียน - ไมค่ อ่ ยทากิจกรรม ตามท่ี - สงั เกตได้ว่ามคี วามสขุ ในบางเร่ืองขณะเรยี น ได้รบั มอบหมายบางเรอ่ื ง ขณะเรยี น - ทากิจกรรมตามท่ีไดร้ บั - ทากจิ กรรมตามที่ไดร้ ับ มอบหมายทกุ ขั้นตอน มอบหมายบางเร่ือง การสบื พนั ธแ์ุ ละการตอบสนองของพชื ต่อสิง่ เร้า

36 แบบประเมินสมรรถนะผู้เรียน คาช้ีแจง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของผู้เรยี นในระหวา่ งเรยี น แล้วทาเครอื่ งหมาย ลงในช่องท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน สมรรถนะที่ประเมิน ระดับคะแนน 32 10 1. ความสามารถในการส่อื สาร 1.1 ใชภ้ าษาถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ ความคดิ ความรู้สกึ และทศั นะ ของตนเองดว้ ยการพดู และการเขยี น 1.2 พดู เจรจาต่อรอง 1.3 เลือกรับหรอื ไมร่ บั ข้อมูลข่าวสาร 1.4 เลอื กใชว้ ธิ กี ารสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 2.1 คิดพนื้ ฐาน (การคดิ วเิ คราะห)์ 2.2 คดิ ขั้นสูง (การคดิ สังเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ คดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ) 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 3.1 ใชก้ ระบวนการแก้ปัญหาโดยวิเคราะห์ปญั หา วางแผน ในการแกป้ ัญหาดาเนินการแก้ปัญหา ตรวจสอบและสรุปผล 3.2 ผลลัพธท์ เ่ี กิดจากการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 4.1 นากระบวนการเรียนร้ทู ีห่ ลากหลายไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั 4.2 เรยี นร้ดู ว้ ยตนเองและเรียนรอู้ ย่างตอ่ เนื่อง 4.3 ทางานและอยูร่ ่วมกนั ในสังคมอย่างมีความสุข 4.4 จดั การกับปัญหาและความขัดแย้งในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม 4.5 ปรบั ตวั ต่อการเปลยี่ นแปลงทางสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม 4.6 หลกี เลย่ี งพฤตกิ รรมไม่พงึ ประสงคท์ ีส่ ง่ ผลกระทบตอ่ ตนเอง และผู้อ่นื รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ - พฤตกิ รรมท่ปี ฏบิ ตั ิชัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ - พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบัติชัดเจนและบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน 35 - 42 3 หมายถงึ ดีเยี่ยม - พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั บิ างครัง้ ให้ 1 คะแนน - ไม่เคยปฏิบตั ิเลย ให้ 0 คะแนน 28 - 34 2 หมายถึง ดี 21 - 27 1 หมายถึง ผ่าน ต่ากว่า 21 0 หมายถึง ไมผ่ ่าน การสบื พันธ์แุ ละการตอบสนองของพชื ต่อสิ่งเรา้

37 แบบบันทึกการประเมนิ สมรรถนะผูเ้ รยี น สมรรถนะผเู้ รยี น เลข ช่อื -สกลุ ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ รวม ระดบั สรปุ ผล ท่ี ความสามารถในการแกป้ ญั หา คณุ ภาพ การประเมิน ความสามารถในการคิด ความสามารถในการสื่อสาร 3 3 3 3 12 ผ่าน / ไมผ่ ่าน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 การสืบพนั ธ์แุ ละการตอบสนองตอ่ สิง่ เร้าของพชื

38 เฉลยชดุ การเรยี นรทู้ ่ี 4 การสืบพันธ์ุ และการตอบสนองของพืชตอ่ ส่ิงเรา้ การสืบพันธ์ุและการตอบสนองต่อส่งิ เร้าของพืช

39 เฉลย แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ชุดการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์โดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน เรื่อง เซลลข์ องสิง่ มีชวี ติ และการดารงชีวิตของพชื ชุดท่ี 4 การสบื พนั ธ์ุและการตอบสนองของพชื ต่อสิง่ เรา้ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปี 1. ก 2. ข 3. ง 4. ง 5. ข 6. ข 7. ค 8. ง 9. ข 10. ค การสบื พนั ธแุ์ ละการตอบสนองต่อสงิ่ เร้าของพืช

