เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสังคมและชุมชน กศน. อําเภอธญั บุรี ประกาศ คณะกรรมการจัดทําและพัฒนาหลักสูตร ไดจัดทําเอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการศึกษา ตอเนื่อง (กิจกรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาสังคมและชุมชน) การใชเทคโนโลยีท่ีเหมาะสม สําหรับ ป ร ะ ช า ช น จํา น ว น 12 ชั่ว โ ม ง ข อ ง ศูน ยก า ร ศึก ษ า น อ ก ร ะ บ บ แ ล ะ ก า ร ศึก ษ า ต า ม อัธยาศัยอําเภอธัญบุรีเรียบรอยแลว ...............................................................ประธานคณะกรรมการ (นางสาวบัณฑติ า วงษว ฒุ ิภทั ร) ................................................................กรรมการ (นางสาวสรุ างค แตงออน) .……........................................................กรรมการและเลขานกุ าร (นายสุพฒั น แจมจนั ทร) ทั้งน้ี คณะกรรมการสถานศึกษาไดรับทราบการเอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการศึกษา ตอเนื่อง (กิจกรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาสังคมและชุมชน) การใชเทคโนโลยีที่เหมาะสม สําหรับ ประชาชน จํานวน 12 ชั่วโมง และหวังเปนอยางย่ิงวาสถานศึกษาจะนําหลักสูตรน้ีไปใชในการ พฒั นาคณุ ภาพการจดั การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ของสถานศึกษาตอไป ...........................................................ประธานคณะกรรมการสถานศึกษา (นายรังสรรค นันทกาวงศ) วันท่ี ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพ่ือพัฒนาสงั คมและชุมชน 1 กศน. อ�ำเภอธัญบรุ ี
2 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสงั คมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบุรี
เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาสงั คมและชมุ ชน ก กศน. อําเภอธัญบรุ ี คาํ นาํ เอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการศึกษาตอเน่ือง (กิจกรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาสังคมและ ชุมชน ) การใชเทคโนโลยที เ่ี หมาะสม สาํ หรับประชาชน ฉบบั นีเ้ ปนสว นหน่ึงของการจัดอบรมกิจกรรม การศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน ศูนยการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอ ธัญบุรี มีจุดมุงหมายเพ่ือตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนาสังคมและชุมชนท่ีมุงเนน การพัฒนาขีดความสามารถของประชาชนในการแสวงหาความรู การเสริมสรางกระบวนการเรียนรู ในรูปแบบการฝกอบรม การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรูและรูปแบบอื่นๆท่ีเหมาะสม โดยเนน การสง เสรมิ การดําเนนิ ชวี ิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง สรางจิตสํานึกความเปนพลเมืองดี เศรษฐกิจชมุ ชน และการอนุรักษพฒั นาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ ม คณะผูจัดทําขอขอบคุณ ผูใหความรู และแนวทางการศึกษาทุกทานที่ใหความชวยเหลือ มาโดยตลอด คณะผูจัดทําหวังวาเอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการศึกษาตอเน่ือง ( กิจกรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาสังคมและชุมชน ) การใชเทคโนโลยีท่ีเหมาะสม สําหรับประชาชน ฉบบั นจี้ ะใหค วามรู และเปนประโยชนแกผ ูอานทุกทา น ศูนยก ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาํ เภอธัญบุรี พฤษภาคม 2563 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพ่อื พัฒนาสังคมและชมุ ชน 3 กศน. อ�ำเภอธัญบุรี
4 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสงั คมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบุรี
เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาสงั คมและชมุ ชน ข กศน. อาํ เภอธญั บุรี คาํ ช้แี จง การจัดการศึกษา “หลักสูตรการพัฒนาสังคมและชุมชน” ศูนยการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอธัญบุรี มีจุดมุงหมายเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนา สังคมและชุมชนที่มุงเนนการพัฒนาขีดความสามารถของประชาชนในการแสวงหาความรู การเสริมสรางกระบวนการเรียนรูในรูปแบบการฝกอบรม การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู และรูปแบบ อื่นๆท่ีเหมาะสม โดยเนนการสงเสริมการดําเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สรางจิตสํานึกความความเปนพลเมืองดี เศรษฐกิจชุมชน และการอนุรักษพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม กศน.อําเภอธัญบุรี ไดจัดกิจกรรมเพื่อสงเสริมใหประชาชนในชุมชน เกิดการเรียนรู ในการเช่ือมโยงความรูประสบการณในดานตางๆ เพ่ือใหเกิดการบูรณาการการเรียนรูในดาน การสงเสริมการดําเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การเรียนรูการใชเทคโนโลยี ทเ่ี หมาะสม เสรมิ สรา งความเปนพลเมอื งดีตามวิถีประชาธปิ ไตย และการมจี ิตสาธารณะ เอกสารคูมือการเรียนหลักสูตรฉบับนี้ จัดทําขึ้นเพื่อใหผูเรียนใชศึกษาขอมูลท่ีเก่ียวของกับ หลักสูตรและแนวทางการเรียนรู วิธีการและหลักเกณฑการวัดและประเมินผลของหลักสูตร เน่ืองจากกระบวนการเรียนรูหลักสูตรทักษะชีวิตไดออกแบบใหผูเรียน เรียนรูดวยตนเองและวิธีการ จัดการศึกษาทางออนไลนโดยที่ผูเรียนจะไดรับการสรางความเขาใจ พรอมท้ังฝกทักษะพื้นฐาน ท่ีจําเปน จากนั้นจะตองเรียนรูและฝกทํากิจกรรมเพื่อเรียนรูแนวคิด และฝกทักษะดานการคิด วิเคราะหและใชเครื่องมือใหมีความสอดคลองกับกิจกรรมที่กําหนด โดยใชกระบวนการเรียนรู และประเมินผลผานระบบออนไลน ดังน้ัน การท่ีผูเรียนจะประสบความสําเร็จในการเรียนรู ตามหลักสูตร จึงตองอาศัยวินัยในตนเองและการวางแผนที่ดี เพ่ือใหความสามารถเรียนรู ไดตามกระบวนการและระยะเวลาท่ีกําหนด ศูนยการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอธัญบุรี ขอขอบคุณผูมีสวน เก่ียวของที่รวมพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู “หลักสูตรการพัฒนาสังคมและชุมชน” เพ่ือสงผานองคความรูและทักษะที่นําไปสูการพัฒนาผูเขารวมอบรมสามารถนําแนวทางการเรียนรู ดานการสงเสริมการดําเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การเรียนรูการใชเทคโนโลยี ที่เหมาะสม เสริมสรางความเปนพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย และการมีจิตสาธารณะ ใหมปี ระสิทธิภาพตอไป เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอื่ พฒั นาสังคมและชมุ ชน 5 กศน. อ�ำเภอธญั บรุ ี
6 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสงั คมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบุรี
เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสงั คมและชมุ ชน ค กศน. อําเภอธญั บุรี หนา สารบญั ก ข คํานํา ค คําชแ้ี จง 1 สารบัญ 2 สว นท่ี 1 แนะนาํ ศนู ยก ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อําเภอธญั บุรี 3 สวนที่ 2 แนะนาํ เอกสารประกอบการจดั การศึกษาตอเนอื่ ง 3 ( กจิ กรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชมุ ชน ) 4 การใชเทคโนโลยที ่เี หมาะสม สําหรับประชาชน 4 ¾ ความเปนมา 4 ¾ หลกั การของหลกั สูตร 4 ¾ จุดมุงหมาย 7 ¾ เปา หมาย 7 ¾ ระยะเวลา 7 ¾ โครงสรา งหลักสตู ร 7 ¾ สื่อการเรียนรู 8 ¾ การวัดผลประเมินผล 11 ¾ เกณฑก ารจบหลกั สตู ร 12 ¾ เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาทจ่ี ะไดรบั หลงั จบหลกั สูตร 12 ¾ แผนการจดั การเรียนรู 16 สวนที่ 3 เนอื้ หาประกอบการอบรม 18 หนว ยการเรียนรูท่ี 1 การดาํ เนนิ ชีวิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 20 เรอื่ งท่ี 1 การเรยี นรตู ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 23 เรือ่ งที่ 2 เกษตรทฤษฎีใหม 23 เรอ่ื งที่ 3 การทําบญั ชคี รัวเรือน 25 เรื่องที่ 4 วิสาหกิจชุมชน/สหกรณ 32 หนวยการเรียนรูที่ 2 การเรยี นรูการใชเทคโนโลยที เี่ หมาะสม เรอ่ื งที่ 1 การอนุรกั ษส ่งิ แวดลอม เรอ่ื งท่ี 2 การประหยัดพลงั งาน เร่ืองท่ี 3 การบริหารจดั การขยะ เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พฒั นาสงั คมและชุมชน 7 กศน. อ�ำเภอธัญบรุ ี
เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพ่ือพฒั นาสังคมและชุมชน ง กศน. อําเภอธญั บุรี หนา สารบัญ (ตอ) 37 41 หนว ยการเรียนรูท ่ี 3 ความเปน พลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธปิ ไตย 44 หนว ยการเรียนรทู ่ี 4 การมจี ติ สาธารณะ 51 แบบทดสอบกอ นเรียน – หลังเรยี น 53 เฉลยแบบทดสอบกอนเรียน – หลงั เรียน 54 ภาคผนวก 55 เอกสารอางอิง คณะผูจัดทํา 8 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาสงั คมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี
เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาสังคมและชุมชน 1 กศน. อําเภอธัญบรุ ี สสว่ วนนทท่ี ่ี11แนะนำ� แศนนู ะยน์กาําศรนูศยกึ กษาารนศอึกกษราะนบอบกแรละะบกบาแรลศะึกกษาารตศากึ มษอาธัตยาามศอยัธั อยา�ำศเภยั ออธาํ ญัเภบอุรธีัญบรุ ี ประวัตปคิ รวะาวมัตเิคปวน ามาเปน็ มา ประวัติสถานศึกษา : ในป 2533 กรมการศึกษานอกโรงเรียนไดจัดทําโครงการนํารองศูนยการศึกษา นอกโรงเรียนอําเภอ 125 แหง ใน 35 จังหวัด โดยเปลี่ยนบทบาทจากศูนยประสานงานการศึกษานอก โรงเรียนในการขยายโอกาสทางการศึกษาและกระจายอํานาจการบริหารการศึกษาสูทองถิ่น ของกระทรวงศึกษาธิการ ดร.รงุ แกว แดง อธบิ ดกี รมการศึกษานอกโรงเรียนไดเสนอกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศจัดตั้งศูนยบริการการศึกษานอกโรงเรียนอําเภอ จํานวน 789 แหง ท่ัวประเทศเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2536 ตอมาป พ.ศ. 2551 กรมการศึกษานอกโรงเรียน ไดเปล่ียนช่ือเปน สํานักงานสงเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สังกัดสํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ศูนยบริการ การศึกษานอกโรงเรียนอําเภอธัญบุรี จึงไดเปลี่ยนชื่อเปนศูนยการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศยั อําเภอธญั บุรี ต้งั แตว นั ท่ี 4 มีนาคม 2551 ในปงบประมาณ 2558 สํานักงานสงเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ไดจัดสรรงบประมาณ ให เชาอาคารพาณิชย 4 ชั้น 2 คูหา เปนท่ีทําการเพื่อจัดกิจกรรมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ใหกับประชาชน ¾ การศกึ ษาตอ เนอื่ ง การศึกษาตอเน่ือง เปนการจัดและใหบริการการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษา นอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เพ่ือยกระดับการศึกษาใหกับประชาชน ในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนตน และมัธยมศึกษาตอนปลาย ใชเวลาเรียนระดับละ 2 ป 4 ภาคเรียน ซ่ึงเปดรับสมัครปการศึกษาละ 2 ครั้ง คือ คร้ังท่ี 1 เมษายน และคร้ังท่ี 2 เดือน ตุลาคม ของทกุ ป เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพ่อื พฒั นาสังคมและชมุ ชน 9 กศน. อำ� เภอธญั บุรี
เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพ่อื พฒั นาสงั คมและชมุ ชน 2 กศน. อาํ เภอธญั บุรี ¾ การศกึ ษาตอเน่ือง การศึกษาตอ เนือ่ ง เปนการจัดการศึกษาและใหบรกิ ารในลกั ษณะของหลักสูตร ร ะ ย ะ ส้ั น เ พื่ อ ส ง เ ส ริ ม โ อ ก า ส ท า ง ก า ร ศึ ก ษ า แ ล ะ ก า ร เ รี ย น รู ต ล อ ด ชี วิ ต สํ า ห รั บ ป ร ะ ช า ช น ในการที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองรวมถึงการพัฒนาสังคมและชุมชนตามแนวนโยบายตางๆ ของรัฐ โดยผูสนใจสามารถเลือกลงทะเบียนเรียนไดตามความตองการและความสนใจ โดยแตละหลักสูตรจะมีระยะเวลาเรียน กิจกรรมการเรียนรู เงื่อนไขการจบหลักสูตรและคาใชจาย ในการลงทะเบียนแตกตางกันไป สําหรับการเปดรับสมัครการศึกษาประเภทนี้ จะประกาศรับสมัคร เปนรายหลกั สตู ร ซึ่งจะเปดรับสมัครปก ารศกึ ษาตามไตรมาสของปงบประมาณ 10 เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชุมชน กศน. อำ� เภอธญั บรุ ี
เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพ่ือพัฒกกนศศาสนนงั..คออมาําํ แเเภภลออะธธชััญญมุ ชบบนุรุรีี 33 ส่วนที่ 2 แนะนำ� หลกั สตู รและการเรยี นการสอน คคควววาาามมมเเปปเปนน ็นมมมาาา กกาารรจจััดดกกาารรศศึึกกษษาาเเพพื่ื่ออพพััฒฒนนาาสสัังงคคมมแแลละะชชุุมมชชนน เเปปนนกกาารรจจััดดกกาารรศศึึกกษษาาททีี่่บบููรรณณาากกาารรคคววาามมรรูู โเแแโเปปดดลลนนยยะะเเมมททคคีีรรัักกรรููปปื่ื่ออษษแแงงะะบบมมจจืืออบบาาใใกกกกนนาากกกกรราาาาเเรรรรรรศศจจีียยึึกกััดดนนกกษษรราาููททาารรทที่่ีหหเเี่ี่รรผผลลีียยููเเาารรนนกกีียยรรหหนนูู ลลเเมมพพาาีีออื่่ืออยยยยพพููใใหหััฒฒชชรรชชนนืืออุุมมาาไไสสชชดดัังงนนรรคคัับบเเมมปปจจแแนนาาลลกกฐฐะะาากกชชนนาาุุมมใใรรชนชนเเขขนนกกาาใใาาหรหรรรววมมพพมมีีคคััฒฒกกววนนิิจจาามมาากกกกเเรรขขาารรมมรรมมแแเเกกรรขขาาีียย็็งงรรนนสสศศรราาึึกกููมมแแษษลลาารราาะะถถนนททพพออุุนนึ่่ึงงกกททพพโโาารราางงตตงงสสเเนนรรัังงเเีียยคคออนนมมงง ใไใไนนดดตตรระะาาบบมมออแแบบนนปปววททรระะาาชชงงเเาาศศธธรรปิิปษษไไตตฐฐยยกกิิจจตตพพลลออออเเดดพพจจีียยนนงงออแแยยลลใููในนะะสสปปภภรระะาาพพชชาาแแชชววนนดดลลออออยยมมููรรววททมมีด่ี่ดกกีี มมัันนกีีกออาายยรราาพพงงัฒัฒมมีีคคนนววาาาาททมมีย่ยี่ สสง่ั่ังุุยยขขืนืนตตาามมววิิถถีีททาางงกกาารรปปกกคครรอองง ขกกขีีดดาารรคคฝฝววกกาามมออเเบบสสพพาารรื่ื่ออมมมมตตาาออกกรรถถาาบบรรขขสสจจออนนััดดงงออปปเเววงงรรททนนะะีีแแชชโโลลยยาากกบบชชเเนนาาปปยยใใลลนนขข่ีี่ยยกกออนนาางงรรเเรรรรแแััฐฐีียยสสบบนนววาารรงงลลููหหแแาาลลใใคคนนะะววกกรราาููปปาามมรรแแรรพพููบบกกััฒฒบบาาออรรนนเเ่ืื่นนาาสสๆๆสสรรททััิิงงมมคคี่ี่เเสสหหมมรรมมาาแแงงาาลลกกะะะะรรสสชชะะมมุุบบมมโโววชชดดนนนนยยกกททเเาานนี่ี่มมรรนนุุงงเเรรกกเเนนีียยาานนรรนนสสรรกกููใใงงาานนเเรรสสรรพพรรููปปิิมมััฒฒแแกกบบนนาาบบาารร พดเเชพดชเเพพพพุมมุาํําออ่ื่ืื่ื่ออออเเชชเเนนพพใสใสนนหหนินิ งงีียยเเเเชชแแงงกกสสีววีลลิิดดรรกกติิตะะิิมมกกาาตตกกใใรราาาาาาหหเเรรมมรรรรปปบบออหหีียยรรููรรนนนนลละะณณุรรุักักรรชชกักัาาููกกปปาากกษษาารรชชาารรัชชัพพนนรรใใญญััฒฒชชใใกกนนเเาาาานนททชชขขรราาคคุุมมเอเอททรรโโชชงงีียยนนรรเเนนศศััพพนนโโลลรรรรยยษษยยููใใาาเเนนีีททฐฐกกกกดดกก่ีี่เเรริิดดหหาาิจจิธธกกนนมมรรพพาารราากกออรรมมะะาาเเเเรรพพสสชชรรีียยมมาาสสียียนนตตงงงงเเเเิิแแรรสสสสููลลสสใใรรรระะนรรนิิมมิิมมาาสสกกกกสสงงิ่่ิงงาาารราจจแแรรรราาิติตววเเงงดดชชสสดดคคํําาื่่ืออาาลลววเเนนมมนนออาาึกึกโโมมิินนมมยยคคเเชชงงปปววีีววกกคคาานนิิตตศศววมมพพตตาานนคคลลาามม..ววออมมเเรราามมํําาหหููปปมมืืออเเรรลลเเภภงงปปะะัักกดดออสสนนปปีีตตธธบบพพรรััญญาากกััชชลลมมบบาาญญเเววมมุุรรรริิถถาาีีณณืืออีีปปไไขขงงดดใใออรรดดนนจจะะงงีีััดดดดชชเเเเศศศศกกาาาารรรรนนิิจจธธษษษษิิปปกกตตฐฐฐฐรราาไไตกกตกกรรงงๆๆมมิิยยจจิิจจ แแลละะกกาารรมมีจีจติติ สสาาธธาารรณณะะ หหหลลลกั กกัั กกกาาารรรขขขออองงงหหหลลลกั กักั สสสูตตตูู รรร 11.. เเกกปปาานนรรใใหหชชลลเเ ักกัททสสคคตตููโโนนรรททโโลล่ีี่เเยยนนทีีทนนีี่่เเกกหหาามมรราาจจะะัดัดสสกกมมาารรแแศศลลึึกกะะษษกกาาาาตตรราาใใมมชชชชหหมุุมลลชชักกั นนปปเเรรปปชัชั นน ญญฐฐาาาาขขนนออใใงงนนเเกกศศาารรรรษษเเรรฐฐยยีีกกนนจิิจพพรรูู ออเเพพยยีี งง 22.. เเปปนน หหลลักกั สสูตตู รรทท่ีเี่เสสรริิมมสสรราางงคคววาามมภภาาคคภภมูมู ิใใิ จจ สสํําานนกกึึ รรักักษษททอองงถถิ่่นนิ แแลละะออนนรุุรกกัั ษษสสง่ง่ิิ แแววดดลลออ มม 33.. เเปปนนหหลลกกัั สสููตตรรทท่ี่ีมมงงุุ เเสสรรมิมิ สสรราางงคคววาามมเเปปนน พพลลเเมมืือองงดดีีตตาามมววิถิถีีปปรระะชชาาธธิปปิ ไไตตยย 44.. เเปปนนหหลลกักั สสตตูู รรทท่่มมีี งงุุ เเสสรริิมมสสรราา งงกกาารรมมจีีจตติิ สสาาธธาารรณณะะ เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพอ่ื พฒั นาสงั คมและชมุ ชน 11 กศน. อ�ำเภอธัญบุรี
จดุ มุง่ หมาย 1. เพื่อสร้างความตระหนักและภูมิคุ้มกันการด�ำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คน้ หาปญั หา และก�ำหนดแนวทางในการแก้ปญั หารว่ มกนั ในชุมชน ตามวิถี ความพอเพยี ง 2. เพ่อื เสรมิ สร้างกระบวนการเรยี นรู้ พัฒนาสงั คมและชมุ ชนให้มคี วามเข้มแข็ง 3. เพอื่ ส่งเสรมิ เรียนร้กู ารใชเ้ ทคโนโลยีทเี่ หมาะสม และสามารถนำ� มาปรับใช้ในชวี ิตประจ�ำวัน 4. เพอ่ื เสริมสร้างความเป็นพลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธปิ ไตย และมจี ติ สาธารณะ เปา้ หมาย ประชาชนทว่ั ไป ระยะเวลา จำ� นวน 12 ชว่ั โมง (ทฤษฎี 8 ช่วั โมง , ปฏิบตั ิ 4 ช่ัวโมง โครงสร้างหลักสตู ร ที่ เร่อื ง จุดประสงค์การ เนอ้ื หา การจัดกระบวนการเรียนรู้ จำ� นวนช่วั โมง เรียนรู้ ทฤษฎี ปฏิบัติ 1 การดำ�เนนิ เพ่ือสร้างความ 1. การเรยี นรู้ 1. บรรยายการดำ�เนนิ 2 1 ชวี ิตตาม ตระหนกั และ ตามหลักปรชั ญา ชวี ติ ตามหลักปรัชญาของ หลัก ภมู คิ มุ้ กนั สง่ เสรมิ ของเศรษฐกจิ พอ เศรษฐกิจพอเพยี ง ปรชั ญาของ การดำ�เนนิ ชีวิต เพียง 2. สำ�รวจโครงการตาม เศรษฐกจิ ตามหลักปรชั ญา 2. เกษตรทฤษฎี พระราชดำ�ริ พนื้ ทีท่ รง พอเพียง ของเศรษฐกจิ ใหม่ งานของพระบาทสมเดจ็ พอเพยี ง 3. การทำ�บญั ชี พระเจา้ อยูห่ ัว รัชกาลท่ี 9 ครวั เรือน 3. ถอดองคค์ วามรจู้ าก 4.วสิ าหกิจ ส่งิ ท่ีพระองคท์ รงงาน ชมุ ชน/สหกรณ์ ร่วมกบั ประชาชนและภาคี เครอื ข่ายในพนื้ ท่ี ตาม หัวข้อดงั น้ี 12 เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พฒั นาสงั คมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี
ที่ เร่ือง จุดประสงค์การ เนอ้ื หา การจดั กระบวนการเรียนรู้ จ�ำนวนชว่ั โมง เรียนรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ัติ - หลักการ วธิ ีการใน การแกป้ ัญหา - ผลสำ�เรจ็ จากโครงการ - แนวทางในการนำ�ไป ประยกุ ต์ใช้ 4. สรุปเนอื้ หาเก่ียวกบั การปฏิบตั ใิ นชุมชน โดย การวิเคราะหส์ ภาพปัญหา ความต้องการของกลุ่ม เป้าหมายและชมุ ชน 2 การเรยี น เพือ่ ส่งเสริม 1. การอนรุ ักษ์ 1. บรรยายการเรียนรูก้ าร 2 1 รู้การใช้ เรียนร้กู ารใช้ สง่ิ แวดล้อม ใชเ้ ทคโนโลยที ่ีเหมาะสม เทคโนโลยีท่ี เทคโนโลยี 2. การประหยัด 2. สำ�รวจภมู ปิ ญั ญา เหมาะสม ท่ีเหมาะสม พลังงาน นวตั กรรม เทคโนโลยีท่ี สามารถนำ�มา 3. การบรหิ าร เหมาะสม และสอดคลอ้ ง ปรับใช้ในชีวติ จดั การขยะ กับแนวโน้มการพัฒนาของ ประจำ�วันได้ ชมุ ชน 3.วเิ คราะหช์ มุ ชนเกย่ี วกบั สภาพและปญั หาภายใน ชุมชนเรื่อง - ส่งิ แวดลอ้ ม - การประหยัดพลังงาน - การบริหารจัดการขยะ 4.แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ของ แต่ละชุมชน 5.สรปุ เนือ้ หาเกี่ยวกบั การ ใชเ้ ทคโนโลยีทีเ่ หมาะสม เพอื่ อนรุ กั ษส์ ่งิ แวดลอ้ ม เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสังคมและชมุ ชน 13 กศน. อำ� เภอธญั บรุ ี
ท่ี เร่อื ง จดุ ประสงค์การ เนอื้ หา การจดั กระบวนการเรยี นรู้ จ�ำนวนชวั่ โมง เรียนรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ การประหยดั พลงั งาน และการบริหารจัดการ ขยะ 6.การนำ�เสนอแนวทาง การอนุรกั ษส์ ่ิงแวดลอ้ ม การประหยดั พลังงาน และการบริหารจัดการ ขยะ 3 ความเป็น เพอื่ เสรมิ สร้าง - ความเป็น 1. บรรยายความเป็น 2 1 พลเมือง ความเป็น พลเมอื งดีตามวิถี พลเมอื งดตี ามวิถี ดตี ามวิถี พลเมอื งดีตามวถิ ี ประชาธิปไตย ประชาธิปไตย ประชาธิปไตย ประชาธิปไตย 2. วเิ คราะหต์ นเองเกี่ยว กบั ความเป็นพลเมืองดี ตามวิถีประชาธปิ ไตย 3. แลกเปลีย่ นเรยี นรู้ของ แต่ละคน 4. สรุปเนอื้ หาเกี่ยวกบั ความเปน็ พลเมืองดตี าม วิถปี ระชาธปิ ไตย 4 การมจี ิต การมจี ิต - การมจี ิต 1. บรรยายการมจี ิต 2 1 สาธารณะ สาธารณะ สาธารณะ สาธารณะ 2. วิเคราะหต์ นเองเก่ยี ว กบั การมีจิตสาธารณะ 3. แลกเปลี่ยนเรียนรู้ของ แตล่ ะคน 4. สรุปเนื้อหาเกีย่ วกับ การมีจิตสาธารณะ 5. การนำ�เสนอแนวทาง การมจี ิตสาธารณะต่อ ชุมชน 14 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพ่อื พฒั นาสงั คมและชุมชน กศน. อำ� เภอธญั บุรี
สื่อการเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชมุ ชน 2. ภูมปิ ัญญาท้องถิน่ 3. แหลง่ เรียนรู้ การวดั ผลประเมนิ ผล 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น และแบบทดสอบหลงั เรยี น 2. การตอบข้อซกั ถามระหว่างเรยี น 3. การน�ำเสนอแนวทางการพัฒนาสังคมชมุ ชน เกณฑ์การจบหลักสตู ร 1. มเี วลาเรยี นไม่นอ้ ยกว่า รอ้ ยละ 80 2. มีผลการประเมินตลอดหลกั สตู ร ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 60 เอกสารหลกั ฐานการศึกษาท่จี ะไดร้ ับหลังจบหลักสูตร 1. หลกั ฐานการประเมินผลการเรียนรู้ 2. วุฒิบตั รออกโดยสถานศึกษา เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาสังคมและชมุ ชน 15 กศน. อำ� เภอธญั บรุ ี
เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาสังคมและชุมชน 8 กศน. อําเภอธญั บุรี แผนการจัดการเรยี นรู บทท่ี 1 การดาํ เนนิ ชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ เวลา การจดั กระบวนการเรียนรู หมายเหตุ 1 9.00 น.– 12.00 น. ข้นั นําเขาสูบทเรียน จํานวน 3 ชัว่ โมง บรรยายการดาํ เนนิ ชีวติ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ข้นั สอน 1. สํารวจโครงการตามพระราชดําริ พ้นื ทีท่ รงงานของพระบาทสมเดจ็ พระเจา อยหู วั รชั กาลท่ี 9 2. ถอดองคค วามรจู ากส่ิงทีพ่ ระองค ทรงงาน รวมกบั ประชาชนและภาคี เครอื ขายในพ้ืนท่ี ตามหวั ขอดังนี้ - หลักการ วิธีการในการแกป ญ หา - ผลสําเร็จจากโครงการ - แนวทางในการนําไปประยุกตใ ช ขั้นสรุป สรุปเนือ้ หาเกี่ยวกับการปฏบิ ตั ใิ น ชมุ ชน โดยการวิเคราะหส ภาพปญ หา ความตอ งการของกลมุ เปาหมายและ ชมุ ชน 16 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพื่อพฒั นาสงั คมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบุรี
เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพื่อพัฒนาสงั คมและชมุ ชน 9 กศน. อาํ เภอธญั บรุ ี แผนการจัดการเรียนรู บทที่ 2 การเรยี นรกู ารใชเทคโนโลยีทเ่ี หมาะสม ครั้งท่ี เวลา การจัดกระบวนการเรียนรู หมายเหตุ 2 9.00 น.–12.00 น. ข้ันนาํ เขา สูบทเรียน จํานวน 3 ชวั่ โมง บรรยายการเรียนรูการใชเ ทคโนโลยที ี่ เหมาะสม ขั้นสอน 1. สาํ รวจภมู ิปญญา นวัตกรรม เทคโนโลยที เ่ี หมาะสม และสอดคลอ ง กับแนวโนมการพัฒนาของชุมชน 2. วิเคราะหชุมชนเก่ียวกับสภาพและ ปญหาภายในชมุ ชนเร่ือง - ส่งิ แวดลอม - การประหยัดพลังงาน - การบรหิ ารจัดการขยะ 3. แลกเปลย่ี นเรียนรูข องแตละชมุ ชน ขั้นสรุป 1. สรุปเน้ือหาเก่ยี วกับการใช เทคโนโลยที ่ีเหมาะสม เพื่ออนรุ กั ษ ส่ิงแวดลอม การประหยัดพลงั งาน และการบริหารจดั การขยะ 2. การนําเสนอแนวทางการอนรุ ักษ ส่งิ แวดลอม การประหยัดพลังงาน และการบรหิ ารจัดการขยะ เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสงั คมและชมุ ชน 17 กศน. อ�ำเภอธัญบรุ ี
เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาสังคมและชุมชน 10 กศน. อาํ เภอธญั บรุ ี แผนการจดั การเรยี นรู บทท่ี 3 ความเปนพลเมอื งดีตามวถิ ปี ระชาธิปไตย – บทท่ี 4 การมีจิตสาธารณะ ครง้ั ท่ี เวลา การจดั กระบวนการเรยี นรู หมายเหตุ 3 9.00 น.–12.00 น. ขน้ั นําเขาสบู ทเรียน จาํ นวน 3 ชวั่ โมง บรรยายความเปน พลเมอื งดตี ามวิถี ประชาธิปไตย ข้นั สอน 1. วิเคราะหต นเองเกี่ยวกับความเปน พลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธิปไตย 2. แลกเปลยี่ นเรียนรขู องแตล ะคน ขน้ั สรปุ 1. สรุปเนอ้ื หาเกี่ยวกับความเปน พลเมืองดตี ามวถิ ปี ระชาธิปไตย 2. การนําเสนอแนวทางความเปน พลเมอื งดตี ามวิถีประชาธิปไตย 4 9.00 น.–12.00 น. ขน้ั นําเขา สบู ทเรียน จาํ นวน 3 ช่ัวโมง บรรยาย เรื่อง การมจี ิตสาธารณะ ขั้นสอน 1. วเิ คราะหตนเองเกย่ี วกับการมีจติ สาธารณะ 2. แลกเปล่ียนเรียนรูของแตละคน ข้นั สรปุ 1. สรุปเน้ือหาเก่ียวกับการมจี ติ สาธารณะ 2. การนาํ เสนอแนวทางการมจี ิต สาธารณะ 18 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาสงั คมและชุมชน กศน. อำ� เภอธญั บุรี
ส่วนท่ี 3 เน้ือหาการอบรม เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพื่อพฒั นาสงั คมและชุมชน 19 กศน. อำ� เภอธญั บรุ ี
เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพื่อพฒั นาสังคมและชุมชน 12 กศน. อาํ เภอธญั บรุ ี หนวยการเรียนรูท่ี 1 การดาํ เนินชวี ิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เรอื่ งที่ 1 การเรยี นรตู ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง จดุ เริม่ ตนแนวคิดเศรษฐกจิ พอเพียง ผลจากการใชแนวทางการพัฒนาประเทศไปสูความทันสมัย ไดกอใหเกิดการเปล่ียนแปลงแก สังคมไทยอยางมากในทุกดาน ไมวาจะเปนดานเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม สังคมและ ส่ิงแวดลอม อีกท้ังกระบวนการของความเปลี่ยนแปลงมีความสลับซับซอนจนยากที่จะอธิบาย ในเชิงสาเหตแุ ละผลลัพธไ ด เพราะการเปลี่ยนแปลงท้งั หมดตางเปน ปจ จยั เชื่อมโยงซ่ึงกันและกัน สําหรับผลของการพัฒนาในดานบวกน้ัน ไดแก การเพ่ิมขึ้นของอัตราการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกจิ ความเจริญทางวัตถุ และสาธารณปู โภคตางๆ ระบบส่ือสารที่ทันสมัย หรือการขยายปริมาณ และกระจายการศึกษาอยางทั่วถึงมากขึ้น แตผลดานบวกเหลานี้สวนใหญกระจายไปถึงคนใน ชนบท หรอื ผูดอยโอกาสในสังคมนอ ย แตวา กระบวนการเปล่ียนแปลงของสังคมไดเ กิดผลลบติดตามมาดว ย เชน การขยายตัวของรัฐ เขาไปในชนบท ไดสงผลใหชนบทเกิดความออนแอในหลายดาน ท้ังการตองพ่ึงพิงตลาดและพอคา คนกลางในการสั่งสินคาทุน ความเส่ือมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ระบบความสัมพันธแบบเครือ ญาติ และการรวมกลุมกันตามประเพณีเพื่อการจัดการทรัพยากรที่เคยมีอยูแตเดิมแตกสลายลง ภูมิความรทู ี่เคยใชแ กป ญ หาและสัง่ สมปรบั เปลย่ี นกนั มาถูกลมื เลือนและเร่มิ สูญหายไป ส่ิงสําคัญ ก็คือ ความพอเพียงในการดํารงชีวิต ซ่ึงเปนเงื่อนไขพื้นฐานที่ทําใหคนไทยสามารถ พงึ่ ตนเอง และดาํ เนนิ ชีวติ ไปไดอยางมีศักดิ์ศรภี ายใตอ ํานาจและความมอี สิ ระในการกาํ หนด ชะตาชีวิต ของตนเอง ความสามารถในการควบคุมและจัดการเพ่ือใหตนเองไดรับการสนองตอบตอความ ตอง การตางๆ รวมท้ังความสามารถในการจัดการปญหาตางๆ ไดดวยตนเอง ซึ่งทั้งหมดนี้ถือวาเปน ศกั ยภาพพืน้ ฐานทีค่ นไทยและสังคมไทยเคยมีอยูแต เดิม ตองถูกกระทบกระเทือน ซ่ึงวิกฤตเศรษฐกิจ จากปญหาฟองสบูและปญหาความออนแอของชนบท รวมท้ังปญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้น ลวนแตเปนขอ พสิ จู นและยนื ยนั ปรากฏการณน้ีไดเ ปนอยา งดี (ทมี่ า : ขอ มูลเผยแพรจ ากมลู นิธิชยั พฒั นา ) 20 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพื่อพฒั นาสังคมและชุมชน กศน. อ�ำเภอธัญบุรี
เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาสงั คมและชุมชน 13 เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพือ่ พัฒกนศาสนงั.คอมําแเภลอะธชญัุมชบนรุ ี 13 กศน. อาํ เภอธัญบรุ ี ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ท่มี า : http://www.chaoprayanews.com/ (เวบ็ ไซตของสาํ นกั ขา วเจาพระยา) เศรษฐกิจพทม่ีอาเพ:ียhงttเpป:/น/ปwรwัชwญ.าcชhี้ถaึoงแpนraวyกaาnรeดwํารs.งcอoยmูแ/ละ(เปว็บฏไิบซัตติตขนอขงสอํางนปักระขชา วาเชจนาพในรทะยุการ)ะดับตั้งแต เรศะรดษับฐคกริจอพบอคเพรัวียงระเปดนับปชรุมัชชญนาชจ้ีถนึงถแึนงรวะกดารับดรําัฐรงทอั้งยใูแนลกะาปรฏพิบัฒัตนิตนาแขลองะปบรระิหชารชปนรในะทเทุกศระใหดับดํตาเ้ังนแินต ไรปะใดนับทคางรสอาบยคกลรัาวงรโะดดยัเบฉชพุมาะชกนารจพนัฒถนึงารเะศดรัษบฐรกัฐิจทเ้ังพใอื่ นใหกการาวพทัฒนั นตอาแโลลกะยบุครโลิหกาารภปิวรัตะนเ ทศใหดําเนิน คไปวใานมทพางอสเาพยียกงลาหงมโาดยยถเฉึงพคาวะากมาพรพอัฒปนระาเมศารณษฐคกวจิ าเมพมอ่ื ีเใหหตกุผาวลทรันวตมอ ถโึลงคกวยาคุ มโลจกําาเปภิวนตั ทน่ีจ ะตองมีระบบ ภคูวมาิคมุมพกอันเใพนียตงัวหทมี่ดาีพยอถึงสมคควาวมรพตออปกราะรมกาณระคทวบาใมดมๆีเหอตันุผเลกิรดวจมาถกึงกคาวราเมปจลํา่ีเยปนนแทป่ีจละงตทอั้งมภีราะยบใบน ภูามยิคนุมอกกันทใน้ังนตี้ัวจทะ่ีตดีอพงออสามศัยคคววราตมอรอกบารู กครวะาทมรบอใบดคๆออบันแเลกะิดคจวาากมกราะรมเัดปรละ่ียวังนอแยปาลงยง่ิงทใั้งนภกายรนในํา วภิชาายกนาอรกตทางั้ ๆน้ี มจาะใตชอใงนอกาาศรัยวคาวงาแมผรนอแบลระู กคาวราดมํารเอนบินคกอาบร แทลุกะขคั้นวตามอรนะแมลัดะรขะวณังะอเยดาียงวยก่ิงันในจกะาตรนอําง เวสิชราิมกสารราตงาพง้ืนๆฐมานาจใชิตใในจกขาอรงวคานงใแนผชนาตแิลโะดกยาเฉรพดําะเนเจินากหานราทุ่ีขกอข้ังนรตัฐอนนักแทลฤะษขฎณี แะลเะดนียักวกธุรันกิจใะนตทอุกง รเสะรดิมับสใรหางมพีส้ืนํานฐึากนในจคิตุณใจธขรอรงมคคนวในามชซา่ืตอิสโัตดยยสเฉุจพริตาะแเจลาะหใหนมาีคทวี่ขาอมงรรอัฐบนรักูทท่ีเหฤมษาฎะี สแมละดนําักเนธินุรกชิจีวิตในดทวุกย คระวดามับอใดหทมนีสําคนวึกามในเพคียุณรธมรีสรมติ คปวญาญมาซื่อแสลัตะยคสวุจามริตรอแบลคะอใบหมเพีค่ือวาใหมสรมอดบุลรูแทลี่เหะมพาระอสมมตอดกําาเรนรินอชงีวริตับดกวายร เคปวลา่ีมยอนดแทปนลงคอวยาามงเรพวียดรเรม็วีสแตลิ ะปกญวญางาขแวลาะงคทว้ังาดมารนอวบัตคถอุ บสังเคพม่ือใสหิ่งสแมวดดุลลแอลมะพแรลอะมวตัฒอนกธารรรมอจงราับกกโลากร เภปาลย่ียนนอแกไปดลเปงอนยอายงารงวดดี เร็วและกวางขวาง ท้ังดานวัตถุ สังคม ส่ิงแวดลอม และวัฒนธรรมจากโลก ภควายานมอหกมไาดยเขปอนงอเยศา รงษดฐี กจิ พอเพียง จึงประกอบดว ยคณุ สมบตั ิ ดังนี้ ค1.วาคมวหามพายอขปอรงะเมศารณษฐหกมิจาพยอถเึงพคียวงาจมงึพปอรดะที กีไ่ อมบนดอวยยเกคินณุ ไปสแมลบะัตไิมดมงั านกี้ เกินไป โดยไมเ บียดเบียนตนเอง 1. แคลวะาผมอู พ่ืนอเปชรนะมกาณรผลหติ มแาลยะถกึงาครวบารมิโภพคอทดที่อย่ีไมใู น รอะยดเกับินพไอปปแรละะมไามณมากเกนิ ไป โดยไมเ บยี ดเบียนตนเอง 2.แคลวะาผมูอ มน่ื เี หเชตนผุ ลกาหรมผาลยิตถแงึ ลกะากราตรดับสรินโภใจคเทก่อี ย่ี ยวูใกนับรระะดดบั ับพคอวปามระพมอาเณพยี งน้ัน จะตอ งเปน ไปอยา งมเี หตผุ ล 2. โคดวยาพมิจมาีเรหณตาุผจลากหเหมตายปุ ถจึงจยักทารเ่ี กตี่ยัดวสขินอใงจเตกล่ยี อวกดบัจนระคดาํ ับนคงึ ถวงึาผมลพทอค่ี เพาดียวงนา จ้ันะเจกะดิ ตขอ ึ้นงจเปานกกไปาอรกยรา ะงมทเีาํ หตุผล โนดัน้ ยๆพิจอายรา ณงราอจบาคกอเหบตุปจ จยั ทีเ่ กี่ยวของ ตลอดจนคาํ นึงถึงผลทคี่ าดวา จะเกดิ ข้นึ จากการกระทํา นนั้ ๆ อยางรอบคอบ เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาสงั คมและชมุ ชน 21 กศน. อ�ำเภอธัญบรุ ี
เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาสังคมและชุมชน 14 กศน. อําเภอธัญบุรี 3. การมีภมู คิ ุมกนั ในตวั ท่ีดี หมายถึง การเตรียมตัวใหพรอ มรบั ผลกระทบและการเปล่ียนแปลง ดา นตางๆ ทจี่ ะเกดิ ข้นึ โดยคาํ นึงถงึ ความเปนไปไดข องสถานการณต างๆ ทคี่ าดวาจะเกดิ ข้นึ ในอนาคต โดยมี เงือ่ นไข ของการตดั สินใจและดาํ เนินกจิ กรรมตา งๆ ใหอยใู นระดับพอเพยี ง 2 ประการ ดงั นี้ 1. เงือ่ นไขความรู ประกอบดวย ความรอบรูเกี่ยวกบั วิชาการตางๆ ทเ่ี ก่ยี วของรอบดา น ความ รอบคอบท่จี ะนาํ ความรูเหลา นั้นมาพิจารณาใหเ ชื่อมโยงกนั เพอื่ ประกอบการวางแผนและความ ระมัดระวังในการปฏิบัติ 2. เงื่อนไขคุณธรรม ทีจ่ ะตอ งเสรมิ สราง ประกอบดว ย มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มคี วามซือ่ สัตย สุจริตและมคี วามอดทน มีความเพยี ร ใชสตปิ ญญาในการดําเนินชีวติ ( ทม่ี า : ขอ มูลเผยแพรจ ากมูลนิธชิ ัยพัฒนา ) พระราชดาํ รสั ท่ีเกย่ี วกบั เศรษฐกิจพอเพียง “...ตามปกติคนเราชอบดูสถานการณในทางดี ท่ีเขาเรียกวาเล็งผลเลิศ ก็เห็นวาประเทศไทยเราน่ี กาวหนา ดี การเงนิ การอุตสาหกรรมการคาดี มีกําไร อีกทางหน่ึงก็ตองบอกวาเรากําลังเส่ือมลงไปสวน ใหญ ทฤษฎีวา ถามีเงินเทานั้นๆ มีการกูเทาน้ันๆ หมายความวาเศรษฐกิจกาวหนา แลวก็ประเทศ กเ็ จริญมีหวังวาจะเปนมหาอํานาจ ขอโทษเลยตองเตือนเขาวา จริงตัวเลขดี แตวาถาเราไมระมัดระวัง ในความตองการพืน้ ฐานของประชาชนนนั้ ไมม ีทาง...” พระราชดาํ รสั เนอ่ื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลยั วนั ที่ 4 ธนั วาคม 2536 \"...พอเพียง มีความหมายกวางขวางยิ่งกวาน้ีอีก คือคําวาพอ ก็พอเพียงนี้ก็พอแคน้ันเอง คนเราถาพอ ในความตองการก็มีความโลภนอย เม่ือมีความโลภนอยก็เบียดเบียนคนอ่ืนนอย ถาประเทศใด มีความคิดอันนี้ มีความคิดวาทําอะไรตองพอเพียง หมายความวาพอประมาณ ซื่อตรง ไมโลภอยาง มาก คนเราก็อยเู ปน สุข พอเพียงนี้อาจจะมี มมี ากอาจจะมีของหรูหราก็ได แตวาตองไมไปเบียดเบียน คนอน่ื ...” พระราชดาํ รัส เนอื่ งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลยั วันท่ี 4 ธันวาคม 2541 22 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชุมชน กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี
เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพ่อื พัฒนาสังคมและชมุ ชน 15 กศน. อําเภอธญั บุรี “...ฉันพูดเศรษฐกิจพอเพียงความหมายคือ ทําอะไรใหเหมาะสมกับฐานะของตัวเอง คือทําจาก รายได 200-300 บาท ขึน้ ไปเปน สองหม่ืน สามหมื่นบาท คนชอบเอาคําพูดของฉัน เศรษฐกิจพอเพียง ไปพูดกันเลอะเทอะ เศรษฐกิจพอเพียง คือทําเปน Self-Sufficiency มันไมใชความหมายไมใชแบบ ที่ฉันคิด ท่ีฉันคิดคือเปน Self-Sufficiency of Economy เชน ถาเขาตองการดูทีวี ก็ควรใหเขา มีดู ไมใชไปจํากัดเขาไมใหซ้ือทีวีดู เขาตองการดูเพื่อความสนุกสนาน ในหมูบานไกลๆ ท่ีฉันไป เขามี ทีวีดูแตใชแบตเตอร่ี เขาไมมีไฟฟาแตถา Sufficiency น้ัน มีทีวีเขาฟุมเฟอย เปรียบเสมือนคนไมมี สตางคไ ปตดั สูทใส และยังใสเ นคไทเวอรซ าเช อนั นก้ี ็เกนิ ไป...” พระตาํ หนกั เปยมสุข วังไกลกังวล 17 มกราคม 2544 หลักเศรษฐกจิ พอเพยี งกับการวางแผนการเงินของคนไทย จากขอมูลที่กลาวมาแลว จะเห็นวาหลักเศรษฐกิจพอเพียงท่ีพระองคทรงใหไวกับปวงชน ชาวไทยนนั้ แมวาพระองคจ ะเนน ทภ่ี าคเกษตรกรรมเปน หลกั เพราะอยากใหคนสวนใหญของประเทศ มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจเสียกอน แตหลักเศรษฐกิจพอเพียงก็ยังสามารถมาประยุกตใหกับคน ในทกุ ๆ สาขาอาชีพไดเชนกัน เพราะเปนเนน ทกี่ ารพงึ่ ตนเองใหไดเปนหลัก ดังน้ันจึงเรียกไดวา หลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ พื้นฐานที่สําคัญของการจัดการในทุกๆอาชีพเลย ทีเดียว แลวถาพิจารณาหลักเศรษฐกิจพอเพียงกับเรื่องวางแผนการเงิน จะย่ิงเห็นไดชัดเจนเลย วา มันเปนเร่อื งเดยี วกนั เลย โดยเปรียบเทยี บไดด ังนี้ 1. ความพอประมาณ ก็ คือการใชจายอยางประหยัด ตามรายไดที่เรามี อยาใชจาย เกนิ ตวั อยาเปน หนี้ แตถ ามีรายจา ยเยอะ กต็ อ งหาเยอะตามไปดวย ที่สําคัญคือ อยาทําใหตอง ไปเบียดเบยี นผอู ืน่ เชน ไปกคู นอน่ื มา และไมสามารถใชห นไ้ี ด เปนตน 2. ความมีเหตุผล ก็เสริมขอแรก คือ การจะใชเงินน้ัน มีเหตุผลท่ีดีพอหรือไม เชน จะซื้อรถ เพ่ืออะไร อะไรคือ Need หรือเปน Want คือ อยากไดมากกวา แตก็ไมไดหมายความวา จะรวยไมได สรุปงาย ๆ คอื ถา มีเหตุผลอยากใชเ งนิ ซ้ืออะไรก็ตอ งหารายไดใ หม ากพอนั่นเอง 3. มีภูมิคุมกันในตัวที่ดี ขอน้ีจะตรงกับความไมประมาทในการใชชีวิต ซ่ึงถาเปนเร่ืองการเงินก็ ไดแกการจัดการความเสี่ยงทั้งหลาย เชน รถ บาน เรามีประกันเพียงพอหรือไม หรือถา เจ็บปวยเปน โรครา ยแรงหรือโรคมะเรง็ เรารับมือไหวหรือไม หรือใครจะชวยเรา รวมไปถึงการ มีเงินสํารองฉุกเฉินที่มากพอ เพราะหากตกงานกะทันหัน เรามีเงินเตรียมไวกี่เดือน รวมไปถึง เร่ืองความขยันก็ได เชน ชวงท่ีเราอายุนอย ๆ ก็ตองรีบทํางานหาเงินเยอะๆ เพ่ือเตรียมเงินไว ใชในยามเกษียณอยางเพียงพอ ก็ถือเปนการสรางภูมิคุมกันของเรา ก็ได หรือใครท่ีเปนนัก ลงทุน ก็อาจตองศึกษาสินคาการเงินนั้นใหดี เพราะถาเรามีความรูมาก เราก็ถือวาเรามี ภูมิคุมกันมาก หรือ อาจจะมองเปนการกระจายการลงทุน Asset Allocation ก็ได ก็ถือวา เปนการกระจายความเสี่ยง ซ่ึงก็เปนการลดความเส่ียงในการลงทุน ก็เทากับวาเรามีภูมิคุมกัน ดา นการเงนิ มากขึน้ ไปดวย เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสงั คมและชมุ ชน 23 กศน. อำ� เภอธญั บรุ ี
เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชุมชน 16 กศน. อําเภอธัญบรุ ี สวน 2 เง่ือนไข ไมวาจะเปนเร่ืองการมีความรู และ มีคุณธรรม ถาเปนมุมมองดานวางแผน การเงิน ก็คือ การมีความรูในเรื่องท่ีลงทุน อยางดีพอ รวมไปถึงมีความรูในการหารายไดเพ่ิมขึ้น ดว ย ซ่งึ ตอ งมีพรอมดว ยคณุ ธรรม ไมโกง ไมเอาเปรียบผูอื่น ซ่ึงถาทําไดแบบน้ีรับรองวา สถานะทาง การเงินของคนไทยทกุ คนตองแขง็ แรงอยางยั่งยืนแนน อน ทม่ี า : https://aommoney.com/(เว็บไซตข องaommoney) เรือ่ งที่ 2 เกษตรทฤษฎีใหม แนวคดิ ในการดําเนนิ งานและการบริหารจัดการศูนยเรยี นรูเกษตรทฤษฎีใหม : ตามแนว ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในทุกคราท่ีพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว เสด็จพระราชดําเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรตาม พื้นท่ีตางๆ ทั่วประเทศน้ันได ทรงถามเกษตรกรและทอดพระเนตรพบสภาพปญหาการขาดแคลนนํ้า เพ่อื การปลกู ขาวและเกิดแรงดลพระราชหฤทยั อันเปนแนวคิดข้นึ วา 1. ขา วเปน พชื ทแี่ ขง็ แกรง มาก หากไดนา้ํ เพียงพอจะสามารถเพ่ิมปรมิ าณเม็ดขาว ไดม ากยงิ่ ขึน้ 2. หากเกบ็ นํา้ ฝนทตี่ กลงมาไวไดแ ลว นาํ มาใชใ นการเพาะปลูกก็จะสามารถเก็บเกีย่ ว ไดมากขน้ึ เชนกัน 3. การสรางอา งเก็บน้าํ ขนาดใหญน บั วนั แตจ ะยากท่ีจะดําเนินการไดเนอ่ื งจากการ ขยายตวั ของชุมชนและขอ จาํ กดั ของปรมิ าณที่ดนิ เปน อปุ สรรคสําคัญ 4. หากแตละครัวเรือนมีสระน้าํ ประจําไรน าทุกครัวเรือนแลว เมื่อรวมปริมาณกันก็ยอ ม เทา กบั ปรมิ าณในอางเกบ็ น้ําขนาดใหญ แตสน้ิ คา ใชจ า ยนอยและเกิดประโยชนสูงสุด โดยตรงมากกวา พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวไดทรงทําการศึกษาและวิจัยเชิงปฏิบัติเก่ียวกับทฤษฎี ใหมม าเปนเวลานานตั้งแตป พ.ศ.2532 ในพ้ืนท่ีสวนพระองคขนาด 16 ไร 2 งาน 23 ตารางวาใกลวัด มงคล ตาํ บลหว ยบง อําเภอเมือง จงั หวดั สระบรุ ี และทรงมอบใหมูลนิธิชัยพัฒนาท่ีทรงจัดต้ังข้ึนมาเพ่ือ เสริมโครงการของรัฐท้ังน้ีกอนท่ีจะทรงนําเอกสารออกเผยแพรอยางเปนทางการในป พ.ศ.๒๕๓๗ นั้น ทรงใหจัดตั้ง “ศูนยบริหารพัฒนา” ตามแนวพระราชดําริ อยูในความรับผิดชอบของมูลนิธิชัยพัฒนา เพ่อื เปนตน แบบสาธิตการพฒั นาดา นการเกษตร โดยประสานความรวมมือระหวาง วัด ราษฎรและรัฐ ทําการเผยแพรอาชีพการเกษตรและจริยธรรมแกประชาชนในชนบท โดยทรงหวังวาหาก ประสบความสําเร็จก็จะใชเปนแนวทางสาธิตในทองท่ีอ่ืนๆ ตอไป ทั้งนี้ในสวนของการพัฒนา ดา นการเกษตรนน้ั ก็คือแนวคดิ และมรรควิธีท่ีรูจกั กันในนาม “เกษตรทฤษฎีใหม” 24 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพ่อื พฒั นาสังคมและชุมชน กศน. อ�ำเภอธญั บุรี
เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาสังคมและชมุ ชน 17 กศน. อาํ เภอธัญบุรี พระราชดําริ “ทฤษฎีใหม” เปนแนวทางหรือหลักการในการจัดการทรัพยากรระดับ ไรนาคือท่ีดินและนํ้า เพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กใหเกิดประโยชนสูงสุด ในการดําเนินการทฤษฎี ใหมไดพ ระราชทานข้ันตอนดําเนินงาน ดงั น้ี ขอที่ 1 ทฤษฎีใหมขั้นตน สถานะพ้ืนฐานของเกษตรกร คือ มีพ้ืนท่ีนอย คอนขาง ยากจน อยูในเขตเกษตรนํ้าฝนเปนหลักความมั่นคงของชีวิตและความม่ันคงของชุมชนชนบท เปน เศรษฐกิจพึ่งตนเองมากขึ้น มีการจัดสรรพื้นทํากินและที่อยูอาศัย ใหแบงพ้ืนท่ีออกเปน 4 สวน ตามอัตราสวน 30:30:30:10 ซ่ึงหมายถึง พื้นที่สวนท่ีหนึ่งประมาณ 30% ใหขุดสระเก็บกักนํ้า เพื่อใช เก็บกักนํ้าฝนในฤดูฝนและใชเสริม การปลูกพืชในฤดูแลง ตลอดจนการเล้ียงสัตวนํ้าและพืชนํ้าตางๆ (สามารถเลี้ยงปลา ปลูกพืช เชน ผักบุง ผักกะเฉด ฯ ใหดวย) พื้นท่ีสวนที่สองประมาณ 30% ใหปลูก ขาวในฤดูฝน เพื่อใชเปนอาหารประจําวันในครัวเรือนใหเพียงพอตลอดป เพ่ือตัดคาใชจายและ สามารถพ่ึงตนเองได พื้นท่ีสวนท่ีสามประมาณ 30% ใหปลูกไมผล ไมยืนตน พืชผัก พืชไร พืช สมนุ ไพร ฯลฯ เพื่อใชเ ปน อาหารประจําวนั หากเหลือบริโภคก็นําไปจําหนายและพื้นท่ีสวนท่ีส่ีประมาณ 10% ใชเปนท่ีอยูอาศัยเลี้ยงสัตวและโรงเรือนอ่ืนๆ (ถนน คันดิน กองฟาง ลานตาก กองปุยหมัก โรงเรอื น โรงเพาะเหด็ คอกสตั ว ไมดอกไมประดบั พชื ผกั สวนครวั หลังบา น เปน ตน ) ทฤษฎีใหมขั้นกาวหนา เมื่อเกษตรกรเขาใจในหลักการและไดลงมือปฏิบัติตามข้ันที่ หน่ึงในท่ีดนิ ของตนเปนระยะเวลาพอสมควรจนไดผลแลว เกษตรกรก็จะพัฒนาตนเองจากข้ัน “พออยู พอกนิ ” ไปสูขน้ั “พอมอี นั จะกนิ ” เพือ่ ใหมีผลสมบูรณย่ิงข้ึน จึงควรที่จะตองดําเนินการตามข้ันที่สอง และขน้ั ทสี่ ามตอไปตามลําดบั ขนั้ ท่ี 1 ทฤษฎีใหมข น้ั กลาง เม่อื เกษตรกรเขาใจในหลักการและไดปฏิบัติในที่ดินของ ตนจนไดผลแลว ก็ตองเริ่มข้ันท่ีสอง คือใหเกษตรกรรวมพลังกันในรูปกลุม หรือ สหกรณ รวมแรง รว มใจกนั ดําเนนิ การในดาน 1. การผลิต เกษตรกรจะตอ งรวมมือในการผลติ โดยเริม่ ตั้งแต ขัน้ เตรยี มดนิ การหาพันธุพืช ปยุ การหานาํ้ และอื่นๆ เพอื่ การเพาะปลกู 2. การตลาด เม่ือมีผลผลิตแลวจะตองเตรียมการตาง ๆ เพื่อการขายผลผลิต ใหไดประโยชนสูงสุด เชน การเตรียมลาดตากขาวรวมกัน การจัดหายุงรวบรวมขาว เตรียมหาเครื่อง สีขาว ตลอดจนการรวมกันขายผลผลิตใหไดร าคดแี ละลดคาใชจา ยลงดว ย 3. ความเปนอยู ในขณะเดียวกันเกษตรกรตองมีความเปนอยูท่ีดีพอสมควรโดย มปี จ จัยพนื้ ฐานในการดํารงชีวติ เชน อาหารการกนิ ตางๆ กะป นาํ้ ปลา เส้อื ผา ทพ่ี อเพยี ง 4. สวัสดิการ แตละชุมชนควรมีสวัสดิการและบริการท่ีจําเปน เชน มีสถานี อนามยั เมื่อยามปวยไข หรอื มีกองทนุ ไวใ หก ยู ืมเพื่อประโยชนในกจิ กรรมตาง ๆ 5. การศึกษา มีโรงเรียนและชุมชนมีบทบาทในการสงเสริมการศึกษา เชน มีกองทนุ เพ่อื การศกึ ษาเลาเรียนใหแกเยาวชนของชมุ ชนเอง เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาสงั คมและชุมชน 25 กศน. อำ� เภอธญั บุรี
เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพ่ือพัฒนาสังคมและชมุ ชน 18 กศน. อําเภอธญั บุรี 6. สงั คมและศาสนา ชมุ ชนควรเปน ศูนยก ลางในการพัฒนาสงั คมและจิตใจ โดย มีศาสนาเปนที่ยึดเหนี่ยว กิจกรรมท้ังหมดดังกลาวขางตน จะตองไดรับความรวมมือจากทุกฝาย ทีเ่ ก่ยี วของ ไมว า สวนราชการ องคกรเอกชน ตลอดจนสมาชิกในชมุ ชนน้ันเปน สาํ คัญ ขั้นท่ี 3 ทฤษฎีใหมขั้นกาวหนา เมื่อดําเนินการผาพนข้ันที่สองแลว เกษตรกรจะมี รายไดดีขึ้น ฐานะม่ังคงข้ึน เกษตรกรหรือกลุมเกษตรกรก็ควรพัฒนากาวหนาไปสูขั้นที่สามตอไป คือ ติดตอประสานงาน เพื่อจัดหาทุน หรือแหลงเงิน เชน ธนาคาร หรือบริษัทหางรานเอกชน มาชวย ในการทําธุรกิจ การลงทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิต ท้ังนี้ ทั้งฝายเกษตรกรและฝายธนาคารกับบริษัท จะไดร บั ประโยชนรว มกนั ทมี่ า : http://umongcity.go.th/(เว็บไซตข องเทศบาลอุโมงค) เรื่องที่ 3 การทาํ บัญชีครัวเรอื น การทําบัญชีรบั -จา ย หมายถึง การจดบันทกึ รายการเกี่ยวกบั การเงนิ ทกุ รายการ ทั้งท่ีไดร ับเขามา และที่ตองจายออกไปเพ่อื ศกึ ษาเปรียบเทียบผลการดําเนนิ กิจการวา ไดกําไร หรอื ขาดทนุ เพยี งไร ประโยชนของการทําบัญชรี ับ-จา ย 1.เพ่อื จดบันทึกรายการการดําเนินกจิ การเรยี งลําดับกอ นหลงั 2.งายตอ การตรวจสอบ 3.เปน การควบคมุ รักษาทรัพยส ินของกิจการ 4.ปอ งกนั ความผิดพลาดในการดาํ เนินกิจการ 5.สามารถปรับปรุงแกไขทัน 6.ทาํ ใหทราบฐานะของกจิ การ 7.เปน ประโยชนในการตรวจสอบผลกําไร-ขาดทุนไดทุกเวลา หลกั การทาํ บัญชรี บั -จา ย - จัดทําแบบฟอรมบัญชรี ับจา ยอยางงาย ใหสะดวกตอการจดบนั ทึกรายการ - จดบันทึกรายการเรียงลําดับตามเหตุการณทเ่ี ปนจรงิ ที่เกดิ ขน้ึ - สรุปยอดเงนิ รายรับรายจา ย ประจําวัน เปรยี บเทียบผลการดําเนนิ กิจการประจําวัน ยกยอดเงนิ ในบัญชีรบั -จายไปไวใ นวนั ถดั ไป หากเปน กจิ การท่ไี มมรี ายรบั -จา ยทุกวนั อาจสรปุ และประเมินผลรายรับ-จา ย เปนรายเดือนหรือ 2-3 เดอื นกไ็ ด การทําบญั ชี ถึงชา แต ชดั เจน (slow but sure) รายรับ มีทีม่ า 15 แหลง / ตกั นา้ํ ใสตุม จากการผลิต หยาดเหงอื่ แรงงานตนเอง 1. ขายผลผลติ จากการทําเกษตร 2. ขายผลผลิตจากการเล้ียงสัตว-ผลพลอยไดจ ากสัตว 3. ขายผลผลติ จากหตั ถกรรม 26 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาสังคมและชุมชน กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี
เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพ่อื พัฒนาสงั คมและชุมชน 19 กศน. อําเภอธัญบรุ ี 4. ขายสินคา ท่ซี ื้อมา หรอื ซ้อื มา-ขายไป เชน รา นชาํ ขายขาวแกง 5. ขายพืช-สัตว ทหี่ าจากธรรมชาติ รวมถงึ การเก็บขยะขาย รายได จากการใหบ ริการ 6. คา จา งจากการทํางาน 7. เงินเดอื น เบีย้ เลี้ยง คอมมิชชนั่ 8. เงนิ สงเคราะห บาํ เหน็จ บํานาญ โบนสั 9. รายไดจากการขาย/ใหเชา ทด่ี นิ ยานพาหนะ เคร่ืองมอื 10. รายรบั จากดอกเบย้ี เงินใหกู เงินฝาก เงินลงทุน ถงึ ได แต ไมแ นน อน ซ้ําอาจมีภาระ 11. รายไดจากการเสี่ยงโชค 12. ไดรับจากการกูยมื 13. ญาติทอ่ี ยูนอกครวั เรือนสงมาให 14. เงินชว ยงานแตง งานศพ ฯลฯ 15. ลาภลอย กรณีพิเศษ รายจาย เงินไหลออก 7 ชองทาง 1. คาใชจ ายในการประกอบอาชีพ 2. คา อาหาร 3. คา ยา-สุขภาพอนามยั 4. เส้อื ผา เครื่องแตง กาย เครอ่ื งประดับ 5. ทอ่ี ยอู าศัย 6. ลงทุน-สงั คม-พกั ผอน หยอนใจ 7. การศึกษา วงจรเปน หน้ีเกิดเมอ่ื เรารับไมท นั จา ย - จะแกอ ยางไร : วิถชี ีวติ - จะลดคาใชจ ายอะไรไดบาง - เพม่ิ รายได เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาสงั คมและชมุ ชน 27 กศน. อำ� เภอธัญบุรี
บญั ชีรายรบั - รายจาย เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชมุ ชน 20 ตัวอยาง กศน. อาํ เภอธัญบรุ ี บญั ชรี ายรบั - รายจาย ทมี่ า : https://sites.google.com/(เว็บไซตข องtik6346) เรอ่ื งท่ี 4 วิสาหกิจชมุ ชน/สหกรณ วิสาหกจิ ชุมชน (community enterprise) หมายถึง กจิ การของชุมชนเกี่ยวกับการผลิตสินคา การใหบริการหรือการอื่น ๆ ไทมี่ดวําาเจนะินเปกนารนโิตดทิบย่มี ุคคาคณ:ละhใบนttุครpูปคsแล:/บท/sบ่ีมitีใคeดวsา.หgมรoผือoูกไgพมleเันป.cนมoนีวmิถิตี/ชิบ(ีวเุควิตคบ็ รลไวซมเตพกข ื่อันอสแงรลtาiะkงร6รว3าม4ยต6ไดัว) กันประกอบกจิ การดังกลาว \"สกกคแเว\"ไสลคแรทลรันาววทัฒอ่ืลรกัวารุนใะาปาุนงะาษจงในเมขงรทหเมสพขกณสพธหะอี่รหบนั่ืออรรก4่ือมวะงรกรม)1งรรอคกสิชสาิกคชา.มาบาาเยาํวุมราเยชพุมรหคพกิสขพชทรุมขพ่ือชกญัิจหาอื่อนุงึ่นชอกนึง่ิจหกพกงรข\"ทนพงาช\"าวือกาาวรอเาารมุไริสกติจปไพิสมงตงดพชมานาชนสวงึ่านไงันรหงึ่ไเุมดตเัสิงหกเอดตอจกอคนชหาล(กงนหื่นาcิจงมหเนมาขิจขเoมอขชวอกอาๆ/ชองmอ(าสุมยงิจงกงุมไยงทคหถชมแชmฎคถช่ีรดึงลกวนุมเรึงนuอแกําาะรอชแโnโบเตจดณณผบตนดนiะเคดูยtเคพฑยินyเพราํสมปรสียกทัวเียรอีeัวนนรงาาุปงnงชเุปนิรนชงเงคtุมโงกสิตมุินคeดปินชคัางิบชrือยนรือpรคแนุคแคะแrกตมแคกตiกณsลารทลลารอeระวะ่ีรระวใ)บปรมบนปอรมะหอรถะุครยรถหะมยึงหูปะครึงกวทาากัดวทแลายองราอผบทรงนถบัพงบัชพูคบี่มึงชอกยมุกนยีใคมุยาากดชาาใวรชกิจรหนก7าเนหรกเพรมอพรปาผ่ือผยผือื่รอรลกูกูรขลไกะผวาพมอผากรมลเันงรลาปจิกตชจริตัดนมันุมัดคกนีวคชเกวาปิถิตนวาารีชนาริบเมกมีว\"ชุค\"รท่ีิยตรทุมคู ุนูวรภุนชลภกวขูมนขูมมับอเิปอพิปกงกเญงปื่อชันญาชุมสญรนแุมญผรชลพาชาาลนะ่ีเนงทิตปร\"ทร\"ุนสวนอาุนอมินทยนยทยตคไาาอาาดัวงางงงง วัฒนธรรม ทุนทางสังคม (กฎเกณฑทางสังคมที่รอยรัดผูคนใหอยูรวมกันเปนชุมชน เปนพ่ีเปนนอง ไวใ จกัน) ลักษณะสาํ คัญของวิสาหกจิ ชมุ ชน มีองคประกอบอยางนอ ย 7 ประการ 1. ชุมชนเปน เจาของและผูดาํ เนินการ 28 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพอื่ พัฒนาสงั คมและชมุ ชน กศน. อ�ำเภอธญั บุรี
เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาสงั คมและชุมชน 21 กศน. อําเภอธัญบรุ ี 2. ผลผลิตมาจากกระบวนการในชุมชน โดยใชว ตั ถุดบิ ทรัพยากร ทุน แรงงานในชมุ ชน เปนหลัก 3. รเิ ร่มิ สรา งสรรคเปนนวัตกรรมของชมุ ชน 4. เปน ฐานภมู ปิ ญ ญาทองถ่ิน ผสมผสานภมู ิปญญาสากล 5. มีการดาํ เนินการแบบบูรณาการ เชอ่ื มโยงกิจกรรมตาง ๆ อยางเปนระบบ 6. มีกระบวนการเรยี นรู เปน หวั ใจ 7. มีการพึง่ พาตนเองของครอบครวั และชมุ ชนเปน เปาหมาย เครอื ขา ยวิสาหกจิ ชุมชน หมายถงึ คณะบคุ คลทรี่ วมตวั กนั โดยมวี ัตถปุ ระสงคในการทํากจิ กรรมอยางหน่ึงอยางใด เพ่อื ประโยชน ในการดําเนนิ งาน ของวิสาหกจิ ชุมชนในเครอื ขา ย ประโยชนข องวสิ าหกิจชมุ ชน 1. การรวมตวั กันของเกษตรกรในการประกอบธุรกิจในระดบั ชมุ ชน มีความมั่นคง ไดรบั การรบั รองตามกฎหมาย 2. การสง เสริมความรู ภมู ิปญ ญาทอ งถ่ิน การพัฒนาความสามารถในการจดั การ ตรงตามความตอ งการท่ีแทจรงิ 3. ระบบเศรษฐกจิ ชมุ ชนมีความเขม แข็ง พึ่งพาตนเองได มคี วามพรอมทจ่ี ะพัฒนา สําหรับการแขง ขันทางการคาในอนาคต บทบาทของกรมสง เสริมเกษตรกร 1. เปนหนวยงานนติ ิบุคคลตาม พรบ. สงเสรมิ วิสาหกิจชมุ ชนในการรบั จดทะเบยี นวิสาหกิจ ชมุ ชนและเครอื ขายวิสาหกจิ ชุมชน และการเลิกกจิ การของวิสาหกจิ ชมุ ชนและเครือขา ย 2. เปน สาํ นักงานเลขานกุ ารของคณะกรรมการสงเสรมิ วิสาหกิจชุมชน ซงึ่ มีนายกรัฐมนตรีเปน ประธานอธิบดกี รมสงเสริมการเกษตรเปน เลขานกุ าร โดยมผี ูแทนกรมสงเสรมิ การเกษตร และผูแ ทนกรมการพัฒนาชุมชนเปนผชู วยเลขานุการ 3. ประสานงานกับหนว ยงานท่เี กี่ยวขอ งเพอื่ ใหการสง เสริมและสนบั สนุนการพัฒนาวิสาหกิจ ชุมชนและเครือขา ยวสิ าหกิจชุมชน อยา งครบวงจร 4. ประสานงานในการใหการสนบั สนนุ แกก จิ การวสิ าหกจิ ชุมชนที่มปี ญหาเก่ียวกบั เงินทุนใน การประกอบการ 5. จัดใหมีการฝก อบรมหรือการถา ยทอดความรูท่เี ปนประโยชนแ ละเปนไปตามความตองการ ของวิสาหกิจชุมชนทง้ั ดา นเทคโนโลยกี ารผลิต การจดั การ การบญั ชี ภาษอี ากร และ การตลาด การเตรียมความพรอ มของกรมสงเสริมการเกษตร 1. จัดเตรยี มยกรางหลักเกณฑ กฎระเบียบในการปฏิบัตงิ าน ขอความเหน็ ชอบ จาก คณะกรรมการสง เสรมิ วสิ าหกิจชมุ ชน เพอื่ ประกาศเปนขอ กาํ หนดในการปฏิบัตงิ าน 2. เตรียมความพรอมของเจาหนา ท่ีสง เสรมิ การเกษตรในระดบั ตา ง ๆ ศนู ยบรกิ าร และถา ยทอดเทคโนโลยีเพือ่ ใหรบั ทราบและเขา ใจบทบาทหนาที่ เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชุมชน 29 กศน. อำ� เภอธัญบุรี
เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พฒั นาสงั คมและชมุ ชน 22 กศน. อําเภอธญั บุรี 3. เตรยี มเนื้องานทปี่ ระกอบดวยโครงสรา งและเน้ือหาทช่ี ดั เจน ใหม ีความพรอมปฏิบตั ิงาน ไดท นั ทีที่พระราชบัญญัตปิ ระกาศใช ทม่ี า : http://doh.hpc.go.th/data/(เวบ็ ไซตเ อกสารของวสิ าหกจิ ชมุ ชน) สหกรณ สหกรณ คอื \"องคกรๆ หนึ่ง ทีเ่ กิดข้นึ จากการรวมกลมุ กันดว ยความสมคั รใจ เพื่อดาํ เนนิ งาน ท้งั ในดา นความคดิ ระบบบริหารจดั การผลผลติ และบุคคลโดยใชห ลักประชาธิปไตย เพือ่ สนองความ ตอ งการ (อนั จําเปน) ท้งั ดานเศรษฐกจิ สังคม และวัฒนธรรม\" บทนิยามของคํา \"สหกรณ\" (แกไ ขใหม) สหกรณ น.องคก รทางเศรษฐกจิ และสังคมท่ีสมาชิกรวมกนั จดั ต้งั ขึ้นดวยการลงหุนรวมกนั จดั การรวมกันในการผลิต การจําหนายสินคา หรอื บรกิ ารตามความตองการหรือผลประโยชนอ ยาง เดยี วกันของบรรดาสมาชกิ สมาชิกแตล ะคนมสี ิทธิ์ออกเสยี งไดห นง่ึ เสยี งในการบรหิ ารสหกรณ โดยไม ขนึ้ กับจํานวนหนุ ทถี่ ืออยู เชน สหกรณอ อมทรัพย สหกรณก ารเกษตร สหกรณโคนม, (กฎ) คณะบุคคล ซง่ึ รวมกนั ดาํ เนินกิจการเพ่ือประโยชนทางเศรษฐกิจและสังคม โดยชว ยตนเองและชวยเหลอื ซึง่ กนั และ กัน และไดจ ดทะเบียนตามกฎหมายวาดว ยสหกรณ. หมายเหตุ จากหนังสือราชบณั ฑติ ยสถาน ท่ี รถ ๐๐๐๔/๘๐๐ ลงวนั ที่ ๒๑ มนี าคม ๒๕๕๐ ทม่ี า : https://www.cpd.go.th/(เวบ็ ไซตข องกรมสง เสริมสหกรณ) 30 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพ่ือพฒั นาสงั คมและชมุ ชน กศน. อ�ำเภอธัญบุรี
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 การเรยี นรู้การใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสม เรอื่ งท่ี 1 การอนุรกั ษส์ ิ่งแวดลอ้ ม การอนุรักษ์สงิ่ แวดลอ้ ม หมายถึง การใชท้ รพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ มอยา่ งฉลาด โดยใชใ้ หน้ อ้ ย เพ่ือให้เกดิ ประโยชน์สงู สุด โดยคำ� นงึ ถึงระยะเวลาในการใช้ใหย้ าวนาน และกอ่ ใหเ้ กดิ ผลเสียหายตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มนอ้ ยทสี่ ดุ รวมทง้ั ตอ้ งมกี ารกระจายการใชท้ รพั ยากรธรรมชาตอิ ยา่ งทว่ั ถงึ อยา่ งไรกต็ าม ในสภาพ ปจั จบุ นั ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มมคี วามเสอ่ื มโทรมมากขน้ึ ดงั นน้ั การอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดลอ้ มจงึ มคี วามหมายรวมไปถึงการพฒั นาคุณภาพส่ิงแวดลอ้ มดว้ ย ความส�ำคัญของสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าสง่ิ แวดลอ้ มน้ันจะมชี ีวติ หรอื ไมม่ ีชีวิต ก็ลว้ นก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์และโทษต่อส่ิงมีชวี ิตไดท้ งั้ สนิ้ 1. สิง่ แวดลอ้ มทางกายภาพหรือสิ่งแวดลอ้ มท่ไี ม่มีชีวิต มีความส�ำคญั ต่อส่ิงมีชวี ิตที่อาศยั อยใู่ น สง่ิ แวดลอ้ มนน้ั เชน่ นำ�้ ใชเ้ พอ่ื การบรโิ ภคและเปน็ ทอี่ ยอู่ าศยั ของสตั วน์ ำ�้ อากาศใชเ้ พอ่ื การหายใจของมนษุ ย์ และสตั ว์ ดนิ เป็นแหล่งที่อยอู่ าศยั ของสงิ่ มีชีวติ บนบก แสงแดดใหค้ วามร้อนและช่วยในการสงั เคราะห์แสง ของพืช 2. สิ่งแวดล้อมทางชวี ภาพ จะช่วยปรับให้สงิ่ มีชวี ิตอาศัยอยู่ในสภาพแวดลอ้ มทเี่ หมาะสมกบั การดำ� รงชีวติ ของมนั ได้ เช่น ช่วยให้ปลาอาศยั อยใู่ นน้�ำท่ลี กึ มากๆได้ ชว่ ยใหต้ ้นกระบองเพชรดำ� รงชวี ติ อยู่ ในทะเลทรายได้ 3. สงิ่ มชี วี ิตจะเปล่ียนแปลงไปตามสภาพแวดลอ้ ม เช่น มกี ารปรับตวั ให้เขา้ กับสภาพแวดลอ้ มใหม่ 4. ส่งิ แวดลอ้ มจะเปลี่ยนแปลงไปตามการกระทำ� ของสิง่ มีชีวิตท่ีอย่ใู นส่ิงแวดลอ้ มนั้น เช่น เมอ่ื สัตวก์ ินพชื มีจำ� นวนมากเกนิ ไปพืชจะลดจ�ำนวนลง อาหารและทอี่ ยู่อาศัยจะขาดแคลน เกิดการแก่งแยง่ กนั สงู ขึ้นท�ำใหส้ ัตวบ์ างส่วนตายหรือลดจ�ำนวนลงระบบนเิ วศก็จะกลับเข้าสภู่ าวะสมดุลอีกครัง้ หนง่ึ 5. สิง่ แวดล้อม จะกำ� หนดรูปแบบความสัมพันธข์ องสิ่งมชี วี ิตทอ่ี าศยั อย่ใู นส่ิงแวดลอ้ ม ในแงข่ องการ ถา่ ยทอดพลงั งานระหว่างผ้ผู ลติ ผบู้ รโิ ภค ผู้ย่อยสลาย ในแง่ของการอยรู่ ่วมกัน เกอื้ กูลกนั หรอื เบียดเบียน กนั มนุษย์สามารถใช้ประโยชนจ์ ากสิ่งแวดล้อมไดม้ ากมาย ในลักษณะท่แี ตกต่างไปจากสิ่งมีชวี ิตอื่น ๆ เช่น ใช้ประโยชน์จากดนิ เพื่อการเพาะปลูก ใชป้ ระโยชนจ์ ากท่งุ หญา้ เพือ่ การเลย้ี งสตั ว์ ใช้ประโยชนจ์ ากเหมอื ง แรเ่ พื่อการอุตสาหกรรม การอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มสามารถกระท�ำไดห้ ลายวิธี ทัง้ ทางตรงและทางออ้ ม ดงั นี้ 31 1. การอนุรักษส์ ง่ิ แวดลอ้ มโดยทางตรง ซึ่งปฏบิ ตั ไิ ด้ในระดบั บุคคล องคก์ ร และระดบั ประเทศ ทสี่ �ำคัญ คอื เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพื่อพฒั นาสังคมและชมุ ชน กศน. อ�ำเภอธญั บรุ ี
1) การใช้อยา่ งประหยดั คอื การใชเ้ ทา่ ที่มีความจำ� เป็น เพื่อให้มีทรัพยากรไว้ใชไ้ ดน้ านและเกดิ ประโยชน์อยา่ งคุ้มคา่ มากที่สุด 2) การน�ำกลบั มาใชซ้ ำ้� อกี สิง่ ของบางอยา่ งเมอื่ มกี ารใช้แลว้ ครงั้ หนง่ึ สามารถท่จี ะน�ำมาใชซ้ ำ้� ไดอ้ กี เช่น ถงุ พลาสติก กระดาษ เป็นตน้ หรอื สามารถที่จะนำ� มาใชไ้ ดใ้ หมโ่ ดยผา่ นกระบวนการต่างๆ เช่น การน�ำ กระดาษทใี่ ชแ้ ล้วไปผ่านกระบวนการตา่ งๆ เพอ่ื ทำ� เป็นกระดาษแข็ง เป็นตน้ ซึง่ เป็นการลดปริมาณการใช้ ทรพั ยากรและการทำ� ลายสง่ิ แวดลอ้ มได้ 3) การบรู ณะซอ่ มแซม สงิ่ ของบางอย่างเมื่อใชเ้ ป็นเวลานานอาจเกดิ การชำ� รุดได้ เพราะฉะนัน้ ถา้ มกี ารบรู ณะซ่อมแซม ท�ำใหส้ ามารถยดื อายุการใช้งานตอ่ ไปได้อกี 4) การบ�ำบัดและการฟนื้ ฟู เปน็ วิธกี ารทีจ่ ะชว่ ยลดความเสือ่ มโทรมของทรพั ยากรดว้ ยการบ�ำบัด กอ่ น เชน่ การบำ� บดั นำ�้ เสียจากบ้านเรือนหรอื โรงงานอตุ สาหกรรม เปน็ ต้น กอ่ นท่จี ะปลอ่ ยลงสู่แหล่งนำ้� สาธารณะ สว่ นการฟ้นื ฟเู ป็นการรือ้ ฟื้นธรรมชาติให้กลบั สสู่ ภาพเดิม เชน่ การปลกู ป่าชายเลน เพอื่ ฟ้นื ฟู ความสมดลุ ของปา่ ชายเลนให้กลับมาอดุ มสมบรู ณ์ เป็นตน้ 5) การใชส้ ่ิงอื่นทดแทน เป็นวิธีการที่จะช่วยใหม้ ีการใช้ทรพั ยากรธรรมชาตินอ้ ยลง และไมท่ �ำลาย ส่งิ แวดลอ้ ม เชน่ การใชถ้ ุงผ้าแทนถงุ พลาสตกิ การใช้ใบตองแทนโฟม การใช้พลังงานแสงแดดแทน แรเ่ ชือ้ เพลิง การใช้ปยุ๋ ชวี ภาพแทนปุ๋ยเคมี เป็นตน้ 6) การเฝา้ ระวงั ดแู ลและปอ้ งกนั เปน็ วธิ กี ารทจ่ี ะไมใ่ หท้ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มถกู ทำ� ลาย เช่น การเฝ้าระวังการทิ้งขยะ สิง่ ปฏกิ ลู ลงแม่น้ำ� คูคลอง การจัดทำ� แนวปอ้ งกันไฟป่า เป็นต้น 2. การอนุรกั ษส์ ่ิงแวดล้อมโดยทางอ้อม สามารถท�ำได้หลายวิธี ดงั น้ี 1) การพฒั นาคณุ ภาพประชาชน โดยสนับสนุนการศกึ ษาดา้ นการอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและ สงิ่ แวดลอ้ มทถ่ี กู ตอ้ งตามหลกั วชิ า ซงึ่ สามารถทำ� ไดท้ กุ ระดบั อายุ ทงั้ ในระบบโรงเรยี นและสถาบนั การศกึ ษา ต่างๆ และนอกระบบโรงเรียนผ่านสอื่ สารมวลชนตา่ งๆ เพอ่ื ให้ประชาชนเกดิ ความตระหนักถงึ ความสำ� คญั และความจำ� เป็นในการอนรุ ักษ์ เกดิ ความรักความหวงแหน และใหค้ วามร่วมมอื อย่างจรงิ จงั 2) การใช้มาตรการทางสังคมและกฎหมาย การจดั ตงั้ กลมุ่ ชมุ ชน ชมรม สมาคม เพอ่ื การอนรุ ักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มตา่ งๆ ตลอดจนการใหค้ วามร่วมมือทัง้ ทางด้านพลงั กาย พลงั ใจ พลงั ความคิด ดว้ ยจิตส�ำนกึ ในความมคี ุณค่าของสง่ิ แวดล้อมและทรพั ยากรทม่ี ีตอ่ ตวั เรา เชน่ กลุ่มชมรมอนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มของนักเรียน นกั ศกึ ษา ในโรงเรียนและสถาบนั การศกึ ษาตา่ งๆ มลู นิธิ ค้มุ ครองสตั วป์ า่ และพรรณพืชแห่งประเทศไทย มูลนธิ สิ บื นาคะเสถียร มูลนิธิโลกสเี ขียว เป็นต้น 3) ส่งเสริมใหป้ ระชาชนในทอ้ งถ่นิ ได้มีส่วนรว่ มในการอนรุ กั ษ์ ช่วยกันดูแลรักษาให้คงสภาพเดิม ไม่ ให้เกิดความเสอื่ มโทรม เพอื่ ประโยชนใ์ นการดำ� รงชีวติ ในทอ้ งถนิ่ ของตน การประสานงานเพอ่ื สรา้ งความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนกั ระหว่างหน่วยงานของรัฐ องคก์ รปกครองส่วนท้องถนิ่ กบั ประชาชน ใหม้ ี บทบาทหน้าทีใ่ นการปกปอ้ ง คุ้มครอง ฟื้นฟูการใชท้ รพั ยากรอย่างคมุ้ คา่ และเกดิ ประโยชนส์ งู สุด 32 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพอื่ พัฒนาสังคมและชุมชน กศน. อำ� เภอธญั บุรี
4) สง่ เสริมการศกึ ษาวจิ ัย คน้ หาวิธกี ารและพัฒนาเทคโนโลยี มาใชใ้ นการจดั การกับ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มให้เกิดประโยชน์สูงสุด เชน่ การใช้ความรทู้ างเทคโนโลยีสารสนเทศมา จัดการวางแผนพัฒนา การพฒั นาอปุ กรณเ์ ครือ่ งมอื เครื่องใชใ้ ห้มีการประหยัดพลังงานมากข้ึน การคน้ คว้า วิจัยวิธีการจัดการ การปรบั ปรุง พฒั นาสง่ิ แวดล้อมให้มีประสทิ ธภิ าพและย่งั ยนื เป็นต้น 5) การกำ� หนดนโยบายและวางแนวทางของรฐั บาล ในการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาสง่ิ แวดลอ้ มทง้ั ในระยะ สนั้ และระยะยาว เพอื่ เปน็ หลกั การใหห้ นว่ ยงานและเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ทเี่ กย่ี วขอ้ งยดึ ถอื และนำ� ไปปฏบิ ตั ิ รวม ทง้ั การเผยแพรข่ า่ วสารด้านการอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ มทางตรงและทางอ้อม เรอื่ งที่ 2 การประหยัดพลงั งาน ที่มา : http://www.maceducation.com (เว็บไซตข์ องแม็ค) เมอ่ื กลา่ วถงึ การประหยดั พลงั งาน ทกุ คนจะนกึ ถงึ การลดการใชพ้ ลงั งานนำ�้ มนั หรอื ลดการใชพ้ ลงั งาน ไฟฟ้า เพราะเป็นเรอื่ งใกล้ตวั ท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั ชวี ิตประจ้าวันของทกุ คนและนา่ จะเป็นส่งิ ท่ปี ฏิบตั ไิ ด้งา่ ยทส่ี ดุ และเหน็ ผลได้ชดั เจนทีส่ ุด เช่น ค่าใชจ้ า่ ยในการเตมิ น้ำ� มนั ในแตล่ ะเดอื นลดลง ค่าไฟฟา้ แต่ละเดือนลดลง เมือ่ เป็นเช่นนัน้ กส็ ามารถสรุปไดว้ า่ เราได้ประหยดั พลังงานแล้ว แต่จรงิ ๆ แลว้ ยงั มอี กี หลากหลายวิธีที่เรา สามารถชว่ ยกนั ประหยัดพลังงานและเปน็ วิธงี ่ายๆ ทีเ่ ราสามารถทา้ ได้ด้วยตัวเองทั้งส้ิน แต่ก่อนที่เราจะรู้ วธิ ีประหยัดพลังงานแบบง่ายๆ เราควรจะทา้ ความรู้จกั กับเจา้ พลงั งานกันกอ่ น พลงั งาน (Energy) หมายถงึ พลังตา่ งๆ ทนี่ า้ มาใชใ้ หเ้ กิดงาน พลงั ต่างๆ เชน่ ไฟฟา้ น�้ำมัน ถา่ น ฟืน ลม แสงอาทิตย์ เปน็ ตน้ พลังงานแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1. พลังงานใชแ้ ล้วหมด หรือทเี่ รียกกันวา่ พลังงานฟอสซิล ซึง่ เปน็ พลังงานสิ้นเปลอื ง พลังงาน พวกนไ้ี ดแ้ ก่ นำ�้ มนั ถ่านหนิ ก๊าซธรรมชาติ 2. พลงั งานใช้ไมห่ มด หรอื พลังงานหมนุ เวียน ได้แก่ แกลบ ชานออ้ ย ชวี มวล (เชน่ มูลสตั ว์ และกา๊ ซชีวภาพ) น้�ำ แสงอาทิตย์ คล่นื เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพอื่ พัฒนาสังคมและชมุ ชน 33 กศน. อ�ำเภอธญั บรุ ี
พลงั งานไฟฟา้ เป็นพลังงานทีเ่ ปล่ียนมาจากพลังงานรูปอ่ืน ซงึ่ เกิดจากการเคลือ่ นทข่ี องอเิ ล็กตรอนผ่าน ตวั นา้ ไฟฟา้ โดยอเิ ลก็ ตรอนเคล่ือนจากข้วั ท่จี ่ายอิเล็กตรอนไดด้ ไี ปสูข้วั ที่รับอเิ ล็กตรอนได้ดี (ขั้วลบไปหา ขว้ั บวก ) แตไ่ ฟฟา้ เปน็ กระแสสมมตุ เิ คลอ่ื นสวนทางกบั อเิ ลก็ ตรอนจากขวั้ บวกไปขวั้ ลบพลงั งานนำ�้ มนั เปน็ พลงั งานทีเ่ กิดจากซากสตั วแ์ ละซากพืชทีต่ ายมานานเปน็ ล้านปี ทับถมสะสมกนั จมอยใู่ ตด้ นิ แล้วเปล่ยี น รปู เป็น “ฟอสซิล” ซ่งึ ระหว่างนน้ั ก็มกี ารเปลยี่ นแปลงตามธรรมชาติจนฟอสซิลกลายเปน็ น�ำ้ มันดบิ ถา่ นหนิ กา๊ ซธรรมชาติ เราจงึ เรยี นเชอื้ เพลงิ ประเภทน้ีว่า “เช้ือเพลิงฟอสซิล” พลังงานเป็นสง่ิ ที่มีความส�ำคัญต่อ ระบบเศรษฐกจิ และการดำ� เนินชีวติ ของประชาชนทั่วโลก เปน็ ปจั จยั ท่ที �ำใหโ้ ลกมีการพัฒนาขับเคลอ่ื นไป ข้างหนา้ ได้ พลังงานไดเ้ ปน็ สิ่งที่มคี วามเปน็ สากล เนอ่ื งจากพลังงานเป็นสิง่ ท่มี คี วามจำ� เปน็ ตอ่ ทุกๆ อยา่ ง และมคี วามสำ� คัญตอ่ ทง้ั ทางเศรษฐกจิ สงั คม และการเมอื งของโลกเมอ่ื เราไดร้ ู้จกั กบั พลงั งานและรถู้ งึ ความ สำ� คัญของพลงั งานกนั แลว้ กน็ ่าจะถึงเวลาแลว้ ที่เราจะตอ้ งหนั มาช่วยกัน ประหยัดพลังงานเพือ่ ใหส้ ามารถ มีพลงั งานใชไ้ ดต้ ลอดไป ดว้ ยวธิ ีการงา่ ยๆ คือ 1.ดา้ นประหยัดพลังงานไฟฟา้ 1.1 คอมพิวเตอร์ - ไม่เปิดเคร่อื งคอมพิวเตอรท์ ิ้งไว้นาน ๆ - ถอดปลก๊ั เมอื่ เลิกใช้งาน - ปดิ จอภาพเมอ่ื ไมใ่ ชง้ านนานเกินกวา่ 15 นาท ี - ตงั้ คอมพิวเตอรใ์ นบริเวณทม่ี กี ารระบายความร้อนได้ดี - เลอื กใช้คอมพิวเตอร์ท่มี รี ะบบประหยดั พลงั งานมีสัญลกั ษณ์ Energy Star - ควรซ้ือจอภาพท่มี ีขนาดไม่ใหญเ่ กนิ ไป 1.2 โทรทัศน์ - เลิกเปดิ โทรทศั นท์ ิง้ ไวเ้ มื่อไมม่ ีคนดู - เลิกปรับจอภาพให้สวา่ งเกนิ ความจ�ำเปน็ - เลิกเปิดโทรทศั นห์ ลายเครือ่ งเพอ่ื ดูเรอื่ งเดียวกนั ในเวลาเดยี วกัน - เลิกปิดโทรทัศน์ดว้ ยตัวรโี มทคอนโทรล เพราะเปลอื งไฟกว่า - เลือกซ้ือโทรทัศนข์ นาดให้เหมาะสมกับความจ�ำเปน็ 1.3 เครอื่ งปรบั อากาศ - ต้ังอณุ หภูมิที่ระดับร่างกายรู้สึกสบาย โดยไม่ต่ำ� กว่า 25 องศาเซลเซยี ส - ถา้ ไมอ่ ยูใ่ นห้องมากกว่า 1 ชว่ั โมง ควรปดิ เคร่ืองปรับอากาศ - ไม่ปลกู ตน้ ไม้หรือตากผา้ ในหอ้ งที่มกี ารปรับอากาศ เพราะไปเพม่ิ ความชนื้ ท�ำให้เครอ่ื ง ท�ำงานหนกั ขึ้น - หมนั่ ท�ำความสะอาดแผน่ กรองอากาศอยา่ งสมำ�่ เสมอ อย่าให้มฝี ุ่นเกาะ - อยา่ นำ� ส่งิ ของไปวางขวางทางลมเขา้ - ออก ของชดุ ระบายความรอ้ นทอี่ ยู่นอกบา้ น - อยา่ ติดต้ังชุดระบายความรอ้ นใกล้ผนงั เกินไป - เลือกขนาดเครอื่ งปรบั อากาศให้เหมาะสมกบั หอ้ ง 34 เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาสังคมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี
1.4 หลอดไฟฟ้า - ปดิ หลอดไฟบางบรเิ วณใหเ้ ร็วกว่าทเี่ คยปฏิบัติ - อย่าเปิดไฟทิง้ ไว้เมอ่ื ไมม่ ีคนอยู่ - ลดจำ� นวนหลอดไฟในบริเวณทีอ่ าศัยแสงธรรมชาตไิ ด้ - อยา่ ใช้หลอดไฟที่ไมไ่ ด้มาตรฐาน - หมน่ั ทา้ ความสะอาดตัวหลอดและโคมไฟไมใ่ ห้มฝี ุน่ เกาะ 1.5 พดั ลม - เลกิ เปดิ ทง้ิ ไว้เมอ่ื ไม่มีใครอยู่ - ถ้าใช้พัดลมท่มี รี ะบบรโี มทคอนโทรลต้องถอดปลกั๊ ทนั ทีท่ีเลกิ ใช้ - ย่งิ เปดิ ลมแรงขน้ึ ยิง่ ใชไ้ ฟมากขนึ้ - ท�ำความสะอาดใบพัด ตะแกรงครอบและแผงหุม้ มอเตอร์พดั ลม อย่าใหม้ ีฝนุ่ เกาะ - ตง้ั พดั ลมในที่มีอากาศถา่ ยเทสะดวก 1.6 กระติกนำ้� รอ้ น - เลกิ ใสน่ ำ�้ เกนิ กวา่ ที่ต้องการใช้ - อยา่ เสยี บปลก๊ั ทิ้งไวน้ านก่อนการใช้งานจรงิ - เลกิ ต้มนำ�้ ในห้องทมี่ ีการปรบั อากาศ - ถอดปล๊ักทนั ทที ่ีเลกิ ใช้ - อยา่ นำ� น�ำ้ เยน็ ไปต้มทันที 2. ด้านประหยัดพลังงานน�ำ้ มัน - วางแผนก�ำหนดเส้นทางเปา้ หมายกอ่ นออกเดนิ ทาง - ไมค่ วรบรรทุกหนักเกินไป หลกี เลีย่ งการบรรทกุ สิ่งของที่ไมจ่ า้ เปน็ - ตรวจวดั ลมยางอยู่เสมอ ปรบั ลมยางให้เหมาะสมตามมาตรฐานท่ผี ผู้ ลติ รถยนตแ์ นะน�ำ ในคู่มือการใชร้ ถ - ตรวจรถยนต์ประจ้าวัน โดยใช้เวลาอย่างนอ้ ย 2 - 3 นาทใี นแต่ละวนั ตรวจจุดตา่ งๆ ท่ีเกยี่ วข้องกบั การทำ� งานของรถก่อนออกเดินทาง - ปิดเครือ่ งปรบั อากาศ ไฟหน้ารถ เครอ่ื งเสียงทุกครัง้ ก่อนสตาร์ทเครอ่ื งยนต์ - ทางเดียวกันไปรถคันเดยี วกนั - ทุกครง้ั ก่อนจะออกรถควรอุ่นเครื่องยนตใ์ หเ้ ครื่องทำ� งานถึงอณุ หภมู ปิ กติ (ประมาณ 80 องศาเซลเซียส) หรอื เมอื่ สตาร์ทเครื่องยนต์ใหท้ �ำงานแลว้ ควรปล่อยทิ้งไว ้ 1 – 2 นาที - ไม่ควรออกรถกระชากและเล้ยี วอย่างกะทนั หนั เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชมุ ชน 35 กศน. อ�ำเภอธัญบุรี
- เลอื กใชเ้ กยี ร์ให้เหมาะสมกบั ความเร็ว - ไม่ควรเบรกอยา่ งรนุ แรง - อย่าเหยียบคลัตชโ์ ดยไม่จ้าเป็น เพื่อปอ้ งกนั ไมใ่ ห้แผ่นคลัตชส์ ึกหรอเร็ว - ขบั รถทีค่ วามเร็วประหยัด ควรขบั รถด้วยความเรว็ สม่�ำเสมอในอตั ราทีเ่ หมาะสม คอื 80 – 90 กโิ ลเมตร/ชวั่ โมง ที่ 1,800 รอบต่อนาที - ควรเปดิ เครอื่ งปรบั อากาศแตพ่ อเหมาะ ปรบั ปมุ่ ความเย็นและความแรงลมใหส้ มั พนั ธ์กนั - ไม่ควรตดิ เครื่องยนต์ระหวา่ งจอดรถรอ จะเหน็ ไดว้ า่ การประหยดั พลงั งานเปน็ เรอื่ งทไ่ี มย่ ากเลย และทกุ คนสามารถทา้ ได้ สามารถประหยดั พลังงานได้ดว้ ยตัวคณุ เอง แตท่ กุ คนจะตอ้ งตระหนักถึงความส�ำคัญของการประหยัดพลงั งานและที่สำ� คัญ ต้องมกี ารปฏิบตั อิ ย่างจรงิ จงั และตอ่ เน่ือง เพ่อื ที่จะได้มีพลังงานเหลือใชไ้ ปตลอดจนชัว่ ลูกชัว่ หลานตอ่ ไป การประหยดั พลังงานในบา้ น 1. ออกแบบบา้ นและหันทศิ ทางของบ้านใหเ้ หมาะสมเลือกซื้อบา้ นหรือออกแบบบ้านที่มลี กั ษณะ โปรง่ อากาศถ่ายเทไดส้ ะดวก มกี ารระบายความร้อนไดด้ ีส�ำหรบั ทศิ ทางของบา้ นควรหันหน้าไปในแนว ทิศเหนอื - ใตเ้ พอื่ หลกี เลยี่ งไมใ่ หแ้ สงอาทิตย์เขา้ สูช่ อ่ งเปดิ ของอาคารโดยตรง หากหลกี เลีย่ งไมไ่ ด้ควรใช้ อุปกรณบ์ ังแดด เช่น ติดตง้ั กนั สาด หรอื ปลกู ตน้ ไมช้ ว่ ย และ สรา้ งบ้านด้วยวัสดทุ เี่ ปน็ ฉนวนกันความรอ้ น ไดด้ ี ต้ังแต่หลงั คาจนถงึ กรอบผนัง 2. ปลกู ตน้ ไม้เพ่อื ให้ร่มเงาแกต่ วั บ้านจะช่วยลดการใชไ้ ฟฟ้าเพื่อปรบั อากาศและถา่ ยเทอากาศ 3. เลอื กซื้อแต่อุปกรณท์ ปี่ ระหยดั พลงั งานเช่น เลอื กซือ้ อุปกรณ์ท่ีมีฉลากเบอร์ 5 เปน็ ต้น 4. ใช้น�ำ้ อย่างประหยัดน�้ำประปาทเี่ ราใชม้ าจากแหล่งน้�ำธรรมชาติ แต่ผา่ นกระบวนการกรองและ ฆา่ เชอ้ื จนสะอาดและบรโิ ภคได้ ซงึ่ ตอ้ งอาศยั พลงั งานในกระบวนการเหลา่ นน้ั ดงั นน้ั การใชน้ ำ้� อยา่ งประหยดั จงึ เป็นการประหยัดพลงั งานด้วย 36 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาสงั คมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี
4.1 ใชห้ ัวกอ็ กท่ีมตี ัวลดอัตราการไหลของน้�ำให้อ่อนลง 4.2 ปดิ ก็อกนำ้� ในระหว่างแปรงฟนั สระผม หรือโกนหนวด 4.3 ใช้ไมก้ วาดในการกวาดพน้ื แทนการใช้น�ำ้ ฉีดเพอื่ ทา้ ความสะอาด 4.4 ลา้ งรถด้วยน�้ำถังและฟองน้�ำ แทนการใชส้ ายยางฉีดน�้ำ 4.5 ใช้นำ้� จากการซักลา้ ง หรือถูพืน้ เพ่อื รดน้�ำต้นไม้แทนการใชน้ ำ้� ประปา โดยตรง 5. การใชเ้ ตากา๊ ซ 5.1 ควรเลือกใชถ้ งั กา๊ ซทีม่ เี ครอ่ื งหมายส�ำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) 5.2 ควรใชส้ ายยางหรือสายพลาสตกิ ชนดิ ยาว และมีความยาว 1-1.5 เมตร 5.3 ตัง้ เตาก๊าซให้ห่างถงั กา๊ ซประมาณ 1-1.5 เมตร 5.4 ปิดวาลว์ ทห่ี วั เตาและหวั ปรบั ความดนั เม่ือเลิกใช้ 6. การใชเ้ ตาถ่าน 6.1 ควรเลือกใช้เตาถ่านชนิดที่มีประสิทธิภาพสงู 6.2 เตรียมอาหารสด เคร่อื งปรงุ และอุปกรณก์ ารท�ำอาหารให้พรอ้ มก่อนติดไฟ ไมค่ วรติดไฟรอนานเกนิ ไปจะสน้ิ เปลอื งถ่าน 6.3 เลอื กขนาดของหมอ้ หรอื กระทะใหเ้ หมาะสมกบั ปรมิ าณอาหารทจ่ี ะปรงุ รวมทง้ั ประเภท ของอาหารท่จี ะปรุง 6.4 ควรทุบถ่านใหม้ ีขนาดพอเหมาะคอื ประมาณช้ินละ 2-4 ซม. 6.5 ไม่ควรใชถ้ ่านมากจนลน้ เตา 6.6 อยา่ ใชถ้ า่ นท่ีเปียกช้นื จะติดไฟยากและสน้ิ เปลือง 6.7 ขจดั ขเี้ ถา้ ในรังผ้งึ ออกใหห้ มดก่อนท่ีจะตดิ ไฟทกุ ครัง้ จะไดเ้ ผาไหม้ถ่านไดด้ ี 7. การใชห้ ลอดแสงสวา่ ง 7.1 ปิดไฟเมอื่ ไมใ่ ชง้ าน 7.2 หมน่ั ท้าความสะอาดหลอดแสงสวา่ งและโคมไฟ 7.3 ใชแ้ สงสว่างเท่าทจี่ า้ เป็น ในกรณที ่ีต้องใชก้ บั สถานที่ท่ีต้องเปิดไฟท้ิงไว้ตลอดคืน ควรใช้ หลอดคอมแพคฟลอู อเรสเซนต์ 7.4 บรเิ วณใดทเี่ คยใชห้ ลอดไส้ ควรหนั มาเปลี่ยนเปน็ หลอดคอมแพคฟลอู อเรสเซนต์ 7.5 ใชห้ ลอดประหยัดพลังงาน เช่น หลอดผอม (หลอดฟลอู อเรสเซนต์) ซงึ่ ประหยดั พลงั งานมากกวา่ หลอดไส้ 4-5 เทา่ และมีอายกุ ารใช้งานนานกวา่ หลอด ไส้ 8 เทา่ 7.6 ใชแ้ สงธรรมชาติแทนการเปิดหลอดแสงสวา่ ง เช่น ห้องครวั ห้องเกบ็ ของ ห้องนำ้� ทางเดิน เป็นตน้ 7.7 ควรทาสผี นงั หรอื เลือกวสั ดพุ นื้ หอ้ งทีเ่ ปน็ สอี อ่ นๆเพอ่ื ช่วยสะท้อนแสงสวา่ งภายในห้อง เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพอื่ พัฒนาสังคมและชมุ ชน 37 กศน. อ�ำเภอธัญบรุ ี
8. การใชต้ เู้ ย็น 8.1 เลือกใชต้ เู ยน็ ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 8.2 เลอื กใชแ้ บบทม่ี ฉี นวนกันความร้อนชนดิ โฟมฉดี 8.3 ต้เู ยน็ แบบประตูเดียว จะใช้ไฟฟ้านอ้ ยกว่าแบบ 2 ประตู ในขนาดท่เี ท่ากัน 8.4 ใชข้ นาดให้เหมาะสมกบั ครอบครวั เช่น ครอบครวั ขนาด 3-4 คน ควรใชต้ ู้เยน็ ขนาด 4.5-6 ควิ ควรตง้ั ใหห้ า่ งจากฝาผนงั ไมน่ อ้ ยกวา่ 15 ซม. และมอี ากาศถ่ายเทไดด้ ี 8.5 ตั้งสวิตชค์ วบคุมอุณหภมู ใิ ห้เหมาะสม เพราะยงิ่ ตัง้ อุณหภมู ใิ ห้เย็นมาก กย็ ิ่งสนิ้ เปลือง ไฟฟ้ามาก 8.6 อยา่ เปิดตูเ้ ยน็ บอ่ ยหรอื เปิดไวน้ านๆ 8.7 อย่าน�ำของที่ยงั มีความร้อนเขา้ ไปแช่ 8.8 ละลายน�้ำแขง็ อย่างสมำ่� เสมอ 8.9 หม่นั ทำ� ความสะอาดแผงความร้อนทอี่ ยู่ด้านหลงั ของตูเ้ ยน็ 9. การใช้เคร่อื งปรับอากาศ 9.1 เลือกขนาดทเ่ี หมาะสม ตวั อยา่ งเช่น หอ้ งท่ีมีความสูงไมเ่ กิน 3 เมตร และมพี ้ืนท่ี หอ้ งขนาด 13-15 ต.ร.ม. ควรใช้ขนาด 7,000-9,000 บีทีย/ู ชวั่ โมง ขนาดพ้ืนท่ี 16-17 ต.ร.ม. ควรใชข้ นาด 9,000-11,000 บีทีย/ู ช่ัวโมง เปน็ ต้น 9.2 ใช้เคร่ืองปรบั อากาศทีม่ ีประสทิ ธภิ าพสงู ทส่ี ุดซึง่ แสดงด้วย EER (Energy Efficiency Ratio) คอื อตั ราสว่ นระหว่างความสามารถในการให้ความเย็น ของเครอ่ื ง (บที ีย/ู ชัว่ โมง) ต่อกำ� ลังไฟฟ้า (วัตต)์ ซ้อื เครอื่ งทีม่ ีค่า EER สงู ซง่ึ จะใหค้ วามเยน็ มากแต่เสยี คา่ ใช้จ่ายไฟฟ้าน้อยกว่าเครอ่ื งทม่ี ีคา่ EER ตำ่� 9.3 ตัง้ ปุ่มปรับอณุ หภมู ใิ ห้เหมาะสม อย่าปรับอุณหภมู ใิ ห้ต่ำ� เกินไป โดยปกติ ควรต้ังท่ีอณุ หภมู ิ 25 ้C 9.4 หมั่นท�ำความสะอาดแผ่นกรองอากาศไมใ่ ห้มฝี ุ่นจบั เพราะจะทำ� ใหป้ ระสิทธภิ าพ การท�ำความเยน็ ลดลง 9.5 เลือกใชเ้ ครอื่ งปรับอากาศทมี่ ฉี ลากประหยดั ไฟเบอร์ 5 10. การใช้เครอื่ งทา้ น�ำ้ อ่นุ ส�ำหรับอาบน�ำ้ 10.1 ควรเลอื กชนดิ ทม่ี ที ่ีกักเก็บตุนนำ�้ รอ้ น เพราะจะใช้ไฟฟา้ น้อยกว่าแบบนำ้� ไหลผา่ น ขด ลวดความร้อน 10.2 เลอื กขนาดของเครื่องให้เหมาะสมกับครอบครวั เน่ืองจากเป็นเครอื่ งที่ใช้ไฟฟ้ามาก 10.3 ไม่ควรเปดิ เคร่ืองตลอดเวลา โดยเฉพาะในเวลาถสู บใู่ นขณะอาบน้�ำ 10.4 ปดิ วาลว์ และสวิตช์ทนั ทเี มอ่ื เลิกใชง้ าน 38 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพ่ือพฒั นาสังคมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี
11. การใช้กระติกนำ�้ ร้อนไฟฟา้ หรอื กาตม้ นำ้� ไฟฟา้ 11.1 ใส่น้ำ� ใหพ้ อเหมาะและถา้ ต้มน้�ำตอ่ เน่อื งควรมีนำ�้ บรรจอุ ย่เู สมอ 11.2 เม่อื เลิกใชค้ วรถอดปล๊กั ทนั ที โดยเฉพาะ - เม่ือน้�ำเดอื ด - เมือ่ ไม่มีคนอยู่ เพราะนอกจากจะไม่ประหยดั พลงั งานแล้วยงั อาจท�ำให้เกิดอันตรายได้ 12. การใช้เตาไฟฟ้าและเตาอบ 12.1 ควรเตรยี มเครอื่ งประกอบอาหารใหพ้ รอ้ มรวมทัง้ จดั ลา้ ดับการปรงุ อาหาร 12.2 ไมค่ วรเปิดเตาไฟฟ้ารอไวน้ านเกินไป 12.3 ใชภ้ าชนะประกอบอาหารให้เหมาะสม - ภาชนะควรมีก้นแบนราบ จะได้สัมผสั ความรอ้ นได้ทั่วถึง - ภาชนะไมค่ วรมีขนาดเลก็ กว่าเตา จะสญู เสยี พลังงานโดยเปลา่ ประโยชน์ - ภาชนะควรมฝี าครอบปดิ ขณะหุง จะชว่ ยให้อาหารสกุ เร็วข้ึน 12.4 ปิดสวติ ชเ์ ตาไฟฟา้ กอ่ นเสร็จสิ้นการท้าอาหาร ดึงปลัก๊ ออกทนั ทีเม่ือเลิกใช้ 12.5 ควรเตรียมอาหารที่จะอบหลายๆ อยา่ งใหพ้ รอ้ มกนั ในเวลาเดียวกนั 12.6 อย่าเปิดเตาอบบ่อยๆ เพราะการเปดิ ประตแู ตล่ ะครงั้ จะสูญเสยี พลังงาน ประมาณรอ้ ยละ 20 13. การใชเ้ ตารีดไฟฟา้ 13.1 ควรตง้ั อณุ หภูมิ (ความรอ้ น) ให้เหมาะสมกบั ชนิดผา้ และแบง่ ผ้าชนิดเดยี วกนั ไว้ด้วยกนั เพือ่ หลกี เลีย่ งการปรับเปล่ยี นการต้ังอุณหภูมบิ ่อยครง้ั 13.2 ควรรวบรวมผ้าไวร้ ีดคราวละมากๆ และพรมนำ้� ให้หมดทุกตัว ก่อนจะรีดผ้า 13.3 อย่าพรมน้ำ� จนเปยี ก เพราะจะท้าใหต้ อ้ งรดี ผ้านานกว่าเดมิ สน้ิ เปลอื งไฟฟา้ 13.4 กอ่ นรดี ผ้าเสรจ็ ควรดึงปล๊ักก่อน เน่ืองจากยังมีความรอ้ นเหลอื อยู่พอท่ีจะรดี ต่อไปได้ 13.5 เวลาตากผ้าควรจัดรปู ทรงผ้าและดงึ ให้ตงึ เพ่ือใหเ้ สอื้ ผ้ายบั นอ้ ยท่ีสดุ จะทา้ ให้รดี งา่ ย และประหยัดไฟฟ้า 14. การใช้หม้อหงุ ข้าวไฟฟ้าอตั โนมัติ 14.1 เลอื กใช้ขนาดที่เหมาะสมกบั ครอบครัว 14.2 ไม่ควรใช้เวลาในการอุ่นข้าวให้นานเกนิ ควร ถอดปล๊กั ออกทนั ทีทีเ่ ลกิ ใชง้ าน 15. การใช้โทรทศั น์ 15.1 โทรทศั น์ทีม่ ขี นาดใหญข่ ้นึ จะท้าให้เสียค่าไฟฟ้าเพิ่มข้ึน 15.2 โทรทศั นท์ ่มี ีระบบรโี มทคอนโทรลจะใช้ไฟฟ้ามากกวา่ ระบบทว่ั ไปในขนาดเดียวกนั เพราะมวี งจรเพิม่ และใชไ้ ฟฟ้าตลอดเวลาแมว้ า่ จะไม่ใชเ้ คร่อื ง เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพ่อื พัฒนาสังคมและชุมชน 39 กศน. อำ� เภอธญั บุรี
15.3 ไมค่ วรเสยี บปลก๊ั ทง้ิ ไวถ้ ้าเสยี บปล๊กั ทงิ้ ไว้จะใช้ไฟฟ้าตลอดเวลา 15.4 โทรทัศน์ขาวด�ำจะใชไ้ ฟฟา้ นอ้ ยกวา่ โทรทัศน์สี 15.5 ปิดเม่ือไมม่ คี นดู 15.6 ควรตง้ั เวลาปดิ โทรทศั นโ์ ดยอัตโนมัติ ส�ำหรบั เครื่องท่มี ีระบบตง้ั เวลาปิด เพราะจะช่วยประหยดั ไฟส�ำหรับผู้ที่มักจะนอนไม่หลบั หนา้ โทรทศั น์หรือลืมปดิ เครื่อง 16. การใช้เครอ่ื งซกั ผ้า 16.1 แชผ่ า้ ก่อนเขาเครือ่ ง ท�ำให้งา่ ยต่อการซักผา้ 16.2 ผา้ ทซ่ี ักใหเ้ ปน็ ไปตามพิกัดของเครือ่ ง อย่าใสผ่ า้ มากเกนิ กำ� ลังของเครอ่ื ง หรือซักจำ� นวนนอ้ ยเกนิ ไป 16.3 ไม่ควรใช้เครือ่ งซักผา้ แบบทม่ี ีเคร่ืองอบแห้งดว้ ยไฟฟ้าในตัว เพราะสิ้นเปลอื งไฟฟา้ มาก ควรตากผา้ กบั แสงแดด หรือในทมี่ ลี มโกรก 17. การใช้เคร่ืองสบู น�ำ้ 17.1 ควรเลอื กซ้อื เครอ่ื งสบู ท่ถี ังความดนั ของเครอื่ งสบู น�ำ้ ขนาดใหญ่พอสมควร ถา้ เล็กเกินไปสวติ ช์อตั โนมตั จิ ะทา้ งานบอ่ ยขน้ึ มอเตอรท์ า้ งานมากขึน้ สน้ิ เปลืองไฟฟา้ 17.2 ควรสรา้ งบอ่ พักน�ำ้ ไว้ระดับพนื้ ดิน 17.3 หมนั่ ดแู ลท่อน�ำ้ ประปา และถังพักน้ำ� ของชกั โครก อยา่ ให้ช้ารุดหรือรั่ว เพราะจะทำ� ให้เครอ่ื งสบู น้�ำทำ� งานบ่อยสนิ้ เปลอื งไฟฟ้า 17.4 ควรบ�ำรุงรักษาเครื่องใหด้ อี ยู่เสมอ ที่มา : https://www.excise.go.th (เวบ็ ไซต์ของกรมสรรพสามติ ) เรื่องที่ 3 การบรหิ ารจัดการขยะ ขยะหรือมลู ฝอย (Solid waste) คือ เศษกระดาษ เศษผ้า เศษอาหาร เศษสนิ คา้ เศษวตั ถุ ถุงพลาสตกิ ภาชนะทใ่ี ส่อาหาร เถ้ามลู สตั ว์ ซากสตั วห์ รอื สง่ิ อนื่ ใดทเ่ี กบ็ กวาดจากถนน ตลาด ทเ่ี ลย้ี งสตั วห์ รอื ทอ่ี นื่ และหมายความรวมถงึ มลู ฝอยตดิ เชอื้ มลู ฝอยทเี่ ปน็ พษิ หรอื อนั ตรายจากชมุ ชนหรอื ครวั เรอื น ยกเวน้ วสั ดทุ ไี่ มใ่ ชแ้ ลว้ ของโรงงานซง่ึ มลี กั ษณะ และคุณสมบัติท่ีกำ� หนดไวต้ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยโรงงาน ประเภทของขยะมลู ฝอย 1. ขยะยอ่ ยสลาย (Compostable waste) หรือ มลู ฝอยย่อยสลาย คือ ขยะทีเ่ นา่ เสียและยอ่ ย สลายได้เรว็ สามารถนำ� มาหมกั ทำ� ป๋ยุ ได้ เชน่ เศษผกั เปลอื กผลไม้ เศษอาหาร ใบไม้ เศษเนื้อสัตว์ เปน็ ตน้ แตจ่ ะไมร่ วมถึงซากหรอื เศษของพืช ผัก ผลไม้ หรือสัตวท์ เี่ กิดจากการทดลองในห้องปฏบิ ตั ิการ โดยท่ีขยะ ย่อยสลายน้ีเปน็ ขยะทพ่ี บมากทส่ี ุด คือ พบมากถงึ 64% ของปริมาณขยะท้งั หมดในกองขยะ 40 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสงั คมและชุมชน กศน. อำ� เภอธัญบุรี
2. ขยะรไี ซเคลิ (Recyclable waste) หรอื มลู ฝอยทย่ี งั ใชไ้ ด้ คอื ของเสยี บรรจภุ ณั ฑ์ หรอื วสั ดเุ หลอื ใช้ ซง่ึ สามารถน�ำกลับมาใชป้ ระโยชนใ์ หม่ได้ เชน่ แก้ว กระดาษ เศษพลาสติก กล่องเครื่องด่มื แบบ UHT กระปอ๋ งเคร่ืองด่ืม เศษโลหะ อะลูมิเนยี ม ยางรถยนต์ เป็นต้น ส�ำหรับขยะรีไซเคิลน้เี ป็นขยะท่ีพบมากเป็น อันดบั ที่สองในกองขยะกล่าวคอื พบประมาณ 30% ของปริมาณขยะทงั้ หมดในกองขยะ เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาสงั คมและชุมชน 41 กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี
3. ขยะอนั ตราย (Hazardous waste) หรอื มลู ฝอยอนั ตราย คอื ขยะทมี่ อี งคป์ ระกอบหรอื ปนเปอ้ื น วัตถุอันตรายชนดิ ตา่ งๆ ซึง่ ไดแ้ ก่ วัตถุระเบิด วัตถุไวไฟ วัตถอุ อกซิไดซ์ วัตถุมพี ษิ วตั ถทุ ่ที �ำใหเ้ กิดโรค วัตถุ กรรมมนั ตรงั สี วัตถทุ ่ที ำ� ใหเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลงทางพันธกุ รรม วัตถกุ ัดกร่อน วัตถทุ ่ีก่อใหเ้ กดิ การระคาย เคือง วตั ถุอย่างอื่นไม่วา่ จะเปน็ เคมีภณั ฑ์หรือสิง่ อ่นื ใดท่ีอาจทำ� ใหเ้ กดิ อนั ตรายแกบ่ คุ คล สตั ว์ พืช ทรัพยส์ นิ หรอื สงิ่ แวดลอ้ ม เชน่ ถา่ นไฟฉาย หลอดฟลอู อเรสเซนต์ แบตเตอรโี่ ทรศพั ทเ์ คลอ่ื นที่ ภาชนะบรรจสุ ารกำ� จดั ศตั รพู ชื กระปอ๋ งสเปรยบ์ รรจสุ หี รอื สารเคมี เปน็ ตน้ ขยะอนั ตรายนเ้ี ปน็ ขยะทม่ี กั จะพบไดน้ อ้ ยทสี่ ดุ กลา่ วคอื พบประมาณเพียง 3% ของปรมิ าณขยะทง้ั หมดในกองขยะ 4. ขยะทว่ั ไป (General waste) หรอื มลู ฝอยทว่ั ไป คอื ขยะประเภทอนื่ นอกเหนอื จากขยะยอ่ ยสลาย ขยะรไี ซเคลิ และขยะอนั ตราย มลี กั ษณะทย่ี อ่ ยสลายยากและไมค่ มุ้ คา่ สำ� หรบั การนำ� กลบั มาใชป้ ระโยชนใ์ หม่ เชน่ ห่อพลาสตกิ ใสข่ นม ถุงพลาสติกบรรจผุ งซักฟอก พลาสติกหอ่ ลกู อม ซองบะหมกี่ ง่ึ ส�ำเรจ็ รูป ถุงพลาสติก เปอ้ื นเศษอาหาร โฟมเปอ้ื นอาหาร ฟอลย์ เปอ้ื นอาหาร เปน็ ตน้ สำ� หรบั ขยะทว่ั ไปนเ้ี ปน็ ขยะทม่ี ปี รมิ าณใกลเ้ คยี ง กบั ขยะอันตราย กล่าวคือ จะพบประมาณ 3% ของปรมิ าณขยะทั้งหมดในกองขยะ 42 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสังคมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธญั บุรี
ระยะเวลาการยอ ยสลายของขยะ ชนดิ ของขยะ ระยะเวลา เศษกระดาษ 2 - 5 เดอื น เปลือสม 6 เดอื น ถวยกระดาเคลือบ 5 ป กบหุ รี่ 12 ป รองเทาหนัง 25 – 40 ป โลหะ, กระปองอะลมู เิ นยี ม 80 – 100 ป ถุงพลาสติก 450 ป ผาออมเดก็ ชนิดสาํ เรจ็ รปู 500 ป โฟม ใชเวลานานมาก ระบุไมไ ด ท ีม่ ท า ม่ี :า ศh:รtศthลั pรtาtsัลชp:/าาs/ชแ:s/าลi/tแะseลiนstะe.าgนsงo.สาgoงาogสวolาเegบว.lcเญeบo.จcญmวoจร/mวรsรiณ/tรse iณ/t จekhัน/จkoทันhrงnoทเgrงรnkอ่ืเgaรงkrื่อkaโhงrคkyรโhaคงynกรaiงาcnกรhiาขcuรยhmขะuยใcmนะhใชcuนhุมnชuช/ุมnน(เช/ว)(นบ็ เว)ไ็บซตไซ์ขตอข งอนงานยาวยชิ วาชิชาัยช ัย วิธีการก�ำจดั ขยะมูลฝอย วธิ ีการก�ำจดั ขยะมลู ฝอยแบบผสมผสาน (Integrated solid waste disposal) 1) การเผาในเตาเผา (Incineration) เตาเผาท่ีสามารถเผาขยะชนดิ ต่างๆ ไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ จะไมท่ ำ� ใหเ้ กิดกลน่ิ และควนั รบกวน ไมก่ ่อ ใหเ้ กดิ อากาศเปน็ พิษ ความรอ้ นของเตาเผาขยะทใี่ ช้โดยท่ัวไปคือระหวา่ ง 676 -1100 องศาเซลเซียส, ณ ทคี่ วามร้อน 676 องศาเซลเซยี ส จะชว่ ยท�ำให้กา๊ ซที่เกิดขึ้นจากการเผาขยะถกู เผาไหม้ไดอ้ ย่างสมบูรณ,์ ที่ อุณหภมู ิ 760 องศาเซลเซยี ส จะท�ำใหก้ ารเผาไหม้ไมม่ ีกลิน่ รบกวน อย่างไรก็ตามการก�ำจดั ขยะมูลฝอยโดย วธิ ีน้เี หมาะกบั ขยะตดิ เช้อื บางชนดิ เชน่ ขยะติดเชอื้ จากโรงพยาบาล 2) วิธฝี ังกลบแบบขดุ เปน็ ร่อง (Trend Method) เหมาะสำ� หรับพืน้ ที่ซึง่ เป็นที่ราบ โดยขดุ ดนิ เปน็ ร่องลึก 2-3 เมตร ผนงั ดา้ นขา้ งควรท�ำมมุ 30 องศา กบั แนวระดบั กน้ ร่องควรกวา้ งประมาณ 3-10 เมตร ดนิ ท่ีขดุ ขนึ้ จะกองไวข้ า้ ง ๆ เพอื่ สะดวกใน การน�ำมา ปิดทับหน้าขยะ เมือ่ น�ำขยะมาเทกองในร่อง กใ็ ช้รถแทรกเตอรเ์ กลยี่ และบดอัดขยะใหแ้ นน่ หลงั จากนน้ั ตัก ดินข้าง ๆ มาปดิ ทับ และบดอัดขยะดว้ ยรถแทรกเตอรอ์ กี ครั้ง ดนิ ทน่ี �ำมาบดทบั หน้าขยะหนา 10-15 ซม. สำ� หรับความหนาของดินที่จะใชบ้ ดอดั เพอ่ื ปดิ ทับหนา้ ร่องควรมีความหนา 15-60 ซม. และร่องดินท่จี ะ เตรยี มขนึ้ ใหม่ ควรขุดให้ห่างจากร่องเดิมไมน่ ้อยกว่า 60 ซม. เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสงั คมและชมุ ชน 43 กศน. อ�ำเภอธัญบุรี
3) วิธีฝงั กลบขยะมลู ฝอยแบบกลบบนพืน้ ดนิ (Area Method) เป็นวิธีฝังกลบทเี่ ริม่ จากระดับดินเดิม โดยไม่มีการขุดดนิ โดยบดอัดขยะตามแนวราบก่อน แลว้ คอ่ ย บดอัดทบั ในชนั้ ถัดไปจนถึงระดบั ทก่ี �ำหนดไว้ ท�ำคันดินตามแนวของพื้นท่ีก่อน เพอ่ื ทำ� หน้าทเ่ี ปน็ ผนังหรอื ขอบยนั สามารถป้องกนั นำ้� เสยี ที่เกิดจากการย่อยสลาย ไม่ให้นำ�้ เสีย ซมึ ออกด้านนอก ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ ของพ้นื ทีเ่ ปน็ ทร่ี าบลุม่ หรือทม่ี ีระดับน้ำ� ใตด้ นิ สูงหรอื นำ้� ใตด้ นิ อย่ตู �่ำกว่าผิวดนิ เลก็ น้อย (ไม่เกิน 1 เมตร) ไมส่ ามารถขุดดนิ เพ่อื ก�ำจดั ดว้ ยวธิ กี ลบแบบขดุ รอ่ งได้ เพราะจะท�ำใหเ้ กิดการปนเปือ้ นของนำ�้ โสโครกจาก ขยะต่อน�้ำใต้ดิน 4) การท�ำปยุ๋ หมกั (Composting) การก�ำจัดมลู ฝอยโดยวิธีนีเ้ ป็นวิธีทีน่ ิยมท�ำตอ่ เนอ่ื งกนั มาจนถึงปัจจบุ ัน เพราะประโยชน์ท่ไี ด้คอื ปุย๋ อินทรยี ์ สามารถนำ� ไปใชใ้ นด้านเกษตรกรรม เช่น ใช้เปน็ ปยุ๋ ปลูกตน้ ไม้ไดเ้ ปน็ อย่างดี วิธีการท�ำปุ๋ยหมกั (Composting) คดั แยกเอาขยะทไ่ี มม่ คี ุณค่าทจี่ ะน�ำมาทำ� เปน็ ป๋ยุ ออก เช่น เศษกระปอ๋ ง แกว้ โลหะ และถุงพลาสตกิ ฯลฯเหลอื เฉพาะขยะทส่ี ามารถจะถกู ยอ่ ยสลายโดยเชอ้ื จลุ นิ ทรยี ไ์ ดท้ ำ� ใหข้ ยะเปน็ ชนิ้ เลก็ ๆโดยสง่ เขา้ เครอ่ื งหนั่ บด ขยะจะถกู นำ� ไปเขา้ ถงั หมกั ถา้ เปน็ ระบบใชอ้ ากาศยอ่ ยสลาย จะเปน็ ถงั เปดิ ใหม้ กี ารระบายอากาศเขา้ ออกได้ สะดวก ถังหมักจะเรยี งซ้อนกนั เป็นชั้น ๆ เปน็ แถว ๆ มปี ระมาณ 5 ชั้น โดย ขยะทเ่ี ขา้ มาในคร้งั แรกจะอยู่ ถังช้ันบนสุด เมื่อหมกั ครบ 1 วนั จะถกู พลิกกลบั ถ่ายลงถังซึ่งอย่ใู นชัน้ ลา่ งถัดไปขนาดถงั หมกั ลึกประมาณ 0.90 - 1.20 ม. X 2.5 - 3.0 ม. ดา้ นขา้ งของถงั หมกั จะทำ� เปน็ รโู ดยรอบ เพอื่ ใหม้ กี ารระบายอากาศไดร้ อบถงั จะช่วยใหจ้ ุลินทรียท์ �ำปฏิกิริยาย่อยสลายได้มากท่ีสุด ระยะเวลาของการยอ่ ยสลายโดยระบบท่ีใช้อากาศ (Aerobic Process) นใ้ี ชเ้ วลาประมาณ 5-6 วนั กจ็ ะทำ� ใหเ้ กดิ การยอ่ ยสลายของอนิ ทรยี ส์ ารไดค้ อ่ นขา้ งสมบรู ณค์ วามรอ้ นทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการหมกั จะ ทำ� ให้พวกเชอื้ โรคที่ตดิ มากับขยะหยดุ การเจรญิ เติบโต และตายไปได้ ขยะท่หี มกั โดยสมบูรณน์ ี้ จะมคี วาม ปลอดภยั มากพอท่ีจะนำ� มาใช้เป็นปุย๋ อนิ ทรยี ์อีกวธิ หี น่งึ ท่ีเลอื กใช้ในการหมกั ขยะพวกทมี่ คี วามชืน้ สูง คือ ระบบหมกั ไรอ้ ากาศ (Anaerobic Process) คอื เป็นการหมกั ขยะชนิดทไี มต่ อ้ งใชอ้ ากาศหรือ ออกซเิ จน ในการย่อยสลาย จงึ ต้องหมักในถังปดิ การหมกั ใช้เวลานานกว่าวิธี Aerobic Process ปรกติจะใชเ้ วลา ประมาณ 1-3 เดือน จะยอ่ ยสลายขยะไดส้ มบูรณ์ จึงจะนำ� มาใช้เป็นปยุ๋ อินทรยี ์ได้ เช่นกนั นอกจากจะใชว้ ธิ ีกำ� จัดขยะมลู ฝอยชนิดตา่ ง ๆแล้ว แผนการลดขยะมูลฝอยจากแหลง่ กำ� เนดิ และ การน�ำมูลฝอยกลับไปใชใ้ หม่ จะทำ� ใหแ้ ผนการก�ำจดั มลู ฝอยโดยรวมมีประสทิ ธิภาพเพมิ่ ขึน้ ทีม่ า : https://sites.google.com/site/kayamulfoi/(เว็บไซตข์ องgoogleเร่อื งขยะมูลฝอย) 44 เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบุรี
เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาสังคมและชุมชน 37 กศน. อาํ เภอธัญบรุ ี หนวยการเรียนรูท่ี 3 ความเปนพลเมืองดตี ามวีถปี ระชาธปิ ไตย การจะเปนพลเมืองดตี ามวถิ ปี ระชาธปิ ไตยนั้น ประชาชนจะตองเขาใจและมีวิถีชีวิตในลักษณะ ประชาธิปไตย โดยจะตองอยูรวมกันอยางสันติภาพ สันติสุข และเสรีภาพ คือ ประชาชนในสังคม มีความสงบสุข ปลอดภัยและมีอิสระที่จะกระทําการใดๆ ภายใตขอบเขตกฎหมาย โดยไมลวงละเมิด สิทธิเสรีภาพของผอู ืน่ ลกั ษณะของประชาธิปไตยวามี 3 ลกั ษณะ คอื 1.ประชาธิปไตยในฐานะที่เปนอุดมคติ ซึ่งหมายถึง การมีศรัทธาและความเชื่อมั่นในเหตุผล ความสามารถอสิ รภาพและเสรีภาพของมนุษย 2.ประชาธิปไตยในฐานะทเ่ี ปนระบบการเมือง และวิธีการจัดระเบียบการปกครอง ซ่ึงหมายถึง ระบบการเมืองที่ถือวาอํานาจสูงสุดเปนของประชาชนหรือการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพ่อื ประชาชน 3.ประชาธิปไตยในฐานะท่ีเปนวีถีชีวิต หรือการดําเนินชีวิตประจําวัน ซ่ึงหมายถึง การอยู รวมกันและปฏิบัติตอกันดวยความเสมอภาคในสิทธิและเสรีภาพของสมาชิกทุกคนไมกาวกายในสิทธิ ของผูอ่ืนเคารพกฎเกณฑของสังคม รวมกันรับผิดชอบและทําประโยชนเพ่ือสวนรวม ตลอดจนใช สติปญญาแกปญหาโดยสนั ติวิธี ความหมายของประชาธิปไตย ประชาธิปไตย มาจากคาํ วา ประชา+อธปิ ไตย ตรงกับภาษาอังกฤษวา Democracy ซึ่งมาจาก คําภาษากรีก วา Demukratia อันประกอบดวยคํา 2 คํา คือ demos (ประชาชน) และ Cratos (การปกครอง) ฉะนน้ั ประชาธิปไตย จงึ หมายถึง ประชาชนปกครอง หรอื การปกครองโดยประชาชน ความหมายของประชาธิปไตย ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 หมายถึง “ระบอบการปกครองท่ถี ือมติของปวงชนเปน สวนใหญห รือการถือเสยี งขางมากเปนสวนใหญ” ศ.ดร.กมล ทองธรรมชาติ ไดใหความหมายของประชาธิปไตยวา “ประชาธิปไตยเปนการปกครองของ ประชาชน โดยประชาชนและเพอื่ ประชาชน” สรุปไดวา ประชาธิปไตยนั้นมีความหมายไดสองนัย ไดแก ประชาธิปไตยในการดํารงชีวิตรวมกันของ สมาชิกในสังคม หมายถึง รูปแบบของพฤติกรรมมนุษยที่สอคดลองกับหลักการของประชาธิปไตย และความหมายโดยนัยทางการปกครองในสังคม จะหมายถึง การปกครองที่ประชาชนมีอํานาจ และมีสวนรวมในการปกครองตนเอง ในการกําหนดนโยบายในการปกครองประเทศ โดยคํานึงถึง ประโยชนข องประชาชนโดยสวนรวมเปนหลัก หลกั การสําคญั ของการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย 1. หลักอํานาจอธิปไตยเปนของปวงชน หมายถึง ประชาชนเปนเจาของอํานาจสูงสุดในการ ปกครองประเทศหลกั เสมอภาค ประชาชนทุกคนมคี วามเทาเทยี มกนั ภายใตกฎหมาย ความเทา เทยี มกันทางการเมอื ง เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชมุ ชน 45 กศน. อำ� เภอธญั บุรี
เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพื่อพัฒนาสงั คมและชมุ ชน 38 กศน. อาํ เภอธญั บรุ ี 2. หลักสิทธิ เสรีภาพ และหนาท่ี ไดแก การที่ประชาชนมีอํานาจอันชอบทําในการเปน เจาของทรัพยสิน มีอิสระในการกระทําในขอบเขตของกฎหมายและมีแนวทางปฏิบัติตนที่ เปน อสิ ระภายใตขอบเขตของกฎหมาย 3. หลักนิติธรรม การปกครองในระบอบประชาธิปไตย มีหลักกฎหมายเปนกฎเกณฑและ กติกาของประเทศ คือ การท่ีประชาชนใชกฎหมายเปนหลักในการทํางานเพื่อการอยู รว มกนั อยางสันติสขุ และเกดิ ความยุตธิ รรมในสงั คม 4. หลักการยอมรับเสียงขางมาก คือ การท่ีประชาชนในรัฐใชมติของประชาชนสวนใหญเปน หลักในการทํางาน 5. หลักการใชเ หตุผล คอื การท่ปี ระชาชนใชหลักเหตุผลเปนหลักในการหาขอสรุปเพื่อทํางาน รวมกนั หรือการอยรู วมกัน 6. หลักประนปี ระนอม คอื การทีป่ ระชาชนไมใชความรุนแรงในการแกไขปญหา แตใชการตก ลงรว มกันในการขจัดขอขดั แยงท่ีไมเห็นดว ย 7. หลักการยินยอม คือ การท่ีประชาชนใชวิจารณญาณในการตัดสินใจเปนตัวของตัวเองโดย ปราศจากการบังคับมีความเห็นตรงกันจึงตัดสินใจผานตัวแทนของประชาชนในการ ดาํ เนนิ งานทางการเมืองและการปกครอง ลกั ษณะของสังคมประชาธิปไตย ในสงั คมประชาธปิ ไตย ประชาชนจะปฏบิ ัติตอ กัน ดงั นี้ 1. การเคารพในสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ตามขอบเขตทีบ่ ัญญัติไวในกฎหมาย 2. การใชหลกั เหตผุ ลในการตดั สนิ ปญ หา ขอ ขัดแยง 3. การเคารพในกฎ กติกาของสังคมเพ่อื ความสงบสุขและความเปนระเบยี บเรยี บรอยในสังคม 4. การมีสว นรว มในกจิ กรรมของสวนรวมและสังคม 5. การมีนํา้ ใจเปน ประชาธิปไตย ยอมรบั ฟง ความคดิ เหน็ ของผูอื่น และเหน็ แกประโยชนส ว นรวมมากกวาสว นตน 6. การยดึ มน่ั ในหลกั ความยตุ ิธรรม และการปฏิบตั ิตอ กนั อยางสม่ําเสมอภาคเทา เทียมกนั ของสมาชิกทุกคนในสังคม คณุ ลกั ษณะท่ีสําคญั ของสังคมประชาธิปไตย 1. มีความยดึ ม่นั ในอุดมการณประชาธิปไตย 2. มีการรูจ ักใชปญ ญา เหตุผลในการแกปญ หา 3. รบั ฟง ความคิดเห็นของผูอ ื่น ซ่งึ มเี หตผุ ลและมกี ารประนปี ระนอมกนั ในทางความคิด 4. เคารพในสทิ ธแิ ละการตดั สินใจของผูอืน่ 5. มีความเสยี สละและเหน็ แกประโยชนข องสวนรวมมากกวาสว นตน 6. สามารถทํางานรว มกบั ผอู ื่น 7. ใชเ สยี งขางมากโดยไมละเมิดสิทธเิ สยี งขางนอ ย 8. ยึดถอื หลกั ความเสมอภาคและเทา เทียมกนั ของสมาชิก 9. ปฏบิ ัติตนตามกฎขอ บังคบั ของสงั คม 10. ปฏบิ ัติตนตามหลกั ศีลธรรม ยึดมัน่ ในวัฒนธรรม ประเพณี เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพอ่ื พัฒนาสังคมและชมุ ชน 46 กศน. อ�ำเภอธัญบุรี
เอกสารประกอบกจิ กรรมการศึกษาเพ่อื พัฒนาสงั คมและชมุ ชน 39 กศน. อําเภอธญั บรุ ี 11. รจู กั แกปญ หาโดยสนั ตวิ ธิ ี 12. เปน ผนู าํ และผตู ามท่ดี ี 13. มบี ทบาทสาํ คญั ในการอนุรกั ษส ิง่ แวดลอม ความสาํ คัญของการปฏบิ ัตติ นเปน พลเมอื งดตี ามวถี ปี ระชาธิปไตย 1. ทําใหส ังคมและประเทศชาตมิ กี ารพัฒนาไปอยางมัน่ คง 2. เกดิ ความรักและความสามคั คใี นหมูคณะ 3. สงั คมมีความเปน ระเบยี บ สงบเรยี บรอย 4. สมาชิกทุกคนไดร ับสิทธิ หนาที่ เสรภี าพ จากกฎหมายความเทา เทียมกนั เกิดความเปน ธรรมในสังคม 5. สมาชกิ ในสงั คมมคี วามเออ้ื เฟอเผอ่ื แผแ ละมีนา้ํ ใจตอกนั คุณคาของประชาธปิ ไตยทางการเมือง 1. ประชาชนมสี ทิ ธิในการลงคะแนนเสียงเลอื กต้ังสมาชิกสภาผแู ทนราษฎร 2. ประชาชนมีสทิ ธิท่ีจะเปลี่ยนแปลงตวั ผูป กครองรฐั เม่ือนําการบริหารงานผิดพลาด 3. คุณคาทางเศรษฐกจิ 4. ประชาชนเปน เจา ของปจจัยการผลิตได 5. ประชาชนมีเสรภี าพในการผลติ การบริการ การลงทุนตา งๆ 6. ประชาชนมอี าํ นาจในการซ้อื ขาย แลกเปลย่ี นสินคา 7. ประชาชนไดร ับการคุมครองจากรัฐอยา งเปนธรรมในการรบั บรกิ ารทางเศรษฐกจิ คุณคาทางสังคม 1. ประชาชนมโี อกาสไดร ับความคุมครองจากรฐั ในดานสทิ ธิมนษุ ยชน 2. ประชาชนมีคณุ คาและมีศกั ดศ์ิ รใี นความเปนมนษุ ย 3. ประชาชนมคี วามเทาเทียมกนั ในโอกาสและสทิ ธิในการดําเนนิ ชีวติ ภายใตบ ทบญั ญตั ิ แหง กฎหมาย 4. ประชาชนรจู ักอยูรวมกันโดยสันติวธิ ี 5. ประชาชนรว มมอื กันทํางานเพื่อความสงบสขุ ในรัฐ คณุ ธรรมของการเปนพลเมอื งดีในสังคมประชาธปิ ไตยระดับประเทศชาติ คนดี หมายถึง การเปนคนที่มีคุณธรรม จริยธรรม ตามหลักศีลธรรมและคานิยมท่ีดีงาม ในสงั คม การเปนพลเมืองดีในสงั คมประชาธิปไตยมีความหมายและขอบเขตขอจํากัดมากกวาการเปน คนดีโดยทั่วไป พลเมืองดี นอกจากจะเปนคนท่ีมีคุณธรรม จริยธรรมแลว ยังตองประกอบดวย คณุ ลักษณะของระบบการปกครองตามอดุ มการณทางการเมืองของรัฐน้นั การเปนพลเมืองดีในสังคมประชาธิปไตย หมายถึง การที่พลเมืองมีหลักการดําเนินชีวิตที่มี คุณธรรม จริยธรรม และมีบทบาทในการกระทําท่ีมีคุณลักษณะทางประชาธิปไตยเปนองคประกอบ ท่ีสาํ คญั ในการดาํ เนนิ ชีวิต คุณธรรมของการเปน พลเมืองดีในสังคมประชาธปิ ไตยมดี งั นี้ ความจงรกั ภกั ดีตอชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย หมายถึง การท่ีบุคคลมีความสํานึกถึง ความสําคัญของความเปนคนไทย มีจิตใจฝกใฝศาสนา และตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณ เอกสารประกอบกจิ กรรมการศกึ ษาเพอื่ พฒั นาสงั คมและชมุ ชน กศน. อำ� เภอธัญบรุ ี 47
คุณลักษณะของระบบการปกครองตามอุดมการณทางการเมืองของรัฐนัน้ การเปนพลเมืองดีในสังคมประชาธิปไตย หมายถึง การที่พลเมืองมีหลักการดําเนินชีวิตที่มี คุณธรรม จริยธรรม และมีบทบาทในการกระทําท่ีมีคุณลักษณะทางประชาธิปไตยเปนองคประกอบ ทค่ีสวําาคมัญสํใคานควกัาญามรขจดองาํ งรเกัคนภนิวกัาชมดีวติตีเปอ คนชุณคาธตนริ ไรศทมาเยขสออกนมสงาากีจราิแตปรรลใเะจปะกพฝอน บกพรกะใลิจมฝกเมรหศรอื าามงกกสดาษนรใี ศนัตากึ สรษแิยงั าคลเพหมะอ่ื มปตพาฒัรรยะกนะถชศาหึสงนาังน.ธกคอิปักมาําแไเถรภตลทึงอะยี่ธบพชมญัมุ ุครดีชบคะนงัรุ ลีนมมี้หีคาวการมุณสําานธึกิคถุณึง 40 ของพระมหากษัตริย ปฏิบัติตนในการผดุงรักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริยใหคงอยูคู สังคมไทยตลอดไป การยึดม่ันในหลักธรรมของศาสนาท่ตี นเองนับถือ ทุกศาสนามีหลกั ศลี ธรรมท่ีชวยสรางจติ ใจของ คนใหกระทําดี ไมเ บียดเบียนกัน มีใจเอื้อเฟอ เผือ่ แผแ กกนั สมาชกิ ในสังคมสมควรศรทั ธาในศาสนาท่ี ตนนับถอื แลว ปฏบิ ัตติ ามหลักศลี ธรรมของศาสนาที่ตนนับถืออยา งสมาํ่ เสมอ ความซือ่ สตั ย หมายถึง การกระทําท่ีถูกตอ ง ตรงไปตรงมา ไมยดึ เอาส่งิ ของผูอ่นื มาเปนของตน บุคคลควรซอื่ สัตยต อ ตนเอง คอื กระทําตนใหเ ปน คนดี และบคุ คลควรซอ่ื สตั ยต อ บคุ คลอ่นื ๆ หมายถงึ กระทาํ ดีและถูกตองตามหนาท่ีตอผูอื่น ความเสยี สละ หมายถงึ การคํานงึ ถงึ ประโยชนข องสงั คมสวนรวมมากกวาประโยชนสว นตน และยอมเสียสละประโยชนส ว นตนเพือ่ ประโยชนแ กผอู น่ื และสวนรวม ความรบั ผดิ ชอบ หมายถงึ การยอมรบั การกระทําของตนเองหรอื การทํางานตามหนา ทที่ ่ีไดร ับ มอบหมายใหส ําเรจ็ ลลุ ว ง การมรี ะเบยี บวนิ ัย หมายถงึ การกระทําทถ่ี กู ตอ งตามกฎเกณฑท สี่ งั คมกําหนดไว การตรงตอ เวลา หมายถงึ การทํางานหรอื ทาํ หนาทีท่ ไ่ี ดรบั มอบหมายใหสาํ เรจ็ ลลุ วงทันตรง ตามเวลาทก่ี าํ หนดโดยใชเ วลาอยางคุมคา ความกลา หาญทางจรยิ ธรรม หมายถงึ การกระทาํ ที่แสดงออกในทางท่ีถกู ที่ควรโดยไมเกรง กลัวอทิ ธิพลใดๆ ความกลานไี้ มใชก ารอวดดี แตเ ปน การแสดงออกอยางมีเหตผุ ล เพื่อความถูกตอง ท่ีมา : https://jiab007.wordpress.com (เวบ็ ไซตข องธรรมบชู า) 48 เอกสารประกอบกิจกรรมการศกึ ษาเพ่อื พัฒนาสังคมและชุมชน กศน. อ�ำเภอธญั บุรี
เอกสารประกอบกิจกรรมการศึกษาเพ่อื พัฒนาสังคมและชุมชน 41 กศน. อาํ เภอธญั บรุ ี หนว ยการเรยี นรูที่ 4 การมจี ิตสาธารณะ จติ สาธารณะ การปลูกฝงจิตใจใหบุคคลมีความรับผิดชอบตอตนเองและสังคม เปนการสรางคุณธรรมจริยธรรม ซึง่ เปน เรอ่ื งทีเ่ กดิ จากภายใน \"จิตสาธารณะ\" เปน สิ่งหน่ึงท่ีมีความสําคัญในการปลูกจิตสํานึกใหคนรูจัก เสียสละ รวมแรงรวมใจ มีความรวมมือในการทําประโยชนเพ่ือสวนรวม ชวยลดปญหาที่เกิดข้ึนใน สังคม ชว ยกนั พฒั นาคุณภาพชีวิต เพอ่ื เปนหลักการในการดาํ เนนิ ชีวิต ชวยแกปญหาและสรางสรรคให เกดิ ประโยชนส ขุ แกส งั คม ความหมายของจิตสาธารณะ จิตสาธารณะ หมายถึง จิตสํานึกเพ่ือสวนรวม เพราะคําวา “สาธารณะ” คือ ส่ิงที่มิไดเปนของ ผูหนึ่งผูใด จิตสาธารณะจึงเปนความรูสึกถึงการเปนเจาของในส่ิงที่เปนสาธารณะ ในสิทธิและหนาท่ีที่ จะดแู ลและบํารงุ รักษารว มกัน เชน การชว ยกันดูแลรกั ษาสิง่ แวดลอม โดยการไมท้ิงขยะลงในแหลงนํ้า การดูแลรักษาสาธารณะสมบตั ิ เชน โทรศัพทส าธารณะ หลอดไฟท่ีใหแสงสวางตามถนนหนทาง แมแต การประหยัดน้ําประปา หรือไฟฟาที่เปนของสวนรวม โดยใหเกิดประโยชนคุมคาตลอดจนชวยดูแล รกั ษาใหความชวยเหลือผตู กทกุ ขไดยาก หรือผูท รี่ อ งขอความชวยเหลือเทาที่จะทําได ตลอดจนรวมมือ กระทาํ เพือ่ ชว ยกันแกปญ หา แตตองไมขดั ตอกฎหมาย เพอ่ื รักษาประโยชนส วนรวม จิตสาธารณะเพอ่ื สว นรวม จิตสาํ นกึ เพื่อสวนรวมนนั้ สามารถกระทําได โดยมีแนวทางเปน 2 ลักษณะ ดังน้ี 1. โดยการกระทาํ ตนเอง ตอ งมคี วามรับผดิ ชอบตอ ตนเอง เพอื่ ไมใหเกิดผลกระทบและเกดิ ความเสยี หายตอ สวนรวม 2. มบี ทบาทตอสังคมในการรักษาประโยชนของสวนรวม เพอื่ แกปญหา สรางสรรคส ังคม ซงึ่ ถอื วา เปน ความรบั ผิดชอบตอ ตนเองและสงั คม ความสําคัญของจติ สาธารณะ การท่ีมนุษยในสังคมจะแสดงออกซึ่งการมีจิตสาธารณะนั้นเปนเรื่องท่ียาก หากไมไดรับการ เลี้ยงดูมาแบบสงเสริมหรือเอ้ือตอการเกิดพฤติกรรมการมีจิตสาธารณะ สังคมก็จะเปนไปแบบเห็นแก ตัว คือ ตัวใครตัวมัน ไมสนใจสังคมรอบขางคิดแตประโยชนแหงตนเทาน้ัน ชุมชนออนแอ ขาดการ พัฒนา เพราะตางคนตางอยู สภาพชุมชนมีสภาพเชนไรก็ยังคงเชนน้ัน ไมเกิดการพัฒนา และยิ่งนาน ไปก็มีแตเส่ือมทรุดลง อาชญากรรมในชุมชนอยูในระดับสูง ขาดศูนยรวมจิตใจ ขาดผูนําท่ีนําไปสูการ แกปญหา เพราะคนในชุมชนมองปญหาของตัวเองเปนเร่ืองใหญ ขาดคนอาสานําการพัฒนา เพราะ กลัวเสียทรัพย กลัวเสียเวลา หรือกลัวเปนท่ีครหาจากบุคคลอ่ืน ดังนั้น การศึกษาแนวทางและ ความสําคัญของการมีจิตสาธารณะเพ่ือใหเกิดในจิตสํานึกของเด็กและเยาวชนน้ันเปนเรื่องสําคัญที่เรา ควรกระทํา เพื่อสังคมท่ีนาอยูตอไป และกอใหเกิดความเขมแข็งของสังคม สงผล ให การเมือง เศรษฐกจิ ศลี ธรรมในสังคมนัน้ ดีขึน้ จติ สาธารณะเปน ความรับผิดชอบทีเ่ กดิ จากภายใน คือ ความรูสึกนกึ คิด จิตใตสํานึกตลอดจน คุณธรรมจรยิ ธรรม ซงึ่ อยูในจติ ใจ และเอสกง สผาลรปมราะสกอกู บากรจิ กกรระรมทกําาภรศาึกยษนาเอพกื่อพปัฒญนหาสาังตคามงแลๆะชทุมช่ีเกนดิ ขึน้ จะเห็น กศน. อ�ำเภอธญั บรุ ี 49
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114