Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

Description: ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

Search

Read the Text Version

1 ความร้เู ก่ียวกบั คอมพิวเตอรเ์ บือ้ งตน้ ความหมายของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ คือ อปุ กรณ์ทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (electronic device) ทม่ี นุษย์ ใช้เป็นเครือ่ งมือช่วยในการจดั การกับข้อมลู ทอ่ี าจเปน็ ได้ ทั้งตวั เลข ตวั อักษร หรือสญั ลักษณ์ทใี่ ช้แทนความหมายใน สงิ่ ตา่ ง ๆ โดยคณุ สมบตั ทิ สี่ าคญั ของคอมพวิ เตอร์คือการท่ีสามารถกาหนดชุดคาสัง่ ล่วงหนา้ หรือโปรแกรมได้ (programmable) นนั่ คือคอมพิวเตอร์สามารถทางานไดห้ ลากหลายรูปแบบ ข้ึนอยกู่ ับชุดคาส่ังทเ่ี ลอื กมาใช้งาน ทา ใหส้ ามารถนาคอมพวิ เตอรไ์ ปประยุกต์ใชง้ านได้อยา่ งกวา้ งขวาง เชน่ ใช้ในการตรวจคลน่ื ความถข่ี องหัวใจ การฝาก – ถอนเงินในธนาคาร การตรวจสอบสภาพเคร่ืองยนต์ เป็นต้น ข้อดีของคอมพิวเตอร์ คือ เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ สามารถทางานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ มีความถกู ต้อง และมีความรวดเรว็ คณุ สมบตั ิของคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันนีค้ นส่วนใหญน่ ิยมนาคอมพวิ เตอร์มาใช้งานตา่ ง ๆ มากมาย ซงึ่ ผใู้ ชส้ ว่ นใหญม่ ักจะคดิ ว่าคอมพวิ เตอรเ์ ป็น เครอื่ งมือทีส่ ามารถทางานได้สารพดั แต่ผู้ท่ีมีความรู้ทางคอมพวิ เตอรจ์ ะทราบวา่ งานท่ีเหมาะกบั การนาคอมพวิ เตอร์มาใช้อย่างยิ่ง คือการสรา้ ง สารสนเทศ ซึ่งสารสนเทศเหลา่ นน้ั สามารถนามาพิมพอ์ อกทางเครอ่ื งพิมพ์ สง่ ผา่ นเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ หรอื จดั เก็บไว้ ใช้ในอนาคตกไ็ ด้ เนอื่ งจากคอมพิวเตอรจ์ ะมีคณุ สมบัตติ า่ ง ๆ คือ 1.ความเร็ว (speed) คอมพิวเตอร์ในปจั จุบนั นี้สามารถทางานได้ถงึ ร้อยล้านคาส่ังในหนง่ึ วินาที 2.ความเชอ่ื ถือ (reliable) คอมพวิ เตอร์ทุกวนั นี้จะทางานได้ทง้ั กลางวันและกลางคืนอย่างไมม่ ขี อ้ ผิดพลาด และไมร่ ู้จักเหน็ด เหนอื่ ย 3.ความถกู ตอ้ งแม่นยา (accurate) วงจรคอมพวิ เตอรน์ ้นั จะใหผ้ ลของการคานวณทีถ่ กู ตอ้ งเสมอหากผลของการคานวณผดิ จากที่ ควรจะเปน็ มกั เกิดจากความผดิ พลาดของโปรแกรมหรือขอ้ มูลท่ีเข้าสโู่ ปรแกรม 4.เกบ็ ขอ้ มลู จานวนมาก ๆ ได้ (store massive amounts of information) ไมโครคอมพิวเตอรใ์ นปัจจุบนั จะมีทีเ่ กบ็ ข้อมลู สารองท่ีมีความสูงมากกวา่ หนงึ่ พนั ล้านตัวอักษร และสาหรับระบบคอมพวิ เตอรข์ นาดใหญจ่ ะสามารถเกบ็ ข้อมลู ได้มากกว่าหนึง่ ลา้ น ๆ ตัวอกั ษร 5.ยา้ ยข้อมูลจากทหี่ นึง่ ไปยงั อีกทีหน่ึงได้อยา่ งรวดเร็ว (move information) โดยใชก้ ารตดิ ตอ่ ส่ือสารผา่ นระบบ เครอื ข่าย คอมพิวเตอร์ ซงึ่ สามารถส่งพจนานุกรมหนึง่ เล่มในรูปของข้อมลู อเิ ล็กทรอนิกส์ ไปยงั เคร่อื งคอมพิวเตอรท์ ่ีอย่ไู กลคนซีกโลกได้ใน เวลาเพียงไมถ่ งึ หนงึ่ วินาที ทาให้มีการเรยี กเครือข่ายคอมพิวเตอรท์ ี่เช่อื มกันท่วั โลกในปจั จบุ นั วา่ ทางด่วนสารสนเทศ (Information Superhighway)

2 การทางานของคอมพิวเตอร์ ขัน้ ตอนการทางานที่สาคัญของคอมพวิ เตอร์ 4 ขน้ั ตอน ข้ันตอนท่ี การทางาน ตวั อยา่ งอุปกรณ์ 1. การรบั ขอ้ มลู คอมพิวเตอร์รบั ข้อมลู และคาส่งั ผา่ น Mouse, Keyboard, Scanner, และ อปุ กรณน์ าเข้าขอ้ มลู Microphone คาสงั่ (Input) 2. การ ข้อมลู ทคี่ อมพวิ เตอร์รับเข้ามา จะถกู CPU ประมวลผล ประมวลผลโดยการทางานของ หรอื คิดคานวณ หน่วยประมวลผลกลาง (CPU : (Processing) Central Processing Unit) ตาม คาสัง่ ของโปรแกรม หรอื ซอฟต์แวร์ 3. การแสดง คอมพวิ เตอรจ์ ะแสดงผลลัพธข์ อง Monitor, Printer, Speaker ผลลัพธ์ ข้อมลู ทีป่ ้อน หรือแสดงผลจากการ (Output) ประมวลผล ทางอุปกรณแ์ สดงผล 4. การเกบ็ ผลลัพธจ์ ากการประมวลผลสามารถ hard disk, floppy disk, CD- ขอ้ มูล (Storage) เก็บไว้ในหน่วยเกบ็ ขอ้ มลู ROM ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร(์ PC)คอมพวิ เตอร์เปน็ เครอ่ื งจกั รมนษุ ย์ออกแบบขนึ้ เพ่ือนามาช่วยใชใ้ นการคานวณ ประมวลผลคาสัง่ จากมนุษยใ์ ห้ได้ผลลพั ธอ์ ยา่ งทตี่ อ้ งการ ปจั จุบันได้มกี ารนาคอมพิวเตอรม์ าใชใ้ นด้านต่างๆ มา ทางานแทนมนษุ ย์เพื่อลดกระบวนการงานให้สาเรจ็ เร็วขึ้นและมคี วามถกู ตอ้ งแมน่ ยามากย่ิงขนึ้ เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ท่ีนยิ มตามสานกั งานและประจาบา้ นทว่ั ไปไดแ้ ก่ PC ย่อมาจาก Personal Computer

3 สว่ นประกอบคอมพิวเตอรพ์ ื้นฐานมดี งั นี้ 1.จอภาพ (Monitor) จอภาพ เปน็ อุปกรณ์ทีใ่ ชต้ ิดตอ่ กับผใู้ ชโ้ ดยตรง นบั เปน็ อุปกรณท์ ีม่ คี วามสาคญั มากทส่ี ดุ อนั หนง่ึ ของเครือ่ ง คอมพวิ เตอร์ โดยจะแสดงผลออกมาเป็นภาพทางหน้าจอ โดยการแปลงจากสัญญาณอิเลก็ ทรอนกิ สท์ ส่ี ่งเข้ามา โดย วธิ ีการน้นั ขึน้ อยู่กับชนิดของจอภาพ ซง่ึ สามารถแบ่งไดเ้ ปน็ จอภาพแบบหลอดรังสีแคโธด หรือจอซอี าร์ที (cathode ray tube: CRT) และจอภาพแบบผลกึ เหลวทรานซสิ เตอร์แผน่ บาง หรือจอแบบ แอลซีดี 2.เคส (Case) เคสเปน็ โครงทีใ่ ช้สาหรับใสอ่ ปุ กรณ์ภายในตา่ งๆเขา้ ไว้ด้วยกนั อปุ กรณท์ ี่มักจะใสไ่ ว้ในเคสก็เป็นพวก เมนบอรด์ (Mainboard) แรม (RAM) การด์ จอ(VGA Card) ฮารด์ ดสิ ก์(Hard Disk Drive) พาวเวอซัพพลาย(Power Supply) เปน็ ตน้ มหี ลายแบบ หลายสใี ห้เลอื กใชต้ ามความพึงพอใจของผใู้ ช้

4 3.พาวเวอรซ์ พั พลาย (Power Supply) ทาหนา้ ทจ่ี ่ายกระแสไฟใหก้ บั อปุ กรณต์ า่ งๆในเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ โดยสามารถเลอื กใช้งานไดต้ ามจานวนวัตต์ ถ้า เคร่ืองคอมพิวเตอร์มอี ุปกรณ์ต่อเยอะกค็ วรจะเลือกใชท้ ีว่ ตั ต์สงู ๆ ไมเ่ ช่นน้นั กาลังไฟอาจจะไม่พอทาให้ไมส่ ามารถใช้ งานได้ 4.คีย์บอรด์ (Keyboard ทาหน้าทีร่ บั ขอ้ มูลจากผ้ใู ช้ โดยจะประกอบไปดว้ ยแปน้ พิมพ์ทมี่ ีปมุ่ ต่างๆมากมาย ทัง้ ปมุ่ ตัวอักษร(Typewriter keys) ตวั เลข (Numeric keypad) ปุ่มพิเศษ (Special-purpose keys) ปุ่มควบคุมอ่นื ๆ (Control keys) หรอื ปุม่ ฟังกช์ น่ั ต่างๆFunction keys) สาหรับการใช้งานคอมพิวเตอรท์ ี่ตอ้ งใชก้ ารพิมพเ์ ปน็ หลัก

5 5.เมาส์ (Mouse) ทาหน้าทรี่ ับขอ้ มลู จากผู้ใช้ โดยจะใชก้ ารเลอื่ นเมาสเ์ พื่อบงั คบั ตวั ช้ตี าแหน่ง(Pointer) บนหนา้ จอ แลว้ ใชก้ ารกดป่มุ บนตวั เมาสเ์ พอ่ื สงั่ ให้ทางานอะไรบนหน้าจอที่จดุ นนั้ ๆได้ 6.เมนบอรด์ (Main board) ทาหนา้ ทเ่ี ปน็ ตวั ควบคุมอปุ กรณ์ทง้ั หมดในเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ โดยอปุ กรณ์ทกุ ตวั จะตอ้ งเชือ่ มต่อกบั เมนบอร์ดนี้ มี ลักษณะเปน็ แผน่ วงจรขนาดใหญ่ โดยบนแผน่ วงจรนั้นจะมีชอ่ งสาหรบั นาอุปกรณต์ า่ งๆมาเสยี บไว้ท่เี รยี กวา่ ซ็อค เกต็ (Socket) ซงึ่ แต่ละอุปกรณ์ก็จะมี socket เฉพาะของอปุ กรณ์นน้ั ๆ

6 7.ซีพยี ู (CPU) ซีพยี คู อื โปรเซสเซอร(์ Processor) หรือเรียกอีกช่ือหนงึ่ วา่ หน่วยประมวลผลกลาง หรอื ซพิ (Chip) เปน็ อุปกรณท์ ี่ สาคญั มากทส่ี ดุ เพราะมหี น้าทปี่ ระมวลผลขอ้ มลู ท่ีผใู้ ช้ป้อนเขา้ มาหรอื โปรแกรมที่ผใู้ ชง้ านส่งข้อมลู เขา้ มาเปน็ ชุดคาส่ัง ซพี ียู ประกอบดว้ ยส่วนหลกั 2 ส่วนดงั นี้ 1) หน่วยคานวณและตรรกะ (ALU: Arithmetic & Logical Unit) ทาหนา้ ทีเ่ หมอื นกับเครอ่ื งคานวณอยใู่ น เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ โดยทางานเกีย่ วกับการคานวณทางคณิตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คุณ หาร และยังทาการ เปรยี บเทยี บทางตรรกศาสตร์ โดยจะเปรียบเทยี บเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ทางคณิตศาสตร์ เพือ่ พิสจู น์ว่าคาตอบนน้ั เปน็ จรงิ หรอื เทจ็ 2) หนว่ ยควบคุม (Control Unit) ทาหน้าท่คี วบคุมข้นั ตอนการประมวลผลและทาการประสานงานกับอุปกรณ์ ตา่ งๆ ทงั้ ดา้ น Input และOutput รวมถงึ หน่วยความจาตา่ งๆดว้ ย 8.การ์ดแสดงผล (Display Card)

7 การด์ แสดงผลจะทางานเม่อื ซีพียปู ระมวลผลจากข้อมูลตา่ งๆทโี่ ปรแกรมสง่ เข้ามา เม่อื ซพี ยี ปู ระมวลผลเสรจ็ ก็จะทา การส่งขอ้ มูลที่จะใชแ้ สดงผลต่อไปยังการ์ดแสดงผล การ์ดแสดงผลกจ็ ะส่งต่อขอ้ มลู ไปยงั จอภาพเพือ่ แสดงผล ออกมาตามข้อมลู ทไี่ ด้รับมา โดยการ์ดบางรุน่ จะสามารถประมวลผลได้ในตัวเอง ทาใหซ้ ีพยี ูไมต่ อ้ งทางานมากนัก มี ผลทาให้การทางานของคอมพิวเตอร์นั้นเร็วขน้ึ ด้วย บางร่นุ ก็จะมีหนว่ ยความจาในตัวเอง แตบ่ างรุ่นทไ่ี มม่ กี ็จะต้อง ดึงหน่วยความจามาจากแรม (RAM) ซง่ึ หาก แรมมจี านวนน้อย อาจสง่ ผลใหค้ อมพวิ เตอร์ทางานไดช้ ้าลงไปดว้ ย แต่ ในบางรุ่นท่ีมีหน่วยความจาในตวั เองกจ็ ะทาให้รบั ขอ้ มลู จากซพี ยี ูได้มากขึ้น ประมวลผลได้เร็วข้นึ ทาใหก้ ารแสดงผล บนจอภาพมีคณุ ภาพทีส่ ูงตามไปด้วย 9.แรม (RAM) แรม หรอื RAM (Random-Access Memory) เป็นหนว่ ยความจาหลักท่ีซีพยี ูสามารถดึงมาใช้ได้ทันที แตไ่ มใ่ ช่ หน่วยความจาถาวรจาเป็นต้องมีไฟมาหลอ่ เลี้ยงตลอดเวลาในการทางาน หากไม่มีไฟมาหลอ่ เลยี้ งขอ้ มูลท่บี นั ทกึ ไวก้ ็ จะหายไป โดยการทางานของแรมนัน้ เม่ือซีพียูได้รบั ข้อมลู มาจากผูใ้ ช้งานหรอื โปรแกรมแลว้ ก็จะเร่ิมทาการ ประมวลผล เมอ่ื ซีพยี ปู ระมวลผลเสรจ็ แลว้ ก็จะส่งตอ่ ข้อมลู ที่ประมวลผลเสรจ็ แล้วเกบ็ ไปไวท้ ี่แรมกอ่ นจะถูกส่ง ต่อไปยงั อปุ กรณต์ า่ งๆตอ่ ไป

8 10.ฮาร์ดดสิ ก์ (Hard disk) เปน็ หน่วยความจาถาวรประจาเคร่ือง โดยจะประกอบไปดว้ ยแผน่ จานแมเ่ หลก็ (platters) หลายๆแผน่ มาเรยี งอยู่ บนแกนเดยี วกนั ทเ่ี รยี กวา่ Spindle ทาใหแ้ ผน่ แมเ่ หล็กแตล่ ะแผน่ หมนุ ไปพร้อมๆกนั โดยใช้มอเตอรเ์ ปน็ ตวั หมนุ โดยจะมหี ัวอา่ นตดิ อยปู่ ระจาแผ่นแตล่ ะแผน่ ซง่ึ หวั อ่านของแตล่ ะแผ่นจะเชอ่ื มตดิ กนั สามารถเคลอื่ นท่เี ขา้ -ออกแผน่ จานไดอ้ ย่างรวดเรว็ โดยมีแผงวงจรควบคุมอกี ตอ่ หนง่ึ อยู่ ซ่งึ ขอ้ มลู ที่เก็บลงฮารด์ ดสิ กจ์ ะเก็บอยู่บนแผน่ จาน แมเ่ หล็ก โดยแผน่ จานแตล่ ะแผ่นจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนก็คือ แทร็กและเซกเตอร์ โดยแทรก็ จะเปน็ รปู วงกลมที ละชัน้ เขา้ ไปข้างใน และในแตล่ ะแทร็กกจ็ ะถกู แบง่ ออกเป็นเสี้ยวหน่งึ ของวงกลมซ่ึงเรียกวา่ เซกเตอร์ ซึ่งเราจะแยง่ ฮารด์ ดสิ ก์ออกเป็น 3 ชนดิ ตามอนิ เตอรเ์ ฟส(Interface) ดังน้ี – IDE (Integrated Drive Electronics) จะใช้สายแพรในการต่อเข้ากับเมนบอรด์ โดยจะมีคอนเนค็ เตอร์จานวน 40 ขาท่ีมีบนบอรด์ ไวร้ องรบั ซงึ่ โดยปกติแลว้ 1 คอนเนค็ เตอรจ์ ะสามารถตอ่ ฮารด์ ดสิ ก์ได้สองตัว – Serial ATA (Advanced Technology Attachment) เป็นอินเตอรเ์ ฟสแบบใหมท่ ี่เขา้ มาแทนแบบ IDE ซ่ึงมี ความเร็วในการเข้าถงึ ข้อมลู สงู กวา่ แบบ IDE โดยมีความเรว็ ถงึ 150 Mbytes ตอ่ วินาที ทาให้มีความรวดเรว็ ใน การทางานมากขึ้น – SCSI (Small Computer System Interface) อนิ เตอรเ์ ฟสแบบนจี้ ะมกี ารด์ ที่มีหน่วยประมวลผลอยใู่ นตวั เป็น ตวั ควบคมุ อีกต่อหนงึ่ แยกออกมาจากตวั ฮารด์ ดสิ ก์ต่างหาก เพื่อเร่งความเรว็ ในการรับสง่ ขอ้ มลู เหมาะสาหรับใช้ งานในรูปแบบ Server แต่มีราคาคอ่ นข้างแพงกวา่ สองแบบขา้ งตน้ มาก

9 นอกจากนย้ี ังมฮี าร์ดดสิ กอ์ กี แบบหนึ่งท่ไี ม่ได้ใช้แผ่นจานแมเ่ หลก็ ในการเกบ็ ข้อมูล แตใ่ ช้ชพิ วงจรรวมท่ปี ระกอบ รวมกันเปน็ หนว่ ยความจาถาวร ที่เรียกวา่ โซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD : Solid state drive) โดยท่ี โซลิดสเตตไดรฟ์ ได้ ถกู สรา้ งข้ึนมาทดแทนฮาร์ดดสิ ก์แบบแผ่นจานแมเ่ หล็ก จึงมขี ้อดีกวา่ แบบแผน่ จานแมเ่ หลก็ เยอะมาก โดยที่ โซลิดส เตตไดรฟ์จะประกอบไปดว้ ยวงจรอเิ ล็กทรอนิกส์ จึงไม่ต้องมีชน้ิ ส่วนทางกลใดๆที่ตอ้ งเคล่ือนท่ีขณะทางาน ซึ่งตา่ ง จากฮารด์ ดิสก์ไดรฟ์ทตี่ ้องใชม้ อเตอรใ์ นการหมุนแผน่ จานแล้วมหี วั อ่านทเี่ คลือ่ นทตี่ ลอดเวลาการทางาน ทาให้โซ ลิดสเตตไดรฟ์สามารถทนแรงสัน่ สะเทอื นได้ดกี ว่า และจากการใช้วงจรอเิ ลก็ ทรอนกิ สท์ าใหก้ ารเขา้ ถงึ ขอ้ มลู รวดเร็ว กวา่ ฮารด์ ดสิ ก์ไดรฟ์ท่ีตอ้ งใช้หัวอา่ นเคลอ่ื นทเี่ ข้าไปยงั จุดท่ีเก็บข้อมูล ทาให้ โซลิดสเตตไดรฟ์ มคี วามเรว็ ในการ เขา้ ถงึ ข้อมูลสูงกวา่ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟม์ าก นอกจากน้นั ไมว่ ่าจะเปน็ เรอื่ งเสียงรบกวนหรอื อณุ หภูมิในการใช้งาน โซ ลิดสเตตไดรฟ์ ยงั มีประสิทธิภาพดีกวา่ ฮารด์ ดิสก์ไดรฟ์มากนัก เพียงแต่ราคาอาจจะสูงกว่าพอสมควร 11.CD-ROM / CD-RW /DVD / DVD-RW ใช้สาหรบั การอา่ นแผ่น CD หรือ DVD โดยหากต้องการทจ่ี ะเขยี นข้อมลู ลงไปในแผน่ จะต้องเป็นไดรฟ์ ทีม่ ี RW ดว้ ย โดยการทางานนนั้ จะอา่ นข้อมูลจาก CD/DVD โดยใชห้ ัวอ่านเลเซอร์ท่จี ะยงิ แสงเลเซอรล์ งบนซีดรี อม ซ่งึ บนซีดีรอม

10 นัน้ จะแบ่งเป็นแทร็กและเซกเตอร์เชน่ เดยี วกับฮารด์ ดสิ ก์ไดรฟ์ แต่จะมีขนาดเทา่ กนั ทกุ เซกเตอร์ เมือ่ เรม่ิ ทางาน มอเตอรจ์ ะหมุนแผน่ ดว้ ยความเร็วต่าางๆกนั ทาให้แตล่ ะเซกเตอรม์ ีอัตราเรว็ ในการอ่านคงท่ี 12.ฟลอ็ ปปด้ี สิ ก์ (Floppy Disk) เปน็ อปุ กรณ์ทม่ี มี ากอ่ นคอมพวิ เตอร์เสยี อกี ฟลอ็ ปปี้ดสิ ก์ ยคุ แรกๆมขี นาดตั้งแต่ 8 นว้ิ 5.25 นิว้ จนปจั จบุ นั อยทู่ ่ี 3.5 นวิ้ มีความจาอยทู่ ี่ไมก่ รี่ อ้ ยกิโลไบตจ์ นถงึ 2.88 เมกกะไบต์ ปัจจบุ ันคอมพวิ เตอร์รุ่นใหม่นน้ั แทบจะไมม่ ี Floppy Disk Drive อีกแลว้ เน่อื งจากแผ่น ฟลอ็ ปป้ีดิสก์ น้นั จุความจาไดน้ ้อย แถมยงั พังง่าย ปัจจุบันถูกทดแทน ด้วย Flash Drive เสยี มากกว่า 13. เนต็ เวริ ์คการด์ (Lan card) เนต็ เวริ ค์ การด์ หรอื การ์ดแลน เปน็ ตวั เชอื่ มต่อระหว่างคอมพิวเตอร์และเครอื ข่าย โดยสว่ นใหญ่จะเรยี กว่า NIC (Network Interface Card) โดยจะทาการแปลงข้อมูลเปน็ สัญญาณไฟฟ้าท่ีสามารถสง่ ไปตามสายสัญญาณได้ ซง่ึ ก็ จะมคี วามเร็วในการสง่ ขอ้ มลู หลายระดบั ตัง้ แต่ 10 Mbps, 100Mbps หรอื 1000Mbps ซึง่ การด์ บางรนุ่ ก็สามารถ เลือกระดบั ความเร็วในการทางานได้ ปจั จุบนั เมนบอร์ดส่วนใหญม่ ักจะมชี ิพทีเ่ ป็นช่องเน็ตเวริ ค์ การ์ดในตัวอยแู่ ล้ว ทาให้ เนต็ เวริ ์คการด์ น้นั ไม่คอ่ ยมีเหน็ ใชก้ นั แล้ว

11 ประเภทของเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ 1.ซูเปอร์คอมพวิ เตอร์ (supercomputer) เปน็ คอมพิวเตอร์ทมี่ ีขนาดใหญท่ ีส่ ุด ทางานได้รวดเรว็ และมปี ระสิทธิภาพสงู แตจ่ ะมีราคาแพงทสี่ ุด รวมทง้ั ตอ้ งอยู่ที หอ้ งไดร้ บั การควบคุมอณุ หภมู ิ และปราศจากฝุ่นละออง ทาใหต้ อ้ งเปน็ องคก์ รขนาดใหญเ่ ท่าน้นั จงึ สามารถจดั หา เครือ่ งซูเปอร์คอมพิวเตอร์มาใช้งานได้ ผใู้ ช้งานคอมพวิ เตอรส์ ามารถใชง้ านได้จานวนหลาย ๆ คน นามาใชใ้ นการ คานวณท่ีซบั ซอ้ น เชน่ การคานวณทางวทิ ยาศาสตร์ การบิน อุตสาหกรรมน้ามนั เปน็ ต้น รวมทั้งพบมากในวงการ วจิ ัยในห้องปฏิบตั ิการตา่ งๆ ทงั้ ภาครฐั และเอกชน ซเู ปอรค์ อมพวิ เตอร์รุน่ แรกสรา้ งในปี ค.ศ. 1960 ทีอ่ งค์กรของสหรฐั อเมริกา โดยไดร้ บั การออกแบบใหเ้ ป็น คอมพวิ เตอรท์ ี่ความเร็วและมีประสทิ ธภิ าพมากท่ีสุด ซเู ปอรท์ างานได้อยา่ งรวดเรว็ เน่ืองจากมกี ารใช้หลักที เรยี กวา่ มัลตโิ ปรเซสซึง่ (Multiprocessing) อนั เปน็ ใช้หนว่ ยประมวลผลจานวนหลายตวั เพอื่ ทาใหค้ อมพิวเตอร์ สามารถทางานหลายงานพร้อมกัน โดยทง่ี านเหล่าน้นั มีความแตกต่างกัน งานทไ่ี ม่เก่ียวขอ้ ง หรอื อาจจะเป็นงานทีม่ ี ขนาดใหญ่ท่ถี ูกแบ่งยอ่ ยไปในประมวลผลแตล่ ะตวั กท็ างานได้ ซเู ปอรค์ อมพิวเตอร์มีหนว่ ยประมวลกลางทง้ั หมด 4 ตัว แตป่ ัจจุบนั คอมพวิ เตอรม์ คี วามพฒั นามากจงึ ทาให้มีหนว่ ยประมวลผลนับร้อยตวั ทางานพรอ้ ม ๆ กนั ความเรว็ ของซูเปอร์คอมพิวเตอรจ์ ะมกี ารวดั หน่วยเปน็ นาโนวนิ าที (nanosecond) หรือเศษหนง่ึ พนั ลา้ นวนิ าที และ จกิ ะฟลอป (gigaflop) หรือการคานวณหนึ่งพันลา้ นคร้งั ในหนง่ึ วินาทีซ่ึงคอมพวิ เตอร์สามารถคานวณได้ถึง 128 จิกะฟลอป และใช้เครอ่ื งทม่ี ี สายส่งขอ้ มูล (data bus) กว้าง 32 หรือ 64 บิต จากคุณสมบตั ขิ องซูเปอร์คอมพวิ เตอรท์ กี่ ล่าวมาทั้งหมด จะเหน็ ได้ว่าผู้ใชค้ วรนาซเู ปอรค์ อมพวิ เตอร์ไปใช้ในการ คานวณมากๆ เชน่ งานดา้ นกราฟิก หรือการคานวณทางด้านวิทยาศาสตร์ เป็นต้น 2.เมนเฟรม (Mainframe) เคร่ืองเมนเฟรมเปน็ เคร่ืองท่ีได้รับความนิยมใชใ้ นองค์กรขนาดใหญ่ท่วั ๆไป จดั เป็นเครอ่ื งทมี่ ปี ระสิทธิภาพรองลงมา จากซูเปอรค์ อมพิวเตอร์ ซง่ึ ในช่วงปลาย ค.ศ. 1950 บริษทั IBM จดั เป็นบริษัทยกั ษ์ใหญ่ในวงการอุตสาหกรรม คอมพิวเตอร์ โดยเกิดจากการมีส่วนแบง่ ตลาดในการขายเครื่องระดับเมนเฟรมถึง 2 ใน 3 ของผใู้ ช้เครอื่ งเมนเฟรม ทั้งหมด เคร่อื งเมนเฟรมจะเปน็ เครอ่ื งทม่ี ขี นาดใหญ่ ต้องอยู่ในห้องที่ไดร้ ับการอุณหภมู ิ และปราศจากฝนุ่ ละออง เช่นเดียวกบั ซูเปอร์คอมพิวเตอร์

12 เครอ่ื งเมนเฟรมนยิ มมาใช้ในงานท่ีมกี ารรบั และแสดงผลขอ้ มูลจานวนมาก ๆ เครอ่ื งรนุ่ ใหม่ ๆ จะไดก้ ารพฒั นาใหม้ ี หนว่ ยประมวลผลหลายหนว่ ยทางานพรอ้ ม ๆ กันเช่นเดียวกบั ซเู ปอรค์ อมพวิ เตอร์ แต่มจี านวนประมวลผลนอ้ ยกว่า หน่วยเมนเฟรมจดั อยใู่ นความเร็วของหนว่ ย เมกะฟรอป (megaflop) หรือการคานวณหนึง่ ล้านคร้ังในหน่ึงวินาที ระบบคอมพวิ เตอร์ของเครื่องเมนเฟรม สว่ นมากจะมหี นว่ ยคอมพิวเตอร์ย่อยๆ ประกอบอยดู่ ้วย เพอื่ ชว่ ยในการ ทางานบางประเภทใหก้ ับเครอื่ งหลกั สามารถแยกตามหนา้ ทไ่ี ดด้ งั นี้ Host processor เปน็ เครือ่ งหลักทาหน้าทคี่ วบคมุ หนว่ ยประมวลผล อปุ กรณ์รอบขา้ ง และการคานวณตา่ งๆ Font-end processor มหี น้าท่ีควบคุมติดตอ่ ระหว่างหนา้ จอของผู้ใช้งานท่เี รียกวา่ จอเทอรม์ ินัลระยะไกล (remote terminal) กบั ระบบคอมพวิ เตอรห์ ลกั Bank-end processor มหี นา้ ทจี ดั การเก่ยี วกบั การใช้ข้อมลู โปรเซสเซอรส์ ่วนตา่ ง ๆ บนเมนเฟรม ระบบคอมพิวเตอร์ของเครือ่ งเมนเฟรม มปี ระสทิ ธภิ าพเพยี งพอทจี่ ะรองรับผู้ใชไ้ ด้หลายรอ้ ยคนพรอ้ ม ๆ กัน ซึ่งผูใ้ ช้ เหล่าน้นั อาจจะน่งั ทางานอยู่ใกลเ้ ครอื่ งเมนเฟรม หรอื อาจจะอยทู่ อี่ น่ื ซึ่งไหลออกไปกไ็ ด้ เคร่ืองเมนเฟรมจะเก็บ โปรแกรมของผู้ใชเ้ หลา่ นน้ั ไวใ้ นหน่วยความจาหลัก และมกี ารสบั เปลยี่ นหรอื สวิทซ์การทางานระหวา่ งโปรแกรมตา่ ง ๆ เหลา่ น้นั อยา่ งรวดเรว็ โดยท่ผี ใู้ ช้จะไม่รู้สกึ เลยว่ามกี ารสับเปลยี่ นการทางานไปทางานของคนอืน่ อยู่ตลอดเวลา เน่ืองจากคอมพิวเตอรท์ างานไดเ้ ร็วกวา่ มนุษยม์ าก หลกั การทเ่ี ครื่องเมนเฟรมสามารถทางานหลายโปรแกรมพร้อม ๆ กันนนั้ เรยี กว่า มลั ตโิ ปรแกรมมงิ (multiprogramming)

13 3.มนิ ิคอมพวิ เตอร์ (Minicomputer) เรมิ่ พฒั นาขนึ้ ใน ค.ศ. 1960 ตอ่ มาจากบริษทั Digital Equipment Corporation หรอื DEC ได้ประกาศตัว มินคิ อมพิวเตอร์ DEC POP-8 (Programmed Data Processor) ในปี ค.ศ. 1965 ซึ่งได้รบั ความนิยมจากบรษิ ทั หรอื องคก์ รท่มี ีขนาดกลาง เพราะมีราคาถกู กว่าเมนเฟรมมาก เครอ่ื งมนิ ิคอมพวิ เตอร์จะใช้หลักการของมัลติ โปรแกรมมงิ เชน่ เดียวกับเมนเฟรม โดยจะสามารถรองรบั ผ้ใู ชไ้ ด้ประมาณ 200 คนพรอ้ ม ๆ กนั แต่สง่ิ ที่แตกต่าง ระหว่างเครือ่ งเมนเฟรมและเครอ่ื งมินคิ อมพวิ เตอร์ กค็ อื ความเร็วในการทางาน เน่อื งจาก เครอื่ งมินคิ อมพิวเตอรจ์ ะ ทางานได้ช้ากว่าการควบคมุ ผู้ใชง้ านตา่ ง ๆ การะทาได้ในจานวนทน่ี ้อยกว่า รวมท้ังส่ือท่เี ก็บขอ้ มลู ตา่ ง ๆ มคี วามจุ ไมส่ งู เท่าเมนเฟรม ดงั นน้ั เครอ่ื งมนิ คิ อมพวิ เตอรจ์ งึ จดั ได้วา่ มินิคอมพวิ เตอร์เป็นขนาดกลาง 4.เวิรค์ สเตชนั (Workstation) และไมโครคอมพวิ เตอร์ (Micro Computer) ในการทางานบนเคร่อื งเมนเฟรมหรือมินคิ อมพวิ เตอร์ ผใู้ ชจ้ ะสามารถควบคมุ การรบั ขอ้ มูลและดูการแสดงผลบน จอภาพไดเ้ ทา่ นน้ั ไมส่ ามารถควบคุมอุปกรณ์รอบข้างอนื่ ๆ ได้ แต่การใช้ระบบคอมพวิ เตอร์ชนิดท่ีมีผู้ใชค้ นเดียวนัน้ จะทาให้ผใู้ ชส้ ามารถควบคมุ อปุ กรณร์ อบข้างต่าง ๆ ได้ท้ังหมด ไม่ว่าจะเปน็ หน่วยรบั ข้อมลู หนว่ ยประมวลผล หน่วยแสดงผล ตลอดจนหน่วยเกบ็ ขอ้ มูลสารอง นอกจากนี้ ผูใ้ ช้สามารถเลอื กใช้โปรแกรมไดเ้ อง โดยไมต่ ้องกังวล ว่าจะต้องไปแย่งเวลาการเรียกใช้ข้อมลู กับผู้ใช้อื่น คอมพวิ เตอร์สาหรับผ้ใู ชค้ นเดยี ว สามารถแบง่ ออกเป็น 2 รนุ่ คือ เวิร์คสเตชัน่ ถูกออกแบบมาใหเ้ ป็นคอมพวิ เตอร์แบบตัง้ โต๊ะ ที่มคี วามสามารถในการคานวณดา้ นวศิ วกรรม สถาปัตยกรรม หรืองานอื่นๆ ท่ีเน้นการแสดงผลดา้ นกราฟกิ ตา่ ง ๆ เช่น การนามาชว่ ยออกแบบภาพกราฟกิ ใน โรงงานอุตสาหกรรมเพ่ือออกแบบช้ินสว่ นใหม่ ๆ เป็นตน้ ซ่ึงจากการที่ตอ้ งทางานกราฟฟกิ ที่มคี วามละเอียดสงู ทา ให้เวริ ค์ สเตช่นั ใช้หน่วยประมวลผลทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพมาก รวมท้งั มีหนว่ ยเก็บข้อมูลสารองจานวนมากดว้ ย มีผ้ใู ชบ้ าง กลมุ่ เรียกเครื่องระดบั เวริ ค์ เตช่นั น้วี า่ ซูเปอรไ์ มโคร (supermicro) เพราะออกแบบมาใหใ้ ช้งานแบบต้งั โต๊ะ แต่ชปิ ที่ ใช้ทางานนนั้ แตกตา่ งกนั มาก เนอ่ื งจาก เวิร์คสเตชน่ั สว่ นมากใชช้ ิปประเภท RISC (reduce instruction set computer) ซ่ึงเปน็ ชิปท่ีลดจานวนคาส่งั ท่สี ามารถใช้ส่ังงานใหเ้ หลือเฉพาะที่จาเปน็ เพื่อให้สามารถทางานไดด้ ว้ ย ความเรว็ สงู ไมโครคอมพิวเตอร์ ไดถ้ กู พฒั นาข้นึ ในปี ค.ศ. 1975 และได้รบั ความนิยมอยา่ งเมือ่ IBM ได้สร้างเครอื่ ง IBM PC ออกมา ไมโครคอมพิวเตอรท์ ี่ได้รบั ความนิยมในปจั จุบนั จะมี 2 ชนิดคอื Apple Macintosh และ IBM PC

14 ในปัจจุบัน ความแตกตา่ งหรือช่องวา่ งระหว่างเคร่อื งเวริ ค์ เตชน่ั และเครอื่ งไมโครคอมพิวเตอร์ เริม่ ลดนอ้ ยลงเร่ือย ๆ เพราะเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ระดับสงู ในปัจจุบนั มปี ระสิทธิภาพของเครอื่ งและความเรว็ ในการแสดงผลทีด่ ีกว่า เคร่อื งเวริ ์คเตชน่ั จานวนมาก ซเู ปอรค์ อมพวิ เตอร์ (ข) เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (ค) มนิ คิ อมพิวเตอร์ (ง) ไมโครคอมพิวเตอร์ นอกจากน้ี ยังมีคอมพิวเตอร์ แบบผู้ใชค้ นเดยี วทไ่ี ดร้ ับการออกแบบให้สามารถพกพาตดิ ตัวได้สะดวก เช่น คอมพวิ เตอรโ์ นต้ บ๊คุ (Notebook computer) คอมพิวเตอร์ปาล์มทอป (Palmtop computer) และ PDA (Personal Digital Assistant) ซึง่ คอมพิวเตอรเ์ หลา่ น้ี จดั ไดว้ ่าเปน็ เคร่อื งไมโครคอมพวิ เตอรช์ นิดหนงึ่ ขนากเล็ก น้าหนกั เบา และมีรปู ลกั ษณท์ เ่ี หมาะกบั การพกพา ก)โนต้ บคุ๊ (ข) พีดเี อ 5.คอมพวิ เตอรเ์ ครือขา่ ย (Network computers) เปน็ คอมพิวเตอร์แบบใหมซ่ ึง่ เปลยี่ นแปลงมาจากไมโครคอมพิวเตอร์ โดยไดร้ บั อิทธพิ ลมาจากแนวคอมพิวเตอร์ อินเตอรเ์ นต็ คอมพิวเตอรเ์ ครอื ข่ายหรือทน่ี ยิ มเรียกว่า NC จะถูกออกแบบใหเ้ ป็นคอมพิวเตอร์ทม่ี รี าคาตา่ ค่าใชจ้ ่ายในการบารุงรกั ษานอ้ ย ทาใหเ้ หมาะสมกับการใชง้ านปริมาณมาก ๆ ในองคก์ รขนาดใหญ่ รวมทัง้ การ เช่อื มต่ออินเตอรเ์ น็ต

15 คอมพิวเตอรเ์ ครือขา่ ยจะไม่มหี น่วยเก็บข้อมูลสารองอยใู่ นตัว การจดั เก็บขอ้ มลู และโปรแกรมตะอยูเ่ ครอ่ื งศูนย์กลาง (Server) ซ่งึ มขี อ้ ดคี อื การเปลย่ี นรุ่น (upgrade) ซอฟต์แวรส์ ามารถทางานได้งา่ ย สามารถทางานจากเคร่อื ง คอมพวิ เตอร์เครือข่ายเคร่อื งใดก็ได้ รวมทงั้ ง่ายตอ่ การดูแลรกั ษา (mailtenance) ของผู้ดแู ลระบบคอมพิวเตอร์ 6.คอมพิวเตอรแ์ บบฝัง (Embedded computer) เป็นคอมพวิ เตอรท์ ่ีถกู ฝงั ไปในอุปกรณ์ ทาใหม้ องไมเ่ หน็ รูปลักษณภ์ ายนอกวา่ เป็นคอมพิวเตอร์ นิยมใช้ในการ ทางานเฉพาะด้านโดยควบคมุ การทางานบางอยา่ ง เชน่ เตาอบไมโครเวฟ ระบบการเติมน้ามัน นาฬิกาข้อมือ อปุ กรณเ์ ลน่ เกม เปน็ ต้น องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยองคป์ ระกอบสาคัญ 5 สว่ นด้วยกัน คอื องค์ประกอบของระบบคอมพวิ เตอร์ 1.ฮาร์ดแวร์ (Hardware) คอื ลกั ษณะทางกายของเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ ซึง่ หมายถงึ ตวั เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ และ อปุ กรณ์รอบ ข้าง (peripheral) ท่ีเกยี่ วข้อง เช่น ฮารด์ ดิสก์ เคร่ืองพิมพ์ เป็นต้น ฮาร์ดแวรป์ ระกอบด้วย

16 -หน่วยรบั ข้อมลู ( input unit ) -หนว่ ยประมวลผลกลาง ( central processor unit ) หรอื CPU -หนว่ ยความจาหลกั -หน่วยแสดงผลลพั ธ์ (output unit ) -หน่วยเก็บข้อมลู สารอง (secondary storage unit ) หนว่ ยรับขอ้ มลู จะเป็นอปุ กรณท์ ่ใี ชส้ าหรบั ข้อมลู ตา่ ง ๆ เข้าสู่คอมพิวเตอร์ จากนั้น หน่วยประมวลผลกลาง จะ นาไปประมวลผล และแสดงผลลัพธท์ ีไ่ ดอ้ อกมากให้ผู้ใชร้ บั ทราบทาง หน่วยแสดงผลลพั ธ์ หนว่ ยความจาหลกั จะทาหนา้ ทีเ่ สมือนเกบ็ ข้อมูลช่วั คราวทีม่ ีขนาดไม่สูงมากนัก การทฮ่ี าร์ดแวร์จะทาหน้าที่ได้มี ประสทิ ธภิ าพนนั้ ขน้ึ อยกู่ บั โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ท่ีใช้ สว่ นการทางานได้มากน้อยเพยี งใด จะข้ึนอยู่กับ หน่วยความจาหลักของเครื่องน้นั ๆ ข้อเสียของหน่วยความจาหลักคอื หากปดิ เครื่องคอมพิวเตอรท์ อี่ ยูใ่ น หน่วยความจาหลักจะหายไป ในขณะทข่ี ้อมลู อยทู่ ี่ หนว่ ยเกบ็ ขอ้ มูลสารอง จะไม่สญู หายตราบเท่าที่ผูใ้ ชไ้ ม่ทาการ ลบขอ้ มูลนน้ั รวมท้งั หนว่ ยเกบ็ ข้อมลู สารองยังมคี วามจุทส่ี ูงมาก จงึ เหมาะสาหรบั การเก็บข้อมูลท่ีมขี นาดใหญ่ หรอื เกบ็ ขอ้ มูลไวใ้ ช้ในภายหลงั ขอ้ เสียของหน่วยเก็บข้อมูลสารองคอื การเรียกใช้ข้อมลู จะชา้ กวา่ หน่วยความจาหลกั มาก 2.ซอฟต์แวร์ (Software) คอมพิวเตอรฮ์ าร์ดแวร์ทป่ี ระกอบออกมาจากโรงงานจะยังไม่สามารถทางานใดๆ เนอ่ื งจากต้องมี ซอฟต์แวร์ (Software) ซึ่งเปน็ ชดุ คาส่งั หรอื โปรแกรมทส่ี ง่ั ใหฮ้ าร์ดแวรท์ างานต่าง ๆ ตามต้องการ โดยชุดคาสงั่ หรอื โปรแกรม

17 นน้ั จะเขียนขึ้นมาจาก ภาษาคอมพวิ เตอร์ (Programming Language) ภาษาใดภาษาหนึ่ง และมี โปรแกรมเมอร์ (Programmer) หรอื นกั เขยี นโปรแกรมเปน็ ผใู้ ชภ้ าษาคอมพิวเตอร์เหลา่ น้ันเขยี นซอฟต์แวรต์ า่ ง ๆ ขน้ึ มา ซอฟต์แวร์ สามารถแบง่ ออกเปน็ สองประเภทใหญๆ่ คือ -ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software ) -ซอฟต์แวร์ประยุกต์ ( Application Software ) ซอฟตแ์ วร์ระบบ โดยส่วนมากแล้วจะติดตงั้ มากับเครื่องคอมพิวเตอร์เนอื่ งจากซอฟตแ์ วรร์ ะบบเปน็ ส่วนควบคุม ทางานตา่ ง ๆ ของคอมพวิ เตอร์ เพ่อื ให้สามารถเร่ิมตน้ การทางานอืน่ ๆ ทผ่ี ู้ใชต้ อ้ งการไดต้ อ่ ไป สว่ น ซอฟต์แวร์ ประยุกต์ จะเป็นซอฟตแ์ วร์ทเ่ี น้นในการชว่ ยการทางานต่าง ๆ ให้กับผ้ใู ช้ ซึ่งแตกต่างกนั ไปตามความต้องการของ ผใู้ ชแ้ ต่ละคน ซอฟตแ์ วร์ในระบบไมโครคอมพิวเตอร์ 3.บคุ ลากร (Peopleware) เคร่ืองคอมพวิ เตอร์โดยมากตอ้ งใช้บคุ ลากรสัง่ ใหเ้ ครอ่ื งทางาน เรยี กบุคลากรเหลา่ นี้วา่ ผใู้ ช้ หรือ ยเู ซอร์ (user) แต่ กม็ ีบางชนดิ ทีส่ ามารถทางานไดเ้ องโดยไม่ต้องใชผ้ ู้ควบคมุ อยา่ งไรกต็ าม คอมพิวเตอรก์ ็ยังคงต้องถูกออกแบบหรอื ดูแลรกั ษาโดยมนุษย์เสมอ

18 ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ (computer user) แบง่ ได้เป็นหลายระดบั เพราะผู้ใช้คอมพวิ เตอรบ์ างส่วนก็ทางานพน้ื ฐานของ คอมพวิ เตอร์เทา่ น้นั แต่บางส่วนก็พยายามศึกษาโปรแกรมประยุกตใ์ นขั้นทส่ี ูงขนึ้ ทาให้มีความชานาญในการใช้ โปรแกรมประยุกตต์ า่ ง ๆ นยิ มเรยี กกลุ่มน้วี า่ เพาเวอร์ยูสเซอร์ (power user) ผเู้ ชยี่ วชาญทางดา้ นคอมพิวเตอร์ (computer professional) หมายถงึ ผทู้ ไี่ ดศ้ ึกษาวิชาการทางดา้ นคอมพวิ เตอร์ ท้ังในระดบั กลางและระดับสงู ผเู้ ชยี่ วชาญทางด้านนจ้ี ะนาความรู้ท่ไี ด้ศกึ ษามาประยกุ ต์และพัฒนาใชง้ าน และ ประสทิ ธภิ าพของระบบคอมพิวเตอรใ์ หท้ างานในขัน้ สูงขน้ึ ไปไดอ้ ีก นกั เขียนโปรแกรม (programmer) กถ็ ือว่าเป็น ผเู้ ชยี วชาญทางคอมพวิ เตอร์เช่นกัน เพราะสามารถสรา้ งโปรแกรมใหม่ ๆ ได้ และเปน็ เส้นทางหน่งึ ทีจ่ ะนาไปส่กู าร เปน็ ผู้เชยี่ วชาญทางคอมพิวเตอรต์ ่อไป บคุ ลากรก็เปน็ สว่ นหน่งึ ของระบบคอมพิวเตอร์ เพราะมีความเกี่ยวขอ้ งกบั ระบบคอมพิวเตอร์ ตัง้ แต่การพฒั นา เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ ตลอดจนถงึ การนาคอมพิวเตอร์มาใชง้ านตา่ ง ๆ ซึ่งสามารถสรุปลกั ษณะงานได้ดงั นี้ -การดาเนนิ งานและเครื่องอุปกรณต์ า่ ง ๆ เชน่ การบนั ทกึ ข้อมลู ลงสื่อ หรือส่งข้อมลู เข้าประมวล หรือควบคมุ การ ทางานของระบบคอมพวิ เตอร์ เช่น เจา้ หน้าทบี่ นั ทกึ ขอ้ มลู (Data Entry Operator) เปน็ ต้น -การพฒั นาและบารงุ รักษาโปรแกรม เช่น เจา้ หนา้ ท่พี ฒั นาโปรแกรมประยุกต์ (Application Programmer) เจา้ หนา้ ทพ่ี ฒั นาโปรแกรม (System Programmer) เปน็ ตน้ -การวิเคราะห์และออกแบบระบบงานท่ีใช้คอมพวิ เตอร์ประมวลผล เช่น เจา้ หน้าทีว่ ิเคราะหแ์ ละออกแบบ ระบบงาน (System Analyst and Administrator) วิศวกรระบบ (System Engineer) เจ้าหนา้ ที่จัดการ ฐานขอ้ มูล (Database Adminstrator)เป็นต้น -การพัฒนาและบารงุ รักษาระบบทางฮาร์ดแวร์ เชน่ เจา้ หนา้ ทคี่ วบคมุ การทางานระบบคอมพวิ เตอร์ (Computer Operator) เป็นตน้ -การบรหิ ารในหน่วยประมวลผลขอ้ มูล เชน่ ผบู้ รหิ ารศูนยป์ ระมวลผลขอ้ มูลด้วยคอมพิวเตอร์ (EDP Manager) เปน็ ต้น

19 4.ข้อมูลและสารสนเทศ (Data / Information) ในการทางานต่าง ๆ จะตอ้ งมขี ้อมลู เกิดข้นึ ตลอดเวลา ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกบั งานท่ีถูกเกบ็ รวบรวมมาประมวลผล เพื่อให้ไดส้ ารสนเทศท่เี ป็นประโยชนต์ ่อผู้ใช้ ซง้ึ ในปจั จบุ นั มกี ารนาเอาระบบคอมพิวเตอร์มาเป็นขอ้ มลู ในการ ดัดแปลงข้อมลู ให้ไดป้ ระสทิ ธภิ าพโดยแตกตา่ งๆระหว่างข้อมลู และ สารสนเทศ คือ ขอ้ มลู คือ ได้จากการสารวจจรงิ แต่ สารสนเทศ คือ ไดจ้ ากข้อมูลไมผ่ า่ นกระบวนการหน่งึ ก่อน สารสนเทศเปน็ สงิ่ ทผ่ี บู้ รหิ ารนาไปใชช้ ่วยในการตัดสินใจ โดยที่สารสนเทศทม่ี ีประโยชนน์ น้ั จะมคี ุณสมบตั ิ ดังตาราง มีความสมั พันธก์ ัน (relevant) สามารถนามาประยกุ ต์ใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมกับสถานการณ์ ปัจจุบนั มคี วามทนั สมยั (timely) ต้องมีความทันสมยั และพร้อมท่จี ะใช้งานได้ทนั ทเี ม่ือ มีความถกู ตอ้ งแม่นยา ตอ้ งการ (accurate) มคี วามกระชับรัดกุม (concise) เม่อื ปอ้ นขอ้ มูลเขา้ ส่คู อมพิวเตอรแ์ ละผลลัพธท์ ่ไี ด้จะต้อง มีความสมบูรณใ์ นตัวเอง ถกู ตอ้ งในทกุ สว่ น (complete) ข้อมูลจะต้องถูกยน่ ให้มคี วามยาวทพี่ อเหมาะ ต้องรวบรวมข้อมลู ทส่ี าคญั ไวอ้ ย่างครบถ้วน การเปล่ียนรปู จากขอ้ มลู สสู่ ารสนเทศ 5.กระบวนการทางาน (Procedure) กระบวนการทางานหรอื โพรซีเยอร์ หมายถงึ ข้ันตอนท่ีผู้ใช้จะต้องทาตาม เพ่ือให้ได้งานเฉพาะอยา่ งจาก คอมพวิ เตอร์ซง่ึ ผ้ใู ชค้ อมพิวเตอรท์ ุกคนต้องรกู้ ารทางานพื้นฐานของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ เพื่อท่ีจะสามารถใช้งานได้

20 อยา่ งถกู ต้อง ตัวอยา่ งเช่น การใช้เครื่อง ฝาก-ถอนเงนิ อัตโนมตั ิ ถ้าต้องการถอนเงนิ จะต้องผา่ นกระบวนการตา่ ง ๆ ดงั นี้ 1. จอภาพแสดงข้อความเตรยี มพรอ้ มท่ีจะทางาน 2. สอดบตั ร และพมิ พร์ หัสผใู้ ช้ 3. เลอื กรายการ 4. ใส่จานวนเงินทต่ี อ้ งการ 5. รบั เงนิ 6. รับใบบนั ทกึ รายการ และบตั ร การใชค้ อมพิวเตอรป์ ฏิบตั งิ านในส่วนต่าง ๆ นัน้ มกั จะมขี ั้นตอนทส่ี ลบั ซบั ซอ้ น และเกย่ี วข้องกับช่วงเวลาต่าง ๆ ใน การปฏิบตั งิ านด้วย จงึ ต้องมีคู่มือการปฏบิ ัตงิ านท่ีชัดเจน เช่น คู่มอื สาหรบั ผู้ควบคมุ เครอ่ื ง (Operation Manual) คู่มอื สาหรบั ผใู้ ช้ (User Manual) เปน็ ต้น