40 แนวคาตอบ กิจกรรมท่ี 1 สว่ นประกอบของดอกไม้ คาถามกอ่ นทากจิ กรรม 1. ปญั หาของการทากจิ กรรมน้ีคอื อะไร ดอกไมแ้ ตล่ ะชนดิ มีส่วนประกอบเหมอื นกนั หรอื ไม่ อย่างไร 2. สมมติฐาน ดอกไมแ้ ต่ละชนิดมสี ว่ นประกอบ คอื กลีบเลีย้ ง กลบี ดอก เกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมยี ดอกไมบ้ างชนดิ อาจมสี ว่ นประครบทง้ั 4 สว่ น บางชนดิ อาจขาดอยา่ ไดอย่างหนง่ึ บนั ทึกผลกจิ กรรม ชนิดของดอกไม้ กลบี เล้ียง ภาพส่วนประกอบทีส่ งั เกต เกสรตวั เมยี กลีบดอก เกสรตัวผู้ ดอกชบา ภาพตามทีผ่ ู้เรยี นสังเกตเหน็ จรงิ ดอกมะละกอตวั ผู้ ดอกมะละกอตวั เมยี การสืบพันธแ์ุ ละการตอบสนองต่อสิ่งเรา้ ของพืช

41 คาถามหลงั ทากจิ กรรม 1. ดอกไม้แตล่ ะชนดิ มีสว่ นประกอบเหมือนกันหรือไม่อย่างไร ดอกไมแ้ ตล่ ะชนิดมีสว่ นประกอบ คือ กลีบเลีย้ ง กลีบดอก เกสรตวั ผู้ เกสรตวั เมยี ดอกไมบ้ างชนดิ มสี ่วนประกอบครบทั้ง 4 ส่วน แต่บางชนดิ อาจขาดอย่างใดอยา่ งหน่งึ 2. ดอกมะละกอตัวผกู้ ับดอกมะละกอตัวเมยี มีสว่ นประกอบเหมือนหรือตา่ งกันอย่างไร มีสว่ นประกอบเหมือนกันคอื กลบี เลี้ยง และกลีบดอก แต่ดอกมะละกอตัวผู้จะมีเกสรตวั ผู้ ไม่มี เกสรตัวเมีย และดอกมะละกอตวั เมยี จะไมม่ ีเกสรตวั ผู้ 3. ละอองเรณูมีลกั ษณะอย่างไร ภาพละอองเรณู 4. ยกตวั อย่างดอกของพชื ในชีวิตประจาวัน 4.1 ดอกครบส่วน ชบา กุกลาบ ผักบ้งุ พรกิ มะเขือ 4.2 ดอกไม่ครบส่วน ฟักทอง แตงกวา บวบ เฟอ้ื งฟาู กลว้ ยไม้ สรุป4ผ.3ลดกอจิ กสรรมมบรู ณ์เพศ ชบา กกุ ลาบ ผักบ้งุ พรกิ มะเขือ 4.4กดรอะกแไพมร่ส่ขมอบงูรสณาร์เพคศือ กดาอรกเตคาลลื่อึงนทฟี่หักทรือกงามระกลระจกาอยขา้อวงโพมดเลมกะุลยขมองสาร จากที่มีความเข้มข้น ของสารมาก ไปยังที่มคี วามเขม้ ข้นของสารน้อย จนสารมคี วามเขม้ ขน้ เทา่ กนั สรุปผลกิจกรรม พืชมอี ย่หู ลายชนิดหลายพนั ธุ์ ดอกของพชื ดอกจงึ มลี กั ษณะขนาดและสีที่ ตา่ งกนั ออกไป แต่ไมว่ า่ จะเป็นพืชชนดิ ใด ดอกจะมสี ่วนประกอบท่ีสาคัญ คอื กลีบเล้ยี ง กลีบดอก เกสรตวั ผู้ เกสรตวั เมยี ดอกไมบ้ างชนดิ มีส่วนประกอบครบท้ัง 4 สว่ น แตบ่ างชนิดอาจขาดอย่างใดอย่างหนง่ึ ดอกของพืช มีหน้าท่ใี นการสืบพันธ์ุ การสบื พันธ์แุ ละการตอบสนองต่อสง่ิ เรา้ ของพืช

42 แนวคาตอบ กจิ กรรมท่ี 2 การขยายพันธ์ุพชื คาถามก่อนทากจิ กรรม 1. ปัญหาของการทากิจกรรมนีค้ อื อะไร พชื แตล่ ะชนิดมกี ารขยายพนั ธแุ์ บบเดียวกันหรอื ไม่ อย่าไร 2. สมมติฐาน พืชแต่ละชนิดมีการสืบพันธุเ์ หมือนและตา่ งกันไปตามชนิดของพชื บางชนดิ สืบพันธุแ์ บบอาศยั เพศ บางชนดิ สบื พนั ธแุ์ บบไม่อาศยั เพศ บันทึกผลกจิ กรรม ต้นกุหลาบ สืบพนั ธุ์แบบไม่อาศัยเพศ ต้นกะเพรา โดยการตอนกงิ่ และติดตา สืบพันธแ์ุ บบอาศัยเพศ โดยใชเ้ มลด็ ตน้ มะละกอ สบื พันธ์แุ บบอาศัยโดยการใชเ้ มลด็ ตน้ กลว้ ย และไมอ่ าศยั เพศโดยการตอนกิ่ง สบื พนั ธุแ์ บบไมอ่ าศัยเพศ โดยการแตกหน่อ ตน้ เศรษฐพี ันลา้ น สืบพนั ธ์แุ บบไม่อาศยั เพศ ต้นขา่ โดยการแตกหนอ่ หรอื ปกั ชา สบื พนั ธ์แุ บบไม่อาศัยเพศ โดยการแตกหนอ่ หรอื ปักชา การสืบพนั ธแ์ุ ละการตอบสนองต่อสงิ่ เรา้ ของพชื

43 คาถามหลังกิจกรรม 1. พืชแตล่ ะชนิดสบื พันธุเ์ หมอื นกันหรอื ไม่ อยา่ งไร พืชแตล่ ะชนดิ มีการสืบพนั ธต์ุ ่างกัน บางชนิดสบื พนั ธ์แุ บบอาศัยเพศ บางชนดิ สืบพนั ธุ์ แบบไม่อาศัยเพศ และบางชนดิ สบื พันธ์ไุ ด้ทง้ั แบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ 2. หลงั จากผ่านไป 1 เดอื นมสี ่ิงใดเกิดขนึ้ กบั กิง่ โกสน กงิ่ โกสนตรงท่ตี อนไว้จะมรี ากออกมา 3. เพราะเหตใุ ดจึงต้องปอกเปลอื กก่ิงโกสนออก เป็นการตดั ทอ่ ลาเลียงอาหารของตน้ โกสน 4. การตอนกิง่ ต้นโกสนเป็นการขยายพนั ธุพ์ ชื วิธีใด เปน็ การสืบพนั ธุแ์ บบไม่อาศัยเพศ 5. การขยายพนั ธุพ์ ชื แบบอาศยั เพศและไม่อาศยั เพศเหมือนหรอื ต่างกนั อยา่ งไร ต่างกัน แบบอาศัยเพศ คือการสืบพันธโุ์ ดยการใช้เมล็ด ตอ้ งใช้เซลล์สืบพันธเุ์ พศผูก้ ับเซลล์สืบพนั ธุ์ เพศเมยี เกดิ การปฏิสนธิ แต่จะทาใหเ้ กดิ การกลายพันธ์ุ ส่วนการสืบพันธ์แุ บบไม่อาศยั เพศ ไมต่ ้องใช้เซลลส์ ืบพันธุ์ เชน่ การตอนกง่ิ ตดิ ตา ปกั ชา เป็นตน้ พชื ต้นใหมท่ ไ่ี ด้ จะมีลกั ษณะเหมอื นตน้ เดมิ ไมเ่ กดิ การกลายพันธ์ุ สรุปผลกจิ กรรม พืชแต่ละชนดิ มีการสบื พนั ธุ์ตา่ งกัน บางชนิดสืบพนั ธุ์แบบอาศยั เพศ บางชนิดสบื พันธุ์ แบบไมอ่ าศยั เพศ และบางชนดิ สบื พันธุไ์ ด้ทัง้ แบบอาศยั เพศและไม่อาศัยเพศ การสืบพนั ธ์โุ ดยการใช้เมล็ด ต้องใช้เซลล์สบื พันธเ์ุ พศผู้กบั เซลล์สืบพันธเุ์ พศเมยี เกิดการปฏิสนธิ แตจ่ ะทาใหเ้ กิดการกลายพันธ์ุ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศยั เพศ ไม่ตอ้ งใชเ้ ซลล์สืบพันธุ์ เชน่ การตอนกง่ิ ตดิ ตา ปกั ชา เป็นตน้ พืช ต้นใหมท่ ีไ่ ด้ จะมลี กั ษณะเหมอื นตน้ เดิม ไมเ่ กิดการกลายพันธุ์ ทากันถกู ต้องใช่ไหมครบั เดก็ ๆ การสืบพนั ธแุ์ ละการตอบสนองตอ่ ส่งิ เร้าของพืช

44 แนวคาตอบ กจิ กรรมท่ี 3 การตอบสนองของพืชต่อสง่ิ เร้า คาถามก่อนทากิจกรรม 1. ปัญหาของการทากิจกรรมน้ีคอื อะไร ตน้ ถั่วเขียวในกระถางทใี่ ช้กลอ่ งทึบครอบไว้จะเป็นอยา่ งไร เหมือนหรือตา่ งจากตน้ ทไ่ี ม่มีกลอ่ งทบึ ครอบหรือไม่ อยา่ งไร 2. สมมตฐิ าน ตน้ ถ่วั เขยี วในกระถางที่ใช้กลอ่ งทึบครอบไว้น่าจะเอนไปทางช่องทเ่ี จาะไว้ ส่วนตน้ ทอ่ี ยู่ในกระถาง ไมม่ ีกล่องทบึ ครอบนา่ จะเจริญเตบิ โตตามปกติ บันทึกผลกจิ กรรม ผลการสังเกตตน้ ถัว่ เขียว ต้นถัว่ เขียวในกระถางทใี่ ช้กลอ่ งทบึ ครอบไว้เอนไปทางช่องทเี่ จาะไว้ ส่วนต้นทอี่ ยูใ่ นกระถาง ไมม่ ีกล่องทบึ ครอบเจรญิ เตบิ โตตามปกติ 1. ลาตน้ ของตน้ ถว่ั เขียวทั้ง 2 กระปอ๋ ง ทมี่ ีกลอ่ งทึบครอบและไม่มีกล่องทึบครอบ มีลักษณะเหมอื น หรอื ต่างกันอยา่ งไร ต่างกัน ต้นท่ีอย่ใู นกล่องทึบเอนไปทางชอ่ งที่เจาะไว้ ส่วนตน้ ท่ไี มม่ กี ่องทึบครอบปกติ 2. เพราะเหตุใดต้นถวั่ เขยี วที่มีกล่องทบึ ครอบต้นจงึ โผล่ออกนอกชอ่ งทเ่ี จาะ เพราะเอนไปหาแสง 3. ถา้ เปลีย่ นต้นถว่ั เขยี วเป็นพืชชนิดอื่น ผลการทดลองจะเหมือนกันหรอื ไม่ อยา่ งไร เหมอื นกัน พืชจะตอบสนองตอ่ แสงทเ่ี ป็นส่ิงเร้า ตน้ พชื จะเอนไปทางชอ่ งที่มแี สง เพราะพชื ตอ้ งการแสงมาใช้ในหระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง สรุปผลกจิ กรรม ในกิจกรรมการทดลองมแี สงเปน็ สิ่งเร้า ตน้ ถ่ัวเขียวจะตอบสนองต่อแสงที่เปน็ สิง่ เรา้ โดยเอน ไปทางชอ่ งทีม่ ีแสง ถา้ เปลย่ี นเป็นพืชชนิดอืน่ ก็จะไดก้ ารทดลองเหมอื นกนั เพราะพชื ตอ้ งการแสง มาใชใ้ นหระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง การสบื พนั ธุแ์ ละการตอบสนองตอ่ สง่ิ เร้าของพืช

45 เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น ชุดการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรโ์ ดยใช้ปญั หาเป็นฐาน เรอ่ื ง เซลลข์ องสง่ิ มชี วี ิตและการดารงชีวติ ของพืช ชุดท่ี 4 การสบื พนั ธ์ุและการตอบสนองของพชื ต่อสิง่ เรา้ กล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปี 1. ข 2. ค 3. ข 4. ง 5. ก 6. ข 7. ข 8. ค 9. ง 10. ง การสืบพนั ธแุ์ ละการตอบสนองต่อสง่ิ เร้าของพชื

บรรณานกุ รม กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). ตวั ชี้วัดและสาระการเรยี นร้แู กนกลางกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์. กรงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. ถนดั ศรบี ญุ เรือง และคณะ. (ม.ป.พ.). สอ่ื การเรียนรู้ รายวชิ าพนื้ ฐานกลมุ่ สระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชดุ สมั ฤทธม์ิ าตรฐาน หลักสตู รแกนกลางฯ วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1. กรงุ เทพฯ : อักษรเจรญิ ทศั น์ อจท.จากดั . ยพุ า วรยศ และคณะ. (ม.ป.พ.). หนงั สอื เรียนรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พ.ศ.2551 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 เลม่ 1. กรงุ เทพฯ : อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท.จากัด. ________. (2554). หนังสือเรียนรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พ.ศ.2551 ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 1. กรุงเทพฯ : อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท.จากัด. สถาบนั พัฒนาคณุ ภาพวชิ าการ. (2554). หนงั สือเรยี นรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1. กรุงเทพฯ: บรษิ ัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ. ________. (2556). หนงั สือเรยี นรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 1. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ. ________. (2556). ชุดกิจกรรมพฒั นาการคิด เสริมสร้างสมรรถนะสาคัญ และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผ้เู รียน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เลม่ 1. กรุงเทพฯ : บริษทั พัฒนาคุณภาพวิชาการ. สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. หนังสอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 1 ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 1. กรุงเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าว. ________. (2553). คู่มอื ครูรายวชิ าชีววทิ ยาเพ่มิ เตมิ เลม่ 1. กรงุ เทพฯ: สกสค. http://www.trueplookpanya.com. การตอบสนองของพืชต่อสง่ิ เร้า (ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ เมอ่ื วันทีส่ ืบค้น ข้อมลู 11 กนั ยายน 2556. การสืบพันธ์แุ ละการตอบสนองของพืชต่อส่ิงเร้า

ประวตั ิผจู้ ัดทา ชือ่ นางสาวกิตติมา สนั ตะกจิ วัน เดอื น ปเี กิด 5 เมษายน 2519 การศึกษา พ.ศ. 2557 ศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ สาขา การบรหิ ารการศกึ ษา มหาวิทยาลัยกรงุ เทพธนบุรี การทางาน พ.ศ. 2540 ครุศาสตรบัณฑิต วชิ าเอก วิทยาศาสตร์ทว่ั ไป มหาวิทยาลัยราชภฎั เพชรบรุ ี ระดับช้นั ท่สี อน ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ ผลงานทีผ่ ลมา โรงเรยี นเทศบาล 4 บ้านบอ่ แขม (เรอื นพรง้ิ อาสาสงเคราะห์) ความเชี่ยวชาญ เทศบาลเมืองชะอา จังหวัดเพชรบุรี มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑-๓ สือ่ นวัตกรรมชุดการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ เรื่อง เซลล์ของสิ่งมชี ีวิต และการดารงชวี ิตของพชื การจัดทาเอกสารโดยใช้ Microsoft Public Publish การสบื พันธ์ุและการตอบสนองของพืชตอ่ ส่ิงเรา้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook