Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานศึกษาบ้านสามแยก2564

หลักสูตรสถานศึกษาบ้านสามแยก2564

Description: หลักสูตรสถานศึกษาบ้านสามแยก2564

Search

Read the Text Version

๙๖ รายวิชาเพิ่มเติมกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ อ ๑๒๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพิ่มเตมิ ๒ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๒ คาอธบิ ายรายวชิ า เวลา ๔๐ ชั่วโมง ใช๎คาส่ังที่ใช๎ในห๎องเรียน ตัวอักษร เสียงตัวอักษร สระ การสะกดคา การอํานออกเสียง คา กลํุมคา บทอําน บทสนทนา ประโยค ให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเองคา ประโยคบทอําน บทสนทนา ประโยค ให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง ข๎อความท่ีใช๎ในการพูดให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง และเรื่องใกล๎ตัว คา ที่มีความหมายสัมพันธ์กับส่ิงตํางๆใกล๎ตัว อาหาร เครื่องด่ืม วัฒนธรรมเจ๎าของภาษาแสดงกิริยา การขอบคณุ ขอโทษ การพูดแนะนาตนเอง กจิ กรรมทางภาษา การร๎องเพลง การใช๎ภาษาในการฟัง พดู อาํ นในสถานการณ์ที่เกดิ ข้ึนในห๎องเรียน โดยใช๎กระบวนการสืบเสาะหาความร๎ู การสืบค๎นข๎อมูลและมีทักษะทางสังคม มีวิถีของ ระบอบประชาธิปไตย ซอื่ สัตย์ ใฝเุ รียนร๎ู แสดงออกถงึ ความเป็นไทย เพ่ือให๎เกิดความร๎ู ความเข๎าใจ สามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนรู๎ และ นาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ ในชวี ติ ประจาวัน ผลการเรียนร๎ู 1. ปฏบิ ตั ิตามคาสั่ง คาขอร๎องท่ีฟัง 2. อํานออกเสียงตวั อักษร คา กลุํมคา ประโยคงํายๆ และ บทพูดเข๎าจงั หวะงาํ ยๆ ถกู ต๎องตาม หลักการอําน 3. บอกความหมายของคาและกลํุมคาที่ฟังตรงตามความหมาย ตอบคาถามจากการฟังหรืออําน ประโยคบทสนทนาหรือนิทานงาํ ยๆ 4. พูดโต๎ตอบด๎วยคาสั้นๆ งํายๆ ในการส่ือสารระหวํางบุคคลตามแบบที่ฟัง ใช๎คาส่ังและคาขอร๎อง งํายๆ บอกความต๎องการงํายๆ ของตนเอง พูดขอและให๎ข๎อมูลเก่ียวกับตนเองและเพื่อน บอก ความร๎สู ึกของตนเองเก่ียวกับสิ่งตํางๆ ใกลต๎ ัวหรอื กจิ กรรมตาํ งๆ ตามแบบท่ฟี ัง 5. พูดให๎ข๎อมลู เก่ยี วกบั ตนเองและเรอื่ งใกลต๎ ัว จัดหมวดหมคํู าตามประเภทของบุคคล สัตว์ และ ส่ิงของตามที่ฟงั หรืออําน 6. พูดและทาทําประกอบ ตามมารยาทสงั คม/วฒั นธรรมของเจา๎ ของภาษา บอกชื่อและคาศัพทง์ ํายๆ เกีย่ วกบั เทศกาล/วันสาคัญ/งานฉลอง และชีวิตความเป็นอยขูํ องเจ๎าของภาษา เข๎ารวํ มกิจกรรมทาง ภาษาและวัฒนธรรมที่เหมาะกับวยั รวมทั้งหมด 6 ผลการเรยี นร๎ู หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านสามแยก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๔

๙๗ รายวชิ าเพม่ิ เตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ อ ๑๓๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพ่ิมเตมิ ๓ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ คาอธบิ ายรายวิชา เวลา ๔๐ ชั่วโมง ใช๎คาส่ังท่ีใช๎ในห๎องเรียน ตัวอักษร เสียงตัวอักษร สระ การสะกดคา การอํานออกเสียง คา กลํุมคา บทอําน พูดเข๎าจังหวะ บทสนทนา ประโยค ให๎ข๎อมูลเก่ียวกับตนเองคา เลือกระบุภาพ ตรงความหมาย บทสนทนา ให๎ข๎อมูลเก่ียวกับตนเอง ประโยคบอกความต๎องการเกี่ยวกับตนเองคา คาสั่งที่ใช๎ในห๎องเรียน ข๎อความที่ใช๎ในการพูดให๎ข๎อมูลความร๎ูสึกเก่ียวกับตนเอง และเร่ืองใกล๎ตัว วัฒนธรรมเจ๎าของภาษาแสดงกิริยา การขอบคุณ ขอโทษ การพูดแนะนาตนเอง การใช๎ภาษาใน การฟงั พดู อาํ นในสถานการณท์ เ่ี กิดขึ้นในหอ๎ งเรียน โดยใช๎กระบวนการสืบเสาะหาความร๎ู การสืบค๎นข๎อมูลและมีทักษะทางสังคม มีวิถีของ ระบอบประชาธิปไตย ซื่อสตั ย์ ใฝุเรยี นรู๎ แสดงออกถึงความเปน็ ไทย เพ่ือให๎เกิดความร๎ู ความเข๎าใจ สามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนร๎ู และ นาความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ ในชีวติ ประจาวัน ผลการเรียนรู๎ 1. ปฏบิ ัตติ ามคาส่งั คาขอร๎องที่ฟัง 2. บอกความหมายของคาและกลุํมคาที่ฟังตรงตามความหมาย ตอบคาถามจากการฟงั หรืออาํ น ประโยคบทสนทนาหรือนทิ านงาํ ยๆ 3. พดู โต๎ตอบด๎วยคาสั้นๆ งาํ ยๆ ในการส่ือสารระหวาํ งบุคคลตามแบบท่ีฟงั ใชค๎ าสงั่ และคาขอร๎องงํายๆ 4. บอกความต๎องการงํายๆ ของตนเอง พดู ขอและให๎ขอ๎ มลู เกยี่ วกับตนเองและเพื่อน บอกความร๎สู กึ ของตนเองเกีย่ วกับส่ิงตาํ งๆ ใกลต๎ วั หรือกิจกรรมตาํ งๆ ตามแบบที่ฟัง 5. พูดให๎ข๎อมูลเกยี่ วกบั ตนเองและเรอ่ื งใกลต๎ ัว จดั หมวดหมคูํ าตามประเภทของบุคคล สัตว์ และ สิ่งของตามที่ฟังหรอื อําน 6. พูดและทาทําประกอบ ตามมารยาทสงั คม/วฒั นธรรมของเจ๎าของภาษา 7. บอกชื่อและคาศัพทง์ ํายๆ เกี่ยวกบั เทศกาล/วนั สาคญั /งานฉลอง และชีวิตความเปน็ อยูํของเจา๎ ของ ภาษา เขา๎ รวํ มกจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรมทเ่ี หมาะกับวยั 8. บอกความแตกตํางของเสียงตัวอกั ษร คา กลมํุ คา และประโยคงาํ ยๆ ของภาษาองั กฤษและ ภาษาไทย 9. ฟงั /พดู ในสถานการณ์งํายๆ ทเ่ี กิดขน้ึ ในห๎องเรยี น รวมทั้งหมด 9 ผลการเรยี นรู๎ หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านสามแยก พุทธศกั ราช ๒๕๖๔

๙๘ รายวชิ าเพ่มิ เติมกลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาต่างประเทศ อ ๑๔๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพ่ิมเตมิ ๔ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ คาอธบิ ายรายวิชา เวลา ๔๐ ชวั่ โมง ปฏิบัติตามคาสัง่ คาแนะนา คาขอร๎องท่ีใช๎ในห๎องเรียน พูดเข๎าจังหวะ บทสนทนา ประโยค ใหข๎ อ๎ มูลเกี่ยวกับตนเองคา เลอื กระบุภาพ หรือสัญลักษณ์ตรงความหมาย ตอบคาถามจากการฟังและ อําน บทสนทนา พดู เขียน ให๎ข๎อมูลโต๎ตอบเก่ียวกับตนเอง ส่ือสารระหวํางบุคคล ประโยคบอกความต๎องการเก่ียวกับ ตนเองคา คาส่ังท่ีใช๎ในห๎องเรียน ข๎อความท่ีใช๎ในการพูด เขียน แสดงความต๎องการของตนเอง ให๎ข๎อมูลความรู๎สึกเก่ียวกับตนเอง และเร่ืองใกล๎ตัว วัฒนธรรมเจ๎าของภาษาแสดงกิริยา การขอบคุณ ขอโทษ การพดู แนะนาตนเอง คาศพั ท์เกย่ี วกบั เทศกาลเจา๎ ของภาษา กจิ กรรมทางภาษา การร๎องเพลง ศึกษา การใช๎ภาษาในการฟัง พูดทาทําประกอบอยํางสุภาพ เข๎ารํวมกิจกรรมทางภาษา อําน พูด ในสถานการณ์ท่ีเกิดข้ึนในห๎องเรียน โดยใช๎กระบวนการสืบเสาะหาความร๎ู การสืบค๎นข๎อมูลและมี ทักษะทางสงั คม มีวิถขี องระบอบประชาธปิ ไตย ซือ่ สตั ย์ ใฝุเรียนรู๎ แสดงออกถึงความเป็นไทย เพ่ือให๎เกิดความรู๎ ความเข๎าใจ สามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนร๎ู และ นาความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ ในชวี ติ ประจาวัน ผลการเรียนรู๎ 1. ปฏิบัติตามคาสง่ั คาขอร๎องทีฟ่ ัง 2. อาํ นออกเสียงตวั อักษร คา กลมุํ คา ประโยคงํายๆ และ บทพูดเข๎าจงั หวะงํายๆ ถกู ต๎องตาม หลักการอําน 3. บอกความหมายของคาและกลุมํ คาท่ีฟังตรงตามความหมาย ตอบคาถามจากการฟังหรอื อําน ประโยคบทสนทนาหรือนิทานงํายๆ 4. พูดโตต๎ อบด๎วยคาสนั้ ๆ งํายๆ ในการส่อื สารระหวํางบุคคลตามแบบท่ฟี ัง ใช๎คาส่ังและคาขอร๎อง งาํ ยๆ บอกความต๎องการงํายๆ ของตนเอง 5. พดู ขอและให๎ข๎อมลู เกยี่ วกับตนเองและเพ่ือน บอกความรูส๎ ึกของตนเองเกย่ี วกบั สิง่ ตํางๆ ใกลต๎ วั หรอื กิจกรรมตาํ งๆ ตามแบบทฟ่ี งั 6. พูดให๎ขอ๎ มูลเกีย่ วกบั ตนเองและเรือ่ งใกล๎ตัว จดั หมวดหมคูํ าตามประเภทของบุคคล สตั ว์ และ ส่งิ ของตามท่ีฟงั หรอื อําน 7. พูดและทาทําประกอบ ตามมารยาทสังคม/วฒั นธรรมของเจา๎ ของภาษา บอกชื่อและคาศัพท์งาํ ยๆ เก่ยี วกับเทศกาล/วันสาคัญ/งานฉลอง และชีวิตความเปน็ อยูขํ องเจ๎าของภาษา เข๎ารวํ มกิจกรรมทาง ภาษาและวัฒนธรรมท่เี หมาะกับวยั 8. บอกความแตกตาํ งของเสียงตวั อกั ษร คา กลุมํ คา และประโยคงาํ ยๆ ของภาษาภาษาอังกฤษและ ภาษาไทย 9. ฟัง/พูดในสถานการณ์งาํ ยๆ ทเี่ กิดขึ้นในห๎องเรยี น รวมทัง้ หมด 9 ผลการเรยี นรู๎ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านสามแยก พทุ ธศักราช ๒๕๖๔

