Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ปัจจัยที่กำหนดลักษณะภูมิอากาศของโลก

ปัจจัยที่กำหนดลักษณะภูมิอากาศของโลก

Published by กิตติวินท์ ต่าแตะ, 2020-01-25 23:32:43

Description: ปัจจัยที่กำหนดลักษณะภูมิอากาศของโลก

Search

Read the Text Version

ปัจจยั ทก่ี ำหนดลกั ษณะภูมอิ ำกำศของโลก บริเวณภูมภิ ำคและทวปี ต่ำง ๆ ของโลกมีลกั ษณะภูมิอำกำศแตกต่ำงกนั ท้งั นี้ขนึ้ อย่กู บั ปัจจัยหรือสำเหตุ ดังต่อไปนี้ 1. ทตี่ ้งั ละติจูด เป็ นตัวกำหนดอณุ หภูมิของอำกำศในพืน้ ท่ีของภูมภิ ำคต่ำง ๆ 1. เขตละติจูดต่ำ บริเวณเส้นศูนยส์ ูตร มีอุณหภูมิของอำกำศสูง 2. เขตละติจูดกลำง เป็ นเขตอำกำศอบอุน่ 3 .เขตละติจูดสูง บริเวณใกลข้ ้วั โลก มีอุณหภูมิของอำกำศต่ำ 2. ระยะทำงอย่ใู กล้หรือไกลจำกทะเล 1 .ดินแดนที่อยหู่ ่ำงไกลจำกทะเลมำก ๆ จะไมไ่ ดร้ ับอิทธิพลควำมช้ืนจำกทะเลทำใหม้ ี ภูมิอำกำศแหง้ แลง้ มีปริมำณฝนนอ้ ย หรือเป็นทะเลทรำย เช่น ทะเลทรำยโกบีในมองโกเลีย เขตซินเกียง และ บริเวณตอนกลำงของจีน เป็นตน้ 2. ดินแดนท่ีอยใู่ กลท้ ะเล เช่น ท่ีรำบชำยฝั่งทะเลภำคใตอ้ ขงไทย จะไดร้ ับควำมช้ืนจำกจำก ทะเล ทำใหม้ ีอำกำศเยน็ สบำยไมร่ ้อน และมีฝนตกชุก 3. ทศิ ทำงของลมประจำถิน่ ทำให้เกดิ ฤดูกำลและสภำพอำกำศของแต่ละท้องถิ่น เช่น 1.ลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้ เป็นลมมรสุมฤดูฝน พดั ผำ่ นพ้ืนที่ทุกภำคของประเทศไทย ทำ ใหพ้ ้นื ที่ดงั กล่ำวเขำ้ สู่ฤดูฝน 2. ลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ เป็นลมมรสุมฤดูหนำว พดั พำควำมหนำวเยน็ และแหง้ แลง้ มำสู่ทุกภูมิภำคของไทย 4. อทิ ธิพลของพำยุหนุน ทำให้เกดิ พำยฝุ นในภูมภิ ำคต่ำง ๆ 1. ประเภทของพำยหุ มุน จำแนกตำมระดบั ควำมร็วของลมจำกนอ้ ยไปหำมำกได้ 3 ประเภท คือ ดีเปรสชนั พำยโุ ซนร้อน และไตฝ้ ่ นุ เฉพำะลมพำยไุ ตฝ้ ่ นุ มีควำมเร็วของลมหมุนที่ศูนยก์ ลำงเกินกวำ่ 118 กิโลเมตรต่อชวั่ โมง เป็นลมพำยหุ มุนที่มีควำมรุนแรงมำกที่สุด 2. บริเวณที่เกิดพำยหุ มุนเขตร้อน เรียกชื่อแตกตำ่ งกนั ดงั น้ี - พำยไุ ตฝ้ ่ นุ (Typhoon) เกิดในทะเลจีนใต้ - พำยไุ ซโคลน (Cyclone) เกิดในอำ่ วเบงกอล มหำสมุทรอินเดีย - พำยเุ ฮอริเคน (Hurricane) เกิดในบริเวณอำ่ วเมก็ ซิโก และทะเลแคริบเบียน 5. ควำมสูงของพืน้ แผ่นดิน บริเวณพ้ืนท่ีสูงเป็นภูเขำจะมีอุณหภูมิของอำกำศต่ำหรือหนำวเยน็ กวำ่ บริเวณพ้ืนท่ีรำบ เช่น ยอดดอยอินทนนท์ จงั หวดั เชียงใหม่ และภูเรือ จงั หวดั เลย เป็นตน้ 6. กำรวำงตวั ของเทือกเขำสูง ตำแหน่งท่ีต้งั ของเทือกเขำสูงวำงตวั ขวำงก้นั ทิศทำงของลมมรสุมหรือ ต้งั รับลมมรสุมประจำปี ทำใหภ้ ูมิอำกำศของในแตล่ ะทอ้ งถ่ินมีควำมแตกต่ำงกนั ออกไป ดงั เช่น 1. กำรวำงตวั ของเทือกเขำตะนำวศรี ดำ้ นชำยแดนภำคตะวนั ตก ขวำงก้นั ทิศทำงของลม

มรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้ ทำใหพ้ ้นื ที่จงั หวดั กำญจนบุรี และสุพรรณบุรี เป็นเขตเงำฝนหรือเขตอบั ลมฝน มี ปริมำณฝนนอ้ ย 2. กำรวำงตวั ของเทือกเขำบรรทดั ภำคตะวนั ออก ต้งั รับลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใตท้ ำให้ พ้ืนที่จงั หวดั จนั ทบุรี และตรำดท่ีต้งั อยดู่ ำ้ นหนำ้ ของเทือกเขำบรรทดั เป็นเขตฝนภูเขำ มีฝนตกชุกไดร้ ับ ปริมำณฝยอยำ่ งเตม็ ท่ี 7. กระแสนำ้ ในมหำสมุทร มีอทิ ธิพลต่อสภำพอำกำศบนพืน้ แผ่นดนิ ดังเช่น 1. กระแสน้ำเยน็ ฮมั โบลต์ ไหลเลียบชำยฝั่งดำ้ นตะวนั ตกของประเทศเปรู ทวปี อเมริกำใต้ ทำใหบ้ ริเวณดงั กล่ำวมีควำมช้ืนในอำกำศต่ำจึงมีภูมิอำกำศแหง้ แลง้ เนทะเลทรำย 2. กำรแสน้ำอุ่นกุโรซิโว ไหลผำ่ นหมูเ่ กำะประเทศญี่ป่ ุนในฤดูหนำว ทำให้อุณภูมิของ อำกำศอบอุ่นข้ึน ปัจจยั ทมี่ อี ทิ ธิพลต่อภูมิอำกำศไทย ปัจจยั ที่มีอิทธิพลต่อภูมิอำกำศไทย 1. ที่ต้งั ตำมละติจูด เรำอยเู่ ขตละติจูดท่ีใกลเ้ ส้นศูนยส์ ูตร -> อำกำศร้อน 2. ควำมสูงของพ้นื ท่ี ยงิ่ สูงยง่ิ หนำว สูงทุกๆ 180 เมตร อุณหภูมิลดลง 1 องศำ เซลเซียส 3. กำรขวำงก้นั ของภูเขำ ทำใหเ้ กิดเขตเงำฝน (Rain Shadow) บริเวณหลงั เขำอำกำศจะอบอำ้ วและ แหง้ แลง้ 4. ควำมใกล้ – ไกลทะเล - พ้ืนที่ท่ีอยใู่ กลท้ ะเล ควำมแตกตำ่ งระหวำ่ งร้อนกบั หนำวมีนอ้ ย (ร้อนก็ร้อนไม่มำก หนำว กห็ นำวไม่มำก) 5. ทิศทำงของลมประจำ ไดแ้ ก่ - ลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้ นำพำควำมช้ืนและฝนมำตก เพรำะพดั มำจำกมหำสมุทร (มหำสมุทรอินเดีย) - ลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ นำพำควำมหนำวเยน็ และแหง้ แลง้ มำให้ เพรำะพดั มำจำก แผน่ ดิน (จีน) 6. อิทธิพลของพำยหุ มุน - พำยุ = ลมที่พดั แรงมำก (แรงกวำ่ ลมมรสุม) - พำยหุ มุน เกิดท่ีทะเลจีนใต้ แลว้ พดั เขำ้ สู่ประเทศไทยทำงทิศตะวนั ออก แต่เจอภำค ตะวนั ออกเฉียงเหนือก่อน (เพรำะมีพ้ืนที่ล้ำออกมำทำงตะวนั ออกท่ีสุด) - พำยหุ มุนท่ีแรงที่สุด คือ ไตฝ้ ่ นุ - แต่ท่ีพดั เขำ้ มำสู่ประเทศไทยบ่อยๆ ลดกำลงั เป็นดีเปรสชนั (ซ่ึงเป็นพำยหุ มุนที่เบำ ท่ีสุด) เน่ืองจำกผำ่ นแผน่ ดินเวยี ดนำมและลำวก่อนมำเจอไทยไตฝ้ ่ นุ จึงอ่อนกำลงั แรงลงเป็นดีเปรสชนั

ปริมำณฝนในประเทศไทย 1. ประเทศไทยมีปริมำณฝนปำนกลำงถึงคอ่ นขำ้ งชุก เฉลี่ยทวั่ ประเทศ 1,550 มิลลิเมตรตอ่ ปี ส่วน ใหญเ่ กิดจำกอ่ิทธิพลของลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้ แตม่ ีบำงพ้ืนท่ีไดร้ ับอิทธิพลของลมพำยดุ ีเปรสชนั จำก ทะเลจีนใตด้ ว้ ย 2. พ้นื ท่ีของประเทศท่ีมีฝนตกมำกที่สุด คือ 2.1 ชำยฝั่งตะวนั ตกของคำบสมุทรภำคใต้ (ดำ้ นทะเลอนั ดำมนั ) บริเวณดำ้ นหนำ้ ของ เทือกเขำภูเกต็ โดยเฉพำะพ้นื ที่จงั หวดั ระนอง (สูงสุดเคยวดั ได้ 4,320 มิลลิเมตร) 2.2 ชำยฝ่ังตะวนั ออกของอำ่ วไทย บริเวณดำ้ นหนำ้ ของเทือกเขำจนั ทบุรี และเทือกเขำ บรรทดั ในเขตพ้ืนท่ีจงั หวดั จนั ทบุรีและตรำด สูงสุดเคยวดั ไดท้ ่ีอำเภอคลองใหญจ่ งั หวดั ตรำด สูง ถึง 4,764 มิลลิเมตร ฤดูกำลของประเทศไทย สำเหตุสำคญั ที่ทำใหเ้ กิดฤดูกำลในประเทศไทย คือ อิทธิพลของลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใตแ้ ละลม มรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ ทำใหอ้ ุณหภูมิและปริมำณฝนในแต่ละภูมิภำคมีควำมแตกตำ่ งกนั จึงแบ่งฤดูกำล ของประเทศไทยออกเป็ น 3 ฤดูกำล ดงั น้ี 1. ฤดูฝน เป็นฤดูกำลท่ีมีช่วงเวลำยำวนำนกวำ่ ฤดูอ่ืนๆ (พฤษภำคม – กนั ยำยน) โดยเฉพำะในช่วง เดือนสิงหำคมและกนั ยำยน มีฝนตกชุกท่ีสุด ท้งั น้ีเพรำะ - ลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใตพ้ ดั ผำ่ น นำควำมชุ่มช้ืนจำกมหำสมุทรอินเดียเขำ้ สู่ประเทศไทย ทำใหเ้ กิดฝนตกทวั่ ทุกภำค - ลมพำยดุ ีเปรสชนั จำกทะเลจีนใต้ พดั ผำ่ นเขำ้ สู่ประเทศไทยบำงพ้นื ที่ทำ ใหเ้ กิดฝนตก หนกั โดยเฉพำะในช่วงเดือนกนั ยำยน 2. ฤดูหนำว (ตุลำคม – กมุ ภำพนั ธ์) เกิดจำกอิทธิพลของลมมรสุตะวนั ออกเฉียงเหนือจำกตอนบน ของประเทศจีน พดั พำควำมหนำวเยน็ และควำมแหง้ แลง้ มำสู่ประเทศไทย ***พ้นื ที่ภำคเหนือมีอำกำศหนำว เยน็ มำกกวำ่ ทุกภำค เน่ืองจำกภูมิประเทศเป็ นภูเขำสูงและไดร้ ับอิทธิพลของลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ โดยตรงมำกกวำ่ ภำคอ่ืนๆ 3. ฤดูร้อน (มีนำคม – เมษำยน) เป็นช่วงท่ีอำกำศร้อนจดั มีอุณหภูมิและโดยปกติจะมี มีฝนท้งั น้ี เพรำะ - ลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนืออ่อนกำลงั ลงอุณหภูมิจึงสูงข้ึนไมม่ ีฝน - ดวงอำทิตยส์ ่องแสงต้งั ฉำกกบั ประเทศไทยมำกท่ีสุด ทำใหม้ ีอุณหภูมิสูง โดยเฉพำะใน เดือนเมษำยน - ในช่วงฤดูร้อน อำจจะเกิดพำยฝุ นฟ้ำคะนองได้ (พำยนุ ้ีจะทำใหฝ้ นตกหนกั มำกๆ แต่ตก เพยี งแป๊ บเดียวก็หยดุ )

สภำพภูมิอำกำศของภำคใตม้ ีลกั ษณะพิเศษแตกตำ่ งจำกภำคอื่นๆ คือมีฤดูกำลเพียง 2 ฤดู คือ ฤดูฝน กบั ฤดูร้อน (ไม่มีฤดูหนำว) เนื่องจำกไม่มีเดือนใดท่ีมีอุณหภูมิของอำกำศต่ำหรือสูงจนเรียกวำ่ เป็นฤดูหนำว หรือฤดูร้อนได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook