รายวชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่ 2 (NURNS09) นางสาวนติยา ตาเดอนิ รหัสนักศึกษา 6117701001084เลขที่ 40 Sec .2 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สุราษฎร์ธานี
บทท่ี 1 แนวคดิ ทฤษฏี หลกั การพยาบาลในวยั ผู้ใหญ่ทมี่ ภี าวการณ์ เจบ็ ป่ วยเฉียบพลนั วกิ ฤต
ความหมาย ความเจบ็ ป่ วยภาวะเฉียบพลนั หรือวกิ ฤต เป็นภาวะท่ีคุกคามกบั ชีวิตตอ้ งการไดร้ ับความ ช่วยเหลือไดท้ นั ท่วงที หากไม่ไดร้ ับอาจเสียชีวิตหรือพกิ ารได้ การพยาบาลผู้ป่ วยภาวะวกิ ฤต คือ การดูแลบุคคลที่มีปัญหาจากการถูกคุกคามต่อชีวิตโดยเนน้ การ รักษาและการดูแลแบบประคบั ประคองท้งั ทางร่างกายและจิตใจและการป้องกนั ภาวะแทรกซอ้ นต่าง ๆ เพือ่ ใหผ้ ปู้ ่ วยรอดชีวิตและสามารถปรับตวั เขา้ สู่ภาวะปกติได้ ววิ ฒั นาการของการดูแลผู้ป่ วยภาวะเฉียบพลนั หรือวกิ ฤต ในอดตี ผปู้ ่ วยภาวะเฉียบพลนั หรือวิกฤตจะถูกจดั ใหร้ ักษาไดน้ อ้ ยพเิ ศษคือไอซียจู ดั ต้งั คร้ังแรกใน ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1950 และไดม้ ีการนาเอาอุปกรณ์ข้นั สูงมาใชใ้ นการเฝ้าระวงั อาการ ในปัจจุบนั เป็นการดูแลแบบค่อยเป็นคอ่ ยไปโดยใหม้ ีความปลอดภยั และใหม้ ีอนั ตรายนอ้ ยที่สุดเนน้ การทางานเป็นทีมกบั สหวิชาชีพ
หลกั การสาคญั ของการพยาบาลผู้ป่ วย 1.คานึงถึงความปลอดภยั ต่อชีวติ 2.ยอมรับความเป็นบุคคลของผปู้ ่ วย ขอบเขตของการพยาบาลผ้ปู ่ วยทม่ี ภี าวะเจ็บป่ วยวกิ ฤต 1.ผปู้ ่ วยวกิ ฤติจะถูกตดั ใหร้ ักษาในหออภิบาลผปู้ ่ วยวิกฤติอายรุ กรรมและศลั ยกรรม 2.การพยาบาลมีการพฒั นาเป็นการพยาบาลเฉพาะทางเพอื่ ใหพ้ ยาบาลมีโอกาสศึกษา หาความรู้และฝึกทกั ษะการดูแลผู้ป่ วยได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ ประเดน็ ปัญหาท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การดูแลผปู้ ่ วยภาวะการเจบ็ ป่ วยเฉียบพลนั หรือวกิ ฤต มีปัญหาซบั ซอ้ นตอ้ งการดูแลใกลช้ ิด ผปู้ ่ วยวิกฤติมีจานวนมากข้ึนไม่ใช่เฉพาะไอซียู แต่จะกระจายอยตู่ ามหอผปู้ ่ วยต่าง ๆ และมีโรคติดเช้ืออุบตั ิซ้า และติดเช้ืออุบตั ิใหม่
การพยาบาลผู้ป่ วยทมี่ กี ารเจ็บป่ วยภาวะวกิ ฤตมี 3 องค์ประกอบคือ 1.ผปู้ ่ วยที่มีภาวะเจบ็ ป่ วยวกิ ฤต 2.การใหก้ ารพยาบาลผปู้ ่ วยระยะวกิ ฤต 3.สิ่งแวดลอ้ มภายในหอผปู้ ่ วยแบ่งเป็นสองดา้ นไดแ้ ก่ 3.1 ส่ิงแวดลอ้ มทางกายภาพ 3.2 ส่ิงแวดลอ้ มดา้ นจิตใจ ลกั ษณะทางคลนิ ิกของผ้ใู ช้บริการวัยผู้ใหญ่ในภาวะวกิ ฤต 1.ภาวะแทรกซอ้ นหลงั ผา่ ตดั เช่น เลือดออกมาก 2.ภาวะวกิ ฤตจากรูปเรือรางที่มีการกาเริบของโรคเช่นภาวะหวั ใจวาย 3.มีภยั พิบตั ิเหตุหรือภยนั อนั ตราย เช่น มีการลม้ เหลวของอวยั วะหลายระบบ 4.การใชย้ าสารเคมีหรือไดร้ ับสารพิษ 5.โรคมะเร็งลุกลามไปอวยั วะสาคญั 6.โรคกรรมพนั ธุ์และโรคเสื่อม
ความท้าทายของพยาบาลในการดูแลผ้ปู ่ วยภาวะเจบ็ ป่ วยเฉียบพลนั วกิ ฤต 1.การเขา้ สู่ประชาคมอาเซียน พยาบาลตอ้ งพฒั นาดา้ นภาษาองั กฤษและคานึงถึงความแตกตา่ ง ของวฒั นธรรม 2.ความตอ้ งการบุคลากรสุขภาพ 3.มีโรค ติดเช้ือด้ือยาโรคจากเช้ืออุบตั ิเก่าและอุบตั ิใหม่เพม่ิ ข้ึน 4.มีภยั พิบตั ิทางธรรมชาติและสาธารณะภยั อุบตั ิเหตุความรุนแรงในสังคมและก่อการร้ายใน ประเทศมากข้ึน 5.พยาบาลตอ้ งสามารถดูแลผปู้ ่ วยท่ีมีการใชเ้ ทคโนโลยขี ้นั สูงทางการแพทยไ์ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม 6.มีประชากรสูงอายมุ ากข้ึนผปู้ ่ วยวิกฤติส่วนมากมีภาวะซบั ซอ้ นมีโรคมากกวา่ 1 โรค 7.พยาบาลตอ้ งมีหนา้ ที่ส่งเสริมการบริการที่มีคุณภาพมุ่ง เนน้ ผลลพั ธ์ทางคลินิก 8.จากปัญหาการขาดแคลนพยาบาลมีการเปิ ดการเรียนการสอนสาขาพยาบาลศาสตร์มากข้ึน
สมรรถนะของพยาบาลทด่ี ูแลผู้ป่ วยภาวะเจ็บป่ วยเฉียบพลนั วกิ ฤต ในปี พ.ศ. 2552 สภาการพยาบาล ไดใ้ หค้ วามหมายของสมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพ คือ ความรู้ความสามารถและเจตคติ มีความรับผดิ ชอบ เป็นผรู้ ่วมงานที่ดี มีประสิทธิภาพมี ศกั ยภาพในการพฒั นาตนเอง และพฒั นางานอยา่ งตอ่ เนื่อง สมรรถนะของพยาบาล ในการดูแลผปู้ ่ วยภาวะเฉียบพลนั วกิ ฤต เช่น การประเมินสภาพ และวนิ ิจฉยั การพยาบาลวางแผนใหก้ ารพยาบาลร่วมกบั สหวิชาชีพเพ่ือ ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิการพยาบาล ดูแลความสุขสบายประคองดา้ นจิตใจส่งเสริมและ ฟ้ื นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของผปู้ ่ วย ดูแลผปู้ ่ วยท้งั ดา้ นร่างกายการช่วยเหลือผปู้ ่ วยในระยะ วกิ ฤต ดูแลดา้ นจิตใจการช่วยเหลือผปู้ ่ วยในระยะวิกฤตตอ้ งทาควบคู่กนั ไปกบั ดา้ นร่างกาย ประเมินผลการพยาบาลตามเกณฑท์ ี่ต้งั ไวบ้ นั ทึกผลการประเมินท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ผปู้ ่ วย เป็นตน้
การใช้กระบวนการพยาบาลผู้ป่ วยภาวะการเจบ็ ป่ วยเฉียบพลนั วกิ ฤต 1.การประเมินสภาพเป็นข้นั ตอนแรกและสาคญั 2.การวนิ ิจฉยั ทางการพยาบาลเป็นการระบุถึงปัญหาทาใหเ้ ห็นความเป็นวิชาชีพ 3.การวางแผนการพยาบาลเป็นการวางแผนกิจกรรมที่จะแกป้ ัญหาโดยจดั ลาดบั ความสาคญั ของ ปัญหา 4.การปฏิบตั ิการพยาบาลเป็นการเอาแผนการพยาบาลมาปฏิบตั ิจริง 5.การประเมินผลการพยาบาลโดยกาหนดเกณฑผ์ ลลพั ธ์เพือ่ ประเมินความสาเร็จในการพยาบาล การใช้ทฤษฎกี ารปรับตัวของรอยในการดูแลผู้ป่ วยภาวะการเจบ็ ป่ วยเฉียบพลนั วิกฤต ทฤษฎีการปรับตวั ของรอยในการดูแลผปู้ ่ วยภาวะการเจ็บป่ วยวกิ ฤต รอยไดม้ องเก่ียวกบั บุคคล โดยอธิบายการปรับตวั วา่ ทุกคนตอ้ งปรับตวั ต่อสิ่งเร้า ประกอบดว้ ย 4 ดา้ นคือ ดา้ นร่างกาย ดา้ น อตั รามโนทศั น์ ดา้ นบทบาทหนา้ ที่ และดา้ นความสัมพนั ธ์พ่ึงพาระหวา่ งกนั
การใช้ทฤษฎกี ารปรับตัวของรอยในการดูแลผู้ป่ วยภาวะการเจบ็ ป่ วยเฉียบพลนั วิกฤต ทฤษฎีการปรับตวั ของรอยในการดูแลผปู้ ่ วยภาวะการเจ็บป่ วยวกิ ฤต รอยไดม้ องเก่ียวกบั บุคคลโดยอธิบายการปรับตวั วา่ ทุกคนตอ้ งปรับตวั ต่อส่ิงเร้า ประกอบดว้ ย 4 ดา้ นคือ ดา้ น ร่างกาย ดา้ นอตั รามโนทศั น์ ดา้ นบทบาทหนา้ ที่ และดา้ นความสมั พนั ธ์พ่งึ พาระหวา่ งกนั การประเมนิ ภาวะสุขภาพของผู้ป่ วยภาวการณ์เจบ็ ป่ วยเฉียบพลนั วกิ ฤต ปัญหา และผลกระทบของผปู้ ่ วยส่วนใหญ่มีปัญหาทุกระบบ เช่น การหายใจการไหลเวียน โลหิต ความเจบ็ ป่ วยการติดเช้ือในกระแสเลือด ไม่รู้สึกตวั ทุกขท์ รมานจากร่างกาย เคลื่อนไหวไม่ได้ จาเป็นตอ้ งมีการวดั ประเมินเฝ้าระวงั การเปล่ียนแปลงอยา่ งใกลช้ ิด เครื่องมือที่วดั ประเมิน และเฝ้าระวงั เพ่อื ใหก้ ารรักษาพยาบาลมีประสิทธิภาพ เช่น EKG monitor, แบบประเมินความเจบ็ ปวด, แบบประเมินความรุนแรงของความเจ็บปวด, แบบ ประเมินภาวะเครียด, แบบประเมินภาวะสบั สน
แนวคดิ การพยาบาลผ้ปู ่ วยภาวการณ์เจบ็ ป่ วยเฉียบพลนั วกิ ฤต FAST HUGS BID มี 15 องค์ประกอบ ดงั นี้ 1.Feeding การใหอ้ าหารและน้า 2.Analgesia เป็นการจดั การความเจบ็ ปวด 3.Sedation การใหย้ าระงบั ประสาท 4.Tromboembolic prevention ผปู้ ่ วยควรไดร้ ับยาป้องกนั ล่ิมเลือดในหลอดเลือดดา 5.Head of the bed elevation การจดั ท่านอนศีรษะสูงไม่ขดั กบั ภาวะของโรคเพราะจะช่วยป้องกนั การ สาลกั และลดการติดเช้ือ 6.Stress ulcer prophylaxis การใหย้ าป้องกนั เลือดออกในกระเพาะเดินอาหาร 7.Glucose control ควบคุมระดบั น้าตาลในเลือดใหอ้ ยรู่ ะหวา่ ง 80-200 mg% 8.Bowels address ดูแลเร่ืองการการขบั ถา่ ยเพอ่ื ลดของเสียคง่ั 9.Increased daily activity ส่งเสริมการเคลื่อนไหว 10.Night time rest ดูแลการนอนหลบั
แนวคดิ การพยาบาลผู้ป่ วยภาวการณ์เจบ็ ป่ วยเฉียบพลนั วกิ ฤต FAST HUGS BID มี 15 องค์ประกอบ ดงั นี้ (ต่อ) 11.Disability prevention and discharge planning การป้องกนั โรคแทรกซอ้ น และการ วางแผนจาหน่าย 12.Aggressive alveolar maintenance การปกคลุมถุงลมในปอด 13.Infection prevention การป้องกนั การติดเช้ือ 14.Delirium assessment and treatment การประเมินและการจดั การภาวะสบั สน เฉียบพลนั 15.Skin and spiritual care การดูแลผวิ หนงั และการดูแลมิติจิตวิญญาณ
บทท่ี 3 การพยาบาลผู้ป่ วยระยะท้ายของชีวติ ในภาวะวกิ ฤต
บริบทของผ้ปู ่ วยระยะท้ายในหอผู้ป่ วย IC - พิจารณารับเฉพาะผปู้ ่ วยท่ีมีโอกาสหายสูง - มีความยากในการระบุวา่ ผปู้ ่ วยวกิ ฤตรายใดเป็นผปู้ ่ วยระยะทา้ ย -ใหก้ ารบริการแก่ผปู้ ่ วยวกิ ฤตท่ีมีความเจ็บป่ วยรุนแรงคุกคามต่อชีวติ และมีการใชเ้ ทคโนโลยใี น การทาหตั ถการและการติดตามอาการ ลกั ษณะของผู้ป่ วยระยะท้ายใน ICU - ไดร้ ับการรักษาดว้ ยวธิ ีการท่ีซบั ซอ้ นดว้ ยเครื่องมือหลายชนิดเพื่อช่วยใหผ้ ปู้ ่ วยปลอดภยั และ เกิดภาวะแทรกซอ้ นนอ้ ยที่สุด - เกิดจากอวยั วะทางานลม้ เหลวรจากโรคหรืออนั ตรายต่าง ๆ - ผปู้ ่ วยท่ีมีโอกาสรอดนอ้ ยและมีแนวโนม้ วา่ ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ - ผปู้ ่ วยที่มีการเปล่ียนแปลงของอาการไปในทางที่แยล่ ง
แนวทางการดูแลผู้ป่ วยระยะท้ายใน ICU - การดูแลญาติมาของผปู้ ่ วยสาคญั ท่ีสุดของผปู้ ่ วยระยะทา้ ยโดยการดูแลให้ สอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมความเชื่อศาสนาและสงั คมของผปู้ ่ วยและญาติ - พยาบาลควรดูแลจิตใจของตนเองขณะใหก้ ารดูแลผปู้ ่ วยระยะทา้ ยและญาติ ใหพ้ ร้อมเตม็ ท่ีในการดูแลผปู้ ่ วยและญาติ - การดูแลผปู้ ่ วยระยะทา้ ยแบบองคร์ วมและตามมาตรฐานวชิ าชีพและ โดยเฉพาะมิติดา้ นจิตวญิ ญาณ
การพยาบาลผู้ป่ วยระยะท้ายของชีวติ ในผู้ป่ วยเรื้อรัง แนวทางการดูแลผปู้ ่ วยเร้ือรังระยะทา้ ย - การดูแลและใหค้ าแนะนาแก่ผปู้ ่ วยและญาติในการตอบสนองความตอ้ งการทางดา้ น ร่างกายและในการจดั สภาพแวดลอ้ มใหเ้ หมาะสม - การดูแลเพื่อตอบสนองดา้ นจิตใจและอารมณ์ของผปู้ ่ วยและญาติใหม้ ีสัมพนั ธภาพท่ีดีกบั ผปู้ ่ วย หลกั การดูแลผู้ป่ วยเรื้อรังนะยะท้ายในมติ จิ ิตวญิ ญาณ - การใหค้ วามรักความเห็นอกเห็นใจ โดยความรักและกาลงั ใจจากญาติจะช่วยลดความ กลวั ร และช่วยใหผ้ ปู้ ่ วยมน่ั คงในจิตใจ - การช่วยใหผ้ ปู้ ่ วยยอมรับความตายท่ีจะมาถึง มีเวลาในการเตรียมตวั เตรียมใจ และให้ ขอ้ มูลท่ีเป็นจริง และเป็นไปในทิศทางเดียวกนั กบั เจา้ หนา้ ท่ีทุกคน ใหเ้ วลาและยอมรับ พฤติกรรมของผปู้ ่ วยและญาติ - ช่วยใหจ้ ิตใจจดจ่อกบั ส่ิงท่ีดีงาม จิตใจเป็นกศุ ล สงบ
การพยาบาลผู้ป่ วยด้วยหัวใจความเป็ นมนุษย์ ลกั ษณะของบุคคลทม่ี จี ติ วิญญาณในการดูแลแบบประคบั ประคอง - ความสามารถในการตระหนกั รู้และจิตศรัทธา เช่น การเขา้ ใจธรรมชาติของชีวติ และความตาย - การยอมรับและเห็นอกเห็นใจต่อเพ่ือนมนุษย์ เช่น การยอมรับความเป็นบุคคลของผปู้ ่ วย การมี ทศั นคติท่ีดีตอ่ ผปู้ ่ วย - พฤติกรรมการพยาบาลท่ีมีจิตวญิ ญาณ เช่น รการมีความรู้และการจดั การความเจบ็ ปวดดา้ น ร่างกายแก่ผปู้ ่ วย การดูแลแบบองคร์ วม และสอดคลอ้ งกบั ศาสนาท่ีผปู้ ่ วยนบั ถือ ความสาคญั ของการดูแลผู้ป่ วยด้วยหัวใจของความเป็ นมนุษย์ - การปฏิบตั ิกบั ผปู้ ่ วยดว้ ยความรักความเมตตาควบคูไ่ ปกบั การรักษาพยาบาล ความเช่ียวชาญ ทางดา้ นการแพทยแ์ ละการพยาบาล เพอื่ ช่วยใหผ้ ปู้ ่ วยฟ้ื นฟสู ภาพไดร้ วดเร็ว และมีอาการท่ีดีข้ึน - การดูแลที่สอดคลอ้ งกบั บริบทของชีวติ จะเนน้ การใหค้ ุณค่ากบั บุคคล ยอมรับความตอ้ งการ พ้นื ฐานของบุคคล และใหก้ ารดูแลผปู้ ่ วยแบบองคร์ วมที่ใชห้ วั ใจ ใชค้ วามรักความเมตตา - การดูแลท่ีคานึง ถึงสิทธิและความแตกตา่ งทางวฒั นธรรมและใชข้ องครอบครัวเป็นศูนยก์ ลาง
หลกั การดูแลด้วยหัวใจความเป็ นมนุษย์ - การมีจิตบริการดว้ ยการใหก้ ารบริการดุจญาติมิตร และเท่าเทียมกนั - การมีเมตตากรุณาและการดูแลอยา่ งเอ้ืออาทรและเอาใจใส่ - การดูแลทางร่างกายและจิตใจเพือ่ คงไวซ้ ่ึงศกั ด์ิศรีความเป็นมนุษย์ -การใหผ้ ปู้ ่ วยมีส่วนร่วมในการดูแลตนเอง ลกั ษณะของการดูแลผู้ป่ วยระยะท้ายด้วยหัวใจของความเป็ นมนุษย์ - มีความเคารพในความเป็นบุคคลของผปู้ ่ วย และมีการปฏิบตั ิที่ดีต่อผปู้ ่ วย - การมีทกั ษะการส่ือสาร ฟังและสงั เกตผปู้ ่ วยอยา่ งระมดั ระวงั - เขา้ ใจวฒั นธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ภาษา และศาสนาท่ีผปู้ ่ วยนับถือ - การรู้เขารู้เราคือการรู้จกั ผปู้ ่ วยและการรู้จกั ความสามารถและจิตใจของตนเอง - การตระหนกั ถึงความสาคญั ของการตอบสนองดา้ นจิตวิญญาณ
การพยาบาลแบบประคบั ประคอง - การดูแลผปู้ ่ วยระยะทา้ ยท่ีครอบคลุมทุกมิติสุขภาพท้งั ร่างกาย จิตใจ สังคม และจิต วญิ ญาณ - เพม่ิ คุณภาพชีวิตของผปู้ ่ วยระยะทา้ ยและครอบครัว โดยทาใหผ้ ปู้ ่ วยมีความสุขในช่วง ระยะทา้ ยของชีวิตและจากโลกน้ีไปอยา่ งสงบ โดยสมศกั ด์ิศรีความเป็นมนุษย์ แนวทางการพยาบาลแบบประคบั ประคอง - การรักษาตามอาการของโรค - การดูแลครอบครัวมท้งั การรักษา และการพฒั นาคุณภาพชีวติ สาหรับผปู้ ่ วยและ ครอบครัวเพ่อื บรรเทาความทุกขท์ รมาณต่าง ๆ - การช่วยใหผ้ ปู้ ่ วยระยะทา้ ยไดร้ ับรู้วา่ ความตายเป็นเรื่องปกติ และเป็นเรื่องธรรมชาติ - การใชร้ ูปแบบการทางานแบบพหุวิชาชีพเพ่ือใหก้ ารดูแลอยา่ งทว่ั ถึงในทุกมิติของ ปัญหา
แนวปฏบิ ตั กิ ารดูแลผู้ป่ วยเรื้อรังท่คี ุกคามชีวิตแบบประคบั ประคอง - ดา้ นการจดั การสิ่งแวดลอ้ มส่งเสริม เช่น ใหผ้ ปู้ ่ วยและครอบครัวมีส่วนร่วมในการ เตรียมอุปกรณ์เครื่องใชท้ ่ีผปู้ ่ วยคุน้ เคยมาใชใ้ นหอ้ งจดั หอ้ งแยกหรือสถานท่ี เป็นสัดส่วน และสงบโดยใหผ้ ปู้ ่ วยและญาติไดก้ ลา่ วลาต่อกนั - ดา้ นการจดั ทีมสหวิชาชีพ เช่น เปิ ดโอกาสใหว้ ชิ าชีพอ่ืนมีส่วนร่วมในทีมสหวิชาชีพ โดยข้ึนกบั ปัญหาของผปู้ ่ วยประกอบดว้ ย นกั กายภาพบาบดั นกั โภชนาการบาบดั นกั กฎหมาย นกั จิตวทิ ยา นกั การแพทยแ์ ผนไทย นกั อาชีวะบาบดั นกั กิจกรรมบาบดั และนกั ศิลปะบาบดั - ดา้ นการดูแลผปู้ ่ วยแบบองคร์ วมสอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมของผปู้ ่ วยและครอบครัว เช่น เปิ ดโอกาสใหผ้ ปู้ ่ วยและครอบครัวปฏิบตั ิกิจกรรมทางศาสนาสนบั สนุนใหค้ รอบครัว สามารถเผชิญกบั การเจบ็ ป่ วยภาวะเศร้าโศกภายหลงั จากการเสียชีวติ - ดา้ นการจดั การความปวดดว้ ยการใชย้ าและไม่ใชย้ าเช่น มีกาหนดแนวปฏิบตั ิที่เป็น มาตรฐานดา้ นการใชย้ าและการบรรเทาโดยวธิ ีการที่ไม่ใชย้ าร่วมกบั การใชย้ า
แนวปฏบิ ัตกิ ารดูแลผ้ปู ่ วยเรื้อรังทคี่ ุกคามชีวิตแบบประคบั ประคอง (ต่อ) - ดา้ นการวางแผนจาหน่ายและการส่งตอ่ ผปู้ ่ วย เช่นประเมินความพร้อมในการส่งตอ่ ผปู้ ่ วยไปยงั โรงพยาบาลใกลบ้ า้ น หรือกลบั ไปพกั ท่ีบา้ น และจดั ใหม้ ีบริการใหค้ าปรึกษาทางโทรศพั ทเ์ พอื่ เปิ ด โอกาสใหค้ รอบครัวขอคาปรึกษาเมื่อมีปัญหาในการดูแลที่บา้ น - ดา้ นการติดตอ่ สื่อสารและการประสานงานกบั ทีมสหวิชาชีพ เช่น จดั ระบบการส่ือสารและให้ ความรู้แก่ผปู้ ่ วยและครอบครัวต้งั แตร่ ับผปู้ ่ วยเขา้ รักษาจนกระทงั่ จาหน่ายออกจากหอผปู้ ่ วย หรือ เสียชีวติ และการประสานส่งตอ่ - ดา้ นกฎหมายและจริยธรรมในการดูแลผปู้ ่ วย เช่น ดาเนินการใหผ้ ปู้ ่ วยมีส่วนร่วม และตดั สินใจ ดว้ ยตนเองเก่ียวกบั แผนการรักษาในช่วงวาระสุดทา้ ยของชีวิต และการใหค้ รอบครัวมีส่วนร่วมใน การตดั สินใจ - ดา้ นการเพมิ่ สมรรถนะใหแ้ ก่บุคลากรและผบู้ ริการ เช่นสนบั สนุนใหม้ ีการศึกษาวจิ ยั โดยใช้ หลกั ฐานเชิงประจกั ษใ์ นเร่ืองการดูแลแบบประคบั ประคองตลอดจนส่งเสริมใหน้ าวทิ ยาการและ ทกั ษะมาใชใ้ นการพยาบาล - ดา้ นการจดั การค่าใชจ้ ่าย เช่น สนบั สนุนดา้ นคา่ ใชจ้ ่ายและระยะเวลาที่มีความเหมาะสมของการ นอนโรงพยาบาลใหแ้ ก่ผปู้ ่ วยระยะสุดทา้ ยโดยสอดคลอ้ งตามสิทธ์ิท่ีประโยชนข์ องผปู้ ่ วย
หัวใจของการดูแลผู้ทกี่ าลงั จะจากไป 1. ทศั นคติของตนที่มีต่อชีวิตและความตาย 2. สารวจใจของตนวา่ เขม้ แขง็ และพร้อมหรือไม่ 3. มีความรู้ความเขา้ ใจถึงสิ่งที่เกิดกบั ร่างกายและจิตใจของ ผปู้ ่ วย 4. เคารพความเห็นความปรารถนาและสิทธิของผทู้ ่ีกาลงั จะ จากไป 5. อยเู่ ป็นเพ่อื น 6. การแบ่งปันความรู้สึกกนั 7. รักและใหอ้ ภยั อยา่ งไม่มีเง่ือนไข 8. ใชน้ ้าเสียงและสมั ผสั ที่อ่อนโยนเสมอ 9.ทมีความหวงั แต่อยา่ คาดหวงั 10. ดูแลตนเองใหร้ ่างกายแขง็ แรงและจิตใจมนั่ คง
หน่วยที่ 4 การพยาบาลผู้ป่ วยทมี่ ภี าวะวกิ ฤตระบบหายใจ ระบบทางเดินหายใจ เป็นระบบที่ติดตอ่ กบั อากาศภายนอกโดยตรง การ หายใจแตล่ ะคร้ังตอ้ งสูดอากาศเขา้ ไปสู่ส่วนปลายของทางเดินหายใจ คือ ถุงลม ปอด
สาเหตุทที่ าให้เกดิ โรคของระบบทางเดนิ หายใจ - การสูบบุหรี่ - มลภาวะทางอากาศ การติดเช้ือทางเดินหายใจ - การแพ้ การประเมนิ ภาวะสุขภาพของการหายใจ - ประวตั ิจะช่วยใหพ้ ยาบาลไดข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ภาวะสุขภาพทวั่ ไปของผปู้ ่ วย ตลอดจนอาการและอาการแสดง ตา่ ง ๆ ช่วยในการวนิ ิจฉยั โรค ประวตั ิเก่ียวกบั สุขภาพของบุคคลในครอบครัว การใชย้ า การแพ้ การสูบบุหร่ี และการประกอบอาชีพ - ประวตั ิเก่ียวกบั อาการและอาการแสดงท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ อาการไอ เช่น ไอแหง้ ๆ ไอมีเสมหะ ไอมีเลือดปน - อาการเจบ็ หนา้ อก - อาการหายใจลาบาก เช่น ทางเดินหายใจถูกอุดก้นั - หายใจมีเสียง เช่น wheezing, crepitation - อาการเขียวคล้า - ปลายนิ้วปุ้ม
การตรวจร่างกาย ประกอบไปด้วยการ ดู คลา เคาะ ฟัง - การดูหน้าอก ดูลกั ษณะทว่ั ไป เช่น ขนาด รูปร่าง ท่าทาง ลกั ษณะการหายใจ และดูรูปร่างของทรวง อกท่ีผดิ ปกติ เช่น อกถงั เบียร์ อกบุ๋ม หลงั โก่ง หลงั แอน่ - การคลาช่องอก เป็นการตรวจหลงั การดู การคลาตรวจสอบบริเวณที่กดเจ็บ คลาหากอ้ น คลาต่อม น้าเหลือง คลาคน้ หาลมไดผ้ วิ หนงั คลาหาเสียงสนั่ สะเทือนของทรวงอก - การเคาะ ทาใหเ้ กิดการสน่ั สะเทือนของผิวหนงั หนา้ อก และอวยั วะที่อยขู่ า้ งใต้ ทาใหเ้ กิดเสียงที่ แตกต่างกนั - การฟัง มีประโยชน์ในการประเมินอากาศ ท่ีผา่ นเขา้ ไปในหลอดลม ทาใหท้ ราบถึงการ เปลี่ยนแปลงของพยาธิสภาพของทรวงอก
เสียงหายใจ (Breath sound) 1. เสียงลมผา่ นหลอดลมใหญ่ (bronchial) เกิดจากขณะหายใจมีลมผา่ นทาใหเ้ กิดการ ส่ันสะเทือนท่ีปลายเสียง 2. เสียงลมผา่ นหลอดลมใหญ่ (bronchial vesicular sound) ฟังไดจ้ ากบริเวณช่องซ่ีโครงท่ี 2 ดา้ นหนา้ หรือบริเวณกระดูกไหปลาร้าดา้ นขวาหรือรอยต่อกระดูกหนา้ อกส่วนตน้ 3. เสียงลมผา่ นหลอดลมเลก็ (vesicular breath sound) เสียงน้ีเกิดจากขณะหายใจลมจะผา่ นท่อ หลอดลมฝอยและวนเวยี นอยใู่ นถุงลมปอดฟังไดท้ วั่ ไปท่ีบริเวณปอดท้งั 2 ขา้ ง
เสียงผดิ ปกติ แบ่งออกเป็ น 2 พวกคือ 1. เสียงทด่ี งั ต่อเน่ืองกนั แบ่งเป็ น 4 ชนิด - เสียงลมพดั ลมใหญ่เป็นเสียงต่าทุ่ม เรียกวา่ Rhonchi เกิดจากลมหายใจผา่ นหลอดลมใหญ่ท่ีมีมูกหรือเยอ่ื บุ หลอดลมบวม - เสียงลมผา่ นหลอดลมเลก็ ๆ หรือหลอดลมตีบแคบมาก ฟังไดเ้ สียงสูง Wheezing - เสียงเสียดสีกนั ของเยอ่ื หุม้ ปอดอกั เสบ ลกั ษณะเสียงคลา้ ยถูมือขา้ งหูไดย้ นิ ท้งั หายใจเขา้ ออก เรียกวา่ Pleural Friction - เสียงท่ีเกิดจากการอุดตนั ของหลอดลมใหญ่ขณะหายใจเขา้ ไดย้ นิ ต่อเน่ืองกนั ขณะหายใจเขา้ เรียกวา่ stridor 2. เสียงทด่ี งั ไม่ต่อเน่ืองกนั เกดิ จากทางเดนิ หายใจตบี แคบขณะหายใจออก เม่ือหายใจเข้าลมเปิ ดผ่านช่องเข้าไปได้ช้า กว่าปกติ ขณะฟังสอนให้ผู้ป่ วยหายใจเข้าลกึ ๆ - เสียงคลา้ ยฟองอากาศแตก crepitation ฟังไดท้ ่ีหลอดลมใหญ่ ฟังไดย้ นิ เมื่อเร่ิมหายใจเขา้ จนถึงช่วงกลางของการ หายใจเขา้ - เสียงลมหายใจผา่ นน้ามูกในหลอดลมฝอย crackles ฟังไดเ้ ม่ือเกือบสิ้นสุดระยะการหายใจเขา้
โรคหวัด common cold เป็นโรคท่ีติดตอ่ กนั รวดเร็ว และเป็นโรคท่ีระบาดไดต้ ลอดท้งั ปี โรคน้ีติดต่อโดยตรงจากฟองละออง เสมหะจากการไอและการจาม - สาเหตุ เกิดจากเช้ือไวรัสหลายชนิด ซ่ึงเรียกวา่ coryza viruses ในผใู้ หญ่เกิดจากเช้ือ Rhinovirus - ลกั ษณะทางคลนิ ิก อาการหลายอยา่ งเริ่มแรกคดั จมูก จาม คอแหง้ มีน้ามูกใสๆ มีน้าตาคลอ กลวั แสง รู้สึกไม่ สบาย ปวดมึนศีรษะบางรายมีอาการปวดหวั ไอและอ่อนเพลีย โรคน้ีจะอยไู่ ม่นานแตถ่ า้ มากกวา่ 14 วนั และมี อาการไขเ้ รียกวา่ acute upper respiratory infection : URI - การรักษา รักษา และใหย้ าตามอาการ
โรคหลอดลมอกั เสบเฉียบพลนั acute brunchitis Tracheobronchitis การอกั เสบของหลอดลมแบบเฉียบพลนั เป็นการอกั เสบของหลอดลมใหญ่หรือหลอดลมคอ เนื่องจากมีการระคายเคืองในการติดเช้ือพบบ่อยในปัจจุบนั เนื่องจากมลภาวะทางอากาศ - พยาธิสภาพ เช้ือโรคเขา้ ไป มีอาการบวมของเยอื่ บุหลอดลม ส่งผลใหเ้ กิดการอกั เสบของเยอื่ บุหลอดลม ทาใหเ้ กิดการขดั ขวางการทาหนา้ ท่ีของซีเลียหรือขนกวกั ส่งผลใหเ้ กิดเสมหะ และไอเอาเสมหะออกมา - การประเมนิ ภาวะสุขภาพผ้ปู ่ วย ซกั ประวตั ิ ตรวจร่างกาย และตรวจทางหอ้ งปฏิบตั ิการ - การรักษา เป็นการประคบั ประคองไม่ใหโ้ รคลุกลาม และการติดเช้ือซ้า ยาท่ีใช้ ไดแ้ ก่ ยาบรรเทาอาการไอ ยาขยายหลอดลม ยาปฏิชีวนะ ยาแกป้ วดลดไข้ - ข้อวนิ ิจฉัยทางการพยาบาล ตวั อยา่ งเช่น 1. การหายใจไม่เพยี งพอเน่ืองจากหลอดลมหดเกร็งตวั 2. มีความบกพร่องในการแลกเปล่ียนก๊าซจากอตั ราส่วนของการระบายอากาศกบั การกาซาบไม่สมดุลกนั
โรคปอดอกั เสบ pneumonia pneumonitis การอกั เสบของเน้ือเยอื่ ปอด มีหนองขงั บวม จึงทาหนา้ ท่ีไดไ้ ม่เตม็ ที่ทาใหห้ ายใจสะดุด เกิดการ หายใจหอบเหนื่อย อาจมีอนั ตรายถึงชีวิตได้ อบุ ัตกิ ารณ์และระบาดวทิ ยา - การตดิ ต่อ เช้ือมกั จะอยใู่ นน้าลายเสมหะของผปู้ ่ วยและแพร่กระจายโดยการไอจามหรือหายใจรดกนั การ สาลกั เอาสารเคมีหรือเศษอาหารเขา้ ไปในปอด - สาเหตุของโรค มี 2 สาเหตุ คือ เช้ือแบคทีเรีย pneumococcud ,staphylococcus และเช้ือไวรัส เช่น ไขห้ วดั ใหญ่หดั Covid-19 , หดั , สุกใส, เช้ือไวรัสซาร์ส
- พยาธิสภาพ : มี 3 ระยะ 1. ระยะเลือดคงั่ พบใน 12-24 ชวั่ โมงแรก เม่ือเช้ือแบคทีเรียเขา้ ไปในถุงลมและมีการเพม่ิ จานวนอยา่ งรวดเร็วและมี ปฏิกิริยาตอบสนองโดยมีเลือดคลง่ั บริเวณท่ีอกั เสบและมี Cellular Exudate เขา้ ไปในถุงลมโดยมีเมด็ เลือดแดงเมด็ เลือดขาวแบคทีเรียและไฟบริน ระยะน้ีอาจมีเช้ือแบคทีเรียเขา้ สู่กระแสเลือดได้ 2. ระยะปลอดแขง็ ตวั Hepatization เกิดในวนั ที่ 2-3 ของโรค ระยะแรกจะพบวา่ มีเมด็ เลือดแดงและไฟบริน อยใู่ น ถุงลม เป็นส่วนใหญ่และหลอดลมฝอยจะขยายตวั ออกทาใหเ้ น้ือสัตวม์ ีสีแดงจดั เรียกวา่ red hepatization ในรายท่ี อกั เสบรุนแรงหลอดเลือดฝอยจะมีขนาดเลก็ ลงทาใหเ้ ป็นสีเทา Gray Hepatization ตรงกบั วนั ท่ี 4 ถึง 5 ของโรค 3. ระยะฟ้ื นตวั Resolution ในวนั ที่ 7 ถึง 10 ของโรค เม่ือร่างกายมีภูมิตา้ นทานเกิดข้ึนและสามารถทาลายเช้ือ แบคทีเรียหมด และเร่ิมสลายตวั ทาใหม้ ีเอมไซมอ์ อกมาทาลายไฟบินส่วนใหญ่จะถูกกาจดั ออกบริเวณท่ีมีการอกั เสบ โดยเซลลช์ นิดโมโนนิวเคลียร์ท่ีเหลือจะหลุดออกมาเป็นเสมหะขณะไอ ส่วนเน้ือเยอ่ื ที่มีการอกั เสบจะมีพงั ผดื เกิดข้ึนในส่วนท่ีเคยมีการอกั เสบ
- การประเมนิ ภาวะสุขภาพผ้ปู ่ วย โดยการซกั ประวตั ิ ตรวจร่างกาย การตรวจทางหอ้ งปฏิบตั ิการและการ ถ่ายภาพรังสีปอด - ภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดแฟบ ฝีในปอด เยอื่ หุม้ สมองอกั เสบ เยอื่ หุม้ หวั ใจอกั เสบ ขอ้ อกั เสบ เฉียบพลนั โลหิตเป็นพษิ และท่ีสาคญั คือภาวะขาดออกซิเจนและภาวะขาดน้า - การรักษา เป็นการประคบั ประคองไม่ใหโ้ รคลุกลามและการติดเช้ือซ้า การใหย้ าบรรเทาอาการไอขยาย หลอดลม ยาปฏิชีวนะ และยาแกป้ วดลดไข้ - ข้อวนิ ิจฉัยทางการพยาบาล เช่น 1. การหายใจไม่เพยี งพอเนื่องจากปอดถูกจากดั จากการอกั เสบ 2. มีความบกพร่องในการแลกเปล่ียนแกส๊ เนื่องจากผนงั ถุงลมปอดไม่ดี
โรคฝี ในปอด Lung Abscess เป็นการอกั เสบท่ีมีเน้ือปอดและมีหนองที่บริเวณเป็นฝีมีขอบเขตชดั เจน เกิดจากเช้ือแบคทีเรีย อบุ ัตกิ ารณ์และระบาดวทิ ยา -สาเหตุ จากการอุดตนั ของหลอดลม 1. จากการติดเช้ือแบคทีเรีย 2. เกิดตอ่ มาจากหลอดโลหิตในปอดอุดตนั 3. สาลกั น้ามูก น้าลาย หรือสิ่งแปลกปลอมเขา้ ไปในปอด 4. ฝีในตบั แตกเขา้ ไปในปอด 5. หนา้ อกไดร้ ับอนั ตรายทาใหก้ ระดูกหกั และมีการฉีกขาดของหลอดโลหิต
- พยาธิสภาพ เช้ือเขา้ ไปในปอดทาใหเ้ กิดการอกั เสบ บริเวณท่ีเป็นฝีจะแขง็ มีการอุดก้นั ของหลอดเลือดที่ เขา้ มาเล้ียง หนองระบายออกทางโพรงหลอดลม ทาใหผ้ ปู้ ่ วยจะมีอาการไอและมีเสมหะมีกลิ่นเหมน็ ถา้ หนองไหลสะดวกระบายออกหมดบริเวณท่ีเป็นฝีจะยบุ ติดกนั แตถ่ า้ ไหลออกมาไม่สะดวกบริเวณท่ีเป็นฝีจะ หนาแขง็ และมีเยอื่ พงั ผดื เกิดข้ึน ในรายที่มีการอุดก้นั เกิดข้ึนไม่สามารถระบายหนองได้ หนองจะมีจานวน เพม่ิ ข้ึนเร่ือย ๆ และอาจแตกทะลุเขา้ ในโพรงเยอ่ื หุม้ ปอด - ภาวะแทรกซ้อน ถา้ เป็นฝีในปอด หนองอาจลุกลามเขา้ ไปในเยอ่ื หุม้ ปอด ถา้ ฝีแตกจะลุกลามเขา้ ไปตาม กระแสเลือด ทาใหเ้ กิดการติดเช้ือในกระแสเลือด และถา้ เช้ือหลุดลอยไปในสมองอาจเกิดฝี สมองได้
- การประเมนิ สภาวะสุขภาพ 1. ประวตั ิอาการและอาการแสดง การสาลกั อาหาร อาการแสดงของปอดอกั เสบ ไอมีเสมหะมีหนองสีน้าตาล ดา หายใจเร็ว 2. การตรวจร่างกาย จะพบการขยายตวั ของปอดท้งั สองขา้ งไม่เท่ากนั ขา้ งท่ีเป็นจะขยายไดน้ อ้ ยเคาะปอดไดย้ นิ เสียงทึบฟังเสียงหายใจเบา 3. การตรวจพเิ ศษ การถ่ายภาพรังสีเอกซเรย์ ถา้ ฝียงั ไม่แตกจะพบรอยทึบเรียบบริเวณฝีถา้ แตกจะมีระดบั อากาศ ของของเหลวการตรวจเสมหะจะพบเช้ือ - การรักษา 1. การรักษาทางยา เช่น การใหย้ าปฏิชีวนะตามผลการเพาะเช้ือ และการรักษาตามอาการแบบประคบั ประคอง 2. การรักษาโดยการผา่ ตดั - ข้อวนิ ิจฉัยทางการพยาบาล 1. ไม่สามารถทาใหท้ างเดินหายใจสะอาดโล่งเน่ืองจากมีการอกั เสบของหนองอยภู่ ายในปอดมาก 2. การหายใจไม่เพยี งพอเนื่องจากเน้ือปอดบางส่วนถูกทาลายและมีอาการเจบ็ หนา้ อก
โรคหอบหืด Bronchial asthma โรคหอบหืด เป็นผลจากการหดตวั ของกลา้ มเน้ือ รอบหลอดลม ช่องทางเดินหายใจส่วนหลอดลมทาให้ หายใจขดั อุบัตกิ ารณ์และระบาดวทิ ยา -สาเหตุ สิ่งกระตุน้ ใหจ้ บั หืด ไดแ้ ก่ เกสรตน้ ไมแ้ ละหญา้ กลิ่น(อบั ฉุน น้าหอม) ไขห้ วดั ขนสัตว์ ควนั บุหร่ี ยาบาง ชนิด ฝ่ นุ จากที่นอน เล่นกีฬาหนกั ๆ อากาศเยน็ -พยาธิสภาพ Bronchospasm หลงั ซีเคชน่ั และมิวคสั บวม ส่งผลใหค้ วามตา้ นทานในหลอดเลือดสูงข้ึน และเกิดการ แลกเปล่ียนก๊าซผดิ ปกติทาใหม้ ีภาวะต่าง ๆ ตามมาคือ การทางานของปอดลดลงอากาศท่ีคา้ งอยใู่ นปอดหลงั หายใจ ออกเตม็ ที่สูงข้ึน ออกซิเจนในเลือดต่า คาร์บอนไดออกไซดส์ ูง ทาใหเ้ ลือดเป็นกรด และทาใหห้ ายใจวายได้ เรียกวา่ อาการหอบหืดชนิดรุนแรง (status asthmaticus)
-การประเมนิ ภาวะสุขภาพ 1. ประวตั ิ อาการและอาการแสดง ประวตั ิของบุคคลในครอบครัว อาการแพ้ 2. การตรวจร่างกาย หายใจเร็วมาก ไดย้ นิ เสียง wheezing ใชก้ ลา้ มเน้ือทรวงอกในการหายใจ Cyanosis 3. การตรวจพเิ ศษ การตรวจเลือดดูค่าออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ การตรวจสมรรถภาพของปอด และ การทดสอบการแพ้ การตรวจ Arterail Bood Glases - การรักษา มี 2 อยา่ งคือ หลีกเล่ียงสารท่ีแพ้ และใชย้ าสูดอยา่ งสม่าเสมอ - การวนิ ิจฉัยทางการพยาบาล 1. มีความบกพร่องในการแลกเปล่ียนออกซิเจนเน่ืองจากอตั ราการระบายอากาศและการซึมซาบไม่สมบูรณ์ 2. ไม่สามารถทาใหท้ างเดินหายใจโลง่ เนื่องจากมีการอุดก้นั ของหลอดลม
โรคปอดอดุ ก้นั เรื้อรัง chronic obstructive pulmonary decease (COPD) เป็นโรคท่ีพบบ่อยในผสู้ ูงอายุ ซ่ึงสาเหตุสาคญั ท่ีสุด คือการสูบบุหรี่ ซ่ึงโรคน้ีจะประกอบดว้ ยโรค 2 ชนิดยอ่ ยคือโรคหลอดลมอกั เสบเร้ือรังและโรคถุงลมโป่ งพอง ซ่ึงอาการจะมีอาการไอและมีเสมหะเร้ือรังเป็น ๆ หาย ๆ และทาใหก้ ารแลกเปล่ียนก๊าซผดิ ปกติไปซ่ึงจะพบ 2 โรคน้ีมกั จะเกิดร่วมกนั อุบัตกิ ารณ์และระบาดวทิ ยา -สาเหตุ 1.การสูบบุหรี่ 2.มลภาวะทางอากาศ 3.การขาดแอลฟา 1 และแอลฟาทริพซิน 4.การติดเช้ือ 5.อายุ
-พยาธิสภาพ - เกิดการระคายเคืองตอ่ หลอดลมจากการสูบบุหร่ี มีการเคลื่อนไหวของขนกวกั นอ้ ยลงหรือหลุดไป ทาใหก้ ารขบั เสมหะเสียไป และมีการอกั เสบจากการติดเช้ือแบคทีเรีย ส่งผลใหผ้ นงั หลอดลมและถุงลมถูกทาลาย และถุงลม ปอดโป่ งพอง ส่งผลใหเ้ กิดการอุดตนั ของทางเดินหายใจ -การระคายเคืองตอ่ หลอดลมจากการสูบบุหรี่ ส่งผลใหห้ ลอดลมหดเกร็ง และมีเสมหะคงั่ คา้ ง ส่งลใหเ้ กิดการอุด ก้นั ของทางเดินหายใจ -การระคายเคืองต่อหลอดลมจากการสูบบุหร่ี ตอ่ มขยายตวั ข้ึนเซลลม์ ากข้ึน เสมหะถูกสร้างมากข้ึน ลดสารตึงผิว ในปอด เกิดถุงลมโป่ งพอง -การประเมนิ ภาวะสุขภาพ 1.ประวตั ิอาการและอาการแสดง การสูบบุหร่ี การหายใจลม้ เหลว อาการเบื่ออาหาร การใชย้ าที่เกี่ยวกบั การหายใจ 2.การตรวจร่างกายพบผวิ กายเขียวคล้าหายใจเกิน หายใจนอ้ ยกวา่ ปกติ อกถงั เบียร์ หลอดเลือดดาท่ีคอโป่ งนูน การ เคาะไดย้ นิ เสียงกอ้ งทวั่ ทอ้ งฟังเสียงไดย้ นิ เสียง wheezing 3.การตรวจพิเศษตรวจดูค่าออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ ทดสอบสมรรถภาพปอด และการถา่ ยภาพรังสีปอด
-การรักษา 1.การรักษาดว้ ยยา 2.การรักษาดว้ ยออกซิเจนในการใหอ้ อกซิเจนขนาดต่า ๆ ประมาณ 2-3 ลิตร 3.การใส่ท่อช่วยหายใจ -การวนิ ิจฉัยทางการพยาบาล 1.มีความบกพร่องในการแลกเปล่ียนออกซิเจนเนื่องจากอากาศผา่ นเขา้ ออกจากปอดลดลง 2.ไม่สามารถทาใหท้ างเดินหายใจโล่งเนื่องจากทางเดินหายใจมีการอุดก้นั และมีเสมหะคง่ั คา้ ง
โรควณั โรคปอด Tuberculosis เป็นโรคติดตอ่ เร้ือรังที่เกิดจากเช้ือแบคทีเรีย เป็นไดก้ บั ทุกอวยั วะของร่างกายพบมากในปัจจุบนั คือวณั โรคปอดเพราะสามารถแพร่กระจายและติดต่อไดง้ ่าย อุบตั กิ ารณ์และระบาดวทิ ยา -สาเหตุ เป็นเช้ือแบคทีเรียชื่อไมโครแบคทีเรียทูเบอร์คูโลซิส บางคร้ังเรียกเช้ือ AFB เป็นโรคติดต่อเร้ือรัง -อาการของโรค ไอเร้ือรัง 3 สัปดาห์ข้ึนไป หรือไอมีเลือดออก มีไขต้ อนบ่ายๆ เหง่ือออกมากตอนกลางคืน น้าหนกั ลด อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เจบ็ หนา้ อก และเหนื่อยหอบกรณีท่ีโรคลุกลามไปมาก -การติดต่อ ติดต่อโดยการหายใจเอาเช้ือโรคจากการไอจามพูดของผปู้ ่ วยท่ีเป็นวณั โรค
-การป้องกนั ไม่ให้ป่ วยเป็ นวณั โรค 1.รักษาสุขภาพใหแ้ ขง็ แรงเช่นการออกกาลงั กาย กินอาหารครบ 5 หมู่ 2.หลีกเล่ียงการคลุกคลีกบั ผปู้ ่ วยวณั โรค 3.ถา้ มีผปู้ ่ วยวณั โรคอยใู่ นบา้ นควรใหก้ ินยาอยา่ งสม่าเสมอ 4.ควรตรวจร่างกายเอกซเรยป์ อดอยา่ งนอ้ ยปี ละคร้ัง 5.พาบุตรหลานไปฉีดวคั ซีน BCG 6.หากมีอาการผดิ ปกติน่าสงสัยควรไปพบแพทยเ์ พือ่ รับการตรวจ -การประเมนิ การประเมินสภาพผปู้ ่ วยสามารถประเมินไดจ้ ากประวตั ิเกี่ยวกบั ปัจจยั ส่งเสริมการติดเช้ือ เช่น มีคนในครอบครัวป่ วยเป็นวณั โรค , การฟังปอดจะพบ capitation เสียงจะลดลง , เสมหะเป็นสี เหลือง , ยอ้ มเสมหะพบ Acid Fast Bacilli , ตรวจเลือดพบเมด็ เลือดขาวสูงกวา่ ปกติ ,การทดสอบ tuberculin
-การรักษา 1. ช่วงแรกไดแ้ ก่ INH (Isoniazid) , Ethambutol, Rifampin, streptomycin 2. ช่วงหลงั ไดแ้ ก่ Viomycin, Capreomycin, Kanamycin, Ethionanide, pyrazinamine, Para-aminosalicylate sodium (PAS), Cycloserin -วธิ ีการใช้ยารักษาวณั โรคแบ่งเป็ น 1.วิธีรักษาแบบมาตรฐาน โดยใช้ INH ร่วมกบั ยารักษาวณั โรคขนานอื่นหรือ 2 ขนาน 2.วธิ ีรักษาแบบเวน้ ระยะในการควบคุม เช่น ใหย้ าทุกวนั เป็นกี่สัปดาห์แลว้ ใหส้ ปั ดาห์ละ 1 คร้ังจนครบ 1 ปี 3.วธิ ีรักษาแบบใหย้ าเตม็ ที่ในระยะแรก 4.วธิ ีรักษาแบบใชย้ าระยะส้ัน เนน้ ให้ INH 300 mg , streptomycin1 กรัม, Rifampin600 mg ทุกวนั เป็ นเวลา 6 เดือน -ในรายทเี่ คยรักษามาแล้ว 1.ผทู้ ี่เคยไดร้ ับการรักษามาเตม็ ท่ีไม่นอ้ ยกวา่ 6 เดือน และประเมินแลว้ วา่ รักษาไม่ไดผ้ ลควรเปล่ียนมาใชย้ าขนานใหม่ท่ี ไม่เคยใชม้ าก่อน 2.ถา้ เคยไดร้ ับการรักษามาครบแลว้ โรคสงบไประยะหน่ึงแลว้ เกิดข้ึนใหม่จะใหก้ ารรักษาแบบเดิมก่อนแลว้ ทดสอบวา่ เช้ือตา้ นยาชนิดใดและเปล่ียนยาตวั ใหม่แทน
-วธิ ีการรักษาโดยการผ่าตัด แพทยผ์ า่ ตดั เอากลีบปอดออกบางส่วนหรือท้งั ปอดเพอื่ เอารอยโรคส่วนท่ีเป็นกอ้ นหรือโพงออก ซ่ึง รักษาดว้ ยยาเป็นเวลานานหลายเดือนแลว้ ขนาดไม่ลดลง -การปฏิบตั ติ น 1.ไปพบแพทยต์ ามนดั และเกบ็ เสมหะส่งตรวจทุกคร้ังตามแพทยส์ ่ัง 2.กินอาหารที่มีประโยชน์ 3.ปิ ดปากปิ ดจมูกเวลาไอหรือจามทุกคร้ัง 4.จดั บา้ นใหอ้ ากาศถ่ายเทสะดวก 5.ใหบ้ ุคคลในบา้ นไปรับการตรวจ 6.กินยาใหค้ รบถว้ นทุกชนิดตามแพทยส์ ั่ง กินสม่าเสมอจนครบตามกาหนด -การวนิ ิจฉัยทางการพยาบาล 1.ไม่สามารถทาใหท้ างเดินหายใจสะอาดลงเนื่องจากทางเดินหายใจมีการอุดก้นั จากเสมหะ 2.วติ กกงั วลเนื่องจากถูกแยกออกจากผปู้ ่ วยระยะอื่น
การพยาบาลผู้ป่ วยภาวะปอดแฟบ Atelectasis บางทีเรียก collapse ใชแ้ ทนกนั ไดแ้ ต่ส่วนใหญ่ใชค้ าวา่ collapse กลไกการเกดิ 1. obstructive atelectasis เป็ นสาเหตุที่พบไดบ้ ่อยท่ีสุด เกิดจากการอุดก้นั ของอวยั วะที่มีลกั ษณะเป็ นท่อ มีแนวคิด แบบเดียวกนั เกือบท้งั หมดกค็ ือ - Endobroncgial เป็ นการอุดก้นั ของหลอดลมแบบ intraluminal เช่นหลอดลมมีมิวคสั มาก้นั - intraluminal กระจากความผดิ ปกติหรือโรคท่ีอยภู่ ายในผนงั ของหลอดลมเอง - Extraluminal เกิดจากการกดเบียดของหลอดลมจากโรคที่อยใู่ นหลอดลม 2. Compressive atelectasis เกิดข้ึนจากการมีรอยโรคอยภู่ ายในทรวงอกซ่ึงมีผลทาใหเ้ กิดแรงกดเบียดเน้ือปอดส่วนท่ี อยขู่ า้ งเคียงใหแ้ ฟ้บลง 3. Passive atelectasis เกิดจากรอยโรคภายในช่องเยอื่ หุม้ ปอดทาใหม้ ีแรงดนั เป็ นลบหรือเป็นศูนยท์ าใหแ้ รงดึงตามปกติ ช่วยดึงนะผอ่ นใหค้ งรูปไข่ใหญ่อยหู่ ายไป 4. Adhesive atelectasis เกิดจากการหายใจต้ืนมีผลทาใหห้ ลอดลมส่วนปลายไม่สามารถขยายออกไดจ้ ึงยบุ ตวั ลง
- พยาธิสรีรวทิ ยา การระบายอากาศในแขนงหลอดลมถูกปิ ดก้นั หรือถูกอุดก้นั อาจจะเกิดทนั ที หรือค่อย ๆ เกิดข้ึน ความรุนแรง จะข้ึนอยกู่ บั ตาแหน่งที่อุดตนั - การประเมนิ ภาวะสุขภาพ 1. ประวตั ิอาการและอาการแสดงการสูบบุหรี่ การหายใจลม้ เหลว การเบ่ืออาหาร และการใชย้ าเก่ียวกบั ทางเดินหายใจ 2. การตรวจร่างกาย จะพบผวิ หนงั เขียวคล้า หายใจแรง หายใจเกิน หายใจนอ้ ยกวา่ ปกติ หายใจแผว่ นอนราบ ไม่ได้ มีไข้ ชีพจรเตน้ เร็ว เป็นตน้ 3. การตรวจพเิ ศษ การดูค่าออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ การทดสอบปอดและการเอก็ ซเรย์
- การป้องกนั ปอดแฟบ 1. นอนเปลี่ยนท่าบ่อย ๆ 2. กระตุน้ ใหล้ ุกนงั่ ลุกเดิน 3. พลิกตะแคงตวั 4. ฝึกการเป่ าลูกโป่ ง 5. การกระตุน้ ใหไ้ ออยา่ งมีประสิทธิภาพ - ข้อวนิ ิจฉัยทางการพยาบาล 1. ไม่สามารถทาใหท้ างเดินหายใจโล่งไดเ้ น่ืองจากปอดถูกกด 2. มีความพร่องในการแลกเปลี่ยนแกส๊ เนื่องจากเน้ือปอดท่ีใชใ้ นการแลกเปลย่ี นแก๊ส ออกซิเจนลดลง
การพยาบาลผู้ป่ วยทม่ี ีภาวะของเหลวคลง่ั ในเย่ือหุ้มปอด plural effusion ภาวะที่มีของเหลวปริมาณมากเกินปกติ ที่เยอื่ หุม้ ปอดและเยอื่ หุม้ ช่องอก โดยน้าท่ีเพิม่ ข้ึนจะไปกดทบั ปอด ทาใหป้ อดขยายตวั ไดไ้ ม่เตม็ ท่ี แบ่งออกเป็ น 2 ชนิดหลกั ๆ ตามสาเหตุที่ของเหลวเพ่มิ ปริมาณมากข้ึน 1.ของเหลวแบบใส เกิดจากแรงดนั ภายในหลอดเลือดท่ีมากข้ึนทาใหโ้ ปรตีนในเลือดท่ีมีค่าต่า ทาใหข้ องเหลว ร่ัวไหลออกมาในปอดพบในผปู้ ่ วยภาวะหวั ใจลม้ เหลว -สาเหตุหลกั ท่ีทาใหเ้ กิดของเหลวแบบใส - ภาวะหวั ใจลม้ เหลวทาใหค้ วามดนั ตา้ นกลบั ในหลอดเลือดดาทาใหเ้ กิดการบวมจากของเหลวบริเวณขาและ อาจจะมีน้าในช่องเยอื่ หุม้ ปอดดว้ ย -โรคตบั แขง็ โรคที่เน้ือเยอ่ื ตบั ปกติคอ่ ย ๆ ถูกแทนที่ดว้ ยพงั ผดื แผลเป็นจากการอกั เสบโดยจะไปขวางการทางาน ของตบั ในการกรองของเสียซ่ึงระดบั โปรตีนในเลือดท่ีต่าน้นั ส่งผลใหข้ องเหลวซึมออกมานอกหลอดเลือด
-โรคล่ิมเลือดอุดตนั ในปอด เกิดข้ึนเมื่อเร่ิมจากอวยั วะต่าง ๆ ส่วนใหญ่มาจากบริเวณขาอะไรมาอดุ ก้นั บริเวณเลือด แดงท่ีนาเลือดไปสู่ปอดทาใหร้ ู้สึกเจ็บหนา้ อก ไอหายใจถ่ี และรุนแรงถึงชีวติ หากไม่ไดร้ บั การรักษาและอาจ ก่อใหเ้ กิดของเหลวแบบขนุ่ ได้ -หลงั การผา่ ตดั หวั ใจแบบเปิ ด เสี่ยงตอ่ การเกิดภาวะแทรกซอ้ น เช่น ภาวะหวั ใจตายเฉียบพลนั หวั ใจเตน้ ผดิ ปกติ ระบบทางเดินหายใจหรือใจลม้ เหลว 2.ของเหลวแบบขุ่น ส่วนใหญ่เกิดจากการอกั เสบมะเร็งหลอดเลือดหรือท่อน้าเหลืองอุดตนั มกั พบอาการท่ีรุนแรง รักษาไดย้ ากกวา่ แบบใส -โรคปอดบวม โรคมะเร็ง อาจส่งผลใหป้ อดและเยอ่ื หุม้ ปอดอกั เสบ ไตวายทาใหเ้ น้ือเยอื่ ไดร้ ับความเสียหาย ทาให้ ไม่สามารถกรองเลือด และขบั น้าปัสสาวะได้ ตามปกติ ซ่ึงไปจะเกิดอาการอกั เสบอกั เสบต้งั แต่แรก หรือจะเอา อวยั วะอื่นและส่งผลใหป้ อดอกั เสบจนเกิดของเหลวในปอดตาม 3.สาเหตุอื่น ๆโรคหรือภาวะท่ีนอกเหนือจากท่ีกล่าวมา เช่น ภูมิคุม้ กนั ทาลายตนเองเลือดคง่ั ในทรวงอกน้าเหลืองคง่ั ในปอด รวมถึงผทู้ ่ีตอ้ งสูดดมแร่ใยหินเป็นประจา
-อาการของภาวะนา้ ในเย่ือหุ้มปอด หอบ หายใจถี่ หายใจลาบากเมื่อนอนราบ ไอแหง้ มีไขเ้ น่ืองจากติดเช้ือ สะอึกเจบ็ หนา้ อก บางรายอาจจะ ไม่มีอาการเลย -การวนิ ิจฉัย ทาไดห้ ลายวธิ ีไม่วา่ จะเป็นการสอบถามประวตั ิทางการแพทยก์ ารตรวจร่างกายเอกซเรยห์ รือตรวจอ่ืน ๆ -การรักษา 1.การระบายของเหลวออกจากเยอื่ หุม้ ปอด 2.การเจาะ 3.การตดั -ภาวะแทรกซ้อน 1.แผลเป็ นที่ปอด 2.ภาวะหนองในช่องเยอ่ื หุม้ ปอด 3.ภาวะลมในช่องเยอ่ื หุม้ ปอด 4.ปอดติดเช้ือในกระแสเลือด
การพยาบาลผู้ป่ วยภาวะลมิ่ เลือดอดุ ตนั ในหลอดเลือดแดงปอด Pulmonary embolism เกิดจากล่ิมเลือดหลุดไปอุดก้นั หลอดเลือดปอด ผปู้ ่ วยมกั หายใจหอบเหนื่อยไอและเจบ็ หนา้ อก -อาการ 1.หายใจลาบากหรือหายใจไม่ออก 2.อาการเจบ็ หนา้ อก 3.ไอ ผปู้ ่ วยอาจใดและมีเลือดปนออกมามีเสมหะ ไอเป็นเลือด 4.มีไขว้ งิ เวียนศีรษะ 5.มีเหง่ือออกมาก กระสบั กระส่าย 6.หวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะ ชีพจรเตน้ อ่อน 7.ผวิ มีสีเขียวคล้า 8.ปวดขา หรือขาบวม 9.หนา้ มืดเป็นลม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169