Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง(กิจกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมชุมชน)การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม สำหรับประชาชน

เอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง(กิจกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมชุมชน)การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม สำหรับประชาชน

Description: เอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง(กิจกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมชุมชน)การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม สำหรับประชาชน

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสังคมและชุมชน กศน. อําเภอธญั บุรี ประกาศ คณะกรรมการจัดทําและพัฒนาหลักสูตร ไดจัดทําเอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการศึกษา ตอเนื่อง (กิจกรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาสังคมและชุมชน) การใชเทคโนโลยีท่ีเหมาะสม สําหรับ ป ร ะ ช า ช น จํา น ว น 12 ชั่ว โ ม ง ข อ ง ศูน ยก า ร ศึก ษ า น อ ก ร ะ บ บ แ ล ะ ก า ร ศึก ษ า ต า ม อัธยาศัยอําเภอธัญบุรีเรียบรอยแลว ...............................................................ประธานคณะกรรมการ (นางสาวบัณฑติ า วงษว ฒุ ิภทั ร) ................................................................กรรมการ (นางสาวสรุ างค แตงออน) .……........................................................กรรมการและเลขานกุ าร (นายสุพฒั น แจมจนั ทร) ทั้งน้ี คณะกรรมการสถานศึกษาไดรับทราบการเอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการศึกษา ตอเนื่อง (กิจกรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาสังคมและชุมชน) การใชเทคโนโลยีที่เหมาะสม สําหรับ ประชาชน จํานวน 12 ชั่วโมง และหวังเปนอยางย่ิงวาสถานศึกษาจะนําหลักสูตรน้ีไปใชในการ พฒั นาคณุ ภาพการจดั การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ของสถานศึกษาตอไป ...........................................................ประธานคณะกรรมการสถานศึกษา (นายรังสรรค นันทกาวงศ) วันท่ี ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพ่ือพัฒนาสงั คมและชุมชน 1 กศน. อ�ำเภอธัญบรุ ี

2 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสงั คมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบุรี

เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาสงั คมและชมุ ชน ก กศน. อําเภอธัญบรุ ี คาํ นาํ เอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการศึกษาตอเน่ือง (กิจกรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาสังคมและ ชุมชน ) การใชเทคโนโลยที เ่ี หมาะสม สาํ หรับประชาชน ฉบบั นีเ้ ปนสว นหน่ึงของการจัดอบรมกิจกรรม การศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน ศูนยการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอ ธัญบุรี มีจุดมุงหมายเพ่ือตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนาสังคมและชุมชนท่ีมุงเนน การพัฒนาขีดความสามารถของประชาชนในการแสวงหาความรู การเสริมสรางกระบวนการเรียนรู ในรูปแบบการฝกอบรม การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรูและรูปแบบอื่นๆท่ีเหมาะสม โดยเนน การสง เสรมิ การดําเนนิ ชวี ิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง สรางจิตสํานึกความเปนพลเมืองดี เศรษฐกิจชมุ ชน และการอนุรักษพฒั นาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ ม คณะผูจัดทําขอขอบคุณ ผูใหความรู และแนวทางการศึกษาทุกทานที่ใหความชวยเหลือ มาโดยตลอด คณะผูจัดทําหวังวาเอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการศึกษาตอเน่ือง ( กิจกรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาสังคมและชุมชน ) การใชเทคโนโลยีท่ีเหมาะสม สําหรับประชาชน ฉบบั นจี้ ะใหค วามรู และเปนประโยชนแกผ ูอานทุกทา น ศูนยก ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาํ เภอธัญบุรี พฤษภาคม 2563 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพ่อื พัฒนาสังคมและชมุ ชน 3 กศน. อ�ำเภอธัญบุรี

4 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสงั คมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบุรี

เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาสงั คมและชมุ ชน ข กศน. อาํ เภอธญั บุรี คาํ ช้แี จง การจัดการศึกษา “หลักสูตรการพัฒนาสังคมและชุมชน” ศูนยการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอธัญบุรี มีจุดมุงหมายเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนา สังคมและชุมชนที่มุงเนนการพัฒนาขีดความสามารถของประชาชนในการแสวงหาความรู การเสริมสรางกระบวนการเรียนรูในรูปแบบการฝกอบรม การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู และรูปแบบ อื่นๆท่ีเหมาะสม โดยเนนการสงเสริมการดําเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สรางจิตสํานึกความความเปนพลเมืองดี เศรษฐกิจชุมชน และการอนุรักษพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม กศน.อําเภอธัญบุรี ไดจัดกิจกรรมเพื่อสงเสริมใหประชาชนในชุมชน เกิดการเรียนรู ในการเช่ือมโยงความรูประสบการณในดานตางๆ เพ่ือใหเกิดการบูรณาการการเรียนรูในดาน การสงเสริมการดําเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การเรียนรูการใชเทคโนโลยี ทเ่ี หมาะสม เสรมิ สรา งความเปนพลเมอื งดีตามวิถีประชาธปิ ไตย และการมจี ิตสาธารณะ เอกสารคูมือการเรียนหลักสูตรฉบับนี้ จัดทําขึ้นเพื่อใหผูเรียนใชศึกษาขอมูลท่ีเก่ียวของกับ หลักสูตรและแนวทางการเรียนรู วิธีการและหลักเกณฑการวัดและประเมินผลของหลักสูตร เน่ืองจากกระบวนการเรียนรูหลักสูตรทักษะชีวิตไดออกแบบใหผูเรียน เรียนรูดวยตนเองและวิธีการ จัดการศึกษาทางออนไลนโดยที่ผูเรียนจะไดรับการสรางความเขาใจ พรอมท้ังฝกทักษะพื้นฐาน ท่ีจําเปน จากนั้นจะตองเรียนรูและฝกทํากิจกรรมเพื่อเรียนรูแนวคิด และฝกทักษะดานการคิด วิเคราะหและใชเครื่องมือใหมีความสอดคลองกับกิจกรรมที่กําหนด โดยใชกระบวนการเรียนรู และประเมินผลผานระบบออนไลน ดังน้ัน การท่ีผูเรียนจะประสบความสําเร็จในการเรียนรู ตามหลักสูตร จึงตองอาศัยวินัยในตนเองและการวางแผนที่ดี เพ่ือใหความสามารถเรียนรู ไดตามกระบวนการและระยะเวลาท่ีกําหนด ศูนยการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอธัญบุรี ขอขอบคุณผูมีสวน เก่ียวของที่รวมพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู “หลักสูตรการพัฒนาสังคมและชุมชน” เพ่ือสงผานองคความรูและทักษะที่นําไปสูการพัฒนาผูเขารวมอบรมสามารถนําแนวทางการเรียนรู ดานการสงเสริมการดําเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การเรียนรูการใชเทคโนโลยี ที่เหมาะสม เสริมสรางความเปนพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย และการมีจิตสาธารณะ ใหมปี ระสิทธิภาพตอไป เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอื่ พฒั นาสังคมและชมุ ชน 5 กศน. อ�ำเภอธญั บรุ ี

6 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสงั คมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบุรี

เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสงั คมและชมุ ชน ค กศน. อําเภอธญั บุรี หนา สารบญั ก ข คํานํา ค คําชแ้ี จง 1 สารบัญ 2 สว นท่ี 1 แนะนาํ ศนู ยก ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อําเภอธญั บุรี 3 สวนที่ 2 แนะนาํ เอกสารประกอบการจดั การศึกษาตอเนอื่ ง 3 ( กจิ กรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชมุ ชน ) 4 การใชเทคโนโลยที ่เี หมาะสม สําหรับประชาชน 4 ¾ ความเปนมา 4 ¾ หลกั การของหลกั สูตร 4 ¾ จุดมุงหมาย 7 ¾ เปา หมาย 7 ¾ ระยะเวลา 7 ¾ โครงสรา งหลักสตู ร 7 ¾ สื่อการเรียนรู 8 ¾ การวัดผลประเมินผล 11 ¾ เกณฑก ารจบหลกั สตู ร 12 ¾ เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาทจ่ี ะไดรบั หลงั จบหลกั สูตร 12 ¾ แผนการจดั การเรียนรู 16 สวนที่ 3 เนอื้ หาประกอบการอบรม 18 หนว ยการเรียนรูท่ี 1 การดาํ เนนิ ชีวิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 20 เรอื่ งท่ี 1 การเรยี นรตู ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 23 เรือ่ งที่ 2 เกษตรทฤษฎีใหม 23 เรอ่ื งที่ 3 การทําบญั ชคี รัวเรือน 25 เรื่องที่ 4 วิสาหกิจชุมชน/สหกรณ 32 หนวยการเรียนรูที่ 2 การเรยี นรูการใชเทคโนโลยที เี่ หมาะสม เรอ่ื งที่ 1 การอนุรกั ษส ่งิ แวดลอม เรอ่ื งท่ี 2 การประหยัดพลงั งาน เร่ืองท่ี 3 การบริหารจดั การขยะ เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พฒั นาสงั คมและชุมชน 7 กศน. อ�ำเภอธัญบรุ ี

เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพ่ือพฒั นาสังคมและชุมชน ง กศน. อําเภอธญั บุรี หนา สารบัญ (ตอ) 37 41 หนว ยการเรียนรูท ่ี 3 ความเปน พลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธปิ ไตย 44 หนว ยการเรียนรทู ่ี 4 การมจี ติ สาธารณะ 51 แบบทดสอบกอ นเรียน – หลังเรยี น 53 เฉลยแบบทดสอบกอนเรียน – หลงั เรียน 54 ภาคผนวก 55 เอกสารอางอิง คณะผูจัดทํา 8 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาสงั คมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี

เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาสังคมและชุมชน 1 กศน. อําเภอธัญบรุ ี สสว่ วนนทท่ี ่ี11แนะนำ� แศนนู ะยน์กาําศรนูศยกึ กษาารนศอึกกษราะนบอบกแรละะบกบาแรลศะึกกษาารตศากึ มษอาธัตยาามศอยัธั อยา�ำศเภยั ออธาํ ญัเภบอุรธีัญบรุ ี ประวัตปคิ รวะาวมัตเิคปวน ามาเปน็ มา ประวัติสถานศึกษา : ในป 2533 กรมการศึกษานอกโรงเรียนไดจัดทําโครงการนํารองศูนยการศึกษา นอกโรงเรียนอําเภอ 125 แหง ใน 35 จังหวัด โดยเปลี่ยนบทบาทจากศูนยประสานงานการศึกษานอก โรงเรียนในการขยายโอกาสทางการศึกษาและกระจายอํานาจการบริหารการศึกษาสูทองถิ่น ของกระทรวงศึกษาธิการ ดร.รงุ แกว แดง อธบิ ดกี รมการศึกษานอกโรงเรียนไดเสนอกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศจัดตั้งศูนยบริการการศึกษานอกโรงเรียนอําเภอ จํานวน 789 แหง ท่ัวประเทศเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2536 ตอมาป พ.ศ. 2551 กรมการศึกษานอกโรงเรียน ไดเปล่ียนช่ือเปน สํานักงานสงเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สังกัดสํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ศูนยบริการ การศึกษานอกโรงเรียนอําเภอธัญบุรี จึงไดเปลี่ยนชื่อเปนศูนยการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศยั อําเภอธญั บุรี ต้งั แตว นั ท่ี 4 มีนาคม 2551 ในปงบประมาณ 2558 สํานักงานสงเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ไดจัดสรรงบประมาณ ให เชาอาคารพาณิชย 4 ชั้น 2 คูหา เปนท่ีทําการเพื่อจัดกิจกรรมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ใหกับประชาชน ¾ การศกึ ษาตอ เนอื่ ง การศึกษาตอเน่ือง เปนการจัดและใหบริการการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษา นอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เพ่ือยกระดับการศึกษาใหกับประชาชน ในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนตน และมัธยมศึกษาตอนปลาย ใชเวลาเรียนระดับละ 2 ป 4 ภาคเรียน ซ่ึงเปดรับสมัครปการศึกษาละ 2 ครั้ง คือ คร้ังท่ี 1 เมษายน และคร้ังท่ี 2 เดือน ตุลาคม ของทกุ ป เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพ่อื พฒั นาสังคมและชมุ ชน 9 กศน. อำ� เภอธญั บุรี

เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพ่อื พฒั นาสงั คมและชมุ ชน 2 กศน. อาํ เภอธญั บุรี ¾ การศกึ ษาตอเน่ือง การศึกษาตอ เนือ่ ง เปนการจัดการศึกษาและใหบรกิ ารในลกั ษณะของหลักสูตร ร ะ ย ะ ส้ั น เ พื่ อ ส ง เ ส ริ ม โ อ ก า ส ท า ง ก า ร ศึ ก ษ า แ ล ะ ก า ร เ รี ย น รู ต ล อ ด ชี วิ ต สํ า ห รั บ ป ร ะ ช า ช น ในการที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองรวมถึงการพัฒนาสังคมและชุมชนตามแนวนโยบายตางๆ ของรัฐ โดยผูสนใจสามารถเลือกลงทะเบียนเรียนไดตามความตองการและความสนใจ โดยแตละหลักสูตรจะมีระยะเวลาเรียน กิจกรรมการเรียนรู เงื่อนไขการจบหลักสูตรและคาใชจาย ในการลงทะเบียนแตกตางกันไป สําหรับการเปดรับสมัครการศึกษาประเภทนี้ จะประกาศรับสมัคร เปนรายหลกั สตู ร ซึ่งจะเปดรับสมัครปก ารศกึ ษาตามไตรมาสของปงบประมาณ 10 เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชุมชน กศน. อำ� เภอธญั บรุ ี

เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพ่ือพัฒกกนศศาสนนงั..คออมาําํ แเเภภลออะธธชััญญมุ ชบบนุรุรีี 33 ส่วนที่ 2 แนะนำ� หลกั สตู รและการเรยี นการสอน คคควววาาามมมเเปปเปนน ็นมมมาาา กกาารรจจััดดกกาารรศศึึกกษษาาเเพพื่ื่ออพพััฒฒนนาาสสัังงคคมมแแลละะชชุุมมชชนน เเปปนนกกาารรจจััดดกกาารรศศึึกกษษาาททีี่่บบููรรณณาากกาารรคคววาามมรรูู โเแแโเปปดดลลนนยยะะเเมมททคคีีรรัักกรรููปปื่ื่ออษษแแงงะะบบมมจจืืออบบาาใใกกกกนนาากกกกรราาาาเเรรรรรรศศจจีียยึึกกััดดนนกกษษรราาููททาารรทที่่ีหหเเี่ี่รรผผลลีียยููเเาารรนนกกีียยรรหหนนูู ลลเเมมพพาาีีออื่่ืออยยยยพพููใใหหััฒฒชชรรชชนนืืออุุมมาาไไสสชชดดัังงนนรรคคัับบเเมมปปจจแแนนาาลลกกฐฐะะาากกชชนนาาุุมมใใรรชนชนเเขขนนกกาาใใาาหรหรรรววมมพพมมีีคคััฒฒกกววนนิิจจาามมาากกกกเเรรขขาารรมมรรมมแแเเกกรรขขาาีียย็็งงรรนนสสศศรราาึึกกููมมแแษษลลาารราาะะถถนนททพพออุุนนึ่่ึงงกกททพพโโาารราางงตตงงสสเเนนรรัังงเเีียยคคออนนมมงง ใไใไนนดดตตรระะาาบบมมออแแบบนนปปววททรระะาาชชงงเเาาศศธธรรปิิปษษไไตตฐฐยยกกิิจจตตพพลลออออเเดดพพจจีียยนนงงออแแยยลลใููในนะะสสปปภภรระะาาพพชชาาแแชชววนนดดลลออออยยมมููรรววททมมีด่ี่ดกกีี มมัันนกีีกออาายยรราาพพงงัฒัฒมมีีคคนนววาาาาททมมีย่ยี่ สสง่ั่ังุุยยขขืนืนตตาามมววิิถถีีททาางงกกาารรปปกกคครรอองง ขกกขีีดดาารรคคฝฝววกกาามมออเเบบสสพพาารรื่ื่ออมมมมตตาาออกกรรถถาาบบรรขขสสจจออนนััดดงงออปปเเววงงรรททนนะะีีแแชชโโลลยยาากกบบชชเเนนาาปปยยใใลลนนขข่ีี่ยยกกออนนาางงรรเเรรรรแแััฐฐีียยสสบบนนววาารรงงลลููหหแแาาลลใใคคนนะะววกกรราาููปปาามมรรแแรรพพููบบกกััฒฒบบาาออรรนนเเ่ืื่นนาาสสๆๆสสรรททััิิงงมมคคี่ี่เเสสหหมมรรมมาาแแงงาาลลกกะะะะรรสสชชะะมมุุบบมมโโววชชดดนนนนยยกกททเเาานนี่ี่มมรรนนุุงงเเรรกกเเนนีียยาานนรรนนสสรรกกููใใงงาานนเเรรสสรรพพรรููปปิิมมััฒฒแแกกบบนนาาบบาารร พดเเชพดชเเพพพพุมมุาํําออ่ื่ืื่ื่ออออเเชชเเนนพพใสใสนนหหนินิ งงีียยเเเเชชแแงงกกสสีววีลลิิดดรรกกติิตะะิิมมกกาาตตกกใใรราาาาาาหหเเรรมมรรรรปปบบออหหีียยรรููรรนนนนลละะณณุรรุักักรรชชกักัาาููกกปปาากกษษาารรชชาารรัชชัพพนนรรใใญญััฒฒชชใใกกนนเเาาาานนททชชขขรราาคคุุมมเอเอททรรโโชชงงีียยนนรรเเนนศศััพพนนโโลลรรรรยยษษยยููใใาาเเนนีีททฐฐกกกกดดกก่ีี่เเรริิดดหหาาิจจิธธกกนนมมรรพพาารราากกออรรมมะะาาเเเเรรพพสสชชรรีียยมมาาสสียียนนตตงงงงเเเเิิแแรรสสสสููลลสสใใรรรระะนรรนิิมมิิมมาาสสกกกกสสงงิ่่ิงงาาารราจจแแรรรราาิติตววเเงงดดชชสสดดคคํําาื่่ืออาาลลววเเนนมมนนออาาึกึกโโมมิินนมมยยคคเเชชงงปปววีีววกกคคาานนิิตตศศววมมพพตตาานนคคลลาามม..ววออมมเเรราามมํําาหหููปปมมืืออเเรรลลเเภภงงปปะะัักกดดออสสนนปปีีตตธธบบพพรรััญญาากกััชชลลมมบบาาญญเเววมมุุรรรริิถถาาีีณณืืออีีปปไไขขงงดดใใออรรดดนนจจะะงงีีััดดดดชชเเเเศศศศกกาาาารรรรนนิิจจธธษษษษิิปปกกตตฐฐฐฐรราาไไตกกตกกรรงงๆๆมมิิยยจจิิจจ แแลละะกกาารรมมีจีจติติ สสาาธธาารรณณะะ หหหลลลกั กกัั กกกาาารรรขขขออองงงหหหลลลกั กักั สสสูตตตูู รรร 11.. เเกกปปาานนรรใใหหชชลลเเ ักกัททสสคคตตููโโนนรรททโโลล่ีี่เเยยนนทีีทนนีี่่เเกกหหาามมรราาจจะะัดัดสสกกมมาารรแแศศลลึึกกะะษษกกาาาาตตรราาใใมมชชชชหหมุุมลลชชักกั นนปปเเรรปปชัชั นน ญญฐฐาาาาขขนนออใใงงนนเเกกศศาารรรรษษเเรรฐฐยยีีกกนนจิิจพพรรูู ออเเพพยยีี งง 22.. เเปปนน หหลลักกั สสูตตู รรทท่ีเี่เสสรริิมมสสรราางงคคววาามมภภาาคคภภมูมู ิใใิ จจ สสํําานนกกึึ รรักักษษททอองงถถิ่่นนิ แแลละะออนนรุุรกกัั ษษสสง่ง่ิิ แแววดดลลออ มม 33.. เเปปนนหหลลกกัั สสููตตรรทท่ี่ีมมงงุุ เเสสรรมิมิ สสรราางงคคววาามมเเปปนน พพลลเเมมืือองงดดีีตตาามมววิถิถีีปปรระะชชาาธธิปปิ ไไตตยย 44.. เเปปนนหหลลกักั สสตตูู รรทท่่มมีี งงุุ เเสสรริิมมสสรราา งงกกาารรมมจีีจตติิ สสาาธธาารรณณะะ เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพอ่ื พฒั นาสงั คมและชมุ ชน 11 กศน. อ�ำเภอธัญบุรี

จดุ มุง่ หมาย 1. เพื่อสร้างความตระหนักและภูมิคุ้มกันการด�ำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คน้ หาปญั หา และก�ำหนดแนวทางในการแก้ปญั หารว่ มกนั ในชุมชน ตามวิถี ความพอเพยี ง 2. เพ่อื เสรมิ สร้างกระบวนการเรยี นรู้ พัฒนาสงั คมและชมุ ชนให้มคี วามเข้มแข็ง 3. เพอื่ ส่งเสรมิ เรียนร้กู ารใชเ้ ทคโนโลยีทเี่ หมาะสม และสามารถนำ� มาปรับใช้ในชวี ิตประจ�ำวัน 4. เพอ่ื เสริมสร้างความเป็นพลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธปิ ไตย และมจี ติ สาธารณะ เปา้ หมาย ประชาชนทว่ั ไป ระยะเวลา จำ� นวน 12 ชว่ั โมง (ทฤษฎี 8 ช่วั โมง , ปฏิบตั ิ 4 ช่ัวโมง โครงสร้างหลักสตู ร ที่ เร่อื ง จุดประสงค์การ เนอ้ื หา การจัดกระบวนการเรียนรู้ จำ� นวนช่วั โมง เรียนรู้ ทฤษฎี ปฏิบัติ 1 การดำ�เนนิ เพ่ือสร้างความ 1. การเรยี นรู้ 1. บรรยายการดำ�เนนิ 2 1 ชวี ิตตาม ตระหนกั และ ตามหลักปรชั ญา ชวี ติ ตามหลักปรัชญาของ หลัก ภมู คิ มุ้ กนั สง่ เสรมิ ของเศรษฐกจิ พอ เศรษฐกิจพอเพยี ง ปรชั ญาของ การดำ�เนนิ ชีวิต เพียง 2. สำ�รวจโครงการตาม เศรษฐกจิ ตามหลักปรชั ญา 2. เกษตรทฤษฎี พระราชดำ�ริ พนื้ ทีท่ รง พอเพียง ของเศรษฐกจิ ใหม่ งานของพระบาทสมเดจ็ พอเพยี ง 3. การทำ�บญั ชี พระเจา้ อยูห่ ัว รัชกาลท่ี 9 ครวั เรือน 3. ถอดองคค์ วามรจู้ าก 4.วสิ าหกิจ ส่งิ ท่ีพระองคท์ รงงาน ชมุ ชน/สหกรณ์ ร่วมกบั ประชาชนและภาคี เครอื ข่ายในพนื้ ท่ี ตาม หัวข้อดงั น้ี 12 เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พฒั นาสงั คมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี

ที่ เร่ือง จุดประสงค์การ เนอ้ื หา การจดั กระบวนการเรียนรู้ จ�ำนวนชว่ั โมง เรียนรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ัติ - หลักการ วธิ ีการใน การแกป้ ัญหา - ผลสำ�เรจ็ จากโครงการ - แนวทางในการนำ�ไป ประยกุ ต์ใช้ 4. สรุปเนอื้ หาเก่ียวกบั การปฏิบตั ใิ นชุมชน โดย การวิเคราะหส์ ภาพปัญหา ความต้องการของกลุ่ม เป้าหมายและชมุ ชน 2 การเรยี น เพือ่ ส่งเสริม 1. การอนรุ ักษ์ 1. บรรยายการเรียนรูก้ าร 2 1 รู้การใช้ เรียนร้กู ารใช้ สง่ิ แวดล้อม ใชเ้ ทคโนโลยที ่ีเหมาะสม เทคโนโลยีท่ี เทคโนโลยี 2. การประหยัด 2. สำ�รวจภมู ปิ ญั ญา เหมาะสม ท่ีเหมาะสม พลังงาน นวตั กรรม เทคโนโลยีท่ี สามารถนำ�มา 3. การบรหิ าร เหมาะสม และสอดคลอ้ ง ปรับใช้ในชีวติ จดั การขยะ กับแนวโน้มการพัฒนาของ ประจำ�วันได้ ชมุ ชน 3.วเิ คราะหช์ มุ ชนเกย่ี วกบั สภาพและปญั หาภายใน ชุมชนเรื่อง - ส่งิ แวดลอ้ ม - การประหยัดพลังงาน - การบริหารจัดการขยะ 4.แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ของ แต่ละชุมชน 5.สรปุ เนือ้ หาเกี่ยวกบั การ ใชเ้ ทคโนโลยีทีเ่ หมาะสม เพอื่ อนรุ กั ษส์ ่งิ แวดลอ้ ม เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสังคมและชมุ ชน 13 กศน. อำ� เภอธญั บรุ ี

ท่ี เร่อื ง จดุ ประสงค์การ เนอื้ หา การจดั กระบวนการเรยี นรู้ จ�ำนวนชวั่ โมง เรียนรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ การประหยดั พลงั งาน และการบริหารจัดการ ขยะ 6.การนำ�เสนอแนวทาง การอนุรกั ษส์ ่ิงแวดลอ้ ม การประหยดั พลังงาน และการบริหารจัดการ ขยะ 3 ความเป็น เพอื่ เสรมิ สร้าง - ความเป็น 1. บรรยายความเป็น 2 1 พลเมือง ความเป็น พลเมอื งดีตามวิถี พลเมอื งดตี ามวิถี ดตี ามวิถี พลเมอื งดีตามวถิ ี ประชาธิปไตย ประชาธิปไตย ประชาธิปไตย ประชาธิปไตย 2. วเิ คราะหต์ นเองเกี่ยว กบั ความเป็นพลเมืองดี ตามวิถีประชาธปิ ไตย 3. แลกเปลีย่ นเรยี นรู้ของ แต่ละคน 4. สรุปเนอื้ หาเกี่ยวกบั ความเปน็ พลเมืองดตี าม วิถปี ระชาธปิ ไตย 4 การมจี ิต การมจี ิต - การมจี ิต 1. บรรยายการมจี ิต 2 1 สาธารณะ สาธารณะ สาธารณะ สาธารณะ 2. วิเคราะหต์ นเองเก่ยี ว กบั การมีจิตสาธารณะ 3. แลกเปลี่ยนเรียนรู้ของ แตล่ ะคน 4. สรุปเนื้อหาเกีย่ วกับ การมีจิตสาธารณะ 5. การนำ�เสนอแนวทาง การมจี ิตสาธารณะต่อ ชุมชน 14 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพ่อื พฒั นาสงั คมและชุมชน กศน. อำ� เภอธญั บุรี

สื่อการเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชมุ ชน 2. ภูมปิ ัญญาท้องถิน่ 3. แหลง่ เรียนรู้ การวดั ผลประเมนิ ผล 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น และแบบทดสอบหลงั เรยี น 2. การตอบข้อซกั ถามระหว่างเรยี น 3. การน�ำเสนอแนวทางการพัฒนาสังคมชมุ ชน เกณฑ์การจบหลักสตู ร 1. มเี วลาเรยี นไม่นอ้ ยกว่า รอ้ ยละ 80 2. มีผลการประเมินตลอดหลกั สตู ร ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 60 เอกสารหลกั ฐานการศึกษาท่จี ะไดร้ ับหลังจบหลักสูตร 1. หลกั ฐานการประเมินผลการเรียนรู้ 2. วุฒิบตั รออกโดยสถานศึกษา เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาสังคมและชมุ ชน 15 กศน. อำ� เภอธญั บรุ ี

เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาสังคมและชุมชน 8 กศน. อําเภอธญั บุรี แผนการจัดการเรยี นรู บทท่ี 1 การดาํ เนนิ ชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ เวลา การจดั กระบวนการเรียนรู หมายเหตุ 1 9.00 น.– 12.00 น. ข้นั นําเขาสูบทเรียน จํานวน 3 ชัว่ โมง บรรยายการดาํ เนนิ ชีวติ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ข้นั สอน 1. สํารวจโครงการตามพระราชดําริ พ้นื ทีท่ รงงานของพระบาทสมเดจ็ พระเจา อยหู วั รชั กาลท่ี 9 2. ถอดองคค วามรจู ากส่ิงทีพ่ ระองค ทรงงาน รวมกบั ประชาชนและภาคี เครอื ขายในพ้ืนท่ี ตามหวั ขอดังนี้ - หลักการ วิธีการในการแกป ญ หา - ผลสําเร็จจากโครงการ - แนวทางในการนําไปประยุกตใ ช ขั้นสรุป สรุปเนือ้ หาเกี่ยวกับการปฏบิ ตั ใิ น ชมุ ชน โดยการวิเคราะหส ภาพปญ หา ความตอ งการของกลมุ เปาหมายและ ชมุ ชน 16 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพื่อพฒั นาสงั คมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบุรี

เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพื่อพัฒนาสงั คมและชมุ ชน 9 กศน. อาํ เภอธญั บรุ ี แผนการจัดการเรียนรู บทที่ 2 การเรยี นรกู ารใชเทคโนโลยีทเ่ี หมาะสม ครั้งท่ี เวลา การจัดกระบวนการเรียนรู หมายเหตุ 2 9.00 น.–12.00 น. ข้ันนาํ เขา สูบทเรียน จํานวน 3 ชวั่ โมง บรรยายการเรียนรูการใชเ ทคโนโลยที ี่ เหมาะสม ขั้นสอน 1. สาํ รวจภมู ิปญญา นวัตกรรม เทคโนโลยที เ่ี หมาะสม และสอดคลอ ง กับแนวโนมการพัฒนาของชุมชน 2. วิเคราะหชุมชนเก่ียวกับสภาพและ ปญหาภายในชมุ ชนเร่ือง - ส่งิ แวดลอม - การประหยัดพลังงาน - การบรหิ ารจัดการขยะ 3. แลกเปลย่ี นเรียนรูข องแตละชมุ ชน ขั้นสรุป 1. สรุปเน้ือหาเก่ยี วกับการใช เทคโนโลยที ่ีเหมาะสม เพื่ออนรุ กั ษ ส่ิงแวดลอม การประหยัดพลงั งาน และการบริหารจดั การขยะ 2. การนําเสนอแนวทางการอนรุ ักษ ส่งิ แวดลอม การประหยัดพลังงาน และการบรหิ ารจัดการขยะ เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสงั คมและชมุ ชน 17 กศน. อ�ำเภอธัญบรุ ี

เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาสังคมและชุมชน 10 กศน. อาํ เภอธญั บรุ ี แผนการจดั การเรยี นรู บทท่ี 3 ความเปนพลเมอื งดีตามวถิ ปี ระชาธิปไตย – บทท่ี 4 การมีจิตสาธารณะ ครง้ั ท่ี เวลา การจดั กระบวนการเรยี นรู หมายเหตุ 3 9.00 น.–12.00 น. ขน้ั นําเขาสบู ทเรียน จาํ นวน 3 ชวั่ โมง บรรยายความเปน พลเมอื งดตี ามวิถี ประชาธิปไตย ข้นั สอน 1. วิเคราะหต นเองเกี่ยวกับความเปน พลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธิปไตย 2. แลกเปลยี่ นเรียนรขู องแตล ะคน ขน้ั สรปุ 1. สรุปเนอ้ื หาเกี่ยวกับความเปน พลเมืองดตี ามวถิ ปี ระชาธิปไตย 2. การนําเสนอแนวทางความเปน พลเมอื งดตี ามวิถีประชาธิปไตย 4 9.00 น.–12.00 น. ขน้ั นําเขา สบู ทเรียน จาํ นวน 3 ช่ัวโมง บรรยาย เรื่อง การมจี ิตสาธารณะ ขั้นสอน 1. วเิ คราะหตนเองเกย่ี วกับการมีจติ สาธารณะ 2. แลกเปล่ียนเรียนรูของแตละคน ข้นั สรปุ 1. สรุปเน้ือหาเก่ียวกับการมจี ติ สาธารณะ 2. การนาํ เสนอแนวทางการมจี ิต สาธารณะ 18 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาสงั คมและชุมชน กศน. อำ� เภอธญั บุรี

ส่วนท่ี 3 เน้ือหาการอบรม เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพื่อพฒั นาสงั คมและชุมชน 19 กศน. อำ� เภอธญั บรุ ี

เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพื่อพฒั นาสังคมและชุมชน 12 กศน. อาํ เภอธญั บรุ ี หนวยการเรียนรูท่ี 1 การดาํ เนินชวี ิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เรอื่ งที่ 1 การเรยี นรตู ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง จดุ เริม่ ตนแนวคิดเศรษฐกจิ พอเพียง ผลจากการใชแนวทางการพัฒนาประเทศไปสูความทันสมัย ไดกอใหเกิดการเปล่ียนแปลงแก สังคมไทยอยางมากในทุกดาน ไมวาจะเปนดานเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม สังคมและ ส่ิงแวดลอม อีกท้ังกระบวนการของความเปลี่ยนแปลงมีความสลับซับซอนจนยากที่จะอธิบาย ในเชิงสาเหตแุ ละผลลัพธไ ด เพราะการเปลี่ยนแปลงท้งั หมดตางเปน ปจ จยั เชื่อมโยงซ่ึงกันและกัน สําหรับผลของการพัฒนาในดานบวกน้ัน ไดแก การเพ่ิมขึ้นของอัตราการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกจิ ความเจริญทางวัตถุ และสาธารณปู โภคตางๆ ระบบส่ือสารที่ทันสมัย หรือการขยายปริมาณ และกระจายการศึกษาอยางทั่วถึงมากขึ้น แตผลดานบวกเหลานี้สวนใหญกระจายไปถึงคนใน ชนบท หรอื ผูดอยโอกาสในสังคมนอ ย แตวา กระบวนการเปล่ียนแปลงของสังคมไดเ กิดผลลบติดตามมาดว ย เชน การขยายตัวของรัฐ เขาไปในชนบท ไดสงผลใหชนบทเกิดความออนแอในหลายดาน ท้ังการตองพ่ึงพิงตลาดและพอคา คนกลางในการสั่งสินคาทุน ความเส่ือมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ระบบความสัมพันธแบบเครือ ญาติ และการรวมกลุมกันตามประเพณีเพื่อการจัดการทรัพยากรที่เคยมีอยูแตเดิมแตกสลายลง ภูมิความรทู ี่เคยใชแ กป ญ หาและสัง่ สมปรบั เปลย่ี นกนั มาถูกลมื เลือนและเร่มิ สูญหายไป ส่ิงสําคัญ ก็คือ ความพอเพียงในการดํารงชีวิต ซ่ึงเปนเงื่อนไขพื้นฐานที่ทําใหคนไทยสามารถ พงึ่ ตนเอง และดาํ เนนิ ชีวติ ไปไดอยางมีศักดิ์ศรภี ายใตอ ํานาจและความมอี สิ ระในการกาํ หนด ชะตาชีวิต ของตนเอง ความสามารถในการควบคุมและจัดการเพ่ือใหตนเองไดรับการสนองตอบตอความ ตอง การตางๆ รวมท้ังความสามารถในการจัดการปญหาตางๆ ไดดวยตนเอง ซึ่งทั้งหมดนี้ถือวาเปน ศกั ยภาพพืน้ ฐานทีค่ นไทยและสังคมไทยเคยมีอยูแต เดิม ตองถูกกระทบกระเทือน ซ่ึงวิกฤตเศรษฐกิจ จากปญหาฟองสบูและปญหาความออนแอของชนบท รวมท้ังปญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้น ลวนแตเปนขอ พสิ จู นและยนื ยนั ปรากฏการณน้ีไดเ ปนอยา งดี (ทมี่ า : ขอ มูลเผยแพรจ ากมลู นิธิชยั พฒั นา ) 20 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพื่อพฒั นาสังคมและชุมชน กศน. อ�ำเภอธัญบุรี

เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาสงั คมและชุมชน 13 เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพือ่ พัฒกนศาสนงั.คอมําแเภลอะธชญัุมชบนรุ ี 13 กศน. อาํ เภอธัญบรุ ี ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ท่มี า : http://www.chaoprayanews.com/ (เวบ็ ไซตของสาํ นกั ขา วเจาพระยา) เศรษฐกิจพทม่ีอาเพ:ียhงttเpป:/น/ปwรwัชwญ.าcชhี้ถaึoงแpนraวyกaาnรeดwํารs.งcอoยmูแ/ละ(เปว็บฏไิบซัตติตขนอขงสอํางนปักระขชา วาเชจนาพในรทะยุการ)ะดับตั้งแต เรศะรดษับฐคกริจอพบอคเพรัวียงระเปดนับปชรุมัชชญนาชจ้ีถนึงถแึนงรวะกดารับดรําัฐรงทอั้งยใูแนลกะาปรฏพิบัฒัตนิตนาแขลองะปบรระิหชารชปนรในะทเทุกศระใหดับดํตาเ้ังนแินต ไรปะใดนับทคางรสอาบยคกลรัาวงรโะดดยัเบฉชพุมาะชกนารจพนัฒถนึงารเะศดรัษบฐรกัฐิจทเ้ังพใอื่ นใหกการาวพทัฒนั นตอาแโลลกะยบุครโลิหกาารภปิวรัตะนเ ทศใหดําเนิน คไปวใานมทพางอสเาพยียกงลาหงมโาดยยถเฉึงพคาวะากมาพรพอัฒปนระาเมศารณษฐคกวจิ าเมพมอ่ื ีเใหหตกุผาวลทรันวตมอ ถโึลงคกวยาคุ มโลจกําาเปภิวนตั ทน่ีจ ะตองมีระบบ ภคูวมาิคมุมพกอันเใพนียตงัวหทมี่ดาีพยอถึงสมคควาวมรพตออปกราะรมกาณระคทวบาใมดมๆีเหอตันุผเลกิรดวจมาถกึงกคาวราเมปจลํา่ีเยปนนแทป่ีจละงตทอั้งมภีราะยบใบน ภูามยิคนุมอกกันทใน้ังนตี้ัวจทะ่ีตดีอพงออสามศัยคคววราตมอรอกบารู กครวะาทมรบอใบดคๆออบันแเลกะิดคจวาากมกราะรมเัดปรละ่ียวังนอแยปาลงยง่ิงทใั้งนภกายรนในํา วภิชาายกนาอรกตทางั้ ๆน้ี มจาะใตชอใงนอกาาศรัยวคาวงาแมผรนอแบลระู กคาวราดมํารเอนบินคกอาบร แทลุกะขคั้นวตามอรนะแมลัดะรขะวณังะอเยดาียงวยก่ิงันในจกะาตรนอําง เวสิชราิมกสารราตงาพง้ืนๆฐมานาจใชิตใในจกขาอรงวคานงใแนผชนาตแิลโะดกยาเฉรพดําะเนเจินากหานราทุ่ีขกอข้ังนรตัฐอนนักแทลฤะษขฎณี แะลเะดนียักวกธุรันกิจใะนตทอุกง รเสะรดิมับสใรหางมพีส้ืนํานฐึากนในจคิตุณใจธขรอรงมคคนวในามชซา่ืตอิสโัตดยยสเฉุจพริตาะแเจลาะหใหนมาีคทวี่ขาอมงรรอัฐบนรักูทท่ีเหฤมษาฎะี สแมละดนําักเนธินุรกชิจีวิตในดทวุกย คระวดามับอใดหทมนีสําคนวึกามในเพคียุณรธมรีสรมติ คปวญาญมาซื่อแสลัตะยคสวุจามริตรอแบลคะอใบหมเพีค่ือวาใหมสรมอดบุลรูแทลี่เหะมพาระอสมมตอดกําาเรนรินอชงีวริตับดกวายร เคปวลา่ีมยอนดแทปนลงคอวยาามงเรพวียดรเรม็วีสแตลิ ะปกญวญางาขแวลาะงคทว้ังาดมารนอวบัตคถอุ บสังเคพม่ือใสหิ่งสแมวดดุลลแอลมะพแรลอะมวตัฒอนกธารรรมอจงราับกกโลากร เภปาลย่ียนนอแกไปดลเปงอนยอายงารงวดดี เร็วและกวางขวาง ท้ังดานวัตถุ สังคม ส่ิงแวดลอม และวัฒนธรรมจากโลก ภควายานมอหกมไาดยเขปอนงอเยศา รงษดฐี กจิ พอเพียง จึงประกอบดว ยคณุ สมบตั ิ ดังนี้ ค1.วาคมวหามพายอขปอรงะเมศารณษฐหกมิจาพยอถเึงพคียวงาจมงึพปอรดะที กีไ่ อมบนดอวยยเกคินณุ ไปสแมลบะัตไิมดมงั านกี้ เกินไป โดยไมเ บียดเบียนตนเอง 1. แคลวะาผมอู พ่ืนอเปชรนะมกาณรผลหติ มแาลยะถกึงาครวบารมิโภพคอทดที่อย่ีไมใู น รอะยดเกับินพไอปปแรละะมไามณมากเกนิ ไป โดยไมเ บยี ดเบียนตนเอง 2.แคลวะาผมูอ มน่ื เี หเชตนผุ ลกาหรมผาลยิตถแงึ ลกะากราตรดับสรินโภใจคเทก่อี ย่ี ยวูใกนับรระะดดบั ับพคอวปามระพมอาเณพยี งน้ัน จะตอ งเปน ไปอยา งมเี หตผุ ล 2. โคดวยาพมิจมาีเรหณตาุผจลากหเหมตายปุ ถจึงจยักทารเ่ี กตี่ยัดวสขินอใงจเตกล่ยี อวกดบัจนระคดาํ ับนคงึ ถวงึาผมลพทอค่ี เพาดียวงนา จ้ันะเจกะดิ ตขอ ึ้นงจเปานกกไปาอรกยรา ะงมทเีาํ หตุผล โนดัน้ ยๆพิจอายรา ณงราอจบาคกอเหบตุปจ จยั ทีเ่ กี่ยวของ ตลอดจนคาํ นึงถึงผลทคี่ าดวา จะเกดิ ข้นึ จากการกระทํา นนั้ ๆ อยางรอบคอบ เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาสงั คมและชมุ ชน 21 กศน. อ�ำเภอธัญบรุ ี

เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาสังคมและชุมชน 14 กศน. อําเภอธัญบุรี 3. การมีภมู คิ ุมกนั ในตวั ท่ีดี หมายถึง การเตรียมตัวใหพรอ มรบั ผลกระทบและการเปล่ียนแปลง ดา นตางๆ ทจี่ ะเกดิ ข้นึ โดยคาํ นึงถงึ ความเปนไปไดข องสถานการณต างๆ ทคี่ าดวาจะเกดิ ข้นึ ในอนาคต โดยมี เงือ่ นไข ของการตดั สินใจและดาํ เนินกจิ กรรมตา งๆ ใหอยใู นระดับพอเพยี ง 2 ประการ ดงั นี้ 1. เงือ่ นไขความรู ประกอบดวย ความรอบรูเกี่ยวกบั วิชาการตางๆ ทเ่ี ก่ยี วของรอบดา น ความ รอบคอบท่จี ะนาํ ความรูเหลา นั้นมาพิจารณาใหเ ชื่อมโยงกนั เพอื่ ประกอบการวางแผนและความ ระมัดระวังในการปฏิบัติ 2. เงื่อนไขคุณธรรม ทีจ่ ะตอ งเสรมิ สราง ประกอบดว ย มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มคี วามซือ่ สัตย สุจริตและมคี วามอดทน มีความเพยี ร ใชสตปิ ญญาในการดําเนินชีวติ ( ทม่ี า : ขอ มูลเผยแพรจ ากมูลนิธชิ ัยพัฒนา ) พระราชดาํ รสั ท่ีเกย่ี วกบั เศรษฐกิจพอเพียง “...ตามปกติคนเราชอบดูสถานการณในทางดี ท่ีเขาเรียกวาเล็งผลเลิศ ก็เห็นวาประเทศไทยเราน่ี กาวหนา ดี การเงนิ การอุตสาหกรรมการคาดี มีกําไร อีกทางหน่ึงก็ตองบอกวาเรากําลังเส่ือมลงไปสวน ใหญ ทฤษฎีวา ถามีเงินเทานั้นๆ มีการกูเทาน้ันๆ หมายความวาเศรษฐกิจกาวหนา แลวก็ประเทศ กเ็ จริญมีหวังวาจะเปนมหาอํานาจ ขอโทษเลยตองเตือนเขาวา จริงตัวเลขดี แตวาถาเราไมระมัดระวัง ในความตองการพืน้ ฐานของประชาชนนนั้ ไมม ีทาง...” พระราชดาํ รสั เนอ่ื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลยั วนั ที่ 4 ธนั วาคม 2536 \"...พอเพียง มีความหมายกวางขวางยิ่งกวาน้ีอีก คือคําวาพอ ก็พอเพียงนี้ก็พอแคน้ันเอง คนเราถาพอ ในความตองการก็มีความโลภนอย เม่ือมีความโลภนอยก็เบียดเบียนคนอ่ืนนอย ถาประเทศใด มีความคิดอันนี้ มีความคิดวาทําอะไรตองพอเพียง หมายความวาพอประมาณ ซื่อตรง ไมโลภอยาง มาก คนเราก็อยเู ปน สุข พอเพียงนี้อาจจะมี มมี ากอาจจะมีของหรูหราก็ได แตวาตองไมไปเบียดเบียน คนอน่ื ...” พระราชดาํ รัส เนอื่ งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลยั วันท่ี 4 ธันวาคม 2541 22 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชุมชน กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี

เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพ่อื พัฒนาสังคมและชมุ ชน 15 กศน. อําเภอธญั บุรี “...ฉันพูดเศรษฐกิจพอเพียงความหมายคือ ทําอะไรใหเหมาะสมกับฐานะของตัวเอง คือทําจาก รายได 200-300 บาท ขึน้ ไปเปน สองหม่ืน สามหมื่นบาท คนชอบเอาคําพูดของฉัน เศรษฐกิจพอเพียง ไปพูดกันเลอะเทอะ เศรษฐกิจพอเพียง คือทําเปน Self-Sufficiency มันไมใชความหมายไมใชแบบ ที่ฉันคิด ท่ีฉันคิดคือเปน Self-Sufficiency of Economy เชน ถาเขาตองการดูทีวี ก็ควรใหเขา มีดู ไมใชไปจํากัดเขาไมใหซ้ือทีวีดู เขาตองการดูเพื่อความสนุกสนาน ในหมูบานไกลๆ ท่ีฉันไป เขามี ทีวีดูแตใชแบตเตอร่ี เขาไมมีไฟฟาแตถา Sufficiency น้ัน มีทีวีเขาฟุมเฟอย เปรียบเสมือนคนไมมี สตางคไ ปตดั สูทใส และยังใสเ นคไทเวอรซ าเช อนั นก้ี ็เกนิ ไป...” พระตาํ หนกั เปยมสุข วังไกลกังวล 17 มกราคม 2544 หลักเศรษฐกจิ พอเพยี งกับการวางแผนการเงินของคนไทย จากขอมูลที่กลาวมาแลว จะเห็นวาหลักเศรษฐกิจพอเพียงท่ีพระองคทรงใหไวกับปวงชน ชาวไทยนนั้ แมวาพระองคจ ะเนน ทภ่ี าคเกษตรกรรมเปน หลกั เพราะอยากใหคนสวนใหญของประเทศ มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจเสียกอน แตหลักเศรษฐกิจพอเพียงก็ยังสามารถมาประยุกตใหกับคน ในทกุ ๆ สาขาอาชีพไดเชนกัน เพราะเปนเนน ทกี่ ารพงึ่ ตนเองใหไดเปนหลัก ดังน้ันจึงเรียกไดวา หลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ พื้นฐานที่สําคัญของการจัดการในทุกๆอาชีพเลย ทีเดียว แลวถาพิจารณาหลักเศรษฐกิจพอเพียงกับเรื่องวางแผนการเงิน จะย่ิงเห็นไดชัดเจนเลย วา มันเปนเร่อื งเดยี วกนั เลย โดยเปรียบเทยี บไดด ังนี้ 1. ความพอประมาณ ก็ คือการใชจายอยางประหยัด ตามรายไดที่เรามี อยาใชจาย เกนิ ตวั อยาเปน หนี้ แตถ ามีรายจา ยเยอะ กต็ อ งหาเยอะตามไปดวย ที่สําคัญคือ อยาทําใหตอง ไปเบียดเบยี นผอู ืน่ เชน ไปกคู นอน่ื มา และไมสามารถใชห นไ้ี ด เปนตน 2. ความมีเหตุผล ก็เสริมขอแรก คือ การจะใชเงินน้ัน มีเหตุผลท่ีดีพอหรือไม เชน จะซื้อรถ เพ่ืออะไร อะไรคือ Need หรือเปน Want คือ อยากไดมากกวา แตก็ไมไดหมายความวา จะรวยไมได สรุปงาย ๆ คอื ถา มีเหตุผลอยากใชเ งนิ ซ้ืออะไรก็ตอ งหารายไดใ หม ากพอนั่นเอง 3. มีภูมิคุมกันในตัวที่ดี ขอน้ีจะตรงกับความไมประมาทในการใชชีวิต ซ่ึงถาเปนเร่ืองการเงินก็ ไดแกการจัดการความเสี่ยงทั้งหลาย เชน รถ บาน เรามีประกันเพียงพอหรือไม หรือถา เจ็บปวยเปน โรครา ยแรงหรือโรคมะเรง็ เรารับมือไหวหรือไม หรือใครจะชวยเรา รวมไปถึงการ มีเงินสํารองฉุกเฉินที่มากพอ เพราะหากตกงานกะทันหัน เรามีเงินเตรียมไวกี่เดือน รวมไปถึง เร่ืองความขยันก็ได เชน ชวงท่ีเราอายุนอย ๆ ก็ตองรีบทํางานหาเงินเยอะๆ เพ่ือเตรียมเงินไว ใชในยามเกษียณอยางเพียงพอ ก็ถือเปนการสรางภูมิคุมกันของเรา ก็ได หรือใครท่ีเปนนัก ลงทุน ก็อาจตองศึกษาสินคาการเงินนั้นใหดี เพราะถาเรามีความรูมาก เราก็ถือวาเรามี ภูมิคุมกันมาก หรือ อาจจะมองเปนการกระจายการลงทุน Asset Allocation ก็ได ก็ถือวา เปนการกระจายความเสี่ยง ซ่ึงก็เปนการลดความเส่ียงในการลงทุน ก็เทากับวาเรามีภูมิคุมกัน ดา นการเงนิ มากขึน้ ไปดวย เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสงั คมและชมุ ชน 23 กศน. อำ� เภอธญั บรุ ี

เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชุมชน 16 กศน. อําเภอธัญบรุ ี สวน 2 เง่ือนไข ไมวาจะเปนเร่ืองการมีความรู และ มีคุณธรรม ถาเปนมุมมองดานวางแผน การเงิน ก็คือ การมีความรูในเรื่องท่ีลงทุน อยางดีพอ รวมไปถึงมีความรูในการหารายไดเพ่ิมขึ้น ดว ย ซ่งึ ตอ งมีพรอมดว ยคณุ ธรรม ไมโกง ไมเอาเปรียบผูอื่น ซ่ึงถาทําไดแบบน้ีรับรองวา สถานะทาง การเงินของคนไทยทกุ คนตองแขง็ แรงอยางยั่งยืนแนน อน ทม่ี า : https://aommoney.com/(เว็บไซตข องaommoney) เรือ่ งที่ 2 เกษตรทฤษฎีใหม แนวคดิ ในการดําเนนิ งานและการบริหารจัดการศูนยเรยี นรูเกษตรทฤษฎีใหม : ตามแนว ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในทุกคราท่ีพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว เสด็จพระราชดําเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรตาม พื้นท่ีตางๆ ทั่วประเทศน้ันได ทรงถามเกษตรกรและทอดพระเนตรพบสภาพปญหาการขาดแคลนนํ้า เพ่อื การปลกู ขาวและเกิดแรงดลพระราชหฤทยั อันเปนแนวคิดข้นึ วา 1. ขา วเปน พชื ทแี่ ขง็ แกรง มาก หากไดนา้ํ เพียงพอจะสามารถเพ่ิมปรมิ าณเม็ดขาว ไดม ากยงิ่ ขึน้ 2. หากเกบ็ นํา้ ฝนทตี่ กลงมาไวไดแ ลว นาํ มาใชใ นการเพาะปลูกก็จะสามารถเก็บเกีย่ ว ไดมากขน้ึ เชนกัน 3. การสรางอา งเก็บน้าํ ขนาดใหญน บั วนั แตจ ะยากท่ีจะดําเนินการไดเนอ่ื งจากการ ขยายตวั ของชุมชนและขอ จาํ กดั ของปรมิ าณที่ดนิ เปน อปุ สรรคสําคัญ 4. หากแตละครัวเรือนมีสระน้าํ ประจําไรน าทุกครัวเรือนแลว เมื่อรวมปริมาณกันก็ยอ ม เทา กบั ปรมิ าณในอางเกบ็ น้ําขนาดใหญ แตสน้ิ คา ใชจ า ยนอยและเกิดประโยชนสูงสุด โดยตรงมากกวา พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวไดทรงทําการศึกษาและวิจัยเชิงปฏิบัติเก่ียวกับทฤษฎี ใหมม าเปนเวลานานตั้งแตป พ.ศ.2532 ในพ้ืนท่ีสวนพระองคขนาด 16 ไร 2 งาน 23 ตารางวาใกลวัด มงคล ตาํ บลหว ยบง อําเภอเมือง จงั หวดั สระบรุ ี และทรงมอบใหมูลนิธิชัยพัฒนาท่ีทรงจัดต้ังข้ึนมาเพ่ือ เสริมโครงการของรัฐท้ังน้ีกอนท่ีจะทรงนําเอกสารออกเผยแพรอยางเปนทางการในป พ.ศ.๒๕๓๗ นั้น ทรงใหจัดตั้ง “ศูนยบริหารพัฒนา” ตามแนวพระราชดําริ อยูในความรับผิดชอบของมูลนิธิชัยพัฒนา เพ่อื เปนตน แบบสาธิตการพฒั นาดา นการเกษตร โดยประสานความรวมมือระหวาง วัด ราษฎรและรัฐ ทําการเผยแพรอาชีพการเกษตรและจริยธรรมแกประชาชนในชนบท โดยทรงหวังวาหาก ประสบความสําเร็จก็จะใชเปนแนวทางสาธิตในทองท่ีอ่ืนๆ ตอไป ทั้งนี้ในสวนของการพัฒนา ดา นการเกษตรนน้ั ก็คือแนวคดิ และมรรควิธีท่ีรูจกั กันในนาม “เกษตรทฤษฎีใหม” 24 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพ่อื พฒั นาสังคมและชุมชน กศน. อ�ำเภอธญั บุรี

เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาสังคมและชมุ ชน 17 กศน. อาํ เภอธัญบุรี พระราชดําริ “ทฤษฎีใหม” เปนแนวทางหรือหลักการในการจัดการทรัพยากรระดับ ไรนาคือท่ีดินและนํ้า เพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กใหเกิดประโยชนสูงสุด ในการดําเนินการทฤษฎี ใหมไดพ ระราชทานข้ันตอนดําเนินงาน ดงั น้ี ขอที่ 1 ทฤษฎีใหมขั้นตน สถานะพ้ืนฐานของเกษตรกร คือ มีพ้ืนท่ีนอย คอนขาง ยากจน อยูในเขตเกษตรนํ้าฝนเปนหลักความมั่นคงของชีวิตและความม่ันคงของชุมชนชนบท เปน เศรษฐกิจพึ่งตนเองมากขึ้น มีการจัดสรรพื้นทํากินและที่อยูอาศัย ใหแบงพ้ืนท่ีออกเปน 4 สวน ตามอัตราสวน 30:30:30:10 ซ่ึงหมายถึง พื้นที่สวนท่ีหนึ่งประมาณ 30% ใหขุดสระเก็บกักนํ้า เพื่อใช เก็บกักนํ้าฝนในฤดูฝนและใชเสริม การปลูกพืชในฤดูแลง ตลอดจนการเล้ียงสัตวนํ้าและพืชนํ้าตางๆ (สามารถเลี้ยงปลา ปลูกพืช เชน ผักบุง ผักกะเฉด ฯ ใหดวย) พื้นท่ีสวนที่สองประมาณ 30% ใหปลูก ขาวในฤดูฝน เพื่อใชเปนอาหารประจําวันในครัวเรือนใหเพียงพอตลอดป เพ่ือตัดคาใชจายและ สามารถพ่ึงตนเองได พื้นท่ีสวนท่ีสามประมาณ 30% ใหปลูกไมผล ไมยืนตน พืชผัก พืชไร พืช สมนุ ไพร ฯลฯ เพื่อใชเ ปน อาหารประจําวนั หากเหลือบริโภคก็นําไปจําหนายและพื้นท่ีสวนท่ีส่ีประมาณ 10% ใชเปนท่ีอยูอาศัยเลี้ยงสัตวและโรงเรือนอ่ืนๆ (ถนน คันดิน กองฟาง ลานตาก กองปุยหมัก โรงเรอื น โรงเพาะเหด็ คอกสตั ว ไมดอกไมประดบั พชื ผกั สวนครวั หลังบา น เปน ตน ) ทฤษฎีใหมขั้นกาวหนา เมื่อเกษตรกรเขาใจในหลักการและไดลงมือปฏิบัติตามข้ันที่ หน่ึงในท่ีดนิ ของตนเปนระยะเวลาพอสมควรจนไดผลแลว เกษตรกรก็จะพัฒนาตนเองจากข้ัน “พออยู พอกนิ ” ไปสูขน้ั “พอมอี นั จะกนิ ” เพือ่ ใหมีผลสมบูรณย่ิงข้ึน จึงควรที่จะตองดําเนินการตามข้ันที่สอง และขน้ั ทสี่ ามตอไปตามลําดบั ขนั้ ท่ี 1 ทฤษฎีใหมข น้ั กลาง เม่อื เกษตรกรเขาใจในหลักการและไดปฏิบัติในที่ดินของ ตนจนไดผลแลว ก็ตองเริ่มข้ันท่ีสอง คือใหเกษตรกรรวมพลังกันในรูปกลุม หรือ สหกรณ รวมแรง รว มใจกนั ดําเนนิ การในดาน 1. การผลิต เกษตรกรจะตอ งรวมมือในการผลติ โดยเริม่ ตั้งแต ขัน้ เตรยี มดนิ การหาพันธุพืช ปยุ การหานาํ้ และอื่นๆ เพอื่ การเพาะปลกู 2. การตลาด เม่ือมีผลผลิตแลวจะตองเตรียมการตาง ๆ เพื่อการขายผลผลิต ใหไดประโยชนสูงสุด เชน การเตรียมลาดตากขาวรวมกัน การจัดหายุงรวบรวมขาว เตรียมหาเครื่อง สีขาว ตลอดจนการรวมกันขายผลผลิตใหไดร าคดแี ละลดคาใชจา ยลงดว ย 3. ความเปนอยู ในขณะเดียวกันเกษตรกรตองมีความเปนอยูท่ีดีพอสมควรโดย มปี จ จัยพนื้ ฐานในการดํารงชีวติ เชน อาหารการกนิ ตางๆ กะป นาํ้ ปลา เส้อื ผา ทพ่ี อเพยี ง 4. สวัสดิการ แตละชุมชนควรมีสวัสดิการและบริการท่ีจําเปน เชน มีสถานี อนามยั เมื่อยามปวยไข หรอื มีกองทนุ ไวใ หก ยู ืมเพื่อประโยชนในกจิ กรรมตาง ๆ 5. การศึกษา มีโรงเรียนและชุมชนมีบทบาทในการสงเสริมการศึกษา เชน มีกองทนุ เพ่อื การศกึ ษาเลาเรียนใหแกเยาวชนของชมุ ชนเอง เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาสงั คมและชุมชน 25 กศน. อำ� เภอธญั บุรี

เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพ่ือพัฒนาสังคมและชมุ ชน 18 กศน. อําเภอธญั บุรี 6. สงั คมและศาสนา ชมุ ชนควรเปน ศูนยก ลางในการพัฒนาสงั คมและจิตใจ โดย มีศาสนาเปนที่ยึดเหนี่ยว กิจกรรมท้ังหมดดังกลาวขางตน จะตองไดรับความรวมมือจากทุกฝาย ทีเ่ ก่ยี วของ ไมว า สวนราชการ องคกรเอกชน ตลอดจนสมาชิกในชมุ ชนน้ันเปน สาํ คัญ ขั้นท่ี 3 ทฤษฎีใหมขั้นกาวหนา เมื่อดําเนินการผาพนข้ันที่สองแลว เกษตรกรจะมี รายไดดีขึ้น ฐานะม่ังคงข้ึน เกษตรกรหรือกลุมเกษตรกรก็ควรพัฒนากาวหนาไปสูขั้นที่สามตอไป คือ ติดตอประสานงาน เพื่อจัดหาทุน หรือแหลงเงิน เชน ธนาคาร หรือบริษัทหางรานเอกชน มาชวย ในการทําธุรกิจ การลงทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิต ท้ังนี้ ทั้งฝายเกษตรกรและฝายธนาคารกับบริษัท จะไดร บั ประโยชนรว มกนั ทมี่ า : http://umongcity.go.th/(เว็บไซตข องเทศบาลอุโมงค) เรื่องที่ 3 การทาํ บัญชีครัวเรอื น การทําบัญชีรบั -จา ย หมายถึง การจดบันทกึ รายการเกี่ยวกบั การเงนิ ทกุ รายการ ทั้งท่ีไดร ับเขามา และที่ตองจายออกไปเพ่อื ศกึ ษาเปรียบเทียบผลการดําเนนิ กิจการวา ไดกําไร หรอื ขาดทนุ เพยี งไร ประโยชนของการทําบัญชรี ับ-จา ย 1.เพ่อื จดบันทึกรายการการดําเนินกจิ การเรยี งลําดับกอ นหลงั 2.งายตอ การตรวจสอบ 3.เปน การควบคมุ รักษาทรัพยส ินของกิจการ 4.ปอ งกนั ความผิดพลาดในการดาํ เนินกิจการ 5.สามารถปรับปรุงแกไขทัน 6.ทาํ ใหทราบฐานะของกจิ การ 7.เปน ประโยชนในการตรวจสอบผลกําไร-ขาดทุนไดทุกเวลา หลกั การทาํ บัญชรี บั -จา ย - จัดทําแบบฟอรมบัญชรี ับจา ยอยางงาย ใหสะดวกตอการจดบนั ทึกรายการ - จดบันทึกรายการเรียงลําดับตามเหตุการณทเ่ี ปนจรงิ ที่เกดิ ขน้ึ - สรุปยอดเงนิ รายรับรายจา ย ประจําวัน เปรยี บเทียบผลการดําเนนิ กิจการประจําวัน ยกยอดเงนิ ในบัญชีรบั -จายไปไวใ นวนั ถดั ไป หากเปน กจิ การท่ไี มมรี ายรบั -จา ยทุกวนั อาจสรปุ และประเมินผลรายรับ-จา ย เปนรายเดือนหรือ 2-3 เดอื นกไ็ ด การทําบญั ชี ถึงชา แต ชดั เจน (slow but sure) รายรับ มีทีม่ า 15 แหลง / ตกั นา้ํ ใสตุม จากการผลิต หยาดเหงอื่ แรงงานตนเอง 1. ขายผลผลติ จากการทําเกษตร 2. ขายผลผลิตจากการเล้ียงสัตว-ผลพลอยไดจ ากสัตว 3. ขายผลผลติ จากหตั ถกรรม 26 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาสังคมและชุมชน กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี

เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพ่อื พัฒนาสงั คมและชุมชน 19 กศน. อําเภอธัญบรุ ี 4. ขายสินคา ท่ซี ื้อมา หรอื ซ้อื มา-ขายไป เชน รา นชาํ ขายขาวแกง 5. ขายพืช-สัตว ทหี่ าจากธรรมชาติ รวมถงึ การเก็บขยะขาย รายได จากการใหบ ริการ 6. คา จา งจากการทํางาน 7. เงินเดอื น เบีย้ เลี้ยง คอมมิชชนั่ 8. เงนิ สงเคราะห บาํ เหน็จ บํานาญ โบนสั 9. รายไดจากการขาย/ใหเชา ทด่ี นิ ยานพาหนะ เคร่ืองมอื 10. รายรบั จากดอกเบย้ี เงินใหกู เงินฝาก เงินลงทุน ถงึ ได แต ไมแ นน อน ซ้ําอาจมีภาระ 11. รายไดจากการเสี่ยงโชค 12. ไดรับจากการกูยมื 13. ญาติทอ่ี ยูนอกครวั เรือนสงมาให 14. เงินชว ยงานแตง งานศพ ฯลฯ 15. ลาภลอย กรณีพิเศษ รายจาย เงินไหลออก 7 ชองทาง 1. คาใชจ ายในการประกอบอาชีพ 2. คา อาหาร 3. คา ยา-สุขภาพอนามยั 4. เส้อื ผา เครื่องแตง กาย เครอ่ื งประดับ 5. ทอ่ี ยอู าศัย 6. ลงทุน-สงั คม-พกั ผอน หยอนใจ 7. การศึกษา วงจรเปน หน้ีเกิดเมอ่ื เรารับไมท นั จา ย - จะแกอ ยางไร : วิถชี ีวติ - จะลดคาใชจ ายอะไรไดบาง - เพม่ิ รายได เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาสงั คมและชมุ ชน 27 กศน. อำ� เภอธัญบุรี

บญั ชีรายรบั - รายจาย เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชมุ ชน 20 ตัวอยาง กศน. อาํ เภอธัญบรุ ี บญั ชรี ายรบั - รายจาย ทมี่ า : https://sites.google.com/(เว็บไซตข องtik6346) เรอ่ื งท่ี 4 วิสาหกิจชมุ ชน/สหกรณ วิสาหกจิ ชุมชน (community enterprise) หมายถึง กจิ การของชุมชนเกี่ยวกับการผลิตสินคา การใหบริการหรือการอื่น ๆ ไทมี่ดวําาเจนะินเปกนารนโิตดทิบย่มี ุคคาคณ:ละhใบนttุครpูปคsแล:/บท/sบ่ีมitีใคeดวsา.หgมรoผือoูกไgพมleเันป.cนมoนีวmิถิตี/ชิบ(ีวเุควิตคบ็ รลไวซมเตพกข ื่อันอสแงรลtาiะkงร6รว3าม4ยต6ไดัว)  กันประกอบกจิ การดังกลาว \"สกกคแเว\"ไสลคแรทลรันาววทัฒอ่ืลรกัวารุนใะาปาุนงะาษจงในเมขงรทหเมสพขกณสพธหะอี่รหบนั่ืออรรก4่ือมวะงรกรม)1งรรอคกสิชสาิกคชา.มาบาาเยาํวุมราเยชพุมรหคพกิสขพชทรุมขพ่ือชกญัิจหาอื่อนุงึ่นชอกนึง่ิจหกพกงรข\"ทนพงาช\"าวือกาาวรอเาารมุไริสกติจปไพิสมงตงดพชมานาชนสวงึ่านไงันรหงึ่ไเุมดตเัสิงหกเอดตอจกอคนชหาล(กงนหื่นาcิจงมหเนมาขิจขเoมอขชวอกอาๆ/ชองmอ(าสุมยงิจงกงุมไยงทคหถชมแชmฎคถช่ีรดึงลกวนุมเรึงนuอแกําาะรอชแโnโบเตจดณณผบตนดนiะเคดูยtเคพฑยินyเพราํสมปรสียกทัวเียรอีeัวนนรงาาุปงnงชเุปนิรนชงเงคtุมโงกสิตมุินคeดปินชคัางิบชrือยนรือpรคแนุคแคะแrกตมแคกตiกณsลารทลลารอeระวะ่ีรระวใ)บปรมบนปอรมะหอรถะุครยรถหะมยึงหูปะครึงกวทาากัดวทแลายองราอผบทรงนถบัพงบัชพูคบี่มึงชอกยมุกนยีใคมุยาากดชาาใวรชกิจรหนก7าเนหรกเพรมอพรปาผ่ือผยผือื่รอรลกูกูรขลไกะผวาพมอผากรมลเันงรลาปจิกตชจริตัดนมันุมัดคกนีวคชเกวาปิถิตนวาารีชนาริบเมกมีว\"ชุค\"รท่ีิยตรทุมคู ุนูวรภุนชลภกวขูมนขูมมับอเิปอพิปกงกเญงปื่อชันญาชุมสญรนแุมญผรชลพาชาาลนะ่ีเนงทิตปร\"ทร\"ุนสวนอาุนอมินทยนยทยตคไาาอาาดัวงางงงง วัฒนธรรม ทุนทางสังคม (กฎเกณฑทางสังคมที่รอยรัดผูคนใหอยูรวมกันเปนชุมชน เปนพ่ีเปนนอง ไวใ จกัน) ลักษณะสาํ คัญของวิสาหกจิ ชมุ ชน มีองคประกอบอยางนอ ย 7 ประการ 1. ชุมชนเปน เจาของและผูดาํ เนินการ 28 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพอื่ พัฒนาสงั คมและชมุ ชน กศน. อ�ำเภอธญั บุรี

เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาสงั คมและชุมชน 21 กศน. อําเภอธัญบรุ ี 2. ผลผลิตมาจากกระบวนการในชุมชน โดยใชว ตั ถุดบิ ทรัพยากร ทุน แรงงานในชมุ ชน เปนหลัก 3. รเิ ร่มิ สรา งสรรคเปนนวัตกรรมของชมุ ชน 4. เปน ฐานภมู ปิ ญ ญาทองถ่ิน ผสมผสานภมู ิปญญาสากล 5. มีการดาํ เนินการแบบบูรณาการ เชอ่ื มโยงกิจกรรมตาง ๆ อยางเปนระบบ 6. มีกระบวนการเรยี นรู เปน หวั ใจ 7. มีการพึง่ พาตนเองของครอบครวั และชมุ ชนเปน เปาหมาย เครอื ขา ยวิสาหกจิ ชุมชน หมายถงึ คณะบคุ คลทรี่ วมตวั กนั โดยมวี ัตถปุ ระสงคในการทํากจิ กรรมอยางหน่ึงอยางใด เพ่อื ประโยชน ในการดําเนนิ งาน ของวิสาหกจิ ชุมชนในเครอื ขา ย ประโยชนข องวสิ าหกิจชมุ ชน 1. การรวมตวั กันของเกษตรกรในการประกอบธุรกิจในระดบั ชมุ ชน มีความมั่นคง ไดรบั การรบั รองตามกฎหมาย 2. การสง เสริมความรู ภมู ิปญ ญาทอ งถ่ิน การพัฒนาความสามารถในการจดั การ ตรงตามความตอ งการท่ีแทจรงิ 3. ระบบเศรษฐกจิ ชมุ ชนมีความเขม แข็ง พึ่งพาตนเองได มคี วามพรอมทจ่ี ะพัฒนา สําหรับการแขง ขันทางการคาในอนาคต บทบาทของกรมสง เสริมเกษตรกร 1. เปนหนวยงานนติ ิบุคคลตาม พรบ. สงเสรมิ วิสาหกิจชมุ ชนในการรบั จดทะเบยี นวิสาหกิจ ชมุ ชนและเครอื ขายวิสาหกจิ ชุมชน และการเลิกกจิ การของวิสาหกจิ ชมุ ชนและเครือขา ย 2. เปน สาํ นักงานเลขานกุ ารของคณะกรรมการสงเสรมิ วิสาหกิจชุมชน ซงึ่ มีนายกรัฐมนตรีเปน ประธานอธิบดกี รมสงเสริมการเกษตรเปน เลขานกุ าร โดยมผี ูแทนกรมสงเสรมิ การเกษตร และผูแ ทนกรมการพัฒนาชุมชนเปนผชู วยเลขานุการ 3. ประสานงานกับหนว ยงานท่เี กี่ยวขอ งเพอื่ ใหการสง เสริมและสนบั สนุนการพัฒนาวิสาหกิจ ชุมชนและเครือขา ยวสิ าหกิจชุมชน อยา งครบวงจร 4. ประสานงานในการใหการสนบั สนนุ แกก จิ การวสิ าหกจิ ชุมชนที่มปี ญหาเก่ียวกบั เงินทุนใน การประกอบการ 5. จัดใหมีการฝก อบรมหรือการถา ยทอดความรูท่เี ปนประโยชนแ ละเปนไปตามความตองการ ของวิสาหกิจชุมชนทง้ั ดา นเทคโนโลยกี ารผลิต การจดั การ การบญั ชี ภาษอี ากร และ การตลาด การเตรียมความพรอ มของกรมสงเสริมการเกษตร 1. จัดเตรยี มยกรางหลักเกณฑ กฎระเบียบในการปฏิบัตงิ าน ขอความเหน็ ชอบ จาก คณะกรรมการสง เสรมิ วสิ าหกิจชมุ ชน เพอื่ ประกาศเปนขอ กาํ หนดในการปฏิบัตงิ าน 2. เตรียมความพรอมของเจาหนา ท่ีสง เสรมิ การเกษตรในระดบั ตา ง ๆ ศนู ยบรกิ าร และถา ยทอดเทคโนโลยีเพือ่ ใหรบั ทราบและเขา ใจบทบาทหนาที่ เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชุมชน 29 กศน. อำ� เภอธัญบุรี

เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พฒั นาสงั คมและชมุ ชน 22 กศน. อําเภอธญั บุรี 3. เตรยี มเนื้องานทปี่ ระกอบดวยโครงสรา งและเน้ือหาทช่ี ดั เจน ใหม ีความพรอมปฏิบตั ิงาน ไดท นั ทีที่พระราชบัญญัตปิ ระกาศใช ทม่ี า : http://doh.hpc.go.th/data/(เวบ็ ไซตเ อกสารของวสิ าหกจิ ชมุ ชน) สหกรณ สหกรณ คอื \"องคกรๆ หนึ่ง ทีเ่ กิดข้นึ จากการรวมกลมุ กันดว ยความสมคั รใจ เพื่อดาํ เนนิ งาน ท้งั ในดา นความคดิ ระบบบริหารจดั การผลผลติ และบุคคลโดยใชห ลักประชาธิปไตย เพือ่ สนองความ ตอ งการ (อนั จําเปน) ท้งั ดานเศรษฐกจิ สังคม และวัฒนธรรม\" บทนิยามของคํา \"สหกรณ\" (แกไ ขใหม) สหกรณ น.องคก รทางเศรษฐกจิ และสังคมท่ีสมาชิกรวมกนั จดั ต้งั ขึ้นดวยการลงหุนรวมกนั จดั การรวมกันในการผลิต การจําหนายสินคา หรอื บรกิ ารตามความตองการหรือผลประโยชนอ ยาง เดยี วกันของบรรดาสมาชกิ สมาชิกแตล ะคนมสี ิทธิ์ออกเสยี งไดห นง่ึ เสยี งในการบรหิ ารสหกรณ โดยไม ขนึ้ กับจํานวนหนุ ทถี่ ืออยู เชน สหกรณอ อมทรัพย สหกรณก ารเกษตร สหกรณโคนม, (กฎ) คณะบุคคล ซง่ึ รวมกนั ดาํ เนินกิจการเพ่ือประโยชนทางเศรษฐกิจและสังคม โดยชว ยตนเองและชวยเหลอื ซึง่ กนั และ กัน และไดจ ดทะเบียนตามกฎหมายวาดว ยสหกรณ. หมายเหตุ จากหนังสือราชบณั ฑติ ยสถาน ท่ี รถ ๐๐๐๔/๘๐๐ ลงวนั ที่ ๒๑ มนี าคม ๒๕๕๐ ทม่ี า : https://www.cpd.go.th/(เวบ็ ไซตข องกรมสง เสริมสหกรณ) 30 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพ่ือพฒั นาสงั คมและชมุ ชน กศน. อ�ำเภอธัญบุรี

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 การเรยี นรู้การใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสม เรอื่ งท่ี 1 การอนุรกั ษส์ ิ่งแวดลอ้ ม การอนุรักษ์สงิ่ แวดลอ้ ม หมายถึง การใชท้ รพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ มอยา่ งฉลาด โดยใชใ้ หน้ อ้ ย เพ่ือให้เกดิ ประโยชน์สงู สุด โดยคำ� นงึ ถึงระยะเวลาในการใช้ใหย้ าวนาน และกอ่ ใหเ้ กดิ ผลเสียหายตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มนอ้ ยทสี่ ดุ รวมทง้ั ตอ้ งมกี ารกระจายการใชท้ รพั ยากรธรรมชาตอิ ยา่ งทว่ั ถงึ อยา่ งไรกต็ าม ในสภาพ ปจั จบุ นั ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มมคี วามเสอ่ื มโทรมมากขน้ึ ดงั นน้ั การอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดลอ้ มจงึ มคี วามหมายรวมไปถึงการพฒั นาคุณภาพส่ิงแวดลอ้ มดว้ ย ความส�ำคัญของสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าสง่ิ แวดลอ้ มน้ันจะมชี ีวติ หรอื ไมม่ ีชีวิต ก็ลว้ นก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์และโทษต่อส่ิงมีชวี ิตไดท้ งั้ สนิ้ 1. สิง่ แวดลอ้ มทางกายภาพหรือสิ่งแวดลอ้ มท่ไี ม่มีชีวิต มีความส�ำคญั ต่อส่ิงมีชวี ิตที่อาศยั อยใู่ น สง่ิ แวดลอ้ มนน้ั เชน่ นำ�้ ใชเ้ พอ่ื การบรโิ ภคและเปน็ ทอี่ ยอู่ าศยั ของสตั วน์ ำ�้ อากาศใชเ้ พอ่ื การหายใจของมนษุ ย์ และสตั ว์ ดนิ เป็นแหล่งที่อยอู่ าศยั ของสงิ่ มีชีวติ บนบก แสงแดดใหค้ วามร้อนและช่วยในการสงั เคราะห์แสง ของพืช 2. สิ่งแวดล้อมทางชวี ภาพ จะช่วยปรับให้สงิ่ มีชวี ิตอาศัยอยู่ในสภาพแวดลอ้ มทเี่ หมาะสมกบั การดำ� รงชีวติ ของมนั ได้ เช่น ช่วยให้ปลาอาศยั อยใู่ นน้�ำท่ลี กึ มากๆได้ ชว่ ยใหต้ ้นกระบองเพชรดำ� รงชวี ติ อยู่ ในทะเลทรายได้ 3. สงิ่ มชี วี ิตจะเปล่ียนแปลงไปตามสภาพแวดลอ้ ม เช่น มกี ารปรับตวั ให้เขา้ กับสภาพแวดลอ้ มใหม่ 4. ส่งิ แวดลอ้ มจะเปลี่ยนแปลงไปตามการกระทำ� ของสิง่ มีชีวิตท่ีอย่ใู นส่ิงแวดลอ้ มนั้น เช่น เมอ่ื สัตวก์ ินพชื มีจำ� นวนมากเกนิ ไปพืชจะลดจ�ำนวนลง อาหารและทอี่ ยู่อาศัยจะขาดแคลน เกิดการแก่งแยง่ กนั สงู ขึ้นท�ำใหส้ ัตวบ์ างส่วนตายหรือลดจ�ำนวนลงระบบนเิ วศก็จะกลับเข้าสภู่ าวะสมดุลอีกครัง้ หนง่ึ 5. สิง่ แวดล้อม จะกำ� หนดรูปแบบความสัมพันธข์ องสิ่งมชี วี ิตทอ่ี าศยั อย่ใู นส่ิงแวดลอ้ ม ในแงข่ องการ ถา่ ยทอดพลงั งานระหว่างผ้ผู ลติ ผบู้ รโิ ภค ผู้ย่อยสลาย ในแง่ของการอยรู่ ่วมกัน เกอื้ กูลกนั หรอื เบียดเบียน กนั มนุษย์สามารถใช้ประโยชนจ์ ากสิ่งแวดล้อมไดม้ ากมาย ในลักษณะท่แี ตกต่างไปจากสิ่งมีชวี ิตอื่น ๆ เช่น ใช้ประโยชน์จากดนิ เพื่อการเพาะปลูก ใชป้ ระโยชนจ์ ากท่งุ หญา้ เพือ่ การเลย้ี งสตั ว์ ใช้ประโยชนจ์ ากเหมอื ง แรเ่ พื่อการอุตสาหกรรม การอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มสามารถกระท�ำไดห้ ลายวิธี ทัง้ ทางตรงและทางออ้ ม ดงั นี้ 31 1. การอนุรักษส์ ง่ิ แวดลอ้ มโดยทางตรง ซึ่งปฏบิ ตั ไิ ด้ในระดบั บุคคล องคก์ ร และระดบั ประเทศ ทสี่ �ำคัญ คอื เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพื่อพฒั นาสังคมและชมุ ชน กศน. อ�ำเภอธญั บรุ ี

1) การใช้อยา่ งประหยดั คอื การใชเ้ ทา่ ที่มีความจำ� เป็น เพื่อให้มีทรัพยากรไว้ใชไ้ ดน้ านและเกดิ ประโยชน์อยา่ งคุ้มคา่ มากที่สุด 2) การน�ำกลบั มาใชซ้ ำ้� อกี สิง่ ของบางอยา่ งเมอื่ มกี ารใช้แลว้ ครงั้ หนง่ึ สามารถท่จี ะน�ำมาใชซ้ ำ้� ไดอ้ กี เช่น ถงุ พลาสติก กระดาษ เป็นตน้ หรอื สามารถที่จะนำ� มาใชไ้ ดใ้ หมโ่ ดยผา่ นกระบวนการต่างๆ เช่น การน�ำ กระดาษทใี่ ชแ้ ล้วไปผ่านกระบวนการตา่ งๆ เพอ่ื ทำ� เป็นกระดาษแข็ง เป็นตน้ ซึง่ เป็นการลดปริมาณการใช้ ทรพั ยากรและการทำ� ลายสง่ิ แวดลอ้ มได้ 3) การบรู ณะซอ่ มแซม สงิ่ ของบางอย่างเมื่อใชเ้ ป็นเวลานานอาจเกดิ การชำ� รุดได้ เพราะฉะนัน้ ถา้ มกี ารบรู ณะซ่อมแซม ท�ำใหส้ ามารถยดื อายุการใช้งานตอ่ ไปได้อกี 4) การบ�ำบัดและการฟนื้ ฟู เปน็ วิธกี ารทีจ่ ะชว่ ยลดความเสือ่ มโทรมของทรพั ยากรดว้ ยการบ�ำบัด กอ่ น เชน่ การบำ� บดั นำ�้ เสียจากบ้านเรือนหรอื โรงงานอตุ สาหกรรม เปน็ ต้น กอ่ นท่จี ะปลอ่ ยลงสู่แหล่งนำ้� สาธารณะ สว่ นการฟ้นื ฟเู ป็นการรือ้ ฟื้นธรรมชาติให้กลบั สสู่ ภาพเดิม เชน่ การปลกู ป่าชายเลน เพอื่ ฟ้นื ฟู ความสมดลุ ของปา่ ชายเลนให้กลับมาอดุ มสมบรู ณ์ เป็นตน้ 5) การใชส้ ่ิงอื่นทดแทน เป็นวิธีการที่จะช่วยใหม้ ีการใช้ทรพั ยากรธรรมชาตินอ้ ยลง และไมท่ �ำลาย ส่งิ แวดลอ้ ม เชน่ การใชถ้ ุงผ้าแทนถงุ พลาสตกิ การใช้ใบตองแทนโฟม การใช้พลังงานแสงแดดแทน แรเ่ ชือ้ เพลิง การใช้ปยุ๋ ชวี ภาพแทนปุ๋ยเคมี เป็นตน้ 6) การเฝา้ ระวงั ดแู ลและปอ้ งกนั เปน็ วธิ กี ารทจ่ี ะไมใ่ หท้ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มถกู ทำ� ลาย เช่น การเฝ้าระวังการทิ้งขยะ สิง่ ปฏกิ ลู ลงแม่น้ำ� คูคลอง การจัดทำ� แนวปอ้ งกันไฟป่า เป็นต้น 2. การอนุรกั ษส์ ่ิงแวดล้อมโดยทางอ้อม สามารถท�ำได้หลายวิธี ดงั น้ี 1) การพฒั นาคณุ ภาพประชาชน โดยสนับสนุนการศกึ ษาดา้ นการอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและ สงิ่ แวดลอ้ มทถ่ี กู ตอ้ งตามหลกั วชิ า ซงึ่ สามารถทำ� ไดท้ กุ ระดบั อายุ ทงั้ ในระบบโรงเรยี นและสถาบนั การศกึ ษา ต่างๆ และนอกระบบโรงเรียนผ่านสอื่ สารมวลชนตา่ งๆ เพอ่ื ให้ประชาชนเกดิ ความตระหนักถงึ ความสำ� คญั และความจำ� เป็นในการอนรุ ักษ์ เกดิ ความรักความหวงแหน และใหค้ วามร่วมมอื อย่างจรงิ จงั 2) การใช้มาตรการทางสังคมและกฎหมาย การจดั ตงั้ กลมุ่ ชมุ ชน ชมรม สมาคม เพอ่ื การอนรุ ักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มตา่ งๆ ตลอดจนการใหค้ วามร่วมมือทัง้ ทางด้านพลงั กาย พลงั ใจ พลงั ความคิด ดว้ ยจิตส�ำนกึ ในความมคี ุณค่าของสง่ิ แวดล้อมและทรพั ยากรทม่ี ีตอ่ ตวั เรา เชน่ กลุ่มชมรมอนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มของนักเรียน นกั ศกึ ษา ในโรงเรียนและสถาบนั การศกึ ษาตา่ งๆ มลู นิธิ ค้มุ ครองสตั วป์ า่ และพรรณพืชแห่งประเทศไทย มูลนธิ สิ บื นาคะเสถียร มูลนิธิโลกสเี ขียว เป็นต้น 3) ส่งเสริมใหป้ ระชาชนในทอ้ งถ่นิ ได้มีส่วนรว่ มในการอนรุ กั ษ์ ช่วยกันดูแลรักษาให้คงสภาพเดิม ไม่ ให้เกิดความเสอื่ มโทรม เพอื่ ประโยชนใ์ นการดำ� รงชีวติ ในทอ้ งถนิ่ ของตน การประสานงานเพอ่ื สรา้ งความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนกั ระหว่างหน่วยงานของรัฐ องคก์ รปกครองส่วนท้องถนิ่ กบั ประชาชน ใหม้ ี บทบาทหน้าทีใ่ นการปกปอ้ ง คุ้มครอง ฟื้นฟูการใชท้ รพั ยากรอย่างคมุ้ คา่ และเกดิ ประโยชนส์ งู สุด 32 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพอื่ พัฒนาสังคมและชุมชน กศน. อำ� เภอธญั บุรี

4) สง่ เสริมการศกึ ษาวจิ ัย คน้ หาวิธกี ารและพัฒนาเทคโนโลยี มาใชใ้ นการจดั การกับ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มให้เกิดประโยชน์สูงสุด เชน่ การใช้ความรทู้ างเทคโนโลยีสารสนเทศมา จัดการวางแผนพัฒนา การพฒั นาอปุ กรณเ์ ครือ่ งมอื เครื่องใชใ้ ห้มีการประหยัดพลังงานมากข้ึน การคน้ คว้า วิจัยวิธีการจัดการ การปรบั ปรุง พฒั นาสง่ิ แวดล้อมให้มีประสทิ ธภิ าพและย่งั ยนื เป็นต้น 5) การกำ� หนดนโยบายและวางแนวทางของรฐั บาล ในการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาสง่ิ แวดลอ้ มทง้ั ในระยะ สนั้ และระยะยาว เพอื่ เปน็ หลกั การใหห้ นว่ ยงานและเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ทเี่ กย่ี วขอ้ งยดึ ถอื และนำ� ไปปฏบิ ตั ิ รวม ทง้ั การเผยแพรข่ า่ วสารด้านการอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ มทางตรงและทางอ้อม เรอื่ งที่ 2 การประหยัดพลงั งาน ที่มา : http://www.maceducation.com (เว็บไซตข์ องแม็ค) เมอ่ื กลา่ วถงึ การประหยดั พลงั งาน ทกุ คนจะนกึ ถงึ การลดการใชพ้ ลงั งานนำ�้ มนั หรอื ลดการใชพ้ ลงั งาน ไฟฟ้า เพราะเป็นเรอื่ งใกล้ตวั ท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั ชวี ิตประจ้าวันของทกุ คนและนา่ จะเป็นส่งิ ท่ปี ฏิบตั ไิ ด้งา่ ยทส่ี ดุ และเหน็ ผลได้ชดั เจนทีส่ ุด เช่น ค่าใชจ้ า่ ยในการเตมิ น้ำ� มนั ในแตล่ ะเดอื นลดลง ค่าไฟฟา้ แต่ละเดือนลดลง เมือ่ เป็นเช่นนัน้ กส็ ามารถสรุปไดว้ า่ เราได้ประหยดั พลังงานแล้ว แต่จรงิ ๆ แลว้ ยงั มอี กี หลากหลายวิธีที่เรา สามารถชว่ ยกนั ประหยัดพลังงานและเปน็ วิธงี ่ายๆ ทีเ่ ราสามารถทา้ ได้ด้วยตัวเองทั้งส้ิน แต่ก่อนที่เราจะรู้ วธิ ีประหยัดพลังงานแบบง่ายๆ เราควรจะทา้ ความรู้จกั กับเจา้ พลงั งานกันกอ่ น พลงั งาน (Energy) หมายถงึ พลังตา่ งๆ ทนี่ า้ มาใชใ้ หเ้ กิดงาน พลงั ต่างๆ เชน่ ไฟฟา้ น�้ำมัน ถา่ น ฟืน ลม แสงอาทิตย์ เปน็ ตน้ พลังงานแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1. พลังงานใชแ้ ล้วหมด หรือทเี่ รียกกันวา่ พลังงานฟอสซิล ซึง่ เปน็ พลังงานสิ้นเปลอื ง พลังงาน พวกนไ้ี ดแ้ ก่ นำ�้ มนั ถ่านหนิ ก๊าซธรรมชาติ 2. พลงั งานใช้ไมห่ มด หรอื พลังงานหมนุ เวียน ได้แก่ แกลบ ชานออ้ ย ชวี มวล (เชน่ มูลสตั ว์ และกา๊ ซชีวภาพ) น้�ำ แสงอาทิตย์ คล่นื เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพอื่ พัฒนาสังคมและชมุ ชน 33 กศน. อ�ำเภอธญั บรุ ี

พลงั งานไฟฟา้ เป็นพลังงานทีเ่ ปล่ียนมาจากพลังงานรูปอ่ืน ซงึ่ เกิดจากการเคลือ่ นทข่ี องอเิ ล็กตรอนผ่าน ตวั นา้ ไฟฟา้ โดยอเิ ลก็ ตรอนเคล่ือนจากข้วั ท่จี ่ายอิเล็กตรอนไดด้ ไี ปสูข้วั ที่รับอเิ ล็กตรอนได้ดี (ขั้วลบไปหา ขว้ั บวก ) แตไ่ ฟฟา้ เปน็ กระแสสมมตุ เิ คลอ่ื นสวนทางกบั อเิ ลก็ ตรอนจากขวั้ บวกไปขวั้ ลบพลงั งานนำ�้ มนั เปน็ พลงั งานทีเ่ กิดจากซากสตั วแ์ ละซากพืชทีต่ ายมานานเปน็ ล้านปี ทับถมสะสมกนั จมอยใู่ ตด้ นิ แล้วเปล่ยี น รปู เป็น “ฟอสซิล” ซ่งึ ระหว่างนน้ั ก็มกี ารเปลยี่ นแปลงตามธรรมชาติจนฟอสซิลกลายเปน็ น�ำ้ มันดบิ ถา่ นหนิ กา๊ ซธรรมชาติ เราจงึ เรยี นเชอื้ เพลงิ ประเภทน้ีว่า “เช้ือเพลิงฟอสซิล” พลังงานเป็นสง่ิ ที่มีความส�ำคัญต่อ ระบบเศรษฐกจิ และการดำ� เนินชีวติ ของประชาชนทั่วโลก เปน็ ปจั จยั ท่ที �ำใหโ้ ลกมีการพัฒนาขับเคลอ่ื นไป ข้างหนา้ ได้ พลังงานไดเ้ ปน็ สิ่งที่มคี วามเปน็ สากล เนอ่ื งจากพลังงานเป็นสิง่ ท่มี คี วามจำ� เปน็ ตอ่ ทุกๆ อยา่ ง และมคี วามสำ� คัญตอ่ ทง้ั ทางเศรษฐกจิ สงั คม และการเมอื งของโลกเมอ่ื เราไดร้ ู้จกั กบั พลงั งานและรถู้ งึ ความ สำ� คัญของพลงั งานกนั แลว้ กน็ ่าจะถึงเวลาแลว้ ที่เราจะตอ้ งหนั มาช่วยกัน ประหยัดพลังงานเพือ่ ใหส้ ามารถ มีพลงั งานใชไ้ ดต้ ลอดไป ดว้ ยวธิ ีการงา่ ยๆ คือ 1.ดา้ นประหยัดพลังงานไฟฟา้ 1.1 คอมพิวเตอร์ - ไม่เปิดเคร่อื งคอมพิวเตอรท์ ิ้งไว้นาน ๆ - ถอดปลก๊ั เมอื่ เลิกใช้งาน - ปดิ จอภาพเมอ่ื ไมใ่ ชง้ านนานเกินกวา่ 15 นาท ี - ตงั้ คอมพิวเตอรใ์ นบริเวณทม่ี กี ารระบายความร้อนได้ดี - เลอื กใช้คอมพิวเตอร์ท่มี รี ะบบประหยดั พลงั งานมีสัญลกั ษณ์ Energy Star - ควรซ้ือจอภาพท่มี ีขนาดไม่ใหญเ่ กนิ ไป 1.2 โทรทัศน์ - เลิกเปดิ โทรทศั นท์ ิง้ ไวเ้ มื่อไมม่ ีคนดู - เลิกปรับจอภาพให้สวา่ งเกนิ ความจ�ำเปน็ - เลิกเปิดโทรทศั นห์ ลายเครือ่ งเพอ่ื ดูเรอื่ งเดียวกนั ในเวลาเดยี วกัน - เลิกปิดโทรทัศน์ดว้ ยตัวรโี มทคอนโทรล เพราะเปลอื งไฟกว่า - เลือกซ้ือโทรทัศนข์ นาดให้เหมาะสมกับความจ�ำเปน็ 1.3 เครอื่ งปรบั อากาศ - ต้ังอณุ หภูมิที่ระดับร่างกายรู้สึกสบาย โดยไม่ต่ำ� กว่า 25 องศาเซลเซยี ส - ถา้ ไมอ่ ยูใ่ นห้องมากกว่า 1 ชว่ั โมง ควรปดิ เคร่ืองปรับอากาศ - ไม่ปลกู ตน้ ไม้หรือตากผา้ ในหอ้ งที่มกี ารปรับอากาศ เพราะไปเพม่ิ ความชนื้ ท�ำให้เครอ่ื ง ท�ำงานหนกั ขึ้น - หมนั่ ท�ำความสะอาดแผน่ กรองอากาศอยา่ งสมำ�่ เสมอ อย่าให้มฝี ุ่นเกาะ - อยา่ นำ� ส่งิ ของไปวางขวางทางลมเขา้ - ออก ของชดุ ระบายความรอ้ นทอี่ ยู่นอกบา้ น - อยา่ ติดต้ังชุดระบายความรอ้ นใกล้ผนงั เกินไป - เลือกขนาดเครอื่ งปรบั อากาศให้เหมาะสมกบั หอ้ ง 34 เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาสังคมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี

1.4 หลอดไฟฟ้า - ปดิ หลอดไฟบางบรเิ วณใหเ้ ร็วกว่าทเี่ คยปฏิบัติ - อย่าเปิดไฟทิง้ ไว้เมอ่ื ไมม่ ีคนอยู่ - ลดจำ� นวนหลอดไฟในบริเวณทีอ่ าศัยแสงธรรมชาตไิ ด้ - อยา่ ใช้หลอดไฟที่ไมไ่ ด้มาตรฐาน - หมน่ั ทา้ ความสะอาดตัวหลอดและโคมไฟไมใ่ ห้มฝี ุน่ เกาะ 1.5 พดั ลม - เลกิ เปดิ ทง้ิ ไว้เมอ่ื ไม่มีใครอยู่ - ถ้าใช้พัดลมท่มี รี ะบบรโี มทคอนโทรลต้องถอดปลกั๊ ทนั ทีท่ีเลกิ ใช้ - ย่งิ เปดิ ลมแรงขน้ึ ยิง่ ใชไ้ ฟมากขนึ้ - ท�ำความสะอาดใบพัด ตะแกรงครอบและแผงหุม้ มอเตอร์พดั ลม อย่าใหม้ ีฝนุ่ เกาะ - ตง้ั พดั ลมในที่มีอากาศถา่ ยเทสะดวก 1.6 กระติกนำ้� รอ้ น - เลกิ ใสน่ ำ�้ เกนิ กวา่ ที่ต้องการใช้ - อยา่ เสยี บปลก๊ั ทิ้งไวน้ านก่อนการใช้งานจรงิ - เลกิ ต้มนำ�้ ในห้องทมี่ ีการปรบั อากาศ - ถอดปล๊ักทนั ทที ่ีเลกิ ใช้ - อยา่ นำ� น�ำ้ เยน็ ไปต้มทันที 2. ด้านประหยัดพลังงานน�ำ้ มัน - วางแผนก�ำหนดเส้นทางเปา้ หมายกอ่ นออกเดนิ ทาง - ไมค่ วรบรรทุกหนักเกินไป หลกี เลีย่ งการบรรทกุ สิ่งของที่ไมจ่ า้ เปน็ - ตรวจวดั ลมยางอยู่เสมอ ปรบั ลมยางให้เหมาะสมตามมาตรฐานท่ผี ผู้ ลติ รถยนตแ์ นะน�ำ ในคู่มือการใชร้ ถ - ตรวจรถยนต์ประจ้าวัน โดยใช้เวลาอย่างนอ้ ย 2 - 3 นาทใี นแต่ละวนั ตรวจจุดตา่ งๆ ท่ีเกยี่ วข้องกบั การทำ� งานของรถก่อนออกเดินทาง - ปิดเครือ่ งปรบั อากาศ ไฟหน้ารถ เครอ่ื งเสียงทุกครัง้ ก่อนสตาร์ทเครอ่ื งยนต์ - ทางเดียวกันไปรถคันเดยี วกนั - ทุกครง้ั ก่อนจะออกรถควรอุ่นเครื่องยนตใ์ หเ้ ครื่องทำ� งานถึงอณุ หภมู ปิ กติ (ประมาณ 80 องศาเซลเซียส) หรอื เมอื่ สตาร์ทเครื่องยนต์ใหท้ �ำงานแลว้ ควรปล่อยทิ้งไว ้ 1 – 2 นาที - ไม่ควรออกรถกระชากและเล้ยี วอย่างกะทนั หนั เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชมุ ชน 35 กศน. อ�ำเภอธัญบุรี

- เลอื กใชเ้ กยี ร์ให้เหมาะสมกบั ความเร็ว - ไม่ควรเบรกอยา่ งรนุ แรง - อย่าเหยียบคลัตชโ์ ดยไม่จ้าเป็น เพื่อปอ้ งกนั ไมใ่ ห้แผ่นคลัตชส์ ึกหรอเร็ว - ขบั รถทีค่ วามเร็วประหยัด ควรขบั รถด้วยความเรว็ สม่�ำเสมอในอตั ราทีเ่ หมาะสม คอื 80 – 90 กโิ ลเมตร/ชวั่ โมง ที่ 1,800 รอบต่อนาที - ควรเปดิ เครอื่ งปรบั อากาศแตพ่ อเหมาะ ปรบั ปมุ่ ความเย็นและความแรงลมใหส้ มั พนั ธ์กนั - ไม่ควรตดิ เครื่องยนต์ระหวา่ งจอดรถรอ จะเหน็ ไดว้ า่ การประหยดั พลงั งานเปน็ เรอื่ งทไ่ี มย่ ากเลย และทกุ คนสามารถทา้ ได้ สามารถประหยดั พลังงานได้ดว้ ยตัวคณุ เอง แตท่ กุ คนจะตอ้ งตระหนักถึงความส�ำคัญของการประหยัดพลงั งานและที่สำ� คัญ ต้องมกี ารปฏิบตั อิ ย่างจรงิ จงั และตอ่ เน่ือง เพ่อื ที่จะได้มีพลังงานเหลือใชไ้ ปตลอดจนชัว่ ลูกชัว่ หลานตอ่ ไป การประหยดั พลังงานในบา้ น 1. ออกแบบบา้ นและหันทศิ ทางของบ้านใหเ้ หมาะสมเลือกซื้อบา้ นหรือออกแบบบ้านที่มลี กั ษณะ โปรง่ อากาศถ่ายเทไดส้ ะดวก มกี ารระบายความร้อนไดด้ ีส�ำหรบั ทศิ ทางของบา้ นควรหันหน้าไปในแนว ทิศเหนอื - ใตเ้ พอื่ หลกี เลยี่ งไมใ่ หแ้ สงอาทิตย์เขา้ สูช่ อ่ งเปดิ ของอาคารโดยตรง หากหลกี เลีย่ งไมไ่ ด้ควรใช้ อุปกรณบ์ ังแดด เช่น ติดตง้ั กนั สาด หรอื ปลกู ตน้ ไมช้ ว่ ย และ สรา้ งบ้านด้วยวัสดทุ เี่ ปน็ ฉนวนกันความรอ้ น ไดด้ ี ต้ังแต่หลงั คาจนถงึ กรอบผนัง 2. ปลกู ตน้ ไม้เพ่อื ให้ร่มเงาแกต่ วั บ้านจะช่วยลดการใชไ้ ฟฟ้าเพื่อปรบั อากาศและถา่ ยเทอากาศ 3. เลอื กซื้อแต่อุปกรณท์ ปี่ ระหยดั พลงั งานเช่น เลอื กซือ้ อุปกรณ์ท่ีมีฉลากเบอร์ 5 เปน็ ต้น 4. ใช้น�ำ้ อย่างประหยัดน�้ำประปาทเี่ ราใชม้ าจากแหล่งน้�ำธรรมชาติ แต่ผา่ นกระบวนการกรองและ ฆา่ เชอ้ื จนสะอาดและบรโิ ภคได้ ซงึ่ ตอ้ งอาศยั พลงั งานในกระบวนการเหลา่ นน้ั ดงั นน้ั การใชน้ ำ้� อยา่ งประหยดั จงึ เป็นการประหยัดพลงั งานด้วย 36 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาสงั คมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี

4.1 ใชห้ ัวกอ็ กท่ีมตี ัวลดอัตราการไหลของน้�ำให้อ่อนลง 4.2 ปดิ ก็อกนำ้� ในระหว่างแปรงฟนั สระผม หรือโกนหนวด 4.3 ใช้ไมก้ วาดในการกวาดพน้ื แทนการใช้น�ำ้ ฉีดเพอื่ ทา้ ความสะอาด 4.4 ลา้ งรถด้วยน�้ำถังและฟองน้�ำ แทนการใชส้ ายยางฉีดน�้ำ 4.5 ใช้นำ้� จากการซักลา้ ง หรือถูพืน้ เพ่อื รดน้�ำต้นไม้แทนการใชน้ ำ้� ประปา โดยตรง 5. การใชเ้ ตากา๊ ซ 5.1 ควรเลือกใชถ้ งั กา๊ ซทีม่ เี ครอ่ื งหมายส�ำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) 5.2 ควรใชส้ ายยางหรือสายพลาสตกิ ชนดิ ยาว และมีความยาว 1-1.5 เมตร 5.3 ตัง้ เตาก๊าซให้ห่างถงั กา๊ ซประมาณ 1-1.5 เมตร 5.4 ปิดวาลว์ ทห่ี วั เตาและหวั ปรบั ความดนั เม่ือเลิกใช้ 6. การใชเ้ ตาถ่าน 6.1 ควรเลือกใช้เตาถ่านชนิดที่มีประสิทธิภาพสงู 6.2 เตรียมอาหารสด เคร่อื งปรงุ และอุปกรณก์ ารท�ำอาหารให้พรอ้ มก่อนติดไฟ ไมค่ วรติดไฟรอนานเกนิ ไปจะสน้ิ เปลอื งถ่าน 6.3 เลอื กขนาดของหมอ้ หรอื กระทะใหเ้ หมาะสมกบั ปรมิ าณอาหารทจ่ี ะปรงุ รวมทง้ั ประเภท ของอาหารท่จี ะปรุง 6.4 ควรทุบถ่านใหม้ ีขนาดพอเหมาะคอื ประมาณช้ินละ 2-4 ซม. 6.5 ไม่ควรใชถ้ ่านมากจนลน้ เตา 6.6 อยา่ ใชถ้ า่ นท่ีเปียกช้นื จะติดไฟยากและสน้ิ เปลือง 6.7 ขจดั ขเี้ ถา้ ในรังผ้งึ ออกใหห้ มดก่อนท่ีจะตดิ ไฟทกุ ครัง้ จะไดเ้ ผาไหม้ถ่านไดด้ ี 7. การใชห้ ลอดแสงสวา่ ง 7.1 ปิดไฟเมอื่ ไมใ่ ชง้ าน 7.2 หมน่ั ท้าความสะอาดหลอดแสงสวา่ งและโคมไฟ 7.3 ใชแ้ สงสว่างเท่าทจี่ า้ เป็น ในกรณที ่ีต้องใชก้ บั สถานที่ท่ีต้องเปิดไฟท้ิงไว้ตลอดคืน ควรใช้ หลอดคอมแพคฟลอู อเรสเซนต์ 7.4 บรเิ วณใดทเี่ คยใชห้ ลอดไส้ ควรหนั มาเปลี่ยนเปน็ หลอดคอมแพคฟลอู อเรสเซนต์ 7.5 ใชห้ ลอดประหยัดพลังงาน เช่น หลอดผอม (หลอดฟลอู อเรสเซนต์) ซงึ่ ประหยดั พลงั งานมากกวา่ หลอดไส้ 4-5 เทา่ และมีอายกุ ารใช้งานนานกวา่ หลอด ไส้ 8 เทา่ 7.6 ใชแ้ สงธรรมชาติแทนการเปิดหลอดแสงสวา่ ง เช่น ห้องครวั ห้องเกบ็ ของ ห้องนำ้� ทางเดิน เป็นตน้ 7.7 ควรทาสผี นงั หรอื เลือกวสั ดพุ นื้ หอ้ งทีเ่ ปน็ สอี อ่ นๆเพอ่ื ช่วยสะท้อนแสงสวา่ งภายในห้อง เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพอื่ พัฒนาสังคมและชมุ ชน 37 กศน. อ�ำเภอธัญบรุ ี

8. การใชต้ เู้ ย็น 8.1 เลือกใชต้ เู ยน็ ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 8.2 เลอื กใชแ้ บบทม่ี ฉี นวนกันความร้อนชนดิ โฟมฉดี 8.3 ต้เู ยน็ แบบประตูเดียว จะใช้ไฟฟ้านอ้ ยกว่าแบบ 2 ประตู ในขนาดท่เี ท่ากัน 8.4 ใชข้ นาดให้เหมาะสมกบั ครอบครวั เช่น ครอบครวั ขนาด 3-4 คน ควรใชต้ ู้เยน็ ขนาด 4.5-6 ควิ ควรตง้ั ใหห้ า่ งจากฝาผนงั ไมน่ อ้ ยกวา่ 15 ซม. และมอี ากาศถ่ายเทไดด้ ี 8.5 ตั้งสวิตชค์ วบคุมอุณหภมู ใิ ห้เหมาะสม เพราะยงิ่ ตัง้ อุณหภมู ใิ ห้เย็นมาก กย็ ิ่งสนิ้ เปลือง ไฟฟ้ามาก 8.6 อยา่ เปิดตูเ้ ยน็ บอ่ ยหรอื เปิดไวน้ านๆ 8.7 อย่าน�ำของที่ยงั มีความร้อนเขา้ ไปแช่ 8.8 ละลายน�้ำแขง็ อย่างสมำ่� เสมอ 8.9 หม่นั ทำ� ความสะอาดแผงความร้อนทอี่ ยู่ด้านหลงั ของตูเ้ ยน็ 9. การใช้เคร่อื งปรับอากาศ 9.1 เลือกขนาดทเ่ี หมาะสม ตวั อยา่ งเช่น หอ้ งท่ีมีความสูงไมเ่ กิน 3 เมตร และมพี ้ืนท่ี หอ้ งขนาด 13-15 ต.ร.ม. ควรใช้ขนาด 7,000-9,000 บีทีย/ู ชวั่ โมง ขนาดพ้ืนท่ี 16-17 ต.ร.ม. ควรใชข้ นาด 9,000-11,000 บีทีย/ู ช่ัวโมง เปน็ ต้น 9.2 ใช้เคร่ืองปรบั อากาศทีม่ ีประสทิ ธภิ าพสงู ทส่ี ุดซึง่ แสดงด้วย EER (Energy Efficiency Ratio) คอื อตั ราสว่ นระหว่างความสามารถในการให้ความเย็น ของเครอ่ื ง (บที ีย/ู ชัว่ โมง) ต่อกำ� ลังไฟฟ้า (วัตต)์ ซ้อื เครอื่ งทีม่ ีค่า EER สงู ซง่ึ จะใหค้ วามเยน็ มากแต่เสยี คา่ ใช้จ่ายไฟฟ้าน้อยกว่าเครอ่ื งทม่ี ีคา่ EER ตำ่� 9.3 ตัง้ ปุ่มปรับอณุ หภมู ใิ ห้เหมาะสม อย่าปรับอุณหภมู ใิ ห้ต่ำ� เกินไป โดยปกติ ควรต้ังท่ีอณุ หภมู ิ 25 ้C 9.4 หมั่นท�ำความสะอาดแผ่นกรองอากาศไมใ่ ห้มฝี ุ่นจบั เพราะจะทำ� ใหป้ ระสิทธภิ าพ การท�ำความเยน็ ลดลง 9.5 เลือกใชเ้ ครอื่ งปรับอากาศทมี่ ฉี ลากประหยดั ไฟเบอร์ 5 10. การใช้เครอื่ งทา้ น�ำ้ อ่นุ ส�ำหรับอาบน�ำ้ 10.1 ควรเลอื กชนดิ ทม่ี ที ่ีกักเก็บตุนนำ�้ รอ้ น เพราะจะใช้ไฟฟา้ น้อยกว่าแบบนำ้� ไหลผา่ น ขด ลวดความร้อน 10.2 เลอื กขนาดของเครื่องให้เหมาะสมกับครอบครวั เน่ืองจากเป็นเครอื่ งที่ใช้ไฟฟ้ามาก 10.3 ไม่ควรเปดิ เคร่ืองตลอดเวลา โดยเฉพาะในเวลาถสู บใู่ นขณะอาบน้�ำ 10.4 ปดิ วาลว์ และสวิตช์ทนั ทเี มอ่ื เลิกใชง้ าน 38 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพ่ือพฒั นาสังคมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี

11. การใช้กระติกนำ�้ ร้อนไฟฟา้ หรอื กาตม้ นำ้� ไฟฟา้ 11.1 ใส่น้ำ� ใหพ้ อเหมาะและถา้ ต้มน้�ำตอ่ เน่อื งควรมีนำ�้ บรรจอุ ย่เู สมอ 11.2 เม่อื เลิกใชค้ วรถอดปล๊กั ทนั ที โดยเฉพาะ - เม่ือน้�ำเดอื ด - เมือ่ ไม่มีคนอยู่ เพราะนอกจากจะไม่ประหยดั พลงั งานแล้วยงั อาจท�ำให้เกิดอันตรายได้ 12. การใช้เตาไฟฟ้าและเตาอบ 12.1 ควรเตรยี มเครอื่ งประกอบอาหารใหพ้ รอ้ มรวมทัง้ จดั ลา้ ดับการปรงุ อาหาร 12.2 ไมค่ วรเปิดเตาไฟฟ้ารอไวน้ านเกินไป 12.3 ใชภ้ าชนะประกอบอาหารให้เหมาะสม - ภาชนะควรมีก้นแบนราบ จะได้สัมผสั ความรอ้ นได้ทั่วถึง - ภาชนะไมค่ วรมีขนาดเลก็ กว่าเตา จะสญู เสยี พลังงานโดยเปลา่ ประโยชน์ - ภาชนะควรมฝี าครอบปดิ ขณะหุง จะชว่ ยให้อาหารสกุ เร็วข้ึน 12.4 ปิดสวติ ชเ์ ตาไฟฟา้ กอ่ นเสร็จสิ้นการท้าอาหาร ดึงปลัก๊ ออกทนั ทีเม่ือเลิกใช้ 12.5 ควรเตรียมอาหารที่จะอบหลายๆ อยา่ งใหพ้ รอ้ มกนั ในเวลาเดียวกนั 12.6 อย่าเปิดเตาอบบ่อยๆ เพราะการเปดิ ประตแู ตล่ ะครงั้ จะสูญเสยี พลังงาน ประมาณรอ้ ยละ 20 13. การใชเ้ ตารีดไฟฟา้ 13.1 ควรตง้ั อณุ หภูมิ (ความรอ้ น) ให้เหมาะสมกบั ชนิดผา้ และแบง่ ผ้าชนิดเดยี วกนั ไว้ด้วยกนั เพือ่ หลกี เลีย่ งการปรับเปล่ยี นการต้ังอุณหภูมบิ ่อยครง้ั 13.2 ควรรวบรวมผ้าไวร้ ีดคราวละมากๆ และพรมนำ้� ให้หมดทุกตัว ก่อนจะรีดผ้า 13.3 อย่าพรมน้ำ� จนเปยี ก เพราะจะท้าใหต้ อ้ งรดี ผ้านานกว่าเดมิ สน้ิ เปลอื งไฟฟา้ 13.4 กอ่ นรดี ผ้าเสรจ็ ควรดึงปล๊ักก่อน เน่ืองจากยังมีความรอ้ นเหลอื อยู่พอท่ีจะรดี ต่อไปได้ 13.5 เวลาตากผ้าควรจัดรปู ทรงผ้าและดงึ ให้ตงึ เพ่ือใหเ้ สอื้ ผ้ายบั นอ้ ยท่ีสดุ จะทา้ ให้รดี งา่ ย และประหยัดไฟฟ้า 14. การใช้หม้อหงุ ข้าวไฟฟ้าอตั โนมัติ 14.1 เลอื กใช้ขนาดที่เหมาะสมกบั ครอบครัว 14.2 ไม่ควรใช้เวลาในการอุ่นข้าวให้นานเกนิ ควร ถอดปล๊กั ออกทนั ทีทีเ่ ลกิ ใชง้ าน 15. การใช้โทรทศั น์ 15.1 โทรทศั น์ทีม่ ขี นาดใหญข่ ้นึ จะท้าให้เสียค่าไฟฟ้าเพิ่มข้ึน 15.2 โทรทศั นท์ ่มี ีระบบรโี มทคอนโทรลจะใช้ไฟฟ้ามากกวา่ ระบบทว่ั ไปในขนาดเดียวกนั เพราะมวี งจรเพิม่ และใชไ้ ฟฟ้าตลอดเวลาแมว้ า่ จะไม่ใชเ้ คร่อื ง เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพ่อื พัฒนาสังคมและชุมชน 39 กศน. อำ� เภอธญั บุรี

15.3 ไมค่ วรเสยี บปลก๊ั ทง้ิ ไวถ้ ้าเสยี บปล๊กั ทงิ้ ไว้จะใช้ไฟฟ้าตลอดเวลา 15.4 โทรทัศน์ขาวด�ำจะใชไ้ ฟฟา้ นอ้ ยกวา่ โทรทัศน์สี 15.5 ปิดเม่ือไมม่ คี นดู 15.6 ควรตง้ั เวลาปดิ โทรทศั นโ์ ดยอัตโนมัติ ส�ำหรบั เครื่องท่มี ีระบบตง้ั เวลาปิด เพราะจะช่วยประหยดั ไฟส�ำหรับผู้ที่มักจะนอนไม่หลบั หนา้ โทรทศั น์หรือลืมปดิ เครื่อง 16. การใช้เครอ่ื งซกั ผ้า 16.1 แชผ่ า้ ก่อนเขาเครือ่ ง ท�ำให้งา่ ยต่อการซักผา้ 16.2 ผา้ ทซ่ี ักใหเ้ ปน็ ไปตามพิกัดของเครือ่ ง อย่าใสผ่ า้ มากเกนิ กำ� ลังของเครอ่ื ง หรือซักจำ� นวนนอ้ ยเกนิ ไป 16.3 ไม่ควรใช้เครือ่ งซักผา้ แบบทม่ี ีเคร่ืองอบแห้งดว้ ยไฟฟ้าในตัว เพราะสิ้นเปลอื งไฟฟา้ มาก ควรตากผา้ กบั แสงแดด หรือในทมี่ ลี มโกรก 17. การใช้เคร่ืองสบู น�ำ้ 17.1 ควรเลอื กซ้อื เครอ่ื งสบู ท่ถี ังความดนั ของเครอื่ งสบู น�ำ้ ขนาดใหญ่พอสมควร ถา้ เล็กเกินไปสวติ ช์อตั โนมตั จิ ะทา้ งานบอ่ ยขน้ึ มอเตอรท์ า้ งานมากขึน้ สน้ิ เปลืองไฟฟา้ 17.2 ควรสรา้ งบอ่ พักน�ำ้ ไว้ระดับพนื้ ดิน 17.3 หมนั่ ดแู ลท่อน�ำ้ ประปา และถังพักน้ำ� ของชกั โครก อยา่ ให้ช้ารุดหรือรั่ว เพราะจะทำ� ให้เครอ่ื งสบู น้�ำทำ� งานบ่อยสนิ้ เปลอื งไฟฟ้า 17.4 ควรบ�ำรุงรักษาเครื่องใหด้ อี ยู่เสมอ ที่มา : https://www.excise.go.th (เวบ็ ไซต์ของกรมสรรพสามติ ) เรื่องที่ 3 การบรหิ ารจัดการขยะ ขยะหรือมลู ฝอย (Solid waste) คือ เศษกระดาษ เศษผ้า เศษอาหาร เศษสนิ คา้ เศษวตั ถุ ถุงพลาสตกิ ภาชนะทใ่ี ส่อาหาร เถ้ามลู สตั ว์ ซากสตั วห์ รอื สง่ิ อนื่ ใดทเ่ี กบ็ กวาดจากถนน ตลาด ทเ่ี ลย้ี งสตั วห์ รอื ทอ่ี นื่ และหมายความรวมถงึ มลู ฝอยตดิ เชอื้ มลู ฝอยทเี่ ปน็ พษิ หรอื อนั ตรายจากชมุ ชนหรอื ครวั เรอื น ยกเวน้ วสั ดทุ ไี่ มใ่ ชแ้ ลว้ ของโรงงานซง่ึ มลี กั ษณะ และคุณสมบัติท่ีกำ� หนดไวต้ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยโรงงาน ประเภทของขยะมลู ฝอย 1. ขยะยอ่ ยสลาย (Compostable waste) หรือ มลู ฝอยย่อยสลาย คือ ขยะทีเ่ นา่ เสียและยอ่ ย สลายได้เรว็ สามารถนำ� มาหมกั ทำ� ป๋ยุ ได้ เชน่ เศษผกั เปลอื กผลไม้ เศษอาหาร ใบไม้ เศษเนื้อสัตว์ เปน็ ตน้ แตจ่ ะไมร่ วมถึงซากหรอื เศษของพืช ผัก ผลไม้ หรือสัตวท์ เี่ กิดจากการทดลองในห้องปฏบิ ตั ิการ โดยท่ีขยะ ย่อยสลายน้ีเปน็ ขยะทพ่ี บมากทส่ี ุด คือ พบมากถงึ 64% ของปริมาณขยะท้งั หมดในกองขยะ 40 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสงั คมและชุมชน กศน. อำ� เภอธัญบุรี

2. ขยะรไี ซเคลิ (Recyclable waste) หรอื มลู ฝอยทย่ี งั ใชไ้ ด้ คอื ของเสยี บรรจภุ ณั ฑ์ หรอื วสั ดเุ หลอื ใช้ ซง่ึ สามารถน�ำกลับมาใชป้ ระโยชนใ์ หม่ได้ เชน่ แก้ว กระดาษ เศษพลาสติก กล่องเครื่องด่มื แบบ UHT กระปอ๋ งเคร่ืองด่ืม เศษโลหะ อะลูมิเนยี ม ยางรถยนต์ เป็นต้น ส�ำหรับขยะรีไซเคิลน้เี ป็นขยะท่ีพบมากเป็น อันดบั ที่สองในกองขยะกล่าวคอื พบประมาณ 30% ของปริมาณขยะทงั้ หมดในกองขยะ เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาสงั คมและชุมชน 41 กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี

3. ขยะอนั ตราย (Hazardous waste) หรอื มลู ฝอยอนั ตราย คอื ขยะทมี่ อี งคป์ ระกอบหรอื ปนเปอ้ื น วัตถุอันตรายชนดิ ตา่ งๆ ซึง่ ไดแ้ ก่ วัตถุระเบิด วัตถุไวไฟ วัตถอุ อกซิไดซ์ วัตถุมพี ษิ วตั ถทุ ่ที �ำใหเ้ กิดโรค วัตถุ กรรมมนั ตรงั สี วัตถทุ ่ที ำ� ใหเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลงทางพันธกุ รรม วัตถกุ ัดกร่อน วัตถทุ ่ีก่อใหเ้ กดิ การระคาย เคือง วตั ถุอย่างอื่นไม่วา่ จะเปน็ เคมีภณั ฑ์หรือสิง่ อ่นื ใดท่ีอาจทำ� ใหเ้ กดิ อนั ตรายแกบ่ คุ คล สตั ว์ พืช ทรัพยส์ นิ หรอื สงิ่ แวดลอ้ ม เชน่ ถา่ นไฟฉาย หลอดฟลอู อเรสเซนต์ แบตเตอรโี่ ทรศพั ทเ์ คลอ่ื นที่ ภาชนะบรรจสุ ารกำ� จดั ศตั รพู ชื กระปอ๋ งสเปรยบ์ รรจสุ หี รอื สารเคมี เปน็ ตน้ ขยะอนั ตรายนเ้ี ปน็ ขยะทม่ี กั จะพบไดน้ อ้ ยทสี่ ดุ กลา่ วคอื พบประมาณเพียง 3% ของปรมิ าณขยะทง้ั หมดในกองขยะ 4. ขยะทว่ั ไป (General waste) หรอื มลู ฝอยทว่ั ไป คอื ขยะประเภทอนื่ นอกเหนอื จากขยะยอ่ ยสลาย ขยะรไี ซเคลิ และขยะอนั ตราย มลี กั ษณะทย่ี อ่ ยสลายยากและไมค่ มุ้ คา่ สำ� หรบั การนำ� กลบั มาใชป้ ระโยชนใ์ หม่ เชน่ ห่อพลาสตกิ ใสข่ นม ถุงพลาสติกบรรจผุ งซักฟอก พลาสติกหอ่ ลกู อม ซองบะหมกี่ ง่ึ ส�ำเรจ็ รูป ถุงพลาสติก เปอ้ื นเศษอาหาร โฟมเปอ้ื นอาหาร ฟอลย์ เปอ้ื นอาหาร เปน็ ตน้ สำ� หรบั ขยะทว่ั ไปนเ้ี ปน็ ขยะทม่ี ปี รมิ าณใกลเ้ คยี ง กบั ขยะอันตราย กล่าวคือ จะพบประมาณ 3% ของปรมิ าณขยะทั้งหมดในกองขยะ 42 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสังคมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธญั บุรี

ระยะเวลาการยอ ยสลายของขยะ ชนดิ ของขยะ ระยะเวลา เศษกระดาษ 2 - 5 เดอื น เปลือสม 6 เดอื น ถวยกระดาเคลือบ 5 ป กบหุ รี่ 12 ป รองเทาหนัง 25 – 40 ป โลหะ, กระปองอะลมู เิ นยี ม 80 – 100 ป ถุงพลาสติก 450 ป ผาออมเดก็ ชนิดสาํ เรจ็ รปู 500 ป โฟม ใชเวลานานมาก ระบุไมไ ด ท ีม่ ท า ม่ี :า ศh:รtศthลั pรtาtsัลชp:/าาs/ชแ:s/าลi/tแะseลiนstะe.าgนsงo.สาgoงาogสวolาเegบว.lcเญeบo.จcญmวoจร/mวรsรiณ/tรse iณ/t จekhัน/จkoทันhrงnoทเgrงรnkอ่ืเgaรงkrื่อkaโhงrคkyรโhaคงynกรaiงาcnกรhiาขcuรยhmขะuยใcmนะhใชcuนhุมnชuช/ุมnน(เช/ว)(นบ็ เว)ไ็บซตไซ์ขตอข งอนงานยาวยชิ วาชิชาัยช ัย วิธีการก�ำจดั ขยะมูลฝอย วธิ ีการก�ำจดั ขยะมลู ฝอยแบบผสมผสาน (Integrated solid waste disposal) 1) การเผาในเตาเผา (Incineration) เตาเผาท่ีสามารถเผาขยะชนดิ ต่างๆ ไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ จะไมท่ ำ� ใหเ้ กิดกลน่ิ และควนั รบกวน ไมก่ ่อ ใหเ้ กดิ อากาศเปน็ พิษ ความรอ้ นของเตาเผาขยะทใี่ ช้โดยท่ัวไปคือระหวา่ ง 676 -1100 องศาเซลเซียส, ณ ทคี่ วามร้อน 676 องศาเซลเซยี ส จะชว่ ยท�ำให้กา๊ ซที่เกิดขึ้นจากการเผาขยะถกู เผาไหม้ไดอ้ ย่างสมบูรณ,์ ที่ อุณหภมู ิ 760 องศาเซลเซยี ส จะท�ำใหก้ ารเผาไหม้ไมม่ ีกลิน่ รบกวน อย่างไรก็ตามการก�ำจดั ขยะมูลฝอยโดย วธิ ีน้เี หมาะกบั ขยะตดิ เช้อื บางชนดิ เชน่ ขยะติดเชอื้ จากโรงพยาบาล 2) วิธฝี ังกลบแบบขดุ เปน็ ร่อง (Trend Method) เหมาะสำ� หรับพืน้ ที่ซึง่ เป็นที่ราบ โดยขดุ ดนิ เปน็ ร่องลึก 2-3 เมตร ผนงั ดา้ นขา้ งควรท�ำมมุ 30 องศา กบั แนวระดบั กน้ ร่องควรกวา้ งประมาณ 3-10 เมตร ดนิ ท่ีขดุ ขนึ้ จะกองไวข้ า้ ง ๆ เพอื่ สะดวกใน การน�ำมา ปิดทับหน้าขยะ เมือ่ น�ำขยะมาเทกองในร่อง กใ็ ช้รถแทรกเตอรเ์ กลยี่ และบดอัดขยะใหแ้ นน่ หลงั จากนน้ั ตัก ดินข้าง ๆ มาปดิ ทับ และบดอัดขยะดว้ ยรถแทรกเตอรอ์ กี ครั้ง ดนิ ทน่ี �ำมาบดทบั หน้าขยะหนา 10-15 ซม. สำ� หรับความหนาของดินที่จะใชบ้ ดอดั เพอ่ื ปดิ ทับหนา้ ร่องควรมีความหนา 15-60 ซม. และร่องดินท่จี ะ เตรยี มขนึ้ ใหม่ ควรขุดให้ห่างจากร่องเดิมไมน่ ้อยกว่า 60 ซม. เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสงั คมและชมุ ชน 43 กศน. อ�ำเภอธัญบุรี

3) วิธีฝงั กลบขยะมลู ฝอยแบบกลบบนพืน้ ดนิ (Area Method) เป็นวิธีฝังกลบทเี่ ริม่ จากระดับดินเดิม โดยไม่มีการขุดดนิ โดยบดอัดขยะตามแนวราบก่อน แลว้ คอ่ ย บดอัดทบั ในชนั้ ถัดไปจนถึงระดบั ทก่ี �ำหนดไว้ ท�ำคันดินตามแนวของพื้นท่ีก่อน เพอ่ื ทำ� หน้าทเ่ี ปน็ ผนังหรอื ขอบยนั สามารถป้องกนั นำ้� เสยี ที่เกิดจากการย่อยสลาย ไม่ให้นำ�้ เสีย ซมึ ออกด้านนอก ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ ของพ้นื ทีเ่ ปน็ ทร่ี าบลุม่ หรือทม่ี ีระดับน้ำ� ใตด้ นิ สูงหรอื นำ้� ใตด้ นิ อย่ตู �่ำกว่าผิวดนิ เลก็ น้อย (ไม่เกิน 1 เมตร) ไมส่ ามารถขุดดนิ เพ่อื ก�ำจดั ดว้ ยวธิ กี ลบแบบขดุ รอ่ งได้ เพราะจะท�ำใหเ้ กิดการปนเปือ้ นของนำ�้ โสโครกจาก ขยะต่อน�้ำใต้ดิน 4) การท�ำปยุ๋ หมกั (Composting) การก�ำจัดมลู ฝอยโดยวิธีนีเ้ ป็นวิธีทีน่ ิยมท�ำตอ่ เนอ่ื งกนั มาจนถึงปัจจบุ ัน เพราะประโยชน์ท่ไี ด้คอื ปุย๋ อินทรยี ์ สามารถนำ� ไปใชใ้ นด้านเกษตรกรรม เช่น ใช้เปน็ ปยุ๋ ปลูกตน้ ไม้ไดเ้ ปน็ อย่างดี วิธีการท�ำปุ๋ยหมกั (Composting) คดั แยกเอาขยะทไ่ี มม่ คี ุณค่าทจี่ ะน�ำมาทำ� เปน็ ป๋ยุ ออก เช่น เศษกระปอ๋ ง แกว้ โลหะ และถุงพลาสตกิ ฯลฯเหลอื เฉพาะขยะทส่ี ามารถจะถกู ยอ่ ยสลายโดยเชอ้ื จลุ นิ ทรยี ไ์ ดท้ ำ� ใหข้ ยะเปน็ ชนิ้ เลก็ ๆโดยสง่ เขา้ เครอ่ื งหนั่ บด ขยะจะถกู นำ� ไปเขา้ ถงั หมกั ถา้ เปน็ ระบบใชอ้ ากาศยอ่ ยสลาย จะเปน็ ถงั เปดิ ใหม้ กี ารระบายอากาศเขา้ ออกได้ สะดวก ถังหมักจะเรยี งซ้อนกนั เป็นชั้น ๆ เปน็ แถว ๆ มปี ระมาณ 5 ชั้น โดย ขยะทเ่ี ขา้ มาในคร้งั แรกจะอยู่ ถังช้ันบนสุด เมื่อหมกั ครบ 1 วนั จะถกู พลิกกลบั ถ่ายลงถังซึ่งอย่ใู นชัน้ ลา่ งถัดไปขนาดถงั หมกั ลึกประมาณ 0.90 - 1.20 ม. X 2.5 - 3.0 ม. ดา้ นขา้ งของถงั หมกั จะทำ� เปน็ รโู ดยรอบ เพอื่ ใหม้ กี ารระบายอากาศไดร้ อบถงั จะช่วยใหจ้ ุลินทรียท์ �ำปฏิกิริยาย่อยสลายได้มากท่ีสุด ระยะเวลาของการยอ่ ยสลายโดยระบบท่ีใช้อากาศ (Aerobic Process) นใ้ี ชเ้ วลาประมาณ 5-6 วนั กจ็ ะทำ� ใหเ้ กดิ การยอ่ ยสลายของอนิ ทรยี ส์ ารไดค้ อ่ นขา้ งสมบรู ณค์ วามรอ้ นทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการหมกั จะ ทำ� ให้พวกเชอื้ โรคที่ตดิ มากับขยะหยดุ การเจรญิ เติบโต และตายไปได้ ขยะท่หี มกั โดยสมบูรณน์ ี้ จะมคี วาม ปลอดภยั มากพอท่ีจะนำ� มาใช้เป็นปุย๋ อนิ ทรยี ์อีกวธิ หี น่งึ ท่ีเลอื กใช้ในการหมกั ขยะพวกทมี่ คี วามชืน้ สูง คือ ระบบหมกั ไรอ้ ากาศ (Anaerobic Process) คอื เป็นการหมกั ขยะชนิดทไี มต่ อ้ งใชอ้ ากาศหรือ ออกซเิ จน ในการย่อยสลาย จงึ ต้องหมักในถังปดิ การหมกั ใช้เวลานานกว่าวิธี Aerobic Process ปรกติจะใชเ้ วลา ประมาณ 1-3 เดือน จะยอ่ ยสลายขยะไดส้ มบูรณ์ จึงจะนำ� มาใช้เป็นปยุ๋ อินทรยี ์ได้ เช่นกนั นอกจากจะใชว้ ธิ ีกำ� จัดขยะมลู ฝอยชนิดตา่ ง ๆแล้ว แผนการลดขยะมูลฝอยจากแหลง่ กำ� เนดิ และ การน�ำมูลฝอยกลับไปใชใ้ หม่ จะทำ� ใหแ้ ผนการก�ำจดั มลู ฝอยโดยรวมมีประสทิ ธิภาพเพมิ่ ขึน้ ทีม่ า : https://sites.google.com/site/kayamulfoi/(เว็บไซตข์ องgoogleเร่อื งขยะมูลฝอย) 44 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบุรี

เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาสังคมและชุมชน 37 กศน. อาํ เภอธัญบรุ ี หนวยการเรียนรูท่ี 3 ความเปนพลเมืองดตี ามวีถปี ระชาธปิ ไตย การจะเปนพลเมืองดตี ามวถิ ปี ระชาธปิ ไตยนั้น ประชาชนจะตองเขาใจและมีวิถีชีวิตในลักษณะ ประชาธิปไตย โดยจะตองอยูรวมกันอยางสันติภาพ สันติสุข และเสรีภาพ คือ ประชาชนในสังคม มีความสงบสุข ปลอดภัยและมีอิสระที่จะกระทําการใดๆ ภายใตขอบเขตกฎหมาย โดยไมลวงละเมิด สิทธิเสรีภาพของผอู ืน่ ลกั ษณะของประชาธิปไตยวามี 3 ลกั ษณะ คอื 1.ประชาธิปไตยในฐานะที่เปนอุดมคติ ซึ่งหมายถึง การมีศรัทธาและความเชื่อมั่นในเหตุผล ความสามารถอสิ รภาพและเสรีภาพของมนุษย 2.ประชาธิปไตยในฐานะทเ่ี ปนระบบการเมือง และวิธีการจัดระเบียบการปกครอง ซ่ึงหมายถึง ระบบการเมืองที่ถือวาอํานาจสูงสุดเปนของประชาชนหรือการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพ่อื ประชาชน 3.ประชาธิปไตยในฐานะท่ีเปนวีถีชีวิต หรือการดําเนินชีวิตประจําวัน ซ่ึงหมายถึง การอยู รวมกันและปฏิบัติตอกันดวยความเสมอภาคในสิทธิและเสรีภาพของสมาชิกทุกคนไมกาวกายในสิทธิ ของผูอ่ืนเคารพกฎเกณฑของสังคม รวมกันรับผิดชอบและทําประโยชนเพ่ือสวนรวม ตลอดจนใช สติปญญาแกปญหาโดยสนั ติวิธี ความหมายของประชาธิปไตย ประชาธิปไตย มาจากคาํ วา ประชา+อธปิ ไตย ตรงกับภาษาอังกฤษวา Democracy ซึ่งมาจาก คําภาษากรีก วา Demukratia อันประกอบดวยคํา 2 คํา คือ demos (ประชาชน) และ Cratos (การปกครอง) ฉะนน้ั ประชาธิปไตย จงึ หมายถึง ประชาชนปกครอง หรอื การปกครองโดยประชาชน ความหมายของประชาธิปไตย ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 หมายถึง “ระบอบการปกครองท่ถี ือมติของปวงชนเปน สวนใหญห รือการถือเสยี งขางมากเปนสวนใหญ” ศ.ดร.กมล ทองธรรมชาติ ไดใหความหมายของประชาธิปไตยวา “ประชาธิปไตยเปนการปกครองของ ประชาชน โดยประชาชนและเพอื่ ประชาชน” สรุปไดวา ประชาธิปไตยนั้นมีความหมายไดสองนัย ไดแก ประชาธิปไตยในการดํารงชีวิตรวมกันของ สมาชิกในสังคม หมายถึง รูปแบบของพฤติกรรมมนุษยที่สอคดลองกับหลักการของประชาธิปไตย และความหมายโดยนัยทางการปกครองในสังคม จะหมายถึง การปกครองที่ประชาชนมีอํานาจ และมีสวนรวมในการปกครองตนเอง ในการกําหนดนโยบายในการปกครองประเทศ โดยคํานึงถึง ประโยชนข องประชาชนโดยสวนรวมเปนหลัก หลกั การสําคญั ของการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย 1. หลักอํานาจอธิปไตยเปนของปวงชน หมายถึง ประชาชนเปนเจาของอํานาจสูงสุดในการ ปกครองประเทศหลกั เสมอภาค ประชาชนทุกคนมคี วามเทาเทยี มกนั ภายใตกฎหมาย ความเทา เทยี มกันทางการเมอื ง เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชมุ ชน 45 กศน. อำ� เภอธญั บุรี

เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพื่อพัฒนาสงั คมและชมุ ชน 38 กศน. อาํ เภอธญั บรุ ี 2. หลักสิทธิ เสรีภาพ และหนาท่ี ไดแก การที่ประชาชนมีอํานาจอันชอบทําในการเปน เจาของทรัพยสิน มีอิสระในการกระทําในขอบเขตของกฎหมายและมีแนวทางปฏิบัติตนที่ เปน อสิ ระภายใตขอบเขตของกฎหมาย 3. หลักนิติธรรม การปกครองในระบอบประชาธิปไตย มีหลักกฎหมายเปนกฎเกณฑและ กติกาของประเทศ คือ การท่ีประชาชนใชกฎหมายเปนหลักในการทํางานเพื่อการอยู รว มกนั อยางสันติสขุ และเกดิ ความยุตธิ รรมในสงั คม 4. หลักการยอมรับเสียงขางมาก คือ การท่ีประชาชนในรัฐใชมติของประชาชนสวนใหญเปน หลักในการทํางาน 5. หลักการใชเ หตุผล คอื การท่ปี ระชาชนใชหลักเหตุผลเปนหลักในการหาขอสรุปเพื่อทํางาน รวมกนั หรือการอยรู วมกัน 6. หลักประนปี ระนอม คอื การทีป่ ระชาชนไมใชความรุนแรงในการแกไขปญหา แตใชการตก ลงรว มกันในการขจัดขอขดั แยงท่ีไมเห็นดว ย 7. หลักการยินยอม คือ การท่ีประชาชนใชวิจารณญาณในการตัดสินใจเปนตัวของตัวเองโดย ปราศจากการบังคับมีความเห็นตรงกันจึงตัดสินใจผานตัวแทนของประชาชนในการ ดาํ เนนิ งานทางการเมืองและการปกครอง ลกั ษณะของสังคมประชาธิปไตย ในสงั คมประชาธปิ ไตย ประชาชนจะปฏบิ ัติตอ กัน ดงั นี้ 1. การเคารพในสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ตามขอบเขตทีบ่ ัญญัติไวในกฎหมาย 2. การใชหลกั เหตผุ ลในการตดั สนิ ปญ หา ขอ ขัดแยง 3. การเคารพในกฎ กติกาของสังคมเพ่อื ความสงบสุขและความเปนระเบยี บเรยี บรอยในสังคม 4. การมีสว นรว มในกจิ กรรมของสวนรวมและสังคม 5. การมีนํา้ ใจเปน ประชาธิปไตย ยอมรบั ฟง ความคดิ เหน็ ของผูอื่น และเหน็ แกประโยชนส ว นรวมมากกวาสว นตน 6. การยดึ มน่ั ในหลกั ความยตุ ิธรรม และการปฏิบตั ิตอ กนั อยางสม่ําเสมอภาคเทา เทียมกนั ของสมาชิกทุกคนในสังคม คณุ ลกั ษณะท่ีสําคญั ของสังคมประชาธิปไตย 1. มีความยดึ ม่นั ในอุดมการณประชาธิปไตย 2. มีการรูจ ักใชปญ ญา เหตุผลในการแกปญ หา 3. รบั ฟง ความคิดเห็นของผูอ ื่น ซ่งึ มเี หตผุ ลและมกี ารประนปี ระนอมกนั ในทางความคิด 4. เคารพในสทิ ธแิ ละการตดั สินใจของผูอืน่ 5. มีความเสยี สละและเหน็ แกประโยชนข องสวนรวมมากกวาสว นตน 6. สามารถทํางานรว มกบั ผอู ื่น 7. ใชเ สยี งขางมากโดยไมละเมิดสิทธเิ สยี งขางนอ ย 8. ยึดถอื หลกั ความเสมอภาคและเทา เทียมกนั ของสมาชิก 9. ปฏบิ ัติตนตามกฎขอ บังคบั ของสงั คม 10. ปฏบิ ัติตนตามหลกั ศีลธรรม ยึดมัน่ ในวัฒนธรรม ประเพณี เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชมุ ชน 46 กศน. อ�ำเภอธัญบุรี

เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพ่อื พัฒนาสงั คมและชมุ ชน 39 กศน. อําเภอธญั บรุ ี 11. รจู กั แกปญ หาโดยสนั ตวิ ธิ ี 12. เปน ผนู าํ และผตู ามท่ดี ี 13. มบี ทบาทสาํ คญั ในการอนุรกั ษส ิง่ แวดลอม ความสาํ คัญของการปฏบิ ัตติ นเปน พลเมอื งดตี ามวถี ปี ระชาธิปไตย 1. ทําใหส ังคมและประเทศชาตมิ กี ารพัฒนาไปอยางมัน่ คง 2. เกดิ ความรักและความสามคั คใี นหมูคณะ 3. สงั คมมีความเปน ระเบยี บ สงบเรยี บรอย 4. สมาชิกทุกคนไดร ับสิทธิ หนาที่ เสรภี าพ จากกฎหมายความเทา เทียมกนั เกิดความเปน ธรรมในสังคม 5. สมาชกิ ในสงั คมมคี วามเออ้ื เฟอเผอ่ื แผแ ละมีนา้ํ ใจตอกนั คุณคาของประชาธปิ ไตยทางการเมือง 1. ประชาชนมสี ทิ ธิในการลงคะแนนเสียงเลอื กต้ังสมาชิกสภาผแู ทนราษฎร 2. ประชาชนมีสทิ ธิท่ีจะเปลี่ยนแปลงตวั ผูป กครองรฐั เม่ือนําการบริหารงานผิดพลาด 3. คุณคาทางเศรษฐกจิ 4. ประชาชนเปน เจา ของปจจัยการผลิตได 5. ประชาชนมีเสรภี าพในการผลติ การบริการ การลงทุนตา งๆ 6. ประชาชนมอี าํ นาจในการซ้อื ขาย แลกเปลย่ี นสินคา 7. ประชาชนไดร ับการคุมครองจากรัฐอยา งเปนธรรมในการรบั บรกิ ารทางเศรษฐกจิ คุณคาทางสังคม 1. ประชาชนมโี อกาสไดร ับความคุมครองจากรฐั ในดานสทิ ธิมนษุ ยชน 2. ประชาชนมีคณุ คาและมีศกั ดศ์ิ รใี นความเปนมนษุ ย 3. ประชาชนมคี วามเทาเทียมกนั ในโอกาสและสทิ ธิในการดําเนนิ ชีวติ ภายใตบ ทบญั ญตั ิ แหง กฎหมาย 4. ประชาชนรจู ักอยูรวมกันโดยสันติวธิ ี 5. ประชาชนรว มมอื กันทํางานเพื่อความสงบสขุ ในรัฐ คณุ ธรรมของการเปนพลเมอื งดีในสังคมประชาธปิ ไตยระดับประเทศชาติ คนดี หมายถึง การเปนคนที่มีคุณธรรม จริยธรรม ตามหลักศีลธรรมและคานิยมท่ีดีงาม ในสงั คม การเปนพลเมืองดีในสงั คมประชาธิปไตยมีความหมายและขอบเขตขอจํากัดมากกวาการเปน คนดีโดยทั่วไป พลเมืองดี นอกจากจะเปนคนท่ีมีคุณธรรม จริยธรรมแลว ยังตองประกอบดวย คณุ ลักษณะของระบบการปกครองตามอดุ มการณทางการเมืองของรัฐน้นั การเปนพลเมืองดีในสังคมประชาธิปไตย หมายถึง การที่พลเมืองมีหลักการดําเนินชีวิตที่มี คุณธรรม จริยธรรม และมีบทบาทในการกระทําท่ีมีคุณลักษณะทางประชาธิปไตยเปนองคประกอบ ท่ีสาํ คญั ในการดาํ เนนิ ชีวิต คุณธรรมของการเปน พลเมืองดีในสังคมประชาธปิ ไตยมดี งั นี้ ความจงรกั ภกั ดีตอชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย หมายถึง การท่ีบุคคลมีความสํานึกถึง ความสําคัญของความเปนคนไทย มีจิตใจฝกใฝศาสนา และตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณ เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพอื่ พฒั นาสงั คมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี 47

คุณลักษณะของระบบการปกครองตามอุดมการณทางการเมืองของรัฐนัน้ การเปนพลเมืองดีในสังคมประชาธิปไตย หมายถึง การที่พลเมืองมีหลักการดําเนินชีวิตที่มี คุณธรรม จริยธรรม และมีบทบาทในการกระทําท่ีมีคุณลักษณะทางประชาธิปไตยเปนองคประกอบ ทค่ีสวําาคมัญสํใคานควกัาญามรขจดองาํ งรเกัคนภนิวกัาชมดีวติตีเปอ คนชุณคาธตนริ ไรศทมาเยขสออกนมสงาากีจราิแตปรรลใเะจปะกพฝอน บกพรกะใลิจมฝกเมรหศรอื าามงกกสดาษนรใี ศนัตากึ สรษแิยงั าคลเพหมะอ่ื มปตพาฒัรรยะกนะถชศาหึสงนาังน.ธกคอิปักมาําแไเถรภตลทึงอะยี่ธบพชมญัมุ ุครดีชบคะนงัรุ ลีนมมี้หีคาวการมุณสําานธึกิคถุณึง 40 ของพระมหากษัตริย ปฏิบัติตนในการผดุงรักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริยใหคงอยูคู สังคมไทยตลอดไป การยึดม่ันในหลักธรรมของศาสนาท่ตี นเองนับถือ ทุกศาสนามีหลกั ศลี ธรรมท่ีชวยสรางจติ ใจของ คนใหกระทําดี ไมเ บียดเบียนกัน มีใจเอื้อเฟอ เผือ่ แผแ กกนั สมาชกิ ในสังคมสมควรศรทั ธาในศาสนาท่ี ตนนับถอื แลว ปฏบิ ัตติ ามหลักศลี ธรรมของศาสนาที่ตนนับถืออยา งสมาํ่ เสมอ ความซือ่ สตั ย หมายถึง การกระทําท่ีถูกตอ ง ตรงไปตรงมา ไมยดึ เอาส่งิ ของผูอ่นื มาเปนของตน บุคคลควรซอื่ สัตยต อ ตนเอง คอื กระทําตนใหเ ปน คนดี และบคุ คลควรซอ่ื สตั ยต อ บคุ คลอ่นื ๆ หมายถงึ กระทาํ ดีและถูกตองตามหนาท่ีตอผูอื่น ความเสยี สละ หมายถงึ การคํานงึ ถงึ ประโยชนข องสงั คมสวนรวมมากกวาประโยชนสว นตน และยอมเสียสละประโยชนส ว นตนเพือ่ ประโยชนแ กผอู น่ื และสวนรวม ความรบั ผดิ ชอบ หมายถงึ การยอมรบั การกระทําของตนเองหรอื การทํางานตามหนา ทที่ ่ีไดร ับ มอบหมายใหส ําเรจ็ ลลุ ว ง การมรี ะเบยี บวนิ ัย หมายถงึ การกระทําทถ่ี กู ตอ งตามกฎเกณฑท สี่ งั คมกําหนดไว การตรงตอ เวลา หมายถงึ การทํางานหรอื ทาํ หนาทีท่ ไ่ี ดรบั มอบหมายใหสาํ เรจ็ ลลุ วงทันตรง ตามเวลาทก่ี าํ หนดโดยใชเ วลาอยางคุมคา ความกลา หาญทางจรยิ ธรรม หมายถงึ การกระทาํ ที่แสดงออกในทางท่ีถกู ที่ควรโดยไมเกรง กลัวอทิ ธิพลใดๆ ความกลานไี้ มใชก ารอวดดี แตเ ปน การแสดงออกอยางมีเหตผุ ล เพื่อความถูกตอง ท่ีมา : https://jiab007.wordpress.com (เวบ็ ไซตข องธรรมบชู า) 48 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพ่อื พัฒนาสังคมและชุมชน กศน. อ�ำเภอธญั บุรี

เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพ่อื พัฒนาสังคมและชุมชน 41 กศน. อาํ เภอธญั บรุ ี หนว ยการเรยี นรูที่ 4 การมจี ิตสาธารณะ จติ สาธารณะ การปลูกฝงจิตใจใหบุคคลมีความรับผิดชอบตอตนเองและสังคม เปนการสรางคุณธรรมจริยธรรม ซึง่ เปน เรอ่ื งทีเ่ กดิ จากภายใน \"จิตสาธารณะ\" เปน สิ่งหน่ึงท่ีมีความสําคัญในการปลูกจิตสํานึกใหคนรูจัก เสียสละ รวมแรงรวมใจ มีความรวมมือในการทําประโยชนเพ่ือสวนรวม ชวยลดปญหาที่เกิดข้ึนใน สังคม ชว ยกนั พฒั นาคุณภาพชีวิต เพอ่ื เปนหลักการในการดาํ เนนิ ชีวิต ชวยแกปญหาและสรางสรรคให เกดิ ประโยชนส ขุ แกส งั คม ความหมายของจิตสาธารณะ จิตสาธารณะ หมายถึง จิตสํานึกเพ่ือสวนรวม เพราะคําวา “สาธารณะ” คือ ส่ิงที่มิไดเปนของ ผูหนึ่งผูใด จิตสาธารณะจึงเปนความรูสึกถึงการเปนเจาของในส่ิงที่เปนสาธารณะ ในสิทธิและหนาท่ีที่ จะดแู ลและบํารงุ รักษารว มกัน เชน การชว ยกันดูแลรกั ษาสิง่ แวดลอม โดยการไมท้ิงขยะลงในแหลงนํ้า การดูแลรักษาสาธารณะสมบตั ิ เชน โทรศัพทส าธารณะ หลอดไฟท่ีใหแสงสวางตามถนนหนทาง แมแต การประหยัดน้ําประปา หรือไฟฟาที่เปนของสวนรวม โดยใหเกิดประโยชนคุมคาตลอดจนชวยดูแล รกั ษาใหความชวยเหลือผตู กทกุ ขไดยาก หรือผูท รี่ อ งขอความชวยเหลือเทาที่จะทําได ตลอดจนรวมมือ กระทาํ เพือ่ ชว ยกันแกปญ หา แตตองไมขดั ตอกฎหมาย เพอ่ื รักษาประโยชนส วนรวม จิตสาธารณะเพอ่ื สว นรวม จิตสาํ นกึ เพื่อสวนรวมนนั้ สามารถกระทําได โดยมีแนวทางเปน 2 ลักษณะ ดังน้ี 1. โดยการกระทาํ ตนเอง ตอ งมคี วามรับผดิ ชอบตอ ตนเอง เพอื่ ไมใหเกิดผลกระทบและเกดิ ความเสยี หายตอ สวนรวม 2. มบี ทบาทตอสังคมในการรักษาประโยชนของสวนรวม เพอื่ แกปญหา สรางสรรคส ังคม ซงึ่ ถอื วา เปน ความรบั ผิดชอบตอ ตนเองและสงั คม ความสําคัญของจติ สาธารณะ การท่ีมนุษยในสังคมจะแสดงออกซึ่งการมีจิตสาธารณะนั้นเปนเรื่องท่ียาก หากไมไดรับการ เลี้ยงดูมาแบบสงเสริมหรือเอ้ือตอการเกิดพฤติกรรมการมีจิตสาธารณะ สังคมก็จะเปนไปแบบเห็นแก ตัว คือ ตัวใครตัวมัน ไมสนใจสังคมรอบขางคิดแตประโยชนแหงตนเทาน้ัน ชุมชนออนแอ ขาดการ พัฒนา เพราะตางคนตางอยู สภาพชุมชนมีสภาพเชนไรก็ยังคงเชนน้ัน ไมเกิดการพัฒนา และยิ่งนาน ไปก็มีแตเส่ือมทรุดลง อาชญากรรมในชุมชนอยูในระดับสูง ขาดศูนยรวมจิตใจ ขาดผูนําท่ีนําไปสูการ แกปญหา เพราะคนในชุมชนมองปญหาของตัวเองเปนเร่ืองใหญ ขาดคนอาสานําการพัฒนา เพราะ กลัวเสียทรัพย กลัวเสียเวลา หรือกลัวเปนท่ีครหาจากบุคคลอ่ืน ดังนั้น การศึกษาแนวทางและ ความสําคัญของการมีจิตสาธารณะเพ่ือใหเกิดในจิตสํานึกของเด็กและเยาวชนน้ันเปนเรื่องสําคัญที่เรา ควรกระทํา เพื่อสังคมท่ีนาอยูตอไป และกอใหเกิดความเขมแข็งของสังคม สงผล ให การเมือง เศรษฐกจิ ศลี ธรรมในสังคมนัน้ ดีขึน้ จติ สาธารณะเปน ความรับผิดชอบทีเ่ กดิ จากภายใน คือ ความรูสึกนกึ คิด จิตใตสํานึกตลอดจน คุณธรรมจรยิ ธรรม ซงึ่ อยูในจติ ใจ และเอสกง สผาลรปมราะสกอกู บากรจิ กกรระรมทกําาภรศาึกยษนาเอพกื่อพปัฒญนหาสาังตคามงแลๆะชทุมช่ีเกนดิ ขึน้ จะเห็น กศน. อ�ำเภอธญั บรุ ี 49