๙๙ รายวชิ าเพ่มิ เตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ อ ๑๕๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพ่ิมเติม ๕ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ คาอธบิ ายรายวชิ า เวลา ๔๐ ชว่ั โมง ปฏบิ ัติตามคาสัง่ คาแนะนา คาขอร๎อง คาแนะนางํายๆ ท่ีใช๎ในห๎องเรียน การสะกดคา การ อํานออกเสียง บทสนทนา ประโยค ให๎ข๎อมูลเก่ียวกับตนเองคา เลือกระบุภาพ หรือสัญลักษณ์ตรง ความหมายของประโยค ตอบคาถามจากการฟังและอําน บทสนทนา นิทานงํายๆ ประโยค พูด เขียนให๎ข๎อมลู โตต๎ อบเก่ียวกับตนเอง แสดงความร๎สู ึก สื่อสารระหวํางบุคคล ใช๎ถ๎อยคา น้าเสียง และ กิริยา ประโยคบอกความต๎องการเกี่ยวกับตนเองคา คาส่ังที่ใช๎ในห๎องเรียน ข๎อความท่ีใช๎ในการพูด เขียน แสดงความตอ๎ งการของตนเอง ให๎ข๎อมูลความรู๎สึกเก่ียวกับตนเอง และเร่ืองใกล๎ตัว บอกความ เหมือน ความแตกตําง ระหวํางการออกเสียงประโยคชนิดตํางๆ แสดงความคิดเห็นงํายๆโดยใช๎ คาศัพท์เหมาะสมกับวัย การใช๎ภาษาในการฟัง พูดทาทําประกอบอยํางสุภาพ เข๎ารํวมกิจกรรมทาง ภาษา อําน พูด ในสถานการณ์ท่ีเกดิ ข้ึนในหอ๎ งเรยี น โดยใช๎กระบวนการสืบเสาะหาความรู๎ การสืบค๎นข๎อมูลและมีทักษะทางสังคม มีวิถีของ ระบอบประชาธปิ ไตย ซอ่ื สตั ย์ ใฝุเรียนรู๎ แสดงออกถึงความเป็นไทย เพ่ือให๎เกิดความร๎ู ความเข๎าใจ สามารถสือ่ สารสงิ่ ทเี่ รยี นรู๎ และ นาความร๎ไู ปใชป๎ ระโยชน์ ในชวี ติ ประจาวัน ผลการเรียนร๎ู 1. ปฏบิ ัตติ ามคาส่งั คาขอรอ๎ งทีฟ่ งั 2. อาํ นออกเสียงตวั อักษร คา กลํมุ คา ประโยคงาํ ยๆ และ บทพูดเขา๎ จังหวะงาํ ยๆ ถูกต๎องตาม หลักการอาํ น 3. บอกความหมายของคาและกลํมุ คาท่ีฟงั ตรงตามความหมาย ตอบคาถามจากการฟงั หรอื อําน ประโยค บทสนทนาหรอื นิทานงาํ ยๆ 4. พูดโต๎ตอบด๎วยคาสัน้ ๆ งํายๆ ในการสอื่ สารระหวํางบุคคลตามแบบทีฟ่ ัง ใช๎คาสั่งและคาขอร๎อง งาํ ยๆ บอก ความตอ๎ งการงํายๆ ของตนเอง 5. พูดขอและใหข๎ ๎อมูลเก่ียวกับตนเองและเพ่ือน 6. บอกความรสู๎ กึ ของตนเองเก่ยี วกบั สง่ิ ตาํ งๆ ใกลต๎ วั หรอื กิจกรรมตํางๆ ตามแบบท่ีฟงั 7. พดู ให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเองและเร่ืองใกล๎ตัว จดั หมวดหมคํู าตามประเภทของบุคคล สตั ว์ และ สง่ิ ของ ตามท่ีฟังหรืออาํ น 8. พดู และทาทําประกอบ ตามมารยาทสังคม/วฒั นธรรมของเจ๎าของภาษา 9. บอกช่ือและคาศัพท์งํายๆ เกี่ยวกบั เทศกาล/วันสาคัญ/งานฉลอง และชวี ิตความเปน็ อยขูํ องเจ๎าของ ภาษา เขา๎ รวํ มกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมท่เี หมาะกับวยั 10. บอกความแตกตาํ งของเสยี งตวั อกั ษร คา กลุํมคา และประโยคงํายๆ ของภาษาอังกฤษและ ภาษาไทย 11. ฟงั /พดู ในสถานการณ์งํายๆ ท่เี กดิ ข้นึ ในห๎องเรยี น หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบ้านสามแยก พุทธศักราช ๒๕๖๔

๑๐๐ 12. ใช๎ภาษาอังกฤษเพื่อรวบรวมคาศพั ทท์ ี่เกย่ี วข๎องใกล๎ตวั 13. มีทกั ษะการใชภ๎ าษาอังกฤษ (เน๎นการฟงั -พดู ) สือ่ สารตามหัวเรอื่ งเกยี่ วกับตนเอง ครอบครวั โรงเรยี น สิ่งแวดลอ๎ มใกล๎ตวั อาหาร เคร่ืองดม่ื และเวลาวํางและนนั ทนาการ ภายในวงคาศพั ท์ ประมาณ 300- 450 คา (คาศพั ท์ท่ีเปน็ รปู ธรรม) 14. ใช๎ประโยคคาเดยี ว (One Word Sentence) ประโยคเด่ยี ว (Simple Sentence) ในการสนทนา โตต๎ อบตามสถานการณ์ในชวี ิตประจาวนั รวมทง้ั หมด 14 ผลการเรยี นรู๎ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้านสามแยก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๔

๑๐๑ รายวิชาเพ่ิมเตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ อ ๑๖๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพ่ิมเติม ๖ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ คาอธิบายรายวชิ า เวลา ๔๐ ชัว่ โมง ปฏิบัตติ ามคาสง่ั คาแนะนา คาขอร๎อง คาแนะนางํายๆ ที่ใช๎ในห๎องเรียน การสะกดคา การ อํานออกเสียง คา กลํุมคา บทอําน บทกลอนสั้นๆ บทสนทนา ประโยคถูกต๎องตามหลักการอําน ให๎ ข๎อมลู เกี่ยวกับตนเองคา เลือกระบุภาพ หรือสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายตรงความหมายของประโยค ขอ๎ ความสน้ั ๆ ตอบคาถามจากการฟังและอําน บทสนทนา พูด เขียนให๎ข๎อมูลโต๎ตอบเก่ียวกับตนเอง แสดงความร๎ูสึก ส่ือสารระหวํางบุคคล เขียนภาพ แผนผัง และแผนภูมิ ตารางแสดงข๎อมูลตํางๆ ใช๎ ถ๎อยคา น้าเสียง และกิริยา ประโยคบอกความต๎องการเกี่ยวกับตนเองคา คาส่ังท่ีใช๎ในห๎องเรียน ข๎อความท่ใี ชใ๎ นการพูด เขยี น แสดงความต๎องการของตนเอง ให๎ข๎อมูลความร๎ูสึกเกี่ยวกับตนเอง และ เร่ืองใกลต๎ วั ใช๎คาสง่ั คาขอร๎อง และให๎คาแนะนา บอกความเหมือน ความแตกตําง ระหวํางการออก เสียงประโยคชนิดตํางๆ กิจกรรมทางภาษา การร๎องเพลง การเลํานิทานประกอบทําทาง พูด วาด ภาพแสดงความสัมพันธ์ของสิ่งตํางๆ แสดงความคิดเห็นงํายๆโดยใช๎คาศัพท์เหมาะสมกับวัย การใช๎ ภาษาในการฟัง พูดทาทําประกอบ และนาเสนอด๎วยการพูด เขียนอยํางสุภาพ เข๎ารํวมกิจกรรมทาง ภาษา อําน พดู ในสถานการณท์ ีเ่ กดิ ข้นึ ในหอ๎ งเรยี น และสถานศกึ ษา โดยใช๎กระบวนการสืบเสาะหาความร๎ู การสืบค๎นข๎อมูลและมีทักษะทางสังคม มีวิถีของ ระบอบประชาธปิ ไตย ซอ่ื สัตย์ ใฝเุ รยี นรู๎ แสดงออกถงึ ความเปน็ ไทย เพื่อให๎เกิดความร๎ู ความเข๎าใจ สามารถสื่อสารส่ิงที่เรียนรู๎ และ นาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ ในชวี ิตประจาวัน ผลการเรียนร๎ู 1. ปฏิบัติตามคาสง่ั คาขอร๎องทฟี่ งั 2. อาํ นออกเสียงตวั อักษร คา กลํมุ คา ประโยคงาํ ยๆ และ บทพูดเขา๎ จังหวะงาํ ยๆ ถูกต๎องตาม หลกั การอาํ น 3. บอกความหมายของคาและกลํุมคาที่ฟังตรงตามความหมาย ตอบคาถามจากการฟังหรอื อําน ประโยคบทสนทนาหรือนทิ านงาํ ยๆ 4. พดู โต๎ตอบด๎วยคาส้ันๆ งํายๆ ในการสือ่ สารระหวํางบุคคลตามแบบที่ฟัง ใช๎คาส่ังและคาขอร๎อง งาํ ยๆ บอกความต๎องการงํายๆ ของตนเอง 5. พดู ขอและใหข๎ ๎อมลู เกี่ยวกับตนเองและเพื่อน 6. บอกความรสู๎ กึ ของตนเองเกี่ยวกับสิง่ ตํางๆ ใกลต๎ ัวหรือกิจกรรมตํางๆ ตามแบบท่ีฟัง 7. พดู ให๎ขอ๎ มลู เกย่ี วกับตนเองและเรื่องใกล๎ตัว จัดหมวดหมํคู าตามประเภทของบุคคล สัตว์ และ ส่ิงของตามท่ีฟังหรอื อําน 8. พดู และทาทําประกอบ ตามมารยาทสังคม/วฒั นธรรมของเจา๎ ของภาษา 9. บอกช่ือและคาศัพทง์ ํายๆ เกย่ี วกบั เทศกาล/วันสาคัญ/งานฉลอง และชีวติ ความเปน็ อยูขํ องเจ๎าของ ภาษา เข๎ารวํ มกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมท่เี หมาะกับวัย 10. บอกความแตกตํางของเสียงตัวอักษร คา กลุํมคา และประโยคงาํ ยๆ ของภาษาองั กฤษและ ภาษาไทย หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นสามแยก พุทธศกั ราช ๒๕๖๔

๑๐๒ 11. ฟัง/พดู ในสถานการณง์ ํายๆ ที่เกดิ ขึน้ ในหอ๎ งเรยี น 12. ใชภ๎ าษาองั กฤษ เพื่อรวบรวมคาศพั ทท์ ี่เกยี่ วข๎องใกล๎ตวั 13. มีทกั ษะการใช๎ภาษาอังกฤษ (เนน๎ การฟัง-พูด) ส่อื สารตามหัวเรอื่ งเก่ียวกบั ตนเอง ครอบครวั โรงเรยี น สง่ิ แวดล๎อมใกลต๎ วั อาหาร เคร่ืองดมื่ และเวลาวาํ งและนันทนาการ ภายในวงคาศัพท์ ประมาณ 300- 450 คา (คาศพั ท์ท่ีเป็นรูปธรรม) 14. ใช๎ประโยคคาเดยี ว (One Word Sentence) ประโยคเด่ียว (Simple Sentence) ในการสนทนา โตต๎ อบตามสถานการณ์ในชีวติ ประจาวัน รวมท้งั หมด 14 ผลการเรียนรู๎ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นสามแยก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๔

๑๐๓ ๔. กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น ๔.๑ ความหมายและความสาคัญของกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น กิจกรรมพัฒนาผู๎เรียนเป็นกิจกรรมสาคัญที่หลักสูตรโรงเรียนบ๎านสามแยก พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดให๎จัดทาข้ึนให๎ ผู๎เรียนทุกคน ทุกระดับชั้น เพื่อสํงเสริมพัฒนาความสามารถของตนเองตามความถนัด ความสนใจ ให๎ เต็มศักยภาพ โดยมุํงเน๎นการพัฒนาองค์รวมของความเป็นมนุษย์ท้ังด๎านรํางกาย สติปัญญา อารมณ์และ สงั คม สรา๎ งเยาวชนของชาตใิ ห๎เป็นผ๎มู ศี ลี ธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝังและสร๎างจิตสานึกของ การทาประโยชนเ์ พ่ือสังคมและสามารถบริหารการจัดการตนเอง กจิ กรรมพฒั นาผ๎ูเรยี นเป็นกิจกรรมท่ีจะสํงเสริมให๎ผ๎ูเรียนได๎พัฒนาความสามารถของตนเอง ตามศักยภาพ เพมิ่ เตมิ จากกิจกรรมการเรียนร๎ูตามกลํุมสาระการเรียนร๎ูทั้ง ๘ กลํุม การเข๎ารํวมและ ปฏิบัติกิจกรรมที่เหมาะสมรํวมกับผ๎ูอ่ืนอยํางมีความสุขกับกิจกรรมท่ีเลือกด๎วยตนเองตามความถนัด ความสนใจอยํางแท๎จริงจะเสริมสร๎างและพัฒนาองค์รวมของความเป็นมนุษย์ให๎ครบทุกด๎านสร๎าง ความเป็นมนษุ ย์ที่สมบรู ณ์ ปลกู ฝังและสรา๎ งจิตสานึกของการทาประโยชน์เพอ่ื สังคม ๔.๒ จุดม่งุ หมายของกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน การจดั ทากิจกรรมพฒั นาผ๎เู รียนในหลกั สูตรโรงเรยี นบ๎านสามแยก มจี ดุ ประสงค์สาคญั คอื ๑. เพ่ือชํวยเพิ่มพูนประสบการณ์ของผ๎ูเรียน ได๎ฝึกฝนทักษะ ได๎เรียนรู๎ โดยการปฏิบัติจริง อนั เป็นการสอดคล๎องกบั แนวการจัดการเรียนรู๎ที่ยดึ ผ๎เู รียนเปน็ สาคญั ๒. เพอื่ เสริมสร๎างคุณลักษณะดีเดํนของความเป็นประชาธิปไตย ฝึกการเป็นผ๎ูนา ผ๎ูตาม ฝึก การทางานรวํ มกนั ฝึกการแสดงความคิดเห็น ฝึกความรบั ผิดชอบ ๓. เพ่ือกํอให๎เกิดความสามัคคี รักหมูํคณะ เกิดความเข๎าใจซ่ึงกันและกัน เพราะการปฏิบัติ กิจกรรมต๎องทางานเป็นกลํุม ต๎องรํวมกันคิด รํวมกันทา ได๎พบความสุข ความทุกข์รํวมกัน เกิดความ ประทบั ใจซ่ึงกนั และกนั ๔. สํงเสริมความคดิ ริเรมิ่ สรา๎ งสรรค์ ความแปลกใหมํ เพราะการทากิจกรรมรํวมกันตอ๎ งรํวมกัน ศกึ ษาคน๎ คว๎า คน๎ หาวิธีการท่ีดีกวาํ ทาให๎ความคิดแตกฉาน พบเทคนคิ วธิ ีการทแี่ ปลกๆ ใหมํๆ ในการพัฒนา ผลงาน ๕. เพอ่ื ชวํ ยใหผ๎ ูเ๎ รียนมีทางเลือก มีโอกาสแสดงออกตามแนวคิด ความสนใจของตนเอง มี โอกาสในการเลอื กตามความต๎องการ ความถนัด ชํวยพัฒนาศกั ยภาพของผ๎ูเรียนเป็นรายบคุ คล ๖. เพ่ือฝึกผ๎เู รียนให๎เปน็ สมาชิกที่ดีของสงั คม ชุมชน และประเทศชาติ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพราะกิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรียนมีลักษณะเป็นสังคมเล็กที่จาลองจากสังคมใหญํ มีกฎระเบียบ กติกา มีความ รับผิดชอบท้ังในสิทธิหน๎าที่ซ่ึงเป็นการปลูกฝังลักษณะนิสัยและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของการอยํู รวํ มกันในสงั คมปกติ ๗. เพอื่ ชํวยให๎ผู๎สอนร๎จู ักผ๎เู รียนแตลํ ะคนดีข้นึ เพราะผลงานในการทากิจกรรมของผ๎ูเรียนจะ ชํวยให๎ผู๎สอนเข๎าใจผู๎เรียนและประเมินคุณคําคุณภาพของนักเรียนได๎ดี และถูกต๎องมากข้ึน ร๎ูจักและ เข๎าใจความสนใจของผู๎เรียน ความถนัดของผ๎ูเรียน ชํวยให๎ผู๎สอนทราบข๎อมูลพ้ืนฐานของผู๎เรียนท่ี ถกู ตอ๎ ง และสามารถสงํ เสริม สนบั สนุน หรอื แกไ๎ ขข๎อบกพรอํ งของผ๎ูเรียนไดถ๎ ูกแนวทาง หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบ้านสามแยก พทุ ธศักราช ๒๕๖๔

๑๐๔ ๘. เพ่อื ใช๎เป็นขอ๎ มูลในการปรบั ปรงุ หลักสตู รและการเรียนการสอนของสถานศึกษา เพราะ พฤติกรรมการแสดงออกของผ๎ูเรียนในการปฏิบัติกิจกรรม เป็นผลท่ีบํงช้ีถึงความสาเร็จของหลักสูตร และการเรียนการสอนของสถานศึกษาวําบรรลุผลตามจุดมุํงหมายหรือไมํ มากน๎อยเพียงใด หลักสูตร ควรจะต๎องมกี ารปรบั ปรุงหรือพฒั นาในสํวนใด ๔.๓ หลกั การจัดกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น ๑. มีการกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ และแนวปฏิบตั ทิ ีช่ ดั เจนเป็นรปู ธรรม ๒. จัดใหเ๎ หมาะสมกับวัย วุฒภิ าวะ ความสนใจ ความถนดั และความสามารถของผู๎เรยี น ๓. บรู ณาการกบั ชวี ิตจรงิ ให๎ผ๎ูเรยี นไดต๎ ระหนักถึงความสาคัญของการเรียนร๎ูตลอดชีวิต ๔. ใชก๎ ระบวนการกลุมํ ในการจัดประสบการณ์เรยี นร๎ู ฝกึ ให๎คิดวเิ คราะห์ สร๎างสรรค์ จนิ ตนาการท่เี ป็นประโยชน์ และสมั พนั ธ์กับชีวติ ในแตลํ ะชวํ งวัยอยํางตํอเนอ่ื ง ๕. จานวนสมาชกิ เหมาะสมกับลกั ษณะของกิจกรรม ๖. มีการกาหนดเวลาในการจัดกิจกรรมให๎เหมาะสมตามโครงสรา๎ งหลักสตู ร สถานศกึ ษา ๗. ผูเ๎ รียนเปน็ ผู๎ดาเนินการ มีครูเป็นที่ปรกึ ษา ถอื เป็นหนา๎ ทแี่ ละงานประจา โดย คานงึ ถึงความปลอดภัย ๘. ยึดหลกั การมสี ํวนรํวม โดยเปดิ โอกาสใหค๎ รู พํอแมํ ผู๎ปกครอง ชุมชน องค์กรทั้ง ภาครฐั และเอกชน มีสํวนรวํ มในการจดั กิจกรรม ๙. มกี ารประเมินผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม ด๎วยวิธีที่หลากหลาย และสอดคล๎องกบั กิจกรรม อยํางเปน็ ระบบและตํอเนื่อง โดยให๎ถือวําเป็นเกณฑ์ประเมนิ ผลการผาํ นชวํ งชน้ั เรยี น ๔.๔ โครงสร้างและอตั ราเวลาจดั กิจกรรม กิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน ระดับประถมศกึ ษา ๑. กจิ กรรมแนะแนว ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ๒. ลูกเสอื – เนตรนารี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๓. กิจกรรมสงํ เสริมจริยธรรม/กิจกรรมชุมนุม ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔. กิจกรรมเพื่อสังคม และสาธารณประโยชน์ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ เวลาเรียนรวม ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนบ้านสามแยก พุทธศกั ราช ๒๕๖๔

๑๐๕ ๔.๕ การดาเนนิ การกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนโรงเรยี นบ้านสามแยก โรงเรียนบ๎านสามแยก จัดกิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรียนโดยมุํงให๎ผ๎ูเรียนเกิดการเรียนรู๎จาก ประสบการณ์ตรง ได๎ฝึกปฏิบัติจริงและค๎นพบความถนัดของตนเอง สามารถค๎นคว๎าหาความร๎ู เพ่ิมเติมตามความสนใจจากแหลํงเรียนร๎ูท่ีหลากหลาย บาเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม มีทักษะในการ ดาเนินงาน สํงเสริมให๎มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ สังคม ศีลธรรม จริยธรรม ให๎ผ๎ูเรียนรู๎จักและเข๎าใจ ตนเอง สามารถวางแผนชวี ติ และอาชพี ไดอ๎ ยาํ งเหมาะสม ความหมายและความสาคญั ของกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน กิจกรรมพัฒนาผู๎เรียนเป็นกิจกรรมสาคัญท่ีหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนโรงเรียนบ๎านสาม แยก พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดให๎จัดทาขึ้นให๎ผู๎เรียนทุกคนทุกระดับช้ัน เพื่อสํงเสริมพัฒนาความสามารถของตนเองตามความ ถนัด ความสนใจ ให๎เต็มศักยภาพ โดยมํุงเน๎นการพัฒนาองค์รวมของความเป็นมนุษย์ทั้งด๎านรํางกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคม สร๎างเยาวชนของชาติให๎เป็นผู๎มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝัง และสร๎างจติ สานึกของการทาประโยชน์เพ่ือสังคมและสามารถบริหารการจัดการตนเอง กิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรียนเป็นกิจกรรมท่ีจะสํงเสริมให๎ผู๎เรียนได๎พัฒนาความสามารถของตนเอง ตามศักยภาพ เพ่ิมเติมจากกิจกรรมการเรียนร๎ูตามกลํุมสาระการเรียนรู๎ท้ัง ๘ กลํุมการเข๎ารํวม และ ปฏิบัติกิจกรรมที่เหมาะสมรํวมกับผู๎อ่ืนอยํางมีความสุขกับกิจกรรมที่เลือกด๎วยตนเองตามความถนัด ความสนใจอยํางแท๎จริงจะเสริมสร๎างและพัฒนาองค์รวมของความเป็นมนุษย์ให๎ครบทุกด๎านสร๎าง ความเป็นมนุษยท์ ส่ี มบูรณ์ ปลูกฝงั และสร๎างจติ สานกึ ของการทาประโยชนเ์ พือ่ สงั คม จุดมุ่งหมายของกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน การจัดทากิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรียนในหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนโรงเรียนบ๎านสามแยก มี จุดประสงค์สาคญั คอื ๑. เพ่ือชํวยเพ่ิมพูนประสบการณ์ของผู๎เรียน ได๎ฝึกฝนทักษะ ได๎เรียนรู๎ โดยการปฏิบัติจริง อันเปน็ การสอดคลอ๎ งกบั แนวการจัดการเรยี นรู๎ทีย่ ึดผ๎ูเรียนเป็นสาคัญ ๒. เพ่ือเสริมสร๎างคุณลักษณะดีเดํนของความเป็นประชาธิปไตย ฝึกการเป็นผู๎นา ผ๎ูตาม ฝึก การทางานรํวมกนั ฝกึ การแสดงความคดิ เหน็ ฝกึ ความรบั ผดิ ชอบ ๓. เพื่อกํอให๎เกิดความสามัคคี รักหมูํคณะ เกิดความเข๎าใจซ่ึงกันและกัน เพราะการปฏิบัติ กิจกรรมต๎องทางานเป็นกลุํม ต๎องรํวมกันคิด รํวมกันทา ได๎พบความสุข ความทุกข์รํวมกัน เกิดความ ประทบั ใจซ่งึ กันและกนั ๔. สํงเสริมความคิดริเร่ิมสร๎างสรรค์ ความแปลกใหมํ เพราะการทากิจกรรมรํวมกันต๎อง รวํ มกันศกึ ษาคน๎ ควา๎ ค๎นหาวิธีการท่ีดีกวํา ทาให๎ความคิดแตกฉาน พบเทคนิค วิธีการที่แปลกๆ ใหมํๆ ในการพัฒนาผลงาน ๕. เพื่อชํวยให๎ผ๎ูเรียนมีทางเลือก มีโอกาสแสดงออกตามแนวคิด ความสนใจของตนเอง มี โอกาสในการเลอื กตามความต๎องการ ความถนดั ชวํ ยพฒั นาศักยภาพของผูเ๎ รียนเป็นรายบุคคล ๖. เพ่ือฝึกผู๎เรียนให๎เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม ชุมชน และประเทศชาติ ทั้งในปัจจุบันและ อนาคต เพราะกิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรียนมีลักษณะเป็นสังคมเล็กท่ีจาลองจากสังคมใหญํ มีกฎระเบียบ กติกา มีความรับผิดชอบทั้งในสิทธิหน๎าที่ซึ่งเป็นการปลูกฝังลักษณะนิสัยและคุณลักษณะอันพึง ประสงคข์ องการอยํูรํวมกันในสงั คมปกติ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านสามแยก พทุ ธศักราช ๒๕๖๔

๑๐๖ ๗. เพื่อชวํ ยใหผ๎ ส๎ู อนร๎จู กั ผเ๎ู รยี นแตลํ ะคนดีขน้ึ เพราะผลงานในการทากิจกรรมของผู๎เรียนจะ ชํวยให๎ผ๎ูสอนเข๎าใจผู๎เรียนและประเมินคุณคําคุณภาพของนักเรียนได๎ดี และถูกต๎องมากข้ึน รู๎จักและ เข๎าใจความสนใจของผ๎ูเรียน ความถนัดของผ๎ูเรียน ชํวยให๎ผู๎สอนทราบข๎อมูลพื้นฐานของผ๎ูเรียนที่ ถูกตอ๎ ง และสามารถสํงเสรมิ สนับสนุน หรือแก๎ไขข๎อบกพรํองของผเ๎ู รียนไดถ๎ ูกแนวทาง ๘. เพอื่ ใช๎เป็นขอ๎ มลู ในการปรับปรงุ หลกั สูตรและการเรียนการสอนของสถานศึกษา เพราะ พฤติกรรมการแสดงออกของผ๎ูเรียนในการปฏิบัติกิจกรรม เป็นผลที่บํงช้ีถึงความสาเร็จของหลักสูตร และการเรียนการสอนของสถานศึกษาวําบรรลุผลตามจุดมํุงหมายหรือไมํ มากน๎อยเพียงใด หลักสูตร ควรจะต๎องมกี ารปรับปรงุ หรอื พฒั นาในสํวนใด หลักการจัดกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ๑. มกี ารกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ และแนวปฏิบตั ทิ ช่ี ดั เจนเปน็ รูปธรรม ๒. จัดให๎เหมาะสมกบั วัย วฒุ ภิ าวะ ความสนใจ ความถนัด และความสามารถของผ๎ูเรยี น ๓. บรู ณาการกบั ชีวติ จริง ให๎ผูเ๎ รยี นได๎ตระหนักถงึ ความสาคัญของการเรียนรูต๎ ลอดชวี ิต ๔. ใชก๎ ระบวนการกลํุมในการจดั ประสบการณ์เรยี นร๎ู ฝกึ ให๎คดิ วิเคราะห์ สรา๎ งสรรค์ จินตนาการ ทเี่ ปน็ ประโยชน์ และสมั พันธ์กับชวี ติ ในแตํละชํวงวัยอยํางตอํ เน่ือง ๕. จานวนสมาชกิ เหมาะสมกับลกั ษณะของกิจกรรม ๖. มีการกาหนดเวลาในการจดั กจิ กรรมใหเ๎ หมาะสมตามโครงสรา๎ งหลักสูตรสถานศึกษา ๗. ผเ๎ู รยี นเปน็ ผดู๎ าเนินการ มีครเู ป็นทปี่ รึกษา ถือเป็นหน๎าทแ่ี ละงานประจา โดยคานึงถึง ความปลอดภัย ๘. ยึดหลกั การมสี ํวนรํวม โดยเปดิ โอกาสใหค๎ รู พอํ แมํ ผป๎ู กครอง ชุมชน องคก์ ร ท้ังภาครัฐ และเอกชน มีสวํ นรํวมในการจัดกิจกรรม ๙. มกี ารประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรม ด๎วยวิธที ่หี ลากหลาย และสอดคล๎องกับกิจกรรม อยํางเป็นระบบและตอํ เน่ือง โดยใหถ๎ ือวําเปน็ เกณฑป์ ระเมินผลการผํานชํวงชนั้ เรียน โรงเรยี นบา๎ นสามแยก ไดจ๎ ัดกิจกรรมพฒั นาผูเ๎ รียนโดยแบงํ ออกเป็น ๓ ลักษณะ ดังนี้ ๑. กิจกรรมแนะแนว โรงเรียนบา๎ นสามแยก ได๎จดั กจิ กรรมแนะแนวเพ่อื ชวํ ยเหลอื และ พัฒนาผูเ๎ รยี น ดงั น้ี ๑. จัดกิจกรรมเพื่อให๎ครูได๎ร๎ูจักและชํวยเหลือผู๎เรียนมากขึ้น โดยใช๎กระบวนการทาง จิตวิทยา การจัดบริการสนเทศ โดยจัดให๎มีเอกสารเพ่ือใช๎สารวจข๎อมูลเกี่ยวกับตัวผู๎เรียน ด๎วยการ สังเกต การสัมภาษณ์ การใช๎แบบสอบถาม การเขียนประวัติ การพบผ๎ูปกครองกํอนและระหวํางเรียน การเยี่ยมบ๎านนักเรียน การให๎ความชํวยเหลือผ๎ูเรียนในเร่ืองสุขภาพจิต เศรษฐกิจ การจัดทาระเบียน สะสม สมดุ รายงานประจาตวั นักเรยี น และบัตรสุขภาพ ๒. จัดกิจกรรมพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ โดยทาแบบทดสอบเพื่อรจ๎ู กั และเขา๎ ใจ ตนเอง มีทักษะในการตัดสินใจ การปรบั ตวั และการวางแผนเพ่อื เลือกศึกษาตํอ เลือกอาชพี ๓. จดั บริการใหค๎ าปรึกษาแกํผ๎เู รยี นเปน็ รายบุคคล และรายกลํมุ ในดา๎ นการศึกษา อาชพี และสวํ นตวั โดยมีผใู๎ ห๎คาปรึกษาที่มีคุณวุฒิ และมีความเช่ยี วชาญในเรอื่ งการให๎คาปรึกษา ตลอดจนมีห๎องใหค๎ าปรกึ ษาที่เหมาะสม ๓.๑ ชวํ ยเหลอื ผู๎เรยี นที่ประสบปญั หาด๎านการเงิน โดยการให๎ทุนการศึกษาแกผํ ๎ูเรียน ๓.๒ ติดตามเก็บข๎อมูลของนักเรียนทีส่ าเร็จการศึกษา หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้านสามแยก พุทธศกั ราช ๒๕๖๔

๑๐๗ แนวการจดั กิจกรรมแนะแนว ความสาคัญและความจาเป็น ตามทรี่ ัฐบาลมนี โยบายท่ีมํุงนั่นพัฒนาคุณภาพการศึกษา และ ขยายโอกาสทางการศึกษาให๎ท่ัวถึงคนทุกกลุํม เพื่อพัฒนาคนอันเป็นกาลังสาคัญตํอการพัฒนา ประเทศ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแหํงชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๖ มีหลักวําการจัดการศึกษา ต๎องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให๎เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ทั้งรํางกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู๎ คุณธรรม จริยธรรม และวัฒนธรรมในการดารงชีวิต มาตรา ๒๓ ได๎เน๎นความสาคัญ ท้ังความรู๎ คุณธรรม กระบวนการเรยี นรู๎ และบรู ณาการ ตามความเหมาะสมของแตํละระดับการศึกษา ด๎วยภารกิจที่การศึกษาชํวยการพัฒนาคนให๎มีคุณภาพ การแนะแนวจึงเป็นงานสาคัญ งานหน่ึงในการให๎การศึกษา สํงเสริม สนับสนุนการศึกษาของชาติ สถานศึกษามุํงหวังท่ีจะพัฒนา คุณภาพผู๎เรียนให๎บังเกิดผลสาเร็จ สํงผลให๎สังคมไทยก๎าวไปสํูการพัฒนาท่ียั่งยืนและก๎าวไปสู๎ สังคม โลก แตํเน่ืองจากสังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงมากมายหมายรูปแบบ อันเป็นสาเหตุทาให๎เกิดปัญหา หลายรปู แบบ ดังน้ัน ผู๎เรียนมีความจาเป็นต๎องปรับตัวให๎ทันตํอการเปล่ียนแปลง จึงจาเป็นต๎องใช๎ กระบวนการแนะแนวชํวยเหลือ สํงเสริม และพัฒนาผ๎ูเรียน ให๎สามารถเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมได๎ ท้ังน้ีเพราะการแนะแนวเป็นกระบวนการหนึ่งท่ีจะชํวยให๎ผู๎เรียนเข๎าใจตนเองและผู๎อื่น รู๎จัก สภาพแวดลอ๎ ม สามารถเลือกตัดสินใจได๎อยํางถูกต๎อง จากผลการดาเนินการแนะแนวที่ผํานมา การ ดาเนินงานแนะแนวในสถานศึกษาทาให๎เห็นวํา การพัฒนาศักยภาพผ๎ูเรียนยังไมํบรรลุวัตถุประสงค์ ตามเปูาหมายการพัฒนาการแนะแนว เพราะบุคคลากรท่ีรับผิดชอบด๎านแนะแนวโดยตรงยัง ปฏบิ ัตงิ านแบบฝุายเดยี ว ไมํกระจายบทบาทด๎านการแนะแนวให๎ครูคนอื่นๆ ได๎มีสํวนรํวมคิด รํวมทา และยังไมปํ ระสานผูป๎ กครอง ชุมชนในท๎องถิ่น ซ่งึ เปน็ บุคคลทอี่ ยูใํ กลช๎ ิดนกั เรียนมากทีส่ ุด ดังนั้น เพ่ือเป็นการสํงเสริมสนับสนุนให๎พระราชบัญญัติการศึกษาแหํงชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ บรรลสุ าเรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงค์ท่กี าหนดไว๎ จงึ เหน็ สมควรใหม๎ ีการพัฒนาปรบั ปรุงระบบการแนะแนวใน สถานศึกษา โดยยึดหลักท่ีวําผ๎ูเรียนทุกคนมีความสาคัญที่สุด สามารถเรียนร๎ูและพัฒนาตนเองได๎ ท้ังน้ีงานแนะแนวต๎องเปิดโอกาสให๎ทุกคนมีสํวนรํวม และมีบทบาทในการแนะแนว การดาเนินงาน ตามระบบการแนะแนวเพอื่ พัฒนาผู๎เรียนในสถานศึกษาจึงดาเนินการ ๙ กิจกรรมดงั นี้ ๑. ศึกษาและรวบรวมข๎อมลู ผู๎เรียนที่ตนเองรับผิดชอบเป็นรายบคุ คล ๒. คัดกรองผูเ๎ รียนเพื่อจาแนกผู๎เรยี นออกเป็น ๒ กลุํม คือกลํุมปกติ และกลุํมทต่ี ๎องการความ ชวํ ยเหลือ ๓. ดแู ลชวํ ยเหลือใหค๎ าปรึกษาเบ้อื งต๎นในด๎านตํางๆ ให๎ผูเ๎ รียนพฒั นาเต็มตามศักยภาพ ๔. ใหข๎ ๎อมูลขาํ วสารทเ่ี ป็นประโยชนแ์ ละจาเป็นในการดาเนินชีวิต ๕. ประสานงานกับผู๎เกี่ยวข๎องภายในสถานศกึ ษา เพ่ือให๎ได๎ขอ๎ มูลเก่ียวกบั ผ๎เู รยี น แนวทางการดูแล ชวํ ยเหลอื และการสํงตํอผ๎เู รยี น ๖. ประสานงานกับผู๎ปกครอง ชมุ ชน เพื่อการรํวมมือในการดูแลชวํ ยเหลือผเ๎ู รยี น ๗. จดั กจิ กรรมท้ังใน และนอกหอ๎ งเรียน เพอื่ ปูองกนั แก๎ไข และสงํ เสรมิ ผเ๎ู รยี นทุกคน รวมทง้ั ผ๎มู คี วามรู๎ความสามารถพิเศษ ผ๎ดู ๎อยโอกาส และคนพกิ าร ให๎ได๎พัฒนาศักยภาพของตน เตม็ ความสามารถ ๘. เข๎ารํวมกิจกรรมตํางๆ เชํน งานแนะแนว จัดบริการด๎านสุขภาพ จัดหาทุนและอาหาร กลางวัน จัดหางาน จัดให๎มีการฝึกงานหารายได๎ระหวํางเรียน จัดศูนย์การเรียนรู๎ให๎ผู๎เรียนเพ่ือการ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านสามแยก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๔

๑๐๘ วางแผนชีวิต จัดบริการชํวยผู๎เรียนท่ีมีปัญหาหรือความต๎องการพิเศษ และติดตามผลผ๎ูเรียนท้ังใน ปัจจบุ นั และผู๎ทจี่ บการศึกษาแลว๎ ๙. นเิ ทศ ตดิ ตาม ประเมนิ ผล และประชาสมั พนั ธ์ ๒. กิจกรรมนักเรยี น โรงเรยี นบ๎านสามแยก ได๎จดั กจิ กรรมนักเรียนเพ่ือพัฒนาและสํงเสริม ดงั น้ี ๑. จัดกจิ กรรมเพือ่ พัฒนาผู๎เรียนให๎มีระเบียบวนิ ยั มีความเป็นผ๎ูนาผต๎ู ามที่ดีมีความ รับผดิ ชอบ ๒. จดั กจิ กรรมเพอื่ พฒั นาผเู๎ รียนให๎มีทกั ษะการทางานรวํ มกัน ร๎ูจกั การแก๎ปญั หามีเหตุผล ตัดสินใจที่เหมาะสมชํวยเหลือแบํงปัน เอื้ออาทรและสมานฉันท์ ๓. จดั กจิ กรรมสงํ เสริมสนบั สนุนใหผ๎ ูเ๎ รียนมีคุณธรรม จริยธรรม และคณุ ลักษณะอันพึง ประสงค์ ๔. จดั กจิ กรรมเพ่อื สํงเสรมิ และสนับสนุนใหผ๎ ู๎เรยี นได๎ปฏิบัติกิจกรรมตามความถนดั และ ความสนใจ กจิ กรรมนักเรียนโรงเรียนโรงเรียนบา๎ นสามแยก ประกอบด๎วย ๒.๑ กจิ กรรมลกู เสอื – เนตรนารี ผ๎ูเรยี นในระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ – ๖ ทกุ คน ตอ๎ งเข๎ารํวมกิจกรรมลูกเสอื – เนตรนารี ๔๐ ชวั่ โมงตอํ ปกี ารศึกษา เพอื่ สํงเสริมหลักการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั ริยเ์ ป็นประมุข สํงเสริมความสามัคคี มีวนิ ัย และบาเพ็ญ ประโยชน์ตอํ สงั คม โดยดาเนินการจดั กจิ กรรมตามข๎อกาหนดของคณะกรรมการลูกเสือแหงํ ชาติ แนวการจดั ลกู เสือ – เนตรนารี เพอ่ื เปน็ การฝึกใหน๎ ักเรียนในโรงเรียนตง้ั แตํช้ัน ประถมศึกษาปที ่ี ๑ – ๖ ถึง ไดร๎ ํวมกิจกรรมในเชงิ ลูกเสือเพือ่ เป็นการให๎นักเรยี นได๎อยรํู ํวมกันเปน็ หมํู คณะ มีความอดทนอดกลั้น มีระเบยี บวินัย ร๎ูจกั การชํวยเหลือผู๎อ่นื โดยโรงเรียนบา๎ นแปลง(รามคา แหงอนสุ รณ์ ๗) กาหนดแนวการจดั ลกู เสอื – เนตรนารี ดังนี้ กจิ กรรมลกู เสือ – เนตรนารี ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ – ๓ ๑. เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลกู เสือ และจดั กจิ กรรมให๎ศึกษา วเิ คราะห์ วางแผน ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามฐาน โดยเนน๎ ระบบหมูํ สรุปผลการปฏบิ ัติกิจกรรม ปิดประชุม กอง โดยใหผ๎ ูเ๎ รยี นศึกษาและฝึกปฏบิ ัติในเรือ่ ง ๒. เตรยี มลกู เสือสารอง นิยายเรื่องเมาคลี ประวตั ิการเรมิ่ กจิ การลูกเสือสารอง การทาความเคารพเป็นหมูํ (แกรนดฮ์ าวล์) การทาความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ๎าย ระเบยี บ แถวเบอ้ื งต๎น คาปฏิญาณ กฎ และคติพจนข์ องลูกเสือสารอง ๓. ลกู เสือสารองดาวดวงท่ี ๑, ๒ และ ๓ อนามัย ความสามารถเชงิ ทักษะ การสารวจ การค๎นหาธรรมชาติ ความปลอดภัย บรกิ าร ธง และประเทศตาํ งๆ การฝีมือ กิจกรรมกลางแจ๎ง การบันเทิง การผกู เง่ือน คาปฏิญาณ และกฎของลูกเสอื สารอง โดยใชก๎ ระบวนการทางาน กระบวนการแกป๎ ญั หา กระบวนการกลุํม กระบวนการ จัดการ กระบวนการคิดรเิ ริม สรา๎ งสรรค์ กระบวนการฝึกปฏบิ ัตทิ างลกู เสอื กระบวนการทาง เทคโนโลยี และภูมปิ ัญญาท๎องถน่ิ ได๎อยาํ งเหมาะสม เพ่ือให๎มีความร๎ู ความเข๎าใจในกิจกรรมลูกเสือ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคติ พจนข์ องลูกเสอื สารอง มนี ิสยั ในการสงั เกต จดจา เช่อื ฟงั และพงึ่ ตนเอง ซอื่ สตั ย์ สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจผู๎อื่น บาเพ็ญตนเพ่ือสาธารณประโยชน์ ร๎ูจักทาการฝีมือ พัฒนากาย จิตใจ และ หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นสามแยก พุทธศักราช ๒๕๖๔

๑๐๙ ศีลธรรม ท้ังนี้โดยไมํเก่ียวข๎องกับลัทธิการเมืองใดๆ สนใจและอนุรักษ์ธรรมชาติและส่ิงแวดล๎อม นาไปใชใ๎ นชีวิตประจาวันได๎อยาํ งมปี ระสิทธิภาพ หมายเหตุ - เมือ่ ผเ๎ู รียนผาํ นการทดสอบในข๎อ ๑ แล๎ว จะได๎รบั เครอื่ งหมายลูกเสือสารอง - เม่อื ผู๎เรยี นได๎ปฏบิ ัติกิจกรรมและผํานการสอบแลว๎ จะได๎รับเครอื่ งหมายดาวดวงที่ ๑, ๒ และ ๓ ตามลาดับ - สาหรับวิชาพเิ ศษ ให๎ใช๎ขอ๎ บังคบั คณะลูกเสือแหํงชาติวําด๎วยการปกครองหลกั สูตร และวิชาพิเศษลกู เสอื สารอง (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๒ กิจกรรมลกู เสือ – เนตรนารี ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๔ – ๖ ๑. เปิดประชุมกอง ดาเนนิ การตามกระบวนการของลูกเสอื และจัดกิจกรรมให๎ศกึ ษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัตกิ ิจกรรมตามฐาน โดยเน๎นระบบหมูํ สรปุ ผลการปฏิบัติกจิ กรรม ปิดประชมุ กอง โดยให๎ผ๎ูเรยี นศึกษาและฝึกปฏบิ ัตใิ นเรื่อง ๒. ลกู เสอื ตรี ความรูเ๎ กย่ี วกบั ขบวนการลูกเสอื คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสือสามัญ กิจกรรมกลางแจ๎ง ระเบยี บแถว ๓. ลูกเสือโท การรจู๎ ักดูแลตนเอง การชวํ ยเหลือผ๎อู น่ื การเดินทางไปยังสถานที่ ตาํ ง ๆ ทักษะในทางวิชาลูกเสือ งานอดเิ รกและเรื่องท่ีนาํ สนใจ คาปฏิญาณ และกฎของลูกเสือ ระเบียบแถว ๔. ลกู เสือเอก การพงึ่ ตนเอง การบริการ การผจญภัย วิชาการของลกู เสอื ระเบยี บแถว โดยใช๎กระบวนการทางาน กระบวนการแก๎ปัญหา กระบวนการกลํมุ กระบวนการจัดการ กระบวนการคดิ ริเริม่ สร๎างสรรค์ กระบวนการฝึกปฏบิ ัตทิ างลกู เสอื กระบวนการทางเทคโนโลยี และ ภมู ปิ ัญญาท๎องถ่นิ ได๎อยํางเหมาะสม เพ่ือให๎มีความรู๎ ความเข๎าใจในกิจกรรมลูกเสือ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และ คติพจน์ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจา เช่ือฟัง และพึ่งตนเอง ซ่ือสัตย์ สุจริต มีระเบียบ วินัย และเห็นอกเห็นใจผู๎อื่น บาเพ็ญตนเพ่ือสาธารณประโยชน์ ร๎ูจักทาการฝีมือ พัฒนากาย จิตใจ และศีลธรรม ทั้งน้ีโดยไมํเก่ียวข๎องกับลัทธิการเมืองใดๆ สนใจและอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อม นาไปใชใ๎ นชีวติ ประจาวนั ได๎อยาํ งมปี ระสทิ ธภิ าพ หมายเหตุ เม่ือผ๎เู รียนไดป๎ ฏิบัตกิ จิ กรรม และผํานการทดสอบแล๎ว จะได๎รบั เครอื่ งหมายลูกเสอื ตรี ลกู เสือโท และลกู เสอื เอก ตามลาดับ สาหรับวชิ าพิเศษ ใหใ๎ ช๎ข๎อบงั คบั คณะลกู เสือแหงํ ชาติวาํ ด๎วยการปกครองหลักสูตร และวิชา พเิ ศษลูกเสือสามญั (ฉบบั ท่ี ๑๓) พ.ศ. ๒๕๒๕ ๒.๒ กิจกรรมสง่ เสริมจรยิ ธรรม /กิจกรรมชุมนุม ผู๎เรียนสามารถเลือกเข๎าเป็นสมาชิก ชุมนมุ วางแผนการดาเนินกิจกรรมรํวมกัน โดยมีชุมนุมท่ีหลากหลาย เหมาะสมกับเพศ วัย และความ สนใจของผ๎เู รยี น โดยในระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ ทุกคนต๎องเข๎ารํวมกิจกรรม ๓๐ ช่ัวโมงตํอปี การศึกษา เพื่อให๎ผ๎ูเรียนได๎ปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัดและความต๎องการของตนได๎ พัฒนาความร๎ู ความสามารถด๎านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ให๎เกิดประสบการณ์ทั้งทางวิชาการและ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นสามแยก พทุ ธศักราช ๒๕๖๔

๑๑๐ วิชาชพี ตามศกั ยภาพ สํงเสรมิ ใหผ๎ ๎เู รยี นใช๎เวลาใหเ๎ กดิ ประโยชน์ตํอตนเองและสํวนรวม ทางานรํวมกับ ผูอ๎ ่ืนไดต๎ ามวถิ ปี ระชาธิปไตย แนวการจดั กิจกรรมสง่ เสริมจรยิ ธรรม/กิจกรรมชุมนุม เพ่ือเป็นการฝึกให๎นักเรียนในโรงเรียนตั้งแตํชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ พัฒนาความมี ระเบียบวินัย ความเป็นผ๎ูนาผ๎ูตามที่ดี ความรับผิดชอบ การทางานรํวมกันการู๎จักแก๎ปัญหา การ ตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การชํวยเหลือแบํงปันกัน เอื้ออาทร และสมานฉันท์ ประกอบด๎วยกิจกรรมด๎านคุณธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม อนุรักษ์ส่ิงแวดล๎อม สํงเสริมประชาธิปไตย สงํ เสรมิ การเรียนร๎ู และคาํ ยวิชาการ การศกึ ษาดงู าน การฝึกปฏิบัติ โรงเรียนบ๎านสามแยก ได๎กาหนด ขอบขาํ ยของกจิ กรรม ไว๎ดงั นี้ ๓.๑ กิจกรรมที่สํงเสริมสาระการเรียนร๎ูท้ัง ๘ กลํุม เชํน ชุมนุมภาษาไทย ชุมนุม คณิตศาสตร์ ชมุ นมุ วิทยาศาสตร์ ชุมนมุ กีฬา ชุมนมุ ศลิ ปะ ชมุ นุมดนตรี ๓.๒ กิจกรรมสนองความสนใจความถนัดและความต๎องการของผ๎ูเรียน เชํน ชุมนุมนัก ประดษิ ฐ์ ชุมนมุ เกษตร ชมุ นมุ เศรษฐกิจพอเพียง ๓.๓ กิจกรรมที่เป็นประโยชน์ตํอตนเองและประโยชน์ตํอสังคมสํวนรวม เชํน กิจกรรม เพือ่ อนรุ กั ษ์สิง่ แวดลอ๎ มและวัฒนธรรม กิจกรรมสืบสานวัฒนธรรมไทย ๓.๔ กิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต พัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ ศีลธรรมและจริยธรรมจัด สอนจริยธรรมในห๎องเรียน จัดให๎มีการปฏิบัติกิจกรรมเน่ืองในวันสาคัญทั้งทางชาติ ศาสนา และ พระมหากษตั ริย์ โดยผูเ๎ รยี นมสี วํ นรํวมในการจัดกจิ กรรมท้งั ในด๎านวัฒนธรรม ประเพณี กีฬา และ ศลิ ปะโดยผเ๎ู รยี นไดฝ๎ ึกทกั ษะการทางาน และการแก๎ปัญหาทุกขนั้ ตอน ๓. กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่สํงเสริมให๎ผ๎ูเรียนได๎ ทาประโยชน์ตามความสามารถ ความถนัดและความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพ่ือแสดงถึงความ รบั ผดิ ชอบ ความดงี าม ความเสียสละตํอสังคม มีจิตใจมํุงทาประโยชน์ตํอครอบครัว ชุมชนและสังคม กจิ กรรมสาคัญได๎แกํ กิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมสรา๎ งสรรคส์ ังคม กจิ กรรมดารงรักษา สืบสาน ศาสนา ศิลปะและวัฒนาธรรม กิจกรรมพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพ่ือสังคม โดยเวลาเรียน สาหรับกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ในสํวนกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ จัดสรรเวลาให๎ผ๎ูเรียนระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖ รวม ๖ ปี จานวน ๖๐ ช่ัวโมง (เฉล่ียปีละ ๑๐ ชัว่ โมง) การจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ ในระดับประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ นาไป สอดแทรกในกิจกรรมสํงเสริมจริยธรรม/กิจกรรมชุมนุม ทั้งนี้การทากิจกรรมเพื่อสังคมและ สาธารณประโยชน์ให๎ผู๎เรียนรายงานแสดงการเข๎ารํวมกิจกรรมลงในสมุดบันทึก และมีผ๎ูรับรองผลการ เข๎ารวํ มกิจกรรมทกุ ครั้งท้ังกิจกรรมในสถานศึกษาและกจิ กรรมนอกสถานศกึ ษา ๔.๖ การประเมนิ ผลการจัดกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน การประเมนิ ผลการจดั กิจกรรมพฒั นาผ๎ูเรียน ให๎มีการประเมินกิจกรรมตามจุดประสงค์และ เวลาในการเข๎ารํวมกิจกรรมตามเกณฑ์ที่กาหนดไว๎ในแตํละกิจกรรม และใช๎เป็นข๎อมูลประเมินการ เลื่อนชั้นและการจบการศึกษาท้ังในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา โดยมีแนวดาเนินการ ประเมิน ดังนี้ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านสามแยก พุทธศกั ราช ๒๕๖๔

๑๑๑ ๑. การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียนรายกจิ กรรม ๑.๑ ให๎มีคณะกรรมการประเมินกิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรียน กาหนดเกณฑ์การประเมินและ แนวดาเนินการเกยี่ วกับการประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผู๎เรียน ๑.๒ ให๎ผ๎ูรับผิดชอบกิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรียนแตํละกิจกรรม เป็นผู๎ประเมินกิจกรรมของ ผ๎เู รียนตามจุดประสงค์สาคัญและเวลาเข๎ารํวมกิจกรรมแตํละกิจกรรมด๎วยวิธีหลากหลาย เป็นรายปีใน ระดับประถมศึกษา และเป็นรายภาคในระดับมัธยมศึกษา และนาข๎อมูลการประเมินเสนอตํอ คณะกรรมการประเมินกิจกรรมพฒั นาผ๎เู รยี น ๑.๓ ให๎คณะกรรมการประเมินกิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรียน สรุปและประเมินผลการประเมิน กจิ กรรมพัฒนาผเ๎ู รยี นเป็นรายบคุ คล เพื่อตดั สินตามเกณฑ์ทโ่ี รงเรียนกาหนดทุกชั้นเรยี น และนาเสนอ ผลการประเมนิ ใหผ๎ ๎บู ริหารพจิ ารณาอนมุ ัติ ๑.๔ ให๎ประชาสัมพันธ์ แจ๎งให๎ผู๎เรียน ผู๎ท่ีเกี่ยวข๎อง ให๎ทราบ วัตถุประสงค์ของการ ประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผเ๎ู รยี น ๑.๕ การให๎ระดับผลการเรียนการเข๎ารํวมกิจกรรมพัฒนาผู๎เรียน ให๎ระดับผลการ ประเมนิ เปน็ “ผาํ น” และ “ไมผํ าํ น” ๑.๖ ผู๎เรียนตอ๎ งผาํ นเกณฑ์การประเมนิ ตามท่ีสถานศึกษากาหนด กรณีท่ีไมํผํานการ ประเมินกิจกรรมพัฒนาผู๎เรียน ให๎ผ๎ูเรียนเข๎ารับการซํอมเสริมในสํวนท่ีไมํผําน หรือเลือกกิจกรรมใหมํ จนครบทุกกจิ กรรม ตามหลกั สูตรของสถานศึกษา ๒. การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน เพือ่ เล่อื นชนั้ และจบระดบั การศึกษา ๒.๑ ใหค๎ รูประจาช้นั รบั ผดิ ชอบรวบรวมขอ๎ มูลเกยี่ วกบั การรํวมกจิ กรรมพัฒนาผเ๎ู รียน ของผูเ๎ รยี นทุกคนตลอดระดับการศกึ ษา ๒.๒ สรุปตัดสนิ การเข๎ารวํ มกิจกรรมพัฒนาผู๎เรยี นของผ๎เู รียนเปน็ รายบุคคลตามเกณฑ์ที่ สถานศกึ ษากาหนด คือ ผู๎เรยี นจะต๎องผาํ นกจิ กรรม ๓ กิจกรรมสาคัญ คือ ๒.๒.๑ กจิ กรรมแนะแนว ๒.๒.๒ กิจกรรมนกั เรียน ได๎แกํ - กจิ กรรมลกู เสือ-เนตรนารี - กจิ กรรมชมุ นมุ /ชมรม ๒.๒.๓ กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ ๒.๓ นาเสนอผลประเมินตอํ คณะอนกุ รรมการกลํมุ สาระการเรยี นรู๎และกิจกรรมพฒั นา ผ๎ูเรยี นของสถานศกึ ษาเพื่อให๎ความเหน็ ชอบ ๒.๔ เสนอผูบ๎ รหิ ารสถานศึกษาพจิ ารณาอนุมัตกิ ารประเมินกจิ กรรมพัฒนาผเู๎ รียนผําน เกณฑ์การจบแตลํ ะระดับการศึกษา ๕. เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา๎ นสามแยก พุทธศกั ราช ๒๕๖๔ กาหนดเกณฑ์การจบ การศึกษา โดยมีรายละเอยี ดดังน้ี ๑. ผเู๎ รียนเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานและรายวิชาเพม่ิ เติม/กจิ กรรมเพ่มิ เติมตามโครงสรา๎ งเวลา เรียนทห่ี ลกั สูตรโรงเรียนบา๎ นสามแยก พุทธศักราช ๒๕๖๔ และมผี ลการประเมินรายวิชาพื้นฐานผาํ น ทุกรายวิชา หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นสามแยก พุทธศักราช ๒๕๖๔

๑๑๒ ๒. ผเ๎ู รยี นต๎องมีเวลาเรียนไมํนอ๎ ยกวาํ รอ๎ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทัง่ หมด ๓. ผเ๎ู รียนต๎องไดร๎ ับการประเมินทุกตวั ช้วี ัดในรายวิชาพ้ืนฐาน และผํานตามเกณฑ์การ ประเมินไมนํ ๎อยกวาํ ร๎อยละ ๘๐ ของจานวนตัวช้วี ัดท้งั หมด ๔. ผูเ๎ รียนมีผลการประเมินการอําน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขยี น ในระดบั “ผาํ น” ขนึ้ ไป ๕. ผเ๎ู รียนมผี ลการประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ในระดบั “ผําน” ข้ึนไป ๖. ผู๎เรยี นตอ๎ งเข๎ารํวมกจิ กรรมพฒั นาผเ๎ู รียน และมผี ลการประเมนิ ในระดับ“ผําน” ทกุ กจิ กรรม หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านสามแยก พทุ ธศักราช ๒๕๖๔

๑๑๓ ภาคผนวก/คาสงั่ ทีเ่ ก่ยี วข้อง หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้านสามแยก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๔

๑๑๔ บนั ทกึ การปรบั ปรุงหลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นสามแยก พุทธศักราช ๒๕๖๔ ๑. มีการปรับปรุงโครงสรา๎ งเวลาเรยี นหลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบ๎านสามแยก พทุ ธศักราช ๒๕๖๔ รวมเวลาเรยี นทัง้ หมด จาก ๑,๐๐๐ ชวั่ โมง เพ่ิมเป็น ๑,๐๔๐ ชวั่ โมง ๒. เพ่ิมรายวิชาภาษาองั กฤษเพ่มิ เติม ระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ เป็น ๑ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๔๐/ปี) ๓. วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ – ๖ จากเดมิ ๒ ชัว่ โมง/สัปดาห์ (๘๐/ปี) เพ่ิม เป็น ๓ ช่วั โมง/สปั ดาห์ (๑๒๐/ปี) ๔. วิชาสุขศกึ ษาและพลศึกษา ระดับช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ จากเดิม ครึ่งชัว่ โมง/สปั ดาห์ (๒๐/ปี) เพิม่ เป็น ๑ ช่วั โมง/สัปดาห์ (๔๐/ปี) ๕. วิชาศลิ ปะ ระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๖ จากเดิม ครึง่ ช่วั โมง/สปั ดาห์ (๒๐/ปี) เพ่มิ เป็น ๑ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๔๐/ปี) ๖. วิชาการงานอาชีพ ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๔ – ๖ จากเดิม ๒ ช่ัวโมง/สัปดาห์ (๘๐/ปี) ลด เปน็ ๑ ช่วั โมง/สัปดาห์ (๔๐/ปี) ๗. วิชาภาษาตาํ งประเทศ ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๓ จากเดมิ ๕ ชั่วโมง/สัปดาห์ (๒๐๐/ปี) ลดเป็น ๓ ชวั่ โมง/ สัปดาห์ (๑๒๐/ปี) ระดบั ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๔ – ๖ จากเดมิ ๕ ชวั่ โมง/สัปดาห์ (๒๐๐/ปี) ลดเปน็ ๔ ชว่ั โมง/ สปั ดาห์ (๑๖๐/ปี) หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านสามแยก พทุ ธศักราช ๒๕๖๔

๑๑๕ โครงสรา้ งเวลาเรียน หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นสามแยก พุทธศกั ราช ๒๕๖๓ กลมุ่ สาระการเรยี นร้/ู เวลาเรียน(ชว่ั โมง/ปี) ป. ๖ รายวชิ า / กจิ กรรม ระดบั ประถมศกึ ษา ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ๑๖๐ ๑๖๐ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘๐ ๘๐ ภาษาไทย ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๔๐ ๘๐ คณติ ศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๘๐ ๘๐ วิทยาศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๔๐ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๔๐ ประวัตศิ าสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๑๒๐ ๔๐ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๘๐ ๘๐ ๔๐ ๓๐ ศิลปะ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๘๐ ๘๐ ๑๐ การงานอาชพี และเทคโนโลยี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ บรู ณาการ ภาษาตาํ งประเทศ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๘๐ ๘๐ บูรณาการ รวมเวลาเรยี น (พื้นฐาน) ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๑,๐๐๐ รายวชิ าเพ่มิ เติม หน๎าทพี่ ลเมือง ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑. กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๒. ลูกเสอื – เนตรนารี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๓. ชุมนมุ /ชมรม ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๔. กจิ กรรมเพ่อื สังคมและ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ สาธารณประโยชน์ กจิ กรรมลดเวลาเรยี นเพิ่มเวลารู้ บูรณาการ บูรณาการ บรู ณาการ บูรณาการ บูรณาการ หลักสูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา บูรณาการ บรู ณาการ บูรณาการ บรู ณาการ บรู ณาการ รวมเวลาเรียนทง้ั หมด ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ หมายเหตุ ๑. กจิ กรรมลดเวลาเรียนเพมิ่ เวลาร๎ู และหลักสูตรต๎านทุจรติ ศึกษา บรู ณาการ ๒. รายวิชาเพมิ่ เติม หนา๎ ท่พี ลเมอื ง หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบา้ นสามแยก พทุ ธศักราช ๒๕๖๔

116 คาสั่งโรงเรียนบ้านสามแยก ท่ี ๑๘ / ๒๕๖๔ เรื่อง แต่งตัง้ คณะกรรมการปรับปรุงหลกั สตู รโรงเรียนบ้านสามแยก พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามหลกั สตู ร แกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ประจาปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ --------------------------------------------------------- เพื่อให๎การจัดการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานสอดคล๎องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สภาพแวดล๎อม และความรู๎ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ีเจริญก๎าวหน๎าอยําง รวดเรว็ ความสามารถในการใช๎ภาษาในการสอ่ื สารอยํางมปี ระสิทธิภาพนั้นเป็นส่ิงสาคัญในการทางาน และ ชีวิตประจาวัน โดยภาษาอังกฤษเป็นภาษาท่ีสาคัญมากภาษาหน่ึงที่ใช๎ในการส่ือสารท้ังด๎าน การศึกษา การทางาน และการใช๎ในชีวิตประจาวัน โดยรัฐมนตรีวําการกระทรวงศึกษาธิการได๎มอบ แนวนโยบายดา๎ นการศกึ ษาเปน็ นโยบายท่วั ไป 17 เรอ่ื ง โดยข๎อที่ 10 เป็นนโยบาย เร่ืองการยกระดับ มาตรฐานภาษาองั กฤษในทกุ หลักสูตร เป็นการพัฒนาและเสริมสร๎างศักยภาพคนของชาติ ให๎สามารถ เพิ่มขีดความสามารถในการแขํงขันของประเทศ การยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนร๎ูให๎มี คุณภาพ และมาตรฐานสากลระดับสากล สอดคล๎องกับประเทศไทย ๔.๐ โลกในศตวรรษท่ี ๒๑ และ ทดั เทียมกับนานาชาติ ผ๎เู รยี นมีศกั ยภาพในการแขํงขันและดารงชีวิตอยํางสร๎างสรรค์ในประชาคมโลก ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามคาส่ังกระทรวงศึกษาธิการ ท่ี สพฐ.๑๒๓๙ / ๒๕๖๐ ส่ัง ณ วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ เรื่อง ให๎ใช๎มาตรฐานการเรียนร๎ูและตัวช้ีวัด กลุํมสาระการเรียนรู๎ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลํุมสาระการเรียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ คาส่ังสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ที่ ๓๐ / ๒๕๖๑ ส่ัง ณ วันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ เรื่อง ให๎เปล่ยี นแปลงมาตรฐานการเรียนรู๎และตัวชี้วัด กลุํมสาระการเรียนร๎ูคณิตศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และคาส่งั สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ ๙๒๒ / ๒๕๖๑ เรื่อง การปรับปรุง โครงสร๎างเวลาเรียน ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ อาศยั อานาจบงั คบั บญั ชาและอานาจหน๎าที่ตามความในมาตรา ๓๕ และมาตรา ๓๙ แหํงพระราช บัญญตั ิระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.๒๕๔๖ อานาจตามมาตรา ๒๗ แหํงพระราชบัญญัติระเบียบข๎าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗ และที่แก๎ไข เพิ่มเติม และอาศัยอานาจระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีวําด๎วยพนักงานราชการ พ.ศ.๒๕๔๗ เพ่ือให๎ การบริหารสถานศึกษาเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดตํอทางราชการและเป็นไปตามหลัก ธรรมาภิบาล จึงแตํงตั้งคณะกรรมการปรับปรุงหลักสูตรโรงเรียนบ๎านสามแยก พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ประจาปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ ดังนี้ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นสามแยก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๔

117 ๑. คณะกรรมการฝา่ ยอานวยการ ๑.๑ นางสาวสวติ ตา ประเสริฐสาร ผูอ๎ านวยการโรงเรยี น ประธานกรรมการ 1.2 นางสาววชั ราภรณ์ เก็จประยูร ครู ค.ศ. ๓ รองประธานกรรมการ 1.3 นางสาวนันทกา สนิทใจรักษ์ ครู ค.ศ. ๓ กรรมการ 1.4 นางสาวสุภาพร บุญเมอื ง ครอู ัตราจา๎ ง กรรมการ ๑.๕ นางสาวสุพัตรา ลัมวฒุ ิ ครผู ู๎ชวํ ย กรรมการและเลขานุการ มหี นา๎ ท่ี ๑. ให๎คาปรึกษา อานวยความสะดวก และวางแผนในการดาเนินงานแกํคณะกรรมการให๎ เป็นไปดว๎ ยความเรยี บรอ๎ ย ๒. กากับ ติดตาม สํงเสริม สนับสนุน การดาเนินงานของคณะกรรมการในแตํละฝุายให๎บรรลุ เปาู หมาย ๒.คณะกรรมการดาเนนิ งาน ๒.๑ นางสาววัชราภรณ์ เก็จประยรู ครู คศ. ๓ ประธานกรรมการ ๒.๒ นางสาวนันทกา สนทิ ใจรกั ษ์ ครู คศ. ๓ รองประธานกรรมการ ๒.๓ นางสาวอุไรวรรณ แพทยม์ ด ครูผูช๎ วํ ย กรรมการ ๒.๔ นางสาวปวชิ ญา ธมิ ะดี พนักงานราชการ กรรมการ ๒.๕ นางสพุ รรษา พฒุ สงู เนนิ ครูอัตราจ๎าง กรรมการ ๒.๖ นางสาวสุภาพร บญุ เมอื ง ครูอตั ราจา๎ ง กรรมการ ๒.๗ นางสาวอภิชญา ใบใหญํ ครอู ัตราจา๎ ง กรรมการ ๒.๘ นางสาวสพุ ัตรา ลมั วฒุ ิ ครผู ช๎ู ํวย กรรมการและเลขานุการ มีหนา๎ ที่ ๑.กาหนดโครงสรา๎ งหลักสตู รสถานศึกษา ๒.รวบรวมขอ๎ มลู จากคณะกรรมการปรับปรุงหลักสูตรประจากลํุมสาระการเรียนรู๎ เพื่อศึกษา วิเคราะห์ ตามบริบทของโรงเรยี น ชุมชน สังคม กฎหมาย แนวโน๎มการจัดการศึกษา นโยบาย รัฐบาล และจุดเน๎นของสถาน ศึกษา ฯลฯ มาจัดทารํางหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ๎าน สามแยก พ.ศ.๒๕๖๒ ตามหลักสูตรแกน กลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.๒๕๖๐) ๓. นารํางหลักสูตรฯ เสนอขอความเห็นชอบจาก คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน โรงเรียนบา๎ นสามแยก ๔. ปรับปรุง แก๎ไข จัดพิมพ์และเข๎ารูปเลํมให๎แล๎วเสร็จ กํอนเปิดภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ ๓.คณะกรรมการปรบั ปรงุ หลักสูตร ประจา ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ๓.๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๓.๑.๑ นางสาวอภิชญา ใบใหญํ ครอู ตั ราจ๎าง กรรมการ ๓.๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ๓.๒.๑ นางสาวอไุ รวรรณ แพทยม์ ด ครผู ู๎ชวํ ย กรรมการ ๓.๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๓.๓.๑ นางสาวสุพัตรา ลมั วฒุ ิ ครูผูช๎ ํวย กรรมการ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นสามแยก พุทธศักราช ๒๕๖๔

118 ๓.๔ กลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๓.๔.๑ นางสาวนนั ทกา สนิทใจรักษ์ ครู คศ. ๓ กรรมการ ๓.๕ กล่มุ สาระการเรยี นรู้สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๓.๕.๑ นางสาวนนั ทกา สนทิ ใจรักษ์ ครู คศ. ๓ กรรมการ ๓.๖ กลุ่มสาระการเรยี นร้ศู ลิ ปะ ๓.๖.๑ นางสาวสุภาพร บุญเมือง ครอู ัตราจ๎าง กรรมการ ๓.๗ กลุ่มสาระการเรยี นร้กู ารงานอาชีพ ๓.๗.๑ นางสาวสุภาพร บญุ เมือง ครูอตั ราจ๎าง กรรมการ ๓.๘ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ๓.๘.๑ นางสาวปวชิ ญา ธิมะดี พนักงานราชการ กรรมการ มีหน้าท่ี ๑. ศึกษา วิเคราะห์ หลักสูตรแกนกลางสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ โครงสร๎าง หลักสูตร โรงเรียนบ๎านสามแยก ตามบริบทของโรงเรียน ชุมชน สังคม กฎหมาย แนวโน๎มการจัด การศึกษา นโยบายรัฐบาล และจุดเน๎นของสถานศึกษา ฯลฯ เพื่อนามาปรับปรุงหลักสูตร ประจากลุํมสาระการเรียนร๎ู ๒. รวบรวมข๎อมูล และปรับปรุงหลักสูตรประจากลํุมสาระการเรียนร๎ู ตามมาตรฐานการ เรียนรู๎และ ตัวชี้วัด ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) ๓. จัดพิมพ์และเข๎ารูปเลํมให๎แล๎วเสร็จ พร๎อมสํงไฟล์ข๎อมูลให๎คณะกรรมการดาเนินงาน กอํ นเปดิ ภาคเรียนที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ๑๕๖๔ ใหผ๎ ูท๎ ีไ่ ด๎รบั การแตงํ ตั้งปฏิบตั ิหนา๎ ทต่ี ามท่ไี ด๎รับมอบหมายด๎วยความรับผิดชอบ อยําง เต็มความรู๎ ความสามารถ เสยี สละเวลา ให๎บังเกิดผลสาเร็จผลดีตํอนักเรียน โรงเรียนและทางราชการ หากเกิดปัญหาหรืออุปสรรคประการใดให๎รายงานผ๎ูบริหารสถานศึกษาทราบ เพื่อหาแนวทางแก๎ไข ตํอไป ทงั้ นี้ ตง้ั แตํบัดนเ้ี ปน็ ต๎นไป สัง่ ณ วนั ท่ี ๓๐ เดอื น เมษายน พ.ศ. 256๔ ( นางสาวสวติ ตา ประเสรฐิ สาร ) ผู๎อานวยการโรงเรยี นบ๎านสามแยก หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นสามแยก พุทธศกั ราช ๒๕๖๔

๑๑๔ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นสามแยก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๔

๑๑๕ สานกั งานเขตหพลกั ื้นสตูทรส่ีกถาานรศึกศษกึาโรษงเราียปนบรา้ นะสถามมแยศกึกพษุทธาศักชราลชบ๒รุ๕๖ี เ๔ขต ๒ สานกั งานคณะกรรมการศกึ ษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศกึ ษาธิการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook