Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่มที่ 2 กระบวนการลำเลียงสารของพืช

เล่มที่ 2 กระบวนการลำเลียงสารของพืช

Published by pid_33, 2022-08-26 04:18:36

Description: เล่มที่ 2 กระบวนการลำเลียงสารของพืช

Search

Read the Text Version

ชดุ การเรียนรวู้ ิทยาศาสตรโ์ ดยใช้ปัญหาเปน็ ฐาน เรื่อง เซลล์ของสงิ่ มชี วี ิตและการดารงชีวติ ของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 นางสาวกติ ตมิ า สนั ตะกจิ ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ โรงเรยี นเทศบาล 4 บา้ นบ่อแขม (เรือนพร้งิ อาสาสงเคราะห)์ เทศบาลเมืองชะอา จงั หวดั เพชรบุรี

คานา ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ืองเซลล์ของสิ่งมีชีวิตและการดารงชีวิต ของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จัดทาขึ้น เพื่อพัฒนาการการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน ซ่ึงผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง เสริมสร้างศักยภาพให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามความสามารถ โดยเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ และความ แตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล ซ่งึ สอดคลอ้ งกบั หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ืองเซลล์ของสิ่งมีชีวิตและการดารงชีวิต ของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 มีทั้งหมด 5 ชุด ประกอบดว้ ย ชดุ ท่ี 1 เซลล์ ชดุ ที่ 2 กระบวนการลาเลยี งสารของพืช ชดุ ที่ 3 กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง ชุดท่ี 4 การสบื พันธแ์ุ ละการตอบสนองของพชื ตอ่ สง่ิ เร้า ชดุ ท่ี 5 พชื กบั เทคโนโลยชี ีวภาพ ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ือง เซลล์ ของสิ่งมีชีวิตและการดารงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 จะทาใหน้ ักเรียนได้รบั ความรแู้ ละประสบการณ์การเรียนวิชาวิทยาศาสตร์มาก ขึ้น และสามารถนาความรทู้ ี่ไดร้ ับไปพฒั นาคณุ ภาพการเรยี นวทิ ยาศาสตรใ์ หม้ ปี ระสทิ ธภิ าพย่ิงขึน้ นางสาวกิตติมา สันตะกจิ ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ กระบวนการลาเลียงสารของพชื

สารบญั หนา้ คานา 1 คาแนะนาการใชช้ ุดการเรยี นรู้ 2 คาแนะนาการใชช้ ุดการเรยี นรสู้ าหรับครู 3 คาแนะนาการใช้ชดุ การเรียนรสู้ าหรบั ผูเ้ รยี น 4 มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้วี ัด 5 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 6 ผงั มโนทศั น์ 7 แบบทดสอบกอ่ นเรียน 11 กระบวนการแพรข่ องสาร 12 กิจกรรมท่ี 1 การแพร่ของสาร 14 กระบวนการออสโมซสี 15 กจิ กรรมที่ 2 การออสโมซีส 17 การลาเลียงสารของพืช 18 กิจกรรมท่ี 3 การลาเลยี งน้าของพชื 20 แบบทดสอบหลังเรยี น 23 แบบบนั ทึกผลการประเมินกอ่ นเรียนและหลังเรียน 24 เกณฑก์ ารประเมินแบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรียน 25 แบบประเมินกจิ กรรมกลุ่ม 26 เกณฑก์ ารประเมินกจิ กรรมกลมุ่ 28 แบบบันทกึ การประเมินกจิ กรรม 29 เกณฑก์ ารประเมนิ กิจกรรม 31 แบบประเมินดา้ นคุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ 33 เกณฑ์การประเมินดา้ นคณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ 34 แบบประเมินสมรรถนะผู้เรยี นรายบุคคล 35 แบบบนั ทกึ การประเมินสมรรถนะผเู้ รยี น 36 เฉลยชุดการเรยี นรู้ที่ 2 กระบวนการลาเลยี งสารของพชื บรรณานกุ รม ประวตั ผิ ้จู ัดทา กระบวนการลาเลยี งสารของพชื

1 คาแนะนาการใชช้ ุดการเรยี นรู้ ชุดการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ืองเซลล์ของสิ่งมีชีวิตและการดารงชีวิต ของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จัดทาขึ้นตาม ข้ันตอนการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้สืบเสาะหา ความรู้และสร้าง องค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยเน้นการใช้คาถามและทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ให้ผู้เรียนได้คิดและลงมือปฏิบัติโดยครูเป็นผู้กาหนดสถานการณ์ปัญหา ให้ผู้เรียน เกดิ การคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ การหาเหตผุ ล นาไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็น การสรา้ งแรงจูงใจในการเรยี นให้กับผู้เรียน ทาใหส้ ามารถเรยี นร้ไู ดด้ ้วยตนเองอย่างต่อเน่ือง ความ คงอยขู่ องความรูจ้ ะนานขึ้น ลกั ษณะของการเรยี นรู้โดยใช้ปญั หาเป็นฐาน ประกอบด้วย 1. ใชป้ ัญหาสอดคล้องกับสถานการณจ์ รงิ เปน็ สิง่ กระตุ้นหรือเรมิ่ ต้นในการแสวงหาความรู้ 2. บูรณาการความรใู้ นสาขาต่างๆทเ่ี กี่ยวข้องกบั ปญั หาน้นั ๆ 3. เนน้ กระบวนการคดิ อยา่ งมเี หตุผลเป็นระบบ 4. เรยี นเปน็ กลมุ่ ยอ่ ย โดยมีผสู้ อนเปน็ ผูส้ นบั สนุนและกระต้นุ ชุดการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชวี ิตและการดารงชีวิต ของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ชุดนี้มีขั้นตอน การเรยี นรู้ ดงั นี้ ขัน้ ท่ี 1 ทดสอบกอ่ นเรยี น ขั้นที่ 2 ศึกษาเรียนรจู้ ากใบความรู้ ขนั้ ที่ 3 ปฏิบัติกจิ กรรมกลมุ่ ตามใบงาน ข้นั ท่ี 4 ทดสอบหลงั เรียน กระบวนการลาเลียงสารของพืช

2 คาแนะนาการใชช้ ดุ การเรียนรสู้ าหรบั ผู้สอน เม่ือผู้สอนนาชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่ืองเซลล์ของสิ่งมีชีวิต และการดารงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 ชดุ น้ีไปใช้ ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ควรปฏบิ ัติดงั นี้ 1. ทดสอบความร้กู อ่ นเรยี นของผูเ้ รยี น เพอื่ วัดความรู้พื้นฐานของผเู้ รยี นแต่ละคน 2. จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิตและการดารงชีวิตของพืช กลุ่มสาระเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ชุดท่ี 2 กระบวนการลาเลยี งสารของพชื ควบคกู่ ับแผนการจัดการเรยี นรู้ 3. ขณะปฏบิ ัติกิจกรรมควรแนะนาผู้เรยี นอยา่ งใกล้ชดิ 4. เมอื่ ผู้เรยี นปฏิบตั ิกจิ กรรมเรยี บร้อยแลว้ ใหช้ ่วยกันตรวจสอบคาตอบจากแบบเฉลย 5. ใหผ้ ู้เรยี นซกั ถามเนอื้ หาท่ีไม่เขา้ ใจ แล้วผู้สอนอธิบายคามร้เู พิ่มเติม 6. ทดสอบความเข้าใจของผู้เรียน โดยใช้แบบทดสอบหลงั เรียน 7. ใช้ชดุ การเรียนรู้เพ่ือพัฒนาคามรู้และทักษะให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และซ่อมเสริมความรู้ ด้วยตนเอง กระบวนการลาเลียงสารของพืช

3 คาแนะนาการใชช้ ดุ การเรยี นรสู้ าหรบั ผู้เรยี น ก่อนที่ผู้เรียนจะนาชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่องเซลล์ ของส่ิงมีชีวิตและการดารงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ชดุ นไ้ี ปศึกษาเรียนรู้ ผู้เรียนควรทาความเข้าใจเกี่ยวกับข้ันตอนการใช้ชุด การเรียนรู้อย่างละเอียดเพื่อจะได้ปฏิบัติได้ถูกต้อง โดยทาตามคาแนะนาและปฏิบัติตาม ข้ันตอน ดงั น้ี 1. อ่านคาชี้แจงในการใช้ชุดการเรียนรู้ให้เข้าใจ ศึกษาตัวชี้วัด จุดประสงค์การเรียนรู้ ก่อนศกึ ษาเรียนรู้ 2. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน โดยใช้เวลา 10 นาที เพือ่ วัดความรูพ้ ้นื ฐานของผู้เรยี น 3. ผูเ้ รียนทากิจกรรมตามชุดการเรียนรูเ้ ปน็ กล่มุ โดยปฏบิ ัติดังนี้ ขน้ั ที่ 1 นาเสนอสถานการณป์ ัญหา ข้ันที่ 2 ระบุและวเิ คราะหป์ ญั หา ขั้นท่ี 3 ตง้ั สมมติฐานการแก้ปัญหา ขั้นท่ี 4 แสวงหาความรู้และรวบรวมข้อมูล ขน้ั ที่ 5 อภปิ รายและสรปุ ภายในกลุ่มย่อย ขน้ั ที่ 6 แลกเปลีย่ นความรใู้ นชน้ั เรยี น ข้ันที่ 7 ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. เมอ่ื ผเู้ รียนปฏิบตั ิกจิ กรรมเรียบร้อยแลว้ ชว่ ยกันตรวจสอบจากแบบเฉลยกจิ กรรม 5. ในการทากิจกรรมตามชุดการเรียนรู้ ไม่ควรเปิดเฉลยดูก่อน ขอให้มีความซ่ือสัตย์ ตอ่ ตนเองให้มากทส่ี ดุ 6. เมื่อศึกษาเรียนรู้และทากิจกรรมตามท่ีกาหนดแล้ว ให้ทาแบบทดสอบหลังเรียน เพ่อื ประเมนิ ความเขา้ ใจและความกา้ วหนา้ ของตนเองในการเรยี นรู้ กระบวนการลาเลยี งสารของพืช

4 มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 สมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียง สารเข้า และออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบ ต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและ หน้าท่ี ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตวั ช้วี ดั ว 1.2 ม.1/5 อธบิ ายกระบวนการแพรแ่ ละออสโมซิสจากหลกั ฐาน เชิงประจักษ์และยกตัวอยา่ งการแพร่ และออสโมซสิ ใน ชีวิตประจาวนั ว 1.2 ม.1/9 บรรยายลกั ษณะและหนา้ ที่ของไซเล็มและ โฟลเอ็ม ว 1.2 ม.1/10 เขยี นแผนภาพท่ีบรรยายทิศทาง การลาเลียงสารในไซเล็มและโฟลเอ็ม กระบวนการลาเลียงสารของพชื

5 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) 1. ผู้เรียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจกระบวนการสารผ่านเซลลโ์ ดยกระบวนการแพร่ และออสโมซิส 2. ผู้เรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจกลุ่มเซลลท์ ี่เกี่ยวข้องกับการลาเลยี งนา้ ของพชื 3. ผเู้ รยี นมีความรู้ความเข้าใจโครงสรา้ งท่ีเก่ยี วกับระบบลาเลยี งนา้ และอาหาร ของพชื ด้านทักษะกระบวนการ (P) 1. ระบุปัญหาและสมมติฐานของกิจกรรมได้ 2. ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการทดลองตามข้นั ตอนทก่ี าหนดใหไ้ ด้ 3. นาเสนอผลการอภิปรายหลงั การปฏบิ ัติกิจกรรมได้ ด้านคณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ (A) 1. มีวนิ ัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน 4. มคี วามรอบคอบ กระบวนการลาเลยี งสารของพืช

6 ผังมโนทศั น์ เซลล์ของส่งิ มีชีวติ และกระบวนการดารงชวี ติ ของพืช ความหมายและหน้าที่ของเซลล์ การศกึ ษาเซลล์ด้วยกลอ้ งจลุ ทรรศน์ เซลล์ ขนาดและรปู รา่ งของเซลล์ ส่วนประกอบของเซลล์ กระบวนการ การแพรแ่ ละการออสโมซสิ ลาเลยี งสาร การลาเลียงนา้ และอาหารของพชื โครงสร้างระบบลาเลียงของพชื ของพืช การบวนการ พชื สงั เคราะหแ์ สงอยา่ งไร สงั เคราะหด์ ้วยแสง ปัจจัยที่ใช้ในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง การสืบพนั ธ์ุ โครงสรา้ งของดอกท่ีเกยี่ วขอ้ งกับการสืบพันธุ์ และการตอบสนอง การสบื พนั ธ์ุแบบอาศัยเพศของพชื ของพืชต่อสงิ่ เร้า การสบื พันธุแ์ บบไม่อาศยั เพศของพชื การตอบสนองตอ่ ส่ิงเรา้ ของพชื พืชกับ เทคโนโลยีชวี ภาพ เทคโนโลยีชวี ภาพการขยายพนั ธ์พุ ชื เทคโนโลยีชีวภาพการปรบั ปรงุ พันธ์ุ และเพ่มิ ผลผลติ พชื ประโยชนข์ องเทคโนโลยีชวี ภาพ กระบวนการลาเลยี งสารของพชื

7 แบบทดสอบก่อนเรียน ชดุ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใชป้ ญั หาเป็นฐาน เรอ่ื ง เซลลข์ องส่ิงมชี วี ิตและการดารงชีวิตของพืช ชดุ ท่ี 2 กระบวนการลาเลียงสารของพืช ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 คาชี้แจง ให้นกั เรยี นเขยี นเครอื่ งหมาย × ข้อทถ่ี ูกตอ้ งลงในกระดาษคาตอบ 1. ขอ้ ใดอธบิ ายความหมายของการออสโมซิส ไดถ้ กู ตอ้ งทส่ี ุด ก. เปน็ การเคลอ่ื นท่ีของน้าผา่ นเยอ่ื บางไปยงั บริเวณน้ามากกว่า ข. เป็นการเคล่ือนที่ของสารละลายเข้มข้นไปสสู่ ารละลายเจอื จาง ค. เปน็ การเคล่อื นที่ของนา้ จากบริเวณน้ามากไปยังบริเวณนา้ น้อย ง. เป็นการเคลือ่ นทีข่ องนา้ จากสารละลายเจอื จางผา่ นเยอื่ บางไปสสู่ ารละลาย เข้มข้น 2. นา้ ถกู ลาเลียงข้ึนสู่ลาต้น ในเนือ้ เยื่อลาเลียงน้าได้อย่างไร ก. การลาเลยี งแบบใช้พลงั งานโดยเซลล์ ข. การแพร่ในเน้ือเยือ่ ลาเลยี งน้า ค. แรงดนั ออสโมซสิ ในใบ ง. ใบดงึ นา้ ข้ึนไป 3. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ หลกั การแพร่ ก. การละลายของสี ข. การได้กล่นิ น้าหอม ค. ลกู เหมน็ ไลแ่ มลงสาบ ง. การไหลของน้าไปตามทอ่ 4. การแพร่จะเกดิ ได้ดแี ละรวดเรว็ ต้องอาศัยปจั จยั ใด ก. อนุภาคของสารตอ้ งมีขนาดใหญ่ ข. ตวั กลางมีความหนาแนน่ มาก ค. อุณหภูมิของสารต่าง ง. ความแตกต่างของความหนาแนน่ ของอนภุ าคสาร กระบวนการลาเลียงสารของพชื

8 5. การลาเลยี งอาหารของพืชเกดิ ขน้ึ ในช่วงเวลาใด ก. เฉพาะเวลากลางคืน ข. เฉพาะเวลากลางวัน ค. ทั้งกลางวันและกลางคนื ง. ตอนเชา้ ตร่แู ละตอนเย็น 6. ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ งท่ีสดุ เก่ยี วกบั ทอ่ ลาเลยี งนา้ ของพืช ก. ท่อลาเลียงน้าของพืชล้มลุกไม่สามารถลาเลียงแร่ธาตไุ ด้ ข. ท่อลาเลยี งน้าแทรกอยู่ระหวา่ งเซลล์ทกุ เซลล์ในลาต้นพชื ค. ท่อลาเลยี งน้าประกอบด้วยกลุม่ เซลล์ทยี่ งั มีชีวติ อยู่ท้งั หมด ง. ทอ่ ลาเลยี งนา้ เปน็ ทอ่ ยาวตดิ กนั ตลอดตัง้ แต่ราก ลาตน้ และใบ 7. ข้อใดเกดิ การออสโมซิส ก. ธาตุอาหารในดนิ ถูกลาเลยี งเขา้ สู่ราก ข. อาหารท่พี ืชสรา้ งข้นึ จากเซลล์ในใบถกู ลาเลยี งเข้าไปในลาตน้ ค. การที่น้าในแกว้ คอ่ ยๆ กลายเปน็ สีมว่ งเมื่อหยอ่ นเกล็ดดา่ งทบั ทิมลงไปในแกว้ ง. ถงุ เซลโลเฟนท่ีบรรจุน้ากล่นั มปี รมิ าตรเลก็ ลง เมือ่ หย่อนลงในแกว้ ท่ีบรรจุ สารละลายซโู ครสเขม้ ข้น 8. ปจั จยั ทม่ี ีผลตอ่ การดดู นา้ ของรากพชื คือขอ้ ใด ก. การถ่ายเทอากาศในดิน ข. ความเขม้ ข้นของแสง ค. อายขุ องต้นพชื ง. ชนิดของพชื กระบวนการลาเลยี งสารของพืช

9 9. แก๊สออกซเิ จนผา่ นเขา้ ออกเซลลข์ นรากโดยวธิ ใี ด ก. การแพร่ ข. การดดู กลืน ค. การกระจาย ง. การออสโมซสิ 10. ข้อใดสรุปข้อมูลเก่ยี วกับไซเลม็ ผิด จากความเป็นจรงิ ก. ลาเลยี งน้าและแรธ่ าตุ ข. ประกอบดว้ ยเซลล์ท่ตี ายแล้ว ค. มขี นาดเล็กและอยูใ่ กลเ้ ปลอื กลาตน้ ง. มกี ารลาเลยี งสารภายในที่มีทิศทางขน้ึ ส่ยู อดพชื ไมย่ ากเลยใช่ไหมคะ กระบวนการลาเลยี งสารของพชื

10 พชื ลาเลยี งสารอยา่ งไรนะ ? มาเรียนรเู้ ร่อื ง “กระบวนการลาเลยี งสารของพชื ”กันค่ะ กระบวนการแพรข่ องสารคืออะไร กระบวนการออสโมซิสมีความสาคญั อยา่ งไร โครงสรา้ งระบบลาเลยี งของพืชมอี ะไรบ้าง ระบบลาเลียงของพชื ทางานอยา่ งไร ไปเรียนรู้กันเลย กระบวนการลาเลยี งสารของพชื

11 กระบวนการแพรข่ องสาร การแพรข่ องสาร หมายถึง การเคลือ่ นทห่ี รือการกระจายของโมเลกลุ ของสาร จากทม่ี ี ความเขม้ ขน้ ของสารมาก ไปยงั ทมี่ คี วามเขม้ ขน้ ของสารนอ้ ย โดยจะผา่ น เยอ่ื เลือกผ่านหรือไม่ผ่าน เยื่อเลอื กผ่านกไ็ ด้ ตัวอย่างการแพรข่ องสาร การแพรใ่ นของแขง็ เช่น เกลด็ ดา่ งทบั ทิม และเกลด็ โปตัสเซยี มไดโครเมตแพร่ในวนุ้ การแพร่ในของเหลว เช่น โมเลกลุ น้าตาล อิออนของเกลือแพรใ่ นน้า การแพรใ่ นกา๊ ซ เชน่ การแพร่ของโมเลกุลนา้ หอมในอากาศ การแพรข่ องก๊าซ หรอื ควันไฟในอากาศ การแพร่ของแก๊สเข้า – ออกจากราก แก๊สออกซิเจน (O2) ท่ีอยู่ตามช่องว่างระหว่างอนุภาคดินจะแพร่เข้าสู่เซลล์ขนราก จะแพรก่ ระจายไปยังเซลล์ข้างเคียงต่อ ๆ กันไป ทั้งนี้เซลล์จะใช้แก๊สออกซิเจนในกระบวนการทางเคมี ของเซลล์ เพื่อสลายอาหารให้กลายเป็นพลังงาน และปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ออกมา จากเซลล์ แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ท่ีปล่อยออกมาน้ีจะแพร่ออกในทิศทางตรงกันข้ามกบั ทศิ ทางการแพร่ ของแก๊สออกซิเจน ปจั จยั ควบคมุ อตั ราการแพรข่ องสาร 1. ความเข้มข้นของสาร ถ้าความเข้มข้นของสารระหว่างสองบริเวณ มีค่าต่างกันมาก การแพร่ จะเกิดข้ึนเรว็ โดยสารจากบริเวณท่ีมคี วามเข้มข้นสูงจะแพรไ่ ปสูบ่ รเิ วณทีม่ ีความเขม้ ข้นต่า 2. อุณหภูมิ ถ้าอุณหภูมิสูง การแพร่ของสารจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะอนุภาคของสาร มีพลังงานจลน์สูง 3. ขนาดอนุภาคของสาร สารที่มีขนาดอนุภาคเล็ก และมีน้าหนักเบาจะแพร่ได้เร็วกว่าสารที่มี ขนาดใหญ่และมนี า้ หนักมาก 4. ความสามารถในการละลายของสาร ถ้าสารที่แพร่สามารถละลายได้ดีจะมีอัตราการแพร่สูง นอกจากนี้ยังพบว่า อัตราการแพร่ของสารข้ึนอยู่กับความดันและส่ิงเจือปนที่เป็นอุปสรรค ต่อการเคล่ือนที่ของโมเลกุลของสารด้วย ท้ังน้ีกระบวนการแพร่ของสารจะหยุดลงเมื่อทุกบริเวณมี ความเข้มข้นของสารเทา่ กัน ท่ีมา : http://www.vbcsdf.blogspot.com/ กระบวนการลาเลียงสารของพืช

12 กิจกรรมที่ 1 การแพร่ของสาร จุดประสงค์ 1. ทาการทดลองเพอื่ อธิบายความหมายของการแพรข่ องการได้ 2. ศึกษาการทดลองเพอ่ื อธบิ ายปัจจยั ท่มี ีผลต่อการแพร่ของสารได้ สอ่ื การเรียนรู้ 1. บีกเกอร์ใส่น้า 3 ใบ 2. หมึกสีแดง 3. ดา่ งทบั ทมิ 4. จุนสี 5. ผลไมท้ ีม่ กี ลน่ิ แรง เช่น ขนนุ ทุเรยี น กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ใส่นา้ สะอาดในบกี เกอร์ 3 ใบ ใบละ 200 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร 2. หยดหมกึ สแี ดง 2 หยด เกล็ดดา่ งทับทมิ 2-3 เกลด็ และจนุ สี 2-3 ผลึก ลงในบีกเกอร์ แต่ละใบตามลาดบั 3. สังเกตการเปล่ียนแปลงของ หมึกแดง เกลด็ ดา่ งทบั ทิม และจุนสี บนั ทึกผลการสังเกต ลงในตาราง 4. นาผลไมท้ ม่ี ีกลิ่นแรง เชน่ ขนุน ทุเรียน วางไวม้ มุ หอ้ งดา้ นหน่งึ ให้คนที่อยูท่ ่มี ุมห้อง อีกด้านหน่ึงบอกช่อื ของผลไม้ นา้ น้า น้า หมกึ สีแดง ด่างทับทมิ จนุ สี คาถามก่อนทากิจกรรม 1. ปัญหาของการทากจิ กรรมน้คี อื อะไร ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... 2. สมมตฐิ าน ....................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... บันทึกผลกิจกรรม ชนดิ ของสาร ผลการสงั เกตสารในน้า หมึกสีแดง ดา่ งทบั ทิม จุนสี กลิน่ ของผลไม้ กระบวนการลาเลยี งสารของพืช

13 คาถามหลังทากิจกรรม 1. เพราะเหตใุ ดเม่ือตง้ั บีกเกอร์ทใี่ สส่ ารทัง้ 3 ชนิดทงิ้ ไว้ สารละลายในบกี เกอร์จงึ มสี เี หมอื นกนั ทกุ สว่ น ......................................................................................................................................................... 2. ผลไม้ทีน่ ามาทดลอง มกี ล่ินทสี่ ามารถแพร่ได้หรอื ไม่ ......................................................................................................................................................... 3. สารที่แพร่ได้ จะอยู่ในสถานะใดไดบ้ ้าง ......................................................................................................................................................... 4. การแพร่ของสาร หมายถึงอะไร ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... 5. ใหน้ กั เรยี นยกตวั อย่างการแพรข่ องสารในชีวติ ประจาวนั ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... 6. การแพรข่ องสาร จะมากหรือน้อยขึน้ อยู่กบั อะไรได้บา้ ง ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... สรปุ ผลกจิ กรรม ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... หาคาตอบได้ไหมครับ กระบวนการลาเลยี งสารของพืช

14 กระบวนการออสโมซีส ออสโมซิส คือ การแพร่ของโมเลกุลของน้าจากบริเวณที่มีความเข้มข้นของน้ามาก ไปยังบรเิ วณทีม่ คี วามเข้มขน้ ของนา้ น้อย โดยผ่านเย่อื กัน้ บางๆ ซ่งึ ทาหนา้ ทเี่ ปน็ เยือ่ เลอื กผ่าน เยอ่ื เลือกผา่ น คือเย่อื บางๆทย่ี อมใหส้ ารบางอย่างผา่ นได้ แตส่ ารบางอยา่ งผ่านไม่ได้ การออสโมซิส เป็นกระบวนการที่เกิดจากเซลล์อยู่ในสภาพท่ีมีความเข้มข้นแตกต่างกับ สิ่งแวดล้อม ทาให้โมเลกุลของน้าในเซลล์มีการเคล่ือนที่จากบริเวณที่มีความเข้มข้นของน้ามาก ไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้นของน้าน้อย ผ่านเย่ือหุ้มเซลล์ และทาให้เกิดแรงดันออสโมซิส เช่น การดูดนา้ ของรากพชื ในดนิ ทมี่ า : https://ongisara.wordpress.com/ ปจั จัยทม่ี ผี ลต่อการออสโมซิส 1. ความแตกต่างของความเข้มขน้ ของโมเลกลุ ของสารในท่ี 2 แห่ง 2. ขนาดของโมเลกุลของสาร 3. สมบัติของเยือ่ กัน้ ทจ่ี ะยอมหรอื ไม่ยอมให้โมเลกุลของสารผ่านได้ ที่มา : http://www.sahavicha.com/ กระบวนการลาเลยี งสารของพืช

15 กิจกรรมที่ 2 การออสโมซสิ จุดประสงค์ 1. ทาการทดลองเพือ่ อธบิ ายความหมายของการออสโมซิสได้ 2. ศกึ ษาการทดลองเพอ่ื อธิบายปัจจัยท่ีมีผลตอ่ การออสโมซิสของสารได้ ส่อื การเรียนรู้ 1. บกี เกอร์ใส่นา้ 1 ใบ 2. หลอดนาแก๊ส 1 หลอด 3. สารละลายน้าตาล 10% 4. กระดาษเซลโลเฟน 1 แผน่ 5. ขาต้ังหลอดทดลอง 1 ชุด 6. นาฬกิ าจบั เวลา 1 เรอื น กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. เทสารละลายนา้ ตาล 10% โดยปริมาตรใสถ่ ุงกระดาษเซลโลเฟน 2. เสยี บหลอดนาแกส๊ เข้าทป่ี ากถุงที่ใส่สารละลายน้าตาล 3. แช่ถงุ สารละลายน้าตาลในบกี เกอร์ ระวังอยา่ ใหน้ า้ ทว่ มถึงปากถุง 4. ใชท้ ี่ต้งั หลอดทดลองจับหลอดนาแก๊สแทนมอื 5. สงั เกตระดับนา้ ในหลอดนาแก๊สทกุ ๆ 2 นาที เป็นเวลา 10 นาที แล้วบันทึกผลการสงั เกต ลงในตาราง คาถามก่อนทากิจกรรม 1. ปัญหาของการทากจิ กรรมนคี้ ืออะไร ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... 2. สมมตฐิ าน ....................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... บันทึกผลกิจกรรม เวลา (นาท)ี ระดบั น้าในหลอดแกว้ (เซนติเมตร) 2 4 6 8 10 กระบวนการลาเลียงสารของพชื

16 คาถามหลังทากิจกรรม 1. เพราะเหตใุ ดสารละลายในหลอดนาแก๊สจึงสงู ขน้ึ ........................................................................................................................................................ 2. ถ้าแช่ถงุ สารละลายนา้ ตาลนใ้ี นสารละลายน้าตาลเหมือนกนั จะเกิดการเปลี่ยนแปลง หรือไม่ อยา่ งไร ........................................................................................................................................................ 3. ถา้ ทาการทดลองสลับกัน โดยนาน้าใสใ่ นถงุ เซลโลเฟน แล้วใสส่ ารละลายนา้ ตาลใน บกี เกอรแ์ ทน จะเกดิ การเปลีย่ นแปลงหรือไม่ อยา่ งไร ........................................................................................................................................................ 4. การออสโมซสิ หมายถึงอะไร ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ 5. การออสโมซสิ จะเกดิ มากหรือน้อยขึน้ อยู่กบั อะไร ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ สรปุ ผลกจิ กรรม ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. หาคาตอบกนั ไดไ้ หมครับ กระบวนการลาเลยี งสารของพชื

17 การลาเลียงสารของพชื โครงสร้างของระบบลาเลยี ง ในพืชชนั้ สงู เช่น พืชดอกจะมีเนอ้ื เย่อื ทาหน้าทีล่ าเลยี งสารตา่ ง ๆ เรยี กว่า วาสควิ ลาร์ บันเดลิ (Vascular bundle) ประกอบดว้ ย 1. เนื้อเยือ่ ไซเล็ม (Xylem) ทาหน้าที่ลาเลียงน้าและแร่ธาตุจากดนิ ขน้ึ สใู่ บ เพ่ือสร้างอาหารดว้ ย กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง 2. เนื้อเยือ่ โฟลเอม็ (Phloem) ทาหน้าที่ลาเลียงอาหารท่สี รา้ งจากใบไปสู่สว่ นตา่ ง ๆ ของพืช ซึ่งการจดั เรยี งตัวของไซเลม็ และโฟลเอ็มในราก และลาต้นของพชื ใบเลยี้ งเดยี่ ว และพชื ใบเลีย้ งคู่จะมี ความแตกต่างกนั ระบบลาเลียงนา้ และแร่ธาตุ 1. นา้ ในดนิ เคลอ่ื นทเ่ี ข้าสรู่ ากไดโ้ ดยกระบวนการออสโมซิส 2. แร่ธาตทุ ่ีอยูใ่ นรปู ของสารละลายผ่านเขา้ สูร่ ากโดยกระบวนการแพร่ และแอคทีฟทรานสปอรต์ 3. เม่ือนา้ และแร่ธาตผุ า่ นเขา้ สูภ่ ายในเซลล์ขนรากแล้ว น้าจะออสโมซิสจากเซลล์ขนรากไปยงั เซลลร์ าก ท่ีอยูต่ ดิ กันไปเร่ือยๆ จนถงึ ท่อลาเลยี งที่เรียกว่า ไซเลม็ น้าและแรธ่ าตุจะถูกส่งไปตามไซเล็ม ไปยงั สว่ นตา่ งๆ ของพืช 4. น้าและแร่ธาตุจากรากข้นึ ไปสูย่ อดพชื ได้ เพราะมีแรงดงึ ท่เี กิดจากการคายนา้ ของใบดึงดดู ให้ นา้ และแร่ธาตุ ลาเลยี งข้ึนไปตลอดเวลาคล้ายกับการที่เราดดู น้าจากขวดหรือจากแก้วโดยใช้หลอดดูด ระบบลาเลียงสารอาหาร 1. สารอาหารท่พี ืชสร้างขึน้ คือ น้าตาลกลโู คสทีอ่ ยู่ในรูปของสารละลาย 2. สารละลายกลโู คสจะถกู ลาเลยี งจากใบไปสู่สว่ นตา่ งๆ ของพืชผ่านทางท่อโฟลเอม็ โดย กระบวนการแพร่ และแอคทีฟทรานสปอร์ต 3. การลาเลียงอาหารเปน็ การเคลื่อนทจ่ี ากด้านบนของตน้ พชื ลงสู่ดา้ นล่างไปเล้ยี งสว่ นของลาตน้ และราก แตก่ ็มีบางส่วนท่มี กี ารลาเลยี งไปในทิศทางขนึ้ ด้านบนเหมอื นกนั เชน่ การลาเลยี งไปเล้ยี งดอก และผล เปน็ ต้น ทมี่ า : http://www.trueplookpanya.com/ กระบวนการลาเลียงสารของพชื

18 กจิ กรรมที่ 3 การลาเลยี งน้าของพชื จดุ ประสงค์ 1. ทาการทดลองเพ่อื ศกึ ษาการลาเลียงนา้ และการลาเลียงธาตุอาหารของพชื 2. อธบิ ายการทางานของราก และลาตน้ ของพชื ได้ สื่อการเรียนรู้ 1. บกี เกอรข์ นาด 250 ml 2 ใบ 2. น้า 3. ต้นกระสงั 4. ต้นหญ้าขน 5. สผี สมอาหารสีแดง 6. แทง่ แกว้ คนสาร กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ใส่น้าลงในบีกเกอรข์ นาด 250 ml 3 ใน 4 สว่ นของบกี เกอร์ ทัง้ 2 ใบ ใส่สีผสมอาหารสีแดง ลงไป ใช้แท่งแก้วคนให้สกี ับน้าเป็นเนื้อเดียวกัน 2. นาตน้ กระสังและตน้ หญ้าขนมาลา้ งรากใหส้ ะอาด จากนนั้ แชต่ ้นกระสังและตน้ หญ้าขนลงไป ในบีกเกอร์นา้ สี ทีเ่ ตรยี มไว้ ตั้งท้งิ ไว้เปน็ เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 3. สังเกตผลทเ่ี กดิ ขนึ้ แลว้ บันทกึ ผลการทดลอง 4. นาตน้ กระสงั และตน้ หญ้าขนทผ่ี า่ นการทดลองมาผา่ ลาต้น ตามแนวยาวและตามแนวขวาง นาไปสอ่ งดูด้วยกลอ้ งจลุ ทรรศน์ คาถามกอ่ นทากิจกรรม 1. ปัญหาของการทากจิ กรรมนค้ี อื อะไร ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... 2. สมมติฐาน ....................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... บันทึกผลกจิ กรรม ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ภาพลาต้นตัดตามขวาง ต้นกระสัง ต้นหญา้ ขน กระบวนการลาเลียงสารของพืช

คาถามหลังทากจิ กรรม 19 ช่วยกนั คิดนะเดก็ ๆ 1. เม่อื เวลาผา่ นไป 1 ช่วั โมง ต้นกระสังและตน้ หญ้าขนที่อยู่ในบกี เกอรน์ ้าสีมกี ารเปลี่ยนแปลงอยา่ ไร ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... 2. เพราะเหตุใดน้าสีจึงเคล่อื นที่ไปอย่ใู นลาต้นของตน้ กระสังและตน้ หญ้าขน ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... 3. ตน้ กระสงั และตน้ หญา้ ขนเปน็ พืชใบเล้ยี งคู่หรือพืชใบเลีย้ งเด่ยี ว ......................................................................................................................................................... 4. ทอ่ ลาเลียงนา้ และอาหารของพืชใบเล้ยี งคู่ และพชื ใบเลีย้ งเด่ียวมีลกั ษณะอยา่ งไร ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... 5. การลาเลยี งนา้ และแรธ่ าตุของพชื มีกระบวนการอย่างไรบ้าง ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... สรปุ ผลกจิ กรรม ................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. กระบวนการลาเลียงสารของพชื

20 แบบทดสอบหลังเรยี น ชุดการเรยี นรู้วิทยาศาสตรโ์ ดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เรอื่ ง เซลลข์ องส่งิ มชี วี ิตและการดารงชีวิตของพืช ชุดท่ี 2 กระบวนการลาเลยี งสารของพชื ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 คาชี้แจง ให้นกั เรียนเขียนเครอ่ื งหมาย × ขอ้ ท่ีถูกต้องลงในกระดาษคาตอบ 1. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ หลักการแพร่ ก. การละลายของสี ข. การไดก้ ล่นิ น้าหอม ค. ลูกเหมน็ ไล่แมลงสาบ ง. การไหลของน้าไปตามท่อ 2. ขอ้ ใดอธบิ ายความหมายของการออสโมซิส ไดถ้ ูกตอ้ งที่สุด ก. เป็นการเคลือ่ นที่ของน้าผา่ นเยอื่ บางไปยงั บริเวณนา้ มากกวา่ ข. เปน็ การเคลื่อนทีข่ องสารละลายเขม้ ขน้ ไปสสู่ ารละลายเจือจาง ค. เปน็ การเคลอ่ื นทข่ี องนา้ จากบริเวณนา้ มากไปยงั บริเวณน้าน้อย ง. เป็นการเคลอื่ นที่ของนา้ จากสารละลายเจือจางผ่านเยื่อบางไปสู่สารละลายเขม้ ข้น 3. การแพร่จะเกดิ ไดด้ แี ละรวดเร็ว ตอ้ งอาศยั ปัจจยั ใด ก. อนุภาคของสารต้องมขี นาดใหญ่ ข. ตัวกลางมคี วามหนาแน่นมาก ค. อุณหภูมิของสารต่าง ง. ความแตกต่างของความหนาแนน่ ของอนุภาคสาร กระบวนการลาเลียงสารของพชื

21 4. แก๊สออกซิเจนผา่ นเข้าออกเซลล์ขนรากโดยวิธีใด ก. การแพร่ ข. การดูดกลนื ค. การกระจาย ง. การออสโมซสิ 5. ข้อใดสรปุ ขอ้ มูลเก่ยี วกับไซเลม็ ผิด จากความเป็นจรงิ ก. ลาเลียงน้าและแรธ่ าตุ ข. ประกอบดว้ ยเซลลท์ ตี่ ายแล้ว ค. มีขนาดเล็กและอยู่ใกล้เปลือกลาตน้ ง. มีการลาเลียงสารภายในท่ีมีทิศทางขนึ้ ส่ยู อดพืช 6. การลาเลยี งอาหารของพืชเกดิ ข้ึนในช่วงเวลาใด ก. เฉพาะเวลากลางคืน ข. เฉพาะเวลากลางวนั ค. ทงั้ กลางวนั และกลางคนื ง. ตอนเชา้ ตรแู่ ละตอนเย็น 7. ข้อใดเกิดการออสโมซสิ ก. ธาตอุ าหารในดินถูกลาเลยี งเขา้ สู่ราก ข. อาหารทพ่ี ืชสรา้ งขึน้ จากเซลล์ในใบถูกลาเลยี งเข้าไปในลาตน้ ค. การท่ีน้าในแก้วคอ่ ยๆ กลายเปน็ สมี ่วงเมื่อหย่อนเกล็ดด่างทับทิมลงไปในแกว้ ง. ถงุ เซลโลเฟนทบี่ รรจุนา้ กลั่นมปี ริมาตรเลก็ ลง เมอ่ื หย่อนลงในแก้วท่ีบรรจุ สารละลายซโู ครสเขม้ ขน้ กระบวนการลาเลียงสารของพชื

22 8. นา้ ถูกลาเลียงขึน้ สู่ลาต้น ในเนือ้ เย่ือลาเลยี งนา้ ได้อยา่ งไร ก. การลาเลยี งแบบใชพ้ ลังงานโดยเซลล์ ข. การแพร่ในเน้อื เยือ่ ลาเลยี งนา้ ค. แรงดันออสโมซสิ ในใบ ง. ใบดึงน้าขนึ้ ไป 9. ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ งทีส่ ุดเก่ียวกับทอ่ ลาเลยี งนา้ ของพชื ก. ทอ่ ลาเลยี งน้าของพืชล้มลุกไม่สามารถลาเลียงแร่ธาตุได้ ข. ทอ่ ลาเลยี งนา้ แทรกอยรู่ ะหว่างเซลลท์ กุ เซลล์ในลาต้นพชื ค. ทอ่ ลาเลยี งนา้ ประกอบดว้ ยกลุ่มเซลล์ที่ยังมชี วี ิตอยทู่ ั้งหมด ง. ท่อลาเลียงน้าเป็นทอ่ ยาวตดิ กนั ตลอดต้ังแตร่ าก ลาตน้ และใบ 10. ปจั จัยที่มีผลตอ่ การดูดน้าของรากพืช คอื ข้อใด เธอทาได้หรือเปล่า ก. การถา่ ยเทอากาศในดนิ ข. ความเข้มข้นของแสง ค. อายุของต้นพืช ง. ชนิดของพืช สบายมากจะ้ กระบวนการลาเลยี งสารของพืช

23 แบบบนั ทึกผลการประเมินก่อนเรียนและหลังเรยี น ชดุ การเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรโ์ ดยใช้ปญั หาเปน็ ฐาน เรื่อง เซลลข์ องส่ิงมีชวี ิตและการดารงชีวิตของพืช ชุดท่ี 2 กระบวนการลาเลียงสารของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 การประเมิน เลขที่ ชือ่ - นามสกุล กอ่ นเรยี น ผล หลงั เรยี น ผล หมายเหตุ การประเมนิ การประเมนิ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 กระบวนการลาเลียงสารของพชื

24 เกณฑก์ ารประเมนิ แบบทดสอบกอ่ นเรียน และหลงั เรยี น 5 - 10 คะแนน หมายถงึ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน ต่ากวา่ 5 คะแนน หมายถงึ ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 9 - 10 คะแนน หมายถึง ดีมาก 7–8 คะแนน หมายถงึ ดี 5-6 คะแนน หมายถงึ พอใช้ ตา่ กว่า 5 คะแนน หมายถึง ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน กระบวนการลาเลียงสารของพชื

25 แบบประเมินกจิ กรรมกลุ่ม กลมุ่ ท.่ี ........................................................ เรอ่ื ง............................................................................... คาชีจ้ ง ใหผ้ ปู้ ระเมินใสเ่ คร่อื งหมาย ลงในช่อองวา่ งตามความเปน็ จริง ท่ี รายการประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 1 ความร่วมมือกนั ภายในกลุ่ม 2 ความสนใจและความตงั้ ใจในการทางาน 3 การนาเสนอผลงาน 4 ทกั ษะการแกป้ ัญหา 5 ความคดิ ริเรมิ่ สร้างสรรค์ รวมคะแนน 20 คะแนน เกณฑท์ ่ใี ชใ้ นการประเมนิ 4 คะแนน หมายถงึ ดีมาก ดี 3 คะแนน หมายถงึ พอใช้ ปรับปรงุ 2 คะแนน หมายถงึ 1 คะแนน หมายถึง ระดับคุณภาพ ไดร้ ะดบั คุณภาพ 4 หมายถึง ดมี าก ไดร้ ะดับคณุ ภาพ 3 หมายถึง ดี คะแนนรวม 16 - 20 คะแนน ไดร้ ะดับคณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้ คะแนนรวม 11 - 15 คะแนน ได้ระดบั คุณภาพ 1 หมายถึง ปรบั ปรงุ คะแนนรวม 6 - 10 คะแนน คะแนนรวม 1 - 5 คะแนน กระบวนการลาเลียงสารของพืช

26 เกณฑ์การประเมินกิจกรรมกลมุ่ ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ 4 คะแนน 0 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 ความร่วมมอื กัน ทุกคนปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ ส่วนใหญป่ ฏบิ ตั ิ บางสว่ นปฏบิ ตั ิ ส่วนน้อย ไม่ปฏิบัติ ภายในกลมุ่ ของตนเองตามท่ี หน้าทข่ี องตนตามท่ี หน้าทข่ี องตนตามท่ี หน้าทข่ี องตนตามท่ี ได้รับมอบหมาย และ ไดร้ บั มอบหมาย ไดร้ บั มอบหมายและ ไดร้ ับมอบหมาย ชว่ ยเหลือเพอื่ นใน และช่วยเหลือเพ่ือน ชว่ ยเหลือเพ่อื น ไมช่ ว่ ยเหลือเพอ่ื น กล่มุ เป็นอยา่ งดี ในกลุ่ม ยอมรบั ฟงั ในกลมุ่ ยอมรบั ฟงั และไม่ยอมรับฟัง มีความรับผดิ ชอบ ความคิดเห็นของ ความคิดเหน็ ของ ความคิดเหน็ ของ ยอมรับฟงั ความ ผู้อน่ื เป็นส่วนใหญ่ ผอู้ ่นื บ้างเล็กน้อย ผู้อน่ื คิดเห็นของผ้อู นื่ ทุกครัง้ 2 กระบวนการ มีการวางแผน มีการวางแผน มีการวางแผน มีการวางแผน ทางานของกลมุ่ การทางานอยา่ งเปน็ การทางานอย่าง การทางานอยา่ งเปน็ การทางานอย่าง ขน้ั ตอนทุกครั้ง เป็นขน้ั ตอนส่วน ข้นั ตอนบา้ ง ผ้นู า เป็นข้นั ตอนน้อย ผู้นากลมุ่ สามารถ ใหญ่ ผ้นู ากลุ่ม กล่มุ สามารถ มาก ผู้นากลุ่ม ดาเนินงานตาม สามารถดาเนนิ งาน ดาเนินงานตาม สามารถดาเนนิ งาน บทบาทและหน้าที่ ตามบทบาท มภี าวะ บทบาท มภี าวะเป็น ตามบทบาท มภี าวะ มีภาวะเป็นผ้นู า เปน็ ผ้นู า สมาชิกใน ผนู้ า สมาชิกในกลุ่ม เป็นผู้นา สมาชกิ ใน สมาชกิ ในกลุ่มปฏบิ ัติ กลุม่ ปฏบิ ัตติ าม ปฏบิ ตั ติ ามหน้าที่ กล่มุ ปฏบิ ตั ิตาม ตามหน้าท่ี มกี าร หน้าท่แี ละสว่ นใหญ่ และมีการ หน้าที่ และมีการ ปรึกษาหารอื ในกลุ่ม มีการปรกึ ษาหารอื ปรึกษาหารอื ในกลุ่ม ปรกึ ษาหารือ เป็นอย่างดี ในกลุม่ บ้างเล็กน้อย ในกลุ่มน้อย 3 การนาเสนอ การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน ผลงาน หนา้ ช้ันเรยี นชัดเจน หนา้ ชนั้ เรยี นชัดเจน หน้าช้ันเรยี นไม่คอ่ ย หน้าชั้นเรียนขาด เขา้ ใจง่าย นาเสนอ เขา้ ใจงา่ ย นาเสนอ ชดั เจน มที า่ ทาง ชดั เจน มีทา่ ทาง ดว้ ยความมั่นใจ ได้ทกุ คน มีความ เขินอาย บางส่วน เขินอาย สว่ นนอ้ ย ทุกคนมคี วามภมู ิใจ ภมู ใิ จในผลงาน มีความภูมิใจใน มีความภมู ใิ จใน ในผลงานของตน ของตน และสมาชกิ ผลงานของตน ผลงานของตน และสมาชิกในกล่มุ ในกลมุ่ ยนิ ดีนาเสนอ และสมาชกิ ในกลุม่ และสมาชกิ ในกลุ่ม ยนิ ดีนาเสนอและ และแลกเปล่ียน ไม่ค่อยเตม็ ใจ ไม่เต็มใจนาเสนอ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรียนรผู้ ลงานกบั นาเสนอ และ และแลกเปลย่ี น ผลงานกบั กลุม่ อน่ื ๆ กลมุ่ อน่ื ๆ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรียนรู้ผลงานกบั ผลงานกบั กลุ่มอ่ืน ๆ กลมุ่ อ่ืน ๆ กระบวนการลาเลียงสารของพืช

27 เกณฑ์การประเมินกจิ กรรมกลุ่ม ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ 4 คะแนน 0 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน ทางานสาเรจ็ 4 ทักษะในการ ทางานสาเร็จลลุ ่วง ทางานสาเร็จลุลว่ ง ทางานสาเร็จ ใชท้ กั ษะ กระบวนการ แกป้ ัญหา ไปด้วยดี ใชท้ ักษะ ไปด้วยดี ใชท้ ักษะ ใช้ทักษะ วทิ ยาศาสตร์ ในการทากิจกรรม กระบวนการ กระบวนการ กระบวนการ การทดลอง แก้ไข ปญั หาทีเ่ กดิ ข้ึนไม่ได้ วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ในการทากิจกรรม ในการทากจิ กรรม ในการทากจิ กรรม การทดลอง แก้ไข การทดลอง แกไ้ ข การทดลอง แก้ไข ปัญหาทเี่ กิดขึ้นได้ทุก ปญั หา ทเี่ กดิ ขน้ึ ได้ ปัญหาที่เกดิ ขึ้น ได้ 5 ความคิด มกี ารตกแตง่ ชิ้นงาน มีการตกแตง่ ชน้ิ งาน มีการตกแต่งช้นิ งาน มีการตกแตง่ ชิ้นงาน ริเริม่ ทมี่ คี วามแปลกใหม่ ทม่ี คี วามแปลกใหม่ เลยี นแบบผอู้ ่นื เลียนแบบผ้อู นื่ สรา้ งสรรค์ ไมซ่ า้ ใคร มรี ูปแบบ แต่ดัดแปลงมาจาก บางส่วน รูปแบบ ทั้งหมดรูปแบบไม่ นา่ สนใจ ชดั เจนใน ผูอ้ นื่ เน้อื หาสว่ นใหญ่ นา่ สนใจบา้ ง ไม่คอ่ ย น่าสนใจ ไมช่ ัดเจน เน้อื หา เข้าใจงา่ ย และ ชดั เจนในเนอ้ื หา ชดั เจนในเนื้อหา ในเน้ือหา เข้าใจ ถูกต้อง เข้าใจง่าย ถกู ต้อง เข้าใจยาก และ ยาก และถูกต้อง ถูกต้องบา้ งเลก็ น้อย น้อยมาก กระบวนการลาเลียงสารของพืช

ส ุรปผล 4 4 4 4 4 20 การประเมิน กระบวนการลาเ ีลยงสารของพืช รวม 28 ค้นคว้าขอ้ มลู จากแหล่งเรยี นรอู้ ่นื การแลกเปลีย่ นเรียนรกู้ ับเพอ่ื น แบบบัน ึทกการประเมิน ิกจกรรม ความสนใจและความตัง้ ใจ ประเ ็ดนการประเมิน ความถกู ตอ้ งและสมเหตุสมผลของ การตอบคาถาม ความสมบรู ณค์ รบถว้ นของใบงาน ชื่อ-ส ุกล เลข ่ที 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22

29 เกณฑก์ ารประเมินกิจกรรม แบบประเมินกจิ กรรมผู้เรยี น ใช้ประเมนิ แบบฝึกกิจกรรมผู้เรียนทเี่ กดิ ข้นึ ในระหวา่ ง ดาเนนิ กิจกรรมการเรียนการสอน โดยครูผู้สอนเป็นผ้บู นั ทกึ เหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ทเ่ี กิดขน้ึ ของผู้เรยี น เมื่อสิน้ สุดการเรยี นในแต่ละแผนการจดั การเรยี นรู้ โดยใช้เกณฑก์ ารประเมินดังน้ี เกณฑ์การใหค้ ะแนนแบบรูบรคิ (Scoring rubrics) แบง่ เป็น 4 ระดับ โดยเกณฑ์ การประเมนิ ดังน้ี เกณฑ์ทีใ่ ช้ในการประเมิน 4 คะแนน หมายถึง ดีมาก 3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ ระดับคุณภาพ ได้ระดบั คุณภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก ได้ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง ดี คะแนนรวม 16 - 20 คะแนน ได้ระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้ คะแนนรวม 11 - 15 คะแนน ได้ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง ปรบั ปรุง คะแนนรวม 6 - 10 คะแนน คะแนนรวม 1 - 5 คะแนน กระบวนการลาเลยี งสารของพืช

30 เกณฑก์ ารประเมนิ กจิ กรรม ระดบั คณุ ภาพ รายการประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ 1 คะแนน 4 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน งานไม่สมบรู ณ์ ไมช่ ดั เจน 1. ความสมบูรณ์ งานสมบูรณ์ งานสมบรู ณ์ งานสมบูรณ์ และไมต่ รงประเด็น ของใบงาน ชัดเจน ทาใบงาน ชดั เจน ทาใบงาน แตไ่ มช่ ัดเจน ทางานไดถ้ กู ต้อง บา้ งแต่ไมส่ ามารถ ไดอ้ ย่างครบถว้ น ไดไ้ มค่ รบถว้ น และ และไม่ตรงประเด็น ยกตัวอย่างมา อธิบายคาตอบได้ ของจานวนท้งั หมด ส่วนใหญต่ รง คาตอบยังไม่ และตรงประเด็น ประเดน็ สรา้ งสรรค์ มียกตวั อยา่ ง แต่ยงั 2. ความถูกต้อง ทางานไดถ้ กู ต้อง ทางานไดถ้ ูกต้อง ทางานไดถ้ ูกต้อง ไม่ชัดเจน และ ชิ้นงาน และสมเหตุ สมผล ยกตัวอย่างเพิ่มเตมิ ยกตัวอยา่ งเพม่ิ เตมิ บางส่วนไม่สามารถ ไม่แปลกใหม่ ของการตอบ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ได้เล็กน้อย ยกตัวอยา่ งเพิ่มเติม ไม่เกิด การแลกเปล่ียน คาถาม อธิบายคาตอบได้ ยงั อธิบายไดไ้ ม่ ได้ ไม่อธิบาย เรียนรู้กบั เพ่อื น ชดั เจน ชัดเจนในบางส่วน คาตอบ ไมไ่ ดค้ ้นควา้ จากแหลง่ ขอ้ มลู มเี หตมุ ผี ล อน่ื เลย 3. ความคิด คาตอบสร้างสรรค์ คาตอบสรา้ งสรรค์ คาตอบยังไม่ มียกตวั อยา่ งแตย่ งั สรา้ งสรรคม์ ี สรา้ งสรรค์ มีแนวคิดเป็นของ ไมช่ ดั เจน และ ยกตวั อย่าง ช้ินงานแปลกใหม่ แตย่ งั ไม่ชดั เจน ตนเอง ยกตัวอยา่ ง ไมเ่ หมอื นใคร และชิ้นงานแปลก ใหมไ่ ม่เหมือนใคร ชัดเจน และชนิ้ งานแปลก ใหม่ ไม่เหมอื นใคร 4. การ เตม็ ใจให้เพื่อนติชม เต็มใจใหเ้ พ่ือนติชม ให้เพ่อื นติชมงาน งานของตนเอง ของตนเองเพียง แลกเปลยี่ น งานของตนเอง แต่นาใบงานมา บางส่วน ไม่ได้นา ตรวจสอบ มา มาพัฒนางาน เรียนรกู้ ับเพอื่ น นาใบงานมา พฒั นางานของ ของตนเอง ตนเองเป็นบางครั้ง ตรวจสอบ มา ค้นควา้ จากแหลง่ ค้นคว้าจากแหลง่ พฒั นางานของ ขอ้ มูล 2 แหลง่ ขอ้ มูลมา 1 แหลง่ มีการยกตัวอยา่ ง มีการยกตวั อยา่ ง ตนเองทกุ ครงั้ และอา้ งองิ แหลง่ แตไ่ ม่อา้ งอิงแหล่ง ค้นคว้า ค้นควา้ เพ่มิ เตมิ 5. การค้นควา้ คน้ ควา้ จาก เพิ่มเติมบ้าง ข้อมูลเพ่มิ เตมิ จาก แหลง่ ข้อมลู แหลง่ เรยี นรอู้ ื่น ๆ มากกวา่ 3 แหล่ง มกี ารยกตวั อยา่ ง และอา้ งองิ แหล่ง ค้นควา้ เพิม่ เตมิ กระบวนการลาเลียงสารของพชื

31 แบบบนั ทึกการประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คาชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน การปฏบิ ตั งิ านของผ้เู รยี นวา่ มีการปฏบิ ตั ิหรอื ไม่ ถา้ มกี ารปฏบิ ัติในรายการใดให้ขีด ถ้าไมม่ ใี หเ้ ว้นว่าง คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม เลขที่ ชอื่ -สกลุ ระดบั คุณภาพรวม สรปุ ผล การประเมิน มีเจตคตทิ ีด่ ีต่อการเรียน วิทยาศาสตร์ มคี วามรอบคอบ มงุ่ มั่นการทางาน ใฝ่เรียนรู้ มวี ินัย 3 3 3 3 3 15 ผา่ น / ไมผ่ า่ น 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 กระบวนการลาเลียงสารของพืช

32 แบบบนั ทกึ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คุณธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ ม เลขท่ี ชื่อ-สกุล ระดบั คุณภาพรวม สรุปผล การประเมิน มีเจตคตทิ ีด่ ีต่อการเรียน วิทยาศาสตร์ มคี วามรอบคอบ มงุ่ มั่นการทางาน ใฝ่เรียนรู้ มวี ินัย 3 3 3 3 3 15 ผา่ น / ไมผ่ ่าน 21 22 23 24 ระดบั คะแนน เกณฑก์ ารประเมิน ดีเย่ียม ดี 13 - 15 คะแนน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง ผา่ น 10 - 12 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถึง ไมผ่ ่าน 7-9 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 1 หมายถึง ตา่ กว่า 7 คะแนน ระดบั คุณภาพ 0 หมายถงึ กระบวนการลาเลยี งสารของพชื

33 เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ รายการประเมนิ 3 (ด)ี เกณฑก์ ารให้คะแนน 1 (ต้องปรบั ปรงุ ) 1. มีวินัย 2 (พอใช)้ - สมดุ งาน ชน้ิ งาน - สมุดงาน ชิ้นงาน 2. ใฝเ่ รยี นรู้ สะอาดเรียบร้อย - สมุดงาน ชนิ้ งาน ไม่ค่อยเรียบร้อย ส่วนใหญส่ ะอาดเรียบร้อย - ปฏิบตั ิตนอย่ใู นขอ้ ตกลง 3. มุ่งมั่นในการ - ปฏบิ ตั ิตนตามขอ้ ตกลง ทางาน ทก่ี าหนดให้ร่วมกนั ทกุ - ปฏิบัตติ นอยู่ในข้อตกลง ทก่ี าหนดร่วมกัน 4. มคี วามรอบคอบ คร้ัง ท่กี าหนดใหเ้ ปน็ บางครง้ั เป็นบางครั้ง ตอ้ งอาศัย การแนะนา 5. เจตคติทด่ี ี - ต้งั ใจเรียน - ตง้ั ใจเรียน - ตงั้ ใจเรยี นแต่ขาด ต่อการเรียน มคี วามกระตอื รอื ร้น มคี วามกระตือรอื ร้น ความกระตือรอื ร้น วิทยาศาสตร์ ในการเรียน เปน็ บางครั้ง - ไม่คอ่ ยรับผดิ ชอบ งานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย - ทางานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย - ทางานท่ีไดร้ ับมอบหมาย - ไมส่ นใจซักถามปญั หา เปน็ อย่างดี เป็นส่วนใหญ่ ข้อสงสัย - สนใจซักถามปัญหาขอ้ - ไม่สนใจซักถามปญั หา - ไม่สง่ งาน สงสยั ข้อสงสัย - ไมม่ ีการตดิ ต่อช้แี จง - สง่ งานตามเวลาที่กาหนด - สง่ งานช้ากว่ากาหนด - ไมม่ กี ารวางแผน - รบั ผิดชอบในงานท่ีไดร้ ับ - ปฏบิ ตั ิงานโดยต้องอาศยั การดาเนนิ งาน มอบหมาย การช้ีแนะ คาแนะนา - การทางานไมม่ ีขั้นตอน - ปฏบิ ัตจิ นเป็นนสิ ัย และการตกั เตือน มคี วามผดิ พลาดต้องแก้ไข - มกี ารวางแผนการ - มีการวางแผนการ ดาเนินงาน การทางานไม่ - ไมจ่ ดั เรยี งลาดับ ดาเนินงานเปน็ ระบบ ครบทกุ ขัน้ ตอน และ ความสาคัญ - การทางานมีครบทกุ ผดิ พลาดบา้ ง - จัดเรียงลาดบั - ไม่มีความสนใจ ขนั้ ตอน ตัดขั้นตอน ความสาคญั ก่อน-หลังได้ ในการเรียน ท่ไี ม่สาคัญออก เป็นสัดส่วน - จัดเรียงลาดับ - สงั เกตได้วา่ ไม่มคี วามสุข ความสาคญั กอ่ น-หลัง - มีความสนใจในบางเร่อื ง ในบางเรื่องขณะเรียน ถูกต้องครบถว้ น - สงั เกตไดว้ ่ามคี วามสุข - มคี วามสนใจขณะเรยี น - ไมค่ ่อยทากจิ กรรม ตามท่ี - สงั เกตไดว้ า่ มีความสขุ ในบางเร่อื งขณะเรยี น ได้รบั มอบหมายบางเรื่อง ขณะเรยี น - ทากิจกรรมตามทไี่ ดร้ ับ - ทากิจกรรมตามทไ่ี ด้รบั มอบหมายทกุ ขัน้ ตอน มอบหมายบางเรอื่ ง กระบวนการลาเลยี งสารของพืช

34 แบบประเมนิ สมรรถนะผเู้ รยี นรายบุคคล คาชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของผ้เู รยี นในระหว่างเรียน แลว้ ทาเครื่องหมาย ลงในชอ่ งท่ตี รงกับระดับคะแนน สมรรถนะทปี่ ระเมนิ ระดบั คะแนน 32 10 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1.1 ใชภ้ าษาถา่ ยทอดความรู้ ความเขา้ ใจ ความคดิ ความร้สู กึ และทศั นะ ของตนเองดว้ ยการพดู และการเขยี น 1.2 พูดเจรจาต่อรอง 1.3 เลอื กรับหรอื ไมร่ บั ข้อมลู ขา่ วสาร 1.4 เลอื กใชว้ ธิ ีการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 2.1 คิดพ้นื ฐาน (การคดิ วเิ คราะห)์ 2.2 คดิ ขนั้ สงู (การคดิ สงั เคราะห์ คิดสรา้ งสรรค์ คดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ) 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 3.1 ใชก้ ระบวนการแก้ปญั หาโดยวเิ คราะหป์ ัญหา วางแผน ในการแกป้ ญั หาดาเนนิ การแก้ปัญหา ตรวจสอบและสรปุ ผล 3.2 ผลลัพธท์ ่เี กดิ จากการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 4.1 นากระบวนการเรยี นรทู้ ่หี ลากหลายไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั 4.2 เรยี นรดู้ ้วยตนเองและเรียนร้อู ยา่ งตอ่ เน่อื ง 4.3 ทางานและอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมอย่างมีความสุข 4.4 จดั การกับปัญหาและความขดั แยง้ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อยา่ งเหมาะสม 4.5 ปรับตัวตอ่ การเปลีย่ นแปลงทางสงั คมและสภาพแวดล้อม 4.6 หลีกเล่ยี งพฤติกรรมไม่พงึ ประสงคท์ ส่ี ่งผลกระทบตอ่ ตนเอง และผ้อู ่นื รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ - พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบัตชิ ดั เจนและสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 35 - 42 3 หมายถงึ ดเี ยีย่ ม - พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั ิชัดเจนและบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน 28 - 34 2 หมายถงึ ดี 21 - 27 1 หมายถงึ ผ่าน - พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ตั ิบางครัง้ ให้ 1 คะแนน ตา่ กวา่ 21 0 หมายถงึ ไม่ผ่าน - ไมเ่ คยปฏิบตั ิเลย ให้ 0 คะแนน กระบวนการลาเลยี งสารของพชื

35 แบบบนั ทกึ สมรรถนะผู้เรียน สมรรถนะผเู้ รยี น เลข ชอ่ื -สกลุ ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ รวม ระดบั สรุปผล ท่ี ความสามารถในการแกป้ ญั หา คณุ ภาพ การประเมิน ความสามารถในการคิด ความสามารถในการสื่อสาร 3 3 3 3 12 ผ่าน / ไมผ่ ่าน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 กระบวนการลาเลียงสารของพืช

36 เฉลยชุดการเรยี นรทู้ ี่ 2 กระบวนการลาเลียงสารของพืช กระบวนการลาเลยี งสารของพชื

37 เฉลย แบบทดสอบก่อนเรยี น ชดุ การเรียนรวู้ ิทยาศาสตรโ์ ดยใช้ปญั หาเป็นฐาน เรอื่ ง เซลลข์ องส่งิ มีชวี ิตและการดารงชวี ิตของพืช ชดุ ท่ี 2 กระบวนการลาเลียงสารของพืช กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 1. ก 2. ค 3. ง 4. ง 5. ค 6. ง 7. ง 8. ก 9. ก 10. ค กระบวนการลาเลียงสารของพชื

38 แนวคาตอบ กิจกรรมที่ 1 การแพรข่ องสาร คาถามกอ่ นทากจิ กรรม 1. ปญั หาของการทากจิ กรรมน้ีคืออะไร เมอ่ื ใส่หมึกสแี ดง ดา่ งทบั ทมิ และจุนสี ลงในน้า จะเกิดผลอยา่ งไร และคนท่ีอยู่อกี มมุ ด้านหน่งึ ของหอ้ งจะไดก้ ล่ินผลไมห้ รือไม่ 2. สมมตฐิ าน สารทัง้ 3 ชนิดจะกระจายไปทว่ั จนเตม็ บกี เกอร์ สว่ นคนท่ีอยมู่ ุมอกี ดา้ นหนงึ่ ของห้องนา่ จะได้ กลน่ิ ผลไม้ บนั ทกึ ผลกจิ กรรม ชนดิ ของสาร ผลการสังเกตสารในนา้ หมกึ สแี ดง ด่างทับทิม หมึกสีแดงจะเคล่ือนทจ่ี ากบรเิ วณทีห่ ยดหมกึ ไว้ครั้งแรก จนกระจาย ไปทั่วทัง้ บีกเกอร์ จุนสี กลนิ่ ของผลไม้ เกลด็ ด่างทับทิมจะเคลอื่ นที่จากบรเิ วณที่เขม้ ขน้ มาก เม่อื ต้ังทิ้งไว้ จะกระจายไปทัว่ บีกเกอร์ เป็นสารละลายสีม่วง เกรด็ ดา่ งทับทมิ จะเคล่ือนที่จากบรเิ วณทเ่ี ข้มข้นมาก กระจายไปท่ัว บีกเกอร์ เปน็ สารละลายสฟี ้า คนทอ่ี ย่มู ุมห้องอกี ด้านหนึ่ง เมอ่ื ได้กลน่ิ บอกชอ่ื ของผลไม้ได้ถูกตอ้ ง กระบวนการลาเลยี งสารของพชื

39 คาถามหลงั ทากจิ กรรม 1. เพราะเหตุใดเม่ือตงั้ บกี เกอรท์ ่ใี ส่สารท้ัง 3 ชนิดทิ้งไว้ สารละลายในบีกเกอร์จึงมสี เี หมอื นกนั ทกุ สว่ น เพราะอนุภาคของสารละลายกระจายไปทั่วบีกเกอร์ ท่เี รยี กวา่ การแพรข่ องสาร 2. ผลไมท้ ี่นามาทดลอง มีกลิน่ ที่สามารถแพรไ่ ดห้ รอื ไม่ ได้ เพราะคนทีย่ ืนอยู่อกี มุมหนึ่งของห้องได้กลน่ิ ของผลไม้ 3. สารที่แพรไ่ ด้ จะอย่ใู นสถานะใดไดบ้ า้ ง อยู่ได้ทงั้ 3 สถานะ คอื ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส 4. การแพรข่ องสาร หมายถงึ อะไร การเคล่อื นที่หรอื การกระจายของโมเลกลุ ของสาร จากท่ีมีความเข้มขน้ ของสารมากไปยงั ทีม่ ี ความเข้มขน้ ของสารนอ้ ย 5. ให้นักเรยี นยกตัวอยา่ งการแพรข่ องสารในชีวติ ประจาวัน การแพรข่ องโมเลกลุ นา้ หอมในอากาศ การแพรข่ องก๊าซ หรือการแพร่ของควันไฟในอากาศ 6. การแพร่ของสารจะมากหรือน้อย ขึน้ อยู่กบั สิง่ ใดบ้าง 1. ความเขม้ ข้นของสาร 2. อุณหภูมิ 3. ขนาดอนุภาคของสาร 4. ความสามารถในการละลายของสาร สรปุ ผลกิจกรรม กระแพรข่ องสาร คอื การเคล่ือนทห่ี รือการกระจายของโมเลกลุ ของสาร จากทม่ี ีความเข้มข้น ของสารมาก ไปยงั ทม่ี ีความเขม้ ขน้ ของสารน้อย จนสารมีความเขม้ ข้นเทา่ กนั พชื ไดแ้ รธ่ าตุอาหารจากดนิ ในรูปของสารละลาย ซ่ึงอนุภาคของแร่ธาตจุ ะแพร่กระจายจาก บรเิ วณทม่ี อี นภุ าคจานวนมากไปส่บู รเิ วณทีม่ อี นภุ าคของแรธ่ าตุน้อยกว่า ทาให้ความเขม้ ข้นของ สารละลายเท่ากนั ทวั่ บรเิ วณนน้ั แรธ่ าตุในดินจะแพรเ่ ข้าส่เู ซลล์ขนรากได้ก็ต่อเม่ือความเข้มขน้ ของแรธ่ าตใุ นดินมีมากกวา่ ภายในเซลลข์ นราก กระบวนการลาเลยี งสารของพืช

40 แนวคาตอบ กจิ กรรมที่ 2 การออสโมซิส คาถามก่อนทากจิ กรรม 1. ปญั หาของการทากจิ กรรมนีค้ ืออะไร ระดบั น้าในหลอดนาแก๊สจะสูงขนึ้ หรอื ลดลง 2. สมมตฐิ าน ระดบั นา้ ในหลอดนาแก๊สนา่ จะสงู ขน้ึ บนั ทกึ ผลกิจกรรม เวลา (นาท)ี ระดบั นา้ ในหลอดแก้ว (เซนตเิ มตร) พิจารณาวขดั ้อไมดูลจ้ กราิงรจวาดักรกะาดรบัทดนล้าทองีน่ กั เรยี น 2 4 6 8 10 ทากนั ไดถ้ กู ตอ้ งหรือไมค่ ะ กระบวนการลาเลียงสารของพชื

41 คาถามหลงั กิจกรรม 1. เพราะเหตุใดสารละลายในหลอดนาแก๊สจึงสูงขนึ้ เพราะน้าเข้าไปในถุงเซลโลเฟนท่ีหลอดนา้ แก๊สเสยี บอยู่ 2. ถา้ แชถ่ ุงสารละลายนา้ ตาลนีใ้ นสารละลายน้าตาลเหมอื นกนั จะเกดิ การเปล่ยี นแปลงหรือไม่ อย่างไร จะไม่เกดิ การเปลยี่ นแปลง เพราะความเขม้ ข้นของสารละลายไม่ตา่ งกัน 3. ถา้ ทาการทดลองสลับกัน โดยนาน้าใสใ่ นถงุ เซลโลเฟน แลว้ ใสส่ ารละลายน้าตาลในบกี เกอรแ์ ทน จะเกิดการเปลีย่ นแปลงหรอื ไม่ อย่างไร จะเกิดการเปลย่ี นแปลงโดยน้าจะไหลออกจากถงุ เซลโลเฟนมาอยูใ่ นบีกเกอร์ 4. การออสโมซสิ หมายถึงอะไร การเคลื่อนที่ของน้าผ่านเยอื่ เลือกผา่ น จากบรเิ วณท่มี คี วามเข้มขน้ ของน้ามาก ไปยัง บรเิ วณที่มีความเขม้ ข้นของนา้ นอ้ ย 5. การออสโมซิสจะเกดิ มากหรือนอ้ ยขน้ึ อยกู่ ับอะไร 1. ความแตกต่างของความเข้มข้นของโมเลกลุ ของสารในท่ี 2 แหง่ 2. ขนาดของโมเลกลุ ของสาร 3. สมบตั ิของเย่ือกนั้ ทจี่ ะยอมหรือไม่ยอมใหโ้ มเลกุลของสารผ่านได้ สรุปผลกจิ กรรม การออสโมซิส คอื การเคล่ือนท่ขี องน้าผา่ นเยอื่ เลอื กผ่าน จากบรเิ วณทม่ี คี วามเขม้ ข้นของน้ามาก ไปยงั บริเวณทม่ี คี วามเขม้ ข้นของนา้ นอ้ ย การออสโมซิสจะเกิดมากหรือน้อยขน้ึ อย่กู บั ความแตกต่างของความเข้มข้นของโมเลกุลของสาร ในท่ี 2 แห่ง ขนาดของโมเลกุลของสาร และสมบัติของเย่ือกน้ั ทจี่ ะยอมหรอื ไม่ยอมใหโ้ มเลกุลของ สารผา่ นได้ ทากนั ถกู ต้องใชไ่ หมครับเด็กๆ กระบวนการลาเลยี งสารของพชื

42 แนวคาตอบ กิจกรรมท่ี 3 การลาเลียงน้าของพืช คาถามกอ่ นทากจิ กรรม 1. ปญั หาของการทากิจกรรมนี้คอื อะไร เมอื่ แช่ต้นกระสังในนา้ สีจะเกิดผลการทดลองอย่างไร 2. สมมติฐาน เมอื่ แช่ต้นกระสังในนา้ สี เมอ่ื เวลาผา่ นไปน้าสีจะเคลอื่ นทจ่ี ากรากไปยงั ส่วนต่างๆของตน้ กระสัง บนั ทกึ ผลกิจกรรม จากการสงั เกตเราจะเห็นว่านา้ สีจะคอ่ ยๆเคล่ือนที่จากราก ไปยงั ส่วนต่างๆของตน้ กระสัง ภาพลาตน้ ตดั ตามขวาง ตน้ กระะสัง ต้นหญ้าขน กระบวนการลาเลยี งสารของพชื

43 คาถามหลังกิจกรรม 1. เมื่อเวลาผา่ นไป 1 ชั่วโมง ตน้ กระสังและต้นหญา้ ขนที่อยใู่ นบกี เกอรน์ า้ สีมีการเปล่ยี นแปลงอย่าไร น้าสีในบีกเกอร์จะเคล่อื นทไี่ ปสู่ลาตน้ และใบของตน้ กระสังและตน้ หญ้าขน 2. เพราะเหตใุ ดน้าสีจงึ เคลื่อนทไ่ี ปอยูใ่ นลาตน้ ของตน้ กระสังและตน้ หญา้ ขน รากของตน้ กระสังและตน้ หญ้าขนดดู น้าไปยังส่วนต่างๆของลาต้น ดว้ ยกระบวนการออสโมซิส 3. ตน้ กระสงั และต้นหญา้ ขนเป็นพชื ใบเล้ียงค่หู รือพืชใบเลยี้ งเดยี่ ว ตน้ กระสัง เปน็ พชื ใบเลยี้ งคู่ สว่ น ต้นหญ้าขนเป็นพชื ใบเล้ียงเดยี่ ว 4. ทอ่ ลาเลยี งนา้ และอาหารของพืชใบเลย้ี งคู่ และพืชใบเล้ียงเดี่ยวมลี กั ษณะอย่างไร พชื ใบเลย้ี งคู่ ทอ่ ลาเลยี งจะอยู่รวมกนั เปน็ กลุ่มๆรอบลาต้น แตไ่ มถ่ ึงกลางลาตน้ พืชใบเลยี้ งเดี่ยว ท่อลาเลยี งจะกระจายทวั่ ไปในลาต้น 5. การลาเลียงนา้ และแรธ่ าตุของพชื มีกระบวนการอยา่ งไรบา้ ง 1. น้าในดินเคลื่อนทเ่ี ข้าส่รู ากได้โดยกระบวนการออสโมซิส 2. แรธ่ าตทุ ี่อยู่ในรปู ของสารละลายผ่านเข้าสรู่ ากโดยกระบวนการแพร่ และแอคทฟี ทรานสปอรต์ 3. เมื่อน้าและแรธ่ าตุผ่านเขา้ สภู่ ายในเซลล์ขนรากแล้ว น้าจะออสโมซสิ จากเซลล์ขนรากไปยังเซลล์ ราก ทอ่ี ยตู่ ดิ กนั ไปเรอ่ื ยๆ จนถงึ ทอ่ ลาเลยี งท่ีเรียกว่า ไซเล็ม น้าและแร่ธาตุจะถกู สง่ ไปตามไซเล็มไป ยังสว่ นต่างๆ ของพืช 4. น้าและแร่ธาตุจากรากขึน้ ไปสู่ยอดพชื ได้ เพราะมีแรงดงึ ทเ่ี กดิ จากการคายน้าของใบดึงดูดให้นา้ และแรธ่ าตุ ลาเลยี งขึน้ ไปตลอดเวลาคลา้ ยกับการทเ่ี ราดดู นา้ จากขวดหรือจากแกว้ โดยใช้หลอดดูด สรุปผลกิจกรรม การทีน่ ้าสเี คล่อื นท่ีไปยังสว่ นตา่ งๆ ของตน้ กระสัง เช่นเดยี วกับรากพชื ทาหน้าทดี่ ูดนา้ ไปยงั ส่วนตา่ งๆของลาตน้ ด้วยกระบวนการออสโมซิส และธาตอุ าหารต่างๆด้วยกระบวนการแพรไ่ ปยังสว่ น ตา่ งๆของพชื ส่วนลาต้นลาเลยี งน้าและธาตุอาหารโดยผ่านท่อลาเลยี งนา้ ต่อจากรากเพ่อื นาไปใช้ใน การเจริญเตบิ โตของตน้ พืช กระบวนการลาเลยี งสารของพชื

44 เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น ชุดการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เร่อื ง เซลล์ของสงิ่ มีชวี ิตและการดารงชวี ิตของพืช ชุดท่ี 2 กระบวนการลาเลยี งสารของพืช กกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 1. ง 2. ง 3. ง 4. ก 5. ค 6. ค 7. ง 8. ค 9. ง 10. ก กระบวนการลาเลยี งสารของพชื

บรรณานกุ รม กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2551). ตวั ชีว้ ัดและสาระการเรยี นรูแ้ กนกลางกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์. กรงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย. ถนดั ศรบี ุญเรอื ง และคณะ. (ม.ป.พ.). ส่ือการเรียนรู้ รายวชิ าพื้นฐานกลมุ่ สระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชุดสัมฤทธิม์ าตรฐาน หลักสตู รแกนกลางฯ วทิ ยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1. กรงุ เทพฯ : อักษรเจริญทัศน์ อจท.จากดั . ยพุ า วรยศ และคณะ. (ม.ป.พ.). หนังสอื เรยี นรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พ.ศ.2551 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เล่ม 1. กรงุ เทพฯ : อักษรเจรญิ ทศั น์ อจท.จากัด. ________. (2554). หนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พ.ศ.2551 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 เล่ม 1. กรงุ เทพฯ : อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท.จากัด. สถาบนั พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ. (2554). หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1. กรงุ เทพฯ: บริษัทพฒั นาคณุ ภาพวิชาการ. ________. (2556). หนังสือเรียนรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1. กรุงเทพฯ : บริษทั พัฒนาคุณภาพวชิ าการ. ________. (2556). ชดุ กจิ กรรมพฒั นาการคิด เสรมิ สรา้ งสมรรถนะสาคัญ และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน วิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 เลม่ 1. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั พฒั นาคุณภาพวชิ าการ. สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี หนังสือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ 1 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เลม่ 1. กรุงเทพฯ : ครุ ุสภาลาดพร้าว. ________. (2553). ค่มู อื ครูรายวิชาชวี วทิ ยาเพม่ิ เตมิ เลม่ 1. กรุงเทพฯ: สกสค. http://www.vbcsdf.blogspot.com. กระบวนการแพรข่ องสาร (ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ เมื่อวันที่ สืบค้นขอ้ มลู 15 สิงหาคม 2556. http://www.sahavicha.com. กระบวนการออสโมซิส (ออนไลน)์ . เขา้ ถึงเม่อื วันทสี่ บื ค้นขอ้ มลู 19 สงิ หาคม 2556. กระบวนการลาเลยี งสารของพชื

ประวัตผิ ู้จดั ทา ชือ่ นางสาวกติ ติมา สันตะกิจ วัน เดือน ปเี กิด 5 เมษายน 2519 การศึกษา พ.ศ. 2557 ศึกษาศาสตรมหาบัณฑติ สาขา การบรหิ ารการศกึ ษา มหาวิทยาลัยกรงุ เทพธนบรุ ี การทางาน พ.ศ. 2540 ครศุ าสตรบัณฑิต วิชาเอก วิทยาศาสตร์ทัว่ ไป มหาวิทยาลัยราชภฎั เพชรบุรี ระดับช้ันทสี่ อน ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ ผลงานที่ผ่านมา โรงเรยี นเทศบาล 4 บ้านบอ่ แขม (เรือนพร้ิงอาสาสงเคราะห์) ความเช่ียวชาญ เทศบาลเมืองชะอา จังหวัดเพชรบรุ ี มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑-๓ สอื่ นวตั กรรมชดุ การเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง เซลลข์ องสิ่งมชี ีวิต และการดารงชวี ติ ของพืช การจดั ทาเอกสารโดยใช้ Microsoft Public Publish กระบวนการลาเลยี งสารของพชื


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook