Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือพัฒนาการอ่าน

หนังสือพัฒนาการอ่าน

Published by aingorn24, 2022-01-23 11:10:17

Description: 5382D0B2-EC68-40DC-A78D-C3A3C5C38A0B

Search

Read the Text Version

รายงาน เรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านด้วย กระบวนการวิเคราะห์เรื่องสั้น โดย นางสาว อรุณรัตน์ นาชัยเริ่ม เลขที่๒๒ นาย ธรรมธร ปลั่งกลาง เลขที่๒๙ นางสาวชุติกาญจน์ ไทยมา เลขที่๓๓ นางสาว พันนภา อมรกิจไพโรจน์ เลขที่๓๘ นางสาว อารีรัตน์ พินทุกนก เลขที่๔๐ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่๔/๒ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาค้นคว้า วิชา ทต๑๑๐๒ ภาษาไทยพื้นฐาน ภาคเรียนที่๒ ปีการ๒๕๖๔ โรงเรียนมัธยมสุวิทย์เสรีอนุสรณ์ สำนักงานเขตประเวศ สังกัดกรุงเทพมหานคร

รายงาน เรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านด้วย กระบวนการวิเคราะห์เรื่องสั้น โดย นางสาว อรุณรัตน์ นาชัยเริ่ม เลขที่๒๒ นาย ธรรมธร ปลั่งกลาง เลขที่๒ นางสาว ชุติกาญจน์ ไทยมา เลขที่๓๓ นางสาว พันนภา อมรกิจไพโรจน์ เลขที่๓๘ นางสาว อารีรัตน์ พินทุกนก เลขที่๔๐ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่๔/๒ เสนอ นางสาว พรทิพย์ เอมเจริญ

ก คำนำ รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาภาษาไทยในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ โดยมีวัตถุประสงค์จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาทักษะการอ่านและ การวิเคราะห์ ซึ่งรายงานฉบับนี้จะมีส่วนในการพัฒนาทักษะการอ่านและการวิเคราะห์ ให้กับผู้จัดทำและผู้อ่านทางด้านการส่งเสริมและพัฒนาทักษะการอ่านและการ วิเคราะห์ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย คณะผู้จัดทำ

สารบัญ ข เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข เรื่องที่๑ ครอบครัวอบอุ่น ๑ ๒ เรื่องที่๒ ความจริงที่ต้องการ ๓ ๔-๕ เรื่องที่๓ ศิษย์ที่ครูไม่ต้องการ ๖-๗ เรื่องที่๔ สายลมเเห่งการให้อภัย เเละก้อนหินเเห่งความทรงจำ เรื่องที่๕ อยากให้บ้านนี้มีเเต่รัก

๑ ชื่อเรื่อง ครอบครัวอบอุ่น ชื่อผู้เเต่ง ทองดี สุรดตโช โครงเรื่อง คำว่า ครอบครัว เป็น คำที่มีความหมายมาก คือ หมายถึงความรักความอบอุ่น ความเป็นอันเดียวกัน สมัยลูกเป็นเด็กๆ เราอยู่รวมกันเป็นครอบครัว มีเสียง หัวเราะสนุกสนาน มี เสียงวิ่งเล่นวิ่งไล่กัน ได้ทานอาหารรวมกัน ได้อะไรด้วยกัน ดูมันมีชีวิตชีวา แม้พ่อแม่จะทำงานเหน็ดเหนื่อยกันมา พอเห็นหน้าลูกๆ มา คอยต้อนรับหน้าประตู ถามว่าเหนื่อยไหมแล้วช่วยถือกระเป๋าถือของให้ เท่านี้ก็ หายเหนื่อยแล้ว เห็นลูกกินได้นอนหลับ พ่อกับแม่ก็สบายใจนี่แหละลูกเอ่ยที่ เขาว่าครอบครัวที่อบอุ่น ตอนนี้ลูกก็โตกันแล้ว หากสามารถเสบเป่าได้ พ่อกับ แม่ก็อยากจะเสบเป่าให้ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่น พร้อม หน้าพร้อม ตากัน เหมือนตอนเป็นเด็กทานข้าวด้วยกัน ถามไถ่สุขของกันและกัน ได้อุ่ม หลานตัวน้อยๆ เท่านี้ก็ยืนอายุให้พ่อกับแม่ได้อีกหลายปีแล้วลูกเอ่ย คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ด้านภาษา การใช้ภาษาที่ถูกต้องตามหลักภาษาไทยชัดเจรแล้วเข้าใจง่ายเป็นการเขียน ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาเป็นตัวหนังสือออกมาเป็นตัว ด้านสังคม เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงสังคัมยังอย่างหนึ่งในปัจจุบัน เรื่องการใช้ชีวิต การงาน การเรียน ทั้งด้านสุขภาพทั้งกายและด้านจิตใจ ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน ๑. รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ๒. รู้จักความเป็นอยู่ของครอบครัวว่าเวลาพ่อแม่ทำงานหาเงินมาซื้อกับข้าว พ่อกับแม่ต้องทนเหน็ดเหนื่อยมากขนาดไหน เพื่อจะให้ลูกๆอยู่กินมีความสุข การนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน จากที่เราได้อ่านมาแล้วเรื่องครอบครัวอบอุ่นมาแล้วเราสามารถนำมาประยุกต์ได้ ในชีวิตประจำวัน เพราะการเป็นแม่นั้นควรที่จะทำให้ลูกๆมีความสุขถึงพ่อกับแม่ จะทำงานเหน็ดเหนื่อยกันมาเพียงใด

๒ ชื่อเรื่อง ความจริงที่ต้องการ ชื่อผู้เเต่ง ถวัลย์ มาศจรัส โครงเรื่อง มีเด็กชายคนหนึ่งซึ่งเขาเป็นคนตาบอดเขานั่งขอทานอยู่โดยมีป้ายเขียนข้างๆว่า ผมตาบอด ช่วยด้วยครับ ซึ่งในหมวกของเค้ามีเหรียญอยู่เพียงไม่กี่เหรียญ ต่อมีมี ชายคนหนึ่งเขามองเห็นเด็กชายตาบอดเขาเลยหยิบเหรียญ ในกระเป๋าของเขา หย่อนลงไปในหมวกของชายตาบอด พร้อมทั้งเขียนป้ายใหม่ให้เเก่ชายตาบอด เเต่ ไม่น่าเชื่อคำที่ชายคนนั้นเขียนกับทำให้ชายตาบอดได้เงินเยอะขึ้นมากกว่าในทุกๆ วัน ชายคนนั้นเขียนว่า \"วันนี้ช่างเป็นวันที่สวยงาม แต่ผมไม่สามารถชื่นชมมันได้\" ทั้งสองข้อความบอกกล่าวผู้คนว่าเด็กคนนั้นตาบอดที่ว่าข้อความแรกเพียงแค่บอก ธรรดาว่าเด็กชายตาบอด ในขณะที่ข้อความหลังบอกผู้คนว่าพวกเขาช่างโชคดีเหลือ เกินที่ไม่ได้ตาบอด วิเคราะห์ตัวละคร เด็กชายตาบอด = เป็นคนพิการ ฐานะยากจน เป็นคนที่สู้ชีวิตเเม้ตาบอด ผู้ชายที่ช่วยเหลือ = เป็นคนมีจิตใจดีมีเมตตา รู้จักช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนฉลาดใน ด้านการสื่อสารด้านการเขียน คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ด้านภาษา ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายถูกต้องตามหลักภาษา ด้านสังคม สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของคนตาบอดหรือพิการว่าทุกคนต้องการความช่วยเหลือ เพราะเขาอยู่ด้วยความลำบอกเเละยากจน มองไม่เห็นอะไรเลยเห็นเเต่ความมืดมัว จนกระทั้งมีชายคนหนึ่งที่เข้ามาช่วยเหลือชายตาบอดโดยไม่หวังผลใดๆตอบแทน ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน คนเราเกิดมามีต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน บางคนเกิดมาสมบูรณ์ เเต่บางคนเกิดมา พร้อมกับความพิการเเต่เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมได้ถ้าเรามีจิตใจ เมตตาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ๑.เราควรช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่าเรา ๒.เเม้เราจะเกิดมาพิการเราก็ต้องสู้ชีวิต

๓ ชื่อเรื่อง ศิษย์ที่ครูไม่ต้องการ ชื่อผู้เเต่ง พินิตย์ พันธประวัติ โครงเรื่อง ด.ช. เดช เป็นลูกคนเดียวของคนมีมีเงินถูกพ่อเเม่ตามใจ เดชเป็นฉลาดเเต่ เขาไม่สนใจการเรียนขาดเรียนบ่อย วันหนึ่งเดชมาเรียนปกติ ครูพรทิพย์จึงเรียเดชมาคุยเเต่ เดชไม่ยอมสนใจต่อคำพูดของครูเลย ทำให้ครูไม่สามรถข่มใจตัวเองได้จึงสั่งสอนด้วยความ โมโห วันต่อครูสังเกตเห็นเดชมาเรียนเเละเเต่งตัวเรียบร้อยเเต่ซึมผิดปกติ ครูพรทิพย์ทำเป็น ไม่สนใจจนกระทั่งวันสอบวิชาภาษาไทยเเต่ครูไม่สนใจใยดีไม่พูดด้วย เเล้วเดินกลับบ้านน้ำตา ซึม พอครูทราบข่าวว่าเดชไม่สบาย ครูจึงไปเยี่ยมที่บ้านของเดช เเละเดชได้ขอโทษครูพรทิพย์ ครูจึงให้อภัยเพราะเดชได้ปรับปรุงตัวเองจนกลายเป็นคนละคน ครูพรทิพย์มีความสุขมากที่เห็นเดชปรับปรุงตัว วิเคราะตัวละคร เดช=เป็นคนฉลาดเเต่ไม่สนใจการเรียน ครอบครัวมีฐานะร่ำรวย เอาเเต่ใจ มีความรู้สึกผิดต่อคุณครู ครูพรทิพย์=มีความเป็นครูที่ดีต้องการปรับเปลี่ยนเด็กคนหนึ่งให้กลายเป็นอีกคนได้ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ด้านภาษา ใช้ภาษาสื่อสารให้เห็นถึงภาพเเละใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องชัดเจน ด้านสังคม เห็นนถึงสังคมของโรงเรียนที่คุณครูต้องการส่งนักเรียนให้ไปถึงฝั่ งฝัน ให้นักเรียนเป็นคนที่ดี ทั้งกายเเละใจเเละพร้อมที่จะให้อภัยเด็กนักเรียนทุกคนของตนเอง ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน ได้รู้ถึงความรักของครูที่มีต่อลูกศิษย์ ความอดทนเพื่อให้ลูกศิษย์เป็นคนที่ดี การนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ๑.ควรเชื่อฟังคำสั่งสอนของคุณครู ๒.ถ้าเราทำผิดเราต้องรู้จักกล่าวคำขอโทษ

๔ ชื่อเรื่อง สายลมเเห่งการให้อภัยเเละก้อนหินเเห่งความทรงจำ ชื่อผู้เเต่ง Happy day โครงเรื่อง มีคน ๒ คนเป็นเพื่อนรักกันมากระหว่างการเดินทางในทะเลทรายเกิดมีปากเสียงกันรุนแรง ทะเลาะกัน จนเพื่อนคนหนึ่งระงับอารมณ์ไม่อยู่....ตบหน้าอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายไม่เอ่ยวาจากับ เขียนข้อความลงบนพื้นทรายว่า\"วันนี้....ฉันถูกเพื่อนรักตบหน้า\" จนกระทั่งทั้งสองถึงแหล่งน้ำ เพื่อนคนที่เคยถูกตบหน้าได้พัดตกลงแหล่งน้ำ จมน้ำ เพื่อนอีกคนไม่รอช้า รีบลงช่วยทันทีอีก คนรอดตายยังไม่เอ่ยวาจาเช่นเคย กลับสลักข้อความลงบนก้อนหินว่า\"วันนี้...เพื่อนรักช่วยชีวิต ฉันไว้\"อีกคนไม่เข้าใจ....เลยถามว่า\"เมื่อเธอถูกฉันตบหน้า ทำไมเธอจึงเขียนลงบนพื้นทราย แล้ว เรื่องที่ฉันได้ช่วยเธอจากการจมน้ำ ทำไมเธอจึงต้องสลักบนก้อนหิน\"อีกคน...ตอบว่าเมื่อถูกคน ที่รักทำร้าย…เราควรเขียนมันไว้บนพื้นทราย ซึ่ง “สายลมแห่งการให้อภัย” จะทำหน้าที่พัดผ่าน ลบล้างไม่เหลือ”แต่เมื่อมีสิ่งที่ดีมากมายเกิดขึ้น เราควรสลักไว้บน “ก้อนหินแห่งความทรงจำใน หัวใจ” ซึ่งต่อให้มีสายลมพัดแรงเพียงใด ก็ไม่อาจ ลบล้าง ทำลาย วิเคราะห์ตัวละคร เพื่อนคนที่๑= บางครั้งบางคราก็เป็นคนที่ระงับอารมณ์ไม่ค่อยอยู่จนเผลอลงไม้ลงมือไปบ้างแต่ก็ เป็นคนดีช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนรักเพื่อนฝูง เพื่อนคนที่๒ = เป็นคนดีไม่ถือโทษโกรธใคร เมื่อมีใครมาทำร้ายก็จะให้อภัยไม่จดจำในการกระ ทำที่ไม่ดีแต่จะจดในการกระทำในสิ่งที่ดีๆของคนๆนั้นว่าคนเหล่านั้นก็มีความดี รู้จักช่วยเหลือ ของอื่น คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ด้านภาษา ใช้ระดับภาษาที่สลวยสวยงาม เข้าใจง่ายว่าผู้เขียนต้องการจะสื่อถึงเรื่องอะไรและผู้รับจะได้ อะไรจากเรื่องนี้ ด้านสังคม สังคมไทยในปัจจุบันมีการทะเลาะวิวาทกันแทบทุกวัน ไม่ว่าจะวัยเด็กหรือวัยทำงาน ซึ่งการ ทะเลาะวิวาทอาจจะส่งผลกระทบหลายอย่างหน้าที่การงานหรือมิตรภาพ ซึ่งคนเราสามารถระงับ อารมณ์โกรธกันได้ จะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับตัวบุคคล ถ้าเราระงับอารมณ์โกรธได้หรือมีอะไร ที่อีกฝ่ายทำให้เราไม่พอใจแล้วเราพอที่จะยอมเขาได้ก็ยอมๆกันไป ชีวิตเรา คนรอบข้างเราจะไม่ เครียดแต่จะมีความสุขคูรหลายเท่า

๕ ชื่อเรื่อง สายลมเเห่งการให้อภัยเเละก้อนหินเเห่งความทรงจำ ชื่อผู้เเต่ง Happy day ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน บางทีที่เราทะเลาะกันทำให้มองข้ามเรื่องดีๆที่เคยทำให้กันและกันไป เรื่องร้าย ไม่อาจสำคัญและมีอิทธิพลได้หากเราจดจำและให้ความสำคัญแก่เรื่องดีๆ การนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน คือเราทุกคนมีอารมณ์ มีความรู้สึก จนบางครั้งอารมณ์ก็อยู่เหนือเหตุผลไปบ้างแต่ ไม่ใช่ว่าทุกคนทำผิดพลาดกันอย่างเดียว สิ่งดีๆที่เขาทำไว้มีมากมายหลายเรื่อง ก่อน จะโกรธหรืออะไรอีกฝ่ายควรคิดถึงเรื่องดีๆที่เขามีก่อน มิเช่นนั้นคุณเองที่จะโดนคน อื่นมองไม่ดี แต่ถึงอย่างไรก็ตามเราทุกคนควรใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ มิเช่นนั้น ทุกข์ที่ตามมาจะเป็นของเรา

๖ ชื่อเรื่อง อยากให้บ้านนี้มีเเต่รัก ชื่อผู้เเต่ง ประภาศรี เทียนประเสริฐ โครงเรื่อง อรวีเป็นสาวน้อยร่างโปร่งผิวขาวและเป็นลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจชื่อดังเธอ เกิดในครอบครัวที่มีฐานะความเป็นอยู่ดีแต่เธอไม่มีความสุขสบายดังฐานะของเธอ เลย ชีวิตของอรวีจึงเป็นชีวิตแบบหนึ่งในสังคมปัจจุบัน ตอนนี้อรวีเรียนอยู่ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 เขาน้อยอกน้อยใจตลอดเวลาถ้าคิดถึงเรื่องภายในครอบครัวของ เขาเพราะพ่อแม่ ของอรวีไม่เคยมีเวลาให้เขาเลยแม้แต่วันหยุดเรียนก็ยังต้องออก ไปพบปะสังคมภาย นอกปล่อยให้เธออยู่บ้านตามลำพังคนเดียวไม่มีคนที่จะปรึกษา ไม่มีคนคอยถามข่าว การเรียนของเขาเลย อรวีตื่นแต่เช้าออกจากบ้านเพื่อจะไป เรียนหนังสือดดยที่แม่กับพ่อของเขายัง ไม่ตื่นนอนเลยพอกลับมาถึงบ้านก็ไม่มีใคร อยู่มีแต่คนใช้เพราะพ่อกับแม่ไปทำ งานกว่าจะกลับอรวีก็เขานอนแล้วชีวิตของอรวี เป็นอย่างนี้ทุกวันจนบางครั้งทำ ให้อรวีไม่อยากกลับบ้านเลยเขาไม่เคยมีความสุข เขาอยากมีชีวิตเหมือนคนปกติถึง แม้จะมีฐานะไม่ร่ำรวยแต่เขาขอแค่พ่อแม่ลูกอยู่ พร้อมหน้ากินข้าวด้วยกันแค่ นี้ก็พอใจแล้ววันหนึ่งเขาไปเรียนตามปกติก็มีเพื่อน ของเขาคนหนึ่งมาคุยกับอร วีบอกว่าเขาเสียตัวให้กับผู้ชายที่พึ่งรู้จักจากการไปเที่ยว พับกลางคืนอรวี ตกใจมากจากเรี่องที่ได้ฟังทำให้อรวีคิดได้ว่าไม่มีที่ไหนจะปลอดภัย และอบอุ่น เท่าบ้านของเขาเองไม่มีใครที่จะให้ความรักกับเราเท่าพ่อกับแม่ วิเคราะห์ตัวละคร อรวี=ผิวขาวอายึฝุประมาณ16ปี นิสัย โดดเดี่ยว ขาดความอบอุ่น พ่อแม่= เป็นคนที่ไม่ค่อยจนใจลูกปล่อยปละละเลยมัวแต่ทำงานจนหลงลืมความ รู้สึกของลูกตัวเองว่าลูกจะรู้สึกยังไงบ้าง คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ด้านภาษา การใช้ภาษาที่ถูกต้องตามหลักภาษาไทยชัดเจรแล้วเข้าใจง่ายเป็นการเขียน ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาเป็นตัวหนังสือออกมาเป็นตัว ด้านสังคม สังคมของอรวีคือเป็นลูกคนรวยแต่ไม่มีความสุขเนื่องมาจากครอบครัวไม่มีเวลา ให้เธอ

๗ ชื่อเรื่อง อยากให้บ้านนี้มีเเต่รัก ชื่อผู้เเต่ง ประภาศรี เทียนประเสริฐ ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน ครอบครัวจะเป็นสุขได้ถ้าทุกคนรู้จักหน้าที่ยอมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกัน และกัน รู้จักให้อภัยไม่มีทิฐิเข้าใส่กันไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือลูกต่างคน ต่างก็เป็นกระจกเงา ให้กันและกันบ้านก็จะอบอุ่นด้วยไอรัก การนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ๑.รู้จักที่จะเอาใจใส่ ๒.ดูแลครอบครัวของตนเองให้มีความสุข ๓.หากิจกรรมยามว่างมาทำด้วยกัน ๔.แบ่งเวลางานกับเวลาครอบครัว

๘ บรรณานุกรม ถวัลย์ มาศจรัส. (2551). ความจริงที่ต้องการ. สำนักพิมพ์ ธารอักษร ทองดี สุรดตโช. (2552). ครอบครัวอบอุ่น. สำนักพิมพ์สำนักงานกิจกรรมสตรีและสถานบันครอบครัว พินิตย์ พันธประวัติ. (2525). ศิษย์ที่ครูไม่ต้องการ. สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว ประภาศรี เทียนประเสริฐ. (25 39). อยากให้บ้านนี้มีแต่รัก. สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว Happy day. (2550). สายลมแห่งการให้อภัยและก้อนหิน แห่งความทรงจำ. สำนักพิมพ์ http://www.kwamru.com/276


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook